บ้านศิลาแดง ตอนที่ 12
เช้าวันรุ่งขึ้น เพ็ญพรรอจนเห็นว่าวาทินีเดินฮัมเพลงออกมาจากในห้องไปแล้ว เธอก็รีบแอบเข้าไปรื้อค้นหาหลักฐานในห้อง แต่จู่ๆ วาทินีดันนึกได้ว่าลืมมือถือ จึงโผล่พรวดเข้า
“นังพรเพ็ญ แกเข้ามาในห้องฉันทำไม”
เพ็ญพรหน้าซีด ก่อนจะรีบแก้ตัว “เออ ฉัน ฉันเข้ามาเอาของให้พ่อ”
“แล้วเจอหรือยัง”
“ไม่เจอ”
เพ็ญพรพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะรีบเดินออกไป วาทินีหันไปมองเพ็ญพรอย่างไม่เชื่อในคำพูด
“โชคดีที่มันไม่เจอยาบ้าที่เราซ่อนเอาไว้”
พอวาทินีเดินออกจากห้อง เพ็ญพรก็จะย้อนกลับเข้าไปค้นใหม่ แต่ปรากฏว่าห้องถูกล็อกไปแล้ว
ทางด้านวิทวัสก็พานักกายภาพด้านธาราบำบัดมาแนะนำให้พรเพ็ญรู้จัก เพื่อจะได้ช่วยกันยรักษา เอกสิทธิ์ให้หายเร็วขึ้น
ส่วนตรัยก็มาดักรอเพ็ญพรที่หน้าบ้าน พลางรีบอาสาจะไปส่งที่บริษัท อาภาพรโผล่มาเห็นพอดี ก็ชะเง้อมองตามอย่างไม่พอใจ ก่อนจะกลับเข้ามาโวยวายในบ้าน พลางรีบบอกให้เชาว์ช่วยจัดการเขี่ยเพ็ญพรไปให้พ้นทาง
“ของแบบนี้ไม่ได้ทำกันง่ายๆ”
อาภาพรฮึดฮัด “ทีในละครยังทำได้เลย สั่งปุ๊บ ก็จัดการได้ปั๊บ”
“นั่นมันละคร แต่นี่ชีวิตจริงเว้ย แกเอาเวลาที่มามัวหึงผัว ไปหาวิธีมัดใจผัวไม่ให้นอกใจจะดีกว่า”
พูดจบเชาว์ก็รีบเดินออกไป พร้อมกับที่สโรชาเดินมาหาอาภาพร
“แกไม่ต้องกังวล แม่จัดอาหารชุดใหญ่ให้นังพรมันแล้ว”
พอตรัยมาส่งเพ็ญพรที่บริษัทเรียบร้อยแล้ว เชาว์ก็โทร.เข้ามือถือมาพอดี
“คิดจะทำอะไร ถึงไปเกาะติดนังพร”
“ก็คุณเร่งให้ผมหาทางเอาที่อยู่คุณอา ผมถึงต้องใกล้ชิดกับน้องพร เพื่อที่จะได้ล้วงความลับ”
“จริงนะ ไม่ใช่มีอย่างอื่นแอบแฝง”
ตรัยรีบตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมไม่ใช่คนที่ชอบเล่นไม่ซื่อเหมือนกับคนบางคน คุณไม่ต้องห่วง อีกไม่นานคุณได้ที่อยู่คุณอาแน่”
พูดจบก็รีบวางสาย สีหน้าเคร่งเครียด
ณัฐพงษ์เดินเข้ามาในห้องทำงาน พลางมองเพ็ญพรด้วยสายตามาดร้าย ก่อนจะนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของสโรชา
“แกต้องหาทางทำให้นังพรออกมากับแก 2 ต่อ 2 ให้ได้ พามันมาตรงที่ที่ฉันบอก แล้วฉันจะจัดชุดใหญ่ให้มันจำไม่รู้ลืม”
คิดพลางรีบเดินเข้ามาหาเพ็ญพร ทำทีเป็นชวนออกไปคุยงานกับลูกค้า พร้อมทั้งอ้างว่าทนายสมศักดิ์ก็ไปด้วย
เพ็ญพรโทร. เช็คกับทนายสมศักดิ์พอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะมาที่บริษัท ก็ตายใจ รีบวางสาย ณัฐพงษ์ที่แอบมองอยู่เห็นเธอหลงกลก็ยิ้มพอใจ
ณัฐพงษ์พาเพ็ญพรออกมาที่รถ พลางทำทีเป็นรอทนายสมศักดิ์ ก่อนที่ฝ่ายแรกจะฉวยจังหวะที่เธอเผลอล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ก่อนจะโปะยาสลบไปที่จมูก จนเธอหมดสติไป
ครู่หนึ่งทรายสมศักดิ์ก็มาถึงที่บริษัท พอรู้จากพนักงานต้อนรับว่าณัฐพงษ์พาเพ็ญพรออกไปแล้ว ก็ชักใจคอไม่ดี จากนั้นก็รีบโทร. ไปบอกตรัย ที่เพิ่งหาทางเลี่ยงจากอาภาพรที่จ้องจะนัวเนียเขาตลอดเวลาได้สำเร็จ
“น้องพรไปกับนายณัฐพงษ์ ทั้งๆ ที่นัดคุณทนายเอาไว้ โทร. หาน้องพรก็ไม่รับสาย ผมจัดการต่อเองครับ”
ตรัยรีบกดวางสาย แล้วก็รีบโทร. หาเพ็ญพรทันที แต่กลายเป็นว่าคนที่รับสายคือณัฐพงษ์ ที่เพิ่งจะอุ้มเพ็ญพรเข้ามานอนบนเตียงในโรงแรมม่านรูด
“ทำไมคุณรับโทรศัพท์น้องพร”
ณัฐพงษ์ยิ้มหยัน “เพราะน้องพรอยู่กับฉันยังไงล่ะ ถามอะไรโง่ๆ”
ตรัยกำมือแน่น “แกจะทำอะไรน้องพร”
“ผู้ชายผู้หญิงอยู่ในห้องโรงแรมกัน 2 ต่อ 2 แกคิดว่าจะทำอะไร แค่นี้นะ ฉันกับน้องพรกำลังจะมีความสุขด้วยกัน ฮ่าๆ”
ขาดคำณัฐพงษ์ก็วางสาย แล้วก็ปิดเครื่องไปเลย
ตรัยสีหน้ากลัดกลุ้ม ก่อนจะรีบโทร.หาจ่าตำรวจที่โรงพัก ให้รีบเช็คภาพจากกล้องวงจรปิดให้
“ว่าไงนะ ลูกชายฉันยังไม่ได้พานังนั่นไป โอเค. ๆ รออยู่ที่นั่นแหละ”
สโรชาวางสายอย่างร้อนใจ ก่อนจะรีบกดโทร. หาณัฐพงษ์ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับสาย
เพ็ญพรได้สติขึ้นมา ก่อนจะมองไปรอบๆ ด้วยความงงงวย พอยันตัวลุกขึ้นนั่ง ก็ชะงักเห็นเสื้อกับกางเกงของผู้ชายกองกับพื้นหน้าห้องน้ำ เธอชักเอะใจ พยายามรีบลุกขึ้น เดินไปที่ประตู
ทันใดนั้นณัฐพงษ์ที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
“ฟื้นแล้วเหรอจ๊ะน้องพร”
เพ็ญพรหันไปอีกฝ่ายก็ตกใจ
“ก็ดีเหมือนกัน ทำแบบตอนตื่นๆ จะได้สนุกหน่อย”
พูดพลางดึงแขนเธอจะรวบตัวเข้ามากอด แต่กลับเจอเพ็ญพรศอกเข้าไปที่ท้อง จนณัฐพงษ์ถึงกับจุก ก่อนที่จะลุกขึ้นมา แล้วปราดเข้าไปจับแขนเธอ พร้อมกับตบคืนเต็มแรง
“ก็บอกแล้วว่าให้ยอมดีๆ”
เพ็ญพรหน้าซีด ด้วยความหวาดกลัว
จังหวะที่เพ็ญพรที่กำลังจะเสียที ตรัยก็โผล่เข้ามาช่วยไว้ได้ทันเวลา ก่อนที่จะจัดการกับณัฐพงษ์จนหมอบไป จากนั้นก็รีบอุ้มพาเธอหนีออกมาทันที
ตรัยพาเพ็ญพรหลบมาที่บริเวณริมแม่น้ำในช่วงที่แสงแดดกำลังโพล้เพล้ เพ็ญพรช่วยทำแผลให้ตรัย ก่อนจะมัดผ้าพันแผลเป็นรูปโบว์ดูคิกขุน่ารัก ทำเอาตรัยชะงัก มองเธอด้วยแววตาเป็นประกาย
พักใหญ่ทั้งคู่ก็พากันกลับไปที่บ้านศิลาแดง ขณะที่สโรชากำลังหน้าเครียดเพราะยังติดต่อณัฐพงษ์ไม่ได้ พอเห็นทั้งคู่เดินเข้ามา ก็ถึงกับหน้าซีดเผือด
“ผมรู้ว่าลูกชายคุณอยู่ที่ไหน”
สโรชาตกใจ แต่รีบเก็บอาการ “พูดอะไร”
ตรัยรีบบอกให้เพ็ญพรเข้าห้องไปก่อน เธอทำทีเป็นยอมทำตาม แต่กลับหลบหามุมแอบฟัง
“ลูกชายคุณคิดจะทำมิดีมิร้ายกับน้องพร ดีที่ผมตามไปช่วยเอาไว้ได้ทัน ถ้าน้องพรเป็นอะไร ข้อตกลงของเราเป็นอันยกเลิก”
“ขู่ฉันเหรอ”
“ผมไม่ได้ขู่ ผมเป็นคนเดียวที่จะทำให้คุณรู้ว่าคุณอาเอกสิทธิ์อยู่ที่ไหน”
เพ็ญพรชะงัก ทั้งตกใจ และไม่เข้าใจ
“อย่าเล่นสกปรกแบบนี้อีก ทำร้ายน้องพรอีกครั้งเดียว ผมไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่”
สโรชากำหมัดแน่นโมโหสุดขีด
พอตรัยเดินออกมา เพ็ญพรก็โผล่เข้ามายืนดักหน้าทันที
“ฉันได้ยินทุกอย่าง คุณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่”
ตรัยหันไปมองรอบๆ ไม่เห็นใคร ก็รีบดึงเพ็ญพรหลบมุมออกมาคุย ก่อนจะอธิบายให้ฟัง
“ผมต้องทำให้พวกมันไว้ใจ เชื่อใจว่าผมอยากเป็นพวกเดียวกับมัน โดยการแลกกับการบอกเรื่องที่อยู่ของคุณอาเอกสิทธิ์”
เพ็ญพรตกใจ “อะไรนะ คุณจะบอกพวกมันว่าพ่อฉันอยู่ที่ไหน”
“คุณคิดว่าผมจะบอกเหรอ”
“แล้วยังไง นี่คุณจะเสี่ยงไปถึงไหน พอ เลิก คุณต้องออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ฉันไม่อยากให้คุณเป็นอันตราย ฉันเป็นห่วง”
เพ็ญพรหลุดปากออกมา ทำเอาตรัยยิ้มอย่างดีใจ
“ฉันพูดจริง พรุ่งนี้คุณต้องออกไปจากบ้านศิลาแดง”
ทางด้านที่บ้านสวนเสาวรส วิทวัสก็บอกกับเดือนฉายว่าจะมาพาพรเพ็ญออกไปกับเอกสิทธิ์ ก่อนที่ เพ็ญพรจะรีบเข็นรถพ่อออกไป
เดือนฉายมองตามด้วยความสงสัย
ขณะที่ทั้งคู่พาเอกสิทธิ์มาทำธาราบำบัด จู่ๆ เดือนฉายก็โผล่เข้ามา ก่อนจะรีบดึงตัวพรเพ็ญออกไปคุยกันตามลำพัง
“คิดจะบอกแม่เมื่อไหร่ ว่าพาคุณพ่อออกมาทำกายภาพ”
เดือนฉายคาดคั้นถามแววตาเอาเรื่อง
“พรไม่คิดจะบอกแม่หรอกค่ะ พรได้ยินที่คุณตาบอกกับแม่ ว่าถ้าพ่ออาการดีขึ้น จะให้คุณพ่อไปจากที่นี่
ต้องขอโทษคุณแม่มากๆ นะคะ แล้วพรก็ต้องขอร้อง อย่าไล่คุณพ่อไปเลยนะคะ คุณแม่ก็รู้ว่าบ้านศิลาแดง อันตรายมากแค่ไหน”
เดือนฉายหน้าเศร้า
“แม่รู้ แต่แม่ให้พ่ออยู่ที่นี่ไม่ได้เหมือนกัน จะช้าจะเร็ว ซักวันเค้าก็ต้องไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเค้า แม่เห็นเค้า
ทีไร อดีตที่เจ็บปวดก็กลับมา แม่ขอโทษ ที่คราวนี้แม่ทำตามที่ลูกขอไม่ได้จริงๆ”
ระหว่างนั่งรถกลับมาด้วยกัน วิทวัสเห็นพรเพ็ญเอาแต่นั่งเหม่อ ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ ฝ่ายหลังจึงเล่าสิ่งที่คุยกับเดือนฉายให้ฟัง
“แม่ไม่ยอมให้พ่ออยู่ที่บ้านสวนต่อ ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี”
พูดพลางก้มหน้าร้องไห้ วิทวัสทำได้แค่ตบมือเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ เอกสิทธิ์ลืมตาขึ้นมา ได้ยิน
ทุกอย่าง ก็ครุ่นคิด สีหน้าเครียด
ทันทีที่พรเพ็ญพาเอกสิทธิ์เข้ามานอนในห้องเรียบร้อยแล้ว ฝ่ายหลังก็รีบยกมือมาจับมือลูกสาว ก่อนจะพยายามพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“กลับ บ้าน”
“คุณพ่อจะกลับบ้านเหรอคะ?”
เอกสิทธิ์พยักหน้า “บ้าน ศิลาแดง”
“ไม่นะคะ พรไม่ให้คุณพ่อกลับ”
พรเพ็ญทำท่าจะร้องไห้ พลางโผกอดพ่อแน่น
“ยะ อย่า ให้ แม่ ลำ บะบาก จ ใจ อะ อะไรจะเกิด ก็ ต้อง ก เกิด”
เพ็ญพรมาด้อมๆ มองๆ ที่หน้าห้อง เพื่อดูว่าตรัยไปหรือยัง ทันใดนั้นอีกฝ่ายก็เปิดประตูพรวดออกมา ก่อนจะยืนยันว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมไปแน่นอน เพราะจะต้องอยู่เพื่อคอยช่วยเหลือเธอ
จังหวะนั้นมือถือของเพ็ญพรก็ดังขึ้นมาพอดี พอเห็นหน้าจอเป็นชื่อ “เจ๊ติ๋ม” ก็ตกใจ ก่อนจะรีบเดินออกไป ตรัยมองตามอย่างสงสัย
พอได้ยินที่พรเพ็ญเล่าให้ฟัง เพ็ญพรก็ถึงกับหน้าตาตื่น
“พ่อจะกลับบ้านศิลาแดง? ไม่ได้เด็ดขาด เจ๊ต้องห้ามพ่อ”
“ฉันพยายามห้ามแล้ว แต่พ่อยืนยันว่าจะกลับมาให้ได้ และจะกลับวันนี้”
ทั้งคู่ต่างสีหน้าเครียด เพราะไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดี
ในที่สุดเพ็ญพรก็ตัดสินใจมาเคาะประตูห้องของตรัย พอเขาเปิดประตูออกมา เธอก็รีบพูดขึ้นทันที
“ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย”
ณัฐพงษ์เดินเมียงๆ มองๆ เข้ามาในบ้าน ด้วยใบหน้าที่ยับเยิน อาภาพรเห็นเข้าถึงกับขำกลิ้ง ตรงข้ามกับสโรชาที่รู้สึกโกรธ
“ตายแล้ว นี่มันเล่นงานแกหนักขนาดนี้เลยเหรอ”
ณัฐพงษ์ตกใจ “แม่รู้แล้วเหรอ”
“ไปคุยกับแม่ในห้อง”
พูดพลางรีบคว้าแขนลูกชายพาเดินออกไป อาภาพรชะเง้อมองด้วยความอยากรู้
พอเข้ามาถึงในห้อง สโรชาก็พูดตำหนิลูกชายทันที ว่าทำแบบนี้จะทำให้เสียเรื่อง
“รู้มั้ยว่าไอ้ตรัยมันโมโหมาก เกิดมันไม่หาที่อยู่ไอ้เอกสิทธิ์มาให้ เราจะซวยกันหมด”
แต่พอเจอณัฐพงษ์ทำน้ำเสียงออดอ้อน ฝ่ายแม่ก็ใจอ่อน กลับกลายเป็นสงสารลูกแทน
เอกสิทธิ์มาไหว้ลาเคน ก่อนจะหันมาทางเดือนฉาย
“ขอบ ใจ ที่ ช่วย และ ขอ โทษ”
พูดไปก็ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เดือนฉายเองก็ทำท่าจะร้องไห้ จนต้องรีบเบือนหน้าไปทางอื่น พอกอล์ฟเดินเข้ามาบอกว่ารถพยาบาลมาแล้ว พรเพ็ญก็เข็นรถพาพ่อออกไป
เดือนฉายหันไปมองตามแล้วก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
อ่านต่อหน้า 2
บ้านศิลาแดง ตอนที่ 12 (ต่อ)
สโรชาเห็นท่าทางของวาทินีที่วางมาดเหมือนเป็นคุณนาย ลอยหน้าลอยตาใช้ให้ลุงเติมกับป้าแจ่มทำนั่นทำนี่ให้ ก็ยิ่งหมั่นไส้ จนต้องหันมาบอกกับเชาว์
“ยิ่งเห็นมันมีความสุข ฉันก็ยิ่งแค้น เมื่อไหร่แกถึงจะรู้ซักทีว่ามันเอาคลิปไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“อย่าเพิ่งใจร้อนสิ เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน”
สโรชายิ่งฟังก็ยิ่งร้อนใจ
“แล้วต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ รู้ก็รู้ว่านังนี่ไว้ใจไม่ได้ เกิดมันส่งหลักฐานให้ตำรวจ เราก็ซวยกันหมด ฉันว่ายังไงเราก็ต้องเก็บมันก่อน แกรู้จักมือปืนฝีมือดีบ้างรึเปล่า”
เชาว์รีบบอก
“บอกแล้วไงว่าจะไม่มีการฆ่าเกิดขึ้น คิดการใหญ่ มันต้องใจเย็น ขืนทำอะไรวู่วาม บรรลัยแน่”
ทันใดนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้นมา เชาว์รีบกดรับสาย ก่อนจะหันไปมองสโรชา
“ผัวแกกลับมาแล้ว”
เพ็ญพรห่มผ้าให้เอกสิทธิ์ที่นอนบนเตียง 2 พ่อลูกมองหน้ากันด้วยความดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง ตรัยกับหมอรุจน์ยืนอยู่ด้วยกันอีกมุมหนึ่ง
พอสโรชาเปิดประตูเข้ามา ก็เล่นบทโศกทันที รีบวิ่งโผเข้ามากอดเอกสิทธิ์ พลางเอาหน้าแนบอกและร้องไห้
“คุณเอกสิทธิ์ คุณไปอยู่ที่ไหนมาคะ ฉันเป็นห่วงคุณจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่มีความสุขเลยซักวัน”
เอกสิทธิ์รู้ว่าสโรชาโกหก จำต้องกำมือแน่นเป็นการสะกดกลั้นอารมณ์ เพ็ญพร ตรัย และหมอรุจน์ ก็รู้เช่นเห็นชาติเหมือนกัน
สโรชารีบผละออกมามองหน้าเอกสิทธิ์
“ซูบลงไปมากเลยนะคะเนี่ย แบบนี้ฉันต้องหาของมาบำรุงคุณมากๆ ซะแล้ว”
เพ็ญพรกับตรัยหันไปมองหมอรุจน์ ฝ่ายหลังรับมุข แล้วรีบพูด
“คุณเอกสิทธิ์คงจะทานอะไรไม่ค่อยได้หรอกครับ”
จากนั้นก็เดินนำทั้งหมดเลี่ยงออกไปคุยกันด้านนอก
“คุณเอกสิทธิ์กำลังจะตาย”
สโรชาทำเป็นตกใจ ทั้งที่ดีใจจนเนื้อเต้น เพ็ญพรทำทีเหมือนจะเป็นลม จนตรัยต้องรีบประคองไว้
“ไม่จริงใช่มั้ยคะหมอ พ่อพรต้องหาย พ่อพรต้องไม่ตาย”
“ผมเสียใจด้วยครับคุณพร เวลาของคุณเอกสิทธิ์เหลืออีกไม่มาก”
เพ็ญพรตีหน้าหน้าเศร้าน้ำตาคลอ แล้วก็วิ่งร้องไห้ออกไป ตรัยหันไปมอง ก่อนจะรีบวิ่งตามไป สโรชาแอบลอบยิ้มอย่างสะใจ
พอเลี่ยงออกมาอยู่ด้วยกันตามลำพัง เพ็ญพรกับตรัย ก็หัวเราะร่าที่ต่างคนต่างตีบทแตก จนสโรชาไม่นึกสงสัย
“ว่าแต่น้องพรไม่อยากให้พี่ออกจากบ้านศิลาแดงแล้วใช่มั้ย”
“ลงเรือลำเดียวกันแล้ว จะไปก็คงยากแล้วล่ะ แต่พี่ตรัยต้องสัญญาว่าพี่จะดูแลตัวเอง ห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด”
ตรัยรีบยื่นนิ้วก้อยออกไป
“พี่สัญญา แต่น้องพรก็ต้องสัญญากับพี่เหมือนกัน”
ทั้งคู่เกี่ยวก้อยให้สัญญากัน ก่อนที่ตรัยจะจับมือเพ็ญพรดึงเข้ามาใกล้ จนฝ่ายหลังถึงกับหน้าระเรื่อ
“ถ้าปิดงานนี้ได้เมื่อไหร่ พี่มีเรื่องสำคัญจะบอกน้องพรด้วยนะครับ”
พลันเพ็ญพรก็เหลือบไปเห็นเชาว์กำลังเดินตรงมา เธอรีบตบหน้าตรัยอย่างแรง ก่อนจะขยิบตาเป็นเชิงส่งสัญญาณ ตรัยหันไปเห็นเชาว์แอบอยู่ก็เข้าใจ
“พี่ตรัยหลอกพร ทำเป็นถามว่าคุณพ่ออยู่ที่ไหน แล้วก็ให้หมอรุจน์ไปรับคุณพ่อกลับมา ทั้งๆ ที่พี่ตรัยก็รู้ว่า คนที่นี่หวังร้ายกับคุณพ่อทั้งนั้น”
“พี่จำเป็นต้องทำ เพราะพี่ต้องทำให้คุณอาสโรชากับคุณอาเชาว์รู้ว่าพี่จริงใจกับน้องภามากแค่ไหน”
เพ็ญพรทำเป็นตีหน้าเศร้า
“แปลว่าพี่รักพี่ภามาก”
“ครับ พี่รักน้องภามาก เค้ากำลังจะเป็นแม่ของลูกพี่อีก เรากำลังจะสร้างครอบครัวด้วยกัน อะไรที่สามารถทำให้ครอบครัวมีความสุข พี่จะทำทุกอย่าง พี่ต้องขอโทษน้องพรด้วยจริงๆ”
พูดจบก็เดินออกไป เพ็ญพรทำเป็นก้มหน้าร้องไห้ ขณะที่เชาว์ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่จะรีบเดินตามตรัยไป
“ผู้กองตรัย เอ๊ย ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าลูกเขยตรัย”
ตรัยทำเป็นแปลกใจ
“หมายความว่าคุณอาเชื่อใจผมแล้วใช่มั้ยครับ”
เชาว์ยิ้มร่า
“ยังจะเรียกอาอยู่อีก เรียกพ่อได้แล้ว พ่อเชาว์ ต่อไปนี้ แกคือคนในครอบครัวเดียวกับฉัน แล้วฉันจะหาโอกาสพาแกไปพบกับนายใหญ่ มีอดีตตำรวจมาร่วมงานด้วยแบบนี้ คงจะเป็นที่ถูกใจนายใหญ่มากทีเดียว”
“ครับคุณพ่อ”
ส่วนเพ็ญพรก็ลอบเข้ามาบอกกับลุงเติมกับป้าแจ่มว่าเอกสิทธิ์หายดีแล้ว แต่ไม่วายกำชับทั้งคู่ว่าอย่าแพร่งพรายบอกใคร
“พรไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ นอกจากพวกเรา แล้วก็พี่ตรัยกับหมอรุจน์ พรต้องการกระชากหน้ากากคนชั่วออกมาค่ะ”
ลุงเติมกับป้าแจ่มพยักหน้ารับรู้ เพ็ญพรมองหน้าทั้งคู่แล้วก็ยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์
สโรชากำลังเคี่ยวน้ำซุปในหม้อ ป้าแจ่มกับลุงเติมคอยเหลือบมอง พร้อมกับคิดถึงแผนการของเพ็ญพรไปด้วย
“ทุกครั้งที่คุณอาสโรชาทำอาหารให้คุณพ่อ ป้าแจ่มกับลุงเติมต้องคอยเปลี่ยนอาหารทุกครั้ง เพราะพรไม่ไว้ใจกลัวคุณอาจะใส่ยาพิษให้คุณพ่อทานอีก”
สโรชาตักน้ำซุปใส่ลงในชาม ก่อนจะหันไปสั่งให้ยกไปให้เอกสิทธิ์ ก่อนจะเดินออกไป
ลุงเติมรีบเปิดตู้ หยิบชามซุปที่ทำไว้แล้วออกมา ก่อนจะสลับกับชามซุปของสโรชา พลางหันมายิ้มให้ป้าแจ่ม
เพ็ญพรเข้ามาป้อนข้าวให้เอกสิทธิ์ที่อาการเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ก่อนจะหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าถือที่วางอยู่บนพื้นข้างตัว
“พ่อเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินนะคะ”
เอกสิทธิ์ยิ้มรับ ก่อนจะซ่อนมือถือไว้ใต้หมอน
ตรัย สโรชา เชาว์ อาภาพร วาทินี นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะอาหาร อาภาพรกุลีกุจอเอาใจตรัยอย่างออกนอกหน้า ขณะที่เชาว์กับสโรชาก็เปลี่ยนท่าที เพราะคิดว่าได้เขามาเป็นพวก มีเพียงวาทินีที่มองอย่างหมั่นไส้ จนอดที่จะแขวสโรชาไม่ได้
อาภาพรหน้าระรื่น เอนหัวซบไหล่ตรัย
“พี่ตรัยขา ภามีความสุขจังเลยที่คุณพ่อคุณแม่ยอมรับพี่ตรัยของภา”
ระหว่างนั้นณัฐพงษ์ก็เดินออกมา พอเห็นตรัยก็ถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ สโรชา
ตรัยรีบทำเป็นตักอาหารให้
“ถือเป็นคำขอโทษที่ผมมือหนักกับคุณณัฐมากไปหน่อย พอดีผมเป็นคนที่ไม่ชอบเห็นความไม่ถูกต้องน่ะครับ”
ณัฐพงษ์หน้าเหวอ พร้อมกับที่สโรชารีบพูดแทรกขึ้นมา
“พ่อตรัยเค้าขอโทษแล้ว ก็ยกโทษให้นะลูก”
อาภาพรทำหน้างง ขณะที่ณัฐพงษ์มองตรัยอย่างฝ่อๆ
พอรู้ว่าตรัยพาเอกสิทธิ์กลับมาบ้าน ทำให้พ่อกับแม่เปลี่ยนท่าที ณัฐพงษ์ก็โวยขึ้นมาทันที
“แค่นี้ แม่ก็ไว้ใจมันแล้วเหรอ แล้วที่มันต่อยจนหน้าณัฐเกือบเสียโฉมล่ะ”
เชาว์รีบพูดสวนขึ้นมา
“ก็แกอยากทำผิดแผนเองทำไม โชคดีแค่ไหนที่ไม่เกิดเรื่องมากกว่านี้”
“ตกลงไอ้ตรัยกลายเป็นลูกรักแทนณัฐไปแล้ว พ่อกับแม่คิดให้ดี ถ้ามันไม่ได้คิดไรกับนังพร มันจะมาช่วยนังพรทำไม มัน 2 คนอาจจะร่วมมือกันแหกตาพ่อกับแม่ก็ได้”
“ฉันเห็นนังพรตบหน้าไอ้ตรัยกับตา มัน 2 คนแตกคอกันแล้ว”
เชาว์ย้ำอย่างมั่นใจ
อาภาพรกระเง้ากระงอดจะพาตรัยออกไปเจอกลุ่มเพื่อน แต่ฝ่ายหลังรีบปฏิเสธอ้างว่ามีธุระ ฝ่ายแรกจึงจำยอม พลางหอมแก้มเขาทีหนึ่งก่อนจะเดินออกไป
พอตรัยหันกลับมา ก็เจอเพ็ญพรยืนจ้องอยู่อย่างหมั่นไส้
“แสดงแนบเนียนเกินไปรึเปล่าคะพี่ตรัยขา”
“ต้องให้บอกกี่ครั้งว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง หรือว่าน้องพรหึงพี่ครับ”
เพ็ญพรรีบพูด
“พรไม่ได้ชอบพี่ แล้วพรจะหึงพี่ทำไม พรจะมาปรึกษาพี่เรื่องคุณพ่อ ระหว่างที่พรไปทำงาน จะไม่มีใครดูแลคุณพ่อ นอกจากป้าแจ่มกับลุงเติม แต่พี่ก็รู้ว่าพวกเค้าสู้คุณน้าสโรชาไม่ได้แน่ๆ พรไม่รู้จะหาใครที่ไว้ใจได้มาดูแลคุณพ่อ”
ตรัยนิ่งคิดครู่หนึ่ง
“พี่รู้ว่าหน้าที่นี้ควรเป็นของใคร”
จากนั้นตรัยก็เข้ามาพูดโน้มน้าวสุดาให้เข้าไปช่วยดูแลเอกสิทธิ์ อ้างว่าอาจจะได้พล็อตนิยายเรื่องใหม่ไปเขียน จนฝ่ายหลังเริ่มคล้อยตาม
“เห็นแล้วกับพี่แล้วใช่มั้ย แสดงว่าตอบตกลง นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ต้องให้ดาช่วย...”
ทนายสมศักดิ์มาที่บ้านศิลาแดง ทำทีเป็นพูดแสดงความเสียใจกับสโรชา ก่อนจะรีบเดินเลี่ยงเข้าไปเยี่ยมเอกสิทธิ์ในห้อง
“คุณสโรชาเชื่อสนิทว่าคุณเอกสิทธิ์ใกล้ตายจริงๆ แบบนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อยนะครับ”
เอกสิทธิ์พยักหน้าช้าๆ
“แต่เราก็ยังประมาทไม่ได้หรอกนะ”
“ก็จริงครับ เออ ว่าแต่คุณเอกสิทธิ์เรียกให้ผมเข้ามาพบด่วน มีเรื่องอะไรครับ”
“พินัยกรรมที่ฉันเคยทำเอาไว้ ฉันอยากให้มันเป็นโมฆะทั้งหมด ฉันจะทำพินัยกรรมฉบับใหม่”
สีหน้าของเอกสิทธิ์มุ่งมั่นเอาจริง
ทางด้านที่บ้านสวน ทั้งเคน เดือนฉาย และกอล์ฟต่างก็กลุ้มใจ ที่พรเพ็ญเอาแต่เก็บตัวเงียบ ไม่พูดไม่จากับใคร ซ้ำไม่ยอมแตะต้องข้าวปลา
“งานนี้ต้องหาตัวช่วย”
เดือนฉายกับกอล์ฟหันมองเคนอย่างสงสัย
ที่แท้ “ตัวช่วย” ของเคน ก็หมายถึงวิทวัส ที่มาชวนพรเพ็ญออกมาเที่ยวที่น้ำตก พอได้มาอยู่กับธรรมชาติสวยๆ เธอก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลาย
วิทวัสจับมือพรเพ็ญพาเดินออกมาไกลจากโขดหิน แต่เธอกลับก้าวขาพลาดจะล้ม เขารีบประคองเอาไว้ในอ้อมกอด ทั้งคู่ต่างชะงักกันไป
“ปล่อยเพ็ญได้แล้วค่ะ”
วิทวัสไม่ปล่อย แต่กลับสารภาพความในใจออกมา
“ผมชอบคุณ ไม่ใช่สิ ผมรักคุณ ผมรักคุณครับ คุณเพ็ญ”
แว่บแรกพรเพ็ญรู้สึกดีใจ แต่พอได้ยินคำว่า “เพ็ญ” ก็ทำให้เธอต้องเรียกสติกลับคืนมาโดยเร็ว และรีบบอกตัวเองว่าเธออยู่ในคราบของเพ็ญพรไม่ใช่พรเพ็ญ คิดได้ดังนั้น ก็รีบผละออกห่าง จนอีกฝ่ายหน้าเสีย
“คุณโกรธผมเหรอ?”
“เปล่าค่ะ เรากลับกันเถอะ”
พูดพลางค่อยๆ เดินกลับไป อีกฝ่ายรีบตามจับแขนให้หันมา
“คุณโกรธ คุณถึงไม่มองหน้าผม ผมขอโทษที่บอกความรู้สึกของผมให้คุณได้รู้ แต่ผมเก็บมันเอาไว้คนเดียวไม่ได้อีกแล้ว ถ้าคุณยังไม่รู้สึกอะไรกับผม ก็อย่าเพิ่งตัดโอกาสผมเลยนะครับ”
พรเพ็ญค่อยๆ แกะมือวิทวัสออก
“ไว้ให้คุณรู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉันก่อน แล้วค่อยมาบอกว่าอีกทีว่าคุณยังรักฉันอยู่รึเปล่าจะดีกว่านะคะ”
ขาดคำก็หันหลังเดินจากไป วิทวัสหน้าสลด เพราะคิดว่าพรเพ็ญตัดเยื่อใย
พออยู่ในห้องเพียงลำพัง พรเพ็ญก็อดที่จะตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้
“ถ้าคุณรู้ว่าฉันไม่ใช่เพ็ญ คุณจะรักฉันรึเปล่าคุณวัส”
อ่านต่อหน้า 3
บ้านศิลาแดง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ทางด้านตรัยก็รีบบอกกับสโรชากับเชาว์ว่าจะให้สุดามาช่วยดูแลเอกสิทธิ์ อ้างว่าเพื่อคอยเป็นหูเป็นตาให้ จนกว่าอีกฝ่ายจะเสียชีวิต
ทั้งคู่คล้อยตาม พลางยิ้มพอใจ ก่อนที่สโรชาจะเดินพาสุดาไปที่ห้องของเอกสิทธิ์ ส่วนเชาว์ก็หันมาพยักเพยิดชวนตรัยออกไปคุยกันด้านนอก
“จะให้ผมไปส่งยา” ตรัยอุทานเสียงดัง “แล้วไหนบอกว่าจะให้ผมไปพบกับเจ้านายของคุณพ่อก่อน ไงครับ”
“เจ้านายฉัน ไม่ใช่คนที่จะยอมเจอใครง่ายๆ นายต้องสร้างผลงานก่อน แล้วฉันถึงจะพาเข้าไปได้”
ตรัยหน้าเครียดทันที
“ผมไม่แน่ใจว่าผมจะทำได้รึเปล่า กลัวจะทำให้งานของคุณพ่อเสีย”
“แต่ฉันมั่นใจว่านายทำได้ อดีตตำรวจมือดีอย่างนาย ฉลาดในการหลบหลีกอยู่แล้ว งานกล้วยๆ ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็เสร็จ”
เชาว์พูดพลางหันไปมองรอบๆ ก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบห่อยาบ้าออกมายื่นให้
“รีบรับไปสิ ส่วนเรื่องสถานที่กับเวลา ฉันจะโทร. มาบอกอีกที”
ที่สุดตรัยก็จำต้องทำหน้าที่ส่งยาบ้า เพื่อให้เชาว์ตายใจ ปฏิบัติการแรกผ่านพ้นไปด้วยดี พร้อมกับได้รับเงินเป็นฟ่อน
“เพราะได้เงินเยอะแบบนี้ ยาบ้ามันถึงไม่หมดไปซักที”
พอนำเงินกลับมาให้เชาว์ ฝ่ายหลังก็แบ่งเงินให้เขาส่วนหนึ่ง เขาจำต้องรับมาอย่างอึกอัด และไม่สบายใจ
พอเพ็ญพรรู้เรื่องที่ตรัยไปส่งยาบ้ามา ก็ตกใจ
“พี่ตรัยไปส่งยาบ้า แล้วพี่ตรัยทำแบบนั้นทำไม”
“ถ้าไม่ทำ ไอ้เชาว์มันจะสงสัย แล้วมันจะไม่พาพี่ไปพบกับเจ้านายของมัน”
“แล้วทำไมพี่ถึงไม่จับพวกมัน”
ตรัยถอนหายใจเฮือก
“ตอนนี้พี่ถูกพักงานนะครับ แต่คิดอีกทีก็ดีมันทำให้พี่คล่องตัวขึ้น พวกมันก็จะไม่สงสัยพี่ พี่จะใช้โอกาสนี้ล่ะ สืบไปถึงเจ้านายของมัน แล้วจะหาทางกวาดล้างพวกมันให้ได้ พี่ไม่มีวันปล่อยให้คนชั่วลอยนวล”
เพ็ญพรมองตรัยอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะเผลอพูดออกมา
“พี่ตรัยน่ารักจัง”
ขาดคำเธอก็ถูกกระชากตัวเข้ามาประชิดกับเขา
“แล้วรักป่ะล่ะ”
พูดพลางก็หอมหน้าผากเพ็ญพรหน้าตาเฉย
“เป็นกำลังใจให้พี่ด้วยนะครับ”
ทั้งคู่มองสบตากันอย่างขวยเขิน
พอเพ็ญพรดูแลพาพ่อเข้านอนเรียบร้อยแล้ว พรเพ็ญก็โทร.เข้ามาพอดี
“พ่อเป็นไงบ้าง”
“พัฒนาการดีมาก พ่อพูดได้คล่องมากขึ้นแล้ว เนี่ยนะเรื่องที่อยากคุย”
พรเพ็ญรีบรับคำ
“ไม่จริงอ่ะ ถ้าเป็นเรื่องนี้ ไลน์มาก็ได้ ทำไมต้องโทร.ด้วย เจ๊เป็นไรบอกฉันมา เจ๊ปิดฉันไม่ได้หรอก เพราะวันนี้ใจฉันมันหวิวๆ แปลกๆ”
“แล้วเพ็ญล่ะ มีไรจะคุยกับพี่รึเปล่า เพราะพี่ก็รู้สึกใจหวิวๆ โหวงๆ เหมือนกัน”
แต่แล้วต่างคนต่างก็ไม่กล้าเล่าให้อีกฝ่ายฟัง ได้แต่เก็บไว้คนเดียว
หมอรุจน์เข้ามาดูอาการของเอกสิทธิ์ตามปกติ พอเห็นว่าสุดาอยู่ในห้องด้วย ก็นึกแปลกใจ เธอรีบบอกว่ามาช่วยดูแลเอกสิทธิ์
“อย่างคุณเนี่ยนะจะดูแลใครเป็น จะทำเค้าพังมากกว่า”
สุดามองค้อน เอกสิทธิ์อมยิ้ม ก่อนจะรีบบอก
“ยัยสุดาดูแลผมดีมากหมอ”
หมอรุจน์มองแบบไม่ค่อยเชื่อ ก่อนจะเดินมาข้างเตียง เพื่อตรวจอาการของเอกสิทธิ์
“เสียงปอดปกติดีครับ ไข้ก็ไม่มี ความดันปกติ ทุกอย่างดีมากครับ คุณอาร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้ว ผมจะปรับยาที่ทานให้นะครับ”
จากนั้นก็หยิบตะกร้ายาบนโต๊ะข้างๆ มาวางตรงหน้าสุดา แล้วพูดสั่งแบบเร็วปรื๋อ จนสุดาฟังไม่ทัน
“โอ๊ย ใครจะไปจำได้หมด หมอก็เขียนไว้ด้วยสิ”
หมอรุจน์อมยิ้มขำ
“ผมต้องเขียนอยู่แล้ว แค่อยากทดสอบว่าสมองของคุณยังใช้งานได้อยู่รึเปล่า หรือเก่งแต่เรื่อง
จินตนาการ“
สุดาทั้งเสียใจ และใจ “ใช่สิ ฉันไม่ได้เก่ง ไม่ได้ดีเหมือนคุณพรนี่”
พูดจบก็เดินหน้าง้ำ หมอรุจน์ถึงกับเหวอ จนเอกสิทธิ์ต้องรีบบอกให้ไปง้อ
พอหมอรุจน์เดินตามออกมาเห็นสุดายืนร้องไห้อยู่ ก็รีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
“เช็ดซะ เดี๋ยวเกิดมีคนเห็นคุณร้องไห้ จะหาว่าผมแกล้ง ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ทำอะไร”
สุดารีบปาดน้ำตา “หมอจะพูดดีดีกับฉันได้บ้างมั้ยคะ”
“ผมก็พูดตามปกติ”
“เนี่ยนะพูดปกติ ถ้าเป็นคุณพร หมอไม่พูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้หรอก ฉันทำผิดอะไร หมอถึงต้องพูดไม่ดีกับฉันตลอด”
พูดพลางร้องไห้โอดังลั่น ก่อนจะดึงผ้าเช็ดหน้าไปซับน้ำตาและสั่งขี้มูกพรืดใหญ่ จนหมอรุจน์ถึงกับเหวอ
ทางเอกสิทธิ์เห็นสโรชาเข้ามาในห้อง ก็แกล้งทำทีเป็นนอนนิ่ง พร้อมกับแอบเอามือควานหามือถือที่ซ่อนไว้ใต้หมอน แล้วกดอัดเสียง
“ตั้งแต่คุณกลับมา ฉันยังไม่ได้คุยกับคุณเลย ที่เข้ามา ไม่ได้เป็นห่วง แต่อยากเข้ามาดูน้ำหน้าคนใกล้ตาย”
พูดพลางบีบแขนเอกสิทธิ์อย่างแรง สีหน้าเหี้ยม
“ฉันอยากให้คุณรู้ไว้ว่าหลังจากที่คุณตาย ทรัพย์สมบัติทุกอย่าง รวมถึงบ้านศิลาแดงก็จะตกเป็นของฉัน ส่วนลูกสาวคุณ ฉันจะไล่มันออกไป ให้ไปนอนเหมือนหมาข้างถนน ฉันอยากพูดเท่านี้แหละ”
พอสโรชาลุกเดินออกไป เอกสิทธิ์รีบหยิบมือถืที่อัดเสียงไว้เรียบร้อยขึ้นมาดู
ส่วนเดือนฉายก็แอบเป็นห่วงเอกสิทธิ์ แต่ก็ปากแข็ง ทำทีเป็นโทร. มาบ่นคิดถึงเพ็ญพร แต่ลูกสาวรู้ทันก็เลยรีบบอกว่าพ่ออาการดีขึ้นแล้ว
เดือนฉายแอบโล่งใจ แต่ไม่วายเก๊กเสียงต่อ
“แม่ไม่ได้ถามถึงพ่อ”
“โอเค. ค่ะ เพ็ญก็สบายดีค่ะ กินอิ่ม นอนหลับ”
“ถ้างั้นก็ดีแล้ว แม่จะได้สบายใจ แม่ต้องไปทำงานแล้ว โทร. มาหาแม่บ่อยๆ ล่ะ”
พูดจบก็รีบวางสาย พอหันมาเจอเคน ก็ถึงกับสะดุ้งตกใจ
“ตกใจที่พ่อยืนอยู่ หรือตกใจที่พ่อได้ยินเราคุยกับยัยเพ็ญเรื่องนายเอกสิทธิ์ ห่วงมันมากเหรอ”
“ไม่ได้ห่วง ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้นค่ะ”
“จำคำพูดตัวเองให้ดีนะแม่เดือน เพราะพ่อจะไม่พูดซ้ำอีก”
เดือนฉายหน้านิ่ง ด้วยความกลัดกลุ้ม
พรเพ็ญกำลังปีนบันไดตัดแต่งกิ่งไม้อยู่ แต่จังหวะที่เขย่งเท้า เกิดพลาดท่า ร่วงลงมา ดีที่วิทวัสเข้ามารับไว้ได้ทัน พอทั้งคู่ลุกขึ้นมา เขาก็รีบออกปากว่าไม่สบายใจ เพราะเกรงว่าเธอยังไม่หายโกรธเรื่องเมื่อวาน
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องกลัวคะ”
“แสดงว่าคุณเพ็ญจะให้โอกาสผมใช่มั้ยครับ”
พรเพ็ญอึกอัก อย่างลำบากใจ “ฉัน..”
วิทวัสรีบคว้ามือมากุม
“ขอบคุณมากนะครับ ผมสัญญาว่าผมจะไม่เร่งรัดคุณ เราจะค่อยเป็นค่อยไป ผมจะทำให้คุณชอบผมให้ได้“
ทางด้านสโรชาก็แอบมาปรับทุกข์กับเชาว์ว่าใช้เงินหมดจนไม่มีเหลือแล้ว ฝ่ายหลังถึงกับหน้าเครียด พยายามหาวิธีหาเงิน วาทินีแอบมาได้ยิน ก็พลอยกังวลไปด้วย
“ไม่มีเงิน แบบนี้เราก็แย่ไปด้วยน่ะสิ”
คิดได้ดังนั้น ก็แอบเข้าไปเก็บเสื้อผ้าเตรียมเผ่น แต่บังเอิญเหลือบเห็นห่อหนังสือพิมพ์ซ่อนอยู่ด้านในตู้ พอหยิบออกมาแล้วฉีกหนังสือพิมพ์ออก ก็ตะลึง ตาโต เมื่อเห็นเงินปึกใหญ่
“เงิน ไอ้ผัวเฮงซวยมีเงินแล้วก็ไม่บอก ดีล่ะ เอาไปให้หมด”
จากนั้นก็รีบยัดเงินทั้งปึกใส่กระเป๋าแล้วรูดซิบก่อนจะเดินออกไป เหลือแต่เศษหนังสือพิมพ์ที่ฉีกออกไปหล่นอยู่บนพื้น
คล้อยหลังที่วาทินีเดินออกไป ณัฐพงษ์ที่อยู่ในอาการเสี้ยนยาก็มาเคาะประตู พอเห็นว่าไม่มีคนมาเปิด ก็
ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป ก่อนจะรื้อค้นห้องเพื่อหายาบ้า
ระหว่างนั้นอาภาพรเดินมา เห็นท่าทางพี่ชายแปลกๆ ก็รีบเดินเข้ามาหา ก่อนจะคาดคั้นถาม
“พี่ติดยาใช่มั้ย”
อาภาพรเดินตามณัฐพงษ์มาตามทาง พลางพูดขู่ว่าจะฟ้องสโรขาว่าเขาติดยา
“ถ้าไม่อยากให้ฟ้อง ก็เล่าทุกอย่างมาให้ภาฟังเดี๋ยวนี้”
“ฉันจะเล่าก็ได้ เอาเงินมาให้ฉันก่อนสิ”
“ไม่มี แล้วก็อย่ามาต่อรอง เพราะตอนนี้พี่ณัฐเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”
ณัฐพงษ์มองสร้อยทองที่อาภาพรใส่อยู่ ก็ยื่นมือไปหวังจะกระชาก แต่อีกฝ่ายคว้าแขนไว้ได้ทัน
“ฉันต้องการยา ในเมื่อแกไม่ให้เงินฉัน ก็เอาทองมา”
“ไม่ ฉันไม่ให้”
ขาดคำณัฐพงษ์ก็ใช้หลังมือตบหน้าน้องสาวเต็มแรง ก่อนจะกระชากสร้อยทองออกมา แล้วก็วิ่งหนีออกไป
สุดามองผ้าเช็ดหน้าของหมอรุจน์ แล้วก็ยิ้มปลื้ม ก่อนจะพับเก็บอย่างดี จากนั้นก็รีบไปหาหาอีกฝ่ายที่โรงพยาบาล แต่กลับพรวดพราดเข้าไปในห้องน้ำชาย ขณะที่หมอรุจน์กับผู้ชายคนอื่นกำลังทำธุระส่วนตัวกันอยู่
“หมอรุจน์ ฉันเอาผ้าเช็ดหน้ามาคืน”
หมอรุจน์หันมาก็ตกใจ “เข้ามาได้ไง”
สุดารู้สึกตัวหันมองไปรอบๆ เห็นผู้ชายรีบใส่กางเกง ก็อายหน้าแดงก่ำ รีบยกมือปิดหน้าแล้ววิ่งออกไปทันที
ครู่หนึ่งหมอรุจน์ก็เดินตามออกมา ก่อนจะยิ้มขำ พลางขยี้ผม แล้วก็ยิ้มให้อย่างเอ็นดู ทำเอาสุดาถึงกับเคลิ้ม ตาลอย พอได้สติก็รีบยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนให้ก่อนจะหันหลังเดินหน้าแดงออกไป หมอรุจน์มองตาม แล้วก็อมยิ้ม
ทางด้านเชาว์พอเข้ามาในห้องเห็นห่อเงินหายไป พร้อมกับเสื้อผ้าของวาทินีก็ทั้งตกใจ ทั้งโกรธ พอสโรชารู้เรื่องก็อดที่จะพูดแขวะไม่ได้
“เห็นมั้ยฉันบอกแล้วว่านังนี่ไว้ใจไม่ได้ ไหนบอกว่าเอาอยู่ยังไงล่ะ เดี๋ยวก่อนนะ แกบอกว่ามันเอาเงินของแกไป ไหนแกบอกว่าแกไม่มีเงิน”
เชาว์รีบอธิบาย
“มันไม่ใช่เงินฉัน แต่เป็นเงินที่ฉันต้องเอาไปให้เจ้านาย ไม่มีเงินแบบนี้ ฉันโดนเก็บแน่ และไม่ใช่ฉันคนเดียว เธอกับลูกอาจจะโดนไปด้วย”
“แล้วมันเกี่ยวไรกับฉัน”
“เพราะเธอเป็นเมียฉันไง”
สโรชากลัวจนลนลาน
“ไม่นะ ฉันไม่อยากตาย ทำไงดี ทำไงดี”
“เลิกโวยวายได้แล้ว คิดออกแล้วว่าจะหาเงินได้จากที่ไหน”
เชาว์ยิ้มอย่างมีแผน ก่อนที่จะพาสโรชาเข้ามาในบ่อนการพนัน จากนั้นก็หาโอกาสเดินเลี่ยงออกมาคุยกับเจ้าของบ่อน
“พาเหยื่อรายใหม่มาเหรอ? ถ้างั้นก็แผนเดิม หลอกให้เล่นได้ไปก่อน แล้วค่อยตัดตอน ส่วนแบ่งก็หกสิบ สี่สิบ”
เชาว์กับเจ้าของบ่อนยิ้มร้ายให้กัน
สโรชาหอบเงินฟ่อนใหญ่กลับบ้านศิลาแดง พลางยิ้มร่าอย่างดีใจ ครู่หนึ่งก็เห็นอาภาพรเดินหน้าช้ำออกมา พอลูกสาวบอกว่าโดนณัฐพงษ์ตบ แล้วก็แย่งเอาสร้อยทองไป สโรชาก็หันไปโวยวายกับเชาว์
“เพราะแกคนเดียว ทำให้ลูกติดยา ถ้านังก๊อยโบท็อกซ์ไม่เอายาให้ตาณัฐ ตาณัฐก็จะไม่เป็นแบบนี้ ถ้าเจอมันเมื่อไหร่ ฉันฆ่ามันแน่ และแกก็ไม่ต้องมาห้าม”
เชาว์ยิ้มเหี้ยม
“ฉันไม่ได้จะห้าม แต่จะช่วยเธอฆ่ามันด้วยต่างหาก”
เพ็ญพรเปิดคลิปเสียงที่เอกสิทธิ์อัดไว้ให้ทนายสมศักดิ์ฟัง ก่อนที่จะถามอย่างร้อนใจว่าสามารถนำมาเป็นหลักฐานได้หรือไม่
“ไม่ได้ครับ เพราะเค้าไม่ได้พูดว่าจะฆ่าคุณเอกสิทธิ์ ฟังดูเหมือนเป็นการขู่มากกว่า แต่ถ้าเราได้หลักฐานที่ชี้ชัดได้ว่าคุณสโรชามีเจตนาฆ่าคุณเอกสิทธิ์ คลิปเสียงนี้ก็อาจจะช่วยยืนยันความผิดของคุณสโรชาได้มากขึ้น”
ทางด้านที่บ้านสวน ระหว่างที่เคนนอนให้กอล์ฟนวดอยู่มุมหนึ่ง ขณะที่พรเพ็ญที่ช่วยเดือนฉายจัดดอกไม้ถวายพระ ก็เอาแต่ใจลอย เพราะคิดถึงคำพูดของวิทวัส แล้วจู่ๆ ก็เผลอถอนใจออกมา จนทุกคนแปลกใจ ก่อนที่เธอจะรีบเดินเลี่ยงไป เดือนฉายขยับตัวจะลุกตาม แต่เคนขัดขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้อง พ่อไปเองดีกว่า”
จากนั้นก็เดินตามมาจนทัน พร้อมกับที่พรเพ็ญยังถอนหายใจไม่เลิก
“ถอนใจอีกแล้ว เป็นอะไรน่ะเรา มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ”
พรเพ็ญรีบส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรค่ะคุณตา”
“อย่าโกหก หน้าเรามันฟ้องอยู่ คิดถึงพ่อใช่มั้ยล่ะ หรือว่าโกรธที่ตาไล่พ่อหนูไป”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ หนูไม่เคยโกรธคุณตาเรื่องนั้นเลยนะคะ ที่ผ่านมา คุณตาให้พ่อรักษาตัวอยู่ที่นี่ตั้งนาน
หนูอยากขอบคุณคุณตาด้วยซ้ำ”
เคนทำหน้างง
“อ้าว ถ้างั้นเราก็ไม่ได้กลุ้มเรื่องพ่อ งั้นโดนแม่ดุ ทะเลาะกับเจ้ากอล์ฟ แล้วหนูซึมกะทือแบบนี้เพราะอะไร”
“เพราะเรื่องไร้สาระน่ะค่ะ มันเป็นเรื่องที่หนูคิดไปเอง แต่คุณตาไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูจะยอมรับความจริงให้ได้ แล้วทุกอย่างคงดีขึ้น”
พรเพ็ญยิ้มเศร้าๆ แล้วเดินหนี เคนมองตามงงๆ
“ความจริงอะไร เพ้ออะไร มันยังไงวะ”
จู่ๆ กอล์ฟที่แอบฟังอยู่ ก็โผล่เข้ามา
“ลักษณะคุณเพ็ญจะพูดเหมือนคนอกหักเลยอ่ะ”
“นั่นสิ รึว่า…”
เคนกับกอล์ฟมองหน้ากัน พร้อมกับนึกถึงวิทวัสขึ้นมาทันทีทันใด
อ่านต่อหน้า 4
บ้านศิลาแดง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ในที่สุดเคนก็บุกมาหาวิทวัสถึงที่บริษัท โดยมีกอล์ฟตามติดมาเป็นลูกคู่ด้วย ก่อนที่จะโวยวายใส่หน้าอีกฝ่าย ว่าเป็นต้นเหตุให้พรเพ็ญ ป่วยใจ
“สารภาพมาซะดีๆ นะเจ้าวัส เอ็งทำอะไรให้หลานข้าเสียใจ”
“คุณเพ็ญเสียใจ? ไม่ใช่เพราะผมแน่ๆ ครับ คนอย่างวิทวัสไม่ทำร้ายจิตใจผู้หญิง มีแต่คุณเพ็ญจะทำให้ผมเสียใจต่างหาก”
พูดพลางนึกถึงเรื่องที่ถูกปฏิเสธแล้วก็ถึงกับหน้าสลด
“ตกลงมันยังไงวะ เอ็งกับยัยเพ็ญมีเรื่องอะไรกันแน่
“เอ่อ คือผม ผมเพิ่งบอกรักคุณเพ็ญ แต่คุณเพ็ญเธอปฏิเสธผมครับ”
กอล์ฟทำหน้างง “อ้าว งั้นคนอกหัก ก็ต้องเป็นคุณวัสนะสิ”
“นั่นสิ แล้วทำไมยัยเพ็ญถึงมีอาการแบบนั้นล่ะ”
วิทวัสได้แต่ทำตาปริบๆ
ทางด้านพรเพ็ญก็หาโอกาสถามเดือนฉายทันทีเมื่ออยู่กันตามลำพัง
“แม่ขา แม่เคยคิดถึงคนคนบางคน ทั้งที่รู้ว่าเราไม่ควรคิดถึงเค้าไหมคะ การที่เราห้ามใจตัวเองไม่ได้ มันผิดมากไหมคะแม่”
เดือนฉายส่ายหน้ายิ้มๆ
“ไม่ผิดหรอกลูก ใจคนมันเป็นของบังคับไม่ได้นี่จ๊ะ บางทีเราก็จำคนที่เราอยากลืม แล้วก็รักคนที่เราควรเกลียดด้วยซ้ำ”
พรเพ็ญได้ยินคำตอบก็รู้สึกสะดุดหู
“แม่หมายถึงพ่อใช่ไหมคะ แม่ยังคิดถึงพ่อใช่ไหมคะ แม่ยังรักพ่ออยู่ใช่ไหม”
“ไม่จ้ะ แม่แค่ตอบคำถามของหนูเฉยๆ ไม่เกี่ยวกับคนอื่น แม่จะไปทำบัญชีต่อแล้วล่ะ”
พูดจบก็รีบเดินเลี่ยงไปทันที
ส่วนทางเอกสิทธิ์ที่เริ่มจะเดินขึ้นได้บ้างแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถามเพ็ญพรถึงเดือนฉายเพ็ญ
“แม่เขาเคยพูดถึงพ่อบ้างไหม”
เพ็ญพรนิ่งเงียบแทนคำตอบ ทำเอาพ่อถึงกับสลด
“เขาคงโกรธมาก พ่อทำให้เขาเสียใจ พ่อมันโง่”
“อย่าคิดมากค่ะพ่อ หนูรู้ว่าพ่อไม่ได้ตั้งใจ ทุกอย่างเป็นเพราะคนชั่วพวกนั้นต่างหาก แต่พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะเล่นงานพวกมัน”
“ระวังตัวนะลูก ถ้าหนูเป็นอะไร พ่อคง..”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ลูกสาวพ่อเก่ง” เพ็ญพรพูดพร้อมกับกอดพ่อไว้แน่น “สักวัน ครอบครัวเราจะต้องกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตานะคะ”
พอเพ็ญพรเดินออกมาจากห้อง ก็เจอสุดาพอดี ทั้งคู่ต้องพยายามทำตัวไม่สนิทสนมกัน เพราะเกรงว่าคนอื่นจะจับได้ ก่อนจะแอบหลบมุมมาคุยกัน
“กลุ้ม ยังหาหลักฐานไม่เจอเลย ยัยวาทินีดันหนีไปแล้ว”
“อ้าว แล้วทำไมแกไม่บอกให้พี่ตรัยช่วยล่ะ”
พอได้ยินชื่อตรัย เพ็ญพรก็ทำหน้าอึกอัก จนอีกฝ่ายสังเกตเห็น จังหวะนั้นคนที่ถูกพูดถึงก็เดินเข้ามาพอดี
“ยัยดา ลืมมือถือไว้ในรถพี่อีกแล้วนะ”
พอหันไปเห็นเพ็ญพร ต่างคนต่างก็ทำหน้าเก้อๆ ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายเดินเลี่ยงไปก่อน ส่วนสุดาก็หันมาคาดคั้นถามพี่ชายว่าเกิดอะไรขึ้น ตรัยรีบปฏิเสธ แต่สีหน้ามีพิรุธ
ขณะที่เคนก็พยายามหาทางพิสูจน์ว่าวิทวัสรักพรเพ็ญจริง ด้วยการให้เขาผ่านด่านทดสอบ 3 ด่าน เริ่มจาก
“ด่านแรก ทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกาย เริ่มจากวิดพื้นสองร้อยที ปฏิบัติ”
สิ้นเสียงนกหวีด วิทวัสเริ่มวิดพื้นทันที โดยมีกอล์ฟคอยเชียร์ ตามด้วยซิทอัพ ยกน้ำหนัก วิ่งจับเวลา ฯลฯ ตามคำสั่ง กว่าจะผ่านไปได้ ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ
“ด่านที่สอง ทดสอบเสน่ห์ปลายจวัก ทำอาหารโปรดของยัยเพ็ญ 5 อย่างใน 45 นาที เริ่ม”
วิทวัสลงมือทำกับข้าวสุดฝีมือ โดยมีกอล์ฟทำหน้าที่ชิม ที่สุดก็ผ่านด่านนี้ไปได้
“และด่านสุดท้ายที่สำคัญที่สุดการทดสอบว่าเอ็งคือสุภาพบุรุษที่ดูแลหลานข้าได้ สมมติว่าเจ้ากอล์ฟคือยัยเพ็ญที่อยู่ในสถานการณ์ต่างๆ ได้แก่..”
ด่านนี้เคนสมมติให้กอล์ฟแกล้งจำลองสถานการณ์ต่างๆ เพื่อจะดูว่าวิทวัสจะปกป้องดูแลพรเพ็ญอย่างไร กระทั่งถึงเหตุการณ์สุดท้ายที่กอล์ฟแกล้งมีอาการลมบ้าหมูกำเริบจนหมดสติ วิทวัสทำท่าจะผายปอดให้ แต่เคนรีบร้องห้าม พร้อมกับบอกว่าผ่าน
“จริงนะครับคุณตา ผมเป็นหลานเขยของคุณตาได้แล้วใช่มั้ยครับ”
เคนพยักหน้า “ได้ซิ ถ้ายัยเพ็ญมันยอมนะ”
วิทวัสกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ
เคนหาทางช่วยให้วิทวัสสมหวัง ด้วยการแกล้งบอกพรเพ็ญว่าเขาป่วย แล้วก็ให้เธอเป็นตัวแทนไปเยี่ยม ขณะที่เดือนฉายแอบมองพ่ออย่างสงสัย
เวลาเดียวกันนั้นเอง สุดาก็ยังคงคาดคั้นถามตรัยถึงเรื่องของเพ็ญพร แต่อีกฝ่ายไม่ยอมบอกาเหตุ ได้แต่ปรึกษากลับว่าจะหาวิธีง้ออย่างไรให้เธอใจอ่อน
วิทวัสแกล้งทำหน้าซูบซีด เมื่อเห็นพรเพ็ญถือกระเช้าของเยี่ยมเดินนำหน้ากอล์ฟเข้ามาเยี่ยมถึงบ้าน“ผมดีใจที่คุณมาเยี่ยมผม นึกว่าชาตินี้คุณจะไม่มองหน้าผมแล้ว”
พูดพลางคว้ามือเธอมากุมไว้ แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าแปลกใจ
“คุณบอกว่าคุณมีไข้ แต่ทำไมตัวไม่ร้อนเลยคะ หน้าก็ไม่แดง เหงื่อไม่ออก แถมเสียงก็ไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด”
กอล์ฟเห็นท่าไม่ได้การ เลยแกล้งสรุปว่าสงสัยเป็นเพราะเขากินยาลดไข้ไปแล้ว วิทวัสรีบตามน้ำ
“ใช่ครับ ผมกินยาแล้วไข้เลยลด แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีแรง ผมปวดท้อง ปวดหัว แล้วก็ปวดตัวไปหมดเลย”
พรเพ็ญตกใจจะรีบพาเขาไปโรงพยาบาล แต่วิทวัสก็อ้างว่ายิ่งไปก็ยิ่งอาการหนัก กอล์ฟเลยทำทีอาสาไปตามหมอให้ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง
พรเพ็ญพยุงวิทวัสมานอนในห้อง พลางห่มผ้าให้ แล้วก็หาปรอทมาวัดไข้ ก่อนจะเห็นว่าไข้ลดแล้วอย่างที่เขาบอกจริงๆ
“ไข้ลดแล้วจริงๆ ด้วย แต่คุณยังต้องนอนพักก่อนนะ แล้วนี่ได้ทานข้าวหรือยังคะ หิวไหม”
วิทวัสรีบอ้อนทันที
“สักเม็ดก็ยังไม่ตกถึงท้องเลยครับ ตอนนี้ผมหิวมาก”
“งั้นรอเดี๋ยว ฉันจะต้มข้าวต้มให้นะคะ”
พรเพ็ญพูดพลางรีบเดินออกไป วิทวัสมองตาม แล้วก็อมยิ้ม เมื่อนึกถึงเคน ที่เป็นคนออกอุบายให้เขาทำทีเป็นแกล้งป่วย
พอพรเพ็ญยกถาดใส่ชามข้าวต้มเข้ามา วิทวัสก็รีบแกล้งหลับ พอถูกปลุกขึ้นมา ก็ทำเป็นสำออย ให้อีกฝ่ายป้อน ก่อนที่เขาจะกินไป อมยิ้มไปอย่างมีความสุข
อาภาพรเดินออกจากห้องนอน พลางเดินหาตรัยรอบบ้าน จนสโรชานึกหมั่นไส้
“พวกแกนอนห้องเดียวกันยังไงถึงไม่เจอหน้ากัน”
“ก็ไม่รู้สิคะ พักนี้ภาเพลียๆ ชอบหลับก่อนพี่ตรัยเข้าห้อง แล้วพอตื่นมา พี่ตรัยก็ออกไปแล้ว สงสัยจะแพ้ท้องมั้งคะ แบบว่าลูกอยากให้นอนเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ”
อาภาพรพูดไปก็หาวไป จนสโรชาแปลกใจ
“แพ้ท้องบ้าอะไรของแก ฉันไม่เคยเห็นคนแพ้ท้องแบบนี้ อาการเหมือนคนเมายานอนหลับมากกว่า
“แต่ภาไม่เคยกินยานอนหลับนะคะ”
“ฉันจะไปรู้เหรอ แกอาจจะกินมันเข้าไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้”
พูดจบสโรชาก็คว้านิตยสารมาอ่านต่อ
ขณะที่อาภาพรเริ่มเอะใจบางอย่าง
อ่านต่อตอนที่ 13