ลีลาวดีเพลิง ตอนที่ 17 อวสาน
ศุภารมย์เดินเข้ามาหาอนันยช ขระที่ฝ่ายหลังยกแก้วเหล้าดื่มพรวดๆ อย่างคับแค้นใจ
“ไม่ไปส่งหนูณิตเธอหน่อยเหรอ?”
“ไม่ล่ะครับ แค่รู้ว่าไปศัลยกรรมมาทั้งตัว ผมก็ขยะแขยงเต็มทีแล้ว”
ศุภารมย์ส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะพูดต่อ
“แต่ถ้าไม่ใช่เพราะหนูณิต ป่านนี้วินอาจจะอาการหนักกว่านี้แล้วก็ได้”
อนันยชหันขวับมามองศุภารมย์ด้วยแววตาโกรธแค้น
“ที่แม่เห็นว่านังนั่นดีก็เพราะมันช่วยลูกแท้ๆของแม่ไว้ใช่มั้ย? ผมไม่แปลกใจเลยว่าที่ผ่านมาทำไมแม่ถึงเข้าข้างไอ้วินมาตลอด ที่แท้ก็เพราะมันเป็นลูกของแม่นี่เอง”
ศุภารมย์พยพยามอธิบาย ”วันไม่เข้าใจหรอก น้องผ่านอะไรมาเยอะ”
“แม่ก็พูดอย่างนี้ทุกที แล้วตกลงแม่มีอะไรที่ปิดบังผมอยู่อีก หรือแม่กำลังจะบอกว่าผมไม่ใช่ลูกของแม่ ผมเป็นแค่เด็กเหลือขอที่แม่เก็บมาเลี้ยง”
ขาดคำศุภารมย์ก็ตบหน้าอนันยชเต็มแรง ก่อนจะรู้สึกตัวเสียใจที่พลั้งมือ อนันยชมองแม่อย่างโกรธแค้น ก่อนจะเดินออกไปทันที
วรรณิตเข็นรถพาสุธีเข้ามาในห้องคนป่วย ก่อนจะเห็นวาสนานอนเป็นอัมพาตปากเบี้ยวน้ำลายไหลอยู่บนเตียง พร้อมทั้งใส่กุญแจมือที่ล็อกอยู่กับขอบเตียงไว้ สภาพน่าอนาถใจ
วาสนาเหลือกตามองเห็นวรรณิตเข็นสุธีเข้ามาจอดที่ปลายเตียง ก็ส่งเสียงในคออู้อี้ออกมาไล่
“ออกไป ออกไป”
วรรณิตมองอย่างสังเวช “ยายทำตัวยายเองนะ ตาคงอยากอยู่กับยายตามลำพัง งั้นณิตออกไปรอข้างนอกนะคะ”
คล้อยหลังที่วรรณิตออกจากห้องไป สุธีก็เข็นรถเข้ามาหาวาสนาที่ข้างเตียง ก่อนจะกระซิบข้างๆหู
“จำสิ่งที่เธอทำกับฉันได้มั้ย? อย่าเพิ่งรีบตายล่ะ”
วาสนาน้ำตาไหลด้วยความเจ็บใจและแค้นใจกับจุดจบของตัวเอง
ทิวัตถ์สะดุ้งตื่นจากฝันร้าย ก่อนจะหันไปเรียกลิลินกำลังหันไปซับผ้าขนหนูในอ่าง
“ลิน”
ลิลินหันมาตามเสียงอย่างดีใจที่เห็นว่าทิวัตถ์ฟื้นแล้ว
“คุณวิน คุณวินเป็นอะไรคะ ยังปวดหัวอยู่หรือเปล่า?”
“ผมรู้แล้วว่าทำไมแม่ต่ายถึงได้คอยปกป้องผมมาตลอด เพราะแม่ต่ายคือแม่แท้ๆ ของผม ไม่ใช่แม่ต้อย”
ลิลินตกใจที่ทิวัตถ์รู้เรื่องนี้
“ตอนผมอยู่ที่โรงพยาบาลมันเหมือนความฝัน แต่ผมได้ยินทุกอย่าง แต่ขยับตัวไม่ได้”
“ฉันว่าคุณอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย เดี๋ยวฉันมานะ”
พูดพลางขยับตัวจะออกไป แต่ทิวัตถ์รีบจับมือไว้แน่น
“ขอบคุณนะที่คุณยอมเสี่ยงชีวิตช่วยผม”
ศุภารมย์นั่งน้ำตารื้นจากการที่ทะเลาะกับอนันยช ทรงพลที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบพูดปลอบ
“อย่าเสียใจไปเลยคุณ เราก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึงสักวัน”
“แม้ว่าทั้งวินและวันจะเป็นลูกของฉันเหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่เคยรักใครมากกว่าใคร”
ทรงพลพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ผมรู้ สักวันวันก็จะรู้เอง”
พอลิลินก็เข้ามาบอกข่าวเรื่องทิวัตถ์ฟื้น ทั้งคู่ก็ผุดลุกขึ้นอย่างดีใจ ก่อนจะรีบขึ้นไปหาเขาบนห้อง
“วินยังปวดหัวอยู่มั้ย? พ่อจะได้ให้จวนโทรตามหมอ”
“ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ”
ทิวัตถ์พูดพลางจับมือศุภารมย์ไว้
“แม่ครับ ผมรู้ความจริงหมดแล้ว”
ศุภารมย์ยิ้มเศร้า
“วิน วินไม่โกรธแม่ใช่มั้ย? แม่ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังวินนะลูก”
“ผมเข้าใจครับ แล้วผมก็เข้าใจแล้วเหมือนกันว่าทำไมแม่ต้อยถึงไม่รักผม”
ทรงพลเห็นทิวัตถ์รับรู้เรื่องมากมายเกินไป ก็รีบพูดตัดบท
“พ่อว่าวินนอนพักก่อนเถอะอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย”
ลิลินยืนฟังอยู่หน้าห้อง รีบปลีกตัวออกไป
อ่านต่อหน้า 2
ลีลาวดีเพลิง ตอนที่ 17 อวสาน (ต่อ)
ศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด วิชนีมองลิลิน ก่อนจะถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ลิน ลินเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันกำลังเป็นห่วงคุณวินน่ะ ขนาดฉันพอรู้ความจริงว่าคุณวินเป็นลูกคุณต่าย ฉันยังช็อก แล้วคุณวินจะเป็นยังไง?”
สีหน้าของลิลินเต็มไปด้วยความกังวล ศักดิ์สิทธิ์รีบถามขึ้น
“แล้วตอนนี้ไอ้วินเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ตอนนี้ฟื้นแล้วค่ะ”
ศักดิ์สิทธิ์ยิ้มดีใจ
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ไอ้วินก็มางานแต่งผมได้แล้วสิครับ”
“ยังไม่น่าจะได้นะคะ เพราะเท่าที่ดูอาการยังไม่ค่อยดีค่ะ ให้พักผ่อนสักระยะจะดีกว่าค่ะ”
ศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีถึงกับนิ่งไป
ขณะที่ศักดิ์สิทธิ์คุยหลอกล้อกับวชินีอย่างมีความสุข ที่จะได้แต่งงานกันในวันพรุ่งนี้ จู่ๆ ปกติก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณหนูครับคุณหนู ที่ผับซิลเวอร์โคฟครับ!”
เมื่อทั้งหมดเข้าไปที่ผับ ก็เห็นอนันยชที่กำลังเมามายยืนโวยวายกับแขกคนอื่นอยู่ ศักดิ์สิทธิ์กับปกติรีบช่วยกันลากตัวออกมา
“แกมาก็ดีแล้วไอ้สิทธิ์ไล่โต๊ะนี้ออกไปที”
ศักดิ์สิทธิ์ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
“พอเลย แกมานั่งนี่เลย แกดูซิแขกฉันหนีกระเจิงกันไปหมดแล้ว”
“ใช่สิ ฉันมันหมาหัวเน่า ขนาดแกยังเข้าข้างไอ้วินมันเลย”
“อะไรของแกวะไอ้วัน”
อนันยชไม่สนใจ โวยวายต่อ
“แกไม่ต้องมาห้ามฉัน นี่มันชีวิตของฉัน น้อง เอามาอีกแก้ว”
เวลาผ่านไป ศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีนั่งนั่งประกบอนันยช ที่เมามายแทบไม่มีสติ
“ไอ้วันแกกินเยอะแล้วนะเว้ย พอได้แล้ว”
“แกห่วงฉันเหรอวะ? ขนาดแม่ฉันยังไม่ห่วงฉันเลย แกรู้มั้ยว่าทำไม? เพราะว่าฉันมันเป็นลูกนอกไส้ไง
ไอ้วินต่างหากที่เป็นลูกตัวจริง เพราะมัน มันแย่งทุกอย่างไปจากฉัน ทำไม ทำไม”
พูดพลางปาแก้วลงพื้นด้วยความโมโห ศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีตกใจ ทั้งคู่สัมผัสได้ถึงความเกลียดชังต่อทุกสิ่งจากแววตาของอนันยช
“เลิกดื่มซะที แกอยากทำอะไรเดี๋ยวฉันพาไปเอง”
อนันยชหันมองหน้าศักดิ์สิทธิ์ด้วยแววตาเหี้ยม
“ฉันอยากฆ่าไอ้วินว่ะ แกพาฉันไปหน่อยซิ”
“ไอ้วัน แกเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว”
“เพ้อเจ้ออะไร หรือไม่จริง? ถ้าไม่มีมัน ทุกอย่างก็ต้องเป็นของฉัน”
อนันยชพูดอย่างเอาจริงเอาจัง ศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีที่ได้ยินถึงกับเย็นวาบด้วยความหวั่นใจ
ศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีขึ้นมาดูแลความเรียบร้อยของสถานที่จัดเลี้ยงเป็นครั้งสุดท้าย ฝ่ายหลังยืนมองเวทีและบรรยากาศภายในงานด้วยท่าทางตื่นเต้น ก่อนจะหันมาถาม
“นายเห็นลินมั้ย? มาหรือยังก็ไม่รู้”
“ยังไม่เห็นเหมือนกัน ของเธอยังดีที่มีเพื่อนเจ้าสาว ฉันนี่สิไม่มีใครสักคน”
“งั้นนายก็ลองโทรหาคุณวินสิ ฉันเชื่อว่าคุณวินต้องไม่ปล่อยให้ลินมาคนเดียวแน่ๆ”
ศักดิ์สิทธิ์เห็นด้วย รีบหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทร. หาทิวัตถ์
“ฉันคงไปไม่ได้จริงๆ ว่ะ นี่แผลฉันยังปริอยู่เลย เออ ไว้ฉันหายดีแล้วแกจะปิดโรงแรมเลี้ยงอีกรอบก็ได้ ฉันยินดีกับแกกับเชฟนีด้วยนะ โอเค. ไว้เจอกัน”
ทิวัตถ์กดวางสายก่อนจะหันมาทางลิลิน แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นเธอยังไม่แต่งตัว
“คุณต้องไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวนี่ แล้วทำไมยังไม่แต่งตัวล่ะ”
ลิลินอึกอัก จังหวะนั้นทรงพลกับศุภารมย์ที่แต่งตัวพร้อมไปงานก็เดินเข้ามา
“ฝากอวยพรเจ้าสิทธิ์ด้วยนะครับ”
“แม่เป็นห่วงวิน ไม่อยากไปเลย”
ทิวัตถ์ยิ้ทมให้ทั้งคู่
“คุณพ่อกับแม่ต่ายไปเถอะครับ ไหนๆ ผมก็ไม่ได้ไปคนนึงแล้ว อย่างน้อยคุณพ่อกับแม่ต่ายก็ไปเป็นตัวแทนให้ผมหน่อยนะครับ”
พูดพลางจับมือศุภารมย์ขึ้นมา พร้อมกับที่ลิลินจะขันอาสา
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะอยู่เฝ้าคุณวินเอง”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ถ้าคุณไม่ไปจะยิ่งทำให้ผมไม่สบายใจนะ”
“แต่คุณอยู่บ้านคนเดียว”
แต่พอทิวัตถ์อ้างว่าทีทั้งป้าจวน เม็ดนุ่น สลวย และยอดอยู่ด้วย ลิลินก็จำต้องพยักหน้ารับคำ ก่อนจะเดินออกไป
ศุภารมย์ลอบสังเกตความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่เงียบๆ
ศักดิ์สิทธิ์ วิชนี พร้อมด้วยซือเฟินยืนต้อนรับแขกอยู่หน้างาน ครู่หนึ่งทรงพล ศุภารมย์ และลิลินก็เดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะอาม่า ยินดีด้วยนะคะคุณสิทธิ์ นี”
ศุภารมย์รีบบอก “ตาวินฝากขอโทษที่มางานไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”
ซือเฟินยิ้มหวาน “ได้ยินชื่อมานาน ในที่สุดก็ได้เจอคุณพลกับคุณต่ายซะทีนะคะ”
“พวกเราเองก็ได้ยินชื่ออาม่ามานานแล้วเหมือนกัน ไม่คิดว่าอาม่ายังสาวอยู่เลยนะคะ”
ซือเฟินหัวเราะชอบใจ ก่อนจะเดินพาทรงพลกับศุภารมย์ทั้งหมดเข้าไปในงาน ศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีก็รีบเข้ามาหาลิลินทันที
“ทำไมมาช้าอย่างนี้ล่ะลิน ฉันคิดว่าเธอไม่มาซะแล้ว”
“โทษทีนะนี ฉันแค่ห่วงว่าจะมีใครอยู่ดูแลคุณวินมั้ย?”
ศักดิ์สิทธิ์อมยิ้ม ก่อนจะพูดล้อๆ
“แหม ท่าทางคุณลินกับเจ้าวินจะสวีตกว่าคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างผมอีกนะครับเนี่ย มาๆ ถ่ายรูปกันดีกว่าครับ”
ซือเฟินพาทรงพลกับศุภารมย์เข้ามาในงาน ก่อนจะขอตัวออกไปรับแขกด้านนอกต่อ ทรงพลหันมาเห็น
ศุภารมย์เอาต่ชะเง้อมองไปที่หน้าประตูก็สงสัย พอมองตามไป ก็เห็นอีกฝ่ายกำลังมองลิลินอยู่
“คุณ มีอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันกำลังคิดว่าคุณลินคงจะเป็นห่วงวินจริงๆ”
ทรงพลพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะถามขึ้นมา
“ถ้าเด็กสองคนนั้นเขารักกันจริงๆ คุณจะว่ายังไง?”
อ่านต่อหน้า 3
ลีลาวดีเพลิง ตอนที่ 17 อวสาน (ต่อ)
ลิลินอยู่ร่วมงานเพียงครู่เดียว ก็รีบออกปากขอตัวรีบกลับไปดูแลทิวัตถ์ ศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะถามถึงอนันยช
“แล้วไอ้วันล่ะครับคุณลินได้เจอไอ้วันที่บ้านมั้ย? อย่างน้อยไอ้วินไม่มา ไอ้วันมาก็ยังดี”
“เมื่อคืนดื่มไปขนาดนั้น คงจะมาไหวหรอก”
วิชนีพูดพลางนึกขึ้นได้ รีบหันมาบอกลิลิน
“ลินฉันมีเรื่องจะบอก เมื่อวานคุณวันมาที่นี่แล้วพูดทำนองว่าแค้นๆ คุณวินด้วยล่ะ”
“แค้นคุณวินเหรอ ?”
ลิลินพยายามโทร. หาทิวัตถ์ แต่อีกฝ่ายนอนหลับอยู่ในห้องอย่างไม่รู้เรื่องเพราะฤทธิ์ยา ซ้ำปิดเสียงมือถือไว้ เธอร้อนใจ รีบโทร. เข้าบ้าน แต่กลับมีมือหนึ่งมาดึงสายโทรศัพท์ออก
ระหว่างนั้นเสียงป้าจวนก็ทักขึ้น
“อ้าวคุณวัน กลับมาแล้วเหรอคะ?”
อนันยชหันมาด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม ก่อนจะเดินเข้ามาหาป้าจวน
ลิลินร้อนใจจนทนไม่ไหวรีบผลุนผลันวิ่งออกจากงานไป ทรงพลกับศุภารมย์มองตามอย่างแปลกใจ พร้อมกับนึกสังหรณ์ใจบางอย่าง
ทางด้านอนันยชก็เดินเข้ามาในห้องนอนของทิวัตถ์ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เตียง พลางมองอีกฝ่ายที่หลับอยู่ด้วยสายตาเกลียดชัง
ทิวัตถ์สะลึมสะลือลืมตาขึ้น ก่อนจะแปลกใจที่เห็นอนันยชอยู่ข้างเตียง
“วัน นายเองเหรอ?”
“ใช่ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับนาย”
ทิวัตถ์แปลกใจ “เรื่องอะไร?”
“แกรักฉันมั้ยวะ”
“แน่นอน นายคือพี่ชายฉันนี่”
พูดพลางยิ้มให้อย่างจริงใจ แต่อนันยชกลับมองรอยยิ้มนั้นอย่างชิงชัง
“แต่ฉันเกลียดแกมากเลยว่ะ”
ทิวัตถ์นิ่งอึ้ง ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นอนันยชชักปืนออกมา
“วัน นายจะทำอะไรของนาย?”
อนันยชยิ้มเหี้ยม “ฉันก็กำลังจะเอาทุกอย่างที่มันสมควรเป็นของฉันคืนมาไง”
“วัน นายจะบ้าหรือไง ฉันไม่เคยคิดจะเอาอะไรไปจากนายเลยนะ”
“ไม่จริง ทุกคนรักแก แม่ก็รักแก ถ้าไม่มีแกสักคนฉันก็จะกลายเป็นที่หนึ่ง”
ทิวัตถ์พยายามตะเกียกตะกายลงจากเตียง แต่กลับถูกอีกฝ่ายเตะไปที่ท้อง จนแผลปริ เลือดซึมออกมา
“เจ็บใช่มั้ย? ไอ้ความเจ็บของแก มันไม่เท่ากับสิ่งที่ฉันเจอหรอกเว้ย”
อนันยชเล็งปืนไปที่ทิวัตถ์ แต่กลับถูกทิวัตถ์เอาน้ำในแก้วสาดใส่หน้า พร้อมกับฮึดสู้ วิ่งเข้าใส่จนร่างของทั้งคู่ล้มลงไปที่พื้น ปืนกระเด็นหลุดจากมือไป
ทิวัตถ์รีบฉวยจังหวะหนีออกจากห้องไป ก่อนที่อนันยชจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบปืนเดินตามออกไปอย่างใจเย็น
ทิวัตถ์กระเสือกกระสนหนีมาตามทาง มาหยุดที่หน้าบันได พลางเปิดมือกุมที่แผลไว้ ก่อนจะเห็นว่าเลือดเริ่มออกเริ่มเยอะขึ้น อนันยชเดินมาด้านหลังมาติดๆ
“ไอ้วิน”
พอทิวัตถ์หันไป ก็ถูกอีกฝ่ายถีบจนตกบันไดลงมานอนนิ่งที่พื้น เลือดไหลออกจากแผล
อนันยชยิ้มสะใจ พลางค่อยๆ เดินลงบันไดพร้อมกับปืนที่เล็งมาที่ทิวัตถ์
“เอาเลย ถ้าฉันตาย ทุกอย่างมันจะได้จบๆ ซะที”
“ไม่เอาซิไอ้วิน แกต้องร้องขอชีวิตซิถึงจะถูก เอาซิ”
ทันใดนั้นเสียงของลิลินก็ดังขึ้นจากด้านหลังอนันยช
“คุณวัน”
อนันยชหันไปด้านหลังตามเสียงก็ต้องตกใจเมื่อเห็นลิลินยืนอยู่ เธอฉวยจังหวะผลักเขาตกจากบันไดลงไปนอนแน่นิ่ง ก่อนจะรีบวิ่งมาประคองทิวัตถ์
“รีบไปกันก่อนเถอะค่ะ”
ลิลินเข้ามาช่วยพยุงทิวัตถ์หนี ขณะที่อนันยชค่อยๆ รู้สึกตัวก่อนจะมองไปที่ทั้งคู่อย่างอาฆาต พลางรีบวิ่งถือปืนตามไป
“จะหนีพี่ชายคนนี้ไปไหนล่ะน้องรัก”
ลิลินพาทิวัตถ์เข้ามาหลบที่หลังโซฟา ก่อนจะเห็นว่าเลือดของอีกฝ่ายเริ่มไหลเยอะขึ้น
“ไหวมั้ยคุณ? งั้นคุณวินพักตรงนี้ก่อนดีกว่า”
“ไม่ เราต้องรีบหนี”
อนันยชเดินเข้ามา พลางกวาดตามองหาทั้งคู่ไปรอบๆ จู่ๆ เสียงมือถือของลิลินก็ดังขึ้น เขายิ้มด้วยแววตาเหี้ยม พลางรีบเดินตามเสียงไปที่หลังโซฟา ก่อนจะพบเพียงมือถือของลิลินที่ตั้งปลุกวางล่อเอาไว้
เขานึกเจ็บใจ ก่อนจะหันมาเห็นเลือดของทิวัตถ์หยดเป็นทาง จึงรีบเดินตามรอยเลือดไป
ยอด สลวย เม็ดนุ่นวิ่งกันออกมาแอบดู หลังจากได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย พอเดินพ้นมุมมา ก็เห็นขาใครบางคน
ทั้งหมด ค่อยๆ พากันย่องไปดู ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นป้าจวนนอนหมดสติอยู่
“ป้า ใครทำป้า?”
ป้าจวนค่อยๆ สะลึมสะลือขึ้นมา
“แจ้งตำรวจ รีบแจ้งตำรวจเร็ว”
ลิลินพาทิวัตถ์เข้ามาหลบใต้โต๊ะทำงานในห้องทำงานของทรงพล แต่บังเอิญเผลอไปกล่องหล่นจากโต๊ะ อนันยชได้ยินเสียงก็หันขวับมาทันที
ลิลินเห็นจดหมายร่วงออกมาจากกล่องเต็มไปหมด ก่อนที่จะเพ่งมองไปที่จดหมายฉบับหนึ่งที่หล่นอยู่เบื้องหน้า พร้อมกับนึกแปลกใจ รับหยิบจดหมายขึ้นมาดู แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่ามันคือเป็นจดหมายที่เธอเขียนหาแม่ดา
จังหวะนั้นอนันยชก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง ลิลินรีบคว้าที่ทับกระดาษหนักๆ ขึ้นมาถือไว้ พลางแอบไปยืนอยู่หลังประตู ก่อนจะฟาดใส่หัวอีกฝ่ายเต็มแรง จนเซล้มไปที่มุมห้อง
จากนั้นเธอก็รีบพุ่งเข้าไปหาทิวัตถ์ที่ซ่อนตัวอยู่ แล้วรีบพาออกมาจากห้อง
อนันยชบ้าเลือด รีบคว้าปืนเดินตามทั้งคู่ไปทันที
ลิลินพาทิวัตถ์หลบเข้ามาในห้องศุภิสรา พร้อมๆ กับที่อนันยชตามมาหยุดอยู่ข้างหลัง
“เรื่องนี้เธอไม่เกี่ยว ปล่อยไอ้วินลงแล้วออกไปซะ”
เธอส่ายหน้า พลางพยายามพูดหว่านล้อม
“ไม่ คุณวันจะทำร้ายคุณวินทำไมคะ? ไม่มีใครคิดว่าคุณวันเป็นส่วนเกินซะหน่อย”
อนันยชตะคอกกลับอย่างคนสติแตก
“หุบปาก ไอ้วิน ทำไมแกต้องเหนือกว่าฉันทุกอย่างด้วยวะ? แม่ตั้งชื่อฉันว่าวัน หมายถึงที่หนึ่ง แต่ก็ยังมีแกไอ้วิน วินที่หมายถึงผู้ชนะ ไม่ว่าแกจะไปไหน ทำอะไร ใครๆ ก็รักแต่แก แล้วฉันล่ะ?”
ลินก็ฉวยจังหวะค่อยๆ หยิบโคมไฟขึ้นมาฟาดแผลเดิมที่หัวอนันยช แต่กลับถูกอีกฝ่ายหันมาตบ
ทิวัตถ์โกรธที่ลิลินโดนทำร้าย จึงฮึดสู้เข้าต่อสู้กับอนันยช ที่หันมาคว้าแจกันฟาดใส่หัวของอีกฝ่าย จนล้มลง ทันใดนั้นก็เหมือนประตูห้องแห่งความทรงจำที่ปิดตายได้ถูกเปิดออก
อ่านต่อหน้า 4
ลีลาวดีเพลิง ตอนที่ 17 อวสาน (ต่อ)
ทิวัตถ์เอามือที่จับหัวมาดู เห็นเลือดเต็มมือ พร้อมๆ กับที่ภาพในหัวของเขาหมุนคว้าง มองเห็นศุภิสรายืนด่าเขาอย่างเคียดแค้น
“แก แกมันไอ้มารหัวขน ฉันคิดว่ามีแกแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ไม่เลย”
ศุภิสราพูดพลางหันไปเห็นปืนที่ตกอยู่ที่พื้น จึงหยิบขึ้นมาจ่อชี้ที่ทรงพล
“มันยิ่งทำให้คุณไปรักมัน เมื่อฉันไม่เหลืออะไร ก็อย่าหวังว่าใคร จะได้อะไรไปเหมือนกัน”
พลางยกปืนขึ้นจะยิงศุภารมย์ ทิวัตถ์ตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีพุ่งเข้าไปก่อนจะผลักศุภิสราเต็มแรง ฝ่ายถูกผลักเสียหลัก เท้าพลาดไปเหยียบเข้าที่โคมไฟที่กลิ้งอยู่ที่พื้น ก่อนที่ร่างนั้นจะร่วงตกจากระเบียง
ทิวัตถ์กระพริบตาถี่ๆ เห็นภาพระหว่างปัจจุบันกับอดีตซ้อนกันอยู่ ขระที่ถูกอนันยชยกปืนขึ้นเล็งใส่
ลิลินร้องสุดเสียงก่อนจะพุ่งตัวเอาร่างมาขวางกระสุนไว้
พลันเสียงปืนก็ดังขึ้นหลายนัด ก่อนที่ปืนของอนันยชจะร่วงลงที่พื้น ร่างโชกไปด้วยเลือดที่เกิดจากกระสุน ที่ถูกตำรวจระดมยิงใส่ จนเซไปติดที่ระเบียง
วูบสุดท้ายอนันยชสบตากับศุภารมย์
“แม่”
ก่อนที่ร่างกันจะพลัดตกระเบียงไป ศุภารมย์หวีดร้องปานจะขาดใจ
ทิวัตถ์มองร่างของอนันยชตกระเบียงไป ตัดสลับกับภาพของศุภิสรา เนื้อตัวของเขาเย็นเฉียบ ที่เห็นภาพความทรงจำต่างๆก ลับมา
“แม่”
ทิวัตถ์สะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความตกใจอยู่ในห้องนอน ลิลิน ศุภารมย์ และทรงพลรีบเข้ามาดู
“วิน เป็นยังไงบ้างลูก?”
ทิวัตถ์กระพริบตาถี่ๆ เพราะน้ำตาคลอ ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นด้วยความเจ็บปวด
“แม่ตายแล้ว แม่ตกจากระเบียง”
ศุภารมย์ตกใจ “ไม่ใช่นะวิน ไม่ใช่ ลูกแค่ฝันไป”
ทิวัตถ์ส่ายหน้าเศร้าๆ
“ไม่ครับ สิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้ผมจำได้ ผมเป็นคนฆ่าแม่ต้อยเอง”
ลิลินอึ้งด้วยความตกใจ “อะไรนะ?”
“ผม ผมต่างหากที่เป็นคนฆ่าแม่ต้อยไม่ใช่พ่อคุณ”
ศุภารมย์รีบพูดปฎิเสธ
“ไม่จริงนะวินมันเป็นแค่อุบัติเหตุ”
ลิลินไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ฉันไม่คิดเลยว่าจะเป็นคุณ”
“ผมขอโทษ”
เธอมองเขาอย่างรู้สึกผิดหวัง เสียขวัญและเจ็บปวด จนไม่สามารถยืนอยู่ตรงนั้นได้อีกแล้ว จึงรีบหันหลังวิ่งออกจากห้องไป
ทรงพลกับศุภารมย์ต่างนิ่งเงียบ ที่สุดท้ายแล้วความจริงทุกอย่างก็เปิดเผยออกมา
ที่งานเผาศพอนันยช ศุภารมย์เอาแต่มองรูปของลูกชายด้วยความเสร้าสลด ทิวัตถ์เองก็อยู่ในอาการเสียใจไม่ต่างกัน
“ถึงวันจะจากไป แต่ผมก็ยังอยู่”
ศุภารมย์น้ำตาพราก “แม่ผิดเอง มันไม่ควรเป็นอย่างนี้”
“ไม่มีใครผิดหรอกครับ ถ้าจะผิด ก็ผิดที่ความรักของครอบครัวของเรา ได้ย้อนกลับมาทำลายครอบครัวเราเอง”
ศุภารมย์พยักหน้า ระหว่างนั้นทรงพลก็เข้ามา
“คุณ มีใครบางคนที่ผมอยากให้คุณเจอ”
ศุภารมย์กับทิวัตถ์ต่างอึ้งไปเมื่อเห็นกานดาก็เดินเข้ามา ที่แท้ทรงพลนั่นเอง ที่พากานดาไปให้หมอล้างท้องได้ทันเวลา
“ที่คุณพลต้องซ่อนเธอเอาไว้ก็เพราะกลัวรองฯ ศัลย์สินะ”
ศุภารมยืหันมาถาม กานดาพยักหน้ารับ พลางพยายามจะอธิบาย
“กานอยากให้คุณต่ายเชื่อใจ ระหว่างกานกับคุณพล มันไม่เป็นอย่างที่…”
ศุภารมย์รีบยกมือขึ้นห้าม
“ฉันเข้าใจ ขอโทษนะคะที่เคยเข้าใจคุณผิด ยังไงฉันก็ขออโหสิกรรมกับเรื่องที่เคยทำกับเธอด้วยนะ”
“กานก็เหมือนกันค่ะ”
ทรงพลดีใจที่เห็นทั้งคู่ให้อภัยแก่กัน ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันไปถามทิวัตถ์
“วินรู้มั้ยว่าตอนนี้คุณลินอยู่ไหน?”
“คุณพ่อมีอะไรเหรอครับ?”
ทรงพลหน้าเครียด
“พ่อมีบางเรื่องที่ต้องบอกกับเธอ”
ขณะที่ลิลินยืนอยู่หน้าโกศของปองภพ มีดอกลีลีวดีวางอยู่ตรงหน้า
“พ่อป้อง ตอนนี้หนูลีรู้แล้วว่าใครเป็นคนฆ่าพ่อ”
พลันทรงพลกับทิวัตถ์ก็เข้ามา ลิลินหันมาเห็นก็จะเดินออกไป แต่กลับถูกทิวัตถ์คว้ามือไว้
“เดี๋ยว คุณพ่อมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ”
“แต่ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกคุณ”
พูดพลางจะเดินจากไป แต่แล้วทรงพลก็พูดขึ้น
“หนูลี”
ลิลินชะงักก่อนจะหันกลับมามองทรงพล ที่ตัดสินใจพูดความจริงออกมา
“ฉันคือแม่ดา”
ลิลินนิ่งไปครู่หนึ่ง
“หนูรู้แล้วค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าจะเป็นคุณกานดา แต่หลังจากที่ฉันเห็นกล่องจดหมายในห้องทำงานของคุณ ถึงรู้ว่าที่จริงคุณพลต่างหากที่เป็นแม่ดาตัวจริง ทำไมคุณพลต้องทำอย่างนี้ด้วยคะ?”
ทรงพลนิ่งเครียดไป ก่อนจะย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
ปองภพนั่งรออยู่ในห้องพบญาติ ครู่หนึ่งทรงพลก็เดินเข้ามานั่งลงตรงหน้า ฝ่ายแรกมองจ้องด้วยความโกรธ
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้เป็นคนฆ่าศุภิสรา”
“คุณเองก็มีลูก คงรู้ว่าผมทำอย่างนี้ทำไม?”
ปองภพได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าคนที่ฆ่าศุภิสราก็คือทิวัตถ์ ทรงพลรีบเข้าประเด็นทันที
“ที่ผมมาวันนี้ เพราะผมมีข้อเสนอ หากคุณรับว่าคุณเป็นคนฆ่าศุภิสรา ต่อจากนี้ผมจะเป็นคนดูแลลูกสาวคุณเอง”
ปองภพรีบบอก “ลูกสาวผม ผมดูแลได้”
“คุณก็รู้ว่าผมเป็นใครในจังหวัดนี้ คิดว่าอิทธิพลที่ผมมีอยู่ ผมจะยอมให้คุณออกมาทำลายครอบครัวผมงั้นเหรอ?”
ปองภพได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งไป ก่อนที่จะไอออกมาเป็นเลือด
“ผมรู้ว่าคุณเป็นอะไร? เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้ว นี่เป็นทางที่ดีที่สุด ผมสัญญาว่าผมจะดูแลเธอต่อจากคุณเอง”
ปองภพสบตาทรงพล ด้วยแววตาที่สั่นระริกเพราะความหวั่นไหวในหัวใจ
ทรงพลที่นิ่งคิดไปก่อนจะพูดขึ้น
“เรื่องนี้วินไม่ผิด วินเขาไม่รู้เรื่องจริงๆ หนูก็เห็นว่าวินเพิ่งจะจำได้ วินเขาไม่ได้หลอกลวงอะไรหนูทั้งนั้น”
ลิลินเจ็บใจ พลางสวนกลับด้วยน้ำเสียงท้าทายอยากให้ทรงพลปฏิเสธ
“แต่คุณพลก็รู้มาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้นที่ห้องนอนคุณต้อย คุณรู้ ถ้าไม่อย่างนั้นคุณคงไม่รู้สึกผิดจนต้องรับอุปการะหนู พยายามสอนให้หนูเป็นคนดี แล้วสั่งนักสั่งหนาว่าอย่ากลับมาที่นี่ เพราะสิ่งที่คุณทำมีจุดหมายเดียว
คือกันไม่ให้หนูกลับมารื้อฟื้นเรื่องราว เพื่อปกป้องลูกชายของคุณเอง”
ทรงพลนิ่งไปอย่างเสียใจ “ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำเพื่อหนู มันไม่สามารถชดเชยความผิดที่ฉันได้ทำกับหนูหรือพ่อหนูได้”
ลิลินมองทรงพลนิ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา
“หนูให้อภัยค่ะ ขอบคุณนะคะที่ดูแลหนูมาตั้งแต่เด็ก แต่หนูขออย่างนึงได้มั้ยคะ? ถ้าหนูไม่สบายใจ
หนูขอเขียนจดหมายหาแม่ดาได้มั้ยคะ?”
เพียงเท่านี้ทรงพลก็ถึงกับน้ำตารื้น
“ได้ ได้ซิ ขอบคุณนะ ขอบคุณมาก”
จากนั้นก็ลุกเดินออกไป ทิ้งให้ทิวัตถ์อยู่กับลิลินตามลำพัง
“ผมไม่คิดว่าคุณจะให้อภัยพ่อผมได้”
“ที่ผ่านมาทุกคนคอยเตือนฉันอยู่เสมอว่าการเริ่มต้นด้วยความแค้น ไม่สามารถที่จะจบได้อย่างมีความสุข แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันได้พิสูจน์แล้วว่าการแก้แค้นไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น พ่อป้องเองก็คงต้องการให้มันเป็นอย่างนี้”
“แล้วคุณ คุณจะอภัยให้ผมได้มั้ย?”
“ได้”
ทิวัตถ์ยิ้มอย่างมีหวัง แต่แล้วเธอกลับพูดต่อว่า
“แต่เราคงรักกันไม่ได้ ตอนแรกที่ฉันมาที่นี่ หัวใจของฉันเต็มไปด้วยไฟแค้น จนฉันได้พบคุณ คุณทำให้ฉันรู้ว่าเวลาที่ฉันอยู่กับคุณ ฉันมีความสุขกับความรักที่คุณมีให้ฉัน”
ทิวัตถ์น้ำตาคลอ “แล้วทำไมเราถึงรักกันไม่ได้?”
“เพราะตอนนี้ หัวใจของฉันมันแตกสลาย ไปพร้อมกับความจริงที่ฉันได้รู้ ขอเวลาฉันหน่อยได้มั้ย?”
ทิวัตถ์ได้ยินอย่างนั้นก็เหมือนแสงเทียนเล็กๆ ที่เปล่งแสงในความมืด
“ได้สิ ผมจะรอ ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ ผมจะรอวันที่หัวใจของคุณพร้อม แล้วผมจะทำให้คุณรักผมอีกครั้ง”
ลิลินมองหน้าทิวัตถ์อย่างเนิ่นนานเหมือนจะจดจำมันเอาไว้ ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป
เขามองตามเธอไปด้วยแววตาเศร้าและเจ็บปวด
2 ปีผ่านไป
ขณะที่ป้าจวนที่กำลังดูแลความเรียบร้อย ตระเตรียมข้าวของให้ทรงพลกับกานดาไปทำบุญเนื่องในวันครบรอบการจากไปของศุภิสราอยู่ที่หน้าโถง
ครู่หนึ่งทรงพลก็เข้ามาตาม
“จวน แล้วนี่วินลงมาหรือยัง?”
ขาดคำทิวัตถ์ก็เดินลงมาพอดี กาลเวลาทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่แววตายังคงเศร้าสร้อยอยู่เช่นเคย
“ไปวิน เดี๋ยวแม่รอนาน”
ทรงพลกับทิวัตถ์และกานดาเดินเข้ามาพร้อมกันที่ลานวัด ก่อนจะเห็นศุภารมย์ในชุดชีพราหมณ์ยืนอยู่
ทิวัตถ์ กับกานดายกมือขึ้นไหว้
“แม่ต่ายสบายดีใช่มั้ยครับ?”
“แม่สบายดี วินไม่ต้องเป็นห่วง”
ทิวัตถ์ยิ้มให้ ก่อนจะถามต่อ “แล้วเมื่อไหร่แม่ต่ายจะสึกครับ?”
“แม่ก็ยังไม่รู้ เพราะตั้งแต่แม่ปฏิบัติธรรม ทำให้รู้ว่าจิตใจของแม่สกปรกแค่ไหน สิ่งเดียวที่จะช่วยขัดล้างความสกปรกนั่นออกไปได้ ก็คือพระธรรม”
ทรงพลพูดขึ้นมาบ้าง
“คุณต่าย คุณไม่ต้องห่วงอะไรนะ ผมดูแลทุกอย่างได้”
ศุภารมย์มองทรงพลนิ่งๆ ก่อนจะหันมาคุยกับกานดา
“ระหว่างนี้คงต้องฝากกานดาดูแลคุณพลแทนฉันด้วยนะ”
“ได้ค่ะ คุณต่ายไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
ศุภารมย์ยิ้ม พลางเดินออกไป ทรงพล กานดาสัมผัสได้ถึงความสงบเยือกเย็นในตัวของเธอ ทิวัตถ์เองก็รู้สึกดีใจที่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสงบสุข
ศักดิ์สิทธิ์กำลังพยุงวิชนีที่กำลังท้องลูกคนที่ 2 ค่อยๆลงนั่ง พลางทำเสียงดุ
“ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วว่าจะเอาอะไรให้เรียกฉันไง”
“ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้ นี่ฉันท้องนะไม่ได้พิการ”
พลันปกติก็อุ้มลูกคนแรกของทั้งคู่เข้ามา
“คุณหนูของคุณหนูนี่น่ารักน่าชังจริงๆ นะครับ ทำให้ผมอดนึกถึงตอนคุณหนูเด็กๆไม่ได้”
ปกติน้ำตาซึมอย่างซึ้งใจ ก่อนที่ศักดิ์สิทธิ์จะถามขึ้น
“แล้วนี่ตาหนูเปลี่ยนผ้าอ้อมเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย?”
“เรียบร้อยครับ คราวนี้ถูกต้องไม่กลับหน้ากลับหลังแล้วแน่นอนครับ”
ระหว่างนั้นทิวัตถ์ก็เข้ามา ด้วยท่าทางเศร้าๆ ก่อนจะถามขึ้นมาทันที
“แกได้ข่าว....”
ยังไม่ทันจบประโยค ศักดิ์สิทธิ์ก็รีบขัดขึ้น
“ไม่ ไอ้วิน ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าคุณลินกลับมาหรือฉันได้ข่าวอะไร ฉันจะรีบบอกแกเป็นคนแรกเลย
ไอ้วิน แกมาที่นี่เวลานี้ทุกวันมา 2 ปีแล้ว ไม่เบื่อบ้างหรือไง”
ทิวัตถ์เดินหน้าเศร้าออกไปโดยไม่พูดอะไร ศักดิ์สิทธิ์กับวิชนีมองตามอย่างเป็นห่วง
“นายว่าลินจะกลับมามั้ย?”
ทิวัตถ์เดินหยุดอยู่ที่หน้าโกศของปองภพ ก่อนจะพูดขึ้น
“เรื่องมันก็ผ่านมา 15 ปีแล้ว ผมคงพูดได้แค่ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่ตั้งใจจะทำให้คุณต้องมารับบาปแทนผม อโหสิกรรมให้ผมด้วยนะครับ”
เขายืนนิ่ง ก่อนจะสังเกตเห็นดอกลีลาวดีวางที่หน้าโกศ
“คุณลิน”
ทิวัตถ์วิ่งหาลิลินรอบวัด ก่อนจะมองไปรอบๆ พร้อมกับตะโกนเรียก
“คุณลิน คุณลิน”
ทว่ากลับต้องรู้สึกผิดหวังที่สุดที่ไม่เจอเธอ แต่แล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้น
“ตามหาใครอยู่เหรอคะ?”
ทิวัตถ์หันมา ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นลิลินยืนอยู่ ทั้งคู่สบตากัน ต่างคนต่างยิ้มให้กัน ด้วยความดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง
จบบริบูรณ์...