แหวนทองเหลือง ตอนที่ 19
เวลาบ่ายคล้อยเย็น หน้าซ่องนางช้อย มีโต๊ะม้าหินหมู่หนึ่งวางอยู่ ก่อนจะถึงตัวบ้าน มีผู้หญิงขายตัวสองสามคนแต่งตัวจัดจ้านยืนพิงกำแพง มีแขกผู้ชายสองคนมาใช้บริการ
เปี๊ยก กับ เดชนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าซ่อง กินเหล้าขาวกัน ช้อยเดินออกมา เอาพวงมาลัยมาไหว้หน้าบ้าน ก่อนทำพิธีโยนสากเข้าไปในซ่องสองสามครั้ง
"มาเถิดมา...สากเล็กสากใหญ่ระดมกันเข้ามา"
ช้อยโยนสากโครมๆ
"นางเทพีศรีสะคราญ...เรียกมา เรียกมา...ให้มันร้อนรุ่มทุรนทุราย มา..มา"
ช้อยทำพิธีเสร็จก็เดินมาหาเปี๊ยก กับ เดช แย่งแก้วเหล้าไปกินเอง
"เรียกแขกแต่วันเลยนะแม่"
ช้อยลงนั่ง
"หมู่นี้แย่ว่ะ แขกหายไปเยอะ พวกไอ้ยุ่นที่เคยมาประจำก็หายไป"
เดชมองหน้ากับเปี๊ยก
"ก็ไอ้ผู้พันคนนั้นน่ะแหล่ะ เค้าว่ามันเข้มงวดกวดขันทหารนัก ลูกน้องจะดอดออกมาถ้ามันรู้โดนโทษหนัก" เดชบอก
เปี๊ยกหลุดปาก
"ไอ้คนที่มันยิงปืนพี่แตกคามือน่ะเหรอ"
เดชขยิบตา แต่ช้าไป ช้อยหน้าถมึงทึงทันที
"ยิงอะไร ไอ้ยุ่นมันยิงแกทำไม กูเคยบอกแล้วว่าอย่าไปมีเรื่องกับญี่ปุ่นไง เดี๋ยวมันก็มาถล่มซ่องกูยับหรอก ถ้ามึงสองคนทำให้กูเดือดร้อนน่ะกูจะเฉดหัวพวกมึงทั้งสองคน"
เดชทำปากด่าเปี๊ยก เปี๊ยกกะล่อนเอาตัวรอด
"โธ่แม่...ถ้าไอ้ยุ่นคนนั้นมันไม่มาเสือกนะ...ป่านนี้แม่ได้ตัวใหม่ สวยเด็ดไปแล้ว ช้อยสนใจ"
"ใคร...เอ็งเล่ามาดีๆ ไอ้เปี๊ยก"
"ฉันน่ะไปเจอผู้หญิงคนนึง..สวยที่สุดก็ว่าได้ ไม่เชื่อถามพี่เดชดูได้" เปี๊ยกว่า
เดชพยักเพยิดยอมรับ
"สวยมากจริงๆ แม่...เป็นนางงามได้เลยละ"
"แถวนี้มีผู้หญิงสวยขนาดนั้นที่ไหน ข้าไม่เคยเห็น"
"ฉันก็เพิ่งเคยเห็นนะแม่ วันนั้นก็กะจะฉุดมาเลย ไอ้ยุ่นคนนั้นน่ะ มันมาเสือกซะก่อน...ไม่งั้นแม่ได้ตัวใหม่แล้ว"
"เอ็งไปสืบดูให้รู้แน่ๆ ว่านังนั่นมันอยู่ที่ไหน ตอนนี้ข้าต้องการอีตัวใหม่ๆ มารับแขก จะได้ทำให้ซ่องของเราคึกคักขึ้นมาบ้าง"
"ถ้าได้นังนี่มานะ แม่โก่งค่าตัวมันเป็นหลายร้อยสบายๆ เลย แต่ตอนนี้ถ้าจะลำบากหน่อย...ไอ้ยุ่นนั่นมันส่งลูกน้องมันมาเดินยามทุกวัน"
ช้อยเหล่
"ถ้าพวกเอ็งหมาไม่แดกสู้พวกไอ้ยุ่นไม่ได้ ก็เตรียมไปอยู่ที่อื่น เถอะวะ แต่ถ้าเอ็งเอานังคนสวยนั่นมาให้ข้าได้ พวกเอ็งจะได้รางวัล"
เดชทำหน้าเลว
"รางวัลฉันไม่เอาหรอกแม่ ขอแค่ได้ประเดิมมันก็พอแล้ว"
ช้อยแสยะยิ้มมองหน้าเดชแล้วหัวเราะ
กฤษดา ในคราบแป๊ะขายหวานเย็น หอบกระติกใส่หวานเย็นมาที่หน้าค่ายทหารญี่ปุ่น ทหารญี่ปุ่นหลายคนคุ้นเคยกันดีแล้ว หลายคนรีบวิ่งมาหา กฤษดาทำท่าเป็นแป๊ะขายไอติมอย่างแนบเนียน ไกลออกไปที่ตึกทำงานเห็นฮารุส่องกล้องทางไกลดู
สักครู่โตชิโร่เดินมาดูกับฮารุ ฮารุส่งกล้องส่องทางไกลให้
"ผมไม่พบความผิดปรกติ...แต่ถ้าคุณสงสัยก็ให้สายเราสะกดรอยตามไป"
โตชิโร่ส่องกล้องดูไปเรื่อยๆ เห็นฝั่งตรงข้ามถนน มีหาบพ่อค้าขายผลไม้เล็กๆ น้อยๆ
"หมู่นี้มีคนมาขายของแถวๆ ค่ายเรามากขึ้นนะ"
โตชิโร่ส่งกล้องให้ฮารุดู เห็นมีนาในคราบพ่อค้าผลไม้มาตั้งกระจาดขายตรงข้ามค่ายทหาร
"เรายกเลิกไม่ให้พวกเขามาขายดีไหมครับ"
โตชิโร่ยิ้มๆ
"ถ้าคุณสงสัยจะไล่พวกเราไปทำไมล่"
โตชิโร่เดินกลับไป ฮารุมองไปที่กฤษดาอย่างพิจารณา
มีนานั่งขายผลไม้ใส่กระจาดอยู่ตรงข้ามค่ายทหาร มีนาใส่งอบซึ่งเจาะรูให้เห็นได้ มีนาพยายามเพ่งมองไปในค่ายทหารแต่ทำทีเหมือนก้มหน้า มองลอดรูที่เจาะไว้ที่งอบ มีคนเดินมาซื้อผลไม้
"กล้วยขายไงจ้ะ"
"แจกให้เฉยๆ ป้า"
"ใจดีจริง พ่อคุณ"
มีนารีบส่งกล้วยให้หญิงชาวบ้านนั้น
"รีบๆ ไปเลยป้า...อย่าไปบอกใครล่ะว่าได้มาเปล่าๆ"
หญิงชาวบ้านรับกล้วยมา ทำท่าถือไม่ถนัด
"พ่อคุณ...เอาเชือกกล้วยผูกให้ป้าหน่อยซิ...จะได้ถือง่ายๆ"
มีนาเงยหน้ามองหญิงชาวบ้าน
"ถ้าผูกเชือกคิดบาทนึง"
หญิงชาวบ้านอึ้งไป
"งั้นป้าถือเอง"
มีนามองขัดใจ
"เรื่องมากเหลือเกิน"
มีนามองไปในค่ายอีก เห็นเงาดำเล็กๆ ที่ตึกของฮารุที่กำลังส่องกล้องมองตัวเอง มีนาผิวปากเป็นเสียงนก กฤษดาที่กำลังขายหวานเย็นหันมามองมีนา มีนาทำสัญญาณมือให้กฤษดารู้ว่ามีคนแอบมอง อันที่จริงกฤษดารู้แล้วจึงเฉยเสีย
มีนาคิดว่ากฤษดายังไม่รู้จึงผิวปากซ้ำอีก กฤษดาจึงเลิกขายไอติม
อ่านต่อหน้า 2
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 19 (ต่อ)
กฤษดาขัดใจที่มีนาทำเสียเรื่อง ทำให้เป็นที่สังเกตของญี่ปุ่น
"อ้อ...แปะไปละ ปวดหัว...เอ้อ..ปวดหัว"
"ปวดหัว"
"ไปละ..ไปละ"
พวกทหารญี่ปุ่นบางคนทำท่าห่วงใย กฤษดาเก็บกระติกพยายามรีบกลับ กฤษดาพยายามส่งสัญญาณให้มีนาอยู่ก่อนอย่าเพิ่งรีบตามกันไป แต่มีนาใจร้อน พอเห็นกฤษดาเตรียมจะกลับ ก็รีบยกหาบออกไปเลย โดยไม่สนใจชาวบ้านที่จะมาซื้อผลไม้ ฮารุเห็นท่าทางของมีนาผิดปรกติ ก็วิ่งเข้าไปด้านในตึกทันที
กฤษดารีบเดินอย่างเร็วกลับไปที่พัก พยายามเหลียวมองว่ามีใครตามมา มีนาหาบผลไม้วิ่งตามมา กฤษดาหันไปดุ
"รีบตามมาทำไม...ผมทำสัญญาณให้คุณอยู่ที่นั่นก่อน...ออกมาพร้อมๆ กันอย่างนี้มันก็สงสัยเราน่ะซิ"
"ผมว่ามันรู้ตัวแล้วนะ...มันส่องกล้องแอบดูเราน่ะ"
กฤษดาขัดใจ มองหน้ามีนา
"มันดูผมอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว...แต่คุณทำแบบนี้มันไหวตัวแล้วแน่"
มีนาหยุดเดินหน้าเสีย
"ผมทำเสียเรื่องหรือนี่"
"เราต้องแยกกันเดี๋ยวนี้...ไป"
มีนาเดินแยกไปทันที กฤษดารีบไปให้พ้นบริเวณนั้น ห่างออกไปทางด้านหลัง สายของญี่ปุ่นมองกฤษดาแอบสะกดรอยตามไป
กฤษดาสะพายกระติกเดินอย่างเร็ว ด้วยคิดจะกลับที่พัก แต่รู้ตัวว่ามีคนสะกดรอยตามมาทำให้เดินช้าลง และเดินไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเปลี่ยวไม่มีบ้านคน
กฤษดาหยิบปืนที่ซ่อนอยู่ข้างกระติก มีหมู่ต้นไม้กฤษดาเดินหายไป สายลับตามหาไม่เห็น เดินหาเข้าไปในพุ่มต้นไม้ กฤษดากระโจนออกมาต่อสู้กับสายลับญี่ปุ่น มีทหารญีปุ่นตามมาอีกหลายคน นายทหารที่เป็นหัวหน้ายิงปืนขึ้นฟ้าให้กฤษดาหยุด
"อย่าต่อสู้...ไปกับเราดีๆ"
กฤษดายกมือยอมแพ้ มีเสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่ง นายทหารญี่ปุ่นคนนั้นล้มลง แสงธรรม กับ มีนา วิ่งมาช่วยกฤษดา เกิดการยิงต่อสู้กัน มีนากระสุนหมด วิ่งเข้าใส่ต่อสู้กับทหารญี่ปุ่น กฤษดา กับ แสงธรรม วิ่งไปอีกทางหนี่ง เป็นคลองด้านหลังมีเรือเก่าๆพร้อมพายอยู่ในเรือ
ทางด้านมีนา ต่อสู้กับทหารญี่ปุ่น เสียทีโดนเอาดาบปลายปืนแทงตาย แสงธรรมหันมาเห็น
"มีนา"
กฤษดาหันมา เห็นมีนากำลังล้มลง
"แสงธรรม ไปเร็ว"
กฤษดายิงทหารญี่ปุ่นตายจนหมด แสงธรรมยิงทหารที่แทงมีนาตาย กฤษดา และ แสงธรรม หนีลงเรือพายไป นายทหารญี่ปุ่นคนที่โดนแสงธรรมยิงยังไม่ตาย ค่อยลุกขึ้นตามไป
กฤษดา พายเรือไปกับแสงธรรม นายทหารญี่ปุ่นที่ยังไม่ตาย กระเสือกกระสนตามมาเห็นกฤษดา กับ แสงธรรม กำลังพายเรือหนี เอาปืนยิงไปโดนแสงธรรมที่อยู่ในเรือล้มคว่ำไป กฤษดายิงนายทหารญี่ปุ่นคนนั้นตายอยู่บนตลิ่ง กฤษดาหันไปดูแสงธรรม
"แสงธรรม...แสงธรรม"
กฤษดาพลิกแสงธรรมขึ้นมา แสงธรรมพยายามลืมตามองกฤษดา
"แสงธรรม แข็งใจไว้นะ ผมจะพาคุณไปหาหมอ"
แสงธรรมพยายามยิ้ม
"กลับไป...หา...ดวงใจ....กลับไป"
แสงธรรมขาดใจตาย กฤษดาตกใจมาก
"แสงธรรม...แสงธรรม"
กฤษดารู้สึกเสียใจ และ เจ็บปวดมากกับการตายของแสงธรรม เรือล่องลอยในคลองไกลออกไปดูโดดเดี่ยวเศร้าหมอง กฤษดาเอาพายฟาดกับน้ำอย่างอัดอั้น ร้องไห้....
อ่านต่อหน้า 3
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 19 (ต่อ)
ณ ศูนย์เสรีไทยที่กรุงเทพ ทุกคนอยู่ในอาการทุกข์โศก โดยเฉพาะกฤษดา
"เราจำเป็นจะต้องปิดศูนย์นี้ สถานที่สำหรับทำเป็นศูนย์ใหม่ยังเป็นความลับ"
วาดิมบอก
"ทีมของเราคงทำงานใหญ่อย่างเดิมไม่ได้แล้วครับ"
"เราหาคนมาเพิ่มทีมของเราได้ไหมครับ ผมยังไม่อยากอยู่เฉยๆ อยากถล่มพวกมัน"
หัวหน้าเดินไปตบบ่าของกฤษดา
"ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณที่ต้องเสียเพื่อนรักไป พวกเราทุกคนก็เสียใจ แต่ถ้าเราทำงานด้วยอารมณ์ส่วนตัว มันจะทำให้เราขาดสติสมาธิ มันจะพลาดมากกว่า"
"อนุญาตให้ผมทำงานเถอะครับ"
หัวหน้ามองกฤษดา
"ไม่อนุญาต...เราจะส่งคุณไปเชียงใหม่ ตอนนี้ไม่มีพวกญี่ปุ่นที่เชียงใหม่อีกแล้ว เพราะพวกมันทั้งหมดมามุ่งที่จะเข้าพม่าทางเมืองกาญจน์ คุณกลับไปบ้านคุณที่เชียงใหม่ได้แล้ว ไปหาคนรักของคุณ ซุ่มเงียบอยู่ที่นั่น...หากมีภารกิจอะไร เราจะส่งคนของเราไปพบคุณเอง"
กฤษดาคิดไม่ถึง
กฤษดาแต่งตัวชุดธรรมดา ถือกระเป๋าเดินทางเดินมาที่บ้านกำนันปาน บัวแก้ว กับ สายคำ กำลังช่วยกันเลือกกองข้าวโพด...ไม่ทันได้มองกฤษดา เต่าแบกเข่งใส่ข้าวโพดจะเดินเอามาให้บัวแก้ว เห็นกฤษดาตกใจปล่อยเข่งข้าวโพดตกกระจาย
"นายน้อย"
บัวแก้วกับสายคำ เงยหน้ามองเห็นกฤษดา ต่างก็ตกใจมาก
"นายน้อย" บัวแก้วเรียก
"คุณกฤษดา" สายค้ำรียก
กฤษดาอดหัวกับท่าทางของทั้งสามคนไม่ได้
"ทำไมต้องทำท่าเหมือนเห็นผีอย่างนั้นล่ะ...ดวงใจล่ะ...ดวงใจอยู่ไหน"
ทั้งสามคนมองหน้ากันพูดไม่ออก
"เอ้อ...เอ้อ...นายน้อยไปถามลุงกำนันเองเต๊อะเจ้า" บัวแก้วบอก
กฤษดาหน้าเสีย
"แล้วกำนันปานอยู่ที่ไหน"
"ผมจะพานายน้อยไปเอง" เต่าบอก
ที่ฝังศพ ตอนนี้กลายเป็นเนินดินสวยงาม มีดอกไม้สวยงามปลูกมากมาย มีต้นเอื้องป่าเลื้อยออกดอกอยู่บนต้นไม่ใหญ่ที่อยู่ตรงเนินดินนั้น
กำนันปานในสภาพทรุดโทรม นอนหลับใต้ต้นไม้ใกล้ๆ เนินดินฝังศพ มีไหเหล้าวางอยู่ข้างๆ กฤษดามองกำนันปานอย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่า กำนันปานจะดูทรุดโทรมได้ขนาดนี้ กฤษดาลงนั่งใกล้ๆ กำนันปาน จับตัวเขย่าเบาๆ
"กำนันปาน....กำนันปาน"
กำนันปานค่อยๆ ลืมตา เห็นกฤษดาเป็นภาพพร่ามัว แล้วค่อยๆ ชัดเจนขึ้น กำนันปานลุกขึ้นนั่ง มองอย่างไม่เชื่อสายตา
"กำนันปาน...ผมกลับมาแล้วครับ"
กำนันปานได้สติ จับตัวกฤษดาไว้แน่น
"คุณกฤษดา...คุณกฤษดา....แม่นคุณกฤษดาแต๊ๆ"
บัวแก้ว มองหน้ากันกับ สายคำ และ เต่า ด้วยสีหน้าเศร้า สายคำร้องไห้ออกมา ก่ำ และ ม้ง รีบวิ่งมา พอเห็นกฤษดาก็ตกใจไปตามๆ กัน..
"ผมเองครับ...ผมเพิ่งกลับมาได้ก็รีบมาที่นี่ทันที ดวงใจล่ะครับ ดวงใจอยู่ไหน"
กำนันปานสะอื้นไห้เสียงดังอย่างเจ็บปวด
"บ่มีแล้วครับ...บ่มีไอ้ดวงแล้ว"
กฤษดาตกใจ
"อะไรกัน...ทำไมไม่มีดวงใจ"
กฤษดามองหน้าทุกๆ คนที่เอาแต่ร้องไห้ ไม่กล้าสู้หน้า...กฤษดาใจไม่ดี
"กำนันปาน...ช่วยบอกผมด้วยว่ามันเรื่องอะไรกัน...ดวงใจเป็นอะไรครับ"
กำนันปานร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ได้หยุด
"ไอ้ดวง...มันต๋ายแล้วครับ"
"อะไรนะ...กำนัน"
กฤษดาตกใจมาก มองไปรอบๆ กำนันปานเดินมานั่งใกล้ๆ เนินดิน เอามือตบที่เนินดินสุดแรง
"นี่ครับ...นี่..มันนอนอยู่ตี้นี่...มันต๋ายแล้ว...ผมฝังมันตี้นี่กับมือ...ตี้ตี้ มันชอบมาวิ่งเล่นตั้งแต่มันยังน่อย"
กฤษดายืนงงตกใจที่สุด เดินมายืนหน้าเนินดินฝังศพ ด้วยความตกใจสะเทือนใจ คนอื่นๆ ก็น้ำตาไหลสะเทือนใจ
"ดวงใจ...ดวงใจ"
กฤษดาขาอ่อนทรุดลงนั่งที่หน้าเนินฝังศพนั้น แต่ยังไม่ร้องไห้ มีน้ำตาคลอ
"ทำไม...ทำไมครับกำนันปาน ทำไมดวงใจถึงตาย"
กำนันปานร้องไห้ยกมือไหว้กฤษดา
"เป๋นความผิดของผมเอง...เป๋นความผิดของผมเอง"
กฤษดาค่อยๆ เอื้อมมือไปจับที่เนินดินฝังศพ พอมือแตะเนินดินนั้น น้ำตาก็ไหลออกมา
"โธ่ดวงใจ...ดวงใจ ฉันกลับมาแล้วนะ ฉันกลับมาหาเธอแล้วนะ"
กฤษดาพยายามที่จะไม่ร้องไห้โวยวาย พยายามข่มใจ
"แล้วดวงใจตายยังไงครับ"
กฤษดาหันมามองหน้า กำนันปานทรุดลงนั่ง
"โดนเสือกัดตาย มันหนีไปจากบ้าน ไปโดนเสือกัดตาย"
กฤษดาน้ำตาร่วง
"ดวงใจเป็นเมียผม เรารักกัน ผมกำลังจะมาบอกกำนัน แต่ต้องไปกับขบวนการเสรีไทยกะทันหัน จะบอกใครก็ไม่ได้...เราสัญญากันว่าผมจะกลับมาหาทันทีที่มาได้ ผมจะรับดวงใจไปกรุงเทพ ไปแต่งงานกัน"
สายคำเอามือปิดปากน้ำตาร่วง ทุกคนได้ยินกฤษดาพูดยิ่งเสียใจ
สายคำบอก
"ไอ้ดวงมันพูดแต๊ทุกคำ แต่บ่มีใครเชื่อมัน"
"ผมบ่เชื่อมัน...บ่เชื่อว่าคุณจะกลับมาแต๊...ผมเลยบังคับหื้อมันแต่งงาน"
กฤษดาเสียใจ
"ดวงใจถึงหนีจากบ้าน โธ่ กำนัน ทำไมต้องบังคับให้ดวงใจ แต่งงานด้วยครับ"
กำนันปานจ้องหน้ากฤษดา สีหน้าเหมือนคนบ้า
"ก็เพราะมันท้อง มันท้อง ผมจะทนดูให้หลานท่านเกิดมาไม่มีพ่อได้ยังไง"
กฤษดาช็อกที่รู้ว่าดวงใจมีลูก ยกมือปิดหน้า ร้องไห้อย่างหมดความอดกลั้น วิ่งไปทรุดกับเนินหลุมศพ ร้องไห้ดังจะขาดใจ
"ดวงใจ เธอมีลูก ลูกของฉัน ลูกพ่อ โธ่ดวงใจ"
กำนันปานลุกขึ้นสติแตกโวยวาย
"เป๋นความผิดของผมเอง...ดวง...ไอ้ดวงเอ้ย...ป้อขอโทษ ป้อขอโทษ"
กำนันปานทรุดนิ่งไป คนอื่นๆ ตกใจรีบวิ่งเข้าไปดู ยกเว้นกฤษดาที่ไม่ได้สนใจใครเลย ได้แต่ร้องไห้กับหลุมศพนั้น
อ่านต่อหน้า 4
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 19 (ต่อ)
ดวงใจนั่งเหม่อมองไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ น้ำตาไหลเงียบๆ ลูกหนูในวัยเกือบสามขวบวิ่งมาหา
"แม่จ๋า...แม่จ๋า"
ดวงใจคว้าตัวลูกมากอดหอมด้วยความรัก อ้อยวิ่งหอบตามมา
"มอมทั้งตัวเลยลูกหนูของแม่"
อ้อยเดินมานั่งข้างดวงใจ
"วิ่งเก่งเหลือเกิน น้าจะวิ่งตามไม่ไหวแล้วนะ"
"ลูกหนูอยากกินขนม...น้าอ้อยไม่ยอมให้กิน"
"มาฟ้องแม่เหรอ ก็ทานข้าวก่อนสิ ถึงจะให้ทานขนม"
ลูกหนูเถียง
"ไม่กินข้าว...จะกินขนม"
ดวงใจดุ
"อย่าพูดแบบนี้สิลูก ไม่ดีนะ"
"เดี๋ยวนี้เก่ง...เถียงทุกคำ"
หมอเมตตาใส่ชุดสบายๆ เดินยิ้มออกมา
"อย่าไปขัดใจเลย...มานี่เร็วลูกหนู"
ลูกหนูวิ่งไปหาหมอเมตตาอย่างคุ้นเคย หมอลงนั่งกอดลูกหนูไว้
"แต่ถ้าทานขนมแล้ว...ต้องแปรงฟันให้สะอาดนะคะ"
"ค่ะ"
อ้อยลุกขึ้นยืน
"ไปก็ไป...จะได้ไปอาบน้ำ...ไปลูกหนู"
อ้อยพาลูกหนูวิ่งไป ดวงใจยิ้มมองตามลูก หมอยืนมองดวงใจอย่างหลงใหล
"ไปเดินเล่นกันไหม ฉันมีเรื่องสำคัญจะปรึกษาเธอ"
ดวงใจยิ้ม
"ได้ค่ะ"
ดวงใจลุกขึ้นเดินไปกับหมอเมตตา
เมตตาพาดวงใจออกมาเดินเล่น
"ลูกหนูโตขึ้นนี้รู้เรื่องมากเลยนะ...ฉลาดด้วย" เมตตาบอก
"บางทีก็เอาแต่ใจค่ะ...นายแม่ กับ หมอตามใจมากไป"
ดวงใจยิ้มล้อๆ
"ฉันอยากจะดูแลเธอกับลูกหนูให้ดีกว่านี้"
ดวงใจยิ้ม
"แค่นี้ก็ดีเหลือเกินแล้วค่ะหมอ ดวงกับลูกถ้าไม่ได้หมอก็ไม่รู้จะเป็นยังไง"
หมอเมตตาหยุดเดิน หันมามองดวงใจ
"ยังไม่ดีพอหรอก...ฉันอยากทำมากกว่านี้"
เมตตาจับมือดวงใจมากุมอย่างทะนุถนอม
"ดวงใจ...แต่งงานกับฉันนะ ฉันจะดูแลเธอ จะเป็นพ่อให้ลูกหนู ฉันสัญญาว่าเธอกับลูกจะไม่ต้องลำบากอีกแล้ว"
ดวงใจอึดอัด พูดไม่ออก พยายามดึงมือออกจากหมอช้าๆ
"หมอคะ...ดวงมีสามีแล้ว"
"ลืมเค้าเสียเถอะดวงใจ...เราตามหาเค้าเกือบสองปีแล้วนะ ฉันไม่อยากเห็นเธอต้องอยู่กับความทุกข์นี้อีกต่อไป...เวลามันผ่านไปนานแล้ว...เค้าอาจจะตาย หรืออาจจะมีครอบครัวใหม่ไปแล้วก็ได้"
ดวงใจรู้สึกไม่ค่อยพอใจ แต่พยายามอย่างยิ่งที่จะอธิบาย
"หมอคะ...ดวงขอบคุณหมอมาก ที่เมตตาดวงกับลูก แต่ดวงตัดใจจากคุณกฤษดาไม่ได้ ทำให้ดวงมีคนอื่นอีกไม่ได้ค่ะหมอ ดวงรักและเทิดทูนหมอเหมือนผู้มีพระคุณ เหมือนพี่ชาย"
"แต่ฉันรักเธอ...ฉันรักเธอมากนะดวงใจ รักมานานแล้วด้วย"
ดวงใจหันหน้าหนี
"หัวใจของดวงไม่มีเหลือให้ใครอีกแล้วค่ะหมอ...ดวงขอโทษนะคะ ถ้าหมอเมตตาดวง อย่าฝืนใจดวงเลยค่ะ"
เมตตาผิดหวัง หน้าสลด
"ฉันรู้สึกอิจฉาคุณกฤษดาเหลือเกิน เค้าจะรู้ไหมนะ ว่าเค้ามีภรรยาที่เข้มแข็งมั่นคงกับเขาขนาดไหน"
ดวงใจหันมายิ้ม
"เค้ารู้ค่ะ...ดวงแน่ใจว่าเค้าก็เข้มแข็งมั่นคงเหมือนกัน...แต่ถ้าวันใด ดวงพบว่าคุณกฤษดาเปลี่ยนใจไปจากดวงแล้ว หรือพิสูจน์ได้ว่าเขาตายจากดวงกับลูกไปแล้ว ดวงจะเปิดใจให้คนอื่นค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราไปพยายามหาบ้านคุณกฤษดาให้เจอด้วยกันนะ"
"ดวงไปคนเดียวก็ได้ค่ะ ดวงไปคล่องแล้ว หมองานยุ่งไม่เป็นไรหรอกค่ะ"
"ก็ได้...พรุ่งนี้มีผ่าตัดคนไข้ที่โรงพยาบาลสองราย..แต่ดวงใจระวังตัวให้ดีนะ"
"ไม่ต้องห่วงค่ะหมอ...หมอฝึกดวงจนเก่งแล้วค่ะ"
ดวงใจยิ้มแจ่มใส หมอเมตตามองแล้วก็อดยิ้มอย่างหลงใหลไม่ได้....
ทั้งคู่เดินกลับเข้ามาในบ้าน แม่หมอกำลังเตรียมตั้งโต๊ะอาหารเย็น พอดวงใจเห็นก็รีบเข้าไปช่วย
"ดวงทำเองค่ะนายแม่"
"เหลือแค่ตักแกงจืดก็เสร็จแล้วจ้ะ"
แม่มองเมตตาที่หน้าจ๋อยไป
อ่านต่อตอนที่ 20