แหวนทองเหลือง ตอนที่ 18
ดวงใจเปิดประตูวิ่งเข้ามาในห้องนอน กระโดดขึ้นไปนั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง ค่อยๆ ร้องไห้ออกมา จนกลายเป็นร้องไห้อย่างต่อมน้ำตาแตก
ดวงใจเอาล็อกเก็ตของกฤษดาที่ห้อยคอไว้มากำไว้ในมือแน่น ดวงใจร้องไห้จนหอบตัวโยน....อ้อยอุ้มลูกหนูเปิดประตูเข้ามาในห้อง พอเห็นท่าทางดวงใจก็ตกใจ
"พี่ดวง...เป็นอะไร"
ดวงใจรับลูกหนูมากอดไว้แน่น อ้อยจับแขนดวงใจอย่างห่วงใย
"พี่ดวง...ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรพี่"
ดวงใจพยายามสงบสติ
"พี่ไม่เป็นไรหรอกอ้อย"
"บอกฉันสิพี่ ใครทำอะไรพี่"
ดวงใจนิ่งคิด ไม่อยากให้คนในบ้านร้อนใจเพราะตัว
"ไม่เป็นไรหรอกอ้อย พี่ไม่เป็นไร อย่าบอกนายแม่กับคุณหมอนะ
"ทำไมล่ะ...ถ้ามีอะไรไม่ดีจะได้ช่วยกันไงพี่"
"ไม่มีอะไรหรอก เชื่อพี่นะ พี่ไม่อยากให้นายแม่กับคุณหมอไม่สบายใจ"
อ้อยลงนั่งข้างๆ ดวงใจ
"แต่พี่ต้องบอกฉันนะ เรามาด้วยกัน พี่ก็เหมือนเป็นพี่สาวฉัน ถ้าพี่มีเรื่องไม่ดี ฉันก็ต้องรู้ด้วยนะ"
ดวงใจพยายามยิ้มกับอ้อยแล้วพยักหน้า
"แล้วพี่จะเล่าให้อ้อยฟัง"
ดวงใจยังไม่รู้สึกดี....
กฤษดาซึ่งปลอมตัวเป็นคนจีนขายหวานเย็นกำลังขายหวานเย็นให้พวกทหารญี่ปุ่น ที่เริ่มติดใจจึงมามุงรุมซื้อกันหลายคนเพราะกฤษดาซื้อแลกแจกแถมจนพวกทหารญี่ปุ่นชอบใจมาก ในระหว่างที่ทหารญี่ปุ่นกำลังชุลมุนกินหวานเย็น กฤษดาก็หาโอกาสสำรวจสถานที่รอบๆ ไปด้วย กฤษดาอยากจะเข้าไปด้านในค่ายมากแต่อยู่ได้แค่หน้าประตูเท่านั้น กฤษดาจึงสั่นกระดิ่งเรียกทหารที่ยืนอยู่ด้านในค่ายให้มาซื้อหวานเย็น แต่ทหารด้านในไม่กล้าออกมา ทหารญี่ปุ่นที่อยู่หน้าประตูจึงพากันเรียกเพื่อนให้มากิน
"เข้าไปข้างในนะ"
กฤษดาทำพูดไม่ชัด ทำเป็นซื่อจะเข้าไปในค่าย ทหารบางส่วนไม่เห็นด้วย แต่บางส่วนก็อยากให้กฤษดาเข้าไป กฤษดาได้ทีทำเป็นจะเดินเข้าไปในค่าย พอดีโตชิโร่ กับ ฮารุ นั่งรถจิ๊ปออกมา นายทหารที่นั่งด้านหน้าคู่กับคนขับทำเสียงดุกฤษดาเป็นภาษาญี่ปุ่นไม่ให้เข้ามาในค่าย โตชิโร่สั่งให้รถหยุดแล้วเดินลงมา ทหารญี่ปุ่นที่กินหวานเย็นพากันวิ่งหายไปประจำที่ตัว กฤษดาเข้ามาด้านในได้ไม่มากต้องหยุดตามที่ญี่ปุ่นลูกน้องโตชิโร่สั่ง กฤษดาถูกแปลงโฉมจนไม่มีใครจำได้ แถมยังทำเป็นกลัวลนลาน โตชิโร่เดินมาหากฤษดา พูดด้วยเสียงเรียบๆ
"ลุงเข้ามาในค่ายทหารไม่ได้นะ"
กฤษดาก้มหน้าก้มตา ใส่หมวกกุ้ยเล้ย ยิ้มแย้มเจียมตัว
กฤษดาก้มหน้าก้มตา ใส่หมวกกุ้ยเล้ย ยิ้มแย้มเจียมตัว
"ฮ้อๆ คุณทหาร แปะม่ายลู้...เค้าอยากกินกัน"
โตชิโร่หันไปพูดกับลูกน้องเป็นภาษาญี่ปุ่นให้เข้ามากินได้ ฮารุเดินมาดู กฤษดาเห็นฮารุก็พยายามซ่อนหน้า...โตชิโร่เห็นฮารุสนใจ ก็เลยมองดูด้วย กฤษดาเอาหวานเย็นให้ทหารญี่ปุ่น โตชิโร่หยิบเงินให้กฤษดา
"วันนี้ซื้อหมดนี่ละ...แจกให้ทหารให้หมด"
กฤษดาทำท่าดีใจ ยกมือไหว้โตชิโร่ ประหลกๆ
"โอ้...นายใจลีอ้า .กำเสี่ย...กำเสี่ย"
ฮารุเดินวนรอบๆ กฤษดา มองอย่างพิจารณา โตชิโร่กวักมือเรียกทหารคนอื่นๆ ให้เข้ามารีบหวานเย็นจากกฤษดา
ฮารุพูดภาษาจีน ความว่า
"มาอยู่เมืองไทยนานแล้วเหรอลุง"
กฤษดาตอบเป็นภาษาจีนด้วยสำเนียงจีนโดยตั้งใจ แต่ไม่หันมามองหน้ากับฮารุตรงๆ
"มากับเตี่ยได้สามสิบกว่าปีแล้ว....คุณจะลองชิมหวานเย็นหน่อยไหม"
ฮารุตอบเป็นภาษาไทย
"ขอบใจ...ผมต้องไปธุระ เสร็จแล้วก็รีบออกไปได้แล้ว"
กฤษดาทำท่าทางงกเงิ่นเหมือนคนแก่ เดินหลังโกง เก็บถังหวานเย็นแล้วค่อยๆ เดินออกไป โตชิโร่ กับ ฮารุมองตาม
"หน้าเหมือนคนแก่ แต่หนังไม่ค่อย" โตชิโร่บอก
"คนทำงานหนักใช้กำลังทุกวัน ผิวหนังก็จะไม่ค่อยเหี่ยวนะครับ"
โตชิโร่ยิ้มๆ เดินไปขึ้นรถ ฮารุรีบเดินตามขึ้นรถไปด้วย...
กฤษดาพยายามรีบเดินออกมาจากค่ายทหาร แต่ก็พยายามไม่ทำให้ผิดปรกติอย่างที่ชายแก่ๆ จะเดินให้เร็วได้ รถของโตชิโร่ขับตามกฤษดาออกมา แล้วมองกฤษดาอย่างสนใจ ตอนนั้นเอง ดวงใจ กับ หมอเมตตานั่งรถถีบผ่านหน้าค่ายทหารพอดี ดวงใจนั่งฝั่งที่เป็นด้านติดกับค่ายทหาร โตชิโร่จึงหันไปมองดวงใจ ให้เห็นรถถีบที่ดวงใจนั่งถีบผ่านข้างๆ กฤษดาไปอย่างช้าๆ แต่ทั้งกฤษดา และ ดวงใจ ต่างก็ไม่ได้สนใจกันเลย ดวงใจเองก็หันไปเห็นโตชิโร่ และจำได้ จึงยิ้มให้เขา
ฮารุหันไปมองหน้าโตชิโร่ที่มีสีหน้าดีใจนิดๆ เช่นกัน กฤษดาที่เดินออกมาอย่างที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านหลังตัวเองดาเปลี่ยนจากเจียมตัวจากในค่าย เป็นสีหน้าที่แววตากร้าวพร้อมจะสู้
อ่านต่อหน้า 2
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 18 (ต่อ)
หมอเมตตา และดวงใจอยู่บนรถถีบ เข้ามาจอดตรงป้ายที่เขียนไว้ว่า ทุ่งมหาเมฆ หมอเมตตาให้เงินสามล้อ
"ตรงนี้เหรอทุ่งมหาเมฆ" เมตตาถาม
"ก็ที่นี่ละครับ"
"ขอบใจนะ"
สามล้อถีบถีบรถออกไป หมอเมตตามองรอบๆ ดวงใจเห็นป้ายที่เขียนทุ่งมหาเมฆด้วยสีหน้าดีใจมาก
"ในที่สุดดวงก็มาถึงทุ่งมหาเมฆจนได้ค่ะ .ขอบคุณหมอมากนะ ถ้าไม่ได้หมอดวงคงไม่มีปัญญาจะมาที่นี่แน่ๆ ค่ะ"
หมอเมตตายิ้มให้กำลังใจ
"เดี๋ยวเราไปลองถามคนแถวๆ นี้ดีกว่านะ"
เมตตาพาดวงใจเดินไป
เมตตาพาดวงใจ เดินมานั่งในร้านกาแฟริมถนน มีชาวบ้านนั่งเล่นหมากรุก 2-3 คน
"โอเลี้ยงสองแก้วครับ"
ดวงใจมองรอบๆ ด้วยสีหน้าดีใจ มีความหวัง หมอเมตตาแอบมองดวงใจ อดที่จะพอใจไม่ได้
"หิวไหมดวง"
ดวงใจอารมณ์ดียิ้มหวาน
"ไม่ค่ะ อยากรู้จังเลยว่าบ้านคุณกฤษดาจะอยู่ตรงไหนกันน้า"
หมอเมตตาสีหน้าหม่นลงนิดหนึ่ง แต่ก็ยังยิ้ม
"หมอล่ะคะ หิวหรือยัง"
หมอส่ายหน้ายิ้มๆ คนขายเอาโอเลี้ยง 2 แก้วมาวาง
"ขอบคุณครับ...เอ้อพี่ชาย พอจะรู้จักบ้านท่านเจ้าคุณเทศาที่เคยอยู่เชียงใหม่ไหมครับ"
คนขายทำท่านึก...
"เอ...แถวๆ นี้ก็มีบ้านขุนน้ำขุนนางหลายหลังอยู่นา...เจ้าคุณเทศา ไม่รู้หลังไหนนะ ลองเดินเข้าไปในซอยโน้นดูซิ มีบ้านหลังใหญ่ๆ หลายหลังน่ะ"
"ขอบคุณครับ"
หมอเมตตามองหน้ากับดวงใจที่ยังยิ้มแจ่มใสอย่างมีกำลังใจ...
หมอเมตตาพาดวงใจเดินเข้ามาในซอย เห็นบ้านหลังใหญ่ๆ สองข้างซอยเรียงรายหลายหลัง หมอกดกริ่งบ้านหนึ่งมีคนเดินมาที่ประตูบ้าน ส่ายหน้าไม่รู้ ไปกดกริ่งบ้านอีกหลัง มีหมาวิ่งมาเห่ามากมาย
ดวงใจกลัวแอบหลังหมอไม่รู้ตัว หมอขำดวงใจ ผู้หญิงมีอายุ ถือตะกร้ากับข้าว เดินกางร่มผ่านมา หมอเมตตาเข้าไปถาม หญิงนั้นสั่นหัวไม่รู้ ที่หน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ผู้ชายท่าทางดี กำลังตัดแต่งต้นไม้ พอหันมาเห็นหมอเมตตา กับดวงใจมาเกาะประตูรั้วถามก็โบกมือไล่เดินหนีเข้าบ้าน ดวงใจหน้าเสียมองหน้าหมอเมตตา หมอยิ้มอย่างให้กำลังใจ
หมอเมตตาไปกดกริ่งบ้านอีกหลังหนึ่ง ยืนรอนาน ไม่มีคนออกมา จนต้องเดินไป
หมอเมตตาพาดวงใจถามกับคนที่ขี่รถจักรยายผ่าน คนขี่จักรยานส่ายหน้า ชี้ไปทางซ้าย ครั้นเดินไปถามคนที่กำลังกวาดใบไม้หน้าบ้าน ชายคนนั้นส่ายหน้า ชี้ไปทางขวา หมอเมตตา กับ ดวงใจ มองหน้ากัน แต่ก็ยังยิ้ม...
หมอเมตตาพาดวงใจเดินกลับมาที่ร้านกาแฟอีกครั้ง ทั้งคู่นั่งอย่างเหนื่อยอ่อนล้า คนขายเดินมาหา
"เจอไหมคุณ"
หมอยิ้มๆ
"ยังไม่ได้เรื่องเลยครับ"
"เอ...ทุ่งมหาเมฆมันกว้างน่ะคุณ เดินเป็นเดือนก็ไม่ทั่ว"
ดวงใจหน้าเสีย
"ลองถามตาจันดู...เผื่อจะรู้มั่ง"
คนขายเดินไปหาชาวบ้านที่ยังนั่งเล่นหมากรุกอย่างใช้ความคิด ดวงใจลุกตามไปด้วย หมอเมตตาก็เลยลุกขึ้นตามมา
"ตาจัน...รู้จักบ้านเจ้าคุณเทศาไหม"
จันกำลังใช้ความคิดไม่ได้สนใจ คนขายเรียกซ้ำ
"ตาจัน"
จันสะดุ้งหันมาทำหน้าเบื่อๆ
"เรียกทำไมวะ...คนกำลังใช้ความคิด"
"คุณสองคนนี่เค้ามาหาบ้านท่านเจ้าคุณเทศา...แกรู้จักหรือเปล่า"
จันมองมา เห็นดวงใจสวยก็กะลิ้มกะเหลี่ย
"อ๋อ...หนูจะมาหาบ้านท่านเจ้าคุณเทศาหรือจ๊ะ"
ดวงใจดีใจ
"ลุงรู้จักบ้านท่านเจ้าคุณเทศาเหรอจ้ะ"
จันค้อน
"พี่ไม่รู้จักหรอกจ้ะ เขาว่าอยู่แถวนี้เหรอ"
ดวงใจหน้าเสีย
"เรารู้แต่ว่าบ้านท่านเจ้าคุณเทศา ที่เคยอยู่เชียงใหม่อยู่ทุ่งมหาเมฆ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนครับ พี่พอจะถามใครได้ไหมครับ ที่อาจจะรู้จัก"
"ทุ่งมหาเมฆน่ะมันกว้างจะตายไป โน่น...ฝั่งโน้นล่ะ..ไปถามหรือยัง"
หมอเมตตา กับ ดวงใจมองไปอีกฟากของถนนเป็นบริเวณกว้างใหญ่ ดวงใจมองตามอย่างนึกไม่ถึง
"ฝั่งโน้นก็ทุ่งมหาเมฆเหรอจ้ะ"
"ก็ใช่น่ะซิ โน่นด้วย ทางโน้นก็ใช่ ทั้งหมดนี่แหล่ะทุ่งมหาเมฆ นี่ไม่เคยมาละซิ"
จันชี้มือไปทางโน้นทางนี้อย่างผู้ชำนาญ ดวงใจมองหน้าหมอเมตตา แต่ก็ยังยิ้มสู้...
อ่านต่อหน้า 3
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 18 (ต่อ)
อ้อยเปิดประตูให้หมอเมตตา กับ ดวงใจที่กลับมาจนค่ำ แม่หมอเมตตายืนอุ้มลูกหนูรออยู่หน้าบ้าน ทั้งคู่เดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทางเหนื่อย
"มากันแล้ว...ได้เรื่องไหมลูก"
"ยังครับ...ต้องไปหาอีกด้านหนึ่งพรุ่งนี้ครับ"
ดวงใจเหนื่อย แต่ก็ไม่หมดกำลังใจ
"ไม่นึกว่าทุ่งมหาเมฆจะกว้างขนาดนี้เลยค่ะ"
"เดี๋ยวก็เจอน่า...ไป...ล้างหน้าล้างตามาทานข้าวกันเถอะ"
ดวงใจรู้สึกผิด
"วันนี้ดวงเลยไม่ได้ช่วยนายแม่เลย"
"แม่ก็มีอ้อยช่วยไง อย่ากังวลไปเลย...ไปกินข้าวกันดีกว่า"
ทั้งหมดจะเดินเข้าบ้าน มีชาวบ้านผู้หญิงแก่ ๆ มาเกาะรั้วบ้านร้องไห้
"หมอคะ...คุณหมอ...ช่วยด้วยค่ะ"
หมอรีบเดินไปเปิดประตูบ้าน
"ใครเป็นอะไร"
"ผัวอิฉันค่ะ...มันนอนร้องปวดท้องมาตั้งกะบ่ายแล้ว กินถ่านไปก็ไม่หาย...ท้องมันบวมเป็นแตงโม...หมอไปช่วยมันหน่อยนะคะ"
"รอเดี๋ยวนะ...ฉันไปหยิบเครื่องมือก่อน"
หมอรีบเดินเข้าไปในบ้าน ดวงใจมองตามอย่างรู้สึกสงสาร แม่หมอยิ้มๆ พูดกับชาวบ้านนั้น
"บ้านอยู่ไหนล่ะ"
"อยู่ริมคลองสุดซอยเนี่ยะจ้ะ"
หมอเมตตาถือกระเป๋าเครื่องมือเดินออกมา รีบเดินออกไปพูดกับหญิงชาวบ้าน
"ไป...พาหมอไปเลย"
"ไปสุดซอยเลยจ้ะหมอ"
หมอรีบเดินไปกับหญิงชาวบ้าน ดวงใจ แม่หมอดและอ้อยมองตามนิ่งเงียบ
"ไป...ไปกินข้าวกันเถอะเรา...กว่าหมอจะกลับคงดึก..เดินไปสุดซอยไม่ใช่ใกล้ๆ"
แม่หมอเมตตาอุ้มลูกหนู เดินเข้าบ้านไปกับอ้อย ดวงใจรู้สึกเห็นใจสงสาร...
ณ ศูนย์เสรีไทยที่กรุงเทพฯ ทั้งหมดกำลังประชุมกัน มีแผนที่แสดงขุมกำลังของญี่ปุ่น วางอยู่บนโต๊ะ...
"เราได้ตำแหน่งคลังแสงของญี่ปุ่นค่อนข้างแน่นอนแล้ว"
หัวหน้าชี้ตำแหน่งต่างๆ ในแผนที่
วาดิมบอก
"ต้องการยืนยันอุปกรณ์ที่แน่นอนไหมครับ"
หัวหน้าคิดนิดหนึ่ง
"ไม่จำเป็น...ได้ตำแหน่งก็พอแล้ว อีกอย่างมันเสี่ยงเกินไปกับคนของเรา เป็นไง โรบิน...ได้ข่าวว่าทำหวานเย็นเก่งแล้วเหรอ"
กฤษดายิ้ม
"ก็พอหลอกญี่ปุ่นได้ครับ"
"อย่าประมาทนะ...พวกนี้ฉลาด"
"ผมว่าจะหยุดไปที่ค่าย...วันนี้ผมเจอหมอฮารุ เค้าเคยไปรักษาคุณพ่อที่บ้าน"
วาดิมบอก
"แต่ถ้าหายไปก็จะน่าสงสัย"
"แล้วหมอฮารุ...เค้าผิดสังเกตคุณหรือเปล่า"
"เค้าพูดภาษาจีนกับผม...โชคดีผมได้เรียนมาจากเพื่อนนี่โน่น"
"เค้าอาจจะสงสัยแค่ว่าคุณเป็นคนขายหวานเย็นจริงหรือเปล่า...คงไม่คิดว่าเป็นคุณหรอก" แสงธรรมบอก
หัวหน้าใช้ความคิด
"อันตรายนะ ไม่ว่ามันจะสงสัยอะไร แต่ถ้าไม่ไปจะยิ่งสงสัยมากกว่า คุณไปขายอีกสักสองสามวันแล้วค่อยหายตัวไป แต่คุณต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม"
"ให้ผมปลอมไปหาบขนมขายด้วยไหมครับ" มีนาถาม
"ได้...แต่อยู่ห่างๆ ล่ะ วาดิม คุณคอยดูด้วยแล้วกัน"
"ครับผม"
ดวงใจใส่ผ้าถุงใส่เสื้อสบายๆ นั่งรอหมอ ส่วนคนอื่นๆไปนอนแล้ว นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่ม ไฟในบ้านไม่ได้เปิดทั้งหมด ดวงใจนั่งอ่านหนังสือสักครู่ ก็ปิดหนังสือ คิดถึงกฤษดา...
สักครู่มีเสียงหมอเมตตามาเรียก
"อ้อย...อ้อย เปิดประตูหน่อย"
ดวงใจรีบลุกขึ้นไปเปิดประตู
ดวงใจรีบเดินมาเปิดประตู หมอเมตตายืนรออยู่ พอหมอเห็นดวงใจก็อดดีใจไม่ได้
"ยังไม่นอนอีกหรือดวงใจ"
หมอเดินเข้าบ้านมา ดวงใจรับกระเป๋ายาจากหมอไป มือแตะกันโดยบังเอิญ
"ดวงรอหมอค่ะ"
"วันนี้เธอเองก็เหนื่อยมาทั้งวันน่าจะนอนได้แล้วนะ"
"หมอเหนื่อยกว่าดวงตั้งเยอะนี่คะ"
ดวงใจยิ้มให้หมอด้วยจริงใจ เมตตามองดวงใจแล้วพยายามห้ามใจตัวเอง รีบเดินเข้าบ้าน
อ่านต่อหน้า 4
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 18 (ต่อ)
ดวงใจเดินตามเข้ามา ปิดประตูลงกลอนแน่นหนา
"ขอบใจมากนะ ที่รอเปิดประตู"
"หมอจะทานข้าวไหมคะ ดวงทำข้าวต้มหมูที่หมอชอบไว้ค่ะ"
หมอเมตตามองหน้าดวงใจ คิดนิดหนึ่ง
"ก็ดีเหมือนกันนะ"
หมอเมตตานั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ดวงใจเดินเอาถ้วยข้าวต้มมาวางให้หมอ
"มันเย็นไปหน่อยนะคะ...จะติดไฟอุ่นก็กลัวหมอจะรอนาน"
หมอเมตตาตักข้าวต้มทาน
"ทานตอนเย็นๆ ก็อร่อยไปอีกอย่างหนึ่ง...เป็นฝีมือดวงใจยังไงก็อร่อย"
หมอยิ้มแจ่มใสให้ ดวงใจยิ้มดีใจที่หมอชอบ
"ถ้างั้นพรุ่งนี้ดวงจะทำกับข้าวอร่อยๆ ให้หมอทานอีกค่ะ"
"ฉันคงจะอ้วนแย่ละคราวนี้...เมื่อหัวค่ำที่บ้านคนไข้ก็ทำข้าวให้ทาน แต่พอรู้ว่าดวงใจทำข้าวต้มนี่ไว้ให้...ก็อยากทานอีก"
ดวงใจยังไม่รู้สึกเขินกับคำพูดของหมออีก
"ถ้างั้นหมอต้องทานเยอะๆ นะคะ"
"ไปตักมาทานด้วยกันซิจ้ะ"
"ไม่ละค่ะ ดวงทานข้าวเย็นอิ่มแล้ว"
หมอเมตตามองดวงใจทั่วตัว จนมาถึงสายสร้อยที่ห้อยล็อกเกต
"เพิ่งจะเห็นว่าดวงใส่สายสร้อย...เวลาใส่ไปนอกบ้านระวังให้ดีนะ อย่าให้ใครเห็น ตอนนี้โจรชุมเหลือเกิน เพราะข้าวยากหมากแพง"
สีหน้าดวงใจมีความสุขเป็นประกายขึ้นมาทันที
"ค่ะหมอ...ดวงจะระวัง สายสร้อยนี้คุณกฤษดาให้ดวงไว้ค่ะ เป็นของหมั้นระหว่างเราค่ะ"
หมอเมตตาหยุดทานข้าวต้ม มองสายสร้อยนั้น
"คุณกฤษดา สามีของดวงให้เป็นของหมั้น"
หมอเมตตาสีหน้าหม่นลงทันที ดวงใจลูบคลำล็อคเกตอย่างมีความสุข ปากก็เล่าถึงความสุข ของตัว
"คุณกฤษดาบอกว่า ล็อคเกตนี้เป็นของประจำตระกูลตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณกฤษดา แล้วคุณพ่อคุณกฤษดาก็มอบให้คุณแม่ของเขาตอนจะแต่งงานกัน ก่อนคุณแม่ตายยกให้คุณกฤษดาเอาไว้ให้ผู้หญิงที่จะแต่งงานด้วยค่ะ"
ดวงใจเล่ามาถึงตรงนี้ก็อายหน้าแดง หมอเมตตาเห็นท่าทางของดวงใจยิ่งทำให้สลดมากขึ้น กินข้าวไม่ลง
"แปลว่าคุณกฤษดารักดวงใจมาก...เอาเถอะนะ เพื่อความสุขของเธอกับลูกหนู ฉันจะช่วยตามหาคุณกฤษดาให้เจอให้ได้"
ดวงใจดีใจมาก
"ขอบคุณหมอมากค่ะ...แต่ดวงจะทำให้หมอเหนื่อยแล้วก็เสียเวลาเปล่าๆ "
หมอยิ้ม
"จะเสียเวลาเปล่าได้ไง ในเมื่อเราจะต้องตามคุณกฤษดาให้พบ"
"หมออิ่มแล้วเหรอคะ"
"อิ่มแล้ว...ขอบใจนะที่อุตส่าห์ทำข้าวต้มไว้ให้ ฉันจะไปนอนละ เธอก็ไปนอนได้แล้วนะ"
เมตตาลุกขึ้นเดินขึ้นไปบนบ้านเงียบๆ แต่ดวงใจยิ้มมีความหวัง
เช้าวันใหม่ หมอเมตตากับดวงใจ เดินออกมาจากซอยมาถึงบริเวณตลาด หมอชี้ชวนดวงใจจะซื้อขนมให้กิน ดวงใจปฏิเสธ หมอเรียกรถถีบพาดวงใจขึ้นไป เสาวรสที่ขายของอยู่มองตาม ดวงใจหันมายิ้มให้กับทุกคน มีทหารญี่ปุ่นสี่คนเดินไปเดินมา
เสาวรสมองตามดวงใจ เจ้เจ็งรีบเดินเข้ามาหาเสาวรส
"พากันออกไปอีกแล้ว. พากันไปไหนก็ไม่รู้ทุกวั้น ทุกวัน"
เสาวรสหัวเราะ
"อยากรู้พรุ่งนี้ฉันถามให้เอาไหมเจ๊"
เจ็งค้อน
"จะบ้าเหรอ...เอ็งสนิทพอจะไปถามเค้าไหมล่ะ...แต่พวกเราก็เคยช่วยเค้านะ"
"เค้าน่ารักดีนะ สวยมากด้วย พูดจาก็ดี ฉันน่ะถูกชะตากับเค้าเลยล่ะ ถ้าเค้าได้เป็นเมียคนดีๆ อย่างหมอก็ดีน่ะซิ"
"นั่นน่ะซิ...หมอน่ะเป็นโสดมาตั้งนานแล้ว...เอ็งแน่ใจเหรอว่าเค้าไม่ได้เป็นผัวเมียกัน ท่าทางหมอออกจะเอาอกเอาใจ ออกไปไหนต่อไหนด้วยกันทุกวันอย่างนี้น่ะ"
"แต่ฉันเคยถามเค้าบอกว่าเค้าเป็นผู้ช่วยหมอ...ไม่ได้เป็นเมียหมอหรอก"
ทหารญี่ปุ่นเดินผ่านหน้าทั้งสองคนไป
"หมู่นี้พวกไอ้เปี๊ยกเลยหายหื่นไปเลย. สงสัยผู้พันคอหล่อๆ นั่นคงส่งลูกน้องมานะ"
เสาวรสบอก
"ถ้าไม่ได้ผู้พันคนหล่อของเจ๊ช่วยคุณนั่นไว้.. วันนั้นคุณคนสวยนั้นป่นไปแล้ว"
"เอ็งตักขนมใส่กระทงมาหน่อยซิ"
"จะกินเหรอ"
"ไม่ได้กินเอง เอางี้ทหารญี่ปุ่นน่ะ เค้าอุตส่าห์มาคอยดูแลเรา เอามาสี่กระทงเลยนะ เดี๋ยวใครไม่ได้กินจะน้อยใจ"
เสาวรสค้อน แต่ก็ตักขนมส่งให้
"หน้าใหญ่นะเจ๊ ใครจ่าย"
เจ็งรับกระทงไปก่อนสองกระทง
"แหม...เอ็งก็อย่างกนักซิ...ของงี้แบ่งๆ กันมั่ง"
เจ็งเดินไปหาทหารญี่ปุ่น ยื่นกระทงขนมให้ ทหารญี่ปุ่นดีใจรับไป เสาวรสค้อนเจ็ง แต่ก็ตักขนมให้เจ็งไปอีกสองกระทง
อ่านต่อตอนที่ 19