ฝันเฟื่อง ตอนที่ 15
ภายในโถงบ้านมณฑิรายามนี้ ทุกคนกำลังรอการมาถึงของขันหมากเจ้าบ่าว นายวง กับแม่เมียดนั่งเกร็งอยู่ที่โซฟาหรู แม่เมียดคันคะเยอตามเคย ส่วนนายวงเก๊กมาดแต่ดูน่าขันมากกว่าภูมิฐาน ได้ยินเสียงโห่แว่วๆ ดังใกล้เข้ามา
คุณต๋อยแดกกบาลหนึ่งดอก “ตื่นเต้นใช่ไหมคะคุณท่าน” นายวง แม่เมียดเคลิ้มพยักหน้า “จริงๆ ก็ไม่น่าตื่นเต้นนะ ปลอมตัวเล่นออกจะบ่อย”
นายวงยัวะ “มันใช่เวลามากัดกันไหมคุณต๋อย เกิดฉันเกร็งจนทำพลาดถูกเค้าจับได้ขึ้นมา เดี๋ยวก็เป็นเรื่องใหญ่”
“ก็เล่นให้มันเนียนสิ”
คุณต๋อยเดินเชิดหนีไปทางประตูตึกที่ขบวนกำลังจะเดินเข้ามา
ขบวนขันหมากแห่เข้ามาตามทางเดินก่อนถึงตัวตึกใหญ่ มีประตูเงินประตูทองกั้นไว้อีกชั้น ภูวเดชเดินแจ๋กลับมาร่วมขบวน สบตากับอิงอรยิ้มๆ
อาทิตย์ลอบมองภูวเดชกับอิงอรอย่างไม่ไว้ใจ รัฐรวีหยิบซองเงินจากอาทิตย์ส่งให้เพื่อนเจ้าสาว แล้วกระซิบถามอาทิตย์ด้วยความสงสัย
“เพื่อนคุณมณแต่ละคนไม่เหมือนคนใช้เลยว่ะ”
อาทิตย์กระซิบตอบ “ไม่แปลกครับคุณวี พี่มณก็ไม่เหมือน คนเราก็ชอบคบคนที่คล้ายๆ กันไงครับ”
รัฐรวีพยักหน้าเห็นด้วย มองสถานที่จัดงาน ตกแต่งอย่างสวยงาม “นี่คุณพ่อคุณแม่คุณวิไลลักษณ์คงจะรักคุณมณมากเลยนะ จัดงานให้ซะใหญ่โตอย่างกับงานหมั้นลูกสาวตัวเอง”
ภัสสร ซึ่งอยู่ใกล้อาทิตย์ชะงักกลัวรัฐรวีสงสัย
“พี่มณเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทคุณวิไลลักษณ์นี่ครับ” อาทิตย์รีบบอก
“เนี่ยเหรองานใหญ่ แม่ว่าก็ธรรมดา” ภัสสรแขวะ สีหน้าดูแคลนระดับนักแสดงนำ
วิไลลักษณ์ในชุดคุณหนูหรูไฮ เดินเข้ามาแล้วไหว้รัฐ ภัสสร และแม่ชื่น
“สวัสดีค่ะ”
สามคนรับไหว้ วิไลลักษณ์หันไปทางหนึ่งเห็นอิงอรเข้า ก็ดึงอาทิตย์มากระซิบถาม
“คุณอิงอรมาได้ยังไงคะเนี่ย”
“คุณหมอฉบังพามาน่ะครับ ผมรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ครับคุณวิไลลักษณ์”
“วิไลก็รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ค่ะ”
รัฐร้องเรียก “ ไอ้ทิตย์ มานี่สิ เดี๋ยวเจ้าบ่าวก็ไม่มีซองจ่ายประตูเงินประตูทองหรอก”
“ครับ” อาทิตย์บอกกับวิไลลักษณ์ “เดี๋ยวค่อยคุยกันนะครับ” แล้วรีบกลับเข้าขบวนไป
วิไลลักษณ์สีหน้ากังวล สังหรณ์ใจโดยประหลาด
ฝ่ายคุณหญิงหิรัญญิการ์ยืนคุยกับมณฑิราอยู่ชั้นบน
“ไม่ต้องกลัวแล้วนะลูก คุณภูเค้าคงอยากจะมาแสดงความยินดีกับเราจริงๆ เดี๋ยวป้าต้องลงไปข้างล่างก่อน” คุณหญิงเข้าไปจับมือหลานสาวที่หน้าเครียดอยู่ “วันนี้วันมงคลนะยัยมณ ทำใจให้สบาย เชื่อป้า ทุกอย่างต้องผ่านไปได้ด้วยดี”
คุณหญิงกอดมณฑิรา สักครู่คุณหญิงผละออกแล้วเดินลงบันไดด้านหลังไป
ใบหน้าสวยของมณฑิราฉายแววกังวล ระคนตื่นเต้น
ขบวนขันหมากเคลื่อนมาถึงบันไดหน้าตึกใหญ่ มีประตูเงินประตูทองกั้นอีกชั้น
อาทิตย์แซวเพื่อนเจ้าสาวที่กั้นประตู “ด่านกั้นประตูเงินประตูทองเยอะกว่าด่านคุ้กกี้รันอีกนะครับ! แต่ไม่เป็นไรครับ เจ้าบ่าวผมรวย เตรียมซองมาเยอะ”
ทุกคนเฮฮายิ้มแย้ม
“รีบเอาซองให้เค้าไปสิไอ้ทิตย์ คุณวีคงอยากเจอคุณมณเต็มที่แล้ว”
รัฐรวียิ้มที่แม่ชื่นรู้ใจ
อาทิตย์หยิบซองเงินให้ รัฐรวีส่งซองเงินให้เพื่อนเจ้าสาว
เพื่อนมณฑิราแซวขึ้นมาว่า “ตอนอยู่เมืองนอก ยัยมณเนื้อหอมจะตาย แค่ซองเดียวไม่ให้ผ่านค่ะ”
รัฐรวีงงๆ “อยู่เมืองนอก”
เพื่อนมณฑิราชะงักที่เผลอหลุดปาก
อาทิตย์คิดปราดเดียว ช่วยแถ แก้ให้เพื่อนมณฑิราว่า “คุณหมายถึงบ้านนอกที่อยู่นอกเมืองใช่ไหมครับ”
เพื่อนมณฑิรารีบเออออ “เออ ใช่ค่ะๆ”
รัฐรวียิ้ม ไม่ติดใจอีก แล้วหยิบซองเงินจากอาทิตย์ให้เพื่อนมณฑิราเพิ่มอีกซอง
อาทิตย์ลอบมองอิงอรอย่างระแวงกลัวอิงอรทำอะไรไม่ดี
คุณต๋อยช่วยดูแลจัดของจากขบวนขันหมาก นำเข้ามาวางเป็นคู่ๆที่พื้นพรมอย่างเป็นระเบียบ และถูกพิธีเป๊ะ
นายวง แม่เมียด นั่งเกร็งกันอยู่ที่โซฟากับรัฐ ภัสสร มีรัฐรวีนั่งพื้น หมอฉบังกับอิงอรนั่งอยู่ที่เก้าอี้แขกด้านหน้า
ภัสสรมองหาคุณหญิง “เดี๋ยวนะคะ อย่าเพิ่งเริ่มพิธีนะคะ”
ภัสสรมองไปเห็นคุณหญิงหิรัญญิการ์ที่ทำเป็นเพิ่งเดินเข้ามาจากประตูหน้าบ้าน ก็รีบลุกไปหา
“สวัสดีค่ะคุณหญิง เชิญนั่งทางนี้เลยค่ะ”
รัฐรวีไหว้อึ้งๆ งงๆ “สวัสดีครับคุณหญิง”
“ไม่ต้องตกใจนะคุณวี ฉันไม่ได้โกรธอะไรคุณเรื่องยัยมณแล้ว นี่คุณหญิงเชิญให้ฉันมาสักขีพยาน ฉันก็เลยมา”
“ใช่จ้ะ แม่เห็นว่าคุณหญิงท่านเป็นผู้ใหญ่ที่เรานับถือ แม่ก็เลยเชิญท่านมา...เรียบร้อยแล้ว เริ่มพิธีได้เลยค่ะ”
ภูวเดชเดินแหวกคนเข้ามา
“เดี๋ยวครับ เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งเริ่มพิธีครับ ผมยังไม่มีที่นั่งเลยครับ”
ภูวเดชเดินแหวกแทบจะข้ามกบาลคนมา แล้วลงนั่งแหมะข้างอิงอร
ทุกคนมองตำหนิว่าภูวเดชไร้มารยาท แต่ภูวเดชไม่สนใจ แอบสบตากับอิงอรอย่างรู้กัน
คุณต๋อยหันมาทางนายวงกะแม่เมียด “เชิญคุณท่านเริ่มได้เลยค่ะ”
นายวง แม่เมียดงงๆ ไม่รู้ตัว จนนายวงหันมาเห็นคุณต๋อยถลึงตามองอยู่ นายวงเอานิ้วชี้ตัวเองเมกชัวร์ แล้วนึกได้ว่าหมายถึงตัวเอง
“วันนี้นำอะไรมากับขบวนขันหมาก ครับ”
“วันนี้นำสินสอดได้แก่ เงินสด 10 ล้านบาท เครื่องเพชร 20 กะรัต ทองคำแท่ง 100 บาท”
นายวง แม่เมียด ลืมตัว ตาโตร้อง “โห”
คุณต๋อยคุมเกมอยู่ รีบกระแอมเตือนนายวงกับแม่เมียดให้เก็บอาการ
นายพลรัฐพูดต่อ “มาเพื่อหมั้นหมายขอหนูมณฑาให้กับรัฐรวี ลูกชายของผม” แล้วถามตามธรรมเนียม “จะนับดูก่อนไหมครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องนับหรอก เยอะขนาดนี้” แม่เมียดแอบสะกิดปรามผัว นายวงรู้ตัวรีบบอก “เอ่อ... เชิญฝ่ายชายไปรับตัวฝ่ายหญิงลงมาได้เลยครับ”
รัฐรวียิ้มรอนานแล้ว เขาลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมรัฐ
อาทิตย์หันไปมองอิงอรกับภูวเดชอย่างระแวง ภูวเดชหันมาเห็นอาทิตย์มองอยู่ เลยยิ้มให้อย่างใสซื่อโดยไม่มีพิรุธใดๆ
เพื่อนเจ้าสาวที่รออยู่บนบันได เห็นรัฐกับรัฐรวีเดินขึ้นมา เพื่อนเจ้าสาวแหวกทางออกเผยให้เห็นมณฑิราในชุดหมั้น ยืนรออยู่ที่ชานพักบันได
รัฐรวีตะลึงตะไลในความสวยงาม ท่วงทีสง่างามของมณฑิราไปเลย
มณฑิรายิ้มให้รัฐรวี ต่างคนต่างเขินกันและกัน
“อ้าววี จะจ้องกันอีกนานไหมลูก ข้างล่างเค้ารอทำพิธีอยู่” รัฐบอกยิ้มๆ
รัฐรวีเดินไปส่งมือให้มณฑิราจับ มณฑิรายื่นมือจะจับมือรัฐรวี แต่รัฐรวีเปลี่ยนเป็นเข้าไปสวมกอดมณฑิราแทนอย่างเต็มรัก
เพื่อนเจ้าสาวกิ๊วก๊าวยกใหญ่ “ฮิ้ว....”
รัฐรวีกระซิบมณฑิราแสนหวาน “ผมรักคุณนะครับ”
มณฑิรากระซิบตอบเสียงหวาน “ฉันก็รักคุณค่ะ”
รัฐรวีจูงมือมณฑิราลงบันไดไปช้าๆ ทุกสายตาจับจ้องของสองหนุ่มสาว ที่ช่างเหมาะสม สวย หล่อ ราวกับเทพบุตร เทพธิดา กระนั้น
ทุกคน พร้อมแขกผู้ใหญ่สองฝ่าย พร้อมหน้ากันอยู่ในพิธีหมั้นจัดขึ้น ที่จัดขึ้นในห้องรับแขกบ้านมณฑิรา ตามฤกษ์
รัฐ ภัสสร คุณหญิงหิรัญญิการ์ นายวง แม่เมียดนั่งอยู่ที่โซฟา รัฐรวีพามณฑิราเดินเข้ามานั่งที่พื้นตรงข้างหน้าผู้ใหญ่สองฝ่าย
“ได้เวลาเป็นมงคลแล้ว ให้ฝ่ายชายสวมแหวนให้ฝ่ายหญิงได้”
ภัสสรส่งแหวนหมั้นให้รัฐรวี
รัฐรวีรับมา แล้วค่อยๆ บรรจงสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายของมณฑิรา จากนั้นมณฑิราหยิบแหวนอีกวงมาสวมให้รัฐรวี
มณฑิราไหว้ขอบคุณรัฐรวี สองคนมองตากันอย่างลึกซึ้ง
ท่านนายพลรัฐเอ่ยขึ้น
“ต่อไปทั้งสองคนก็ไหว้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย”
รัฐรวีกระซิบมณฑิรา “คุณมณ แล้วคุณป้าของคุณที่มาจากต่างจังหวัดอยู่ไหนล่ะครับ”
ภัสสรตื้นตันจริงๆ กระซิบรัฐรวี “ตาวีกราบสิลูก”
รัฐรวี กับมณฑิราก้มลงกราบ รัฐ ภัสสร สองท่านยิ้มแย้มมีความสุข
ทุกคนยิ้มแย้มดีใจกันเมื่อทุกอย่างลุล่วง มีเพียงอิงอร และภูวเดชยิ้มให้กัน รอเวลาอารมณ์ประมาณว่าเดี๋ยวก็รู้
คุณหญิงกำลังจะลุกขึ้นเพื่อเปิดเผยตัวเอง ตามบทที่นัดแนะไว้ก่อนหน้า
ภูวเดชชิงลุกขึ้นก่อน พูดเสียงดังลั่น “ทุกคนนั่งประจำที่ก่อนนะครับ” ทุกคนเหวอ “ผมอยากให้ทุกคนใช้โอกาสนี้ ชื่นชมกับคู่หมั้นที่เหมาะสมกันที่สุด” ไฮโซติงต๊องผายมือไปทางรัฐรวีกับมณฑิรา
“คุณภูจะทำอะไรครับ” อาทิตย์ตกใจ
ภูวเดชเย้ยอาทิตย์ “ฉันก็แค่อยากจะแสดงความยินดีกับเจ้านายแกไง” แล้วหันมาทางรัฐรวี “ผมเฝ้ามองความรักของคุณวีกับคุณมณมานานแล้วครับ กว่าจะฝ่าฟันมาถึงวันนี้...”
ถึงตรงนี้ ทุกคนเริ่มรู้แล้วว่าภูวเดชกำลังจะพูดอะไร
คุณหญิงดุเสียงเข้ม “ภูวเดช”
“คุณวีคงไม่รู้ใช่ไหมครับ ว่าทุกคนเค้าลุ้นความรักคุณวี ขนาดคุณหญิงที่เป็นป้าแท้ๆ ของคุณมณฑิรา ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณมณฑา ยังอุตส่าห์มาร่วมงานหมั้นของคุณมณฑา แล้วคุณมณฑิราอยู่ไหนครับเนี่ย”
รัฐรวีหันไปมองคุณหญิงหิรัญญิการ์ ซึ่งยิ้มเจื่อนๆ มณฑิราทำอะไรไม่ถูก
ภัสสรออกอาการตื่นตระหนก “ทำไงดีคุณ”
รัฐหันไปสั่ง “ใครก็ได้มาพาคุณภูออกไปที”
เวก กับอาทิตย์เข้าไปล็อกตัว จะพาภูวเดชออกไป
ภูวเดชดิ้นรนขัดขืน “มาจับผมทำไม ผมแค่จะพูดอะไรกับคุณวีนิดเดียวเอง”
ทุกคนเหลียวมองเป็นตาเดียว เวก กับอาทิตย์ไม่สนจะพาภูวเดชออกไปให้ได้ ภูวเดชฮึดฮัด ร้องเรียกรัฐรวี
“คุณวีครับ คุณวี”
รัฐรวีเอ่ยขึ้น “เวก ไอ้ทิตย์หยุดก่อน ปล่อยเค้า”
เวก กะอาทิตย์อึกอักๆ แต่ก็จำใจต้องปล่อยภูวเดช
“คุณภูมีอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ”
พอเป็นอิสระภูวเดชก็ปล่อยของทันที “นี่คุณวีไม่เคยเอะใจจริงๆ เหรอครับ ว่าทำไมคุณมณฑากับคุณมณฑิราถึงหน้าตาคล้ายกันมากขนาดนี้ แต่ผมก็เข้าใจนะครับว่าความรักมันบังตา จนทำให้คุณไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคุณมณฑากับคุณมณฑิรา คือคนๆเดียวกัน”
รัฐรวีอึ้ง นิ่งงันไป มณฑิราและคนอื่นๆ ที่รู้เรื่องอึ้งกว่าที่ภูวเดชจะแย่งเฉลยความจริง รัฐรวีหันมองมณฑิรา แล้วหันมาหาภูวเดช
“หมายความว่าไงครับ มณฑา...คือมณฑิรา”
“ก็ใช่น่ะสิครับ คุณมณฑาที่เป็นคู่หมั้นของคุณที่นั่งอยู่ตรงนี้ จริงๆ แล้วเค้าไม่ใช่คนใช้ แต่เค้าคือคุณมณฑิรา หลานสาวแท้ๆของคุณหญิงหิรัญญิการ์ เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ และเป็นเจ้านายของคุณวิไลลักษณ์และทุกคนที่อยู่ที่นี่”
คำพูดนั้นกระแทกเข้าแสกหน้ารัฐรวีที่หันไปมองมณฑิราเป็นเชิงถาม
มณฑิราหน้าเสีย รัฐรวีรู้ทันทีว่าที่ภูวเดชพูดเป็นความจริง
เขานึกถึงครั้งแรกที่เจอกับมณฑิราในงานเลี้ยง จนมาเจอมณฑาที่บ้านหลังนี้ รวมไปถึงเหตุการณ์ตอนมณฑิรากับมณฑาสลับตัวกันที่ร้านอาหารเพื่อมาเจอรัฐรวี กับ นายวี พร้อมๆ กัน รวมไปถึงเหตุการณ์ที่ปราณบุรีที่รัฐรวีอยู่กับมณฑา โดยมณฑิราโผล่มานั่งทานข้าวกับเขาและครอบครัว
รัฐรวีอึ้งตะลึงตะไลอยู่อย่างนั้น
อ่านต่อหน้า 2
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 15 (ต่อ)
ภูวเดชยิ้มย่องแฉต่ออย่างสะใจ
“แล้วที่สำคัญ ทุกคนที่นี่รู้เรื่องนี้ แล้วเค้าก็รวมหัวกันหลอกคุณ”
รัฐรวีเหลียวไปมองหน้าอาทิตย์ “จริงเหรอไอ้ทิตย์”
อาทิตย์หน้าจ๋อยสนิท รัฐรวีมั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง
รัฐรวีไล่สายตาไปมองพ่อ แม่ คุณหญิงหิรัญญิการ์ และคนอื่นๆ ที่พากันหน้าเสียทั้งแถบ
สุดท้ายรัฐรวีหันกลับมามองมณฑิรา แล้วความโกรธพุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ เขาลุกขึ้นทันที ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
ภัสสรเอ่ยขึ้น “ตาวีฟังแม่ก่อนลูก แม่เป็นคนขอร้องทุกคนไม่ให้บอกลูกเอง แม่ตั้งใจจะบอกความจริงกับลูกวันนี้”
ความโกรธ ความน้อยใจมีมากกว่า รัฐรวีไม่สนใจฟังแล้ว เขาเดินออกจากพิธีไปเลย
ภัสสรตกใจ “ตาวี”
มณฑิราใจหล่นวูบ “คุณวี”
ทุกคนรีบลุกตามไปเป็นขบวน แขกเหรื่อเม้าท์เซ็งแซ่
รัฐรวีพ้นจากห้องโถง ก็วิ่งออกจากตัวบ้านทันที อาทิตย์รีบวิ่งตามมา ไปดักหน้ารัฐรวีไว้ ทุกคนรีบตามมา รัฐดึงภัสสรไว้ เพราะเห็นว่ารัฐรวีกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธถึงขีดสุด
“คุณวีครับ! คุณวีฟังผมอธิบายก่อนครับ”
รัฐรวีมองอาทิตย์ทั้งโกรธ โมโห ผิดหวัง และน้อยใจ
“แกรู้เรื่องนี้มานานแล้วใช่ไหมไอ้ทิตย์”
“ผมรู้วันที่กลับไปตามคุณวิไลลักษณ์ที่บ้านครับ”
รัฐรวีบันดาลโทสะกระชากคอเสื้ออาทิตย์เต็มแรง “แล้วทำไมแกไม่บอกฉัน”
อาทิตย์แทบจะร้องไห้ ยกมือไหว้ ด้วยความเสียใจ “ผมขอโทษครับคุณวี คุณวีจะด่าจะเตะจะต่อย จะทำอะไรไอ้ทิตย์ก็ทำเลยครับ ไอ้ทิตย์ยอมรับผิดทุกอย่าง”
รัฐรวีเข้าไปใกล้ออีกเงื้อมือเหมือนจะต่อยอาทิตย์ แต่ต่อยไม่ลง เปลี่ยนเป็นจับแขนอาทิตย์เขย่าสุดแรงแทน
“ทำไมแกทำกับฉันแบบนี้ไอ้ทิตย์ ฉันเห็นแกเป็นน้อง ฉันไว้ใจแก ทำไมแกรวมหัวกับคนอื่นมาหลอกฉัน!”
อาทิตย์อึ้ง “ผมขอโทษครับคุณวี”
มณฑิราตามเข้ามา “อย่าไปว่าอาทิตย์เลยค่ะ ฉันขอร้องไม่ให้เค้าบอกคุณเอง”
รัฐรวีผลักอาทิตย์กระเด็นล้มไป รัฐรวีหันมาหามณฑิรา
“สนุกมากใช่ไหมครับคุณมณฑิรา ผมเชื่อว่าคุณคงสนุกมาก เพราะคุณทุ่มเทมากจริงๆ ที่จะหลอกให้ผมเชื่อว่ามณฑิรากับมณฑาเป็นคนละคนกัน และคุณก็คงเห็นว่าความรักของผมเป็นเรื่องเล่นๆ”
“ไม่ใช่นะคะคุณวี ตอนแรกฉันตั้งใจจะล้อคุณเล่นเฉยๆ แต่…”
รัฐรวีสวนทันที “แต่ผมไม่เคยล้อเล่นกับความรัก”
มณฑิราอึ้งไป ภัสสรร้องไห้เสียใจ รัฐกอดปลอบภัสสร รัฐรวีเดินหุนหันหนีออกไปที่ลานจอดรถ
มณฑิราเสียใจร้องไห้สะอึกสะอื้น
ภูวเดชเดินเข้ามาหามณฑิรา “คุณมณไม่ต้องร้องไห้ครับ ไม่ต้องไปเสียใจให้เค้าเลยเห็นไหมครับว่าเค้าไม่ได้รักคุณมณจริง เค้าไม่ยอมยกโทษให้คุณมณ! ผมต่างหากครับที่รักคุณมณ ผมเป็นห่วงคุณมณและอยู่ข้างคุณมณมาตลอด”
มณฑิราสุดทน ตวาดลั่น “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ต่อให้คุณภูทำอะไร พยายามแค่ไหน มณก็ไม่รักคุณ ได้ยินไหมคะว่ามณไม่มีทางรักคุณ”
ภูวเดชอึ้ง
“ไปสิคะ ออกไปจากบ้านมณ ออกไปจากชีวิตมณ ออกไป”
มณฑิราผลักภูวเดชออกให้พ้นทาง แล้วรีบวิ่งตามรัฐรวีไป
ภูวเดชหน้าเสีย เสียใจ ที่ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่อาจทำให้มณฑิราหันมามองตัวเองไม่ได้
ทุกคนไม่สนใจไฮโซติงต๊อง รีบตามไปดูมณฑิรา
รัฐรวีขับรถมาจอดที่หน้าประตูบ้าน แล้วบีบแตรเพื่อให้เปิดประตู มณฑิราตามมาขวางรถไว้
รัฐรวีเปิดกระจกมาพูดกับมณฑิรา
“ถอยไป ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณแล้ว”
“ไม่ไป ฉันจะไม่ยอมให้คุณไปไหนทั้งนั้น”
“ผมบอกให้คุณถอยไป”
มณฑิราบอกอย่างเด็ดเดี่ยว “ไม่”
“ไม่ไปใช่ไหม งั้นผมไปเอง”
รัฐรวีลงจากรถ แล้วเดินออกทางประตูเล็กออกจากบ้านไป มณฑิรารีบตามไป
“คุณวี”
“ไม่ต้องมายุ่งกับผม!” รัฐรวีเดินออกไป
มณฑิราร้องไห้ที่รัฐรวีเดินจากไปอย่างไม่มีเยื่อใย
วิไลลักษณ์วิ่งเข้ามาหา “คุณมณ”
มณฑิราหันมากอดวิไลลักษณ์ ทุกคนต่างรู้สึกผิด อิงอรเห็นอาการของทุกคนแล้วหน้าเสีย ไม่คิดว่าเรื่องจะร้ายแรงขนาดนี้ จึงคิดจะเดินหนี
แต่ถูกหมอฉบังดึงไว้ “จะไปไหนล่ะครับคุณอิง ไม่อยู่ดูผลลัพธ์ที่คุณทำก่อนเหรอครับ”
อิงอรอึ้ง มองมณฑิรา หน้าซีดขาวเป็นไข่ต้มแล้ว
อาทิตย์เอาเรื่องกับอิงอรต่อ “ผมรู้ว่าคุณแค้นผม คุณโกรธคุณวี แต่คุณทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้แล้วคุณหายแค้นเหรอครับ” อิงอรชะงัก
“แต่มันก็เป็นความผิดของเราทุกคนด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เริ่มจากที่เราไปโกหกรัฐรวีเค้า ถ้าจะมีใครต้องรับผิดชอบ ก็ต้องเป็นพวกเราทั้งหมด” รัฐบอก
ภัสสรรู้สึกผิดมาก ทุกคนเศร้าสลด
รัฐรวีเดินน้ำตาคลอออกมาจากบ้านมณฑิรา ภาพความหลอกลวงผุดขึ้นมาเป็นระลอก ตั้งแต่ตอนที่รัฐรวีพามณฑาไปบ้าน แล้วถูกภัสสรกับคุณหญิงหิรัญญิการ์กลั่นแกล้ง จนถึงตอนที่รัฐรวีบอกรักแล้วขอมณฑาแต่งงานที่ร้านอาหาร
สีหน้ารัฐรวีมีแต่ความเจ็บปวด ความผิดหวัง และเสียใจสุดซึ้ง
รัฐรวีเรียกแท๊กซี่กลับถึงบ้านก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า แล้วเดินออกจากห้องไปเลย
ไม่นานนัก อาทิตย์ขับรถเข้ามาจอดที่บ้าน รัฐ กับภัสสรรีบเปิดประตูลงจากรถ เจอกับแตงอ่อนที่ยืนอยู่ด้วยความร้อนใจ อาทิตย์ และแม่ชื่นลงจากรถตามมา
“แตงอ่อน ตาวีอยู่บนห้องใช่ไหม” ภัสสรถามอย่างร้อนใจ
“คุณวีเข้ามาเก็บเสื้อผ้า แล้วออกไปแล้วค่ะ”
ภัสสรตกใจมาก รัฐซัก “วีบอกรึเปล่าว่าจะไปไหน”
“ไม่พูดอะไรสักคำเลยค่ะ แตงถามก็ไม่ตอบ แต่แตงเห็นคุณวีตาแดงๆ เหมือนคนร้องไห้มาเลยค่ะ”
ภัสสรร้องไห้คร่ำครวญในอกสามี “จะทำยังไงดีคะคุณ ลูก...”
รัฐกอบปลอบ “ทำใจดีๆ ก่อนนะคุณ”
แม่ชื่นหันมาหาอาทิตย์ “ไอ้ทิตย์ แกโทร.หาคุณหนูติดไหม”
“คุณวีปิดเครื่องไปแล้วแม่ ไม่ต้องห่วงนะครับคุณท่าน ไม่ว่าคุณวีอยู่ที่ไหน ไอ้ทิตย์ก็จะตามหาให้เจอครับ”
คุณหญิงกอดปลอบมณฑิราที่นั่งเศร้าดูแหวนหมั้นที่รัฐรวีสวมให้อยู่ ขณะวิไลลักษณ์วิ่งเข้ามา
“คุณหญิง คุณมณ แย่แล้วค่ะ คุณอาทิตย์โทร.มาบอกว่าคุณวีเก็บเสื้อผ้าหายไปจากบ้าน ตอนนี้ทุกคนกำลังช่วยกันตามหาอยู่ค่ะ”
คุณหญิงตกใจมาก “ตายแล้ว นี่เรื่องมันชักจะลามปามใหญ่แล้วนะยัยมณ”
มณฑิรานิ่งคิดสักครู่ “เมื่อกี้คุณภูบอกว่าคุณวีไม่ได้รักมณมากจนให้อภัยมณได้ใช่ไหมคะ มณไม่รู้หรอกนะคะว่ามันจริงรึเปล่า มณรู้แต่ว่า ความรักที่มณมีให้คุณวี มันมากพอที่ทำให้คุณวียอมให้อภัยมณแน่ๆ”
“หนูจะทำอะไรลูก”
“มณจะตามหาคุณวีให้เจอค่ะ แล้วมณก็จะขอโทษเค้า มณจะทำทุกอย่างให้เค้ารู้ว่ามณรักเค้า... มณไม่อยากเสียเค้าไปค่ะคุณป้า”
คุณหญิงหิรัญญิการ์ดึงหลานเข้าไปกอดให้กำลังใจ
“อดทนนะลูก ถ้าหนูตั้งใจแบบนี้แล้ว ป้าก็ขออวยพรให้หนูทำสำเร็จ”
มณฑิรากอดตอบ “ขอบคุณค่ะคุณป้า”
วิไลลักษณ์มองด้วยความสงสารเจ้านายแสนดี
คิดในใจว่าจะช่วยมณฑิราง้อรัฐรวีให้สำเร็จให้ได้
อาทิตย์เดินเร็วรี่เข้ามาถามหารัฐรวีกับส้มโอที่ออฟฟิศ แต่ส้มโอส่ายหน้าว่ารัฐรวีไม่ได้ติดต่อมาเลย
ฝ่ายหมอฉบังเดินถามถึงรัฐรวีกับกลุ่มเพื่อนที่สปอร์ตคลับ แต่เพื่อนทุกคนต่างส่ายหน้าว่าไม่เห็นรัฐรวีหมอฉบังพยายามเดินไปถามกับคนอื่นๆ แต่ไม่มีใครรู้ว่ารัฐรวีไปไหน
มือถือหมอฉบังดัง หมอฉบังเห็นเป็นอาทิตย์โทร.มา จึงรีบรับสาย
“ฮัลโหล ฉันไม่เจอเลยว่ะ! ลองถามเพื่อนที่เตะบอลด้วยกันแต่ไอ้วีไม่ได้โทร.หาใครเลย เดี๋ยวฉันจะลองโทร.ถามเพื่อนคนอื่นดูอีกที”
ฟากมณฑิรายืนอยู่กับเวก และ วิไลลักษณ์ที่หน้าร้านอาหารเพื่อนรัฐรวี
“ทำไมคุณมณคิดว่าเป็นที่นี่ครับ” เวกนึกแปลกใจ
“คุณวีเป็นหุ้นส่วนร้านนี้ แล้วเค้าก็เคยมาขอฉันแต่งงานที่นี่” สองคนอึ้งไป “เค้าอาจจะมาอยู่กับเพื่อนเค้าก็ได้”
โดยไม่นานนัก เห็นมณฑิรายืนคุยกับเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนเปิดร้านของรัฐรวีอยู่ภายในร้าน
“ไอ้วีไม่ได้ติดต่อมาเลยครับ แต่ถ้ามันติดต่อมา ผมจะรีบโทร.บอกคุณมณนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
มณฑิราผิดหวัง
ในห้องรับแขกบ้านรัฐรวีตอนนี้ ภัสสรคุยโทรศัพท์อยู่กับเพื่อนรัฐรวีคนหนึ่ง
“ยังไงถ้าตาวีติดต่อไปรีบบอกป้าเลยนะ ขอบใจมากจ้ะ”
ภัสสรวางสาย แล้วหันไปเจอรัฐที่เพิ่งเดินกลับเข้าบ้านมา
“เป็นยังไงบ้างคะคุณ”
“ผมลองโทร.ไปเช็คตามบ้านพักของเราที่ต่างจังหวัดแล้ว ลูกเราไม่ได้ไปเลย”
ภัสสรเครียดหนัก ร้อนรนใจไปหมด
“ลูกเราจะเป็นอะไรไหมคุณ ทำไมยังไม่มีใครติดต่อได้เลยคะ”
“อย่าคิดมากนะคุณ ผมว่าลูกคงจะไปหาที่เงียบๆ สงบสติอารมณ์”
ภัสสรนึกขึ้นได้ “คุณให้ลูกน้องคุณช่วยกันออกตามหาตาวีสิคะ ทั้งลูกน้องทั้งเพื่อนพ้องคุณตั้งเยอะ เดี๋ยวก็ต้องเจอ”
“อย่าเลย ผมไม่อยากไปดึงคนที่เค้าไม่เกี่ยวมาเดือดร้อนไปด้วย เราเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ คราวหน้าจะได้จำแล้วไม่ทำอีก”
“แต่ลูกหายไปทั้งคนนะคะ คุณไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ”
“ผมก็ช่วยคุณตามหาลูกอยู่นี่ไง”
ภัสสรอึ้ง ที่รัฐทำท่าเหมือนจะไม่ช่วยจริงๆ จังๆ
อ่านต่อหน้า 3
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 15 (ต่อ)
หลายวันในหลายสถานที่ ทุกคนต่างแยกบ้ายกันตามหารัฐรวี
หมอฉบังขับรถมาตามทางหลังตระเวนหาตามที่ที่คิดว่ารัฐรวีจะไปแต่ไม่เจอสักที่ และพยายามกดโทรหารัฐรวีไปด้วย แต่รัฐรวีก็ไม่รับสาย
ทางด้านวิไลลักษณ์กับเวก เดินหาที่ศูนย์การค้า ตามร้านกาแฟ แต่ก็ไม่มีวี่แววของรัฐรวี
บ่ายวันถัดมา มณฑิรา วิไลลักษณ์ และเวก เดินออกจากวัดที่มณฑิราเคยมาไหว้พระกับรัฐรวี
“ไปมาทุกที่ยังไม่เจอคุณวีสักที ไปอยู่ที่ไหนน้อ” เวกเอ่ยขึ้น
มณฑิราสังเกตเห็นวิไลลักษณ์หน้าซีดมาก “วิไลไม่สบายหรือเปล่า ดูหน้าซีดๆ นะ”
“วิไลไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แดดมันร้อนก็เลยเวียนหัวนิดหน่อย” วิไลลักษณ์ห่วงมณฑิรามากกว่า
“เวก เธอพาวิไลนั่งแท็กซี่กลับไปบ้านก่อนนะ เดี๋ยวฉันหาต่อเอง”
วิไลลักษณ์ตกใจ “ไม่เป็นไรค่ะคุณมณ วิไลไหวค่ะ ไปกันเถอะพี่เวก”
พลางวิไลลักษณ์ทำท่าแข็งขันจะเดินนำ แต่เกิดหน้ามืดเซวังลงไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ เวกกับมณฑิรารีบตามมาจับไว้
“วิไล ฉันขอร้อง ฉันไม่อยากเห็นใครต้องมาเดือดร้อนเพราะฉันอีก กลับบ้านไปพักเถอะนะ”
วิไลลักษณ์เป็นห่วงมณฑิราไม่คลาย
เรือนคนใช้ตอนนี้ คุณต๋อยกำลังดุวิไลลักษณ์กับเวกอยู่ นายวง แม่เมียด กุ๊กกิ๊กยืนอยู่ด้วย
“แล้วแกสองคนก็กลับมา ทิ้งคุณมณให้ไปคนเดียวเนี่ยนะ”
วิไลลักษณ์จ๋อยๆ
“ก็วิไลมันไม่สบาย ให้ฉันทำยังไงล่ะคุณต๋อย” เวกว่า
คุณต๋อยฮึดฮัด “แกสองคนนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ”
นายวงฉุน “อ้าว นี่แก่แล้วหูไม่ดีใช่ไหม ถึงไม่ได้ยินที่ไอ้เวกมันบอกว่าวิไลมันไม่สบายน่ะ”
“แกว่าใครแก่ห๊ะไอ้วง”
“โอ้ย จะทะเลาะกันไปทำไมคะ อายุก็เยอะด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ”
นายวง คุณต๋อยหันมองดุ กุ๊กกิ๊กสะดุ้งเอามือปิดปาก “อุ๊ย”
“ที่กุ๊กกิ๊กมันพูดก็ถูก จะมาทะเลาะกันเองให้มันได้อะไร เราทุกคนก็เป็นห่วงคุณมณเหมือนกันหมดนั่นแหละคุณต๋อย”
“ก็เพราะห่วงนี่แหละถึงได้โมโห คุณมณกำลังคิดมากเรื่องคุณวี เกิดใจลอยตอนขับรถขึ้นมาจะว่ายังไง”
ทุกคนอึ้งไปทั้งแถบ
มณฑิราขับรถตระเวนตามหารัฐรวีไปตามที่ต่างๆ แต่ไม่เจอแม้เงา ขณะที่ขับรถมาจอดติดไฟแดง พอหันมองข้างถนนเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินอยู่ ท่าทางคล้ายรัฐรวี มณฑิราพยายามเพ่งมอง แต่พอชายคนนั้นหันมากลายเป็นคนอื่น มณฑิราผิดหวัง เสียงบีบแตรจากรถคันหลังดังลั่น จนมณฑิราสะดุ้ง หันมาเห็นว่าไฟเขียว รถออกตัวไปกันแล้ว จึงรีบออกรถไป
มณฑิราจอดรถที่สวนสาธารณะที่เคยมาเดินเล่นกับรัฐรวี แล้วเดินตามหาไปตามมุมต่างๆ ในสวน แต่ก็ไม่เห็นใคร
มณฑิราทั้งเหนื่อยและล้า เดินมาจนถึงม้านั่งที่เคยนั่งกินไอติมกับรัฐรวี เธอหยุดมองไปรอบๆ เห็นมีคู่รักมาปูเสื่อนั่งเล่นกัน บ้างก็มาเป็นครอบครัวเล็กๆ มีเด็ก วิ่งเล่นไปมา แต่ไม่เห็นวี่แววของรัฐรวี
มณฑิรารู้สึกผิดหวังมาก ลงนั่งที่ม้านั่งตัวเดิมกับที่เคยนั่งกับรัฐรวีหน้าเศร้า
จู่ๆ มีเสียงแตรรถไอติมดังขึ้น มณฑิราหันไปมอง เห็นรถไอติมขับมาจอด เด็กชายหญิงคู่หนึ่งวิ่งไปที่รถไอติม เด็กผู้ชายซื้อไอติมยักษ์คู่ แล้วแกะซองออกมา หักไอติมแบ่งครึ่ง ยื่นให้เด็กผู้หญิง เหมือนตอนที่รัฐรวีซื้อไอติมยักษ์คู่แบ่งครึ่งกินกับมณฑิรา ยังไงยังงั้น
เด็กสองคนยิ้มหัวเราะเดินกินไอติมออกไป มณฑิรามองดูแหวนหมั้นในมือ แล้วนึกถึงตอนที่รัฐรวีเซอร์ไพร้ส์ขอเธอแต่งงานในร้านอาหาร
“คุณทำให้ผมรู้สึกได้ว่าตลอดเวลาที่คุณอยู่กับผม คุณมีความจริงใจให้ผมจริงๆ ผมมีความสุขมากเวลาที่ได้อยู่กับคุณ แต่งงานกับผมนะครับ”
อีกเหตุการณ์ตอนที่รัฐรวีรู้ความจริงแล้วรับไม่ได้
“สนุกมากใช่ไหมครับคุณมณฑิรา ผมเชื่อว่าคุณคงสนุกมาก เพราะคุณทุ่มเทมากจริงๆ ที่จะหลอกให้ผมเชื่อว่ามณฑิรากับมณฑาเป็นคนละคนกัน และคุณก็คงเห็นว่าความรักของผมเป็นเรื่องเล่นๆ”
มณฑิราเดินใจลอย หน้าเศร้า หมกมุ่นครุ่นคิดมาถึงสวนสนามหญ้า อยู่ๆ น้ำสปริงเกอร์ในสวนก็ทำงาน มณฑิราชะงัก นึกถึงวันแรกที่เจอรัฐรวี
สองคนเจอกันวันแรก แล้วโดนน้ำจากสปริงเกอร์สาดใส่จนเปียกปอนกันทั้งคู่
ภาพนั้นทำให้มณฑิราร้องไห้ เสียใจออกมาอย่างทุกข์ทรมาน เศร้าหนัก
“ฉันขอโทษ ฉันไม่น่าล้อเล่นกับความรักของคุณเลย”
หลายวันผ่านไป ตอนบ่ายวันนี้ภูวเดชพาตัวเองมานั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกบ้านคุณหญิงหิรัญญิการ์ แล้วหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม
คุณหญิงเดินเข้ามา ถามเสียงขุ่นเขียว “เธอยังมีหน้ามาที่บ้านฉันอีกเหรอ”
ภูวเดชที่กินน้ำอยู่สำลักน้ำพรวด รีบยกมือไหว้คุณหญิงทันที
“สวัสดีครับคุณหญิงป้า”
คุณหญิงรับไหว้แบบขอไปที “เธอมีธุระอะไรมาหาฉันถึงที่นี่”
“ผมสำนึกผิดแล้วก็เลยอยากจะกราบขอโทษคุณหญิงครับ”
คุณหญิงชะงักรอดูท่าทีหนุ่มติงต๊อง ภูวเดชคุกเข่าลงแล้วเอื้อมไปหยิบพานธูปเทียน(อันใหญ่)ที่วางอยู่มุมหนึ่ง แล้วถือคลานเข่าเข้าไปกราบคุณหญิง
“ผม นายภูวเดช อัครนนท์ขอกราบขอประทานอภัยคุณหญิงที่ผมขัดคำสั่งจนทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นครับ” ภูวเดชส่งพานธูปเทียนให้
คุณหญิงทำท่าจะรับพานที่ภูวเดชส่งมา แต่ชะงักยังไม่รับ พูดต่อ “ถ้าเธอสำนึกผิดจริงๆ ฉันก็ให้อภัย” คุณหญิงทำท่าจะรับ แต่สุดท้ายยังไม่รับ พูดต่ออีกนิด “ลูกผู้ชายทำผิดแล้วยอมรับผิด ฉันก็ชื่นชม...” คุณหญิงพูดจบทำท่าจะรับ ภูวเดชยื่นมือรอจนมือแข็ง แต่คุณหญิงยังไม่รับพาน พูดต่ออีก “ส่วนเรื่อง...”
ภูวเดชมือสั่นแล้ว “เอ่อ..คุณหญิงครับ รับพานก่อนได้ไหมครับ ผมหนัก”
“อ้าวเหรอ...” คุณหญิงยิ้ม แล้วรับพานมาวางบนโต๊ะเล็ก “หนักจริงๆ ด้วย”
“พานธูปเทียนระดับผมเอามาขอโทษคุณหญิงทั้งที จะเล็กๆ ได้ยังไงครับ”
คุณหญิงเอือมที่ภูวเดชยังคุยโอ่
“ตอนผมสั่งให้ลูกน้องจัดนะครับ ผมย้ำแล้วย้ำอีกว่าเอาพานที่แพงที่สุด ดอกไม้ที่สวยที่สุด ให้เหมาะสมกับคุณหญิงผู้ที่มีบุญคุณกับผมและธุรกิจของผมอย่างที่สุด โดยเฉพาะเรื่องที่คุณหญิงจะช่วยคุยกับธนาคารเรื่องเครดิตเงินกู้ของบริษัทผม ผมไม่มีวันลืมแน่นอนครับ”
คุณหญิงระอาปนหน่ายที่สุดท้ายภูวเดชก็ยังคิดไม่ได้
“เดี๋ยวๆ ตกลงที่ยกพานธูปเทียนมาขอโทษฉันไม่ได้สำนึกผิดเลยใช่ไหม”
“สำนึกครับ..แต่ผมก็ห่วงธุรกิจผมด้วย”
“ประตูอยู่ทางโน้น”
ภูวเดชงง “คุณหญิงจะไปไหนเหรอครับ”
“เธอนั่นแหละ ออกไปจากบ้านฉันแล้วไม่ต้องกลับมาอีก!”
ภูวเดชหน้าเสีย คุณหญิงลุกหนีออกไป ภูวเดชทำอะไรไม่ถูก
บ่ายเดียวกัน หมอฉบังแวะมาหาอิงอรที่คอนโด ถือถาดจานข้าวกับแก้วน้ำมาวางตรงหน้าอิงอรที่นั่งกินไวน์อยู่
“คุณอิงต้องกินอะไรบ้างนะครับ กินแต่ไวน์ทั้งวันแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“อิงจะเป็นอะไรก็ปล่อยอิงไปเถอะค่ะ ตัวอิงอิงยังไม่สนเลย คุณหมอจะสนใจทำไม”
หมอฉบังถอนหายใจ
“ทำแบบนี้ไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะครับ คนเราถ้ารู้ตัวว่าทำผิด ก็ต้องแก้ไขสิครับ ไม่ใช่มานั่งทำร้ายตัวเองแบบนี้”
อิงอรโมโห “คุณหมอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนอิงคะ”
“ผมพูดความจริงครับ เรื่องที่ไอ้วีโกรธคุณมณจนหนีไป คุณอิงก็มีส่วนรับผิดชอบ ถ้ารู้สึกผิดก็ออกไปตามหาไอ้วีด้วยกันสิครับ”
“ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ ออกไปจากห้องอิงได้แล้ว”
“ผมไปก็ได้ครับ แต่ที่ผมพูดเพราะผมหวังดีกับคุณอิง ถ้าคุณอิงอยากจะคบแต่คนที่ไม่จริงใจ ก็แล้วแต่คุณอิงแล้วกันครับ”
อิงอรอึ้งเพราะไม่เคยมีใครด่าว่าตรงๆ และหวังดีกับตัวเองแบบนี้มาก่อน หมอฉบังจะเดินออก
“เดี๋ยวก่อนค่ะ อิงทำกับเพื่อนรักของคุณขนาดนั้น คุณไม่โกรธอิงเหรอคะ” น้ำเสียงหล่อนอ่อนลง
หมอฉบังเดินกลับมา “โกรธสิครับ แต่ผมแยกแยะออก โกรธก็ส่วนโกรธ ห่วงก็ส่วนห่วง”
อิงอรอึ้ง “ไม่เคยมีใครเป็นห่วงอิงขนาดนี้”
“โลกมันไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นหรอกครับคุณอิง ผมว่าที่ผ่านมาคุณอิงแค่มองหาจากคนที่เค้าไม่พร้อมจะให้คุณอิงต่างหาก”
หมอฉบังเดินเข้ามาดึงแก้วไวน์ออก อิงอรยอมปล่อยแก้วไวน์โดยดี
“ทานอะไรสักหน่อยนะครับ แล้วเดี๋ยวออกไปตามหาไอ้วีกัน”
อิงอรนิ่งคิด หันไปจะกินข้าวแล้วถามขึ้น “คุณหมอว่าทุกคนเค้าจะยอมยกโทษให้อิงไหมคะ”
“ถ้าถามว่าทุกคนไหม ผมคงตอบไม่ได้ แต่ถ้าถามผม ผมพร้อมจะให้อภัยคุณอิงเสมอ”
อิงอรยิ้มบางๆ เริ่มรู้สึกดีกับหมอฉบัง
คืนเดียวกันนั้นภัสสรนั่งเศร้าอยู่คนเดียวบนเตียงลูกชาย และกำลังเปิดดูอัลบั้มรูปของรัฐรวี ข้างๆ ภัสสรตอนนี้มีอัลบั้มรูปอีกหลายอัลบั้มวางซ้อนกันอยู่
ภัสสร มองรูปรัฐรวีตั้งแต่ยังเด็กในอัลบั้มในมือ
รัฐเดินเข้ามา เห็นภริยานั่งเศร้าอยู่ก็สงสาร ลงนั่งข้างๆ โอบไหล่ปลอบ
“ไม่เป็นไรนะคุณ เดี๋ยวลูกก็กลับมา”
“แต่นี่มันตั้งหลายวันแล้วนะคุณ ตาวีอาจจะไม่กลับมาอีกแล้วก็ได้ ฉันขอโทษนะคะ ฉันน่าจะเชื่อที่คุณบอกแต่แรก ฉันไม่น่าทำแบบนี้กับลูกเลย”
“ช่างมันเถอะคุณ มันผ่านไปแล้วน่า”
ภัสสรพลิกดูรูปรัฐรวีในอัลบั้มรูป
“ตั้งแต่เล็กจนโต ตาวีก็เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายมาตลอด ไม่เคยทำเรื่องอะไรให้แม่อย่างฉันต้องทุกข์ใจเลย แต่ฉันกลับทำร้ายจิตใจลูก ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้เลยนะคะ ที่ฉันทำไปเพราะฉันหวังดีกับลูก คุณเข้าใจใช่ไหมคะ”
รัฐลูบหัวภัสสรปลอบ “ผมเข้าใจ คุณอย่าคิดมากเลย เดี๋ยวจะเป็นอะไรไป ดึกแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
รัฐรับอัลบั้มรูปจากภัสสร แล้วเห็นว่ามีบางรูปที่สอดไว้จึงหยิบมาดู
ภัสสรมองจ้อง “รูปอะไรเหรอคะคุณ”
“อ๋อ รูปวีตอนกลับมาเมืองไทยน่ะ”
รัฐพลิกรูปดูด้านหลัง เห็นว่ามีข้อความเขียนอยู่หลังรูป “ได้กลับไทยซักที คิดถึงทุกคนที่นี่มากๆ”
ภัสสรหยิบรูปมาดูบ้าง เห็นเป็นรูปรัฐรวีในชุดทำงานกับภัสสร พอพลิกรูปดู เห็นมีข้อความหลังรูปว่า “มาทำงานกับแม่วันแรก ตื่นเต้นมาก”
ภัสสรน้ำตาจะไหล
“เก็บเถอะคุณ ยิ่งดูเดี๋ยวก็ยิ่งคิดมากอีก”
ภัสสรเอาอัลบั้มรูปวางลงบนโต๊ะ แต่วางไม่ดี อัลบั้มรูปจึงพลิกตกลงจากโต๊ะ
พบว่ามีรูปหลายใบตกกระจายออกมาจากอัลบั้มรูปนั้น
อ่านต่อหน้า 4
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 15 (ต่อ)
สายวันถัดมา เห็นรูปหลายใบวางอยู่บนโต๊ะในห้องรับแขกบ้านรัฐรวี อาทิตย์กับหมอฉบังกำลังช่วยกันดูอยู่ มณฑิรา วิไลลักษณ์ และอิงอร อยู่ด้วย
“ในอัลบั้มของวีมีรูปภูเขาพวกนี้อยู่เต็มเลย อาว่ามันต้องสำคัญกับวีไม่มากก็น้อย”
“นึกให้ออกสิหมอว่าตาวีถ่ายรูปพวกนี้ที่ไหน” ภัสสรบอก
“คุ้นๆ อยู่ครับ ก่อนไอ้วีไปเมืองนอกผมก็ไปเที่ยวกับมันหลายที่” หมอหันมาถามอาทิตย์ “ไอ้ทิตย์ แกนึกออกไหม”
“ผมไม่แน่ใจนะครับว่าที่นี่ที่ไหน แต่คุ้นๆว่าเป็นที่สวนผึ้ง ใช่แล้วครับ ที่ผมพาคุณวีไปทางลัด แล้วพาหลงอยู่ครึ่งวัน คุณวีด่าผมซะหูชาเลย”
หมอฉบังนึกออกด้วย “เออๆๆ ใช่ๆ สวนผึ้ง ไอ้วีมันชอบที่นี่มากเลยครับ มันบอกว่าอากาศดี แล้วก็ไม่ไกลจากกรุงเทพ มันเคยบอกว่าอยากซื้อที่ที่นี่เก็บไว้ทำรีสอร์ต”
“คุณวีเคยบอกมณเหมือนกันค่ะ ว่าฝันอยากจะไปเปิดรีสอร์ตเล็กๆ แล้วทำร้านอาหารไปด้วย”
อาทิตย์มั่นใจ “งั้นคุณวีต้องอยู่ที่สวนผึ้งแน่ๆ เลยครับ เดี๋ยวผมขับรถไปดูให้เองครับ”
“ไม่เป็นไร ไปกันทั้งหมดนี่แหละ ถ้าเจอจะได้ช่วยกันพูดให้ตาวีเข้าใจ”
รัฐทักท้วง “ผมว่าให้เด็กๆ เค้าขับไปดูก่อนไหม ถ้าไม่ใช่จะได้ไม่ต้องขนกันไปเสียเที่ยว”
อาทิตย์ วิไลลักษณ์ มณฑิรามองหน้ากัน
ในเวลาต่อมา เห็นรถคันหนึ่งวิ่งผ่านป้ายบอกทางไป ราชบุรี ภายในรถคันนั้น มีอาทิตย์เป็นคนขับ วิไลลักษณ์นั่งหน้า ด้านหลังมีมณฑิรา หมอฉบัง และอิงอร อาทิตย์ยังระแวงอิงอร อดมองสังเกตผ่านกระจกด้านหลังไม่ได้ วิไลลักษณ์เองก็รู้สึกเหมือนอาทิตย์ อิงอรรู้ตัวว่าถูกจับผิด
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันอยากจะทำดีเหมือนคนอื่นเค้าบ้างไม่ได้หรือไง”
ทุกคนชะงัก หันมองอิงอรแล้วหันไปมองอาทิตย์
อาทิตย์ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ ขณะรถขับผ่านป้ายบอกทางไป สวนผึ้ง ราชบุรี
อาทิตย์ขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถรีสอร์ตแห่งหนึ่ง
มณฑิรา หมอฉบัง อิงอรเข้าไปคุยกับพนักงานที่ล็อบบี้รีสอร์ต แต่พนักงานส่ายหน้าว่าไม่มีแขกชื่อรัฐรวีมาพัก สามคนกลับมาขึ้นรถ
รถของอาทิตย์ขับเข้า ออก รีสอร์ตหลายๆ ที่ แต่ละคนสลับกันเข้าไปคุยกับพนักงานที่ล็อบบี้หลายรีสอร์ต สุดท้ายเห็นรถขับเข้ามาจอดที่รีสอร์ตลาทอสคาน่า มณฑิรา หมอฉบัง อิงอร อาทิตย์ วิไลลักษณ์ยืนอยู่เคาน์เตอร์ จนพนักงานบอกว่า
“เช็คดูในรายชื่อให้แล้ว คุณรัฐรวีไม่ได้มาพักที่นี่ค่ะ”
มณฑิรามีสีหน้าผิดหวัง อาทิตย์เห็นวิไลลักษณ์หน้าซีดๆ
“คุณหมอครับ ช่วยดูคุณวิไลให้หน่อยได้ไหมครับ ดูหน้าซีดๆเหมือนไม่สบาย เป็นมาหลายวันแล้ว”
“วิไลไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่เวียนหัวนิดหน่อย”
“งั้นเราพักทานข้าวกันที่นี่ก่อนดีไหมครับ”
ตกเย็น ทุกคนนั่งอยู่ในร้านอาหารของรีสอร์ตแห่งหนึ่ง
“ขอบคุณคุณอิงมากนะคะที่มาช่วยตามหาคุณวี”
“อย่าขอบคุณอิงเลยค่ะ อิงต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น”
หมอฉบังมองยิ้มกริ่ม ที่อิงอรกลับใจแล้ว
“คุณมณ ทานอะไรหน่อยสิคะ ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า” วิไลลักษณ์เป็นห่วง
“ฉันยังไม่หิวเลย วิไลทานเถอะ”
“ทานซักหน่อยเถอะครับคุณมณ เดี๋ยวไม่มีแรงตามหาคุณวีนะครับ”
วิไลลักษณ์ส่งเมนูให้คุณหนู มณฑิราเลยยอมรับเมนูมาเปิดดู เห็นรูปของเมนูแนะนำที่หน้าตาอาหารคล้ายกับที่รัฐรวีเคยทำให้ทานที่ร้านอาหารตอนขอแต่งงาน และตอนที่พาไปร้านอาหารของตัวเองครั้งแรก มณฑิราชี้เมนูให้พนักงานดู
“ขอ ทาโก้แป้งนุ่ม ที่นึงค่ะ”
เวลาผ่านไป พนักงานยกอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟ เมนู “ทาโก้แป้งนุ่ม” ที่มณฑิราสั่งวางอยู่บนโต๊ะ เสิร์ฟพร้อมกับซัลซ่า
หมอฉบังเอ่ยขึ้น “ของคุณมณน่าทานจังเลยนะครับ”
มณฑิราตักขึ้นมาชิม แล้วอึ้งไปเพราะรสชาติอาหารเหมือนกับที่รัฐรวีเคยทำให้ตนทาน
“น้องคะ ช่วยตามเชฟที่ปรุงจานนี้มาทีสิคะ”
“มีอะไรเหรอคะ”
“ต้องการคอมเพลนอาหารนิดนึงค่ะ”
“ซักครู่นะคะ” พนักงานเดินออกไป
อิงอรฉงน “ไม่อร่อยเหรอคะคุณมณ”
“เปล่าค่ะ แต่เมนูนี้คุณวีเคยทำให้มณทาน ถ้ามณไม่คิดไปเอง รสชาติมันเหมือนกับที่คุณวีทำมากเลยค่ะ”
“จริงเหรอครับ” อาทิตย์มองไปที่ครัว “งั้นเดี๋ยวผมไปดูเองครับ”
“ฉันไปด้วย” หมอฉบังขยับจะลุก
“ไม่เป็นไรครับคุณหมอ ผมจะแอบย่องไปดูด้านหลัง เพราะถ้าคุณวีอยู่ที่นี่จริงๆ คงไม่ยอมให้ใครเจอตัวง่ายๆ แน่ เดี๋ยวผมมานะครับ”
อาทิตย์ลุกออกไปทันที
“ไม่แน่นะคะ พี่วีอาจจะมาเป็นเชฟอยู่ที่นี่จริงๆ ก็ได้” อิงอรว่า
“จะว่าไปที่นี่ก็บรรยากาศเป็นแบบที่ไอ้วีชอบเหมือนกันนะครับ มันอาจจะอยู่ที่นี่จริงๆ ก็ได้
ทุกคนมองลุ้นไปทางห้องครัว ว่าเชฟที่เดินออกมาจะใช่รัฐรวีไหม
สักครู่หนึ่งจึงเห็นพนักงานเดินออกมากับเชฟผู้ชายคนหนึ่ง เชฟหันไปสั่งงานกับคนในครัว ทุกคนดีใจเพราะคิดว่าเป็นรัฐรวี จนเชฟคนนั้นคุยเสร็จหันหน้าเดินเข้ามาที่โต๊ะ จึงเห็นว่าไม่ใช่รัฐรวี
ทั้งหมดมองหน้ามณฑิราเป็นคำถาม แต่มณฑิรายังไม่ยอมแพ้
“มีอะไรจะแนะนำเกี่ยวกับอาหารเหรอครับ”
“คุณคือคนที่ปรุงอาหารจานนี้เหรอคะ”
“ใช่ครับ”
มณฑิราอึ้ง รู้สึกผิดหวัง
ทุกคนได้แต่มองเห็นใจมณฑิรา
อาทิตย์เดินลับๆ ล่อๆ อยู่แถวสวนที่เป็นทางเดินใกล้ๆ กับครัวของรีสอร์ต มองเห็นป้าย Staff Only อาทิตย์มองซ้ายแลขวา แล้วเดินผ่านป้ายเข้าไปที่ด้านหลังครัว
มีพนักงานในครัวเดินออกมาทิ้งขยะ อาทิตย์รีบหลบ รอจนพนักงานเดินกลับเข้าในครัวไป อาทิตย์จึงโผล่หน้าออกมา แล้วค่อยๆ ย่องไปใกล้ครัว พยายามหาช่องเพื่อแอบมองเข้าไปในครัว แต่มองไปก็เห็นแต่พนักงานคนอื่นๆ
อาทิตย์ยังไม่ยอมแพ้ พยายามเดินอ้อมไปดูที่มุมอื่นอีก มีพนักงานคนหนึ่งเดินถือถาดอาหารที่เก็บจากโต๊ะแขกออกมา เห็นอาทิตย์ด้อมๆ มองๆ ท่าทางไม่น่าไว้ใจ
“ขอโทษนะครับ ตรงนี้เฉพาะพนักงานเข้าได้นะครับ”
“อุ่ย! เออ เหรอครับ คือ ผมจะเข้าห้องน้ำ ไม่รู้อยู่ตรงไหนครับ”
“ห้องน้ำแขกอยู่ทางด้านโน้นครับ ผมพาไปไหมครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”
พนักงานยืนยิ้มรอ อาทิตย์เลยจำต้องเดินออกไปทางที่พนักงานชี้
อาทิตย์เดินออกมาแล้วหันไปมองเห็นว่าพนักงานยืนคุยกับรปภ.ของรีสอร์ท แล้วชี้มาทางอาทิตย์
อาทิตย์เห็นท่าไม่ดี เลยจำต้องเดินกลับไปที่ร้านอาหาร
อาทิตย์เดินกลับมานั่งที่โต๊ะซึ่งเชฟยังยืนคุยกับมณฑิราอยู่
มองจากในครัวออกมา เห็นเชฟกำลังลามณฑิรา แล้วเดินกลับมาในครัว
“เรียบร้อยครับ แขกไม่ได้คอมเพลนอะไรมาก ส่วนใหญ่จะถามเรื่องสูตรอาหาร”
คนที่เชฟคุยด้วยคือ รัฐรวี ที่แต่งตัวเป็นหัวหน้าเชฟยืนแอบดูเหตุการณ์อยู่ในครัว
“แล้วเค้าสงสัยอะไรรึเปล่าครับ”
“คนอื่นก็ดูเฉยๆ นะครับ แต่คุณผู้หญิงที่ให้ตามคุณวีออกไปเหมือนจะยังไม่ค่อยเชื่อ เอายังไงต่อดีครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเค้าทานเสร็จก็คงจะกลับกันแล้ว”
รัฐรวียืนแอบมองมณฑิราและคนอื่นๆ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย เดาไม่ถูกว่าเขาคิดอะไร
อ่านต่อ ตอนที่ 16 ตอนอวสาน