แหวนทองเหลือง ตอนที่ 17
รถถีบพาทั้งคู่มาหยุดที่หน้าบ้าน ลงมารถพร้อมหอบถุงหลายถุง กดกริ่ง สักครู่อ้อยอุ้มลูกหนูของดวงใจรีบเดินมาเปิดประตู บัดนี้ ลูกโตอยู่ในวัย 5 เดือน
"แม่มาแล้วจ้ะลูกหนู"
อ้อยเปิดประตู ทั้งสองเดินเข้ามาในบ้าน
"มาหาย่าซิลูกหนู"
แม่หมอชิงรีบอุ้มลูกหนูไปก่อนดวงใจด้วยความรัก อ้อยรับถุงจากแม่หมอ
"โอ้โห...พี่ดวง สวยซะฉันเกือบจำไม่ได้แน่"
อ้อยดีใจมาก
"จริงเหรอจ้ะ"
ทั้งหมดเดินเข้าบ้านไป
แม่หมอพาลูกหนูมานั่งที่เก้าอี้สบายๆ เธอจะนั่งเก้าอี้ตัวนี้เสมอ เป็นเก้าอี้ยาวกึ่งนอนเล่นได้อ้อยรีบไปเอาน้ำมาให้ ดวงใจเอาถุงเสื้อผ้าของอ้อยแยกไว้ให้
"แล้วนี่ลูกหนูกินอะไรหรือยังอ้อย"
"บดกล้วยไปลูกนึงแล้วจ้ะ ป้อนหาย ป้อนหาย."
แม่หมอเล่นกับลูกหนูอย่างรักใคร่ ดวงใจมองด้วยสีหน้าเศร้าๆ จนอ้อยสังเกต
"เป็นอะไรหรือเปล่าพี่ดวง ทำไมทำหน้าจ๋อยๆ อย่างนั้นล่ะ"
ดวงใจพยายามยิ้ม
"คงจะร้อนน่ะอ้อย เอ้านี่ไงเสื้อของอ้อยที่นายแม่ซื้อให้"
ดวงใจหยิบถุงส่งให้ อ้อยดีใจรีบเอาออกมาดู
"สวยแท้ๆ นายแม่...สีแจ่มๆ ทั้งนั้น"
อ้อยรีบเดินไปลงนั่งไหว้แม่
"ขอบคุณหลายๆ นะนายแม่"
"จ้ะ...จะได้เลิกใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ของแม่กันซะที"
"ดวงเอาของไปเก็บก่อนนะคะนายแม่"
"ไปเถอะ กลับมาเหนื่อยๆ ไปล้างหน้าล้างตาซะ แม่จะดูลูกหนูให้เอง"
"ให้อ้อยดูก็ได้ค่ะ...นายแม่ก็กลับมาเหนื่อยๆ เหมือนกัน"
"ได้นั่งพักก็หายเหนื่อยแล้ว เย็นนี้ดวงทำกับข้าวซิ หมอจะได้เปลี่ยนรสบ้าง"
ดวงใจยิ้มเต็มใจ
"ได้ค่ะ...ถ้างั้นเดี๋ยวดวงจะไปดูตลาดปากซอย ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีอะไรเหลือหรือเปล่า"
"ไม่มีแล้วพี่ดวง...ในครัวยังพอมีของหรอก"
ดวงใจยิ้ม ถือถุงใส่ของเดินไปทางห้อง หมอเมตตาเดินเข้ามาในบ้าน
"อ้อย...คราวหน้าคราวหลังอย่าลืมใส่กลอนประตูหน้าบ้าน อย่างนี้อีกนะ...มันอันตราย"
"แม่เองแหล่ะลูก เพิ่งกลับจากซื้อของกับดวงใจ เจ้าอ้อยมันกำลังดีใจได้ของเลยลืมกันหมด วันนี้หมอกลับเร็วนี่ลูก"
หมอเมตตาเดินมาลงนั่งเล่นกับลูกหนู
"ช่วงนี้ดีหน่อยครับ หมอของญี่ปุ่นออกมาช่วยดูชาวบ้าน... คนไทยเลยเห่อไปให้รักษากันใหญ่"
"แล้วหมอญี่ปุ่นเค้าคิดเงินหรือเปล้าจ้ะ" ดวงใจถาม
"เค้าไม่คิดเงิน...นับว่านายพันคนนี้เป็นคนดีใช้ได้ครับคุณแม่...แต่ถ้าต่อไปคนอื่นมาแทนก็อาจจะไม่ใจดีอย่างนี้...แล้ววันนี้คุณแม่ไปซื้อของอะไรครับ"
"ก็ไปซื้อเสื้อผ้าให้สองสาวนี่ไง...สงสารใส่เสื้อเก่าคนแก่นานแล้ว หมอให้เงินแม่ แม่ก็เลยพาดวงใจไปซื้อเสื้อผ้าให้"
หมอเมตตายิ้มๆ ไม่ได้สนใจนัก
"ดีแล้วครับ...ผู้หญิงเค้าก็คงอยากได้พวกของแต่งตัวกันบ้าง...คุณแม่ก็จัดการไปเลย ไหน...ลูกหนูมาให้อุ้มหน่อยซิ....ตัวหนักขึ้นเยอะเลยนะนี่"
หมอเมตตาเอาลูกหนูมาอุ้มเล่นด้วยอย่างคุ้นเคย ลูกหนูก็ยิ้มกับหมออย่างชอบใจ.....
ในห้องนอนดวงใจกับอ้อย ตอนกลางวัน ดวงใจกำลังจัดเสื้อผ้าที่ได้มาใหม่ออกดู ใส่ไม้แขวนในตู้เสื้อผ้า อดดีใจไม่ได้ ในตู้นั้นมีกล่องเล็กๆ ดวงใจหยิบเอาออกมาดู เป็นสายสร้อยกับล็อคเก็ตที่กฤษดาให้ไว้...
ดวงใจหยิบออกมาดู สีหน้าหม่นหมองลง กำล็อคเก็ตไว้ สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นมุ่งมั่น ดวงใจใส่สายสร้อยนั้นแล้วเดินออกไป
หมอเมตตากำลังหาของในตู้เก็บยา เปิดหาตู้โน้นตู้นี้ ดวงใจเดินเข้ามา เห็นหมอเหมือนกำลังยุ่งก็หยุดคิดเพราะเกรงใจ แต่ก็ตัดสินใจ
"คุณหมอคะ"
หมอเมตตา ตอบโดยไม่ได้สนใจหันมาดู
"ว่าไง.."
หมอปิดตู้หันมา เห็นดวงใจในสภาพแปลงโฉมใหม่ก็ตกตะลึงไป เธอใส่ล็อคเก็ตของกฤษดา
"หมอกำลังยุ่งเหรอคะ เอาไว้ดวงจะ..."
"เปล่า...เปล่า...ฉัน..เอ้อ...ไม่ได้ยุ่งอะไร"
"หมอกำลังหาอะไรหรือเปล่าคะ"
"เอ้อ...ใช่จ้ะ กำลังหาขวดเพนนิซิลิน"
ดวงใจเดินไปเปิดตู้อีกด้านหนึ่งหยิบมาวางให้
"ขวดนี้ใช่ไหมคะ"
หมอเมตตาหยิบขวดยามาดู
"ใช่...เธอ ดวงใจอ่านออกใช่ไหม"
ดวงใจยิ้ม
"อ่านไม่ออกหรอกค่ะ แต่หมอเคยบอกให้เอาเพนนิซิลินเก็บไว้กับยา เอพีซี ดวงจำได้ค่ะ"
หมอเมตตามองดวงใจแล้วยิ้ม
"เธอนี่ความจำดีจริงๆ ดวงใจ ฉันคิดอะไรอย่างนึงนะ...ฉันจะให้คนมาสอนหนังสือเธอกับอ้อยที่บ้านดีกว่า"
ดวงใจดีใจ
"หมอจะให้ดวงเรียนหนังสือเหรอคะ ดวงอยากเรียนมานานแล้ว ตอนเด็กๆ ก็เคยไปโรงเรียนพอจะอ่านออกเขียนได้ค่ะ แต่ได้เรียนแค่สองปีเพราะไม่มีครูมาสอนอีก"
"ดีเลย...เธอจะได้เรียนเพิ่มเติมให้รู้มากขึ้น เรียนภาษาอังกฤษด้วยก็ดีนะ..จะได้ช่วยฉันอ่านชื่อยาภาษาอังกฤษได้"
ดวงใจหน้าสลดลง
"แต่ดวงคงจะอยู่ช่วยหมอไม่ได้นานหรอกค่ะ"
"ทำไมล่ะ...ดวงใจจะไปไหน"
"ดวงจะต้องตามหาคุณกฤษดา พ่อของลูกหนูไห้ได้ นี่ก็มาอยู่กรุงเทพตั้งหลายเดือนแล้ว...ยังไม่ได้ออกไปตามหาเลย...ดวงจะมาขอร้องคุณหมอนี่ละค่ะ..ให้ช่วยดวงตามหาคุณกฤษดา"
หมอเมตตาใช้ความคิด
"จริงซินะ...เธอตั้งใจมากรุงเทพ ก็เพื่อมาตามหาสามี...ได้...ฉันจะช่วยเธอเอง เธอจะไปตามหาที่ไหนล่ะ"
"ดวงรู้แต่ว่าบ้านพ่อของคุณกฤษดาอยู่ทุ่งมหาเมฆ แต่จะตรงไหนก็ไม่รู้ค่ะ"
"ทุ่งมหาเมฆอยู่ไกลจากที่นี่มาก พ่อของคุณกฤษดาชื่ออะไรเธอรู้ไหม"
"ชื่อท่านเจ้าคุณเทศาค่ะ"
"เจ้าคุณเทศาอะไรล่ะ เทศาน่ะเป็นตำแหน่ง...แต่ชื่อของท่านชื่ออะไร เดี๋ยวนี้น่ะไม่มีตำแหน่งเทศาแล้วนะ ดวงใจ"
ดวงใจหน้าเสีย อยากจะร้องไห้
"แล้วดวงจะหาเจอได้ยังไง"
หมอเมตตาปลอบใจ
"ใจเย็นๆ อย่างน้อยเราก็มีข้อมูลบ้าง คงจะพอช่วยได้บ้างหรอก อย่ากังวลไปเลย ถ้าดวงใจได้เรียนหนังสือก็จะรู้อะไรมากขึ้น อย่างน้อยก็พอจะขึ้นรถขึ้นราไปเองได้บ้าง...ฉันก็จะช่วยเธอเอง"
ดวงใจมองหมอเมตตาอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
อ่านต่อหน้า 2
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 17 (ต่อ)
สมรพาเถ้าแก่ทงเดินดูในบ้านรอบๆ มีลูกน้องสองคนคอยเดินตาม อีกคนอยู่เฝ้าอยู่แถวๆ หน้าประตู มิ่ง กับ อิ่มมายืนมองอยู่มุมหนึ่งด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
"มันจะพาผู้ชายคนจีนมาทำอะไรของมัน...แล้วแกโทรไปตามหลวงณัติยังไงป่านนี้ยังไม่มาซะที"
มิ่งสีหน้าร้อนใจ
"นั่นน่ะซิ...คุณหลวงบอกจะรีบมาจนป่านนี้ก็ยังมาไม่ถึงซะที"
สมร กับ เถ้าแก่ทงเดินผ่านมาทางที่อิ่มกับ มิ่งยืนดูอยู่ สมรไม่สนใจ
"นี่หล่อนจะทำอะไรไม่ทราบ"
สมรหันมามองอิ่มแบบเหยียดๆ แล้วพูดกับเถ้าแก่ทงอย่างอ่อนหวาน
"เถ้าแก่ไปคอยหมอนที่ระเบียงด้านหลังดีกว่าค่ะ...ตรงนั้นลมเย็นสบาย เดี๋ยวหมอนจะจัดกับแกล้มไปให้นะคะ"
"ดีเหมือนกัน จะได้ดูว่าจะทำเป็นอะไรดี"
สมรหันไปสั่งมิ่งเสียงเฉียบขาด
"นายมิ่ง...ไปให้ในครัวทำกับแกล้มมาสองสามอย่าง...แล้วแกเอาไปให้เถ้าแก่ที่ระเบียงด้านหลัง...ไปซิ"
มิ่งลังเลนิดหนึ่ง แต่ก็จำใจเดินไป พอทุกคนไปแล้ว สมรก็หันมาเล่นงานอิ่ม จากท่าทางดั่งนางพญาก็กลายเป็นแม่ค้าตลาดแตก
"นี่อีอิ่ม...จำใส่สมองโง่ๆ ของแกไว้ด้วยนะ ถ้าแกยังอยากมีกินมีใช้ แกก็ต้องทำงาน จะมานั่งงอมืองอตีนไม่ได้"
"แล้วแกจะมาเสือกอะไรล่ะอีหมอน แกไม่ได้มีสิทธิที่จะทำอะไรในบ้านนี้ตามใจชอบนะ"
หลวงเณติณัตเดินเข้ามาในบ้านพอดี อิ่มหันมาเห็นก็ดีใจรีบวิ่งมาดึงไป ลูกน้องเถ้าแก่ทงที่ยืนแถวๆประตูเข้าบ้าน จะกั้นหลวงเณติณัต แต่โดนอิ่มผลักกระเด็นไป อิ่มหวังจะให้คุณหลวงจัดการกับสมร
"คุณหลวง...คุณหลวงมาพอดี"
หลวงเณติณัติสีหน้าตื่นๆ
"มีเรื่องอะไรกัน...มิ่งโทรไปตามผมบอกว่าที่นี่มีเรื่องด่วนมากให้รีบมา"
สมรยิ้มโหดๆ
"คุณหลวงมาก็ดีแล้ว จะได้พูดซะพร้อมๆ กัน ฉันจะให้เถ้าแก่ทงมาเช่าบ้านนี้"
อิ่มโมโห
"หล่อนไม่มีสิทธิ...เรื่องอะไรจะเอาเจ๊กจีนมาเช่าบ้าน"
"ใจเย็นๆ อิ่ม...คุณสมร คุณจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะครับ."
"ทำไมจะไม่ได้...ในเมื่อฉันเป็นคนดูแลรับผิดชอบบ้านนี้" สมรถาม
"แกคนเดียวซะที่ไหน...คุณหลวงก็มีสิทธิเหมือนกัน" อิ่มบอก
"ถ้างั้นคุณหลวงยินดีจะช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านนี้ไหมล่ะ เงินมรดกที่ท่านทิ้งไว้ให้น่ะ มันพอใช้ซะที่ไหน ไหนจะเงินเดือนคนใช้...ค่ากินค่าอยู่ ค่าน้ำค่าไฟ..มันจะอยู่ไปได้ซักกี่วันกัน หรือแกจะรอให้ใช้เงินมรดกจนหมดพวกแกจะต้องโดนเฉดหัวกลับบ้านโดยไม่ได้อะไรเลย...เอาไหมล่ะ"
สมรตวาด อิ่มอึ้งไป..มองหน้ากับหลวงเณติณัต สมรเห็นท่าทางก็รู้ว่าตัวเองเป็นต่อ
สมรตวาด อิ่มอึ้งไป..มองหน้ากับหลวงเณติณัต สมรเห็นท่าทางก็รู้ว่าตัวเองเป็นต่อ
"เถ้าแก่ทงน่ะ เหมือนพระมาโปรด เค้าจะมาเช่าบ้านนี้ทำโรงแรม"
อิ่มตาเหลือก
"ทำโรงแรม...ให้คนร้อยพ่อพันแม่มาเต็มบ้านอย่างนั้นน่ะเหรอ"
"ทำไม...มีคนมาเยอะๆ ซิดี เค้าจะได้เอาเงินมาให้ เงินมรดกจะได้เก็บไว้ให้พวกแกอย่างนี้ยังไม่ดีอีกเหรอไง...พวกแกจะได้เงินพิเศษอีกด้วย"
สมรพยายามหว่านล้อม
"แล้วคุณสมรจะคิดค่าเช่าเค้ายังไง"
"แหม...อย่างกไปหน่อยเลยน่าคุณหลวง เรื่องค่าเช่าน่ะยังไม่ได้ตกลงกันหรอกนะ วันนี้เค้ามาดูๆ ก่อน อาจจะต้องต่อเติมบางอย่าง...ฉันก็ว่าจะช่วยเค้าออกเงินนะเพราะยังไงๆ ก็บ้านเรา...จะต่อเติมมันก็บ้านเร จะให้เค้าเช่าก็ต้องลงทุนกันบ้าง"
อิ่มพยายามอ้อนวอนหลวงเณติณัต
"อย่าเลยค่ะคุณหลวง...ท่าน กับ คุณกฤษดา ต้องไม่ชอบแน่ๆ"
สมรเสียงแข็ง
"ไหนล่ะคุณกฤษดา อยู่ไหนล่ะ ในเมื่อไม่มีคุณกฤษดา สิทธิขาดในบ้านเป็นของฉัน...ถึงจะมีคุณหลวงมาช่วยดูแลก็ตาม...แต่การที่ฉันจะหารายได้ให้น่ะ... มันไม่ดี ตรงไหน"
อิ่ม กับ หลวงเณติณัต มองหน้ากันอึ้งไป
เถ้าแก่ทงยืนมองรอบๆ ด้วยความพอใจ
ลูกน้อง 1 บอก
"นาย...ห้องโถงนี่เหมาะตั้งโต๊ะรูเล็ตนะ"
"ตั้งได้หลายโต๊ะเลยละวะ...อั้วหมายตาบ้านนี้มานานแล้ว...แกอย่าพูดเรื่องบ่อนนะ รอให้ทำสัญญาก่อน"
"ครับนาย"
สมรเดินยิ้มแย้มเข้ามาหา
"ถูกใจไหมคะเถ้าแก่"
"ถูกใจมากครับ...ผมว่าจะรีบดำเนินการเลย"
มิ่งเดินถือถาดใส่จานกับแกล้มมาสองสามอย่าง มาถึงก็เอาถาดมาวางบนโต๊ะด้วยท่าทางไม่เต็มใจจะเดินออกไป สมรเห็นก็ไม่พอใจ
"ไอ้มิ่ง...แกมาจัดตั้งสำรับให้ดีๆ ด้วย"
มิ่งหน้าบึ้งหันมา ทงรีบเดินไปหาเอามือโอบบ่า แล้วเอาใบละร้อยใส่มือมิ่ง พูดอย่างนิ่มนวล
"ขอบใจมากนะน้อง เอ้า เอาไว้ซื้อเหล้าไว้ก้งแล้วกัน...ถือว่าตอบแทนน้ำใจนะที่ฉันมารบกวน"
มิ่งทำท่ารีรอไม่อยากรับ แต่เถ้าแก่ทงยัดเยียดไม่ให้สมรเห็น
"เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ อย่าคิดมาก อีกหน่อยฉันคงต้องอาศัยน้องชายอีกมาก คนอย่างฉันน่ะ...มีแต่ให้...ใครช่วยเหลือฉันนะ รับรองสบาย"
มิ่งยกมือไหว้ รับเงิน เดินออกไป เถ้าแก่ทงเดินกลับมาหาสมร
"เถ้าแก่อย่าไปเอาใจมันนักนะคะ ไอ้พวกนี้น่ะมันเลี้ยงไม่เชื่อง"
เถ้าแก่ทงยิ้ม
"เงินของผมทำให้ทุกอย่างเชื่องทั้งนั้นแหล่ะครับ...เค้าก็คนเหมือนกัน เราต้องให้ โอกาสเค้าบ้าง"
"เถ้าแก่นี่จิตใจประเสริฐจริงๆ ค่ะ"
อ่านต่อหน้า 3
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 17 (ต่อ)
มิ่งเดินเข้ามาในครัว เข้ามาหยิบจานแบ่ง กับ ช้อนส้อม และ แก้วน้ำ อิ่มนั่งกินขนมอยู่กับลูกน้อง มองมิ่งงงๆ
"ทำอะไรไอ้มิ่ง"
"ก็มาเอาจานแบ่งน่ะซิ ไอ้เขียวเอ็งจัดของก็ไม่ครบ"
"ข้าให้มันจัดแค่นั้นเอง อยากจะแดกก็แดกอย่างนั้นไปซิ แกจะเอาไปให้มันทำไม"
"แล้วเค้าจะกินยังไง...เค้าเป็นแขกมาบ้านก็ต้องทำให้ดีซิยายอิ่ม"
อิ่มเลิกกินขนม มองมิ่งงงๆ
"อะไรสิงมึงนี่ไอ้มิ่ง...ไหงหันมากัดกันเองล่ะวะ"
มิ่งไม่เถียง ยกจานแบ่ง กับแก้วน้ำอย่างดีใส่ถาดเงินออกไป อิ่มมองตามไม่เข้าใจ
"ดูมัน...ไอ้มิ่ง ทำไมต้องเอาแก้วเจียรนัยให้มันด้วย ไอ้มิ่ง ไอ้นี่ ไปโดนมันเอาอะไรยัดปากมึงมาวะ"
อิ่มเท้าเอวมองมิ่งอย่างไม่พอใจ....
กฤษดาปลอมตัวเป็นคนจีนแก่ ๆ แบกถังหวานเย็น เดินไปตามถนน มองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง มีผู้หญิงชาวบ้านจูงลูกเดินผ่าน พอเด็กเห็นถังหวานเย็นก็ร้องอยากกิน
"แม่...อยากกินหวานเย็น"
แม่เด็กเรียกกฤษดาที่ขายหวานเย็นไว้
"อาแป๊ะ...หวานเย็นแท่งละเท่าไหร่"
แม่เด็กเอาห่อผ้าเล็กๆ ที่เก็บเหรียญออกมานับดูซึ่งมีไม่มาก กฤษดาเห็นก็ดัดเสียงพูดไทยไม่ชัดบอก
"ตังเลียวฮ่ะ ตังเลียว เอ้อ...แต่วังนี้แจกให้กิงเฉยๆ เอาไปเลย"
กฤษดาหยิบหวานเย็นส่งให้เด็ก เด็กดีใจมาก แม่เด็กมองกฤษดางงๆ
"ให้เปล่าๆ เลยเหรอ"
"ฮ้อๆ วังนี้แปะใจลี...ฮ้อๆ"
กฤษดาเขย่ากระดิ่งเดินขายไปต่อ
"หวางเย็นๆ....หวางเย็นๆ"
กฤษดาเดินขายมาถึงหน้าค่ายทหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ทำงานเดิมกฤษดา เขายิ้มแย้มกับญี่ปุ่นที่ยืนอยู่หลายคน
"หวางเย็นๆ กินไม๊...แท่งละตังเลียวฮ้อ"
มีทหารญี่ปุ่นเดินมาดูอย่างสนใจ กฤษดาหยิบหวานเย็นให้...ทหารญี่ปุ่นจะไม่รับ
"ไม่มีเงินก็ไม่เป็งไรอา...กิงไป...กิงไป"
ทหารญี่ปุ่นดีใจ คนอื่นๆ ก็เดินเข้ามาดู บางคนก็ให้เงิน บางคนไม่มี กฤษดาก็แจกให้... ขณะที่ทหารกำลังยุ่งกับการเลือกหวานเย็นในถัง กฤษดามองเข้าไปในกรมทหารอย่างจับสังเกตว่ามีทหารญี่ปุ่นหรืออะไรในค่ายบ้าง...
ที่พักศูนย์เสรีไทยที่กรุงเทพ เวลาเย็นใกล้ค่ำ กฤษดากำลังแกะหนวดปลอมออก ในขณะที่เหลือกำลังนั่งฟังสีหน้าสนุก
มีนาถาม
"สรุปว่าวันนี้ขายหวานเย็นขาดทุนไปเท่าไหร่ล่ะอาแป๊ะ"
กฤษดาหัวเราะ"ไม่รู้ซิ...ไอ้ยุ่นมันหยิบกันคนละแท่งสองแท่ง"
"แล้วค่ายของคุณเป็นไงบ้าง" เจน่าถาม
"ผมก็เห็นยังมีทหารไทยอีกเยอะเหมือนกันนะ...แต่พวกญี่ปุ่นมากกว่า...มีการดัดแปลงต่อเติมอาคาร ทำโรงเก็บของใหญ่มาก"
"เป็นคลังแสงหรือเปล่า" วาดิมถาม
"อาจจะใช่...ทางเข้ามีการเฝ้าแน่นหนาอีกชั้นหนึ่ง....ถ้าจะให้แน่ๆ ต้องเข้าไปดู"
มีนาบอก
"น่าจะยาก...ที่นี่คุ้มกันแน่นหนามากกว่าค่ายอื่นๆ ของมัน"
"แสดงว่าต้องมีของสำคัญ เอามาไว้ที่นี่จะได้ควบคุมได้ด้วย"
"งั้นคืนนี้พวกเราไปดูเลยดีกว่า" เจน่าบอก
"ใจเย็นๆ สหายเจน่า งานนี้ถ้าเราพลาดโดนจับได้แผนการทั้งหมดจะเสียหมด พวกญี่ปุ่นไม่โง่...ถ้ามันไหวตัวทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงหมด"
ตอนค่ำ ห้องเช่าของกฤษดา เป็นห้องเล็กๆ อยู่ห่างไกลจากผู้คน ดูโทรมๆ ใกล้กับแม่น้ำ กฤษดาจะอยู่ที่นี่ในคราบของคนจีนขายหวานเย็น เขาเดินมาตามทางหน้าบ้าน มีเด็ก ๆ วิ่งมาหาขอหวานเย็น กฤษดาแจกหวานเย็นให้เด็ก ๆ แล้วไขกุญแจเข้าบ้าน ในห้องเช่านั้นมีอุปกรณ์ทำหวานเย็นนิดหน่อย กฤษดาเดินเข้ามาก็รู้สึกผิดปรกติ จึงแอบหลังลังน้ำแข็งหยิบปืนออกมา มีเสียงแสงธรรมพูดออกมาจากด้านใน
"หวานเย็นหมดหรือยังอาแป๊ะ"
กฤษดาเก็บปืน
"เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตนะแสงธรรม"
แสงธรรมเดินออกมายืนยิ้ม มือถือขวดเหล้ามาด้วย...
อ่านต่อหน้า 4
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 17 (ต่อ)
มุมใกล้แม่น้ำ กฤษดานั่งจิบเหล้ากับแสงธรรม กับบรรยากาศ สบายๆ กฤษดานั่งหมุนแหวนทองเหลืองในมือ สีหน้าเศร้าๆ
"เมื่อก่อนผมเคยรู้สึกว่าตัวเองว่างเปล่า ที่ไม่มีใครสักคนที่รักเรา...ที่เรารัก แต่ตอนนี้ผมว่า ผมดีใจที่ไม่มีคนรักรอผมนะ"
กฤษดายิ้มเศร้าๆ
"คุณคิดถูกแล้วละแสงธรรม แต่มันก็แปลกนะ ถึงจะรู้สึกคิดถึงแทบขาดใจ ถึงจะเป็นทุกข์เป็นห่วงแค่ไหน แต่ก็รู้สึกมีกำลังใจมีจุดหมาย แล้วมันก็อุ่นใจที่มีคนที่เรารักรอเรา มันก็คุ้มค่านะแสงธรรม"
กฤษดาหันไปยิ้ม แสงธรรมเอาแก้วเหล้ามาชนกับกฤษดา
"อย่างที่เค้าว่า...ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ .ผมไม่เอาดีกว่า ไม่อยากมีทุกข์" แสงธรรมบอก
"ถ้าคุณได้เจอคนที่คุณรัก...คุณจะรู้เอง"
แสงธรรมคิดนิดหนึ่ง แล้วส่ายหน้า...
"อย่ามากล่อมซะให้ยาก ผมคงไม่มีสาวมารักหรอก ไม่อย่างนั้น ทั้งคุณทั้งผมพากันนั่งเหม่อจะทำไง...อย่างนี้แหล่ะดีแล้ว"
กฤษดายิ้มๆ มองไปที่แม่น้ำข้างหน้าอย่างเหงาๆ....
ดวงใจ กับ อ้อย นั่งเรียนหนังสือ ครูเป็นผู้หญิงอายุมากหน่อย ดวงใจตั้งใจเรียน แต่อ้อยฟังครูสอนก็ค่อยๆ นั่งหลับ
ดวงใจเขียนบทเรียนในสมุดให้ครูดู ครูทำหน้าพอใจ อ้อยพยายามเขียน แต่เขียนไม่ได้ ดวงใจช่วยเขียนให้ อ้อยยิ้มอายๆ
ดวงใจไปช่วยหมอจัดยาให้คนไข้ ดวงใจเขียนบันทึกในสมุดให้หมอดู หมอพอใจ
ในห้องนอน ดวงใจอ่านหนังสือ อีกมือหนึ่งโอบกล่อมลูก พอลูกร้องก็อุ้มลูกมาปลอบเล่นกันอย่างมีความสุข พอลูกหลับก็อ่านหนังสือต่อ ในขณะที่อ้อยนอนหลับอ้าปากหวอ
ดวงใจนั่งเรียนหนังสือคนเดียว อ้อยอุ้มลูกหนูไปนั่งเล่น ไม่เรียนแล้ว อ้อยหันมายิ้มอายๆ กับดวงใจ และ ครู ครูส่ายหน้าอย่างระอากับอ้อย
ดวงใจจัดกระเป๋ายากับเครื่องมือให้หมอ หมอรับกระเป๋าเดินออกไป ดวงใจเดินไปส่งหมอหน้าบ้าน แม่หมอ กับอ้อย แอบดู หันมายิ้มให้กัน...
ในห้องตรวจ หมอทำแผลให้คนไข้เสร็จเรียบร้อย มีดวงใจเป็นผู้ช่วยคอยหยิบเครื่องมือ พอทำแผลเสร็จหมอเดินมานั่งที่โต๊ะเขียนใบสั่งยาให้ ดวงใจเดินไปจัดยาใส่ขวดเล็กๆ คนไข้มานั่งตรงหน้าโต๊ะหมอ
"แผลจวนหายดีแล้วนะ ล้างแผลทุกวันนะ ตอนเช้ากับก่อนนอนฃจะได้หายเร็วๆ"
คนไข้ยกมือไหว้
"ขอบคุณครับหมอ ถ้าไม่ได้หมอผมคงเสียขาแน่ๆ"
ดวงใจเดินเอายามาวางให้
"ยานี่กินหลังอาหารนะ วันละสองครั้ง ตอนเช้า กับ หลังอาหารเย็น"
"ครับหมอ...ค่ายาเท่าไหร่ครับ"
"ไม่ต้องหรอก...ยาพวกนี้เค้าเอามาให้"
"หมอต้องคิดเงินบ้างเถอะครับ ถึงจะได้ยามาแต่หมอก็ต้องกินต้องใช้"
คนไข้หยิบเงินให้หมอหนึ่งร้อยบาท หมอหัวเราะ
"มากเกินไปครับ"
"ไม่มากหรอกครับ...ถึงมียา แต่ถ้าไม่มีหมอรักษาแนะนำให้ยา..ผมจะหายได้อย่างไร หมอกรุณาเก็บไว้ด้วยนะครับ"
ตลอดเวลา ดวงใจมองหมอด้วยความชื่นชม หมอรับเงินจากคนไข้มา
"ขอบคุณครับ"
คนไข้ลากลับออกไป หมอเมตตาเดินมาหาดวงใจส่งเงินให้ ดวงใจมองหมองงๆ
"เก็บเอาไว้ซิ"
"อะไรคะหมอ"
"ฉันให้เงินนี่เป็นค่าตอบแทนที่เธอช่วยงานฉัน...ตอนนี้เธอทำหน้าที่ผู้ช่วยหมอนะ ดวงใจ"
ดวงใจยิ้มหวาน
"ดวงไม่รับหรอกค่ะ หมอช่วยดวงกับลูก ไว้มากมายเกินกว่าดวงจะทดแทนพระคุณซะด้วยซ้ำ"
หมอหัวเราะ
"ดูเหมือนเงินนี้จะไม่เป็นที่ต้องการของใครสักเท่าไหร่นะ... แต่เธอควรจะรับไว้นะ เพราะเธอควรจะได้ แล้วมันจะทำให้ฉันสบายใจที่ไม่ได้เอาเปรียบเธอ เก็บเอาไว้เถอะนะ จะได้มีใช้จ่ายส่วนตัวของตัวเองกับลูก เงินน่ะมันไม่เน่าไม่บูด..เก็บไว้"
ดวงใจรับเงินมาอย่างอดดีใจมากไม่ได้
"นี่เป็นเงินค่าจ้างครั้งแรกของดวงค่ะ"
ดวงยิ้มหวานอย่างดีใจให้หมอเมตตา หมอมองดวงใจที่สวยกว่าเดิมอย่างรู้สึกดี
ดวงใจเดินออกมาที่ตลาดปากซอย เห็นรถขายของมากมาย ดวงใจมองอย่างตื่นตาตื่นใจ พวกพ่อค้าแม่ค่าพากันมองดวงใจที่เดินมาถึงหาบของเสาวรส เห็นขนมทับทิมกรอบอยู่ในหม้อก็หยุดมองอย่างสนใจ เสาวรสเห็นดวงใจก็รู้สึกถูกชะตา
"กินขนมจีนน้ำยาไหมจ้ะ"
ดวงใจตอบอย่างอ่อนหวาน
"ขอบใจจ้ะ ฉันกินข้าวแล้วจ้ะ"
"กินข้าวแล้วก็กินขนมไหมล่ะ ทับทิมกรอบอร่อยนะ"
"ทับทิมกรอบ ฉันกินไม่เป็นจ้ะ ไม่เคยกิน"
ดวงใจพูดโดยซื่ออายๆ เสาวรสหัวเราะรู้สึกถูกชะตากับดวงใจ เลื่อนเก้าอี้ตัวเล็กๆ ให้นั่ง
"มาชิมหน่อยเลย แล้วจะติดใจ ลองชิมก่อนก็ได้ ถ้าชอบค่อยกินต่อนะ"
เสาวรสตักทับทิมกรอบใส่ถ้วยให้ดวงใจชิมนิดหนึ่ง ดวงใจชิมแล้วก็ติดใจ
"อร่อยจ้ะ"
"บอกแล้ว เอ้ามาจะตักให้ วันนี้โชคดีนะได้กิน ทุกทีหมดแล้ว"
เสาวรสตักขนมใส่ถ้วยให้ดวงใจเต็มถ้วย ดวงใจรับมานั่งทานอย่างสบายใจ
"พี่มาขายทุกวันเหรอจ้ะ พรุ่งนี้ฉันจะเอาถ้วยมาซื้อไปฝากที่บ้าน"
เสาวรสมองดวงใจอย่างชั่งใจว่าจะถามดีไหม แต่อยากรู้มากกว่า เปี๊ยก กับ เดชเดินมาไกลๆ หันมาเห็นดวงใจก็สะดุดตา มองหน้ากันอย่างพอใจ
"คุณเป็นเมียหมอเหรอจ้ะ"
ดวงใจตกใจ
"เปล่าจ้ะ ฉันเป็น...เอ้อ...ผู้ช่วยหมอ"
เปี๊ยก กับ เดช เดินมา เห็นดวงใจก็สะดุดตา เดินเข้ามาหา
"นังเสาว์...วันนี้มีเพื่อนมาเหรอ...สวยนี่หว่า" เปี๊ยกว่า
"อย่ามาเสือกไอ้เปี๊ยก...คุณนี่เค้าเป็นลูกค้ามากินขนม...มึงไปไกลๆเลย"
"มึงน่ะแหล่ะอย่าเสือก พี่เดช...เหมากระจาดมันซะดีไหม"
ดวงใจตกใจเลิกกินขนม หันมามองเปี๊ยกอย่างใจไม่ดี
"อย่าทำเค้าเลยนะจ้ะ"
"นังเสาว์....มึงหัดพูดจาดีๆ อย่างนี้บ้างซิวะ น้องสาว ไปเที่ยวกับพี่ไหมจ้ะ"
เปี๊ยกเดินมาใกล้ดวงใจ เจ็งกับเชาว์ทำท่าจะถือไม้คานเดินมา เดชพกปืนที่เอว ทำเป็นเปิดเสื้อโชว์ปืน เจ็ง กับ เชาว์เห็นแล้วผงะ ไม่กล้าเข้ามายุ่ง เปี๊ยกเห็นก็หัวเราะกวนตีน
"เอาสิวะ...ใครอยากเสือกก็เข้ามา จริงไหมพี่เดช"
เดชบอก
"ไหนมึงว่าคนแถวนี้มันแน่ ถุย...แน่จริงเสนอหน้ามาสิวะ"
พ่อค้า แม่ค้าคนอื่นไม่กล้า ดวงใจ เสาวรสต่างหน้าเสีย
"ว่าไงน้องสาว เพื่อนพี่เค้าชวนดีๆ พี่จะพาน้องไปกินของที่อร่อยๆ กว่าไอ้ข้าวแกงข้างถนนนี่อีกนะ"
เสาวรสทำท่าฮึดฮัด แต่ไม่กล้าทำอะไร เพราะเดชเปิดเสื้อเอาปืนออกมาโชว์ ดวงใจจะเดินหนี เปี๊ยกคว้าแขนไว้
"จะรีบไปไหนคนสวย....ว่าง่ายๆ นะ...อย่าให้พี่ต้องใช้กำลัง" เปี๊ยกว่า
ดวงใจพยายามสะบัด เปี๊ยกไม่ยอมปล่อย
"ปล่อยฉันเถอะจ้ะ อย่าทำอะไรฉันเลย"
เสาวรสบอก
"ไอ้เปี๊ยก...มึงอย่ายุ่งกับคุณเค้านะ...มึง"
เดชชักปืนออกมา
"ถ้ามึงไม่หยุดเสือก กูจะยิงกรอกปากมึงนะ"
โตชิโร่นังอยู่บนรถจิ๊ปมาทางด้านหลังของเปี๊ยก กับ เดช เห็นภาพที่เดชยื้อยุดฉุดดวงใจก็หันมามอง ดวงใจเริ่มร้องไห้แล้ว พยายามยกมือไหว้เปี๊ยก
"ฉันไหว้ละจ้ะ ปล่อยฉันไปเถอะ...ฉันจะกลับไปหาลูก"
เปี๊ยก กับ เดชมองหน้ากันหัวเราะ
"พี่เดช มีลูกด้วย"
เดชหัวเราะยียวน
"ดีว่ะ...รู้งานแล้วนะมึง"
เดชกับเปี๊ยกหัวเราะกันสนุก พยายามดึงดวงใจไป เสาวรส กับ พ่อค้า แม่ค้า พยายามร้องห้าม ดวงใจกลัวตัวสั่นร้องไห้น่าสงสาร
"ไอ้เปี๊ยก...มึงนี่ไม่กลัวบาปกรรมบ้างหรือไง" เจ็งว่า
"ไอ้เปี๊ยก กูจะไปฟ้องยายนะ มึงรู้ฤทธิ์ยายใช่ไหม เอามึงตายนะ" เสาวรสว่า
ปี๊ยกหันมาเถียง
"กูไม่กลัว...ให้มันมาซิกูเตะให้"
"ไอ้นรกมาเกิด...พวกมึงนี่มันชั่วสารเลว" เจ็งว่า
เดชยิงปืนขึ้นบนฟ้า เสาวรส และ พ่อค้า แม่ค้า ต่างร้องกรี้ดพากันหลบ เปี๊ยก กับเดชหัวเราะ
"หนวกหูจริงโว้ยเห่าหอนกันอยู่ได้...ใครอยากเสือกก็เข้ามา" เดชบอก
โตชิโร่เดินเข้ามาด้านหลัง
"ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้"
เปี๊ยกกับเดชก็ตกใจ แต่ยังพยายามเก่งกลัวเสียฟอร์ม
"อย่าเสือกไอ้ยุ่น"
โตชิโร่ก้าวเข้ายืนจ้องหน้าเดช กับ เปี๊ยกพูดเสียงเฉียบขาด
"บอกให้ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้"
เดชหันปืนมา โตชิโร่ชักปืนยิงไปโดนที่ปืนในมือเดชจนกระเด็นไป ปืนแตกตกไป เดชสะบัดแขนด้วยความเจ็บที่โดนแรงกระแทก ทหารญี่ปุ่นอีกสองคนเดินมายืนข้างๆ โตชิโร่ เดช กับ เปี๊ยกวิ่งหนีไป ชาวบ้านพากันโห่ร้องตบมือให้โตชิโร่ ดวงใจมองโตชิโร่อย่างขอบใจ เสาวรส กับ เจ็งรีบเข้ามาหาดวงใจ โตชิโร่เดินกลับไปขึ้นรถ ทหารขับออกไป
เขามองดวงใจยิ้มให้แล้วก้มหัวให้นิดหนึ่ง...
อ่านต่อตอนที่ 18