บ้านศิลาแดง ตอนที่ 11
ตรัยตัดสินใจวิ่งหนีขึ้นไปยังชั้นบน ก่อนที่จะได้ยินเสียงกรีดร้องของอาภาพรดังลงมาจากหัวบันได เชาว์กับวาทินีรีบวิ่งตามเสียงมาไป สโรชามองอย่างสงสัย ก่อนจะรีบวิ่งตามขึ้นไปอีกคน
ตรัยพยายามจะหยุดอาภาพรที่กรี๊ดไม่หยุด อีกฝ่ายออกฤทธิ์ทั้งดิ้นทั้งข่วนสุดแรงเกิด
“กล้าดียังไงมาถูกตัวชั้น ไอ้บ้า”
ตรัยพยายามปิดปากอาภาพรแล้วลากเข้าไปหลบในห้อง
“เอามือสกปรกของแกออกไปจากตัวฉันนะ”
เขาตัดสินใจถอดวิกออก
“น้องภา นี่พี่เองครับ”
อีกฝ่ายหยุดกรี๊ด สีหน้าตกตะลึง
“พี่ตรัย พี่ตรัยจริงๆ ด้วย”
สโรชา เชาว์และวาทินี ที่วิ่งตามต่างก็ตกใจ ตรัยหน้าเจื่อน จะเอาตัวรอดไงล่ะทีนี้?
ตรัยถูกถอดวิกดึงไฝออกเรียบร้อย ลุงเติมกับป้าแจ่มนั่งหน้าเจื่อนอยู่ใกล้ๆ ทุกคนอยู่กันครบ เพ็ญพรที่เข้ามาถึงในบ้าน รีบหาที่หลบแอบมอง
สโรชาจ้องหน้าตรัยอย่างเอาเรื่อง
“จะบอกได้หรือยังว่าปลอมตัวเข้ามาในบ้านฉันทำไม”
ลุงเติมกับป้าหน้าเสีย ตรัยรีบอธิบาย
“ลุงเติมกับป้าแจ่มไม่เกี่ยว ผมบังคับพวกเขาเอง”
เชาว์ถามต่อทันที
“เพื่ออะไร ถึงกับปลอมตัวเข้ามาเลยนะ บ้านนี้มีอะไรดึงดูดนายนักเหรอ”
ตรัยอึกอัก ทันใดนั้นอาภาพรก็โพล่งขึ้นมา
“สิ่งที่ดึงดูดพี่ตรัย ก็ภาไงคะ ไม่เห็นต้องถามเลย พี่ตรัยแอบเข้ามาที่นี่เพราะคิดถึงภา พี่ตรัยอยากเห็นหน้าภา ใช่มั้ยคะ”
ตรัยรีบตามน้ำ “ใช่ ใช่ครับ”
เชาว์ยังไม่ค่อยเชื่อนัก
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ ถ้าแกมาหายัยภา แล้วแกไปทำลับๆ ล่อๆ ในห้องเก็บของทำไม”
“ก็ ผมต้องหาที่นัดเจอน้องภา ในบ้านมันไม่สะดวก”
ณัฐพงษ์ทำหน้าสงสัย อาภาพรได้ที รีบฉวยโอกาส
“ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว พี่ตรัยบอกความจริงทุกคนเถอะค่ะ”
ตรัยทำหน้างง “ความจริงอะไรครับ”
“ก็ความจริง ที่พี่ตรัยเป็นสามีภาไงคะ”
ทุกคนตกใจอ้าปากค้าง เพ็ญพรตกตะลึงช็อก
“ไม่จริง นี่แกไปได้กับมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”
อาภาพรหัวเราะร่วน
“แหม ถ้าคุณแม่รู้เรื่อง ภาก็อดได้สิคะ เลิกคาดคั้นพี่ตรัยได้แล้วค่ะ ที่พี่ตรัยต้องปลอมตัวเข้ามาในบ้านเรา ก็เพื่อมาหาภากับลูกเท่านั้นเอง”
“ยัยภา เมื่อกี้แกพูดว่ายังไงนะ”
“ภาท้องกับพี่ตรัย เกือบ 3 เดือนแล้วค่ะ”
สโรชาหน้ามืดจะเป็นลม ตรัยอึ้ง จนพูดอะไรไม่ออก พอหันไปอีกทาง ก็เห็นเพ็ญพรที่แอบมองอยู่ ทำหน้าผิดหวัง แล้วรีบเดินหนีไปเลย
เชาว์โยนกระเป๋าเสื้อผ้าของตรัยในคราบนายตูบเข้ามาในห้องนอนของอาภาพร ขณะที่สโรชายืนดมยาดมอยู่ข้างๆ ตรัยพยายามซ่อนอาการเครียด ขณะที่อาภาพรยืนเกาะแขนเขา สีหน้าระรื่น
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ ที่ไม่พรากความรักของภา”
สโรชามองลูกสาวอย่างนึกเคืองๆ แล้วสะบัดหน้าพรืดเดินออกไป เชาว์มองตรัยอย่างไม่ไว้ใจ แล้วเดินตามออกไป
ทันทีที่ประตูปิดลง ตรัยก็ถึงกับเข่าทรุด
“ทำไมทำแบบนี้ครับน้องภา”
“ก็เพื่อช่วยพี่ตรัยไงคะ แล้วภาก็ทำสำเร็จด้วย ไม่ดีเหรอคะ”
อาภาพรนัยน์ตาวาววับ ตรงข้ามกับตรัยที่กุมขมับ หน้าเครียด
ทางด้านสโรชาก็หลบมุมออกมาคุยกับเชาว์ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ต่างฝ่ายต่างไม่เชื่อว่าตรัยจะมีอะไรกับอาภาพรจริง แต่ก็ไม่พูดไม่ออก
จำต้องยอมให้ตรัยอยู่ร่วมห้องกับลูกสาวอย่างไม่มีทางเลี่ยง
“น้องภาไม่น่าโกหกทุกคนแบบนั้น”
ตรัยหันมาบอกกับอาภาพรด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วจะให้ทำไงคะ ถ้าไม่พูดแบบนั้น พี่ตรัยก็ถูกไล่ออกจากบ้านนะสิ แล้วบางทีคุณแม่ก็อาจเล่นงาน พี่ตรัยจนถูกไล่ออกด้วย”
“พี่ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ทำแบบนี้ น้องภาจะเสียหาย”
อาภาพรยิ้มระรื่น ก่อนจะเอียงหน้าซบอีกฝ่าย
“ถ้าพี่ตรัยเกรงใจ ก็ชดใช้ให้ภาสิคะ ภาไม่ขออะไรมาก แค่ได้อยู่ใกล้ๆ พี่ตรัยก็พอ หรือพี่ตรัยไม่สบายใจที่ต้องโกหก งั้นเราก็มาหาทางแก้ไขเรื่องนี้กัน ดีมั้ยคะ”
“น้องภาจะบอกความจริงกับทุกคนใช่ไหมครับ”
อาภาพรเริ่มไล้มือไปตามเนื้อตัวของตรัย อีกฝ่ายขนลุกซุ่ รีบขยับหนี
“เปล่าค่ะ ภาจะทำให้มันเป็นเรื่องจริงต่างหาก ที่จริงภาก็ชอบเด็ก ยิ่งเป็นลูกของพี่ตรัย ก็คงน่ารักมากเลยนะคะ พี่ตรัยว่าจริงไหมคะ”
“เอ้อ พี่ พี่ ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
ขาดคำ ตรัยก็รีบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำปิดประตูปัง อาภาพรหัวเราะคิกคักๆ อยู่คนเดียวอย่างมีความสุข
ทางด้านเพ็ญพรก็นั่งคุยวิดีโอคอลล์กับสุดา ไม่พอใจที่ตรัยหาทางเอาตัวรอดด้วยวิธีนี้
“ใจเย็น พี่ตรัยเค้าแค่ตามน้ำไม่ใช่เหรอ แต่ว่าไป ยัยอาภาพรก็หัวไวดีนะ เป็นฉันคงนึกไม่ทันหรอก”
“ฉันก็คิดไม่ทันเหมือนกัน มุกเนียนๆ แบบนี้ฉันไม่ถนัด”
สุดายิ้มขำ “เออ แล้ว แกจะเครียดทำไม พี่ตรัยรอดได้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แน่ใจเหรอว่ารอด โดนหิ้วเข้าห้องไปแล้วเนี่ยนะ”
“เฮ้ย นี่แกหึงพี่ชายฉันป่ะเนี่ย”
เพ็ญพรตกใจ รีบแก้ตัว
“เปล่านะ ฉันไม่ได้หึงสักหน่อย”
พูดพลางส่ายหัวดิกๆ ทำหน้าขึงขัง แต่แววตาไม่มั่นใจเอาซะเลย
อาภาพรจัดเสื้อผ้าหน้าผม ปะพรมน้ำหอมจนพอใจ พลางบิดตัวซ้อมโพสท่าหน้ากระจก แล้วก้าวออกจากห้องน้ำเพื่อไปหาตรัย ขณะที่เขากำลังจะออกจากห้องพอดี
“ไม่ได้ค่ะพี่ตรัย คืนนี้ห้ามออกจากห้องภาเด็ดขาดนะคะ ถ้าคุณแม่จับได้ขึ้นมา อนาคตพี่ตรัยจบสิ้นเลยนะคะ”
ตรัยถอนใจ เดินกลับไปนั่งเซ็งที่เตียง
“แต่พี่ไม่ควรนอนห้องเดียวกับน้องภา”
อาภาพรยักไหล่แบบไม่แคร์ แถมยังเข้าประชิดตัวนัวเนียกับอีกฝ่ายแบบถึงเนื้อถึงตัว จนตรัยต้องรีบวิ่งหนีมาชิดหน้าต่าง แต่อีกฝ่ายยังตามมานัวเนียไม่เลิก
เพ็ญพรมายืนซุ่มแอบดูอยู่ในสวน เห็นทั้งคู่นัวเนียกันผ่านทางหน้าต่างห้องอาภาพร ก็กำหมัดแน่น สีหน้าเคืองสุดๆ
“เนี่ยเหรอแค่ตามน้ำ เต็มใจสุดๆ ล่ะไม่ว่า”
ในที่สุดอาภาพรก็ลากตรัยมาที่เตียงจนได้ พลางอาสาจะนวดให้ แต่เขากลับขอเป็นฝ่ายนวดให้แทน นวดไปได้ครู่เดียว อาภาพรก็ม่อยหลับไป เขารีบเผ่นออกมา จะกลับห้องตัวเอง จนเกือบชนกับเพ็ญพรที่กำลังเดินกลับเข้าห้องเช่นกัน
“อ้าว ทำไมไม่อยู่ในห้องกับเมียคุณล่ะ”
ตรัยถอนใจเฮือก
“โธ่คุณ อย่าพูดให้เครียดกว่านี้เลยนะ ผมปวดหัวจะตายอยู่แล้ว”
“สม วิธีเอาตัวรอดมีตั้งแยะ ไม่รู้จักใช้”
“ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออกนี่คุณ รู้แต่ไม่อยากให้ลุงเติมกับป้าแจ่มเดือดร้อนไปด้วย น้องภาพูดอะไร ผมก็เลยเออออไปก่อน”
เพ็ญพรเห็นสีหน้าตรัยที่กลุ้มจริงๆ ก็เปลี่ยนท่าที
“เอาเหอะ แล้วนี่คุณจะทำไงต่อไปล่ะ”
“คงต้องเลยตามเลยไปก่อน ผมจะพยายามเคลียร์เรื่องนี้ให้เร็วที่สุด คุณจะได้สบายใจนะครับ โอเค. มั้ย”
เพ็ญพรลืมตัวเผลอตอบรับ ก่อนจะนึกขึ้นได้ รีบพูดเฉไฉ
“ก็แล้วแต่คุณสิ ทำไมต้องคิดว่าฉันไม่สบายใจด้วย ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
ตรัยยิ้มขำ ก่อนจะเดินเลี่ยงไป แต่ไม่วายหันกลับมาพูดแหย่ทิ้งท้าย
“ฝันดีนะครับ อย่าคิดมาก อย่าหึงมาก เดี๋ยวนอนไม่หลับ”
อาภาพรงัวเงียตื่นขึ้นมา เมื่อไม่เห็นตรัยในห้องก็ร้องโวยวายเสียงดัง ก่อนจะรีบวิ่งออกมาตามหาถึงสวน
“พี่ตรัย ภาใจหายหมดเลย นึกว่าพี่ตรัยหนีไปแล้ว”
“พอดีพี่ตื่นก่อน ก็เลยออกมาเดินเล่นน่ะครับ”
“พี่ตรัยอ่ะ อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ ภาใจหาย”
พูดพลางก็กอดซบตรัย เพ็ญพรที่กำลังจะไปทำงาน เดินผ่านมามองอย่างไม่พอใจ อดไม่ได้ที่จะพูดแขวะ
“แต่เช้าเลยนะ ไม่รู้จักอายผีสางเทวดา”
“ทำไมยะ อิจฉาเหรอ”
จากนั้นก็กอดเขาแน่นกว่าเดิม เพ็ญพรมองค้อน แล้วออกไป ตรัยหน้าเจื่อน
ทางด้านพรเพ็ญเข้ามาดูอาการของเอกสิทธิ์ในห้องตามปกติ เห็นพ่อตัวร้อนจี๋ก็ตกใจ
“คุณพ่อ ทำไมตัวร้อนอย่างนี้ละ แม่คะ กอล์ฟ ใครอยู่แถวนี้บ้างมาช่วยกันหน่อยค่ะ”
เอกสิทธิ์นอนหลับไม่ได้สติ พรเพ็ญยิ่งร้อนใจ
เพ็ญพรนั่งอ่านเอกสารอยู่ที่ห้องทำงาน พลางมองไปที่โต๊ะของณัฐพงษ์ ที่ยังไม่มาทำงานก็ยิ้มเหยียด ครู่หนึ่งเจ้าหน้าที่ก็ถือเอกสารเข้ามาวางที่โต๊ะของอีกฝ่าย เธอมองอย่างอยากรู้ว่าเอกสารอะไร พอเจ้าหน้าที่เดินออกไป เธอก็รีบลุกจะไปดู แต่กลับเผลอปัดแก้วตกแตก พร้อมกับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ก่อนที่จะโทร. ไปขอความช่วยเหลือ ให้สุดาไปดูพ่อที่บ้านสวนให้
อีกด้านหนึ่งเดือนฉายและพรเพ็ญช่วยกันเช็ดตัวให้เอกสิทธิ์ที่เป็นไข้สูง นอนไม่ได้สติ กระสับกระส่าย แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จน 2 แม่ลูกต่างเป็นกังวล
“โทร. ตามหมอดีไหมคะแม่”
“แล้วหนูจะตามหมอที่ไหนมาล่ะ”
“มีอยู่คนหนึ่งค่ะ แต่...”
พรเพ็ญชะงัก สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
หมอรุจน์รับสายโทรศัพท์ในเวลาไม่นานต่อมา ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“จะให้ผมไปดูอาการคุณเอกสิทธิ์หรือครับ ได้สิครับ ให้ไปที่ไหนนะครับ”
หมอหนุ่มวางสาย พลางพึมพำกับตัวเองอย่างฉงนฉงาย
“บ้านสวนเสาวรส สวนใคร ทำไมคุณเอกสิทธิ์ไปอยู่ที่นั่นล่ะ”
อ่านต่อหน้า 2
บ้านศิลาแดง ตอนที่ 11 (ต่อ)
ด้านสุดากำลังขับรถมาตามทาง แต่จู่ๆ รถก็เกิดอาการกระตุกๆ ก่อนที่เครื่องจะดับไปหน้าตาเฉย เธอรีบออกไปยืนโบกรถ แต่กลับไม่มีใครจอดให้ กระทั่งเห็นรถอีกคันกำลังแล่นมา เธอรีบตัดสินใจกระโดดออกไปขวางรถทันที
หมอรุจน์ขับรถวิ่งตรงมา ขณะกำลังใจลอยสงสัยเรื่องเอกสิทธิ์ เห็นผู้หญิงโดดออกมาขวางหน้ารถก็ตกใจ รีบเหยียบเบรกจนตัวโก่ง ก่อนจะเปิดประตูรถลงมาด่า แต่พอเห็นเป็นสุดาก็ตกใจ
“นี่เธออีกแล้ว”
สุดาก็ตกใจไม่แพ้กัน
“อุ้ย หมอ ยังกับบุพเพสันนิวาสเลยเนอะ”
ระหว่างที่นั่งในรถด้วยกัน หมอรุจน์ที่ยังข้องใจไม่หาย ก็รีบหันมาถามสุดาทันที
“ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณพรกับคุณเอกสิทธิ์ถึงไปอยู่ที่นั่น ผมรู้จักพวกเค้ามาก็นาน ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อสวนอะไรนี่เลย”
สุดาตกใจ รีบตอบเลี่ยงๆ ก่อนจะตัดบท บอกให้อีกฝ่ายรีบขับรถต่อไป แต่ปรากฏว่ารถกลับตกหล่มขนาดใหญ่ พรเพ็ญที่รออยู่ที่หน้าบ้านสวนอยู่นาน หมอรุจน์ก็ยังมาไม่ถึง ก็ยิ่งกระวนกระวายใจ
สุดากับหมอรุจน์ผลัดกันขับ ผลัดกันเข็นรถจะขึ้นจากหล่ม แต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเห็นรถอีแต๋นขับผ่านมาพอดี
“หมอๆ ฉันว่าเราไม่ต้องเข็นแล้วล่ะ”
สุดาพูดพลางรีบโบกมือให้จอด ก่อนที่รถอีแต๋นจะพาทั้งคู่มาถึงบ้านสวนในสภาพสะบักสะบอม
หมอรุจน์ตรวจดูอาการเอกสิทธิ์เรียบร้อย ก็รีบแจ้งอาการว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา และได้ฉีดยาลดไข้ให้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหันมาถามพรเพ็ญในสิ่งที่ค้างคาใจ
“ที่นี่สวนใครหรือครับ ทำไมคุณพรถึงพาคุณเอกสิทธิ์มาอยู่ที่นี่”
พรเพ็ญอึ้ง แอบสบตาสุดา ก่อนที่จะตัดสินใจพูดความจริง
“สวนของแม่ฉันเองค่ะ อย่าเพิ่งถามอะไรเลยนะคะ ตอนนี้ฉันยังไม่สะดวกที่จะตอบ”
“ขอโทษครับคุณพร ผมแค่สงสัยก็เลยถาม ถ้าคุณพรไม่สะดวกจะเล่าตอนนี้ ก็ไม่ต้องหรอกครับ”
พรเพ็ญยิ้มให้
“ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ สักวันถ้ามีโอกาส ฉันจะเล่าให้หมอฟังแน่ๆ ว่าแต่วันนี้หมอจะรีบกลับหรือเปล่าคะ ถ้าไม่รีบ ฉันจะเอาเสื้อผ้าที่เปื้อนไปซักให้”
พูดพลางลุกจะเดินออกไป แต่อีกฝ่ายรีบดึงมือไว้
“ไม่ต้องหรอกครับคุณพร”
จังหวะนั้นวิทวัสก็โผล่พรวดเข้ามาพอดี
“ขอโทษทีครับ นี่ผมเข้ามาขัดจังหวะพวกคุณรึเปล่าเนี่ย”
พรเพ็ญดึงมือคืนทันที รู้สึกเก้อๆ หมอรุจน์หันไปมองวิทวัสอย่างข้องใจ อีกฝ่ายมองตอบ สีหน้าท่าทางออกอาการไม่พอใจเต็มๆ
ขณะที่สุดาเดินเลี่ยงออกมาในสวน เพื่อโทร. รายงานเพ็ญพร
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะแพร์รี่ ทุกอย่างที่นี่โอเค. พ่อเธอแค่เป็นหวัดนิดหน่อย หมอรุจน์ฉีดยาให้แล้ว เดี๋ยวก็หาย ว่าแต่ทางโน้นเป็นไงบ้าง”
“ก็โอเค. ทุกอย่างเรียบร้อยดี อีกสักพักคุณลุงทนายคงมาถึง”
เพ็ญพรพูดไป มือก็จัดเตรียมแฟ้มเอกสารไปด้วย
“งั้นก็ขอให้โชคดีนะ เสียดายจัง อยากมีส่วนร่วมในเหตุการณ์หนุกๆ มั่งอ่ะ”
สุดากดวางสาย ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้าน แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อเห็นหมอรุจน์ นั่งคุมเชิงอยู่กับวิทวัส ต่างคนต่างดูไม่กินเส้นกันเท่าไหร่
พรเพ็ญนั่งตาปริบๆ ก่อนจะหันไปทางสุดาอย่างขอความช่วยเหลือ ฝ่ายหลังรีบเร่งให้หมอรุจน์กลับแต่อีกฝ่ายอ้างว่าไม่มีรถ
วิทวัสจ้องหน้าหมอรุจน์อย่างไม่ถูกชะตา
“คุณทำเหมือนสนิทกับคุณเพ็ญมากเลยนะ แปลกจริง ผมเข้าออกบ้านนี้มาตั้งนาน ไม่เคยมีใครพูดถึงคุณให้ได้ยินเลย”
“ผมเป็นหมอประจำตัวของพ่อคุณพร และผมก็ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงคุณเหมือนกัน”
วิทวัสทำหน้ากวน
“เพราะคุณเพ็ญไม่ชอบเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นฟังมั้งครับ”
“แล้วคุณสนิทกับคุณพรมากเหรอครับ”
หมอรุจน์ย้อนถามกลับ พรเพ็ญรีบอธิบาย
“เอ่อ คุณวิทวัสเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของแม่ฉันค่ะ”
“ทำไมเขาถึงเรียกคุณพรว่าเพ็ญล่ะครับ ผมไม่เคยเห็นใครเรียกคุณแบบนี้เลย”
หมอรุจน์ไม่วายสงสัย
“คนที่นี่เขาเรียกคุณเพ็ญว่าเพ็ญกันทั้งนั้น มีแต่หมอนั่นแหละเรียกแปลกๆ”
พรเพ็ญกับสุดาหันมองหน้ากันแบบลำบากใจ จังหวะนั้นเดินฉายก็เดินเข้ามาพอดี
“คุณหมอ อาหารเที่ยงเสร็จแล้ว อยู่ทานข้าวกันก่อนนะคะ อ้าว ตาวัส มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ”
“ผมหิวพอดีเลยครับ วันนี้มีอะไรทานบ้างครับ”
วิทวัสพูดพลางรีบลุกเข้าไปหาเดือนฉาย โชว์ความสนิทสนม
พรเพ็ญกับสุดาหน้าเครียดกันทั้งคู่
ณัฐพงษ์ถูกตามตัวด่วนเข้ามาในห้องประชุม ก่อนที่ทนายสมศักดิ์จะรีบแจ้งต่อหน้าเพ็ญพร และกรรมการบริษัททุกคน
“ที่ผมเรียกมาประชุมด่วนในวันนี้ เพราะผมพบปัญหาบางอย่างที่ร้ายแรง และคิดว่าเราทุกคนต้องช่วยกันแก้ไข”
พูดพลางส่งสำเนาเอกสารให้ทุกคน
“มีการยักยอกเงินในบริษัทครับ”
ณัฐพงษ์สะดุ้งเฮือก เพ็ญพรลอบสังเกตอาการอย่างสะใจ
ขณะนั่งร่วมวงทานข้าวด้วยกัน ทั้งวิทวัสทั้งหมอรุจน์อย่างก็พยายามพูดจาโชว์ว่าตนเหนือกว่าอีกฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องความชอบส่วนตัวของพรเพ็ญ ซึ่งฝ่ายวิทวัสเข้าใจว่าเป็นเพ็ญพร สุดาเห็นท่าไม่ได้การ รีบเร่งให้หมอรุจน์กลับ วิทวัสรีบอาสาจะหารถมาช่วยลากรถขึ้นจากหล่มให้
เคนหันมาสบตากับเดือนฉายอย่างพอจะเข้าใจสถานการณ์
รถของหมอรุจน์ถูกลากขึ้นมาจากหล่มเรียบร้อย วิทวัสได้ที รีบพูดเป็นเชิงไล่
“ทีนี้ก็ไปได้แล้วนะครับคุณหมอ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ”
หมอรุจน์มองอย่างแอบเคือง
“ขอบคุณ แต่คราวหน้าไม่ต้องก็ได้นะครับ”
“ไม่ได้หรอกครับ พอดีผมเป็นพวกคนดีมีน้ำใจชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ตกยาก คุณหมอรีบไปเถอะ เดี๋ยวคุณสุดาไปทำธุระไม่ทัน”
จากนั้นก็หันไปพยักเพยิดกับกอล์ฟ ก่อนจะขึ้นรถ แล้วขับกลับบ้านสวน ส่วนหมอรุจน์รีบหันมาถามข้อมูลจากสุดาทันที
“คุณเคยเจอหมอนี่รึเปล่า เค้าสนิทกับคุณพรมากเหรอ หมอนั่นจีบคุณพรเหรอ”
สุดามองค้อน ก่อนจะรีบพูดประชด
“ใช่ แล้วก็มีแววจะจีบติดด้วย จบป่ะ จะเลิกถามแล้วขึ้นรถได้ยัง ฉันอยากกลับแล้วนะ”
หมอรุจน์จำต้องรีบเข้าประจำที่คนขับ แล้วขับออกไปอย่างเสียไม่ได้ สุดาแอบเบือนหน้าไปทางอื่น พลางยิ้มอย่างสะใจนิดๆ
ทางด้านที่บ้านศิลาแดง ขณะที่ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่ที่โต๊ะอาหาร โดยที่อาภาพรคลอเคลียอยู่กับตรัยไม่ห่าง จู่ๆ เพ็ญพรก็เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ว่าง ข้างๆ ณัฐพงษ์ สโรชาหันไปแว้ดใส่ทันที
“นั่นแกจะทำอะไร ฉันบอกให้แกตักข้าว ไม่ใช่ให้มานั่งร่วมโต๊ะกับฉัน”
“แหม ครอบครัวสุขสันต์ซะขนาดนี้ ลูกเลี้ยงของบ้านนี้จะพลาดได้ยังไง จริงมั้ยคะพี่ณัฐขา”
พูดพลางทำตาหวานใส่ จนณัฐพงษ์ถึงกับเคลิ้ม สโรชามองค้อนอย่างไม่พอใจ ส่วนตรัยก็มองเพ็ญพรอย่างกังวลใจ แต่อีกฝ่ายกลับมองตอบอย่างหมั่นไส้ ที่เห็นเขาตัวติดกับอาภาพร
อาภาพรพยายามตักอาหารเอาใจตรัย พออีกฝ่ายปฏิเสธ เธอก็เผลอหลุดพูดออกมาอย่างขัดใจ
“แต่น้องภาท้องอยู่ พี่ตรัยห้ามขัดใจน้องภานะคะ ถ้าน้องภาไม่พอใจ น้องภาอาจจะพูดอะไรที่ไม่สมควรพูดก็ได้”
พลางจ้องหน้าเป็นเชิงบังคับให้อีกฝ่ายตามใจ ตรัยจำใจต้องยอมทำตาม เชาว์กับสโรชาแอบมองหน้ากัน สงสัยในสิ่งที่อาภาพรพูด
ส่วนเพ็ญพรก็แอบหึง เลยหันไปทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับณัฐพงษ์ ก่อนจะทำเป็นตักอาหารป้อนใส่ปาก
จากนั้นเพ็ญพรก็ทำหวานใส่ณัฐพงษ์ ส่วนอาภาพรก็ทำหวานใส่ตรัย ประชดอีกฝ่ายไปมา ทำเอาคนที่เหลือส่ายหน้าอย่างเอือมๆ
“ปกติคุณพรไม่เป็นแบบนี้นะครับ แต่พักหลังๆ มานี่เปลี่ยนไปยังกับเป็นคนละคน”
ลุงเติมเผลอพูดกับตรัย ขณะที่อยู่ด้วยกันในห้องครัว อีกฝ่ายรีบพยักหน้ารับ
“ลุงเข้าใจถูกแล้วล่ะครับ”
ลุงเติมทำหน้างง กำลังอ้าปากจะถาม พอดีป้าแจ่มเดินเอาน้ำส้มคั้นใส่แก้วและเหยือกน้ำเปล่ามาให้ เพราะนึกว่าเขาจะเอาไปง้อเพ็ญพร แต่ตรัยกลับพูดหน้าตาเฉยว่าจะเอาไปให้อาภาพร
ทำเอาทั้งลุงเติมกับป้าแจ่มหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
ทางด้านอาภาพรอยู่ในชุดเซ็กซี่ วับๆ แวมๆ ยืนดูตัวเองหน้ากระจกในห้องนอน พลางทำหน้าให้ดูเซ็กซี่ยั่วยวน พร้อมกับคิดในใจว่าจะต้องเผด็จศึกตรัยในคืนนี้ให้จงได้
พอเห็นตรัยเดินถือถาดที่วางแก้วน้ำส้ม กับเหยือกน้ำเปล่าเข้าในห้อง เธอก็รีบกระโดดนอนบนเตียง พร้อมกับทำเสียงออดอ้อนให้เขามานวดให้ แต่อีกฝ่ายกลับบอกให้มาดื่มน้ำส้มก่อน เธอรีบลุกขึ้นมาคว้าแก้วน้ำส้มทำท่าจะดื่ม แต่พอเหลือบเห็นตรัยจ้องมองเขม็งอยู่ ก็นึกเอะใจ ลดแก้วลงจากริมฝีปาก ก่อนจะแกล้งทำทีให้เขาเข้าไปหยิบแหวนจากห้องน้ำให้ จากนั้นก็รีบเทน้ำส้มทิ้งทันที ก่อนจะหยิบเหยือกน้ำมาริมดื่มแทน
พอตรัยเดินออกมาจากห้องน้ำ อาภาพรก็รีบลากไปที่เตียงนอน พร้อมกับรีบผลักลงไปนอน ก่อนจะโถมตัวลงไปหา ทำเอาเขาหลับตาปี๋
“ทำไมยาไม่ได้ผลวะเนี่ย”
พอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็เห็นอาภาพรหลับไปแล้ว โชคดีที่เขาแอบใส่ยานอนหลับทั้งในแก้วน้ำส้ม และเหยือกน้ำเปล่า
“ดีนะที่มีแผนสำรองไว้ ไม่งั้นคืนนี้เราเสร็จแน่ๆ”
พูดพลางพลิกดูนาฬิกาที่ข้อมือ
“ป่านนี้น้องพรจะหลับไปหรือยังนะ”
เพ็ญพรเดินงุ่นง่านหงุดหงิดอยู่ในสวน เพราะมัวแต่คิดถึงภาพใกล้ชิดของตรัยกับอาภาพร พลันสายตาก็เหลือบเห็นณัฐพงษ์กับวาทินียืนคุยกันอยู่ในมุมมืด เธอรีบหลบซุ่มเข้าไปแอบดูอย่างอยากรู้
“เริ่มสนใจแล้วล่ะสิ คุณณัฐ”
“ก็เออสิ รีบเอาของมาเร็วเข้า ฉันจะได้เอาไปปล่อยให้เพื่อนๆ ฉันต่อ”
วาทินีรีบหยิบห่อยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ณัฐพงษ์จะคว้ามา แต่ฝ่ายแรกรีบหดมือหนี
“อย่าใจร้อนนักสิ คุณลูกเลี้ยงขา เรายังไม่ได้ตกลงเรื่องส่วนแบ่งกันเลยนะ”
“ก็คนละครึ่งไง”
“ไม่ได้หรอก ฉันเสี่ยงกว่าคุณเยอะ อย่างนี้ฉันก็เสียเปรียบสิ”
“แล้วเธอจะเอายังไง?”
วาทินียิ้มร้าย
เพ็ญพรพยายามเงี่ยหูฟังทั้งคู่คุยกันอยู่จนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมาจากทางด้านหลัง กระทั่งตรัยเอื้อมมือมาแตะที่บ่า
“คุณทำอะไรอยู่น่ะ”
เธอไม่ทันตั้งตัว จึงเผลออุทานออกมาเสียงดัง วาทินีกับณัฐพงษ์หันขวับมาทางต้นเสียง เพ็ญพรรีบกระชากตรัยให้หลบ แล้วรีบวิ่งออกไปจากที่นั่นทันที จากนั้นก็พากันวิ่งเข้าไปหลบในโรงเก็บอุปกรณ์ทำสวน
วาทินีกับณัฐพงษ์วิ่งตามมาติดๆ ทำท่าจะเปิดประตูเข้าไป ตรัยกับเพ็ญพรยืนเบียดกันในมุมมืด สีหน้าตื่นตระหนก
วาทินีบิดลูกบิด แต่เปิดไม่ออก
“ใครอยู่ข้างในนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
“ลุงเติมอาจจะล็อกไว้ พวกมันคงไม่ได้อยู่ในนั้นหรอกน่า อาจจะเป็นพวกโจรกระจอก คิดจะมาขโมยของ พอเห็นเราสองคนก็ปอดแหก ปีนรั้วหนีไปแล้ว ตกลงเรื่องส่วนแบ่งของเรา จะว่ายังไง”
“หกสิบ สี่สิบ ถ้าคุณไม่ตกลง ฉันก็หาคนปล่อยคนอื่นได้นะ”
ณัฐพงษ์จำใจต้องยอมรับ
“ก็ได้ๆ หกสิบสี่สิบก็ได้ ไหนล่ะของ”
วาทินีรีบยื่นซองยาส่งให้
“พรุ่งนี้เช้าเอาเงินมาให้ครบทุกบาททุกสตางค์ ถ้าทำตัวดีๆ ฉันอาจจะคิดเรื่องส่วนแบ่งใหม่ก็ได้”
ตรัยกับเพ็ญพรเงี่ยหูฟัง พอได้ยินว่าทั้งคู่เดินไปแล้ว ก็ถอนใจอย่างโล่งอก พร้อมกับที่เธอเพิ่งสังเกตว่าเขาแทบจะกอดเธออยู่แล้ว จึงรีบผลักออกอย่างแรง
“คนฉวยโอกาส”
ทางด้านเชาว์ก็แอบย่องมาที่หน้าห้องของพรเพ็ญ แต่พอเคาะเรียกกลับพบว่าไม่มีใครอยู่ พลางทำท่าจะเดินออกไปอย่างหัวเสีย แต่พอหันไปเห็นตรัยกับพรเพ็ญเดินคุยกันมาตามทาง ก็รีบหลบมุมเข้าไปซ่อนตัวทันที
“กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวคุณน้องภาของคุณมาเห็นเข้า ฉันขี้เกียจฟังเสียงกรี๊ดของนางอีก”
“นี่คุณหึงผมเหรอ”
เพ็ญพรเบ้ปาก “หึง? กล้าพูดเนอะ มโนขั้นเทพเลยนะเนี่ย ฝันไปเถอะ ชาตินี้ทั้งชาติก็อย่าหวัง”
ขาดคำก็รีบเดินหนีเข้าเรือนเล็กไป ตรัยยิ้มกริ่มอารมณ์ดี ก่อนจะตะโกนไล่หลัง
“แล้วผมจะคอยดู ผมจะทำให้คุณชอบผมให้ได้”
เพ็ญพรยืนพิงประตูด้านในเรือนแอบอมยิ้ม ขณะที่ตรัยยืนยิ้มกริ่มอยู่หน้าเรือน สีหน้ามีความสุข
อีกมุมหนึ่งเชาว์แอบมองอยู่ สีหน้าครุ่นคิด ก่อนที่จะรีบตรงรี่มาเล่าให้สโรชาฟังทันที
“ฉันเห็นลูกเขยเธอมันไปหาหนูพรถึงที่เลย ท่าทางมัน 2 คนสนิทสนมกันแบบไม่ธรรมดาเลยด้วย”
“หมายความว่าไง หมวดตรัยคั่วทั้งยัยภาแล้วก็นังพรงั้นเหรอ หรือว่ายัยภากำลังถูกไอ้หมอนั่นหลอกใช้เพื่อแฝงตัวเข้ามาในบ้านนี้”
เชาว์ตกใจ
“อะไรนะ แล้วไงล่ะ ตกลงยัยภาท้องกับไอ้หมอนั่นรึเปล่า”
“อยากรู้ก็ต้องหาทางพิสูจน์สิ”
ทั้งคู่หน้าเครียด เริ่มเห็นเค้าลางของปัญหาขึ้นมาทุกที
อ่านต่อหน้า 3
บ้านศิลาแดง ตอนที่ 11 (ต่อ)
เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสโรชากับเชาว์จัดแจงออกคำสั่งจะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล ทำเอาทั้งอาภาพรและตรัยถึงกับตกใจ จนเชาว์ผิดสังเกต
“ทำไมพวกแกถึงไม่อยากหาหมอฮะ หรือพวกแกปิดบังอะไรฉันอยู่”
ตรัยกับอาภาพรรีบปฏิเสธ พร้อมกับที่สโรชาพูดตัดบท
“งั้นก็ไปเตรียมตัวซะ ฉันจะพาแกไปฝากท้องวันนี้เลย”
ทางด้านพรเพ็ญก็เข้ามาปรนนิบัติพ่ออย่างเคย เคนจึงถือโอกาสที่ได้อยู่ตามลำพังกับเดือนฉาย พูดเรื่องเอกสิทธิ์ขึ้นมา
“หนูนึกว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วซะอีกนะคะพ่อ”
“พ่อน่ะรู้แล้ว แต่พ่อจะย้ำให้แกไม่ลืมว่าแต่ก่อนไอ้เอกสิทธิ์มันทำกับแกไว้เจ็บปวดแค่ไหน”
เดือนฉายหน้าขรึม “เรื่องนั้นหนูไม่มีวันลืมหรอกค่ะ”
“ดี แล้วนี่แกคิดจะให้มันอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหน”
“ไม่รู้สิคะ หนูยังไม่ได้คิด”
เคนถอนหายใจ
“ไม่ได้คิด งั้นพ่อคิดให้ ถ้าอาการมันดีขึ้นเมื่อไหร่ ก็ให้มันกลับไปอยู่บ้านของมันได้ เท่าที่ฉันยอมให้อยู่ทุกวันนี้ ก็นับว่าใจกว้างมากแล้ว”
เดือนฉายจำใจต้องรับคำ ด้วยสีหน้าขรึมเศร้า พรเพ็ญที่แอบฟังอยู่ด้านนอก ก็รู้สึกกังวลใจ พอย้อนกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ก็พบว่าเอกสิทธ์เริ่มพูดได้แล้ว
“พ่อ พ่อพูดได้แล้วเหรอจ๊ะ เมื่อกี๊พ่อเรียกชื่อเพ็ญเหรอคะ?”
พรเพ็ญยิ้มอย่างดีใจ เอกสิทธิ์รีบพยักหน้า
“พรรีบไปบอกแม่ดีกว่า ไม่ได้สิ เรายังบอกไม่ได้ พ่อจ๋า พ่อจะให้แม่กับตารู้ไม่ได้เลยนะจ๊ะว่าพ่อดีขึ้นแล้ว ไม่อย่างนั้นตากับแม่จะส่งพ่อกลับบ้านศิลาแดงทันที”
เอกสิทธิ์หน้าซีดอย่างหวาดกลัว “ไม่ ไม่”
“งั้นพ่อต้องเชื่อพรนะจ๊ะ อย่าให้แม่รู้เด็ดขาด”
อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเข้าใจ พรเพ็ญกอดพ่อแน่นอย่างมีความสุข
ทางด้านสโรชากับเชาว์ก็พาอาภาพรจะมาตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล แต่ฝ่ายหลังโวยวายจะไม่ยอมตรวจท่าเดียว
หมอรุจน์พอรู้ว่าอาภาพรท้องกับตรัยก็ตกใจ ขณะที่ตรัยรีบขยิบตาให้
“คุณหมอช่วยพาเมียผมไปตรวจครรภ์ด้วยนะครับ”
หมอรุจน์รีบรับมุกต่อทันที
“ได้ๆ ผมจะให้พยาบาลพาคุณภาไปตรวจเดี๋ยวนี้ครับ”
จากนั้นก็หันไปสั่งพยาบาลให้พาตัวอาภาพรไป เชาว์กับสโรชาลอบยิ้มกันด้วยความสะใจแล้วเดินตามไป หมอรุจน์จะเดินตามไปด้วย แต่ตรัยรีบคว้าแขนไว้
“ไอ้หมอ อย่าเพิ่งไป ฉันมีเรื่องขอร้อง”
“ ไอ้ตรัย ไอ้บ้า ทำไมทำอะไรไม่ปรึกษากันก่อนเลยวะ”
หมอรุจน์โวยวายใส่ตรัย เมื่อหลบเข้ามาคุยกันต่อในห้องทำงานตามลำพัง
“ฉันขอโทษ มันฉุกละหุกจนฉันโทร. บอกแกไม่ทัน”
“ฉันว่าว่าที่พ่อตาแม่ยายแกไม่เชื่อหรอกว่าคุณภาท้องกับแกจริง ถึงได้พามาตรวจที่โรงพยาบาล”
ตรัยพยักหน้ารับ “ฉันก็ว่างั้น ฉันถึงได้มาพูดกับแกนี่ไงล่ะ”
หมอรุจน์มองหน้าตรัย แล้วก็พอจะเดาออก
“เฮ้ย ไม่ได้นะโว้ย ฉันเป็นแพทย์ ฉันมีจรรยาบรรณค้ำคออยู่”
ตรัยรีบพูดอ้อนวอน
“ช่วยฉันอีกสักครั้งเถอะ ฉันกำลังปฏิบัติราชการอยู่นะ”
“แกลืมไปรึเปล่าว่าแกถูกพักงาน”
“แต่ฉันเป็นตำรวจ ถ้าเห็นคนทำผิด ก็ต้องจับให้ได้ แกเองเป็นหมอ ถ้าแกถูกพักงาน แล้วเห็นคนจะตายต่อหน้า แกจะวางเฉยอยู่ได้เหรอวะ”
หมอรุจน์เสียงอ่อย
“มันก็ใช่ แต่ฉันเป็นหมออายุรกรรม ไม่ใช่หมอสูติฯ นะโว้ย อย่าลืม”
ตรัยอึ้งไป ครุ่นคิดหาทางแก้ปัญหา
หมอสูติฯ อ่านแฟ้มผลการตรวจแล้วยิ้มให้ทุกคน ก่อนจะรีบรายงานผล
“ยินดีด้วยค่ะ คุณอาภาพรตั้งครรภ์ได้ 6 สัปดาห์แล้ว”
เชาว์ สโรชา อาภาพรตะลึงช็อก ขณะที่ตรัยยืนยิ้ม เหมือนรู้อยู่แล้ว
“ท้องได้ยังไง หมอตรวจผิดรึเปล่า”
หมอสูติฯ มองสโรชาที่โวยวายเสียงดัง ด้วยสายตาเย็นชา
“แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจผลการตรวจ จะลองไปตรวจซ้ำที่อื่นก็ได้นะคะ”
เชาว์กับสโรชายืนอึ้ง เริ่มคิดว่าหรืออาจจะเป็นเรื่องจริง ขณะที่อาภาพรยังงงไม่หาย พูดพล่ามไม่หยุดจนตรัยต้องรีบดึงตัวมากอดไว้ ก่อนที่เชาว์กับสโรชาจะสงสัย
ที่แท้หมอรุจน์เข้าไปขอความร่วมมือกับหมอสูติฯ ให้ช่วยในเรื่องนี้ โดยอ้างว่าเป็นการช่วยราชการในการสืบคดีคนร้าย
ตรัยเข็นรถเข็นที่อาภาพรที่นั่งยิ้มอย่างมีความสุขออกมาที่หน้าโรงพยาบาล ส่วนสโรชากับเชาว์ยังอดคิดไม่ได้ว่าทั้งคู่แอบไปมีอะไรกันตอนไหน
“แล้วจะเอาไงดี ให้มันอยู่ในบ้านต่อไปเรื่อยๆ งี้เหรอ”
“จะให้อยู่ได้ยังไง ฉันจะต้องหาทางไล่ตะเพิดมันออกไปให้ได้”
สโรชาพูดพลางมองตามตรัยกับอาภาพร พร้อมกับจิกตาร้าย
ทางด้านเพ็ญพรที่อยู่ที่บ้านศิลาแดง ก็คุยมือถือกับพรเพ็ญด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ
“จริงเหรอเจ๊ติ๋ม เย้ๆ”
“จริงสิจ๊ะน้องเพ็ญ พ่อยังพูดถึงน้องเพ็ญด้วยนะ พ่อบอกว่าเป็นห่วงน้องเพ็ญ ไม่อยากให้อยู่ในบ้านหลังนั้น”
เพ็ญพรซาบซึ้ง ถึงไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่พ่อก็ยังเป็นห่วง
“เจ๊บอกพ่อด้วยนะ เพ็ญเอาตัวรอดได้แน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อย่ามั่นใจมากเกินไปนะน้องเพ็ญ คุณน้าสโรชากับนายเชาว์น่ากลัวมาก”
“กลัวตายล่ะ เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวเพ็ญจะไปที่สวน เพ็ญอยากเจอพ่อ”
“ดีเหมือนกัน พ่อจะได้สดชื่นขึ้นบ้าง ว่าแต่น้องเพ็ญจะมายังไงล่ะ”
เพ็ญพรได้ยินคำถาม ก็ยืนครุ่นคิด จากนั้นก็รีบโทร. ไปชวนสุดาทันที ฝ่ายหลังรับคำอย่างดีใจ แต่พอวางสาย แล้วหันกลับมา ก็เห็นตรัยยืนอยู่ด้านหลัง
“ว้าย พี่ตรัย มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”
“ก็สักพักแล้วล่ะ”
สุดาหน้าเจื่อน “แล้วพี่ตรัยได้ยินอะไรรึเปล่า”
“ได้ยิน แพร์รี่เพื่อนเธอกลับมาจากเมืองนอกแล้วเหรอ คนนี้ใช่มั้ยที่เราบอกว่าจะจับคู่ให้พี่ เมื่อไหร่จะพามาเจอพี่ล่ะ”
สุดาลนลาน พยายามคิดหาคำตอบ
“เอ่อ คือยัยแพร์รี่เค้าไม่ชอบผู้ชายค่ะ ใช่ๆ เพื่อนดาเค้าชอบผู้หญิง”
ตรัยจับตามองน้องสาวอย่างจับพิรุธ แล้วแกล้งทำเป็นเสียดาย
“งั้นเหรอ น่าเสียดายนะ งั้นเราจะไปไหนก็ไปเถอะ”
“งั้นดาไปหาเพื่อนก่อนนะคะ พี่ตรัย”
“ระวังจะโดนแพร์รี่ปล้ำเอานะ”
สุดารีบชิ่งหนีออกจากห้องไป สีหน้าโล่งอก เพราะคิดว่าเอาตัวรอดได้ ขณะที่ตรัยมองตามไปอย่างจับผิด
สุดาขับรถมารับเพ็ญพรที่บ้านศิลาแดง โดยไม่ทันรู้ตัวว่าตรัยแอบขี่มอเตอร์ไซค์ สะกดรอยตามทั้งคู่ไปห่างๆ
เหตุการณ์ที่บ้านสวนเสาวรส พรเพ็ญโผล่หน้าออกมา มองซ้ายมองขวา พอไม่เห็นใคร ก็เข็นรถเข็นพาเอกสิทธิ์ออกมา แต่จู่ๆ กอล์ฟก็โผล่หน้ามา พลางกระเง้ากระงอดขอไปด้วย พรเพ็ญเห็นแล้วใจอ่อน
“กอล์ฟจะไปด้วยก็ได้ แต่มีข้อแม้นะ กอล์ฟต้องเชื่อฟังที่ฉันสั่งทุกอย่าง”
“ตกลงครับ ไชโย คุณเพ็ญใจดีที่สุดเลย”
ส่วนสุดาก็ขับรถมาจอดตรงหน้าป้ายชื่อสวน ขณะที่เพ็ญพรเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลายสก็อตแบบชาวสวนเรียบร้อยแล้ว
“แกหาที่จอดรถไปนะ ฉันจะเข้าไปหาเจ๊ติ๋ม แกค่อยตามเข้าไปก็แล้วกัน”
อีกมุมหนึ่งตรัยจอดมอเตอร์ไซค์ซุ่มอยู่หลังที่กำบัง พลางแอบมองไป เห็นเพ็ญพรกำลังก้าวลงมาจากรถแล้วเดินเข้าไปในทางเข้าสวนเสาวรส
“ทำไมต้องปลอมตัวด้วย”
ตรัยมองไปที่ป้ายชื่อสวนเสาวรส แล้วลืมตัวพรวดพราดจะออกไป ทันใดนั้น ก็มีเสียงแตรรถยนต์ดังขึ้น เขาหันไปด้วยความตกใจแล้วรีบกระโดดหลบจนเสียหลักล้มลง
วิทวัสรีบเบรกรถเสียงดังลั่น ก่อนจะรีบลงมาดู
“คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”
“ผมไม่เป็นไรครับ”
ตรัยพูดพลางลุกขึ้นยืน พอหันไปเห็นหน้าวิทวัสก็ชะงัก แต่อีกฝ่ายจำเขาไม่ได้ เพราะเขาสวมหมวกกันน็อกอยู่
“คุณแน่ใจนะครับว่าไม่เป็นไร ถ้ามีอะไร คุณโทร. หาผมตามเบอร์นี้ได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
วิทวัสรีบยื่นนามบัตรส่งให้ แล้วกลับขึ้นรถ ก่อนจะขับเลี้ยวเข้าไปในทางเข้าสวนเสาวรส ตรัยถอดหมวกกันน็อกออก มองตามรถไป ด้วยแววตาขุ่นเคือง
“ที่แท้ก็แอบมาเจอกันนี่เอง มิน่าล่ะถึงต้องทำลับๆ ล่อๆ”
พรเพ็ญเข็นรถพาเอกสิทธิ์มาตามทางเดินในสวน ท่าทางกระสับกระส่าย โดยมีกอล์ฟเดินตามมาติดๆ
“กอล์ฟจ๊ะ ช่วยอะไรหน่อยได้มั้ย กอล์ฟช่วยกลับไปที่บ้านแล้วเอายาของพ่อมาให้หน่อยได้มั้ย”
พูดพลางแอบเอาตลับยาของเอกสิทธิ์ซุกไว้ในกระเป๋าหลังรถเข็น กอล์ฟทำหน้างอแง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมทำตาม พลางวิ่งตื๋อออกจากสวนไปทันที
พรเพ็ญถอนใจโล่งอก หันไปพูดกับเอกสิทธิ์
“พ่อรอแป๊บนึงนะคะ น้องเพ็ญบอกว่าใกล้ถึงแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงมาถึง”
ชาวสวนที่กำลังดูแลผลผลิตอยู่ใกล้ๆ เพิงพักหันกลับมา ก่อนจะพูดอย่างเริงร่า
“ไม่ต้องรอแล้วจ้า เพ็ญพรตัวจริงเสียงจริงมาแล้ว”
2 แฝดโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจที่ได้เจอกัน ก่อนที่จะผละจากกัน เพ็ญพรรีบเดินมาคุกเข่าลงตรงหน้าเอกสิทธิ์
“พ่อจ๋า พอพี่พรบอกว่าพ่ออาการดีขึ้น เพ็ญก็รีบมาหาพ่อทันทีเลยนะจ๊ะ”
เอกสิทธิ์ยิ้มดีใจ ค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบหัวเพ็ญพร
“ขอบ ใจ นะ ที่ช่วย พ่อ”
“พ่อไม่ต้องขอบใจเพ็ญหรอกจ้ะ มันเป็นหน้าที่ของเพ็ญอยู่แล้ว”
พูดพลางซบหน้ากับตักพ่อ พรเพ็ญซาบซึ้งจนน้ำตาไหล
“น้องเพ็ญอยู่กับพ่อไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะไปดูต้นทางให้”
พรเพ็ญรีบเดินออกไป ปล่อยให้เพ็ญพรกับเอกสิทธิ์ได้คุยกันตามประสาพ่อลูก
กอล์ฟวิ่งหลับมาถึงที่บ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่วิทวัสแล่นรถเข้ามาจอดพอดี พอรู้จากกอล์ฟว่า พรเพ็ญพาพ่อไปเดินเล่นในสวน ก็รีบเดินมุ่งหน้าไปทันที
“ตอนนี้พวกคุณน้าสโรชากำลังถูกบีบทุกทางเลยค่ะพ่อ เงินบริษัทก็โกงได้ไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน แถมยังถูกตรวจสอบจากบอร์ดบริหารด้วย”
เพ็ญพรเล่าให้เอกสิทธิ์ฟัง ระหว่างที่เข็นรถเข็นพาพ่อเดินเล่นอยู่ภายในสวน
“ระวัง ตัว ด้วย”
เอกสิทธิ์พยายามพูดเพื่อเตือนลูกสาว
“หนูไม่กลัวค่ะ ก็ลองมาชนกันสักตั้งสิคะ”
“สโรชา ใจ ร้าย”
“ร้ายก็ไม่กลัวค่ะ พ่อคะ หนูพาพ่อไปเดินเล่นต่อนะคะ”
เพ็ญพรเข็นรถพาเอกสิทธิ์เดินต่อไป ทันใดนั้นตรัยก็เดินออกมาจากมุมที่ซ่อนตัวขวางทางไว้ พอเห็นพ่อลูกอยู่ด้วยกัน สีหน้าก็อ่อนลง
“สวัสดีครับ คุณลุง ที่แท้คุณก็พาคุณลุงมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่นี่เอง”
“คุณสะกดรอยตามฉันมาเหรอ”
ตรัยรีบบอก
“เปล่า ผมไม่ได้ตามคุณ ผมตามยัยดามาต่างหาก ผมเข็นรถคุณลุงให้ดีกว่า คุณจะได้ไม่เหนื่อย”
พูดพลางแย่งรถเข็นของเอกสิทธิ์ไปเข็นแทน เพ็ญพรแอบกังวล กลัวอีกฝ่ายจะไปจ๊ะเอ๋กับพรเพ็ญเข้า
ทางด้านพรเพ็ญที่เดินออกมาจากสวนเพื่อดูลาดเลา จู่ๆ วิทวัสก็โผล่พรวดออกมาจากหลังต้นไม้
“จ๊ะเอ๋ สวัสดีครับ คุณเพ็ญ”
พรเพ็ญตกใจ เผลอยกมือตบหน้าวิทวัสอย่างแรง ก่อนจะรีบพูดขอโทษ
“วันนี้ผมมีอาหารบำรุงมาฝากคุณพ่อคุณด้วย ตอนนี้ท่านอยู่ไหนล่ะครับ”
พรเพ็ญหุบยิ้ม รีบหลบตา ซ่อนพิรุธ
“เอ่อ คุณพ่อพักผ่อนอยู่ในสวนค่ะ”
“ดีเลย งั้นเดี๋ยวผมขอไปสวัสดีท่านก่อนนะครับ”
พรเพ็ญรีบร้องห้ามเสียงหลง
“อย่าค่ะ คือท่านกำลังหลับอยู่ อย่าเพิ่งเข้าไปรบกวนท่านเลยนะคะ เชิญคุณวัสที่บ้านดีกว่า คุณตาท่านบ่นอยากเจอคุณอยู่พอดี เรารีบไปกันเถอะนะคะ”
“อ้าว แล้วคุณพ่อคุณอยู่คนเดียวได้เหรอครับ”
พรเพ็ญรีบตัดบท “ไม่เป็นไรค่ะ คือ คือคุณพ่ออยู่กับกอล์ฟน่ะค่ะ”
วิทวัสทำหน้างง
“กอล์ฟ ก็ตะกี้ กอ์ฟยัง...”
พรเพ็ญไม่สนใจ รีบจูงเขาให้ออกมาพ้นๆ จากบริเวณนั้นทันที
อ่านต่อหน้า 4
บ้านศิลาแดง ตอนที่ 11 (ต่อ)
ทางด้านตรัยก็เข็นรถพาเอกสิทธิ์เดินเล่นมาเรื่อยๆ ส่วนเพ็ญพรก็เอาเหลียวซ้ายเหลียวขวา กลัวว่า พรเพ็ญโผล่มาแบบกะทันหัน
“ผมถามหน่อยสิ ทำไมคุณถึงพาคุณลุงมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
เพ็ญพรอึกอัก
“ก็ฉันรู้จักเจ้าของสวนนี้ ฉันก็เลยขอให้เขาช่วยดูแลคุณพ่อให้”
ตรัยนึกภาพตอนที่วิทวัสเลี้ยวรถเข้ามาในสวน ก็หน้าหงิก
“ไอ้ขี้เก๊กคนนั้นล่ะสิ”
“คนไหน? เจ้าของสวนนี้เป็นผู้หญิงต่างหาก”
ตรัยแอบยิ้มอย่างโล่งอก “ที่แท้ก็มีเมียแล้ว งั้นผมค่อยสบายใจหน่อย”
ทันใดนั้นกอล์ฟกับสุดาก็เดินเข้ามาด้วยกัน ฝ่ายหลังพอเห็นตรัยก็สะดุ้งตกใจ
“พี่ตรัย มาที่นี่ได้ไงเนี่ย”
“พี่ก็ตามเรามานั่นแหละ”
สุดารีบหันไปมองเพ็ญพร ฝ่ายหลังส่ายหน้านิดๆ เป็นเชิงบอกว่าความยังไม่แตก
“แหม พี่ตรัย อยากมาเยี่ยมคุณลุงก็ไม่บอก ดาจะได้พามา”
“ถ้าพี่บอก พี่ก็ไม่ได้รู้อะไรดีๆ สิ”
พูดพลางมองจ้อง จน 2 สาวรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ว่าเขารู้ความจริงแล้วหรือเปล่า จู่ๆ กอล์ฟก็อุทานขึ้นมาขัดจังหวะ
“เฮ้ย ตะกี้คุณเพ็ญไม่ได้ใส่ชุดนี้นี่นา ผมจำได้”
เพ็ญพรนึกได้ แต่ตรัยมองอยู่ เลยต้องเป็นผู้ร้ายปากแข็งไปก่อน
“บ้า ฉันก็ใส่ตัวนี้นั่นแหละ กอล์ฟติงต๊องอีกแล้ว”
กอล์ฟหน้าเหวอ
“สงสัยกอล์ฟจะต๊องจริงๆ เออ ตลับยาที่คุณเพ็ญให้ไปหา ผมหาไม่เจออ่ะครับ”
“ฉันจะสั่งให้หาทำไม ก็มันอยู่นี่”
เพ็ญพรพูดพลางหยิบตลับยาเอกสิทธิ์ออกมาจากกระเป๋าหลังรถเข็น กอล์ฟยิ่งงงหนัก 2 สาวลอบถอนหายใจ โดยไม่รู้ว่าตรัยจับตามองอยู่ตลอด
พอกลับเข้ามาในบ้าน วิทวัสก็ยื่นกล่องโสมเกาหลีให้ เคนรีบพูดอย่างเกรงใจ
“แหม ที่จริงไม่ต้องลำบากก็ได้ โสมเกาหลงเกาหลีอะไรเนี่ย ตาไม่เคยกิน ทีหลังเอาของไทยๆ บ้านๆ ของเราอย่างยาดองมาก็ได้ แบบคราวที่แล้วไง”
“ผมกลัวคุณเดือนไม่ยกลูกสาวให้ครับ”
ทั้งคู่ต่างหัวเราะชอบใจ ขณะที่พรเพ็ญมัวแต่มองไปทางหน้าประตู เป็นห่วงเพ็ญพรกับเอกสิทธิ์
“อ้าว ยายหนูเพ็ญ มัวแต่เหม่ออะไร ทำไมไม่คุยกับพี่เค้าบ้างล่ะ”
“พร เอ่อ เพ็ญเป็นห่วงคุณพ่อค่ะ เพ็ญฝากกอล์ฟดูให้นานแล้ว”
วิทวัสรีบอาสาจะไปดูให้ พรเพ็ญรีบร้องห้าม
“ไม่ต้องค่ะ คือฉันไม่อยากรบกวนคุณ คุณช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุยกับตาก่อนก็แล้วกันนะคะ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา”
พูดพลางรีบลุกขึ้นเพื่อตัดบทไม่ให้วิทวัสเถียงได้ พอไปถึงหน้าประตู ก็เจอกอล์ฟที่เพิ่งกลับมาถึงพอดี ฝ่ายหลังทำหน้าเหวอตกใจ
“ตะกี๊คุณเพ็ญยังอยู่ในสวนอยู่เลย แล้วทำไมจู่ๆ คุณเพ็ญกลับมาถึงบ้านก่อนกอล์ฟอีกล่ะ”
วิทวัสรีบบอกว่าพรเพ็ญอยูที่นี่ตั้งนานแล้ว กอล์ฟรีบพูดต่อ
“เสื้อนี้อีก ตะกี๊เสื้อคุณเพ็ญยังเป็นเสื้อตาสก็อตอยู่เลย ตอนนี้ทำไมใส่กระโปรงแบบนี้ล่ะ โอ๊ย กอล์ฟมึน กอล์ฟต้องหิวแน่ๆ กอล์ฟขอตัวไปหาอะไรกินก่อนนะตา”
ขาดคำก็เดินกุมขมับออกไปจากห้อง เคนบ่นตามอย่างเอ็นดู
“ไอ้เจ้ากอล์ฟนี่ชักจะทะลึ่งขึ้นทุกวัน”
พรเพ็ญถอนหายใจโล่งอกที่แผนสลับตัวยังไม่แตก
ขณะที่ทางด้านในสวน ตรัยเข็นรถพาเอกสิทธิ์เดินนำไปข้างหน้า ส่วนเพ็ญพรกับสุดาก็กระซิบกระซาบกันอยู่ด้านหลัง ให้รีบจัดการพาตรัยกลับไปทันที
“ไม่งั้นถ้าเจอเจ๊ติ๋มกับฉะนพร้อมๆ กันล่ะ แผนของฉันต้องแตกแน่ๆ”
สุดาถอนหายใจอย่างหนักอก ก่อนจะเดินไปข้างๆ ตรัย
“พี่ตรัยขา ดาว่าพี่ตรัยรีบกลับไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้ดาช่วยดูแลเอง”
“ทำไมถึงจะให้พี่รีบกลับล่ะ ยังไม่เจอเจ้าของบ้านเลย”
เพ็ญพรรีบบอกปัด
“ไม่จำเป็นหรอก อย่าไปรบกวนเค้าเลย ฉันเกรงใจเจ้าของบ้านน่ะ ฉันเป็นคนมีมารยาท”
แม้ 2 สาวจะพยายามแอ็กติ้งเนียนๆ แต่ไม่สามารถหลุดรอดสายตาช่างสังเกตของตำรวจสืบสวนอย่างตรัยไปได้
“ก็ได้ งั้นผมกลับก่อนก็แล้วกัน สวัสดีนะครับ คุณอา วันหลังผมจะมาเยี่ยมใหม่”
ตรัยสวัสดีเอกสิทธิ์เสร็จ ก็เดินออกไปจากที่นั่น เพ็ญพรรีบรุนหลังสุดาให้ตามตรัยไปทันที ก่อนจะ ถอนหายใจอย่างโล่งอก
พอสุดาเดินมาส่งตรัยที่รถ ก็ทำท่าจะรีบชิ่ง แต่ฝ่ายหลังรีบรั้งไว้
“เดี๋ยว ยัยดา เล่ามาให้พี่ฟังซิว่าไปสนิทสนมกับคุณพรตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เอ่อ คือ ก็ดาเคยตามหมอรุจน์ไปที่บ้านศิลาแดงครั้งนึงไงคะ แต่ถ้าพี่ตรัยอยากรู้มากกว่านี้ เดี๋ยวคืนนี้กลับบ้านไป ดาจะเล่าให้พี่ตรัยให้หมดเปลือกเลย ดาไปก่อนนะคะ เดี๋ยวยัยแพร์ เอ๊ย คุณพรจะรอนาน”
ขาดคำก็รีบชิ่งกลับเข้าสวนเสาวรสไปทันที ตรัยมองตามไปอย่างมีแผนการ
สุดาเดินย้อนกลับมา ยืนยันกับเพ็ญพรว่าตรัยไม่มีทางสงสัยแน่ เพราะเธอเห็นตรัยกลับไปแล้วเต็ม 2 ตา จังหวะเดียวกับที่พรเพ็ญเดินเข้ามาสมทบอีกคน
“พี่ขอโทษนะน้องเพ็ญ พอดีคุณวิทวัสมา พี่ก็เลยต้องแกล้งพาไปหาคุณตาก่อน”
เพ็ญพรตกใจ
“หา อีตาวิทวัสก็มาเหรอ ทางนี้หมวดตรัยก็มาถึงนี่เหมือนกัน”
“ตายจริง แล้วพี่ตรัยรู้เรื่องหรือยัง”
เพ็ญพรส่ายหน้า
“ยังหรอก เพ็ญไล่เขากลับไปแล้ว โอ๊ย วันนี้มันวันอะไรกัน ถึงได้วุ่นวายแบบนี้”
“พี่ว่าพี่รีบพาคุณพ่อกลับไปก่อนที่จะมีใครสงสัยดีกว่า”
พรเพ็ญรีบสลับหน้าที่มาเข็นรถแทน ส่วนเพ็ญพรรีบย่อตัวลงคุยกับพ่อ
“พ่อขา เพ็ญกลับไปที่บ้านศิลาแดงก่อนนะคะ เพ็ญสัญญาว่าเพ็ญจะไม่ยอมให้คนชั่วพวกนั้นมาเอาอะไรของเราไปได้แม้แต่นิดเดียว”
“ระวัง ตัว นะ ลูก”
เพ็ญพรกอดพ่อแน่น ก่อนจะดึงพรเพ็ญให้มากอดด้วยกัน ต่างคนต่างน้ำตาซึม ห่างออกมาเล็กน้อย ตรัยมองภาพตรงหน้าอย่างเข้าใจ
“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย”
ทั้งหมดไม่มีใครรู้เลยว่าเขารู้ความจริงทั้งหมดแล้ว
ทันทีที่ตรัยกลับมาถึงบ้านศิลาแดง อาภาพรก็รีบวิ่งเข้าไปกอดนัวเนียทันที
“น้องภาปล่อยพี่ก่อนเถอะครับ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี”
“ใครจะเห็นก็ช่างสิคะ ไหนๆ ทุกคนก็เข้าใจว่าเราเป็นผัวเมียกันแล้ว ยังจะต้องแคร์ทำไมอีก”
ตรัยทำหน้าอึดอัด
“อย่าลืมสิครับว่าเราเป็นแค่สามีภรรยากำมะลอเท่านั้น”
“แต่ภาอยากเป็นเมียพี่ตรัยจริงๆ นี่คะ”
ทันใดนั้นป้าแจ่มก็โผล่เข้ามาขัดจังหวะ ก่อนจะบอกตรัยว่าสโรชาเรียกหา
ตรัยเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน ด้วยท่าทางไม่หวั่นเกรง ขณะที่เชาวน์กับสโรชานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“เรามีเรื่องต้องพูดกัน เรื่องลูกสาวของอา อาถามจริงๆ คุณรักยัยภาจริงรึเปล่า”
ตรัยจำต้องฝืนใจโกหกออกไป “รักสิครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณต้องพิสูจน์ให้พวกเราเห็นว่าคุณรักยัยภาจริงๆ”
“พิสูจน์? ยังไงครับ”
“คุณต้องไปสืบหาที่อยู่คุณเอกสิทธิ์มาให้อา แต่ถ้าหาไม่ได้ ถือว่าคุณไม่ได้รักยัยภาจริงคุณต้องออกไปจากที่นี่”
ตรัยได้ยินเงื่อนไขก็ถึงกับอึ้ง ขณะที่สโรชากับเชาว์ลอบยิ้มให้กันอย่างเป็นต่อ
พรเพ็ญยืนรดน้ำต้นไม้ สีหน้าเหม่อลอย พลางย้อนคิดถึงคำพูดที่เคนคุยกับเดือนฉาย ว่าถ้าเอกสิทธิ์หายแล้วจะต้องให้กลับอยู่ที่บ้านศิลาแดง
สักครู่หนึ่งวิทวัสก็เดินเข้ามาเรียกใกล้ๆ จนเธอสะดุ้ง ตกใจ เผลอฉีดน้ำจากสายยางโดนหน้าเขาเต็มๆ
“ครั้งก่อนก็โดนตบ คราวนี้ก็โดนน้ำสาด คุณเพ็ญนี่ขวัญอ่อนจริงๆนะครับ ผมไม่ได้มาเงียบๆนะครับ ผมเรียกคุณตั้งนาน แต่คุณต่างหากที่ไม่ได้ยิน คิดอะไรอยู่”
เธอมองเขาอย่างลังเลว่าจะเล่าดีหรือไม่ แต่ที่สุดก็ตัดสินใจเล่า พร้อมกับพูดอย่างกังวลว่าถ้าพ่อกลับบ้านจะเป็นอันตราย
วิทวัสได้ฟังก็นึกสงสัย “อันตราย ยังไงเหรอครับ”
“คุณวัส ช่วยอะไรฉันอย่างได้มั้ยคะ”
วิทวัสยิ้มรับด้วยความเต็มใจ
จากนั้นพรเพ็ญก็กลับเข้ามาในบ้าน พลางทำทีเป็นบอกเคนว่าจะพาเอกสิทธิ์ออกไปเดินเล่นข้างนอก เผื่อว่าการเปลี่ยนบรรยากาศจะทำให้พ่อหายเร็วขึ้น
เคนได้ที ก็ทำทีแกล้งเป็นห่วง
“ตาก็อยากให้พ่อเอกสิทธิ์หายเหมือนกัน ก็ไปสิ ไปนานๆ เลยก็ได้”
ต่างจากเดือนฉายที่รีบพูดค้าน
“มันจะดีเหรอคะคุณพ่อ คุณเอกสิทธิ์ยังไม่ค่อยแข็งแรง กลัวว่าถ้าไปตากแดดตากลมจะยิ่งทำให้ไม่สบาย”
แต่ทั้งวิทวัส ทั้งพรเพ็ญก็ช่วยกันพูดเกลี้ยกล่อม เดือนฉายหันไปมองเอกสิทธิ์สีหน้าครุ่นคิด
ในที่สุดวิทวัสกับพรเพ็ญก็ช่วยกันพาเอกสิทธิ์ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศท่ามกลางทิวทัศน์ ธรรมชาติงดงาม มีภูเขาทอดเป็นแนวยาว
พรเพ็ญเอาผ้าคลุมไหล่มาห่มไหล่ให้พ่อ ที่เริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้น ก่อนจะย่อตัวตรงหน้า
“ต่อไปนี้ หนูจะพาพ่อออกมาที่นี่ทุกวัน คุณพ่อจะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น”
เอกสิทธิ์พยักหน้าช้าๆ ทำเอาเธอถึงกับน้ำตาแทบร่วง ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพยายามยกมือขึ้นมาช้าๆ แล้วก็บรรจงปาดน้ำตาให้ลูกสาว ที่โผกอดพ่อไว้แน่น
สโรชากำลังหงุดหงิดเพราะเช็คราคาหุ้นแล้ว ปรากฏว่าหุ้นร่วงกราว ครู่หนึ่งณัฐพงษ์ก็เดินเข้ามา ที่ข้อถือใส่เลททองอร่ามตา พร้อมกับยื่นเงินให้แม่ปึกใหญ่
“ทำไมแกมีเงินเยอะแบบนี้ มีทองใส่ด้วย แกไปทำอะไรมา”
ณัฐพงษ์อึกอัก
“ทำธุรกิจกับเพื่อน เอาเป็นว่ามีเงินใช้ก็พอ จบป่ะ”
พูดพลางจะรีบเดินหนี แต่สโรชารีบดึงตัวไว้
“หน้าตามีพิรุธแบบนี้ อย่าบอกนะว่าแกขายยา”
ณัฐพงษ์หน้าถอดสี จนอีกฝ่ายจับได้
“ชัดเลย ทำไมแกทำแบบนี้ ไอ้ลูกเวร ไอ้ลูกไม่รักดี แกเจริญรอยตามพ่อชั่วๆ ของแกได้ยังไง ฉันสั่งแล้วสั่งอีกว่าไม่ให้ยุ่ง ทำไมแกไม่เชื่อฉัน”
ณัฐพงษ์เจ็บจนลืมตัวผลักสโรชาจนเซหงายหลังจะล้ม แต่เชาว์มารับเอาไว้ได้ทัน ฝ่ายสโรชาพอเห็นหน้าเชาว์ก็เลือดขึ้นหน้า รีบผละออกมาก่อนจะตบหน้าไปเต็มแรง
“สารเลว แกให้ลูกขายยาได้ไง”
เชาว์หน้า “ขายยา ฉันไม่รู้เรื่อง”
สโรชาฉุกคิดขึ้นมาได้
“นังสก๊อย นังนั่นมันเอายาให้แกไปขายใช่มั้ย”
ณัฐพงษ์อึกอัก สโรชารู้ว่าเป็นฝีมือวาทินีแน่ๆ ก็กำมือแน่นด้วยความโกรธ
“นังวาทินี แกตาย”
สโรชาตรงดิ่งเข้าไปเอาเรื่องกับวาทินีถึงในห้องนอน ด้วยอาการคลั่งจนแทบคุมสติไม่อยู่ ตบตีอีกฝ่ายไม่ยั้ง
“แกตาย ตาย”
วาทินีสุดทน ออกแรงผลักสโรชาจนหงายหลังจะล้ม แต่ดีที่เชาว์เข้ามารับเอาไว้ได้ทัน
“ปล่อย ฉันจะไปฆ่ามัน”
สโรชาผละออกจากเชาว์ตรงมาหาจะเอาเรื่องอีก แต่เจอวาทินีชี้หน้ากลับ
“ก็ลองฆ่าฉันดูสิ ฉันแฉแกแน่ อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่าพี่กับนังป้านี่ทำอะไรกัน”
“ฉันไม่เคยทำอะไร ไม่ต้องมาขู่”
วาทินียิ้มเยาะ
“ไม่เคยทำอะไรเหรอ แล้วไอ้ยาที่พี่เชาว์หาให้ป้าเอาไปให้ผัวแก่ของป้ากินล่ะ มันคืออะไร คลิปที่ฉันถ่ายเป็นระบบ HD เลยนะ ภาพ และเสียงชัดเจน ถ้าคิดว่าฉันขู่ ก็ลองทำร้ายฉันอีกทีสิ”
สโรชาได้แต่กำมือแน่นไม่กล้าทำอะไร เชาว์ยืนหน้าซีด วาทินีหัวเราะดังลั่นอย่างสะใจ
พอเดินผละออกมาจากห้อง ทั้งสโรชากับเชาว์ต่างก็โยนความผิดให้อีกฝ่าย ก่อนที่สโรชาจะเสนอความคิดให้รีบกำจัดวาทินีก่อนจะโดนแฉ แต่เชาว์รีบค้าน
“เกิดฆ่ามันแล้วมีคนจับได้ เราก็ต้องติดคุกอยู่ดี”
“มันก็จริง แล้วเราจะทำยังไงดี”
เชาว์ครุ่นคิด
“ฉันคิดว่าฉันน่าจะคุมมันอยู่ ยังไงมันก็เป็นเมียฉัน แล้วอีกอย่างตอนนี้เราต้องทำดีกับมัน ทำให้มันตายใจ แล้วฉันก็หาทางทำลายหลักฐานที่มันมี”
ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าเพ็ญพรที่แอบฟังอยู่อีกมุมหนึ่ง ได้ยินทุกอย่างชัดเจน และเมื่อเธอนำเรื่องมาปรึกษากับสุดา ที่มานั่งคุยกันในร้านอาหาร ฝ่ายหลังก็แนะนำว่าให้รีบบอกตรัยโดยด่วน ขาดคำก็เหลือบเห็นเขายืนอยู่หน้าร้านพอดี
“พี่ตรัย โชคเข้าข้างแกจริงๆ รีบไปบอกเลย”
เพ็ญพรส่ายหน้า
“ยังบอกตอนนี้ไม่ได้ ขืนพี่ชายแกเห็นแกอยู่กับฉัน มีหวังซักยาว ฉันขี้เกียจตอบคำถาม แค่เมื่อวานที่บ้านสวนก็ซักซะจนฉันรู้สึกว่าฉันเป็นนักโทษ”
พลันทั้งคู่ก็เหลือบเห็นอาภาพรโผล่มาเกาะแขนตรัยด้วย เพ็ญพรรีบหลบออกไปใต้โต๊ะทันที ทั้งคู่เดินเข้ามา เห็นสุดานั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะ ก็ออกปากขอนั่งด้วย เพราะโต๊ะอื่นไม่ว่างเลย โดยไม่รอฟังคำตอบ ทั้งคู่รีบนั่งลงทันที
ตรัยเห็นจานอีกชุดก็นึกแปลกใจ
“เรามากับใคร?”
“เพื่อนค่ะ แต่ เออตอนนี้ เค้ากลับไปแล้ว”
ตรัยพยักหน้าอย่างไม่ได้ติดใจสงสัย ส่วนอาภาพรรีบเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร
เพ็ญพรที่หลบอยู่ใต้โต๊ะ ทำหน้าเซ็ง
ทางด้านพรเพ็ญก็กำลังช่วยทำกายภาพแบบเบาๆ ให้เอกสิทธิ์ ส่วนวิทวัสก็เอาแต่แอบถ่ายรูปอีกฝ่ายในอิริยาบถต่างๆ พอเธอหันมาเห็น ก็เลยออกปากว่าให้มาถ่ายด้วยกัน 3 คน รวมทั้งเอกสิทธิ์ด้วย
วิทวัสรีบเขยิบเข้ามาใกล้ พร้อมทั้งโอบเอวพรเพ็ญ จนเธอต้องรีบหลุบตามองแล้วก็แอบอมยิ้ม
ระหว่างที่นั่งที่โต๊ะอาหาร อาภาพรพยายามเอาอกเอาใจตรัยจนสุดานึกหมั่นไส้ ขณะที่เพ็ญพรที่แอบอยู่ใต้โต๊ะ แกล้งใช้เล็บจิกที่น่อง จนอาภาพรนึกว่าโดนยุงกัด ตรัยรีบก้มลงไปจะช่วยดูที่ใต้โต๊ะ พอเห็นหัวรองเท้ายื่นออกมาก็ชะงัก ก่อนที่เขากับเพ็ญพรจะปะทะหน้ากันเต็มๆ
เพ็ญพรกลืนน้ำลายเอื๊อก ตรัยมองๆ ทำหน้านิ่งๆ ก่อนจะเงยขึ้นมา
“ยุงตัวเป้งเลยครับ ผมว่าเราห่ออาหารกลับไปกินที่บ้านดีกว่า ผมกลัวขาน้องภาจะลาย เดี๋ยวจะไม่สวย”
อาภาพรยิ้มแป้น เข้าใจว่าตรัยเอาใจใส่ ขณะที่สุดาทำหน้าไม่ถูก ได้แต่หันหน้าไปทางอื่น
พอเพ็ญพรกลับมาถึงบ้านศิลาแดง ตรัยก็โผล่มาคาดคั้นว่าทำไมถึงได้ไปกินข้าวกับสุดา ฝ่ายถูกถามเลยย้อนกลับว่า แล้วทำไมเขาถึงไปกินข้าวกับอาภาพร
“พี่กำลังทำหน้าที่ของพี่อยู่”
“พรก็เหมือนกัน”
“อย่ามาตีเนียน บอกความจริงมาซะดีๆ น้องพรคิดจะทำอะไรอยู่ใช่มั้ย”
เพ็ญพรนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของสุดา กำลังอ้าปากจะบอก แต่เสียงมือถือตรัยดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“ครับน้องภา พี่มาเอาของที่ห้องน่ะครับ จะให้พี่พูดทำไม เราเพิ่งแยกกันไม่ถึง 5 นาทีนะครับ ได้ครับ
ได้ครับ คิดถึง ให้พูดดังกว่านี้ พี่คิดถึงน้องภาครับ เดี๋ยวพี่รีบกลับไปหา แค่นี้นะครับ”
ตรัยรีบวางสาย พอหันกลับมา ปรากฏว่าเพ็ญพรหายไปแล้ว แต่กลับเจอเชาว์ยืนมองอยู่แทน
ส่วนเพ็ญพรพอเดินหลบมา ก็รีบบอกกับสุดาที่โทร. มาถามความคืบหน้า ว่าเธอตัดสินใจว่าจะไม่บอกตรัย แต่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
“เรื่องไอ้เอกสิทธิ์ถึงไหนแล้ว”
เชาว์คาดคั้นถามตรัย สีหน้าเอาเรื่อง
“นี่เพิ่งผ่านมาวันเดียวเองนะครับ ให้เวลาผมหน่อย”
“ฉันไม่เห็นนายทำอะไร นอกจากลอยไปลอยมา อย่าคิดถ่วงเวลา จำไว้ว่าฉันไม่ชอบรออะไรนานๆ ฉันให้เวลาอีก 3 วัน ถ้ายังไม่เห็นไอ้เอกสิทธิ์กลับมาที่นี่ นังเพ็ญพรเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณแน่”
เชาว์แสยะยิ้มร้ายกาจ ก่อนจะเดินออกไป ตรัยเป็นกังวลใจขึ้นมาทันที
ทางด้านสโรชาพอรู้จากเชาว์ว่าเรื่องเอกสิทธิ์ยังไม่คืบหน้า ก็คิดหาวิธีที่จะทำให้ได้คำตอบเร็วขึ้น
ฟากเพ็ญพรก็กำลังนั่งคุยวิดีโอคอลกับพรเพ็ญ ก่อนจะรีบเล่าเรื่องที่รู้มาสดๆ ร้อนๆ ให้อีกฝ่ายฟัง
“วันนี้ฉันแอบได้ยินยัยสโรชากับนายเชาว์คุยกันว่ายัยวาทินีมีหลักฐานบางอย่างที่จะใช้เล่นงานพวกเค้า 2 คน เพ็ญว่าถ้าเพ็ญหาเจอ เราก็อาจจะจบเรื่องนี้ได้เร็วเข้า”
พรเพ็ญหน้าเครียด กังวลแทน “มันอันตรายรึเปล่า”
“เพ็ญจะระวังตัว เจ๊ไม่ต้องห่วง”
พูดถึงตรงนี้พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เพ็ญพรหันไปมอง ก่อนจะรีบจบการสนทนากับพรเพ็ญ พลางเดินไปเปิดประตู ทันทีที่เปิด ตรัยก็โผเข้ามากอดหมับ
“ทำอะไร”
“อย่าเพิ่งพูด ขอผมกอดคุณเอาไว้แบบนี้ก่อนนะ”
เพ็ญพรยืนตะลึงตัวแข็ง ไม่นานตรัยก็ผละออกมา
“รับปากกับผม หลังจากวินาทีนี้ คุณต้องระมัดระวังตัวให้ดี ถ้าจะไปไหน ต้องบอกผม ผมจะได้ไปเป็นเพื่อน และห้ามไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด นะครับ สัญญาสิ”
เพ็ญพรรับสัญญาอย่างงงๆ
อ่านต่อตอนที่ 12