ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 3
ตอนค่ำ น่านฟ้าเดินตามสุกิจเข้ามาในผับ แล้วนั่งลงที่โต๊ะมุมหนึ่ง
“อาสุกิจนี่วัยรุ่นกว่าที่ผมคิดนะครับ ผมนึกว่าจะชวนไปกินโต๊ะแชร์ซะอีก ที่ไหนได้ มาผับประจำของผมเลย”
สุกิจหัวเราะชอบใจ
“อายุมันก็แค่เลขในบัตรประชาชน เราจะไปแก่ตามมันทำไมล่ะตาน่าน”
“กดไลค์เลยครับ ชอบมาก ผมซื้อไว้ใช้ตอนแก่เลยนะครับอา”
“ตามสบายเลย เอ สั่งอะไรดีล่ะ”
“แล้วแต่เจ้าภาพเลยครับ”
“ได้เลย เดี๋ยวอาจัดการให้”
สุกิจหันไปทางเด็กเสิร์ฟทันที
นิรชาเดินอยู่ริมถนนแถวบ้าน ถือถุงกับข้าวมาด้วย รู้สึกเหมือนมีเงาใครบางคนเดินตามมา เธอชะงัก แล้วเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้น ขณะที่เงาด้านหลังก็เร่งตามมาเช่นกัน นิรชาตัดสินใจหันมาทันที เห็นภูริชยืนอยู่
“ตามฉันมาทำไม”
ภูริชเห็นหน้านิรชาก็แอบตะลึงเล็กน้อย
“ฉันได้เบอร์มาจากพรรคพวก ได้ยินว่าเธอรับงานพิเศษใช่มั้ย”
นิรชามองภูริชอย่างไม่ไว้ใจ
“งานพิเศษอะไร ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“ถึงขนาดนี้แล้วไม่ต้องเล่นละครกับฉันหรอก ฉันได้ยินกิตติศัพท์เธอมานาน เห็นว่าเธอไม่ธรรมดา เอาเป็นว่าฉันมีงานให้เธอทำ สนใจมั้ย”
“ขอโทษนะคะ ฉันว่าคุณคงจำคนผิดแล้วล่ะ”
นิรชาทำท่าจะเดินไป แต่ภูริชก็พูดสวนขึ้น
“สองแสน สำหรับการเล่นละครตบตาใครบางคน”
นิรชาชะงักทันที หันมามองภูริชอย่างสนใจ
“ใคร”
“นายน่านฟ้า ประธานบริษัทมีโชค แค่เธอทำให้หมอนี่หลงเสน่ห์ก็พอ”
นิรชาครุ่นคิดก่อนจะตอบกลับไป
“งานเปลืองตัวแบบนั้น คงต้องจ่ายค่าตัวหนักหน่อยนะ”
“เอาไว้ทำให้ได้ก่อนดีกว่ามั้ย”
“ไม่งั้นฉันก็ไม่ทำ”
นิรชาสะบัดหน้าจะเดินหนี ภูริชรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน เจ้านายฉันยินดีจ่ายห้าหลักแน่ๆ แต่เธอต้องพิสูจน์ก่อนว่า เธอทำให้มันหลงเสน่ห์ได้จริงๆ”
นิรชาหันมามองอย่างพอใจ
“ขอรายละเอียดทั้งหมดของนายคนนั้น แล้วก็บอกมาว่าจะให้เริ่มงานเมื่อไหร่”
ภูริชยิ้มเจ้าเล่ห์
“เดี๋ยวนี้”
นิรชาแปลกใจมาก
ต๋องกำลังขับรถอยู่ โดยมีมัศยานั่งข้างๆ ส่วนวิภานั่งเบาะหลัง วิภากวาดตามองรอบๆ อย่างหงุดหงิด
“นายต๋อง ขับให้มันเร็วๆ หน่อยไม่ได้รึไง”
“ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าครับคุณท่าน”
“ก็ฉันใจร้อน กลัวหาไอ้น่าน เอ่อ ประธานของแกไม่เจอ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะคุณท่าน นายต๋องรู้จักร้านประจำของคุณน่านค่ะ”
“จริงเหรอต๋อง”
“ครับ คุณท่าน ถ้าคุณน่านไม่เปลี่ยนร้าน ยังไงผมก็พาคุณท่านไปเจอคุณน่านได้ครับ”
วิภาหรี่ตาครุ่นคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
น่านฟ้าเต้นกับหญิงโต๊ะข้างๆ ขณะที่สุกิจเบ้หน้าอย่างดูถูก สักพักน่านฟ้าหันมาคว้ามือสุกิจ
“เต้นด้วยกันสิครับอา”
“ไม่ดีกว่า อาแก่แล้ว”
“อะไรครับ เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าอายุก็แค่เลขในบัตรประชาชน มาครับ มาเต้นกันเถอะ”
น่านฟ้าดึงมือสุกิจขึ้นมายืนโยกๆ ใกล้ๆ นิรชาในสุดสวยเปรี้ยวก็ถือแก้วเต้นเบียดเข้ามาอยู่ข้างๆ
น่านฟ้าหันมาเห็นนิรชาก็ตะลึง จำได้ว่าเคยเห็นยืนอยู่ริมถนน
“คุณคนสวย”
นิรชาหันมายิ้มหวานให้
“ไงคะรูปหล่อ”
“ผมมาร้านนี้ประจำ เพิ่งเคยเจอคุณนะครับ”
“ฉันมาครั้งแรกค่ะ ครั้งแรกก็ประทับใจแล้ว”
น่านฟ้าเห็นแววตาเจ้าชู้ที่นิรชาส่งให้ก็ยิ้มพอใจ ภูริชแอบมองอยู่ ขณะที่สุกิจหันไปยิ้มให้ภูริชทันทีที่แผนได้ผล น่านฟ้ารีบเข้ามากระซิบสุกิจ สุกิจพนักหน้ารับ จากนั้นน่านฟ้าก็เข้าไปหานิรชา
น่านฟ้าเดินออกมาหน้าผับกับนิรชา ท่าทางกระดี๊กระด๊าลั้ลลามาก
“มีอะไรจะคุยกับฉันเหรอคะ”
“ผมอยากชวนไปต่อที่อื่นครับ ที่นี่เสียงดัง ผมไม่ได้ยินเสียงหวานๆ ของคุณเลย เอ่อคุณ”
“นิ้มค่ะ”
“นิ้ม ชื่อน่ารัก สมหน้าตาจริงๆ ครับ ผมน่านครับ น่านฟ้า นิ้ม น่าน นิ้ม น่าน โห ยังกับเนื้อคู่กันแต่ชาติปางไหนเลยนะครับ”
นิรชาฟังน่านฟ้าก็แกล้งขำ
“ขำอะไรเหรอครับ”
“คุณน่านตลกดีนะคะ ดีค่ะ นิ้มชอบผู้ชายมีอารมณ์ขัน”
“แหม ผมคนนะครับ ไม่ใช่ไก่ ถึงจะได้มีอารมณ์ขัน”
นิรชาแกล้งขำน่านฟ้าอีก
“คุณนิ้มรู้มั้ยครับว่า เวลาคุณนิ้มหัวเราะ ทำให้โลกทั้งโลกสดใสขึ้นมาทันทีเลย”
“งั้นเหรอคะ”
“ครับ ตกลงว่า คุณนิ้มไปต่อกับผมนะครับ”
นิรชาครุ่นคิด
น่านฟ้าพานิรชาเดินมาบริเวณที่จอดรถ ด้วยอาการเขินอาย
“ตกลงเราจะไปที่ไหนดีคะ”
“ผมมีที่สงบๆ เงียบๆ โรแมนติกสำหรับเราครับ”
“บอกได้มั้ยคะว่าที่ไหน”
น่านฟ้ากำลังอ้าปากจะพูด แต่แล้วเสียงวิภาก็ดังขึ้น
“ที่นรกดีมั้ย”
“ก็ดีนะครับ เย้ย เมื่อกี้เสียงคุณนิ้มเหรอครับ”
วิภา มัศยา และต๋องเดินเข้ามา
“เสียงฉันเอง”
น่านฟ้าค่อยๆ หันมาช้าๆ เห็นวิภาก็หน้าเสีย
“แม่ใหญ่”
“ใช่ ฉันเอง มีอะไรมั้ย”
“เจ๊โหด ไอ้ต๋อง นี่ใครใช้ให้พาแม่ใหญ่มาที่นี่ หะ”
ต๋องเขยิบไปหลบหลังมัศยาทันที
“คำสั่งคุณท่าน ฉันคงปฏิเสธไม่ได้ค่ะ”
น่านฟ้าหงุดหงิด แต่ทำใจดีสู้เสือ แนะนำนิรชากับวิภา
“เอ่อ คุณนิ้มครับ นี่แม่ใหญ่ของผม แม่ใหญ่ครับ นี่คุณนิ้มครับ”
“ฉันไม่อยากรู้จัก ที่ฉันมาก็เพราจะตามแกกลับบ้าน”
“แต่นี่มันนอกเวลางานนะครับ ผมจะไปไหนทำอะไรก็ได้”
“ใครบอกว่านอกเวลางาน ตอนนี้แกเป็นประธานบริษัท งานต้องอยู่ในหัวใจแกทุกขณะจิต แล้วไอ้การที่แกเที่ยวแรดๆๆ มาเที่ยวกลางคืนแบบนี้ มันจะทำให้พรุ่งนี้แกตื่นไปทำงานไม่ไหว เพราะฉะนั้น กลับบ้านกับฉัน เดี๋ยวนี้”
น่านฟ้าเบ้หน้าเซ็ง
นิรชาเดินกลับเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับสุกิจ ซึ่งกำลังนั่งดื่มอยู่กับภูริช
“ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ”
“มีคนมาตามหมอนั่นกลับค่ะ”
สุกิจและภูริชชะงักแปลกใจ
“ใครเหรอ”
“ได้ยินเขาเรียกว่าแม่ใหญ่ค่ะ”
สุกิจและภูริชหน้าเสีย
“แล้วเธอบอกรึเปล่าว่าฉันอยู่ในนี้”
ภูริชถามร้อนใจ
“เปล่าค่ะ ทีนี้มาคุยเรื่องเงินกันดีกว่า เป็นอันว่าฉันสามารถหว่านเสน่ห์ใส่นายน่านฟ้าได้ ตกลงพวกคุณจะว่าไง”
“ฉันไม่ได้ให้เธอทำแค่นี้ แต่หน้าที่เธอคือต้องทำให้มันหลงเธอจนเสียงานเสียการ แค่นี้ทำได้มั้ย”
“ขึ้นอยู่กับค่าตอบแทนค่ะ”
“พูดกันตรงๆ ก็ดี งั้นฉันจ้างเธอ สองแสน”
“ฉันว่างานนี้เสี่ยงมากสำหรับฉัน ฉันขอสี่แสนค่ะ”
สุกิจหันมามองหน้าภูริช นึกไม่ถึงในความเขี้ยวของนิรชา
“มากไปรึเปล่า นี่มันงานถนัดเธออยู่แล้วนี่”
ภูริชแย้ง
“แต่ผลตอบแทนงานนี้น่าจะสูงพอที่พวกคุณจะลงทุนกับฉันไม่ใช่เหรอคะ”
“เอาล่ะ สี่แสนก็สี่แสน แต่ถ้าเธอทำไม่ได้ ฉันบอกได้เลยว่า ฉันเรียกคืนจนคุ้มแน่”
สุกิจยืนยัน นิรชาสะอึก กลัวๆ
น่านฟ้าเดินเซ็งเข้ามาในบ้าน โดยที่วิภากระตุกแขนเสื้อให้เข้ามาด้วยกัน ขณะที่มัศยาและต๋องเดิน
ตามมา สุกัญญาเดินเข้ามาแปลกใจมาก
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“ฉันพาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเธอมาส่ง”
สุกัญญาหันขวับไปทางน่านฟ้า
“ตาน่าน ไปก่อเรื่องอะไรมาอีก”
“ก่อเรื่องอะไรล่ะครับแม่ แม่ใหญ่ต่างหากมาขัดลาภผม ดูซิ อุตส่าห์เจอเนื้อคู่แล้ว แม่ใหญ่ก็มาพรากไปหน้าตาเฉย”
“นี่แกยังมีหน้ามาโทษฉันอีกเหรอ ไอ้น่านมันไปเที่ยวผับแล้วก็กำลังล่อลวงผู้หญิงไปทำมิดีมิร้าย ดีนะที่ฉันไปเจอซะก่อน ไม่งั้นลูกชายเธอได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมแน่ๆ”
“โห ใส่ร้ายชัดๆ รู้ได้ไงครับว่าผมจะทำเรื่องผิดศีลธรรม เจ๊โหด ทำไมเจ๊ไม่ช่วยแก้บ้าง บอกแม่ใหญ่ไปว่าผมเป็นคนชีกออย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ อย่างนั้นเลย”
น่านฟ้าหน้าแทบคะมำ ขณะที่ต๋องแอบขำ น่านฟ้าชี้หน้าคาดโทษต๋อง ต๋องรีบหลบหลังมัศยาทันที
“เอาล่ะ ดึกมากแล้ว แกรีบไปอาบน้ำนอนซะ พรุ่งนี้ฉันจะให้นายต๋องมารับแกแต่เช้า”
น่านฟ้าทำปากมุบมิบล้อเลียน มัศยาเพลียๆ เอามือแตะหน้าผากตัวเอง วิภาหันมาเห็นก็เอ่ยถาม
“เป็นอะไรรึเปล่ามัศยา”
“เปล่าค่ะ”
“ไป งั้นเรากลับกันดีกว่า”
มัศยา วิภา และต๋องเดินออกไป น่านฟ้ามองตามทั้งสามคนอย่างเซ็งจัด
คืนนั้น มัศยานอนซมเพราะพิษไข้ เหงื่อแตกเต็มหน้า เธอค่อยๆ ลุกขึ้น ดึงลิ้นชักหัวเตียง หยิบขวดยาลดไข้ และรินน้ำที่อยู่หัวเตียง กินยา สมใจเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
“อ้าว แม่เห็นไฟที่ห้องเปิด นึกว่าหลับแล้วลืมปิดไฟ”
“หยีไม่ค่อยสบายค่ะแม่”
สมใจชะงักเดินเข้ามาเอามือแตะลูกสาวก็ตกใจ
“ตัวร้อนจี๋เลย”
“เจ็บแขนค่ะแม่ สงสัยจะอักเสบ”
“งั้นพรุ่งนี้ลางานพักอยู่บ้านสักวันดีมั้ย”
“ไม่ได้หรอกค่ะแม่ ตอนนี้บริษัทกำลังหัวเลี้ยวหัวต่อ ถ้าหยีไม่ไปคุมหมอนั่น รับรองว่าเละ”
สมใจถอนหายใจระอา
“งั้นก็รีบนอนพักซะ เผื่อพรุ่งนี้จะดีขึ้น”
มัศยานอนลงคุดคู้อยู่ในผ้าห่ม สมใจเดินไปปิดไฟให้ลูก แล้วออกไป
ตอนเช้า น่านฟ้านอนยิ้มเคลิบเคลิ้มมีความสุขมาก จับมือของใครคนหนึ่งมาจูบ จูบไล่ไปตั้งแต่หลังมือ แขน ต้นแขน หัวไหล่ แก้ม
“คุณนิ้มหอมไปหมดทั้งตัวเลยนะครับ”
ต๋องโดนน่านฟ้าจูบอยู่ก็แกล้งทำเป็นเคลิ้ม
“เอ ไปดมดีๆ ก็เหม็นเหมือนกันแฮะ”
น่านฟ้าจะจูบปาก ลืมตาขึ้นมา เห็นต๋องเข้า
“เฮ้ย ไอ้ต๋อง”
ด้วยความตกใจน่านฟ้าจึงถีบต๋องผงะออกไป
“โอ๊ย คุณน่านถีบต๋องทำไมครับ”
“ก็ใครใช้ให้แกมาอยู่ในห้องฉันวะ”
“ต๋องก็แค่มาปลุกคุณน่านเฉยๆ ใครจะไปคิดว่าคุณน่านจะหื่นขนาดนี้ นี่ถ้าคุณน่านไม่ตื่นนะ ไอ้ต๋องเสียตัวแน่”
น่านฟ้ายกขาจะถีบต๋องอีกที
“ก่อนจะเสียตัวแกได้เสียชีวิตก่อนแน่ ทีหลังจะเข้ามาให้สุ้มให้เสียงก่อน คนกำลังฝันดี เพราะแกคนเดียวทำฝันฉันสลาย ไปออกไปได้แล้ว”
“ต๋องยังไปไหนไม่ได้ครับ จนกว่าจะแน่ใจว่าคุณน่านไม่นอนต่อ”
“ฉันตื่นแล้ว ถ้าขืนแกไม่ออกไป ฉันเตะแกโด่งออกไปแน่ๆ ไปเซ่”
“ครับๆๆ ไปแล้วครับ”
ต๋องรีบเปิดประตูออกไป น่านฟ้าหงุดหงิด ฮึดฮัด
น่านฟ้าเดินลงมาจากชั้นบนเห็นมัศยานั่งอยู่ที่โซฟาก็เซ็ง
“อ้าว มาด้วยเหรอเจ๊ นึกว่าไอ้ต๋องมาคนเดียวซะอีก”
มัศยามองน่านฟ้าอย่างเซ็งๆ
“นึกว่าฉันอยากมานักรึไง ฉันกลัวต๋องมันตามคุณไม่ทัน ถึงต้องมาเอง”
“เจ๊ก็รู้ว่าผมไม่ได้เกเรแบบนั้นซะหน่อย”
“ยิ่งกว่านั้นต่างหาก ไปได้แล้วค่ะ”
“นี่จะไม่ให้ผมกินข้าวเช้าก่อนรึไง”
“ค่ะ วันนี้คุณตื่นสาย เราเสียเวลามามากพอแล้ว ไปกินข้างนอกเอาละกัน วันนี้คุณต้องไปโรงงานกับฉัน”
“นี่มันบริษัท หรือโรงเรียนดัดสันดานกันแน่วะ”
มัศยาหันขวับมาค้อนน่านฟ้า น่านฟ้าชะงักทันที
“โอเคๆ ไปก็ไป เชื่อฟังแล้วคร้าบ”
น่านฟ้าเดินนำออกไป มัศยาซึ่งปั้นหน้าเป็นยักษ์ ก็ค่อยคลายลง
“เหนื่อยมั้ยเจ๊ ต้องปั้นหน้ายักษ์ตลอดเวลา”
“เมื่อยหน้าจะแย่”
มัศยาและต๋องเดินออกไป
น่านฟ้ากำลังจะเดินไปที่รถ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เหลือบไปที่รถตัวเอง รีบควักรีโมทในกระเป๋า
กางเกงมากด แล้วเดินไปที่รถตัวเองแทน
“ฝันไปเถอะว่าไปด้วย”
แต่แล้ววิภาก็โผล่มาจากด้านหลัง
“จะไปไหนฮะไอ้น่าน”
น่านฟ้าสะดุ้งโหยง หันมาเห็นวิภายืนอยู่ข้างหลัง
“แม่ใหญ่”
วิภายืนเท้าเอวดูน่านฟ้า ด้วยสายตาระอา
“ฉันคิดแล้วไม่มีผิดว่าน้ำหน้าอย่างแกมันต้องหนี มานี่เลย”
วิภาดึงหูน่านฟ้าเดินออกไป
“โอ๊ยๆๆ เจ็บนะครับแม่ใหญ่”
“ดีนะที่ฉันตัดสินใจไปด้วย ไม่งั้นสองคนนี้คงเหนื่อยตามแกทั้งวันแน่ๆ”
มัศยาและต๋องยืนอยู่ด้วยแอบยิ้ม แล้วมัศยาก็หันไปพูดกับน่านฟ้า
“ที่ฉันปล่อยให้คุณเดินมาก่อนเพราะรู้ว่าคุณท่านจะไปด้วยค่ะ”
น่านฟ้าทำปากมุบมิบแอบด่ามัศยาเบาๆ
“ขึ้นรถได้แล้ว เสียเวลาจริงๆ เลย”
วิภาขึ้นรถ น่านฟ้ายอมตามเข้าไปนั่งในรถแบบขอไปที
ต๋องขับรถมาจอดหน้าโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง ทั้งหมดลงจากรถ วิภาเดินนำหน้าจะพาน่านฟ้าเข้าไปดูงานในโรงงาน น่านฟ้ากวนประสาทวิภาทันที
“นี่จะพาผมมาฆ่าทิ้งหมกโกดังเหรอ ทำไมไม่บอกดีๆ จะได้พาสาวๆ มาอยู่ด้วย อย่างน้อยจะตายก็จะได้ตายอย่างมีความสุขหน่อย”
วิภาหยุดเดินแล้วหันหน้ามาถามมัศยา
“มัศยา เธอมีลิปมันมั้ย”
มัศยางง แต่รีบตอบ
“ไม่มีค่ะ”
น่านฟ้าได้ที เยาะใส่
“แม่ใหญ่ถามหาลิปมันจากผู้หญิงอย่างยัยเจ๊โหดเนี่ยนะ ฮ่าๆ”
มัศยาค้อนใส่ ต๋องเอามือหยิบจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้วิภา
“ผมมีครับคุณท่าน”
ทุกคนมองอย่างแปลกใจ วิภารับจากต๋องมายื่นให้น่านฟ้า
“อ้ะ”
“ให้ผมทำไม”
“ทาปากซะสิ ท่าทางจะอดอยากปากแห้ง ถึงได้ถามหาแต่ผู้หญิงตั้งแต่ไก่โห่”
“อูย มุกคุณท่านเนี่ย เจ๋งจริงๆ ครับ”
วิภามองค้อนใส่ต๋อง
“อูย”
วิภาหันไปคุยกับน่านฟ้าต่อ
“ฉันถามจริงๆ ในสมองอันน้อยๆ ของแกเนี่ย มันมีเรื่องอื่นอีกมั้ย นอกจากเรื่องใต้สะดือ”
“ไม่มี ผมเป็นคนชัดเจน”
น่านฟ้ายักคิ้วให้วิภา
“แกนี่มันเกินเยียวยาจริงๆ”
วิภาโกรธ เดินเข้าโรงงานไป มัศยามองทั้งคู่ต่อปากต่อคำกันก็ถอนใจ อีกทั้งอากาศร้อนก็มีอาการเวียนหัวเมาแดดเบาๆ
วิภาและมัศยาคุมน่านฟ้าเดินดูการผลิตแต่ละขั้นตอน โดยมีต๋องเดินประกบท้ายขบวน ป้องกันน่านฟ้าวิ่งหนี มัศยาเดินด้วยความรู้สึกไม่สบายและจะเป็นลมอยู่ตลอด แต่พยายามกลั้นไว้
วิภาชี้มือไปยังสายพานที่มีไลน์การผลิตทีละขั้นๆ อย่างตั้งใจ ขณะที่น่านฟ้าก้มหน้าดูมือถือ มัศยาจึงดึงมือถือมาเก็บไว้เอง น่านฟ้าค้อนใส่
เจ้าของโรงงานพาไปดูการบรรจุหีบห่อ และอธิบายขั้นตอน ว่าขั้นนี้สำคัญต่อความสะอาด มากแค่ไหน น่านฟ้าเอานิ้วไปจิ้มๆ จนแป้งทะลักออกมา แล้วเอาแป้งที่ติดนิ้วมา ดีดใส่หน้ามัศยา มัศยาจาม
เจ้าของพาไปดูรถสิบล้อจำนวนมากที่จอดรอขนของอยู่กลางแจ้ง มัศยาเจอแดด ทำท่าจะล้มอยู่หลายรอบ แต่บังคับตัวเองไว้ น่านฟ้าแอบอยู่หลังต๋องเพราะกลัวผิวเสีย
เจ้าของพาไปดูสต็อคในโกดัง ทุกคนดูคร่ำเคร่ง ขณะที่น่านฟ้า เล่นรถเข็นวิ่งผ่านไปมา จงใจป่วนจนวิภาทนไม่ไหว
“ไอ้น่าน นี่แกจะตั้งใจได้เมื่อไร ฮะ”
น่านฟ้าชะงัก จับรถเข็นค้าง ด้วยใบหน้าสนุกสุดๆ
ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 3 (ต่อ)
ภายในออฟฟิศของโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง วิภามีสีหน้าเคร่งเครียด
“จากการดูงานในวันนี้ ดิฉันว่าคุณแก้ปัญหาผิดจุดนะ แทนที่คุณจะเพิ่มเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต แต่คุณกลับเอาเงินไปซื้อรถขนส่งเพิ่ม ทั้งที่ยังผลิตได้เท่าเดิม”
เจ้าของโรงงานหน้าเสีย รีบแก้ตัว
“คือเรื่องเครื่องจักรเราก็กำลังคิดอยู่นะครับ แต่ว่ามันใช้งบที่ค่อนข้างสูง ก็เลยต้องรอหน่อย”
วิภาสวนทันที
“แต่ความต้องการของลูกค้า เรารอไม่ได้นะคะ ถ้าคุณไม่พร้อม เราก็จะไปใช้ของที่อื่น”
น่านฟ้าหาวออกมาดังมากเพื่อขัดจังหวะ ทุกคนมองน่านฟ้า เขาจึงแทรกความคิดเห็น
“ต้องไปหาทำไมให้ยุ่งยาก ทำไมเราไม่เปลี่ยนโรงงานหรือไม่ก็ผลิตเองเลยล่ะ ประหยัดกว่าตั้งเยอะ”
วิภานึกแผนขึ้นมาได้
“เออ ก็จริง งั้นแกจัดการเรื่องนี้เลยนะไอ้น่าน”
น่านฟ้าอ้าปากค้าง
“หา แม่ใหญ่หมายความว่าไงนะ”
“ก็แกเสนอความเห็นมา แกก็ต้องรับไปทำ เดี๋ยวแกไปทบทวนมาว่าจะมีวิธีไหนที่จะทำให้ต้นทุนลดลง แถมผลิตได้เร็วตามความต้องการของลูกค้าด้วย”
น่านฟ้ายิ่งอึ้งมากกว่าเดิม ระหว่างนั้นมัศยาเซแล้วล้มลงเพราะฤทธิ์ไข้ น่านฟ้าตกใจรีบเข้าไปรับ
“เฮ้ย เจ๊”
ทุกคนตกใจ
มัศยานอนหลับอยู่บนโซฟา ภายในห้องทำงานของเจ้าของโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง ทุกคนรุมล้อม น่านฟ้ายืนมองต๋องบิดผ้าเปียกจะเช็ดหน้าให้มัศยา แต่ดูชุ่มมากก็หงุดหงิด
“แกบิดผ้าอีกสิวะไอ้ต๋อง ผ้าเปียกแบบนั้นเขาไม่เรียกเช็ดตัวแล้ว เขาเรียกอาบน้ำ”
ต๋องบิดผ้าแบบงกๆ เงิ่นๆ ไม่ได้ดั่งใจน่านฟ้า น่านฟ้าผลักต๋องออกด้วยความรำคาญ
“มานี่มา ฉันทำเองดีกว่า อะไรกัน แค่นี้ก็ทำไม่ได้”
น่านฟ้าแย่งผ้ามาบิดหมาดๆ แล้วเช็ดหน้าให้มัศยาเบาๆ วิภามองอยู่ แอบยิ้มอย่างพอใจ
“เพิ่งรู้นะว่าเป็นคนอ่อนโยนเหมือนกัน”
“ครับแม่ใหญ่ เพราะผมมีแม่เป็นไอดอล ถ้าทำแบบแม่ใหญ่คงกดหน้าเจ๊โหดจนคอเคล็ดแล้วมั้ง”
วิภาขมวดคิ้วไม่พอใจ
“ถ้าฉันจะโหดก็โหดกับแกคนเดียว เพราะแกมันเหลือขอจริงๆ”
ต๋องเห็นเจ้าของโรงงานยืนหน้าเจื่อนๆ ก็เข้าไปกระซิบวิภา
“คุณท่านครับ”
ต๋องพยักเพยิดไปทางเจ้าของโรงงาน วิภาชะงักหน้าเจื่อนๆ หันไปยิ้มกับเจ้าของโรงงาน มัศยาค่อยๆ ลุกขึ้นผละจากมือน่านฟ้า วิภาหันมามองมัศยา
“เป็นไงบ้างมัศยา”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
“งั้นก็กลับกันเลยนะ เอ่อ ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวฉันคงต้องพาพนักงานฉันกลับแล้วล่ะค่ะ”
“อยู่พักก่อนก็ได้นะครับคุณวิภา”
“ไม่เป็นไรค่ะ ให้เขากลับไปพักสะดวกกว่า”
น่านฟ้ามองมัศยาอย่างเป็นห่วง
“ไหวแน่เหรอเจ๊ ท่ายืนเจ๊ยังกะซอมบี้อยู่เลย”
“ไหวค่ะ”
“ตาน่าน เดี๋ยวอุ้มมัศยาไปที่รถเลย ฉันว่าพาไปหาหมอก่อนดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่เป็นไข้แค่นี้เอง ฉันเดินเองได้”
มัศยาลุกขึ้นยืนแต่แล้วก็เซไปซบน่านฟ้าอีก
“ปากดีจริงๆ นะเจ๊ ตกลงไหวจริงปะเนี่ย อายุอานามก็ไม่น้อยแล้วนะ”
“ไหวค่ะ”
มัศยากระแทกเสียง แล้วผละจากน่านฟ้าเดินออกไป วิภาหันไปบอกต๋อง
“งั้นนายไปส่งมัศยาที่บ้านก่อนแล้วกัน”
“ครับคุณท่าน”
วิภาและต๋องเดินออกไป ขณะที่น่านฟ้ามองตามมัศยาด้วยความเป็นห่วง
น่านฟ้ากลับมาบ้าน นั่งบนโซฟา เอนหลังอย่างเซ็งๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขามองโทรศัพท์ด้วยความสงสัย กดรับ
“ครับอาสุกิจ”
“น่าน ออกมาหาอาหน่อยได้มั้ย”
“อามีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ วันนี้ผมออกจากบ้านมาทั้งวันแล้ว เลยอยากนอนเร็วน่ะครับ”
“อ้าวเหรอ แย่จัง พอดีอาเจอสาวคนหนึ่งน่ะ เขาบอกว่ารู้จักกับหลานแล้วอยากเจอ อาก็เลยอาสาโทรตามให้ แต่ถ้าน่านเพลียก็นอนเถอะ แค่นี้นะ”
น่านฟ้าเด้งตัวขึ้นมา คุยโทรศัพท์ด้วยเสียงสดใสมาก
“ดะเดี๋ยวครับ ที่ไหนครับอา ผมไปได้ สบายมาก”
สุกิจยิ้มอย่างผู้ชนะ
ตอนค่ำ น่านฟ้าเดินเข้ามาในผับ มองไปรอบๆ สักพักบริกรเดินเข้ามาหา และผายมือพาไปยังห้องวีไอพี น่านฟ้าเปิดประตูเข้ามา เห็นสุกิจนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“หวัดดีครับ ไหนล่ะ สาวที่อาบอกไว้”
“หึๆ ใจเย็นๆ สิ อยากเจอสาวสวยก็ต้องอดทนรอหน่อย”
น่านฟ้ามองสุกิจอย่างไม่แน่ใจ สุกิจยิ้มมีเลศนัย
ด้านนอกผับ ปารณมาดักรอเจอนิรชา นิรชาแต่งตัวสวยเดินมา ปารณรีบมาดักไว้
“ยัยสิบแปดมงกุฎ”
นิรชาตกใจรีบวิ่งหนีปารณทันที
“เฮ้ย อย่าหนีนะ”
ปารณวิ่งไล่ตาม นิรชาวิ่งหนีเข้าซอยแคบๆ ปัดกล่องลังที่วางอยู่ข้างทางให้มาขวางทางไว้ เพื่อให้ปารณตามมาลำบากขึ้น ปารณกระโดดข้ามได้ 1 กล่อง
“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ”
นิรชาปากล่องใส่หน้าปารณแทน ปารณหน้าหงาย ล้มทั้งยืน
“โอ๊ย”
นิรชาหยุดหันกลับมายิ้มเยาะใส่ แล้ววิ่งหนีไป
“ยัยตัวแสบเอ๊ย”
ปารณรีบวิ่งตามนิรชาไปทันที นิรชาเดินผ่านตลาดเพื่อไปโผล่ถนนใหญ่ เธอหันไปดู ไม่เห็นปารณตามมา เลยหยุดยืนหอบ แล้วเดินไปช้าๆ อย่างเหน็ดเหนื่อย
เสียงฝีเท้าคนตามมา นิรชาเหลียวไปมอง เห็นปารณวิ่งตามมาไกลๆ เลยแอบข้างลังผัก ปารณวิ่งมาหยุดแถวลังที่นิรชาแอบอยู่ มองซ้ายมองขวา ทำท่าจะเดินย้อนกลับ หนูโผล่ออกมาที่นิรชาแอบอยู่
“อ๊าย”
ปารณหยุด หันกลับมา
“อยู่นี่เอง”
นิรชาวิ่งหนีต่อ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ปารณวิ่งตามไป แต่แล้วก็หยุด และวิ่งอ้อมไปอีกทาง นิรชากำลังวิ่งจะออกไปสู่ถนนใหญ่ ปารณดักรวบตัว ล็อคคอเธอเอาไว้ได้
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ ปล่อย บอกให้ปล่อย”
“ปล่อยให้โง่เหรอ”
“แค่กๆๆ ฉันจะหายใจไม่ออกแล้ว แค่กๆ”
ปารณปล่อยคอแต่ยังรวบแขนไว้อยู่ นิรชานึกแผนได้
“ปล่อยฉันเถอะ ฉันขอร้อง ฉันต้องรีบไปดูอาการพ่อ”
ปารณชะงักงงๆ
“จะมาไม้ไหนอีกล่ะ”
นิรชาทำหน้าเศร้า เล่นละครตบตา ร้องไห้
“พ่อฉันกำลังป่วย ให้ฉันไปหาพ่อเถอะนะ”
“อย่ามาเล่นละคร คิดว่าฉันจะโง่เชื่อเธออีกเหรอ”
“ฉันพูดจริงๆ พ่อฉันรอยาจากฉันอยู่ ฉันต้องรีบซื้อยาพ่นให้พ่อ”
“เดี๋ยวนี้เขาหายารักษากันที่ผับเหรอ จะโกหกก็ช่วยหาเรื่องที่มันเนียนหน่อย”
นิรชาหน้าเสีย แต่พยายามแสดงละครต่อ
“ฉันจะไปเอาเงินที่ผับต่างหาก คนรวยๆ อย่างคุณจะมาเข้าใจอะไรคนจนๆ อย่างเรา”
ปารณเริ่มไม่แน่ใจ เสียงโทรศัพท์นิรชาดังขึ้น สุกิจโทรหา นิรชากดรับ
“พ่อเหรอคะ”
“อยู่ไหน ทำไมไม่รีบมา คิดจะเบี้ยวเหรอ”
“หนูกำลังรีบไปนะคะพ่อ พ่ออดทนรอหนูอีกนิดนะคะ พ่ออย่าเพิ่งตายนะคะ”
“นี่เธอพูดบ้าอะไรเนี่ย เธออย่าลืมนะว่าเธอรับเงินไปแล้ว”
“หนูไม่ลืมค่ะพ่อ หนูจะรีบไปให้เร็วที่สุดเลยค่ะ”
นิรชาวางสาย หันมาขอร้องปารณ
“คุณฉันขอยืมเงินคุณไปเป็นค่ายาก่อนได้มั้ย พ่อฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ”
ปารณหน้าเสียนิดๆ
“ตกลงเธอไม่ได้โกหกแน่นะ”
“มีใครกล้าแช่งพ่อตัวเองบ้าง ช่วยฉันด้วยนะ ฉันขอร้อง ฉันไหว้ล่ะ”
“เออๆๆ รอแป๊บนะ”
ปารณก้มหน้าดูในกระเป๋าตังค์ว่ามีเงินอยู่เท่าไร นิรชาฉวยโอกาสโบกมอเตอร์ไซค์ กระโดดขึ้นรถ หนีไป
เธอโบกมือลาและส่งจูบให้ปารณ
“ไปก่อนนะจ๊ะ พ่อคนใจบุญ”
“เฮ้ย ยัยตัวแสบ ฮึ้ย”
ปารณแค้น
นิรชาลงจากรถมอเตอร์ไซค์ ยื่นเงินให้ มอเตอร์ไซค์ขับออกไป นิรชาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาสุกิจ
“วันนี้ฉันไม่สะดวก ขอเลื่อนนัดไปก่อนนะ”
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับนายจ้างเธอฮะ ถ้าเธอไม่มา ฉันจะเอาเงินฉันคืนทั้งหมด”
น่านฟ้าเปิดประตูเข้ามา เห็นสุกิจคุยโทรศัพท์อยู่
“น้องคนนั้นโทรมารึเปล่าครับ แล้วน้องเขาอยู่ที่ไหนแล้วครับ มาขอผมคุยเอง”
น่านฟ้าแย่งโทรศัพท์สุกิจไปคุย สุกิจกังวลใจกลัวนิรชาไม่รู้ว่าพูดอยู่กับน่านฟ้า จึงแกล้งพูดเสียงดังๆ ดักทางไว้ก่อน
“น่านฟ้าจะคุยเองเลยเหรอ”
น่านฟ้างงว่าทำไมสุกิจต้องพูดเสียงดัง แต่ก็ไม่สนใจเท่ากับได้คุยโทรศัพท์กับสาวสวย
“ฮัลโหล นี่น่านฟ้านะครับ ทำไมคุณยังไม่มาซะที ผมรอจนคิดถึงจะแย่แล้วนะ”
สุกิจโล่งใจ มองยิ้มๆ ที่แผนเริ่มเข้าทาง
“อ้าวไม่สะดวกมาที่นี่แล้วเหรอ งั้นสะดวกที่ไหน บอกผมมาเลย ผมไปหาได้หมดอยู่แล้ว โอเค เดี๋ยวผมตามไป รอผมนะ จุ๊บๆ”
สุกิจงงว่านิรชานัดน่านฟ้าไปที่ไหน
“ผมไปก่อนนะครับอา ผมรีบ”
น่านฟ้าออกไป ปล่อยให้สุกิจงงต่อไป
นิรชานั่งรออยู่ที่ร้านข้าวต้มริมทาง ที่โต๊ะมีอาหารอยู่ 3 อย่าง ผัดผักบุ้ง ไข่เจียว ยำปลากระป๋อง น่านฟ้าเดินเข้ามาร่วมโต๊ะด้วย มองหน้านิรชา และมองอาหารอย่างงงๆ
“รอนานมั้ยครับ เอ่อ คุณ”
“นิ้มค่ะ”
“อ่อใช่ๆ คุณนิ้ม พอดีผมจำได้แต่ใบหน้าสวยๆ เลยลืมชื่อไปเลย”
“รอไม่นานหรอกค่ะ ถ้าเรารอคนที่อยากจะรอ”
น่านฟ้ายิ้มอย่างเจ้าชู้
“คุณนิ้มอยากเอาอะไรเพิ่มมั้ยครับ เอาปลา หรือ กุ้ง ปลาหมึก เพิ่มมั้ย สั่งกุ้งมังกรก็ได้นะ ผมเลี้ยงเอง”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันชอบกินแบบธรรมดาๆ”
“งั้นผู้ชายธรรมดาๆ อย่างผมเนี่ย นิ้มชอบมั้ย”
“แล้วผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างฉันเนี่ย คุณชอบหรือเปล่าล่ะ”
น่านฟ้ามองตานิรชาอย่างรู้ทัน และชอบใจที่มีคนต่อปากต่อคำด้วย
สุกิจนั่งอยู่ในรถ มองเข้าไปในร้านข้าวต้ม เห็นน่านฟ้านั่งกินอาหารกับนิรชาอย่างมีความสุขมาก ก็ยิ้มเย้ยหยัน ที่น่านฟ้าดูไม่ได้เรื่อง ก่อนจะขับรถออกไป
เด็กเสิร์ฟมายืนข้างโต๊ะ นิรชาทำท่าจะจ่ายค่าอาหารเอง แต่น่านฟ้าห้ามไว้ และหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา ควักแบ็งค์เตรียมจ่าย
“ผมขอเลี้ยงเองนะครับ ในฐานะสุภาพบุรุษ”
“ให้ฉันออกเถอะค่ะ ถือว่าฉันเลี้ยงขอโทษที่ทำให้คุณรอแล้วกัน”
น่านฟ้าเอื้อมมือไปกุมมือนิรชาไว้
“สำหรับคนพิเศษ นานแค่ไหนผมก็รอได้”
นิรชาช้อนตาขึ้นมอง
“งั้นคุณช่วยไปส่งคนพิเศษคนนี้ที่บ้านหน่อยได้มั้ยคะ”
น่านฟ้ายิ้มร่า รีบลุกขึ้นยืนทันที
“ไปเลยมั้ยครับ”
นิรชาตกใจที่น่านฟ้ารีบมากขนาดนี้ น่านฟ้ายิ้มแฉ่ง
น่านฟ้าจอดรถที่อพาร์ทเม้นต์ที่เป็นห้องเช่ารายวัน นิรชาเดินลงจากรถ พลันหันไปพูดกับน่านฟ้า
“ขอบคุณมากนะคะคุณน่าน”
นิรชาจูบที่นิ้วของตัวเองแล้วเอามาแตะที่แก้มของน่านฟ้า น่านฟ้าเคลิ้มหลับตา พอลืมตามาก็ พบว่านิรชาขึ้นตึกไปแล้ว
“โธ่เว้ย ไอ้น่าน มัวแต่เคลิ้ม อดเลยเห็นมั้ย”
น่านฟ้านั่งหงุดหงิดอยู่ในรถ
มัศยานอนอยู่บนเตียง นะดีนั่งอยู่ข้างๆ เด็กน้อยเอามืออังที่หัวแม่
“คุณแม่ยังมีไข้อยู่นะคะ พรุ่งนี้ต้องพักอยู่บ้าน นะดีจะไม่ไปเรียนพิเศษแล้วอยู่เฝ้าคุณแม่เอง”
“หาเรื่องเบี้ยวโรงเรียนน่ะสิ คิดว่าแม่รู้ไม่ทันเหรอ”
นะดีสวมบทคุณหมอทันที
“นี่คนไข้กำลังดื้อกับคุณหมอนะคะ คนไข้ต้องนอนพักเยอะๆ นะคะ”
นะดีส่งยากับน้ำให้มัศยากิน
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
“ไม่ดื้อไม่ซนนะคะคนไข้ของหมอนะดี”
มัศยาขำในความน่าเอ็นดูของนะดี นะดีห่มผ้าให้มัศยา และทำท่ากล่อมให้นอน เหมือนผู้ใหญ่กล่อมเด็กนอน พลางร้องเพลงกล่อมอีกด้วย มัศยาหัวเราะออกมา และรีบค้านที่เนื้อเพลงมันผิด
“เนื้อมันร้องว่ากระต่ายลอยคลอไม่ใช่เหรอลูก”
“ก็นะดีไม่ชอบให้มันลอยคลอ แต่นะดีอยากให้กระต่ายมีปีกบินได้ เป็นนางฟ้า นะดีก็เลยแต่งใหม่ เป็นกระต่ายลอยปลิวไงคะแม่หยี”
มัศยายิ้มเอ็นดู
“แม่ว่าถ้าแม่ต้องมานั่งฟังเนื้อใหม่ในเพลงกล่อมนอนของนะดีแล้วล่ะก็ แม่นอนไม่หลับแน่ๆ เลย นะดีไปนอนเถอะลูก”
นะดีทำท่าจะจูบแก้มมัศยา
“อย่าลูก เดี๋ยวติดหวัดจากแม่ ไว้หายก่อนแล้วเราค่อยมาจุ๊บกันนะคะ”
“ค่ะแม่หยี ฝันดีนะคะ”
นะดีเดินออกไป มัศยานอนยิ้มอยู่คนเดียว พลิกตัวไปมองหัวเตียง มีรูปพี่ชายอยู่ มัศยายิ้มเศร้าๆ
น่านฟ้าไขประตูเข้าบ้านอย่างอ่อนเพลีย สุกัญญาเปิดไฟ พรึ่บ
“ไปไหนมาเหรอตาน่าน ถึงกลับมาซะตี 4 แบบนี้”
น่านฟ้าอึกอักหาคำแก้ตัว
“ไปดูบอลกับเพื่อนมาครับแม่”
“เมื่อวานไม่เข็ดเหรอ ที่แม่ใหญ่ไปตามจิกถึงผับ นี่ยังจะกล้าเหลวไหลอีกนะ”
“พรุ่งนี้วันอาทิตย์นี่ครับ มันต้องมีวันพักผ่อนให้ผมบ้างสิ”
น่านฟ้าพุ่งเข้าไปกอดสุกัญญา แล้วแกล้งหาวดังๆ
“ง่วงจังเลย ไปนอนก่อนนะครับแม่ แม่ก็รีบนอนล่ะ นอนดึก เดี๋ยวคอลลาเจนไม่ทำงาน หน้าเหี่ยวแย่เลย”
น่านฟ้าหัวเราะขึ้นบันไดไปด้วยความรวดเร็ว
“ตาน่าน มานี่ก่อน แม่ยังพูดไม่จบเลย เจ้าลูกคนนี้นี่”
สุกัญญาหัวเสีย
ตอนเช้า ต๋องมาปลุกน่านฟ้า ดึงผ้าห่มออกจากตัว
“คุณน่าน ตื่นได้แล้ว”
น่านฟ้าโมโห
“เฮ้ย คนจะนอน อย่ากวนใจ”
ต๋องปลุกน่านฟ้า ด้วยการกระพือผ้าห่มขึ้นลงให้ลมเข้าไปในผ้า ให้น่านฟ้าหนาว
“คุณน่าน สายแล้วครับ”
น่านฟ้าโมโห ลุกขึ้นนั่ง
”โอ๊ย จะตามจิกอะไรกันนักกันหนา นี่ตกลงฉันเป็นประธานหรือเป็นทาสแกกันแน่ ฮะ ไอ้ต๋อง”
“คุณน่านอยากเป็นอะไรล่ะครับ”
น่านลุกขึ้นยืนทำท่าจะเตะต๋อง
“ไอ้นี่นี่ วอนซะแล้ว”
“ผมขอโทษครับ แต่คุณน่านช่วยลุกแต่งตัวได้มั้ยครับ”
“เฮ้ย นี่มันวันอาทิตย์นะ ยังจะให้ฉันทำงานอีกเหรอ”
ต๋องพยักหน้ารับอย่างมั่นใจ
“ครับ”
น่านฟ้าเพลีย อยากจะตายไปให้พ้นๆ
ต๋องขับรถพาน่านฟ้าไปทำงาน เขาแปลกใจ
“อ้าว แล้วเราไม่ไปรับเจ๊โหดก่อนเหรอ”
“ไม่ล่ะครับ เจ๊หยีแกป่วย คุณท่านก็เลยให้เจ๊หยีแกพักก่อน”
น่านฟ้าแอบเป็นห่วงมัศยา แต่แกล้งทำโวยวาย
“มีอย่างที่ไหน เจ้านายทำงาน ลูกน้องจะมานอนพักสบายได้ยังไง ไปดูให้เห็นกับตาซิ ว่าโกหกรึเปล่า”
ต๋องมองกระจกหลัง
“เจ๊แกป่วยจริงครับ ตอนโทรมาบอกผมให้ลาคุณท่าน เสียงดูแย่เชียว”
น่านฟ้าเป็นห่วงขึ้นมาทันที
“งั้นยิ่งต้องไปใหญ่เลย”
ต๋องมองกระจกหลังอีก เห็นแววพิรุธ
“ก็ฉันเคยใช้มุกทำเสียงป่วยหลอกยัยเจ๊นี่ เขาอาจจะย้อนรอยฉันก็ได้ ฉันบอกให้ไปก็ไปเถอะน่า หรือจะให้ฉันขับเอง”
“ไปก็ไปครับ”
ต๋องเลี้ยวรถกลับ
ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 3 (ต่อ)
น่านฟ้ามาถึงบ้านมัศยาก็ยกมือไหว้สวัสดีสมใจ
“สวัสดีค่ะคุณน่าน ต้องขอโทษด้วยนะคะที่หยีไปด้วยไม่ได้ เขาป่วยตลอดคืนเลย”
น่านฟ้าเป็นห่วงมาก
“งั้น ขอผมไปเยี่ยมเจ๊หยีบนห้องได้มั้ยครับ”
สมใจอึกอักเล็กน้อย
“แต่ถ้าไม่สะดวกหรือไม่ไว้ใจผมก็ไม่เป็นไรนะครับ”
“สะดวกค่ะ เชิญข้างบนเลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
น่านฟ้ารีบวิ่งขึ้นบันไดไปทันที สมใจหันมาถามต๋องด้วยความสงสัย
“คุณน่านฟ้าเขาดูสนิทสนมกับยัยหยีจริงๆ นะต๋อง”
“ไม่รู้สนิทกันแบบไหนนะครับ เดี๋ยวดีกัน เดี๋ยวด่ากัน เดี๋ยวทะเลาะกัน”
“แต่ดูจากวันนี้ แม่ว่าเขาห่วงยัยหยีมากเลยล่ะ”
ต๋องชะงักคิดตาม
น่านฟ้าเปิดเข้าไปในห้อง เห็นมัศยานอนซม ก็เอามือไปอังหัว รับรู้ได้ว่ามีไข้อยู่
“โห ตัวร้อนจี๋เลย”
น่านฟ้าพยายามเอามืออังแก้มสองข้าง ท่าทางเหมือนจะประคองหน้าเพื่อจะก้มจูบ แต่จริงๆ แล้วแค่อยากดูว่าตัวร้อนแค่ไหน มัศยารู้สึกตัวขึ้นมบิดแขนของน่านฟ้าทันที
“โอ๊ยๆ แขนจะหักแล้ว”
มัศยาลุกขึ้นนั่ง มือยังคงบิดแขนน่านฟ้าอยู่
“จะทำไรน่ะ จะแต๊ะอั๋งฉันเหรอ”
“โห นอนอืดแบบนี้ สภาพใกล้เน่าแล้วด้วย ใครจะไปมีอารมณ์คร้าบเจ๊”
มัศยาบิดแขนหนักกว่าเดิม
“โอ๊ยๆ ชาติที่แล้วเป็นนักมวยปล้ำเหรอ เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเนี่ย”
มัศยาบิดหนักกว่าเดิมอีก
“โอ๊ย นี่แสดงว่าแกล้งป่วยใช่มั้ย ขี้เกียจไปทำงานล่ะสิ ถึงได้ทำท่าว่าป่วยนักป่วยหนา”
มัศยาได้ยินอย่างนั้นก็ปล่อยมือน่านฟ้า รีบลุกจากเตียง
“ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาให้ห้องนอนฉัน”
“จะใครซะอีกล่ะ ก็แม่เจ๊น่ะสิ”
มัศยาชะงัก บ่นพึมพำ
“แม่นะแม่ ไม่ห่วงกันบ้างเลย”
น่านฟ้าเอาหูแนบเข้ามาใกล้ๆ มัศยา มัศยาหันมาตกใจ ผลักหน้าเขาออก
“คุณน่าน เอาหน้าเข้ามาใกล้ฉันทำไม ฮะ”
“แหม หน้าคนนะเจ๊ ไม่ใช่หน้าเสือหน้าจะเข้ จะได้หลอนขนานนั้น”
มัศยาถอนหายใจเอือมๆ
“เอาล่ะ ฉันขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับคุณแล้ว เชิญคุณลงไปข้างล่างเลย เดี๋ยวฉันตามลงไป”
น่านฟ้าชะงักแปลกใจ
“เจ๊จะตามผมไปไหนเหรอ”
“ก็ตามไปเฝ้าคุณทำงานน่ะสิ คิดว่าแผนมาเยี่ยมฉันจะทำให้คุณโดดงานสบายใจเฉิบได้เหรอ ฝันไปเถอะ ฉันรู้ทันย่ะ”
น่านฟ้าเบ้หน้าเซ็งไปเลย
น่านฟ้าเดินลงบันไดมาพลางก็นวดข้อมือตัวเองมา ต๋องเห็นเข้าก็โวยวาย
“คุณน่านฟ้าไปลงไม้ลงมืออะไรกับเจ๊รึเปล่า เสียงเอะอะโวยวายดังมาถึงข้างล่างเนี่ย”
“ฉันต่างหากล่ะที่โดน เจ๊แกน่ะ มนุษย์โครมันยอง แข็งแรงยิ่งกว่ารถแม็คโคร ใครจะไปทำอะไรเจ๊แกได้”
มัศยาชะโงกหน้าจากชั้นบน
“ใครว่าอะไรฉัน”
น่านฟ้าตกใจรีบหลบเข้าข้างๆ ของบันไดแล้วเผลออุทานแบบเสียฟอร์ม
“เปล่าคร้าบ ผมชมเจ๊ให้ไอ้ต๋องฟังว่าเจ๊น่ะ โคตรอ่อนโยนเลย”
มัศยาชี้หน้าคาดโทษน่านฟ้า ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องน้ำชั้นบน ต๋องเห็นเข้าก็ขำ น่านฟ้าจ๋อย
“แล้วนี่ เจ๊แกจะไปกับเราเหรอครับ ไหนว่าเจ๊แกป่วยไม่ใช่เหรอ”
“เจ๊อึดคูโบต้า แกไม่ยอมตายง่ายๆ หรอกต๋อง ตราบใดที่ฉันยังไม่เป็นนักธุรกิจเบอร์หนึ่งของอาเซียน แกคงจะอยู่จิกหัวฉันทำงานแบบนี้แหละ”
ต๋องฟังน่านฟ้าประชดก็หัวเราะขำ
น่านฟ้ากับต๋องรออยู่ในรถหน้าบ้าน มัศยาไหว้ลาสมใจ
“แน่ใจนะหยีว่าไปทำงานไหว”
“ได้ยาหมอนะดีแล้ว สบายมากค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
สมใจมองลูกสาวอย่างเป็นห่วง
“งั้นเลิกงานก็รีบกลับมาพักนะ ไหนจะแขน ไหนจะไข้ แม่ไม่อยากให้ไปเลย”
น่านฟ้าหน้าเจื่อนๆ รู้สึกผิด
“ผมไม่ได้บังคับเจ๊แกให้ไปทำงานนะครับ เจ๊แกบ้าพลังเอง จริงๆ อยู่บ้านพักผ่อนก็ดีนะเจ๊ ไม่ต้องไปหรอก”
“ฉันดีขึ้นแล้ว มีแต่คุณนั่นแหละที่แย่ลง”
“อ้าว ไหงมาแขวะผมซะล่ะ”
“ก็มันจริงนี่ ดูซิสายโด่งเอาป่านนี้แล้ว งานการไม่รู้จักไปทำ”
“ก็นี่มันวันอาทิตย์นี่เจ๊ ผมยอมออกมาก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“เอาเป็นว่าฉันบอกว่าไหวก็คือไหว จบนะ”
น่านฟ้ารูดซิบปิดปากทันที
“ไปก่อนนะคะแม่”
มัศยาเดินขึ้นรถ แล้วทั้งหมดก็ขับรถออกไป
มัศยาเดินนำน่านฟ้าและต๋องเข้ามาในออฟฟิศที่เงียบสงบ ไม่มีพนักงานสักคน
“ดูซิ ออฟฟิศเงียบยังกับป่าช้า ใครๆ ก็ได้หยุดงาน มีแต่ประธานนี่แหละ ทำงานอย่างกับวัวกับควาย”
มัศยาหันขวับมาทางน่านฟ้าทันที
“ยังมีฉันกับต๋องอีก 2 คน ค่ะ ที่ไม่ได้หยุดงาน เพราะคุณคนเดียว”
มัศยากระแทกเท้าเดินนำไป น่านฟ้าทำปากบู้บี้ล้อเลียนมัศยา ต๋องแอบขำ
ภายในห้องทำงาน มัศยาหยิบยาออกจากกระเป๋า เตรียมจะกิน น่านฟ้าเดินเข้ามา เห็นมัศยากำลังจะกินยาก็แซว
“ยาอะไรน่ะเจ๊ ยาลดความแก่เหรอ”
มัศยาหันมาค้อนน่านฟ้า น่านฟ้าหน้าเจื่อน เซ็งไปเลย
“แหม แซวนิดแซวหน่อยก็ไม่ได้ ผู้หญิงอาไร้ ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย นี่ถามจริงๆ นะเจ๊ แฟนเจ๊เขาไม่เบื่อเจ๊บ้างเหรอ ที่เจ๊ดุเป็นยักษ์แบบนี้”
มัศยากินยาเสร็จก็หันมาเบรคน่านฟ้าคืน
“ฉันมาทำงานนะคะ ไม่ได้ให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว”
“ผมก็แค่หวังดี กลัวแฟนเจ๊จะเบื่อเอา ไม่อยากให้เจ๊ต้องทุกข์ใจทีหลัง”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันทุกข์ใจ ก็ช่วยตั้งใจเรียนรู้งานซะที ฉันจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตคุณ”
มัศยารีบเก็บขวดยาเข้ากระเป๋า และยกแฟ้มต่างๆ จากโต๊ะตัวเองที่เตรียมไว้ ไปวางบนโต๊ะน่านฟ้า
“เดี๋ยวคุณอ่านเอกสารการสั่งซื้อแป้งมันสำปะหลังทั้งหมดนี่ แล้วลองดู ว่ามีทางไหนที่เราจะลดต้นทุนลงกว่านี้ได้มั้ย ส่วนนี่ ฉันรวบรวมบทความและงานวิจัยที่เขียนเกี่ยวกับวิธีผลิตแป้งมันสำปะหลังให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุด ภายใต้ต้นทุนที่ต่ำที่สุด คุณอ่านซะ เผื่อจะได้ไอเดียร์จากเอกสารนี่”
มัศยาหันไปหยิบแค็ตตาล็อกเครื่องจักรที่โต๊ะมาวางเพิ่มอีก
“นอกจากนี้ คุณยังต้องดูอีกว่า เครื่องจักรตัวไหนเหมาะที่จะเอามาผลิตแป้งที่จะเอาไว้ใช้เป็นวัตถุดิบของเรา เผื่อคุณคิดว่าผลิตเองดีกว่า ฉันเตรียมแค็ตตาล็อกไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
น่านฟ้าตาค้างกับกองเอกสารที่ตั้งอยู่
“โห นี่แน่ใจนะว่าป่วยอยู่ สมองประมวลผลคำสั่งได้ไวกว่าตอนไม่ป่วยอีกมั้งเนี่ย”
มัศยาเดินเข้าหา ทำท่าเหมือนจะใช้กำลังบังคับ
“อย่าเข้ามานะ คิดว่ามีแรงมากกว่าแล้วจะชนะเหรอ ผู้หญิงอะไร้ นี่ถ้าเจ๊เกิดในยุคที่เขาชอบผู้หญิงที่เป็นแม่พันธุ์บึกบึนนะ เจ๊ต้องฮ็อตมากแน่ๆ”
“ยุคนี้ฉันก็ฮ็อตย่ะ”
น่านฟ้าเบะปากใส่
“ตั้งใจทำงานได้แล้ว เหลวไหลอยู่ได้”
น่านฟ้าทำท่าจะอ้าปากเถียงอีก แต่มัศยามองแบบปรามๆ น่านฟ้าจึงยอมเงียบลง
เวลาผ่านไป น่านฟ้าหาวและง่วงตลอดเวลา บิดขี้เกียจ และฟุบหลับกับโต๊ะไป
มัศยาก้มหน้าอ่านเอกสารของตนเองอยู่ได้ยินเสียงกรนลอยมา ก็เงยหน้าขึ้น เดินไปที่โต๊ะของน่านฟ้าและปลุกน่านฟ้าด้วยการโยนแฟ้มใส่โต๊ะดังๆ
“คุณน่านฟ้า”
น่านฟ้าโวยวายเสียงดัง
“เฮ้ย คุณ หัดปลุกแบบนุ่มนวลบ้างได้มั้ย”
น่านฟ้าทำท่าเป็นผู้หญิงขี้อ้อนแบบนิรชา ดัดเสียงผู้หญิงพูดให้มัศยาดูว่า
“คุณน่านฟ้าคะ คุณเมื่อยตรงไหนมั้ยคะ เดี๋ยวฉันนวดให้ อย่าโหมทำงานมากนะคะ แบบนี้น่ะ ทำเป็นมั้ย”
“คุณท่านจ้างฉันมาทำงาน ไม่ได้จ้างมานวด แล้วถ้าอย่างคุณเรียกว่าโหมทำงาน ก็คงไม่มีคนขี้เกียจในโลกนี้อีกแล้ว”
น่านฟ้าเซ็ง เบ้ปากล้อเลียนมัศยาเพราะเถียงไม่ทัน แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านงานต่อ
ปารณนั่งอยู่กับนักสืบในร้านอาหารแห่งหนึ่ง มองรูปคอนโดของนิรชาในมือของนักสืบ
“ผมอยากรู้ว่าผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์นี้เป็นใครกันแน่”
“ผู้หญิงหมดตึกนี้เลยเหรอครับ”
“เธอชื่อน้ำหวาน เอ่อ ไม่รู้ว่าชื่อจริงหรือชื่อสมมุติ สูงประมาณ 165 น้ำหนักน่าจะราวๆ 45 กิโล ผิวขาว นัยน์ตาคม เธอปลดทรัพย์ผม ผมเลยอยากเอาของผมคืน”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ไปแจ้งความล่ะครับ”
ปารณดื่มน้ำอยู่ ถึงกับสำลักน้ำออกมา
“ผมมีเหตุผลของผม คุณก็ทำตามหน้าที่ของคุณเถอะ”
“ได้ครับ”
ปารณเขิน แต่เก็บอาการไว้ เพราะไม่อยากให้นักสืบรู้ว่าเพราะความหื่น เลยโดนปลดทรัพย์
นิรชาเดินอยู่ในซอย เดินสะดุดจนส้นสูงหัก
“ทำไมซวยอย่างนี้นะ ยิ่งรีบๆ อยู่ด้วย”
นิรชาหยิบรองเท้าอีกข้างมาหักส้นทิ้ง ก่อนจะยิ้มพอใจแล้วเดินออกไป โดยไม่ทันสังเกตว่า ด้านหลังมีเงาตะคุ่มๆ เหมือนกับมีใครแอบมองอยู่
มัศยานั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โซฟา น่านฟ้าหาวติดกันหลายครั้ง จนมัศยาอดว่าไม่ได้
“นี่คุณจะหาวจนสะสมแต้มเอาไปแลกชานมไข่มุกรึไง หาวร้อยแปดครั้งได้แล้วมั้ง”
“เจ๊ก็เวอร์เกินไป แค่ร้อยเจ็ดครั้งเอง”
มัศยาแอบค้อน น่านฟ้ารีบเดินเข้ามาหามัศยาแล้วอ้อน
“นี่คุณ ผมนั่งอ่านเอกสารจนปวดหลัง แล้วก็ตาลายไปหมดแล้ว ขอผมนอนเอนหลังหน่อยนะ”
น่านฟ้าเนียนนอนหนุนตักมัศยาทันที มัศยาตกใจ เลยผลักน่านฟ้าตกโซฟาไป
“โอ๊ย เจ๊นี่ปฏิกิริยาตอบสนองไวหรือคุณบ้าจี้กันแน่เนี่ย อะไรมันจะเร็วขนาดนั้น”
“มันเป็นสัญชาติญาณการเอาตัวรอดค่ะ มันจะเกิดขึ้นเฉพาะเวลาที่ฉันรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเท่านั้น”
“ผมว่า คนที่อยู่ข้างๆ เจ๊มากกว่าที่จะไม่ปลอดภัย”
น่านฟ้าเอามือจับหลัง
“โอ๊ย หลังหักรึเปล่าก็ไม่รู้”
มัศยาแอบมองเป็นห่วง
“ไหน ขอฉันดูหน่อยสิ”
“แน่ะๆ ผลักเขาลงจากตัก แล้วจะอยากมาดูหลังอันเปลือยเปล่าของเขาอีกแน่ะ ผู้หญิงอะไร้”
“คุณไปทำงานต่อได้แล้ว”
“โอ๊ย แต่ผมเจ็บหลังจริงๆ นะ นี่ถ้าคุณยอมให้ผมงีบพักหลังสักหน่อย คืนนี้ผมจะยอมทำงานจนดึก ไม่เกเรจริงๆ ด้วย”
มัศยามองหน้าอย่างเอือมๆ และไม่แน่ใจว่าน่านฟ้าจะมาไม้ไหน
นิรชาเดินออกมาริมถนนใหญ่ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นภูริยืนดักรออยู่
“คุณภูริช”
ภูริชเดินเข้าไปเตือนนิรชา
“ฉันแวะมาดูว่าเธอรับเงินไปแล้วอู้งานรึเปล่า”
“แต่วันนี้เป็นวันหยุดนะคะ”
“เออ นั่นสินะ ฉันลืมไปเลย งั้นสนใจไปดูแข่งม้ากับฉันมั้ย”
“ฉันถูกจ้างให้ไปเที่ยวกับคุณน่านฟ้าค่ะ ไม่ใช่คุณ”
นิรชาเดินจากไป ภูริชเจ็บใจรีบตามไปทันที
“เดี๋ยว”
นิรชาหันมาไม่ไว้ใจ
“ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย ไปหาร้านนั่งคุยกันหน่อยดีมั้ย”
นิรชามองภูริช ก็ไม่ไว้ใจ
“รอคุยพร้อมคุณสุกิจทีเดียวดีกว่ามั้ยคะ”
นิรชาเดินหลีกไป ภูริชคว้ามือเธอไว้ทันที นิรชาตกใจรีบกระชากมือกลับอย่างกลัวๆ
“เป็นอะไร ปกติก็เห็นเธอเที่ยวอ่อยผู้ชายเป็นอาชีพอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ฉันทำเพื่องาน ไม่ได้ทำเพื่อสนองความใคร่ของใคร”
ภูริชสะอึก ไม่พอใจ
“แล้วถ้าฉันจ้างเธออีกคน เพื่อสนองความต้องการฉันล่ะ”
“ฉันไม่รับงานซ้อนค่ะ กลัวทำได้ไม่ดี ขอโทษด้วยนะคะ ฉันมีธุระ ขอตัวค่ะ”
นิชาพูดจบก็เดินออกไป ภูริชมองตาม เจ็บใจ
“เล่นตัวนักนะ”
น่านฟ้านอนหลับบนตักของมัศยา มัศยานั่งตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ไม่กล้าขยับ ได้แต่ก้มลงมองน่านฟ้าอย่างเอือมๆ
เธอยกแขนดูนาฬิกาเป็นระยะๆ แต่ไม่มีทีท่าว่าน่านฟ้าจะตื่น เธอเอามือโบกไปมาผ่านตาน่านฟ้า เพื่อเช็คว่าหลับจริงหรือไม่ แต่น่านฟ้าไม่ขยับเลย มัศยาเอามือจับหน้าผากตัวเองยังร้อนๆ อยู่ ก็ถอนหายใจ
ตอนเย็น สุกิจนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟา อนงค์เดินนำวิภาเข้ามาในบ้าน
“คุณคะ พี่วิภามาหาค่ะ”
สุกิจเอามือที่ถือหนังสือพิมพ์บังหน้าอยู่ลง มองหน้าวิภาด้วยความแปลกใจ
“พี่วิภามีอะไรหรือเปล่าครับ นึกยังไงถึงมาหาผมถึงบ้าน”
“เปล่า ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าไม่ได้มานานแล้ว”
สุกิจมองหน้าวิภาด้วยความแปลกใจว่าวิภาจะมาไม้ไหน
เวลาผ่านไปสองชั่วโมง น่านฟ้ายังคงนอนตักมัศยาอยู่ หลับไปแบบเด็กๆ และแอบละเมอด้วย
“ไม่ๆ เอาของฉันคืนมานะ ฉันบอกให้เอาคืนมาไง”
มัศยาส่ายหน้า
“เด็กไม่รู้จักโตเอ๊ย ขนาดหลับยังเป็นเด็กเลย”
น่านฟ้าละเมอต่อ
“พ่ออย่าไปนะฮะ พ่ออยู่กับผมก่อนนะ พ่อฮะ”
น้ำตาของน่านฟ้าคลออยู่ที่หางตา มัศยาเห็นแล้วก็รู้สึกเห็นใจ เลยยิ่งไม่กล้าปลุก
วิภานั่งคุยกับสุกิจที่โซฟารับแขก
“ได้ข่าวว่าเธอช่วยสอนงานน่านฟ้าเหรอ”
สุกิจรับรู้ถึงเจตนาของวิภาที่มาหาเขาที่บ้านทันที เขาจึงพูดตอบอย่างปรารถนาดี
“อ่อครับ พอคุยกับนายน่านแล้ว จะว่าไปเด็กนี่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”
“คิดได้แบบนั้นก็ดี เผื่อต่อไปฉันอยากวางมือจากบริษัท จะได้มีแกคอยช่วยหลาน”
อนงค์เรียกวิภาไปกินข้าวเย็นด้วยกัน
“อาหารเย็นเสร็จแล้วนะคะ พี่วิภาอยู่ทานข้าวกับเรานะคะ”
“ได้สิ ฉันจำได้ว่าฝีมือทำกับข้าวของเธอดีทีเดียว ไหนวันนี้มีอะไรให้ทานบ้างล่ะ”
วิภาเดินออกไปกับอนงค์ สุกิจหมั่นไส้ ไม่พอใจ เพราะมั่นใจว่าเจตนาที่วิภามาวันนี้เพราะเรื่องนี้
“ช่วยเหรอ ผมช่วยแน่ แต่ช่วยให้ฉิบหายนะครับ”
สุกิจมีแผนร้าย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์
“ตกลงทำงานให้ฉันไปถึงไหนแล้ว”
น่านฟ้านอนไม่ตื่นสักที มัศยาเริ่มหงุดหงิด
“คุณน่านคะ คุณน่านตื่นได้แล้วค่ะ”
มัศยาพยายามเขย่าตัวน่านฟ้า แต่น่านฟ้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย เธอขยับตัวลุกออกจากโซฟา น่านฟ้าก็ยังไมตื่น แถมพลิกตัวนอนตะแคง ในท่าที่นอนหันหลังให้มัศยาด้วย มัศยาทนไม่ไหวเลยฉุดกระชากลากถูให้ลุกจากโซฟา
“คุณน่าน นี่คุณจะนอนสะสมไปจนถึงชาติหน้าเลยรึไง”
มัศยาตีน่านฟ้า
“คุณน่าน”
น่านฟ้าตื่นมาเพราะความเจ็บ เอามือลูบๆ ส่วนที่โดนตีจนต้องยอมตื่น
“โอ๊ย คุณนี่เป็นผู้หญิงซาดิสม์รึไง เอะอะก็ตี เอะอะก็ต่อย”
พูดจบ น่านฟ้าก็นั่งหลับต่อ มัศยาโมโหหนักกว่าเดิม กระชากตัวน่านฟ้าให้ลุกขึ้นยืน
“นี่มันค่ำแล้วนะคะ งานคุณยังไม่ถึงไหนเลย เลิกเหลวไหลได้แล้ว”
“วันนี้ผมทำงานไม่ไหวแล้ว กลับบ้านไปเล่นกับนะดีดีกว่า นะๆๆ”
มัศยาเซ็ง สวนกลับทันที
“ฉันไม่ให้คุณไปหานะดีหรอก เดี๋ยวนะดีติดนิสัยขี้เกียจแล้วก็เหลวไหลจากคุณ”
น่านฟ้าแกล้งซึม
“คุณทำแบบนี้ไม่ดีหรอกนะ การที่นะดีไม่ค่อยได้เจอพ่อมันก็แย่พออยู่แล้ว นี่คุณจะให้เขารู้จักแต่เพศแม่อย่างคุณเหรอ”
มัศยาโกรธที่น่านฟ้าเข้ามาก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวของเธอ จึงพูดด้วยถ้อยคำห่างเหิน
“ดิฉันคิดว่านี่มันเป็นเรื่องในบ้านของดิฉันนะคะ ท่านประธาน”
น่านฟ้ารู้ได้ทันทีว่ามัศยาโกรธ จึงแกล้งอ้อนให้สงสาร
“ผมขอโทษ แต่คุณไม่รู้หรอกว่า เด็กที่เขาห่างพ่อต้องโตมายังไง”
มัศยานึกถึงตอนที่ตอนน่านฟ้าละเมอถึงพ่อ แล้วร้องไห้เมื่อสักครู่นี้ ทำให้ใจอ่อนลง
“อ้ะๆ ก็ได้ แต่แป๊บเดียวนะ เพราะฉันว่าคุณก็ไม่น่าจะให้ภาพลักษณ์ของผู้ชายที่ดีแก่นะดีเท่าไรหรอก”
น่านฟ้าแอบยิ้มที่เข้าทางจนได้
ปลาหลงฟ้า ตอนที่ 3 (ต่อ)
น่านฟ้าเดินตามมัศยาเข้ามาในบ้าน นะดีนั่งกอดอก หน้างอ รอคุณแม่อยู่ที่โซฟา ทันทีที่เจอหน้าน่านฟ้า ก็บ่นทันที
“คุณอาพาคุณแม่ออกไปทำงานทำไม คุณแม่ป่วยอยู่นะคะ”
สมใจรีบห้ามหลาน
“ไม่เอานะนะดี ขอโทษคุณอาเดี๋ยวนี้”
น่านฟ้ารีบห้ามสมใจ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็ผิดจริงๆ น่ะแหละ”
น่านฟ้าคุกเข่าลงข้างๆ ตัวนะดี
“อาขอโทษนะคะ ทีหลังอาจะไม่ทำแบบนี้แล้วนะ คราวนี้ นะดีหายโกรธอาหรือยังคะ”
นะดียังคงงอนน่านฟ้าอยู่ โดยเดินไปนั่งกอดอกที่โซฟา มัศยากับสมใจมองหน้ากัน น่านฟ้าเดินเข้าไปหานะดี นั่งลงข้างๆ
“ทำยังไงนะดีถึงจะหายโกรธน้า นะดีอยากให้อาทำอะไร อาจะยอมทำทุกอย่างเลย”
“จริงๆ นะคะ”
“ลูกผู้ชาย พูดคำไหน คำนั้นฎ
นะดียิ้มแบบมีแผน
นะดีให้น่านฟ้าเล่นตุ๊กตาด้วย น่านฟ้ายอมเล่นเป็นตุ๊กตาเจ้าชาย แล้วทำเสียงหล่อ
“โอ้ว ราพันเซล ใยเจ้าผมยาวสลวยเช่นนี้”
“ข้าบำรุงด้วยครีมบำรุงทุกวันน่ะสิ ผมข้าถึงได้สวยแล้วก็แข็งแรงแบบนี้”
สมใจมองหน้ามัศยาด้วยความขำในความแก่แดดของนะดี นะดีวางตุ๊กตาราพันเซลลง
“นะดีเบื่อจะเล่นเป็นเจ้าหญิงแล้ว คุณอามาเล่นแทนนะดีหน่อย นะดีอยากเป็นเจ้าชายบ้าง”
“เอ่อ จะดีเหรอจ๊ะนะดี”
นะดีค้อนใส่ เอามือกอดอก ทำแก้มป่องๆ เหมือนจะงอนอีกรอบ
“ไหนบอกว่าจะตามใจนะดีไงคะ”
“อ้ะๆๆ ยอมแล้วจ้า เจ้าหญิงก็เจ้าหญิง”
น่านฟ้าหยิบตุ๊กตาราพันเซลมาเดินนวยนาด สะบัดผมไปมา มัศยาอดแซวไม่ได้
“แหม ไม่อยากเล่นเลยนะ เดินซะเหมือนเชียว”
น่านฟ้าหันไปค้อนขวับ พลางดัดเสียงเป็นเจ้าหญิง
“เจ้าชายเพคะ ไต่ผมขึ้นมาหาข้าที่ปราสาทสิ ข้ารอท่านอยู่นะ”
น่านฟ้าสะบัดผมตุ๊กตายาวเป็นทางเดิน มัศยาอดบ่นกับสมใจไม่ได้
“แม่ว่าบริษัทจะไปรอดมั้ย ถ้าเราฝากอนาคตไว้กับคนแบบนี้”
สมใจตีลูกเบาๆ เป็นการเตือน น่านฟ้าดัดเสียงแหลมกว่าเดิม
“help me help me please”
สุดท้ายมัศยาก็อดขำน่านฟ้ากับนะดีไม่ได้ เพราะน่านฟ้าเล่นเป็นตุ๊กตาผู้หญิง จนหลุดเสียฟอร์ม
นิรชาเดินกลับบ้าน ขณะที่นักสืบเดินตาม เธอเห็นเงาคนด้านหลังก็หันมามอง เห็นว่านักสืบแกล้งทำเป็นหยุดยืนไม่สนใจ นิรชาเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งไปทันที นักสืบรีบวิ่งตามนิรชาไป
นิรชาวิ่งผ่านร้านค้า นักสืบวิ่งตามมา นิรชาวิ่งอย่างรีบเร่ง และกำลังจะผ่านตรอกแคบๆ อยู่ๆ ก็มีมือหนึ่งโผล่ออกมา ล็อกคอ ปิดปากนิรชาลากเธอเข้าไปในตรอก
อาหารดีๆ ถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร ขณะที่นิรชาและภูริชนั่งอยู่ด้วยกัน ภูริชหันไปกวักมือเรียกบริกร
“ขอเครื่องดื่มด้วย ดื่มอะไรดี น้ำส้มดีมั้ย”
“ก็ได้ค่ะ”
ภูริชหันไปพยักเพยิดส่งซิกกับบริกร บริกรพยักหน้ารับ ยิ้มเจ้าเล่ห์ ภูริชหันมาคุยกับนิรชาต่อ พยายามเก็บสีหน้าอาการไม่ให้รู้ว่ามีแผนร้าย
“ฉันว่าช่วงนี้เธอระวังตัวไว้หน่อยก็ดี เกิดน่านฟ้ามันอาจรู้แผนเรา แล้วจ้างนักสืบมาสะกดรอยตาม จะพลอยเดือดร้อนไปถึงฉันแล้วก็คุณสุกิจ”
“ฉันว่าไม่หรอกค่ะ นายน่านฟ้าน่ะ ท่าทางเป็นคนไม่คิดอะไรมากกว่า หื่นไปวันๆ เหมือนคุณ”
“หึ ถ้าฉันเป็นอย่างที่เธอว่า คิดว่าฉันจะมานั่งคุยกับเธอแบบนี้เหรอ”
“ก็เพราะฉันยังทำงานให้เจ้านายคุณอยู่ไงคะ หรือไม่จริง”
ภูริชสะอึก พลันรีบตัดบททันที
“เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า ฉันจะมาคุยกับเธอเรื่องแผนการต่อไป ที่จะจัดการนายน่านฟ้า เธอทำตามที่ฉันสั่งก็แล้วกัน”
บริกรเอาน้ำส้มมาเสิร์ฟให้นิรชา นิรชาเลื่อนแก้วมาตรงหน้าแล้วดูดจากหลอดทันที นักสืบคนเดิมนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่มุมๆ หนึ่งของร้าน กำลังถ่ายคลิปหนุ่มสาวทั้งคู่อยู่อย่างตั้งใจ
ภูริชแอบยิ้มพอใจที่เป็นไปตามแผน
ปารณคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานด้วยความตื่นเต้น
“อะไรนะ เจอยัยตัวแสบแล้วเหรอ”
“ครับ เห็นอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งในร้านอาหาร”
“เหยื่อรายใหม่ล่ะสิท่า ตามต่อ อย่าให้คลาดสายตา แล้วรายงานผมด้วย”
ปารณครุ่นคิด วางแผนในใจว่าจะทำอย่างไรต่อ
บริกรยื่นสลิปบัตรเครดิตค่าอาหารให้ภูริช ภูริชเซ็นชื่อ นิรชาฟุบหลับคาโต๊ะ
“คุณผู้หญิงเป็นอะไรเหรอครับ”
ภูริชหยิบทิปให้บริกร 1 พันบาท แล้วโบกมือไล่บริกรออกไป บริกรมองอึกอัก แต่ก็ตัดสินใจเดินออกไป ภูริชมองนิรชา ยิ้มเยาะ หยิบแก้วน้ำส้มขึ้นมาดู ยิ้มๆ
“ชอบนักใช่มั้ย ยานอนหลับเนี่ย หึๆ”
ภูริชพยุงตัวนิรชาขึ้นมา และพาเดินออกจากร้านอย่างทุลักทุเล ผ่านโต๊ะนักสืบ นักสืบถ่ายคลิปแล้วส่งให้ปารณ
“คุณครับ เกิดเรื่องแล้ว”
พนักงานโรงแรมช่วยภูริชพยุงนิรชาเข้ามาในห้อง
“วางลงบนเตียงนั่นแหละ แล้วก็ออกไปได้แล้ว”
ภูริชมองเรือนร่างของนิรชาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
“อยากเล่นตัวดีนัก ทีนี้แหละ ฉันจะทำให้เธอรู้ว่าอย่ามาลองดีกับฉัน”
ภูริชทำท่าจะปลดกระดุมนิรชา แต่นิรชาตื่นขึ้นมาพอดี ตกใจมาก
“นายภูริช นี่นายจะทำอะไรฉัน ที่นี่ที่ไหน”
“ก็ที่ๆ เธอชอบพาคนมารูดทรัพย์ไง ทำเป็นไม่ชิน”
นิรชาเอาหมอนปาใส่หน้าภูริช แล้ววิ่งหนีไปที่ประตู
“แก ไอ้เลว”
ภูริชวิ่งตามไปรวบเอว แล้วจับนิรชาโยนลงไปที่เตียง ในท่านอนคว่ำหน้า แล้วรวบมือนิรชาไพล่หลัง เอาเน็คไทมัดไว้ พลันก็มีเสียงกดกริ่งดังขึ้น
“ใครวะ”
“ผมเองครับ เอาน้ำมาส่งครับ”
“บ้าเอ๊ย ขัดจังหวะจริงๆ”
ภูริชเปิดประตู โดยเอามือล็อคคอนิรชาแอบหลังประตูไว้ ปารณพุ่งมาต่อยหน้าภูริชจนหงายหน้าสลบไป นิรชาเห็นปารณก็เข้าไปซบ ร้องไห้
“คุณช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย”
ปารณกำข้อมือนิรชาแน่น
“เสร็จฉันล่ะ ยัยตัวแสบ”
นิรชาเห็นหน้าปารณก็ช็อคกว่าเดิม ก่อนจะหมดสติอีกครั้ง
หมอตรวจอาการของนิรชาเสร็จ เดินออกมาคุยกับปารณ
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นไงบ้างครับ”
“คงต้องให้คนไข้พักผ่อนอีกสักพักครับ เพราะฤทธิ์ยานอนหลับน่าจะอีกนาน”
“อะไรนะครับ ยานอนหลับเหรอ เป็นไปได้ไงวะ”
“ขอตัวก่อนนะครับ”
หมอเดินออกไป ทิ้งให้ปารณงงไม่หาย เขาเดินเข้าไปสะกิดนิรชา
“มาไม้ไหนอีก หะ นี่ถึงขนาดให้หมอฮั้วกับเธอเลยเหรอ”
นิรชาหลับสนิทไม่ตอบ
“นี่ คิดว่าฉันรู้แผนเธอไม่ทันเหรอ ยัยสิบแปดมงกุฎ คิดเหรอว่าฉันจะเชื่อว่าน้ำหน้าอย่างเธอจะโดนวางยานอนหลับ”
นิรชานอนหลับนิ่ง ปารณครุ่นคิดถึงตอนที่เขาคุยโทรศัพท์กับนักสืบ
“อะไรนะ เข้าไปในม่านรูดเหรอ ไอ้บ้าเอ๊ย คุณตามไปก่อนนะ ผมใกล้จะถึงแล้ว”
ปารณขมวดคิ้วหน้าเครียด
“เอ หรือจะจริง”
ทันใดนั้น นิรชาก็ตื่นขึ้นมา มองรอบห้องมึนๆ พลันเหลือบไปเห็นปารณก็ตกใจ
“นาย นายพาฉันมาที่ไหน”
“ทำไม หะ คิดว่าฉันจะพาเธอไปปลดทรัพย์คืนรึไง ยัยสิบแปดมงกุฎ”
นิรชาพยายามลุกขึ้น กวาดตารอบๆ เห็นว่าคือโรงพยาบาลก็แปลกใจมาก
“นี่นายพาฉันมาส่งโรงพยาบาลเหรอ”
“ไง แปลกใจล่ะสิ ที่ฉันไม่ส่งเธอไปโรงพักแทน นาฬิกาฉันล่ะ”
นิรชาหน้าเจื่อน ไม่รู้จะโกหกอย่างไร
“เอ่อ อยู่กับแม่ฉันน่ะ เดี๋ยวไว้ไปหาแม่เมื่อไหร่ จะเอามาคืนให้นะ”
“หึๆ คราวที่แล้วก็พ่อ คราวนี้ก็แม่ คราวต่อไปคงขนมาทั้งตระกูล ใช่มั้ยยัยโจรญาติเยอะ”
ปารณคว้ากระเป๋านิรชาที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา
“ฉันจะยึดบัตรประชาชนเธอเอาไว้ก่อน”
“เฮ๊ย ได้ไง เอาคืนมานะ”
ปารณเปิดกระเป๋าสตางค์ เห็นบัตรประชาชนที่เสียบช่องใสๆ ไว้ หยิบขึ้นมาดู หัวเราะคิกคัก
“โห หน้าเด๋อเชียว มิน่าหวงจัง สงสัยจะสวยด้วยมีด”
“ตาบ้า ฉันสวยขึ้นเองย่ะ เอามาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
นิรชาอายจนหน้าแดง ปารณเอ็นดูในบุคลิกบางอย่างของเธอ
“ไม่ให้ เลือกเอา เธอจะให้ฉันไปแจ้งตำรวจ หรือจะยอมให้ฉันยึดบัตรนี่ไว้”
นิรชาเจ็บแค้นใจ
ตอนเช้า มัศยาและต๋องนั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกบ้านน่านฟ้า คนใช้เดินเข้ามาหา
“คุณน่านให้มาเรียนว่าไม่สบาย วันนี้ขอลาหนึ่งวันค่ะ”
มัศยาและต๋องหันมามองหน้ากัน
“เดี๋ยวผมขึ้นไปดูเองเจ๊”
ต๋องรีบเดินขึ้นบันไดบ้านไป มัศยาหรี่ตาไม่ไว้ใจ
“จะมาไม้ไหนอีกนะ”
ต๋องเดินเข้ามาในห้องน่านฟ้า มองไปด้านในก็ตกใจสุดขีด
“หะ คุณน่าน”
ต๋องเปิดประตูพรวดออกไป มัศยาอยู่ที่หน้าประตูพอดี
“มานี่ ฉันเข้าไปดูเอง”
“เบาๆ นะเจ๊ คุณน่านดูอาการหนักมาก”
มัศยาไม่สนใจ พรวดพราดเข้าไป พุ่งตรงมาที่เตียงของน่านฟ้า กระชากผ้าห่ม
“ทำไมคุณถึงเหลวไหลแบบนี้ ลุกไปทำงานได้แล้ว”
ภาพที่มัศยาเห็นคือ น่านฟ้านอนขดตัวหนาวสั่น ปากสั่นอยู่บนเตียง มัศยาตกใจหน้าเสีย
“คุณน่าน คุณน่าน คุณเป็นอะไรคะ”
“หนาว ผมหนาว”
น่านฟ้าคว้ามือมัศยามากอดไว้กับตัว มัศยาหน้าแดง เขิน จะชักมือกลับ แต่น่านฟ้ายิ่งดึงมือแน่นเข้าไปอีก มัศยาเอามืออีกข้างอังหัวและตัวของเขา
“ตัวร้อนจี๋เลย ทำไมอยู่ๆ ถึงป่วยขนาดนี้ได้นะ หรือว่า เล่นละครรึเปล่า”
“หนาว ปวดหัวจัง โอ๊ย”
น่านฟ้าแกล้งดิ้นทุรนทุราย มัศยาตกใจลนลานไปด้วย
“คุณน่าน คุณเป็นยังไงบ้าง รอเดี๋ยวนะคะ ฉันจะตามต๋องมาพาคุณไปโรงพยาบาล”
น่านฟ้าชะงักทันที ค่อยๆ ผ่อนแอ็คติ้งให้ลดลง
“ไม่เป็นไร ผมกินยาแล้ว เดี๋ยวคงดีขึ้น”
“เมื่อวานเห็นยังดีๆ อยู่เลย ทำไมอยู่ๆ ถึงป่วยขนาดนี้ได้นะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยผมคงพักผ่อนน้อย ร่างกายเลยอ่อนแอ เจ๊ไปทำงานเถอะ ฝากขอโทษแม่ใหญ่ด้วยนะ บอกท่านด้วยว่าพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปทำงาน”
มัศยาเชื่ออย่างสนิทใจ
“แน่ใจนะคะว่าจะไม่ให้ฉันพาไปหาหมอ”
“ผมขอนอนดีกว่า”
“งั้นพักเยอะๆ นะคะ ฉันไปก่อนล่ะ”
มัศยาเดินออกไป น่านฟ้าเด้งตัวออกมาจากเตียงทันที ลุกขึ้นยืน และดึงแผ่นทำความร้อนที่ให้ความอุ่นแบบเสียบปลั๊กออกมาจากเตียง ถอดปลั๊ก
“แหม ถ้ารู้ว่าเวิร์คอย่างนี้ ซื้อมาใช้นานละ ฮิๆ”
มัศยาออกมาจากห้อง ขณะที่ต๋องที่ยืนรออยู่หันมาถาม
“เอาไงดีเจ๊ ต้องพาไปหาหมอเปล่า”
“คุณน่านขอนอนพักน่ะ งั้นเราไปทำงานกันเถอะ”
มัศยากำลังจะเดินออกไป แต่แล้วก็นึกขึ้นได้
“เดี๋ยวก่อน ฉันโทรรายงานคุณท่านก่อนดีกว่า”
มัศยาหยิบมือถือมากดโทรออกทันที
“คุณท่านคะ วันนี้ท่านประธานป่วยค่ะ เลยขอหยุดหนึ่งวัน”
“เธอแน่ใจนะว่าเธอไม่ได้โดนไอ้ลิงนั่นหลอกเอา”
“แน่ใจค่ะ คุณน่านตัวร้อนมากเลยค่ะ เห็นบอกว่าปวดหัวมากด้วย”
“ถ้างั้นวันนี้เธอกลับบ้านไปพักเถอะ เธอเองก็ป่วยอยู่เหมือนกันนี่”
“ค่ะ คุณท่าน”
มัศยายิ้มดีใจ
สุกัญญายืนคุยกับมัศยาและต๋องอย่างแปลกใจ
“จะกลับเลยเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ คุณน่านดูป่วยมาก คงต้องดูแลกันหน่อย ฝากคุณน่านด้วยนะคะ”
ต๋องแอบยิ้มแซวเบรกมัศยา
“เจ๊นี่ดูห่วงคุณน่านมากกว่าใครเลยนะครับ”
มัศยาหันมาค้อนต๋องขวับ
“ฉันเป็นห่วงบริษัทต่างหาก ถ้าท่านประธานเป็นอะไรไป ได้ยุ่งกันหมด”
มัศยาหันมาเห็นสุกัญญาทำหน้าเจื่อนก็เฉไฉ
“เอ่อ จริงๆ ก็ห่วงทั้งท่านประธาน ทั้งบริษัทนะคะ”
สุกัญญายิ้มเอ็นดูมัศยา
“ขอบใจหนูมากนะ ฉันเองก็ไม่เคยเห็นพนักงานคนไหนจะห่วงใยตาน่านเท่าหนูเลย”
มัศยาแก้เขินด้วยการพูดเฉไฉ
“คือ ถ้าเขายังป่วยอยู่อย่างนี้ หนูกลัวจะตกงานเพราะบริษัทเจ๊งน่ะค่ะ หนูลาล่ะค่ะ”
มัศยายกมือไหว้ลาสุกัญญา ขึ้นรถไปกับต๋อง สุกัญญากังวล มองไปบนบ้าน ทางห้องนอนของน่านฟ้า
น่านฟ้าในชุดหล่อ เดินผิวปากโยนกุญแจรถ สุกัญญาเดินเข้ามา น่านฟ้าเห็นแม่ก็ชะงักทันที สุกัญญามองลูกชายอย่างเอือมๆ
“ไง เล่นละครตบตาทำคนอื่นเป็นห่วง แล้วจะออกไปร่อนที่ไหน ฮะ”
น่านฟ้าแกล้งทำสำออยทันที
“ใครบอกล่ะครับแม่ ผมจะไปหาหมอต่างหาก”
“หาหมอ น่าเชื่อเนอะ”
น่านฟ้าจำนนด้วยหลักฐาน เลยยอมสารภาพ
“เอาล่ะๆ ผมยอมรับก็ได้ว่าผมแกล้งเล่นละครจริงๆ แต่ผมเหนื่อยนี่ครับแม่ นี่มันโรงงานรกชัดๆ ทำงาน7 วัน ยันดึก ขืนทำแบบนี้สักปีหนึ่ง ผมต้องเป็นโรคซึมเศร้าตายแน่ๆ”
สุกัญญาถอนหายใจเอือมๆ
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องาชักแม่น้ำทั้งห้า แม่รู้แล้วว่าขออู้งานวันหนึ่ง”
น่านฟ้ายิ้มพอใจ
“แฮ่ ขอบคุณครับแม่”
น่านฟ้าจะรีบไป แต่สุกัญญาสวนขึ้น
“เดี๋ยว แม่จะเตือนไว้นะว่า อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น เมื่อเช้าแม่เห็นหน้าคุณมัศยาเขาห่วงเรามากนะ”
น่านฟ้าสะอึกนิดๆ
“โอ๊ย เจ๊โหดเขาห่วงงานต่างหากแม่”
“ไม่จริง แม่เป็นผู้ใหญ่แม่ดูออก เราจะหาเพื่อนร่วมงานดีๆ แบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้น ทำอะไรให้นึกถึงใจเขาด้วยนะตาน่าน”
“ครับพ้ม งั้นผมไปก่อนนะครับ”
น่านฟ้าเข้ามาหอมแก้มสุกัญญาหนึ่งฟอด แล้ววิ่งออกไป สุกัญญาส่ายหน้า ทั้งเอือมทั้งเอ็นดู
น่านฟ้าแช่น้ำออนเซ็นกับฝ่ายชาย นิรชาแช่น้ำกับฝ่ายหญิง น่านฟ้าห่มผ้าขนหนูผืนเดียว เดินออกมาจากออนเซ็น
เจอกับนิรชาที่เพิ่งเดินออกมาจากออนเซ็นเช่นกัน ทั้งคู่สบตากัน น่านฟ้าส่งสายตาเจ้าชู้และแทะโลมอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งคู่นั่งดื่มชากันอยู่ในออนเซ็น ในชุดยูกาตะสวยงาม
“คุณนิ้มรู้มั้ยครับว่าคุณเป็นผู้หญิงที่แปลก ที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนเลย วันหนึ่งคุณพาผมไปกินข้าวต้มข้างทาง อีกวันหนึ่งคุณพาผมมาออนเซ็น ทำผมเดามรสนิยมคุณไม่ถูกเลย ไม่รู้จะค้นหาคุณยังไง”
“แล้วคุณมีเวลามาค้นหามั้ยล่ะคะ”
น่านฟ้ายิ้มรับ ส่งสายตาเจ้าชู้
“ถ้าคุณให้เวลา นานแค่ไหนผมก็จะค้นครับ”
นิรชาหัวเราะชอบใจ
“คุณน่าน คุณเป็นผู้ชายที่ปากหวานมากเลยรู้มั้ยคะ”
“ปากหวานแต่มันตรงกับใครนะครับ”
น่านฟ้ามองนิรชาตาเชื่อม เล่นเอานิรชาต้องหลบสายตา
“เอ่อ คุณนิ้มรู้มั้ยครับว่าความฝันของผมในวัยเด็ก คืออะไร”
“อะไรคะ”
น่านฟ้าเอื้อมมือไปกุมมือนิรชาไว้
“ผมอยากเป็นนักสำรวจ เพราะมันทำให้ผมได้ท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ที่ไม่เคยไป ทุกครั้งที่ผมได้ไปที่ใหม่ๆ มันทำให้ใจผมเต้น และอยากสำรวจเข้าไปอีกว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจที่นั่นอีกมั้ย”
นิรชาดึงมือน่านฟ้าออก
“แต่คุณอย่าลืมขอวีซ่าก่อนทำการสำรวจนะคะ เพราะไม่ใช่ทุกสถานที่ที่คุณจะเข้าไปสำรวจได้”
“ไม่รู้ว่าที่ๆ ผมสำรวจนี่จะขอวีซ่าอยู่ได้นานแค่ไหนนะ”
“มันก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคุณน่ะค่ะ”
น่านฟ้ามองตานิรชาและหลงใหลในไหวพริบและเสน่ห์เย้ายวนของเธอ ทันใดนั้น มัศยาโผล่เข้ามา
“นึกแล้วไม่มีผิดว่าคุณมันไว้ใจไม่ได้”
น่านฟ้าช็อค
“เจ๊โหด”
มัศยานึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หลังจากที่เธอกลับออกมาจากเยี่ยมอาการน่านฟ้า เธอยังไม่ไว้ใจชายหนุ่ม จึงนั่งเฝ้าน่านฟ้าอยู่ในรถซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านของเขา
“ตกลงเอาไงเจ๊ ไม่รีบกลับออฟฟิศเหรอ”
“ยัง ฉันขออยู่ดูให้แน่ใจก่อนว่า อีตาประธานของเราจะกะล่อนตบตาเรารึเปล่า”
“โห แล้วเมื่อกี้เจ๊ก็เล่นละครห่วงใยซะเนียน แบบนี้เอารางวัลออสก้าไปเลยเหอะ”
มัศยาหันมาค้อนต๋องขวับ
“รับมือกับคนอย่างประธาน มันต้องทันกันย่ะ”
มัศยาเห็นรถน่านฟ้ากำลังแล่นออกจากประตูรั้ว
“นั่นไง ผิดไปจากที่ฉันพูดที่ไหน รีบตามไปเลยต๋อง”
ต๋องรีบออกรถตามไปทันที
ต๋องและมัศยาช่วยกันลากน่านฟ้าออกมาจากหน้าออนเซ็น น่านฟ้าดิ้นทุรนทุราย
“ปล่อยนะ ปล่อย ปล่อยผม”
นิรชาเดินตามมางงๆ
“นี่มันเรื่องอะไรคะ”
“ช่วยด้วยครับคุณนิ้ม แก๊งลักพาตัวจะมาจับผมไป”
“หุบปากไปเลยคุณน่าน ฉันนึกแล้วไม่มีผิดว่าคนอย่างคุณมันไว้ใจไม่ได้”
“เจ๊แหละ ไว้ใจไม่ได้ เล่นละครหลอกกันว่าเห็นอกเห็นใจ สุดท้ายก็สวมวิญญาณนางยักษ์ขมูขีอยู่ดี”
“ลิงหลอกเจ้าอย่างคุณ มันต้องเจออย่างฉัน เอาตัวขึ้นรถไปเลย ฉันจะพาไปเช็คบิลกับคุณท่าน”
“ไม่นะ ผมไม่ไป ไอ้ต๋อง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อยสิวะ”
“ขอโทษนะครับคุณน่าน มันเป็นหน้าที่”
ต๋องและมัศยาลากน่านฟ้าไปที่ลานจอดรถ นิรชามองงงๆ
วิภาคุยโทรศัพท์ในห้องทำงาน อารมณ์เดือดสุดๆ
“ว่าไงนะ เอาตัวมันมาให้เร็วที่สุด ฉันจะลงโทษด้วยมือฉันเอง”
วิภาเจ็บใจ
จบตอนที่ 3