xs
xsm
sm
md
lg

ลีลาวดีเพลิง ตอนที่ 16

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ลีลาวดีเพลิง ตอนที่ 16

คนมานั่งรวมตัวกันที่ห้องโถง อนันยชหน้าเครียดกว่าใครเพื่อน

“วัน ทำจริงรึเปล่า?”
ทรงพลหันมาถามเชิงตำหนิ อนันยชนิ่งเงียบ ทิวัตถ์มองด้วยความผิดหวัง แต่จู่ๆ วาสนาก็โพล่งขึ้นมา
“จะโทษพ่อวันฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนะ ผู้หญิงอาจให้ท่าก่อนก็ได้”
ลิลินถึงกับสะดุ้ง “ฉันเนี่ยนะให้ท่า”
ศุภารมย์หันมองทิวัตถ์อย่างหนักใจ “แล้ววินจะทำยังไง?”
“คราวนี้ผมจะทำลืมมันไป ผมเข้าใจว่าเหล้าทำให้วันขาดสติ”
แต่อนันยชกลับท้าให้เอาตำรวจมาจับ ศุภารมย์ใจไม่ดีที่พี่น้องต้องมาทะเลาะกัน
“วัน วันเป็นฝ่ายผิดยังจะหาเรื่องน้องอีกเหรอ?”
“ใช่สิ ตั้งแต่เล็กจนโต ผมก็เป็นฝ่ายผิดตลอด ทำอะไรผมก็ผิดตลอดอยู่แล้ว”
อนันยชน้อยใจเดินออกไป ศุภารมย์ได้แต่โทษตัวเองที่เลี้ยงลูกชายแบบตามใจ จนทรงพลต้องพูดปลอบ
“ใจเย็นๆก่อน คุณไม่ต้องคิดมาก
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงวันก็ลูกฉัน แต่ถ้าเขาทำให้ครอบครัวต้องเสียชื่อเสียงเมื่อไหร่ ฉันก็พร้อมจะตัดเขาได้”
วาสนาตกใจ รีบท้วง
“พูดอย่างนี้นี่ แม่ต่ายจะตัดพ่อวันออกจากกองมรดกหรือเปล่าเนี่ย?”
“มากกว่านี้ต่ายก็จะทำค่ะ”

วาสนาหน้าเจื่อน เพราะกลัวตัวเองเสียผลประโยชน์

ทิวัตถ์เห็นลิลินซึมๆ อยู่ ก็เลยชวนมาหาศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีที่โรงแรม ทั้งคู่ถึงกับตกใจ ระคนดีใจ

“ลิน เธอหายดีแล้วเหรอ?”
วิชนีถามอนย่างตื่นเต้น
“ฉันดีขึ้นแล้ว ทำใจได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นแล้วล่ะ”
ศักดิ์สิทธิ์ถามต่อทันที
“แล้วทำไมคุณไม่อยู่พักผ่อนที่บ้านต่ออีกหน่อยล่ะครับ จะรีบออกมาเจอความวุ่นวายภายนอกทำไม?”
“อยู่แต่ในบ้านนี่สิคะไม่ดี ให้ฉันได้ออกมาเห็นโลกภายนอก ไม่ต้องมาจมอยู่กับความคิดตัวเองยังจะดีซะกว่า จริงสิ ฉันดีใจด้วยนะคะคุณสิทธิ์ นีด้วย”
ศักดิ์สิทธิ์กับวิชนียิ้มให้กันเขินๆ ก่อนที่วิชนีจะลากลิลินไปที่โต๊ะข้างๆ
“ขอบใจนะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ช่วยฉันเลือกชุดเจ้าสาวหน่อยสิ ฉันเซฟไว้เต็มเครื่องเลย”
ทิวัตถ์กับศักดิ์สิทธิ์นั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะเดิม มองดู 2 สาวช่วยกันเลือกชุดแต่งงาน
“แกเห็นแล้วใช่มั้ย คุณลินกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ฉันดีใจว่ะ”

ทิวัตถ์พูดยิ้มๆ โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาใครบางคนแอบมองพวกเขาอยู่

ขณะที่ทรงพลกับศุภารมย์นั่งเครียดกับเรื่องของอนันยช จู่ๆ วรรณิตก็เข้ามาบอกเรื่องจะขอหย่า ขณะที่วาสนารีบตามเข้ามาโวยวาย

“แกจะหย่าได้ไงนังณิต หย่าไปแล้วใครจะเลี้ยงลูก”
ทรงพลกับศุภารมย์ได้ยินก็สงสัย
“ลูกอะไร ลูกใคร?”
วาสนาแกล้งทำหน้าซื่อ “แกยังไม่ได้บอกใครเหรอว่าแกท้อง”
ศุภารมย์หันมาถามย้ำ “เธอท้องเหรอ?”
วรรณิตแอบโกรธวาสนา แต่ก็จำใจต้องยอมรับ “ค่ะ”
ทรงพลหน้าเครียด
“จะขอหย่า ทั้งๆที่เพิ่งท้องเนี่ยนะ เป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนใช่มั้ย?”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ณิตเลี้ยงลูกได้ ให้ณิตหย่าเถอะนะคะ”
ศุภารมย์เสียงแข็งขึ้นมาทันที
“ไม่ได้ ยังไงลูกในท้องก็เป็นลูกของวัน หลานของฉัน ฉันคงให้เธอหย่ากับตาวันไม่ได้”
วาสนาแอบยิ้มดีใจ ขณะที่ที่วรรณิตทำหน้าเศร้า
จากนั้นวาสนาก็ออกมาพูดเกลี้ยกล่อมวรรณิต ถึงความยากลำบากหากว่าเธอต้องหย่าขาดกับอนันยช
“แล้วถ้าแกต้องออกจากที่นี่ จนแกไม่มีเงิน แล้วลูกแกต้องกินแกลบกินดิน นั่นแกเรียกมันว่าความสุขใช่มั้ย? จริงอยู่ แกออกจากบ้านนี้ไปอาจจะทำให้แกมีความสุข แต่แกไม่คิดบ้างเหรอว่าเด็กมันจะอยู่ยังไง เด็กมันผิดอะไรถึงต้องให้ออกไปใช้ชีวิตลำบากกับแก แกอยู่เฉยๆ ไปเหอะ เดี๋ยวฉันจัดการให้แกได้เสวยสุขบนกองเงินกองทองเอง”

วรรณิตเงียบไป เพราะก็จริงอย่างที่วาสนาพูด

“คุณสิทธิ์กับนี คู่นี้เขาน่ารักนะ” ลิลินหันมาบอกกับทิวัตถ์ขณะที่นั่งรถออกจากโรงแรม จะกลับบ้านมาด้วยกัน

“นั่นสิ ยิ่งคิดว่าเมื่อก่อนเคยทะเลาะกันมากขนาดไหน ก็ยิ่งน่ารัก เหมือนเราไง”
ลิลินชะงักไปอย่างเขินๆ ระหว่างนั้นทิวัตถ์เห็นถนนข้างหน้ามีกิ่งไม้ล้มขวางทางอยู่ เขารีบชะลอ ก่อนจะจอดรถ
“คุณรออยู่ในนี้แหละ เดี๋ยวผมลงไปดูเอง”
พูดพลางมองไปรอบๆ อย่างระวังตัว ก่อนจะลงจากรถ พลางก้มลงจะลากกิ่งไม้หลบเข้าข้างทาง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์เข้ามาใกล้ ก่อนจะพุ่งเข้ามาและมีอะไรบางอย่างกระแทกหัวอย่างแรง จนเขาถึงกับเซไป ลิลินกรีดร้องลั่น
“คุณวิน”
พลางรีบลงจากรถ จะไปหาทิวัตถ์ด้วยความเป็นห่วง ขณะเดียวกันรถมอเตอร์ไซต์ก็จอดนิ่ง ก่อนที่นพกรกำลังจะเดินผ่านทิวัตถ์ไป เพราะเป้าหมายของมันคือลิลิน
ทิวัตถ์ตั้งสติได้พยายามดึงไว้ แต่มันกลับผลักเขาล้มลงกระแทก ก่อนจะเข้าไปคว้าตัวลิลินมาแทน เขาพยายามลุกขึ้นมาจะเข้ามาช่วย แต่กลับถูกมันจ้วงแทง พร้อมกับฉุดเธอให้ไปด้วยกัน
“ปล่อย ปล่อยฉันนะ”
นพกรหน้าเหี้ยม “ทำไมล่ะ? ก็ในเมื่อเราสองคนรักกัน เงินเราก็มี เราจะได้มีความสุขด้วยกันนะ”
“ไม่ ฉันไม่ได้รักแก คุณวินอย่าเป็นอะไรนะ อดทนหน่อยนะคะ”
นพกรได้ยินก็ช้ำใจ ปล่อยมือจากลิลิน เธอรีบโผเข้าไปหาทิวัตถ์ที่สลบอยู่ด้วยความเป็นห่วง มันมองภาพนั้นด้วยความเสียใจ พลางถือมีดเดินตรงเข้าหาเธอ น้ำตาเริ่มไหล พร้อมกับร้องเพลงงึมงำเหมือนคนบ้า
จู่ๆ ก็มีเสียงแตรรถพร้อมกับแสงไฟสาดมาจากรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะชนมันกระเด็นไปตายคาที่

ลิลินช็อกกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า
 
อ่านต่อหน้า 2

ลีลาวดีเพลิง ตอนที่ 16 (ต่อ)

ศุภารมย์ ทรงพลและลิลิน ยืนอยู่ข้างเตียงทิวัตถ์ ที่นอนไม่ได้สติอยู่ในโรงพยาบาล ด้วยความกังวลใจ ครู่หนึ่งเขาก็เพ้อขึ้นมา

“แม่”

ก่อนจะสะดุ้งตื่นด้วยท่าทางตกใจกลัว พลางกระพริบตาถี่ๆ อย่างตั้งสติและพยายามจะระลึกความ
ทรงจำเมื่อครู่
“แม่ต้อยตายแล้วใช่มั้ย? แม่ตกไปจากระเบียง แม่กลัว ผมเห็น”
ศุภารมย์ตกใจรีบบีบแขนทิวัตถ์แน่น
“วิน เป็นไรลูก?”
พลันวาสนากับวรรณิตก็เข้ามา
“พ่อวิน เป็นยังไงมั่งลูก?”
ลิลินหันมามอง พลางพูดแขวะวาสนาด้วยเสียงหวาน

“ปลอดภัยแล้ว แต่อาการจะทรุดก็เพราะใครสักคนแถวนี้นั่นแหละค่ะ”

ทันใดนั้นทิวัตถ์ก็กุมหัวอย่างทรมาน วาสนาได้ทีหันมามองเยาะลิลิน

“นั่นไง จะใครซะอีกล่ะ ก็ตัวแกนั่นแหละ แกมันเป็นตัวต้นเหตุ”
“เพราะป้าพานพกรเข้ามาในบ้านต่างหากล่ะ”
ทรงพลพูดออกมาอย่างเหลืออด จังหวะนั้นหมอก็เดินเข้ามา
“คนไข้เป็นไงบ้างครับ รู้สึกตัวรึยัง?”
ศุภารมย์รีบบอก “รู้สึกตัวแล้วค่ะ แต่หมอคะ ขอยาแก้ปวดให้วินหน่อยได้มั้ยคะ วินบอกว่าปวด
หัวมาก”
ทิวัตถ์หันไปเห็นลิลิน “แค่คุณลินอยู่ข้างๆ ผมก็พอครับ”
ลิลินรีบเข้าไปยืนข้างๆ ทิวัตถ์หลับตาลงอย่างอ่อนแรง หมอใส่ยาแก้ปวดลงในน้ำเกลือเรียบร้อย ก็เดินออกไป
ทิวัตถ์ยังเหนื่อยกับความฝัน น้ำตาไหลพราก
“ผมเห็น ผมรู้ว่าใครฆ่าแม่ต้อย?”

ลิลินได้ยินก็ชะงักขึ้นมาทันที

“คุณรู้เหรอว่าใครเป็นคนฆ่าแม่คุณ?” ลิลินถามอย่างร้อนใจ ศุภารมย์รีบขัดขึ้นทันที

“ไม่นะวิน สิ่งที่ลูกเห็นมันไม่จริง”
“คุณวิน บอกซิว่าคุณเห็นใคร?”
จู่ๆ ทิวัตถ์ก็หลับตาลงด้วยสีหน้าทรมานด้วยความปวดหัว ศุภารมย์รีบเข้าไปดู
“วิน วิน ฉันว่าเธอควรจะพอได้แล้วนะ”
ลิลินนิ่งไปอย่างเสียดายโอกาส ขณะที่ศุภารมย์กับทรงพลแอบโล่งใจที่ทิวัตถ์ไม่พูดออกมาว่าฆาตกรเป็นใคร?

วาสนาเดินออกมาจากห้องพักของทิวัตถ์ พร้อมกับวรรณิต ก่อนจะบ่นออกมาแบบไม่พอใจ ที่ทรงพลกับศุภารมย์ดูจะเป็นห่วงเป็นใยทิวัตถ์มากกว่าอนันยช
“ฉันอยากจะรู้นักนี่ถ้าพ่อวันเป็นคนที่โดนตีหัว แม่ต่ายกับพ่อพลจะเป็นเดือดเป็นร้อนอย่างนี้มั้ย?”
วรรณิตที่ทนฟังวาสนาบ่นมานาน ก็พูดขึ้นมาบ้าง
“เมื่อไหร่ยายจะเลิกเข้าข้างคุณวันซะที ยายเข้าข้างคุณวัน เพราะหวังว่าจะได้อะไรจากคุณวันใช่มั้ย?
แต่ถ้าคุณวันยังทำตัวแบบนี้ ยายคิดว่าคุณวันยังจะได้ในสิ่งที่ควรจะได้เหรอ?”

วาสนานิ่งคิดไปตามคำพูดของวรรณิต ก่อนที่แววตาจะเปลี่ยนเป็นเหี้ยมขึ้นมา

ขณะที่ศุภารมย์กับทรงพลนั่งเฝ้าทิวัตถ์ด้วยความเป็นห่วง จู่ๆ ทรงพลก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวเรื่องแม่ของผู้ว่าฯ เสียชีวิต ทั้งคู่ทำท่าไม่อยากไปร่วมงาน แต่ทิวัตถ์กลับท้วงไว้

“ไม่ได้นะครับ เรื่องสำคัญอย่างนี้ ถ้าพ่อกับแม่ไม่ไปมันจะไม่ดีนะครับ”
ทรงพลรีบบอก “แต่พวกเราไม่อยากทิ้งวินไว้คนเดียว”
ลิลินรู้ว่าทั้งทรงพลและศุภารมย์คิดว่าเธอจะถามความลับทิวัตถ์ ก็รีบพูดดัก
“ไว้ใจเถอะค่ะ เพราะฉันไม่มีทางทำอะไรคุณวินแน่นอน”
“เพราะวินคือหลักฐานชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ของเธอล่ะซิ”
ลิลินกับศุภารมย์ต่างมองหน้ากันอย่างรู้ทันกันทั้งคู่ จนทรงพลต้องขัดขึ้น
“ก็ได้ ถ้าวินอยากอยู่กับคุณลิน ไปเถอะคุณ เรายังมีเรื่องยุ่งที่ต้องทำอีกนะ”
ศุภารมย์จำต้องเดินออกจากห้องไปพร้อมกับทรงพล ลิลินหันมามองทิวัตถ์อย่างเป็นห่วง
“คุณไม่มีทางทำอะไรผม เพราะผมเป็นหลักฐานชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ของคุณ อย่างที่แม่ต่ายว่าจริงๆ เหรอ?”
“ถ้าคุณอยากคิดอย่างนั้นก็ตามใจ”
ลิลินขยับจะลุกขึ้นด้วยความน้อยใจ แต่ทิวัตถ์กลับคว้าจับมือเธอไว้
“ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงผม ผมแค่อยากได้ยินจากปากของคุณ”
ลิลินหันมามองเขินๆ สักพักทิวัตถ์ก็คิดอะไรได้
“ผมนึกออกแล้ว ผมไม่ใช่หลักฐานเพียงชิ้นเดียวหรอก คุณจำต้นฉบับนิยายที่มัตขโมยมาจากผู้กำกับได้มั้ย? ถ้ามันเป็นจริงอย่างที่เพื่อนคุณบอก เพราะฉะนั้นถ้าเราเปิดไปหน้าสุดท้าย ก็น่าจะรู้ว่าใครเป็นฆาตกรตัวจริง”
ลิลินเพิ่งนึกออกเหมือนกัน

“จริงด้วย ทำไมฉันลืมไปเลย”
 
อ่านต่อหน้า 3

ลีลาวดีเพลิง ตอนที่ 16 (ต่อ)

ทางด้านวาสนาก็แอบมาพูดใส่ไฟให้อนันยชฟังเรื่องที่ทรงพลกับศุภารมย์ดูจะเป็นห่วงทิวัตถ์มากกว่า

ระหว่างนั้นศุภารมย์กับทรงพลก็เดินเข้ามา อนันยชหันไปเห็นก็ทำท่าจะออกไป แต่ศุภารมย์รีบเรียกไว้
“วัน วันควรจะไปเยี่ยมน้องหน่อยนะ”
อนันยชทำหน้าเซ็ง
“ใครๆ ก็แห่ไปเยี่ยมกันเยอะแยะแล้ว ผมไม่ไปสักคนคงไม่เป็นไรมั้งครับ”
ศุภารมย์ไม่พอใจ ผิดกับวาสนาที่แอบสะใจ
“วัน แม่ไม่ชอบที่วันทำตัวแบบนี้ น้องเข้าโรงพยาบาลแทนที่จะไปเยี่ยม นี่อะไรกลับทำเหมือนไม่ใส่ใจ”

ทรงพลรีบตัดบทเร่งให้ศุภารมย์รีบออกจากบ้าน วาสนาได้ทีจึงอาสาจะไปดูแลทิวัตถ์ให้เอง ก่อนจะยิ้มร้ายที่ทำอย่างเข้าแผน วรรณิตแอบเห็นก็ไม่สบายใจ

ทางด้านลิลินก็กลับมาที่บ้านของทิวัตถ์ ก็จะรีบตรงดิ่งขึ้นไปบนห้องพัก พลางหยิบต้นฉบับนิยายที่ถูกซ้อนทับด้วยของต่างๆ ขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ เปิดไปหน้าสุดท้าย แล้วก็ถึงกับชะงักตกใจ

อนันยชกำลังจะออกไปข้างนอก ขณะที่วรรณิตเดินออกมาจากอีกทาง ก่อนจะเดินผ่านไปทำเหมือนไม่เห็น เขามองอย่างไม่พอใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะมีปากเสียงกัน อนันยชเดือดดาล จนพลั้งมือตบวรรณิตเต็มแรง จากนั้นก็ผลุนผลันเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
วรรณิตเดินร้องไห้ด้วยความเสียใจเข้ามาในห้อง ก่อนจะเปิดลิ้นชักหยิบกล่องของแม่ออกมาดูด้วยความคิดถึง
“แม่จ๋า แม่ไม่น่าทิ้งปรางไปเลย ปรางไม่เหลือใครแล้ว”
พลางมองเห็นสร้อยข้อมือเส้นหนึ่ง เธอรีบหยิบขึ้นมาดู
“ไม่ใช่ของแม่นี่ แล้วของใคร?”
นิ่งนึกอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็นึกออกว่าเป็นสร้อยที่วาสนาใส่เป็นประจำ พลางนึกถึงคำพูดที่อีกฝ่ายที่บอกว่าจะไปดูทิวัตถ์ให้เอง

วรรณิตใช้ความคิดอย่างหนักก่อนจะคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ด้วยสีหน้าตกใจ

พอลงมาด้านล่างก็เจอลิลิน ที่รีบแก้ตัวว่ากลับมาเอาของ

“แล้วตอนนี้มีใครเฝ้าคุณวินอยู่หรือเปล่าคะ?”
“ไม่มีค่ะ”
วรรณิตได้ยินก็ใจคอไม่ดี
“ฉันตั้งใจว่าจะกลับมาแป๊บเดียวค่ะ คุณณิตมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“คุณวิน คุณวินกำลังตกอยู่ในอันตรายค่ะ”
-ที่ลิลินตกใจ

วาสนาอาสัยช่วงปลอดคน ผลุบเข้ามาในห้องพักของทิวัตถ์ ก่อนจะเห็นเขานอนหลับอยู่บนเตียง พลางปรายตามองไปที่สายน้ำเกลือที่ถูกปิดอยู่ จากนั้นก็หยิบเข็มฉีดยาออกมาจากกระเป๋า เดินเข้ามามองเขาอย่างเลือดเย็น

ลิลินรีบวิ่งเข้ามาในห้องทิวัตถ์อย่างร้อนใจ แต่พอเปิดประตูเข้ามาในห้อง ก็เห็นเขานอนอยู่เป็นปกติดี
เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเดินเข้าไปจับมือเขา แล้วก็แปลกใจที่พบว่ามือนั้นเย็นเฉียบ ก่อนจะสังเกตว่าเขาหายใจติดๆ ขัดๆ
“คุณวิน คุณวินคะ”
เมื่อมองไปที่เครื่องวัดชีพจร ก็เห็นว่าชีพจรอ่อน ก่อนจะมองไปที่ขวดน้ำเกลือที่กำลังหยดอย่างรวดเร็ว
เธอตกใจ รีบดึงเข็มออกจากแขน แล้วกดปุ่มเรียกพยาบาลถี่ๆ ก่อนจะหันมาพยายามเรียกสติทิวัตถ์
พยาบาลรีบวิ่งเข้ามาในห้อง
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
“ทำไมตัวคุณวินถึงได้เย็นอย่างนี้คะ?”
พยาบาลรีบเข้ามาดู ก่อนจะเห็นว่ายาพร่องไปเกือบครึ่งก็มีสีหน้าตกใจ
“มีใครให้ยาคนไข้เหรอคะ?”
จู่ๆ วาสนาก็เข้ามาในห้อง แล้วแกล้งทำเป็นตกใจ
“มีอะไรกันเหรอ?”
“มีคนให้ยาคุณวินเพิ่มน่ะค่ะ ตอนนี้คุณวินได้รับยาเกินขนาดที่หมอสั่ง"
วาสนากับพยาบาลหันมองลิลิน
“แกทำอะไรหลานฉัน?”

ลิลินหน้าซีดตกใจ รีบปฏิเสธ “ฉันไม่ได้ทำ”

พลันทรงพลกับศุภารมย์ก็เข้ามาก่อนจะรีบเข้าไปดูอาการของทิวัตถ์ หลังจากที่รู้เรื่องจากที่วรรณิตแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น?”
วาสนารีบหันมารายงานทั้งคู่
“ก็จะอะไรล่ะ แม่นักร้องนี่สิพยายามจะฆ่าพ่อวิน นี่พ่อพลกับแม่ต่ายมาก็ดีแล้วช่วยกันจับฆาตกรหน่อย”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
วาสนาแกล้งโวยวายต่อ
“หนอย แม่ตัวดี ดีนะที่ฉันเป็นห่วงหลานเลยแวะเข้ามาดูทันเห็นเธอกำลังจะฆ่าพ่อวินพอดี”
“ฉันไม่มีทางทำอย่างนั้น”
วาสนาไม่สนใจ รีบเข้าไปจะจับลิลินไว้ “ไปแก้ตัวที่โรงพักต่อเถอะย่ะ”
แต่ศุภารมย์กลับหันขวับมาทางวาสนา
“เป็นนักร้องคงจะไม่ถนัดเรื่องต่อสายน้ำเกลือมั้งคะ?”
วาสนาตกใจ รีบกลบเกลื่อน
“อะไรกันแม่ต่าย ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าเป็นฝีมือแม่นี่”
“ไม่ใช่ป้าเหรอคะที่พยายามจะฆ่าวิน”
วาสนาชะงัก รีบโวยวายเสียงดังเข้าข่ม
“เพ้อเจ้อ แม่ต่ายพูดอะไร เลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว”
ทันใดนั้นเสียงวรรณิตก็ดังขึ้น
“มันจบแล้วยาย”
วาสนาอึ้ง เมื่อหันไปเห็นวรรณิตเดินนำตำรวจเข้ามา แต่ไม่วายรีบพูดเอาตัวรอด
“แกพูดอะไรของแกฮะยัยณิต คุณตำรวจคะ จับมันเลยค่ะ นังนักร้องนี่ต้องการจะฆ่าหลานฉัน”

วรรณิตมองจ้องวาสนาอย่างผิดหวัง
 
อ่านต่อหน้า 4

ลีลาวดีเพลิง ตอนที่ 16 (ต่อ)

วรรณิตมองจ้องวาสนาอย่างผิดหวัง

“เลิกเล่นละครได้แล้วยาย ณิตรู้แล้วยายเป็นคนที่ฆ่าแม่สา แล้วตอนนี้ยายก็กำลังจะฆ่าคุณวินอีกคน”
“เหลวไหล เอาอะไรมาพูดฮะ แม่ต่ายอย่าไปเชื่อนะ นี่แม่ณิตฉันสอนกี่ครั้งแล้วว่าให้เลิกโกหกกุเรื่องขึ้นมาอีกใช่มั้ย?”
“ป้าเลิกเล่นละครซะทีเถอะค่ะ ฉันเองไม่อยากให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้”
วาสนาที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี พยายามหว่านล้อมศุภารมย์กับทรงพล
“อะไรกันพ่อวินก็หลานฉันนะแม่ต่าย ฉันจะฆ่าพ่อวินไปให้ได้ประโยชน์อะไรล่ะ?”
ศุภารมย์ยิ้มเยาะ
“เยอะเลยค่ะ ถ้าไม่มีวิน วันก็จะขึ้นมาได้ทุกอย่างแทน ป้าคุมหนูณิตอยู่มือก็เท่ากับคุมวันได้ด้วย
ที่จริงฉันก็อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าวินพ้นทางไปแล้วใครจะเป็นคนต่อไปคะ? คงเป็นคุณพล จากนั้นก็คงเป็นคิวต่ายใช่มั้ยคะ? แล้วป้าก็จะสบายนั่งกินนอนกินบนกองเงินกองทองของคุณพล”
วาสนารีบเถียงปากคอสั่น ก่อนจะนึกถึงวิธีที่จะทำให้พ้นตัวได้
“อะไร นี่ใครใส่ความคิดพวกนี้ให้แม่ต่าย อ๋อ แม่ต่ายกำลังใส่ร้ายฉัน เพื่อให้ตัวเองพ้นผิดล่ะซิ พ่อพลก็คิดดูดีๆ สิถ้าพ่อวินเป็นอะไรไปสักคน คนที่จะได้มรดกมากที่สุดก็คือพ่อวัน ลูกชายแท้ๆ คนเดียวของแม่ตาย”
ศุภารมย์ที่ถูกกล่าวหาก็หน้าซีด

“คุณตำรวจ จับเลยค่ะ นั่นแหละคนร้ายที่จะฆ่าหลานฉัน”

จู่ๆ ทรงพลก็ตวาดออกมา

“ไร้สาระ คุณต่ายไม่มีวันทำร้ายวินแน่ ผมเชื่อใจคุณต่าย และรู้ว่าคุณต่ายรักวินจริงๆ ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำอย่างที่ป้าคิด เพราะคุณต่ายไม่ได้เป็นแค่ป้า หรือแม่เลี้ยงของวินเท่านั้น”
ศุภารมย์คว้าแขนทรงพลขึ้นห้ามไว้อย่างร้อนรน แต่ห้ามไว้ไม่
“แต่คุณต่ายเป็นแม่อุ้มบุญของวินด้วย”
ทุกคนได้ยินก็ชะงักไป ก่อนที่ทรงพลจะย้ำต่อ
“ป้าคิดว่าคนที่รักสวยรักงามอย่างต้อยจะยอมท้องเหรอ? ผู้หญิงเห็นแก่ตัวอย่างนั้นไม่มีวันตั้งท้องเองได้หรอก แต่เธอกลัวว่าถ้าไม่มีลูกผูกมัดผม ผมอาจจะขอหย่าได้ เลยมาขอให้คุณต่าย พี่สาวตัวเองเป็นแม่อุ้มบุญให้”
ลิลินนิ่งอึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง วาสนาเองก็ตกใจ
“ต๊าย มิน่าถึงต้องไปคลอดไกลตั้งเมืองนอกเมืองนา ถึงว่าทำไมแม่เลี้ยงบ้านนี้เขารักลูกเลี้ยงซะเหลือเกิน”
“ผมว่าป้าเลิกกล่าวหาคนอื่นแล้วยอมรับสิ่งที่ป้าทำเถอะ”
แต่วาสนายังยืนกรานเสียงแข็ง
“ฉันบอกว่าไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำสิ ไหนล่ะหลักฐาน”
วรรณิตทนไม่ไหวรีบพูดขึ้นมาบ้าง
“เรื่องมันขนาดนี้แล้ว ยายยอมมอบตัวซะดีกว่า เพราะกำไลข้อมือของยายมันคือหลักฐานว่ายายคือคนที่เข้าไปหาแม่สาคนสุดท้าย”
วาสนาตกใจเอาจับที่ข้อมือ ก่อนที่ศุภารมย์จะพูดเสริมขึ้น
“คนที่จะให้ยาเกินขนาดกับวินได้ ต้องเป็นคนมีความรู้เรื่องการักษาพยาบาลพอสมควร ถ้าไม่ได้เรียนมาก็ต้องเคยพยาบาลคนเจ็บหรือคลุกคลีอยู่ในโรงพยาบาลมานาน ที่ผ่านมาก็เห็นจะมีแค่ฉันที่ต้องเฝ้าวิน กับป้าที่ต้องดูแลลุงสุธีเท่านั้นที่พอทำได้”
“ได้จะให้ฉันยอมรับใช่มั้ย? ได้ ฉันนี่แหละเป็นคนทำเอง”
วาสนาจนมุมก่อนจะหยิบเข็มฉีดยาจากกระเป๋าขึ้นมาหันมาจะแทงทิวัตถ์ แต่แล้วลิลินก็กระโดดเข้ามาขวางไว้ จนถูกเข็มปักที่ไหล่ แต่เธอฮึดสู้ ผลักวาสนาออกไปเต็มแรง จนเซไปก็สะดุดกับเสาน้ำเกลือก่อนจะล้มลงหัวกระแทกพื้นอย่างแรง
 
วรรณิตยืนมองดูวาสนาที่นอนลืมตาแน่นิ่งอยู่กับพื้นด้วยแววตาที่สังเวช

ทรงพลกับศุภารมย์ตัดสินใจพาทิวัตถ์กลับมาพักฟื้นที่บ้าน ก่อจะมอบหมใยให้ป้าจวนเป็นคนดูแล แต่ลิลินกลับอาสาจะเป็นคนดูแลให้เอง

ศุภารมย์หันมองลิลินนิ่งๆครู่หนึ่ง รู้ว่าเธอเป็นห่วงทิวัตถ์จริงๆ จากการที่สละตัวเองเข้าไปช่วย
“ถ้าอยากได้อะไรก็บอกจวนแล้วกัน”
ทรงพลยิ้มให้อย่างซาบซึ้ง “ขอบใจหนูมากนะ”

เมื่อทุกคนเดินออกไป ลิลินก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ พลางมองทิวัตถ์อย่างเป็นห่วง

พอทรงพลกับศุภารมย์เดินลงมาที่ห้องโถง วรรณิตก็หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าลงมาลา

“ณิตมากราบลาคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ สิ่งที่ณิตทำ ณิตคงจะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้”
ศุภารมย์รีบท้วง “เราถูกยายน้อยบังคับนี่”
“ค่ะ ตอนนี้ยายก็รับกรรมไปแล้ว ณิตเลยมากราบลาคุณพ่อกับแม่ต่ายและขออโหสิกรรมต่างๆ ที่ณิตได้ทำไว้ด้วยนะคะ”
ศุภารมย์กับทรงพลมองอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ แต่จู่ๆ อนันยชก็โผล่เข้ามา ก่อนจะด่าว่าวรรณิตด้วยความไม่พอใจ
“รู้ตัวก็ดี เพราะเธอกับยายน้อยถึงทำให้คนในบ้านฉันต้องเจอแต่เรื่อง จนแม่ฉันต้องเกือบตายเพราะคนของพวกเธอ”
ศุภารมย์ออกปากจะปราม แต่อนันยชรีบพูดต่อ
“แม่จะห่วงทำไมครับ คนที่ดีแต่รูปร่างหน้าตาอย่างเธอ พอออกจากบ้านเราไป ก็คงจะเที่ยวไปหลอกบ้านอื่นต่อ”
“พอได้แล้ววัน เด็กในท้องหนูณิตก็เป็นลูกของวัน แม่ไม่ยอมให้หนูณิตไปไหนแน่”
วรรณิตยกมือขึ้นไหว้อย่างขอบคุณ
“ณิตขอบพระคุณคุณแม่ค่ะ แต่ยังมีอีกเรื่องที่ทุกคนต้องรู้ค่ะ ผู้ชายที่เข้ามามีเรื่องกับยายแล้วตายในงานแต่งงาน คือยงยุทธสามีของณิตเองค่ะ”
ทุกคนตกใจ ทรงพลรีบถามต่อ
“แล้วทำไมสามีเราถึงได้คิดทำร้ายยายน้อยล่ะ?”
“เขาโกรธที่ยายน้อยพาณิตหนีมาจากเขา แล้วพาไปทำศัลยกรรมจนเขาจำไม่ได้”
ศุภารมย์ขมวดคิ้ว สงสัย “ศัลยกรรม?”
“ค่ะ ณิตถูกยายพาไปศัลยกรรมมาทั้งตัวเพื่อให้เหมือนกับคุณต้อย”
อนันยชตกตะลึง พลางยกมือขึ้นจะตบหน้าวรรณิตแต่ก็ยั้งมือเอาไว้
“ออกไป ออกไปจากบ้านฉันซะ แล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
วรรณิตรีบก้มลงกราบทรงพลกับศุภารมย์อีกครั้งเพื่อลา
“แล้วนี่หนูจะไปอยู่ไหน?” ทรงพลไม่วายเป็นห่วง
“คงกลับไปอยู่บ้านที่จันท์ค่ะ”
ศุภารมย์ยิ้มให้อย่างเห็นใจ
“ไปเถอะ ส่วนเรื่องลูกตาวันฉันจะเป็นคนอุปการะเอง”

วรรณิตยิ้มเศร้า ก่อนจะลุกขึ้นยกกระเป๋าออกจากบ้านไป
 
อ่านต่อตอนที่ 17
กำลังโหลดความคิดเห็น