แหวนทองเหลือง ตอนที่ 25
เสาวรสนั่งกินข้าวบนโต๊ะอาหารอย่างหิวโหย โตชิโร่ กับ ดวงใจ นั่งมอง มีเดโกะที่ยืนคอยดูอยู่ห่างๆ ทำหน้าตกใจที่เห็นเสาวรสกินอย่างนั้น เสาวรสกินข้าว และ ดื่มน้ำอีกอึกใหญ่ พอรู้สึกตัวว่าถูกมอง ก็ทำหน้าอายๆ หันมายิ้มกับดวงใจ
"พี่ไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว"
"พี่ไปอยู่ที่ไหนมา ฉันไปที่บ้านยายเห็นโดนระเบิดไปหมดแล้ว"
"ดีนะที่คืนนั้นพี่กับยายไม่ได้อยู่ในบ้าน ก็ดวง กับลูกหนูหายไป พี่กับยายก็เลยพากันออกมาตาม แต่พี่เหมี่ยว"
เสาวรสสะอื้นน้ำตาร่วง ดวงใจหน้าเสีย
"พี่เหมี่ยวยังอยู่ในบ้าน...ระเบิดมันลงบ้านยาย"
"โธ่…พี่เหมี่ยว"
เสาวรสมองโตชิโร่อย่างเกรงๆ
"พี่กับยายก็ไม่มีที่ซุกหัว ของสักชิ้นก็ไม่ได้มา ไฟมันเผาเป็นขี้เถ้าไปหมด ยายแกจะไปอาศัยญาติที่ปทุม
แต่พี่ไม่อยากไปรบกวนพวกเขา ไม่เคยรู้จักมักจี่จะไปอยู่กับเขายังไง....ก็....ได้รับจ้างเขาไปเรื่อย วันไหนไม่มีใครจ้างก็... นอนมันข้างถนน"
ดวงใจน้ำตาไหลสงสารเสาวรสที่สะอื้นให้
"โธ่…พี่เสาว์"
ดวงใจหันไปมองโตชิโร่
โตชิโร่สีหน้าครุ่นคิด แต่พอเห็นแววตาขอร้องของดวงใจก็ใจอ่อน
"ถ้าให้มาอยู่ที่นี่ .คุณคงจะพอใจใช่ไหม"
ดวงใจดีใจมาก
"ค่ะ…ฉันอยากขอความกรุณาให้พี่เสาวรสอยู่ที่นี่กับฉัน"
เสาวรสบอก
"ไม่เป็นไรหรอกดวง"
เสาวรสก้มหน้าน้ำตาร่วง
"พี่ได้เข้ามากินอิ่มมื้อนี้ได้ พี่ก็เหมือนฝันแล้ว"
โตชิโร่ยิ้มๆ"จะอยู่ที่นี่ก็ได้...เพราะกำลังหาแม่บ้านอยู่พอดี"
ดวงใจกับเสาวรสมองหน้าโตชิโร่อย่างดีใจมาก
"จะได้เป็นเพื่อนแก้เหงาคุณด้วย"
ดวงใจยิ้มดีใจ เข้าไปจับมือโตชิโร่ไว้
"ขอบคุณมากค่ะ แล้วแม่บ้านคนไทยของคุณล่ะคะ"
"ผมไม่มีแม่บ้านคนไทย...มีแต่เดโกะ"
ดวงใจมองหน้าโตชิโร่อย่างสะกิดใจ เขาลุกขึ้นยืน หยิบเงินให้ดวงใจปึกหนึ่ง
"ไปหาซื้อเสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็นให้เขา ของคุณก็ซื้อมาเพิ่มอีก เดโกะจะจัดห้องพักด้านหลังให้..."
"ชื่อเสาวรสค่ะ ชื่อพี่เสาวรส" ดวงใจบอก
"เรียกเสาว์เฉยๆ ก็ได้ค่ะ"
"ฉันออกไปข้างนอกกันเองได้เหรอคะ"
"ผมไว้ใจคุณ... จะให้รถไปส่งไหม"
"อย่าเลยค่ะ ฉันไปกับพี่เสาว์เองดีกว่า"
"รีบกลับบ้านล่ะ...อย่าซื้อของจนเพลินนะ"
ดวงใจยิ้ม"ค่ะ…ไม่ต้องห่วง แต่เงินที่คุณให้นี่มันมากเกินไปค่ะ"
ดวงใจหยิบเงินคืนให้ เหลือเก็บไว้นิดเดียว โตชิโร่ผลักมือกลับไปเบาๆ
"ใช้ไม่หมดค่อยเอามาคืน"
โตชิโร่พยักหน้ายิ้มๆ หันไปสั่งเดโกะเป็นภาษาญี่ปุ่น
"จัดห้องให้ผู้หญิงคนนี้ด้านหลัง..แล้วคอยดูไว้ด้วย"
"ไฮ้"
ดวงใจหันไปยิ้มกับเสาวรสอย่างดีใจมาก
ดวงใจ กับ เสาวรส เดินมาหยุดหน้าร้านขายเสื้อที่ค่อนข้างดี เสาวรสเปลี่ยนเสื้อใส่ของดวงใจ
"ร้านนี้เสื้อสวยนะพี่เสาว์"
เสาวรสหยุดมอง
"จะซื้อให้พี่เหรอ"
"ใช่จ้ะ...ลองเข้าไปดูข้างในร้านไหม"
เสาวรสสั่นหน้า
"ถ้าสำหรับดวงก็เข้าไปดูกัน แต่ถ้าสำหรับพี่ ไปดูร้านโน้นดีกว่า"
เสาวรสชึ้ไปที่ร้านธรรมดา มีผ้าซิ่น กับเสื้อแบบเรียบร้อยแขวนขาย ดวงใจมองแล้วก็เข้าใจ
"ดีเหมือนกันจ้ะ."
ทั้งสองคนเดินไปที่ร้านขายเสื้อธรรมดานั้น
เสาวรสกับดวงใจ เดินถือถุงกระดาษหลายใบ พากันเดินมาตามทางกลับบ้านโตชิโร่"ดวงโชคดีนะ ที่ได้เค้าช่วยไว้"
"เค้าดีกับฉันมากเลยพี่เสาว์ ดีมากจนฉันไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณเค้ายังไง"
เสาวรสยิ้มๆ
"พี่ว่าท่าทางเขาชอบดวงมากนะ"
"ฉันเข็ดขยาดผู้ชายจริงๆ นะ พี่เสาว์"
"ถ้าไม่ใช่เพราะดวง เขาไม่มีทางให้พี่เข้าบ้านหรอก พวกญี่ปุ่นน่ะ ดุจะตาย"
"แต่โตชิโร่ไม่ดุเลย ฉันเห็นแต่ใครๆ ก็ชอบเค้านะ"
"ถ้าเค้าขอให้ดวงเป็นเมียเขาล่ะ...ดวงจะทำยังไง"
"ฉันก็คงต้องหนีไป เหมือนที่เคยหนีหมอเมตตา"
"นี่ดวง...จำได้หรือเปล่าที่ดวงเสียใจที่หนีออกมา ลูกหนูก็ต้องพรากจากกัน...ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน"
ดวงใจหน้าเศร้า น้ำตาจะร่วง
"ฉันคิดถึงลูกใจจะขาด"
"ถ้านายญี่ปุ่นเค้าดีกับดวงขนาดนี้...พี่ว่าดวงก็ควรจะดีกับเขา""พี่น่ะ...รู้รสชาติความลำบากเลือดตาแทบกระเด็นมาแล้วนะดวง อย่าให้ตัวเองต้องกลับไปเป็นอย่างนั้นเลย มากันขนาดนี้แล้ว พี่ว่านายญี่ปุ่นเค้าคงช่วยสืบหาลูกหนูให้ได้นะ"
มีผู้ชายเดินมาสองสามคน ดวงใจสะดุ้งมองไปอย่างลนลานถึงอดีต เสาวรสหันไปมอง จับมือพาดวงใจรีบเดิน
"ไป….รีบกลับกันเถอะ"
มีรถสามล้อถีบผ่านมา เสาวรส กับดวงใจรีบเดินไปเรียกรถสามล้อถีบออกไปทันที
รถโตชิโร่วิ่งแล่นเข้าบ้านมา โตชิโร่ลงมาจากรถ เดโกะวิ่งมาคอยรับกระเป๋าเอกสาร กับซามูไร โตชิโร่เดินเข้ามาในบ้าน ดวงใจยืนคอยอยู่ ดวงใจยิ้มให้ โตชิโร่มองดวงใจอย่างหลงใหล
"ยิ้มของคุณทำให้ผมหายเหนื่อย"
"วันนี้ฉันทำอาหารไทยให้คุณทานค่ะ...หิวหรือยังคะ"
"หิวแล้วครับ"
"คุณไปอาบน้ำก่อนนะคะ วันนี้เราจะทานข้าวเย็นในสวน"
"ไปทานเลยดีกว่า"
"ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าค่ะ จะได้สบายตัว ไปซิคะ อย่าดื้อ"
ดวงใจดันโตชิโร่ให้ขึ้นไปอาบน้ำ เขามองเธอสีหน้ามีความสุข
ดวงใจรินเหล้าให้โตชิโร่ เขาจิบเหล้าที่ดวงใจรินให้ พลางมองหน้าดวงใจไปด้วย เห็นบรรยากาศจัดอาหารคล้ายๆ ขันโตก โตชิโร่มองรอบๆ และ อาหารที่จัดไว้อย่างสวยงาม เสาวรส กับ เดโกะ ยืนดูอยู่ห่างๆ เสาวรส ใส่ผ้าซิ่นกับเสื้อเรียบร้อย
"คุณจัดบ้านได้สวยน่าอยู่จริงๆ"
"ฉันไม่ได้ทำหรอกค่ะ พี่เสาว์ กับ เดโกะ เป็นคนทำ… เราทำเพื่อเป็นการขอบคุณ คุณค่ะ"
"ผมน่าจะขอบใจเสาว์มากกว่า... ผมไม่เคยเห็นคุณยิ้มสดชื่นอย่างนี้เลย อาหารพวกนี้น่าทานมาก"
"ฉัน กับพี่เสาว์ช่วยกันทำสำหรับคุณค่ะ"
ดวงใจหยิบเงินออกมาคืนให้โตชิโร่
"นี่ค่ะ เงินที่เหลือ"
โตชิโร่มองเงินแต่ไม่ได้รับมา
"ทำไมเงินเหลือมากอย่างนี้ล่ะ"
"ก็ใช้ซื้อเสื้อผ้าให้พี่เสาว์ตั้งหลายชุดแล้วค่ะ"
"แล้วของคุณล่ะ"
"ของฉันจะซื้อทำไมคะ คุณซื้อให้ก็ยังพอใช้ค่ะ"
โตชิโร่มองดวงใจอย่างซึ่งในนิสัยที่ดีของดวงใจ
"คุณเก็บไว้เถอะ...คุณคงต้องใช้ซื้อของที่คุณต้องการ เก็บไว้เถอะนะ"
ดวงใจสีหน้าเศร้าลง เพราะไม่อยากผูกพันธ์กับโตชิโร่ไปมากกว่านี้
"ไหนคุณแนะนำผมซิว่า...จานไหนอร่อย"
"อร่อยทุกอย่างค่ะนายญี่ปุ่น...ลองชิมสิคะ" เสาวรสบอก
ดวงใจตักอาหารให้โตชิโร่ พอโตชิโร่ลองทานก็ชอบ
"อื้อ…อร่อยจริงๆ ด้วยนะ"
ดวงใจหันไปยิ้มดีใจกับเสาวรส เดโกะไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็พลอยยิ้มดีใจที่โตชิโร่มีความสุข เสาวรสสะกิดเดโกะให้เดินออกไปกับตน ต้องการให้โตชิโร่อยู่กับดวงใจ
อ่านต่อหน้า 2
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 25 (ต่อ)
โตชิโร่เดินไปเปิดแผ่นเสียง แล้วรินเหล้าสองแก้วเดินมาส่งให้ดวงใจแก้วหนึ่ง ดวงใจลังเลไม่อยากดื่ม
"ดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ"
ดวงใจรับแก้วเหล้ามา
"ก็ได้ค่ะ...แต่ไม่ดื่มเยอะเหมือนวันนั้นนะคะ" ฉันไม่อยากปวดหัว
"อีกหน่อยพอดื่มเก่ง...ก็จะไม่ปวดหัวอีก"
ดวงใจจิบเหล้า
"เหล้านี่มันก็ดีที่เมาแล้วได้ลืมเรื่องที่ทำให้เราช้ำใจ"
"วันนี้ผมมีความสุขมาก...กลับมาบ้านได้เห็นคุณได้ทานอาหารอร่อยๆ ที่คุณทำให้ทาน"
"ฉันคงจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหรอกค่ะ"
โตชิโร่มองดวงใจนิ่ง
"อยู่ที่นี่เถอะนะ...อยู่กับผม คุณจะไม่ต้องลำบากอีกเลย"
ดวงใจคิดหนัก
"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงดีคุณก็รู้"
"ผมไม่สนใจ....ผมอยากแต่งงานกับคุณ ผมอยากรับคุณมาเป็นภรรยาของผม"
"ฉันเป็นภรรยาใครอีกไม่ได้หรอกค่ะ หัวใจฉันเป็นของคน คนเดียวเท่านั้น"
โตชิโร่นิ่งไป"ผมอิจฉาผู้ชายคนนั้นจริงๆ จนป่านนี้แล้วคุณยังไม่ลืมเขา"
"ใช่ค่ะ ฉันลืมเขาไม่ได้ บางครั้งถึงฉันจะอยากลืม แต่ก็ลืมไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่รู้สึกดีกับสิ่งที่คุณ
ทำให้ฉันนะคะ ถ้ามีสิ่งใดที่ฉันจะตอบแทนสิ่งที่คุณทำให้ฉันได้...ฉันก็จะทำค่ะ"
โตชิโร่จับมือดวงใจไว้
"อันที่จริงผมไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนเลย ผมต้องการให้คุณรู้ว่าผมรักคุณเท่านั้น ผมอยากมีคุณมาอยู่ข้างๆ ผมอยากเห็นคุณทุกวัน อยากให้คุณมีความสุขกับผม... ผมต้องการมากไปไหม"
ดวงใจมองโตชิโร่อย่างเข้าใจ และเห็นใจ
"คน คนนั้นของคุณ เขาทำให้คุณมีแต่ความทุกข์ ทำให้ชีวิตคุณต้องลำบาก แล้วเขาก็หายไป แต่ผมอยู่ที่นี่ พร้อมที่จะดูแลให้เกียรติคุณ ผมจะเลี้ยงดูคุณให้สุขสบายไม่ต้องลำบากอีกเลย"
โตชิโร่ค่อยๆ ดึงดวงใจเข้ามากอด และจูบอย่างอ่อนหวาน จนดวงใจอดเคลิบเคลื้มไม่ได้
ในห้องนอนโตชิโร่ เขาจูบดวงใจบนเตียง ดวงใจหันหน้าหนี สีหน้าเฉยชาคิดถึงกฤษดา ในคืนที่ได้กันในกระท่อมในป่า
ดวงใจสีหน้าไม่มีความสุข หลับตา โตชิโร่เอื้อมมือมาปิดโคมไฟหัวเตียง
วันรุ่งขึ้น ดวงใจส่งโตชิโร่ขึ้นรถไปทำงาน เดโกะยืนมองอยู่ห่างๆ โตชิโร่รับของมา แล้วจูบดวงใจที่หน้าผาก แล้วขึ้นรถออกไป ดวงใจพยายามยิ้ม เสาวรสเดินมามองยิ้มๆ โตชิโร่ขึ้นรถออกไป เธอเดินกลับมาเห็นเสาวรสที่ยืนยิ้มๆ อยู่…เธอเดินผ่านเสาวรสไปด้วยสีหน้าไม่มีความสุข
เสาวรสเดินตามเธอออกไป
ดวงใจนั่งคุยกับเสาวรสด้วยสีหน้าเศร้าหมอง...
"ฉันเป็นผู้หญิงคนชั่วพี่เสาว์"
“ดวง…ทำไมว่าตัวเองแบบนี้”
“ฉันรู้สึกรังเกียจตัวเองจริงๆ พี่เสาว์... ฉันไม่มีหน้าไปพบลูก ไม่มีหน้าไปพบคุณกฤษดาอีกแล้ว”
ดวงใจน้ำตาร่วง ร้องไห้เงียบๆ อย่างเจ็บช้ำ แต่ไม่โวยวาย
“ที่ดวงต้องเป็นแบบนี้... ก็เพราะคุณกฤษดานั่นแหล่ะ”
ดวงใจหันไปมองหน้าเสาวรส
“ทำไมทุกคนต้องว่าคุณกฤษดาแบบนี้ มันไม่จริง”
“แปลว่ามีคนอื่นที่คิดเหมือนพี่ ดวง เพราะมันเป็นความจริง ชีวิตดวงต้องพลิกผันแบบนี้...ก็เพราะคุณกฤษดา คนเดียว”
“อย่าไปโทษเค้าเลยพี่เสาว์ ดวงมันเลวเอง”
“เลิกนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาได้แล้ว...วันนี้ดวงโชคดีได้มีชีวิตใหม่แล้ว ได้ผู้ชายอย่างนายญี่ปุ่นเป็นผัวน่ะถือว่าโชคดีแล้วนะดวง”
“ที่ฉันยอม ก็เพราะเห็นเค้าเป็นคนดี มีบุญคุณกับเรา แต่จะให้คิดว่าเค้าเป็นสามีน่ะ...ฉันทำใจไม่ได้หรอก”
กฤษดานอนหลับใต้ต้นไม้ ข้างๆ เนินหลุมศพ ทรุดโทรมเพราะความเศร้า กำนันปานนั่งทำต้นไม้อยู่ไม่ห่าง ท่าทางโทรมเหมือนกัน กำนันปานหันมามองกฤษดาด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ เต่าพาวาดิมเดินเข้ามา วาดิมมาเห็นกฤษดาก็สงสาร
“โธ่เอ๋ย กฤษดา เค้ามาอยู่แต่ที่นี่เหรอครับกำนัน”
“ครับ…จนมืดค่ำก็ยังนั่งอยู่ที่นี่ บางทีก็มานั่งอ่านหนังสือ บางทีก็ไปหาดอกไม้ในป่ามาปลูกให้ไอ้ดวง”
“เขาไม่ยอมเลิกโทษตัวเองที่ทำให้เมียกับลูกต้องมาตายจากไป”
กำนันปานหน้าเศร้า
“เป็นเพราะผมเองต่างหาก”
วาดิมเดินไปนั่งข้างๆ กฤษดา
“ผมว่าทุกคนเลิกโทษตัวเองได้แล้วครับ...ชีวิตต้องเดินต่อไป...กฤษดา...กฤษดา...
วาดิมปลุก กฤษดาตื่นขึ้นมา รีบลุกขึ้นนั่ง
"อ้าว…วาดิม มาตั้งแต่เมื่อไหร่"
วาดิมยิ้ม"ต่อไปนี้ไม่ต้องมีวาดิมอีกแล้ว... ผมชื่อวิทยา"
กฤษดามองวาดิมอย่างงงๆ
"หมายความว่า..."
วาดิมยิ้ม"สงครามเลิกแล้วกฤษดา ญี่ปุ่นยอมแพ้แล้ว"
กฤษดายิ้มดีใจ
"สงครามเลิกแล้ว"
อ่านต่อหน้า 3
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 25 (ต่อ)
เต่าเอาน้ำมาเสริฟให้กฤษดากับวิทยา
"ญี่ปุ่นโดนระเบิดปรมณูของอเมริกาเข้าที่ฮิโรชิม่า กับนางาซากิเลยยอมแพ้สงคราม...คนตายเป็นแสน"
กฤษดาหลับตาสะเทือนใจ
"สงครามทำให้คนบริสุทธิ์ต้องตายขนาดนี้...มันโหดร้ายจริงๆ"
"รัฐบาลไทยกำลังจะถูกเล่นงานจากพวกพันธมิตร ที่เราไปเข้าร่วมกับญี่ปุ่น" วิทยาบอก
"ประเทศเราจะกลายเป็นอาชญากรสงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
วิทยายิ้มภูมิใจ"แต่เราไม่ต้องตกเป็นอาชญากรสงคราม...เพราะพวกเราขบวนการเสรีไทยนี่แหล่ะ พวกเราที่ยังอยู่เมืองนอก ยืนยันกับพวกพันธมิตรว่า เราจำเป็นต้องยอมญี่ปุ่นเพื่อรักษาชาติ กับประชาชนของเราไว้...เพราะพวกเสรีไทยต่อต้าน และ ชี้เป้าให้กองทัพพันธมิตรโจมตีค่ายของญี่ปุ่นในเมืองไทยหลายครั้ง"
"น่าสมเพชพวกขายชาติที่หากินกับญี่ปุ่น คนพวกนี้น่าจะถูกประนามให้สังคมรับรู้นะ"
"ถูกของคุณ...กฤษดา หน้าที่ของคุณยังไม่หมดนะ คุณต้องกลับไปช่วยพวกเราจัดการกับคนไทยที่ฉวยโอกาสเห็นแก่ตัวพวกนั้น"
กฤษดาถอนใจ"อย่าให้ผมต้องไปยุ่งกับเรื่องอะไรอีกเลย...ผมอยากใช้ชีวิตเงียบๆ ที่นี่"
"ฟังผมสักหน่อยนะ อายุคุณยังน้อย ยังทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้อีกมาก ถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ผมมาหาคุณที่นี่ก็เพราะมีงานที่อยากให้คุณช่วย เรากำลังระดมทุนทำงานใหญ่"
กฤษดามองหน้าวิทยาอย่างใช้ความคิด
"ผมยังไม่พร้อม ผมอยากอยู่กับลูกกับเมียผม"
วิทยาเดินหนีไป "ลูก กับ เมียคุณตายไปแล้วกฤษดา คุณใช้ชีวิตไร้ค่าไปวันๆ แบบนี้ ถ้าพ่อ กับ เมีย คุณรับรู้ เค้าจะรู้สึกยังไง"
กฤษดาโมโห
"ก็เพราะไอ้สงครามบ้าบอนี่น่ะซิ ผมถึงต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิต พอกันทีวิทยา อย่ามาพูดว่าผมไม่ได้เสียสละให้ประเทศชาติ อย่ามาพูดว่าผมอยู่อย่างไร้ค่าไปวันๆ ถ้าผมเห็นแก่ตัวเหมือนไอ้พวกโกงกินชาติผมคงไม่ต้องเป็นแบบนี้"
กฤษดาสะบัดหน้าหนี น้ำตาร่วงออกมา วิทยาฟังแล้วก็อึ้งไป
"แต่อย่าลืมก็แล้วกันว่าคุณเป็นใคร"
กฤษดาคิดหนัก...
รถบรรทุกทหารมารับพลทหารที่อยู่บ้านโตชิโร่และขนข้าวขนของออกไป เดโกะช่วยขนเป้ทหารที่บรรจุของใช้ไปขึ้นรถ ดวงใจ กับเสาวรสยืนมองอย่างงงๆ
"เค้าจะไปไหนกันดวง..."
"ไม่รู้สิพี่เสาว์ พวกญี่ปุ่นขนข้าวขนของกันสองสามวันแล้ว เหมือนพวกเค้าจะย้ายกันไปที่อื่น"
"พวกคนที่ตลาดเค้าพากันโห่ร้องดีใจว่า สงครามเลิกแล้ว…เค้าว่าญี่ปุ่นยอมแพ้ฝรั่ง...อย่างนี้ก็แปลว่าพวกญี่ปุ่นแพ้สงคราม น่ะซิดวง"
"มิน่าเล่าพี่เสาว์..โตชิโร่เค้าซึมมาหลายวันแล้ว คงเพราะเรื่องนี้เอง"
"แล้วนี่นายญี่ปุ่นต้องกลับไปประเทศเขาหรือเปล่า"
ดวงใจสีหน้าเป็นทุกข์
"คงไม่ต้องมั้งพี่เสาว์...เค้าบอกดวงว่าอยากอยู่เมืองไทย"
"ดวงเข้าไปดูเค้าหน่อยดีกว่า อยู่แต่ในห้องทำงานแทบจะตลอดเวลาแล้วนะ"
ดวงใจอึดอัด"เค้าอาจจะมีงานสำคัญก็ได้...ดวงไม่อยากไปกวนตอนเค้าเครียด"
"เถอะน่า...ไปดูเค้าหน่อย เดี๋ยวจะยิ่งคิดมากว่าดวงไม่สนใจ…"
โตชิโร่นั่งคุกเข่าหลับตาอยู่หน้าธงชาติญี่ปุ่น ดวงใจเปิดประตูห้องเข้ามาเงียบๆ เธอมองอย่างเห็นใจสงสาร ดวงใจเดินมานั่งใกล้ๆ จับที่มือ เรียกเบาๆ
"คุณค"
โตชิโร่ลืมตา สีหน้าปวดร้าว พยายามจะยิ้ม
"วันนี้คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ...ถ้าคุณทำแบบนี้ ฉันกลัวคุณจะไม่สบายค่ะ"
โตชิโร่จับมือดวงใจไว้
"ผมไม่เป็นไร"
ดวงใจมองโตชิโร่อย่างเป็นห่วง โตชิโร่ยืนขึ้น ดึงดวงใจเข้ามากอด
"ผมจะต้องกลับไปญี่ปุ่น แต่ผมจะกลับมาหาคุณ จะมารับคุณไปอยู่ญี่ปุ่นกับผม"
ดวงใจหน้าเสีย"เคยมีคนสัญญากับฉันแบบนี้....แล้วเขาก็ไม่มา"
โตชิโร่จูบดวงใจเบาๆ
"แต่ผมจะมา ระหว่างที่ผมไม่อยู่ ผมจะทิ้งเงินไว้ให้คุณมากพอที่คุณจะอยู่ได้อย่างสบาย"
"คุณจะไปนานแค่ไหนคะ"
"ผมไม่รู้...แต่เรื่องสำคัญที่สุด ห้ามคุณทิ้งบ้านนี้เด็ดขาด"
"ค่ะ…ฉันจะรอคุณอยู่ที่นี่"
โตชิโร่กอดดวงใจไว้
"คุณรู้ใช่ไหม ว่าผมรักคุณ ถึงคุณจะไม่รักผมเท่าเค้า แต่ผมก็ยังรักคุณมากอยู่ดี...คุณจะไม่ต้องลำบากอีก จำไว้นะดวงใจ ห้ามไปจากบ้านนี้เด็ดขาด"
โตชิโร่มองหน้าดวงใจ ดวงใจยิ้มเศร้า พยักหน้ารับคำ
คืนนั้น ดวงใจ กับโตชิโร่ สั่งลากันด้วยความรักครั้งสุดท้าย ขณะที่โตชิโร่สีหน้าเศร้า แต่ก็มีความสุขกับดวงใจ
รุ่งขึ้น ดวงใจยืนร่ำลาโตชิโร่ที่จะขึ้นรถออกไปจากบ้าน เขาจับมือเธอไว้แน่น มองหน้าดวงใจอย่างรักใคร่ ดวงใจหน้าเศร้า พยายามพยักหน้าหนักแน่นกับโตชิโร่ เขาตัดใจขึ้นรถไป เดโกะมาโค้งคำนับลา ดวงใจ กับเสาวรส แล้วขึ้นนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ โตชิโร่นั่งด้านหลัง รถขับออกไป โตชิโร่ไม่หันกลับมามองดวงใจอีก ดวงใจมองรถโตชิโร่ที่ขับออกไปจนลับตา
บนกราบเรือรบญี่ปุ่น โตชิโร่เดินถือดาบซามูไร ฟันทหารญี่ปุ่นตายไปสามคน แล้วเดินมาถึงเดโกะที่ยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
โตชิโร่นั่งสงบนิ่งอยู่ในห้อง มีซามูไรวางอยู่ตรงหน้า เดโกะเดินเข้ามา เสียงเครื่องยนต์เรือดังสนั่น ห้องในเรือเอียงวูบ เดโกะรีบหาที่ยึดไว้ โตชิโร่ยังพยายามนั่งตัวตรง
"เรือลำนี้จะต้องจมในท้องทะเลนี้เดโกะ ทองคำในเรือเป็นของญี่ปุ่น จะไม่ยอมให้ศัตรูยึดเอาไปเด็ดขาด"
โตชิโร่พูดเสียงเฉียบขาด หยิบจดหมายออกมาส่งให้เดโกะ
"เมื่อแกรอดกลับไปได้ เอาจดหมายนี้ให้พ่อของฉัน บอกท่านด้วยว่า...ฉัน....ขอโทษ"
เดโกะรับจดหมายมา ลงนั่งคุกเข่าโค้งคำนับโตชิโร่เป็นครั้งสุดท้าย
"รีบไปได้แล้ว"
เดโกะลนลานรีบออกไป เรือเอียงวูบ โตชิโร่เซแล้วพยายามนั่งคุกเข่ามือถือซามูไรไว้ น้ำตาคลอ
"ลาก่อน...ดวงใจ...ลาก่อนเกียรติภูมิของซามูไร"
โตชิโร่ใช้ซามูไร ฮาราคีรี ไฟในเรือดับมืดลง
อ่านต่อหน้า 4
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 25 (ต่อ)
บ้านเมตตาที่เมืองกาญจน์ เป็นบ้านไม้ ส่วนหนึ่งเป็นเรือนหลังเล็กๆ แยกจากตัวบ้าน เป็นมูลนิธิของหมอเมตตา
วันนี้เป็นวันเปิดมูลนิธิหมอเมตตา รับรักษาชาวบ้านยากจน มีชาวบ้านยากจน มานั่งคอยรักษา และมีหมออาสามาช่วยรักษาคนไข้ แม่หมอเมตตา กับ ลูกหนูซึ่งอายุประมาณ 5 ขวบ เดินมาดู แม่ดูทรุดโทรมเพราะสุขภาพไม่ดีแล้ว เมตตากำลังเดินดูรอบๆ สีหน้าห่วงใยแม่
"คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
แม่ยิ้มแย้ม"แม่สบายดี .อยากมาดูงานของหมอ แหม…พอเปิดรักษาก็มีคนไข้คิวยาวเลยนะ"
"โชคดีที่เราได้เงินสนับสนุนเยอะครับ ผมเลยทำทุกอย่างได้อย่างที่ตั้งใจไว้ คุณแม่ต้องพักผ่อนมากๆ นะครับ"
แม่หมอโบกมือ"โอ้ย...แม่นอนทั้งวันแล้ว อยากพาลูกหนูออกมาวิ่งเล่นบ้าง"
หมออุ้มลูกหนูขึ้นมา
"ลูกหนู…ปีนี้ลูกต้องไปโรงเรียนแล้วนะจ้ะ"
"หนูไม่อยากไป หนูอยากอยู่กับคุณพ่อ"
เมตตาหัวเราะ"พ่อก็อยู่กับหนู หนูไปโรงเรียนตอนกลางวัน พอตอนเย็น หนูก็ได้กลับบ้าน"
"ไม่ต้องไปอยู่ที่โรงเรียนเหรอคะ"
แม่หมอหัวเราะ"ไม่ต้องไปอยู่ลูก...ไปเรียนแล้วก็กลับบ้าน"
อ้อยบอก
"อ๋อ…ที่งอแงไม่อยากไปโรงเรียนเพราะนึกว่าจะต้องไปอยู่ที่โรงเรียนเลยเหรอคะ"
"แต่พอหนูโต...หนูก็ต้องไปเรียนที่อื่นนะลูก" เมตตาบอก
"ลูกหนูไม่ไปค่ะ"
"โตเป็นสาวแล้วขอให้พูดอย่างนี้นะลูกหนู"
เมตตาหัวเราะ พยาบาลเดินอย่างรีบร้อน
"หมอคะ...ต้องหาคนมาช่วยลงทะเบียนคนไข้แล้วค่ะ คนไข้มากันอีกหลายคน ทำไม่ทันแล้วค่ะ"
"ให้อ้อยไปช่วยก่อนซิลูก...อ้อยมันก็เขียนหนังสือเก่ง"
เมตตาวางลูกหนูลง
"ดีเหมือนกันครับ...ไปอ้อย"
เมตตา กับ พยาบาล และ อ้อย รีบร้อนเดินกลับไปที่มูลนิธิ แม่หมอเมตตาจะจูงลูกหนูเดินไป
"คุณย่าขา....ไปเก็บดอกไม้กันทางโน้นดีกว่าค่ะ"
"ไปซิลูก"
ลูกหนูออกวิ่งไปอย่างเร็ว แม่หมอรีบเดินตาม
"อย่าวิ่งลูกหนู รอย่าด้วย อย่าวิ่งลูกเดี๋ยวหกล้ม"
ลูกหนูวิ่งเล่นประสาเด็ก มีต้นไม้เล็กๆ ออกดอกบ้าง ดอกหญ้าบ้าง ลูกหนูวิ่งมาเก็บดอกหญ้านั้น ไปส่งให้แม่หมอเมตตา ที่เดินตามมาอย่างเหนื่อยหอบ
"คุณย่าดูสิคะ....ดอกไม้สวยๆ เต็มเลย"
แม่หมอเริ่มรู้สึกตัวว่าผิดปรกติ
"ลูกหนู…เราขึ้นบ้านกันเถอะลูก"
ลูกหนูวิ่งออกไปอีก
"คุณย่า ตรงโน้นก็มีดอกไม้ค่ะ"
แม่หมอมองลูกหนูอย่างห่วงใย
"อย่าไปทางโน้นเลยลูก...มันรก"
แม่หมอพยายามเดินอย่างเร็วจะไปเอาตัวลูกหนูกลับมา แต่เหนื่อยหอบ หยุด สะดุ้งเอามือกุมหน้าอก สีหน้าเจ็บปวด
"โอ๊ย…โอ๊ย"
ลูกหนูมัวแต่เพลินไม่ได้สนใจ แม่หมอเมตตาล้มลง สีหน้าเจ็บปวด ตายังมองลูกหนู
"ลูกหนู ลูกหนู"
แม่หมอเมตตาค่อยๆ หลับตาลง แม้จะพยายามฝืนแล้วก็ตาม
ลมัย กับ ลูกน้องกดออดหน้าบ้านโตชิโร่ ที่ดวงใจอยู่กับเสาวรส สักครู่เสาวรสเดินมาเปิดประตู แล้วยื่นเงินค่าเช่าบ้านให้
"เอ้า...แหมมาตรงวันเป๊ะเชียวนะ"
ลมัยรับเงินไปแล้ว เก็บใส่กระเป๋า
"วันนี้ฉันมีเรื่องต้องมาคุยด้วย...แล้วเมียญี่ปุ่นอยู่ไหน"
ลมัยผลักประตูทำท่าจะเข้าไปในบ้าน เสาวรสขวางไว้
"พูดกับฉันก็ได้"
"ไม่ได้...ต้องพูดซะพร้อมๆ กัน...ถอยไป ฉันจะเข้าไปตรวจบ้านฉันด้วย"
ลมัยให้ลูกน้องดันประตูเข้าไปจนได้ เสาวรสมองตามไม่พอใจ
ลมัยเดินเข้ามาในบ้าน ปากก็ร้องตะโกนเรียก
"เมียญี่ปุ่น เมียญี่ปุ่น"
เสาวรสรีบเดินเข้ามาขวางหน้า ไม่พอใจอย่างมาก
"นี่ป้า...แหกปากทำไมฮึ คุณเค้าชื่อดวงใจ ตะโกนอะไร เมียญี่ปุ่น เมียญี่ปุ่น ไม่รู้จักสมบัติผู้ดีเลย"
ดวงใจเดินลงมา ลมัยตอบโต้เสาวรสอย่างไม่ลดละ
"โอ้ย...จะต้องมาสมบัติผู้ดีอะไรกับพวกหล่อนยะฉันไม่ตะโกนเมียเช่า เมียเช่าก็บุญแล้ว"
เสาวรสถลึงตา ดวงใจห้ามไว้
"จะเอาอะไร"
ลมัยมองดวงใจด้วยสายตาดูถูก
"ฟังซะพร้อมๆ กัน …ฉันจะขึ้นค่าเช่าบ้านเป็นเดือนละ สามพัน"
ดวงใจ กับ เสาวรสตกใจ
"อะไรนะ...จากเดือนละพันห้าเนี่ยะนะ เป็นสามพัน...ไม่โหดไปหน่อยเหรอป้า"
ลมัยตวาดสวนเสาวรส
"ป้าบ้านแกน่ะซิ...เรียกฉันว่าคุณนายลมัย...จำใส่หัวไว้ด้วย ถ้าไม่อยากจ่ายเดือนละสามพันก็ย้ายออกไปซิ"
เสาวรสหัวเราะแค้นๆ
"โถ…อยากเป็นคุณนาย อีคุณนายบ่าวตั้ง อย่างแกมันต้องเรียกอีป้าหน้าเลือด"
"ถ้าแกไม่หยุดปากหมา...ไอ้ส่ง...มันจะตบแกปากฉีก"
ลูกน้องลมัยจ้องหน้าเสาวรสอย่างเอาเรื่อง ดวงใจดึงเสาวรสเริ่มกลัวที่อื่นก็ได้ บ้านดีๆ กว่านี้ถมเถไป"
"ไม่ได้นะพี่เสาว์...เอ้อ...คุณนายลมัย พอจะลดค่าเช่าหน่อยได้ไหม ยังไงๆ ก็อยู่กันมานานแล้ว"
ลมัยมองของแต่งบ้านรอบๆ อย่างพอใจ
"พูดจาภาษาคนอย่างนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย...ฉันจะยอมให้จ่ายราคาเดิมอีกเดือนเดียวเท่านั้นนะ...แต่เธอต้องจ่ายค่าซ่อมบ้านให้ฉันก่อน...ดูซิ...ทางเดินข้างนอกน่ะ ทรุดหมดแล้ว"
"อ้าว…ก็เก็บค่าเช่าบ้านไปแล้วก็ซ่อมเองซิ"
ลมัยจ้องหน้าเสาวรส
"ไม่จ่ายก็ไม่ต้องอยู่ จะจ่ายไหม ค่าซ่อมบ้านอีกพันนึง"
"อะไรนะ...ไอ้ซ่อมพื้นแค่นี้ไม่เกินสามร้อยหรอกโว้ย"
"ไม่พอใจก็อย่าอยู่ซิ"
ดวงใจหยิบเงินให้ลมัยอย่างตัดปัญหา
"เอ้า...เอาไป"
"ดวง"
ลมัยรีบรับเงินไป
"หุบปากหล่อนซะ...คราวหน้าก็จ่ายง่ายๆ อีกนะ จะได้อยู่กันนานๆ"
ลมัยเดินออกไปกับลูกน้อง เสาวรสขัดใจมาก
"ดวง…ไปยอมมันทำไม เงินก็เหลือไม่มากแล้ว เราย้ายไปอยู่หลังเล็กๆ แถวตลาดก็ได้ จะได้ขายของ ได้ด้วย"
"โตชิโร่เค้าสั่งไว้นักหนาว่าห้ามทิ้งบ้านนี้พี่เสาว์ ฉันก็ต้องทำตามที่เค้าสั่งไว้"
"แล้วเมื่อไหร่นายญี่ปุ่นจะกลับมาซะที...นี่ก็หลายเดือนแล้วนะ"
ดวงใจน้ำตาร่วง"มันคงเป็นเวรกรรมของฉันพี่เสาว์...พอจะดีก็มีอันเป็นไปทุกที"
"โธ่..ดวง ไม่จริงหรอก เอางี้มั้ย พรุ่งนี้เราลองออกไปหางานกันดู เผื่อจะได้งานแบบทำขนมส่ง หรือทำห่อหมกไปส่งก็ยังดีนะ"
ดวงใจพยายามยิ้ม ทั้งๆ ที่มีความทุกข์
วันรุ่งขึ้น ดวงใจ กับ เสาวรส เดินเข้ามาในร้านข้าวแกงในตลาด เสาวรสเดินไปสั่งข้าวแกง
เสาวรสมองหม้อที่มีแกงอยู่สองสามใบแล้วก็สั่ง
"ข้าวราดแกงไก่ 2 จานจ้ะ"
"จ้ะ..จ้ะ นั่งก่อนนะเดี๋ยวยกไปให้"
ระหว่างนั้นดวงใจเดินไปนั่งที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง มาลีนั่งกินข้าวแกงมองดวงใจอย่างสนใจ
"พี่จ้ะ...ฉันจะทำห่อหมกมาส่งให้พี่เอาไหม ห่อหมกฉันอร่อยนะ ให้ชิมก่อนก็ได้จ้ะ ห่อหมกฉันอร่อยนะ"
คนขายถอนใจอย่างเหนื่อย ชี้ไปที่หม้อแกง
"ทำกับข้าววันละสองสามหม้อยังขายไม่ค่อยจะหมดเลย...เดี๋ยวนี้ของมันก็แพงเหลือเกิน คนกินก็หายไปไหนหมดก็ไม่รู้"
แม่ค้าส่งจานข้าวแกงให้ เสาวรสถือจานข้าวแกงกลับมานั่งกินกับดวงใจ ทำหน้าผิดหวัง
"เค้าไม่เอาใช่ไหมพี่เสาว์"
เสาวรสพยักหน้าเซ็งๆ
"ถามมาเกือบสิบร้านแล้ว ไม่มีใครเอาเลย เฮ้อ จะทำอะไรมันถึงจะได้เงินเยอะๆ น้า"
เสาวรส กับดวงใจทำท่าท้อแท้ มาลีรีบเดินมานั่งด้วย..
"อยากหางานทำเหรอ"
เสาวรสมองมาลีอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
"จ้ะ…มีงานอะไรพอจะบอกกันบ้างไหมจ้ะ" ดวงใจบอก
"เดี๋ยวนี้งานมันหายาก...แต่ฉันมีงานให้ทำ อย่างเธอสองคนทำได้อยู่แล้วW
"งานอะไร"
"เอาเถอะน่า...มีก็แล้วกัน เดี๋ยวพอกินเสร็จฉันจะพาไปดูก็ได้...ถ้าตัดสินใจจะทำก็ทำได้เลย"
เสาวรสมองหน้ากับดวงใจ
"งานอะไร...ทำได้ง่ายๆ อย่างนั้นเลยเหรอ"
มาลียิ้มเจ้าเล่ห์
มาลีพาดวงใจ กับ เสาวรส มาที่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในซอยเงียบ มาลีเปิดประตูรั้วบ้านเข้าไป มีผู้ชายหน้าตาดุร้ายอยู่ที่ประตูรั้ว มาลียังบรรยายไม่หยุดปาก
"มาจ้ะ...เข้ามาเลย...อย่างเธอคนนี้ ถ้าแม่เห็นต้องชอบมากเลย"
ดวงใจยิ้ม"เค้าจะจ้างฉันทำงานเลยเหรอจ้ะ"
เสาวรสเริ่มเอะใจ
"เมื่อกี้พูดว่าแม่...แม่อะไร"
มาลีพยายามกลบเกลื่อน
"แม่ของฉันจ้ะ...เจ้าของบ้านนี้แหล รีบไปตามแม่มาซิ"
"ไม่รู้ตื่นหรือยัง รอเดี๋ยวน" ผู้ชายบอก
มาลีพูดกับชายที่เฝ้าประตู...ชายคนนั้นมองดวงใจ กับ เสาวรสอย่างสนใจ ก่อนเดินเข้าบ้านไป เสาวรสมองรอบๆ อย่างรู้สึกไม่ไว้ใจแล้ว
"นี่ฉันถามจริงๆ เถอะ…บ้านนี้ทำมาหากินอะไร ที่ชวนฉันมานี่น่ะ จะให้ทำอะไร"
มาลีเริ่มทำหน้าไม่พอใจ ช้อยเดินออกมา เสาวรสเห็นช้อยก็จำได้ ตกใจ
"อีช้อย"
ดวงใจตกใจมาก ช้อยจำทั้งคู่ได้ รีบเดินมา
"มึงสองคน...เข้ามาในบ้านกูทำไม"
เสาวรสหันไปเอาเรื่องมาลี
"นี่แกชวนพวกฉันมาเป็นกะหรี่ซ่องอีช้อยเหรอ"
"อีมาลี...แกไปชวนอีเสนียดสองตัวนี่มาบ้านกูทำไม"
มาลีตกใจ"อ้าว…ฉันเห็นมันหน้าตาดี มันหางานทำ ฉันก็เลยชวนมา ไม่รู้นี่ว่าแม่เกลียดมันW
เสาวรส ดึงดวงใจจะออกจากบ้าน
"ไปเถอะดวง...อย่าอยู่ให้อัปรีย์มาติดเราเลยซวยแท้ๆ"
ช้อยวิ่งมาขวางไว้"มึงจะไปไหน มึงสองคนทำกูเดือดร้อน เด็กกูโดนมึงฆ่า โดนมึงตอน กูต้องหนีตำรวจหัวซุกหัวซุน มึงมาก็ดีแล้ว กูจะจับมึงสองคนขายตัวคืนนี้ละวะ เฮ้ย... พวกเราจับมัน"
เสาวรสเตรียมตั้งท่าสู้เต็มที่ ดวงใจคว้าไม้กวาดที่วางแถวนั้นมาถือไว้
"มึงอย่างหวังอีช้อย...วันนี้กูสู้ตาย"
"เออ…วันนี้มึงได้ตายแน่อีเสาว์..จับมัน"
เสาวรส และ ดวงใจร้องกรี้ดดังลั่น แมงดาวิ่งเข้ามาหาดวงใจ หวังจะจับตัว ดวงใจหลับหูหลับตา เอาด้ามไม้กวาดฟาดไปโดนกลางหัวแมงดานั้นตาเหล่ล้มสลบไป เสาวรสดีใจ ดึงไม้กวาดจากมือดวงใจไปถือไว้เอง
"มึงรู้จักพวกกูน้อยไป ดวง..เปิดประตูเร็ว"
ดวงใจวิ่งไปที่ประตู ช้อยกับ มาลีพยายามขวางไว้
"อีมาลี...ถ้าอีสองคนนี่หลุดไปมึงตาย"
มาลีกระโดดจับเสาวรส ดวงใจพยายามเปิดประตูร้องตะโกนให้คนช่วยดังลั่น ช้อยจะวิ่งไปจับดวงใจ มาลีโดนเสาวรสสะบัดเอาด้ามไม้กวาดฟาดเข้ากลางหลังแอ่นระแน้ไป
ช้อยตบดวงใจ ดวงใจชกหน้าช้อยหงายไปปากแตก เสาวรสหันมาช่วยดวงใจ ถีบ ช้อยกระเด็นถลาไป
"โดนตีนกูบ้างเป็นไงอีช้อย"
ช้อยตะโกนเรียกพวก
"ช่วยด้วย...ออกมาช่วยกูเร็ว"
เสาวรสเตะช้อยกลิ้งไปอีก มาลีพยายามจะลุกมาช่วยโดนเสาวรสจับหัวโขกกับช้อยล้มกลิ้งไป พวกผู้หญิงหากินได้ยินเสียงเอะอะพากันวิ่งออกมา ห้าคน เสาวรสหันไปเล่นงานช้อย
"วันนี้แหล่ะกูจะแก้แค้นให้ดวง"
สาวรสเงื้อด้ามไม้กวาดกะฟาดหัวช้อยที่นั่งอยู่ ดวงใจห้ามไว้
"อย่าพี่เสาว์"
เสาวรสชะงัก หันไปมองพวกของช้อยที่วิ่งออกมาตั้งท่าจะเล่นงานดวงใจ กับ เสาวรส ดวงใจวิ่งไปรอหน้าประตูแล้ว
"ถ้าพวกมึงเข้ามากูจะฟาดกบาลอีนี่"
"อย่าไปทำเค้าเลยพี่เสาว์...ขอให้ยุติกันแค่นี้เถอะ ทำไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกพี่...เป็นเวรเป็นกรรมกันเปล่าๆ ฉันอโหสิให้เค้า…ตั้งแต่นี้ไปเลิกยุ่งเกี่ยวกันซะที"
สาวรสมองช้อยอย่างแค้น ช้อยนั่งนิ่งยังไม่กล้าลุกขึ้น
"ถ้าพวกมึงมายุ่งกับเราอีก กูขอสาบานว่าจะฆ่งมึงด้วยมือกูเอง อีช้อย"
เสาวรสเอาด้ามไม้กวาดฟาดลงที่ข้างตัวช้อยเสียงดัง ช้อยหลับตาปี๋ เสาวรสพาดวงใจวิ่งหนีไป เสาวรสยังถือไม้กวาดติดมือไป พวกผู้หญิงลูกน้องช้อย พากันวิ่งมาช่วยช้อย
ช้อยรีบวิ่งมาดูหน้าบ้าน ก็ไม่เห็นดวงใจ กับ เสาวรสแล้ว.... ช้อยเอามือกุมหัว
อ่านต่อตอนที่ 26