แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 3
พริ้งบอกสายพิณ ศรีและพวกสาว ๆ ของบ้านที่เตรียมขึ้นโชว์อยู่ ศรีถามพริ้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"คนไหนเจ๊ ลูกชายท่านไกรวิทย์"
พริ้งหันนำสายตาไปที่เพลิน ที่กำลังพากฤษณ์และเพื่อนไปที่โต๊ะ
"ก็คนนั้นนั่นไง คนที่ใส่เสื้อ... ทั้งหล่อทั้งรวยแถมยังเป็นทายาทเพียงคนเดียวของท่านไกรวิทย์"
ศรีถาม
"ท่านไกรวิทย์นี่ใช่ส.ส.คนที่มีหุ้นส่วนโรงแรมเกือบทั้งหาดพัทยาหรือเปล่า"
"คนนั้นแหละ"
สายพิณที่ฟังอยู่ด้วยหันมองกฤษณ์ด้วยความสนใจทันที แต่เก็บอาการไว้
"งั้นเจ๊ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพวกฉันจัดการเอง"
สายพิณมองกฤษณ์ตาเป็นกระกายความหวังขึ้นมา
กฤษณ์ ป๋องและเพื่อนยืนรอโต๊ะอยู่ เพลินกระซิบบอกเอพริล เมย์ จูนที่เพิ่งเดินลงมาจากเวที
"ทำยังไงก็ได้ให้พวกเค้าเปิดห้องให้ได้ ก่อนที่จะถูกอีพวกบ้านนั้นปาดหน้าไป"
เอพริลบอก
"ไม่ต้องห่วงเจ๊ ยังไงฉันก็ไม่มียอมแพ้อีนังนักร้องตกกระป๋องนั่นหรอก"
เอพริล เมย์ จูนเข้าไปประกบกฤษณ์ซ้ายขวา ส่วนจูนประกบป๋องและเพื่อนที่ยืนรอโต๊ะอยู่
"พอดีโต๊ะเต็มน่ะค่ะ เอพริลว่าเราไปเปิดห้องกันดีกว่านะคะ" เอพริลบอก
"พวกเราไม่ได้จองไว้ มีห้องว่างเหรอครับ" กฤษณ์บอก
"สำหรับแขกวีไอพีอย่างคุณ ว่างเสมอค่ะ "
เอพริล เมย์จงใจเอาหน้าอกเบียดแขนกฤษณ์ กฤษณ์หัวเราะชอบใจตามประสาผู้ชายเจ้าชู้
"งั้นก็เอาสิครับ"
เอพริล เมย์ จูนควงแขนหนุ่ม ๆไปเปิดห้อง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเพลงอินโทรลเพล “Featuring” ของ “Girly Berry” ดังขึ้นมา พวก ๆ หนุ่มชะงักหันไปมองตามเสียง เห็นสาว ๆ ทั้ง 4 ได้แก่ ปอย แบม เชอรี่ ส้ม แห่งบ้านเสน่ห์จันทร์ ออกมาลิปซิงก์ เต้นโชว์
"เวลากระวนกระวายตอนที่ใครๆ ก็ไม่ต้องการ มันดูจะทรมานมันมีอาการหัวใจจะสั่น เวลาที่ไม่มีใครมองไปทางใดมันดูตันๆ แค่มีสักเพลงแค่เพลงมันๆ ให้ร้องฉันก็โอเค"
4สาวหันไปเปิดทางให้สายพิณ ไฟ follow บนเวทีสว่างขึ้น สายพิณ สาวแสบ สวยร้ายในชุดโชว์
สุดเซ็กซี่ บรรดาแขกที่มาเที่ยวมองสายพิณตาด้วยความหลงใหล
"เหงาสนิทอะนะ เหงาเหมือนกันใช่เปล่า เค้าทิ้งเธอสินะใช่รึเปล่า เหงาเตลิดใหญ่ละร้ายแรงเลยละ งั้นก็ Jam กันไหมชอบหรือเปล่า"
กฤษณ์จำสายพิณได้กระซิบถามป๋อง
"นั่นมันพินนี่ที่เป็นนักร้องไม่ใช่เหรอ"
"นี่แหละทีเด็ด ส่วนนั่นก็ลูกบอล"
สายตาป๋อง ที่มองไปที่หน้าอกพวกสาว ๆ กฤษณ์มองสายพิณตาไม่กะพริบ ส่วนสายพิณก็ส่งสายตายั่วยวนกลับมา
5 สาวโยกตามจังหวะเสียงเพลง ก่อนจะเห็นศรีในชุดโชว์สุดเซ็กซี่เดินออกมา
"พอเพลงดังๆ ใจมันก็ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด"
ปอย/แบม ร้อง
"แค่เพลงมันๆ แค่นั้นก็ถูก ถูกใจ"
ส้ม/เชอรี่ ร้อง
"โอเค โอเค แล้วเธอจะรออะไร"
สายพิณ ร้อง
WAll right All right ก็ฉันแค่อยาก อยากชวน"
6 สาวเดินดาหน้ามาด้วยลีลาสุดเซ็กซี่สุดเร่าร้อนตามจังหวะดนตรี
สายพิณ/ศรีร้อง "มา Featuring กัน baby"
พอจบท่อน 4 สาว ปอย แบม เชอรี่ ส้ม หันหลังไปในทันที เปิดทางให้สายพิณ ศรี เดินลงมา
เอนเตอร์เทนแขกด้านล่างเวที ทั้งสองจงใจเดินไปหากฤษณ์โดยเฉพาะ กระแทกไหล่เอพริล เมย์ จูน ให้ออกไป ประกบซ้ายขวากฤษณ์ เต้นยั่วยวน ปลุกเร้าอารมณ์ในตัวกฤษณ์และเพื่อน ๆ
กฤษณ์และเพื่อน ๆ หัวเราะชอบใจ เอพริล เมย์ จูน มองด้วยความเจ็บใจที่ถูกสายพิณปาดหน้าไปจนได้
เอพริล เมย์ จูนกระฟัดกระเฟียดด้วยความเจ็บใจ เพลินด่าซ้ำ
"โอ๊ย เจ็บใจจริง ๆ เลย เสียทั้งคนเสียทั้งของ แถมยังถูกพวกมันเย้ยเอาอีก" เอพริลบอก
"ครั้งนี้ถือว่าให้ทานหมามันไปแล้วกัน" เพลินว่า
ทันใดนั้นพริ้งก็เดินหัวเราะร่วนเข้ามา น้ำเสียงลีลาท่าทางเยาะเย้ยแบบสุด ๆ
"หมาน่ะหล่อน แก่จนเละติดง่ามมือแล้ว ยังคิดว่าจะมีใครเอาอีกเหรอ"
สามสาวโพล่งพร้อมกัน
"ฉันยังไม่แก่"
เพลินโกรธแทน
"นมยานไปกองอยู่ตาตุ่มแล้วยังมีหน้ามาด่าคนอื่นอีก"
พริ้งเย้ยพลางหัวเราะ
"ยานก็ขายออกแล้วกัน ไม่เหมือนเด็กหล่อน แห้งยังกะปลาร้าตากแดดค้างคาแผง"
เพลินไม่ยอมแพ้
"ถ้าหล่อนไม่ลงมาแย่ง ไม่มีทางได้คุณกฤษณ์ไปหรอก"
"ก็ไหนว่าแขกมีสิทธิ์เลือกไง"
เพลินอึ้งด่าไม่ออก
"โบราณว่าไว้หัวเราะทีหลังดังกว่า"
พริ้งหัวเราะกวนประสาท เดินออกไป สาวสาวและเพลินเจ็บใจ เพลินด่าไล่หลัง
"ฝากไว้ก่อนเถอะอีพริ้ง"
พริ้งหันมายั่วประสาท
"มาเอาเมื่อไหร่ก็บอกจะแถมดอกให้ด้วย อีเพลิน"
เอพริลพูดกับตัวเองด้วยความเจ็บใจ
"ฉันไม่ยอมให้เรื่องนี้จบง่าย ๆ แน่"
บรรยากาศแสงสีสถานบันเทิงยามค่ำคืนในตัวเมืองพัทยา ภายในบาร์โฮสต์ ชิต โคโยตี้บอยกำลังเต้นโชว์อยู่บนเวที ด้วยลีลาเร่าร้อน สุดเซ็กซี่ ปลุกอารมณ์นักเที่ยวหญิงสาวอย่างสนุกสนาน
สิงห์และตงเข้ามาหลังร้าน มองไปยังส่วนผับ เห็นชิตกำลังรับเงินจากสาว ๆ ที่ใส่มาที่ขอบกางเกงใน
"รอข้างนอกดีกว่าไหมพี่" สิงห์บอก
"เดี๋ยว ไอ้ชิตเห็นเราแล้ว"
ชิตวิ่งกลับเข้ามาส่วนหลังร้าน พร้อมเงินล้อมกางเกงใน พนักงานดึงเงินจากร่างชิต แล้วใส่ลงในกล่องรวม
"พี่ตง พี่สิงห์ มาเสียมืดเลย"
"เลิกงานรึยัง" ตงถาม
"สักครู่พี่ เอ้านี่ กุญแจห้องผม พี่ไปรอผมก่อน ผับเลิกค่อยเจอกัน"
สิงห์รับกุญแจมา
ชิตถาม
"ว่าแต่มีเรื่องอะไรเหรอถึงรีบมาพัทยา"
"มาตามหาคน แกคงช่วยได้ อ้อ มาตามหาน้องด้วย"
"น้องชาย น้องสาว"
"น้องสาวว่ะ มันหนีมาเที่ยวพัทยา ชื่อนงเยาว์"
ชิตเป็นอึ้ง ตงหยิบมือถือออกมา แล้วให้ชิตดูรูป ชิตยิ่งอึ้ง
"เดี่ยวฉันส่งรูปเข้ามือถือแก ช่วยตามหาให้ด้วย เผื่อมีใครพอจะจำได้บ้าง"
"ดะ ได้ ครับพี่ เออ งั้น โทษนะ ผมขอกุญแจห้องคืนก่อน"
"มีอะไรรึเปล่า" สิงห์ถาม
"ลืมไปว่าที่ห้องมีกิ๊กมานอนอยู่ เดี๋ยวผมไปเคลียร์ก่อน พี่เดินเที่ยวหรือหิ้วสาวไปก่อน แล้วผมโทร.บอก"
ชิตทำเนียน รับกุญแจคืนมา สิงห์สงสัยเล็ก ๆ ชิตรีบกลับไปเต้นต่อ แต่ไม่อยู่ในอารมณ์
อีกแล้ว เหลือบมองมาที่ตงและสิงห์ที่พูดคุยอะไรกันอยู่ ชิตชักหวั่น ตงและสิงห์ออกไป ชิตรีบ
ลงจากเวทีทันที
สาวใหญ่เมากร่ำนางหนึ่ง โผเข้ากอดชิต
"รูปหล่อขา คืนนี้พี่ออฟนะ"
"ไปตายเลยไป อีแก่"
ชิตสะบัดหลุดไป
"อ้าว....แก่เท่าแม่มึงไหมล่ะ"
ชิตกำลังรื้อเสื้อผ้าข้าวของนงเยาว์และจันทร์ฟอง ใส่ถุงดำแล้วมัดไว้
"ทำไมซวยอย่างนี้วะกู"
ชิตคิดหาทางช่วยนงเยาว์ออกมา
"เอาไงดีวะเนี่ย"
อ่านต่อหน้า 2
แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 3 (ต่อ)
บ้านสุขสำราญ เวลากลางคืน ต่อเนื่อง ชิตในชุดใหม่ใส่ฮู้ตปิดหน้า ด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ในสวนบ้านสุขสำราญมองไปยังห้องด้านหลัง ลัดเลาะเข้าไปในบ้าน เดินผ่านโถงกลาง
ชิตแอบมองเข้าไป เห็นเอพริล เมย์ จูน กำลังกอดกันร้องไห้สะอื้น นางพิศยืนมองด้วยสายตาเหี้ยม เพลินยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างกลัวบารมี สุวรรณ และสมุนแมงดาสองนายยืนคุมอยู่ นางพิศในมือถือบุหรี่เสียบอยู่กับก้านยาว
"ระดับลูกชาย ส.ส. ไกรวิทย์ พวกมึงยอมให้เด็กอีละม่อมมันแย่งตัดหน้าไปได้ไง....ไม่มีปัญญาหรือไม่มีน้ำยา อีเมษา มึงลุกขึ้นมา"
"แม่ อย่าทำอะไรหนูเลย หนูกลัวแล้ว" เอพริลบอก
"จับมันลุกขึ้นมา"
สุวรรณและสมุนจับร่างเอพริลลุกขึ้น
"ไม่ได้ทำอะไรเอ็ง แค่ดูว่ารูปร่าง หน้าตาเอ็ง นมต้ม เอว ก้น ตรงไหนที่มันสวยสู้เด็กนังละม่อมไม่ได้"
พิศกระชากเสื้อให้หลุดจากไหล่
"อ้ ตรงนี้ไง มีใฝฝ้าราคี อย่างนี้ซิ คุณกฤษณ์เขาถึงไม่สน งั้นต้องกำจัดออก"
พิศทำท่าจะจี้บุหรี่ลงบนไหล่ เอพริลร้องกรีดออกมา เพลินรีบเข้ามาห้าม
"พี่พิศ ฉันขอละ อย่าไปลงโทษมันเลย ฉันผิดเองแหละ ที่ฉันเชียร์แขกไม่ขึ้น"
"อ้อ รู้ตัว"
ขาดคำ พิศตบหน้าเพลินฉาดใหญ่ จนเพลินเซไป ทุกคนเป็นอึ้ง
"ไม่ต้องมาห้าม ยังไงมันต้องได้บทเรียน"
พิศจี้บุหรี่ลงไห เอพริลกรีดร้องลั่น เมย์ จูนกอดกันหลับตา ร้องไห้โฮ ชิตที่แอบมองอยู่ เบือนหน้าหนี แล้วรีบหลบไปหลังบ้าน
นงเยาว์สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นในห้องเล็ก ๆ อับ ๆ จันทร์ฟองยังนอนสลบอยู่
"เสียงอะไรน่ะ จันทร์ตื่นเร็ว จันทร์"
นงเยาว์เขย่าร่างเพื่อน แต่จันทร์สลึมสลือ
"จันทร์แกเป็นอะไรไป หรือพวกมันให้แกกินยา"
ประตูห้องเปิดออก ชิตรีบผลุบเข้ามา นงเยาวสะดุ้ง ชิตรีบเปิดหน้า
"ไอ้ชิต" นงเยาว์เรียก
"เบา ๆ ไปกับฉันเดี๋ยวนี้"
"ไอ้ชิต แกอย่ามาหลอกฉันอีกนะ"
"ไม่หลอกโว้ย ฉันมาช่วยเธอ"
"ช่วยฉันทำไม"
"ต้องช่วย เพราะเธอคือน้องพี่ตง"
"พี่ตง"
"ใช่ พี่เขามาตามหาเธออยู่"
"แกรู้จักพี่ตงด้วยเหรอ"
"รู้จักซี ทำไมซวยอย่างนี้ก็ไม่รู้ ทีนี้เชื่อรึยัง ไปเร็ว"
"เดี๋ยว พาจันทร์ไปด้วย"
"ไม่ต้อง เมื่อบ่ายฉันให้ยามันเข้าไป มันลุกไม่ไหวแล้ว"
"แล้วจะปล่อยมันอยู่ในซ่องนี่น่ะเหรอ"
"ช่วยไม่ได้แล้ว ไปเร็ว"
ชิตดึงร่างนงเยาว์ออกจากห้อง
ชิตปิดหน้าเหมือนเดิม วิ่งพานงเยาว์ลัดเลาะออกมาที่สวน รีบหลบเมื่อเห็นเพลินออกมาพร้อมเอพริล เมย์และจูน ที่ยังร้องไห้ต่อเนื่อง
"มา...ทำแผลกันก่อน"
ทั้งสี่ลงนั่งเก้าอี้สนาม เพลินทำแผลที่เอพริลโดนบุหรี่จี้ที่ไหล่
"อุ๊ย....แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกแก กินยาแก้ปวดเดี๋ยวพรุ่งนี้แกก็ออกไปแร่ดได้เหมือนเดิม"
เมย์บอก
"แม่โหดอย่างนี้ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วละพี่เพลิน"
"ทนเอาหน่อยเถอะว่ะ งานนี้แม่แกโกรธมาก"
"ทำไมล่ะ"
"อย่าพูดไปนะ ท่านไกรวิทย์น่ะ เคยเป็นคู่ขาเก่าของแม่แก แกเฮิร์ทจะตายตอนที่ท่านบอกเลิกไปแต่งงานกับคุณนายนภา"
เอพริลบอก
"อ้าว เรื่องผ่านมายยี่สิบสามสิบปีแล้ว มาลงกับพวกเราแบบนี้ได้ไง พี่เพลินเองก็โดนแม่ตบ"
"เอาเถอะ.... อย่าไปคิดมากเลย" เพลินปลอบ
เสียงสวบสาบดังขึ้นเบื้องหลัง ทั้งสามหันขวับไปมอง
"ใครน่ะ"
เพลินถามแล้วเดินตรงมา ชิตและนงเยาว์หลบอยู่ เบื้องหลังเป็นทางตัน ชิตปิดหน้ามิดชิด แล้วดึงนงเยาว์วิ่งสวนเพลินออกมา
ชิตผลักเพลินล้มไป สามสาวกรี๊ดพร้อมกัน ชิตและนงเยาว์วิ่งออกนอกรั้วบ้าน
"เด็กหนี จับเร็ว แม่....อีเด็กใหม่มันหนีไปแล้ว"
สุวรรณวิ่งออกมาพร้อมสมุนสองนาย
"หนีไปทางไหน"
"ออกซอยไปแล้ว"
สุวรรณและสมุนวิ่งตามไป พิศวิ่งตามออกมาจากตึก
"อะไร ใครหนี" พิศถาม
"นังนงเยาว์ค่ะพี่"
พิศหน้าเหี้ยม สามสาวมองหน้ากัน งงๆ เด็กใหม่ยังไม่รู้จัก
ชิตพานงเยาว์วิ่งเลี้ยวในซอย สุวรรณและสมุนวิ่งตามมาจากห่าง ๆ
"ฉันวิ่งไม่ไหวแล้ว"
นงเยาว์หยุดตรงหน้าบ้านเสน่ห์จันทร์พอดี ชิตหันไปมองกลุ่มสุวรรณที่ยังวิ่งมาไม่ถึงทางเลี้ยว เห็นท่าไม่ดี ชิตตัดสินใจปีนขึ้นกำแพงบ้านอย่างคล่องแคล่ว ไม่ทันสังเกตว่า รอยเท้าเปื้อนดินของชิตติดอยู่ที่กำแพงรั้ว ชิตถอดสลักประตูเล็กให้นงเยาว์ หลบเข้าบ้านไป
กลุ่มสุวรรณวิ่งผ่านหน้าบ้าน
ชิตพานงเยาว์มาหลบอยู่ในห้องโถง มองผ่านหน้าต่าง เห็นกลุ่มสุวรรณวิ่งกลับมาหน้าบ้าน
"ไปข้างบนก่อน"
ชิตพานงเยาว์ขึ้นชั้นบน
บริเวณโถงบน ทั้งสองรีบหลบ เพราะต้อยในชุดนอนเดินออกจากห้องน้ำ เข้าไปห้องของตัวเอง ชิตเปิดฮู้ดแค่หน้าผาก
"ให้พวกมันไปก่อนนะ แล้วเราค่อยกลับห้อง"
"ห้องไหน"
"ก็ห้องฉันน่ะซี พี่ตง พี่สิงห์มาค้างกับฉัน"
"พี่สิงห์ด้วยเหรอ"
"ทำไมโลกมันกลมอย่างนี้วะ แล้วเธอก็ไม่บอกก่อนว่าเธอเป็นน้องพี่ตง ไม่งั้น ฉันคงไม่"
นงเยาว์สวนทันควัน
"หลอกนอนกับฉัน แล้วพาฉันขายซ่อง"
"ขอโทษว่ะ ไม่รู้จริง ๆ"
"ฉันไม่มีวันยกโทษให้แก"
ชิตถอนใจ เสียงดังจากเบื้องหลังทั้งคู่
"อย่าขยับนะโว้ย ขยับละก็ ตายคู่ ลุกขึ้น ยกมือขึ้น"
ทั้งสองลุกและยกมือ
พริ้งสั่ง
"หันมาช้า ๆ"
ชิตและนงเยาว์หันไปหาพริ้งที่อยู่ในชุดนอน พริ้งถือปืนสั้นในมือ เปิดไฟในห้องสว่าง
"พี่พริ้ง ผมเอง"
"ผมเองอะไร กูไม่รู้จักไอ้หัวขโมย"
ชิตรีบเปิดหน้าทันที
"ผมเอง ชิตไง"
"อ้าว ไอ้ชิต เต้นโคโยตีไม่พอกินรึไง มาขโมยชาวบ้านเขา"
"ไม่ได้ขโมยพี่พริ้ง ผมแค่พาน้องเข้ามาหลบ"
"หลบใคร หลบอะไร"
"ไอ้พี่สุวรรณ มันไล่ตามมา ขอหลบแป๊บเดียวนะพี่นะ"
"เล่ามาก่อน เรื่องมันเป็นยังไง" พริ้งถาม
นางพิศตามมาหน้าบ้านพร้อมเพลิน
"จับได้ไหม"
สุวรรณบอก
"ไม่รู้ไปออกตรอกไหนแล้วแม่"
"ชะนีตัวนิดเดียวตามจับไม่ได้ ทำไมควายอย่างนี้วะ ....แล้วใครพามันหนี"
"มันปิดหน้า มองไม่เห็นครับ"
"ปิดหน้าเหรอ งั้นก็น่าจะเป็นคนพื้นที่ที่เรารู้จัก"
พิศมองไปยังกำแพงรั้วบ้านเสน่ห์จันทร์ รอยเท้าของชิตยังสดใหม่อยู่ ทั้งที่ผนังและบนสันกำแพง
"แล้วถ้าเป็นคนพื้นที่ มันก็น่าจะกบดานอยู่บ้านที่มันคุ้นเคยดี"
สุวรรณมองตาม สองลูกน้องเข้ามาดูรอยเท้า
"โดยเฉพาะบ้านอีละม่อมนี่แหละ"
พิศมองอย่างอำมหิต ปนเคียดแค้นชิงชัง
เสียงออดกดรัวลั่นบ้าน ที่โถงบ้าน ชิต นงเยาว์ และพริ้งสะดุ้ง
"พี่พริ้ง พวกมันยังอยู่ ไหว้ละ ให้ผมหลบเข้าไปก่อนนะ"
"งั้นเข้าห้องนี้ก่อน"
พริ้งพาเข้าห้องนอนสายพิณ ที่ปิดไฟมืด
"อย่าส่งเสียงเชียวนะ"
ชิตและนงเยาว์หลบเข้าไป ต้อยออกมาจากห้อง
"อะไรกันเจ๊ กดออดลั่นเลย มาเก็บค่าน้ำค่าไฟเหรอ"
"ค่าน้ำค่าไฟบ้านแกน่ะซี ไปดูด้วยกัน"
ทั้งสองออกไปจากบ้าน
พริ้งและต้อยออกมาที่หน้ารั้วบ้าน ชะงักไปเมื่อเห็นพิศ เพลิน สุวรรณยืนทะมึนอยู่ พริ้งทำใจดีสู้เสือ
"อ้าว อ้าว กดออดก็ให้เกรงใจกันหน่อยนะ ดึกดื่นแล้ว คนจะหลับจะนอน บ้านนี้เขาบ้านผู้ดี ไม่ใช่บ้านออหรี่นอนตี่สี่ ตื่นบ่ายสาม"
"ถุย ไม่ใช่บ้านออหรี่ แต่แย่งแขกเด็กกูไปกกหน้าด้านๆ ยิ่งกว่าออหรี่อีก พวกมึงน่ะ" เพลินว่า
"ไม่ต้องพูดมากหรอก ฉันขอเข้าไปในบ้านหน่อย" พิศว่า
"มีอะไรไม่ทราบคะ คุณแม่พิศ บุกมาดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้"
"จะคุยกับแม่แกไง"
"แม่ละม่อมสวดชินบัญชรสามจบ กรนคร่อกไปแล้วเจ้าค่ะ"
"อย่ามาตอแหล อีพริ้ง พวกมึงเอาเด็กกูมาหลบไว้ในบ้าน กูรู้"
"อุ๊ย....เด็กบ้านสุขสำราญเหรอเจ้าคะ ไม่มีค่ะ บ้านเสน่ห์จันทร์ไม่รับ ออหรี่เหลือเดน ออหรี่ทุพพลภาพ"
"จัดการ"
สุวรรณชักปืนออกมาจ่อ พริ้งยังไม่ทันเห็นยังพล่ามต่อ
"ออหรี่ติดเชื้อ ไม่สนองตอบต่อการรักษา"
ต้อยบอก
"เจ๊ สนองตอบหน่อยเถอะ ปืนจ่อมานั่นแล้ว"
"แหก"
พิศตวาดลั่น
"เปิดประตูเดี๋ยวนี้"
พิศเดินนำเข้ามาในบ้าน เพลิน สุวรรณ สองสมุนตามมา พริ้งและต้อยตามมาท้ายสุด
"ค้นให้ทั่ว" พิศสั่ง
สุวรรณและสองสมุนรื้อค้นมุมห้อง ตามกองผ้าที่กองสุมไว้
"นี่...ไม่ได้นะคุณแม่พิศ จะมาค้นบ้านฉันไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้"
"กูมีปืน นี่ละใบอนุญาตละ ขึ้นไปค้นชั้นสอง"
"ครับแม่"
สามชายขึ้นบันไดไป พริ้งใจคอไม่ดี ต้อยยังงง ๆ
บริเวณโถงบน สุวรรณและสองสมุนชะงัก นางละม่อมในชุดนอน ถือปืนลูกซองประทับอยู่
"มึงก้าวขึ้นมาอีกก้าวเดียว มึงไม่ได้เป็นอันธพาลแน่ เหลือแค่พิการ เพราะอัณฑะมึงจะหายไปคนละสองข้าง "
สุวรรณลดปืน ถอยกรูดลงมาพร้อมลูกน้อง ละม่อมตามลงมา เผชิญหน้ากับนางพิศ
"อีละม่อม"
"ว่าไงอีพิศ กล้ามากนะมาเหยียบบ้านกู"
"กูมาตามเด็ก หนีมาหลบในบ้านมึงแน่ ๆ คนของมึงคงช่วยไว้ รอยรองเท้ามันเพิ่งปีนรั้วบ้านมึงสด ๆ ร้อน ๆ"
"รอยเท้าผู้ชาย ผู้หญิง"
"ผู้ชาย" เพลินบอก
"งั้นก็เข้าใจผิดแล้ว เพราะบ้านกูไม่มีผู้ชาย มีแต่หญิงล้วน ๆ เพราะกูไม่นิยมเลี้ยงแมงดาไว้ซ้อมเด็กอย่างบ้านมึง"
พิศเม้มปากแน่นด้วยความโกรธ
"มึงออกไปได้แล้ว อย่าอยู่เป็นกะหรี่ เอ๊ย กาลีบ้านกูเลย ไป๊"
ละม่อมประทับปืน สุวรรณประทับปืนเช่นกัน
"ไม่ต้อง สุวรรณ กลับ"
สุวรรณถาม
"แม่....ทำไม"
"ไม่ต้องถาม กลับ แต่จำไว้นะอีละม่อม ถ้ากูรู้ว่ามึงช่วยเด็กกูหนี บ้านเสน่ห์จันทร์จะร้อนเป็นไฟแน่ คราวนี้มันจะกลายเป็นบ้านกาลีสมพรปากมึงละ"
พิศจะสะบัดออก
"เดี๋ยว อีพิศ ที่ตามมาหาเรื่องกูคืนนี้เนี่ย เพราะอารมณ์ค้างที่เด็กกูแย่งลูกชายท่านไกรวิทย์จากเด็กมึงรึเปล่า"
พิศสะบัดกลับมามอง ตาลุกวาวด้วยความโกรธ
"ไม่เกี่ยว"
"น่าจะเกี่ยวนะ เพราะมึงยังแค้นไม่หาย ที่ท่านเขาไม่เอามึง ทิ้งมึงมาหากู" ละม่อมบอก
"โถ กล้าพูดนะว่าเขามาหามึง เขาก็ทิ้งมึงเหมือนกันแหละ ไปหาอีคุณนายนภาไง" พิศว่า
"แก่ตัวแล้ว ความจำสั้นนะ จำใส่กระโหลกหนา ๆ มึงไว้ เขารักกู จะสู่ขอเพื่ออยู่กินกับกูออกหน้าออกตา แต่กูต่างหากที่ปฏิเสธเขา เพราะกูสังวรณ์ตัวเองดีว่ากูมันแค่หญิงข้างถนน ไม่คู่ควรกับเขา กูเป็นคนแนะนำให้เขาไปแต่งกับนังคุณนายด้วยซ้ำ" ละม่อมบอก
"นิยายที่แต่งเข้าข้างตัวเองน่ะ ไม่มีใครเขาอ่านหรอกว่ะ เฮ้อ แก่แล้ว แต่ยังมโนเข้าข้างตัวเองอยู่ อีกระบังถังแตกเอ๊ย....ฮ่ะฮ่ะ" พิศว่า
พิศออกจากบ้านตามด้วยทีมทั้งหมด
"ไปปิดประตูอีต้อย ลั่นกลอน ลั่นดาลเลยนะ"
ต้อยรีบตามไป
ละม่อมถาม
"ช่วยเด็กมันหนีเหรออีกพริ้ง"
"เปล่านะพี่ คือฉัน"
"พริ้ง มึงก็รู้อยู่ว่ามึงโกหกไม่เนียน เด็กอยู่ไหน"
พริ้งยิ้มเจื่อนเต็มที
นงเยาว์ ชิต หลบอยู่ ละม่อม พริ้งเข้ามาในห้องสายพิณ ละม่อมไล่ทั้งคู่ออกไป อย่ามาเหยียบบ้านเสน่ห์อีก
อ่านต่อหน้า 3
แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 3 (ต่อ)
เวลาเดียวกัน ณ คอนโดกฤษณ์ ตอนกลางคืน กฤษณ์พาเพื่อนมาต่อที่คอนโดฯ ทุกคนอยู่ในสภาพเมามายไม่ต่างกัน เสียงเพลง “ขอได้ไหมผู้ชายของเธอ” ของ “Girly Berry” คลอเบา ๆ
เพื่อนผู้ชายบางคนหลับไปแล้ว ส่วนอีกคนกำลังนัวเนียกับผู้หญิงที่ออฟมาบนโซฟา ศรีโยกย้ายลีลาสุดเซ็กซี่ไปตามจังหวะเสียงเพลง เหมือนคนเมาทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เมา อ๋องถือแก้วเข้ามาชวนดื่ม
"ดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยสิศรี"
"ไม่ดีกว่าค่ะ"
"ทำไมล่ะ รังเกียจผมเหรอ"
"ศรีกลัวคุณเอาศรีไม่อยู่ต่างหาก" ศรีท้าทาย
"แน่ใจ"
"งั้นก็เอาให้อยู่สิคะ"
ศรีพูดจบไม่กระชากตัวอ๋องเข้ามาจูบ
กฤษณ์ดันตัวสายพิณติดผนังก่อนจะซุกไซ้ซอกคอ สายพิณปลดกระดุมเสื้อและตะขอกางเกงของกฤษณ์ออก ขณะที่ทุกอย่างกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เสียงมือถือกฤษณ์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
"ใครโทร.มา"
กฤษณ์ล้วงหยิบมือถือขึ้นมาจะกดรับสาย สายพิณรีบสวนออกไปน้ำเสียงอ้อน ๆ
"อย่ารับนะคะ"
กฤษณ์มองหน้าจอมือถือเห็นว่าปริมโทร.มา
"ขอผมรับสายก่อน"
กฤษณ์ทำท่าจะรับสาย แต่สายพิณไวกว่าแย่งมือถือมาได้ กฤษณ์ไม่ค่อยพอใจ
"จะทำอะไร"
สายพิณเอามือถือยัดเข้าไปตรงหน้าอกเสื้อ มองกฤษณ์อย่างท้าทาย
"อยากได้ก็มาเอาสิคะ"
"คุณนี่มันร้ายจริง ๆ เลย"
กฤษณ์ไล่ปล้ำถอดเสื้อผ้าสายพิณ ก่อนทั้งสองจะไปจบกันบนเตียงนอน
ปริมโทร.หา กฤษณ์กดตัดสาย นภาที่ยืนมองอยู่ถามด้วยความเป็นห่วง
"เป็นไง รับมั้ย"
ปริมส่ายหน้า
"สงสัยคงติดลมกับเพื่อน ๆ"
"ไม่ไหวเลยลูกคนนี้ งั้นคืนนี้ค้างซะที่นี่เลยก็ได้ เดี๋ยวป้าให้เด็กจัดห้องให้"
"คงไม่ได้หรอกค่ะ พอดีพรุ่งนี้ปริมต้องช่วยคุณพ่อรับลูกค้าต่างประเทศแต่เช้า"
"งั้นเดี๋ยวป้าให้คนรถขับส่งไป"
"ขอบคุณมากนะ"
"ป้าต่างหากที่ต้องขอโทษ เป็นคนชวนให้หนูมาสัมภาษณ์ด้วยกันแท้ ๆ แต่กลับ
ปล่อยให้กลับเองคนเดียว"
"ไม่เป็นไรค่ะ"
ปริมยิ้มอ่อนโยน
สิงห์ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยืนโกนหนวดโกนเคราตรงหน้ากระจก เพื่ออำพรางหน้าตาไม่ให้ตำรวจตามเจอ
ชิตนอนหลับอยู่ สิงห์มองชายเสื้อที่ใบพรฉีกมาทำแผลให้ ก็คิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้น สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเป็นกังวล
พระอาทิตย์ขึ้นสวยที่หาดพัทยา ใบพรกับต้อยแต่งตัวสวยออกมาจากห้อง พริ้งเห็นก็ทักเสียงอ่อนเสียงหวาน
"แต่งตัวสวยแต่เช้าจะไปไหนกันจ๊ะ"
"พาใบพรไปสมัครงานน่ะเจ๊"
พริ้งประชด
"อุ๊ยตาย จะออกไปหางานจริง ๆ เหรอ งั้นขอให้ได้งานนะ "
"ไม่ต้องมาตอแหล"
พริ้งโกรธ
"อ้าว อีนี่พูดดีด้วยแล้วลามปาม เดี๋ยวก็โดนหลังแหวนหรอก" พริ้งหันมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับใบพร "แล้วไม่อยู่รอคุยกับแม่ก่อนเหรอ เผื่อจะได้งานดี ๆ ไม่ต้องเหนื่อยมาก"
"ถ้าดีจริงก็เก็บไว้ทำเองสิ" ต้อยบอกกับใบพร "ไปพร ไม่ต้องไปฟังอีเจ๊มันมาก เพ้อเจ้อ ไร้สาระ"
ต้อยฉุดแขนใบพรที่งง ๆ อยู่ออกไป พริ้งด่าหลังไล่
"ยะนังต้อย นังคนมีสาระ แต่เป็นสารเลว ขอให้หล่อนได้งานทำนะนังต้อย จะได้
ไม่ต้องอยู่ในเป็นเสนียดที่นี่ อยากจะรู้นักว่าจะไปได้ซักกี่น้ำ เชอะ"
วันต่อมา สายพิณ ศรีลงจากรถแท็กซี่จะเข้าไปในซอยบ้าน ศรีฟังเรื่องที่สายพิณเล่าก็ถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น
"โห ขนาดนั้นเลยเหรอน้องพิณ" ศรีถาม
สายพิณทำเป็นเขิน
"เห็นหงิม ๆ พิณก็ไม่คิดเหมือนกัน"
"พี่ว่าคุณกฤษณ์อะไรเนี่ยต้องชอบน้องพิณมาก ๆ แน่"
สายพิณจีบปากจีบคอ
"พี่ศรีก็พูดไป ใครจะมาจริงใจกับผู้หญิงอย่างเรา"
"แล้วจะเอาไปทำอะไรความจริงใจ แค่จับให้ได้ก็พอ รับรองสบายไปทั้งชาติ"
"ขอให้สมพรปากเถอะ ถึงตอนนั้นพี่ศรีอยากได้อะไรบอกพิณนะ เดี๋ยวพิณจัดให้"
สายพิณ ศรีหัวเราะสนุก ทันใดนั้นก็เห็นเอพริล เมย์ จูนที่มาดักรออยู่ และเดินเรียงหน้ากระดานเข้ามา พูดด้วยความหมั่นไส้
"ทำเป็นระริกระรี้เป็นกระดี่ได้น้ำ" จูนบอก
"ต้องพูดว่า ระริกระรี้เป็นกะหรี่ได้น้ำถึงจะถูก" เมย์ว่า
"ก็อย่างว่านักร้องตกกระป๋องนี่อะนะ คงอดอยากปากแห้งมานาน....พอโดนน้ำเข้า
หน่อยก็ทั้งบานทั้งใหญ่คับซอย" เอพริลบอก
ทั้งสามสาวเดินมาหยุดตรงหน้า สายพิณ ศรี พลางหัวเราะเยาะเห็นเป็นเรื่องสนุก ศรีโกรธ จะเดินเข้าไปเอาเรื่อง แต่สายพิณดึงแขนไว้
"พูดอย่างนี้หมายความว่าไง"
"ก็หมายความว่าสาระแนตอแหลให้มาก เดี๋ยวจะโดนส้นเข็มตบปากไม่รู้ตัว"
"แล้วก็เลิกยุ่งกับคุณกฤษณ์ซะด้วย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน" เอพริลบอก
"คิดว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็พวกหมาหวงก้าง" ศรีว่า
"หล่อนว่าใครหมา" เอพริลถาม
"ก็ไอ้ตัวที่มันเห่าอยู่นี่ไง" ศรีบอก
ศรีปราดเข้าไปจะเอาเรื่องแต่สายพิณดึงแขนไว้ได้ทัน
"อย่าพี่ศรี"
"คิดว่ามีมือมีตีนคนเดียวหรือไงวะ"
เอพริลโกรธจะเข้ามาตบศรี แต่สายพิณห้ามไว้
"อย่ามีเรื่องกันเลย ฉันขอร้อง"
ศรีโกรธสวนแรง)
"พิณอย่าไปยอมมัน ไม่มีปัญญาจิกผู้ชายแล้วยังจะมาพาลอีก"
เอพริลโกรธและสวนแรง
"ใครว่าฉันพาล ถ้าพวกหล่อนไม่ใช่วิธีสกปรกลงมาแย่งแขกถึงที่ ยังไงคุณกฤษณ์ก็ต้องเป็นของฉัน"
"แล้วมันมีกฎห้ามไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่" ศรีบอก
"ตั้งแต่วันนี้ ตอนนี้" เอพริลว่า
เอพริลจะเข้าไปเอาเรื่อง สายพิณตัดบททำตัวเป็นคนดี
"พอเถอะ เอาเป็นว่าฉันเข้าใจแล้ว คราวหลังจะระวัง ... ไปเถอะพี่ศรี"
"ไปยอมมันทำไม"
สายพิณสวน
"คิดว่าฉันขอร้องแล้วกัน"
ศรีระงับอารมณ์
"ก็ได้ จะคิดว่าแผ่เมตตาให้ผีมันไปแล้วกัน"
ศรีเดินตามสายพิณไป แต่เอพริลไม่ลดละถ่มน้ำใส่
"ถุย คิดว่าจะแน่ ที่แท้ก็ดีแต่ปาก"
ศรีปรี๊ดขึ้นมา
"ถ้าหล่อนมีดีงั้นก็เอาออกมาเลย"
อย่างไม่มีใครคาดคิด ศรีหันกลับมาจิกหัวเอพริลที่ยืนหัวเราะเยาะอยู่ ลากออกไปตบ
ศรีเหวี่ยงเอพริลที่ร้องกรี๊ด ๆ ลงไปกองกับพื้น เห็นทั้งถังขยะและเข่งใส่ขยะใบเล็กใบใหญ่วางเรียงรายกันเต็มไปหมด
"เก่งนักใช่มั้ย"
ศรีขึ้นคร่อมตบซ้ายขวา เอพริลกรีดร้องเสียงดัง เมย์ จูนจะเข้าไปช่วยเพื่อน แต่สายพิณแกล้งทำเข้ามาเป็นร้องห้าม แต่ความจริงต้องการกันให้ศรีตบเอพริล
"อย่ามีเรื่องกันเลยฉันขอร้อง ฉันขอร้อง ฉันขอร้อง"
เมย์ตบสายพิณแล้วเข้าไปช่วยเพื่อน จูนจะตามไปแต่สายพิณไวกว่า
สายพิณเจ็บใจ
"งั้นมานี่เลย"
สายพิณกระชากตัวจูนมาตบจนล้มกลิ้งไปอีกคนก่อนจะขึ้นคร่อมตบ ศรีตบเอพริลยังไม่หนำใจ เห็นถังขยะวางอยู่ใกล้ ๆ
"ปากขยะดีนักใช่มั้ย"
ศรีลุกขึ้นไปหยิบเข่งขยะแถวนั้นมาจะเอามาครอบหัวเอพริล แต่เมย์เข้ามาพอดี
"อีหมาลอบกัด"
เมย์เข้าไปจิกหัว กระชากตัวออกมาตบ จนเข่งใส่ขยะกระเด็นหลุดมือไป แล้วตามไปขึ้นคร่อมตบ เอพริลตั้งตัวได้เข้ามาเอาคืน
"คราวนี้ถึงทีฉันบ้างอีศรี"
เอพริลเห็นเปลือกทุกเรียนตกอยู่ ร้องสั่งเมย์
"จับมัน"
เมย์กระชากตัวศรีขึ้นมาล็อกตัวไว้ เอพริลหยิบเปลือกทุเรียนจะเข้ามาตบศรี สายพิณเห็นอย่างนั้นรีบผลักจูนออก เข้าไปแย่งเปลือกทุเรียนจากมือเอพริลพลางร้องให้คนช่วย
"ช่วยด้วย ช่วยด้วย"
ต้อยเดินคุยมากับใบพร
"วันนี้เดี๋ยวลองไปถามในตลาดดู เผื่อจะมีงาน"
ใบพร ต้อยได้ยินเสียงสายพิณร้องให้ช่วย พอหันไปเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ตกใจ
"นั่นมันคนบ้านเรานี่" ต้อยบอก
จูนเข้ามากระชากตัวสายพิณออก เอพริลเงื้อเปลือกทุเรียนในมือจะตบสายพิณ
"สาระแนนัก"
สายพิณร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ ต้อยเข้ามารับมือเอพริลไว้ได้ทัน
"หยุดเดี๋ยวนี้นังเอพริล" ต้อยว่า
"คิดจะหมาหมู่เหรอ" จูนว่า
จูนเข้าไปช่วยเอพริล ต้อยสู้แรงไม่ไหวร้องบอกใบพรที่ยืนละล้าละลังอยู่
"ยืนดูอยู่ได้ช่วยกันหน่อยสิ"
ใบพรรีบเข้าไปช่วยต้อยเป็นจังหวะเดียวกับที่เอพริลแย่งเปลือกทุเรียนมาได้ จะตบต้อยแต่ใบพรเข้ามาขวางเสียก่อน ถูกตบเข้ากลางหลังทรุดลงไปกองกับพื้น
"โอ๊ย"
ต้อยตกใจรีบเข้าไปดูเพื่อน
"ใบพร"
"เอามันเลยเอพริล"
จูนล็อกตัวสายพิณไว้ เอพริลจะเอาเปลือกทุเรียนตบหน้าสายพิณ ศรีได้จังหวะสะบัดเมย์ออก ก่อนจะคว้าเข่งใส่ขยะอีกใบที่มีขยะอยู่เต็มครอบหัวเอพริลเสียก่อน เอพริลร้องเสียงดังด้วยความขยะแขยง เมย์ จูนจะเข้ามาช่วยเพื่อน ศรีคว้าถังขยะอีกใบโยนใส่ ทั้งสองเต้นเร่า ๆ กรีดร้องไปมาด้วยความขยะแขยง ศรีคว้าเปลือกทุเรียนขึ้นมาขู่
"ถ้าแน่จริงก็เข้ามาเลย ฉันจะได้ฝากรอยแผลประจานไว้กลางหน้าหล่อน คนเค้าจะได้รู้ว่ากะหรี่ซ่องเจ๊พิศอย่างพวกหล่อนไม่มีปัญญาจับผู้ชาย แล้วยังมีหน้ามาเอะอะระรานคนอื่นอีก"
ใบพรชะงักกับคำว่า “กะหรี่” หันขวับมองหน้าต้อย ต้อยทำหน้าไม่ถูก เมย์ชี้หน้าด่าศรี
"ฝากไว้ก่อนเถอะอีศรี อีอัปรีย์"
ศรีปาเปลือกทุเรียนใส่ เมย์ จูนร้องกรี๊ดวิ่งหนีไป
"ทิ้งกันเลยนะ อีเพื่อนเลว"
เอพริลรีบสิ่งตามไป ใบพรถามต้อยอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
"ตกลงบ้านนั้นไม่ใช่หอพักใช่มั้ย"
ต้อยทำหน้าบอกบุญไม่รับ ไม่รู้จะตอบใบพรยังไงดี
พริ้งและสายพิณช่วยกันทายาหม่องให้ศรี ละม่อมเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
"คนบ้านนั้นกล้าทำขนาดนี้เลยเหรอ" ละม่อมถาม
"สภาพแบบนี้ แม่คิดว่าฉันแต่งเรื่องหรือไง" ศรีถาม
"น่าจะโดนเปลือกทุเรียนตบปากซักที จะได้หายปากมาก" พริ้งบอก
"เจ๊ก็น่าจะโดนซักทีเหมือนกันจะได้เลิกสอดเรื่องชาวบ้าน" ศรีบอก
"สอดใช่มั้ย "
พริ้งแกล้งทายาศรีแรง ๆ ศรีร้องโอ๊ย ละม่อมตัดบท
"แล้วตกลงเป็นอะไรมากมั้ย"
สายพิณดัดจริตแกล้งเป็นคนดี
"แค่รอยฟกช้ำดำเขียวนิด ๆ หน่อย ๆ โชคดีที่ว่าเด็กใหม่มาช่วยไว้ทันจ้ะแม่"
"มาขวางล่ะไม่ว่า ไม่งั้นป่านนี้พวกมันกลายเป็นขยะเปียกไปแล้ว" ศรีบอก
ละม่อมแปลกใจ หันไปถามพริ้ง
"เด็กใหม่เหรอ"
"เพื่อนนังต้อยมันมาหางานทำน่ะแม่ ฉันเห็นหน่วยก้านท่าทางดีก็เลยให้มันอยู่ด้วย"
"หน้าตาดี ? แล้วทำไมไม่พามาให้ฉันดูตัว"
"ก็เพราะมันไม่ได้อยากเป็นกะหรี่นะสิแม่" พริ้งบอก
"ทำไมล่ะ"
"แม่ลองคุยกับมันดูเองแล้วกัน ฉันขี้เกียจรำคาญ"
อ่านต่อหน้า 4
แม้เลือกเกิดได้ ตอนที่ 3 (ต่อ)
ต้อยทายาที่หลังให้ใบพรเสร็จก็ปิดเสื้อลง
"ดีนะที่เสื้อหนา เลยแค่ช้ำ ๆ"
ใบพรหันมาประจันหน้ากับต้อยแล้วถามจริงจัง
"อย่าเปลี่ยนเรื่องต้อย ตอบฉันมาตรง ๆ"
ต้อยเอายาหม่องไปเก็บ
"แล้วเธอจะรู้ไปทำไม"
ใบพรเดินเข้าไปคาดคั้น
"ขนาดนี้แล้วเธอยังไม่บอกฉันอีกเหรอ"
ต้อยสวนแรงแล้วหลุดปาก
"แล้วถ้าฉันบอกว่าเป็นซ่องเธอจะกล้าอยู่มั้ย"
ใบพรร้องไห้ด้วยความน้อยใจ
"เธอทำกับแบบนี้ได้ไง เสียแรงฉันอุตส่าห์ไว้ใจเธอ คิดว่าเธอเป็นเพื่อน แต่เธอกลับหลอกฉัน"
ต้อยเองก็น้อยใจ สวนแรงด้วยความเจ็บปวด
"แล้วฉันจะได้อะไร ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน ซมซานกลับมาให้คนเค้าดูถูกอย่างนี้เหรอ"
ใบพรรู้สึกผิด เสียงอ่อนลง
"ต้อย"
ต้อยถึงกับพรั่งพรูความรู้สึกในใจออกมา
"ฉันรู้ว่าเธอกลัว เหมือนอย่างที่ฉันก็เคยกลัวมาก่อน แต่ฉันเลือกไม่ได้ ฉันไม่อยากเห็นใครต้องเป็นอย่างฉัน ฉันถึงอยากจะช่วยเธอ แต่ถ้าเธอไม่เชื่อ คิดว่าฉันจะทำร้ายเธอ งั้นก็เอาเลย เชิญออกไปจากที่นี่ได้เลย ไม่ต้องมาคิดว่าฉันเป็นเพื่อนเธออีกต่อไป"
ต้อยน้อยใจ พูดออกมาทั้งน้ำตา ใบพรรู้สึกผิด เข้าไปปลอบเพื่อน
"ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกแย่ขนาดนี้"
ต้อยเช็ดน้ำตา ฝืนใจให้เข้มแข็ง
"เชื่อฉัน ทำในสิ่งที่เธอตั้งใจทำตั้งแรก ทำมันให้สำเร็จ แล้วออกไปจากที่นี่ซะ ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเองเท่านั้น แต่ทำเพื่อฉัน เพื่อผู้หญิงอีกหลาย ๆ คนที่ไม่มีโอกาส"
ต้อยพูดได้แค่นั้นก็เหมือนมีอะไรจุกอยู่ในลำคอ พยายามกล้ำกลืนความเจ็บปวดนั้นลงไป พูดเสียงสั่นน้ำตาคลอ
" ฉันคอยเอาใจช่วยเธออยู่นะใบพร"
ใบพรร้องไห้
"ฉันจะพยายาม พยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ให้เธอหรือใครต้องผิดหวัง"
แล้วสองสาวก็กอดกันร้องไห้ ทันใดนั้นพริ้งก็เดินเข้ามา
"อยู่นี่เอง เจ๊เดินหาซะตั้งนาน แม่มีเรื่องอยากคุยด้วยแหนะ"
ต้อยเช็ดน้ำตาถามเสียงแข็ง
"เรื่องอะไรเจ๊"
พริ้งสวนนิ่ม ๆ
"ไม่ต้องสาระแน"
พริ้งหันมายิ้มหวานกับใบพร แต่ใบพรกลับรู้สึกกลัวจนขนลุก
ละม่อมนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้อง บ้านเสน่ห์จันทร์ ใบพรคุกเข่าอยู่ที่พื้น ละม่อนเชยคางดูหน้าตาใบพรอย่างเพ่งพิจารณา เห็นพริ้งยืนอยู่ด้วย
"รูปร่างหน้าตาดีอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เสียดายถ้าไม่ได้ทำงานด้วยกัน"
ใบพรเกรงใจ
"พรไม่สะดวกจริง ๆ ค่ะ"
"ทำไมล่ะ งานเบาเงินดี ทำไม่กี่ปีก็มีเงินเก็บ มากกว่าพวกทำงานออฟฟิศจบสูง ๆ ซะอีก" ละม่อมเริ่มเกลี้ยกล่อม
"อยากเปิดร้ายขายของไม่ใช่เหรอ ทำงานงก ๆ อย่างนั้นแล้วเมื่อไหร่จะเก็บเงินได้ " พริ้งว่า
"พรจะค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ เก็บไป เหนื่อยแค่ไหนพรก็ทนได้" ใบพรเสียงอ่อย พูดด้วยความเกรงใจ "แต่พรไม่อยากขายศักดิ์ศรี"
พริ้งหมั่นไส้
"ถ้าศักดิ์ศรีมันค้ำคอมากนักล่ะก็ ก็ออกไปอยู่ให้ได้ด้วยตัวเองสิ จะมาพึ่งคนอื่นทำไม"
"แหมทีงี้ไล่กันเลยนะ" ต้อยบอก
"ฉันไม่ได้ไล่แต่ฉันพูดความจริง"
ละม่อมตัดบท
"เอาล่ะไม่ต้องเถียงกัน ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ"
"งั้นก็ไสหัวไปเลย ถ้าพวกที่หล่อนหนีมารู้ว่าอยู่ที่นี่จะพังกันหมด"
ละม่อมปราม
"เด็กมันเดือดร้อนมา จะไปซ้ำเติมมันอีกทำไม"
"อยู่แล้วไม่มีประโยชน์แถมยังมาอวดดีแล้วแม่จะเลี้ยงมันไว้ทำไม" พริ้งถาม
"แม่พริ้ง"
ละม่อมปรามพริ้ง พริ้งฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ ละม่อมหันไปคุยด้วยใบพรที่นั่งหน้าจ๋อยอยู่
"ฉันอนุญาตให้เธออยู่ที่นี่ต่อไปได้ เอาไว้หางานทำได้เมื่อไหร่ค่อยขยับขยายออกไปแล้วกัน"
พริ้งไม่พอใจรู้สึกเสียหน้า
"แม่"
"หล่อนก็รู้คนบ้านนี้ไม่เคยบังคับใคร" ละม่อมบอก
"รีบขอบคุณแม่ซะสิใบพร" ต้อยบอก
"ขอบคุณมากค่ะ"
ใบพรกราบเท้าขอบคุณละม่อม พริ้งค้อนขวับ ด้วยความหมั่นไส้
ต้อยเดินออกมาจากห้องละม่อม ตั้งใจว่ากระแทกพริ้งที่เดินตามหลังมา
"ไป ! พร เดี๋ยวฉันพาเธอตระเวนหางานทำเอง เอาให้คนแถวนี้รู้ว่าพวกเราไม่ได้เป็นได้แค่กะหรี่"
"แหม อีพวกโลกสวย"
ต้อยสวนทันควัน
"ก็ดีกว่าอีพวกโลกแคบ ดักดานอยู่แต่กับความคิดของตัวเองแล้วกัน"
"อีต้อย"
"ฉันไม่ใช่แม่เจ๊ไม่ต้องเรียกฉันบ่อย ๆ ก็ได้ ... ไปพร อนาคตสดใสกำลังรอเธออยู่"
ต้อยฉุดมือใบพรออกไป พริ้งเจ็บใจ ละม่อมเดินเข้ามาพอดี
"ฉันไม่เข้าใจ แม่ปล่อยให้พวกมันมาเหยียบหน้าทำไม"
"คนบางคนซื้อไม่ได้ด้วยเงิน"
"หมายความว่ายังไง"
"แล้ววันนึงเธอจะรู้เอง"
ละม่อมยิ้มอย่างมีเลศนัย พริ้งไม่เข้าใจว่าหมายความว่ายังไง
ในห้องเช่าบ้านชิต นงเยาว์ชูถุงขนมและถุงอาหารที่ซื้อมา ชวนชิตที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่
"พี่สิงห์ พี่ชิตกินข้าว ฉันซื้อของมาตั้งเยอะแยะ"
สิงห์เดินเข้ามาถามนงเยาว์ที่กำลังแกะอาหารใส่จาน ด้วยความแปลกใจ
"ไปถูกได้ไง ไหนว่าไม่เคยมาพัทยา"
นงเยาว์จัดอาหารไม่ได้สนใจหันมาตอบ
"เพื่อนฉันพาไปซื้อ"
"เพิ่งรู้ว่ามีเพื่อนที่นี่ด้วย"
"รู้จักกันในเฟซ"
"ชื่ออะไร"
นงเยาว์ชะงักไปเพิ่งคิดได้
"นั่นสิชื่อจริงอะไร" นงเยาว์ยักไหล่ไม่แคร์ "ฉันก็ลืมถาม"
สิงห์ไม่ค่อยพอใจเพราะเป็นห่วง
"ไปนอนกับคนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่องั้นเหรอ"
นงเยาว์หันมายิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนเป็นเรื่องสนุก
"หึงอะดิ"
สิงห์หงุดหงิด
"แล้วถ้าเป็นอะไรขึ้นมาพี่จะตอบพี่ตงว่ายังไง"
นงเยาว์ไม่พอใจ
"เลิกพูดชื่อนี้ซะทีได้มั้ย ฉันเบื่อ"
"เราโตแล้วนะนงเยาว์ ทำอะไรรู้จักคิดซะบ้าง"
นงเยาว์ยังจัดอาหารต่อไปเหมือนไม่แคร์อะไร
"ก็คิดอยู่นะ"
"แล้วทำไมถึงทำแบบนี้"
"ก็แค่อยากให้เป็นห่วง"
สิงห์อึ้งไป เพราะไม่คิดว่านงเยาว์จะตอบอย่างนี้
"จะได้รู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นมาบ้าง"
นงเยาว์หันมายิ้มเศร้าให้สิงห์ ก่อนจะหันไปเรียกชิตอย่างร่าเริงเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"พี่ชิตกินข้าว"
สิงห์มองนงเยาว์ด้วยความรู้สึกสงสาร
บรรยากาศในตัวเมืองพัทยา เจ้าของร้านแห่งหนึ่งบอกใบพร
"ตอนนี้กำลังต้องการคนช่วยขายของหน้าร้านพอดี สนใจมั้ย"
ใบพรยิ้มดีใจกับต้อย
"สนใจค่ะ"
"งั้นก็ขอสำเนาบัตรประชาชน แล้วก็เซ็นรับรองมาด้วย"
ใบพรอึกอักหันไปมองหน้าต้อยเอายังไงดี
"ให้เจ๊เค้าไปสิ"
"ฉันทำกระเป๋าตังค์หาย"
"งั้นก็ใบขับขี่ หรือบัตรอะไรก็ได้ที่มีรูปถ่ายยืนยันตัวตน"
"ฉันก็ไม่มีเหมือนกัน"
เจ้าของร้านชักเสียงไม่พอใจ
"อะไรกันมาสมัครงานแต่หลักฐานอะไรซักอย่างก็ไม่มี แล้วจะให้ฉันรับได้ยังไง"
"ก็บอกแล้วไงเพื่อนฉันทำกระเป๋าตังค์หาย รับไปก่อนไม่ได้เหรอ แล้วค่อยส่งหลักฐานมาให้ทีหลัง" ต้อยบอก
"งั้นก็ไปแจ้งความขอทำบัตรใหม่สิ"
"โห กว่าจะทำเสร็จเพื่อนฉันไม่อดตายกันพอดีเหรอ"
เจ้าของร้านสวนแร
"แล้วถ้าเพื่อนเธอเป็นพวกต่างด้าวหรือสายโจร ฉันไม่บรรลัยหมดเหรอ ไป ๆ ๆ ถ้าไม่สมัครก็อย่ามาเกะกะขวางทางหน้าร้าน"
ใบพรหันมองหน้าต้อยอย่างสิ้นหวัง
ทั้งคู่เดินคุยกับมา ใบพรท้อใจ
"ถูกปฏิเสธอย่างนี้มา 5 ร้านแล้ว สงสัยไม่มีใครรับฉันแน่ ๆ"
"นั่นสิ ลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง ว่าแต่ตอนมาเธอไม่มีหลักฐานอะไรติดตัวมาบ้างเลย
เหรอ อย่างน้อยบัตรประชาชนก็น่าจะพกมา"
"บัตรมีแต่ถูกพวกมันยึดไปพร้อมกระเป๋า"
ต้อยตกใจ
"งั้นก็แสดงว่าพวกมันรู้สิว่าบ้านเธออยู่ไหน"
ใบพรคิดเรื่องนี้ได้ก็ตกใจ
"แม่ ! ทำไงดีต้อย ถ้าพวกมันย้อนกลับไปเล่นงานแม่ฉัน แม่ฉันต้องแย่แน่ ๆ"
ต้อยปลอบ
"เดี๋ยวก่อนนะ ใจเย็น ๆ ลองโทร.ไปคุยกับที่บ้านดูก่อนว่าเป็นยังไงบ้าง"
"ที่บ้านฉันไม่มีโทรศัพท์หรอก"
"อ้าว แล้วปกติติดต่อกันยังไง"
"ใช้โทรศัพท์คนข้างบ้าน แต่เบอร์พี่เค้าฉันจดไว้ในกระเป๋าตังค์"
"โธ่ แล้วอย่างนี้จะเอาไงดีนี่ งั้นเอาอย่างนี้ลองทำตามที่ฉันบอกดูก่อนแล้วกัน ถ้าไม่สำเร็จค่อยว่ากัน"
"ยังไงเหรอ"
ต้อยพาใบพรเดินเข้ามาในตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญ
"เวลาฉันถูกอีเจ๊โกงเงิน ฉันชอบเอาเบอร์มันไปเขียนไว้ตามห้องน้ำสาธารณะ ให้พวกโรคจิตโทรไปแกล้งมัน"
"เธอจำเบอร์เจ้าของบาร์ได้"
"อือ ขึ้นใจจนวันตายเลยแหละ เดี๋ยวเธอกดตามที่ฉันบอกนะ แต่อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องแม่ ลองหยั่งเชิงมันดูก่อน ถ้ามันเล่นงานแม่เธอจริง ๆ มันคงจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเอง แต่ถ้าไม่ มันจะได้ไม่ต้องเอาเรื่องนี้มาขู่เธอ"
"อือ"
"หมายเลข..." ต้อยบอกเลข
ใบพรกดหมายเลขตามที่ต้อยบอก ก่อนจะได้ยินเสียงตอบรับอัตโนมัติ “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
"เป็นไงติดมั้ย"
"ติดต่อไม่ได้"
"บางทีอีเจ๊ยังไม่ตื่น เดี๋ยวค่ำ ๆ ค่อยโทรไปใหม่"
ใบพรพยักหน้ารับ สีหน้าเป็นกังวล
อ่านต่อตอนที่ 4