ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 16 อวสาน
ภูริชวางสายจากสุกิจ รู้สึกกังวลนิดๆ ยุวรินทร์หิ้วถุงของช้อปปิ้งมาอย่างสบายใจ
“ไปไหนมา”
“ไปช้อปปิ้งน่ะสิ สามีอุตส่าห์แบ่งเงินให้ใช้ ก็ควรจะใช้ให้สะใจ”
ภูริชมองยุวรินทร์หมั่นไส้
“ไม่เข้าใจว่า ตอนนั้นผมคิดยังไงถึงแต่งงานกับคนอย่างคุณ”
ยุวรินทร์ยิ้มเยาะกวนๆ
“คิดถูกยังไงล่ะ จะหาเมียที่ไหนประเสริฐเท่าฉัน ที่รู้ว่าสามีเป็นคนยังไงแต่ก็ยังรับได้ แถมช่วยปกปิดความลับด้วย”
ภูริชได้ยินก็โมโห
“ไปเลยไป จะทำอะไรก็ไปทำ”
ยุวรินทร์หันมายิ้มเยาะ
“งั้นฉันไปลองชุดใหม่ดีกว่า”
ยุวรินทร์เดินร่าเริงขึ้นบ้านไป ภูริชเครียด กังวลถึงเรื่องสุกิจ
“มันจะมาหาเราทำไมวะ”
น่านฟ้าอยู่ในห้องคนไข้ เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าชุดเดิม เดินออกมาจากห้องน้ำ มัศยาและสุกัญญานั่งรออยู่
“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยตาน่าน จะได้กลับบ้านกัน”
“ครับแม่ คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง”
สุกัญญาลูบหัวน่านฟ้าอย่างสงสาร
“ฟาดเคราะห์ไปละกันนะน่าน หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องอีกแล้วนะ”
“ถ้าคุณน่านไม่หาเรื่องเองก็คงไม่มีแล้วล่ะค่ะ”
น่านฟ้าหันขวับมายิ้มให้มัศยา หมั่นไส้ๆ นิด
“ว่าแฟนแบบนี้ได้ไงจ๊ะยาหยี ถ้าจะมีเรื่องอีก ก็คงมีแต่เรื่องระหว่างเราแล้วล่ะจ้ะ”
สุกัญญาเบ้หน้าหมั่นไส้มาก
“ไปๆ กลับกันดีกว่า แม่เลี่ยนจะแย่แล้ว”
น่านฟ้าโอบสุกัญญาและมัศยาออกไป
สุกิจเดินเข้ามาหน้าบ้านภูริช ภูริชกุลีกุจอมาต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณสุกิจ”
สุกิจมองภูริชหน้านิ่ง จนภูริชคาดเดาแทบไม่ออก
“นี่ผมตื่นเต้นมากเลยนะครับที่รู้ว่าคุณสุกิจจะมา”
“แกตื่นเต้นไม่เท่าฉันหรอกภูริช”
ภูริชทำหน้าไม่ถูก
“เอ่อ งั้นเชิญข้างในดีกว่าครับ”
ภูริชรีบเดินนำสุกิจเข้าบ้านไป สุกิจเดินตามเข้าไปข้างในอย่างเคียดแค้น ภูริชพยายามเอาใจ
“คุณสุกิจดื่มอะไรดีครับ”
“ไม่ต้อง ฉันแค่จะมาคุยกับแก”
ภูริชสะอึกนิดๆ
“อ่อครับ งั้นคุณสุกิจจะคุยอะไรเหรอครับ”
สุกิจหยิบสเตทเมนท์บัญชีและเอกสารบัญชีออกมาวางตรงหน้าภูริช
“บอกฉันมาซิว่าเงินบริษัทมันหายไปไหน รวมทั้งเงินค่าเครื่องจักรที่ฉันจ่ายไปแล้วด้วย”
ภูริชสะอึกนิดๆ แต่ก็แกล้งทำเป็นใจดีสู้เสือ
“โถ่ นึกว่าอะไร ก็ผมเรียนคุณสุกิจไปแล้วไงครับว่า เป็นฝีมือไอ้น่านฟ้า”
สุกิจตวาดใส่ภูริชทันทีด้วยความโมโห
“โกหก ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว คิดว่าฉันโง่รึไงถึงจะดูไม่รู้ว่าไอ้ตัวเลขในบัญชีที่แกเมคขึ้นกับยอดเงินในสเตทเมนท์มันคนละยอดกัน เงินฉันหายไปไหนเป็นล้านๆ”
ภูริชหน้าเสีย
“ก็ไอ้น่าน”
“หุบปากไปเลยไป ไอ้น่านมันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แกต่างหากที่ยักยอกเงินบริษัทฉัน”
ภูริชตกใจกว่าเดิม
“ไม่จริงนะครับ นี่คุณสุกิจต้องถูกใครเป่าหูมาแน่ๆ”
สุกิจเข้าไปคว้าคอเสื้อภูริชทันที
“แกมันเลวมากภูริช ฉันดูแลแกดีมาตลอด ช่วยส่งเสริมจนแกมีตำแหน่งสูงในมีโชค แล้วนี่เหรอ คือสิ่งที่แกตอบแทนฉัน”
ภูริชโมโห ผลักสุกิจออกเต็มแรง
“ดูแลดีเหรอ จิกใช้ยิ่งกว่าเบ๊ล่ะไม่ว่า ขนาดฉันมาคุมโรงงานให้แก แกยังไม่คิดจะแบ่งหุ้นให้เลยสักเปอร์เซ็นต์ คนอย่างแกมันก็ดีแต่เอาเปรียบคนอื่นล่ะวะ”
สุกิจเดือดขึ้น
“แก ไอ้ภูริช”
สุกิจเข้าไปต่อยภูริชจนหงายล้มลงกับพื้น ข้าวของร่วงลงพื้นแตกกระจัดกระจาย ภูริชพยุงตัวเองขึ้นมา
“คิดว่าฉันจะยอมแกฝ่ายเดียวเหรอวะ”
ภูริชลุกขึ้นมาต่อยหน้าสุกิจ สุกิจโมโหสู้กับภูริชอย่างเอาเป็นเอาตาย ยุวรินทร์ลองชุดใหม่อยู่ ได้ยินเสียงโครมครามข้างล่างก็ชะงัก แปลกใจ
“เสียงอะไร”
ยุวรินทร์รีบออกจากห้องไปทันที
สุกิจขึ้นคร่อมต่อยภูริช จนนิ่งไป ยุวรินทร์ลงบันไดมาเห็นเข้าก็ตกใจกรีดร้อง
“อ๊าย”
สุกิจชะงักทันที ลุกขึ้นชี้หน้าด่ายุวรินทร์
“นี่ฉันแค่สั่งสอนนะ ถ้าแกไม่เอาเงินมาคืนฉัน ฉันจะฆ่าแกไอ้ภูริช”
ยุวรินทร์รีบเข้ามาดูภูริช
“คุณ คุณ”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา สุกิจเดินไปที่ประตู ยุวรินทร์เอามือจับหลังภูริชเห็นว่าเลือดเต็มมือ ยุวรินทร์ตกใจพลิกตัวภูริชมาดู เห็นเศษขวดแก้วปักกลางหลังภูริช ยุวรินทร์ตกใจสุดขีด ตะโกนด่าสุกิจ
“แก ไอ้ฆาตกร”
สุกิจชะงักหันมาเห็นภูริชแน่นิ่งก็ตกใจ ช็อค เขารีบกลับไปที่รถ นั่งนิ่ง ตกใจมาก แล้วรีบสตาร์ทรถขับออกไปทันที
วิภาเปิดตู้เซฟตัวเองออกมา หยิบกล่องใส่เครื่องประดับกล่องหนึ่งมาดู เป็นชุดเครื่องเพชรเล็กๆน่ารัก เธอมองยิ้มๆ แล้วโทรศัพท์ไปหามัศยา มัศยาคุยโทรศัพท์ด้วยความแปลกใจ
“คุณท่านจะให้ดิฉันไปหาที่บ้านพรุ่งนี้เช้าเหรอคะ”
วิภาคุยไปยิ้มไป
“ใช่ ฉันมีของจะให้ ว่าจะเอาไปให้เธอที่ออฟฟิศแต่เพิ่งนึกได้ว่าพรุ่งนี้วันเสาร์ เธอมาหาฉันที่บ้านได้มั้ย”
“ได้ค่ะคุณท่าน เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าดิฉันเข้าไปนะคะ”
วิภาวางสาย ยิ้มพอใจ
สุกิจกลับมาบ้านอย่างตื่นตระหนก อนงค์นั่งดูทีวีอยู่หันมามองสามีอย่างแปลกใจ
“ไปไหนมาเหรอคะ ทำไมกลับดึกจัง”
สุกิจไม่พูดอะไร รีบเดินเข้าไปในบ้านทันที อนงค์มองอย่างสงสัย รีบลุกตามไป สุกิจรีบค้นดูสมุดบัญชีธนาคาร อนงค์เห็นแล้วตกใจ
“มีอะไรเหรอคะ”
สุกิจหันมามองหน้าอนงค์ ตวาดใส่
“เธอมีเงินสดติดตัวเท่าไหร่”
อนงค์ตอบกลับไปอย่างกลัวๆ
“มีไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะฉันให้คุณไปทำโรงงานหมดแล้ว”
สุกิจหงุดหงิด เปิดลิ้นชักหยิบปืนขึ้นมา อนงค์ตกใจ
“คุณจะทำอะไรคะ เอาปืนไปทำไม”
“อย่ายุ่ง”
สุกิจรีบเดินออกไป
“เดี๋ยวสิคะ คุณจะไปไหน”
“คืนนี้ผมไปนอนข้างนอกนะ แล้วถ้าใครโทรมาห้ามให้เบอร์ติดต่อผมเด็ดขาด”
สุกิจเดินออกไปทันที อนงค์มองด้วยความกังวล สุกิจไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม ได้เงินมาไม่กี่หมื่น ทันใดนั้นรถมอเตอร์ไซค์สายตรวจขี่ผ่านมา เขาตกใจรีบไปที่รถ เปิดประตูเข้าไปในรถ นั่งขดตัวกอดพวงมาลัยรถแน่นกลัวความผิด
ตอนเช้า สุกัญญาจัดโต๊ะอาหารอยู่ น่านฟ้าเดินผิวปากอารมณ์ดีลงมาหาแม่
“อรุณสวัสดิ์ยามเช้าครับแม่”
สุกัญญาหันมามองน่านฟ้าแปลกใจ
“แปลกจริง วันนี้วันเสาร์แต่ลูกชายแม่ตื่นแต่เช้าเลยนะ”
“ผมว่าจะรับหยีไปเที่ยวครับแม่ เห็นทำแต่งานตลอด”
“หายดีแล้วเหรอเรา ถึงจะออกไปร่อนแต่เช้าเลย”
“น่านฟ้าซะอย่าง แค่นี้สบายมากครับ”
“ย่ะ แล้วก็อย่าไปก่อเรื่องอีกล่ะ แม่ล่ะเบื่อจริงๆ กับพฤติกรรมแกเนี่ย”
“คร้าบ เข็ดแล้วคร้าบแม่ ว่าแล้วก็โทรหาแฟนดีกว่า”
น่านฟ้าหยิบโทรศัพท์กดโทรออกทันที
“ฮัลโหลยาหยีจ๋า ผมกำลังไปรับนะ หะ แม่ใหญ่ให้ไปหาเหรอ โอเค งั้นเสร็จธุระแล้วบอกผมนะ”
น่านฟ้ากดวางสายแปลกใจ
“แม่ใหญ่นี่ใช้งานแฟนหนักเกินไปแล้วนะเนี่ย วันเสาร์ยังเรียกไปใช้งานแต่เช้า”
“แม่ใหญ่อาจจะมีธุระอื่นก็ได้”
น่านฟ้ายักไหล่ไม่รู้
“งั้นขอข้าวผมด้วยครับแม่”
“จ้า พ่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวน”
สุกัญญายิ้มให้
วิภาเดินลงบันไดบ้านมา ได้ยินเสียงรถหน้าบ้านก็รีบเดินไปที่ประตูทันที สุกิจเดินเข้ามาหาด้วยความตกใจกลัว วิภาเห็นน้องชายก็ชะงัก
“อ้าว แกเองเหรอ ฉันนึกว่ามัศยาซะอีก”
สุกิจรีบเข้ามาคว้ามือวิภาทันที
“พี่วิภา พี่ต้องช่วยผมนะ”
“ช่วยอะไร เรื่องเจ้าน่านน่ะเหรอ”
“เปล่า คือผม ผมฆ่าคนตาย”
วิภาตกใจมาก
“ว่าไงนะ แกฆ่าใครตาย”
สุกิจหลอนๆ กลัวความผิดมาก
เวลาเดียวกันนั้น รถตำรวจมาจอดหน้าบ้านสุกิจ อนงค์เดินออกมา ตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ขอพบคุณสุกิจด้วยครับ”
อนงค์กังวลมาก
วิภาตวาดใส่สุกิจด้วยความโมโห
“ทำไมแกถึงได้ทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้”
“ผมไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ”
“แต่นี่เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ก็ฉันบอกให้แกมอบตัวแต่แรก ทำไมแกไม่เชื่อฉัน”
“ไม่ คนอย่างผมไม่มีทางยอมติดคุกเด็ดขาด แต่ตอนนี้ผมต้องหนี พี่ช่วยผมด้วยนะ”
“แล้วแกจะหนีไปไหน แกคิดว่าแกจะหนีพ้นเหรอ”
“มีเงินมันก็หนีพ้นทั้งนั้นแหละ ถ้าพี่ยังเห็นผมเป็นน้องพี่ต้องช่วยผม”
วิภาเครียดจัดไม่รู้จะทำอย่างไรดี ในที่สุด เธอตัดสินใจเปิดตู้เซฟออกมา หยิบห่อกระดาษสีน้ำตาลซึ่งมีเงินสดอยู่ในนั้นยื่นให้สุกิจ
“นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะช่วยแกแบบผิดๆ จากที่ฉันเลี้ยงแกแบบผิดๆ มาทั้งชีวิต”
สุกิจรีบคว้าซองกระดาษมาจากมือวิภา เปิดดึงเงินสดออกมาดู
“มีเท่านี้เองเหรอพี่”
“สองล้านยังไม่พออีกเหรอ”
“โอเคๆ เท่านี้ก็เท่านี้”
สุกิจรีบเดินออกไป
“เดี๋ยว แล้วนี่แกจะไปไหน”
“ไม่รู้ แต่ผมไม่ยอมติดคุกแน่นอน”
สุกิจรีบเดินออกจากห้องทันที วิภาเข่าอ่อนทรุดลง เครียดมาก
มัศยาจอดรถที่หน้าบ้านวิภา กำลังลงจากรถ ก็เห็นสุกิจเดินออกมา เธอชะงัก ไม่ไว้ใจ
“คุณสุกิจ”
ทันใดนั้นรถตำรวจแล่นมาจอดหน้าบ้านวิภา สุกิจช็อคหันไปเห็นมัศยาก็ควักปืนขึ้นมาแล้วปราดเข้ามาจับตัวมัศยาไว้พร้อมเอาปืนขู่
“อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นแกตาย”
ตำรวจลงจากรถ เล็งปืนมาที่สุกิจ
“ปล่อยตัวประกันเดี๋ยวนี้”
“ใครขวางฉัน อีนี่ตาย”
ตำรวจหันมาพยักหน้ากันให้หลีกทางให้สุกิจ สุกิจผลักมัศยาขึ้นรถ
“ขึ้นรถ แล้วขับไปตามที่ฉันสั่ง”
มัศยาจำใจต้องเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ วิภาเดินออกมาเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ
“สุกิจ แกทำอะไร”
สุกิจขึ้นรถ มัศยาขับรถออกไปทันที วิภาเครียด ทำอะไรไม่ถูก รีบโทรศัพท์ไปหาน่านฟ้า น่านฟ้าคุยโทรศัพท์ ตกใจมาก
“ว่าไงนะครับแม่ใหญ่ ครับๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
น่านฟ้าวางสาย สุกัญญาหันมาถาม
“เกิดอะไรขึ้นเหรอตาน่าน!!!"
มัศยากำลังขับรถ ขณะที่สุกิจใช้ปืนขู่
“มอบตัวเถอะค่ะคุณสุกิจ อย่าทำแบบนี้เลย ยังไงคุณก็หนีไม่พ้นหรอก”
สุกิจตวาดใส่มัศยาด้วยความโมโห
“หุบปากไปเลยนังตัวดี เพราะแกกับไอ้น่านที่ทำให้ชีวิตฉันเป็นแบบนี้”
“ฉันกับคุณน่านไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ โดยเฉพาะคุณน่านเขารู้มาตลอดว่าคุณทำร้ายเขายังไง แต่เขาก็ยังช่วยเหลือคุณ”
“ฉันไม่ต้องการ คนอย่างฉันมีความสามารถพอ ไม่ต้องง้อไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างมันหรอก”
“แต่ว่า”
“เงียบ ถ้าขืนยังพูดมาก ฉันยิงกรอกปากเธอจริงๆ ด้วย ขับไปเร็วๆ”
มัศยาขับรถไปอย่างกลัวๆ ระหว่างนั้นเธอเห็นรถตำรวจแล่นตามมา จึงครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
น่านฟ้าขับรถด้วยความเร็วสูง ร้อนใจมาก สักพักเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารีบกดรับทันที
“ครับแม่ใหญ่”
“แกอยู่ไหนแล้วน่าน”
“ผมกำลังรีบไปครับ เอ่อ แม่ใหญ่ครับ ตำรวจบอกรึเปล่าว่าอาสุกิจพาหยีไปที่ไหน”
“งั้นรอเดี๋ยวนะ ฉันเช็คกับทางตำรวจให้”
วิภาวางสาย น่านฟ้าเร่งคันเร่งเต็มที่
มัศยากำลังขับรถอยู่ ขณะที่ด้านหลังมีเสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้นตลอด สุกิจมองไปด้านหลังด้วยความกังวล
“ขับให้มันเร็วๆ หน่อยไม่ได้รึไง”
“รถฉันเครื่องไม่แรง ได้เท่านี้แหละค่ะ”
สุกิจหงุดหงิดฮึดฮัด
“เชื่อฉันเถอะค่ะ มอบตัวเถอะ”
“บอกแล้วไงว่าให้หุบปาก”
สุกิจเครียดจัด นั่งไม่ติด ทันใดนั้น มัศยาตัดสินใจหักพวงมาลัยรถไปข้างทาง สุกิจผงะหัวกระแทกกระจก มัศยาจอดรถแล้วตัดสินใจผลักประตูออก พุ่งตัวออกไปทันที สุกิจตกใจทำอะไรไม่ถูก กระชับปืนแน่นเปิดประตูตามลงไป มัศยาลุกขึ้นตั้งหลักได้ก็วิ่งหนี สุกิจเล็งปืนไปทางมัศยา
“หยุดนะนังตัวแสบ”
สุกิจลั่นไก มัศยารีบหลบกระสุนแล้ววิ่งหนีต่อ รถตำรวจแล่นมาจอด มัศยาวิ่งไปหาตำรวจ หลบหลังรถตำรวจพ้นกระสุนแบบฉิวเฉียด สุกิจตกใจ ระหว่างนั้น รถของน่านฟ้าก็แล่นเข้ามาจอด มัศยาเห็นรถน่านฟ้า
“คุณน่าน”
น่านฟ้าเปิดประตูลงจากรถ รีบเกลี้ยกล่อมสุกิจ
“อาสุกิจ ทิ้งปืนแล้วมอบตัวเถอะครับ”
สุกิจหันไปเห็นน่านฟ้าก็โมโห
“ไม่ เพราะแกคนเดียวไอ้น่าน ถ้าแกไม่มาเป็นประธานบริษัท ฉันก็ไม่ต้องทำแบบนี้”
“ถ้าอาสุกิจอยากได้ตำแหน่ง ผมยกให้ก็ได้ แต่ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ทิ้งปืนซะเถอะ”
สุกิจมองตำรวจซึ่งตั้งป้อมกระชับปืนเล็งมาที่เขา
“แกคิดว่าฉันจะเชื่อแกเหรอไอ้น่าน ฉันเป็นใคร แล้วแกเป็นใคร”
“ผมจะหาทนายเก่งๆ มาช่วยอาครับ ขอร้องล่ะครับ มอบตัวเถอะ”
สุกิจกวาดตามองรอบๆ ในสภาพที่ตัวเองจนมุม เขาตัดสินใจเล็งปืนไปที่น่านฟ้า แล้วลั่นไกเปรี้ยง น่านฟ้าล้มลงทันที เอามือกุมท้อง มัศยาตกใจสุดขีด
“คุณน่าน”
สุกิจทิ้งปืนลงแล้วยกมือขึ้นมอบตัว ตำรวจกรูกันเข้ามารวบตัวสุกิจไว้ มัศยาวิ่งเข้าไปประคองน่านฟ้าขึ้นมากอดแน่น ร้องไห้เสียใจ
“คุณน่าน คุณอย่าตายนะ ฉันรักคุณ ฉันขาดคุณไม่ได้นะ”
น่านฟ้าสบตามัศยาทำท่าเหมือนจะตายให้ได้
“หยี”
“ฉันรักคุณ ได้ยินมั้ยว่าฉันรักคุณ”
“หยี”
“คุณต้องอยู่กับฉันนะคุณน่าน”
“หยี ปล่อยผมเถอะ ผมหายใจไม่ออก”
มัศยาชะงักผละจากน่านฟ้า น่านฟ้าเปิดเสื้อออกมาเห็นว่าหัวเข็มขัดรับกระสุนแทน
“คุณพระคุณเจ้าช่วย ดีนะโดนหัวเข็มขัด”
มัศยาดีใจมาก ดึงน่านฟ้ามากอดอีกที
“ดีใจจริงๆ ที่คุณไม่เป็นไร”
น่านฟ้าเบ้หน้าเหยเก
“นี่คนกอดหรือหมีตะปบจ๊ะที่รัก จะแรงเยอะไปไหน”
มัศยาตีๆ น่านฟ้า
“ว่าฉันเหรอ นี่แน่ะๆ”
น่านฟ้าหัวเราะชอบใจ
ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
วิภานั่งอยู่ที่บ้าน เครียดมาก สุกัญญากุมมือให้กำลังใจ
“อย่าคิดมากนะคะคุณพี่ อย่างน้อยคุณสุกิจก็ปลอดภัย”
วิภาร้องไห้ด้วยความผิดหวังและเสียใจมาก
“เพราะฉันเอง ฉันเลี้ยงน้องไม่ดี สุกิจมันถึงได้เป็นแบบนี้”
“ไม่จริงหรอกค่ะ คุณพี่ดูแลคุณสุกิจมาดีแล้ว แต่การที่เขาทะเยอทะยานอยากมีอยากได้ นี่ต่างหากที่มันทำร้ายตัวเขาเอง”
วิภามองสุกัญญาเศร้าๆ
“ผิดกับเธอที่ฉันกับคุณโชคไม่เคยสนใจไยดี แต่สุดท้ายเธอกับลูกคือคนที่ช่วยฉันทุกอย่าง”
“เพราะเราคือครอบครัวเดียวกันค่ะคุณพี่ อย่าคิดมากนะคะ เดี๋ยวจะพลอยไม่สบายไป”
น่านฟ้ากับมัศยาเดินเข้ามา วิภาหันมาถาม
“เป็นไงบ้างตาน่าน”
“ตำรวจไม่ให้ประกันตัวครับ เพราะว่าอาสุกิจเพิ่งก่อคดีฆ่านายภูริชด้วย”
วิภาถอนหายใจเศร้าๆ
“งั้นก็คงต้องยอมให้สุกิจรับกรรมในสิ่งที่มันทำไว้”
มัศยาและน่านฟ้าถอนหายใจซึมๆ เห็นใจวิภามาก
ที่บริษัทมีโชค วิภายื่นกล่องเครื่องประดับที่เตรียมไว้ให้มัศยา มัศยารับมา งงๆ
“คุณท่านให้ดิฉันเหรอคะ”
“ใช่ ฉันตั้งใจให้เธอ เปิดดูสิว่าชอบมั้ย”
มัศยาเปิดกล่องออกมาเห็นเป็นสร้อยเพชรเส้นเล็กๆ น่ารัก ก็ตกใจ
“ดิฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะคุณท่าน มันมีค่ามากเกินไป”
“อย่าปฏิเสธผู้ใหญ่สิมัศยา ที่ฉันให้เธอเพราะฉันเอ็นดูเธอเหมือนลูกเหมือนหลาน รับไว้ซะ”
มัศยายกมือไหว้วิภาด้วยความซึ้งใจ
“ขอบคุณนะคะคุณท่าน ดิฉันจะเก็บรักษาไว้อย่างดีค่ะ”
“เก็บของที่ฉันให้เป็นอย่างดีแล้ว อย่าลืมรักษาเจ้าน่านไว้อย่างดีด้วยนะ ฉันคงเสียดายมากถ้าเธอสองคนไม่ได้ลงเอยกันในที่สุด เพราะฉันเองก็ไม่เห็นใครจะเหมาะสมกับตาน่านเท่าเธออีกแล้ว”
มัศยายิ้มรับอายๆ
“ขอบคุณคุณท่านมากค่ะที่ไม่รังเกียจพนักงานคนหนึ่งอย่างดิฉัน”
“เธอน่ะ มีดีมากกว่าที่เธอคิดอีกนะมัศยา ฉันมันคนพูดจาหวานๆ แบบใครไม่เป็น แต่ฉันอยากให้เธอจำไว้ว่า ไม่ว่ายังไง ฉันยินดีต้อนรับเธอในฐานะสะใภ้ของมีโชคเสมอ”
มัศยายิ้มปลื้ม
ต๋องกำลังเอาหูแนบประตูห้องวิภา แอบฟังด้วยความสนใจ น่านฟ้าเดินผ่านมาก็ชะงัก
“ไอ้ต๋อง ฟังอะไรอยู่”
“ฟังคุณท่านจีบเจ๊หยีเป็นลูกสะใภ้ครับคุณน่าน”
น่านฟ้าสนใจกว่าเดิม
“ว่าไงนะ ไหนฉันฟังมั่งซิ”
น่านฟ้าเอาหูแนบประตูด้วยอีกคน พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา ยืนเก้ๆ กังๆ น่านฟ้าหันมาเห็นก็ชะงัก เก๊กมาดประธานขึ้นมาทันที
“มีอะไรเหรอ”
“มีคนมาขอพบท่านประธานค่ะ”
น่านฟ้าชะงักแปลกใจ
น่านฟ้าเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา แปลกใจ เมื่อเห็นแอนนายืนอยู่
“น่านคะ”
แอนนาปราดเข้ามากอดน่านฟ้าแกล้งทำออเซาะ น่านฟ้าตกใจรีบผละออก
“อะไรเนี่ยแอน คุณมาที่นี่ทำไม”
“แอนอยากมาขอโทษคุณกับเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นค่ะ”
น่านฟ้ามองแอนนาอย่างไม่ไว้ใจ
ต๋องเดินเครียดเป็นหนูติดจั่นอยู่หน้าห้องทำงานวิภา สักพักประตูเปิดออกมา มัศยาถือกล่องเครื่องประดับออกมา หน้าระรื่น ต๋องปราดเข้ามาหาทันที
“เจ๊ๆๆ เกิดเรื่องอีกแล้ว”
มัศยาชะงัก
“มีอะไรเหรอต๋อง”
ต๋องเข้าไปกระซิบข้างหูมัศยา ทันทีที่ได้ฟัง มัศยาตาโต โมโหมาก
แอนนากอดแขนน่านฟ้าออเซาะ แต่น่านฟ้าพยายามแกะออก
“พอเถอะแอน ผมไม่อยากมีปัญหากับหยีอีกแล้ว แค่คราวที่แล้วผมก็ทำเขาเสียใจแทบแย่”
“ช่วยไม่ได้ อยากโง่เชื่อแอนเองนี่”
ประตูเปิดผางเข้ามาทันที
“เธอว่าใครโง่”
น่านฟ้าเห็นมัศยาก็หน้าเหวอออกอาการกลัวขึ้นมาทันที
“หยีจ๋า คือว่าน่าน”
“หยุด คุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ฉันทนยัยนี่มามากพอแล้ว ถึงเวลาเช็คบิลสักที”
ต๋องเดินเข้ามาแอบติดตามสถานการณ์ มัศยาเข้าไปถามแอนนาตรงๆ
“ตกลงเธอจะเอาไง”
“ไม่เอาไง ฉันมาหาน่าน ไม่ได้มีธุระอะไรกับเธอ”
“แต่คุณน่านน่ะแฟนฉัน เธอจะมายุ่งกับแฟนฉันทำไม”
“ฉันพอใจ ในเมื่อเธอยังมาแย่งน่านไปจากฉัน ฉันก็จะทำทุกทางเพื่อทวงของๆ ฉันคืน”
“คุณน่านเขาไม่ใช่ของ แล้วเขาก็เลือกฉัน ส่วนเธอน่ะ ถ้าอดอยากปากแห้งนัก เดี๋ยวฉันช่วยหาแฟนให้เอามั้ย ไอ้ต๋องนี่ก็ได้ เดี๋ยวฉันแนะนำให้”
ต๋องสะดุ้งโหยง ส่ายหน้าปฏิเสธยิกๆ แอนนาโมโห เอาเรื่องมัศยา
“นี่มันจะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ”
ต๋องได้ยินก็ยั้ว
“อ้าวๆๆ ทำไม หะ คบกับผมแล้วทำไม คิดว่าผมจะสนใจผีเสียบไม้อย่างคุณเหรอคุณนางแบบ ถึงผมจะหล่อไม่เท่าคุณน่านแต่ผมก็เลือกนะเฟ้ย”
มัศยาพยักหน้าเห็นด้วย น่านฟ้าปราดเข้าไปหามัศยา
“เอ่อ หยีจ๊ะ น่านว่า”
“หยุด บอกแล้วไงว่าฉันจะจัดการเอง ตกลงจะเลิกยุ่งกับแฟนฉันมั้ย”
“ไม่”
“หูย สาบานว่านั่นหน้า ไม่ใช่พื้นคอนกรีต อะไรจะหนาได้ขนาดนั้น”
“นี่เธอว่าฉันหน้าด้านเหรอยัยมนุษย์ป้า”
แอนนาปราดเข้ามาตบหน้ามัศยา น่านฟ้ากับต๋องตกใจมาก มัศยาเอามือลูบแก้มแค้นๆ หันมามองแอนนา แล้วกำหมัดขึ้นมา น่านฟ้ากับต๋องตกใจแทบทนเห็นภาพสยดสยองนี้ไม่ได้ มัศยาต่อยหน้าแอนนา แล้วจับบิดลงไปกองกับพื้น
“โอ๊ย เจ็บนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะยัยซาดิสม์”
“บอกมาซิว่าจะยอมเลิกยุ่งกับแฟนฉันมั้ย ยอมมั้ย”
แอนนาโดนบิดแขนก็หน้าตาเหยเกเจ็บมาก
“โอ๊ย ยอมแล้ว ยอมแล้ว”
มัศยายอมปล่อยแอนนา แอนนาลุกพรวดขึ้นมา หันไปเอาเรื่องน่านฟ้า
“น่านคะ ทำไมน่านปล่อยให้ยัยนี่มารังแกแอนแบบนี้”
“ก็คุณเริ่มก่อนนี่แอน จะให้ผมช่วยยังไง ผมว่าแอนเลิกยุ่งกับผมเถอะ เพราะยังไงผมก็รักแฟนผม ไม่มีทางกลับไปคบแอนแน่ๆ”
ต๋องชูนิ้วโป้งทันที
“ไลค์เลย”
แอนนามองน่านฟ้าด้วยความเจ็บใจ
“จำไว้นะน่าน ว่าคุณทำอะไรไว้กับแอนบ้าง”
แอนนากระทืบเท้าเดินออกไป ต๋องรีบเข้ามาชูมือมัศยาขึ้น
“และผู้ชนะของเราก็คือ เจ๊หยี ณ มีโชค”
ตอนกลางวัน น่านฟ้ากับมัศยามากินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหาร น่านฟ้าตักอาหารใส่ปากอย่างกลัวๆ-มัศยามองค้อน
“หวังว่าต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้อีกนะ ฉันเบื่อจริงๆ ที่ต้องมาคอยตามล้างตามเช็ดกับผู้หญิงของคุณ”
“ผู้หญิงของผมที่ไหน ผมเลิกหมดแล้วนะจะบอกให้ ตอนนี้ผมรักเดียวใจเดียวแค่หยีคนเดียวเท่านั้น”
“ก็ขอให้จริงแล้วกัน”
น่านฟ้ายิ้มรับหน้าทะเล้น สักพักมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินผ่านมา น่านฟ้าเผลอมองตามเหลียวหลังอย่างลืมตัว มัศยาหยิบช้อนปาใส่หัวน่านฟ้าทันที น่านฟ้าเอามือลูบหัว จ๋อยๆ
“เนี่ยนะรักเดียวใจเดียว”
“ล้อเล่นน่า มีแฟนสวย น่ารัก อ่อนโยน ขนาดนี้ ใครจะไปมองคนอื่น จริงมั้ยจ๊ะ”
มัศยามองค้อน หมั่นไส้
ที่สวนผักป้ามะลิ ปารณกำลังรดน้ำแปลงผักอยู่ นิรชาเดินเข้ามา ถือน้ำและอาหารเข้ามาด้วย
“คุณเป้คะ พักทานข้าวก่อนเถอะค่ะ”
ปารณรีบวางที่รดน้ำผัก เดินเข้ามาหานิรชาทันที
“ดีเลยที่เธอมา กำลังหิวแสบไส้เลย”
ปารณรีบนั่งลง เปิดปิ่นโตตักข้าวใส่ปากอย่างหิวโหย นิรชากวาดตามองรอบๆ
“ยายไม่ได้หาข้าวให้คุณทานเลยเหรอคะ”
“ก็มีบ้าง แต่วันนี้ยังไม่เห็นเลย”
นิรชามองปารณอย่างสงสาร
“ความจริงคุณไม่เห็นต้องทนลำบากขนาดนี้เลย”
“ไม่ลำบากหรอก ฉันว่าสนุกดีออก เกิดมาก็เพิ่งเคยใช้ชีวิตแบบนี้ ลองดูสักทีก็ดีเหมือนกัน”
นิรชาถอนหายใจกับความรั้นของปารณ ระหว่างนั้น ป้ามะลิแอบมองอยู่ ยิ้มพอใจ
ตอนค่ำ ป้ามะลินั่งนวดแป้งอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงปารณและนิรชาเดินเข้ามาก็ชะงัก รีบลุกพรวดทันที ทำหน้าหงุดหงิด ทั้งสองเดินเข้ามาในบ้าน พอเห็นป้ามะลิ ปารณก็กุลีกุจอทันที
“ป้าครับ ผักที่ป้าให้ผมปลูกตอนนี้มันเริ่มโตแล้วนะครับ”
ป้ามะลิพยักหน้า เหมือนไม่ค่อยสนใจ
“ก็ดีแล้วนี่”
“อีกไม่กี่วันก็เก็บไปขายได้แล้วนะจ๊ะยาย”
“เออดี”
ปารณและนิรชาหันมามองหน้ากันแอบเซ็ง
“แค่ดีเหรอจ๊ะ คุณเป้เขาอุตส่าห์ตากแดดตากฝนไปดูแลแปลงผักให้ยายทุกวันนะจ๊ะ”
“เอ๊า ก็หน้าที่มัน ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”
ปารณพยักหน้ากับนิรชาให้เงียบ
“ผมเอาเครื่องมือวางไว้ข้างนอกนะครับ งั้นผมลากลับก่อนนะครับป้า”
“อื้อ”
ปารณยกมือไหว้ป้ามะลิแล้วเดินออกไป นิรชามองปารณอย่างเห็นใจ หันมาบอกป้ามะลิ
“งั้นนิกลับเลยนะจ๊ะยาย”
“อื้อ”
นิรชายกมือไหว้ป้ามะลิ เดินตามปารณไป ป้ามะลิเห็นสองคนเดินออกไปแล้วก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
ปารณและนิรชาเดินจูงมือคุยกันไปตามถนน
“ฉันสงสารคุณจัง ดูเหมือนยายจะหาเรื่องแกล้งคุณไปเรื่อยๆ ยังไงไม่รู้”
“ก็ให้ยายเธอแกล้งไป ฉันไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว”
นิรชามองปารณ ปลื้มๆ
“รู้มั้ยคะ จากวันแรกที่เราเจอกัน จนถึงวันนี้ ฉันรู้สึกเลยว่าฉันมองคุณผิดไปเยอะมาก คุณเป็นคนดี แล้วก็เป็นผู้ชายที่น่ารักที่สุดเท่าฉันเคยเจอมาเลย”
ปารณเก๊กหล่อขึ้นมาทันที
“อันที่จริงฉันก็ไม่อยากยอมรับหรอกนะ แต่หลักฐานมันฟ้อง”
นิรชาขำ
“ฉันเองก็มองเธอเปลี่ยนไปเยอะจากวันแรกเหมือนกัน รอหน่อยนะนิ สักวันฉันจะเอาชนะใจยายเธอให้ได้ แล้วพอถึงวันนั้นฉันจะ”
ปารณอึกอัก
“จะอะไรเหรอคะ”
“จะขอเธอแต่งงานไงล่ะ”
นิรชาเบือนหน้าหลบอายๆ ปารณโอบหญิงสาวเดินไปอย่างมีความสุข
ภายในร้านสนุ้กเกอร์ สินธุกำลังแทงสนุ้กอยู่ ขณะที่ข้างๆ นทีเชียร์บอลกับลูกค้าคนอื่นๆ
“โถ่เว้ย เข้าอีกจนได้”
นทีเดินเข้ามาหาสินธุด้วยความหงุดหงิด
“โดนกินอีกแล้ว นี่เดือนนี้ฉันไม่เหลือเงินแล้วนะเนี่ย”
สินธุวางไม้สนุ้กลงหันมาคุยกับนที
“เล่นไปหลายคู่สิพี่ที”
“เออสิวะ นี่ไอ้หยีก็ดันมาห้ามไม่ให้ไถเงินแฟนมันอีก แล้วฉันจะเอาที่ไหนไปจ่ายวะเนี่ย เอ้อ แกพอจะมีให้ฉันยืมมั้ยวะ”
“โอ๊ย ไม่มีหรอกพี่ ผมเองก็เล่นเสียไปเยอะเหมือนกัน”
“วะ ทำไมเราสองคนมันถึงได้อัตคัดขัดสนขนาดนี้วะ แล้วนี่จะไปหาเงินจากที่ไหนล่ะเนี่ย”
สินธุครุ่นคิด แล้วนึกขึ้นได้
“เอาอย่างนี้มั้ยพี่ ผมมีแผน”
นทีชะงัก หันมาด้วยความสนใจ
“แผนอะไรของแกวะ”
“ถ้าขอดีๆ ไม่ได้ งั้นก็ปล้นเลยสิ”
“เฮ้ย นั่นมันคุกเลยนะเว้ย”
“พี่ลืมแล้วเหรอว่าพี่เป็นพี่ชายหยี ยังไงหยีมันก็ไม่ยอมให้พี่ติดคุกหรอก”
นทีครุ่นคิด
ตอนเช้า น่านฟ้าเดินฮัมเพลงเข้ามาในบริษัทอย่างอารมณ์ดี ต๋องปราดเข้ามาทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณน่าน แหม วันนี้แต่งตัวหล่อจังนะครับ”
“ใครบอกว่าวันนี้ ฉันหล่อทุกวันต่างหาก เอ้อต๋อง วันนี้งานแกยุ่งมั้ย”
“ยุ่งหรือไม่ยุ่งก็ขึ้นอยู่กับคุณน่านจะใช้งานต๋องหนักแค่ไหนล่ะครับ”
“ดี งั้นฉันฝากแกเอารถไปเช็คที่ศูนย์หน่อยสิ”
“สบายมากเลยครับ เรื่องรถต้องยกให้ต๋อง แต่อย่าลืมทิปต๋องด้วยนะครับ”
“เออ อ่ะนี่ กุญแจรถ”
ต๋องรับกุญแจรถมา
“ครับคุณน่าน วันนี้เอารถเท่ห์ๆ ไปรับน้องคนไหนดีน้า”
น่านฟ้าหันมามองเหล่ๆ ต๋องยิ้มกว้างทันที
“แหม ล้อเล่นครับคุณน่าน งั้นต๋องขอตัวไปจัดการธุระให้คุณน่านก่อนนะครับ”
ต๋องรีบเดินออกไป
นทีและสินธุแอบซุ่มดูอยู่ที่หน้าออฟฟิศมีโชค ทันใดนั้น รถของน่านฟ้าก็แล่นออกมา ทั้งสองพยักหน้ากันทันที แล้วรีบไปขึ้นรถเพื่อตามรถของน่านฟ้าไป
ต๋องขับรถน่านฟ้าเลี้ยวเข้าไปในศูนย์ ไม่นานนัก นทีกับสินธุก็ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าศูนย์บ้างเช่นกัน ทั้งสองคนหันมาส่งสัญญาณกันทันที
น่านฟ้านั่งทำงานอยู่ มัศยาถือถ้วยกาแฟเข้ามาหา น่านฟ้ายิ้มร่าทักทาย
“เหนื่อยมั้ยจ๊ะยาหยี”
“ไม่เหนื่อยค่ะ ยิ่งเห็นคุณตั้งใจทำงานยิ่งไม่เหนื่อย”
“จะไม่ให้ผมตั้งใจทำงานได้ไง ทั้งแฟนทั้งแม่เคี่ยวเข็ญกันซะขนาดนี้ นี่ถ้าผมได้ขึ้นไปรับรางวัลนักธุรกิจยอดเยี่ยม ผมคงต้องโชว์รำอวยพรให้แม่ใหญ่กับคุณบนเวที ตอบแทนว่านี่แหละคือผู้อยู่เบื้องหลังผลักดันผมอย่างแท้จริง”
“เวอร์จริง คุณนี่”
เลขาฯเคาะประตู เข้ามาในห้อง
“ท่านประธานคะ มีคนมาขอพบค่ะ”
น่านฟ้าชะงักแปลกใจ มัศยาสงสัย
“โจทย์เก่ารึเปล่า ยัยแอนนาน่ะ”
“ฮึ้ย ไม่มั้ง”
น่านฟ้าแปลกใจมาก
มัศยาด้อมๆ มองๆ ในห้องประชุม เห็นน่านฟ้ากำลังคุยกับคน 2-3 คน หน้าเครียด วิภาเดินเข้ามาหามัศยา พลางมองเข้าไปในห้องประชุมด้วยความแปลกใจ
“ตาน่านคุยกับใครเหรอมัศยา ท่าทางเครียดเชียว”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณท่าน”
ประตูเปิดออกมา น่านฟ้าเดินคุยออกมากับคนเหล่านั้น
“ขอบคุณมากนะครับ แล้วผมจะไปแล้วกัน”
“ค่ะ งั้นพวกเราขอตัวนะคะ”
“เชิญครับ”
แขกเดินออกไป วิภารีบหันมาถามน่านฟ้า
“ใครเหรอเจ้าน่าน”
น่านฟ้าถอยหายใจเครียดมาก
“แม่ใหญ่ครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วล่ะครับ”
วิภาและมัศยาหน้าเสีย ทั้งหมดพากันไปคุยที่ห้องทำงานวิภา หลังจากคุยเสร็จ วิภาตื่นเต้นมาก
“ว่าไงนะ แกได้รับเลือกเป็นนักธุรกิจยอดเยี่ยม”
น่านฟ้าเก๊กหล่อใส่ทันที
“อะแฮ่ม ใช่แล้วครับแม่ใหญ่ วันเสาร์นี้เขาให้ผมไปรับรางวัลครับ”
วิภาและมัศยายิ้มดีใจ
“จริงเหรอคะคุณน่าน นี่เมื่อเช้าคุณยังพูดเล่นกับฉันอยู่เลย”
“นั่นสิ สงสัยจะเป็นลางสังโฮ่ง”
น่านฟ้าเข้ามากอดวิภาอย่างแสนรัก
“แม่ใหญ่ครับ”
วิภาเขินๆ มองน่านฟ้าอย่างแปลกใจ
“อะไรของแก”
“ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะแม่ใหญ่นะครับ ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้มันซึ้งไปถึงก้นบึ้งหัวใจของแม่ใหญ่ แต่ผมบอกได้คำเดียวว่า ผมรักแม่ใหญ่นะครับ”
วิภาชะงัก ลูบหัวน่านฟ้ารักใคร่
“แกรู้มั้ยตาน่าน ทุกวันนี้ฉันไม่ได้รู้สึกเลยว่าแกเป็นลูกของคุณโชค แต่แกคือลูกชายของฉันไปแล้วนะ”
มัศยาน้ำตาไหล
“ครับแม่ใหญ่ แม่ใหญ่ก็คือแม่ของผมอีกคนเหมือนกันครับ เอ่อ แม่ใหญ่ครับ มีความจริงบางอย่างที่หลายคนยังไม่รู้ ผมไม่แน่ใจว่าผมควรจะบอกทุกคนหรือเปล่า”
วิภาชะงักสนใจขึ้นมาทันที
“ความจริงอะไรเหรอ”
น่านฟ้ายิ้มกริ่มขึ้นมาทันที
ต๋องกำลังขับรถน่านฟ้าพลางเก๊กหล่อไปด้วย
“ความจริง เรานี่ก็หล่อเหมือนกันนะ น่าจะเป็นพระเอกได้ ฮิฮิ”
ระหว่างนั้น รถกระบะคันหนึ่งที่สินธุขับแล่นตามมาด้วย ต๋องเหลือบไปที่หน้าร้านอาหาร ก็ชะงักทันทีเอามือกุมท้อง
“อูย หิวเว้ย ไหนๆ ก็ไหนๆ แวะกินข้าวเที่ยงเลยแล้วกัน”
รถน่านฟ้าจอดที่ลานจอดรถร้านอาหาร ต๋องลงมาจากรถ ชายสองคนปิดหน้าปิดตาปราดเข้ามาเอาถุงผ้าคลุมหัวต๋อง ต๋องพยายามดิ้นต่อสู้ แต่ชาย 2 คน เอาไม้ฟาดต๋องจนทรุดลงกับพื้น แล้วเปิดประตูรถเข้าไปค้นลิ้นชักรถ ก่อนจะถอดผ้าปิดหน้าออกหันมาคุยกัน
“ไม่เห็นมีของมีค่านี่พี่ที”
“อะไรวะ รวยซะเปล่า งั้นขโมยรถมันเลยมั้ย”
จังหวะนั้น ต๋องลุกพรวดเปิดผ้าที่คลุมหัวออก
“เฮ้ย ทำอะไร”
สินธุกับนทีตกใจสุดขีด
“นะนี่มันไม่ใช่ไอ้น่านนี่”
“พี่ที พี่ชายเจ๊หยีนี่”
นทีกับสินธุตกใจทำอะไรไม่ถูก คว้าไม้ขึ้นมาจะฟาดต๋อง ต๋องนึกได้แกล้งสลบไปเลย นทีและสินธุตกใจรีบเข้าไปดูต๋อง เอานิ้วอังจมูกเห็นว่าต๋องไม่หายใจแล้ว
“เฮ้ย ทำไมมันตายง่ายขนาดนี้วะ”
สินธุหน้าเสียด้วยอีกคน
“อะไรนะ เราฆ่าคนตายเหรอพี่”
ทั้งสองคนหน้าเสีย
นทีกลับมาบ้าน เครียดมาก สมใจเดินเข้ามาเห็น แปลกใจ
“อ้าว ทำไมวันนี้ไม่ไปทำงาน”
นทีไม่ตอบได้แต่กังวล
“มีอะไรรึเปล่า”
นทีครุ่นคิดก่อนจะเข้ามาเกาะแขนสมใจ
“แม่ ช่วยฉันด้วย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
มัศยายืนอยู่ที่ออฟฟิศ ต๋องเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น
“เจ๊”
“อะไรของแกวะต๋อง แล้วนี่ไปทำอะไรมาทำไมเสื้อผ้าเลอะแบบนี้”
“คือว่า ต๋องไม่รู้จะพูดยังไงดี”
“ทำไม มีอะไรเหรอ”
“เมื่อเช้าต๋องเอารถคุณน่านไปเช็คที่ศูนย์ แล้วต๋องตั้งใจจะแวะกินข้าว แต่ว่า”
“แต่อะไร”
“ต๋องโดนโจรปล้น”
“หา แล้วมันทำอะไรแกบ้าง”
“มันทำอะไรไม่ได้มากหรอกเพราะต๋องฉลาดเลยแกล้งช็อคตาย พวกมันตกใจเลยรีบเผ่นไปซะก่อน”
“แล้วไป ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นถ้าวันนี้อยากพักก็ลาได้เลยนะ เดี๋ยวฉันบอกคุณน่านให้”
มัศยาตบบ่าต๋องเดินออกไป ต๋องตัดสินใจโพล่งขึ้นทันที
“เจ๊ ต๋องยังไม่ได้บอกเลยว่า ไอ้โจรสองคนนั้น คือพี่ทีพี่ชายเจ๊กับไอ้สินธุแฟนเก่าเจ๊นะ”
มัศยาชะงักทันที
“ว่าไงนะ”
ทั้งสองนำเรื่องไปเล่าให้น่านฟ้าฟัง น่านฟ้าเครียดทันที
“ตกลงคุณจะว่าไงคะ ฉันให้สิทธิ์คุณในการเอาผิดสองคนนี้”
น่านฟ้ามองมัศยาอย่างเห็นใจ
“ผมแล้วแต่หยีแล้วกัน”
“แล้วแต่ฉันไม่ได้ค่ะ พี่ทีกับสินธุ จงใจทำร้ายคุณขนาดนี้มันเกินไป ยังไงก็ต้องได้รับบทเรียน”
ต๋องพยักหน้าเห็นด้วย
“นี่ถ้าไม่ใช่เพราะต๋องฉลาดหลักแหลมจอมวางแผนอย่างแยบยล ป่านนี้ต๋องโดนเก็บไปแล้วนะครับ”
น่านฟ้าครุ่นคิด
“งั้นเอาอย่างนี้ ถ้าหยีคิดว่าเขาควรได้รับบทเรียน ผมจะเป็นคนจัดให้เอง”
น่านฟ้าบอกอย่างจริงจัง
ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
นทีเข้ามาหาสินธุที่ร้านสนุ้กเกอร์ ตกใจมาก
“นี่แกยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอวะ”
“แล้วจะให้ผมไปไหนล่ะพี่ที ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว ป่านนี้ตำรวจตามหาเราให้วุ่นแล้วมั้ง”
นทีเครียดจัดไปด้วย
“นี่ไอ้หยีก็ยังไม่กลับบ้านเลย ถ้าเกิดมันรู้เรื่องนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นไง”
“หยีต้องช่วยพี่ทีอยู่แล้ว แต่ผมสิ ตัวคนเดียว ใครจะช่วย”
ทันใดนั้น ลูกค้าพากันแตกตื่น กรูกันออกนอกร้าน สินธุกับนทีหันมามองด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นวะ”
ชาย 3 คน ลักษณะคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบเดินเข้ามา นทีกับสินธุมองหน้ากัน
“ตำรวจรึเปล่าวะ”
สินธุตกใจสะดุ้งโหยง รีบวิ่งหนี นทีหันไปมองตาม
“เฮ้ย รอด้วยสิวะ”
นทีวิ่งตามสินธุไป ตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นาย ชี้ไปทางทั้งสองคน
“ทางโน้น”
นทีกับสินธุวิ่งหนีไปตามริมฟุตบาท ตำรวจ 3 นาย วิ่งตามมารวบตัวทั้ง 2 คน ไว้ได้ นทีตกใจยกมือไหว้
“อย่าจับผมเลย ผมไม่รู้อะไรเลยครับคุณตำรวจ ไอ้หมอนี่ต่างหากเป็นคนทำ”
สินธุหันมาโวยวาย
“อ้าวพี่ที ทำไมโบ้ยกันอย่างนี้ล่ะ”
“ก็มันจริงนี่ ฉันทำตามสั่งทั้งนั้นเลย”
“ไม่ต้องเถียงกัน คราวนี้แหละ แกสองคนติดคุกหัวโตแน่”
สินธุและนทีตกใจมาก ตำรวจพยักหน้ากัน ก่อนจะเอากระสอบคลุมหน้าทั้งสองคน
ภายในโกดังแห่งหนึ่ง กระสอบที่คลุมหัวนทีและสินธุ ถูกเปิดออกมา ทั้งสองถูกจับมัดไว้กับพื้น มองอย่างงงๆ เห็นตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นาย ยืนทำหน้าเหี้ยมอยู่
“พาผมมาที่ไหนเนี่ยคุณตำรวจ”
“นั่นสิ ทำไมไม่จับส่งโรงพัก หรือว่าจะวิสามัญเราสองคน”
นทีและสินธุตกใจมาก ตำรวจหันมาพยักหน้ากัน ควักปืนขึ้นมา
“รู้ก็ดีแล้ว งั้นก็ตายซะเถอะ”
ตำรวจเล็งปืน ทั้งสองคนตกใจสุดขีด ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของต๋องก็ดังขึ้น
“ฮ่าๆๆๆ”
นทีและสินธุต่างงง น่านฟ้า มัศยา และต๋องก็เดินเข้ามา นทีตกใจมากที่เห็นต๋อง
“หยี คุณน่าน ต๋อง”
“งงล่ะเซ่ว่าผมยังไม่ตาย”
นทีและสินธุมองหน้ากันสับสนไปหมด
“นี่มันอะไรน่ะหยี ผมงงไปหมดแล้ว”
สินธุสงสัย น่านฟ้าควักเงินให้ตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งสามคน
“อ่ะ นี่ครับ แหม พี่สามคนนี่นักแสดงมืออาชีพจริงๆ”
“ขอบคุณครับ ไว้คราวหน้าอย่าลืมใช้บริการอีกนะครับ”
ตัวประกอบสามคนเดินออกไป มัศยาเดินเข้ามาหานทีกับสินธุ
“เป็นไง รู้สึกยังไงบ้าง สนุกมั้ยกับการโดนจับ”
“อ๋อ นี่แผนของแกเหรอ หยี แกทำแบบนี้กับพี่ชายแกได้ไง”
“แล้วพี่ทีกับสินธุทำอย่างนี้กับคุณน่าน กับไอ้ต๋องได้ไง”
ต๋องกอดอกทำหน้างอไม่พอใจ นทีกับสินธุหน้าเจื่อน
“ผมนึกไม่ถึงเลยนะว่าคุณสองคนจะคิดทำร้ายผมได้ขนาดนี้ ทั้งที่ผมก็เคยช่วยเหลือมาตลอด”
สินธุอึกอัก
“เอ่อ คุณน่านครับ คือว่า”
“นี่ดีแค่ไหนแล้วที่ผมไม่จับส่งตำรวจจริงๆ”
“ใช่ ดีแค่ไหนแล้วที่ต๋องไม่ตายจริง”
“โอเค ผมขอโทษ ต่อไปผมไม่กล้าทำแบบนี้อีกแล้ว”
นทีพูดตัดบท มัศยาสวนขวับทำหน้ายักษ์ใส่
“แค่นี้ไม่พอหรอก โดยเฉพาะนาย”
มัศยาล้วงสัญญากู้ยืมขึ้นมายื่นให้สินธุ
“เซ็นสัญญากู้ยืมคุณน่านให้เรียบแล้ว แล้วช่วยทำตามสัญญาด้วย ถ้าขืนบิดพลิ้วอีกล่ะก็ คราวนี้ฉันเอาจริงแน่”
สินธุกลืนน้ำลาย หน้าเจื่อน
“ส่วนพี่ที แม่รอจัดการอยู่ที่บ้าน เตรียมตัวไว้เลยแล้วกัน”
“ไม่ต้องถึงแม่หรอก แค่นี้ฉันก็กลัวจะแย่แล้ว ไม่เชื่อก็ดูสิ”
นทีก้มลงที่พื้นเห็นน้ำนองเต็มไปหมด ต๋องหน้าเหวอคาดไม่ถึง
“หา นี่กลัวจนฉี่ราดเลยเหรอพี่”
“ก็ใช่น่ะสิ”
ต๋องหัวเราะก๊าก
กลางดึก เสียงสมใจด่านทีดังลั่นออกมาจากบ้าน พร้อมกับเสียงโวยวายของนที
“โอ๊ย เจ็บๆๆ”
“เจ็บสิดี ต่อไปจะได้จำ มานี่เลยไอ้ที วันนี้แม่จะตีให้หลังหักเลยคอยดู”
“โอ๊ยๆๆๆ”
น่านฟ้าและมัศยาเบ้หน้าหลอนๆ
“คราวนี้คงเข็ดไปอีกนานค่ะคุณน่าน”
“ก็ขอให้เข็ดจริงๆ แล้วกัน”
“ขอบคุณนะคะที่คุณไม่เอาเรื่องพี่ที ถ้าพี่ทีติดคุกขึ้นมาจริงๆ แม่คงเครียดแย่”
“ผมสงสารนะดีน่ะ ไม่อยากให้นะดีเสียใจ แล้วก็ไม่อยากให้แฟนคิดมากด้วย”
มัศยายิ้มรับ
“ไง เขาน่ารักมั้ย”
“ที่สุด”
สองคนยิ้มให้กันมีความสุขมาก
“ว่าแต่เรื่องที่คุณจะบอกคุณท่าน คุณว่าคุณท่านจะช็อคมั้ยคะ”
“ช็อครึเปล่าไม่รู้ แต่ผมอยากให้แม่ใหญ่เห็นด้วยตาตัวเอง ว่าลูกชายแม่ใหญ่คนนี้เป็นยังไง”
น่านฟ้ายิ้มเจ้าเล่ห์
ที่แปลงผักป้ามะลิ ปารณกำลังจัดผักลงใส่เข่ง เขาปาดเหงื่อเหนื่อยมาก หน้าตาดำเลอะดินเต็มไปหมด นิรชาเดินเข้ามามองอย่างตื่นเต้น
“โอ้โห นี่ฝีมือคุณทั้งนั้นเลยเหรอคะ”
“ใช่ ต่อไปถ้าตกงานผมคงไม่ลำบากแล้วล่ะ จะยึดอาชีพเกษตรกรเต็มตัวหาเลี้ยงเธอเอง”
นิรชายิ้มรับเขินๆ
“ทำเป็นพูดไป ยายจะยอมรับคุณรึเปล่ายังไม่รู้เลย”
“โห ทำขนาดนี้ไม่ยอมรับก็ไม่รู้จะยังไงแล้วนะ”
ปารณยิ้มมั่นใจ
เวลาต่อมา เข่งผักของปารณวางเรียงเป็นแถวอยู่ข้างบ้านป้ามะลิ ปารณและนิรชามองป้ามะลิลุ้นๆ นิรชาหยั่งเชิงกับป้ามะลิ
“ว่าไงจ๊ะยาย คุณเป้เขาทำตามที่รับปากยายได้แล้วนะจ๊ะ”
ปารณพยักหน้า มองป้ามะลิลุ้นสุดๆ ป้ามะลิมองผักในเข่ง ไม่พูดอะไร
“ป้าครับ”
“เออ เอ็งเก่งที่ทำได้”
ปารณยิ้มร่าหน้าบาน
“แต่คิดว่าแค่ปลูกผักได้จะทำให้ข้าประทับใจเอ็งง่ายๆ เหรอ”
ปารณชะงัก
“โห นี่ผมใช้เวลาตั้งหลายอาทิตย์เพื่อผักพวกนี้เลยนะครับป้า”
“เวลาแค่หลายอาทิตย์ มันเทียบไม่ได้กับเวลาทั้งชีวิตของหลานข้าหรอกโว้ย”
ปารณคอตกหมดหวัง
“งั้นป้าอยากให้ผมทำยังไงครับ ป้าถึงจะพอใจ”
“นั่นสิจ๊ะยาย เท่าที่คุณเป้ทำมาตลอด นิว่ามันก็มากพอแล้วนะจ๊ะ”
ป้ามะลิหันไปค้อนนิรชา
“ใครว่าพอ เอ็งรู้จักผู้ชายดีแค่ไหน นังนิ ดูอย่างพ่อเอ็งซิ พาแม่เอ็งหนีออกจากบ้านจนมีเอ็ง แล้วมันก็ทิ้งเอ็งไป สุดท้ายคนที่ช้ำใจก็คือแม่เอ็ง ยายพูดถูกมั้ย”
“แต่ยายจะใช้ผู้ชายคนเดียวอย่างพ่อ มาตัดสินผู้ชายทั้งโลกไม่ได้นะจ๊ะ”
“ทำไมจะไม่ได้ ข้าอายุเท่าไหร่ ผ่านโลกมาแค่ไหน เอ็งน่ะยังเด็ก เอ็งไม่รู้อะไรเท่าข้าหรอก นังนิ”
ปารณถอนหายใจ ซึมๆ
“เอาล่ะครับ ถ้าแบบนี้ก็เท่ากับว่าต่อให้ผมทำดีให้ตาย ผมก็คงไม่ดีพอสำหรับป้าหรอกครับ ผมยอมแพ้แล้ว”
ปารณเดินไปที่ประตูรั้ว นิรชามองเป็นห่วง
“คุณเป้”
นิรชาหันมาโวยวายใส่ป้ามะลิ
“ทำไมยายทำแบบนี้จ๊ะ”
นิรชารีบเดินตามปารณไปทันที
“คุณเป้”
ปารณหันมาพูดกับนิรชาเศร้าๆ
“ฉันขอโทษนะ ที่ฉันรักษาคำพูดไม่ได้ แต่เธอรู้ใช่มั้ยว่าฉันพยายามที่สุดแล้ว”
นิรชาพยักหน้าซึมๆ น้ำตาไหล
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันเองก็ต้องขอโทษแทนยายด้วย ที่แกล้งให้คุณลำบากมาตลอด”
ปารณลูบหัวนิรชายิ้มๆ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องไห้นะ”
ปารณปาดน้ำตาให้นิรชาอย่างอ่อนโยน
“ถึงเราจะรักกันไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเปลี่ยนไป สำหรับฉันทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมนะนิ”
นิรชาพยักหน้าเศร้าๆ ปารณปาดน้ำตาให้นิรชาอีกครั้ง ป้ามะลิเดินออกมา
“หยุดนะไอ้หนุ่ม เอามือสกปรกๆ ของเอ็งออกจากหน้าหลานข้าเดี๋ยวนี้”
ปารณถอนหายใจ
“ป้าต้องการอะไรจากผมอีกครั้ง ตอนนี้ผมยอมป้าทุกอย่างแล้วนี่”
ป้ามะลิเดินเข้ามาระหว่างทั้งสองคน
“มือสกปรกเพิ่งทำสวนทำไร่มา กล้าดียังไงมาจับผิวหน้าอ่อนๆ ของหลานข้า”
ปารณเอามือเช็ดกางเกง หน้าเสีย
“ยายจ๊ะ”
“หยุด เอ็งไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น นี่มันเป็นเรื่องระหว่างข้ากับมัน”
ป้ามะลิหันมาจ้องหน้าปารณแววตาอำมหิต
“เข้าไปในบ้าน ข้ามีเรื่องจะคุยกับเอ็ง แบบตัวต่อตัว”
ป้ามะลิกับปารณสบตากัน จริงจังมาก
นิรชาเดินเครียดเป็นหนูติดจั่นอยู่หน้าบ้าน สักพักปารณเดินออกมาหน้าเครียด นิรชารีบเดินเข้าไปหาทันที
“ยายว่ายังไงบ้างคะ”
ปารณถอนหายใจ หนักใจมาก
“ผมไม่รู้ว่าผมจะทำได้รึเปล่า เพราะข้อเสนอยายเธอเป็นเรื่องยากที่สุดเท่าที่ในชีวิตของฉันเคยทำมาเลย”
ปารณคว้ามือนิรชาขึ้นมาสบตาเศร้าๆ
“ถ้าฉันทำไม่ได้ เธออภัยให้ฉันด้วยนะ”
นิรชาหน้าเสียด้วย
“ยายให้คุณทำอะไรเหรอคะ”
ปารณเครียดจัด ไม่รู้จะบอกอย่างไร
คืนนั้นปารณกลับไปที่คอนโดฯ บรรจงตัดผ้าออกมาเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ค่อยๆ ร้อยด้ายกับเข็มด้วยความตั้งใจ แล้วใช้ผ้าที่ตัดไว้ยัดใส่สะดึง บรรจงปักลงที่ผ้าที่รัดกับสะดึงไว้
หลายวันต่อมา ปารณยื่นผ้าเช็ดหน้าที่ปักชื่อ “มะลิ” ไว้หลายผืน ให้น่านฟ้าดู น่านฟ้ากางดูเห็นฝีมือการปักบิดๆ เบี้ยวๆ ก็ขำแทบตาย
“ฮ่าๆๆ เนี่ยเหรอวะ ที่ป้ามะลิเขาให้แกทำเพื่อพิสูจน์การเป็นหลานเขย”
ปารณพยักหน้า เซ็งๆ
“เออสิวะ นี่ฉันนั่งปักหลังขดหลังแข็งมาตั้งหลายคืน แกว่าฝีมือฉันเป็นไงบ้างวะไอ้น่าน”
“อยากรู้ความจริงหรืออยากได้ความสบายใจวะ”
“พูดมาเหอะ ฉันรับได้ทั้งนั้น”
“งั้นฉันบอกตรงๆ เลยว่า ห่วยมาก”
ปารณถอนหายใจเซ็งสุดๆ
“แล้วอย่างนี้มันจะถูกใจป้าแกเหรอวะ”
น่านฟ้าตบไหล่ให้กำลังใจ
“เฮ้ย แต่ยังไงฉันก็นับถือในความพยายามของแกนะเว้ย เชื่อฉันสิวะ ถ้าป้าแกเห็นก็ต้องคิดอย่างฉันเหมือนกัน”
ปารณยิ้มร่า สบายใจขึ้น
“แกคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอวะ”
“ใช่ แต่จะให้ดี ฉันว่าแกปักใหม่เหอะวะ”
ปารณชะงัก หมดหวัง
มัศยาฟังน่านฟ้าเล่าเรื่องปารณให้ฟัง ก็ส่ายหน้าระอาน่านฟ้า
“คุณไม่น่าไปเบรกคุณเป้เขาอย่างนั้นเลย อย่างนี้เขาก็เสียกำลังใจแย่”
“เอ๊า ผมพูดจริงๆ หยีต้องชมว่าผมเป็นเพื่อนที่ดีจริงใจกับมันมากกว่านะ”
“แต่คุณเป้เขาอุตส่าห์ตั้งใจทำเพื่อนิเลยนะคะ อย่างน้อยๆ พูดให้เขาสบายใจสักนิดก็ยังดี”
น่านฟ้าครุ่นคิด
“หยีไม่คิดว่า การพูดความจริงจะดีกว่าการปิดบังเหรอ”
มัศยาชะงักมองน่านฟ้าอย่างไม่ไว้ใจ
“ทำไมคะ คุณมีอะไรปิดบังฉันเหรอถึงได้ถามแบบนี้”
“เปล่า กับหยีน่ะผมโปร่งใสอยู่แล้ว แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ผมยังไม่ได้บอกความจริงบางอย่างกับเขา ผมคิดมาหลายตลบแล้วว่าจะบอกเมื่อไหร่ดี”
“คุณหมายถึงใครเหรอคะ”
“แม่ใหญ่”
“คุณปิดบังอะไรคุณท่านเหรอคะ”
น่านฟ้ายิ้มเจ้าเล่ห์
ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
หลายวันต่อมา ต๋องและสุกัญญามาที่ห้องทำงานของวิภา คะยั้นคะยอวิภาอย่างหนัก
“รีบไปเถอะครับคุณท่านเดี๋ยวไม่ทัน”
“โอ๊ย จะรีบอะไรนักหนา ยังอีกตั้งนานไม่ใช่เหรอ”
“เราอยากให้คุณพี่เห็นตอนตาน่านให้สัมภาษณ์ด้วยค่ะ”
“ก็ฉันก็รู้ทุกเรื่องในชีวิตมันดีอยู่แล้ว จะให้ฉันฟังอะไรอีก”
“ของแบบนี้มันก็ไม่แน่นะครับคุณท่าน เพราะตอนที่ต๋องรู้ ต๋องยังอึ้ง ทึ่ง ซึ้ง แล้วก็คาดไม่ถึงเลยครับ”
วิภาชะงัก สงสัย
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ค่ะ”
“ครับ”
วิภาถอนหายใจตัดบทด้วยความรำคาญ
“เออๆๆ ไปก็ได้ เฮ้อ ทำไมมันถึงได้วุ่นวายกับชีวิตฉันจริงๆ นะ”
สุกัญญาและต๋องรีบพาวิภาออกจากห้องไปทันที
ภายในงานประกาศรางวัลนักธุรกิจยอดเยี่ยม พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกทุกคน
“สวัสดีค่ะ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่งานประกาศรางวัล Thailand Business Excellence Awards ประจำปี 2015 งานรางวัลอันทรงเกียรตินี้จะมอบให้แก่นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่เป็นแบบอย่างที่ดีแกวงการธุรกิจไทยค่ะ”
เสียงปรบมือดังกระหึ่มขึ้นทั่วงาน
วิภา ต๋อง และสุกัญญาเดินเข้ามาในงาน วิภาตื่นเต้นมาก
“ตอนแรกฉันนึกว่างานเล็กๆ เอาเข้าจริงๆ งานเขาจริงจังเหมือนกันนะ”
“ก็แหงล่ะครับ งานระดับประเทศเลยนี่ครับคุณท่าน”
สุกัญญายิ้มกริ่ม ภูมิใจ
“เดี๋ยวรอดูตอนลูกชายของเรารับรางวัลนะคะคุณพี่ สุว่า สุคงกลั้นน้ำตาไม่ไหวแน่ๆ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอสุ ไป งั้นรีบเข้าไปดูให้เห็นกับตาเลยดีกว่า”
วิภาพยักหน้าชวนทั้งสองคนเดินเข้างานไป พิธีกรกำลังประกาศบนเวที
“สำหรับรายชื่อของผู้ที่เข้าชิงรางวัลนักธุรกิจยอดเยี่ยมประจำปีนี้ได้แก่ คุณวิชาญ ปาวัน ประธานบริษัทพลัสทูพลัสอินเตอร์ไพรซ์จำกัด”
นักธุรกิจคนหนึ่ง เดินออกมาในมาดนักธุรกิจหนุ่มหล่อมาก พร้อมขึ้นภาพถ่ายที่จอโปรเจคเตอร์ เสียงปรบมือดังขึ้นกระหึ่มงาน
“นายเตชิต วรพุฒิไชย ประธานบริษัท ดรีมเมคเกอร์จำกัด”
นักธุรกิจหนุ่มหล่ออีกคนเดินเข้ามา โดยที่ควงแอนนาเข้ามาด้วย พร้อมขึ้นภาพที่จอโปรเจคเตอร์ เสียงปรบมือกระหึ่มไปทั่วงาน
“และคนสุดท้ายได้แก่ มิสเตอร์คิน ซีอีโอ จากบริษัทเอ็นพีอาร์กรุ๊ปจำกัด และประธานบริษัทมีโชคจำกัดค่ะ”
น่านฟ้าเดินเข้ามาอย่างเท่ห์ๆ โดยควงมัศยาที่แต่งตัวชุดราตรีหรูเข้ามาด้วย เสียงปรบมือดังกระหึ่ม วิภาแปลกใจมาก หันไปถามสุกัญญาและต๋องด้วยความสงสัย
“เอ๊ะ เมื่อกี้ฉันหูฝาดรึเปล่า เขาประกาศชื่อตาน่านว่ายังไงนะ”
สุกัญญาและต๋องยิ้มรับ
“มิสเตอร์คินค่ะคุณพี่”
“มินเตอร์คินคือใคร”
“มินเตอร์คุณก็คือคุณน่าน และคุณน่านก็คือมิสเตอร์คินครับ”
วิภางงเป็นไก่ตาแตก ในขณะที่สุกัญญา นึกถึงเรื่องที่เธอ มัศยา และต๋องคุยกับน่านฟ้าเมื่อวันก่อน
“ที่แท้ ที่เราออกจากบ้านบ่อยๆ ก็ไปทำงานนี่เอง แล้วทำไมไม่บอกแม่ ปล่อยให้แม่บ่นทุกวันอยู่ได้”
ต๋องได้ยินก็เห็นด้วย
“อย่าว่าแต่คุณสุกัญญาเลยครับ แม้แต่ต๋องเองยังนึกไม่ถึงเลยว่า คุณน่านผู้ไม่เอาไหน และเกือบทำมีโชคล่มสลาย จริงๆ แล้วคือ มิสเตอร์คิน นักการตลาดมือต้นๆ ของเมืองไทย”
น่านฟ้าหัวเราะคิกคักสะใจ
“อ้าว ถ้าบอกกันง่ายๆ ก็ไม่สนุกสิคร้าบ ตกลงรู้แล้วรู้สึกยังไง เซอร์ไพร้ส์มั้ย”
“มากครับ”
“ไอ้ต๋อง แล้วแกคิดว่า ถ้าแม่ใหญ่รู้เรื่องนี้ แม่ใหญ่จะเซอร์ไพร้ส์เหมือนแกมั้ยวะ”
มัศยาหันขวับมาทันที
“พูดแบบนี้คุณคิดจะทำอะไรเหรอคุณน่าน”
น่านฟ้ายิ้มร้ายเจ้าเล่ห์
เมื่อวิภารู้ว่าน่านฟ้าเป็นมิสเตอร์คิน ก็ยั้วขึ้นมาทันที
“ที่แท้ไอ้น่านมันก็ต้มฉันจนเปื่อยเลย หนอยไอ้ลูกคนนี้ เสร็จงานนี้ก่อนเหอะ ฉันจะเฉ่งให้หูชาเลย”
“แต่ก่อนจะเฉ่งตาน่าน คุณพี่ลองฟังตาน่านพูดก่อนดีมั้ยคะ”
“นั่นไงครับ คุณน่านขึ้นเวทีแล้ว”
ทั้งสามคนหันไปสนใจบนเวทีทันที น่านฟ้ายืนอยู่บนเวทีตรงหน้าไมค์
“ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณผู้จัดงานในครั้งนี้ รวมถึงกรรมการ เพื่อนในวงการธุรกิจทุกท่านที่เสนอชื่อผมเป็นผู้ได้รับรางวัลครับนี้ครับ”
มัศยามองน่านฟ้าด้วยความชื่นชม ขณะที่แอนนาซึ่งควงนักธุรกิจอีกคนมา เชิดใส่มัศยา น่านฟ้าพูดด้วยความจริงจัง
“ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ว่า เราไม่อาจแก้ปัญหาใหญ่ๆ ได้สำเร็จ ถ้าหากเรายังคงมีความคิดเหมือนในตอนที่เราสร้างมันขึ้นมา นี่คือหนึ่งในหลักความคิดที่ผมเลือกใช้ ไม่ว่าจะใช้กับข้าวเกรียบมีโชค หรือธุรกิจที่ลูกค้าไว้ใจให้ผมวางแผนการตลาดให้ในนามมิสเตอร์คิน”
วิภามองน่านฟ้าทึ่งๆ
“เจ้าน่านนี่เวลามันพูดอะไรจริงจังก็ดูดีเหมือนกันนะ”
“ไม่ใช่แค่ดูดีครับคุณท่าน โคตรหล่อเลยล่ะครับคุณท่าน”
สุกัญญามองทั้งสองคนยิ้มๆ น่านฟ้าพูดพลางหันไปทางวิภา สุกัญญา และมัศยา
“แต่ไม่ว่าผมจะยึดหลักการหรือแนวคิดที่ดีแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรสำคัญไปว่า การมีผู้สนับสนุนส่งเสริมและทีมงานที่เป็นกำลังใจให้ผม เพราะถ้าไม่มีทุกคน ข้าวเกรียบมีโชคก็คงไม่มีวันนี้ ผมอยากขอบคุณทุกคนจากหัวใจของผม และสัญญาว่า ผมจะดูแลธุรกิจของคุณโชค พ่อของผมให้ดีที่สุด และจะพัฒนาวงการธุรกิจของบ้านเราให้ก้าวไกลให้ได้ครับ”
เสียงปรบมือดังกระหึ่มขึ้นทั่วทั้งบริเวณ วิภา มัศยา สุกัญญา และต๋องต่างปลาบปลื้มในตัวน่านฟ้า เมื่อลงจากเวที น่านฟ้าเดินเข้ามาหามัศยา มัศยามองหมั่นไส้มาก
“ถ้ารู้ว่าตัวตนคุณจริงจังได้ขนาดนี้ ฉันไม่เหนื่อยเคี่ยวเข็ญคุณตั้งนานหรอก”
น่านฟ้าทำหน้าทะเล้นใส่
“รู้แต่แรกมันก็ไม่ขลังสิจ๊ะยาหยี”
น่านฟ้ายักคิ้วหลิ่วตาให้มัศยา
นักธุรกิจหนุ่มคนสุดท้ายลงจากเวที พิธีกรก็ขึ้นมากล่าวพร้อมกับซองในมือ
“เอาล่ะครับ ลำดับต่อไปเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย ผลของผู้ได้รับคัดเลือกรางวัล Thailand Business Excellence Awards ประจำปี 2015 ได้แก่”
เสียงดนตรีกระหึ่มขึ้น ผู้มาร่วมงานแต่ละคนตื่นเต้นมาก
“มิสเตอร์คิน ซีอีโอ จากบริษัทเอ็นพีอาร์กรุ๊ปจำกัด และประธานบริษัทมีโชคจำกัดค่ะ”
เสียงปรบมือดังทั่วทั้งงาน น่านฟ้าเดินไปรับรางวัลที่โพเดียมขึ้นมาชูให้ทุกคนเห็น มัศยา วิภา สุกัญญา ต๋อง ปรบมือด้วยความดีใจมาก แอนนามองน่านฟ้าอย่างเสียดาย
คืนนั้น ทุกคนพากันมาฉลองที่บ้านน่านฟ้า ทั้งหมดชนแก้วกันด้วยความดีใจ
“ขอแสดงความยินดีกับคุณน่าน เอ๊ะไม่สิ ต้องเรียกว่ามิสเตอร์คินถึงจะถูก ต๋องน่ะ ภูมิใจ๊ภูมิใจในตัวคุณน่านนะครับ”
“แม่ก็ภูมิใจในตัวน่านเหมือนกัน ขอให้น่านรักษาสิ่งที่น่านมีเอาไว้ และพัฒนามันต่อไปนะลูก”
“ขอบคุณคร้าบแม่ ขอบใจนะไอ้ต๋อง”
น่านฟ้าหันไปทางมัศยา
“หยีล่ะจ๊ะ ภูมิใจในตัวน่านป๊ะ”
“ตอนอยู่ในงานนั่นก็ภูมิใจนะ แต่พอกลับมาเห็นคุณเป็นแบบนี้ ฉันชักไม่แน่ใจแล้วล่ะ”
“ไรแว้ เขาอุตส่าห์เก๊กหล่อซะขนาดนี้ เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน แล้วแม่ใหญ่ล่ะ”
ทุกคนกวาดตามองหาวิภา
วิภานั่งหน้างออยู่ในห้องนั่งเล่น น่านฟ้าเดินเข้ามาหา งงๆ
“แม่ใหญ่ครับ ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียวล่ะครับ ไม่ไปร่วมแสดงความยินดีกับผมเหมือนกับคนอื่นๆ เหรอครับ”
วิภาหันมามองน่านฟ้าอย่างไม่พอใจ
“แกคิดว่าฉันยินดีกับแกเหรอน่าน”
น่านฟ้าหน้าเจื่อน
“อ้าว แม่ใหญ่ไม่ยินดีแล้วแม่ใหญ่ยินร้ายเหรอครับ”
“ไม่ใช่แค่นั้น แต่ฉันโกรธ ฉันโมโห ฉันอยากจะฆ่าแกเลยไอ้น่าน”
น่านฟ้าชะงัก วิภาลุกพรวด ในมือกำไม้ขนไก่แน่น
“ในเมื่อแกไม่ได้โง่ ไม่ได้ห่วยแตก แล้วแกทำให้ฉันปวดหัวทำไมตั้งนาน”
วิภาเอาไม้ขนไก่ตีน่านฟ้า
“โอ๊ยๆ เจ็บนะครับแม่ใหญ่”
“ฉันจะฟาดแกให้ตะคริวกินเลยคอยดู ไอ้ลูกเวร ไอ้ลิงหลอกเจ้า ไอ้ๆๆ โอ๊ย ด่ายังไงก็ไม่สะใจ นี่แน่ะๆๆๆ”
น่านฟ้ากระโดดหลบไม้ขนไก่ด้วยความเจ็บปวด มัศยา สุกัญญา และต๋องแอบดูน่านฟ้าโดนวิภาตีก็หัวเราะกันใหญ่
“งานนี้ท่าทางคุณท่านจะโกรธมากนะครับ เล่นหวดไม่ยั้งเลย”
สุกัญญามองอย่างขำๆ
“ดี สมน้ำหน้าตาน่าน ไม่มีใครเหมาะจะกำราบตาน่านได้เท่าแม่ใหญ่อีกแล้วล่ะ”
มัศยาเห็นน่านฟ้าโดนหวดก็ตะโกนออกไป
“เผื่อด้วยนะคะคุณท่าน ขอหนักๆ เลยนะคะ”
มัศยาหัวเราะชอบใจ น่านฟ้าวิ่งหนีวิภาพรวดพราดเข้ามา วิภาถือไม้ขนไก่ตามมาไล่
“จะหนีไปไหน ไอ้น่าน มานี่เลยนะ”
ตอนเช้า ต๋องกับพนักงานอื่นๆ กำลังมุงหน้าจอคอมพิวเตอร์กันอยู่ มัศยาเดินเข้ามามองด้วยความสงสัย
“ดูอะไรกันอยู่เหรอ”
ต๋องหันขวับมาทางมัศยาหน้าตาตื่นเต้น
“อ่านข่าวในโซเชี่ยลนี่สิเจ๊”
“ข่าวอะไร น่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“น่าสนสิเจ๊ มาดูนี่สิ แอนนานางแบบสาวกับรักสายฟ้าแล่บเป็นอันขาดสะบั้นอย่างรวดเร็ว สงสัยจะไม่ลืมน้ำพริกถ้วยเก่าอย่างนักธุรกิจยอดเยี่ยมประจำปีนี้แน่ๆ”
มัศยาได้ยินก็ชะงัก นึกถึงสายตาของแอนนาที่มองน่านฟ้าด้วยความเสียดายในงานเมื่อคืนนี้
“คิดอะไรอยู่เหรอเจ๊”
“เปล่า ข่าวอะไรไม่เห็นจะน่าสนใจเลย”
มัศยาเดินออกไปทันที ต๋องเดินตาม
“เจ๊ๆๆ จะรีบไปไหนล่ะ เจ๊ไม่สนใจข่าวนั้นจริงๆ เหรอ”
มัศยาหันมาทำเป็นไม่สนใจ
“ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย ฉันมั่นใจว่าคุณน่านเขาหนักแน่นพอ”
“แต่ทำไมต๋องกลับคิดว่า ยัยนางแบบนั่นอาจจะอยากรีเทิร์นทูคุณน่านก็ได้นะเจ๊”
มัศยาเครียดขึ้นมาทันที ก่อนจะตัดบท
“แกไม่ต้องมาชงให้ฉันเครียดหรอก ฉันเชื่อใจคุณน่าน”
“ถ้าเจ๊คิดได้อย่างนี้ต๋องก็จะได้สบายใจ ต๋องไม่อยากให้เจ๊ระแวงคุณน่านที่แสนดีของต๋องอีกต่อไป งั้นต๋องไปก่อนนะ”
ต๋องเดินออกไป มัศยาหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาทันที
น่านฟ้านั่งทำงานอยู่ มัศยานั่งอยู่ตรงหน้า คอยมองจับผิดน่านฟ้าทุกกิริยาอาการ แล้วชะเง้อไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขาอย่างสงสัย
“คุณน่าน”
“จ๋า”
“ทำอะไรอยู่น่ะ”
“ทำงานสิ”
“เอ่อ แน่ใจนะว่าไม่ได้แชท หรือว่า คอมเมนท์ หรือว่า แอบดูรูปหรือสเตตัสใคร”
“แน่ใจสิจ๊ะ เนี่ยๆๆ งานทั้งนั้น”
มัศยาพยักหน้า แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ สักพักเสียงโทรศัพท์น่านฟ้าดังขึ้น มัศยารีบตะครุบมาดูทันที ก่อนจะยื่นคืนให้น่านฟ้า
“ผู้จัดการโรงงานโทรมา”
น่านฟ้ารับสาย งงๆ
“ฮัลโหล ครับ อ๋อ เครื่องจักรมีปัญหาเหรอ ได้ๆ เดี๋ยวผมไปดูเอง”
น่านฟ้าวางสาย ลุกขึ้น มัศยาลุกพรวดทันที
“จะไปไหนคะ”
“ไปโรงงาน หยีมีอะไรรึเปล่าจ๊ะ”
“เปล่า พอดีวันนี้ว่างไปด้วยได้มั้ย”
น่านฟ้าพยักหน้า
“ไปสิ”
มัศยารีบลุกตามน่านฟ้าออกไปทันที
น่านฟ้ามาคุยกับวิภาที่ห้อง วิภาหัวเราะชอบใจ ขณะที่น่านฟ้าทำหน้างงๆ
“แม่ใหญ่ขำอะไรเหรอครับ”
“ก็ขำมัศยาน่ะสิ เท่าที่แกเล่ามา ถ้าฉันเดาไม่ผิด ฉันว่ามัศยาเขาคงระแวงแก กลัวแกเจ้าชู้นอกใจน่ะสิ”
“หา ผมเนี่ยนะนอกใจหยี เอาอะไรมาคิดครับแม่ใหญ่”
“ก็เอาสันดานเก่าๆ แกมาคิดน่ะสิ”
มัศยาจะผลักประตูเข้ามา แต่แล้วก็หยุดชะงักแอบฟัง
“นี่เจ้าน่าน ฉันว่าแกกับมัศยาก็คบหาดูใจกันมาพอสมควรแล้วนะ เมื่อไหร่แกจะจริงจังกับเขาสักที หมั้นกันไว้ก่อนก็ได้ ฉันน่ะเชียร์จนไม่รู้จะเชียร์ยังไงแล้วนะ”
“ก็ผมยังยุ่งๆ อยู่นี่ครับ อีกอย่างถ้าหยีเขายังไม่ไว้ใจผมแบบนี้ แม่ใหญ่ว่าเราจะไปกันรอดเหรอครับ ผมว่าสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้น ผมคงเบื่อที่เขาคอยตามจิกแบบนี้ แล้วก็เลิกกับเขาจนได้”
มัศยาได้ฟังก็จ๋อยสนิทเดินออกไปเลย วิภาถอนหายใจ
“ไม่งั้นแกจะคบไปเรื่อยๆ แบบนี้เนี่ยนะ”
“ใครบอกล่ะครับแม่ใหญ่ ผมจะขอเขาแต่งงานต่างหาก ผมคิดแล้วว่าถ้าเราสองคนไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน กินด้วยกัน นอนข้างๆ กัน ดูแลกัน ก็คงจะมีเรื่องเข้าใจผิดคิดไปเองเยอะแยะ โดยเฉพาะคนที่ประวัติเรื่องผู้หญิงไม่ค่อยจะดีอย่างผม”
วิภาได้ยินก็ตาโตด้วยความตื่นเต้น
“ที่พูดน่ะ แน่ใจแล้วใช่มั้ย”
“ครับแม่ใหญ่ ผมมั่นใจแล้วครับว่า ผมอยากหยุดชีวิตกับหยีคนเดียว”
น่านฟ้าพูดด้วยรอยยิ้มที่สุดแสนจะจริงใจ
มัศยาผละจากหน้าประตูห้องวิภาหน้าเศร้า ต๋องเดินผ่านมาพอดีเห็นเข้าก็เรียกไว้
“จะไปไหนเหรอเจ๊ ไม่เข้าไปล่ะ อ้าวเจ๊ เจ๊”
ต๋องเกาหัวงงๆ มัศยาเดินร้องไห้ปาดน้ำตาออกไปด้วยความเสียใจ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
วิภาถอดแหวนเพชรออกจากนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเอง
“ถ้าแกคิดดีแล้วงั้นเอานี่ไป ฉันให้แก”
น่านฟ้ามองแหวนในมือวิภาด้วยความแปลกใจ
“แม่ใหญ่”
วิภายัดใส่มือน่านฟ้าทันที
“เอาไปขอคนที่แกรัก แล้วก็รีบแต่งๆ กันซะ ฉันจะได้นอนตายตาหลับซะที”
น่านฟ้ามองแหวนในมือ ก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งคุกเข่ากราบตักวิภา
“ขอบคุณครับแม่ใหญ่”
วิภาลูบหัวน่านฟ้าอย่างอ่อนโยน
“แกเป็นลูกชายคนเดียวของฉัน ของทุกอย่างของฉันมันเป็นของแกอยู่แล้วล่ะน่าน เอาแหวนนี่ไปให้มัศยา แล้วบอกในสิ่งที่แกตั้งใจ มัศยาเขารักแกมาก ฉันดูออก ฉันเชื่อว่าแกกับมัศยาจะต้องเป็นคู่ที่มีความสุขที่สุด”
“ครับแม่ใหญ่ งั้นผมไปหาหยีก่อนนะครับ”
วิภาพยักหน้ายิ้มๆ น่านฟ้ารีบเปิดประตูออกจากห้องไปทันที
น่านฟ้าปราดมาที่โต๊ะมัศยาแต่ไม่เห็นเจ้าตัว ก็แปลกใจ
“อ้าว หยีไปไหนล่ะเนี่ย”
น่านฟ้าหันไปเห็นต๋องก็เรียกมาทันที
“ไอ้ต๋องๆๆ”
ต๋องหันมา รีบเข้ามารับคำสั่ง
“คร้าบคุณน่าน จะให้ต๋องทำอะไรเหรอครับ”
“แฟนฉันไปไหนล่ะ”
“ไม่รู้ครับ แต่ต๋องกำลังแปลกใจอยู่เหมือนกันครับ”
“แปลกใจอะไรวะ”
“ก็ต๋องเห็นเจ๊หยียืนอยู่หน้าประตูห้องคุณท่านแล้วก็รีบเดินออกไป ถ้าต๋องมองไม่ผิด เหมือนเจ๊หยีจะร้องไห้อยู่ด้วยนะครับ”
น่านฟ้าได้ยินก็งงเป็นไก่ตาแตก
“ว่าไงนะ ร้องไห้เหรอ”
น่านฟ้าครุ่นคิดถึงเรื่องที่เขาคุยกับวิภา
“ก็ผมยังยุ่งๆอยู่นี่ครับ อีกอย่างถ้าหยีเขายังไม่ไว้ใจผมแบบนี้ แม่ใหญ่ว่าเราจะไปกันรอดเหรอครับ ผมว่าสุดท้ายก็คงหนีไม่พ้น ผมคงเบื่อที่เขาคอยตามจิกแบบนี้แล้วก็เลิกกับเขาจนได้”
น่านฟ้าคิดได้ ก็เอามือกุมหน้าเซ็งมาก
“โถ่เว้ย ไอ้น่านนะไอ้น่าน ไม่น่าเล้ย”
ต๋องมองน่านฟ้าตาปริบๆ
“ไม่น่าอะไรเหรอครับ”
“ฉันไปตามหาแฟนฉันก่อนนะ ฝากบอกแม่ใหญ่ด้วยว่าฉันไม่เข้าออฟฟิศแล้ว”
“คับพ้ม”
น่านฟ้ารีบวิ่งออกไป แล้วพยายามกดโทรศัพท์ไปด้วย แต่โทรไม่ติด เครียดมาก ในขณะที่มัศยาขับรถไป ร้องไห้ไป
ป้ามะลิกางผ้าเช็ดหน้าที่ปักชื่อป้ามะลิดูอย่างสนใจ โดยที่ปารณและนิรชานั่งมองลุ้นๆ
“เป็นไงบ้างครับป้า ถูกใจป้ารึเปล่า”
ป้ามะลิทำหน้าผิดหวัง นิรชาหน้าเจื่อน
“ยายจ๋า คุณเป้เขาถามยายน่ะจ้ะ”
“ข้าได้ยินแล้ว ข้าไม่ได้ดูหนวกซะหน่อย”
“งั้นยายบอกเขาไปสิจ๊ะว่ายายชอบมั้ย รู้มั้ยจ๊ะว่าคุณเป้เขาฝึกปักอยู่เป็นเดือนเลยกว่าจะได้ขนาดนี้”
“อยากฟังความจริงมั้ยล่ะ”
“ครับ ป้าพูดมาเลย ผมพร้อมจะฟังทุกอย่างครับ”
“ไม่ได้เรื่อง”
ปารณและนิรชาหน้าเจื่อน
“แต่ข้าก็ชอบ เพราะอย่างน้อยมันพิสูจน์ว่าเอ็งน่ะ ตั้งใจทำเพื่อนังนิจริงๆ”
ปารณและนิรชายิ้มดีใจ
“หมายความว่า ป้าอนุญาตให้ผมจีบนิได้แล้วใช่มั้ยครับ”
“เออ ยอมก็ได้วะ”
ปารณลิงโลด
“ไชโย ขอบคุณครับป้า”
ปารณเข้ามากอดป้ามะลิแน่น ป้ามะลิตีๆ
“หนอยๆๆ ไอ้นี่ พูดดีด้วยแล้วลามปามนะ”
“ผมขอโทษครับ ผมดีใจไปหน่อย”
“ความจริง ข้าน่ะใจอ่อนตั้งแต่เห็นเอ็งมาทำข้าวเกรียบบ้านข้าแล้วล่ะ แต่ข้าไม่อยากให้เอ็งรู้สึกว่ามันง่ายไป เดี๋ยวนังนิมันจะดูไม่มีค่า”
“แหม สมเป็นคุณยายของแฟนผมจริงๆ รู้จักอัพแวลู่ หาวิธีเพิ่มมูลค่าสินค้าซะด้วย”
“เฮ้ย ให้มันน้อยๆ หน่อย ข้าไม่ได้ขายหลานกินนะเว้ย”
“ครับๆ ป้า แต่ผมดีใจจริงๆ ผมสัญญาครับป้าว่าผมจะดูแลนิอย่างดีที่สุดเลยครับ”
ปารณและนิรชายิ้มให้กันอย่างมีความสุข ป้ามะลิแอบยิ้มดีใจด้วยเหมือนกัน
เวลาต่อมา ปารณและนิรชาเดินจูงมือกันมาที่รถ
“รู้มั้ยนิ วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขที่สุดเลย”
“นิก็ดีใจค่ะ”
“แค่ดีใจแค่นั้นเหรอ ความจริงน่าจะมีรางวัลให้กับความพยายามของฉันบ้างนะ”
ปารณทำแก้มป่องยื่นแก้มให้นิรชา นิรชายิ้มรับเขินๆ ยื่นหน้าเข้าไปที่แก้มปารณ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของปารณก็ดังแทรกขึ้น ทั้งสองชะงัก
“ใครวะ โทรมาไม่รู้เวล่ำเวลา”
ปารณกดรับสายทันที
“ฮัลโหล แค่นี้นะ”
“เดี๋ยวสิวะเป้”
“อะไรของแกวะไอ้น่าน”
“ฉันมีเรื่องให้แกช่วย แกต้องช่วยฉันนะ”
ปารณหงุดหงิด
น่านฟ้าเดินไปตามชายหาดหัวหิน พลางตะโกนเรียกมัศยาไปด้วย
“หยีจ๋า ยาหยี ที่รักของน่าน หยีอยู่ไหนจ๊ะ”
ปารณและนิรชาเดินไปตามชายหาดอีกด้าน พลางตะโกนเรียกมัศยาเช่นกัน
“คุณหยีครับ”
“พี่หยีคะ”
“อยู่ไหนคร้าบ”
ปารณและนิรชาหันมามองหน้ากันเครียดๆ
ทั้งสามคนพยายามตามหามัศยา น่านฟ้าคุยกับพนักงานที่ล็อบบี้รีสอร์ทแต่ไม่ได้รับคำตอบ ปารณและนิรชาถามชาวบ้านบริเวณหนึ่งแต่ได้รับคำปฏิเสธ น่านฟ้าเดินไปคุยกับชาวประมง แต่ชาวประมงส่ายหน้าไม่รู้ ปารณและนิรชาถามรปภ.บริเวณหน้ารีสอร์ทก็ไม่ได้รับคำตอบเช่นกัน
มัศยานั่งดื่มน้ำส้มหน้าเครียดอยู่ที่บาร์ริมหาด ยกแก้วดื่มอั้กๆ บาร์เทนเดอร์มองมัศยาอย่างเกรงใจ ถามอย่างกลัวๆ เพราะจำมัศยาได้
“เติมน้ำส้มอีกแก้วมั้ยครับ”
มัศยากระแทกแก้วลงที่โต๊ะ บาร์เทนเดอร์สะดุ้งโหยง
“ให้ไวเลย”
“ครับเจ๊”
มัศยานั่งซึมเศร้ามาก
“หึ ไอ้เรารึทำทุกอย่าง ทั้งเปลี่ยนแปลงตัวเองจากยัยป้าเฉิ่มจนมาสวยอย่างกับนางงามแบบนี้ อยากได้อะไร ก็ตามใจทุกอย่าง อุทิศทั้งชีวิตแรงกายแรงใจให้ แต่สุดท้าย ก็ได้มาแต่ความว่างเปล่า”
มัศยาร้องไห้โฮ บาร์เทนเดอร์ค่อยๆ วางแก้วน้ำส้มลงบนโต๊ะหน้ามัศยา
“ใจเย็นๆ นะเจ๊ สวยๆ อย่างเจ๊หาแฟนไม่ยากหรอกเชื่อผม”
“ใครบอกว่าฉันอยากมีแฟน แฟนน่ะฉันกระดิกนิ้วทีเดียวก็ได้แล้ว แต่ฉันอยากแต่งงาน อยากมีครอบครัว อยากมีลูกเข้าใจมั้ย”
“จ้ะๆ เข้าใจแล้วเจ๊”
“ทำไมผู้ชายที่มันคิดจะจริงจัง รักจริงหวังแต่ง มันถึงได้หายากหาเย็นจังวะ”
ทันใดนั้น เสียงของน่านฟ้าก็ดังขึ้น
“ใครบอกว่าหายาก แค่หันหลังมาก็เจอแล้ว”
มัศยาชะงัก ค่อยๆ หันมา เห็นน่านฟ้ายืนยิ้มอยู่
“คุณน่าน”
มัศยานึกได้ก็รีบเดินออกไปทันที
“เดี๋ยวก่อนสิหยี”
น่านฟ้ารีบเดินตามมัศยา คว้ามือเธอไว้
“เดินหนีผมทำไมล่ะหยี นี่ผมอุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกลเพื่อมาง้อหยีเลยนะ”
มัศยาค้อนขวับ งอนๆ
“ถ้ามันลำบากนักแล้วจะมาทำไม”
“โถๆๆ กับแฟนอย่างหยี ให้ลำบากกว่านี้กี่เท่าผมก็มา”
“มาทำไม ไม่รักแล้วมาทำไม”
“แน้ พูดอย่างกับเพลงแน่ะ ใครบอกล่ะว่าผมไม่รัก”
“ก็ฉันได้ยินหมดแล้ว ที่คุณบอกกับคุณท่านว่าคุณไม่อยากหมั้นกับฉัน คุณหาว่าฉันงี่เง่า ขี้หึง ระแวงคุณ ยังไงก็ต้องเลิกกันไม่ใช่เหรอ”
“นั่นน่ะใช่ แต่หยียังฟังไม่จบ เพราะอะไรรู้มั้ย”
“เพราะอะไร”
น่านฟ้าหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วจับมือมัศยาขึ้นมาด้วย
“เพราะผมอยากแต่งงานกับหยีมากกว่าไง”
มัศยาตะลึงค้าง อายม้วน
“คุณน่าน นี่หมายความว่า”
น่านฟ้าคุกเข่าลงตรงหน้ามัศยา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“แต่งงานกับเค้านะยาหยี”
มัศยายิ้มทั้งน้ำตา ปาดน้ำตาป้อยๆ น่านฟ้าชะงัก
“อ้าว ร้องไห้ทำไม หยีไม่ดีใจเหรอ”
“สวมเร็วๆ สิ ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวสวมเองซะก่อน”
น่านฟ้ารีบสวมแหวนที่นิ้วมัศยาทันที
“คุณน่าน”
มัศยาโผเข้ากอดน่านฟ้าแน่น เอาขาสองข้างหนีบเอวน่านฟ้าเต็มแรง
ปารณและนิรชายืนมองน่านฟ้ากับมัศยา เขาโอบนิรชาไปด้วย ก่อนจะแอบลักไก่หอมแก้มไปหนึ่งฟอด
บริเวณชายหาด น่านฟ้ายืนกอดมัศยา มองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับลง
“ยาหยีจ๋า”
“คะ”
“ผมมีความสุขจังเลยเวลาได้อยู่ใกล้ๆ คุณแบบนี้ ไม่รู้ทำไมผมถึงมองข้ามคุณไปตั้งนาน”
“ก็เพราะคุณมันตาถั่ว ตาไม่ถึง ไร้รสนิยมไง แต่ดีนะที่กลับตัวทัน เลยได้ครอบครองหัวใจฉันไปจนได้”
“แหม ไปมั่นใจมาจากไหนล่ะเนี่ย พูดซะอย่างกับตัวเองเป็นนางฟ้า”
“แล้วไง ถ้าฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาไม่ใช่นางฟ้าแล้วคุณจะไม่รักฉันเหรอ”
“ใครบอกล่ะ ผมรักคุณก็เพราะคุณเป็นคนธรรมดานี่แหละ เอาอย่างนี้ดีมั้ย กลับไป เราเร่งจัดงานแต่งงานกันเลยนะ ผมอยากมีลูกให้แม่ใหญ่กับแม่อุ้มจะแย่แล้ว”
มัศยาหันขวับมาทันที
“เดี๋ยวก่อน ฉันยอมตกลงแต่งงานกับคุณ แต่ฉันยังไม่ได้บอกเงื่อนไขกับคุณเลย”
“เงื่อนไขอะไรเหรอ”
“กลับไปคุณจะต้องไปปฏิบัติธรรม 7 วัน 7 คืน ทำให้ฉันมั่นใจก่อนว่าคุณจะ ลด ละ แล้วก็เลิกอบายมุข ไม่งั้นฉันเปลี่ยนใจจริงๆ ด้วย”
“หา ปฏิบัติธรรมเหรอ”
“เอาไง หรือจะให้ฉันเปลี่ยนใจ”
“โนวๆๆ เปลี่ยนไม่ได้นะ ตกลงแล้วก็ต้องตามนั้นสิ โอเค ยอมก็ได้ ผมจะไปปฏิบัติธรรมตามที่ยาหยีสั่งแล้วกัน”
มัศยายิ้มพอใจ
“ดีมาก น่ารักที่สุด”
“น่ารักงั้นแสดงความรักกับเค้าหน่อยสิยาหยี”
น่านฟ้าทำปากจูจุ๊บมัศยา มัศยาอายม้วนผลักน่านฟ้าเต็มแรง พอก้มลงมองอีกที เห็นหน้าน่านฟ้าฟุบอยู่กับพื้นทรายแล้ว
“คุณน่าน”
มัศยาพยายามขุดน่านฟ้าขึ้นมาจากพื้นทราย แล้วทั้งสองคนก็กลับมาหวานชื่นกันเหมือนเดิม
จบบริบูรณ์