xs
xsm
sm
md
lg

แหวนทองเหลือง ตอนที่ 20

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แหวนทองเหลือง ตอนที่ 20

มุมหนึ่งในบ้าน เมตตาเดินมาหยิบหนังสือเก็บเข้าที่ แม่เดินมาหาถามเบาๆ

"หมอ"
เมตตาส่ายหน้า
"ผมเปลี่ยนใจเค้าไม่ได้หรอกครับคุณแม่"
แม่ถอนใจ สงสารหมอ
"ของอย่างนี้มันแล้วแต่วาสนากันนะลูกนะ อะไรที่เป็นของของเรา ก็ต้องเป็นของเราวันยังค่ำ แต่ถ้าไม่ใช่ เราก็ต้องยอมรับ"
ดวงใจโผล่หน้าเข้ามา
"ทานข้าวกันเถอะค่ะ...ตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว"
"ไป...ไปทานข้าวกันดีกว่า ไปหมอ...เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นซะหมด"
แม่กับหมอพากันเดินไป ดวงใจมองตามอย่างรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

กำนันปานนั่งอยู่ในห้องนอน ดื่มยาที่บัวแก้วยืนรออยู่ กฤษดาเดินเข้ามากับเต่า
"เป็นยังไงบ้างกำนัน....ดีขึ้นหรือยัง"
กำนันปานรีบขยับนั่งเรียบร้อย
"ไอ้คนบาปหนาอย่างผมมันบ่ต๋ายง่ายๆ หรอกครับ อยากจะต๋ายวันละหลายหน แต่ก่อต้องอยู่อย่างทรมานทุกวัน"
กฤษดาเดินมาลงนั่งใกล้
"กำนันให้เต่าไปตามฉัน....มีอะไร"
กำนันปานมองไปรอบๆ
"หมู่เอ็งทุกคนออกไปก่อน"
ทุกคนเดินออกไปจากห้อง เหลือแต่กฤษดา กับ กำนันปาน
กำนันปานค่อยๆ ลุกขึ้นไปปิดประตูห้องนอนลงกลอน แล้วเดินมาที่โต๊ะหมู่บูชาพระในห้อง ซึ่งมีรูปพระยาดำรงอยู่ด้วย ปานรื้อของบนโต๊ะหมู่ออก จึงเห็นว่าโต๊ะหมู่พระวางครอบหีบไม้ใบใหญ่ กำนันปานหันมามองกฤษดา
"คุณกฤษดาครับ ถ้าผมมอบทั้งหมดนี้หื้อคุณกฤษดา ผมก่อจะได้หมดห่วงเสียที"
กฤษดามองอย่างสงสัย
"อะไร"
"เชิญคุณกฤษดา มาดูเองเต๊อะครับ"
กฤษดาเดินมาที่หีบใหญ่ใบนั้น กำนันปานไขกุญแจดอกใหญ่ที่ล่ามไว้ออก พอเปิดฝาหีบไม้นั้นออก กฤษดาต้องตกใจที่เห็นเงินจำนวนมากในหีบนั้น
"เงินของใครกำนัน""
"ไปเอามาจากไหน ทำไมมากอย่างนี้ล่ะกำนัน"
กำนันปานเล่าอย่างภาคภูมิใจ
"เงินทั้งหมด...ได้จากการขายข้าว ลิ้นจี่ ลำไยของท่านเป๋นเวลานานร่วมซาวกว่าปีครับ...ทุกครั้งตี้ท่านมาตี้นี่ ผมจะเอาเงินหื้อท่าน ท่านก่อบอกเอาไว้ก่อน ว่าไว้ใจหื้อผมเก็บไว้...จะเอาออกใช้จ่าย หื้อค่าแรงใครก่อตามใจ ท่านบ่เคยถาม บ่เคยดูท่านไว้ใจไอ้มหาโจรอย่างผม" ปานน้ำตาไหล "มีที่คุ้มกะลาหัว มีที่หื้อ
ทำกิน จะหาใครหื้อผมอย่างนี้ บ่มีอีกแล้ว...คุณกฤษดาครับ เอาเงินนี้ไปเต๊อะครับ เอากลับไปหื้อท่าน ผมอยากหื้อท่านได้เห็นว่าผมได้ทดแทนพระคุณท่านครับ"
กฤษดาน้ำตาไหล จับมือกำนันปานอย่างเข้าใจ
"กำนันคงยังไม่รู้ คุณพ่อท่าน...เสียนานแล้ว"
กำนันปานตกใจ น้ำตาร่วง
"โอ้...นายท่าน นายของไอ้ปาน เมื่อไดครับ ท่านเสียเมื่อไดครับ คุณกฤษดา"
"สองปีแล้ว...ฉันเองไม่มีโอกาสที่จะกราบศพท่านเหมือนกัน"

กฤษดาเจ็บปวดใจ

เต่าเดินจุดคบไฟไปตามทางเดิน จากบ้านกำนันปาน จนไปถึงบ้านใหญ่ของกฤษดา

กฤษดานั่งมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง พระจันทร์สวยวันเพ็ญ สว่างเห็นไปได้โดยรอบ กำนันปาน ก่ำ ม้ง เดินออกมาจากห้องนอนใหญ่
"เอ็งสองคนกลับไปได้...ไปบอกบัวแก้วหื้อมันยกสำรับนายน้อยมาตี้นี่ แล้วบอกไอ้เต่าหื้อมันหอบผ้าห่มมานอนหน้าห้องคุณกฤษดา"
กฤษดาหันมา
"ไม่ต้องไปกวนเต่าหรอก ฉันอยู่คนเดียวได้"
"บ่ได้หรอกครับ ต้องหื้อไอ้เต่ามาคอยดู คุณกฤษดาเชื่อผมเต๊อะครับ"
กฤษดาพยักหน้าตามใจ ก่ำ กับ ม้งเดินลงไป กำนันปานเดินมาเอากุญแจมาส่งให้กฤษดา
"นี่ครับกุญแจหีบ...พวกผมช่วยกันยกมาไว้ตี้หัวเตียงคุณกฤษดาแล้ว จะได้หยิบใช้ได้สะดวก"
"ความจริงกำนันเก็บไว้อย่างเดิมก็ดีแล้ว จะได้ใช้จ่ายเรื่องในไร่...ผมเอง..จะอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้"
"อยู่ตี้นี่นานๆ เต๊อะครับ ตี้นี่เป๋นบ้านคุณกฤษดา คุณอยู่ตี้นี่จะได้เป็นขวัญกำลังใจหื้อหมู่เฮา ไอ้ผมมันก่อไม้ใกล้ฝั่ง หรือคุณกฤษดาอยากกลับกรุงเทพ"
กฤษดาถอนใจ
"ฉันยังกลับตอนนี้ไม่ได้...บ้านที่กรุงเทพจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ หวังว่า หลวงเณคงจัดการได้"
กำนันปานส่ายหน้าไม่ค่อยพอใจ
"คุณหลวงเณนี่ก่อแปลก...ยะหยังบ่ส่งข่าวหื้อผมรู้เรื่องนายท่านเลย"
"ช่วงนั้นรบกันหนักมาก อย่าว่าแต่จะส่งข่าวเลย ในกรุงเทพยังต้องวิ่งหลบระเบิดกันแทบทุกวัน ระเบิดลงทางรถไฟขาดหลายแห่ง คงจะส่งข่าวแล้วแต่ทางนี้ไม่ได้"
กำนันปานเดินไปกราบรูปพระยาดำรงพิรมย์ที่วางอยู่บนโต๊ะ สีหน้าเศร้า
"บ่มีนายท่าน บ่มีไอ้ดวง ชีวิตไอ้ปานก่บ่เหลืออะหยังอีกแล้ว...ทุกวันนี้ก่อเหมือนตายทั้งเป๋น"
"ฉันก็เหมือนกัน"
กำนันปานหันไปมองกฤษดาที่นั่งก้มหน้า ท่าทางเศร้าหมองมาก
"คุณกฤษดาครับ...คุณกฤษดายังมีอนาคต...อายุยังน่อย...อย่าเพิ่งหมดอาลัยตายอยากอย่างผมนะครับ...เพราะถ้าท่านรับรู้ว่าคุณกฤษดาท้อแท้ท่านจะเสียใจ"
กฤษดาเงยหน้ามองกำนันปาน เหมือนเป็นเพื่อนคนเดียวเท่านั้นในตอนนี้
"ขอเวลาให้ฉันก่อนนะ"
กำนันปานพยายามปลอบใจกฤษดา แต่ตัวเองก็ร้องไห้ สะอื้นหนัก
"เห็นแก่ท่าน...เห็นแก่ไอ้ดวง... คุณกฤษดาต้องเข้มแข็งนะครับ"

กฤษดามองกำนันปานอย่างเข้าใจ
 
อ่านต่อหน้า 2

แหวนทองเหลือง ตอนที่ 20 (ต่อ)

ดวงใจเดินออกมากับเมตตา มาที่รถสามล้อถีบคันที่ใช้กันประจำ จนคุ้นเคยกันดี

"วันนี้พาคุณผู้หญิงไปทุ่งมหาเมฆคนเดียวนะ"
"หมอไม่ไปด้วยเหรอครับ"
"วันนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาล ไปเถอะ จะได้มีเวลา แล้วพาคุณผู้หญิงมาส่งให้ดีด้วยนะ"
"ไม่ต้องห่วงครับหมอ"
"ขอบใจมาก โชคดีนะดวงใจ"
เมตตาเดินหันหลังไปอีกทางหนึ่ง ยังน้อยใจดวงใจอยู่
"ไปคุณ...ตอนนี้ผมแทบจะหลับตาขี่ไปทุ่งมหาเมฆได้แล้ว...แต่ผมว่า วันนี้เราลองไปไกลกว่าเดิมดีไหม"
"มันก็ไม่ใช่ทุ่งมหาเมฆน่ะซิจ้ะ"
"ผมไปถามเค้ามา...บางคนเค้าก็บอกยังเป็นทุ่งมหาเมฆอยู่ บางคนก็บอกไม่ใช่ แต่ผมว่าเราขี่วนหาแถวนั้นมาจะสองปีแล้ว...ลองไปอย่างเขาว่าน่าจะดี"
ดวงใจยิ้ม
"ลองดูก็ได้จ้ะ"

สามล้อถีบไปตามถนน ขี่ผ่านร้านกาแฟริมถนนที่ดวงใจ เคยมานั่งกับหมอเมตตา สามล้อถีบไกลออกไปอีก จนมาจอดที่หน้าซอยทางเข้าบ้านพระยาดำรงพิรมย์ คนขับหันมาพูดกับดวงใจ
"ซอยนี้ไงที่เค้าบอกว่ามีบ้านคนใหญ่คนโตหลายหลังน่ะ...ลองเดินเข้าไปดูซิ"
ดวงใจลงจากรถ หยิบเงินให้คนถีบรถ
"พี่เอาเงินนี่ไปหาข้าวกินก่อนนะ แล้วซักพักค่อยมารอฉันที่นี่"
"ได้...ไม่ต้องรีบก็ได้นะ"
ดวงใจยิ้มให้
"ขอบใจจ้ะ"

คนถีบรถสามล้อ ถีบรถออกไป ดวงใจมองในซอยเห็นมีคนพลุกพล่านหลายคน ดวงใจเดินเข้าไปในซอยนั้น

ดวงใจเดินมาจนถึงหน้าบ้านพระยาดำรง มีคนเดินเข้าออกหลายคน ทั้งผู้หญิงหากิน และ ทหารญี่ปุ่น มีคนจีนด้วย มิ่งเดินออกมาจากบ้าน เห็นดวงใจกำลังมองเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าบ้านก็เข้าไปถาม

"จะมาสมัครงานใช่ไหม ไป..ไปพบคุณสมรข้างในโน่น"
"เปล่าจ้ะ...ฉันไม่ได้มาสมัครงาน ฉันมาหาบ้านท่านเจ้าคุณเทศา"
มิ่งนิ่งไป มองหน้าดวงใจ
"เทศาไหน"
"ลุงรู้จักไหมจ้ะ...ท่านเจ้าคุณเทศา ที่ท่านเคยไปอยู่เชียงใหม่ ท่านมีบ้านที่เชียงใหม่ด้วย ลุงรู้จักไหมจ้ะ"
"เธอมาถามถึงทำไม เธอเป็นใคร จะเอาอะไร"
"เอ้อ...ฉันเป็นลูกสาวของคนที่เฝ้าบ้านท่านจ้ะ ฉันมีธุระสำคัญ"
"เธอเป็นลูกสาวกำนันปานเหรอ"
พอดวงใจได้ยินชื่อพ่อ ก็ดีใจที่สุด
"ใช่จ้ะ...ลุงรู้จักพ่อฉันเหรอจ้ะ"
"รู้จักซิ เจ้าคุณท่านเคยพาฉันไปเชียงใหม่หนหนึ่ง ฉันเคยเจอกำนันปาน"
ดวงใจดีใจมาก
"แล้วบ้านท่านเจ้าคุณล่ะจ้ะ..อยู่ที่ไหน"
มิ่งชี้ไปที่บ้าน ซึ่งตอนนี้มีป้ายใหญ่มาติดที่หน้าบ้านว่า โรงแรม "ทงกิมเหลา"
"ก็หลังนี้แหล่ะ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว"
ดวงใจมองไปที่บ้านซึ่งสภาพเป็นโรงแรมแล้ว มีเก้าอี้สนามร่มกาง มีคนนั่ง มีบ๋อยเดินเสิร์ฟ และในบ้านมีคนเดินกันวุ่นวาย

มิ่งพาดวงใจเดินเข้ามาถึงหลังบ้านที่เป็นครัวของบ้าน ข้างๆ ครัวเป็นลานพอมีโต๊ะให้นั่งสำหรับคนใช้นั่งกินข้าวได้ ดวงใจมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าดีใจตื่นเต้น
"ตามมา...ไปนั่งคอยที่ครัวก่อนแล้วกัน"
"ลุงจ้ะ...แล้วคุณกฤษดาอยู่ไหมจ้ะ"
มิ่งหยุดหันมามองดวงใจ
"รู้จักคุณกฤษดาด้วยเหรอ"
ดวงใจอายยังไม่กล้าบอก
"เอ้อ..รู้จักจ้ะ"
อิ่มเดินออกมา สีหน้าไม่พอใจ
"ไอ้มิ่ง...เอ็งพาใครมาในครัวล่ะนี่"
"ลูกสาวกำนันปาน...มาจากเชียงใหม่"
อิ่มดีใจ"อ้าว....ลูกสาวกำนันปานหรือนี่"
ดวงใจดีใจ รีบยกมือไหว้อิ่ม
"ป้ารู้จักพ่อฉันด้วยหรือจ้ะ"
"ไม่รู้จักหรอก...แต่เคยได้ยินท่านพูดถึงบ่อยๆ ไป..เรามันก็คนกันเองไง"
"ขี้ข้าท่านเหมือนๆ กันไง...คุยกันไปนะ..ฉันจะไปซื้อบุหรี่ให้ขาไพ่ก่อน เดี๋ยวมันไม่ให้ทิป"
อิ่มค้อน"ไอ้หน้าเงิน...อะไร อะไร เอ็งก็คิดถึงแต่เงิน...มักได้"
"อ้าว...ไม่อดน่ะ."
มิ่งเดินหนีไป
"ไอ้ขี้ข้าเห็นแก่กิน"

อิ่มหันมายิ้มกับดวงใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

แหวนทองเหลือง ตอนที่ 20 (ต่อ)

สมรซบหน้าลงไปกับคอเถ้าแก่ทงที่นอนหอบเหนื่อยบนเตียง สมรสมใจยิ้มท้าทาย เถ้าแก่ทงจูบสมรที่ปากอย่างดูดดื่ม

"คุณจะทำคนแก่หัวใจวาย"
สมรหรี่ตา"เมื่อกี้ไม่เห็นบ่นอย่างนี้เลย.. มีแต่ชมหมอนว่าดี"
"คุณนี่ได้ดังใจผมทุกอย่าง...ทั้งเรื่องบนเตียง...ทั้งเรื่องงาน"
"ใครดีกับหมอน...หมอนก็ตอบแทนอย่างถึงใจค่ะ"
สมรพยายามลูบไล้เถ้าแก่ทง
"แล้วค่าน้ำค่าไฟ คุณทำยังไง"
"หมอนก็ทำอย่างที่เถ้าแก่บอก ไม่จ่าย แต่เถ้าแก่ต้องกำชับลูกน้องอย่าให้เค้ามาตัดน้ำตัดไฟเรานะคะ"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ค่าเก๋าเจี้ยะถูกกว่าต้องจ่ายจริงๆ ซะด้วยซ้ำ รอให้มันถูกฟ้องเราค่อยช้อนถูกๆแล้วพวกคนใช้อยู่มือแล้วใช่ไหม"
สมรหัวเราะยั่วยวน
"เหมือนที่เถ้าแก่พูดค่ะ...ให้เก๋าเจี้ยะถูกกว่าจ่ายจริง เงินเดือนพวกมัน หลวงเณมันก็มาจ่ายไปซิ"
"แล้วหลวงเณไม่มีปัญหาเหรอที่เราไม่ให้ค่าเช่าบ้านเค้า"
"หมอนก็บอกอยู่ที่หมอน...จะทำไม...คนอย่างหลวงเณมันไม่กล้าทำอะไรหรอก"
สมรทำท่าไม่แคร์ เถ้าแก่ทงนอนยิ้มสบายใจ
"เก่งจริงๆ ไม่ต้องควักจ่ายอะไรเลย ค่ากินก็เก็บเขา ค่าเหล้าก็เก็บเขา ค่าต๋งก็เก็บเขา ค่าทิปเด็กก็เก็บเองอีก ฉลาดจริงๆ"
"แต่ค่าเช่าบ้านเถ้าแก่ต้องจ่ายหมอนนะคะ"
เถ้าแก่ทงเอื้อมมือไปหยิบกล่องที่หัวนอน เปิดออกมาเป็นสายสร้อยเพชรใส่ให้สมร
"จ่ายดอกเบี้ยก่อนแล้วกัน ผมลงทุนปรับปรุงบ้านไปเยอะ รอให้หมุนอีกหน่อยจะเอามากองให้แทบเท้าเลย เส้นนี้เพิ่งได้ เมียนายช่างมันเสียบ่อน"
สมรดีใจมากที่ได้สร้อยเพชร
"โอ้...ไม่เคยมีใครให้หมอนอย่างนี้เลย...ขอบคุณนะคะยอดรัก"

สมรโผเข้าไปในอ้อมกอดของเถ้าแก่ทง...จูบเถ้าแก่อย่างประจบ

ดวงใจ นั่งกินข้าวกับอิ่ม แต่พยายามมองหาไปในบ้าน สีหน้าตื่นเต้น

"อร่อยจังเลยจ้ะ ป้าทำอร่อยจริงๆ"
อิ่มยิ้มภูมิใจ
"นี่ขนาดยังไม่สุดฝีมือนะ กินเยอะๆ แกงเขียวหวานเนื้อนี่น่ะของโปรดคุณกฤษดาเลยนะ"
อิ่มหน้าสลดไป ดวงใจไม่ได้สังเกต ยังตื่นเต้นดีใจ มองหากฤษดา
"แล้วนี่...คุณกฤษดาอยู่ไหมคะป้า"
อิ่มหน้าเศร้าไป
"ไม่อยู่หรอก หายไปนานแล้ว"
ดวงใจทิ้งช้อนหน้าเสียตกใจ
"หายไป....หายไปไหนคะป้า"
"หายไปที่เชียงใหม่ เธอไม่รู้เรื่องหรอกเหรอ คุณกฤษดาน่ะไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนๆ แล้วก็หายตัวไป เพื่อนที่ไปด้วยกันกลับมา ยังมาตามที่นี่เลย เพราะคิดว่าคุณกฤษดาจะอยู่ที่บ้าน อ้อ... มีคุณแสงธรรม ลูกท่านเจ้าคุณสุริยันอีกคน หายไปด้วยกัน ตอนที่คุณกฤษดาไปเชียงใหม่ เธอก็อยู่นี่นา"
ดวงใจช็อก ทำอะไรไม่ถูก น้ำตาจะหยดซะให้ได้ พยายามบังคับเสียงให้ตอบเป็นปรกติ
"อยู่จ้ะ...แต่จู่ ๆ คุณกฤษดาก็หายไป"
"หายไป...หายไปเฉยๆ น่ะเหรอ"
อิ่มเริ่มสังเกตท่าทางดวงใจ
"คุณกฤษดา กับ คุณแสงธรรมเจอเพื่อนบอกว่าจะไปเที่ยวป่า...แล้วก็หายไปไม่ได้ข่าวอีกเลย... ฉันนึกว่าคุณกฤษดากลับมาบ้านกรุงเทพ ฉันถึงได้พยายามตามหา"

เล่ามาถึงตรงนี้ ดวงใจก็เหมือนมีก้อนมาจุกที่คอ น้ำตาทำท่าจะไหลออกมา ดวงใจต้องหันหน้าหนีทำเป็นดื่มน้ำ อิ่มก็น้ำตาไหล
 
อ่านต่อหน้า 4

แหวนทองเหลือง ตอนที่ 20 (ต่อ)

เล่ามาถึงตรงนี้ ดวงใจก็เหมือนมีก้อนมาจุกที่คอ น้ำตาทำท่าจะไหลออกมา ดวงใจต้องหันหน้าหนีทำเป็นดื่มน้ำ อิ่มก็น้ำตาไหล

"เปล่า...ไม่ได้กลับมา นี่เอ็งมาตามหาบ้านนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นี่"
ดวงใจร้องไห้แล้ว อิ่มมองก็พยายามเลี่ยง
"แล้วไม่มีใครได้ข่าวบ้างเลยเหรอคะ"
"คุณพนมก็ให้สันติบาลช่วยตามหาก็ไม่ได้เรื่อง บางคนก็ว่า คุณกฤษดาน่ะหนีไปมีเมีย" อิ่มหันมากระซิบเบามาก "บางคนก็บอกไปเป็นพวกใต้ดิน"
ดวงใจสงสัย
"พวกใต้ดิน"
อิ่มจุ๊ปาก
"อย่าเอ็ดไป...ถ้าไปเป็นพวกนั้นจริงก็คงหาตัวลำบาก...หรือไม่ก็"
ดวงใจใจคอไม่ดี
"อะไรจ้ะป้า"
"เค้าว่าพวกใต้ดินน่ะ ถ้าตายไปพ่อแม่พี่น้องก็ไม่รู้...เพราะเค้าต้องปิดเป็นความลับ พ่อแม่จะได้ไม่เดือดร้อน คุณท่านเจ็บเป็นโรคหัวใจ คิดถึงคุณกฤษดาด้วย โดนอีหมอนมันมันจับขโยกด้วย มีแต่ช้ำใจ... ท่านตายคุณกฤษดาก็ไม่ได้มาดูใจ...นี่เอ็งเป็นห่วงคุณกฤษดาขนาดนี้เชียวหรือนี่...ดวงใจ"
ดวงใจน้ำตาไหล พยายามซ่อนสีหน้าสิ้นหวัง
"ฉันจะไม่ห่วงได้ยังไง...โธ่..คุณกฤษดา"
สมรแต่งตัวสวยเดินมา ใส่สร้อยเพชรที่เถ้าแก่ทงเพิ่งใส่ให้มาด้วย
"ใครเป็นอะไร"
สมรแต่งตัวสวยจัดจ้านมาก มองดวงใจหัวจรดเท้า ดวงใจเห็นสมรก็จำได้ ยกมือไหว้ แต่สมรไม่รับไหว้
"แล้วนี่ใคร มาอยู่ที่นี่ได้ไงนังอิ่ม แกพาใครมาเข้าบ้านกู"
อิ่มแสยะปากหัวเราะ
"บ้านมึงเหรอ ที่นี่โรงแรมโว้ย ตัวผู้ตัวเมียที่ไหนก็เข้ามาได้ เพราะอีคนที่นี่มันรับแขกไม่เลือก แค่มีเงินจ่าย ใครจะเข้าก็เข้าซิวะ"
อิ่มพูดแดกดัน สมรไม่พอใจ
"อีแก่นี่ปากหมาแต่วันนะมึง กูถามว่าอีนี่ใคร"
"ลูกสาวกำนันปาน ทำไม เค้ามาเป็นหูเป็นตาให้คุณกฤษดา มึงมีปัญหามากไหม"
สมรหน้าเสีย
"ตอแหล...กฤษดามันตายไปแล้ว มึงอย่ามาหลอกกู"
ดวงใจตกใจ
"ไม่จริงนะ...คุณกฤษดายังไม่ตาย"
สมรมองดวงใจอย่างมุ่งร้าย
"งานศพพ่อมัน มันยังไม่มา มรดกมันก็ไม่มาเอา คนสติดีๆ ที่ไหนจะทำยังงั้น...ถ้ามันไม่ตายมันก็คงอยู่โรงพยาบาลบ้า"
ดวงใจมองหน้าสมรไม่พอใจ อิ่มจูงมือดวงใจเดินหนี
"อย่าไปฟังมันเลยดวงใจ...มันน่ะแหล่ะคนบ้า"
"กูจำได้แล้ว อีเด็กคนนั้นนั่นเอง นังดวงใจ ลูกไอ้กำนันปานที่เชียงใหม่ มึงนี่มันไม่เคยรู้จักที่ต่ำที่สูงตั้งแต่เล็กจนโตนะ"
อิ่มหันมาเถียงแทน
"จำได้ก็ดีแล้ว...ยกมือไหว้ซะซิ"
สมรไม่พอใจ เริ่มโมโห วิ่งไปกระชากแขนดวงใจจนเซไป อิ่มหันมาตวาด
"ทำบ้าอะไรนังหมอน"
สมรก็หันไปตวาด
"แกอย่าเสือกนังอิ่ม บอกกูมานะ มึงมาที่นี่ทำไม พ่อมึงให้มาดูกูละซิ"
ดวงใจสะบัดแขนหลุด
"พ่อไม่เกี่ยว ฉันมาเอง"
"โกหก...แกต้องไม่มาดีแน่ๆ นังเขียว นังเขียว ไปเรียกพวกไอ้ต่อมา"
เขียววิ่งมาดู
"จะบ้าหรือไง...แกจะไปเอาไอ้พวกนักเลงบ่อนมาทำไมเขา อย่าทำบ้า ๆ นะ"
สมรไม่ฟังเสียง
"ไปซิอีเขียว...ไม่ได้ยินหรือไงกูบอกให้ไปตามไอ้ต่อมา"
เขียวรีรอไม่อยากไป อิ่มรีบห้ามเขียว
"อย่านะนังเขียว นี่นังหมอน...แกจะบ้าไปใหญ่ อยู่ดีๆ แกจะมาเอาเรื่องเอาราวกับลูกกำนันปานทำไม"
"ก็กูเกลียดมัน กูไม่ต้องการให้มันมาลอยหน้าในบ้านกู"
อิ่มจูงดวงใจจะพาออกไป
"ไปดวงใจ ป้าจะพาไปที่อื่นเอง อย่าไปยุ่งกับมัน มันเป็นหมาบ้า"
สมรเดินมากระชากแขนดวงใจอีก
"ไม่ให้ไป มันต้องอยู่ที่นี่ มันคิดไม่ดีกับกูแน่ๆ มึงต้องอยู่ที่นี่ เป็นขี้ข้าที่นี่ มึงไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่เด็ดขาด ไอ้ต่อ ไอ้ต่อ"
สมรตะโกนเรียกสมุนคุมบ่อนดังลั่น ดวงใจตกใจ อิ่มกระชากแขนดวงใจออกไป แล้วจับสมรไว้
"ดวงใจ หนีไป...ไป ไอ้เขียวช่วยกูจับอีหมอนเร็ว"
ดวงใจวิ่งหนีไป เขียวช่วยอิ่มจับสมรไว้ สมรพยายามดิ้น
"ปล่อยกูนะ...ไม่งั้นมึงสองคนโดนกูเฉดหัวออกไปจากบ้านนี้แน่"
ต่อ กับ ลูกน้องซึ่งเป็นคนของเถ้าแก่ทง วิ่งมาหาสมร
"อะไรกัน..เสียงดังลั่นแขกตกใจหมดแล้ว"
สมรสะบัดหลุดจากอิ่ม วิ่งตามดวงใจไป ปากก็เรียกต่อ
"มาช่วยกูจับมันเร็วไอ้ต่อ"
ต่อยังงง จะวิ่งตามสมร แต่โดนอิ่ม กับ เขียว และ คนในครัวเอาไม้ฟืนตีหัวสลบ

"รีบไปช่วยดวงใจเร็ว"

ดวงใจรีบวิ่งหนีออกมาจะออกหน้าประตู สมรวิ่งตามมาติดๆ มิ่งเดินกลับมาพอดี สมรเห็นดวงใจวิ่งจะถึงหน้าประตูแล้ว

"ปิดประตู ปิดประตู อย่าให้อีนั่นมันออกไป มันเป็นขโมย"
มีเสียงเครื่องบินมาไกลๆ อิ่ม กับ เขียว รีบวิ่งตามมา นักเลงบ่อนปิดประตูรั้วบ้าน ดวงใจออกไม่ได้
"นี่มันอะไรกัน" มิ่งถาม
"ช่วยฉันด้วย"
สมรวิ่งมาถึงดวงใจ ตบหน้าฉาดใหญ่
"วันนี้มึงหนีกูไม่พ้นแน่"
เสียงหวอดังขึ้น สมรตกใจเสียงหวอ อิ่มวิ่งมาถึงถีบสมรกระเด็นไป เขียวมือถือท่อนฟืนท่อนใหญ่มาด้วย นักเลงรีบวิ่งเข้ามาจะช่วยสมรแต่เปลี่ยนใจเพราะเสียงหวอ มิ่งพาอิ่ม กับ ดวงใจ วิ่งไปทางข้างบ้าน ที่เป็นหลุมหลบภัยที่กฤษดาขุดไว้
"มาทางนี้เร็ว"
เขียวหันมาขว้างท่อนฟืนใส่ สมร แล้ววิ่งตามมิ่ง อิ่ม และดวงใจ อิ่มวิ่งอย่างเร็วแซงมิ่งจนมาถึงหลุมหลบภัยก่อน มิ่งเปิดประตูหลุมหลบภัย เสียงเครื่องบิน บินมาถึงสนั่นหวั่นไหว หวอก็ดังตลอด
"รีบลงไปเร็วๆ"
อิ่มจับประตูหลุมหลบภัยไว้ ดวงใจรีบวิ่งลงไป ตามด้วยเขียว และมิ่ง สมรวิ่งมาถึงพอดี สีหน้าหวาดกลัวเครื่องบิน
"ยายอิ่ม ให้ฉันลงไปด้วย ฉันจะให้เงินแกนะ ให้ฉันลงไปด้วยนะ"
อิ่มมองหน้าสมร สมรรีบอ้อนวอนคิดว่าอิ่มใจอ่อน ยกมือไหว้อิ่ม
"ฉันไหว้ละ...ให้ฉันเข้าไปหลบด้วยนะ นึกว่าเห็นแก่เจ้าคุณท่านนะ"
อิ่มหน้าเครียดทันที ยกเท้าถีบสมรกระเด็นไป
"นี่ละโว้ย..กูทำเพื่อแทนคุณท่าน"
อิ่มปิดประตูหลุมหลบภัยดังปัง สมรยังเคาะประตูไม่เลิก
"เปิดนะ...เปิด...นังอิ่ม"

เสียงระเบิดลงมาดังสนั่น ดวงใจ กับ เขียว และ อิ่ม ร้องกรี้ดโวยลั่น มิ่งนั่งอุดหูหลับตาแน่น อิ่มกอดกับเขียวแน่น
"วันนี้ทำไมมาทิ้งแถวนี้เล่าพ่อ...แอร๊ย"
อิ่มพนมมือสวดมนต์
"พุทโธ ธัมโม สังโฆ...ช่วยลูกช้างด้วยเถิ้ด"

เสียงระเบิดดังสนั่น... ดวงใจทรุดตัวลงนั่งสวดมนต์กับอิ่ม และ เขียว
 
อ่านต่อตอนที่ 21
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 19
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 19
เวลาบ่ายคล้อยเย็น หน้าซ่องนางช้อย มีโต๊ะม้าหินหมู่หนึ่งวางอยู่ ก่อนจะถึงตัวบ้าน มีผู้หญิงขายตัวสองสามคนแต่งตัวจัดจ้านยืนพิงกำแพง มีแขกผู้ชายสองคนมาใช้บริการ เปี๊ยก กับ เดชนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าซ่อง กินเหล้าขาวกัน ช้อยเดินออกมา เอาพวงมาลัยมาไหว้หน้าบ้าน ก่อนทำพิธีโยนสากเข้าไปในซ่องสองสามครั้ง มาเถิดมา...สากเล็กสากใหญ่ระดมกันเข้ามา ช้อยโยนสากโครมๆ นางเทพีศรีสะคราญ...เรียกมา เรียกมา...ให้มันร้อนรุ่มทุรนทุราย มา..มา ช้อยทำพิธีเสร็จก็เดินมาหาเปี๊ยก กับ เดช แย่งแก้วเหล้าไปกินเอง เรียกแขกแต่วันเลยนะแม่
กำลังโหลดความคิดเห็น