xs
xsm
sm
md
lg

พรายพยากรณ์ ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พรายพยากรณ์ ตอนที่ 14

พิณชนิดานอนอยู่บนเตียงอย่างครุ่นคิดกับภาพที่เพิ่งเห็น ก่อนที่จะทะลึ่งพรวดจากที่นอนแล้วขยี้หัวตัวเองอย่างแรง
 
“โอ๊ย ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน ตกลงนายภูมินทร์คิดอะไรกับเรากันแน่?”
ทางด้านภูมินทร์ ก็เดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่นในห้อง
“เราพิมพ์แต่ไม่ได้ส่ง แล้วใครส่ง? ทำยังไงดี?”

ภูมินทร์เดินเข้ามาในสวน เจอกับพิณชนิดาที่เดินเข้ามาเหมือนกัน ต่างคนต่างก็ผงะไป
“นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอ?”
พิณชนิดาหันมองจ้องหน้าภูมินทร์ พยายามจะหยั่งความรู้สึกของอีกฝ่าย เขาเห็นเธอจ้องหน้าก็ทำอะไรไม่ถูก เลยแกล้งหาว
“แปลกจริงๆ ตอนอยู่บนห้องไม่ง่วง พอลงมาข้างล่างปุ๊บ ง่วงปั๊บ”
พูดพลางจะรีบเดินออกไป พิณชนิดารีบเรียกเอาไว้
“เดี๋ยว”
ภูมินทร์ชะงัก ถามโดยไม่มองหน้า “มีอะไร?”
“ข้อความที่นายส่งมา มันหมายความว่ายังไง?”
ภูมินทร์ได้ยินคำถามก็ถึงกับอึ้งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจหันไปบอก
“ฉันส่งผิด จริง ๆ แล้ว ฉันจะส่งไปให้คนอื่น แค่กดผิด”
พูดจบก็เดินไปทันที พิณชนิดาพูดไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น

แสงโชติมองไปทางบ้านภูมินทร์อย่างครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มากดหาเปรมสุดา ที่ยิ้มร้ายก่อนจะกดรับสาย
“ยังมีเบอร์ของสุดาอยู่เหรอคะ?”
“มีสิ ทำไมถึงคิดว่าผมจะไม่มี”
แววตาของเปรมสุดาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“ก็ขนาดเลือดเนื้อเชื้อไข คุณยังเขี่ยทิ้งได้ง่าย ๆ นับประสาอะไรกับเบอร์โทรศัพท์”
แสงโชติชะงักกึก “อย่ามาอ้างมั่วๆ เธอยอมนอนกับฉันง่าย ๆ นอนกับผู้ชายอื่นก็คงไม่ยาก”
เปรมสุดากรี๊ดลั่น
“ไอ้สารเลว พูดแบบนี้ แกกล้าตรวจดีเอ็นเอรึเปล่า?”
แสงโชติพูดไม่ออก เพราะรู้อยู่เต็มอก
“น้ำหน้าอย่างแก คงไม่กล้า”
“เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เปรมสุดายิ้มร้าย
“พล่านเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวกแบบนี้ คงกลัวฉันจะแฉเรื่องนี้กับนังพิณ”
แสงโชติผงะ
“อย่าทำอะไรบ้าๆ ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”
เปรมสุดายักไหล่เหมือนไม่แคร์
“ระหว่างผู้ชายที่กลัวแฟนใหม่จะหลุดมือ กับผู้หญิงที่ท้องไม่มีพ่อ แกว่าใครจะบ้าได้กว่ากัน?”
พูดจบก็กดวางสายทันที พร้อมกับปิดเครื่องถอดแบตออก แล้วหันมองเงาตัวเองที่ดูสวยมีน้ำมีนวลขึ้น ก่อนจะลูบท้อง แล้วก้มหน้าพูดกับลูก ด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง
“ลูกต้องมีพ่อดีๆ มีชีวิตสุขสบาย แม่สัญญา”

ทางด้านแสงโชติ ก็กังวล เพราะกลัวใจเปรมสุดา เขายืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเดินออกไป

พิณชนิดากำลังจะเดินเข้าห้อง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเปรมสุดาในชุดนอนเซ็กซี่เดินเข้ามาที่หน้าห้องของภูมินทร์
 
เธอถึงกับชะงัก เปรมสุดาหันมาเห็นพิณชนิดาก็เหล่มอง ก่อนจะเคาะห้อง ภูมินทร์เปิดประตูออกมา เห็นเปรมสุดาก็ตกใจ แต่ไม่ทันพูดอะไร อีกฝ่ายก็ถลาเข้าไปกอด เขาได้แต่อึ้ง แต่พิณชนิดาอึ้งกว่า
“ขอสุดาเข้าไปคุยกับภูในห้องนะคะ?”
เปรมสุดาเอียงหน้าไปกระซิบด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ภูมินทร์กำลังจะปฎิเสธ แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นแสงโชติเดินเข้ามาโอบเอวพิณชนิดา ก็เปลี่ยนใจกลับมาโอบเอวเปรมสุดา ก่อนจะพาเข้าไปในห้อง ปิดประตู
พิณชนิดายืนมอง ความรู้สึกรวดร้าวเข้ามาจุกที่คอหอย หัวใจเจ็บปวด แสงโชติเห็นเปรมสุดาเข้าไปในห้องภูมินทร์ก็รีบฉวยโอกาส ปัดความรับผิดชอบ
“ท่าทางพี่ภูกับสุดาคงจะมีข่าวดีพร้อมๆ กับเรา เผลอ ๆ อาจจะมีลูกก่อนแต่งซะด้วยซ้ำ”
พิณชนิดาหันไปถามอย่างไร้อารมณ์ “คุณแสงโชติมีธุระอะไรกับพิณรึเปล่า?”
“ไม่มีธุระมาไม่ได้เหรอครับ”
พูดพลางยื่นหน้าไปจะหอม พิณชนิดาเอนหน้าหลบ พร้อมบอกด้วยเสียงจริงจัง
“ถ้าคุณรักพิณจริง ต้องเลิกทำแบบนี้”
แสงโชติรีบโปรยคำหวาน
“คิดมากไปได้ ผมก็แค่อยากชื่นใจ ดูพี่ภูกับสุดาสิ ไปถึงไหนต่อไหน คนรักกันเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นความต้องการของความรัก”
“ความต้องการของความรัก หรือความต้องการของคุณ?”
พิณชนิดาเดินหนีเข้าห้อง แล้วปิดประตูปึง ก่อนที่น้ำตาจะค่อยไหลออกมา
แสงโชติได้แต่ยืนอึ้ง ครู่หนึ่งก็หันกลับมามองที่ห้องของภูมินทร์ แล้วยิ้มออกมา

ภูมินทร์ยืนเหม่อที่หน้าต่าง ไม่นานเปรมสุดาก็เดินเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง
“ขอบคุณมากนะคะภู ขอบคุณที่ช่วยสุดา”
เขารีบดึงมือเปรมสุดาออกจากเอว แล้วหันไปบอก
“เพื่อนลำบาก จะให้ผมทิ้งได้ยังไง ไปนอนเถอะ ดึกมากแล้ว ผมอยากพักผ่อน”
เปรมสุดายิ่งกอดแน่นเข้า
“คืนนี้ สุดานอนที่นี่นะคะ สุดาเหงา สุดาไม่อยากอยู่คนเดียว”
ภูมินทร์บอกอย่างสุภาพ “อย่าทำแบบนี้ มันไม่ดีกับตัวคุณ”
“ไม่ดียังไง? ในเมื่อสุดาเต็มใจจะให้ทั้งชีวิตของสุดากับภู”
“คุณควรจะมอบสิ่งที่มีค่าที่สุด กับผู้ชายที่รักคุณจริงๆ ผมรับไว้ไม่ได้ เพราะผมไม่ได้รักคุณ”
เปรมสุดาหน้าชา ความเจ็บปวดมากพลุ่งพล่านออกมา
“คำก็เพื่อน สองคำก็ไม่รัก สุดาต้องทำยังไง? ภูถึงจะเปลี่ยนใจ หันมารักสุดาบ้าง?”
“รักก็คือรัก ไม่ต้องทำยังไงก็รัก ถ้าไม่รัก ทำยังไง ก็ไม่รักเหมือนกัน”
เปรมสุดาเสียใจจนพูดไม่ออก ภูมินทร์จับไหล่เธอเอาไว้
“เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเถอะสุดา เพราะมันดีกับเราสองคนมากกว่า ผมขอโทษ แต่ผมให้สุดาได้เท่านี้จริง ๆ”
เปรมสุดามองภูมินทร์ทั้งน้ำตา ก่อนจะค่อย ๆ หันหลังออกจากห้องไป พอเข้ามาในห้องของตัวเอง
ก็ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วลูบท้องตัวเอง
“ไม่ต้องกลัวนะลูก ถูกปฎิเสธแค่นี้ คนอย่างแม่ ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เกมส์นี้ เราต้องชนะเท่านั้น”

พิณชนิดานอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ครู่หนึ่งก็พลิกตัวลุกขึ้น ก่อนจะเดินไปยืนครุ่นคิดที่หน้าต่าง ภิชาสินีพลิกตัวลืมตาขึ้นมา หันไปมองเห็นพี่สาวยืนหน้าเศร้าอยู่ที่หน้าต่าง ก็งัวเงียลุกขึ้น เดินไปหา
“เป็นอะไรรึเปล่าพี่พิณ?”
พิณชนิดาถอนหายใจ ก่อนจะหันไปบอกน้องสาว
“คุณเปรมสุดาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่แค่อยู่ธรรมดา เมื่อตอนหัวค่ำพี่เห็นคุณสุดาเข้าห้องไปกับนายภูมินทร์”
ภิชาสินีตกใจ “เฮ้ย! นายภูมินทร์ทำแบบนี้ได้ยังไง? แต่คิดไปคิดมา แค่เข้าห้องด้วยกัน ไม่ได้หมายความว่าจะมีอะไรกันนะพี่พิณ นายภูมินทร์อาจจะแค่ประชดพี่ ที่พี่ควงนายแสงโชติออกหน้าออกตา”
“ความจริงคืออะไร เราไม่มีทางรู้ได้เลยนะภิ”
พิณชนิดาพูดด้วยแววตาเศร้า ภิชาสินีจับมือพี่สาวเอาไว้
“ยกเลิกแผนการทั้งหมดดีมั้ย? ถ้านายภูมินทร์กับยัยสุดามีอะไรกันจริง ๆ พี่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเสี่ยงเพื่อผู้ชายคนนั้น”
“พี่คิดแล้วคิดอีก ชั่งแล้วชั่งอีก ว่าจะเลิกช่วยนายภูมินทร์ดีรึเปล่า? พี่จะทำเพื่อนายภูมินทร์เป็นครั้งสุดท้าย พี่ต้องรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับนายภูมินทร์ ว่าจะช่วยสืบหาคนลอบฆ่าเค้าให้ได้”

ภิชาสินีมองพี่สาวอย่างเป็นห่วง

วิญญาณพ่อ แม่ ป้า นั่งพิงกันอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ร่างกายติดๆ ดับๆ จู่ๆ เจ้าที่ก็ปรากฏตัว เดินเข้าไปหาอย่างเวทนา
 
“ทำใจเสียเถิด การพลัดพราก เป็นเรื่องธรรมดา ในฐานะ ผู้มากประสบการณ์ ข้าคิดว่ายังพอมีวิธียื้อเวลาของพวกเจ้าไว้ได้”
วิญญาณทั้งสามหันมองเจ้าที่พร้อมกัน ด้วยแววตาประหลาดใจ

จากนั้นเจ้าที่ก็มาปรากฏตัวในห้องนอน พลางเดินไปยืนข้างภิชาสินี แล้วเรียกเบา ๆ
“หนู หนู”
ภิชาสินีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเห็นเจ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตกใจ สะดุ้งพรวด ลุกขึ้น
“มีอะไรคะ?”
“พรุ่งนี้เช้าทำบุญใส่บาตร อุทิศบุญให้พ่อ แม่ และป้าของหนูด้วยนะ ห้ามลืมเด็ดขาด”
พูดจบก็หายตัววับไป ภิชาสินีครุ่นคิด
“ทำไมพ่อ แม่ ป้า ไม่มาบอกเอง ทำไมเจ้าที่ต้องมาบอกให้? เกิดอะไรขึ้น?”

ภิชาสินีตื่นมาใส่บาตรแต่เช้า พอรับพรจากพระเสร็จ ก็ตั้งจิตอธิษฐานต่อ
“ขออุทิศบุญกุศลนี้ ให้กับพ่อ แม่ ป้า รวมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอจงเป็นสุขเป็นสุข หลุดพ้นจากความทุกข์”
สิ้นคำอธิษฐาน ร่างกายของพ่อ แม่ ป้า ก็มีประกายสว่างเล็กน้อย ไม่ติด ๆ ดับ ๆ เหมือนเคย
ภิชาสินีใส่บาตรเสร็จก็เดินเข้าบ้าน ป้ามองตาม ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างพยายามทำใจ
“เราคงยื้อเวลาได้ไม่เท่าไหร่ พี่ว่าคงถึงเวลาที่เราจะต้องบอกยัยภิ”
วิญญาณทั้งสามหันมาหน้ากัน ต่างคนต่างทำหน้าเศร้าสลด

เมื่อภิชาสินีก็เปิดประตูเข้ามาในห้องนอน พิณชนิดาที่กำลังนั่งแต่งตัวอยู่ ก็หันมาบอก
“พี่จะลองไปหาหลักฐานที่ห้องนายแสงโชติ”
ภิชาสินีตกใจรีบร้องห้าม แต่พิณชนิดากลับยืนยันว่าเธอเตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัวไปพร้อม จากนั้นก็รีบเดินออกไป
ทันใดนั้นวิญญาณพ่อ แม่ ป้าก็ปรากฏตัวขึ้นมา ภิชาสินีกับปิ่นเพชรหันไปมอง พลางรีบเดินเข้าไปหา เห็นพ่อ แม่ ป้า ที่สีหน้าไม่ค่อยดี ก็นึกแปลกใจ
“มีอะไรรึเปล่าคะ?”
วิญญาณทั้งสามมองหน้ากัน อย่างตัดสินใจ ก่อนที่พ่อจะเป็นคนพูดขึ้นมา
“เวลาของพ่อ แม่ ป้า ใกล้จะหมดแล้วลูก”
ภิชาสินีตะลึงงัน ไม่อยากจะเชื่อ “แน่ใจเหรอคะ?”
แม้ไม่มีคำตอบ แต่เพียงเห็นแววตาที่เจ็บปวดของพ่อ แม่ ป้า ภิชาสินีน้ำตาร่วงทันที ปราชญ์กับกานต์กมลรีบเข้าไปกอดลูกสาวคนเล็กเอาไว้
“ พ่อ แม่ ป้า ไม่ไป ไม่ได้เหรอคะ ไม่ไป ได้รึเปล่า?”
กานต์กมลกอดลูกแน่น พลางตอบทั้งน้ำตา
“ถ้าทำได้ พวกเราก็อยากจะอยู่กับลูกตลอดไป แต่ครั้งนี้ เราคงฝืนโชคชะตาไม่ได้”
“ต้องได้สิคะ ต้องได้ เราต้องหาทางได้ ใช่มั้ยคะป้า ใช่มั้ย”
พัณทิพาส่ายหน้า “ความจริงก็คือความจริง ภิต้องยอมรับมัน”
ภิชาสินีปล่อยโฮทันที พ่อ แม่ ป้า น้ำตาร่วง ปิ่นเพชรพลอยร้องไปด้วย
“ภิกับพี่พิณจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีพ่อ แม่ ป้า พวกเราจะอยู่ได้ยังไง?”
ภิชาสินีร้องไห้ไม่หยุด สะกดกลั้นความเสียใจเอาไว้ไม่ได้เลย พ่อ กับแม่ ได้แต่กอดปลอบลูกเอาไว้ ด้วยหัวใจที่ร้าวราน

แสงโชติมาพิณชนิดามาที่ร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม ก่อนที่พนักงานจะเลือกหยิบชุดราตรีสวยหรู มาให้ทั้งคู่ดู
“เพิ่งหลุดจากขอบรันเวย์มิลานแฟชั่นวีคเลยนะคะ”
แสงโชติโอบเอวพิณชนิดาไว้หลวม ๆ มองอย่างพอใจ “คุณค่าที่คุณพิณคู่ควร”
พิณชนิดาฝืนยิ้มรับ “ขอบคุณนะคะ”
จู่ๆ เสียงเปรมสุดา ที่เดินเข้ามาพร้อมภูมินทร์ก็ดังแทรกขึ้นมา
“สุดาอยากได้ชุดนี้”
พูดพลางจะถลาเข้าไปคว้าชุดไว้ แสงโชติรีบขวาง
“ชุดนี้ผมจองให้คุณพิณแล้ว”
เปรมสุดายิ้มร้ายใส่แสงโชติ
“แต่สุดาว่าชุดนี้เหมาะกับสุดามากกว่า”
แสงโชติเห็นแววตาของเปรมสุดาก็ชะงัก เพราะไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร
“เสื้อผ้าเต็มร้าน เลือกชุดอื่นสิ”
ภูมินทร์เหล่พิณชนิดา แล้วหันมาพูดกับเปรมสุดา
“นั่นสิ ของเค้ามีเจ้าของแล้ว จะไปแย่งทำไม?”
“แต่สุดาอยากได้ชุดนี้”
พูดพลางหันมาพูดกับพิณชนิดา แต่หางตามองไปที่แสงโชติ
“พิณชนิดาช่วยดูดวงให้ฉันหน่อยสิ ฉันอยากรู้ว่า ฉันจะได้ชุดนี้กลับบ้านรึเปล่า? ที่สำคัญตอนนี้ชีวิตของฉัน มีผลกระทบกับใครบ้าง?”
แสงโชติกลัวเรื่องจะแดง จึงรีบปั้นหน้าให้เป็นปกติ แล้วหันไปบอกพิณชนิดายิ้มๆ
“คุณพิณดูชุดอื่นดีกว่าครับ ดูไปดูมา ผมว่าชุดนี้มันธรรมดาไป”
พิณชนิดารับคำอย่างงงๆ เปรมสุดายิ้มสะใจ
“เราสองคน รสนิยมคล้ายกันจริงๆ มองอะไร มักจะเป็นของชิ้นเดียวกัน”
พิณชนิดารีบบอกอย่างสุภาพ
“ถ้าคุณสุดาอยากได้จริงๆ ก็เอาไปเถอะค่ะ เดี๋ยวพิณดูชุดใหม่ก็ได้”
เปรมสุดาคว้าชุดจากพนักงาน เดินเข้าไปด้านใน แสงโชติมองตามอย่างไม่พอใจ
ภูมินทร์กับพิณชนิดาหันมาสบตากันโดยบังเอิญ สองคนชะงักไป ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายหลบตา ก่แล้วหันไปบอกแสงโชติ

“พิณหิวแล้ว ไปทานข้าวกันก่อน แล้วค่อยกลับมาเลือกชุดนะคะ”

เมื่อมานั่งทานอาหารกันตามลำพัง พิณชนิดาก็เริ่มเลียบๆ เคียงๆ ถามแสงโชติอย่างพยายามไม่ให้มีพิรุธ
 
“คุณแสงโชติโตมากับนายภูมินทร์ตั้งแต่เด็กๆ เหรอคะ? ดูเหมือนไม่ค่อยสนิทกัน”
แสงโชติพยายามตอบให้ตัวเองดูแสนดี “ครับ พี่ภูเค้าสนิทกับคนยาก”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คนนิสัยเสียอย่างนายภูมินทร์ ไม่มีใครอยากสนิทด้วยต่างหาก คนอะไรไม่รู้ ปากร้าย ใจดำ ไม่เคยถนอมน้ำใจคน บางทีพิณอยากจะบีบคอให้นายภูมินทร์ตายคามือ”
แสงโชติพยักหน้า
“ไม่แปลกหรอกครับ ผมเองก็อยากทำแบบนั้นอยู่บ่อยๆ บางทีผมก็คิด ถ้าไม่มีพี่ภูสักคน ชีวิตของผมอาจจะดีกว่านี้”
พิณชนิดาลอบยิ้มอย่างพอใจ ที่แสงโชติเริ่มเผยความรู้สึก
“ยิ่งรู้จักพิณยิ่งรู้สึกว่าพิณเลือกคนไม่ผิด พิณอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้”
แสงโชติคว้ามือพิณชนิดาเอาไว้ แล้วจูบที่หลังมือเบา ๆ
“ผมพร้อมจะเปิดใจ เปิดทุกอย่างให้คุณพิณได้สำรวจทุกซอกทุกมุม”
พิณชนิดาแกล้งยิ้มเขินอาย ทั้งที่สะอิดสะเอียนเต็มทน แสงโชติมองเธอด้วยแววตาเป็นประกาย


จากนั้นแสงโชติก็พาพิณชนิดาเข้ามาที่เรือนหลังเล็กของเขา ฝ่ายหลังพยายามมองกวาดไปรอบๆ ห้อง อย่างสังเกตสังกา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ้อน
“พิณหิวน้ำ ตอนทานอาหารสงสัยทานน้ำน้อย คุณแสงโชติเอาน้ำหวาน ๆ ให้พิณทีนะคะ”
แสงโชติจำยอมเดินออกไป พิณชนิดารีบค้นโต๊ะ ค้นลิ้นชักพยายามหาหลักฐาน แต่ก็ไม่เจออะไร พลันมือถือแสงโชติดังขึ้นมา พิณชนิดาหันไปมอง เห็นเป็นเบอร์ไม่ได้เมมชื่อไว้ ก็สงสัย รีบกดรับ พลันเสียงของฉัตรก็สวนมาทันที
“ ฮัลโหล คุณแสงโชติ ผมฉัตรเอง”
พิณชนิดาทำอะไรไม่ถูก จะพูดก็ไม่กล้าพูด ทันใดนั้นแสงโชติก็เข้ามาพอดี
“ใครโทรมาเหรอครับ?”
อีกฝ่ายยังไม่ทันตอบ แสงโชติก็รีบคว้ามือถือไปคุย
“คุณแสงโชติช่วยพวกผมด้วย พวกผมกำลังเดือดร้อน”
แสงโชติชะงัก ก่อนจะเดินไปคุยนอกห้อง พิณชนิดารีบตามไปแอบฟัง
“ฉันสั่งแล้วว่าห้ามโทร. มาอีก พวกแกจะเป็นจะตายยังไง ไม่ใช่เรื่องของฉัน”
พิณชนิดาพยายามเงี่ยหูฟัง แต่ก็ได้ยินไม่ถนัด
“ถ้าแกโทร. มาอีก ฉันจะเอากระสุนยัดปากพวกแก”
ขาดคำก็วางสาย พิณชนิดารีบวิ่งไปในห้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสงโชติเดินเข้ามามองอย่างสงสัย
“ทำไมถึงรับโทรศัพท์ของผม?”
พลางยืนมองจ้องพิณชนิดาอย่างเอาเรื่อง
“ตกลงคุณรับโทรศัพท์ผมทำไม? พิณชนิดา”
พิณชนิดานิ่งคิด ก่อนจะแกล้งตีหน้าเศร้า
“พิณเห็นเป็นเบอร์แปลก คิดว่าเป็นผู้หญิง เลยรับสาย พิณแค่หึงคุณ ผิดด้วยเหรอคะ? ทำไมคุณต้องคาดคั้นพิณขนาดนี้”
พูดพลางทำงอน จะเดินหนีออกจากห้อง แสงโชติดันคว้าแขน แล้วดึงเธอเข้ามากอด
“ผมขอโทษ ผมแค่แปลกใจ ที่จู่ๆ ดูคุณอยากรู้เรื่องของผม อย่างอนนะที่รัก”
พิณชนิดาแอบแบะปากอย่างขยะแขยง แต่จำต้องแกล้งทำเสียงงอน
“พิณไม่อยากคุยกับคุณแล้ว พิณจะกลับ”
แสงโชติไม่ยอม รีบดึงพิณชนิดาให้หันหน้ามา ก่อนจะค่อย ๆ ก้มลงไปจูบ เธอรีบเอามือดันหน้าห้ามเอาไว้แบบพองาม
“พิณยังไม่พร้อมค่ะ”
“ผมจะทำให้คุณพร้อมเอง”
แสงโชติพยายามจะซุกไซร้ อีกฝ่ายก็พยายามขัดขืน ทันใดนั้นก็มีเสียงทุบประตูห้องอย่างแรง แสงโชติตวาดถามอย่างฉุนๆ “ใคร?”
ปิ่นเพชรตอบกลับมาจากหน้าประตู “เค้าเอง”
แสงโชติขมวดคิ้ว “เค้าไหนวะ?”
ปิ่นเพชรแกล้งแหกปากลั่น
“เจ๊พิณ ช่วยเค้าด้วย”
พิณชนิดาได้สติรีบผลักแสงโชติอย่างแรง ก่อนจะวิ่งไปเปิดประตู
“เป็นอะไรปิ่นเพชร?”
ปิ่นเพชรแอบขยิบตา “เค้าปวดท้อง โฮ ๆๆ เค้าปวด ๆ”
“ปิ่นเพชรไม่สบาย พิณขอพาน้องไปกินยาก่อนนะคะ”
พิณชนิดารีบจะพาปิ่นเพชรออกไป แต่แสงโชติรีบดรียกไว้
“เดี๋ยว น้องคุณพิณมาที่นี่ได้ยังไง?”
ปิ่นเพชรรีบบอก
“เค้าวิ่งเล่นอยู่บ้านนายภูมินทร์ เห็นเจ๊พิณเข้าบ้านไปกับนาย พอปวดท้องก็เลยมาหา โฮๆ เจ๊เค้าปวดท้อง ปวดท้อง”
แสงโชติได้ยินเสียงก็นึกรำคาญ “ รีบพาไปเถอะครับคุณพิณ หูผมจะดับแล้ว”
พิณชนิดารีบพาปิ่นเพชรออกไป แสงโชติมองตามอย่างอารมณ์เสียที่ถูกขัดจังหวะ

พอวิ่งออกมาพ้นบริเวณบ้านหลังเล็กของแสงโชติ พิณชนิดากับปิ่นเพชรก็ถอนหายใจโล่งอก“เกือบไปแล้ว”
“ดีนะที่เค้าตาไว เห็นเจ๊นั่งรถมากับนายแสงโชติ ตกลงได้หลักฐานอะไรในห้องนายแสงโชติรึเปล่า?”
พิณชนิดาส่ายหน้า
“ไม่ได้ รู้แต่ว่านายฉัตรยังติดต่อกับนายแสงโชติ ถ้าได้ตัวสองคนนี้ ไอ้แสงโชติดิ้นไม่หลุดแน่ เราต้องหาทางล่อนายฉัตรออกมา”

ฉัตรกับยอดใส่หมวก ใส่แว่นดำ พรางตัว เดินวนไปวนมา หน้าเครียด จู่ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้นมา ฉัตรรีบกดรับสาย
“ฮัลโหล มีงานให้ทำ”

มันถึงกับยิ้มดีใจ

พรายพยากรณ์ ตอนที่ 14 (ต่อ)

อรรถพรกำลังนั่งอ่านแฟ้มสรุปคดี ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตู ก่อนภิชาสินีจะเปิดเข้ามา พร้อมกับร้องไห้ จนเขาต้องประคองกอดเอาไว้อย่างปลอบโยน
 
“พ่อ แม่ ป้า กำลังจะจากภิไป”
อรรถพรถึงกับพูดไม่ออก ต้องยืนข่มใจอยู่นาน กว่าจะถามออกไปได้ “คุณพิณว่ายังไงบ้างครับ?”
ภิชาสินีส่ายหน้า “พี่พิณยังไม่รู้ พ่อ แม่ ป้า ขอร้องว่าอย่าเพิ่งบอก”
อรรถพรค่อย ๆ ใช้มือเช็ดน้ำตาให้ภิชาสินีอย่างอ่อนโยน
“ผมรู้ว่ามันทำใจยาก แต่คุณภิต้องยอมรับให้ได้ คุณพ่อ คุณแม่ คุณป้า อยู่กับคุณภิ มาถึงบัดนี้ ถือว่าโชคดีกว่าคนอื่นๆ มาก คุณภิต้องเข้มแข็ง เพราะถ้าคุณภิอ่อนแอ คุณพ่อ คุณแม่ คุณป้า จะจากไปอย่างไม่สงบ”
ภิชาสินีพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ภิจะพยายาม”
“คุณภิคนเก่งของผมจะทำได้ ไม่ต้องกลัวนะครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะอยู่ตรงนี้ อยู่ข้าง ๆ คุณภิเสมอ”
พูดพลางดึงภิชาสินีที่ยังร้องไห้ไม่หยุดมากอดเอาไว้ วิญญาณแม่กับป้ามองอย่างโล่งใจ ขณะที่พ่อยังอดเป็นห่วงลูกสาวคนโตไม่ได้ เพราะยังไม่มีคนดูแล

พิณชนิดาเดินวนไปวนมา พยายามคิดแผนล่อยอดกับฉัตร ปิ่นเพชรรีบออกความเห็น
“ก่อนอื่น เจ๊ต้องได้เบอร์โทรศัพท์ไอ้หมอนั่นก่อน”
“เออ ลืมสนิทเลย เจ๊ต้องกลับไปเอาเบอร์ที่มือถือนายแสงโชติ”
ปิ่นเพชรยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางอาสาจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง
จากนั้นก็รีบตรงดิ่งเข้าไปที่บ้านแสงโชติ ขณะที่ฝ่ายนั้นเพิ่งวางสายจากสัญชัยพอดี ปิ่นเพชร
ยืนมองๆ ก่อนตัดสินใจวิ่งเข้าไปหา แสงโชติเห็นปิ่นเพชรก็ชะงัก
“หายปวดท้องแล้วรึไง ทำไมถึงมาวิ่งเล่นที่นี่? คุณพิณ อยู่ไหน?”
ปิ่นเพชรยิ้มไม่ตอบ แต่กลับชี้ขวับ ตะโกนลั่น “เจ๊พิณจะไปไหน”
แสงโชติหันไปมองทันที ปิ่นเพชรรีบฉวยโอกาสหยิบโทรศัพท์มือถือแสงโชติใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง ก่อนจะวิ่งหายไป
พอแสงโชติหันมาอีกที ปิ่นเพชรก็หายไปแล้ว เขารีบคว้าเอกสารจะออกไป พลันก็นึกได้
“มือถือ?”
พลางก้มหา มองจนทั่วโต๊ะ ก่อนจะนึกได้
“ไอ้เด็กบ้า”

ปิ่นเพชรวิ่งหน้าตั้งเอามือถือมาให้พิณชนิดา
“รีบๆ ดูเข้าเจ๊ ก่อนที่นายแสงโชติจะจับได้”
พิณชนิดารีบไล่ดู ๆ
“เบอร์ไหนกันแน่? มันเยอะไปหมด”
ปิ่นเพชรเหลือบไปเห็นแสงโชติเดินมาใกล้ ๆ ก็สะกิดเร่ง
“เม็มๆ ไปก่อนเจ๊ เลือกเอาสี่ห้าเบอร์ ช่วงเวลาที่เจ๊รับสาย”
พิณชนิดารีบเม็มเบอร์ลงเครื่อง ปิ่นเพชรเห็นแสงโชติหันมาเห็น ก็รีบคว้ามือถือจากมือมาทันที
แสงโชติถลาเข้ามา ดึงมือถือไป ปิ่นเพชรยิ้มแหย ๆ
“เอามือถือฉันมาทำไม?”
พิณชนิดารีบเล่นละครต่อ
“พิณขอโทษแทนน้องด้วยนะคะ ปิ่นเพชรยังเด็ก ทำไปเพราะไม่ได้คิด ปิ่นเพชรชอบเอามือถือมาเล่นเกมส์ค่ะ ปิ่นเพชรขอโทษคุณแสงโชติเดี๋ยวนี้”
ปิ่นเพชรรีบยกมือไหว้ส่งๆ “ขอโทษ”
ทันใดนั้นแสงโชติก็ได้กลิ่นเหม็นคลุ้ง ปิ่นเพชรหันไปเกาะขาพิณชนิดาทันที
“เจ๊ เค้ากลั้นไม่อยู่ เค้าเพิ่งปล่อยหนัก พาเค้าไปล้างก้นหน่อย”
พิณชนิดาหน้าเจื่อน
“ขอโทษอีกทีนะคะ คุณแสงโชติ วันนี้ปิ่นเพชรท้องเสีย เลยปล่อยแก๊สแรงไปหน่อ”
พูดพลางรีบพาปิ่นเพชรเดินเลี่ยงออกมาทันที

พิณชนิดาที่เดินหลบออกมากับปิ่นเพชร รีบไล่โทร. ตามเบอร์ที่เม็มไว้ ขณะที่ยอดกับฉัตรกำลังเดินอยู่ริมถนน พลันมือถือดัง ฉัตรดูเบอร์แล้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกดรับ
“ฮัลโหล”
พิณชนิดารีบชวนคุย พลางพยายามจับน้ำสียง
“ฮัลโหล พี่แมวอยู่ที่ไหน?”
“ไม่ใช่ครับ โทร. ผิดแล้ว”
“อย่ามาโกหก พี่แมวได้หนูแล้วคิดจะทิ้งง่าย ๆ เหรอ”
ฉัตรรำคาญ กดวางสายทันที พิณชนิดาชะงัก
“ฮัลโหล ๆ วางสายไปแล้ว”
ปิ่นเพชรรีบถามอย่างร้อนใจ “ตกลงใช่เสียงคนชื่อฉัตรรึเปล่า?”
“ใช่ ร้อยเปอร์เซ็นต์ เจ๊จำได้ เสียงนี้ชัวร์”
จากนั้นก็รีบโทร. ไปบอกภิชาสินีทันที
“ว่าไงพี่พิณ หะ พี่พิณติดต่อนายฉัตรได้? ”

ภิชาสินี อรรถพร และจ่าเหยินหันมองหน้ากัน

พิณชนิดา ภิชาสินี อรรถพร จ่าเหยิน พร้อมด้วยปิ่นเพชร มาประชุมวางแผนกันที่สวนสาธารณะ
 
“ถ้าจับนายฉัตรได้ ก็คงตามจับนายยอดได้”
อรรถพรพูดอย่างมั่นใจ จ่าเหยินหันมาถามต่อทันที
“เอายังไงดีครับหมวด?”
พลันพิณชนิดาก็นึกได้
“พิณพอมีวิธี”

ยอดกับฉัตรเดินเข้ามาหาเลิศกับดวงที่ยืนรออยู่ในโกดังร้าง
“พี่เลิศขาโหด มีงานอะไรให้พวกผมรับใช้?”
“อยากให้โอกาสแกสองคน ถ้าทำสำเร็จ ได้เงินเป็นล้าน”
ฉัตรกับยอดตาโต “ให้ทำไรพี่? ”
“อุ้มคน”
“ใคร?”
เลิศยังไม่ทันตอบ มือถือของฉัตรก็ดังเป็นเสียงข้อความ พอเปิดดูก็เห็นเป็นรูปสาวเซ็กซี่ พร้อมข้อความ
“หนูเหงา คิดถึง อยากเจอพี่แมว ... จุ๊บ ๆ”
ฉัตรมองด้วยสายตาหื่น “ โห สวย ขาว อวบ จริง ๆ”
เลิศรีบหันมาถาม “ใคร?”
“ใครไม่รู้พี่ โทร. ผิด บอกไม่แล้วก็ไม่ยอมเชื่อ คิดว่าผมเป็นผัวเก่าเค้า แต่รูปร่าง หน้าตาขนาดนี้ สงสัยต้องทำความรู้จักกันสักหน่อย”
เลิศรีบดึงมือถือจากมือฉัตรมาทันที ก่อนจะเปิดหลังเครื่องดึงซิมการ์ดออก แล้วหักทิ้ง
“จะทำงานใหญ่ ใจต้องนิ่ง ที่สำคัญ ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด เดี๋ยวไปหาซื้อซิมใหม่ซะ แล้วห้ามติดต่อกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด”
ฉัตรรับมือถือมาอย่างเซ็งๆ ยอดรีบเข้าเรื่อง “ตกลงจะอุ้มใคร?”
เลิศยื่นรูปให้ดู ยอดกับฉัตรเพ่งมองที่รูปของภูมินทร์

ทุกคนนั่งโทรศัพท์ของพิณชนิดาอย่างใจจดใจจ่อ
“ทำไมเงียบ? ลองโทร. ไปยั่วอีกทีดีกว่า”
พิณชนิดารีบกดมือถือโทร. ไปอีก แต่เป็นเสียงตอบรับอัตโนมัติ
“ปิดเครื่อง”
อรรถพรนึกรู้ทันที
“พวกมันคงระแวง ผมว่าคงเปลี่ยนเบอร์ไปแล้ว”
พิณชนิดาทำหน้าเซ็ง จ่าเหยินรีบโชว์แมน
“ใจเย็น ๆครับคุณพิณ เรื่องตามล่าโจร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจอย่างผมดีกว่า ผมจะต้องจับมันมาให้ได้”
“ในระหว่างนี้ พิณจะพยายามจับตานายแสงโชติเองค่ะ พิณคิดว่านายฉัตรกับนายแสงโชติต้องติดต่อกันอีกแน่นอน”
พิณชนิดาพูดอย่างมั่นใจ

ภิชาสินี อรรถพร จ่าเหยิน เดินแยกออกมาด้วยกัน จู่ๆ ภิชาสินีก็นึกขึ้นมาได้ รีบหันไปกระซิบ
อรรถพร
“หรือว่าที่พ่อของสรพงศ์มาหาภิ ไม่ใช่เพราะอยากให้ทำบุญให้”
“ แล้วคุณภิคิดว่า พ่อของสรพงศ์มาทำไมครับ?” อรรถพรย้อนถาม
“นายยอดกับนายฉัตรฆ่าพ่อของสรพงศ์ เค้าต้องอยากให้เราจับสองคนนี้แน่ บางทีอาจจะมาเพื่อบอกเบาะแส”
อรรถพรพยักหน้าเห็นด้วย “เป็นไปได้”
“ภิต้องติดต่อพ่อของสรพงศ์ให้ได้”
จากนั้นทั้งหมดก็ย้อนกลับมาที่บ้านของสรพงศ์อีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาหลักฐานด้านใน
วิญญาณพ่อกับสรพงศ์ยืนมองอยู่หน้าบ้าน ท่ามกลางบรรยากาศที่มืดมิด และวังเวง
เมื่อเข้ามาในตัวบ้าน อรรถพรกับภิชาสินีก็เดินแยกกันมาทางหนึ่ง ส่วนจ่าเหยินก็แยกไปสำรวจอีกทางหนึ่ง
“พ่อสรพงศ์อยู่ที่นี่รึเปล่าครับ?”
อรรถพรหันมาถามอย่างหวาดๆ ภิชาสินีมองจนทั่ว แต่ก็ไม่เห็น
“ไม่เห็นค่ะ”
วิญญาณพ่อกับสรพงศ์มองตาม แต่ภิชาสินีไม่ทันสังเกต
“แปลกจัง ทำไมไม่มี พ่อสรพงศ์ไปอยู่ที่ไหน?”
“หรือว่า ตอนที่คุณภิทำบุญให้ แรงบุญอาจจะส่งให้พ่อของสรพงศ์อาจจะไปเกิดแล้ว”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ”
ทันใดนั้นจ่าเหยินก็ร้องลั่น “อ๊ากก ผี”

ภิชาสินีกับอรรถพรรีบวิ่งตามเสียงจ่าเหยินไปทันที พอวิ่งเข้าไปก็รู้ความจริงว่า ที่แท้จ่าเหยินเห็นเงาตัวเองที่วูบไหวในกระจกตู้เก่าๆ ก็เลยเผลอคิดว่าโดนผีหลอก

ทันใดนั้นรูปบนผนังก็หล่นแตกดังลั่น ภิชาสินีสะดุ้ง แต่จ่าเหยินกับอรรถพรกระโดดกอดกันแน่น
 
พอรูปตกลงมา ก็เผยให้เห็นช่องที่เก็บของเล็กๆ ซ่อนอยู่ ภิชาสินีเดินเข้าไปดู เห็นซองสีน้ำตาลอยู่ข้างใน ก็รีบหยิบออกมา อรรถพรกับจ่าเหยินรีบตามไปดู
ภิชาสินีเปิดซองแล้วหยิบรูปออกมา เห็นเป็นรูปของภูมินทร์ อรรถพรมองเข้าไปในช่องเก็บของ เห็นเหมือนห่อผ้า ก็รีบหยิบออกมา พลางค่อยๆ คลี่ห่อผ้า ก็เห็นปืนและโทรศัพท์มือถือ สามคนหันมามองหน้ากัน

ภิชาสินีรีบสรุป
“ปืน โทรศัพท์ รูป แบบนี้ชัดเลยนะครับ พ่อสรพงศ์ถูกสั่งให้ฆ่าคุณภูมินทร์”
อรรถพรกดดูที่มือถือ ก่อนจะหันมาบอก “จากที่ดูการใช้งานในเครื่อง ติดต่อคนแค่คนเดียว”
ภิชาสินีทำหน้าสงสัย จ่าเหยินรีบอธิบาย
“คนทำงานพวกนี้ จะแยกโทรศัพท์ที่ใช้งานปกติ กับโทรศัพท์รับงานครับ”
ภิชาสินีพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เป็นไปได้ว่า เบอร์ที่อยู่ในเครื่อง อาจจะเป็นเบอร์ของคนที่บงการฆ่านายภูมินทร์”
อรรถพรรีบกดโทร. ออก ภิชาสินีกับจ่าเหยินยืนลุ้นอยู่ข้างๆ

แสงโชตินั่งอ่านเอกสารงานอยู่หน้าโต๊ะทำงานสัญชัยตามลำพัง พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้นมา เขาหยิบมือถือออกมาจะกดรับ แต่กลับไม่ใช่สายเรียกเข้าจากเครื่องตัวเอง จึงมองเลยไปที่โต๊ะของพ่อ เห็นมือถือของสัญชัยวางอยู่ แต่ไม่ใช่เครื่องที่ดัง
“เสียงโทรศัพท์ที่ไหน? ทำไมเสียงเหมือนของเรา?”
พลางก้มลงไปฟัง ก็ได้ยินเสียงแถวลิ้นชัก ก็รีบเปิดออกดู เห็นมือถืออีกเครื่องกำลังดังอยู่ พร้อมกับที่เสียงสัญชัยดังแทรกขึ้นมา
“แกจะทำอะไร?”
แสงโชติเงยหน้าขึ้นมองพ่อ “ผมจะรับโทรศัพท์ให้”
“ไม่ต้อง”
พลันเสียงโทรศัพท์ก็เงียบไป สัญชัยรีบเดินไปที่โต๊ะ
“ไม่ยักรู้ ว่าพ่อมีโทรศัพท์สองเครื่อง”
สัญชัยเปลี่ยนเรื่องทันที “แกมารอพ่อทำไม?”
“คุยเรื่องงานเลี้ยง 30 ปี บริษัทครับ”
พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก สัญชัยชะงัก ขณะที่แสงโชติแปลกใจ
“ออกไปก่อนฉันมีธุระสำคัญต้องคุย”
แสงโชติเดินออกไปอย่างงง ๆ สัญชัยหยิบมือถือในลิ้นชักออกมา เห็นหน้าจอขึ้นชื่อว่า “Kill 1”

อรรถพรถือสายรอจนกลายเป็นเสียงโอนเข้าฝากข้อความ พอกดโทร.ใหม่ อีกครั้ง ปลายสายก็ปิดเครื่องไปแล้ว
จ่าเหยินทำหน้าเซ็ง “จบกัน คงตามไม่ได้แล้ว”
ภิชาสินีรีบพูดให้กำลังใจ
“อย่าเพิ่งยอมแพ้สิ ลองตามกับเครือข่ายดูว่าเป็นเบอร์ของใคร?”
“เบอร์พวกนี้ เป็นซิมเติมเงิน ไม่มีลงทะเบียน ไม่มีหลักฐาน ตามไม่ได้หรอกครับ”
สามคนยืนหน้าเครียดอย่างใช้ความคิด
วิญญาณสรพงศ์หันไปถามวิญญาณของพ่อที่ยืนอยู่ด้วยกัน
“ทำไมพ่อต้องช่วยพวกเค้า?”
“พ่ออยากไถ่บาป ที่เคยทำชั่วเอาไว้มาก พลังของพ่อน้อยเหลือเกิน พ่อติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ คงทำได้แค่นี้”
จู่ๆ อรรถพรก็นึกขึ้นมาได้

“คุณภูมินทร์กำลังจะมีงานใหญ่ นายแสงโชติเพิ่งติดต่อกับนายฉัตรวันนี้ พวกนั้นต้องวางแผนเคลื่อนไหวอะไรแน่ ๆ คุณภูมินทร์อาจจะกำลังอยู่ในอันตราย”

สัญชัยถอดหลังโทรศัพท์มือถือ ดึงซิมการ์ดออกมา ก่อนจะหักแล้วโยนลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบซิมใหม่มาใส่เครื่อง แล้วกดโทร. ออก
 
“เตรียมงานไปถึงไหนแล้ว?”
เลิศตอบกลับมาทางปลายสาย “เรียบร้อย วันงานไม่พลาดแน่ครับ”

ก้องภพกำลังดูความเรียบร้อยของงานครบรอบ 30 ปี บริษัทอัครมหาโอฬาร เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี จึงรีบโทร. รายงานภูมินทร์ ที่แต่งตัวในชุดสูทหรู ยืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่หน้าบันไดตรงห้องโถง มีแม่
นมนวลกับป่านแก้ว ยืนอยู่ใกล้ ๆ
“ดีมาก อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง ฉันคงถึงงาน”
พอกดวางสาย ก็ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา พลางเงยหน้ามองไปข้างบนอย่างหงุดหงิด
“แต่งอะไรกันนักหนา นานจริงๆ จะได้เวลาอยู่แล้ว”
ครู่หนึ่งพิณชนิดาในชุดราตรี สวย สง่า เฉิดฉาย ก็เดินลงมา ภูมินทร์หันไปมอง ก็ถึงกับตะลึงในความงาม
ทั้งคู่สบตามองกันและกันอย่างมีเยื่อใย พลันเสียงของแสงโชติก็ดังเข้ามาขัดจังหวะ
“ไปกันรึยังครับคุณพิณ”
พิณชนิดาหันไปยิ้มแหย ๆ ให้แสงโชติ ที่เดินเข้ามาในชุดสูทหรู พลางยกแขนให้เธอคล้อง
“ผมภูมิใจจริง ๆ ที่ผู้หญิงของผม สวยที่สุดในงาน แล้วเจอกันที่งานนะครับพี่ภู”
แสงโชติพาพิณชนิดาเดินออกไป ภูมินทร์แอบมองตาม แววตาละห้อย
เปรมสุดาในชุดราตรี ยืนอยู่เหนือบันได พยายามยืนโพสในท่าที่คิดว่าสวยที่สุด มีปูเปรี้ยวถือกระเป๋าเดินตาม
“สุดาพร้อมแล้วค่ะภู”
พูดพลางยิ้มโปรยเสน่ห์ แต่ภูมินทร์กลับมองอย่างไร้อารมณ์
“ไปกันได้แล้ว แต่งตัวอะไรนักหนา คอยตั้งนาน”
ขาดคำก็เดินจ้ำออกไปอย่างหงุดหงิด ไม่ไยดีเปรมสุดาสักนิดเดียว

แสงโชติเปิดประตูรถให้ จังหวะพิณชนิดากำลังจะก้าวขึ้นไป แต่เมื่อเหลือบไปเห็นภูมินทร์ที่เดินเข้ามา ก็ชะงักนิดหนึ่ง
รถของแสงโชติเคลื่อนออกไป พิณชนิดาแอบมองภูมินทร์จากกระจกข้างรถ จนกระทั่งเห็นเปรมสุดาเดินเข้ามายืนข้าง ๆ ภูมินทร์
คนขับรถขับรถเข้ามาเทียบ ภูมินทร์หันไปกอดแม่นมนวลแน่น
“ภูไปก่อนนะครับนม เสร็จงานจะรีบกลับ”
ลางสังหรณ์บางอย่าง ทำให้นวลจันทร์ดึงภูมินทร์มากอดอีกครั้ง
“นมนอนเลยนะครับ ไม่ต้องคอย”
“คุณหนูก็รู้ ว่านมหลับไม่ได้ ถ้าคุณหนูยังไม่กลับบ้าน”
ภูมินทร์ยิ่งกอดแน่น พลางพูดเหมือนเด็กขี้อ้อน “รักนมที่สุดเลย”
“นมก็รักคุณหนูค่ะ”

รถภูมินทร์เคลื่อนออกไป แม่นมนวลมองตาม สีหน้าไม่ค่อยดี ป่านแก้วมองอย่างแปลกใจ
“คุณนมเป็นอะไรรึเปล่าคะ? สีหน้าไม่ค่อยดี
“ใจมันโหวง ๆ ยังไงบอกไม่ถูก มันรู้สึกเหมือนใจหาย ๆ ยังไงชอบกล”
พูดพลางมองตามรถของภูมินทร์ไป ไม่คิดว่าจะไม่ได้พบเขาอีกเลย

อรรถพรในชุดสูท ยืนชะเง้อมองอยู่หน้างาน ขณะที่จ่าเหยินแต่งตัวเป็นเด็กเสิร์ฟยืนทำหน้าละห้อยอยู่ข้างๆ ครู่หนึ่งภิชาสินีในชุดราตรี ดูสวย น่ารัก สดใส ก็เดินเข้ามา อรรถพรมองตาเยิ้ม อ้าปากค้าง
“รอนานมั้ยคะ?”
“ไม่นานครับ เชิญครับ”
ภิชาสินีคล้องแขนอรรถพรแล้วเดินเข้าไปในงาน จ่าเหยินมองตามอย่างหมั่นไส้

“ตัวเองแต่งหล่อควงหญิง ส่วนลูกน้องให้เป็นเด็กเสิร์ฟ นิสัยๆ”

พรายพยากรณ์ ตอนที่ 14 (ต่อ)

เปรมสุดาควงแขนภูมินทร์แบบเกาะไม่ยอมปล่อย ทุกคนในงานลอบมอง แล้วก็ซุบซิบกัน ขณะที่นักข่าวรุมถ่ายรูปทั้งคู่ไม่หยุด พิณชนิดาที่อยู่กับแสงโชติ อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเป็นระยะ
 
ส่วนอรรถพรที่ยืนอยู่กับภิชาสินีก็กวาดสายตามองไปรอบๆ คอยสังเกตพิรุธคนในงาน ด้านจ่า
เหยินก็เสิร์ฟไป หยิบโน่นหยิบนี่กินไป ไม่ค่อยได้สังเกตใคร
ปณิตามองไปที่เปรมสุดากับภูมินทร์อย่างพอใจ
“ในที่สุดยัยสุดาก็ทำสำเร็จ”
ฟ้ารุ่งหันมองพิณชนิดาด้วยแววตาจงชัง
“ยังไม่สำเร็จค่ะ ต้องทำให้นังพิณมันอาย จนแทรกแผ่นดินหนีด้วย”
พูดพลางค่อย ๆ หยิบยาบ้าฟรุ้งฟริ้งที่บดละเอียดใส่ซองยาออกมาจากกระเป๋า พลางจิกตาร้าย ยอดกับฉัตรที่แฝงตัวมาในชุดเด็กเสิร์ฟ ก็พยายามสอดส่ายสายตาคอยจับจ้องภูมินทร์ ที่เดินตามก้องภพเข้าไปในบริเวณงาน พอหันมาเห็นจ่าเหยินก็ตกใจ
“ตำรวจ”
“เอาไงดีพี่?”
“ไม่เป็นไร นิ่งไว้ ๆ อย่ามีพิรุธ”
จ่าเหยินเดินสวนมันทั้งคู่ไป โดยไม่ทันสังเกต แต่เดินไปได้นิดหนึ่ง ก็ชะงัก
“ไอ้สองคนนี้คุ้น ๆ”
พลางหันกลับไปมองอีกครั้ง แต่ก็เห็นเพียงด้านหลังของมันทั้งคู่

ภูมินทร์ยืนอยู่กับก้องภพที่ข้างเวที ฝ่ายหลังรีบเตือนให้ปิดเสียงมือถือ ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้พนักงานที่พยักหน้ารับ
พลันไฟในห้องก็หรี่ลงจนมืด พร้อมกับไฟที่เวทีสว่างจ้าขึ้นมาแทน พร้อมเสียงประกาศจากพิธีกร “ขอเชิญพบกับ คุณภูมินทร์ อัครมโหฬาร ประธานกรรมการบริษัทอัครมโหฬาร จำกัด (มหาชน) ขึ้นมากล่าวเปิดงานค่ะ”
เสียงปรบมือดังกึกก้อง ไฟฟอลโล่วจับที่ภูมินทร์ ที่เดินเข้ามาที่แท่นบนเวที ด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
“สวัสดีครับ ท่านแขกผู้มีเกียรติ ก่อนอื่น ขอเชิญพวกท่านพบกับประวัติความเป็นมาของบริษัทอัครมโหฬารครับ”
พลันจอฉายบนเวที ก็เปิดขึ้น พร้อมเพลงในจังหวะเร้าใจ และตัวหนังสือครบรอบ 30 ปี บริษัทอัครมโหฬาร จำกัด (มหาชน)
ภูมินทร์มองภาพบนจอด้วยแววตาภาคภูมิใจ ขณะที่สัญชัยมองด้วยแววตาร้าย

ฟ้ารุ่งกำลังเทผงยาบ้าฟรุ้งฟริ้งใส่แก้วเครื่องดื่มในถาดของเด็กเสิร์ฟ มีปณิตาคอยดูต้นทาง ไม่นานเปรมสุดาก็เดินเข้ามา
“เป็นยังไงบ้าง?”
ฟ้ารุ่งรีบเอานิ้วคนน้ำในแก้ว “เรียบร้อย”
จากนั้นก็ยื่นแบงค์พันให้เด็กเสิร์ฟ
“รู้นะว่าต้องทำยังไง”
“ไม่ต้องห่วงครับ งานนี้ผมถนัด”
รับคำเสร็จ เด็กเสิร์ฟก็ยกถาดแก้วเครื่องดื่มออกไป เปรมสุดายิ้มสะใจ
“งานนี้แกไม่มีที่ยืนในสังคมแน่ นังพิณชนิดา”

พอภูมินทร์กล่าวจบ ทุกคนในห้องก็ปรบมือเสียงดัง เขายิ้มรับก่อนจะเดินลงจากเวที
เปรมสุดาที่เพิ่งเดินเข้าห้องมารีบถลาเข้าไปประกบ เพื่อให้นักข่าวถ่ายรูป
ฟ้ารุ่งเดินถือแก้วเครื่องดื่มตรงไปหาพิณชนิดาที่ยืนอยู่คนเดียว เพราะแสงโชติหันไปคุยกับแขกในงาน พลางปั้นหน้าเศร้าใส่
“พิณ”
พิณชนิดาหันไปเห็น ก็ชะงัก “ว่าไง ฟ้าร่วง”
“อย่ามองเพื่อนแบบนั้นสิ”
พิณชนิดาแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“ยังกล้าใช้คำว่าเพื่อนอีกเหรอ?”
ฟ้ารุ่งแกล้งกรีดน้ำตา
“ฉันผิดไปแล้ว ฉันขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่น่าเสียความเป็นเพื่อนเพราะผู้ชายเลว ๆ เลย ฉันไปปฎิบัติธรรมมา เพิ่งเห็น เพิ่งเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น พระท่านว่าอภัยทาน เป็นบุญอันยิ่งใหญ่นะพิณ”
พิณชนิดายิ้มหยัน “น้ำหน้าอย่างเธอ รู้จักคำพระกับเค้าด้วย?”
“ฉันสำนึกแล้วจริงๆ ให้อภัยฉันเถอะนะ ที่แล้วก็ให้แล้วไป เรามาเริ่มต้นใหม่”
พิณชนิดาครุ่นคิด มองฟ้ารุ่งที่แสร้งบีบน้ำตา ตีหน้าเศร้า

“ฉันอยากได้เธอคืนมา ฉันเพิ่งรู้ว่า ไม่มีเพื่อนคนไหนดีเท่าเธออีกแล้ว ฉันไม่เคยลืมเวลาดีๆ ที่เรามีด้วยกัน เรากลับมามีเวลาดี ๆ กันอีกนะ”

พุดพลางบีบมืออีกฝ่ายแน่น พิณชนิดาใจอ่อนยวบลงทันที ฟ้ารุ่งยิ้มตอบ ก่อนจะหันไปโบกเรียกเด็กเสิร์ฟที่นัดกันไว้ เด็กเสิร์ฟรีบเดินถือถาด ที่มีเครื่องดื่มเหมือนกัน 2 แก้วเข้ามา
 
“เรามาฉลองมิตรภาพใหม่ๆ ของเรากันดีกว่า”
ฟ้ารุ่งหันไปมองหน้าเด็กเสิร์ฟที่พยักหน้าอย่างรู้กัน เด็กเสิร์ฟกำลังหยิบแก้วนั้นให้พิณชนิดา ทว่าทันใดนั้นภิชาสินี ก็เข้ามาห้ามพี่สาวเอาไว้เสียก่อน
“คิดดีแล้วเหรอพี่พิณ? งูพิษแบบนี้ เค้าให้ตีให้ตาย ไม่ใช่ให้กลับไปคบ”
ฟ้ารุ่งตีหน้าเศร้า พิณชนิดารีบปรามน้องสาว
“ไม่เอาน่าภิ คนมาขอโอกาส เราก็ควรจะให้”
เด็กเสิร์ฟจะยกแก้วให้พิณชนิดาอีก จู่ ๆ อรรถพรก็เอาเครื่องดื่มที่เหมือนกันเป๊ะอีก 2 แก้ว มารวมกับที่มีอยู่แล้วเป็น 4 แก้ว ฟ้ารุ่งกับเด็กเสิร์ฟชะงัก
“ฉลองกันสองคนไม่สนุก ผมกับคุณภิขอฉลองด้วยนะครับ”
ภิชาสินีหันมองอรรถพรที่แอบยักคิ้วให้อย่างแปลกใจ แต่ขณะเดียวกันก็ไว้ใจ
อรรถพรสับแก้ว 4 ใบที่มีเครื่องดื่มเหมือนกันไปมา จนฟ้ารุ่งกับเด็กเสิร์ฟหน้าเสีย จากนั้นเขาก็
จงใจหยิบแก้วที่ใส่ยายื่นให้ฟ้ารุ่ง
“เชิญคุณก่อนครับ”
หลังจากนั้นก็หยิบแก้วที่เหลือให้พิณชนิดา ภิชาสินี และตัวเอง ก่อนจะโบกมือไล่เด็กเสิร์ฟออกไป ฟ้ารุ่งแอบหันมองหน้าเด็กเสิร์ฟ ที่ส่ายหน้าไม่รู้ แล้วรีบเผ่นออกไป
“ฉลอง”
ทุกคนยกแก้วขึ้นดื่ม ยกเว้นฟ้ารุ่งที่ไม่กล้าดื่ม ภิชาสินีหันมองทันที
“อ้าว ทำไมไม่ดื่ม? มีอะไรรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไร ดื่มจ้ะดื่ม”
ฟ้ารุ่งจำต้องดื่มจนหมดแก้ว พิณชนิดายิ้มดีใจ เข้าไปกอดฟ้ารุ่ง
“ขอบคุณนะที่กลับมาขอโทษฉัน”
ฟ้ารุ่งยิ้มแหย ๆ พูดไม่ออก ภิชาสินีหันมองหน้าอรรถพรเป็นเชิงตั้งคำถาม ก่อนที่จะลากแขนออกมาคุยกันตามลำพัง
“มีอะไร? ทำไมนายต้องเข้าไปยุ่ง
“ผมแอบเห็นว่าเด็กเสิร์ฟคนนี้แปลก ๆ มองตากับคุณฟ้ารุ่งตลอดเวลา เหมือนส่งซิกอะไรกัน ที่สำคัญจงใจยื่นแก้วนั้นให้คุณพิณ จากประสบการณ์ด้านการสืบสวน ผมคิดว่าในเครื่องดื่มต้องมีอะไรผสมแน่ ๆ”
ภิชาสินีตกใจ “เฮ้ย แล้วใครกินแก้วที่ผสมไป?”
อรรถพรยิ้มเจ้าเล่ห์

ฟ้ารุ่งค่อยๆ เดินเซ ๆ เข้าไปหาปณิตาและเปรมสุดา ที่ยืนคอยอยู่อย่างร้อนใจ
“เรียบร้อยรึเปล่า?”
ฟ้ารุ่งทำมือเป้นสัญญาณว่าโอเค. 2 แม่-ลูกหันมองพิณชนิดาที่ยืนคุยกับแสงโชติ
“รอดูความหายนะของนังพิณกันเถอะค่ะคุณแม่”
2 แม่-ลูกมัวมองไปทางพิณชนิดา ไม่เห็นสังเกตฟ้ารุ่งที่เดินเซๆ พลางมองทุกอย่างเป็นภาพสีสันสดใส แสงไฟฉูดฉาด สว่างไสว หูแว่วได้ยินเสียงเพลงดัง สนุกเร้าใจ ทันใดนั้นก็เต้นขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง จนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว เปรมสุดากับปณิตามองอย่างงงๆ ก่อนที่จะถูกฟ้ารุ่งดึงให้เต้นไปด้วยกัน
ทุกคนมองฟ้ารุ่ง แล้วหันไปอมยิ้มขำ แต่ปณิตากับเปรมสุดาอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
“ยัยฟ้า เธอเป็นบ้าอะไร? หยุดเดี๋ยวนี้”
“มันหยุดไม่ได้ วู้ เพลงมันส์ ๆ แบบนี้ ต้องแด๊นซ์”
ฟ้ารุ่งที่อัดยาเข้าไปเยอะ มีแรงมากมายมหาศาล ลากแขนเปรมสุดากับปณิตาไปที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะกวาดอาหารทั้งหมด ลงจากโต๊ะจัดเลี้ยง ข้าวของกระจัดกระจาย แล้วก็ขึ้นไปเต้นบนโต๊ะอาหาร
2 แม่-ลูก อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน รีบหาทางจะย่องออกไปแบบเนียนๆ
ภูมินทร์รีบหันไปสั่งก้องภพให้รีบจัดการ อรรถพร กับจ่าเหยิน ต้องเข้าไปช่วยด้วย
ฟ้ารุ่งวิ่งพล่านทั่วงาน แถมตะโกนแหกปากเสียงดังลั่น
“แน่จริงก็จับให้ได้สิ จับให้ได้”
ภิชาสินีรีบกระซิบบอกพี่สาว
“ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ยัยนั่นเอายามาให้พี่กิน ถ้าหมวดอรรถไม่ช่วยเอาไว้ คนที่วิ่งพล่านตอนนี้น่าจะเป็นพี่ ไม่ใช่ยัยฟ้าร่วง”
พิณชนิดาหน้านิ่ง แต่โกรธจัด “งูพิษ”
เปรมสุดากับปณิตากำลังจะหนีออกจากห้องได้แล้ว ทันใดนั้นก็น้ำแข็งสาดใส่เต็มๆ จนเปียกโชก
พอหันไป ก็เห็นฟ้ารุ่งถือถังน้ำแข็งเอาไว้
ก้องภพ อรรถพร จ่าเหยิน เข้ามารวบตัวฟ้ารุ่ง ก่อนจะช่วยกันลากออกไปได้สำเร็จ
นักข่าวรุมถ่ายรูป 2 แม่-ลูก ที่รีบปิดหน้าปิดตา ก้มหน้างุดๆ เดินออกจากงานด้วยความอับอาย
ภูมินทร์ส่ายหน้าอย่างหัวเสีย
“ป่นปี้หมด งานฉัน”
ทันใดนั้นยอดกับฉัตร ก็ก้มหน้าก้มตาเดินเข้ามาหาภูมินทร์
“คุณสัญชัยมีเรื่องด่วนครับ”
ภูมินทร์ที่กำลังหงุดหงิดตวาดกลับไป โดยไม่ทันมองหน้า
“ด่วนก็มาหาฉันสิ “
“เรื่องสำคัญมาก คุณสัญชัยกลัวแขกจะแตกตื่นครับ”
ยอดกับฉัตรผายมือ ภูมินทร์เดินไปตามทาง มันทั้งคู่เดินตามหลัง

พิณชนิดาหันไปมองภูมินทร์ที่เดินออกไปกับยอดและฉัตรอย่างสงสัย

ภูมินทร์เดินเข้ามาที่ลานจอดรถ แต่กลับไม่เห็นสัญชัย
 
“คุณอาสัญชัยอยู่ไหน?”
ยอดกับฉัตรไม่ตอบ กลับตรงเข้าไปล็อกภูมินทร์ แต่อีกฝ่ายฮึดสู้ พิณชนิดาเดินตามเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปช่วยภูมินทร์ พลางตะโกนลั่น
“พวกแกจะทำอะไร? ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
ยอดกับฉัตรจะเข้าไปจัดการพิณชนิดา ภูมินทร์รีบเข้าขวางเลยถูกซัดกลับมาเต็มๆ
จังหวะที่เหตุการณ์กำลังชุลมุน จู่ ๆ ก็มีรถตู้ขับเข้ามา ก่อนที่เลิศกับลูกน้องจะเปิดประตูรถออกมา พร้อมกับชูปืนขู่ภูมินทร์กับพิณชนิดา
“อย่าคิดส่งเสียงเด็ดขาด”
ยอด ฉัตร กับลูกน้องเลิศรีบเข้ามาลากตัวทั้งคู่ขึ้นรถตู้ ก่อนจะขับไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันสังเกตเห็นกระเป๋าของพิณชนิดาที่ตกอยู่ที่พื้น

ตำรวจขับรถพาฟ้ารุ่งกับจ่าเหยินออกไป ก้องภพกับอรรถพรมองตาม ภิชาสินีเดินจ้ำเข้ามาสีหน้ากังวล ก้องภพกับอรรถพรหันไปมอง
“ตามหาใครอยู่เหรอครับคุณภิ?”
“พี่พิณค่ะ ไม่รู้หายไปไหน? โทร. หาก็ไม่รับสาย”
“อยู่กับนายแสงโชติรึเปล่าครับ?”
แสงโชติเดินมาอีกด้าน มองหาพิณชนิดาเหมือนกัน ภิชาสินีรีบเข้าไปถาม
“พี่พิณล่ะ?”
“ไม่ได้อยู่กับคุณเหรอ?”
ภิชาสินีหงุดหงิด “ถ้าอยู่จะถามทำไม?”
ก้องภพนึกขึ้นได้ “อยู่กับคุณภูรึเปล่าครับ?”
แสงโชติหน้าขึ้งเครียดขึ้นมาทันที
“มิน่า หายไปทั้งคู่”
ก้องภพชะงัก
“คุณภูก็หายไปเหรอครับ?”

ทั้งคู่ถูกจับมัดมือมัดเท้าอยู่ด้วยกัน มียอดกับฉัตรนั่งคุม จังหวะนั้นมือถือในสูทของภูมินทร์สั่น เขาจะหยิบเองก็ไม่ถนัด เลยหันไปกระซิบกับพิณชนิดา
“กดรับสายมือถือในเสื้อฉันที ก้องภพน่าจะโทร. มาตาม เราต้องชวนพวกนี้คุย ให้ก้องภพรู้ ว่าเราอยู่ที่ไหน?”
พิณชนิดาขยับเข้าใกล้พยายามจะล้วงเข้าเสื้อของภูมินทร์
“ขยับมาใกล้อีกนิด ฉันล้วงไม่ถนัด”
ภูมินทร์ขยับไปใกล้ จนหน้าแทบจะชนกัน ครู่หนึ่งพิณชนิดาก็ยิ้มดีใจ
“ได้แล้ว”
ยอดหันมามองอย่างสงสัย “ทำอะไรกัน ถอยออกมา”
พิณชนิดาจำต้องผละออกมา ยอดมองที่ตัวภูมินทร์ด้วยแววตาสงสัย

ก้องภพรอสายจนสัญญาณตัด ก็ยิ่งร้อนใจ รีบกดโทร. ไปถามคนขับรถ ก่อนที่จะวางสาย แล้วหันกลับมาบอกทุกคนด้วยสีหน้ากังวล
“รถก็ยังอยู่ แล้วคุณภูกับคุณพิณไปไหน?”
“แอบขึ้นแท็กซี่ออกไปด้วยกันรึเปล่า?”
ภิชาสินีมองแสงโชติอย่างไม่พอใจ “พูดจาถึงพี่สาวฉันให้มันดีๆ หน่อย”
พลันสัญชัยก็เดินออกมา ก่อนจะขอตัวกลับบ้าน พลางจะเดินออกไป ก้องภพรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวครับคุณสัญชัย เห็นคุณภูรึเปล่าครับ? ไม่รู้หายไปไหน โทร.ไปก็ไม่รับสาย”
“น่าจะอยู่ในงานนั่นแหละ ภูเป็นเจ้าของงาน จะหายไปไหนได้ คนมันเยอะ หาดี ๆ “
สัญชัยตอบกลับด้วยสีหน้าปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะรีบเดินออกไป โดยที่ทุกคนไม่
ติดใจสงสัยสักนิด
แสงโชติแยกตัวเดินกลับไปในงานเพื่อส่งแขก ก้องภพ อรรถพร ภิชาสินีหันมามองหน้ากันอย่างหวั่นใจ จู่ๆ ก้องภพก็นึกได้
“ผมมี App ติดโทรศัพท์คุณพิณกับคุณภู สามารถเช็คได้ว่าอยู่ที่ไหน?”

“แปลกจัง พิกัดของคุณพิณอยู่ที่นี่ แต่ของคุณภูกลับอยู่อีกที่”
ก้องภพเปิดดู App ที่ระบุพิกัดของทั้งคู่ แล้วก็นึกแปลกใจ
“หมายความว่า สองคนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ลองโทร. หาดูอีกทีดีกว่า พี่พิณมาทำอะไรที่ลานจอดรถ?”
ภิชาสินีลองกดโทร.ออกอีกครั้ง พลันก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังอยู่ใกล้ๆ ทุกคนหันมองต้นเสียง จนกระทั่งเห็นกระเป๋าของพิณชนิดา ภิชาสินีรีบหยิบขึ้นมา
“พี่พิณอยู่นี่ แต่ตัวพี่พิณอยู่ไหน? แบบนี้ชักไม่ดีแล้ว”
ทั้ง 3 คนมองหน้ากัน สีหน้าเคร่งเครียด อรรถพรรีบบอก
“มีสองทาง หนึ่งตามพิกัดโทรศัพท์คุณภู กับสองตามภาพจากกล้องวงจรปิด”
แต่พอไปเช็คกับทางโรงแรมปรากฏว่ากล้องวงจรปิดใช้การไม่ได้

“เหลือทางเดียว ตามมือถือคุณภูมินทร์”

ภูมินทร์พยายามพูดจากหว่านล้อมต่อรองกับพวกเลิศ ด้วยการเสนอให้เงินสูงถึง 30 ล้านบาท แลกกับการปล่อยเขากับพิณชนิดาให้เป็นอิสระ
 
ยอดกับฉัตรชะงักแอบมองหน้ากันอย่างสนใจ แต่ไม่แสดงท่าทีอะไร ตรงข้ามกับเลิศที่ยกปืนขึ้นมาขู่ พร้อมตวาดเสียงเข้ม
“หุบปากก่อนที่กูจะหมดความอดทน”
ขณะที่ทางด้านก้องภพ อรรถพร และภิสาชินี ก็ขับรถไล่ตามพิกัดของภูมินทร์อย่างรีบเร่ง

พิณชนิดาครุ่นคิด ก่อนจะออกอุบายทำทีเป็นปวดฉี่ พลางร้องขอให้พวกเลิศจอดรถ แต่พวกมันกลับจอดรถที่ริมทาง
“จัดการธุระให้เรียบร้อยทั้งคู่ จะไม่มีการเข้าห้องน้ำอีกแล้ว”
พิณชนิดาร้องโวยวาย
“จะบ้าเหรอ นี่มันป่าทั้งนั้น ทำไมไม่พาฉันไปเข้าห้องน้ำในปั๊ม”
ฉัตรตวาดกลับอย่างเหลืออด
“ขืนเข้าไปที่ปั๊ม แกก็ได้แหกปากร้องให้คนช่วย เลือกเอาจะฉี่ที่นี่ หรือไม่ได้ฉี่”
พิณชนิดากับภูมินทร์มองป่าข้างทางอย่างหนักใจ ก่อนจะยอมเดินเข้าไป ยอด ฉัตร และลูกน้องเลิศ เดินตามไปคุม

ก้องภพมองพิกัดในมือถืออย่างลุ้นระทึก ก่อนหันไปบอกอรรถพร
“เจอแล้วครับ เจอแล้ว คุณภูอยู่ข้างหน้านี่เอง”

ทั้งคู่ทำทีเป็นเดินหาทำเลฉี่ พอได้โอกาสภูมินทร์ก็หันไปถีบยอดกับฉัตรเต็มแรง แล้วจับมือ
พิณชนิดาวิ่งไม่คิดชีวิต
ทันใดนั้น ก็มีกระสุนเฉียด ที่เท้า ปัง ปัง ปัง ทั้งคู่กอดกันกลมด้วยความตกใจ พอหันไปมอง
ก็เห็นเลิศที่ยืนถือปืน หน้าตาเอาเรื่อง
“นัดต่อไป กูไม่พลาดแน่”

ก้องภพ อรรถพร ภิชาสินี รีบวิ่งเข้ามาในบริเวณป่าที่จับพิกัดของภูมินทร์ได้ ก้องภพกดโทร. ออก อีกครั้ง ทันใดนั้นภิชาสินีก็เหลือบไปเห็นแสงวาบ ๆ อยู่ในกอหญ้า จึงค่อยๆ เดินไปดู แล้วก็เห็นมือถือของภูมินทร์วางอยู่
“โทรศัพท์คุณภู ทำไมมาอยู่ที่นี่?”
อรรถพรตั้งข้อสังเกต “ลักษณะแบบนี้ คุณภูมินทร์ถูกอุ้มไปพร้อมกับคุณพิณแน่ ๆ”
ภิชาสินีกับก้องภพหน้าเสีย

ภูมินทร์กับพิณชนิดาถูกมัดติดกันอยู่ในรถ ยอดกับฉัตรหันมายิ้มให้กันอย่างสะใจ
“ดีนะที่ฉันหัวไวค้นตัวมันจนเจอโทรศัพท์ ไม่งั้นคงถูกตามเจอ”
ฉัตรมองจ้องทั้งคู่อย่างเอาเรื่อง
“อย่าลูกเล่นอีกนะโว้ย พี่เลิศแกของจริง เดี๋ยวจะตายเป็นหมาข้างถนน”
ภูมินทร์กับพิณชนิดามองข้างทางที่รถตู้เล่นไปด้วยความหวาดหวั่น

ภิชาสินี ก้องภพ และอรรถพรเดินเข้ามาในบ้าน แม่นมนวลที่นั่งกระสับกระส่ายรอภูมินทร์อยู่ รีบหันไปถามอย่างร้อนใจ
“คุณหนูไปไหนคะ? ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน?”
ก้องภพก้มหน้า ไม่กล้าตอบ แม่นมนวลนึกรู้ทันที
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูคะ?”
“ตั้งสติก่อนนะครับคุณนม ทางตำรวจสันนิษฐานว่า คุณภูน่าจะถูกจับตัวไปกับคุณพิณครับ”
หญิงสูงวัยลมแทบจับ ปูเปรี้ยวกับป่านแก้ว รีบเข้ามาช่วยก้องภพประคองเอาไว้
“คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองคุณหนูกับคุณพิณด้วย”
ภิชาสินีเองก็ถึงกับน้ำตาซึม ด้วยความเป็นห่วงพี่สาว อรรถพรต้องโอบปลอบไว้
“คุณพิณจะต้องปลอดภัย”

ภิชาสินีฝืนพยักหน้า ทั้งที่แววตาเศร้า

พรายพยากรณ์ ตอนที่ 14 (ต่อ)

พอเข้ามาในห้องนอน ภิชาสินีก็รีบบอกข่าวกับวิญญาณของพ่อ แม่ ป้า ทันที กานต์กมลถึงกับแทบช็อก
 
“พิณถูกจับตัวไปกับนายภูมินทร์?”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้หมวดอรรถกับตำรวจ กำลังเร่งตามหา”
ปราชญ์รีบบอกลูกสาวคนเล็ก
“ใจเย็นๆ นะลูก เรื่องนี้ พ่อ แม่ ป้า พอจะช่วยได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลา เพราะพลังของพวกเราเหลือน้อยเต็มที”
ภิชาสินีมองพ่อ แม่ ป้า อย่างสงสัย “พ่อ แม่ ป้า จะใช้พลังตามหาพี่พิณเหรอคะ?”

วิญญาณพ่อ แม่ ป้า นั่งสมาธิล้อมกันเป็นรูปสามเหลี่ยม ก่อนจะจับมือกันหลับตาเพื่อประสานพลัง
ปิ่นเพชรกับภิชาสินี นั่งมองอย่างลุ้นระทึก

ภิชาสินีฟุบหลับอยู่กับปิ่นเพชรจนรุ่งเช้า กานต์กมลที่เรี่ยวแรงน้อยลงมาก เข้ามาปลุก
“ภิ ภิ ลูก”
ภิชาสินีสะดุ้งตื่น พร้อมกับปิ่นเพชร ปราชญ์รีบบอกอย่างอ่อนแรง
“พวกเราพอจะรู้แล้ว ว่าพิณอยู่ที่ไหน?”
พัณทิพารีบบอกต่อ “แต่พวกเรา หมดพลังไปมาก คงจะไปช่วยพิณกับภิไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ภิกับหมวดอรรถจะช่วยพี่พิณให้ได้”
ภิชาสินีพูดอย่างมั่นใจ

พิณชนิดานอนหนุนตักภูมินทร์หลับอยู่ในกระท่อม พลันยอดกับฉัตรก็เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับโยนถุงเสื้อผ้าให้ ทั้งคู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
“เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เห็นแล้วรำคาญลูกตา จะพาไปไหนมาไหน ก็ชักช้า ไม่ทันใจพวกข้า เพราะรอแกลากกระโปรง”
“จะเปลี่ยนยังไง? ห้องน้ำก็ไม่มี”
ฉัตรมองด้วยสายตาโลมเลีย “ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ เดี๋ยวพี่เปลี่ยนให้มั้ยจ๊ะ”
ภูมินทร์รีบเอาตัวบังพิณชนิดาไว้ทันที “อย่ายุ่งกับผู้หญิงคนนี้”
ฉัตรกับยอดหัวเราะร่า แล้วเดินออกไป
ภูมินทร์หันมามองพิณชนิดาด้วยความเป็นห่วง
“เพราะฉันแท้ ๆ เธอเลยต้องมาซวยไปด้วย เธอเสี่ยงชีวิตช่วยฉันทำไม?”
“เป็นใคร ฉันก็ช่วยทั้งนั้น หันไปได้แล้ว ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ภูมินทร์รีบหันไป พิณชนิดาหยิบเสื้อผ้าออกมาเปลี่ยน

ยอดกับฉัตรยืนมองเลิศ ที่ถือซองเอกสารในมือกำลังคุยโทรศัพท์
“ไม่ต้องห่วงครับนาย ผมจะจัดการให้เรียบร้อยภายในวันนี้”
“ฉันจะรอฟังข่าวดี”
สัญชัยจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะกดวางสาย พลางยิ้มอย่างพอใจ

เปรมสุดากับปณิตาเดินเข้ามาในห้องอาหาร ปูเปรี้ยวเดินถือโถข้าวต้มปลาเข้ามา พลางรีบสาระแนรายงาน
“คุณภูถูกจับตัวไปเมื่อคืนค่ะ ตอนนี้ตำรวจกำลังตามหา”
ปณิตาตกใจ “หา ตาภูถูกจับตัวไป”
“ใช่ค่ะ ถูกจับไปพร้อมกับนังพิณ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง แต่ไม่ต้องเครียดนะคะ ตำรวจกำลังเร่งตามหา ระหว่างนี้ทานข้าวต้มปลาร้อน ๆ รอฟังข่าวดีกว่าค่ะ”

เปรมสุดาได้กลิ่นก็เบ้หน้า ก่อนจะทนไม่ไหว รีบวิ่งออกไป ปณิตามองตามอย่างตกใจ ก่อนจะรีบตามไป

เปรมสุดารีบวิ่งเข้ามาในห้องน้ำ ก่อนจะก้มลงอาเจียนที่อ่างน้ำ แต่อาเจียนไม่ค่อยออก จึงบ้วนปาก เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองกระจก ก็เห็นปณิตายืนมองแววตาเอาเรื่อง จากนั้นก็รีบลากตัวลูกสาวหลบมุมมาคุยกันตามลำพัง
 
“ตอบแม่มา แกท้องกับใคร?”
“ทำไมถามแบบนั้น แม่ก็รู้ว่าสุดายุ่งกับแสงโชติคนเดียว”
ปณิตาได้ฟังคำตอบ ก็โกรธจัด
“อีลูกโง่ ฉันอยากรู้นัก ในกะโหลกแกมีมันสมองอยู่บ้างรึเปล่า? เลือกผู้ชายก็ห่วย ที่อุบาทว์กว่า คือไม่รู้จักป้องกัน แกอายุเท่าไหร่แล้ว? คุมกำเนิดทำไม่เป็นรึไง เมื่อไหร่จะทำให้ฉันสบายใจได้สักที”
เปรมสุดาสวนกลับเสียงกร้าว “ก็ทำอยู่นี่ไง”
“ทำอะไร? ท้องลูกของไอ้แสงโชติ แล้วมาพยายามจับตาภูน่ะเหรอ? ฝันไปเถอะ ตาภูฉลาดเป็นกรด ไม่โง่โดนแกหลอกง่าย ๆ ขนาดสด ๆ สวย ๆ ตาภูยังไม่เอา ท้องโย้ หมดสภาพ ตาภูไม่มีทางชายตาแล”
เปรมสุดาเหลืออด “ที่สุดาเป็นแบบนี้ก็เพราะแม่นั่นแหละ”
“พลาดแล้วยังมีหน้ามาโยนความผิดให้ฉัน นังลูกไม่รักดี”
“รักดีต้องทำยังไงเหรอคะ? แม่เอาแต่สอนให้สุดาจับผู้ชายรวย ๆ สุดาก็จับให้แล้วไง แม่ยังอยากจะได้อะไรอีก? หรือว่าต้องรอให้สุดาขายตัว มีเงินมากองให้แม่ ถึงจะเรียกว่าลูกรักดี”
ปณิตาฟาดฝ่ามือตบหน้าเปรมสุดาทันที ฝ่ายลูกสาวถึงกับน้ำตาร่วง
“สมองแกมันก็คิดได้แค่นี้ ถึงไม่เคยก้าวหน้าไปไหนสักที แกรู้อยู่เต็มอก ว่าเป็นเพราะฉันเลือกผัวไม่ดี ทิ้งหนี้เอาไว้ เราแม่ลูกเลยต้องลำบาก แต่แกก็ยังไปเลือกไอ้แสงโชติผู้ชายแบบเดียวกับพ่อแกมาเป็นผัว”
เปรมสุดาพูดย้อนกลับไปทั้งน้ำตา
“ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น คุณแม่ไม่เคยได้ยินเหรอคะ? สุดาเป็นยังไง คุณแม่ก็เป็นยังงั้น”
ปณิตาเงื้อมือจะตบอีกที เปรมสุดายื่นหน้าท้าทาย
“ตบเลยแม่ ตบเลย ตบสุดาให้ตาย แม่ก็หนีความจริงไปไม่ได้หรอก เพราะแม่อยากสบาย เลยเอาแต่สอนลูกให้จับผู้ชายรวย ๆ ที่สุดาเหลวแหลกแบบนี้ ก็เพราะแม่”
“ถ้าโทษฉันแล้วแกสบายใจ ก็ตามใจ ในเมื่อแกเห็นฉันเป็นแค่แม่เลว ๆ เห็นแก่ตัว ก็อย่ามาเรียกฉันว่าแม่”
ปณิตาจะเดินออกไปด้วยความโมโห เปรมสุดารีบพูดไล่หลัง
“แม่คงไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดเลยสินะ”
ผู้เป็นแม่ถึงกับชะงัก ก่อนจะหันมาพูดทั้งน้ำตาคลอ ๆ ด้วยความเจ็บปวด
“วันที่แกคลอดลูก แกจะเข้าใจความรู้สึกของฉันในวันนี้ แกจะเข้าใจคำว่าแม่อย่างลึกซึ้ง ฉันจะคอยดู วันที่ลูกยืนตอกหน้าแก ว่าแกเป็นแม่เลวๆ เลี้ยงมันมาห่วยๆ ฉันจะคอยดู ถ้าถึงวันนั้น แกจะทำยังไง?”
พูดจบปณิตาก็เดินออกไป ทิ้งให้เปรมสุดาน้ำตาไหลพราก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน

เลิศยื่นเอกสารพร้อมปากกาให้ภูมินทร์เซ็น ขณะที่พิณชนิดาถูกกันให้นั่งห่าง ๆ
ภูมินทร์รับเอกสารมาอ่าน แล้วก็ตกใจแทบช็อก
“คุณอา? ที่แท้ก็เป็นฝีมือคุณอา”
เลิศยิ้มเยาะ “ใช่ ฉลาดตอนนี้ ก็สายเสียแล้ว เซ็นซะจะได้จบๆ”
“ถ้าฉันเซ็น พวกแกก็ฆ่า ถ้างั้นฉันไม่เซ็น พวกแกจะได้ฆ่าไม่ได้ หรือไม่จริงพินัยกรรมฉบับนี้ระบุชัดเจนว่า ถ้าฉันตาย สมบัติทุกอย่างจะตกเป็นของอาสัญชัย แล้วถ้าฉันไม่ตาย อาจะได้ทรัพย์สินได้ยังไง?”
“อย่าคิดว่าตัวเองฉลาด” เลิศพูดพลางบีบคอภูมินทร์ “เซ็นซะ แล้วฉันจะฆ่าแกอย่างเร็ว ไม่ให้ตายทรมาน”
ภูมินทร์โยนพินัยกรรมทิ้ง
“ฉันไม่เซ็น ฉันจะไม่ยอมยกสมบัติที่พ่อของฉันสร้างมาให้กับคนต่ำช้า ฆ่าได้แม้กระทั่งหลานตัวเอง”
“กูจะคอยดู ว่ามึงจะปากดีแบบนี้อีกนานแค่ไหน?”
เลิศยิ้มเหี้ยม ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องเข้าไปล็อกภูมินทร์เอาไว้ แล้วมันก็ต่อยไม่ยั้ง พิณชนิดาทนไม่ไหวรีบถลาเข้าไปห้าม แต่กลับถูกเลิศผลักกระเด็นไป
“ยืนดูอะไรวะ จับมันไว้สิ”
ยอดกับฉัตรรีบเข้ามาจับตัวตามคำสั่ง พิณชนิดามองดูภูมินทร์ที่โดนเลิศต่อยจนสลบ พลางร้องไห้โฮ ด้วยความสงสาร

ภิชาสินีพาอรรถพร จ่าเหยิน ปิ่นเพชร และตำรวจเข้ามาในป่า ก่อนที่จะใช้เข็มทิศนำทาง ตามหาร่องรอยของภูมินทร์กับพิณชนิดา

ภูมินทร์นอนนิ่ง เลือดออกปาก ออกจมูก ในสภาพย่ำแย่มาก พิณชนิดาร้องห่มร้องไห้ด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่สามารถจะเข้าไปช่วยได้ เพราะถูกยอดกับฉัตรจับเอาไว้
 
ทางด้านเลิศก็หลบมาคุยโทรศัพท์อยู่อีกด้าน
“ผมซ้อมมันยับ มันก็ยังไม่ยอมเซ็นครับนาย จะให้ผมทำยังไงต่อ?”
สัญชัยได้ยินเลิศรายงาน ก็นึกแค้น
“ซ้อมมันอีก ซ้อมจนแขนขามันหัก เอาให้ซี่โครงมันร้าว ทรมานไอ้ภูมินทร์ จนกว่ามันจะร้องขอความตาย คุณหนูใจเสาะอย่างมัน ทนได้ไม่นานหรอก พอมันเซ็นพินัยกรรมเรียบร้อย ก็ฆ่ามันสองคนซะ จำคำของฉันให้ดี แกต้องฆ่าไอ้ภูมินทร์ด้วยวิธีที่เจ็บปวด ทรมานที่สุด”
แม่นมนวลที่ตั้งใจจะมาถามข่าวคราวของภูมินทร์กับสัญชัยได้ยินเต็มๆ สองหู ก็ตะลึง อึ้ง ด้วยความตกใจ

สัญชัยกดวางสาย หันไปเห็นแม่นมนวลยืนอยู่ก็ผงะ หญิงสูงวัยได้สติ รีบวิ่งทันที แต่ช้ากว่า
สัญชัยที่กระชากหัวไว้ พร้อมกับใช้อีกมือปิดปาก พลางมองด้วยแววตาอำมหิต ก่อนจะกระซิบถามข้างหู“ฉันจะทำยังไงกับแกดี?”
แม่นมนวลมองสัญชัยด้วยแววตา ตื่นตระหนก หวาดกลัว

ภูมินทร์นอนซมอยู่บนตักพิณชนิดาที่เอาแต่ร้องไห้ ยอดกับฉัตรมองอย่างเวทนา
“ยอมเซ็นไปเถอะคุณ จะได้ไม่ทรมาน”
ภูมินทร์พยายามเงยหน้ามองยอดกับฉัตร
“เคยเห็นเงินห้าสิบล้านรึเปล่า?”
ยอดกับฉัตรตาวาว
“แกสองคนรู้ดี ว่าฉันมีเงินมากแค่ไหน ถ้าอยากสบาย ก็หาทางพาฉันหนี คิดดีๆ ห้าสิบล้าน แกหาอีกกี่ชาติถึงจะได้”
ยอดกับฉัตรหันมองหน้ากัน อย่างครุ่นคิด
“ถ้าพี่เลิศมันรู้ว่าเราทรยศ มันเอาเราตายแน่ ถึงตอนนั้น ยี่สิบบาทก็ไม่ได้ใช้”

ทุกคนกำลังเดินอย่างเร่งรีบ พลันภิชาสินีก็นึกได้ รีบหันมากระซิบบอกปิ่นเพชร
“กว่าจะถึงรังพวกมันคงอีกสักพัก เจ๊เป็นห่วงพี่พิณ กลัวจะไม่ทัน ปิ่นเพชรช่วยเรียกพวกไปดูแลก่อนเราไปถึงได้รึเปล่า?”
ปิ่นเพชรพยักหน้า “ลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย ไม่ต้องห่วงนะเจ๊ เค้าจัดการให้เอง”
จากนั้นก็รีบเดินแยกไปทันที พอถึงช่วงที่ปลอดคน ก็หยุดยืน พลางหลับตาเพ่งสมาธิ ก่อนจะกลายร่างเป็นตุ๊กแกตัวใหญ่ ส่งเสียงร้อง ต๊ก ต๊ก ดังลั่นป่า
ตุ๊กแกที่เกาะตามต้นไม้ ร้องขานรับเป็นทอดๆ

ภูมินทร์ที่หลับอยู่บนตักพิณชนิดาได้ยินเสียงตุ๊กแกก็ถึงกับสะดุ้ง พิณชนิดารีบกระซิบบอก
“เข้มแข็งเอาไว้นะ ปิ่นเพชรตามพวกมาช่วยแล้ว”
ภูมินทร์มองอย่างงงๆ “เด็กนั่นจะช่วยอะไรเราได้?”
“เดี๋ยวก็รู้”
ทันใดนั้น เลิศก็ถือค้อนเข้ามา ลูกน้องเดินตาม ยอดกับฉัตรหันไปเห็นก็ถึงกับผงะ
ภูมินทร์มองอย่างหวาดๆ พิณชนิดากอดเขาเอาไว้แน่น หวาดกลัวไม่ต่างกัน

ปิ่นเพชรเดินกลับมา ทำมือกับภิชาสินีว่าเรียบร้อย เธอยิ้มรับ พลางรีบหันไปบอกทุกคน
“รีบไปต่อกันเถอะค่ะ”
แม่นมนวลถูกมัดมือมัดเท้ากับเก้าอี้ มีสัญชัยกำลังถ่ายรูปด้วยมือถือ
“คุณทำแบบนี้กับหลานแท้ๆ ได้ยังไง? ใจคออำมหิตผิดมนุษย์”
สัญชัยยิ้มเหี้ยม “ถ้าพ่อมัน กับไอ้ภู ไม่ใจดำกับฉันก่อน ฉันก็คงไม่ทำแบบนี้”
“คุณหนูไปทำอะไรให้คุณนักหนา? ”
“มันเคยเห็นฉันเป็นอาที่ไหน มันก็เหมือนพ่อของมัน มองฉันเป็นแค่ขี้ข้า หุบปากให้สนิท ไม่งั้นฉันจะโทร. ไปให้คนของฉัน เลาะฟันไอ้ภูออกทีละซี่ ทีนี้ก็ตั้งใจฟัง ทำตามที่ฉันสั่ง ฉันจะอัดเสียงแกให้ไอ้ภูฟัง แกต้องพูดให้ไอ้ภู มันเซ็นพินัยกรรม เข้าใจรึเปล่า?”
สัญชัยกดอัดเสียงในมือถือ แล้วยื่นให้
“พูด”
“คุณหนูไม่ต้องห่วงนม นมไม่เป็นอะไร”
สัญชัยตบหน้าแม่นมนวลด้วยความโมโห หญิงสูงวัยร้องลั่น
“คิดจะลองดีกับฉันใช่มั้ย?”
พูดพลางตบตีหญิงสูงวัยไม่ยั้ง จนอีกฝ่ายถึงกับเลือดซึม
“เฝ้ามันไว้ให้ดี ฉันจะออกไปโทรศัพท์”

เลิศถือค้อนในมือ จ้องมองภูมินทร์อย่างเอาเรื่อง
“ตกลงจะเซ็นได้รึยัง?”
“ฉันไม่เซ็น แกจะทำไม”
เลิศทำหน้าโหด “แกจะได้รู้รสความทรมานที่สุดในชีวิต”
พลางจะถือค้อนเดินเข้าหาภูมินทร์ พิณชนิดารีบเอาตัวบังเอาไว้ ทันใดนั้นตุ๊กแกตัวใหญ่เบิ้ม
4 ตัวก็ตกลงบนตัวและหัวของเลิศ พร้อมกับกัดตามเนื้อตัว จนเลือดซึมออกมา มันถึงกับร้องลั่น พร้อมกับทิ้งค้อนพยายามสะบัดตุ๊กแกให้หลุด
หลังจากนั้นก็มีตุ๊กแกอีกหลายสิบตัวกระโดลงบนตัวยอด ฉัตร และลูกน้องเลิศ ทุกคนชุลมุนวุ่นวาย เพราะถูกตุ๊กแกกัด ทั้งกระท่อมเต็มไปด้วยตุ๊กแกนับร้อย พิณชนิดาใช้จังหวะชุลมุน ประคองภูมินทร์หนีออกไป

ยอดกับฉัตรพยายามวิ่งตามไป

ภิชาสินี อรรถพร ปิ่นเพชร จ่าเหยิน และตำรวจวิ่งมาที่กระท่อม ทันทีที่เห็นสภาพของเลิศกับลูกน้อง ก็ขนลุก ด้วยความสยดสยอง
 
ภิชาสินีรีบเข้าไปกระซิบปิ่นเพชร
“พอแล้วปิ่นเพชร เราต้องจับพวกนี้เป็นๆ เพื่อตามหาพี่พิณกับคุณภู”
ปิ่นเพชรตะโกนลั่น “พอแล้ว พวกเรา”
บรรดาตุ๊กแกรีบกระโดดหนี ทิ้งร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเลิศและลูกน้องเอาไว้ อรรถพร จ่าเหยิน และตำรวจรีบเข้าไปรวบตัวทันที
ภิชาสินีกับปิ่นเพชรวิ่งเข้าไปที่กระท่อม แล้วรีบวิ่งกลับมา
“พี่พิณกับคุณภูไม่อยู่”
จ่าเหยินเข้าไปล็อกคอลูกน้องเลิศ พลางเค้นคอถาม “สองคนนั้นอยู่ที่ไหน?”
“ไม่รู้ มันชุลมุน ต่างคนต่างวิ่งหนีตุ๊กแก”
อรรถพรรีบสั่งการ “เรียกกำลังเสริมมาที่นี่ ผมจะไปตามสองคนนั้นเอง”

ภูมินทร์วิ่งมาในสภาพที่อ่อนแรง พลางหันไปบอกพิณชนิดา
“เธอรีบหนีไป ทิ้งฉันไว้ที่นี่ ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงเธอ”
พิณชนิดาส่ายหน้า “ไม่ ถ้าอยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน ตายก็ต้องตายด้วยกัน”
พูดพลางรีบประคองภูมินทร์ให้เดินไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงยอดกับฉัตรดังแว่วมา
“อยู่ไหนวะ เห็นวิ่งอยู่แว้บ ๆ”
พิณชนิดารีบพาภูมินทร์หลบหลังพุ่มไม้ พลางกอดเขาไว้แน่น แล้วกระซิบ
“อดทนนะนายไข่เจียว นายต้องอดทน ถ้านายเป็นอะไรไปฉันจะอยู่ยังไง?”

ยอดกับฉัตรเดินมาใกล้ตรงที่ภูมินทร์กับพิณชนิดาซ่อนตัวอยู่ ทั้งคู่กอดกันแน่น ครู่หนึ่งมันทั้งคู่ก็เดินผ่านไป
ทั้งคู่ถอนหายใจโล่งอก พลางหันมองหน้ากัน จนจมูกสัมผัสกันตรงๆ พิณชนิดารีบผละออกห่าง
“รีบหนีต่อเถอะ”

ทั้งคู่พากันวิ่งหนีเข้ามาใสป่าลึก พลางก็เจอบ้านหลังหนึ่ง เจ้าของบ้านเป็นคุณลุงใจดี ภูมินทร์ปดไปว่าทั้งคู่เป็นคู่รักที่หนีตามกันมา เพราะโดนพ่อ-แม่ของฝ่ายหญิงกีดกันรัก แต่ถูกพวกลูกน้องพ่อไล่ตาม
“ลุงช่วยพวกเราด้วยนะครับ เห็นแก่ความรักของพวกเราสองคน”
“เรื่องของหลานชายเหมือนเรื่องของลุงไม่มีผิด ลุงช่วยอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง รีบเข้ามาก่อน”
จากนั้นลุงใจดีก็พาทั้งคู่เข้ามาหลบในบ้าน
“ลุงว่าพวกเอ็งค้างกันที่นี่ซักคืนดีมั้ย รอให้มั่นใจว่าลูกน้องพ่อเอ็งไปแล้วแน่ๆ แล้วค่อยออกไปตอนเช้า”
ภูมินทร์กับพิณชนิดามองหน้ากัน แล้วก็หันมาทางลุง
“ขอบคุณลุงมากนะครับ”
ลุงยิ้มอย่างมีเมตตา “ข้าจะไปเอายามาให้เอ็งทำแผล”
พอลุงเดินออกไป ภูมินทร์ก็ถอนหายใจโล่งอก พิณชนิดายิ้มขำ
“ไม่นึกว่านายจะแต่งเรื่องเก่ง”
“ก็ตอนนั้นมันนึกอะไรไม่ออก นอกจากเรื่องนี้เรื่องเดียว ไม่รู้ว่าลุงมีโทรศัพท์รึเปล่า? เราจะได้โทร.บอกหมวดอรรถเรื่องอาสัญชัย”
แต่ปรากฏว่าลุงไม่มีโทรศัพท์ จึงอาสาจะเข้าไปโทร. ให้ในตลาด เพราะเกรงว่าถ้าทั้งคู่โผล่หน้าไป จะโดนลูกน้องพ่อจับเอาได้
“แล้วตกลงจะให้ข้าโทรศัพท์หาใคร?”
“เออ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องโทร. แล้วดีกว่า”
ลุงไม่ได้สงสัยอะไร รีบยื่นถุงยาให้พิณชนิดา
“เอาไปทำแผลให้ผัวเอ็งซะ”
พิณชนิดาตกใจ “เค้าไม่ใช่ผัว”
“ไม่ใช่ผัววันนี้ ก็เป็นผัววันหน้าอยู่ดีแหละว้า”
ลุงหัวเราะขำ พิณชนิดายิ้มแหยๆ

พิณชนิดาทำแผลให้ภูมินทร์อย่างเบามือ
“ทุกคนคงเป็นห่วงเราแย่”
ภูมินทร์พูดพลางมองจ้องหน้าพิณชนิดา
“มองหน้าฉันทำไม?”
“ตอนที่ฉันถูกซ้อม ฉันคิดว่าฉันคงต้องตายแล้ว ตอนนั้นคนเดียวที่ฉันคิดถึงก็คือเธอ”
พิณชนิดามองหน้าภูมินทร์ ที่จับมือเธอมากุมไว้ พลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วมันก็ทำให้ฉันรู้อีกว่าชีวิตคนเรามันสั้น อยากจะทำ อยากจะพูดอะไรก็ควรจะลงมือทันที อย่ามามัวแต่วางฟอร์มกันอยู่”
“นายจะพูดอะไรเนี่ย?”
ภูมินทร์ตัดสินใจสารภาพ
“ข้อความที่ฉันเคยบอกเธอว่าฉันส่งผิด ความจริง ฉันตั้งใจพิมพ์เพราะอยากบอกให้เธอรู้ว่า “ฉันชอบเธอ” ฉันไม่กล้าส่ง แต่ไม่รู้ว่ามือมันไปเผลอกดโดนตอนไหน?”
พิณชนิดานิ่งไปจนภูมินทร์ใจเสีย
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ชอบฉัน เธอชอบแสงโชติ พอฉันรู้ว่าคนที่เลวคือคุณอาไม่ใช่แสงโชติ ฉันก็ค่อยเบาใจ ที่ฉันบอกความในใจให้เธอรู้ ไม่ใช่เพราะต้องการอะไร ฉันแค่อยากบอกเท่านั้น”
“คราวนี้ฟังฉันบ้าง ที่ฉันเอาตัวเข้าไปใกล้ชิดนายแสงโชติ เพราะตอนแรกฉันเข้าใจว่าเค้าคิดจะฆ่านาย ฉันถึงอยากเข้าไปหาหลักฐานเพื่อจับผิดเค้า”
ภูมินทร์ผงะ ดีใจ “หมายความว่าเธอไม่ได้ชอบ... จริงเหรอ? แล้วเธอชอบใคร?”
พิณชนิดาเผลอตอบ “นาย”
“เธอชอบฉัน?”
พิณชนิดาก้มหน้าเขิน “ ฉันไม่ได้พูด”
“เธอพูด เธอชอบฉันใช่มั้ยพิณ พิณชนิดา ชอบฉันใช่มั้ย?”
ภูมินทร์อมยิ้ม แล้วก็หอมแก้มพิณชนิดาฟอดใหญ่ ทำเอาอีกฝ่ายตกใจ
“ทำอะไร เดี๋ยวลุงเห็น”
“เห็นก็เห็นสิ คนรักกัน หอมกันได้ จูบกันก็ได้”

ภูมินทร์ยื่นหน้าจะจูบอีก แต่เจอพิณชนิดาเอามือยัน จนหน้าหัน แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะให้กัน

 
จบตอนที่ 14


กำลังโหลดความคิดเห็น