xs
xsm
sm
md
lg

แหวนทองเหลือง ตอนที่ 16

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แหวนทองเหลือง ตอนที่ 16

เสาวรสเดินมาที่บ้านพ่อตัวเอง แอบมองหน้าบ้านด้วยสีหน้าหม่นหมอง สักพักแม่เลี้ยงเสาวรสถือกาละมังใส่เศษอาหารออกมา ร้องเรียกหมาข้างถนน เทเศษอาหารให้หมากิน เสาวรสมองด้วยสีหน้าเกลียดชัง

"ทำเป็นใจบุญ...อีแม่ชีกินไก่ ทีกับกูละใจดำยิ่งกว่าหมา"
เสาวรสเดินเข้าไปหา แม่เลี้ยงก็ชักสีหน้าไม่พอใจ
"มาทำไม....อย่าบอกนะว่าซมซานกลับมาน่ะ"
"เสือก"
เสาวรสจะเดินผ่านเข้าบ้านไป แม่เลี้ยงคว้าแขนไว้
"มึงน่ะแหล่ะอย่าเสือกมาเข้าบ้านกูนะ"
เสาวรสหันไปตวาด
"บ้านพ่อกู...มึงน่ะแหล่ะเสือก ปล่อยแขนกูนะ"
"กูไม่ปล่อย มึงไป ไปให้พ้น"
"มึงจะปล่อยแขนกูไหมอีหน้าเต้าหู้"
แม่เลี้ยงทำหน้ายิ้มเยาะ
"ยังไงกูก็สวยกว่าแม่มึงก็แล้วกัน"
เสาวรสสะบัดแขน จับหน้าแม่เลี้ยงไถไปกับถนน แม่เลี้ยงร้องเสียงหลงตะโกนให้คนช่วย
"ช่วยด้วย...ช่วยด้วย"
"ทีนี้มึงสวยสมใจละโว้ย อีหน้าแหก"
พ่อเสาวรสวิ่งออกมา กระชากลูกสาวออกมา แม่เลี้ยงนอนร้องไห้ พ่อเข้าพยุงแม่เลี้ยงให้ลุกขึ้นมีแผลถลอกที่หน้ายับเยิน เศษหินยังติดที่หนังแดง ๆ ที่โดนไถไป พ่อตาลุกวาวโกรธมาก หันมาตบหน้าลูกสาว
"มึงทำมากเกินไปแล้ว...สันดานเลวเหมือนแม่มึงไม่มีผิด เลี้ยงให้ดีแค่ไหนก็เลี้ยงไม่เชื่อง"
เสาวรสน้ำตาไหล มองหน้าพ่ออย่างเคียดแค้น
"วันนี้ฉันดีใจจริงๆ ที่แม่ตายไปซะได้...ไม่ต้องมาอยู่ดูไอ้ผู้ชายหน้ามืดไม่มีความรับผิดชอบอย่างเตี่ย"
"ยังจะมาปากดีอีก...อีเสาวรส"
เสาวรสปาเงินยี่สิบบาทใส่หน้าพ่อ เริ่มมีเสียงเครื่องบินไกลๆ
"เอาคืนไป ถึงฉันจะอดตาย ฉันก็จะไม่กลับมาหาเตี่ยอีกเลย แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีกนะ"
เสาวรสวิ่งหนีไป พ่อหน้าเสียมองตาม แม่เลี้ยงหน้าแหกรีบเข้ามาอ้อนร้องไห้กระซิก สียงหวอดังขึ้น ชาวบ้านเริ่มวิ่งหนีกันอลหม่าน เสาวรสมองเห็นพ่อลากแม่เลี้ยงเข้าบ้านไห คนรอบๆ เริ่มวิ่งหนีกันมากขึ้น เสาวรสวิ่งหนีไปกับเขาด้วย เสาวรสวิ่งเข้าไปในหลุมหลบภัย กับพวกชาวบ้าน เสียงเครื่องบินเริ่มบินมาทิ้งระเบิด

เสาวรสนั่งคุดคู้อยู่ในหลุมหลบภัย ชาวบ้านที่อยู่ในหลุมหลบภัย พากันหวาดกลัว บางคนก็ร้องไห้ บางคนก็สวดมนต์ เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เสาวรสกับชาวบ้าน ร้องกรี้ด
ชาวบ้าน 1 บอก
"เสียงมันลงเหมือนตรงหัวเลย"
ชาวบ้าน 2
"นั่นสิพี่ เจ้าประคู้ณ อย่ามาหย่อนลงในหลุมเลยนะพ่อนะ"

ชาวบ้านร้องไห้ ยกมือไหว้สวดมนต์ เสาวรสพลอยยกมือสวดมนต์ไปด้วย เสียงระเบิดยังคงดังลงมาอีก เสาวรสรู้สึกกลัวมากจนร้องไห้

เวลาหัวค่ำ แม่หมอเมตตา ดวงใจ และ อ้อย ยืนมองไปทางทิศที่ระเบิดลง เห็นท้องฟ้าสะท้อนสีแดงเพลิงแสดงว่ามีไฟไหม้ที่นั่นด้วย อ้อยอุ้มลูกหนูที่ร้องไห้จ้า ทุกคนสีหน้าทุกข์ร้อน ดวงใจ กับอ้อยเพิ่งเคยเห็นระเบิดเป็นครั้งแรก ดวงใจสีหน้าตกใจ

"อะไรกันคะนายแม่...อะไรกันคะ"
"ฝรั่งมันมาทิ้งระเบิดไงดวงใจ นี่แหล่ะสงคราม"
"แล้วมันจะมาทิ้งตรงบ้านเราไหมคะ"
"คงไม่หรอก...บ้านเราไม่ได้อยู่ใกล้สถานที่สำคัญ พวกที่อยู่ใกล้ฐานญี่ปุ่นน่ะแหล่ะโดนบ่อย"
"แล้วคนบ้านเค้าโดนระเบิดทำยังไงคะ"
"ถ้าไม่ตายซะก่อน ก็ไปอยู่กับญาติ กับคนรู้จัก...ที่เป็นคนจรอาศัยวัดก็มีเยอะ"
"น่าสงสารเหลือเกินนะคะ"
หมอเมตตากลับมาด้วยท่าทางรีบร้อน
"หมอกลับมาพอดี...แม่กำลังนึกเป็นห่วงหมออยู่เชียว"
"วันนี้ลงหนักเหมือนกัน เดี๋ยวผมจะข้ามไปดูสักหน่อย เป็นไง ดวงใจ กับ อ้อยตกใจมากไหม เพิ่งจะเคยเห็นระเบิดลงครั้งแรกสินะ"
"น่ากลัวเหลือเกินจ้ะคุณหมอ อย่างนี้มีคนตายเยอะไหมจ้ะ"
หมอเมตตาเดินไปเปิดตู้ หยิบยา และผ้าพันแผลที่ต้องใช้
"คืนนี้มีหวังตาย หรือบาดเจ็บเยอะแน่ๆ เสียงหวอดังช้าไป หวอดังได้ไม่นาน เครื่องบินก็มาทิ้งระเบิดเลย คนคงหนีไม่ทันเยอะแน่ๆ"
ดวงใจเดินมหาหมอสีหน้ากังวล
"หมอจะออกไปอีกเหรอเจ้า"
"ไปดูเค้าหน่อย ตอนนี้หมอไม่ค่อยพอ ช่วยกันได้ก็ต้องช่วยกันไป คนไข้รอไม่ได้"
"แต่หมอยังทานข้าวไม่อิ่มเลยเจ้า"
หมอเมตตาหันมายิ้ม
"ขอบใจนะดวงใจ...ไม่ต้องห่วงหรอก อย่าลืมปิดประตูใส่กลอนให้ดีนะ ฉันกลับมาจะมาเรียก...อ้อยรอเปิดประตูด้วยล่ะ คุณแม่จะได้ไม่ต้องลุกออกมา"
"อ้อยจะคอยเปิดประตูให้หมอเองจ้ะ"
หมอเมตตารีบออกไป ทุกคนมองตามด้วยความเป็นห่วง

เสาวรสเดินออกมาจากหลุมหลบภัย ตกใจกับภาพที่เห็น มีคนเจ็บนอนเรียงราย บางคนตาย บางคนร้องโอดโอย เสาวรสมองไปทางบ้านเห็นเปลวไฟลุกไหม้ รีบวิ่งไปดู
 
อ่านต่อหน้า 2

แหวนทองเหลือง ตอนที่ 16 (ต่อ)

เสาวรสวิ่งที่ถึงบ้านต้องตกใจสุดขีด เพราะบ้านถูกไฟไหม้ เสาวรสพยายามจะวิ่งเข้าไป

"เตี่ย...เตี่ย"
บ้านเหลือแต่ซากแล้ว เสาวรสร้องไห้ พยายามจะเข้าไปดู ชาวบ้านผู้หญิงกลางคน วิ่งมาจับเสาวรสไว้
"อย่าเข้าไปไอ้เสาว์"
"เตี่ยล่ะ เตี่ยล่ะพี่นี เตี่ยหนีทันไหม"
"ทันซะที่ไหนล่ะ ไอ้ลูกระเบิดน่ะมันลงบ้านเอ็งเต็มๆ เลย เตี่ยกับแม่เลี้ยงเอ็งน่ะ หนีออกมาไม่ทันหรอก ทำใจเถอะวะ"
เสาวรสร้องไห้โฮ เสียใจ วิ่งหนีไป ตลอดเส้นทางนั้น มีแต่คนเจ็บนอนร้องระงม หมอเมตตากำลังพยาบาลคนเจ็บที่โดนสะเก็ดระเบิด มือกับเสื้อหมอเปื้อนไปด้วยเลือด หมอเดินดูคนไข้คนโน้นคนนี้ พยายามพันแผล และ ฉีดยาให้คนไข้เท่าที่จะทำได้ โตชิโร่นั่งรถจี๊ป มีทหารตามมาด้วยหลายคน รวมทั้งฮารุด้วย โตชิโร่เห็นหมอเมตตาวิ่งรักษาคนเจ็บคนเดียวก็บอกให้รถหยุด มองหมอเมตตาอย่างรู้สึกทึ่ง หันไปสั่งฮารุ
"หมอ...คุณลงไปช่วยคนนั้นดีกว่า ท่าทางเขาจะเป็นหมอนะ"
"ใช่ครับ เค้าเป็นหมอที่คอยช่วยชาวบ้านบ่อย ๆ อยู่ฝั่งโน้น แต่ก็คงมาช่วยชาวบ้านที่โดนระเบิดที่นี่"
"เอาเวชภัณฑ์ของเราไปให้เขาด้วย"
ฮารุรับคำก้มหัวให้ หันไปบอกทหารให้ขนยา โตชิโร่เดินไปหาหมอเมตตา
"คุณต้องการยาอะไรเพิ่มเติมบ้างครับ"
เมตตามองโตชิโร่
"ผมต้องการผ้าพันแผลอีกมากๆ และยาแก้ปวดกับยาใส่แผลด้วยครับ"
"ได้ครับ"

โตชิโร่หันไปสั่งทหารเป็นภาษาญี่ปุ่นแล้วเดินไปดูอีกทาง ทหารยกกล่องใส่ยาและ ผ้าพันแผลมาให้เมตตา หมอมองตามโตชิโร่ ที่เดินไปดูชาวบ้านที่บาดเจ็บทางอื่น โตชิโร่เรียกฮารุให้เข้าไปช่วยชาวบ้าน

เช้าวันใหม่ เหมี่ยวนั่งจัดข้าวแกงใส่หม้อ เตรียมลงหาบ ประคองคอยเสาวรสด้วยความเป็นห่วง

"หายหัวไปไหนของมัน .จะไปไหนก็ไม่เคยบอก ไอ้เด็กเวรเอ้ย เดี๋ยวก็ไล่มันไปซะนี่"
เหมี่ยวหัวเราะ
"ลับหลังมันละทำบ่นอย่างนี้ทุกที พอมันมาก็เฉย"
ประคองหงุดหงิด
"คราวนี้ข้าไม่เฉยละวะ ดูซิ ได้เวลาต้องหาบข้าวแกงออกตลาดแล้ว ยังไม่เห็นหัว"
เสาวรสเดินกลับมา สภาพมอมแมมไปทั้งตัว ร้องไห้เช็ดน้ำตา ประคองกับเหมี่ยวตกใจ
"ไอ้เสาว์"
เสาวรสปล่อยโฮวิ่งไปกอดยายประคองแน่น
"เป็นอะไร ไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้มอมเป็นหมาอย่างนี้"
เสาวรสร้องไห้สะอึกสะอื้น เหมี่ยวเดินมาดู
"อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนเอ็งข้ามไปฝั่งโน้นมาน่ะ เค้าพูดกันให้แซดไป โดนระเบิดซะเรียบเป็นหน้ากลองเลย"
เสาวรสยิ่งร้องไห้ แต่ก็พยักหน้า
"อย่าบอกนะว่าเอ็งไปหาพ่อเอ็งน่ะ"
เสาวรสสะอื้น
"เตี่ยตายแล้วยาย ระเบิดมันลงบ้านหายไปเลย จะกลับก็ไม่มีเรือ ต้องนอนรอที่ท่าเรือจนเช้า"
ประคองกับเหมี่ยวตกใจ อึ้ง ประคองพาเสาวรสไปนั่ง
"หมดเวรหมดกรรมกันที อย่างร้องไห้ไปเลย ไหนเอ็งทำเก่งพูดว่าไม่รักพ่อเอ็งไง"
"ฉันก็นึกว่าอย่างนั้นเหมือนกันยาย แต่พอเห็นเค้าตายฉันก็รู้ว่าฉันรักเตี่ย ที่บ่นว่าเค้าก็เพราะน้อยใจที่เค้าหลงเมียใหม่ ไม่สนใจฉัน"
เสาวรสยิ่งร้องไห้หนัก
"พ่อแม่มันก็คนธรรมดานี่ละวะ ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นพ่อเป็นแม่ แต่นิสัยสันดานตัวมันก็ยังเหมือนเดิม เวลาทำไม่ดีกับลูก กับหลาน ก็ดีแต่อ้างว่าตัวเองเป็นพ่อเป็นแม่ ทำอะไรก็ไม่ผิด ไม่ได้นึกถึงจิตใจลูกว่ามันจะนึกดูถูก พอมันเอาอย่างก็ไม่พอใจ แต่ไอ้เราเป็นลูกน่ะนะ ก็ได้แต่ให้อภัยซะว่าเค้าให้กำเนิด เห็นตัวอย่างพ่อแม่ทำไม่ดีกับเรายังไง...ก็จำเอาไว้...อย่าไปทำไม่ดีอย่างนั้นกับลูกกับหลานเราอีก เวรกรรมมันจะได้หมดกันเท่านี้"
เสาวรสหยุดร้องไห้ เหมี่ยวนั่งพนมมือยกมือท่วมหัว
"สาธุ...เพิ่งจะได้ยินป้าพูดเป็นเรื่องเป็นราวก็วันนี้ละ"
ยายประคองเหวี่ยงเท้าไปที่เหมี่ยวที่หลบทัน เสาวรสที่อดยิ้มไม่ได้...

เช้าต่อเนื่องมา แม่หมอเมตตากำลังทำข้าวต้มเครื่อง ดวงใจเดินเข้ามาเห็นก็ยกมือไหว้ ละอายใจ
"ข้าเจ้าขออภัยเจ้า"
แม่หมอหันมาตกใจ
"เรื่องอะไรดวงใจ"
"ข้าเจ้านอนตื่นสาย"
แม่หมอหัวเราะ
"นึกว่าเรื่องอะไร...เราน่ะเพิ่งจะออกลูกจะรีบตื่นมาทำไมล่ะ ฉันก็ทำของฉันอย่างนี้มาทุกวันละ"
"นายแม่ทำอะไรเจ้า"
"ทำข้าวต้มหมู หมอน่ะทานง่าย วันนี้ได้หมูมาจากตลาดหน้าซอย...บางวันก็ไม่มีอะไรขาย"
แม่หันไปทำข้าวต้มต่อ ดวงใจมองอย่างสนใจ
"สงครามนี่มันโหดร้ายจริงๆ คนเดือดร้อนไปหมด"
"ทำไมต้องทำสงครามรบกันด้วยเจ้า"
"คนบางคนพอเป็นใหญ่ มีบริวารยกย่องมาก ก็ลืมตัว คิดอยากได้อยากมีอำนาจไม่สิ้นสุด...บางทีก็คิดทำรังแกคนอื่น อีกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ไม่ยอม"
"แค่อยากได้อยากมีก็รบกันแล้วหรือเจ้า"
"ถ้าอยากได้อยากมีไม่เกินตัวก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามากเกินไปก็มีปัญหาอย่างนี้แหล่ะ"
อ้อยวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
"นายแม่...มีทหารญี่ปุ่นมา ยกลังอะไรไม่รู้มาตั้งหลายลัง"
แม่ตกใจ
"แล้วหมอล่ะ"
"หมอกำลังพูดกับทหารญี่ปุ่น"

แม่ยกหม้อข้าวต้มขึ้นจากเตาถ่าน เอากาต้มน้ำวางไว้แล้วรีบเดินออกไป
 
อ่านต่อหน้า 3

แหวนทองเหลือง ตอนที่ 16 (ต่อ)

แม่หมอเมตตา กับ ดวงใจ และ อ้อย รีบเดินมาหน้าบ้าน เห็นทหารญี่ปุ่นกำลังยกลังลงจากรถจำนวน 5 ลัง หมอเมตตากำลังยืนพูดกับนายทหารญี่ปุ่น แม่รีบเดินมาหาหมอ นายทหารญี่ปุ่นเดินกลับไปดูทหารที่กำลังขนของ

"มีเรื่องอะไรกันลูก...ญี่ปุ่นมาบ้านเราทำไม"
"เค้าได้รับคำสั่งพันตรีโตชิโร่ ให้เอาเวชภัณฑ์มาให้ผมครับ"
"เค้าเอามาให้เราทำไม"
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ"
ทหารยกลังมาวางไว้หน้าบ้านเสร็จแล้ว นายทหารก็เดินมาพูดกับหมอ
"เรียบร้อยแล้ว...ผมกลับละครับ"
นายทหารญี่ปุ่น ก้มหัวให้หมอแล้วเดินออกไป หมอมองตาม

ในบ้านหมอเมตตา มีห้องสำหรับตรวจคนไข้อยู่ทางด้านหน้า มีส่วนที่เก็บยา เวชภัณฑ์มุมหนึ่ง มีโต๊ะ และ เตียงสำหรับตรวจคนไข้อีกมุมหนึ่ง แม่หมอเปิดลังๆ หนึ่ง ในนั้นเต็มไปด้วยผ้าพันแผล และ พลาสเตอร์หลอด
"โอ้โห...ทำไมมันเยอะอย่างนี้ล่ะ...นี่อยู่ดีๆ เค้าก็เอาของมาให้เรามากมาย ของพวกนี้น่ะ ไม่ได้หาได้ง่ายๆ เลยนะ"
"เค้าอาจจะรู้ว่าหมอเป็นคนใจดี ชอบรักษาคนเจ็บละมังเจ้า นายแม่ หมอเมตตา กับ อ้อย ยกลังสุดท้ายเข้ามาในห้อง"
"ลังสุดท้ายแล้วครับ"
"แม่ละงงจริงๆ เค้าเอามาให้เราทำไม...แต่ดวงใจเค้าว่า สงสัยพวกญี่ปุ่นจะรู้ว่าหมอคอยดูแลรักษาคนเจ็บ คนไหนไม่มีตังค์ หมอก็รักษาฟรี เค้าคงรู้ละมั้ง"
หมอเมตตายิ้มๆ
"เมื่อคืนที่ผมไปดูคนเจ็บที่โดนระเบิด มีนายทหารญี่ปุ่นคนนึงเข้ามาดูผม เอายามาให้ด้วย มิหนำซ้ำยังให้หมอญี่ปุ่นที่มากับเขาลงมาช่วยคนเจ็บ...ไม่รู้จะเกี่ยวกันไหม"
"เอ้อ...แม่ก็เพิ่งเคยได้ยินนะว่ามีทหารญี่ปุ่นที่ใจดี โดยมากได้ยินแต่ชาวบ้านบ่นว่าโดนทหารญี่ปุ่นรังแกเอาบ่อยๆ คนดีเค้าก็มีนะ"
"ทหารญี่ปุ่นคนนั้นอาจจะเป็นคนให้เอาของมาให้คุณหมอก็ได้นะเจ้า"
หมอเมตตานึกถึง...โตชิโร่
"อาจจะถูกของเธอดวงใจ แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร คน ๆ นั้นมีจิตใจที่เป็นกุศลอย่างมาก คนไทยจะได้มีญี่ปุ่นที่พึ่งพาได้บ้าง"
"เอาเถอะนะเรามาช่วยกันเอาของพวกนี้เก็บให้เข้าที่ดีกว่า...ดวงใจเอาพลาสเตอร์พวกนี้ไปเรียงไว้ในตู้ชั้นที่สองนะ"
ดวงใจงง
"อะไรนะเจ้า เต้อเหรอเจ้า.."
หมอเมตตายิ้มขำ หยิบพลาสเตอร์ให้ดวงใจดู
"นี่นะดวงใจ เค้าเรียกพลาสเตอร์ เอาไว้เวลาหมอทำแผล"
ดวงใจยิ้มหวานเข้าใจ
"พลาสเตอร์ ทีนี้ข้าเจ้าจำได้ บ่ลืมแน่ๆ คุณหมอ"
ดวงใจรีบเอาพลาสเตอร์ไปเรียงในตู้ เสียงลูกหนูร้องจ้า ดวงใจขยับทันที
"ไม่ต้องพี่ดวง ฉันไปดูเอง พี่ช่วยนายแม่กับคุณหมอไปเถอะ"
อ้อยรีบวิ่งออกไป หมอเมตตาสีหน้าดีใจ เปิดดูยาลังอื่นๆ
"ในลังนี้มียาปฏิชีวินะ ด้วยครับคุณแม่.....โอ้ คุณแม่ครับ ยาพวกนี้จะช่วยคนได้อีกมากเลย"

หมอเมตตารื้อยาไปเรียงเก็บด้วยความดีใจ แม่หมอก็พลอยดีใจอดหันมายิ้มกับดวงใจไม่ได้....

ทุกคนนั่งอยู่ในห้องรับแขกบ้านพระยาดำรง หลวงเณติณัติกำลังจะอ่านพินัยกรรมของพระยาดำรง สมรสีหน้ามีความหวังเต็มที่ หลวงเณติณัติเปิดซองหยิบเอกสารที่เป็นพินัยกรรมออกมา

"ผมจะขอสรุปข้อความในพินัยกรรมของท่านให้ทุกคนได้เข้าใจง่ายๆนะครับ เงินสดในธนาคารของท่านทั้งหมด หักจากค่าใช้จ่ายงานศพแล้วยังคงเหลือเงินสดทั้งหมด สามแสนหกหมื่นแปดพันแปดร้อย ห้าสิบเก้าบาท ยี่สิบห้าสตางค์....ถ้ามีผู้ใดต้องการดูบัญชีธนาคารมาดูที่ผมได้นะครับ...เงินจำนวนนี้ให้เป็นสามส่วน ส่วนที่หนึ่งมอบให้คุณสมร"
สมรสีหน้าไม่พอใจ แต่ยังควบคุมเพราะมีความหวังอย่างอื่น
"ส่วนที่สองมอบให้ผม ส่วนที่สาม ท่านให้คงไว้ในบัญชี เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย เงินเดือนของคนในบ้านทุกคน แต่หากใครจะลาออกไป ท่านให้มอบเงินให้คนละ สองพันบาท"
อิ่มกับมิ่ง น้ำตาไหล ยกมือท่วมหัว
"รายได้จากสวนและไร่นาที่เชียงใหม่ขอให้กำนันปานเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการทำไร่ทำนาต่อไป"
"อะไรนะ...แล้วบ้านกับที่ที่เชียงใหม่ล่ะ"
"บ้านและที่ที่เชียงใหม่ทั้งหมด สองร้อยไร่ ท่านมอบให้คุณกฤษดา รวมทั้งบ้านหลังนี้ด้วยครับ"
สมรหมดความอดทน ลุกขึ้นโวยวาย
"ให้คุณกฤษดา แล้วฉันล่ะ จะให้ไปซุกหัวนอนที่ไหน"
"ท่านให้คุณสมร และ ผม เป็นผู้ดูแลบ้านทั้งสองหลัง จนกว่าคุณกฤษดาจะกลับมา"
"แล้วถ้าคุณกฤษดาตายไปแล้วล่ะ."
ทุกคนในบ้านไม่พอใจ โดยเฉพาะอิ่ม
"พูดจาอย่างนี้ไม่ดีเลยนะแม่สมร"
"ก็มันจริงนี่ นี่ก็เกือบปีแล้ว ถ้ายังไม่ตาย คุณกฤษดาก็ต้องกลับมาแล้วซิ"
"ก็ต้องรอไปอีก จนกว่าจะครบห้าปี ถ้าคุณกฤษดาไม่มาแสดงตัว จึงถือว่าเป็นบุคคลสาบสูญ...บ้านหลังนี้จะตกเป็นของสภากาชาด"
สมรตกใจมาก
"สภากาชาด แล้วฉันล่ะ ฉันเป็นเมีย ใครๆ ก็รู้ว่าฉันเป็นเมียท่าน บ้านหลังนี้ควรจะเป็นของฉัน"
อิ่มลุกขึ้นยืนเถียง
"เธอมีทะเบียนหรือเปล่าล่ะ คนไม่มีทะเบียนสมรสน่ะ เค้าไม่เรียกเมียหรอกย่ะ เค้าเรียกเมียเก็บ มีกินมีอยู่ทุกวันนี้ก็ดีแล้ว"
"แกเป็นขี้ข้ามาทำทะลึ่งกับฉันเหรอ"
สมรถลาไปจะตบอิ่ม มิ่ง กับ หลวงเณติณัตรีบห้ามไว้
"อย่าครับ คุณสมร... อย่าทำแบบนี้เลย ท่านระบุไว้ชัดเจนอย่างนี้คุณก็ต้องเข้าใจ"
สมรหันมาจ้องหน้าหลวงเณติณัต
"คุณก็เหมือนกัน เป็นแค่ทนาย มีสิทธิอะไรมาแบ่งเงินมรดกไปตั้งส่วนหนึ่งน่ะ เงินเดือนคุณก็ได้อยู่ทุกเดือนแล้วนี่"
"คุณหลวงน่ะ...ทำงานกับท่านมาตั้งแต่ก่อนคุณกฤษดาเกิด...หล่อนน่ะยังเป็นช่างทำเล็บหิ้วกระเป๋าอยู่สลัม ที่ท่านให้เธอขนาดนี้มันก็มากไปแล้ว ทำอะไรก็ไม่ได้ ทำ...วันๆ ดีแต่แหวะนมเดินยั่ว...จะเอาอะไรนักหนา...อยากจะได้บ้านนี้น่ะ มีปัญญารักษาหรือเปล่าล่ะ เอามาล้างกลิ่นสาปตั้งนานแล้ว ข้ายังไม่เห็นเป็นผู้ดีกับเขาเลย" อิ่มเหลืออด

สมรตบอิ่มถลาไป อิ่มหันกลับมาได้กระโจนตบสมรคืน ไม่มีใครห้ามแล้วตอนนี้ทุกคนนั่งดูสมรตบกับอิ่ม มิ่งกับ คนใช้เชียร์อิ่ม หลวงเณติณัติสีหน้าเบื่อหน่าย
 
อ่านต่อหน้า 4

แหวนทองเหลือง ตอนที่ 16 (ต่อ)

ยามค่ำ บรรยากาศในบาร์ มีนักร้อง คนมาเที่ยวบาร์บ้าง เป็นทหารญี่ปุ่นบ้าง สมรแต่งตัวสวยเซ็กซี่นั่งอยู่กับเถ้าแก่ทง ใบหน้าสมรมีรอยเขียวช้ำที่โดนอิ่มตบ

"พระยาดำรงนี่ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย คนเป็นเมียแท้ๆ กลับได้เงินไม่ถึงครึ่ง"
สมรเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา พยายามทำท่าให้ดูเก๋จนเว่อร์
"ผมสงสารคุณสมรจริงๆ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ผมยินดี"
"คงทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ในเมื่อพินัยกรรมระบุไว้ชัดเจนอย่างนั้น ถ้าฉันได้เป็นเจ้าของบ้าน ฉันก็จะยอมขายให้เถ้าแก่"
"ผมว่าเรายังไม่หมดหวังซะทีเดียวนะครับ ถ้าคุณสมรเต็มใจร่วมมือกับผม รับรองได้เลยว่าคุณจะสบายไปตลอดชาติ ผมจะดูแลคุณเอง ผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณควรจะได้มากว่าเงินแสนเดียว"
สมรทิ้งสายตาให้ท่าเต็มที่
"หมอนก็ตัวคนเดียว ตอนนี้ก็เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ เถ้าเถ้าแก่มาดูแลหมอน เอ้อ เมียเถ้าแก่จะไม่มาว่าหมอนเหรอคะ...ว่าทำให้เถ้าแก่เดือดร้อน"
"ไม่มีปัญหา เมียผมเค้าเป็นคนจีน ผู้ใหญ่จับเราแต่งงานกัน ก็อยู่กันไปอย่างนั้น ผมจะทำอะไรมันเรื่องของผม เค้าไม่เกี่ยว"
สมรยกแก้วเหล้าชนกับเถ้าแก่ทงด้วยท่าทางกรีดกราย โต๊ะไกลออกไป พนมนั่งอยู่กับเพื่อนอีกคนมองสมรอย่างจับสังเกต

ศูนย์เสรีไทยที่อุตรดิตถ์ กฤษดากำลังประกอบวิทยุ มีแสงธรรม วาดิม มีนา เจน่า คอยลุ้น กฤษดา ประกอบวิทยุสำเร็จ ทดลองเปิดเครื่องรับ สามารถรับคลื่นวิทยุ BBC ได้...ทุกคนดีใจตบมือ
"เก่งมาก สหายโรบิน...ต่อไปนี้เราก็จรับรู้ข่าวคราวโลกภายนอกบ้าง" แสงธรรมบอก
"สัญญาณยังไม่คงที่ เราต้องเอาลวดโยงเป็นเสาอากาศเอาไปผูกไว้กับต้นไม้สูงๆ"
"เราก็อาจจะรับวิทยุจากกรุงเทพได้" มีนาว่า
"ถ้าได้อย่างนั้นพวกเราก็จะคลายความคิดถึงบ้านได้บ้างแน่ๆ" วาดิมบอก
กฤษดาหน้าเศร้า
"คงไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับ"
เจน่าเดินมาตบบ่ากฤษดา
"คุณนี่ทำให้ผมทึ่งได้เรื่อยๆ นะโรบิน"
กฤษดายิ้ม
"คิดถูกใช่ไหมที่ไม่ยิงผมทิ้งในป่าที่เชียงใหม่"
ทุกคนหัวเราะเฮลั่นชอบใจ
"จะล้อกันไปยันเกษียณไหมนั่น" วาดิมถาม
"ของอย่างนี้ได้ทีต้องขี่แพะไล่กันละครับ." แสงธรรมบอก
เจน่า โดดขึ้นหลังมีนา โดดเป็นแพะไล่ชนแสงธรรม แสงธรรมวิ่งหนี
"เฮ้ย...แพะตัวใหญ่นี่หว่า"
ทุกคนสนุกสนาน เจน่า กับ มีนา ล้อเลียนแสงธรรม หัวหน้าศูนย์เดินเข้ามา ทุกคนหยุดเล่นรีบยืนตรง หัวหน้ากลั้นยิ้ม ดูเป็นงานเป็นการ
"ระวังเสียงหัวเราะพวกคุณมันจะพาญี่ปุ่นมาหาไม่รู้ตัวนะ"
วาดิมบอก
"ขอโทษด้วยครับ...พวกเรากำลังดีใจที่โรบินประกอบวิทยุสำเร็จ"
หัวหน้าเดินมาดูวิทยุที่กฤษดาประกอบเองอย่างทึ่ง มีเสียงวิทยุ BBC ค่อนข้างชัด...
"คุณทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพวกเรามากโรบิน"
"ขอบคุณครับ...ผมอยากทำให้มากกว่านี้"
หัวหน้ามองกฤษดาอย่างชื่นชม
"คุณได้ทำแน่...มีคำสั่งมาให้ทีมของคุณไปกรุงเทพในทันที ส่วนภารกิจจะรู้ได้ต่อเมื่อคุณได้พบกับหัวหน้าศูนย์ที่รอคุณอยู่"
ทั้งหมดระวังตรง

"ครับผม"

กรุงเทพตอนเช้า ในตลาด พระพายเรือบิณฑบาต ผู้คนจับกลุ่มคุยกัน ทหารญี่ปุ่นเดินผ่านไปมา

แม่หมอเมตตา กับ ดวงใจ นั่งรถถีบมาลงที่ตลาด ดวงใจลงมาจากรถ มองทุกอย่างอย่างตื่นตาตื่นใจ เห็นร้านรวงมากมาย
"โอ้โห...เกิดมาดวงไม่เคยเห็นร้านขายของมากอย่างนี้เลยเจ้า"
"มาอยู่กรุงเทพตั้งหลายเดือนแล้ว ต้องออกมาเปิดหูเปิดตาซะบ้างซิ"
"นายแม่จะมาซื้ออะไรเหรอเจ้า"
"ก็จะมาซื้อของให้ดวงใจกับ อ้อยน่ะแหล่ะ หมอเค้าให้เงินมาแล้ว เค้าว่าดวงใจช่วยงานเค้าได้มาก"
ดวงใจหัวเราะแจ่มใส
"ดวงว่าดวงยังไม่ได้ทำอะไรเลยเจ้า มีแต่คุณหมอ กับ นายแม่ที่เมตตาดวงทุกอย่าง"
แม่หมอเมตตายิ้มอย่างเอ็นดูดวงใจมาก
"ดวงน่ะจิตใจดี แต่คนจิตใจดีเกินไปก็จะโดนเค้าเอาเปรียบ ที่นี่น่ะไม่เหมือนบ้านดวง...ใครทำงานให้ใครเค้าก็ต้องได้ค่าจ้าง....บางครั้งก็รวมถึงต้องให้ที่อยู่ที่กินด้วย"
"แต่ดวงไม่อยากให้นายแม่คิดอย่างนั้นค่ะ"
แม่หมอหยุดเดินมองหน้าดวงใจ
"ทีนี้ดวงพูดอย่างนี้อีกนะ"
ดวงใจงง มองด้วยสายตาซื่อ
"พูดอย่างไหนเจ้า"
"ก็พูดอย่างที่คนกรุงเค้าพูดไง พูดคะ ค่ะ ไม่ต้องพูดเจ้า ข้าเจ้าอีก เราจะได้เป็นคนกรุงที่ศิวิไลซ์"
แม่หมอเมตตาพูดคุยอย่างอารมณ์ดี ดวงใจก็พลอยอารมณ์ดีไปด้วย
"ค่ะ...นายแม่"

แม่หมอเมตตาพาดวงใจมาซื้อเสื้อผ้าใหม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาดวงใจยังใส่ผ้าถุง เห็นแม่หมอเมตตาเลือกเสื้อและกระโปรงหลายชุด ดวงใจพยายามบ่ายเบี่ยงไม่เอา แต่แม่หมอเมตตาซื้อให้ดวงใจหลายชุด
แม่หมอเมตตาพาดวงใจมาที่ร้านทำผม ดวงใจมองหน้าตัวเองในกระจก ช่างทำผมเข้ามาแกะผมมวยดวงใจออก แม่หมอเมตตาเลือกหยิบเสื้อและ กระโปรงแบบน่ารักออกมาชุดหนึ่งเอาออกมาวางรอไว้ แล้วมองดวงใจในกระจกอย่างพอใจ

ดวงใจก้าวตามแม่หมอออกมาจากร้านทำผม เธอเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ทำผมทรงใหม่ ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ ดวงใจหอบถุงอีกหลายถุง ทั้งสองคนเดินออกมาจากร้านทำผมได้หน่อยหนึ่งดวงใจก็เดินไปชนกับกฤษดาที่แต่งตัวเหมือนคนทำงานบริษัทใส่หมวกใส่แว่นสายตาพรางตัว ทั้งสองไม่ได้มองกันถนัด กฤษดาก็พูดอุบอิบ
"ขอโทษครับ"
ดวงใจรีบหันไปมองเพราะคุ้นเสียง แต่กฤษดาไม่หันมา จึงเห็นเพียงเสื้ยวหน้าที่สวมแว่นสวมหมวกจึงดูไม่ถนัด ดวงใจหันหน้าไป เป็นจังหวะเดียวกับที่กฤษดาหันมามอง แต่ก็เห็นหน้าดวงใจไม่ถนัด แม่หมอเมตตารีบดึงดวงใจเดินไป
"รีบกลับกันดีกว่า บ่ายมากแล้ว"
กฤษดาหยุดยืนมอง แม่หมอพาดวงใจขึ้นรถถีบออกไป แสงธรรมเห็นกฤษดาหยุดเดินก็สงสัย
"มีอะไรเหรอ"
"ผู้หญิงคนนั้น ช่างเถอะ คงไม่ใช่หรอก"
แสงธรรมหัวเราะ
"มากรุงเทพได้วันเดียวก็มองสาวแล้วเหรอเพื่อน"
กฤษดาหันหลังกลับเดินไปกับแสงธรรม

บนรถสามล้อถีบ ดวงใจเอะใจหันกลับไปมอง แต่กฤษดาก็หันหลังเดินไปแล้ว..
"อะไรหรือดวง"
ดวงใจสีหน้าคิดมาก
"คนเมื่อกี้ค่ะ...เหมือน เหมือน"
"เหมือนใคร"
"คล้ายคุณกฤษดาค่ะ...แต่คงไม่ใช่"

ดวงใจหันกลับไปมองอีก แต่ก็ไม่เห็นกฤษดาแล้ว...
 
อ่านต่อตอนที่ 17
กำลังโหลดความคิดเห็น