แหวนทองเหลือง ตอนที่ 9
ดวงใจวิ่งอย่างเร็ว ค่อยๆ แอบไปที่ราวตากผ้า ดึงเสื้อผ้าผู้ชายที่ตากไว้ พับขมวดใส่ย่ามที่เตรียมมาแล้วค่อยๆ เอาไปซ่อนไว้ พอเดินกลับมาก็เจอพนม เดินมากับ ปิ่นแก้ว และ มณี ปิ่นแก้วเห็นดวงใจก็รีบเรียกไว้
"นี่เธอ...มานี่ซิ"
ดวงใจหันมามอง
"ก็เธอนั่นแหล่ะ"
ดวงใจนึกได้เรื่องจดหมายของกฤษดา รีบเดินมาหาพนม
"คุณพนมเจ้า คนงานที่คุ้มฝั่งโน้นเอาจดหมายมาให้ บอกว่าให้เอาจดหมายให้คุณพนม"
ดวงใจหยิบจดหมายจากชายพกยื่นให้พนม
"จดหมายของใคร"
พนมคลี่จดหมายออกอ่าน สีหน้ายิ้มๆ
"นึกแล้ว"
"จดหมายใครคะพี่พนม"
พนมยื่นจดหมายให้ปิ่นแก้ว ปิ่นแก้วรับมาอ่าน
"พนม...กันและ แสงธรรม ต้องกลับกรุงเทพกะทันหัน ฝากของโทษทุกคนด้วยนะ หวังว่าจะได้พบกันอีก กฤษดา"
ปิ่นแก้วหน้าเสีย
"พี่กฤษดากลับกรุงเทพไปแล้ว"
ดวงใจ มณีต่างตกใจเหมือนกัน
"อะไรนะ...กลับกรุงเทพโดยไม่มีพวกเรา ทิ้งกันได้ยังไง" มณีบอก
ปิ่นแก้วหันไปเล่นงานดวงใจ
"ฉันไม่เชื่อ เธอ เธอเอาพี่กฤษดาไปไว้ที่ไหนบอกมานะ"
ภายในกระท่อมกลางป่า ทั้งหมดนั่งรอดวงใจ แสงธรรมสีหน้ากระวนกระวาย แต่กฤษดาสีหน้าสงบนิ่ง วาดิมนั่งคุยค่อยๆ กับ มีน่า เจน่า หยิบปืนออกมาตรวจ
"ทำไมดวงใจยังไม่มาอีก" แสงธรรมถาม
กฤษดาสีหน้ามั่นใจ
"ดวงใจต้องมาแน่ๆ ใจเย็นๆ"
กฤษดาปลอบใจ แสงธรรม เสรีไทยทั้งสามคนมองมาที่กฤษดา
ปิ่นแก้วเอามือบีบแก้มดวงใจ
"แกทำมารยาดีนักใช่ไหม หวังสูงเกินไปนะแก บอกมานะ พี่กฤษดาอยู่ที่ไหน"
"น้องปิ่น กฤษดาเค้าโตแล้วนะ ใครจะเอามันไปแอบที่ไหนได้ อย่าทำอย่างนี้เลย" พนมบอก
ปิ่นแก้วชี้หน้าดวงใจ
"ก็มันน่ะแหล่ะ...อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่าแกน่ะพาพี่กฤษดาเข้าป่าทุกวัน บอกมานะ พี่กฤษดาอยู่ที่ไหน"
ดวงใจจะวิ่งหนี มณีคว้าตัวดวงใจไว้
"เห็นไหม มันมีพิรุธ จับมันไว้มณี"
มณีจับดวงใจไว้แน่นมองดวงใจอย่างไม่ไว้ใจ ปิ่นแก้วเดินเข้ามาหาดวงใจ
"พี่กฤษดาอยู่ที่ไหน"
"ข้าเจ้าไม่รู้"
"โกหก...แกมันมารยานักนะ จะบอกไหมนังดวงใจ"
ดวงใจเริ่มไม่พอใจ ก่ำ กับ เต่าได้ยินเสียงออกมาดู
"ก็ข้าเจ้าบอกว่าไม่รู้ คุณเป็นเพื่อนคุณกฤษดายังไม่รู้ จะมาถามข้าเจ้าได้ไง"
ปิ่นแก้วตบหน้าดวงใจฉาดใหญ่จนหน้าหัน ดวงใจหันกลับมามีเลือดที่มุมปาก ตาวาว
พนมรีบจับปิ่นแก้วไว้ ก่ำกระซิบเต่า เต่าวิ่งออกไป
"ทำอย่างนี้ได้ยังไงปิ่นแก้ว...ไปตบเค้าทำไม" พนมถาม
"ก็มันอยากยอกย้อนปิ่นนี่คะ อีขี้ข้า แกไม่มีสิทธิ์เสนอหน้ากับฉัน"
พนมปล่อยปิ่นแก้ว
"มณี..คุณปล่อยดวงใจได้แล้ว"
ปิ่นแก้วขวางไว้
"อย่าปล่อยมันนะ...ถ้าแกไม่บอกว่าพี่กฤษดาอยู่ที่ไหน ฉันจะตบแกให้ตายคามือ"
ปิ่นแก้วเงื้อมือจะตบดวงใจอีก เสียงกำนันปานดังขึ้น
"หยุดนะ"
กำนันปานรีบเดินเข้ามา เต่า กับ บัวแก้ว วิ่งมาด้วยกัน
บัวแก้วรีบเดินไปผลักมณีกระชากดวงใจออกมา มณีมองอย่างไม่พอใจ กำนันปานเดินเข้ามาสีหน้าเรียบเฉย
"ถึงกับต้องลงไม้ลงมือกันเชียวหรือครับ...ไอ้ดวงมันทำอะไรให้คุณไม่พอใจ"
ปิ่นแก้วไม่ลดละ
"ก็กำนันอยากเลี้ยงลูกไม่ดี...เป็นบ่าวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มาพูดจายอกย้อนฉัน มันรู้ว่า พี่กฤษดาอยู่ที่ไหน มันไม่ยอมบอก"
กำนันปานหันไปถามดวงใจ
"มันเรื่องอะไรกัน"
พนมบอก
"คืออย่างนี้ครับกำนัน คนงานบ้านแสงธรรมเอาจดหมายกฤษดามาให้ผม บอกว่ากฤษดากลับกรุงเทพไปกับแสงธรรมแล้ว"
พนมเอาจดหมายให้กำนันปานอ่าน กำนันปานอ่านแล้วก็หันมาถามดวงใจ
"เอ็งรู้เรื่องนี้ไหม"
"ฉันไม่รู้เรื่องเลยจ้ะ."
ปิ่นแก้วกร้าว
"โกหก...แกน่ะอยู่กับคุณกฤษดาทุกวัน อย่ามาหน้าด้านตอแหลนะ"
บัวแก้วไม่พอใจ
"ถึงพวกเราจะไม่ใช่ลูกผู้ดีอย่างคุณ เราก็ไม่เคยตอแหล คุณกฤษดาน่ะไปกับคุณแสงธรรมตั้งแต่เมื่อวาน ไม่ได้อยู่กับไอ้ดวง"
ปิ่นแก้วกับมณี มองหน้า อึ้งไป
"ไม่จริง...ฉันเป็นน้องพี่ธรรม ถ้าพี่ธรรมจะกลับต้องบอกฉัน..อีนี่แหล่ะมันสร้างเรื่อง..แกสารภาพมาเดี๋ยวนี้ว่าพี่กฤษดาอยู่ไหน"
ตลอดเวลาดวงใจก้มหน้านิ่ง เพราะสิ่งที่ปิ่นแก้วพูด ถูกทุกอย่าง เลยพูดอย่างไม่เต็มเสียง
"ข้าเจ้าไม่รู้"
ปิ่นแก้วถลาเข้ามาหาดวงใจ
"อีโกหก...แกมองหน้าฉันซิ ก้มหน้าโกหกทำไม"
ดวงใจเงยหน้าจ้องปิ่นแก้ว
"ข้าเจ้าไม่รู้ ข้าเจ้าไม่รู้ว่าคุณกฤษดา กับ คุณแสงธรรมไปไหน"
"พอเถอะน้องปิ่น จดหมายนี่เป็นลายมือกฤษดาจริง..นั่นแปลว่าเขากลับกรุงเทพไปแล้วอย่างที่เขาบอก...ถ้าเราอยากพบเขา เราก็ต้องรีบกลับกรุงเทพ แล้วค่อยไปถามเค้าว่าทำไมถึงรีบกลับมาทิ้งพวกเราแบบนี้"
"รถคุณแสงธรรมให้ช่างมาซ่อมเสร็จแล้วครับ ถ้าพวกคุณจะกลับกันตอนนี้ ผมจะให้ไปส่งที่คุ้มฝั่งโน้น คุณก็น่าจะขับไปที่สถานีรถไฟทันรถไฟคืนนี้ แล้วผมจะไปลากรถกลับมาเก็บที่คุ้มเจ้าคุณสุริยันเอง"
"ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รีบไปเตรียมตัวกันได้แล้ว"
นม ปิ่นแก้ว มณี ทำท่าจะเดินกลับไปบ้านใหญ่ ปิ่นแก้วยังไม่ยอมเลิกรา
"นี่กำนันปาน...รู้จักสั่งสอนลูกตัวเองบ้างนะเป็นบ่าวน่ะอย่าทำพูดจาป่าเถื่อนกับนาย"
กำนันปานยิ้มๆ แต่แววตาแข็งกร้าว
"ครับ คุณหนู ผมจะสอนลูก ให้รู้จักพูดจากับคนอื่นดีๆ ไม่ใช่แสดงกิริยาพูดจาป่าเถื่อนยิ่งกว่าคนชั้นต่ำ ต้องขอโทษคุณหนูด้วยนะครับ"
ปิ่นแก้วสะบัดหน้าไม่พอใจ พนมรีบดึงปิ่นแก้วให้เดินไป มณีหันมามองอย่างไม่พอใจ
"กลับไปซะได้ก็ดี" บัวแก้วบอก
ดวงใจร้องไห้วิ่งหนีไป
"ไอ้ดวง...ไอ้ดวง" บัวแก้วเรียก
"ปล่อยมันไปเถอะบัวแก้ว เดี๋ยวมันก็มาเอง"
กำนันปานมองตามด้วยสีหน้าแค้นใจ
อ่านต่อหน้า 2
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 9 (ต่อ)
วาดิมพา กฤษดาและแสงธรรม เข้าไปในป้าใกล้ๆ กระท่อมร้าง
"เสียใจด้วยนะ หมดเวลาแล้ว อีกไม่นานก็จะมืดแล้ว เมียคุณไม่มาแล้ว"
"ผมมั่นใจว่าดวงใจต้องมา"
"นั่นสิ สหายวาดิม ชีวิตคนตั้งสองคนนะ" แสงธรรมบอก
"ต่อให้มากกว่านี้เราก็เสี่ยงไม่ได้" มีนาบอก
"มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเราเหมือนกัน" เจน่าว่า
กฤษดาตัดสินใจ
"ผมเข้าใจ"
"ต้องการให้เราปิดตาไหม" วาดิมถาม
"ไม่ต้อง" แสงธรรมบอก
กฤษดา มองหน้ากับแสงธรรม วาดิม เจน่า มีนา เดินห่างออกไป เจน่าหยิบปืนพกออกมา ขึ้นไก แล้วเล็งไปทางกฤษดา
ขณะเดียวกัน ดวงใจสะพายย่ามสองอัน ซึ่งภายในบรรจุข้าวของมาเต็มเพียบ วิ่งไปร้องไห้ไปจนมาถึงกระท่อมกลางป่า ดวงใจวิ่งตรงไปทุบประตูกระท่อมด้วยท่าทางร้อนใจ
"คุณกฤษดา คุณกฤษดาเจ้า เปิดประตู เปิดประตู"
เสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่ง ดวงใจสะดุ้งผวา
ดวงใจรีบเปิดประตูเข้าไป ข้างในไม่มีใคร ดวงใจเข่าอ่อนทรุดร้องไห้โฮ
"คุณกฤษดา คุณกฤษดาไปแล้ว หนีข้าเจ้าไปแล้ว"
ดวงใจร้องไห้สะอึก กฤษดาเข้ามาโอบกอดด้านหลัง ดวงใจรีบหันไปมองสีหน้าดีใจทั้งน้ำตา
"คุณกฤษดา"
ดวงใจโผเข้ากอดกฤษดาแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้น
"ข้าเจ้าคิดว่าคุณหนีข้าเจ้าไปแล้ว...คิดว่าคุณกลับกรุงเทพไปแล้ว"
กฤษดาสีหน้าเศร้าสงสารดวงใจ
"ฉันบอกว่าจะรอดวงใจ ฉันก็ต้องรอสิจ้ะ"
"แต่ในจดหมายที่คุณบอกกคุณพนม คุณบอกว่าจะกลับกรุงเทพนี่เจ้า"
กฤษดา สังเกตเห็นหน้าดวงใจมีรอยช้ำ มุมปากก็แตก
"ดวงใจ ไปโดนอะไรมา นี่ใครทำเธอ"
แสงธรรม กับ วาดิม เดินเข้ามา
"ไม่มีใครตามมาแน่"
"บอกฉันสิดวงใจ ใครทำอะไรเธอ กำนันปานเหรอ"
ดวงใจส่ายหน้า
"ไม่ใช่เจ้า ไม่ใช่ ช่างมันเถิด แค่ข้าเจ้าได้มาเห็นหน้าคุณ ให้ข้าเจ้าต้องเจ็บมากกว่านี้ข้าเจ้าก็ทนได้"
กฤษดามองดวงใจด้วยความสงสาร ดึงดวงใจมากอด
"โธ่..ดวงใจ"
"คุณกฤษดา เมื่อกี้ข้าเจ้าได้ยินเสียงปืน ใครเป็นอะไรเจ้า"
วาดิมบอก
"อ๋อ เรายิงนกน่ะ"
วาดิมชูนกตัวใหญ่ที่ยิงมาให้ดู ดวงใจยกย่ามสองใบออกมาวาง
"ข้าเจ้าได้เสื้อผ้ามาแล้ว...มีของกินติดมานิดหน่อยเจ้า."
วาดิมบอก
"ขอบใจมากนะ...เธอได้ช่วยเหลือพวกเราได้มากทีเดียว...กฤษดา เรารีบ เดินทางกันได้แล้ว"
"จะรีบไปไหนกันเจ้า"
"เราจะไปส่องสัตว์กันไงล่ะ"
"แต่ในป่าตอนกลางคืนมันอันตรายมากนะเจ้า อาจจะหลงป่า อาจจะไปเจอเสือนะเจ้า"
กฤษดาปลอบโยน
"อย่าห่วงเลยดวงใจ พวกเรามีปืนกันทุกคน แล้วก็มีเข็มทิศบอกทางด้วย เราไม่หลงป่าหรอก"
"เธอรีบกลับบ้านได้แล้ว...เพราะถ้ามืดค่ำเธอก็มีอันตรายเหมือนกัน" วาดิมบอก
"ข้าเจ้าเที่ยวในป่าแต่เล็ก...จำทางได้หมดไม่ต้องห่วงเจ้า"
กฤษดาพยายามซ่อนสีหน้าทุกข์
"จริงอย่างที่เพื่อนฉันพูดนะดวงใจ...รีบกลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวกำนันปานจะเป็นห่วง"
ดวงใจทำท่านึกได้
"จริงด้วย ข้าเจ้าลั่นกลอนห้องไว้ด้วย"
ดวงใจทำท่าจะเดินออกไป กฤษดาเดินตามออกมา
ดวงใจเดินนำหน้าออกมาได้หน่อยหนึ่ง กฤษดาก็ดึงตัวดวงใจไปกอดไว้แน่น สีหน้าทุกข์ใจแต่ไม่ให้ดวงใจเห็น
"รอฉันนะ"
"ข้าเจ้าจะรอคุณกฤษดา คุณกฤษดาจะกลับมาพรุ่งนี้ตอนเช้า หรือตอนเย็นเจ้า"
กฤษดาพยายามข่มใจ
"ฉันจะพยายามรีบมาให้เร็วที่สุดเท่าที่ฉันจะมาได้"
ดวงใจยิ้มหวานดีใจ
"รีบมาเร็วๆ นะเจ้า"
กฤษดาพยักหน้า
"รีบไปได้แล้ว"
ดวงใจจะเดินไป กฤษดากลับดึงดวงใจมากอด และ จูบเนิ่นนาน ดวงใจมองอย่างรักมาก ยิ้มหวานให้ ก่อนจะวิ่งจากไป กฤษดามองตามด้วยสีหน้าเศร้าหมอง แสงธรรมเดินมาตบบ่ากฤษดา
"ไหวแน่นะ"
กฤษดามองหน้าแสงธรรมอย่างมั่นใจ
บัวแก้วยกสำรับอาหารมาวางให้กำนันปาน มีสายคำจัดโน่นจัดนี่อยู่ห่างๆ
"ลุงกำนัน...พรุ่งนี้ลุงต้องวางบ่วงดักหลังบ้านแล้วนะ ฉันตากเนื้อเก้งไว้หายหมดเลย" บัวแก้วบอก
"เอ็งก็บอกไอเต่าให้มันทำซะก็หมดเรื่อง จะวางกี่อันก็บอกมัน"
"เอาวางให้รอบบ้านเลย....เจ็บใจจริง ๆ กะจะกินซักหน่อย มันเอาไปหมดเลย"
"แล้วนี่ไอ้ดวงมันหายไปไหน"
"อยู่บนห้อง...เมื่อกี้ฉันไปเรียกห้องมันใส่กลอน เรียกก็ไม่ตอบ น่าเห็นใจมันหรอก"
"คุณหนูปิ่นทำไมร้ายอย่างนี้...พ่อ กับพี่ชายออกจะดี"
"ไม่อยากจะเรียกคุณหนูแล้ว...ถ้าไม่คิดนิดเดียวนะ แม่จะด่าแหลก"
"อยากทำก็ทำไม่ได้ ท่านเป็นลูกเพื่อนนาย บุญคุณล้นฟ้า ไม่มีนายท่าน พวกเราก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนอย่างนี้หรอก"
"แต่มาลงมือลงไม้กัน ฉันว่ามันมากไปนะ ไอ้ดวงมันเคยโดนตีซะที่ไหน"
กำนันปานสีหน้าเรียบเฉย
"แม่ไอ้ดวงมันตายตั้งแต่ไอ้ดวงยังเล็ก...ข้าไม่เคยตีมันสักแปะ"
กำนันปานถอนใจ
"เดี๋ยวฉันจะไปเรียกมันเอง"
กำนันปานลุกขึ้นเดินขึ้นบ้านไป
กำนันปานเดินมาที่หน้าห้องดวงใจ ประตูยังปิดอยู่ กำนันเคาะประตูห้องเบาๆ
"ดวง...ดวงเอ้ย ไปกินข้าวเถอะลูก..ดวง"
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ กำนันปานทำหน้าเศร้า ๆ เคาะประตูอีก
"ออกมากินข้าวเถอะลูก...อย่าไปคิดมากเลย"
ในห้องนอนดวงใจว่างเปล่า ไม่มีใคร ขณะที่มีเสียงกำนันปานเคาะประตูอยู่...สักครู่ ดวงใจปีนหน้าต่างขึ้นมา สภาพมอมแมมผมยุ่งเหยิง ดวงใจเข้ามาในห้อง ได้ยินเสียงกำนันปานพูดอยู่หน้าห้องก็ตกใจ แต่พอฟังว่ากำนันปานพูดอย่างไร ก็นิ่งน้ำตาไหล
"อย่าไปสนใจเลยลูก คนมันบ้า มันเป็นคนไม่ดี เอ็งก็ถือซะว่าเดินไปโดนหมากันเห่า มันกัดเอา....พ่อเองก็เจ็บใจมากที่มันทำอย่างนี้กับเอ็ง ออกมาเถอะ พ่อรอกินข้าวกับเอ็งอยู่ มากินข้าวกับพ่อนะ"
ดวงใจเปิดประตูออกมา น้ำตาไหล
"พ่อ"
กำนันปานเห็นสภาพลูกสาวก็ตกใจหัวเราะ
"ทำไมเอ็งมันมอมเหมือนลูกหมาอย่างนี้ล่ะ ไป ไปล้างหน้ามากินข้าวกันเถอะ".
ดวงใจเริ่มรู้สึกละอายใจ
"พ่อ ถ้าฉันทำผิด พ่อจะตีฉันไหม"
"พ่อไม่เคยตีเอ็งเลยนะ พ่อเป็นพ่อ ถ้าเอ็งทำผิดมาบอกพ่อ เราจะช่วยกันแก้ไขนะ"
ดวงใจมองพ่ออย่างมีกำลังใจ
อ่านต่อหน้า 3
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 9 (ต่อ)
ในป่าลึก ทั้งห้าคนแต่งชุดชาวบ้านที่ดวงใจเตรียมมาให้ กำลังนั่งกินอาหาร มีกองไฟจุดไว้ กฤษดาไม่ได้ร่วมวงกินอาหารด้วย แต่มายืนเหม่อมองดูพระจันทร์ที่เต็มดวงสวย ด้วยสีหน้าหม่นหมอง แสงธรรมมองดูกฤษดา ลุกขึ้นเดินมาหา
"ใจคุณจะสงบได้ไงกฤษดา คุณมีห่วงใหญ่ถึงสองห่วง ทั้งเจ้าคุณลุง ทั้งดวงใจ"
"ขอเวลาให้ผมอีกหน่อย แต่คุณไม่ต้องห่วง ผมแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ แล้วคุณล่ะ เจ้าคุณพ่อคุณรู้เรื่องหรือเปล่า ว่าคุณอยากทำอะไร"
"ผมว่าเจ้าคุณพ่อน่าจะพอเดาได้นะ...เราเคยคุยเรื่องนี้กันนานแล้ว ท่านก็รู้ว่าพักหลังๆ ผมไม่กลับบ้านบ่อยๆ ท่านไม่ถาม มิหนำซ้ำถ้ามีใครมาถามหาผม...ท่านยังตอบไปว่าผมไปดูคนไข้ แต่เจ้าคุณลุงน่ะซิ ท่านไม่ค่อยสบายใช่ไหม"
กฤษดาพยักหน้า เสรีไทยทั้งสามคนเลิกกินพากันเก็บของ
"เดินทางกันต่อได้แล้ว...เราจะเดินทางทั้งคืน พรุ่งนี้เช้าถึงจะหยุดพัก"
กฤษดา กับ แสงธรรมเดินไปช่วยเก็บของเตรียมเดินทาง
กรุงเทพฯ พระยาดำรงนั่งสวดมนต์สักครู่ ก็เอาธูปปักที่กระถาง แล้วกราบพระ
"ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุณพระรัตนตรัย ปกป้องคุ้มครองกฤษดาด้วยเถิด"
พระยาดำรงก้มกราบพระอีกแล้วจะลุกขึ้น มิ่งเข้ามาพยุง แล้วพาเดินออกมาจากห้องพระ
พระยาดำรงจะเดินไปห้องนอน มิ่งเดินตามมาด้วย สมรแต่งชุดสวยเซ็กซี่เดินมาหายิ้มหวาน
"มิ่ง...แกลงไปเถอะ คืนนี้ฉันจะดูแลท่านเอง"
"ขอรับ"
มิ่งทำท่าจะเดินไป พระยาดำรงเรียกไว้
"มิ่ง...เอ็งลงไปหยิบเอกสารที่วางบนโต๊ะทำงานมาให้ข้าที แล้วคืนนี้เอ็งก็มานอนเป็นเพื่อนข้าเหมือนเดิมนะ"
มิ่งมองหน้าสมร สมรทำหน้าไม่พอใจ
"ขอรับ"
มิ่งเดินลงไปหยิบเอกสาร
"ท่านคะ...ท่านไม่ได้มานอนกับหมอนหลายวันแล้วนะเจ้าคะ"
สมรพยายามโอบกอดกระแซะเหมือนที่เคยทำ
"ฉันเพลีย อยากนอนพัก ถ้าเธอเหงาจะออกไปเที่ยวก็ได้"
สมรงอน
"ไม่เอาเจ้าค่ะ ไม่อยากไปเจอพวกญี่ปุ่น เพ่นพ่านเต็มไปหมด พวกฉกชิงวิ่งราวก็เยอะ แต่ถ้าท่านไปด้วยหมอนก็ไปเจ้าค่ะ"
พระยาดำรงหัวเราะ
"ฉันมันหมดวัยที่จะเที่ยวแล้ว"
มิ่งเดินกลับขึ้นมาพร้อมเอกสาร พระยาดำรงดันตัวสมรออกห่าง
"เอาไปไว้บนโต๊ะในห้องนอน"
มิ่งถือเอกสารเดินไปทางห้องนอนพระยาดำรงและเดินเข้าไป สมรเข้ามากระแซะอีก พระยาดำรงเดินตามมิ่งจะเข้าไปในห้องนอนตัวเอง
"ถ้างั้นคืนนี้ให้หมอนนอนกับท่านในห้องนี้ก็ได้เจ้าค่ะ หมอนจะปรนนิบัติท่านเอง"
พระยาดำรงไม่สนใจ ดึงมือสมรออกเข้าห้องไป หันมาพูดกับสมร
"เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วน"
พระยาดำรงปิดประตู สมรยืนงงหน้าประตูสักพักเดินออกมาสีหน้าโกรธมาก
"เรื่องมากนักนะไอ้แก่"
เช้าวันใหม่ ดวงใจแต่งตัวสวย อยู่หน้ากระจก กำลังเอาช่อดอกเอื้องเสียบที่ผมมวย ยิ้มหวานอารมณ์ดีกับตัวเองในกระจกเอาสายสร้อยที่กฤษดาให้ออกมาดู แล้วเอาเก็บใส่กล่องไว้ในหีบอย่างดี สายคำเดินเข้ามาเอาผ้ามาวาง มองดวงใจแล้วก็ยิ้ม
"วันนี้แต่งตัวเสียสวยเชียวดวงใจ"
"วันนี้เป็นวันสำคัญของฉันนะพี่สายคำ ฉันก็ต้องสวยหน่อย"
"วันสำคัญอะไร"
"เดี๋ยวพี่ก็รู้เองละเจ้า"
ดวงใจเดินออกจากห้องไป สายคำมองตามอารมณ์ดีตามไปด้วย
ดวงใจเดินลงมาจากบนบ้าน กำนันปานกำลังนั่งจดบัญชีกับก่ำอยู่
"เอ็งว่าเอ็งจ่ายค่ายาฆ่าหนอนไปเท่าไหร่นะ"
"สิบห้าบาทจ้ะกำนัน"
"ทำไมของมันขึ้นราคาอย่างนี้วะ"
"ไอ้โกมันบอกของขึ้นหมดทุกอย่าง แล้วอีกหน่อยก็จะไม่มีของแล้ว เพราะไม่มีรถที่จะมาที่นี่แล้ว...สงครามมันทำน้ำมันหมด"
ดวงใจมายืนอยู่หลังกำนันปาน คอยจะบอกด้วยใจจดใจจ่อ
"อะไรก็ขึ้นราคา ทีลิ้นจี่กะลำไยกูไม่เห็นมันขึ้นราคาให้เลย มีแต่กดราคา"
ดวงใจรอนาน ทำแกล้งกระแอม กำนันปานหันไป
"เป็นอะไรไอ้ดวง...อะไรติดคอ"
"พ่อจะลงไร่หรือเปล่า"
"ลงซิ...จะไปดูเค้าฉีดยา เอ็งถามทำไม"
"วันนี้พ่ออยู่บ้านซักวันได้ไหมจ้ะ...เดี๋ยวจะมีคนมาหาน่ะ"
"ใคร...ใครจะมาหา"
"เดี๋ยวพ่อก็รู้เองแหล่ะ...นะ รอเดี๋ยวเค้าก็มา"
กำนันปานหัวเราะ
"อะไรของเอ็ง...ทำเป็นความลับกับพ่อรึ บอกมาเลยใครจะมาหา อย่าบอกนะว่าจะมีคนมาขอเอ็งน่ะ พ่อจะได้รีบยกให้ แล้วจะแถมข้าวให้อีกสิบกระสอบด้วย"
ก่ำหัวเราะ ดวงใจอาย
"แล้วถ้ามีคนมาขอฉันกับพ่อจริงๆ ล่ะ"
"หนานอุยเหรอ...นี่เอ็งจะรับหมั้นหนานอุยเหรอ"
ดวงใจทำหน้ายี้
"พ่อ...ไม่ใช่ คุณกฤษดาจ้ะ คุณกฤษดาเค้าจะมาหาพ่อ"
"คุณกฤษดากลับกรุงเทพไปแล้ว...จะมาหาพ่อได้ยังไงล่ะ"
ดวงใจทำหน้ามั่นใจ
"ยังพ่อ...คุณกฤษดายังไม่ได้กลับกรุงเทพ"
"เอ็งรู้ได้ไง...เอ็งไม่ได้ยินหรือไง คุณกฤษดาเขียนจดหมายบอกคุณพนมว่ากลับกรุงเทพไปกับคุณแสงธรรมแล้ว"
กำนันปานพูดเสียงดัง ดวงใจเจื่อนไป ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
"คุณกฤษดาบอกฉันเองว่าจะรีบมาหาพ่อ พ่อรอก่อนนะจ้ะ...เดี๋ยวฉันจะไปดูที่บ้านใหญ่ก่อนนะ เผื่อคุณกฤษดาจะยังนอนอยู่"
ดวงใจรีบวิ่งออกไป กำนันปานมองหน้ากับก่ำงงๆ
"มันเพ้ออะไรของมัน"
ดวงใจวิ่งมาที่บ้านใหญ่ วิ่งขึ้นบันไดไปด้วยสีหน้าสดชื่นมีความหวัง หยุดยืนดูบ้านซึ่ง บัวแก้ว กับ สาวเหนือ อีก 2-3 คน กำลังเก็บกวาดทำความสะอาด ประตูห้องทุกห้องเปิดไว้หมด บางคนกำลังเอาหมอนออกมาตาก ดวงใจตกตะลึง หน้าเสีย บัวแก้วหันมาเห็น
"เอ้า..ไอ้ดวง ทำเป็นยืนตกตะลึงอยู่ได้ มาช่วยกันเก็บกวาดเร็ว"
ดวงใจเดินไปมองที่ห้องกฤษดา
"คุณกฤษดา....คุณกฤษดาอยู่ไหนพี่บัวแก้ว"
"คุณกฤษดาอะไรของเอ็งอีกล่ะ...เค้ากลับกรุงเทพไปแล้ว.."
"คุณกฤษดาจะมา"
"เอ็งจะบ้าหรือเปล่า...คุณกฤษดาจะมาทำไม"
"จะมาหาพ่อ"
บัวแก้วเดินเข้ามาหา
"จะมาหาพ่อเอ็งทำไม"
ดวงใจทำท่านึกขึ้นได้
"หรือว่า....จะอยู่ที่กระท่อม"
ดวงใจหันหลังวิ่งออกไปอย่างเร็ว บัวแก้วมองตามสีหน้าไม่ดี
ดวงใจวิ่งมาตามทางในป่า จนมาถึงกระท่อมร้างกลางป่า
"คุณกฤษดา คุณกฤษดาเจ้า...คุณกฤษดา"
ดวงใจเปิดประตูกระท่อมเข้าไป พบความว่างเปล่า สีหน้าดวงใจไม่ดีแล้ว
"คุณกฤษดา คุณกฤษดาเจ้า อยู่ไหน"
ดวงใจวิ่งเข้าออกร้องหากฤษดา ทีแรกก็ยังคิดว่าอย่างไรก็ต้องเจอกฤษดา แต่สักพักเริ่มวิ่งหาอย่างร้อนรน ดวงใจร้องไห้ไปวิ่งหาไปจนหมดแรง เดินไปลงนอนบนแคร่ตรงที่เคยนอนกับกฤษดาแล้วร้องไห้เสียงดัง
อ่านต่อหน้า 4
แหวนทองเหลือง ตอนที่ 9 (ต่อ)
วันใหม่ บริเวณตลาดชาวบ้านระหว่างทางไปอุตรดิตถ์ กฤษดา แสงธรรม และ เสรีไทยทั้ง 3 คน เดินปะปนอยู่กับชาวบ้าน เพื่อหาซื้อของ เสบียงและของใช้จำเป็น
กฤษดาใส่แหวนทองเหลืองไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย เขาหาซื้อเสื้อผ้าเพิ่มเติม แต่พอหันไปก็เห็นพวกทหารญี่ปุ่น สะพายปืนปลายดาบเดินมาที่ทางเดินในตลาด หนึ่งในนั้นมีรูปถ่ายของกฤษดาติดตัวมาด้วย กฤษดาหันไปมองกับแสงธรรม และ คนอื่น ๆ ทุกคนพยายามเลี่ยงหลบทหารญี่ปุ่น แต่แสงธรรมหลบไม่ทัน ญี่ปุ่นคนหนึ่งเรียกแสงธรรมไว้
"หยุดก่อน"
แสงธรรมชะงัก กฤษดาและพวกที่เหลือแอบมองด้วยสีหน้าไม่ดี
"แกน่ะ...หยุดก่อน"
ทหารญี่ปุ่นเดินมาหาแสงธรรม เอารูปกฤษดาให้ดู แสงธรรมทำท่าเกรงกลัว ยิ้มแย้ม
"เคยเห็นคนนี้ไหม"
แสงธรรมทำหน้าซื่อ แล้วสั่นหัว พูดเหนือ
"ไม่เคยเห็นเจ้า"
ทหารญี่ปุ่นมองหน้าแสงธรรม
"บ้านแกอยู่ไหน...แกเป็นคนกรุงเทพหรือเปล่า"
ทหารญี่ปุ่นมองแสงธรรมอย่างพิจารณา
"บ้านข้าเจ้าอยู่บนดอยโน่น มาซื้อของกับ..."
มีหญิงชาวเหนือแก่ๆ เดินหอบของมาแถว ๆ นั้นพอดี
"มากับอุ้ย...นี่ก็ตามหาอยู่ เดินไปไหนก็ไม่รู้ โน่น...มาแล้ว.. ข้าเจ้าไปช่วยอุ้ยหอบของก่อนเน้อ"
แสงธรรมรีบวิ่งไปหาหญิงแก่คนนั้น ทำท่าพูดจาสนิทสนมคุ้นเคย พวกญี่ปุ่นอยู่ห่างเลยไม่ได้ยินที่พูดคุยกัน แสงธรรมทำทีช่วยหญิงแก่ถือของ แล้วพาหญิงแก่นั้นเดินไปอีกทาง พวกญี่ปุ่นมองตาม แล้วก็พากันเดินไปที่อื่น เจน่าทำเป็นเดินมาทักทายแสงธรรม แล้วพาแสงธรรมแอบรีบวิ่งเข้าป่าไปในขณะที่กฤษดากับคนอื่นๆ ไปรออยู่ในป่าแล้ว...
กฤษดาและแสงธรรม ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของหัวหน้าเสรีไทยที่อุตรดิตถ์ มองกฤษดาอย่างใช้ความคิด
"พวกญี่ปุ่นตามหาตัวคุณ...แปลว่าพวกมันจับความเคลื่อนไหวคุณไว้หมดแล้ว"
"ผมต้องขอโทษด้วยครับที่ทำความเดือดร้อนให้พวกเรา"
หัวหน้าหัวเราะ
"ไม่เดือดร้อนหรอก...มันก็เป็นโจทย์ที่ยากขึ้นเท่านั้น จริงๆ ผมอยากได้สายที่จะอยู่ที่เชียงใหม่ให้รายงานความเคลื่อนไหวญี่ปุ่นที่นั่น ซึ่งถ้าไม่มีเรื่องนี้คุณน่ะเหมาะมาก เพราะมีบ้าน มีภรรยาที่เชียงใหม่ใช่ไหม"
"ครับ"
"แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว พวกญี่ปุ่นหมายหัวคุณ ถ้ามันเจอคุณ มันจะหาเรื่องจับคุณไป คุณจะโดนทรมานทุกรูปแบบ สุดท้ายมันจะตัดหัวคุณ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณสองคน คือจะไม่มีคุณสองคนบนแผ่นดินไทยอีกแล้ว"
แสงธรรมหน้าเสีย แต่กฤษดาสีหน้ายังสงบนิ่ง
"ผมเป็นทหาร...เพื่อชาติผมยอมทุกอย่าง ผมตกลงใจแล้ว ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนความคิดของผมได้"
หัวหน้ามองกฤษดาแล้วพยักหน้าอย่างมั่นใจ
"ผมดีใจที่ได้คนอย่างพวกคุณมาร่วมงานกับเรา...ความรู้ความสามารถของคุณสองคนจะเป็นประโยชน์กับเรามาก เราจะส่งคุณสองคนไปฝึกที่ทริงโคมาลี.....คุณจะได้เรียนรู้ยุทธศาสตร์ทั้งหมดของศัตรู"
กฤษดามองหน้ากับแสงธรรม
"เราจะไปอินเดียได้อย่างไรครับ" แสงธรรมถาม
"จะมีเรือดำน้ำมารับคุณสองคนจากอ่าวอ่างทอง ผมให้พวกคุณพักสองวัน...แล้วจะมีคนมาพาคุณไปเอง"
"ผมต้องไปลังกานานแค่ไหนครับ" กฤษดาถาม
"ประมาณสามเดือน....ระหว่างนั้น เราจะให้สายของเราคอยสอดส่องดูคุณพ่อคุณทั้งสองคนอยู่ห่างๆ เราคงทำให้ได้เท่านี้...หวังว่าคงจะเข้าใจ"
"ขอบคุณมากครับ" กฤษดาบอก
"ครับ...ขอบคุณมากครับ...เท่านี้เราก็พอใจแล้วครับ" แสงธรรมบอก
แสงธรรมมองหน้ากฤษดาที่กำลังคิด
พระยาดำรง เจ้าคุณสุริยัน ปิ่นแก้ว พนม หลวงเณติณัติ ทั้งหมดกำลังนั่งคุยกันในห้องรับแขก พนมยืนพิงหน้าต่างในมือมีแก้วเหล้า
ปิ่นแก้วบอก
"พี่กฤษดาทำอย่างนี้ไม่ถูกนะคะเจ้าคุณลุง แล้วนี่ก็พากันหายไปทั้งพี่ธรรม ทั้งพี่กฤษดา เจ้าคุณลุงทราบไหมคะว่าเขาหายไปไหนกัน"
"ปิ่นแก้ว พ่อบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของพ่อ กับเจ้าคุณลุง"
ปิ่นแก้วงอน
"โธ่ เจ้าคุณพ่อคะ จะให้ปิ่นอยู่เฉยๆ เหรอคะ พี่ชายกับคนรักปิ่นนะคะ"
สุริยัน กับ พระยาดำรงมองหน้ากัน พนมหัวเราะหึ หึ
"ลุงไม่ยักรู้ว่าหนู กับ กฤษดา คบหากันแล้ว"
"ปิ่น...ผู้หญิงเค้าไม่ประกาศตัวอย่างนี้หรอกนะ" สุริยันทักท้วง
พนมเดินมาลงนั่งร่วมวง
"เรื่องนี้ผมว่ารอให้สองคนนั่นกลับมา กฤษดาคงจะกราบเรียนเจ้าคุณพ่อเองละครับ...แต่ตอนนี้หาสองคนนั่นให้เจอก่อนดีกว่า"
"พ่อว่าไม่ต้องห่วงเค้าหรอกพนม....เค้าไปแล้วเค้าก็มาเอง"
"ท่านว่าอย่างนั้นหรือครับ ถ้าท่านพูดอย่างนี้ผมก็สบายใจ ที่ผมมาหาท่านวันนี้ก็เพราะคิดอยู่แล้วว่าท่านจะต้อง เอ้อ รู้คำตอบ"
พระยาดำรงพยักหน้ากับสุริยันอย่างหนักแน่น พนมมองผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างไตร่ตรอง
"ผมคิดว่ารู้ แต่อาจจะไม่ใช่ก็ได้ สิ่งที่เราทำได้ก็คือ สวดมนต์ให้ทั้งสองคนปลอดภัยได้กลับบ้าน"
"ทำไมเจ้าคุณลุงไม่เดือดร้อนเลยคะ ลูกหายไปทั้งคน"
สุริยันปราม
"ปิ่นแก้ว...พูดจากับผู้ใหญ่ระวังบ้างซิลูก"
พระยาดำรงยิ้มๆ
"ก็เพราะลุงรู้จักลูกของลุงดี...ลงว่าเค้าตั้งใจจะทำอะไรละก็...เขาจะต้องทำให้ดีที่สุด หนูไม่ต้องห่วงหรอก ถ้ากฤษดาเค้ารักหนู ยังไงๆ เค้าก็ต้องกลับมาหาหนูวันยังค่ำ"
ปิ่นแก้วยิ้มอายๆ
วันใหม่ กำนันปานดูคนงานทำงานในไร่กว้าง แล้วดูคนงานเอาลินจี่ใส่เข่งขึ้นเกวียนคนที่มาซื้อผลไม้
"ลิ้นจี่ไร่นี้ลูกงามดีจริง ปีหน้าฉันจะมาซื้ออีกนะ"
กำนันปานหัวเราะภูมิใจ
"ถ้ามาก่อนนี้สักสองสามเดือนก็จะมีลำไยด้วย...ทำไมพ่อถึงมาที่นี่ถูกล่ะ คนจากไหนนี่ ไม่เคยเห็นหน้ากันนะ"
"อ๋อ...ฉันมาจากกรุงเทพน่ะ จะซื้อไปขายพวกญี่ปุ่นมัน ราคาดี เออ เค้าว่าเจ้าของไร่นี่คนกรุงเทพไม่ใช่เหรอ"
"กลับกันไปแล้ว...พ่อรู้ได้ไงว่าเจ้าของไร่นี่เป็นคนกรุงเทพ"
กำนันปานสงสัยไว้ก่อนตามนิสัยไม่ไว้ใจใคร คนซื้อหัวเราะกลบเกลื่อน คนงานขนเสร็จพอดี คนซื้อรีบจ่ายเงิน
"ถามใครเค้าก็รู้ทั้งนั้นละพี่..เอ้า..ไปละนะ"
คนซื้อรีบขึ้นเกวียน ชาวบ้านขับเกวียนขับออกไป ปานมองเงินอย่างดีใจ
สายคำกำลังถูห้องนอน บัวแก้วเดินถือผ้าเข้ามาเก็บ
"ไอ้ดวงมันหายไปไหนของมัน...ข้าวปลาไม่มากิน...มันเป็นอย่างนี้มาเป็นเดือนแล้วนะ"
"นั่นสิพี่บัวแก้ว ฉันว่ามันต้องเป็นอะไรแน่ๆ มันดูผอมโทรมผิดตานะ ฉันเห็นมันไม่กินไม่นอน เอาแต่นั่งเหม่อน่ะ บางทีมันก็..."
"อะไร...เอ็งเห็นอะไร"
"ฉันว่ามันแอบร้องไห้บ่อยๆ นะพี่บัวแก้ว"
บัวแก้ว กับ สายคำมองหน้ากันหนักใจ
อ่านต่อตอนที่ 10