ตอนที่ 6 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558
ที่เฉลียงบ้าน เต่าและบัวแก้วกำลังตั้งสำรับอาหารเช้าอยู่ พนมเดินออกจากห้องมายืนบิดขี้เกียจ ก่อนจะหันไปเห็นเต่ากับสายคำ พนมเลยเอ่ยถาม “คนอื่นๆ อยู่ที่ไหนล่ะ” สายคำหันไปตอบ “คุณหนูปิ่นกับเพื่อนยังไม่ตื่นเจ้า ส่วนคุณแสงธรรมไปเฮือนท่าน บอกว่าเดี๋ยวจะมา” พนมเดินเข้ามาดูสำรับอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ “โอ้...น่ากินจังเลย แล้วกฤษดาล่ะ” สายคำตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปจัดการอาหารบนโต๊ะให้พนม “คุณกฤษดาไปเที่ยวป่าแล้วเจ้า คุณจะรับข้าวต้มเลยไหม” พนมแอบบ่น “ไปเที่ยวป่าไม่รอกันเลยนะ เอาสิ... ทานเลยก็ดีไม่ต้องรอใครหรอก”
ปิ่นแก้วเดินออกมาจากห้อง แต่งตัวดูทะมัดทะแมงแล้วถามขึ้น “ได้ยินแว่วๆ ว่าพี่กฤษดาไปไหนนะ” พนมลงนั่งทานอาหารที่สายคำจัดให้ “ไปเที่ยวป่าแล้ว ไปทำไมแต่ไก่โห่ แล้วเค้าไปกับใคร” สายคำตอบ “ไปกับไอ้ดวงเจ้า ไอ้ดวงมันรู้ทางดี” ปิ่นแก้วหน้าเสียทันที “ไอ้ดวง ไอ้ดวงใจน่ะเหรอ” สายคำพยักหน้ารับ “เจ้า” พนมหันไปถามปิ่นแก้ว “รู้จักเหรอน้องปิ่น” ปิ่นแก้วชักสีหน้าไม่พอใจ “รู้จักดีเลยค่ะพี่พนม” สายคำหันไปมองหน้ากันกับเต่า เพราะเห็นท่าทางของปิ่นแก้ว ดูก็รู้ว่าไม่ชอบดวงใจเอามากๆ
หลังจากที่กฤษดาและดวงใจไปเล่นน้ำกันที่น้ำตกแล้ว ดวงใจก็เอาผ้ามาปูเพื่อจัดของกินวางไว้รอกฤษดา กฤษดาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินเข้ามาทางด้านหลังดวงใจ กฤษดาเอาผ้าขาวม้ามาห่มที่ไหล่ให้ดวงใจ ดวงใจสะดุ้ง “คุณกฤษดา” กฤษดาถามขึ้น “หนาวไหมดวงใจ” ดวงใจยิ้มหวานให้ “บ่ะหนาวหรอกเจ้า ผิงไฟจะแห้งแล้ว คุณกฤษดาทานข้าวดีกว่า นี่ก่อเลยเพลมานานแล้ว” กฤษดาหันไปมองดูอาหารที่ดวงใจปูผ้าจัดอาหารอย่างน่าดูก็พอใจมาก “โอ้โหดวงใจ นี่เธอจัดเหมือนกับว่าเรามาปิกนิกกันเลยนะ” ดวงใจมีหน้างงทันที “นิกๆอะไรเจ้า” กฤษดาเลยอธิบายให้ดวงใจฟัง “ปิกนิก เป็นภาษาอังกฤษ หมายถึง การเอาอาหารออกไปทานนอกบ้าน ก็คล้ายๆ กับที่ดวงใจทำนี่แหละจ้ะ” ดวงใจยิ้มอายๆ “บ้านข้าเจ้าเปิ้นก่อเรียกห่อข้าวมากิ๋น บ่ะต้องนิกหรอกเจ้า” กฤษดามองดวงใจด้วยความรู้สึกสบายใจ ก่อนที่กฤษดาจะหันกลับไปมองอาหารตรงหน้า “ไหนดูสิ ดวงใจเอาอะไรมาให้ฉันกินล่ะ” ดวงใจที่กำลังจัดของวุ่นวายอยู่ ตอบ “วันนี้ข้าเจ้ายังบ่ะได้เตรียมอะหยัง มีแค่เนื้อเก้งปิ้ง น้ำพริกข่า แหนมหม้อ ฟักทองนึ่ง แค่นั้นแหละเจ้า อ้อ ข้าวนึ่งตวย” กฤษดาฟังที่ดวงใจพูดก็นึกขำ “นี่ขนาดยังไม่ได้เตรียมนะ ฉันว่าฉันกินไม่หมดด้วยซ้ำ” ดวงใจพูดขึ้นอย่างภูมิใจ “คราวหน้าข้าเจ้าจะเตรียมมาหื้ออีกหลายอย่าง เอาอย่างละน้อยๆ คุณกฤษดาจะได้ทานหลายๆ อย่าง” ดวงใจพูดแล้วก็นึกขึ้นมาได้ ดวงใจหน้าสลดไปนิดนึง “แต่บ่ะรู้ว่าคุณกฤษดาอยากหื้อข้าเจ้าพามาเที่ยวอีกก่อ ถ้าเป็นไอ้เต่ามา ข้าเจ้าจะเตรียมของหื้อก่อได้เจ้า” กฤษดาลงนั่งกินอาหารอย่างมีความสุข หันมามองดวงใจยิ้มๆ
ที่กองบังคับการทหารของกฤษดา ที่ตอนนี้ทหารญี่ปุ่นเข้ามาใช้สถานที่แทน ภายในห้องทำงาน พันโทโตชิโร่ยืนดูแผนที่ประเทศไทยขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังห้อง ซึ่งมีจุดแสดงหน่วยกำลังบริเวณต่างๆ หมอฮารุเปิดประตูเดินเข้ามายืนตรงก้มหัวทำความคำนับ พันโทโตชิโร่ถามขึ้น “เรื่องนายทหารเวสต์พอยต์กฤษดาไปถึงไหน” หมอฮารุรายงาน “ลาออกจากทหารจริงครับ ตอนนี้เดินทางไปทำไร่ที่เชียงใหม่ สายของเรารายงานว่าเค้าออกเดินทางจากกรุงเทพไปหลายวันแล้ว มีเพื่อนๆและหญิงสาวไปด้วยอีกสองคน ท่าทางจะไปเที่ยวกันครับ” พันโทโตชิโร่นิ่งไปสักพักก่อนจะพูดขึ้น “ดูเผินๆ ก็เหมือนเค้าชวนเพื่อนไปเที่ยวสนุกสนานเพื่อหลบสงครามในเมือง เหมือนลูกคนมีเงินทั่วๆ ไป” หมอฮารุบอก “คุณพ่อของเค้าต้องการให้ไปดูแลไร่ผลไม้ที่เชียงใหม่ครับ” พันโทโตชิโร่ว่า “นายทหารอย่างกฤษดาจะยอมไปทำไร่หรือ ผมไม่อยากเชื่อว่าเขาจะยอมหนีปัญหาไปง่ายๆอย่างนั้น อีกอย่างนะ คุณบอกว่าพ่อเค้าไม่สบายไม่ใช่หรือ” หมอฮารุพยักหน้า “ครับ คุณพ่อของเขาป่วยเป็นโรคหัวใจ” พันโทโตชิโร่แสดงความเห็น “เค้าไม่น่าทิ้งพ่อไปได้หรอก ผมกำลังคิดว่าเค้าอาจจะทำอะไรบางอย่างที่สำคัญมากกว่าการทำไร่ผลไม้” หมอฮารุฟังแล้วคิดตาม “ท่านคิดว่านกฤษดาน่าจะเข้าร่วมกับขบวนการเสรีไทยอย่างงั้นหรือครับ” พันโทโตชิโร่พยักหน้ารับสีหน้าเคร่งเครียด หมอฮารุถามขึ้น “หรือเราจะให้สายของเราไปสืบเรื่องกฤษดาที่เชียงใหม่ดีไหมครับ” พันโทโตชิโร่บอก “ตอนนี้หน่วยประจำของเรายังไปไม่ถึงเชียงใหม่ มีแค่กองลาดตระเวนเท่านั้น” หมอฮารุว่า “’งั้นเราต้องไปสืบให้รู้ว่าเสียก่อนว่าบ้านกฤษดาที่เชียงใหม่อยู่ที่ไหน” พันโทโตชิโร่เดินไปชี้แผนที่ตรงจังหวัดเชียงใหม่ “คงต้องรีบให้ไปดูโดยเร็ว ผมไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้ เค้าถูกฝึกมาให้เป็นนักรบ รีบส่งข่าวไป นานเท่าไหร่กว่าจะถึงที่นั่น” หมอฮารุตอบ “อย่างช้าก็สามวันครับ” พันโทโตชิโร่พยักหน้ารับทราบ
ระหว่างทางที่ดวงใจพากฤษดากลับบ้าน ดวงใจก็พบกับรอยเท้าของคนที่ใส่รองเท้าเหมือนกับของกฤษดา ดวงใจพยายามแกะรอยเท้า แล้วบอกกฤษดาว่ารอยเท้านั้นมุ่งหน้าเข้าไปในป่า ดวงใจเริ่มกังวลจึงรีบชวนกฤษดากลับบ้านเพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว
ระหว่างที่เดินกลับ กฤษดารู้สึกถึงสิ่งผิดปกติก็รีบกระโดดเข้าไปหลังต้นไม้ใหญ่ แสงธรรมจึงกระโดดออกมาจากต้นไม้นั้น พอกฤษดาเห็นเป็นแสงธรรมก็รู้สึกโล่งใจ และกฤษดาก็ได้รู้ว่าแสงธรรมมีท่าทางไม่เหมือนหมอธรรมดาเลย
เมื่อกฤษดาและแสงธรรมกลับมาถึงบ้าน ปิ่นแก้วก็พยายามคาดคั้นกฤษดาว่าหายไปไหนมาทั้งวัน พนมเห็นท่าไม่ค่อยดี จึงบอกให้ทุกคนปล่อยให้กฤษดามากินข้าวก่อนเพราะเย็นมากแล้วกฤษดาคงหิว
ที่โต๊ะอาหาร ปิ่นแก้วและมณีพยายามขอกฤษดาว่าวันพรุ่งนี้ให้กฤษดาพาพวกตนเองไปเที่ยวในป่าบ้าง กฤษดาจึงบอกให้ทุกคนตื่นแต่เช้าเพราะทางที่จะไปมันไกล ถ้าออกเดินทางสายจะทำให้กลับมาบ้านไม่ทัน จะค่ำกลางทางเสียก่อน
ระหว่างที่รับประทานอาหารกันอยู่ ปิ่นแก้วกับมณีเรื่องมีปากเสียงกัน และโต้เถียงกันเสียงดังอย่างไม่มีใครยอมลงให้ใคร สุดท้ายทั้งสองคนต่างระงับอารมณ์ไม่ไหว คว้าเอาอาหารเย็นมาขว้างปาใส่กัน โดยที่ทุกคนต้องคอยหลบอาหารที่สองสาวก่อสงครามขว้างปาใส่กันไปด้วย แม้แสงธรรมกับกฤษดาจะพยายามช่วยกันปราบแต่ก็เป็นผล ทั้งสองคนยังคงขวางปาอาหารใส่กันอย่างบ้าคลั่ง จนสุดท้ายกฤษดาต้องลุกหนีไปจากโต๊ะอาหาร จึงทำให้ทั้งสองคนสงบลงได้
เต่าและสายคำเอาเรื่องที่ปิ่นแก้วกับมณีมีเรื่องกันที่โต๊ะอาหารมาเล่าให้กำนันปานฟังว่าที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน ก็เพื่อจะแย่งกฤษดา กำนันปานรับฟังด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่กฤษดาได้เห็นอาการของปิ่นแก้วกับมณี ที่โต๊ะอาหารเมื่อค่ำวานแล้ว กฤษดาจึงตัดสินใจออกจากบ้านไปกับดวงใจแค่สองคนแต่เช้ามืด เพราะไม่อยากให้ปิ่นแก้วและมณีตามไปทะเลาะกันอีก
เมื่อปิ่นแก้วกับมณีแต่งตัวเสร็จออกมาจาก จึงได้รู้ว่ากฤษดาออกไปแล้วโดยที่ไม่รอ ปิ่นแก้วกับมณีต่างก็โทษกันไปมา จนเกิดกานทะเลาะกันขึ้นอีก แสงธรรมรู้สึกเบื่อหน่ายกับสองสาวมาก แต่ก็ต้องจำใจเข้ามาห้ามปราม
กำนันปานพอรู้ว่ากฤษดาออกไปเที่ยวป่ากับดวงใจสองคนโดยที่คนอื่นไม่ได้ไปด้วย ก็รู้สึกเป็นกังวลเลยตัดสินใจบอกให้เต่าพาทุกคนไปเที่ยวน้ำตกแทน โดยบอกกับทุกคนว่าอาจจะไปเจอกฤษดาก็ได้
หนานอุยที่มาหาดวงใจที่บ้าน พอรู้ว่าดวงใจออกไปเที่ยวป่ากับกฤษดาก็รีบขอไปด้วยทันที เพื่อที่จะได้ไปตามหาดวงใจ ทุกคนจึงพากันออกเดินทาง เพราะหวังจะได้เจอกฤษดาและดวงใจที่กลางทางหรือที่น้ำตก
วันนี้แทนที่ดวงใจจะพากฤษดาไปเที่ยวที่น้ำตก แต่ดวงใจกลับพากฤษดาไปเที่ยวที่ตลาดชาวเขาแทน ดวงใจเดินมาเห็นคนขายแหวนทองเหลืองลงยันต์อยู่ก็รับมาดูอย่างสนใจ ก่อนจะตกลงใจซื้อแหวนทองเหลืองวงนั้นมา ดวงใจหยิบแหวนขึ้นมาดูอย่างรู้สึกถูกใจ
ระหว่างทางไปน้ำตก แสงธรรมทนไม่ไหวเลยเอ่ยตักเตือนปิ่นแก้วขึ้นว่า “สองสามวันมานี้ ปิ่นแก้วทำตัวดูเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ ที่ไล่ล่าผู้ชายแบบไร้ยางอาย ถ้าพ่อกับแม่รู้จะเสียใจสักแค่ไหน แล้วที่สำคัญที่สุด คือ กฤษดาเห็นปิ่นแก้วเป็นแค่น้องเท่านั้น ไม่มีทางที่กฤษดาจะคิดเป็นอื่นกับเธอได้” ปิ่นแก้วได้ฟังสิ่งที่พี่ชายพูดกับเธอตรงๆก็หน้าเสียทันที ก่อนที่ปิ่นแก้วจะยอมรับกับแสงธรรมด้วยสีหน้าเศร้าๆว่า เธอหลงรักกฤษดาอย่างที่แสงธรรมพูดมา แสงธรรมได้แต่ถอนใจ และมองปิ่นแก้วด้วยความสงสาร เพราะรู้ดีว่าปิ่นแก้วไม่มีวันได้ลงเอยกับกฤษดาแน่นอน
ตอนที่ 7 ออกอากาศวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558
ระหว่างทางที่กฤษดาไปเที่ยวป่ากับดวงใจ กฤษดาเหลือบไปเห็นดอกเอื้องคำช่อใหญ่บานอยู่บนต้นไม้ใกล้ๆ กฤษดาเลยปีนขึ้นไปตัดดอกเอื้องป่าเอาลงมาส่งให้ดวงใจ ดวงใจรับช่อดอกเอื้องคำมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม กฤษดาถาม “ดวงใจชอบดอกเอื้องนี่มากเหรอจ้ะ” ดวงใจพยักหน้ารับยิ้มๆ “เจ้า” กฤษดาหัวเราะ “วันที่ฉันเจอดวงใจครั้งแรก ดวงใจเสียบดอกไม้นี่ที่มวยผม แต่ตอนนี้เสียบไม่ได้เพราะดวงใจเอาผ้าพันผมไว้” ดวงใจฟังที่กฤษดาพูดก็ตัดสินใจปลดผ้าที่โพกหัวออกเห็นผมยาวสลวย ดวงใจค่อยๆก็คลี่ลงมา ดูสวยละมุน กฤษดามองอย่างหลงใหล ค่อยๆ เด็ดดอกเอื้องดอกเล็กๆ ไปติดที่ผมของดวงใจหลายๆ ดอก ดวงใจรู้สึกใจเต้นทั้งเขินทั้งอาย กฤษดาเอามือเชยคางดวงใจขึ้นมา “เวลาดวงใจอายจนหน้าแดงนี่ น่ารักมากรู้ไหม” ดวงใจอายพยายามจะถอยหนี “แม่หญิงบ้านป่าอย่างข้าเจ้า สวยสู้แม่หญิงบางกอกไม่ได้ดอกเจ้า” กฤษดาว่า “ไม่จริง แต่ถึงเขาจะสวยกว่า ฉันก็ไม่สนใจ ฉันสบายใจเหลือเกินที่อยู่กับผู้หญิงบ้านป่าคนนี้” กฤษดาเอามือชี้ที่ดวงใจ “จริงๆ นะดวงใจ” ดวงใจหลบตา “เปิ้นว่าคนบางกอกปากหวาน เห็นจะเป็นอย่างคุณกฤษดาแน่ๆ” กฤษดาจ้องหน้าดวงใจนิ่ง “ฉันเป็นคนอย่างนั้นหรือดวงใจ สิ่งใดที่ฉันไม่แน่ใจ ฉันจะไม่พูด ถ้าดวงใจรู้จักฉันดี จะรู้ว่าฉันพูดคำไหนคือคำนั้น” กฤษดาเริ่มรุกมากขึ้น ดวงใจเห็นท่าจะจวนตัว “ข้าเจ้าว่าเรากลับกันได้แล้ว นี่ก่อบ่ายมากแล้วเจ้า” กฤษดาถามขึ้น “แล้วพรุ่งนี้ดวงใจจะพาฉันไปเที่ยวที่ไหนจ้ะ” ดวงใจรีบบอก “ไปที่วัดดีไหมเจ้า มีวัดร้าง มีพระองค์ใหญ่ดวงชอบไปไหว้ขอพร หื้อ...” ดวงใจหยุดไม่พูดต่อ กฤษดาสงสัย “ขออะไร ขออะไรจ้ะ” ดวงใจมองหน้ากฤษดาด้วยตาจริงใจ “ขอหื้อคุณพระคุ้มครองคุณกฤษดาตอนมีสงคราม ขอหื้อข้าเจ้าได้พบกับคุณกฤษดาอีก” กฤษดามองหน้าดวงใจ แล้วอดใจไม่ไหวดึงดวงใจเข้ามากอด
วันต่อมา กฤษดามาหาดวงใจแต่เช้าเหมือนเคย แล้วพาดวงใจออกไปเที่ยวด้วยกัน แต่ฝนตกหนัก ดวงใจกับกฤษดาจึงต้องไปหลบฝนกันที่กระท่อมในป่า และตัดสินใจช่วยกันออกไปหาฟืนเพื่อมาจุดในกระท่อม ทั้งสองคนแข่งกันเก็บกิ่งไม้จนกลายเป็นเรื่องสนุกสนาน กฤษดาแกล้งเอากิ่งไม้ที่ดวงใจเก็บมาแล้วเอามาเป็นของตัว ดวงใจหัวเราะมีความสุขแย่งกิ่งไม้กลับมา ทั้งสองคนเก็บกิ่งไม้ได้เต็มแขนก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในกระท่อม
ดวงใจและกฤษดานั่งผิงกองไฟในกระท่อม กฤษดาพูดขึ้น “ดวงใจ ฉันพอมีเสื้อสำรองมา ดวงใจเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ” ดวงใจรีบปฏิเสธ “บ่ะต้องหรอกเจ้า เดี๋ยวก่อแห้ง” กฤษดาเลยเอาผ้าไปเช็ดผมให้ดวงใจแทน ดวงใจรีบจับผ้ามา “งั้นก็เช็ดผมเสียหน่อย ผมเปียกอย่างนี้จะไม่สบายนะ” ดวงใจแกะดอกเอื้องที่มวยผมออก แล้วคลี่ผมที่ขมวดเป็นมวยไว้ออก ดวงใจสยายผมใช้ผ้าเช็ดผมอยู่กับแสงไฟดูสวยงามมาก กฤษดามองอย่างตะลึงในความสวยของดวงใจ
กฤษดาเอาผ้าขาวม้าที่ดวงใจใช้เช็ดผมมาห่มให้ดวงใจด้านหลัง แล้วกอดดวงใจไว้ ดวงใจพยายามบ่ายเบี่ยง พูดเสียงสั่น “อย่าเจ้า... คุณกฤษดา” กฤษดาว่า“ดวงใจ ฉันมีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่กับเธอ” fดวงใจพยายามเบี่ยงตัวหลบอ้อมกอด “อย่าเจ้า... คุณกฤษดา ทำอย่างนี้ไม่ดี” กฤษดาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ฉันอยากจะอยู่อย่างนี้ไปอีกนานๆ อยากอยู่ ตลอดไปด้วยซ้ำ แต่ดวงใจ...เวลาของฉันเหลือน้อยแล้ว” ดวงใจฟังแล้วใจหาย หมุนตัวกลับมามองหน้ากฤษดาด้วยสีหน้าเศร้าๆ “คุณกฤษดาต้องกลับไปกรุงเทพใช่ไหมเจ้า” กฤษดาตอบรับ “ฉันเป็นห่วงเจ้าคุณพ่อ สุขภาพท่านไม่แข็งแรง” ดวงใจบอกน้ำเสียงเศร้า “คุณไปแล้ว ข้าเจ้าคงเหงาแย่” กฤษดาเอามือเชยคางดวงใจขึ้น “แต่ฉันจะมาใหม่ ฉันจะมาหาเธออีกแน่ๆ” ดวงใจพยายามกลั้นน้ำตาแล้วถาม “นานก่อเจ้า คุณกฤษดาจะไปนานก่อ” กฤษดาว่า “ฉันก็ยังไม่รู้”ดวงใจมองกฤษดาด้วยสายตารักใคร่ น้ำตาเริ่มเอ่อออกมา กฤษดาดึงดวงใจมาจูบที่หน้าผากนิ่ง “แต่ฉันจะต้องคิดถึงเธอมาก” ดวงใจสะอื้น “ข้าเจ้าก่อคงคิดถึงคุณกฤษดามากเหลือเกินเจ้า ข้าเจ้าบ่ะรู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไดถ้าบ่ะมีคุณ” กฤษดาจ้องมองดวงใจอย่างรักใคร่ “ดวงใจ ฉันไม่เคยพบผู้หญิงอย่างเธอ ผู้หญิงที่ทำทุกอย่างให้กับคนที่ตัวเอง...” ดวงใจน้ำตาอาบแก้ม สบตากฤษดาแล้วพูดต่อ... “รัก” กฤษดาดึงดวงใจเข้ามาจูบ โดยที่ดวงใจก็ไม่ได้ขัดขืน ดวงใจกลับกอดกฤษดาแน่น แล้วยอมเป็นของกฤษดาในคืนนั้นเอง
วันรุ่งขึ้น ดวงใจพากฤษดามาที่วัดร้าง ดวงใจเดินเข้าไปนั่งลงพับเพียบก้มกราบหน้าพระ กฤษดาก็นั่งลงกราบด้วย “ข้าเจ้ามากราบพระที่นี่บ่อยๆ มาขอพรหื้อท่านคุ้มครองคุณ ขอหื้อข้าเจ้าได้พบคุณกฤษดาอีก” กฤษณ์พูดขึ้น “วันนี้เราสองคนได้มากราบท่านด้วยกันดวงใจ...ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะแต่งงานกับเธอ ฉันจะกลับไปขอกำนันปาน ขอให้เธอกลับไปกับฉันเราจะแต่งงานกันนะดวงใจ” ดวงใจมองกฤษดาอย่างซาบซึ้งน้ำตาไหล “ถ้าข้าเจ้าจะต้องตายลงเสียเดี๋ยวนี้ ข้าเจ้าก่อจะตายอย่างสุขใจที่สุด เพราะบ่ะมีเวลาไหนที่ข้าเจ้าจะมีความสุขมากไปกว่านี้อีกแล้ว แต่มันเป๋นไปบ่ะได้ แม่ญิงต่ำต้อยอย่างข้าเจ้าจะไปเป๋นเมียออกหน้าหื้อคุณกฤษดาอายคนได้จะได” กฤษดายิ้มแล้วโอบกอดดวงใจเอาไว้ “เธอคิดมากอย่างนี้เชียวหรือ นี่แน่ะดวงใจจงจำไว้ว่าฉันรักเธอสุดหัวใจ รักเธอมากที่สุดอย่างที่อธิบายไม่ได้ ฉันคงอยู่ต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ ดวงใจเธอคือดวงใจของฉันตลอดไปนะ” ดวงใจยิ้มทั้งน้ำตา พนมมือไหว้พระ “คุณพระเจ้าขา บอกข้าเจ้าหน่อยว่ามันเป๋นไปได้กา” กฤษดายังโอบกอดดวงใจไว้ “เป็นไปได้สิดวงใจ สวรรค์ได้สร้างเธอมาให้กับฉัน” ดวงใจว่า “สวรรค์หื้อข้าเจ้าเป๋นบ่าวทาสของคุณไปชั่วชีวิต” กฤษดาพนมมือตาม “เราจะเป็นของกันและกัน พระปฏิมากรเบื้องหน้านี่ท่านเป็นพยานว่าเราจะซื่อสัตย์ต่อกันไปจนวันตาย” ดวงใจยิ้มทั้งน้ำตา “เราจะซื่อสัตย์ต่อกันไปจนวันตาย” กฤษดาจับดวงใจให้ลุกขึ้น พูดจริงจัง “เราจะรีบกลับไปหาพ่อของเธอ บอกให้แกรู้ว่าเรารักกัน ฉันจะรับเธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับเวลานี้ ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสักขีพยาน ฉันจะขอหมั้นเธอด้วยสิ่งนี้” กฤษดาปลดสร้อยคอทองคำที่ห้อยล็อกเกตประจำตระกูลออกมาให้ดวงใจดู “นี่เป็นของที่ฉันรักยิ่งและสวมคอมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นล็อกเกตประจำตระกูลของเรา คุณปู่ท่านทำขึ้นให้คุณย่าในวันหมั้น และเจ้าคุณพ่อก็สวมให้คุณแม่ในวันที่ตกลงจะแต่งงานกันในวันนี้ ล็อกเกตนี้เป็นของเธอ โดยมีพระสถูปเป็นพยาน” กฤษดาสวมสายสร้อยที่มีล็อกเกตนั้นให้ดวงใจ แล้วจูบที่หน้าผากดวงใจ ดวงใจดีใจก้มกราบกฤษดา กฤษดาก้มลงจับดวงใจให้ลุกขึ้น “ทูนหัวของเมีย ข้าเจ้าจะรักษาสายสร้อยและล็อกเกตนี้ไว้จนวันตาย” ดวงใจถอดแหวนทองเหลืองที่นิ้วออกมาถือไว้ มองหน้ากฤษดาด้วยความเอียงอาย “ข้าเจ้ามีเพียงแหวนทองเหลืองวงนี้วงเดียวมันเป็นของบ่ะมีราคาค่างวดเหมือนตัวข้าเจ้าเอง ข้าเจ้าขอมอบหื้อคุณกฤษดาแทนตัวข้าเจ้า แหวนนี้ลงยันต์คุ้มภัยจะได้ปกป้องคุณกฤษดาหื้อพ้นภัยทั้งปวงเจ้า” กฤษดาหยิบแหวนที่มือดวงใจมาใส่ไว้ “แหวนนี้มีค่าสำหรับฉันมากเสียยิ่งกว่าเพชรหรือทอง ฉันจะสวมมันไว้ และจะไม่ยอมถอดมันออกจนถึงวันตาย เราสองคนจะมีความสุขด้วยกันตลอดไปนะดวงใจ เราจะแต่งงานกันมีลูกมีหลานด้วยกัน” ทั้งสองคนสีหน้ามีความสุขมาก ดวงใจรีบนั่งลงพนมมือหน้าพระ กฤษดาลงนั่งข้างๆ “ขอหื้อเราทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจนวันตายด้วยเถิด” ดวงใจก้มกราบพระ พร้อมๆ กับกฤษดา กฤษดาพยุงดวงใจให้ลุกขึ้น ขณะนั้นเองมีเสียงเครื่องบิน บินมาห่างๆ และค่อยๆ ใกล้เข้ามา ทำให้กฤษดาประหลาดใจมาก กฤษดาสั่งให้ดวงใจกลับไปหลบที่กระท่อมก่อน
ตอนที่ 8 ออกอากาศวันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558
กฤษดาออกไปดูก็เห็นว่ามีเสรีไทย 3 คนโดดร่มลงมา โดยมีแสงธรรมเป็นคนไปรอรับอยู่ หนึ่งในเสรีไทยหันมาเห็นกฤษดาก็ใช้ปืนยิงมาที่เขากฤษดากระโดดหลบอย่างชำนาญ แสงธรรมรีบบอกคนทั้งหมดว่าอย่ายิงเพราะเป็นพวกเดียวกัน สหายวาคิม สหายเจนี่ และสหายมีนา เสรีไทยทั้งสามคนยังคงมีท่าทางไม่ไว้ใจกฤษดา แต่แสงธรรมก็รับรองกฤษดากับทุกคน กฤษดาจึงบอกกับทุกคนว่าเขาเป็นทหารที่ลาออกจากราชการแล้ว ทั้งหมดจึงพากันไปหาที่นั่งคุย
กฤษดาบอกว่าเขายินดีให้ความร่วมมือกับทุกคน ถ้าทุกคนต้องการไปที่ไหน เขายินดีจะพาทุกคนไปด้วยความปลอดภัย สหายวาคิมจึงให้กฤษดาจัดการเรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อย เพราะจะไม่มีร้อยเอกกฤษดาอีกต่อไป
กฤษดากลับไปหาดวงใจที่กระท่อมกลางป่า ดวงใจนั่งรอกฤษดาอยู่ในกระท่อมร้างด้วยท่าทางวิตกกังวล “ดวงใจ ดวงใจ เปิดประตูหน่อย ฉันเอง” ดวงใจดีใจมาก รีบวิ่งไปเปิดกลอนประตู กฤษดาเดินเข้ามาในกระท่อม ดวงใจโผเข้ากอดกฤษดา “คุณกฤษดา คุณกฤษดาเจ้า ข้าเจ้ารอคุณนานเหลือเกิน” กฤษดามองดวงใจอย่างสงสาร แต่พยายามยิ้ม “นานที่ไหนกัน ฉันไม่อยู่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น” ดวงใจว่า “แค่เดี๋ยวเดียวข้าเจ้าก็แทบจะเป็นบ้าแล้วเจ้า” กฤษดารู้สึกสงสารดวงใจมาก ดวงใจกอดกฤษดาแน่น กฤษดาจับบ่าดวงใจไว้ มองหน้าอย่างตั้งใจ “ดวงใจจำไว้นะ เธอเป็นเมียทหาร เมียทหารต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน ถึงจะมีปัญหาหนักหนาสักแค่ไหน ขอให้ดวงใจมั่นใจว่าหัวใจรักของฉันอยู่ที่ดวงใจคนเดียวเท่านั้น แล้วไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน ฉันจะกลับมาหาดวงใจให้ได้ จำไว้นะ” ดวงใจมองหน้ากฤษดาอย่างนึกสงสัย “ยะหยังคุณกฤษดาพูดแบบนี้เจ้า ฟังแล้วข้าเจ้าใจหายยังไงบ่ะฮู้” กฤษดาพยายามหัวเราะ “ดวงใจ ฉันเจอแสงธรรมกับเพื่อนๆ ของเขามาเที่ยวป่า อาหารเรายังพอมีใช่ไหม” ดวงใจบอก “มีอีกเยอะอยู่เจ้า” กฤษดาพยักหน้า “ดีแล้ว เธอไปเตรียมอาหารไว้นะ ฉันจะพาพวกเขามากินกับเรา” ดวงใจถาม“คุณแสงธรรม ที่อยู่คุ้มฝั่งโน้นก่อเจ้า” กฤษดาพยักหน้ารับยิ้มๆ ดวงใจถามอีก “แล้วคนที่โดดลงมาจากเครื่องบิน เค้าไปไหนเจ้า” กฤษดานิ่งจำใจต้องโกหก “ฉันก็ไม่รู้จ้ะ เค้าก็คงมาเที่ยวหรือมาสำรวจป่ากระมัง อย่าไปสนใจเลย” กฤษดาเอามือเชยคางดวงใจแล้วหอมหนึ่งที ก่อนจะพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “เป็นเด็กดีไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น บอกให้ทำอะไรก็รีบไปทำซะ” ดวงใจยิ้มตอบ “เจ้า” กฤษดาเดินออกจากกระท่อมไป ดวงใจมองตามกฤษดาไปอย่างสงสัย
กฤษดาพาทุกคนมาที่กระท่อมเพื่อมาทานอาหาร โดยวานให้ดวงใจไปเอาเสื้อผ้าผู้ชายมาให้ แล้วเอาจดหมายของกฤษดาไปส่งให้กับพนม และที่สำคัญที่สุดกฤษดาสั่งห้ามดวงใจบอกใครอย่างเด็ดขาดว่าเจอแสงธรรมกับเพื่อนๆที่นี่ ดวงใจยอมรับปากแล้วไปทำตามทุกอย่างที่กฤษดาขอร้อง สหายวาคิมบอกกับกฤษดาหลังจากที่ดวงใจออกไปแล้วว่า ถ้าดวงใจไม่กลับมา เขาจำเป็นต้องฆ่าทั้งกฤษดาและแสงธรรม กฤษดามีสีหน้าเรียบเฉย เพราะมั่นใจว่าดวงใจจะกลับมา
ดวงใจกลับมาถึงบ้านก็เตรียมข้าวของต่างๆตามที่กฤษดาขอ และบอกกับทุกคนว่ากฤษดาไปกับแสงธรรม ดวงใจเอาจดหมายของกฤษดาที่บอกกับทุกคนว่าเขากลับกรุงเทพไปแล้วให้กับพนม ทุกคนจึงตัดสินใจกลับไปรอกฤษดากับแสงธรรมที่กรุงเทพ
ดวงใจรีบเอาข้าวของที่เตรียมไว้กลับไปให้กฤษดาที่กระท่อมร้าง เมื่อทุกคนได้ของครบแล้ว กฤษดาก็บอกให้ดวงใจรีบกลับบ้าน เพราะเดี๋ยวกำนันปานจะเป็นห่วง กฤษดาเดินออกมาส่งดวงใจ แล้วดึงตัวดวงใจไปกอดไว้แน่นด้วยสีหน้าทุกข์ใจ แต่ไม่ให้ดวงใจเห็น “รอฉันนะ” ดวงใจยิ้มรับ “ข้าเจ้าจะรอคุณกฤษดา คุณกฤษดาจะกลับมาวันพูกตอนเช้าหรือตอนเย็นเจ้า” กฤษดาพยายามข่มใจ “ฉันจะพยายามรีบมาให้เร็วที่สุดเท่าที่ฉันจะมาได้” ดวงใจยิ้มหวานอย่างดีใจ “รีบมาเร็วๆ นะเจ้า” กฤษดาพยักหน้า “รีบไปได้แล้ว” ดวงใจจะเดินไป กฤษดากลับดึงดวงใจมากอดและจูบเนิ่นนาน ดวงใจมองกฤษดาอย่างรักมาก ก่อนจะวิ่งจากไป กฤษดามองตามด้วยสีหน้าเศร้าหมอง แสงธรรมเดินมาตบบ่ากฤษดา “ไหวแน่นะ” กฤษดามองหน้าแสงธรรมอย่างมั่นใจ
ที่ห้องนอนของดวงใจ กำนันปานเคาะประตูอยู่สักครู่ ดวงใจปีนหน้าต่างขึ้นมา สภาพมอมแมมผมยุ่งเหยิง ดวงใจเข้ามาในห้องได้ยินเสียงกำนันปานพูดอยู่หน้าห้องก็ตกใจ แต่พอฟังว่ากำนันปานพูดอย่างไรก็นิ่งน้ำตาไหล “อย่าไปสนใจเลยลูก คนมันบ้า มันเป๋นคนบ่ะดี เอ็งก่อถือซะว่าเดินไปโดนหมามันกัดเอา เอา ป้อเองก่อเจ็บใจ๋มากที่มันทำอย่างนี้กับเอ็ง ออกมาเต๊อะ ป้อรอกิ๋นข้าวกับเอ็งอยู่ มากิ๋นข้าวกับป้อเน้อ” ดวงใจเปิดประตูออกมาน้ำตาไหล “ป้อ” กำนันปานเห็นสภาพดวงใจก็ตกใจ หัวเราะ “ยะหยังเอ็งมันมอมเหมือนลูกหมาอย่างนี้ล่ะ ไป...ไปล้างหน้ามากิ๋นข้าวกันเต๊อะ” ดวงใจเริ่มรู้สึกละอายใจ “ป้อ ถ้าฉันทำผิด ป้อจะตีก่อ” กำนันปานบอก “ป้อบ่ะเคยตีเอ็งเลยนะ ป้อเป๋นป้อ ถ้าเอ็งทำผิดมาบอกป้อ เฮาจะช่วยกันแก้ไขนะ” ดวงใจมองพ่ออย่างมีกำลังใจ
ภายในป่าลึก ทุกคนแต่งชุดชาวบ้านที่ดวงใจเตรียมมาให้และนั่งกินอาหารกันอยู่ กฤษดาไม่ได้ร่วมวงกินอาหารด้วย แต่มายืนเหม่อ มองดูพระจันทร์ด้วยสีหน้าหม่นหมอง แสงธรรมมองดูกฤษดาแล้วลุกขึ้นเดินมาหา “ใจคุณจะสงบได้ไงกฤษดา คุณมีห่วงใหญ่ถึงสองห่วง ทั้งเจ้าคุณลุง ทั้งดวงใจ” กฤษดาบอก“ขอเวลาให้ผมอีกหน่อย แต่คุณไม่ต้องห่วง ผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ แล้วคุณล่ะ เจ้าคุณพ่อคุณรู้เรื่องหรือเปล่าว่าคุณอยากทำอะไร” แสงธรรมว่า “ผมว่าเจ้าคุณพ่อน่าจะพอเดาได้นะ เราเคยคุยเรื่องนี้กันนานแล้ว ท่านก็รู้ว่าพักหลังผมไม่กลับบ้านบ่อยๆ ท่านก็ไม่ถาม มิหนำซ้ำ ถ้ามีใครมาถามหาผม ท่านยังตอบไปว่าผมไปดูคนไข้ แต่เจ้าคุณลุงน่ะสิ ท่านไม่ค่อยสบายใช่ไหม” กฤษดาพยักหน้า เสรีไทยทั้งสามคนเลิกกินพากันเก็บของ สหายวาคิมจึงหันไปบอกกับทุกคนว่า “เดินทางกันต่อได้แล้ว เราจะเดินทางทั้งคืนพรุ่งนี้เช้าถึงจะหยุดพัก” กฤษดากับแสงธรรมเดินไปช่วยเก็บของเพื่อเตรียมเดินทางต่อ
ดวงใจได้แต่เฝ้ารอกฤษดาอยู่ที่บ้าน แต่กฤษดาก็ไม่มาหาเธอสักที ดวงใจจึงตัดสินใจไปหากฤษดาที่กระท่อมแต่ก็ไม่พบ ดวงใจวิ่งมาตามทางในป่า จนมาถึงกระท่อมร้างกลางป่าที่เคยอยู่กับกฤษดา ดวงใจรีบวิ่งไปที่กระท่อมแล้วร้องเรียกหา “คุณกฤษดา คุณกฤษดาเจ้า คุณกฤษดา” ดวงใจเปิดประตูกระท่อมเข้าไป ภายในกระท่อมว่างเปล่า “คุณกฤษดา คุณกฤษดาเจ้า อยู่ไหน...” ดวงใจวิ่งเข้าออกร้องหากฤษดา
ตอนแรกดวงใจก็ยังคิดว่าอย่างไรก็ต้องเจอกฤษดาแน่นอน แต่สักพักเริ่มวิ่งหากฤษดาอย่างร้อนรน ดวงใจร้องไห้ไปวิ่งหากฤษดาไปจนหมดแรง ดวงใจเดินไปลงนอนบนแคร่ตรงที่เคยนอนกับกฤษดาแล้วร้องไห้อย่างเสียงดัง
เมื่อกลุ่มของกฤษดาไปหาซื้อของกับชาวบ้านที่ตลาด ก็พบว่ามีทหารญี่ปุ่นเอารูปของกฤษดามาให้ชาวบ้านแถวนั้นดู เพื่อตามหาตัวกฤษดา ทำให้ทุกคนต้องรีบไปที่สำนักงานเสรีไทยให้เร็วที่สุด
เมื่อทุกคนมาถึง หัวหน้าเสรีไทยมองกฤษดาอย่างใช้ความคิด “พวกญี่ปุ่นตามหาตัวคุณ แปลว่าพวกมันจับความเคลื่อนไหวของคุณไว้หมดแล้ว” กฤษดาบอก “ผมต้องขอโทษด้วยครับที่ทำความเดือดร้อนให้พวกเรา” หัวหน้าหัวเราะ “ไม่เดือดร้อนหรอก มันก็เป็นโจทย์ที่ยากขึ้นเท่านั้น จริงๆ ผมอยากได้สายที่จะอยู่เชียงใหม่ให้รายงานความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นที่นั่น ซึ่งถ้าไม่มีเรื่องนี้คุณน่ะเหมาะมาก เพราะมีบ้านมีภรรยาที่เชียงใหม่ใช่ไหม” กฤษดาพยักหน้ารับ “ครับ” หัวหน้าพูดขึ้น “แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้ว พวกญี่ปุ่นหมายหัวคุณ ถ้ามันเจอคุณ มันจะหาเรื่องจับคุณไป คุณจะโดนทรมานทุกรูปแบบ สุดท้ายมันจะตัดหัวคุณเพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณสองคนคือ จะไม่มีคุณสองคนบนแผ่นดินไทยอีกแล้ว” แสงธรรมหน้าเสีย แต่กฤษดายังมีสีหน้าสงบนิ่ง “ผมเป็นทหาร เพื่อชาติผมยอมทุกอย่าง ผมตกลงใจแล้วไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนความคิดของผมได้” หัวหน้ามองกฤษดาแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ผมดีใจที่ได้คนอย่างพวกคุณมาร่วมงานกับเรา ความรู้ความสามารถของคุณสองคนจะเป็นประโยชน์กับเรามาก เราจะส่งคุณสองคนไปฝึกที่ทรินโคมาลี คุณจะได้เรียนรู้ยุทธศาสตร์ทั้งหมดของศัตรู” กฤษดามองหน้ากับแสงธรรม “เราจะไปอินเดียได้อย่างไรครับ” หัวหน้าเริ่มอธิบาย “จะมีเรือดำน้ำมารับคุณสองคนจากอ่าวอ่างทอง ผมให้พวกคุณพักสองวัน แล้วจะมีคนมาพาคุณไปเอง” แสงธรรมถามขึ้น “แล้วผมต้องไปลังกานานแค่ไหนครับ” หัวหน้าบอก “ก็ประมาณสามเดือน ระหว่างนั้นเราจะให้สายของเราคอยสอดส่องดูคุณพ่อคุณทั้งสองคนอยู่ห่างๆ เราคงทำให้ได้เท่านี้ หวังว่าคงจะเข้าใจ” แสงธรรมพยักหน้ารับ “ครับ ขอบคุณมากครับ” กฤษดาก็รู้สึกเช่นเดียวกัน “ครับ ขอบคุณมากครับ เท่านี้เราก็พอใจแล้วครับ”
สามารถติดตามชมละคร “แหวนทองเหลือง” ได้ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 07.30/13.00/19.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 8