แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 15
ลิปดาที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วเข้ามาในห้องพัก ลิปดามองไปรอบๆ แล้วก็คิดถึงอวัศยา
ภาพตอนอวัศยาอยู่ตามจุดต่างๆ ของห้องย้อนกลับมา
ลิปดาถอนหายใจ “เฮ่อ...”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลิปดาหันไปแล้วเดินไปเปิดประตูก็เห็นปราณนต์ยืนอยู่ ลิปดางง
อวัศยากันรันคุยกันอยู่ในห้อง
“แกแน่ใจเหรอ ว่าจะทำแบบนี้จริงๆ”
“จริง ...แกเป็นคนบอกเอง ว่าให้ฉันถามใจตัวเอง และฉันก็รู้ใจตัวเองแล้ว นี่แหละคือ สิ่งที่ฉันต้องการ”
อวัศยาตอบไปด้วยความมั่นใจ
ลิปดาถามด้วยความช๊อค
“คุณจะแต่งงานกับศยา”
“ใช่ครับ .. เราเพิ่งคุยกันเมื่อกี๊นี้เอง” ปราณนต์บอก
ลิปดาจุก อึ้ง และช๊อค
“ที่ผมมาวันนี้...เพราะอยากเชิญบอสมาเป็นประธานในงาน” ปราณนต์บอก ลิปดาอึ้ง “เพราะบอส คือคนที่เราสองคนนับถือ”
ลิปดารีบบอก “เอ่อ ผมว่ามันจะไม่เหมาะ..คุณไปหาคนอื่นดีกว่า”
“ผมไม่มีพ่อ พี่ศยาก็ไม่มี ผมก็ไม่รู้เหมือนกันจะไปหาใคร” ปราณนต์หน้าเครียด “พูดตรงๆนะครับ ผมว่างานแต่งงานครั้งนี้มันเริ่มต้นด้วยความไม่พร้อม .. ไม่รู้ว่าเราสองคนจะไปกันรอดหรือเปล่า”
ลิปดางง เขามองปราณนต์อย่างไม่ค่อยพอใจเพราะคำพูดของเขาฟังดูแปลกๆ
“แปลว่าอะไร รอด ไม่รอด”
“ก็ อย่างที่บอสรู้ พี่ศยาเค้า .. “แก่” กว่าผมหลายปี แก่กว่าพี่สาวผมอีก” ปราณนต์บอก ลิปดาเริ่มชักสีหน้า “ตอนนี้มันก็พอรับได้ แต่ถ้าผมอายุห้าสิบ พี่ศยาก็ต้องแก่นำผมไปเป็นเกือบหกสิบ .. มันเยอะนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าผมจะรับได้หรือเปล่า”
ลิปดาเริ่มโกรธแต่ก็ระงับไว้ “ถ้านายรักศยาที่ตัวเค้าข้างใน รักความเป็นเค้า ไม่ว่าร่างกายเค้าจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน นายก็จะยังรักเค้าอยู่”
“นั่นแหละครับ ปัญหาเลย” ปราณนต์มองหน้าลิปดาเหมือนตั้งใจยั่วยุ “ผมไม่ได้รักพี่ศยา”
ลิปดาผงะ คิดในใจ “อ้าวไอ้...”
ปราณนต์พูดต่อ “โอเคตอนแรกก็ชอบๆ ตอนที่แชตเป็นแอบรัก แต่พอเปิดตัว บอกตรงๆ ผมก็อึ้งๆ ผิดหวังไม่คิดว่าเป็นเค้า แต่ก็ต้องคบกันไปตามหน้าที่ ตอนนี้พี่เค้าอยากแต่ง ผมก็คงต้องแต่งเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน” ลิปดาจี๊ด “บอสก็รู้ว่าพี่ศยาใหญ่รองมาจากบอส ถ้าผมปฎิเสธผมก็ซวย แต่ถ้าผมยอมๆ หลับหูหลับตาแต่งไป..ผมก็อาจจะรวย” ปราณนต์พูดเป็นชุด
ลิปดาทนไม่ได้จึงเหวี่ยงหมัดเข้าที่หน้าปราณนต์อย่างแรง ปราณนต์ถลาล้มลงตามแรงชก
ลิปดามาชี้หน้าด่า
“ถ้าคุณจะแต่งเพราะความคิดชั่วๆแบบนี้..อย่าแต่ง ความรักของศยามีค่ามากกว่าความคิดต่ำๆของคุณ” ลิปดาโกรธจัด
ปราณนต์จับแผลที่ปากแล้วก็พูดยิ้มๆ “ผู้ชายคนนั้น คือ บอสจริงๆด้วย”
ลิปดางง
รันยืนส่งอวัศยาที่หน้าคอนโด ในรถอวัศยามีกระเป๋าเดินทางและข้าวของอัดแน่น
“โชคดีนะศยา...ว่างๆจะแวะไปเยี่ยม .. เฮ่อ ... ใจหายอ่ะ ต่อจากนี้ไป ฉันจะไม่ได้ทำงานกับแกแล้วเหรอเนี่ย” รันเศร้า
อวัศยากอดรัน “ขอบใจแกมากนะรัน ขอบใจสำหรับทุกอย่าง แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน .. เอ่อ.. จะว่าไปฉันก็มีแกอยู่คนเดียว”
รันกับอวัศยาหัวเราะออกมาพร้อมกัน
รันคลายกอดและมองหน้าอวัศยา “ไม่เปลี่ยนใจแน่นะแก”
“ไม่...ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันไม่เปลี่ยนใจและไม่เสียใจ”
“แกเก่งมากนะศยา .. แกสามารถ “ลาออก” และ “บอกเลิกปราณนต์” ได้ภายในวันเดียว ฉันนับถือแกจริงๆ ฉันเข้าออฟฟิศบ่ายนี้รับรองฮือฮาทั้งบริษัทแน่”
อวัศยารับคำชมนั้นด้วยความนิ่งและหนักแน่น
ปราณนต์เอาผ้าประคบแผลที่มุมปาก ลิปดายืนเหวออยู่ไม่ห่าง
“เป็นไปไม่ได้ !!! ศยาเนี่ยนะลาออก”
“เป็นไปแล้วครับ พี่ศยาเพิ่งเขียนใบลาเมื่อเช้านี้เอง” ปราณนต์บอก
“แล้วเรื่องของคุณกับศยา” ลิปดายังไม่อยากเชื่อ “เรื่องแต่งงาน เรื่องแก่ เรื่องไม่อยากแต่ง”
ปราณนต์ยิ้ม “ผมโกหกครับ”
ลิปดาถอนหายใจโล่งอก “เฮ่อ ฮู่ แล้วไป”
ปราณนต์ยิ้มๆ “นอกจากไม่แต่งแล้ว ตอนนี้เราสองคนก็เลิกกันแล้วครับ”
“ทำไม”
“เพราะพี่ศยาเค้ามีคนอื่นอยู่ในใจ คนที่ไม่ใช่ผม” ปราณนต์บอก ลิปดาแอบตื่นเต้น “พี่ศยาไม่ได้รักผม”
“เป็นไปไม่ได้ ศยาเค้ารักคุณ เค้าเครซี่คุณจะตาย ตอนคบกันก็ดูแฮปปี้ดี วันก่อนเพิ่งจะควงกันไปงานแต่งงานอยู่เลย”
“เราสองคนหลอกตัวเอง ว่าเรามีความสุข ทั้งๆที่ความจริงแล้ว..มันไม่ใช่ พี่ศยาตัดสินใจถูกแล้วครับที่ยุติความสัมพันธ์ของเรา เป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนกันดีกว่าเยอะเลยครับ”
ลิปดาเริ่มตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
“ที่คุณบอกว่า..ศยามีคนอื่นอยู่ในใจ .. รู้หรือเปล่าว่าใคร”
ปราณนต์ชี้ไปที่กระจก ลิปดาหันไปที่กระจกก็เห็นหน้าตัวเอง
ปราณนต์พูดยิ้มๆ “คนที่อยู่ในใจพี่ศยา...คือผู้ชายที่อยู่ในกระจก บอสมองกระจกแล้วเห็นใคร...ก็คนนั้นหล่ะครับ”
ลิปดามองที่กระจก พอเห็นหน้าตัวเองลิปดาก็อึ้ง
อวัศยาขับรถกลับต่างจังหวัดอย่างเศร้าๆ
ลิปดาดีใจแต่ก็ไม่อยากเชื่อ
ลิปดาหันกลับมาหาปราณนต์ “ไม่จริง ! จะเป็นผมได้ยังไง โดนยิงยังไม่มาเยี่ยมสักครั้ง โทร.มาถามสักคำก็ไม่เคย”
“พี่ศยาเค้าไม่เข้าใจตัวเอง เค้าพยายามจะหลอกตัวเอง และไม่ยอมรับความจริง”
“ถามจริง”
“ตอบตรง” ลิปดายังไม่อยากเชื่อ “เอางี้บอส พูดกันแบบแมนๆ ไม่ใช่เจ้านายลูกน้อง ผมมีวิธีพิสูจน์ให้บอส เอ่อ ให้พี่ลิปเห็นว่าพี่ศยาเค้าชอบพี่ .. แต่มันมีการเล่นละครตบหน้านิดหน่อย .. พี่ลิปทำได้หรือเปล่า”
ลิปดาชะงักนิดๆ “ที่จริงผมก็ไม่เคยเล่นละคร ไม่แน่ใจว่าจะทำได้มั้ย แต่ถ้าทำแล้วรู้ใจศยา ว่าคิดยังไงกับผม.. ผมพร้อมจะทำ”
ลิปดาคิดในใจว่า “เอาวะ” ปราณนต์ยิ้มแบบแอบเจ้าเล่ห์นิดๆ
อวัศยาขับรถกลับบ้านยายโดยขับไปก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า....ปราณนต์กับอวัศยายืนอยู่มุมหนึ่งหน้าออฟฟิศ
ปราณนต์ถามย้ำ “พี่ศยาลาออก”
อวัศยาพยักหน้า “ใช่ ! นอกจากลาออกแล้ว .. ฉันยังจะมาบอกอะไรกับเธอบางอย่าง..เธอจะได้รู้ตัว”
ปราณนต์งง อวัศยาพูดต่อ
“รู้ตัวว่าใจเธอเองก็ไม่อยู่ที่แอบรักเหมือนกัน” อวัศยาบอก ปราณนต์งง “เธออยู่กับพี่ แต่ใจเธอก็ลอยไปที่อื่น แล้วก็ฝืนๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ต่างกัน .. แต่ !! พี่จะไม่จูบเธอเพื่อเป็นการพิสูจน์หรอกนะ เสียใจด้วย”
ปราณนต์สะอึกนิดๆ แล้วก็หัวเราะออกมา อวัศยาอมยิ้ม
“สรุปว่าเราสองคนเป็นเหมือนกัน” ปราณนต์สรุป
“คือ ฝืน และไม่รู้ใจตัวเอง .. หมดเวลาที่เราจะทำอะไรที่มันตรงข้ามกับใจเราแล้ว .. ณนต์ .. ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา เธอทำให้พี่เรียนรู้อะไรมากมาย”
“ผมก็ต้องขอบคุณพี่ศยาด้วยครับ ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจากพี่”
“นอกจากพี่ อีกคนที่เธอควรขอบคุณ..พริบพราว” อวัศยาบอก ปราณนต์ชะงัก “พราวเป็นห่วง และรักเธอมากนะณนต์ เค้ายอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อลบล้างความผิดที่เค้าเคยทำ .. พราวอาจจะผิดที่สวมรอยเป็นแอบรัก แต่เค้าทำเพราะความหวังดี เค้าไม่อยากให้เธอเสียใจที่พี่ไม่จริงใจกับเธอ”
ปราณนต์คิดหนัก
อวัศยาพูดต่อ “พราวเค้ารักเธอมากจริงๆนะ...ปราณนต์ .. เค้ารักณนต์ที่เป็นณนต์ใน “โลกความเป็นจริง” ไม่ใช่ใน “โลกออนไลน์” แบบพี่หรือ แอบรัก”
ปราณนต์ชะงักพลางคิดว่า “เออจริง” ปราณนต์คิดถึงพริบพราว
ปราณนต์ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ใดที่หนึ่งแบบอึ้งๆ
“พริบพราวไปต่างประเทศ เหรอครับ”
เสียงแววดังจากโทรศัพท์ “จ้ะ ไปได้สองสามวันแล้ว”
“แล้วจะกลับเมื่อไหร่ครับ”
“น่าจะอีกนาน พราวสมัครงานไว้ มีหลายบริษัทติดต่อมา ถ้าผ่านสัมภาษณ์ คงจะอยู่ทำงานที่โน่นเลย นี่พราวเค้าไม่ได้บอกณนต์เหรอ”
ปราณนต์อึ้งไป
“ปละเปล่าครับ...ไม่ได้บอก” ปราณนต์เศร้า “พราวไม่ได้บอกอะไรเลยครับ”
ณ สวนสวยที่มิวนิค พริบพราวเดินเหงาๆ อยู่ลำพัง ใบไม้ในสวนกำลังเปลี่ยนสี พริบพราวมองไปรอบๆ เมื่อเห็นคนเดินเป็นคู่ๆ เธอก็คิดถึงปราณนต์ขึ้นมาจับใจ
ทะเลไทยสงบสวยงาม อวัศยายืนเศร้าๆ เหงาๆ อยู่หน้ารีสอร์ทขนาดกลางๆ สวยงามเก๋ไก๋ อรุณเดินมามองหา พอเห็นอวัศยายืนอยู่อรุณก็ตะโกนเรียก
“ศยา หิวหรือยัง ยายให้เด็กตั้งโต๊ะแล้วนะ”
อวัศยาหันมาหายาย “ยังไม่หิวค่ะ”
อรุณเดินมาหา “ยายดีใจนะที่หนูลาออก และกลับมาช่วยงานยาย .. แต่ยายแค่เสียดาย” อรุณมีสีหน้าเสียดายมาก “ทำไม๊..ทำไม ทำไมต้องเลิกกับพ่อลิป ผู้ชายดีๆ น่ารักแบบนั้น หาไม่ได้อีกแล้วนะ หายากสุดๆ”
อวัศยาตัดบท “ยายคะ” อวัศยาทำหน้าตาอ้อนวอนเพราะไม่อยากให้พูดถึง
“อะๆ ยายไม่พูดถึงพ่อลิปก็ได้ .. เฮ่อ .. ก็แค่เสียดาย งั้นยายไปเดินเล่นดูรอบๆรีสอร์ทก่อนนะ เออ นี่ จะให้ยายเรียกประชุมผู้จัดการเมื่อไหร่ก็บอกนะ ยายอยากจะรีบประชุมและโยน เอ้ย ฝากงานให้ศยาดูต่อเต็มทีแล้ว” อรุณยิ้มแล้วก็จับหัวหลานสาวด้วยความเอ็นดู “ส่วนเรื่องผู้ชายไม่ต้องห่วงนะ ยายมีในสต๊อกอีกเพียบ จะให้เรียกมาดูตัวเมื่อไหร่ บอกเลย ยายจัดให้”
อรุณหัวเราะอารมณ์ดีแล้วก็เดินไปดูงานต่อ อวัศยาได้แต่ยิ้มรับขำๆ ซึ่งเป็นความขำที่แทรกความเศร้าอยู่นิดๆ คล้อยหลังยาย อวัศยาก็หายถอนใจ ทันใดนั้น เสียงไลน์เข้าก็ดังขึ้น อวัศยาเฉยๆ คราวนี้ดังต่อกันอีก สี่ครั้ง ห้าครั้ง จนอวัศยาเริ่มหงุดหงิด
“ใครส่งมาแต่เช้าเลย”
อวัศยากดดูแล้วก็งง
หน้าจอขึ้นเป็นรูปเงาผู้ชายย้อนแสงอาทิตย์ใช้ชื่อ “Silhouette”
“ซิลลูเอท ใคร”
ศยาเปิดเข้าไปอ่านแล้วก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“อะไรเนี่ย”
หน้าจอขึ้นเป็นกลอนภาษาอังกฤษ ยาวปรื๊ด
อวัศยาอ่านแล้วก็ยิ้ม “ส่งกลอนภาษาอังกฤษมาให้เนี่ยนะ ใคร อารมณ์ไหน”
อวัศยาส่ายหน้าแล้วก็ไม่สนใจ ทันใดนั้นก็กระถินก็วิ่งหน้าเริ่ดมาหา
“คุณศยาคะ...มีคนมาขอพบค่ะ”
อวัศยาหันไปด้วยความแปลกใจว่าเป็นใคร
แจนกับอวัศยานั่งคุยกันอยู่ที่ซุ้มดอกไม้มุมสวยของรีสอร์ท แจนยื่นเอกสารให้อวัศยา
“นี่ค่ะ..เอกสารที่จะทำให้คุณศยาเข้าใจอะไรๆ ดีขึ้น” แจนบอก
อวัศยาหยิบมาดู “เอกสารรับรองบุตร”
“ค่ะ ตอนนี้แจนกับ “สามี” กลับมาคืนดีกันแล้ว เราไม่ต้องใช้ชื่อลิปมารับรองความเป็นพ่อแล้วค่ะ”
“สามี อ้าว แล้ว..บอสไม่ใช่เหรอคะ”
แจนหัวเราะ “ไม่ใช่ค่ะ..เราสองคนเคยเป็นแฟนกัน คบกันตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง แต่เราเลิกกันตอนปีสุดท้าย และแจนก็มาแต่งงานกับสามี แต่มีปัญหาก็เลยเลิก ตอนนั้นแจนตั้งท้องน้องเจมส์ แจนไม่อยากใส่ชื่อสามี ก็เลยขอให้ลิปมาเป็นพ่อ”
อวัศยาอึ้ง
แจนเล่าต่อ “ตอนนี้แจนกับสามีปรับความเข้าใจกันแล้ว แจนเลยถอนชื่อลิปและใส่ชื่อสามีที่เป็นพ่อตัวจริงแทน และอีกไม่กี่วันเราก็จะย้ายไปอยู่ด้วยกันที่อังกฤษค่ะ”
อวัศยายังอึ้งอยู่ แจนถอนหายใจ
“เฮ่อ !! ได้พูดความจริงสักที แจนอึดอัดเก็บเรื่องนี้มานานแล้วค่ะ แต่ลิปขอร้องไม่ให้บอกคุณ”
“ทำไม”
“เค้าคิดว่ามันไม่มีประโยชน์เพราะคุณศยากำลังคบกับน้องณนต์ บอกไปก็ไม่ได้ทำให้คุณศยาหันมารักเค้า..เค้ายอมที่จะให้คุณเข้าใจผิดและ“แอบรัก”คุณต่อไป”
อวัศยาอึ้ง “บอสเนี่ยนะคะ “แอบรัก” ฉัน”
“นี่คุณศยาไม่รู้ตัวเลยเหรอคะ บอสเค้าแอบรักคุณศยามาตั้งแต่เริ่มทำงานด้วยกัน เค้าเล่าถึงคุณตั้งแต่วันแรกที่เจอ และก็พูดถึงบ่อยมากๆๆ”
“แต่บอส..สาวตรึมจะตาย เค้าจะมาชอบฉันได้ยังไง” อวัศยาจับแว่นด้วยอาการไม่มั่นใจ
แจนขำ “ที่ลิปคบคนโน้นคนนี้ แต่ไม่มีใครที่เค้าคบได้นานเลยนะคะ เพราะผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในใจเค้าคือคุณ”
อวัศยาใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น แจนสรุป
“ลิปเค้า “แอบรัก” คุณ ศยามานานแล้วนะคะ และทุกวันนี้ก็ยังคงแอบรักอยู่” อวัศยาอึ้ง “แจนจะมาเพื่อพูดแค่นี้หล่ะค่ะ เสร็จสิ้นภาระกิจแล้ว..แจนขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“เอ่อ...ค่ะ .. ขอบคุณค่ะ”
แจนยิ้มๆ แล้วก็เดินกลับไปด้วยความสบายใจ อวัศยายังนั่งอึ้งอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงข้อความดังขึ้นมาอีก ตรึ่ง ๆ อวัศยาชะงักกึกแล้วรีบหยิบมาอ่าน
“ซิลลูเอท อีกแล้วเหรอ”
อวัศยาเริ่มจะเอะใจจึงรีบลุกขึ้นเดินไปอีกมุม
อ่านต่อหน้าที่ 2
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 15 (ต่อ)
อวัศยากดอ่าน หน้าจอขึ้นข้อความ
“ขอโทษครับ ลืม ส่งภาษาไทย”
อวัศยาขมวดคิ้ว แล้วก็อ่านต่อ
“เจ็บที่รักแล้วไม่ได้รับรักตอบ .. แต่เจ็บยิ่งกว่าถ้าชอบแล้วไม่กล้าเผยใจ”
อวัศยาขมวดคิ้วแล้วก็ยิ่งสงสัยหนัก เธอรีบอ่านต่อทันที
“... ยินเสียงใดไพเราะนั่นคือเสียงเธอ ... เมื่อใดได้กลิ่นหอมรัญจวนคือเธออยู่ใกล้”
อวัศยาเริ่มหยุดคิด ภาพตอนที่เธออยู่กับลิปดาแทรกซ้อนเข้ามาในบทกลอน
อวัศยานึกถึงตอนที่หัวเราะด้วยกัน
“เมื่อใดที่บรรเลงเพลงอันไพเราะ นั่นคือเพลงของเรา”
นึกถึงตอนที่นั่งกินอาหารบนตึกสูงสวยงาม
“เมื่อใดที่เห็นทัศนียภาพอันสวยงาม คือ ยามที่ฉันมองหาเธอ”
นึกุึงตอนที่นอนอยู่เตียงเดียวกันในวันที่ลิปดาเมา
“คืนใดที่ฉันฝันดี คืนนั้นฉันอยู่กับเธอ”
นึกถึงตอนที่อยู่ด้วยกันในคอนโดมีเนียม
“เมื่อใดที่ฉันคิดถึงชีวิตอันงดงาม .. มันคือความทรงจำเกี่ยวกับเธอ”
อวัศยาอึ้ง ในใจแอบคิดว่า “ลิปดา” หรือเปล่า
คำพูดแจนดังก้อง
“ลิปเค้า “แอบรัก” คุณ ศยามานานแล้วนะคะ และทุกวันนี้ก็ยังคงแอบรักอยู่”
อวัศยานึกถึงตอนที่ลิปดาให้คุยโทรศัพท์กับแม่ ตอนที่นางแบบมาลุยที่ห้อง และบอกว่าไม่เคยพาใครมาที่ห้องนอกจากอวัศยา
อวัศยาคิด เธอมองโทรศัพท์แล้วตัดสินใจพิมพ์ข้อความกลับไป
“สวัสดีค่ะ”
โทรศัพท์ลิปดามีข้อความตอบกลับ ลิปดากับปราณนต์นั่งอยู่ด้วยกันด้วยอาการลุ้นๆ
ลิปดารีบคว้ามาดูแล้วก็พูดด้วยความตื่นเต้น “ตอบกลับมาแล้ว”
ปราณนต์ดีใจ “เยี่ยม บอสตอบกลับไปเลย แต่เดี๋ยว...อย่าเพิ่งรีบ รอแป๊บนึง .. ทิ้งช่วงหน่อย”
ลิปดาชะงักรอ เสียงนาฬิกาดังติ๊ก ต๊อกๆ ประมาณ ๑๐ วินาที
“โอเค ส่งเลย” ปราณนต์บอก
“โอเค” ลิปดาจะส่ง “เดี๋ยว จะส่งอะไร ผมไม่เคยแชตกับผู้หญิงแบบต้องเป็นคนอื่น”
“ก็แชตยังไงก็ได้ ไม่ให้พี่ศยารู้ว่าเป็นบอส”
“โอเค... คิดก่อน .. นึกออกแล้ว”
ลิปดาตั้งใจมากแล้วก็พิมพ์กลับไปว่า “สวัสดีครับ”
ปราณนต์อ่าน “สวัสดีครับ โธ่ บอส คิดตั้งนาน ได้แค่เนี้ย”
“อ้าว แล้วจะให้ส่งว่าไง” ลิปดาย้อนถาม
ทันใดนั้นก็มีข้อความมาอีก
“เฮ้ย มาอีกแล้ว” ลิปดารีบกดอ่าน “เรารู้จักกันหรือเปล่าคะ”
“นั่นไง..ตอบกลับมายาวขนาดนี้ แสดงว่ามีใจ” ปราณนต์เชียร์
“เฮ้ย แค่เนี้ยะ รู้เลยเหรอ” ลิปดางง
“รู้ !! เชื่อผม ถ้าพี่ศยาไม่สนใจ บล็อคนายซิลลูเอทไปแล้ว แต่นี่ทักกลับ และ ชวนคุย แสดงว่ามีใจชัวร์ บอสลุยต่อได้เลย ตามแผน !! คุยอะไรก็ได้ แต่อย่าให้รู้ว่าเป็นบอส”
ลิปดาคิดหนักแล้วก็ลุกขึ้น
“โอเค...เข้าใจแล้ว” แล้วลิปดาก็กดส่งไป
ลิปดากดส่งข้อความตรึ่ง
อวัศยารอข้อความ เสียงข้อความเข้าดังขึ้น อวัศยารีบกดอ่าน
“ไม่ครับ..คงจะไม่รู้จักกัน” อวัศยาคิด “ไม่จริง” อวัศยาพิมพ์กลับไป “ถ้าไม่รู้จักแล้วคุณเป็นใคร ทำไมส่งข้อความมาหาฉันได้”
ข้อความเข้า ลิปดารีบเปิดอ่าน
“ทำไม ทำไม” แล้วลิปดาก็รีบกดส่งข้อความไป “เราอาจจะเคยคุยกันทางโทรศัพท์ แล้วมันก็เชื่อมต่อมาที่ไลน์ ผมก็เลยเห็นคุณ .. โลกของเทคโนโลยีทำให้เราติดต่อกันง่ายขึ้น แต่ “รู้จัก” กันน้อยลง”
อวัศยากดอ่านแล้วก็ยิ้ม “เห็นด้วย”
“ก็จริง คนบางคนที่เราแชตด้วย คุยด้วยทางออนไลน์เหมือนสนิทสนม รู้ใจ แต่ในความเป็นจริง เรากลับไม่รู้จักเค้าเลย”
ลิปดารีบกดอ่านแล้วก็ยิ้ม ๆ
ปราณนต์เห็นลิปดาอ่านไปยิ้มไปและเริ่มแชตกันไปมา ปราณนต์ก็ยิ้มตาม
ปราณนต์พูดเบาๆ “สู้ๆนะครับบอส”
ปราณนต์ค่อยๆ ถอยออกมาแล้วเดินออกไป
ลิปดาพิมพ์ข้อความส่งไป
อวัศยากดอ่าน
“แต่ตอนนี้คุณกำลังทำความรู้จักผม .. และผมก็กำลังทำความรู้จักคุณ .. อย่างแรกที่ผมรู้ คุณน่าจะชอบกลอนที่ผมส่งมา” อวัศยายิ้มแล้วพิมพ์ตอบ “เดาเก่งมากค่ะ ใช่ค่ะ..ฉันชอบกลอนของคุณ”
ลิปดาเดินไปอ่านไป ยิ้มไป พิมพ์ตอบกลับไป
“ตามความเชื่อของผม มีคนอยู่สองประเภทที่จะซาบซึ้งกับกลอน คือ คนมีความรัก และ คนอกหัก .. คุณเป็นประเภทไหน”
ลิปดากับอวัศยาคุยกันผ่านทางมือถือ ด้านหลังอวัศยาคือทะเล ส่วนด้านหลังลิปดาคือเมือง
อวัศยาคิดแล้วพิมพ์ตอบ “ฉันคงเป็นทั้งสองประเภทพร้อมๆกันมั้งคะ”
ลิปดายิ้ม แล้วก็ตอบกลับไป
“คุณเป็นทั้งสองประเภท ส่วนผม...ไม่เป็นทั้งสองแบบครับ ผมแค่ชอบอ่านกลอน และแบ่งปันให้คนอื่นๆ แต่ไม่รู้ว่าจะส่งให้ใคร เลยส่งไปตามไลน์คนที่คิดว่าอาจจะชอบ แล้วผมก็เจอคุณ .. เอาหล่ะ ผมเล่าเรื่องของผมแล้ว คุณเล่าเรื่องคุณบ้าง”
อวัศยาอ่านแล้วก็ขมวดคิ้ว
“ทำไมฉันต้องเล่าด้วย เราไม่รู้จักกันสักหน่อย”
ลิปดาคิดๆ แล้วก็ยิ้มก่อนจะพิมพ์กลับไป
“เพราะไม่รู้จักนี่แหละครับ ถึงเล่าได้ เรื่องบางเรื่องมันยากที่จะเล่าให้คนใกล้ตัวฟัง แต่กับคนไกลตัว ไม่รู้จัก ไม่เห็นหน้า เรากลับสบายใจที่เล่ามากกว่า .. อีกอย่างถ้าคุณไม่อยากคุยกับผมตั้งแต่แรก คุณคงไม่ส่งข้อความกลับมา”
อวัศยาเบ้หน้าแล้วก็ยิ้มๆ ก่อนจะพิมพ์กลับไป
“คุณเจ้าเล่ห์เหมือนใครคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก เค้าเป็น..บอสฉันเอง แต่ฉันเพิ่งลาออก ก็เลยกลายเป็นอดีตบอส”
ลิปดาหัวเราะแล้วก็ชะงัก
“เฮ้ย เราต้องไม่ทำให้รู้ว่าเป็นเราสิ เอาใหม่ๆ” ลิปดาพิมพ์ส่งไป “ไม่หรอกครับ คนอย่างผมไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนแน่นอน ว่าแต่ว่า .. คุณจะเริ่มเล่าหรือยังครับ ผมอยากรู้จะแย่อยู่แล้ว”
อวัศยาจะพิมพ์แต่ก็ชะงักไว้
“ไม่ดีกว่า..ปล่อยให้รอไปก่อน”
อวัศยายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก็ปิดมือถือ เก็บใส่กระเป๋ากางเกง
ลิปดารอแต่อวัศยาก็ไม่ตอบ แล้วเขาก็เริ่มเก็ท
“จะแกล้งให้รอใช่มั้ยหล่ะ ... ได้...รอก็ได้…เข้าใจแหละว่าคนติดแชตเป็นยังไง”
ลิปดาหัวเราะฮึๆ อย่างรู้ทัน เขารู้สึกสนุกแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ปราณนต์ขี่จักรยานมาตามทางอย่างเหงาๆ เพราะคิดถึงพริบพราว เสียงคุยโทรศัพท์กับแววดังแทรกเข้ามาในความคิดเพื่อย้ำว่าพริบพราวไปแล้ว
“พริบพราวไปเยอรมัน เหรอครับ”
“จ้ะ ไปได้สองสามวันแล้ว ... พราวสมัครงานไว้ มีหลายบริษัทติดต่อมา ถ้าสัมภาษณ์แล้วผ่าน คงจะอยู่ทำงานที่โน่นเลย”
ปราณนต์ขี่จักรยานด้วยความเศร้า
ในขณะที่พริบพราวก็ขี่จักรยานเหงาๆ อยู่ในสวนด้วยความคิดถึงปราณนต์ไม่ต่างกัน
พริบพราวและปราณนต์ขี่จักรยานอยู่ในสวนต่างที่แต่ในใจก็ยังคิดถึงและรอวันมาเจอกัน
ปราณนต์ขี่มาถึงหน้าบ้านแล้วก็ชะงัก เพราะเห็นคนที่ยืนรออยู่
“รุ้ง ....”
รุ้งลดายืนอยู่ที่หน้าบ้านข้างๆ รถตัวเอง รุ้งลดาเดินมาหา
“รุ้งจะมาลาน่ะณนต์”
ปราณนต์ถาม “ลาไปไหน”
“รุ้งได้งานที่เชียงใหม่ ตอนนี้ย้ายของไปหมดแล้ว คงไม่ค่อยได้มากรุงเทพ .. ถ้าณนต์ไปเชียงใหม่ก็ติดต่อรุ้งได้ค่ะ” แล้วรุ้งลดาก็รู้ตัว “แต่...ณนต์คงไม่อยากติดต่อรุ้ง..รุ้งเข้าใจ”
ปราณนต์ไม่ตอบแต่พูดเรื่องอื่น “รักษาตัวด้วย ขอให้โชคดี”
“ขอบใจมาก..เอ่อ..ณนต์..รุ้งขอโทษสำหรับทุกอย่างที่เคยทำไม่ดี ฝากขอโทษพริบพราวด้วย รุ้งติดต่อเค้าไม่ได้เลย .. ถ้าณนต์ได้คุยกับเค้าบอกว่ารุ้งขอโทษ .. รุ้งอาจจะเคยไม่ชอบหน้า หมั่นไส้ ต่างๆนานา แต่ตอนนี้รุ้งไม่คิดแบบนั้นแล้ว”
ภาพตอนที่รุ้งลดาโดนองศาทำร้ายและพริบพราวเข้ามาด่าย้อนกลับมา
รุ้งลดายิ้มและพูดต่อด้วยความประทับใจ
“พราวเป็นผู้หญิงที่น่ารักนะณนต์ .. แปลกๆ แต่ถือว่าเป็นคนที่ดีคนนึง รุ้งไม่รู้ว่าเกิดอะไรระหว่างณนต์กับเค้า แต่ถ้าปรับความเข้าใจกันได้ รุ้งก็อยากให้ณนต์ทำ” รุ้งลดาจับมือปราณนต์ “รุ้งก็ขอให้ณนต์โชคดีเช่นกัน .. รักษาตัวด้วย”
รุ้งลดามองปราณนต์ด้วยความปรารถนาดีเหมือนเพื่อนที่มองกัน ปราณนต์ยิ้มรับนิดๆ รุ้งลดาปล่อยมือและจากไป ปราณนต์คิด
ปราณนต์เปรยเบาๆกับตัวเอง “ถ้าพราวอยู่ให้ปรับความเข้าใจกันก็ดี ... เฮ่อ”
ปราณนต์คิดถึงพริบพราวแต่ไม่รู้จะทำยังไง
กลางดึก เสียงข้อความเข้ามือถือลิปดาดังขึ้น ลิปดารีบคว้ามาดูเห็นว่าเป็นอวัศยา
“มาแล้ว” ลิปดาอ่าน “เรื่องของฉันเกิดขึ้นไม่นานมานี้ .. มีผู้ชายสองคนเข้ามาในชีวิต ฉันจะเรียกว่า มิสเตอร์ P กับ มิสเตอร์ L ก็แล้วกัน”
อวัศยานั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนโดยพิมพ์ไปยิ้มไป
“เรื่องมันเริ่มจาก..ฉันแอบรักมิสเตอร์ P”
ลิปดาเดินมานั่งที่เตียงแล้วอ่านข้อความไปด้วย
“แต่มีเหตุขัดข้องบางอย่างทำให้ฉันบอกเค้าไม่ได้ แต่คนที่ฉันคุยด้วยมากที่สุดคือ มิสเตอร์ L” ลิปดายิ้ม “มันเป็นความผูกพันที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว”
ลิปดารีบพิมพ์กลับไป “ผมว่าคุณรักมิสเตอร์ L คุณไม่ได้รักมิสเตอร์ P”
อวัศยายิ้มเหยียดพร้อมคิดในใจว่า “หนอย ชิๆ อีบอสแน่ๆ”
“ทำไมคะ คุณรู้จักเค้าหรือไง ถึงได้กล้าฟันธง และถึงแม้ฉันจะรักมิสเตอร์ L แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะหัวใจของมิสเตอร์ L ไม่ได้ว่างสำหรับฉัน เค้ามีคนรักอยู่แล้วค่ะ”
ลิปดาส่ายหน้า
“มิสเตอร์ L เนี่ยนะ มีคนรักแล้ว ใครครับ ? แล้วคุณรู้ได้ยังไง ? คิดไปเองหรือเปล่า”
อวัศยาหัวเราะเบาๆ
“ร้อนตัว ขึ้นมาเชียว” อวัศยาคิดแล้วก็พิมพ์ตอบด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “ไม่ได้คิดไปเองค่ะ..ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนเก่าของเค้า ทั้งสองคนยังคบกันอยู่ และมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ฉันเลยถอยห่าง ไม่เข้าไปยุ่งกับเค้า”
ลิปดาขมวดคิ้ว
“ไม่นะ เราส่งแจนไปเคลียร์เรื่องนี้แล้ว ... ศยารู้แล้วว่ามันไม่จริง ทำไมยังคิดว่าเราเป็นพ่อเจมส์” ลิปดาคิดแล้วก็ยิ้ม “รู้แล้ว...จะมาลักไก่เราหล่ะสิ ไม่หลงกลครับ” ลิปดาพิมพ์กลับไป “ผมว่าคุณเข้าใจผิดถ้าเค้ายังรัก เค้าจะมายุ่งกับคุณทำไม”
อวัศยารีบตอบกลับไป
“เพราะฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเค้า เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ เค้าไม่เคยคบใครนาน ยกเว้นผู้หญิงคนนี้ที่ยังเป็นคนใกล้ชิด ฉันเหมือนคนไม่มีค่า ฉันเลยตัดใจจากมิสเตอร์ L จอมเจ้าชู้” ลิปดาอ่านต่อแล้วก็สะดุ้งนิดๆ
“ฉันพยายามกลับไปรักมิสเตอร์ P รักเค้ามากๆ ให้สมกับที่เขาดีกับฉัน ฉันเหมือนหนีร้อนมาพึ่งเย็น แต่เอาจริงๆ .. มันไม่ใช่เลย”
ลิปดาพิมพ์กลับไป “คุณกำลังหลอกตัวเอง และหลอกมิสเตอร์ P ว่าคุณรักเค้า”
อวัศยายิ้มนิดๆ เพราะรู้สึกสบายใจแบบแปลกๆ ที่ได้คุยกับมิสเตอร์ซิลลูเอท
“คุณจะรู้จักฉันมากไปแล้วนะคะ .. คุณซิลลูเอท .. คุณเป็นใครกันแน่”
ลิปดายิ้มแล้วก็ไม่ตอบ เธอวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว
“ไม่ตอบ !! ปล่อยให้รอซะบ้าง ฮึๆๆ”
อวัศยารอ สักพักเธอก็รู้ทัน “ไม่ตอบ จะแกล้งให้เรารอหล่ะสิ ฮึๆๆๆ ไม่รอย่ะ !! อยากตอบเมื่อไหร่ก็ตอบมาแล้วกัน”
อวัศยายิ้มรู้ทันแล้วก็หันไปปิดไฟเตรียมเข้านอน เธอนอนบนเตียงโดยที่ข้างๆ มีโทรศัพท์วางอยู่ เสมือนเป็นตัวแทนลิปดาที่นอนอยู่ข้างๆ
ลิปดานอนบนเตียงโดยวางโทรศัพท์ไว้อีกด้าน เสมือนเป็นอวัศยาที่นอนอยู่
ต่างคนต่างนอนคิดถึงกัน โดยมีโทรศัพท์เป็นตัวแทน
อ่านต่อหน้าที่ 3
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 15 (ต่อ)
วันต่อมา จดหมายลาออกของปราณนต์วางไว้บนโต๊ะทำงานลิปดา
ลิปดาแปลกใจ “จดหมายลาออก”
“ครับ..ผมตัดสินใจแล้ว ผมอยากกลับไปเป็นวิศวกรเหมือนเดิม ตอนนี้ได้งานใหม่เรียบร้อยแล้วครับ”
“น่าเสียดาย..แต่ถ้าคุณตัดสินใจแล้ว..ผมก็ไม่ขัด..ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะ ถึงเราไม่ได้เป็นเจ้านายลูกน้อง แต่คุณก็เป็นเพื่อนผมคนนึง”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมยังไม่ไปจากชีวิตบอส เอ่อ..พี่ลิปแน่ เพราะภาระกิจของผมยังไม่เรียบร้อย” ปราณนต์ยื่นหน้าเข้ามา “สถานการณ์การแชตเป็นยังไงบ้างครับ พี่ศยายอมใจอ่อนหรือยัง”
ลิปดายื่นหน้ามาพูด “พี่ว่า...คงจะเกือบแหละ”
อวัศยาพิมพ์ไปวิ่งอยู่ริมชายหาดไป เธอโวยวายไปด้วยพิมพ์ข้อความไปด้วย
“ก็ฉันยังสับสนอยู่ไม่รู้หรือไง”
ลิปดาวิ่งที่ลู่ออกกำลังกายแล้วก็พิมพ์ไปต่อว่าไป
“คุณยังจะสับสนอะไรอีกหะ ? ผู้หญิงคนนั้นเค้าก็พูดออกมาชัดเจนแล้วว่าเค้าไม่มีอะไรกัน”
อวัศยาวิ่งอยู่ชายหาด พิมพ์ไปโวยไป
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง เก็บข้าวของไปหาเค้าที่กรุงเทพเลยหรือไง”
ลิปดาว่าไปเหนื่อยไป
“แล้วคุณจะรออะไรอยู่หะ ? หรือว่าเสียดาย มิสเตอร์ P ขึ้นมา เลยไม่กล้าไปหา มิสเตอร์ L”
อวัศยาหยุดวิ่งแล้วก็พิมพ์ไปด่าไปอย่างเดียว
“เอ๊ะ คุณซิลลูเอท วันนี้คุณเป็นอะไรหะ มาหงุดหงิดใส่ฉันทำไมเนี่ย”
ลิปดารู้ตัว
ลิปดาพูดกับตัวเอง “เออจริง..หงุดหงิดทำไมวะ”
ลิปดาวางโทรศัพท์แล้วปิดเครื่องวิ่งเลย “คุณพูดถูก วันนี้ผมหงุดหงิด .. ผมไปดีกว่า”
อวัศยาชะงัก
“เฮ้ย อะไรเนี่ย เอาแต่ใจแบบนี้ นิสัยบอสชัดๆ”
ลิปดาลงจากเครื่องวิ่งแล้วเดินอย่างหงุดหงิดออกไป
อวัศยาเริ่มคิด
“นายซิลลูเอทชักจะเอาแต่ใจมากไปแล้ว อยากรู้จริงๆนายคนนี้หน้าตาเป็นยังไง”
ปราณนต์เตือนลิปดา
“ใจเย็นๆครับพี่ลิป .. อย่าเพิ่งวู่วาม เดี๋ยวจะเสียแผน ที่พี่ศยายอมเล่าอะไรต่อมิอะไรออกมาขนาดนี้ แสดงว่าเค้าใจไว้พี่มาก ผมว่ารออีกแป๊บเดียว..รับรองว่าพี่ ศยาต้องเดินตามแผนเราแน่ๆ”
ลิปดาส่ายหน้า “เฮ่ออ รอ..รอ..รอไปถึงเมื่อไหร่ ผมว่าแผนนี้ไม่น่าจะเวิร์ค”
ทันใดนั้นก็มีเสียงข้อความเข้า ลิปดาหยิบมาดู
“ส่งมาแล้ว” ลิปดาอ่าน “ฉันไม่เคยถามคุณมาก่อนเลยว่าคุณเป็นใคร” ลิปดาเงยหน้ามองปราณนต์แล้วรีบอ่านต่อ “ทำไมคุณถึงดูสนอกสนใจเรื่องของฉันจัง”
“เข้าทางแล้วครับ รีบตอบกลับไปเลย” ปราณนต์เชียร์
ลิปดาพยักหน้า คิด แล้วพิมพ์กลับไป “คุณกำลังสงสัยในตัวผม”
ลิปดากับปราณนต์รอ
อวัศยาคิดแล้วก็ตอบกลับไป
“ฉันชักไม่ไว้ใจในตัวคุณ”
ลิปดาหน้าเสียแล้วก็รีบตอบ
“คุณอย่าพูดแบบนี้สิครับ ผมใจเสียนะ”
อวัศยาตอบกลับไป
“ฉันว่าตลอดมาฉันไว้ใจคนแปลกหน้าอย่างคุณมากเกินไป ฉันจะไม่พูดอะไรอีก จนกว่า ฉันจะรู้จักคุณมากกว่านี้”
ปราณนต์ตบโต๊ะผ่าง
“เข้าแผน พี่ลิปจัดการเลย”
ลิปดาพยักหน้าแล้วพิมพ์กลับไป “ถ้าได้เห็นหน้าผม..จะทำให้คุณไว้ใจผมมากขึ้นหรือเปล่า ? เห็นหน้าจริงๆนะครับ ไม่ใช่แค่ส่งรูป ถ้าคุณอยากเห็นหน้าผม ก็ออกมาพบกัน..คุณจะได้รู้ว่าผมน่าไว้ใจหรือเปล่า”
อวัศยาอึ้งแล้วก็คิดว่าจะเอาไงดี แล้วเธอก็พิมพ์กลับไป
“ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่กรุงเทพ”
ลิปดารีบตอบ
“ผมไปหาคุณเอง .. บอกมาว่าจะให้ไปหาที่ไหน ผมจะถือกุหลาบสีขาวหนึ่งช่อไปรอคุณ .. คุณเองก็อย่าลืมถือมาช่อนึงด้วย ผมจะได้รู้ว่าคนไหนคือคุณ”
ลิปดาส่งไป ปราณนต์ชูนิ้วชมว่า “สุดยอด”
อวัศยาอ่านแล้วก็คิดว่าจะเอาไงดี
ปราณนต์กับลิปดาลุ้น
อวัศยาตัดสินใจกดส่งไป
ข้อความเข้า ลิปดารีบกดอ่าน
“ตามนั้น !”
ปราณนต์ดีใจ “เยส !! เข้าแผน”
ลิปดาเริ่มคิด “เดี๋ยว...แน่ใจนะว่า ถ้าเจอกันแล้ว ผมจะรู้ว่าศยาคิดยังไงกับผมกันแน่”
“แน่นอนที่สุด ขอแค่พี่ศยามา รับรองว่าบอสจะได้คำตอบทุกอย่างที่บอสต้องการ”
“แล้วถ้าเค้าไม่มาหล่ะ”
ปราณนต์ชะงักแต่ก็พูดปลอบใจ
“แต่ผมว่ามา...ไม่ว่ายังไงพี่ศยามาแน่”
ลิปดาลุ้น
อวัศยาครุ่นคิดว่าเธอจะไปจริงๆเหรอ
อวัศยาเดินเข้ามาที่สวนริมทะเลพร้อมกับช่อดอกไม้ในมือ เธอมองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่พอจะเป็นซิลลูเอท แต่สวนทั้งสวนกลับว่างเปล่า เสียงข้อความเข้ามือถือดังขึ้น อวัศยารีบเปิดอ่าน
“ดอกไม้ที่คุณถือว่าสวยมาก..แต่ยังสวยน้อยกว่าคุณ” อวัศยารีบเงยหน้ามองไปรอบๆ และรีบกดส่งไปถาม “คุณอยู่ที่ไหน”
อวัศยาส่งข้อความและรอคำตอบ ข้อความเข้า
อวัศยารีบเปิดอ่าน “หันหลังมา..คุณจะได้เจอผม”
อวัศยาตื่นเต้นแล้วคิดในใจว่า ลิปดา ๆ ศยาหันหลังไปเห็นเงาของผู้ชายยืนเป็นซิลลูเอตอยู่ข้างหน้า อวัศยาหยีตา และเพ่งมองให้ชัดๆ ชายคนนั้นเดินเข้ามา จากเงาก็ค่อยๆเห็นเป็นหน้าคน
อวัศยาอึ้ง “ปราณนต์”
ปราณนต์ยืนอยู่โดยในมือถือดอกไม้ไว้หนึ่งช่อตามนัด
อวัศยาอึ้งและผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ศยา...ผิดหวังใช่มั้ยครับที่ผมเป็นนายซิลลูเอต” ปราณนต์ถาม
“เธอ...เธอทำอะไรของเธอ”
ปราณนต์ไม่ตอบแต่ถามกลับ “ถ้าเป็นผู้ชายอีกคน...พี่ศยาจะดีใจมากกว่านี้ใช่มั้ยครับ”
“พูดอะไรของเธอ ฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นด้วยนะ”
“ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมพูดจริงๆ เรื่องจริงที่พี่ศยาต้องยอมรับ .. ถ้านายซิลลูเอตเป็นพี่ลิปดา..พี่ศยาคงไม่ทำหน้าผิดหวังแบบนี้”
อวัศยาสะอึกเพราะปราณนต์พูดจี้ใจดำ
“เงียบแบบนี้ แสดงว่า “ยอมรับ” เพราะไม่เถียง” ปราณนต์บอก อวัศยาพูดไม่ออก
“หมดเวลาไร้สาระ ... ฉันจะกลับแล้ว” อวัศยาหันหลังจะเดินไป
ปราณนต์รีบบอก “แต่พี่ศยาคิดถูกนะครับ..เพราะซิลลูเอตที่แท้จริงแล้ว..คือพี่ลิปดาไม่ใช่ผม”
อวัศยาหันมาอีกที
ปราณนต์พูดต่อ “คนที่แชตจริงๆ คือ บอส ไม่ใช่ผม .. แต่ถ้าเปิดตัวว่าบอสเป็นซิลลูเอตตั้งแต่แรก บอสก็จะไม่ได้เห็นหน้าตอนพี่ศยาผิดหวัง”
“นี่เธอพูดอะไรของเธอ พี่เริ่มงงแล้วนะ จากงงจะเริ่มหงุดหงิด จากหงุดหงิดจะเริ่มเหวี่ยงแล้วนะ”
“โอเคครับๆ งั้นก่อนที่พี่จะเหวี่ยงใส่ผม .. บอสครับ..แสดงตัวเลยดีกว่าครับ..บอส”
ปราณนต์ตะโกนเรียกและมองไปทางด้านหลังอวัศยา อวัศยาหันหลังมองตาม
อีกหนึ่งเงาปรากฎขึ้นและเดินเข้ามาซึ่งเป็น “ลิปดา” จริงๆ อวัศยาอึ้ง
“นี่มันอะไรกัน” อวัศยามองปราณนต์และมองลิปดา “สองคนนี้รวมหันกันหลอกฉันเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ เห็นฉันเป็นตัวตลก เป็นอีโง่หรือไงหะ”
ลิปดาพูดกับปราณนต์ “ไหนบอกว่าเปิดเผยความจริงแล้วจะเข้าใจไม่โกรธไง”
อวัศยาพูดสวน “โกรธ “โกรธมากด้วย ว่างกันนักหรือไงหะ”
“พี่ศยาใจเย็นๆสิครับ ฟังผมอธิบายก่อน” ปราณนต์ช่วยพูด
“ใช่ฟังก่อน ไม่ใช่หลับหูหลับตาด่า ไม่ฟังเหตุผลแบบนี้” ลิปดาบอก
อวัศยาหันขวับแล้วเอาดอกไม้มาตีลิปดา “บอสด่าฉันเหรอ”
ลิปดาสะดุ้ง “โอ้ย ไม่ได้ด่าแต่..เตือน”
อวัศยาตีอีกที “เตือนก็เหมือนด่านั่นแหละ”
“อ้าวเฮ้ย !! อะไรเนี่ย ตีสองทีแล้วนะ ผมไม่ได้เป็นคนคิด คนคิดอยู่โน่น” ลิปดาชี้ไปที่ปราณนต์ “ไปตีคนโน้น”
อวัศยาหันไปตีปราณนต์ ปราณนต์สะดุ้ง “นี่แน่ะ ตัวต้นคิด คิดพิเรนทร์ๆแบบนี้ได้ยังไงหะ”
“ก็ผมบอกบอสว่า “พี่ศยารักบอส” แต่บอสไม่เชื่อ” ปราณนต์อธิบาย
อวัศยาปรี๊ดและหน้าแดงก่ำเพราะอาย “แล้วใครบอกว่าฉัน...รักบอส หะ” อวัศยาตีอีกที
ปราณนต์สะดุ้ง “โอ้ย ! นี่โกรธก็ตี อายก็ตี ผมเจ็บนะ”
ลิปดาหันหน้าอวัศยามาดู “เออ อายจริงๆ หน้าแดงก่ำเลย โดนจับได้ว่ารักผมแล้วอายเหรอ”
อวัศยากรี๊ด “ไอ้บ้าบอส ณนต์ด้วย” อวัศยาสะบัดหน้าออกจากมือลิปดา “บ้าทั้งสองคนเลย พอ ฉันจะไม่..ลดตัวลงไปเล่นกับเกมบ้าๆของผู้ชายบ้าๆสองคนแล้ว บ้าจริงๆ ฉันไม่น่ามาเลย”
อวัศยาปาดอกไม้ทิ้งแล้วก็เดินไปเลย ลิปดาอึ้งงง ปราณนต์รีบดันให้ลิปดาเดินตามไป
“บอสรีบตามไปเลย”
ลิปดารีบเดินไปตามแรงผลัก
อวัศยาเดินหน้าบึ้ง หน้าแดง เพราะทั้งโกรธทั้งอาย ลิปดารีบเดินตามมาแล้วดักไว้ อวัศยาหยุดแทบไม่ทัน
“ศยา..ฟังผมก่อน..ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าผมเป็นนายซิลลูเอต แต่..ผมทำเพราะผมอยากรู้ว่าคุณคิดยังไงกับผม”
“จะอยากรู้ไปทำไม”
“เพราะผมไม่อยากเสียคุณไป” ลิปดาบอก อวัศยาชะงัก “ผมยอมรับว่าผมขี้ขลาด ... ขี้ขลาดมาตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน”
ภาพตอนเจอกันครั้งแรก ซึ่งลิปดาประทับใจอวัศยาย้อนกลับมา
“ผมไม่กล้าแม้แต่จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกมา .. ถ้าคุณไม่ได้รักผม ผมไม่กล้าพอที่จะบอกว่า ผมรักคุณ”
อวัศยาอึ้ง ลิปดาสารภาพความรู้สึกออกมา
“ผมขอโทษ”
อวัศยาอึ้งแล้วก็ตบหน้าลิปดา เพี้ยะ ลิปดาหน้าหัน
ลิปดางง “คุณตบผมทำไม”
“ไม่รู้ !! รู้แต่ว่า..มันโกรธ มันต้องระบายออกอะไรสักอย่าง”
ลิปดามองหน้าอวัศยา แว่บนั้นเขาก็ดึงอวัศยามาจูบเลย อวัศยาตกใจ พอตั้งสติได้เธอก็รีบผลักออก
“คุ..คุณ ...” อวัศยาอึ้ง
“อย่าถามนะว่าผมจูบคุณทำไม ... เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่า...ผมรักคุณ..มันต้องแสดงออกอะไรสักอย่างให้รู้ว่ารัก”
อวัศยาอึ้งจนพูดไม่ออก
“คุณ...รักฉันจริงๆเหรอ ฉันไม่สวยนะ ไม่สวยเหมือนสาวๆของคุณ .. แล้วฉันก็อายุมากกว่าสาวๆพวกนั้น” น้ำตาอวัศยาเริ่มไหล “นมก็เล็ก ไม่เซ็กซี่สักนิด .. คุณรักฉันได้ยังไง”
ลิปดาขำ “ผมไม่ได้รักคุณที่ความสวย แต่ไม่ได้แปลว่าคุณขี้เหร่นะ .. โอเคคุณอาจจะ..หน้าอกไม่ใหญ่ ไม่เซ็กซี่..แต่คุณเป็นผู้หญิงที่ โคตรรรรร จะดีในความคิดผม .. คุณยืนเคียงข้างผมมาตั้งแต่วันที่ผมไม่มีอะไร ลำบากแค่ไหน คุณก็ไม่เคยทิ้งผม ผมรักคุณ..ที่คุณเป็นของคุณแบบนี้ .. รักมานานแล้ว และจะรักตลอดไป”
อวัศยาน้ำตาไหลพราก
“ผมรักคุณนะศยา..ถึงแม้ว่าคุณจะไม่รักผม..แต่มันไม่ทำให้ผมหยุดรักคุณ” ลิปดาบอก
อวัศยาพูดไปก็น้ำตาไหลไป “แล้วใครบอกว่าฉันไม่รักบอส !! ฉันก็ขี้ขลาดพอๆกับบอสนั่นแหละ .. ฉันไม่กล้ารับความรู้สึกของตัวเอง .. ไม่กล้าบอก ไม่กล้าแสดงออก ... ไม่กล้า”
อวัศยายังพูดไม่จบ ลิปดาก็พุ่งตัวเข้ามาจูบอวัศยาอีกครั้ง จูบครั้งนี้เนิ่นนานและสวยงามโดยไม่มีการปัดป้องหรือขัดขืน ลิปดาถอนจูบออกมาอย่างนุ่มนวล
“คุณไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นนะศยา..คุณคือคนพิเศษ คนสำคัญที่สุดของผม ขอให้คุณ“กล้า” เชื่อในตัวผม .. ผมจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง”
อวัศยาน้ำตาซึมๆ แล้วก็พยักหน้ารับ ลิปดาดึงอวัศยามากอดไว้อย่างอบอุ่น
ปราณนต์ค่อยๆเดินออกมามองดูทั้งสองคนกอดกันอย่างมีความสุข แล้วเขาก็ยิ้มที่ทั้งสองลงเอยกันจนได้
ปราณนต์เดินแยกออกมาคนเดียว เขานึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นแล้วก็ยิ้มมีความสุข เป็นความสุขแบบโล่งอกและสบายใจที่ช่วยได้สำเร็จแต่ปลายหางความรู้สึกกลับแอบเศร้ากับตัวเองเบาๆ
อรุณยิ้มจนหน้าบาน
“เข้าใจกันก็ดีแล้ว ยายหาฤกษ์แต่งงานเลยนะ” อรุณบอก
ลิปดารับคำ “ครับ”
“เฮ้ย !! อย่าเพิ่งค่ะ” อวัศยารีบบอก
“ทำไมหล่ะ หรือว่าคุณไม่อยากแต่งงานกับผม”
“มันก็อยาก แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ .. ฉันอยากช่วย “พราวกับณนต์” ก่อน”
อรุณงง
“พราวกับณนต์เป็นใคร”
อรุณค้างคาใจ แต่ไม่มีใครสนใจตอบ
“แล้วคุณจะช่วยยังไง” ลิปดาถามต่อ
“ก็ช่วยให้เค้าสองคนได้เจอกัน พอณนต์กับพราวเจอกัน เคลียร์กันเข้าใจกัน จะได้กลับมาคืนดีกันไง”
อรุณยังงง “เดี๋ยวๆ ทำไมต้องทำให้ณนต์กับพราวมาเจอกัน”
“มันไม่ง่ายเลยนะ”
“รู้..แต่เราก็ต้องทำ เหมือนที่ณนต์ช่วยให้ฉันกับบอสคืนดีกันแบบนี้ไง นี่บอสไม่คิดจะตอบแทนเค้าเลยหรือไง”
“ก็คิด .. แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง”
“ทำตามที่ฉันบอก..ฉันมีแผน”
อวัศยายิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ ในที่สุดอรุณก็โวยขึ้นมา
“แผนอะไร นี่ตกลงไอ้ณนต์เนี่ยมันเป็นใครหะ”
อรุณโพล่งขึ้นมาด้วยความทนไม่ได้
ปราณนต์นั่งดูรูปในมือถือซึ่งเป็นรูปถ่ายคู่กับพริบพราวในกิจกรรมต่างๆ ที่เคยทำตอนเป็นแฟนกัน ปราณนต์นั่งดูแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแล้วก็เศร้าด้วยความคิดถึง
ทันใดนั้นลิปดาก็โทรเข้ามา ปราณนต์กดรับ
“สวัสดีครับพี่ลิป ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ยครับ”
ลิปดายืนคุยโทรศัพท์อยู่ริมทะเล
“ดี ดีมากๆ เลย ขอบคุณอีกครั้งนะ..เออ..ณนต์ก่อนคุณจะไปเริ่มงานใหม่ ผมมีงานสุดท้ายให้คุณช่วย”
ปราณนต์สงสัย
“งานอะไรครับ”
อ่านต่อหน้าที่ 4
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 15 (ต่อ)
พริบพราวกำลังเดินคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่งของมิวนิค
“พี่ศยาจะให้พราวไปต้อนรับลูกค้า VIP ของนารากรเหรอคะ”
อวัศยายืนคุยโทรศัพท์อยู่ริมทะเล
“ใช่ คือลูกค้าคนนี้พี่ดูแลมานานแล้ว อาทิตย์หน้าเค้าจะไปเที่ยวมิวนิค พี่รู้จากบอสว่าพราวอยู่ที่นั่นก็เลยขอเบอร์ แล้วก็โทร.มาขอความช่วยเหลือน่ะจ้ะ..พี่รบกวนหน่อยนะ ลูกค้าคนนี้สำคัญมากๆ พี่อยากดูแลเค้าให้ดีที่สุด”
พริบพราวคิด
“ก็ได้ค่ะ แต่พราวก็ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับมิวนิคมากนักนะคะ”
ลิปดายืนคุยกับปราณนต์อยู่อีกมุม อวัศยาอยู่ด้านหลังห่างออกไป
“ไม่เป็นไร !! ณนต์ไปตามที่พี่บอก เดี๋ยวส่งรายละเอียดให้ พอดีบริษัทที่เค้าอยากให้เราไปช่วยปั้นเข้าตลาดหลักทรัพย์เค้ามีสาขาอยู่ที่โน่น เค้าอยากให้เราไปดู พอถึงมิวนิคแล้วจะมีคนรอต้อนรับ”
ปราณนต์หวั่นๆใจ แต่เขาก็จำได้ว่าพริบพราวอยู่เยอรมัน
เหตุการณ์ตอนที่ปราณนต์คุยโทรศัพท์กับแววย้อนกลับมา...
“พริบพราวไปเยอรมัน เหรอครับ”
“จ้ะ ไปได้สองสามวันแล้ว ... พราวสมัครงานไว้ มีหลายบริษัทติดต่อมา ถ้าสัมภาษณ์แล้วผ่าน คงจะอยู่ทำงานที่โน่นเลย”
ปราณนต์ตัดสินใจ “ได้ครับ ... ผมไปทำธุระแทนบอสเองครับ”
อวัศยายิ้มดีใจ
“ขอบใจมากนะพราว ขอบใจจริงๆ ฝากดูแลลูกค้าให้พี่ด้วยนะ อ้อ..อีกอย่างนึง..เดือนหน้าพี่จะแต่งงานแล้วนะ”
พริบพราวหน้าเสียและใจหายวาบ
“เหรอคะ...ดีใจด้วยนะคะพี่ศยา”
อวัศยายิ้ม ลิปดาวางสายแล้วเดินมาหาอวัศยา
“ขอบใจมาก..อ้อ..แล้วก็อย่าลืมโทร.ไปแสดงความดีใจกับบอสด้วยนะ” อวัศยาบอก ลิปดาเดินมาพอดี “เพราะพี่ลิปของพราวคือเจ้าบ่าวของพี่” อวัศยามองหน้าลิปดา “เค้าคือผู้ชายที่พี่จะแต่งงานด้วย”
อวัศยาวางสายไป ลิปดายิ้ม
“ปราณนต์ออกเดินทางอาทิตย์หน้า” ลิปดาบอก
“พริบพราวพร้อมรอต้อนรับ” อวัศยาพูด
ลิปดาตีมือ hi fiveกับอวัศยา “แผนการณ์เรียบร้อย”
“ที่เหลือก็แล้วแต่เค้าสองคน”
“คุณว่า..ณนต์จะพาพราวกลับมางานแต่งงานของเราสำเร็จมั้ย”
อวัศยาคิด
พริบพราวยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
“พี่ศยากำลังจะแต่งงานกับพี่ลิป Oh my Gosh !! ฉันมาแค่ไม่กี่วัน มันเกิดอะไรขึ้น”
พริบพราวอึ้งไปด้วยความรู้สีกทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น ทั้งสับสน และสงสัย
“แล้ว....ณนต์”
ปราณนต์เดินอยู่ที่สนามบินอย่างเท่ ปราณนต์คุยโทรศัพท์กับลิปดา
“ผมอยู่สนามบินแล้วนะครับพี่ลิป เอกสารทุกอย่างเรียบร้อยครับ พร้อมเดินทาง”
พริบพราวเดินคุยโทรศัพท์อยู่ที่ตลาดเพราะมาซื้ออาหาร
“โอเคค่ะพี่ศยา...พราวจะไปรอที่จุดนัดพบตามที่พี่บอกนะคะ หน้าสวน.... ตอนบ่ายสอง เอ่อ..บอกเค้าว่าพราวจะถือดอกกุหลาบสีแดงไปด้วยนะคะ”
ปราณนต์กำลังเดินเข้าต.ม
“ได้ครับ..ผมจะหาผู้หญิงที่ถือดอกกุหลาบสีแดง ที่ยืนอยู่ในสวน..... ตอนบ่ายสอง ไม่พลาดแน่ครับ”
พริบพราวทำท่าจะวางแต่เปลี่ยนใจเอ่ยถาม
“เอ่อ...พี่ศยาคะ...พราวสงสัย ที่พี่บอกว่าจะแต่งงานกับพี่ลิปไม่ได้อำพราวใช่มั้ยคะ”
“ไม่ได้อำ พี่จะแต่งกับบอสจริงๆ”
“แล้ว...ณนต์”
“โอ้ย รายนั้นเค้าสบายดี ไม่ต้องห่วง ลั้นลามาก เค้าเป็นคนทำให้พี่กับบอสเข้าใจกันด้วยซ้ำ ไม่ต้องห่วงเลย”
พริบพราวโล่งอก
“แล้วไปค่ะ..พราวนึกว่าณนต์เค้าจะเสียใจ ถ้าไม่เสียใจก็ดีแล้วค่ะ..งั้นแค่นี้นะคะพี่ ส่วนเรื่องลูกค้าไม่ต้องห่วงค่ะ พราวจะดูแลลูกค้าของพี่ศยาให้ดีที่สุดเลยค่ะ”
พริบพราววางสายไป อยู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก พริบพราวยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เครื่องบินแล่นลงจอดที่สนามบินในเยอรมัน ปราณนต์เดินออกมามองซ้ายมองขวาแล้วก็เดินไปที่ท่ารถบัสทันที
บรรยากาศในเมืองมิวนิคเต็มไปด้วยความคึกคักสนุกสนาน ต่างจากมิวนิคตอนที่พริบพราวมาถึงที่บรรยากาศเศร้าๆเหงาๆ
ปราณนต์เดินมาตามทางโดยมุ่งหน้ามาที่จุดนัดพบ
พริบพราวเดินมาถามทาง เธอเห็นร้านดอกไม้จึงเดินเข้าไป สักพักก็เดินออกมาพร้อมกับกุหลาบสีแดงหนึ่งดอก
ปราณนต์เดินตามทางโดยมุ่งหน้ามาที่สวนที่นัดหมาย
พริบพราวเดินมาถึงที่สวนเช่นกัน แต่อยู่คนละมุมกับปราณนต์
ปราณนต์และพริบพราวยืนรอผ่านเวลาจากที่คนคึกคักจนคนเริ่มซา รอบๆสวนก็ว่างเปล่าไม่
มีคนเหลือพริบพราวยืนอยู่คนเดียวกับดอกกุหลาบเหี่ยวๆ
พริบพราวยืนโทรศัพท์หน้าเซ็งๆ “พี่ศยาคะ...ลูกค้าพี่ศยาไม่เห็นมาเลยค่ะ”
อวัศยาที่คุยโทรศัพท์กับพริบพราวทำหน้าเหวอ เธอกับลิปดากำลังปิ้งบาร์บีคิวกินอยู่ที่ริมทะเล
“หะ เป็นไปไม่ได้” อวัศยารีบปิดโทรศัพท์และหันมาทางลิปดา “บอส ณนต์อยู่ไหน พราวบอกไม่ได้มาตามนัด”
“เฮ้ย ล่าสุดบอกว่าอยู่ที่สวนแล้วนะ” ลิปดาบอก
ทันใดนั้นปราณนต์ก็โทรมาพอดี ลิปดารีบหยิบมาดูชื่อ
“โทรมาพอดี” ลิปดารีบกดรับ “ณนต์อยู่ไหนแล้ว พ...” ลิปดาเกือบหลุดพูดชื่อ “เอ่อ..พนักงานต้อนรับเค้ารออยู่”
ปราณนต์ยืนอยู่ที่ประตูทางเข้า
“ผมก็อยู่ที่สวนที่นัดเจอกัน แต่ไม่เห็นมีผู้หญิงถือดอกกุหลาบแดงเลยนะครับ ตอนนี้สวนกำลังจะปิดแล้วด้วย ผมเลยเดินออกมาข้างนอก”
พริบพราวยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในสวน
“สวนนี้ไม่มีเวลาปิดนะคะ มันก็ไม่มีประตูด้วย อ๋อ หรือว่า...พราวรู้แหละ ลูกค้าพี่ ศยาไปรอคนละด้านกับพราวแน่ๆ”
ปราณนต์ยืนเหวอ “อ้าว”
พริบพราวอธิบาย
“คือสวนนี้มันใหญ่มาก มันมีทั้งส่วนเปิดทั้งวันทั้งคืน และ ปิดเป็นเวลา ที่พราวยืนรอมันคือ ด้านที่อยู่ข้างนอก”
ปราณนต์รีบถามลิปดา
“แล้วจะให้ผมทำยังไ ง ให้เดินไปหาตอนนี้มั้ยครับ”
พริบพราวส่ายหน้า
“ไม่ทันแล้วค่ะ” พริบพราวดูเวลา “นี่ก็เกือบสองทุ่มแล้ว คืนนี้พราวต้องรีบกลับไปเก็บกระเป๋า พรุ่งนี้มีนัดสัมภาษณ์งานที่เมืองอาร์มเซาแต่เช้า ขอโทษด้วยนะคะ”
อวัศยาปิดมือถือแล้วรีบหันมาถามลิปดา
“พราวต้องย้ายเมืองพรุ่งนี้เช้า เอาไงดี” อวัศยาถาม
ลิปดาคิดในขณะที่ปราณนต์ยังอยู่ในสาย “ตามไปเลย”
ปราณนต์ถามย้ำ
“บอสจะให้ผมย้ายเมือง ตามไปหาเจ้าของบริษัท”
“ใช่เพราะพอดีว่าเจ้าของบริษัทเค้าไปพักร้อนที่บ้านพักตากอากาศเมือง เดี๋ยวพี่ส่งรายละเอียดการเดินทางให้”
ลิปดาหันมาถามอวัศยา
“พราวจะไปเมืองชื่ออะไรนะ”
ปราณนต์ขับรถมุ่งหน้าไปเมือง Ramsau bei Berchtesgadenส่วนพริบพราวนั่งรถบัสส่วนตัว ทั้งสองคนมุ่งหน้าผ่านถนนสวยงามไปยังเมือง Ramsau bei Berchtesgaden เหมือนกัน
ปราณนต์จอดรถแล้วรีบโทรหาลิปดา
ลิปดารับโทรศัพท์ในขณะกำลังขนหนังสือแต่งงานมาวางบนโต๊ะเพื่อเตรียมงาน
“ไงณนต์.. สถานการณ์เป็นไงบ้าง”
ปราณนต์เดินคุยโทรศัพท์ไปรอบๆ ทะเลสาปอันสวยงาม
“ถึงอาร์มเซาแล้วครับ..พอดีผมเช่ารถขับมาเองเลยมาถึงก่อนเวลา พี่ลิปนัดลูกค้าไว้ตอนกี่โมงครับ”
ลิปดารีบเดินมาหาอวัศยา อวัศยากำลังโทรหาพริบพราวพอดี
“ศยา...นัดพราวไว้กี่โมง” ลิปดาปิดไมค์มือถือไม่ให้ปราณนต์ได้ยิน
“กำลังคุยพอดี แป๊บนะ” อวัศยาพูดโทรศัพท์ “ตอนนี้พราวอยู่ไหนแล้วจ้ะ”
ลิปดาพูดโทรศัพท์ “แป๊บนะณนต์ เออ แล้วนี่อยู่ตรงไหนของอาร์มเซา”
พริบพราวกำลังเดินไปคุยโทรศัพท์ไปอยู่ที่ทะเลสาปอีกมุม
“ตอนนี้พราวเดินเล่นอยู่ริมทะเลสาปค่ะ”
ลิปดากับอวัศยาพยักหน้ารับ..
ลิปดากับอวัศยาพยักหน้าแล้วพูดพร้อมกัน “อ๋อ เดินเล่นอยู่ที่ริมทะเลสาป”
ลิปดากับอวัศยาหันขวับมามองหน้ากันแล้วพูดพร้อมกัน
“ทะเลสาปอะไร แล้วอยู่ตรงไหนของทะเลสาป”
ปราณนต์ที่เดินอยู่กำลังจะตอบ
“อ๋อ ก็อยู่ตรงหน้า.....” ปราณนต์บอก
พริบพราวหันซ้ายหันขวาแล้วก็บอกทางโทรศัพท์
“อยู่ที่ข้าง ๆ...... ตรงหน้า...” พริบพราวบอกชื่ออาคารที่ปราณนต์อยู่
ลิปดากับอวัศยาตกใจ “เฮ้ย”
พริบพราวกับปราณนต์ตกใจ
“ณนต์” พริบพราวพูดใส่โทรศัพท์
ลิปดากับอวัศยาอึ้ง
เสียงปราณนต์พูดจากโทรศัพท์ “พราว”
ลิปดากับอวัศยามองหน้ากันแล้วก็พร้อมใจกันกดวางสาย
“หมดหน้าที่ของเราแล้ว” ลิปดาบอก
อวัศยาหันมาทางลิปดา “บอสคิดว่า..สิ่งที่เราทำ..มันไม่ได้สาระแนเกินไปใช่มั้ย”
อวัศยาเพิ่งจะมารู้สึกตัว
ปราณนต์และพริบพราวยืนเผชิญหน้ากันท่ามกลางบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยความสวยงาม เสียงวางสายดังมาจากมือถือของทั้งคู่ ปราณนต์กับพริบพราวพูดกับโทรศัพท์พร้อมกัน
“พี่ลิป /พี่ศยา”
ทั้งสองคนมองหน้ากันประมาณว่า “โดนแล้ว” ทั้งปราณนต์และพริบพราววางสาย และงุนงงว่าจะเริ่มยังไงดี
ปราณนต์เริ่มพูดก่อน “สวัสดี..ผมว่า...มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่เราสองคนมาเจอกัน”
“พี่ศยาให้ฉันมาต้อนรับลูกค้า VIP” พริบพราวบอก
“พี่ลิปให้ผมมาหาลูกค้า บอกว่าจะมีพนักงานมารอต้อนรับ”
“เมื่อวานคุณไปที่สวน.....หรือเปล่า”
“อย่าบอกนะว่าเมื่อวานคุณยืนรอพร้อมกับกุหลาบสีแดง”
พริบพราวพยักหน้า
“นั่นไง !! ผมก็คิดอยู่ว่ามันแปลกๆ แปลกตั้งแต่ส่งผมมาเยอรมัน ดีนะที่ผมโทรไปหาคุณที่บ้าน แม่คุณบอกว่าคุณอยู่ที่นี่ ผมเลยแอบเอะใจนิดๆ แต่ไม่คิดว่าแผนจะเนียนขนาดนี้ ผมว่า..คุณคิดผิดแล้ว”
“คิดผิดอะไร”
“คุณบอกว่า..พี่ศยาเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดสำหรับผม..ผมว่าไม่น่าจะใช่..พี่ศยาคงเป็นผู้หญิงที่ดีที่สำหรับพี่ลิปมากกว่า ส่วนผู้หญิงที่ดีที่สุดสำหรับผม..ยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้”
พริบพราวชะงักนิดๆ ทั้งสองมองตากัน ปราณนต์ตัดสินใจสารภาพ
“พราว..ผมขอโทษที่ผมพูดรุนแรงกับคุณ .. ผมขอโทษที่โกรธจนลืมคิดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม นั่นคือ...ความรักของเรา”
พริบพราวจุกและตื้อขึ้นมาเลย
ปราณนต์พูดต่อ “ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้ว ว่าคุณจะเคยสวมรอยเป็นแอบรัก หรือคุณจะเคยโกหกผม..หรือคุณจะเคยทำผิดพลาดอะไรมา..ผมยกโทษให้คุณทุกอย่าง..เพราะผมรู้แล้วว่าตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วย ผมมีความสุข .. และมันเป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากผู้หญิงที่ชื่อ “พริบพราว” ไม่ใช่แอบรัก หรือ ใครทั้งนั้น”
พริบพราวตื้นตันจนน้ำตาร่วง
“คุณคือผู้หญิงที่อยู่บนโลกความเป็นจริง ไม่ใช่จินตนาการที่บิดเบี้ยวหรือจินตนาการที่ผมเติมแต่งขึ้นมา .. ความดื้อรั้น ความไม่ยอมคน รักความยุติธรรม และกล้าหาญพอที่จะต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง...มันคือคุณ คือพริบพราวที่ผมรัก ผมเคยปล่อยให้คุณหลุดมือมาแล้วครั้งนึง ผมจะไม่ยอมให้คุณหลุดมือไปอีกเป็นครั้งที่สอง แต่งงานกับผมนะพราว”
พริบพราวปล่อยโฮออกมาเลย ปราณนต์ลุ้นรอคำตอบ
สักพักพริบพราวก็พยักหน้า “ค่ะ .. ฉันจะแต่งงานกับคุณ”
ปราณนต์ใจอ่อนยวบ เขาโผเข้าหาพริบพราวแล้วดึงพริบพราวเข้ามากอดไว้ด้วยความรัก ปราณนต์และพริบพราวยืนกอดกันอยู่ที่ริมทะเลสาปแสนสวยงาม พริบพราวร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของปราณนต์
อวัศยาเดินไปมาขาขวิดด้วยความเป็นห่วง ลิปดานั่งมองตาม เสียงข้อความเข้าดังขึ้นอวัศยารีบหยิบมาดู ที่หน้าจอขึ้นรูปปราณนต์กับพริบพราวถ่าย selfie คู่กันริมทะเลสาปอย่างหวานชื่นพร้อมกับตัวหนังสือ
อวัศยาอ่าน “ผมพาพราวกลับไปงานแต่งพี่ศยากับพี่ลิปได้แล้วนะครับ..แต่มีข้อแม้ว่า..พี่สองคนต้องมางานแต่งของเราด้วย” อวัศยายิ้มกว้าง “ตกลงนะครับ”
ลิปดารีบเดินมาสมทบ แล้วทั้งอวัศยากับลิปดาก็ร้องออกมาพร้อมกัน
“เยส !!”
“สำเร็จจนได้” อวัศยาดีใจ
“แสดงว่า...ผมให้ยายหาฤกษ์แต่งได้เลยใช่มั้ย”
“อื้อ” อวัศยาพยักหน้า
“ไชโย” ลิปดาพุ่งมาหอมแก้มอวัศยา
“ว้าย บอส”
“ผมรีบไปบอกยายเลยนะ” ลิปดาตะโกน “ยาย ยายครับ หาฤกษ์แต่งได้เลยครับยาย ศยาพร้อมแล้วค้าบ”
ลิปดาวิ่งตะโกนออกไปด้วยความดีใจสุดๆ อวัศยามองแล้วก็ขำ เธอหันกลับมาดูรูปอีกครั้งแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข รูปของปราณนต์กับพริบพราวหวานแหววและมีความสุขมากมาย
ปราณนต์กับพราว นั่งอยู่ในมุมสวยริมทะเลสาป
ภาพในอดีตย้อนกลับมา ตอนที่ปราณนต์กับพริบพราวในอดีตกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่กว่าจะผ่านกันมาได้
ปราณนต์กับพริบพราวกอดกันอยู่ริมทะเลสาปอย่างมีความสุข
อวัศยากับลิปดาเดินอยู่ริมทะเล ทั้งสองคนเดินจูงมือกันอย่างมีความสุข
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่อวัศยากับลิปดาต้องผ่านมาด้วยกันย้อนกลับมา
อวัศยากับลิปดายืนกอดกันอยู่ริมทะเลอย่างมีความสุข
บทความล่าสุดในบล็อคของอวัศยา “ในโลกของนักค้าหุ้น .. สิ่งที่เราต้องเจอตลอดเวลาคือ ข้อมูลที่เป็นจริง และ ข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อผลทางธุรกิจ..”
ภาพเหตุการณ์ต่างๆของทุกคนในการทำงานเจรจาทางธุรกิจแวบขึ้นมา
อวัศยานั่งพิมพ์บล็อกอยู่ที่ระเบียงรีสอร์ทในมุมสวย ลมพัดเบาๆ ข้างหน้าเป็นทะเลที่สวยงาม
“มาร์เก็ตติ้งต้องแยกแยะให้ได้ว่า..อะไรคือ ข้อมูลจริง อะไรคือข้อมูลหลอก เพื่อแนะนำให้ลูกค้าตัดสินใจลงทุนได้อย่างถูกต้อง”
ภาพเหตุการณ์ตอนที่ปราณนต์กับพริบพราวติดต่องานลูกค้าต่างๆ เช่น สวนของไกรสร,ขายงานที่ร้านกาแฟย้อนกลับมา
อวัศยาคิดแล้วก็พิมพ์ต่อ
“ไม่ต่างกับการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน เราทุกคนต่างตกเป็นเป้าหมายของการหลอกลวง .. โดยเฉพาะ “เทคโนโลยีที่มาในรูปแบบของการสื่อสาร” ที่มักหลอกให้เราเข้าใจผิด”
ภาพพริบพราว อวัศยา ปราณนต์ ลิปดา แสนดี รัน และลิลลี่ใช้โทรศัพท์ chat ย้อนกลับมา
อวัศยาคิดแล้วก็พิมพ์ต่อ
“เทคโนโลยีทำให้เราเข้าใจว่า...เรามีเพื่อนมากมาย”
หน้าจอมือถือของแสนดีเปิดหน้า IG มีคนเป็นเพื่อนแสนดี 658 คน แสนดีลงภาพตัวเองฮาๆ มีคนเข้ามากดไลค์และคอมเม้นท์อย่างรวดเร็ว
“ทำให้เราเข้าใจว่า….เราติดตามข่าวสารและรับรู้ความเป็นไปของเพื่อนตลอดเวลา”
ภาพ IG ลิลลี่กับรุจน์ในโรงพยาบาล ลิลลี่ยังอยู่บนเตียงเพราะเพิ่งคลอด รุจน์อุ้มลูกแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
“ทำให้เราเข้าใจว่า..เราอยู่ใกล้ครอบครัว และคนที่เรารัก”
ภาพยายอรุณกินข้าวคนเดียวที่รีสอร์ทถูกถ่ายลง IG อวัศยาเข้ามากดไลค์ให้
อวัศยานั่งพิมพ์อยู่ที่เดิม
“แต่ในความเป็นจริงแล้ว….ไม่ใช่เลย”
แสนดีนั่งอยู่คนเดียวในสวนสาธารณะโดยนั่งก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์
“เราไม่ได้มีเพื่อนมากมายเท่ากับตัวเลขที่ปรากฏ .. และหลายครั้งที่เราลืมไปว่าจริงๆแล้ว .. เราอยู่คนเดียว”
แสนดีมองข้างๆ พบว่าไม่มีใครอยู่ข้างๆ เลย
“การติดตามความเคลื่อนไหวของเพื่อนจากการดูแค่ภาพนิ่งผ่านเครื่องมือสื่อสาร...ไม่ทำให้เราหายคิดถึงเท่ากับการเจอกันจริงๆ”
ภาพใน IG เป็นรูปลิลลี่ รุจน์และลูก
เสียงเฮดังอย่างมีความสุข รันกับแสนดีแวะมาเยี่ยม ทั้งสองผลัดกันอุ้มหลานและแซวกันสนุกสนานมีความสุข
พริบพราวนั่งดูรูปปราณนต์ผ่านIGแล้วก็ยิ้มมีความสุข
พริบพราวเห็นปราณนต์ขี่จักรยานเข้ามาหาเธอ ทั้งสองคนพากันขี่จักรยานออกไปอย่างมีความสุข อวัศยามองรูปปราณนต์และพริบพราวในIGแล้วก็ยิ้มมีความสุข
“และการนั่งดูรูปคนที่เรารักผ่านทางมือถือ...ไม่ทำให้เรามีความสุขเท่ากับการที่เราได้อยู่กับเค้าในโลกความเป็นจริง”
ลิปดายืนอยู่ข้างๆ อวัศยาและจับมืออวัศยาไว้ด้วยความรัก อวัศยาหันมายิ้มมีความสุข
รูปใน IG เป็นรูปอรุณกินข้าว
อวัศยากับลิปดาเดินเข้ามาหาอรุณพร้อมกับอาหารมาเพิ่มเพราะเพิ่งมาจากกรุงเทพฯ อรุณดีใจ ศยาเข้ามากอดซ้าย ลิปดากอดขวา อรุณดีใจมีความสุขมากๆ ก่อนจะเรียกให้ทั้งสองกินข้าวพร้อมกัน
“ยายกินข้าวคนเดียวมาหลายวันแล้วมากินด้วยกัน มาๆ”
อวัศยากับลิปดานั่งกินข้าวกับอรุณอย่างมีความสุข
“ถ้าเราแยกแยะความเป็นจริงออกมาให้ได้ ไม่ปล่อยให้เทคโนโลยีหลอกเรา...เราจะใช้มันอย่างพอดี..และมีความสุข”
พริบพราวกับปราณนต์เดินอยู่ในสวนสวยแห่งหนึ่งที่เยอรมัน ต่างคนต่างปิดมือถือแล้วหันมายิ้มให้กันก่อนจะจับมือกันเดินคุยไปตามทาง
ลิลลี่ปิดมือถือ ปิดเฟสบุ๊ค หยุดอัพรูป แล้วหันมาอุ้มลูกที่นอนอยู่ข้างๆ อย่างมีความสุข
แสนดีที่นั่งอยู่ในสวนสาธารณะปิดเฟสบุ๊ค ปิดมือถือ แล้วลุกขึ้นมองไปรอบๆ ชมนกชมไม้พลันเหลือบไปเห็นหนุ่มหล่อกำลังวิ่งออกกำลังกาย เธอสบตากับเขาพอดีแล้วต่างคนก็ต่างเขิน
อวัศยานั่งพิมพ์บล็อกอยู่ที่ริมทะเล อวัศยายิ้มๆ
“ละสายตาจากจอสี่เหลี่ยมที่อยู่ในมือ แล้วมองไปที่คนที่เรารัก และรักเราบ้าง บางทีเค้าอาจจะกำลังรอสบตากับคุณอยู่ก็ได้นะคะ”
อวัศยายิ้มแล้วก็ปิดคอมพิวเตอร์มองไปที่ริมทะเลก็เห็นลิปดากำลังยืนรออยู่
อวัศยาเดินไปหา ลิปดายื่นมือมา อวัศยาส่งมือไปทั้งสองคนจับมือกันด้วยความรัก
มือของพริบพราวและปราณนต์จับกันอย่างอบอุ่น ทั้งสองคนเดินอยู่ในมุมสวยของเยอรมัน
“ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ตรงหน้าคุณ เพราะเค้าคือความจริงที่สุดแล้วค่ะ .. อวัศยา มาร์ตัวแม่”
พริบพราวกับปราณนต์และอวัศยากับลิปดามีความสุขกับคู่ของตัวเอง สุดท้ายทุกคนก็รักถูก
คู่ ถูกทิศและถูกทางซะที หลังจากที่สับสน งุนงง กันมานาน
จบบริบูรณ์