ฝันเฟื่อง ตอนที่ 14
รุ่งเช้า แม่ชื่นกำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าอยู่ในห้องทานข้าว ขณะ รัฐ และภัสสรเดินเข้ามา รัฐลงนั่งแล้วหาวหวอด ภัสสรลงนั่งพลางสัพยอกสามี
“นอนไม่พอเหรอคุณ อย่าบอกนะว่าเครียดเรื่องตาวีจนนอนไม่หลับ”
“ใครว่าล่ะ ผมนอนไม่หลับเพราะคุณนอนกรนต่างหาก” รัฐทำเสียงกรนล้อเลียน “คร่อก”
ภัสสรตีแขนสามีขำๆ “บ้า ฉันไม่เคยนอนกรน” รัฐยิ้ม “นี่คุณ เห็นคุณนิภาบอกว่ารีสอร์ตที่เขาใหญ่ที่เค้าไปมาสวยมากเลยนะ ไว้เราเสร็จเรื่องตาวีกับหนูมณแล้วเราไปกันนะคุณ”
รัฐพยักหน้ารับยิ้มๆ
แม่ชื่นเหลียวมองไปทางบันได แล้วพูดเสียงเบาๆ “คุณวีมาแล้วค่ะ”
ภัสสรกระแอมทำท่าทีเคร่งขรึม
รัฐหันไปมองเตือนภริยาว่าอย่าแกล้งลูกเยอะ รัฐรวีเดินลงมานั่งที่โต๊ะ กินข้าวเงียบๆ
ภัสสรแกล้งรวบช้อน ดื่มน้ำ แล้วเตรียมจะลุกหนี
“แม่ครับ ผมมีเรื่องจะพูดด้วยครับ”
ภัสสรชะงักลงนั่ง ทำหน้าตาเคร่งขรึมหมางเมินขณะ หันไปหารัฐ
“คุณ บอกลูกว่ามีอะไรก็รีบพูดมา ฉันมีประชุมตอนเช้า”
รัฐรวีเอ่ยขึ้น “เรื่องที่ผมคุยกับแม่เมื่อวันก่อน ผมตัดสินใจแล้วครับ”
ภัสสรบอกกับรัฐอีก “คุณบอกลูกแล้วกัน โตแล้วอยากทำอะไรก็ทำ”
รัฐชักหงุดหงิด “นี่คุณ ลูกคุยด้วยก็คุยกับลูกหน่อยสิ”
“จะให้ฉันคุยอะไร ในเมื่อฉันพูดอะไรแล้วเค้าไม่ฟัง”
“แม่ครับ ผมตัดสินใจแล้วครับว่าผมจะแต่งงานกับคุณมณฑา และผมจะทำตามเงื่อนไขของแม่ทุกอย่างครับ”
ภัสสรอึ้ง นิ่งงันไป จนเมื่อได้สติ ก็ลุกเดินออกมาจากโต๊ะอาหาร ทำเป็นโกรธจัด รัฐรวีกับรัฐเดินตามมา ภัสสรหยุดเดิน หันมามองรัฐรวีอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เราแน่ใจแล้วใช่ไหมแล้วตาวี รู้ใช่ไหมว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของเรามันหมายถึงอะไรบ้าง”
“ผมทราบครับแม่ แล้วผมก็คิดดีแล้ว...”
“ผู้หญิงคนนั้นสำคัญกับเรามากขนาดนี้เลยเหรอ”
“มณฑา คือคนที่ผมรัก และผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา แม่เข้าใจผมนะครับ” รัฐรวีขอความเห็นใจ
ภัสสรหยุดคิดไปนิดหนึ่งจึงบอกกับรัฐรวีว่า “ก็ได้ตาวี ถ้าเราตัดสินใจแบบนี้ก็ตามใจ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องให้แม่เป็นคนจัดงานแต่งงานให้ เพราะถ้าแม่ให้แกทำ มันจะไม่สมเกียรติแม่กับพ่อ”
รัฐรวีดีใจ “ขอบคุณครับแม่ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
“เดี๋ยว แต่แกอย่าลืมนะ ว่าแกจะไม่ได้สมบัติจากฉันแม้แต่นิดเดียว”
“ครับ ผมไม่ลืม”
รัฐรวีลุกเดินออกจากโต๊ะอาหารไปเลย รัฐหันไปมองภัสสรที่ยังทำหน้าโกรธขึ้งสมบทบาทอยู่ ก่อนจะค่อยๆ หันมายิ้มกับสามี แล้วยกมือไฮไฟว์ รัฐจำต้องยกมือไฮไฟว์ด้วย
ภัสสรดีใจ “ตาวีน่ารักที่สุด สมกับเป็นลูกชายฉันจริงๆ”
รัฐส่ายหน้า “ผมสงสารลูกจริงๆ มันจะรู้ไหมว่ามีแม่เล่นละครเก่งระดับดาราตุ๊กตาทองแบบนี้”
“คุณก็ ฉันทำเพื่อลูกนะคะ ไม่คุยกับคุณแล้ว ฉันไปโทรบอกข่าวดีคุณหญิงดีกว่า”
ภัสสรรีบลุกขึ้น กดมือถือโทร.ออก รัฐส่ายหน้า ได้แต่หวังให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีจริงๆ
อีกฟาก เวกใช้มือซ้ายถือตำราเรียนของคณะบริหารอ่านเตรียมสอบ มือขวาถือสายยางรดน้ำต้นไม้
อยู่ ปากพึมพำท่องเนื้อหาในหนังสือเพื่อทบทวน กุ๊กกิ๊กเดินมา
“ทำอะไรของแกไอ้เวก”
เวกอ่านหนังสือไป “อย่าเพิ่งกวนได้ไหม ฉันรดน้ำหนังสือ อ่านต้นไม้อยู่ เฮ้ย! ดูสิ แกมากวนฉันเสียสมาธิหมด”
“ใครสั่งใครสอนให้แกทำสองอย่างพร้อมกันเนี่ย มานี่”
กุ๊กกิ๊กแย่งสายยางมาช่วยรดน้ำต้นไม้แทน
“แกจะได้มีสมาธิอ่านหนังสือ”
เวกยิ้มเขินๆ “ฉันไม่มีสมาธิตั้งแต่แกเดินเข้ามาแล้ว”
กุ๊กกิ๊กยิ้มเขินเช่นกัน
ทันใดนั้นได้ยินเสียงแตรรถดัง ปรี๊น! ปรี๊น!
เวกชะโงกหน้าไปดู “ใครมา”
กุ๊กกิ๊กชะโงกมองตาม สองคนงงว่าใครมาที่บ้าน
เสียงแตรรถดังอีก ปรี๊น! ปรี๊น! อย่างไร้มารยาท เวก กะกุ๊กกิ๊กเปิดประตูรั้วบ้านออกมาดู เห็นว่าเป็นรถภูวเดช
เวกแปลกใจ “คุณมณก็ไม่อยู่ แล้วคุณภูเค้ามาทำไม”
ภูวเดชเปิดกระจกรถตะโกนบอก “เปิดประตูให้ฉันสิ”
“ก่อนเปิดกุ๊กกิ๊กขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ คุณภูห้อยถุงทุเรียนไว้ที่ประตูรถทำไมคะ”
“ฉันซื้อมาฝาก แต่กลิ่นมันแรงกลัวติดรถ เลยห้อยไว้ข้างนอก เปิดประตูซะทีสิ”
ภูวเดชปิดกระจกรถขึ้น
เวกบ่นอุบ “เพี้ยนแบบนี้ไง คุณมณถึงได้ไม่ชอบ”
ไม่นานต่อมา ภูวเดชพาตัวเองมานั่งเจ๋อคุยกับคุณต๋อยอยู่ที่ห้องรับแขก
“วันนี้คุณมณไม่อยู่นะคะ”
“อ๋อ ผมตั้งใจมาหาคุณต๋อยน่ะครับ พอดีขับรถผ่านร้านผลไม้ เห็นทุเรียนน่ากินก็เลยซื้อมาฝาก” จู่ๆ ภูวเดชแกล้งเอามือกุมขมับปวดหัวร้อง “โอ๊ย”
“เป็นอะไรคะ”
“ไมเกรนขึ้นครับ” ภูวเดชตีหน้าเศร้า “ช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับเลยครับ เครียดเรื่องคุณมณ...ตั้งแต่รู้เรื่องคุณมณ ผมก็กินอะไรไม่ค่อยลง นี่ผมผอมไปเยอะเลยนะครับ”
“ทำไมคะคุณมณมีเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่คุณมณต้องปลอมตัวเป็นคนใช้ชื่อมณฑาไงครับ ผมรู้ว่าคุณมณลำบาก ผมก็อยากจะช่วย แต่ผมไม่รู้จะช่วยยังไงเพราะผมไม่รู้ว่าคุณมณทำไปเพื่ออะไร คุณต๋อยพอจะรู้ไหมครับ”
คุณต๋อยพยักหน้า “อ๋อ เรื่องนี้นี่เอง”
ภูวเดชทำหน้าตาน่าสงสารสุดฤทธิ์ “บอกผมมาเถอะครับ ให้ผมได้มีโอกาสช่วยคุณมณบ้าง”
ภูวเดชลุ้นสุดขีดให้คุณต๋อยบอก
ทันใดนั้นเองเวก กับกุ๊กกิ๊กกก็โผล่เข้ามาพอดี
“คุณต๋อยครับ”
ภูวเดชเซ็งที่ถูกเวก กะกุ๊กกิ๊กขัดจังหวะ ทั้งที่ตัวเองเกือบจะรู้ความจริงอยู่แล้วว่ามณฑิราปลอมตัวเป็นมณฑาทำไม
คุณต๋อยแหวใส่ “มีอะไร”
“ผมทำกุญแจรถหายน่ะครับ เดี๋ยวต้องออกไปธุระให้คุณมณด้วย ขอกุญแจรถสำรองหน่อยสิครับ”
“แกนี่มันสะเพร่าจริงๆ” คุณต๋อยบอกกับภูวเดช “ป้าขอตัวแป๊บนึงนะคะ”
คุณต๋อยเดินเข้าบ้านไป
เวก กุ๊กกิ๊กเดินตามคุณต๋อยเข้าไปในบ้าน
ภูวเดชเซ็งที่พลาดโอกาส เกือบจะรู้อยู่แล้วว่ามณฑิราปลอมตัวเป็นมณฑาทำไม
คุณต๋อยเดินบ่นเวกเข้ามามุมหนึ่ง มีกุ๊กกิ๊กเดินตามมาด้วย
“คอยดูนะไอ้เวก ชั้นจะให้คุณมณตัดเงินเดือนแกโทษฐานทำกุญแจรถหาย”
“ฉันไม่ได้ทำกุญแจรถหายจริงๆ หรอกคุณต๋อย” เวกสารภาพ
“พวกฉันแค่จะมาเตือนคุณต๋อยว่าอย่าเอาเรื่องคุณมณไปเล่าให้คุณภูวเดชฟัง” กุ๊กกิ๊กบอก
“พวกแกไม่ต้องมาสอนฉัน! ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน”
คุณต๋อยฉุน เดินออกไปหาภูวเดชทันที เวก กับกุ๊กกิ๊กกังวลกลัวว่าคุณต๋อยจะไปบอกภูวเดชว่าทำไมมณฑิราถึงปลอมตัวเป็นมณฑา
ภูวเดชนั่งรออยู่ จนคุณต๋อยเดินออกมา
“ขอโทษนะคะคุณภูที่ให้คอยนาน”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ว่าแต่เมื่อกี๊เราคุยกันถึงไหนแล้วนะคะ”
เวก และกุ๊กกิ๊กตามมาแอบดูว่าคุณต๋อยจะบอกภูวเดชเรื่องมณฑิรารึเปล่า
“อ๋อ ก็ที่คุณต๋อยกำลังจะบอกผมไงครับว่าทำไมคุณมณถึงต้องปลอมตัวด้วย”
“คุณภูเข้าใจผิดแล้วค่ะ ป้าไม่ได้จะบอกอะไรคุณภูนะคะ เรื่องนี้ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณมณไม่ได้เล่าให้ป้าฟังค่ะ”
“อ้าว! แล้วก็ให้ผมรอตั้งนาน”
“แต่ถ้าคุณภูอยากรู้จริงๆ เดี๋ยวป้าโทร.ถามคุณหญิงค่ะ คุณมณน่าจะเล่าให้คุณหญิงฟัง” คุณต๋อยจะเดินไปโทร.หาคุณหญิงหิรัญญิการ์
ภูวเดชตกใจรีบบอก “ไม่เป็นไรครับ งั้นผมกลับล่ะ”
ภูวเดชลุกขึ้น หยิบถุงทุเรียนขึ้นมาด้วย
“ทุเรียนนั่นคุณภูเอามาฝากป้าไม่ใช่เหรอคะ”
“พอดีเพิ่งนึกได้ครับ คุณต๋อยน้ำหนักเยอะ ทานทุเรียนมากไม่ดีหรอกครับเดี๋ยวจะอันตราย”
ภูวเดชถือทุเรียนเดินออกไป คุณต๋อยมองตามเซ็งๆ
เวก กับกุ๊กกิ๊กเดินเข้ามาหาคุณต๋อย
“คุณต๋อยนี่สุดยอดไปเลย” พร้อมกับยกมือจะไฮไฟว์กับคุณต๋อย
“ฉันเพื่อนเล่นเธอเหรอ”
กุ๊กกิ๊กจ๋อย “อุ้ย”
ทางด้านอาทิตย์กำลังนอนหนุนตักแม่ชื่นอยู่ที่เรือนคนใช้
“ไปอาบน้ำได้แล้วไอ้ทิตย์ โตจนมีเมียแล้วยังนอนหนุนตักแม่อีก”
“ให้หนูนอนหนุนตักแม่อีกแป๊บนึงนะจ๊ะ ไม่ได้นอนหนุนตักแม่ตั้งนาน หนูคิดถึง”
“ตักฉันมันจะสู้ตักเมียแกได้เหรอ”
“แม่จ๋า พรุ่งนี้ทำแกงจืดปลาหมึกยัดไส้ให้หนูกินหน่อยสิ หนูอยากกินกับข้าวฝีมือแม่”
“กับข้าวฝีมือฉันจะอร่อยสู้ของเมียแกได้เหรอ” แม่ชื่นประชด
“โห! ทำไมประชดหนูจังเลย หนูน้อยใจนะ”
“ฉันน่ะน่าน้อยใจกว่าแกอีก มีลูกชาย ลูกชายก็พาผู้หญิงหนีไป”
อาทิตย์เซ็ง เลยเปลี่ยนเรื่อง “ไม่คุยเรื่องหนูแล้ว คุยเรื่องคุณวีดีกว่า วันก่อนคุณวีบอกหนูว่าเค้าจะแต่งงานกับคุณมณฑา แล้วยอมทำตามข้อตกลงคุณท่าน ดูคุณวีกลุ้มใจมาก หนูสงสารคุณวีจังแม่”
“ตอนที่แม่รู้เรื่องแม่ก็สงสารคุณวีเหมือนกัน แต่จะทำอะไรได้ล่ะ ก็คุณหญิงท่านต้องการแบบนี้”
อาทิตย์กลุ้มใจ โทรศัพท์ดังขึ้น อาทิตย์หยิบมาดูเห็นว่าเป็นอิงอรโทร.มา อาทิตย์ไม่ยอมรับสาย
“คุณอิงโทรมาน่ะแม่”
“นี่แกคิดจะไม่รับโทรศัพท์เค้าไปตลอดเหรอ” อาทิตย์ชะงัก “แม่ไม่เห็นด้วยเลยนะที่แกทำแบบนี้ แกเป็นลูกผู้ชายก็ควรจะรับผิดชอบในสิ่งที่แกทำกับเค้า”
อาทิตย์คิดหนัก
คืนนั้น มณฑิรานั่งกลุ้มใจอยู่ในห้องนั่งเล่น เพราะกลัวว่าถ้ารัฐรวีรู้ความจริงแล้วจะโกรธ สุดท้ายตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดพิมพ์ไลน์หารัฐรวี เสียงกดพิมพ์ข้อความดัง ติ๊กๆๆๆๆ
มณฑิราหยุดพิมพ์ มองข้อความที่ตัวเองพิมพ์ในไลน์
“คุณวีคะ ฉันมีเรื่องอยากสารภาพคุณค่ะ...ที่จริงแล้วมณฑาที่คุณรู้จัก คือคนๆ เดียวกับมณฑิราค่ะ...”
มณฑิราตัดสินใจกดส่งข้อความ แต่สัญญาณเน็ตหมุนเหมือนสัญญาณไม่ดี แล้วขึ้นเป็นปุ่มสีแดงที่หน้าจอไลน์
มณฑิรากดเข้าไปดู เห็นข้อความแจ้งว่า จะ “resent” หรือ “delete”
มณฑิราคิดว่าจะกดส่งอีกรอบ
ทันใดนั้นโทรศัพท์มณฑิราดัง เป็นสายคุณหญิงหิรัญญิการ์โทรมา
มณฑิรารับสาย “สวัสดีค่ะคุณป้า พรุ่งนี้เหรอคะ ได้ค่ะ เดี๋ยวมณไปหา”
มณฑิราวางสาย แล้วมองดูข้อความไลน์อีกครั้ง มณฑิราตัดสินใจกด delete แล้วถอนหายใจ
วันถัดมา อาทิตย์กับอิงอรนั่งอยู่ที่โต๊ะในร้านอาหารที่สองคนนัดเจอกัน บนโต๊ะเห็นมีเพียงแก้วน้ำวางอยู่ 2 แก้ว อิงอรมองว่าอาทิตย์จะพูดอะไร
“คุณอิงอรครับ ผมขอโทษนะครับ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้คุณอิงอรเสียใจ ถ้ามีอะไรที่ผมจะสามารถทำเพื่อชดใช้ให้คุณอิงอรได้ ผมยินดีทำครับ...”
“ก็ดีที่ยังรู้จักมาขอโทษ” อิงอรเสียงดังขึ้น “แต่คิดว่าแค่ขอโทษแล้วฉันจะหายเหรอ”
จู่ๆ อิงอรลุกพรวดขึ้นโดยเร็ว เอามือดันโต๊ะจนทำให้ขาโต๊ะครูดพื้นจนเกิดเสียงดัง ยิ่งคนในร้านหันมามองทางอิงอรและอาทิตย์เป็นตาเดียว
อิงอรจงใจ และตั้งใจพูดประจานอาทิตย์ให้คนในร้านได้ยินเพื่อให้อาทิตย์อับอาย
“แกมันเลวมากนะที่สวมรอยเป็นคนรวยทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นแค่คนขับรถ! แล้วก็มาหลอกผู้หญิงให้เค้ารักทั้งที่ตัวเองมีแฟนอยู่แล้ว! แกคิดบ้างไหมว่าผู้หญิงที่เค้าโดนแกหลอกจะเสียใจมากแค่ไหน”
อิงอรหยิบแก้วน้ำมาค่อยๆ เทน้ำรดหัวอาทิตย์ โดยอาทิตย์นิ่งไม่โต้ตอบ เพราะรู้สึกผิดจริงๆ
คนในร้านมองอึ้ง อิงอรมองจ้องอาทิตย์ ว่าเขาจะรู้สึกยังไง
อาทิตย์สำนึกผิดเต็มประตู “ถ้าทำแบบนี้แล้วทำให้คุณอิงอรรู้สึกดีขึ้น” เขาเลื่อนแก้วน้ำอีกแก้วให้อิงอร “คุณอิงอรจะทำอีกก็ได้ครับ”
อิงอรอึ้ง นิ่งงันไปชั่วขณะ แล้วรู้สึกแค้นกว่าเดิมที่เห็นอาทิตย์ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร อิงอรหยิบแก้วน้ำที่อาทิตย์เลื่อนให้ขึ้นมาสาดใส่หน้าอาทิตย์อีก อาทิตย์ยิ้มให้ คนในร้านตกใจ อิงอรยิ่งโกรธ ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากร้านไป
อาทิตย์รีบวางเงินไว้ แล้วเดินตามอิงอรออกไป
อิงอรเดินหุนหันออกมา มีอาทิตย์เดินเช็ดหน้าเช็ดตาตามมาห่างๆ อิงอรคิดหาวิธีแก้แค้นอาทิตย์ แล้วอยู่ๆก็หยุดหันมาถาม
“แฟนนายรู้ไหมว่านายมาหาฉันวันนี้”
“ผมไม่ได้บอกครับ”
อิงอรยิ้มร้าย หยิบโทรศัพท์ออกมาโทร.หาอาทิตย์ โทรศัพท์ดัง อาทิตย์หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าขึ้นมาดูเพราะไม่คิดว่าอิงอรที่ยืนอยู่ด้วยกันจะโทร.มาหาตัวเอง
อาทิตย์ยืนงงเมื่อเห็นว่าเป็นอิงอรโทร.มา อิงอรฉวยโอกาสคว้าโทรศัพท์จากมืออาทิตย์ไป
“คุณอิงจะทำอะไรครับ”
“ก็ทำให้นายต้องชดใช้ให้ฉันไง”
อิงอรเอามือถืออาทิตย์กดโทร.เฟซไทม์หาวิไลลักษณ์
รอจนเห็นหน้าวิไลลักษณ์รับสาย
“ฮัลโหล คุณอาทิตย์” พอเห็นหน้าอิงอรเป็นคนโทร.วิไลลักษณ์เลยอึ้งไป
“แปลกใจใช่ไหมว่าโทรศัพท์แฟนเธอมาอยู่ที่ฉันได้ยังไง เพราะเค้าอยู่กับฉันไง” อาทิตย์อึ้ง “พอเค้ารู้ความจริงว่าเธอเป็นแค่คนใช้ เค้าก็กลับมาหาฉัน”
อาทิตย์รีบพูดแทรก “ไม่จริงนะครับคุณวิไลลักษณ์”
วิไลลักษณ์ซึ่งคุยเฟซไทม์อยู่กับอิงอรอยู่ที่เรือนคนใช้ ตัดสินใจกดตัดสายทิ้งทันที
อิงอร หันมายิ้มเยาะสะใจ ขณะที่อาทิตย์โกรธรีบคว้ามือถือกลับ แล้ววิ่งออกไป
อ่านต่อหน้า 2
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 14 (ต่อ)
ฝ่ายมณฑิรา รัฐ ภัสสร และคุณหญิงหิรัญญิการ์คุยหารือกันเรื่องรัฐรวีอยู่ในสวนสวยบ้านคุณหญิง
“ตาวีมาบอกดิฉันแล้วค่ะ ว่าเค้าตกลงจะแต่งงานกับมณฑา เห็นไหมคะ ดิฉันบอกแล้วว่าลูกชายของดิฉันเป็นคนดี”
รัฐหมั่นไส้ “เค้าก็รู้กันหมดแล้ว มีแต่คุณนั่นแหละที่ไม่เชื่ออยู่คนเดียว”
ภัสสรขัดใจ “เอ๊ะ คุณนี่”
คุณหญิงยิ้มขำๆ “แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีนะคะ เพราะเราจะได้เลิกหลอกคุณวีสักที” รัฐ กับภัสสรยิ้มเห็นด้วย “เอาอย่างนี้ไหมคะ ดิฉันจะรับผิดชอบจัดงานหมั้นที่บ้านยัยมณให้เอง” คุณหญิงหันมาหาหลานสาว “ดีไหมยัยมณ”
มณฑิราไม่ตอบเพราะมัวแต่เหม่อคิดเรื่องจะหาทางบอกความจริงรัฐรวีอยู่
คุณหญิงเสียงดังขึ้น “ยัยมณ”
มณฑิรารู้สึกตัว “ขอโทษค่ะ คุณป้าพูดกับมณเหรอคะ”
“นี่ยังกลุ้มใจเรื่องคุณวีอยู่ใช่ไหม ไม่ต้องห่วง ป้าว่าถึงเวลาที่เราจะบอกความจริงกับคุณวีได้แล้ว”
มณฑิราพยักหน้า ดีใจ
“อาคิดไว้แล้วจ้ะว่าจะเฉลยความจริงในวันหมั้น พอตาวีสวมแหวนหมั้นให้หนูมณ อาก็จะอธิบายเรื่องทั้งหมดเองให้ตาวีฟังเอง”
“เราบอกคุณวีก่อนไม่ได้เหรอคะ มณกลัวว่าคุณวีจะโกรธ”
ภัสสรรีบบอก “ไม่ได้จ้ะ ทำกันมาขนาดนี้เวลาเฉลยมันต้องยิ่งใหญ่หน่อย ตาวีจะได้รู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับสิ่งที่เค้าผ่านมา เดี๋ยวป้าจะเป็นคนอธิบายให้ตาวีฟังเอง”
“ผมเข้าใจว่ารางวัลมันคุ้มค่า แต่วีจะรับได้กับวิธีการที่เราทำจริงๆ เหรอคุณ” รัฐอดกังวลไม่ได้
“ต้องรับได้สิคะ ตาวีเป็นลูกฉัน ฉันเลี้ยงเค้ามาฉันรู้ดี”
“คุณเลี้ยงเค้ามาคนเดียวเหรอ ผมก็เลี้ยง ผมก็รู้จักลูก แต่ผมยังไม่มั่นใจเลย”
คุณหญิงห้ามทัพ “ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเองค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้เราก็ระวังอย่าให้คุณวีรู้จากใครก่อน จะได้ไม่เข้าใจเจตนาเราผิด ดีไหมคะ”
มณฑิรานิ่งคิดกังวลกลัวว่าจะไม่เป็นอย่างที่ภัสสรคิด
ด้านอาทิตย์หน้าตาตื่นเข้ามาหาวิไลลักษณ์ที่เรือนคนใช้เพื่ออธิบาย เห็นวิไลลักษณ์กำลังตากผ้าอยู่
“คุณวิไลลักษณ์ ฟังผมก่อนนะครับ ความจริงมันไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นนะครับ”
วิไลลักษณ์หยุดตากผ้า หันมา “แล้วมันเป็นยังไงคะ”
“ผมตั้งใจจะไปขอโทษคุณอิงอร แล้วก็ถูกคุณอิงอรแกล้งครับ”
“ค่ะ วิไลลักษณ์เข้าใจแล้ว” วิไลลักษณ์หันไปตากผ้าต่อ
อาทิตย์เง็ง “อ่าว ทำไมเข้าใจง่ายจังล่ะครับ”
“วิไลลักษณ์บอกแล้วไงคะว่าชักจะจับได้เวลาที่คุณอาทิตย์โกหก แล้วอาการแบบนี้ก็แสดงว่าคุณอาทิตย์พูดความจริง”
อาทิตย์หายเครียด หน้าระรื่นทันที “ขอบคุณครับ คุณวิไลลักษณ์เข้าใจผมแล้ว หายโกรธผมแล้วใช่ไหมครับ”
“ยังค่ะ”
อาทิตย์งง “เอ๊า”
“ก็เรื่องที่วิไลลักษณ์โกรธกับเรื่องคุณอิงอร มันคนละเรื่องกันนี่คะ อย่าเพิ่งมาชวนวิไลลักษณ์คุยตอนนี้เลยค่ะ วิไลลักษณ์จะทำงาน”
“ผมช่วยครับ”
“ไม่ต้องค่ะ นี่มันหน้าที่ของวิไลลักษณ์”
“มันก็เป็นหน้าที่ของผมเหมือนกันนี่ครับที่ต้องช่วยเมียผมทำงาน...”
อาทิตย์ไม่รอฟังคำตอบ หันไปช่วยวิไลลักษณ์ตากผ้า วิไลลักษณ์มองแล้วยิ้มออกมา เอามือถือมากดถ่ายรูปอาทิตย์ที่กำลังตากผ้าไว้ รีบอัพขึ้น อินสตาแกรม พออาทิตย์หันมา วิไลลักษณ์รีบเก็บมือถือแล้วทำหน้าบึ้งใส่ เหมือนไม่สนใจ ตากผ้าไม่รู้ไม่ชี้ อาทิตย์เซ็ง
กุ๊กกิ๊กวิ่งเข้ามาหา “วิไล คุณอาทิตย์ คุณมณให้ขึ้นไปหาที่เรือนใหญ่เดี๋ยวนี้”
“ผมด้วยเหรอครับ”
วิไลลักษณ์กับอาทิตย์งงว่าเรื่องอะไร?
อีกฟากหนึ่ง มือถือของอิงอรค้างอยู่ที่หน้าจอ ที่มีรูปของอาทิตย์ที่วิไลลักษณ์แอบถ่ายรูปเอาไว้ พร้อมกับข้อความ “สามีตัวอย่าง” อิงอรกรี๊ดเพราะแค้นที่ทำอะไรอาทิตย์กับวิไลลักษณ์ไม่ได้
มณฑิรากำลังคุยกับคุณต๋อย อาทิตย์ วิไลลักษณ์ กุ๊กกิ๊ก
อาทิตย์หน้าเครียด “ต้องรอจนเกือบจบงานหมั้นเลยเหรอครับ ถึงจะบอกคุณวีได้
มณฑิราเองก็ลำบากใจเหลือเกิน “ขอโทษด้วยนะจ๊ะ ฉันรู้ว่าทำให้อาทิตย์ลำบากใจ แต่ฉันอยากขอให้อดทน ช่วยฉันอีกหน่อยนะ”
อาทิตย์อยากจะพูดอะไรอีก แต่ก็เกรงใจมณฑิราและวิไลลักษณ์ เลยเงียบไป
คุณต๋อยนึกได้ “ยังมีอีกเรื่องค่ะคุณมณ วันก่อนคุณภูวเดชมาถามป้าเรื่องคุณมณด้วยค่ะ”
“แล้วคุณต๋อยบอกเค้าไปว่ายังไงคะ”
คุณต๋อยอ้าปากจะพูด ถูกกุ๊กกิ๊กพูดแทรก
“คุณต๋อยก็เกือบบอกสิคะ ดีนะคะกุ๊กกิ๊กอยู่ด้วย ก็เลยเตือนคุณต๋อยได้ทันไม่อย่างนั้นความแตกไปแล้ว”
“เดี๋ยวเธอจะหัวแตก” กุ๊กกิ๊กสะดุ้งโหยง “ถึงเธอไม่เตือน ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรควรพูด ไม่ควรพูด”
“ถ้าคุณภูมาถามอะไรเกี่ยวกับมณอีก ทุกคนก็บอกไปแล้วกันว่าไม่รู้เรื่อง อีกไม่กี่วันเรื่องทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว”
อาทิตย์หงุดหงิดที่ต้องโกหกรัฐรวีต่อไปอีก
โทรศัพท์เครื่องมณฑาดัง มณฑิราหยิบมาดูเห็นว่าเป็นรัฐรวีโทร.มา จึงกดรับสาย
“ค่ะคุณวี”
รัฐรวีนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะในห้องทำงาน
“คืนนี้คุณว่างไหม ขออนุญาตคุณวิไลลักษณ์ออกมาทานข้าวเย็นกับผมได้ไหมครับ เดี๋ยวเลิกงานแล้วผมไปรับ แต่งตัวสวยๆนะครับ ผมจะพาไปที่พิเศษ”
มณฑิราอึ้ง หนักใจที่ต้องโกหกรัฐรวีอยู่
แม่เมียดทำกับข้าวอยู่ นายวงนั่งเด็ดผัก เวกนั่งอ่านหนังสือเรียน เตรียมสอบ
นายวงเอ่ยขึ้น “เวก แกมาช่วยเด็ดผักแทนพ่อหน่อย พ่อจะไปทำภารกิจระดับชาติ”
แม่เมียดเอ็ด “ลูกอ่านหนังสือสอบอยู่ไม่เห็นเรอะ”
“ฉันไปตรวจหวยแพร๊บเดียวน่ะแม่”
แม่เมียดโวยลั่น “ตรวจหวยอีกแล้ว วันๆ แกไม่คิดจะทำอย่างอื่นเลยรึไง”
“อ้าวแม่ ก็พ่อเป็นนักล่าฝัน 16 วันครั้ง คอยดู ถ้างวดนี้ถูก อย่ามาง้อแล้วกัน”
แม่เมียดเซ็ง เวกเข้ามาช่วยเด็ดผัก นายวงหันไปตรวจล็อตเตอรี่
อาทิตย์เดินหงุดหงิด หน้าหงิกเข้ามาในครัวพร้อมกับวิไลลักษณ์
“คุณอาทิตย์ไม่พอใจเรื่องที่คุณมณขอร้องใช่ไหมคะ”
“ใช่สิครับ ตอนนี้ทุกคนรู้ความจริงหมดแล้ว มีแค่เจ้านายผมที่ไม่รู้ ต้องทุกข์ใจอยู่คนเดียว.. คุณวิไลลองนึกถึงใจเขาใจเราสิครับ ตอนคุณวิไลรู้ว่าผมหลอกคุณ คุณยังโกรธเลย.. ผมกลัวว่ายิ่งเราปิดคุณวีไว้นานเท่าไหร่ คุณวีก็จะยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น”
วิไลลักษณ์ทักท้วง “แต่คุณวีกับคุณมณรักกัน ต่อให้คุณวีโกรธคุณมณแค่ไหน ก็ต้องให้อภัยได้”
อาทิตย์ย้อนเข้าเรื่องตัวเอง “แล้วคุณวิไลไม่รักผมเหรอครับ ทำไมยังไม่ให้อภัยผมซักที”
“วิไลกำลังพูดเรื่องคุณมณกับคุณวีนะคะ”
“แต่ผมอยากพูดเรื่องผม เมื่อไหร่คุณวิไลจะหายโกรธผมซะที”
นายวงโวย “โอ้ย อย่าทะเลาะกัน” สองคนชะงัก “เอาจริงๆพ่อก็ไม่ค่อยเห็นด้วยหรอกนะเรื่องหลอกกันเนี่ย”
“พ่อ แต่ตอนปลอมตัวพ่อดูสนุกมากเลยนะ” เวกเย้า
“เดี๋ยวปั๊ดแทงด้วยรากผักชี” เวกขำๆ
“วิไลขอร้องคุณอาทิตย์นะคะ อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับคุณวี ไม่อย่างนั้นวิไลไม่หายโกรธคุณอาทิตย์จริงๆ ด้วย”
“ถึงผมไม่บอก คุณวิไลก็ไม่หายโกรธผมอยู่แล้ว งั้นผมบอกดีกว่า”
“เอ๊ะคุณอาทิตย์ นี่พูดไม่รู้เรื่องใช่ไหมคะ วิไลไม่คุยด้วยแล้ว” วิไลลักษณ์เดินหนีไปเลย
วิไลลักษณ์เดินงอนออกมา มีอาทิตย์เดินตามมาง้อ
“คุณวิไลครับ คุณวิไล”
วิไลลักษณ์ไม่คุยด้วย อาทิตย์เดินตามแล้วสะดุดล้ม
“โอ๊ย” อาทิตย์แกล้งร้อง เรียกความสนใจ แต่วิไลลักษณ์ไม่หยุด อาทิตย์ร้องดังขึ้น “โอ๊ย”
วิไลลักษณ์หันมาดุ
“จะร้องเสียงดังทำไมคะ เดี๋ยวคุณต๋อยก็ออกมาว่าหรอก”
“ออกมาก็ดีสิครับ ผมจะได้ฟ้องคุณต๋อยว่าเมียไม่สนใจ อบรมลูกน้องยังไง แต่งงานไปแล้วไม่สนใจผัว”
“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยค่ะ”
“มันก็ไม่เกี่ยวเหมือนกันครับ คุณวิไลก็รักเจ้านายคุณวิไล ผมก็รักเจ้านายผม แต่เราไม่เห็นต้องโกรธกันเลยนี่ครับ”
วิไลลักษณ์นิ่งคิดตาม อาทิตย์รีบลุกไปอ้อน เอาหัวพิงไหล่
“ดีกันนะครับ ผมคิดถึงคุณวิไลลักษณ์นะ”
วิไลลักษณ์ยี้ “อี๋ เหม็น”
“เหม็นก็อาบน้ำให้เค้าสิ”
วิไลลักษณ์เขิน ผลักอาทิตย์ออกแล้วเดินหนีไป
“เอ๊า จะไปไหนล่ะครับ คุณวิไลลักษณ์ เดี๋ยวสิครับ”
อาทิตย์รีบตามไป
คุณต๋อย กะกุ๊กกิ๊กเดินสวนกับสองผัวเมีย เข้ามาในครัว เห็นแม่เมียด เวก ง่วนทำครัวอยู่ ส่วนนายวงยังอยู่ในภาระกิจระดับชาติดังเดิม
“เห็นเดินหน้าหงิกออกไปนั่น ผัวเมียทะเลาะกันอีกแล้วละสิ” คุณต๋อยหันมาบ่นกับกุ๊กกิ๊ก “แกโชคดีแล้วกุ๊กกิ๊กที่ไม่คิดจะมีผัว”
กุ๊กกิ๊กบอกทันควัน “หนูคิดค่ะ”
ทุกคนอึ้ง ตกใจระคนขำ ยกเว้นคุณต๋อย
“หนูไม่อยากแก่แล้วต้องอยู่คนเดียวเหมือนคุณต๋อย พ่อแม่หนูคงเป็นห่วงแย่เลย”
เวก นายวง แม่เมียดพากันขำ ส่วนคุณต๋อยงอน เดินเชิดหนีไป
“อ้าว จะไปไหนล่ะคะคุณต๋อย เอ๊ะ ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”
กุ๊กกิ๊กงง นายวง แม่เมียดหันไปทำงานต่อ เวกแอบมองกุ๊กกิ๊กยิ้มกริ่ม
ด้านรัฐรวีเปิดประตูพามณฑิราเข้ามาในร้านอาหารที่ตัวเองเป็นหุ้นส่วน เป็นร้านเดียวกับที่เคยพามณฑิราในคราบมณฑามาทำอาหารทานคราวก่อน
ทั้งรัฐรวีและมณฑิราแต่งตัวในชุดดูดีสวยหล่อ ภายในร้านเปิดไฟไว้สลัวๆ
“เอ๊ะ ไหนคุณเคยบอกว่าร้านปิดเฉพาะวันจันทร์ไม่ใช่เหรอคะ”
“วันนี้ผมให้เพื่อนปิดร้านเป็นกรณีพิเศษน่ะครับ”
มณฑิรายิ้มแซว “เป็นเจ้าของร้านก็ดีแบบนี้แหละเนอะ”
รัฐรวียิ้มขำ
“ผมอยากทำอาหารให้คุณทานอีก แต่คราวนี้คุณจะนั่งรอเฉยๆไม่ได้แล้ว ผมอยากให้คุณช่วยเป็นลูกมือให้ผมด้วย”
“ได้สิคะ”
รัฐรวีทำอาหารเมนู “ทาโก้แป้งนุ่ม” เป็นอาหารเม็กซิกัน โดยมีมณฑิรายืนช่วยเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ
รัฐรวีนวดแป้ง ส่วนมณฑิราช่วยหั่นมะเขือเทศ ต่อมารัฐรวีทำไส้ แล้วห่อด้วยแป้ง แล้วเอาไปอบ
รัฐรวีเอาออกจากเตาอบ
“เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวผมจัดใส่จานแล้วไปเสิร์ฟที่โต๊ะครับ คุณมณไปนั่งรอข้างนอกก่อนนะครับ”
มณฑิราเดินออกไป รัฐรวีมองตามยิ้มๆ
มณฑิรานั่งรออยู่ที่โต๊ะ สักครู่รัฐรวีถือจานทาโก้แป้งนุ่มเสิร์ฟพร้อมกับซัลซ่ามาวางลงที่โต๊ะหน้า
“เมนูนี้เป็นเมนูพิเศษที่ผมตั้งใจทำให้คุณมณทานโดยเฉพาะ ส่วนผสมบางอย่างผมใช้เวลาเลือกอยู่นานมาก”
“อะไรเหรอคะ”
“ลองทานดูสิครับ”
มณฑิรายิ้ม หยิบมีดกับส้อมมาหั่นทาโก้จะทาน แต่ต้องชะงักเพราะหั่นไปโดนอะไรบางอย่างแข็งๆ
มณฑิราแปลกใจใช้มีดลองเปิดดู แล้วเห็นว่าเป็นแหวนหมั้น มณฑิราหยิบขึ้นมามองอึ้งๆ
รัฐรวีจับมือมณฑิราอย่างทะนุถนอมแล้วหยิบแหวนมาถือไว้
“ผมโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่มีทุกอย่างสมบูรณ์เพียบพร้อม แต่ในความโชคดีก็มีโชคร้าย ผมไม่เคยรู้เลยว่าคนที่เข้ามาในชีวิตผม เค้าทำดีกับผมเพราะเค้าจริงใจ หรือเพราะเค้าหวังอะไรจากผมกันแน่”
มณฑิราฟังแล้วยิ่งอึ้ง เพราะตรงกับสิ่งที่ตัวเองก็รู้สึกมาตลอด
“จนกระทั่งผมได้มาเจอกับคุณ คุณทำให้ผมรู้สึกว่าตลอดเวลาที่คุณอยู่กับผม คุณมีความจริงใจให้ผมจริงๆ”
มณฑิราอึ้งหนัก เพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองโกหกรัฐรวีอยู่
“ผมไม่ต้องเสแสร้งแกล้งเป็นในสิ่งที่ผมไม่ชอบ ผมมีความสุขทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่กับคุณ แต่งงานกับผมนะครับคุณมณ”
มณฑิราอึ้งอยู่อย่างนั้น
“คุณอึ้งนานแบบนี้ ผมเริ่มไม่มีความสุขแล้วสิ...ตกลงว่า...”
“มณตกลงค่ะ”
มณฑิรายื่นมือมา รัฐรวีสวมแหวนให้อย่างบรรจง รัฐรวีลุกขึ้นกอดมณฑิราด้วยความดีใจ สุขใจ
“ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุด ผมสัญญาว่าจะทำให้คุณมณเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด”
“ฉันก็สัญญาค่ะ” มณฑิราคิดกังวลว่าถ้ารัฐรวีรู้ความจริง จะรับได้ไหมในสิ่งที่โดนหลอก “ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ฉันรักคุณค่ะ”
สองคนกอดกันอย่างมีความสุข รัฐรวีจูบมณฑิราอย่างนุ่มนวลลึกซึ้ง
รถภูวเดชขับเข้ามาจอดที่หน้าร้าน ภูวเดชลงจากรถแล้วมองเข้ามาในร้าน เห็นรัฐรวีกับมณฑิราที่กำลังสวีทกัน มองตาแทบถลนอย่างอาฆาตแค้น
“มีความสุขกันมากนะ อีกไม่นานหรอก”
อ่านต่อหน้า 3
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 14 (ต่อ)
ภัสสรคุยโทรศัพท์กับคุณหญิงหิรัญญิการ์ โดยที่ภัสสรนั้นพูดคุยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พรุ่งนี้แล้วนะคะคุณหญิง ทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหมคะ”
ฝ่ายคุณหญิงนั้นคุยสายอยู่ที่บ้านมณฑิรา
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณภัสสร ตอนนี้ดิฉันก็อยู่บ้านยัยมณ กำลังกำชับทุกคนให้เตรียมตัวให้ดี”
“ตกลงจะมีแค่วิไลคนเดียวใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ แม่เมียด นายวงคงจะไม่ไหว ท่าทางตื่นเต้นมาก ดิฉันกลัวว่าคุณวีจะจับได้”
“โอเคค่ะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
พอวางสายโทรศัพท์ก็ดังอีก เป็นรัฐโทร.มา ภัสสรกดรับสาย
“ว่าไงคะคุณ ตกลงพรุ่งนี้คุณกลับมาทันไหม ยังต้องประชุมต่ออีกวันเหรอคะ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันไปคุยเอง ทุกอย่างต้องเรียบร้อยตามแผนของฉัน”
ภัสสรยิ้มอย่างมุ่งมั่นหมายมาด
เช้าวันถัดมา ภัสสรวางฟอร์มนิ่งหน้าเชิด ขณะลงนั่งที่โซฟาในห้องรับแขกบ้านมณฑิรา โดยมีวิไลลักษณ์ที่แต่งตัวเป็นคุณหนูนั่งทำหน้าไม่ถูกอยู่บนโซฟาด้วย
อาทิตย์นั่งยิ้มเจื่อนๆ อยู่ที่เก้าอี้ไกลออกไป มณฑิราในคราบสาวใช้มณฑานั่งอยู่ที่เก้าอี้กับรัฐรวี
มณฑิราแนะนำผู้ใหญ่กับวิไลลักษณ์ “คุณหนูคะ นี่คุณภัสสร คุณแม่คุณรัฐรวี” วิไลลักษณ์ไหว้ ภัสสรรับไหว้เชิดไว้ตัวสมบทบาท
มณฑิราแนะนำภัสสรกับวิไลลักษณ์ “คุณอาคะ นี่คุณหนูวิไลลักษณ์ เจ้านายของมณค่ะ”
วิไลลักษณ์เอ่ยกับภัสสรว่า “ต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณพ่อคุณแม่ติดธุระอยู่ต่างจังหวัด กลับมาไม่ทัน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ได้เจอคุณวิไลลักษณ์ก็พอแล้ว ได้ยินชื่อมานาน ต้องขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้คุณมารักกับคนขับรถบ้านดิฉัน ลูกชายดิฉันคงไม่ได้มารักกับคนใช้บ้านคุณ”
รัฐรวีปราม “แม่ครับ!”
ภัสสรบอกวิไลลักษณ์ต่อว่า “ที่มาวันนี้ก็เพราะตาวีเค้าใจร้อนอยากจะรีบหมั้นรีบแต่งกันเลย ดิฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหนุ่มสาวสมัยนี้เค้าถึงได้ใจร้อนกันขนาดนี้”
“ทางหนูกับคุณพ่อคุณแม่คุยกับพี่มณแล้ว ก็คงไม่ขัดข้องอะไรค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นงานแต่งฝ่ายดิฉันจะจัดให้นะคะ ไม่ต้องห่วง ใหญ่โตสมหน้าสมตาของดิฉันกับคุณวิไลลักษณ์แน่ๆ...” ภัสสรหันมาทางมณฑิรา “อ้อ แต่มีอย่างนึงที่ฉันต้องบอกเธอไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะแล้วเรียกร้องกันทีหลัง”
รัฐรวีอ้อนวอน “แม่ครับ เอาไว้ค่อยพูดก็ได้ครับ”
“ก็พูดวันนี้ไปเลย จะได้เคลียร์ๆ หลังจากแต่งงานตาวีจะไม่ได้สมบัติอะไรไปจากฉันเลยแม้แต่นิดเดียว เธอจะได้ไปแค่ตัวตาวี”
มณฑิราอึ้ง หันมองสงสารรัฐรวี รัฐรวีหน้าชาที่ภัสสรพูดเรื่องนี้ตอนนี้ ภัสสรแอบยิ้มภูมิใจที่ตีบทแตก
วิไลลักษณ์ มณฑิราเดินมาส่งภัสสรกับรัฐรวีที่หน้าบ้าน อาทิตย์เดินตามมาท่าทางจ๋อยสนิท เพราะสงสารรัฐรวีจับใจ
รัฐรวีบอกกับมณฑิราว่า “วันหมั้นคุณป้าของคุณมณจะมาด้วยใช่ไหมครับ แต่ใจจริงผมอยากไปกราบท่านก่อน ท่านอยู่ที่ไหนครับ”
ทุกคนพากันอึ้งแถบ สุดท้ายมณฑิราเอ่ยขึ้น
“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ป้าของมณท่านอยู่ไกล คุณวีไปคงไม่สะดวก”
ภัสสรแกล้งโวย “ใช่ ถ้ากันดารมาก แม่ก็ไปไม่ไหวนะตาวี”
“โธ่ แม่ครับ แต่ผมจะแต่งงานกับหลานสาวเค้า แล้วคุณมณก็เหลือแค่ป้าคนเดียวที่เป็นญาติผู้ใหญ่ที่นับถือ ยังไงผมก็ต้องไปพบท่านให้ได้ครับ”
ทั้งหมดเริ่มมองหน้ากันเลิกลักว่าจะเอาไงดี อาทิตย์เห็นท่าไม่ดี รีบแก้ไขสถานการณ์
“คุณวีครับ แต่ผมว่าเราขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่คุณวิไลลักษณ์ก็น่าจะพอนะครับ คุณวิไลลักษณ์เคยเล่าให้ผมฟังว่าป้าของพี่มณรักแล้วก็เคารพคุณท่านมาก”
วิไลลักษณ์รีบเสริม “ใช่ค่ะ ป้าของพี่มณฝากพี่มณไว้กับครอบครัววิไลลักษณ์ ทุกวันนี้พี่มณก็เป็นเหมือนญาติสนิทของวิไลลักษณ์ค่ะ”
“ถ้าคุณวีอยากเจอท่าน เดี๋ยววันงานมณจะแนะนำให้รู้จักนะคะ วันนั้นท่านมาแน่”
“ก็ดีเหมือนกันนะตาวี หมั้นกันให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะแต่งงานที่ไหนค่อยว่ากัน”
“ส่วนเรื่องงานหมั้นไม่ต้องห่วงนะคะ วิไลลักษณ์จะจัดให้หรูเริด เอาให้สมเกียรติของพี่มณเลยค่ะ”
มณฑิรารีบแก้ มองปรามวิไลลักษณ์ “แหม คุณหนูก็พูดเกินไป คนใช้อย่างมณไม่ต้องหรูเริดหรอกค่ะ แค่งานเล็กๆก็พอแล้ว”
วิไลลักษณ์ยิ้มเจื่อนๆ “ค่ะ งานเล็กก็งานเล็ก แล้วแต่พี่มณเลยค่ะ”
“ให้ผมช่วยไหมครับ ผมไม่อยากให้คุณต้องไปกวนคุณวิไลลักษณ์”
“ไม่เป็นไรค่ะ วิไลลักษณ์ยินดี บอกแล้วไงคะว่าพี่มณเป็นมากกว่าพี่เลี้ยงของวิไลลักษณ์”
มณฑิราพยักหน้ายิ้มเพื่อให้รัฐรวีสบายใจ รัฐรวียิ้มแต่ลึกๆก็ยังเกรงใจอยู่ดี ทุกคนแอบโล่งที่ทุกอย่างผ่านไปได้
ภัสสรบอกกับรัฐรวีว่า “ไม่ต้องไปส่งแม่หรอก เดี๋ยวแม่จะเข้าไปดูช็อปที่พารากอน เราอยากจะไปไหนก็ไปกันเหอะ”
ตอนท้ายภัสสรทำเป็นมองเชิดหงุดหงิดใส่มณฑิรา แล้วเดินออกไปเลย
รัฐรวีกลุ้มหนัก ทุกคนแอบมองสงสารรัฐรวี
รัฐรวีกับมณฑิรานั่งอยู่ด้วยกันที่ร้านอาหาร รัฐรวีนั่งกลุ้มใจเรื่องที่แม่ไม่ชอบคนรักเอาเลย มณฑิรามองแล้วยิ่งสงสารรัฐรวี
บริกรเดินเอาไอศกรีมมาเสิร์ฟให้ แล้วออกไป มณฑิราเลื่อนถ้วยไอศกรีมไปให้รัฐรวี
“อ้าว คุณมณสั่งมาไม่ทานเหรอครับ”
“ฉันตั้งใจสั่งมาให้คุณค่ะ เค้าบอกว่าไอศกรีมทานแล้วช่วยให้หายเครียดนะคะ”
รัฐรวีมองมณฑิรายิ้มๆ
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันไม่โกรธแม่คุณหรอก” เห็นรัฐรวียิ้ม “ยิ้มอะไรคะ เดี๋ยวไอศกรีมก็ละลายหรอก หรือจะให้ฉันป้อน”
มณฑิราตักไอศกรีมจะป้อนให้รัฐรวี ทันใดนั้นภูวเดชโผล่พรวดมางับช้อนไอศกรีมที่มณฑิราตัก
ทำเอาสองคนเหวอ
“ไอศกรีมอร่อยมาก” ภูวเดชว่าพลางหันมามองมณฑิรา “ผมขอโทษครับ ผมคิดว่านี่คุณมณฑิราเพื่อนผม”
มณฑิราในคราบมณฑาอึ้งไป
รัฐรวีรีบบอก “ไม่ใช่ครับ นี่คุณมณฑาว่าที่คู่หมั้นผม”
“อ๋อ...” ภูวเดชลากเสียงยาว พลางทักมณฑิรา “สวัสดีครับคุณมณฑา ผมภูวเดช ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
มณฑิรายิ้มให้ แต่ส่งสายตามองปรามภูวเดชว่าอย่าพูดอะไร ภูวเดชทำไม่รู้ไม่ชี้ยิ้มใส่กวนๆ รัฐรวี
“ว่าที่คู่หมั้น แสดงว่าจะหมั้นกันเร็วๆ นี้เหรอครับ เมื่อไหร่ครับ”
“กำลังดูฤกษ์อยู่ครับ” รัฐรวีว่า
“ชวนผมด้วยนะครับ ผมอยากไปแสดงความยินดี เอ๊ะ แล้วนี่คุณมณฑิรารู้รึยังครับ ถ้ายังเดี๋ยวผมไปบอกคุณมณฑิราให้”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเรื่องเชิญแขกผมจัดการเอง”
“โอเคครับ งั้นผมไม่กวนแล้วครับ ยินดีด้วยอีกทีนะครับ ทั้งคุณรัฐรวี” ภูวเดชมองหน้ามณฑิรายิ้มกวนๆ “และคุณมณฑา”
ภูวเดชเดินยิ้มร่าชอบใจออกไป มณฑิรากังวลว่าภูวเดชจะทำอะไรอีก
ด้านอาทิตย์โทรศัพท์คุยอยู่กับวิไลลักษณ์กังวลเรื่องรัฐรวี
“เมื่อกี๊เกือบไปแล้วนะครับ ตอนคุณวีถามถึงคุณป้าคุณมณ”
วิไลลักษณ์คุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่งของบ้านมณฑิรา
“แต่คุณอาทิตย์ก็ไวนะคะ อย่างว่าแหละค่ะ คนโกหกบ่อย”
“เอ้า ตกลงผมทำดีก็ผิดเหรอครับ วางสายดีกว่าแบบนี้ ไม่คุยด้วยแล้ว”
วิไลลักษณ์ฉุน “งั้นวางเลยนะคะ”
“ฮื้อ ง้อผมหน่อยสิครับ ตอนนี้ผมไม่รู้จะคุยกับใครแล้ว คุยกับแม่แม่ก็โกรธเพราะโทษว่าผมเป็นต้นเหตุ คุยกับคุณวี เห็นคุณวีเครียดผมก็กลัวหลุด”
“ไม่ใช่คุณวีคนเดียวนะคะที่เครียด คุณมณก็เครียดเหมือนกัน วิไลยังไม่เห็นโวยวายเลย แค่นี้ก่อนนะคะ ไม่คุยด้วยแล้ว” วิไลลักษณ์วางสายไปเลย
อาทิตย์เซ็ง “เอ๊า”
รัฐรวีขับรถมาส่งมณฑิราที่หน้าบ้าน มณฑิรากังวลเรื่องภูวเดชมาก เลยเงียบๆ ไป จนรัฐรวีแปลกใจ
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณมณ หรือว่ายังเครียดเรื่องแม่ผมอยู่”
“เปล่าค่ะ”
รัฐรวีจับมือปลอบ “เข้าบ้านนอนนะครับ เดี๋ยวผมลงไปเปิดประตูให้”
รัฐรวีจะลงจากรถ ปล่อยมือจากมณฑิรา
“อย่าเพิ่งค่ะ” เธอคว้ามือเขาไว้ รัฐรวีชะงักหันมา “มณขอบคุณนะคะที่คุณทำทุกอย่างเพื่อมณขนาดนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มณอยากให้คุณรู้ว่ามณรักคุณ”
รัฐรวีดึงมณฑิรามากอด สีหน้ามณฑิราเต็มไปด้วยความกังวล
อาทิตย์กำลังยืนคุยกับหมอฉบังเรื่องงานหมั้น สองหนุ่มรอรัฐรวีอยู่ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“แค่ฟังฉันก็เสียวไส้แทน โชคดีนะที่ไอ้วีมันไม่สงสัยอะไร”
“ก็แน่สิครับคุณหมอ ช่วยกันซะขนาดนั้น ผมนะสงสารคุณวีก็สงสาร แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงคนรวยนี่เค้าชอบเล่นอะไรกันแปลกๆ นะครับ” อาทิตย์บ่น
“เอาน่า อดทนอีกนิดแล้วกันไอ้ทิตย์ อาทิตย์หน้าเสร็จงานหมั้นไอ้วีกับคุณมณ ทุกอย่างก็ถูกเฉลย เราก็ไม่ต้องมานั่งโกหกให้ผิดศีลอย่างนี้แล้ว”
“ซ๊าธุ! ขอให้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งอย่างที่ทุกคนคิดทีเถอะครับ”
“เอ๊า! แกกลัวอะไรอีก”
“ก็กลัวอารมณ์คุณวีน่ะสิครับ คุณหมอจำไม่ได้เหรอครับ ตอนคุณวีกลับมาใหม่ๆ ผมแกล้งอำว่าผมเป็นมะเร็ง พอคุณวีจับได้ แทบจะไล่ผมออกจากบ้าน”
“เออว่ะ แล้วหนนี้นี่ยิ่งกว่าเรื่องแกหลายเท่า”
สองคนเม้าท์เพลิน จึงไม่ทันเห็นว่ารัฐรวีเดินเข้ามา
“ใช่ครับ ผมไม่อยากคิดเลยว่าความโกรธของคุณวีจะมากกว่ากี่เท่า”
รัฐรวีเข้ามายืนข้างหลังอาทิตย์ “มันก็ขึ้นอยู่กับว่าแกจะสารภาพเร็วหรือช้าไง”
“งั้นก็แล้วไป” อาทิตย์เคลิ้มแต่แล้วนึกได้ หันมาเห็นรัฐรวีถึงกับสะดุ้ง “เฮ้อ คุณวี”
รัฐรวีอารมณ์ดี “แกทำอะไรผิดไว้อีก ถึงได้กลัวฉันโกรธ”
อาทิตย์อึกอัก ยิ้มกลบเกลื่อนกับหมอฉบัง
รัฐรวี หมอฉบัง และอาทิตย์ นั่งกันอยู่ที่โต๊ะในร้านอาหารแล้ว หมอฉบังรีบแก้เรื่องเมื่อกี้
“ไม่มีอะไรหรอก ไอ้ทิตย์มันแค่ปรึกษาฉันว่าแกจะโกรธไหมถ้ารู้ว่ามันกับเมียตั้งใจจะมีลูกกันก่อนแก”
“ถูกต้องแล้วครับ คนอย่างอาทิตย์มันเปิดปุ๊ปติดปั๊บน่ะครับ” อาทิตย์คุยโต
“ทำเป็นโม้ เมียแกยอมคืนดีแล้วเหรอ”
“โห คุณวีหยาบคาย พูดซะคิดถึงคุณวิไลลักษณ์เลย”
รัฐรวีแหย่ “แล้วเรื่องน้องอิงล่ะ”
หมอฉบังรีบบอก “ไม่เป็นไร เรื่องน้องอิง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
อาทิตย์กับรัฐรวีหันมองหน้าหมอฉบังพร้อมกันทันที สองคนชี้หน้าหมอฉบังพร้อมกัน
“ไอ้หมอ นี่อย่าบอกนะว่าแก...” รัฐรวีจ้องหน้าเขม็ง
หมอฉบังตัดบท “แกไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง”
“แกนั่นแหละเปลี่ยนเรื่อง ตกลงน้องอิงยังไง” หมอฉบังอึ้ง เขิน
“คุณหมอใบ้กินซะขนาดนี้ ชัวร์แล้วครับคุณวี”
“พอๆๆ วันนี้เรามาฉลองให้ไอ้วีเว้ย”
หมอฉบังกับอาทิตย์จะชนแก้ว แต่รัฐรวีทำหน้าเซ็งเพราะคิดถึงเรื่องแม่
“เอ้า เค้ามาฉลองให้ เจ้าภาพมาทำหน้าเซ็ง ไม่ต้องคิดมากหรอกไอ้วี เรื่องแบบนี้ใครเค้าก็เจอกัน แม่ผัวลูกสะใภ้”
“คุณมณเค้าจะทนแม่ฉันได้ใช่ไหมวะ” รัฐรวีเป็นกังวล
“โธ่ คุณวีกับคุณท่านยังทนมาได้ตั้งกี่ปี คุณมณก็ต้องทนได้สิครับ อย่าคิดมากครับ ชนแก้วดีกว่า”
สามคนยกแก้วชนกัน คุยเล่นทายคำอย่างเบิกบาน รัฐรวีพอหายเครียดลงบ้าง
“เราเรียกประกันเพราะรถ...”
สองคนต่อให้ว่า “ชน!!”
อาทิตย์ทายอีก “พัทยาอยู่จังหวัด...”
สองคนบอกว่า “ชน”
อาทิตย์ถามอีก “อยากกินข้าวหลามต้องไปซื้อที่...”
หมอฉบังบอก “นครปฐม”
อาทิตย์กะรัฐรวีเซ็ง “โว้ว”
ตกตอนบ่าย หมอฉบังกำลังถือเป้าล่อ โดยมีอิงอรเตะใส่เป้าด้วยความหงุดหงิดเรื่องอาทิตย์ ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก! หมอฉบังลดมือลง
“คุณอิงไปแค้นใครมาครับเนี่ย เตะไม่ยั้งเลย”
อิงอรไม่ตอบ เตะใส่อีก หมอฉบังรีบยกเป้าล่อขึ้นมากัน
อิงอรเตะ ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก!
อิงอรหยุดหอบ หมอฉบังลดมือลง
“หมดแรงแล้วใช่ไหมครับ”
อิงอรไม่ตอบ เงื้อเท้าขึ้นเตะอีก แต่คราวนี้หมอฉบังยกเป้าล่อมากันไม่ทัน อิงอรวางแข้งใส่เอวหมอเต็มๆ หมอฉบังทรุดลงจุก
อิงอรรีบเข้าไปดู “ขอโทษค่ะคุณหมอ เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“จุกครับ แต่ถ้าทำให้คุณอิงอรอารมณ์ดี เตะอีกหลายทีก็ได้ครับ”
“จริงรึเปล่าคะ”
หมอฉบังร้อง “ฮื้อ”
อิงอรพยุงหมอฉบังลุกขึ้นยืนขำๆ
สองคนนั่งพัก ดื่มน้ำ อยู่ที่ม้านั่งในสปอร์ตคลับ
“หายจุกรึยังคะคุณหมอ”
“หายแล้วครับ ตกลงคุณอิงอรมีอะไรไม่สบายใจเหรอครับ เล่าให้ผมฟังได้นะครับ”
“เรื่องงานนิดหน่อยน่ะค่ะ ว่าแต่ช่วงนี้คุณหมอเจอนายอาทิตย์บ้างรึเปล่าคะ”
“ถามถึงไอ้ทิตย์แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องงานแล้วมั้งครับ ไม่เจอเลยครับ ก็คงกำลังช่วยไอ้วีเตรียมงานหมั้นอยู่มั้งครับ”
“พี่วีจะหมั้นเหรอคะ ทำไมอิงไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
หมอฉบังอึ้งไป รัฐรวีไม่ได้บอก เพราะคงไม่อยากให้อิงอรรู้ “อ่า คงวุ่นๆ เลยลืมบอกมั้งครับ”
“พี่วีหมั้นกับใครคะ”
หมอฉบังอึ้งไปอีก เพราะไม่รู้ว่าจะบอกว่ามณฑิราหรือมณฑาดี แต่ตัดสินใจบอกว่ามณฑิราเพราะถ้าบอกว่ามณฑา อิงอรก็อาจจะไปถามรัฐรวีจนความแตกได้
“หมั้นกับ คุณมณฑิราครับ”
อิงอรพยักหน้า “อ๋อ...”
อิงอรยิ้มเจ้าเล่ห์ เหมือนคิดอะไรบางอย่างในใจ ซึ่งไม่น่าจะใช่เรื่องดี!
อ่านต่อหน้า 4
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 14 (ต่อ)
อิงอรกลับถึงคอนโด รีบโทร.หาภูวเดชซึ่งอยู่ในห้องนอนที่บ้าน
“ผมรู้อยู่แล้วครับ ว่าไอ้วีกับคุณมณกำลังจะหมั้นกัน วันก่อนผมไปเจอสองคนนี้อยู่ด้วยกันมา ผมงงไปหมดแล้วครับ สองคนนี้เค้าเล่นอะไรกันอยู่”
“ถ้าคุณภูอยากรู้ วันเสาร์นี้ที่บ้านคุณมณเราไปด้วยกันไหมคะ บางทีอาจจะมีช่องให้คุณภูได้เอาคืนพี่วีก็ได้”
“ผมไปไม่ได้ครับ ถ้าผมไปผมเดือดร้อนแน่ เพราะคุณหญิงขู่ผมไว้”
“ไม่ต้องกลัวค่ะ ในประเทศไม่ได้มีแต่คุณหญิงคนเดียวนะคะที่ช่วยคุณภูได้ แม่อิงก็ช่วยได้ค่ะ”
ภูวเดชยิ้มออก “งั้นลุยกันเลยครับ”
“พร้อมจะฟังแผนของอิงรึยังคะ”
ฟากอาทิตย์ แม่ชื่น และแตงอ่อนกำลังช่วยกันจัดเตรียมของที่จะไว้ใช้ในขบวนขันหมากอยู่ที่ห้องรับแขก รัฐรวีลงมือช่วยเตรียมเองด้วย
“ไอ้ทิตย์ ต้นกล้วยกับต้นอ้อยแกเตรียมไว้แล้วใช่ไหม”
“เตรียมไว้เรียบร้อยครับ ผมหุ้มโคนรดน้ำไว้อย่างดีไม่มีเหี่ยวแน่นอน”
รัฐรวีพยักหน้า “แล้วขนมแต่งงานล่ะครับแม่ชื่น”
“ป้าเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แล้วนี่มีใครไปแลกแบงค์ไว้ใส่ซองให้ผมรึยังครับ”
“ป้าจัดการให้แล้วค่ะ”
“ไอ้ทิตย์ ต้นกล้วยกับต้นอ้อยแกเตรียมไว้รึยัง”
อาทิตย์เย้า “ตื่นเต้นใช่ไหมครับคุณวี”
“ไม่ได้ตื่นเต้น”
“ไม่ตื่นเต้นอะไรล่ะครับ ต้นกล้วยต้นอ้อยคุณวีถามผมแต่แรกแล้ว! คุณวีไม่ต้องกังวลครับ ผมบอกแล้วไงว่างานนี้ผมเป็นพ่องานให้ ทุกอย่างจะต้องออกมาเรียบร้อย”
“ก็เพราะแกเป็นพ่องานนี่แหละฉันถึงกังวล”
อาทิตย์เซ็ง “ไม่ต้องห่วงครับคุณวี ผมสัญญาด้วยเกียรติอันน้อยนิดของไอ้อาทิตย์คนนี้ว่างานหมั้นของคุณวีกับคุณมณพรุ่งนี้จะต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอนครับ”
รัฐรวียิ้มให้อาทิตย์เหมือนจะเชื่อ “นี่แกไม่ได้ทำดีกับฉันเพราะแกไปทำอะไรผิดไว้ใช่ไหมไอ้ทิตย์”
อาทิตย์ชะงัก อึ้งไป ภัสสรกับรัฐเดินมาพอดี
“เอ้า ทำไมยังไม่ขึ้นไปนอนอีกตาวี”
“ผมนอนไม่หลับครับแม่”
“คงอยากจะแต่งงานจนนอนไม่หลับเลยล่ะสิ กับอีแค่แต่งงานกับคนใช้จะตื่นเต้นอะไรนักหนา ไปนอนได้แล้วไป”
รัฐรวีเดินซึมออกไป ทุกคนมองตามอย่างเป็นห่วง ภัสสรมองจนรัฐรวีออกไปแล้ว
“ชื่น เตรียมของเรียบร้อยไหมเนี่ย”
แม่ชื่นพยักหน้า ภัสสรกุลีกุจอดูความเรียบร้อยทันทีเพราะตื่นเต้นที่ลูกชายจะหมั้น
“อย่าให้ขาดตกบกพร่องนะชื่น งานของลูกชายคนเดียวของฉันต้องเพอร์เฟ็คท์ที่สุด”
รัฐมองระอาเมีย ภัสสรช่วยแม่ชื่นจัดของเป็นการใหญ่ อาทิตย์เป็นกังวลไม่คลาย
รัฐรวีเดินผ่านสระว่ายน้ำ รัฐเดินตามออกมาจากตัวบ้านพอดี แซวลูกชายขำๆ
“โดนแม่เราไล่ให้มานอนล่ะสิ เมื่อกี้พ่อเห็นเค้าบ่นๆ อยู่”
“ครับพ่อ”
รัฐยิ้มมองลูก “เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ พ่อยังรู้สึกเหมือนเพิ่งสอนแกว่ายน้ำไปไม่กี่วันนี่เอง ดูสิ โตเป็นผู้ใหญ่จะไปขอผู้หญิงแต่งงานแล้ว”
รัฐรวียิ้มแต่สีหน้ากังวลไม่คลาย “ไม่รู้พรุ่งนี้จะเป็นยังไงนะครับพ่อ”
“เราคิดดีทำดีซะอย่าง เดี๋ยวมันก็ออกมาดีเองนั่นแหละ ใครทำอะไรก็ต้องได้รับผลอย่างนั้น” รัฐรวีคิดตาม “เอาอย่างนี้สิวี ถ้านอนไม่หลับ ก็ลองโทรไปคุยกับว่าที่คู่หมั้นเราสิ พ่อว่าเค้าก็คงตื่นเต้นไม่แพ้เรา เผลอๆจะตื่นเต้นกว่าอีก”
นายพลรัฐหัวเราะขำ แล้วเดินกลับไปดูภัสสรที่เรือนคนใช้
ส่วนที่ห้องรับแขกบ้านมณฑิราก็กำลังเตรียมพิธีหมั้นเช่นกัน นายวงกับเวกกำลังช่วยกันจัดโต๊ะเก้าอี้ กุ๊กกิ๊กทำความสะอาดพื้น วิไลลักษณ์กับแม่เมียดช่วยกันเตรียมดอกไม้ คุณหญิงหิรัญญิการ์นั่งคุม โดยมีคุณต๋อยยืนอยู่ข้างๆ
มณฑิราที่นอนไม่หลับเดินลงมา “มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”
“ตายแล้วยัยมณ ทำไมยังไม่นอนอีก”
“นั่นสิคะคุณมณ นอนดึก เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าตื่นมา หน้าตาไม่สดชื่นนะคะ” คุณต๋อยว่า
“งานหมั้นของมณแท้ๆ ให้มณทำอะไรบ้างเถอะนะคะคุณป้า”
“ให้เป็นหน้าที่ของพวกวิไลดีกว่าค่ะคุณมณ” วิไลลักษณ์บอก
มณฑิราหันมามองคุณหญิงป้า แล้วพาคุณหญิงนั่งลงที่โซฟา
“คุณป้าคะ คุณป้าแน่ใจนะคะว่าสิ่งที่เราทำมันดีแล้ว”
“จริงๆป้าก็ไม่ชอบหรอก เพราะป้าไม่อยากให้เรามาเล่นสนุกกับความรักแต่ป้าเห็นคุณภัสสรจริงจังมาก แล้วเรื่องมันก็เลยเถิดมาขนาดนี้แล้ว ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงเอาเป็นว่าพรุ่งนี้เรามาช่วยกันทำทุกอย่างให้ดีที่สุดแล้วกัน”
มณฑิรากังวลใจ โทรศัพท์มณฑิราดัง เห็นเป็นชื่อรัฐรวีโทร.มา
รัฐรวียืนอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำ กำลังคุยสายกับมณฑิรา
“ทำอะไรอยู่ครับ”
ทางฝ่ายมณฑิราคุยโทรศัพท์อยู่ริมสระว่ายน้ำเช่นกัน
“กำลังจะนอนค่ะ”
“ผมไม่เชื่อหรอก คุณต้องกำลังตื่นเต้นอยู่แน่ๆ เพราะพรุ่งนี้คุณจะได้แต่งงานกับเจ้าชายอย่างผม จะนอนหลับง่ายๆได้ไง”
รัฐรวีเห็นมณฑิราเงียบไป
“คุณมณ... เป็นอะไรรึเปล่าครับ หรือว่าเหนื่อยที่ต้องเตรียมงาน”
มณฑิราตัดสินใจจะบอกความจริง “ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณค่ะ”
“ทำไมน้ำเสียงฟังดูเครียดๆ ครับ” พอรู้ว่ามณฑิราเครียดอยู่อย่างนั้น รัฐรวีเลยพูดแหย่ “อย่าบอกนะครับว่าจะเปลี่ยนใจไม่หมั้นกับผมแล้ว”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คือว่า...”
“เรื่องแม่ผมรึเปล่าครับ ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องกังวลนะครับ ผมเชื่อว่าไม่นานแม่ผมต้องชอบคุณแน่ๆ ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องสนใจหรอกครับ เดี๋ยวเราก็ผ่านกันไปได้”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้วคุณกลัวอะไร”
“ฉัน...ฉันกลัวว่าคุณจะไม่รักฉัน ถ้าคุณ…”
รัฐรวีแทรก “ผมเนี่ยนะจะไม่รักคุณ ผมรักคุณจะบ้าตายอยู่แล้ว”
มณฑิราอึ้งไปไม่กล้าบอก “ฉันก็รักคุณค่ะ”
“ไม่ต้องคิดมากนะครับ ไปนอนได้แล้วคู่หมั้นของผม เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาไม่สวย ตาบวมเหมือนฮิปโปนะ”
มณฑิรายังนั่งเล่นอยู่ริมสระน้ำ วิไลลักษณ์เดินออกมาดูด้วยความเป็นห่วง เห็นมณฑิรานั่งเล่นอยู่ริมสระ หน้าตากังวลจึงเดินไปหา
“คุณมณคะ”
“มีอะไรจ๊ะวิไล”
“ไม่มีอะไรค่ะ วิไลแค่อยากมานั่งเป็นเพื่อนคุณมณ”
มณฑิราพยักหน้า วิไลลักษณ์ลงนั่งข้างๆ
“ขอบใจนะ”
วิไลลักษณ์ยิ้มให้กำลังด้วยรู้ว่าผู้เป็นนายกังวลเรื่องอะไรอยู่
ฝ่ายรัฐรวีนั่งห้อยเท้าในน้ำ คิดเรื่องที่มณฑิรามีท่าทางแปลกๆ ตอนคุยโทรศัพท์ อาทิตย์ยืนแอบดูรัฐรวีอยู่ด้วยความรู้สึกผิดและเป็นห่วงว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
เช้าวันหมั้น ทั้งทางบ้านรัฐรวีและบ้านมณฑิรา วุ่นวายกันแต่เช้า
รัฐรวีใส่เสื้อเชิ้ตชุดหมั้น โดยมีอาทิตย์คอยช่วยแต่งตัวอยู่ใกล้ๆ
ส่วนมณฑิรากำลังแต่งหน้า ทำผม โดยวิไลลักษณ์เอาชุดหมั้นใส่ถุงมาแขวนเตรียมไว้ข้างๆ มุมแต่งหน้า
ภัสสรกำลังคุมแม่ชื่น แตงอ่อน และคนขับรถให้ขนของในขบวนขันหมากขึ้นรถตู้ รัฐแต่งตัวเสร็จเดินออกมายืนยิ้มดูภัสสรที่บงการอยู่อย่างตื่นเต้น
ฟากคุณหญิงหิรัญญิการ์ที่แต่งตัวเต็มเดินตรวจความเรียบร้อยของบ้าน คุณหญิงยืนบงการอยู่ตรงหน้าแม่เมียด นายวงที่แต่งตัวเป็นคนรวยเตรียมรับขันหมาก คุณหญิงพยักหน้าว่าใช้ได้ นายวงกับแม่เมียดเกร็งๆ
รอบบริเวณบ้านมณฑิราตกแต่งด้วยดอกไม้ และจัดสถานที่สวยงาม เตรียมพร้อมรับแขกเหรื่อ
ขันหมากรัฐรวี มาตั้งขบวนที่บริเวณสวนสาธารณะของหมู่บ้าน สินสอดของหมั้นในมือแขกแต่ละคนที่ตั้งแถวอยู่หน้าขบวนมีคนถือต้นกล้วยต้นอ้อย มีขบวนแตรวงตั้งแถวอยู่ด้านหลัง
ภัสสรออกอาการตื่นเต้นกับการเตรียมขบวนขันหมาก “อาทิตย์ ขบวนขันหมากพร้อมแล้วใช่ไหม”
“พร้อมแล้วครับ”
ภัสสรหันมาถามรัฐ “สินสอดพร้อมแล้วใช่ไหมคะคุณ”
“พร้อมแล้ว”
“แล้วของไหว้ล่ะชื่น”
“พร้อมค่ะ”
“แต่มีอยู่อย่างที่ไม่พร้อมครับ เจ้าบ่าวไม่รู้หายไปไหน” อาทิตย์บอก
ภัสสรงง “เอ๊า หายไปไหน ใกล้ได้ฤกษ์แล้ว”
รัฐรวีเดินแหวกผู้คนมาจากด้านหลังขบวนขันหมาก “ผมอยู่นี่ครับ”
“ไปทำอะไรข้างหลังน่ะตาวี”
“ผมไปดูความเรียบร้อยของขบวนขันหมากมาครับแม่”
“แม่ดูให้แล้ว เรามายืนข้างพ่อเค้านี่”
หมอฉบังเพิ่งมาถึงเดินเข้ามาสมทบท่าทีรีบร้อน ยกมือไหว้รัฐ ภัสสร “ขอโทษนะครับที่ผมมาช้า”
“ถ้าจะช้าขนาดนี้ มาพรุ่งนี้ก็ได้นะไอ้หมอ”
“จริงเหรอวะ” หมอฉบังกอดคอเพื่อน “แหม ตื่นเต้นล่ะสิแก”
เสียงอิงอรดังขึ้น “สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า”
อาทิตย์หันไปมองตามเสียง เห็นอิงอรกำลังยกมือไหว้รัฐ ภัสสรอยู่
ภัสสรรับไหว้ยิ้มแย้ม “สวัสดีจ้ะหนูอิง ขอบใจนะจ๊ะที่อุตส่าห์มา”
อิงอรหันมาหารัฐรวี “พี่วีหมั้นทั้งทีไม่เห็นบอกอิงเลยนะคะ”
“พี่ตั้งใจจะชวนเราไปที่งานเลี้ยงทีเดียว อีกอย่างพี่ก็รีบๆ เลยลืม ขอโทษนะ”
อาทิตย์ดึงหมอฉบังมากระซิบถาม “นี่คุณอิงเค้ารู้เรื่องงานหมั้นได้ยังไงครับ”
“ฉันบอกเค้าเองแหละ คุณอิงเค้าก็เป็นเพื่อนกับไอ้วีนะ ไม่ชวนมาน่าเกลียด”
อาทิตย์เม้ง “คุณหมอไม่รู้อะไรซะแล้ว คุณอิงกับคุณภูนี่ล่ะครับที่ร่วมมือกันทำลายคู่ผม”
หมอฉบังอึ้งตกใจ “ห๊ะ”
อิงอรเดินมาหาสองหนุ่มยิ้มทักอาทิตย์ “สวัสดีค่ะคุณอาทิตย์”
อาทิตย์ทักตอบงงๆ “สวัสดีครับ”
“เรื่องที่ผ่านมาอิงขอโทษด้วยนะคะ อิงคิดได้แล้วว่าสิ่งที่อิงทำมันผิด คุณอาทิตย์ให้อภัยอิงนะคะ”
อาทิตย์งงๆ อยู่ “ครับ ผมก็ต้องขอโทษคุณอิงเหมือนกันครับ”
อิงอรยิ้มให้ แล้วหันเดินไปคุยกับภัสสร “คุณป้ามีอะไรให้อิงช่วยถือบอกได้เลยนะคะ”
อาทิตย์กับหมอฉบังมองตามอิงอร
“ดูคุณอิงเค้าก็สำนึกผิดแล้วนี่หว่า อาจจะไม่มีอะไรก็ได้”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นครับ” อาทิตย์ไม่วางใจนัก
รัฐหันมาทางรัฐรวี “ได้ฤกษ์แล้ววี” แล้วบอกกับอาทิตย์ “ไอ้ทิตย์โห่”
อาทิตย์เรียกลูกคอ 2-3 ทีแล้วโห่ “โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห้ ฮี้ โห....”
ขบวนขันหมากรับ “ฮิ้ว.....” กันทั้งขบวน
อาทิตย์โห่อีก “โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห้ ฮี้ โห.....” ขบวนขันหมากรับ “ฮิ้ว.....”
อาทิตย์โห่รอบสาม “โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห้ ฮี้ โห...” ขบวนขันหมากรับอีก “ฮิ้ว.....”
จากนั้นแตรวงบรรเลงเพลงคึกคัก
ขบวนขันหมากเคลื่อนตัวไปที่บ้านมณฑิราอย่างสนุกสนาน
เมื่อขบวนขันหมากแห่มาหยุดอยู่หน้ารั้วบ้านมณฑิรา เจอประตูเงินประตูทองกั้นไว้
เพื่อนเจ้าสาวบอก “ขอซองค่าประตูเงินประตูทองด้วยค่ะ”
รัฐรวีหยิบซองจากอาทิตย์ส่งให้
เพื่อนเจ้าสาวเล่นแง่ตามธรรมเนียม “โห แค่นี้ไม่พอหรอกค่ะ น้อยไป”
รัฐรวีหยิบซองจากอาทิตย์อีกซองส่งให้
“ให้เจ้านายผมผ่านไปเถอะครับ อยากหมั้นเต็มแก่แล้ว” อาทิตย์แซว
“อ่ะ เห็นแก่เจ้าบ่าวสุดหล่อ” เพื่อนเจ้าสาว ลดประตูเงินประตูทองลง
“ขอบคุณครับ” รัฐรวียิ้มหน้าบาน
ขบวนขันหมากเคลื่อนผ่านรั้วบ้านเข้าไปจนหมด
จังหวะที่ประตูรั้วบ้านมณฑิรากำลังจะปิด ก็มีรถสปอร์ตสีเงินขับมาหน้าประตูบ้านอย่างรวดเร็ว พร้อมกับบีบแตรไม่ให้ประตูปิด ปี๊นๆๆ ทุกคนหันไปมอง รถสีเงินของภูวเดชเลี้ยวเข้ามาจอดในบ้านเฉยเลย ภูวเดชลงมาจากรถ ทุกคนมองอึ้ง คาดไม่ถึง
พวกคุณต๋อย วิไลลักษณ์ เวก และกุ๊กกิ๊ก ที่ยืนรอขบวนขันหมากที่ประตูบ้านงง
คุณต๋อยบ่นหน้าเครียด “คุณภูเค้ามาทำอะไรที่นี่เนี่ย”
เช่นเดียวกัน คุณหญิงหิรัญญิการ์มองลงมาจากระเบียงชั้นสอง โดยมีมณฑิรายืนอยู่ด้านหลัง
“นั่นรถนายภูวเดชนี่”
“มณไม่ได้บอกเค้านี่คะ ทำไมเค้าถึงมา”
“มณไม่ต้องห่วง ป้าคุยกับเค้าไว้แล้ว แต่ถ้ามณยังกังวลเดี๋ยวป้าลงไปคุยกับเค้าให้”
ทุกคนมองอึ้งๆ อยู่ แต่ภูวเดชเดินปรบมือเข้ามาหาขบวนเหมือนชื่นชม อาทิตย์เดินไปประกบภูวเดช
“คุณภูมาที่นี่ทำไมครับ”
“ฉันก็มาแสดงความยินดีกับคุณวีเค้าน่ะสิ” ภูวเดชหัวเราะ พลางหันมาทางรัฐรวี “ยินดีด้วยนะครับคุณวี”
ไม่เท่านั้นภูวเดชเดินไปแย่งของในมือหมอฉบังมาถือ
“ให้ผมช่วยนะครับคุณหมอ” แล้วบอกกับทุกคน “ต่อเลยครับคุณวี คู่หมั้นรออยู่ โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห่ ฮี้ โห้ ฮี้ โห...” ทุกคนอึ้งอยู่ ภูวเดชเลย “ฮิ้ว....” เอง พลางบอกกับนักดนตรี “เอ้า แตรวง”
แตรวงเป่า ขบวนเริ่มเคลื่อนต่อ อิงอรแอบสบตายิ้มรู้กันกับภูวเดช
โทรศัพท์สั่น ภูวเดชหยิบมาดู เห็นเป็นคุณหญิงโทร.มา ภูวเดชตกใจเล็กน้อย ก่อนทำเป็นใจดีสู้เสือ
“สวัสดีครับคุณหญิงป้า ได้ครับ เดี๋ยวผมเดินไปเดี๋ยวนี้”
ภูวเดชเดินมาหาคุณหญิงที่ยืนรออยู่ริมสระน้ำ
“เธอมาที่นี่ทำไม ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้เธอมาวุ่นวายกับยัยมณอีก หรือเธอไม่เชื่อที่ฉันบอก”
“เชื่อสิครับคุณหญิงป้า ผมเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ผมไม่ดื้อหรอก แล้วที่มาวันนี้เพราะผมอยากมาแสดงความยินดีกับคุณวีและคุณมณ”
“มาแสดงความยินดีก็แล้วไป แต่ถ้าเธอทำอย่างอื่น...”
“คุณหญิงป้าก็จะตัดความช่วยเหลือผมใช่ไหมล่ะครับ เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลครับ ผมมานั่งทบทวนแล้ว บริษัทผมก็บริษัทเล็กๆ จะทำอะไรเกินตัวก็ไม่ดี ต้องค่อยๆ เติบโตครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอกลับไปร่วมขบวนขันหมากก่อนนะครับ”
คุณหญิงมองตามภูวเดชไปอย่างนึกระแวง
พอหันหลังให้คุณหญิงเท่านั้น ภูวเดชยิ้มร้ายอย่างหมายมาดออกมา
อ่านต่อตอนที่ 15