ฝันเฟื่อง ตอนที่ 2
ภายห้องโถงใหญ่บ้านมณฑิราตอนนี้ วิไลลักษณ์หน้าซีดขาวเป็นกระดาษ นั่งเข่าอ่อนหมดแรงสิ้นท่าอยู่กับพื้น
“เห็นมั้ยคะคุณมณ จับได้คาหนังคาเขาเลย” คุณต๋อยเดินไปด่าตรงหน้าวิไลลักษณ์ “เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น คนอะไรจองหอง ตีตัวเสมอเจ้านาย ริอ่านเอาของเจ้านายไปใส่ นี่คงสมรู้ร่วมคิดกันทั้งบ้านเลยล่ะสิ”
นายวงฉุนกึก “อ้าว! พูดดีๆนะคุณต๋อย”
วิไลลักษณ์รีบบอก “พ่อแม่วิไลไม่เกี่ยวค่ะ”
“รู้เห็นเป็นใจกันแบบนี้จะว่าไม่เกี่ยวได้ยังไงยะ ถ้าไม่มีพ่อแม่พี่ชายเธอให้ท้าย เธอจะกล้าทำขนาดนี้เหรอ” คุณต๋อยหันมามองนายวงกับแม่เมียดอย่างเหยียดหยาม
วงกับเมียดเถียงไม่ออกเพราะลูกผิดจริง
วิไลลักษณ์หันมองหน้าผู้เป็นนาย มณฑิราทำหน้าดุเคร่งมองมา วิไลลักษณ์รู้สึกผิด มณฑิราลุกยืนเดินขึ้นชั้นบนไป
“ไหนพาชั้นไปดูซิ ว่าหยิบอะไรจากตรงไหนไปบ้าง”
คุณต๋อยดึงแขนวิไลลักษณ์พาขึ้นบ้านตามมณฑิราไป ทุกคนเดินตามเป็นพรวน
คุณต๋อยลากแขนวิไลลักษณ์เข้ามาบนโถงบันไดชั้นบน ทุกคนเดินตามมา
คุณต๋อยบ่นบ้าอย่างมีอารมณ์ “ลูกเสือลูกตะเข้แท้ๆ ชั้นล็อคห้องคุณมณอย่างแน่นหนา เธอก็ยังอุตส่าห์งัดแงะเข้าไปได้”
“วิไลไม่ได้งัดนะคะ วิไลแค่แอบหยิบกุญแจมาเปิดตอนที่คุณต๋อยหลับกลางวัน”
กุ๊กกิ๊กหลุดขำพรืดออกมา
คุณต๋อยหันไปดุกุ๊กกิ๊ก “ขำอะไร” กุ๊กกิ๊กหยุดกึก คุณต๋อยหันมาดุวิไลลักษณ์ “ชั้นไม่เคยหลับกลางวัน ชั้นแค่พักสายตา”
มณฑิราเดินนำทุกคนมา วิไลลักษณ์ คุณต๋อยเดินตามมา เมียด วง เวก และกุ๊กกิ๊กจะตามขึ้นมาด้วย
คุณต๋อยหันมาบอกว่า “พวกเธอรอตรงนี้แหละ!”
วง เมียด เวก และกุ๊กกิ๊ก พากันหยุดรอที่หัวบันได
มณฑิรา วิไลลักษณ์ กับคุณต๋อยเดินไปที่ห้องมณฑิรา
พ่อ แม่ และพี่ชายมองตาม ด้วยความเป็นห่วงวิไลลักษณ์
“คุณมณจะไล่พวกเราออกไหมพ่อ” เวกหน้าเศร้า
“ถ้าคุณต๋อยคอยยุอยู่แบบนี้ก็ไม่แน่ ภาวนาให้พ่อถูกรางวัลที่ 1 งวดนี้แล้วกัน โดนไล่ออกไปจะได้ไม่ลำบากมาก” วงยังมีเวลามาคิดเรื่องหวย
เมียดตีแขนผัว “ห่วงแต่เรื่องหวย ช่วยห่วงลูกก่อนได้ไหม”
สามคนเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวมณฑิรา โดยมณฑิราเดินนำ มีคุณต๋อยลากวิไลลักษณ์เดินตามเข้ามาพร้อมกับ หันมาซักฟอก
“ไหน..เธอหยิบอะไรจากตรงไหนไปบ้าง”
วิไลลักษณ์เดินหน้าจ๋อยไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วชี้ให้มณฑิรากับคุณต๋อยดู พูดไปชี้ไป
“หยิบเสื้อผ้ามาจากตรงนี้ค่ะ กระเป๋าตรงนี้ รองเท้า ต่างหู แล้วก็กำไลตรงนี้ค่ะ”
วิไลลักษณ์ไม่กล้ามองหน้ามณฑิรากับคุณต๋อย
ไม่นานต่อมา คุณต๋อยดึงวิไลลักษณ์ออกมาจากห้อง มณฑิราเดินตามออกมา เมียด วง และเวกยืนลุ้นกระวนกระวายใจอยู่ กุ๊กกิ๊กยิ้มอย่างสะใจ
คุณต๋อยเอ่ยขึ้น “นังวิไลมันสารภาพแล้ว จับส่งตำรวจเลยมั้ยคะคุณมณ นิสัยแบบนี้เลี้ยงไว้ไม่ได้”
วิไลลักษณ์หน้าซีดหนักกว่าเก่า วง เมียด และเวกตกใจมาก
วงเข้ามายกมือไหว้ขอร้องมณฑิรา “ถ้าจะจับลูกผมส่งตำรวจ จับผมดีกว่าครับ ผมผิดเองที่เลี้ยงลูกไม่ดี”
เมียดช่วยอีกแรง “จะไล่ออกหรือจะทำอะไรเราสองคนก็ได้ แต่อย่าจับนังวิไลเข้าคุกเลย มันยังเด็ก ยังไม่รู้อะไร”
วิไลลักษณ์ร้องไห้โฮ “พ่อจ๋าแม่จ๋า อย่าทำแบบนี้ วิไลผิดเอง” เธอบอกกับมณฑิราว่า “คุณมณลงโทษวิไลเถอะค่ะ”
คุณต๋อยเห็นมณฑิราเงียบก็รีบซ้ำเติม “ไม่ต้องมาขอหรอก แกโดนกันทั้งบ้านแน่ ป้าเรียกตำรวจเลยนะคะคุณมณ” พร้อมกับหันไปสั่งกุ๊กกิ๊ก “นังกุ๊กกิ๊ก โทรเรียกตำรวจ”
“กุ๊กกิ๊กไม่ต้อง” น้ำเสียงเข้มของผู้เป็นนาย ทำเอาทุกคน และกุ๊กกิ๊กหยุดชะงัก
คุณต๋อยแปลกใจ “ทำไมล่ะคะคุณมณ”
“มณขอคุยกับวิไลก่อน แล้วจะลงโทษยังไง มณจัดการเอง”
คุณต๋อยทักท้วงเสียงขุ่น “แต่มันเป็นขโมยนะคะ คุณมณจะเลี้ยงขโมยไว้ในบ้านเหรอคะ”
“เค้าไม่ได้ขโมยหรอก เพราะถ้าวิไลจะขโมยจริงๆ คงไม่ใส่กลับเข้ามาในบ้านอีก” มณฑิราว่า
คุณต๋อยไม่ลดละ “ก็พ่อแม่พี่น้องเค้าอยู่ที่นี่ เค้าก็ต้องกลับสิคะ แล้วดูซิเนี่ย! ด่าขนาดนี้ยังไม่ยอมถอดอีก”
“วิไลเค้าจะไปถอดตอนไหน ก็คุณต๋อยเล่นดึงเค้าไปดึงเค้ามาแบบนี้” คุณต๋อยขัดใจที่มณฑิราเข้าข้างวิไลลักษณ์ มรฑิราเอ่ยขึ้นอีกว่า “ทุกคนลงไปก่อน มณขอคุยกับวิไลตามลำพัง”
“คุณมณต้องลงโทษวิไลให้เด็ดขาดนะคะ จะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างกับคนอื่น”
มณฑิรามองคุณต๋อยนิ่ง ก่อนจะหันมาทางวิไลลักษณ์
“วิไลตามชั้นเข้าไปในห้อง”
มณฑิราเดินนำเข้าห้องไป วิไลลักษณ์เดินตาม
เหตุการณ์ใกล้เคียงกัน เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน แต่ต่างสถานที่
รถรัฐรวีจอดอยู่ในโรงรถแล้ว อาทิตย์ยืนจ๋อยสนิท เพราะถูกรัฐรวีด่ายับ คาโรงรถ
“ผมขอโทษอีกครั้งนะครับคุณวี คุณวีอย่าบอกแม่ผมเลยนะครับ ถ้าแม่รู้แม่ด่าผมตายเลย ผมสัญญาครับว่าผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
“แกไม่ต้องมาทำเป็นสำนึกผิดเลย ถ้าชั้นจับไม่ได้ แกก็คงแอบขโมยรถชั้นไปหลอกสาวอีกใช่มั้ย!”
“ผมสัญญาครับ”
“แกสัญญาไปแล้ว” รัฐรวีว่า
“งั้นผมสาบานครับ ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย”
“ใช่ มันจะเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปชั้นจะไม่ยอมให้แกมาแตะรถชั้นอีกแล้ว”
อาทิตย์อึ้ง “อ้าว แล้วผมจะขับรถให้คุณวีได้ยังไงล่ะครับ”
รัฐรวีเหลืออด “ไม่ต้องขับไง เพราะชั้นไล่แกออก”
“คุณวีพูดเล่นใช่ไหมครับ”
“หน้าชั้นเหมือนพูดเล่นไหม นี่มันถึงขั้นขโมยเลยนะเว้ย แล้วต่อไปถ้าเรื่องใหญ่กว่านี้ชั้นจะไว้ใจอะไรแกได้”
รัฐรวีเดินอารมณ์บูดออกไปเลย
อาทิตย์อึ้งที่รัฐรวีเอาจริง รู้สึกผิดเต็มประตู
ฝ่ายมณฑิราเดินเข้ามานั่งลงที่เตียง วิไลลักษณ์เดินตามมานั่งที่พื้นจ๋อยๆ
มณฑิราถามด้วยสีหน้านิ่งๆ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกใช่มั้ยที่วิไลทำแบบนี้”
วิไลลักษณ์ตอบเสียงอ่อยๆ “วิไลเพิ่งทำได้สองสามครั้งเองค่ะ”
พลางสาวใช้จอมฝันเฟื่องก้มลงกราบที่เท้าผู้เป็นนาย
“คุณมณอย่าโกรธอย่าเกลียดพ่อแม่กับพี่เวกเลยนะคะ วิไลผิดคนเดียว คุณมณไล่วิไลออกเถอะค่ะ”
“วิไลไม่อยากทำงานให้ชั้นแล้วเหรอ ถึงอยากให้ชั้นไล่ออก”
“เปล่านะคะ วิไลอยากทำงานกับคุณมณค่ะ คุณมณเป็นเจ้านายที่วิไลรักและเคารพที่สุด แต่วิไลไม่ควรทำแบบนี้”
“ถ้าอย่างนั้นบอกชั้นซิ ว่าเธอทำทำไม” ถูกมณฑิราจ้องตา วิไลลักษณ์อึกอัก “ชั้นรู้ว่าวิไลเป็นคนช่างฝัน ทะเยอทะยาน แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”
“วิไล แต่งตัวออกไปหาเพื่อนค่ะ”
มณฑิราเอะใจ “ใคร ใช่ผู้ชายคนที่วิไลคุยด้วยรึเปล่า”
“ค่ะ เค้าชื่อคุณอาทิตย์ ตอนแรกที่รู้จักกัน เค้าเข้าใจผิดว่าวิไลเป็นลูกคุณหนู พอเค้านัดเจอวิไลอีก วิไลก็เลยต้องปลอมตัวเอาชุดของคุณมณใส่ไปเจอเค้า...” เห็นมณฑิรายิ้มขำ วิไลลักษณ์เลยงง “คุณมณขำอะไรเหรอคะ”
“ชั้นไม่ได้ขำวิไลหรอก ชั้นขำตัวเองน่ะ วันนี้ชั้นก็เพิ่งปลอมตัวเป็นแม่บ้านหนีคุณภูวเดชมาเหมือนกัน”
วิไลลักษณ์งงอีก “หนีทำไมคะ คุณมณไม่ชอบคุณภูวเดชเหรอคะ ทั้งหล่อ ทั้งรวย”
“คนเราจะชอบกันมันไม่ได้อยู่แค่ตรงนั้นหรอกจ้ะ วิไลชอบคุณอาทิตย์ใช่ไหม”
วิไลลักษณ์ปากแข็ง “เปล่านะคะ”
ผู้เป็นนายไม่ชื่อนัก “แต่วิไลถึงขนาดยอมเสี่ยงขโมยกุญแจจากคุณต๋อย ยอมเสี่ยงโดนพ่อกับแม่ดุ ยอมเสี่ยงโดนชั้นจับได้ เพื่อจะไปหาเค้า ถ้าไม่ชอบ วิไลจะทำถึงขนาดนี้เหรอ”
คราวนี้วิไลลักษณ์เงียบเถียงไม่ออก
“แล้วถ้าเค้านัดคราวหน้า วิไลจะทำยังไง”
“ไม่รู้ค่ะ”
มณฑิรามองสาวใช้อย่างเห็นใจเพราะรู้ว่าวิไลลักษณ์คงจะหลงรักอาทิตย์ไปแล้ว
“ชั้นคงยอมให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”
ที่เรือนคนใช้ แม่เมียด นายวง และเวก นั่งรวมกันรอฟังข่าววิไลลักษณ์ท่าทางเครียดหนัก คุณต๋อย กุ๊กกิ๊ก ยืนเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ
“ไล่ออก พวกแกโดนไล่ออกทั้งครอบครัวแน่ๆ แล้วนั่งทำอะไรกันอยู่ล่ะ ยังไม่เก็บของออกจากบ้านอีก”
วงฉุนแกล้งขู่คุณต๋อย “เวก แกรู้มั้ยพ่อได้แม่มายังไง ทีแรกแม่เค้าก็ด่าพ่อแบบนี้แหละ พ่อเลยจับทำเมีย นี่ถ้าพ่อโดนด่ามากๆ สันดานเดิมมันจะกลับมา”
ไม่เท่านั้นวงยังแกล้งมองคุณต๋อยด้วยแววตาวิบวับกรุ้มกริ่ม
คุณต๋อยด่า “ไอ้แก่ตัณหากลับ”
เมียดทันไม่ไหวแดกดัน “ก็ยังดีกว่าคนใช้สะเออะอยากทำหน้าที่เจ้านายแหละ”
กุ๊กกิ๊กรีบประจบคุณต๋อย “คุณต๋อยให้กุ๊กกิ๊กช่วยเก็บของพวกนี้ให้ไหมคะ”
วงเสียงดัง “ยังอีก”
“ไม่ต้องพ่อ คนนี้ชั้นเอง” เวกว่า
กุ๊กกิ๊กค้อนควัก พร้อมเชิดใส่ “ฝันไปเหอะ น้ำหน้าอย่างแกไม่ได้เห็นขาอ่อนชั้นหรอก”
เวกแกล้งชี้ไปที่ขา “นั่นขาไปเลอะอะไรมา”
กุ๊กกิ๊กหลงกลถกผ้าถุงดูทันที “ไหน” เวกมองขำ กุ๊กกิ๊กรู้ตัวว่าพลาด รีบถกผ้าถุงลงแค้นเคือง “ไอ้บ้า ทำเป็นขำไปเถอะ เดี๋ยวโดนไล่ออกจากบ้าน จะขำไม่ออก”
วิไลลักษณ์เดินเจี๋ยมเจี้ยมเข้ามา
กุ๊กกิ๊กเห็นก่อนใคร “คุณต๋อยคะ แม่ตัวดีมาแล้วค่ะ”
คุณต๋อยเหยียดยิ้มใส่วิไลลักษณ์อีก “เป็นไง โดนไล่ออกกันทั้งบ้านเลยใช่ไหมล่ะ เก็บของออกไปได้แล้ว”
วิไลลักษณ์เอ่ยขึ้น “คุณมณบอกให้คุณต๋อยขึ้นไปหาเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“อ๋อ สงสัยคุณมณคงจะปรึกษาชั้นว่าจะเอายังไงกับครอบครัวแกดี เก็บเสื้อผ้ารอได้เลย ยังไงชั้นจะให้คุณมณไล่พวกแกออกจากบ้านแน่”
วงโมโห “ยังอีก”
คุณต๋อยหันตัวเดินเชิดออกไป กุ๊กกิ๊กรีบตามไป
แม่เมียดถามอย่างร้อนใจ “วิไล คุณมณว่ายังไงบ้าง”
วิไลลักษณ์หน้าเครียด ทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้
ภายในห้องรับแขกบ้านมณฑิรา คุณต๋อยอึ้งเพราะได้ยินสิ่งที่มณฑิราบอก
“อะไรนะคะ ไม่ไล่ออก แถมยังจะให้นังวิไลชวนเพื่อนมากินข้าวที่บ้านอีก”
“ใช่จ้ะ เดี๋ยวถ้าเค้านัดวันได้ คุณต๋อยช่วยเตรียมจัดโต๊ะทานข้าวบนเรือนใหญ่ด้วยนะจ๊ะ”
“จะให้มันมาทานบนเรือนใหญ่กันเลยเหรอคะ ป้าว่ามันไม่เหมาะนะคะ” หัวหน้าแม่บ้านทัดทาน
“แต่มณตัดสินใจแล้วจ้ะ ฝากด้วยแล้วกันนะ”
มณฑิราตัดบทเสียงเรียบใบหน้านิ่ง แล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
คุณต๋อยขัดใจเป็นที่สุด
ฟากนายพลรัฐนั่งจิบกาแฟ ดูรายการข่าว มีภัสสรนั่งดูนิตยสารไฮโซ หน้าคอลัมน์เกี่ยวกับเครื่องเพชรอยู่ข้างๆ รัฐรวีกำลังจะเข้านอนเดินเข้ามานั่งเล่นกับบิดามารดา
“ตาวี มะรืนนี้สิบเอ็ดโมงถึงบ่ายสองบอกให้ส้มโอเคลียร์คิวไว้แล้วใช่ไหม”
รัฐรวีงง “เคลียร์ทำไมครับ แม่จะให้ผมทำอะไร”
“ก็นัดกินข้าวกับลูกไหมไง แม่บอกลูกไว้ตั้งนานแล้ว”
รัฐขัดขึ้น “ลูกก็บอกคุณไว้นานแล้วนี่ว่าไม่ไป”
“ก็ชั้นจะให้ไป” ภัสสรเสียงเขียว
“ผมลืมไปว่าบ้านนี้คุณใหญ่สุด” ผู้เป็นสามีเย้า
ภัสสรหันมาทางรัฐรวี “แม่นัดกับคุณแม่หนูลูกไหมเค้าไว้แล้ว ถ้าไม่ไปมันเสียหน้า”
รัฐรวีครวญ “โหแม่ นี่มันสมัยไหนแล้วครับ เค้าเลิกคลุมถุงชนไปนานแล้ว”
“จะเล่นตัวทำไมตาวี หนูลูกไหมเค้าทั้งสวย ทั้งฉลาด ชาติตระกูลก็ดี เหมาะจะมาเป็นลูกสะใภ้บ้านเราที่สุด”
รัฐรวีย้อนแย้ง “ถ้าดีอย่างที่แม่ว่า เค้าน่าจะมีลูกมีสามีไปแล้วนะครับ ไม่น่าจะยังโสด”
รัฐชอบใจ “อันนี้พ่อเห็นด้วย”
ภัสสรงอนสามี “คุณก็เห็นด้วยกับทุกคนยกเว้นชั้น” พลางหันมาทางลูกชาย “ที่เค้าโสดก็เพราะว่าเค้าช่างเลือก 11 โมงวันมะรืนนะ เดี๋ยวแม่ให้อาทิตย์ขับรถไปให้” ภัสสรลุกเดินขึ้นชั้นบนไปเลย
รัฐรวีโวย “แม่ครับ” แล้วหันมาขอความช่วยเหลือรัฐ “พ่อช่วยไปพูดกับแม่หน่อยสิครับ”
“ให้พ่อตายในสนามรบเถอะ อย่าให้ตายในบ้านเลย”
รัฐรวีเซ็ง ท่านนายพลตบไหล่ปลอบลูก
อีกฟากนายวง แม่เมียด และเวกกำลังนั่งฟังวิไลลักษณ์เล่าเรื่องราวให้ฟัง เวกท้วงขึ้นว่า
“ถ้าผู้ชายที่จีบแกมากินข้าวกับแกที่บ้าน เค้าก็ต้องรู้สิว่าแกเป็นแค่คนใช้”
“ไม่รู้หรอกจ้ะ เพราะคุณมณบอกว่าจะให้ชั้นปลอมตัวเป็นคุณหนูวิไลลักษณ์ต่อ”
เวก วง และเมียด ประสานเสียง “ห๊ะ”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะจ๊ะ พ่อกับแม่ก็ต้องแต่งตัวเป็นคนรวยไปเจอคุณอาทิตย์พร้อมหนูด้วย”
เมียดโวยลั่น “แกจะบ้าเหรอ”
“ไม่ใช่ความคิดหนูนะแม่ ความคิดคุณมณ เค้าอยากรู้จักคุณอาทิตย์ให้มากกว่านี้”
วงเห็นด้วย “ก็ดีเหมือนกันนะ พ่อจะได้เห็นหน้าไอ้คุณอาทิตย์ที่มาจีบแกด้วย ว่าไว้ใจได้รึเปล่า”
“ก็ไม่เห็นจะต้องไปกวนคุณมณขนาดนั้น ขี้กลากจะกินกบาล” เมียดรู้สึกไม่ดี
“แต่คุณมณบอกว่าถ้าพวกเราไม่ทำ คุณมณจะไล่ออกจากบ้าน”
“หวยก็เพิ่งโดนกิน โดนไล่ออกจะไปอยู่ที่ไหน” วงหันมาทางเมีย “ทำเพื่อลูกแค่นี้ไม่ได้รึไง”
เวกประชด “ทำเพื่อลูกหรือทำเพื่อตัวเองพ่อ”
วงง้างเท้าจะเตะ แต่เวกกระโดดหนีอย่างแคล่วคล่อง เมียดเครียด กลุ้มใจหนัก
วิไลลักษณ์หยิบโทรศัพท์มามอง สีหน้าครุ่นคิด แต่สุดท้ายไม่กล้าโทร
ตอนสายวันใหม่แม่ชื่นเดินถือผ้าที่พับเสร็จแล้วเข้ามาเก็บในห้อง เห็นอาทิตย์ยังนอนอุตุอยู่ จึงเดินไปดึงผ้าห่มออก แล้วตีปลุกอาทิตย์
“ไอ้ทิตย์ สายป่านนี้แล้วยังไม่ตื่นอีก” ชื่นนึกได้ “นี่คุณวีจะออกไปทำงานแล้ว ทำไมยังไม่ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก”
อาทิตย์ดึงหมอนมาปิดหน้าแล้วนอนต่อ “พักร้อนน่ะแม่”
ชื่นดึงหมอนที่ปิดหน้ามาตีอาทิตย์ “พักร้อนบ้านป้าแกสิ แกไปทำอะไรให้คุณวีเค้าโกรธใช่ไหม”
อาทิตย์เซ็ง ดีดตัวขึ้นมา งอนแม่ “นี่แม่เป็นแม่หนูนะ ทำไมไม่เข้าข้างหนูบ้าง”
“ก็เพราะชั้นเป็นแม่แกไง ชั้นถึงไม่เข้าข้างแก ตกลงแกไปทำอะไรผิดมา”
“หนูไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ คุณวีเค้าให้หนูพักร้อน”
ทันใดนั้นเสียงมือถือของอาทิตย์ดัง อาทิตย์เห็นว่าเป็นวิไลลักษณ์โทร.มาก็ตื่นเต้น
“แม่ออกไปก่อนนะแม่ หนูจะคุยโทรศัพท์”
อาทิตย์ลุกลงเตียง ดันแม่ออกจากห้องไป
วิไลลักษณ์คุยโทรศัพท์มือถืออยู่ตรงเรือนคนใช้
“คุณอาทิตย์ยุ่งอยู่รึเปล่าคะ”
อาทิตย์คุยมือถืออยู่ในห้องนอน
“ไม่ยุ่งครับ คุณวิไลลักษณ์โทรมาหาผม คิดถึงผมเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ”
“งั้นแค่นี้นะครับ โอ๊ะๆๆๆ ผมล้อเล่นนะครับ อย่าวางไปจริงๆ นะครับ ถ้าวางไปผมใจหายเลย คุณวิไลลักษณ์มีอะไรเหรอครับ”
“วันเสาร์นี้ คุณอาทิตย์ว่างไหมคะ แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะคะ”
อาทิตย์ฟังทะแม่งๆ ชักงง “ตกลงอยากให้ผมว่างหรือไม่ว่างครับ”
“วิไลลักษณ์กลัวว่าจะรบกวนคุณอาทิตย์น่ะค่ะ”
“ถ้าสำหรับคุณวิไลลักษณ์ผมว่างเสมอครับ ทำไมเหรอครับ”
“คือ...วิไลลักษณ์ เอ่อ...อยากชวนคุณอาทิตย์มาทานข้าวที่บ้านน่ะค่ะ”
อาทิตย์ตกใจ “ห๊ะ”
วิไลลักษณ์รีบพูดเพราะไม่อยากให้มา “มาไม่ได้ใช่ไหมคะ”
อาทิตย์รีบตอบ “มาได้ครับๆ วันเสาร์กี่โมงดีครับ”
“11 โมงค่ะ”
“ได้ครับ วันเสาร์ 11 โมงเจอกันครับ”
อาทิตย์และวิไลลักษณ์ต่างคนต่างกดวางสาย
วิไลลักษณ์เครียด “คุณอาทิตย์จะมาจริงๆ ด้วย ความจะแตกไหมเนี่ย”
ส่วนอาทิตย์ตอนแรกยิ้มดีใจ “11 โมงวันเสาร์” แต่แล้วนึกได้ “ซวยแล้ว จะไปยังไงดีวะเรา”
อาทิตย์และวิไลลักษณ์ต่างก็เป็นกังวลที่จะต้องมาเจอกัน
ขณะที่รัฐรวีเดินเซ็งออกมาหน้าบ้าน แปลกใจนิดๆ ที่เห็นอาทิตย์กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ อาทิตย์รดน้ำต้นไม้ เหลือบมองรัฐรวีไป คิดว่าจะหาทางขอร้องให้เจ้านายช่วยเรื่องที่จะต้องไปกินข้าวบ้านวิไลลักษณ์อาทิตย์ได้ยินเสียงรัฐรวีถอนใจเฮือก อาทิตย์สะดุ้ง
“คุณวียังโกรธผมอยู่เหรอครับ”
“เปล่า”
“แล้วทำไมเสียงแข็งล่ะครับ แบบนี้แสดงว่าโกรธ”
รัฐรวีฉุน “แกอย่าเพิ่งกวนได้ไหม ชั้นกำลังเครียด”
“เครียดอะไรระบายกับผมได้นะครับ คิดว่าผมเป็นชักโครก เป็นส้วม เป็นบ่อเกรอะ สำหรับคุณวีผมเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละครับ ถ้าทำให้คุณวีสบายใจ”
“แม่ให้ชั้นไปกินข้าวกับผู้หญิงที่ชั้นไม่รู้จักน่ะ”
“ก็ดีนะครับ ตื่นเต้นดี ชีวิตจะได้มีอะไรหวือหวา เรือเล็กควรออกจากฝั่ง เคยฟังไหมครับ บอดี้แสลมบอกไว้”
รัฐรวีหลุดขำ เอามือผลักหัวอาทิตย์
“หายเครียดแล้วใช่ไหมครับคุณวี” อาทิตย์ยิ้ม
“ตอนนี้หาย แต่เดี๋ยวไปเจอเค้า ชั้นก็ต้องเครียดอีกอยู่ดี”
“ตกลงว่าคุณวีต้องไปเจอเค้าตามที่คุณท่านนัดแล้วไม่อยากไปเจอเค้าอีกใช่ไหมครับ” รัฐรวีพยักหน้า “งั้นให้ผมช่วยไหมครับ เห็นคุณวีเครียดแบบนี้ผมพลอยไม่สบายใจไปด้วย” รัฐรวีไม่แน่ใจว่าอาทิตย์มาไม้ไหน อาทิตย์สบโอกาสอ้อนขอร้อง “นะครับคุณวี คิดซะว่าให้ผมมีโอกาสทำอะไรเพื่อแก้ตัวเรื่องที่ผมทำไม่ดีกับคุณวีไว้ นะครับ”
“แกแน่ใจนะว่าอยากช่วยฉันจริงๆ” อาทิตย์พยักหน้าอ้อนสุดขีด “ก็ได้ แล้วแกจะช่วยฉันยังไงวะ”
อาทิตย์ไม่ตอบ ยิ้มเจ้าเล่ห์ยักคิ้วให้รัฐรวี
อ่านต่อหน้า 2
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 2 (ต่อ)
เช้าวันถัดมา รัฐรวีเดินคุยกับอาทิตย์เข้ามาที่ลานน้ำพุในห้างสรรพสินหรูสุดชิค
“ตกลงแผนแกคืออะไรเนี่ยไอ้ทิตย์?
“บอกไม่ได้ครับ” รัฐรวีเซ็ง ร้อง “เอ๊า” จอมกะล่อนยักท่า “เดี๋ยวไม่สมจริง คุณวีคอยเล่นตามน้ำแล้วกันครับ”
รัฐรวีเซ็งหนัก อาทิตย์เหลือบมองไปทางเดิน
“แล้วคุณวีไม่เคยเจอหน้าคุณลูกไหม คุณวีจะรู้ได้ไงครับว่าคนไหน”
“เห็นลูกไหมบอกว่าจะถือดอกกุหลาบรอชั้นตรงน้ำพุเนี่ย”
“กุหลาบสีแดงใช่ไหมครับ”
“แกรู้ได้ยังไง”
“จะไม่รู้ได้ไง ก็คุณลูกไหมเธอยืนถือเป็นตะกร้าซะขนาดนั้น”
อาทิตย์บุ้ยปากไป รัฐรวีมองตามแล้วอึ้งๆ เห็นลูกไหมถือกระเช้าดอกกุหลาบอยู่
“เธอไม่น่าชื่อคุณลูกไหมนะครับ หน้าตาแบบนี้นี้หน้าชื่อ ลูกอ๊อด มากกว่า ดูสิครับอีกไม่กี่วันคงกลายเป็นกบ”
รัฐรวีปราม “ปากเสียเหลือเกินนะแก”
“นั่นแน้ แบบนี้เรียกว่ารักแรกพบ มีปกป้องกันด้วย”
“ปกป้องบ้าอะไร ชั้นไม่ชอบที่แกว่าผู้หญิงต่างหาก”
อาทิตย์จ๋อย “ครับ งั้นตามสบายครับคุณวี เดี๋ยวผมจะรออยู่แถวนี้ แล้วพอจะกินข้าวคุณวีก็ไลน์มาบอกผมว่าอยู่ร้านไหน ที่เหลือผมจัดการเอง” จอมกะล่อนนึกได้ “อ๋อๆๆ แต่อย่าเพิ่งไปจูบเค้านะครับ เดี๋ยวจากลูกอ๊อดจะกลายเป็นกบ”
อาทิตย์เดินชิลล์ออกไป ลูกไหมมองหารัฐรวี รัฐรวีเดินเข้าไปหาลูกไหมยิ้มทัก
“คุณลูกไหมใช่ไหมครับ”
“คะ” ลูกไหมหันมาเห็นรัฐรวี ก็ชะงัก ปิ้งทันที “คุณวี...” เจ้าหล่อนมองรัฐรวีตาหวานเชื่อม
สองคนเดินมาตามทาง ลูกไหมเดินไม่มองทาง คอยมองแต่หน้ารัฐรวี
“คุณวีรู้ใช่ไหมคะ ว่าที่แม่ของเรานัดให้เราสองคนมาเจอกัน เพราะอยากให้เราแต่งงานกัน” รัฐรวีพยักหน้า ลูกไหมเจื้อยแจ้วต่อ “ตอนแรกลูกไหมไม่อยากเลยค่ะ แต่พอลูกไหมเห็นรูปคุณวี ลูกไหมก็รู้เลยค่ะว่าลูกไหมควรเชื่อคุณแม่ ลองให้โอกาสคุณวีซักครั้ง”
“เอ่อ..ครับ ว่าแต่น้องลูกไหม หิวหรือยังครับ”
ลูกไหมมองหน้ารัฐรวี “หิวแล้วค่ะ”
รัฐรวีมองหาร้าน “กินอะไรดีครับ”
ลูกไหมเล่นแง่ “จะจีบลูกไหมทั้งที ก็ลองทายใจดูสิคะว่าลูกไหมชอบกินอะไร ถ้าคุณวีทายถูก ลูกไหมจะให้คะแนนคุณวีเป็นพิเศษเลย”
“ไม่รู้สิครับ ถ้าเป็นผม ผมทานอะไรก็ได้”
“อุ๊ย! คุณวีรู้ได้ยังไงคะว่าลูกไหมทานอะไรก็ได้ ยินดีด้วยนะคะ คุณวีควอลิฟายผ่านแล้วค่ะ”
“เหรอครับ งั้นเราทานร้านนี้แล้วกันนะครับ”
รัฐรวีเดินนำลูกไหมจะเข้าร้านไป ลูกไหมเดินตกส้นสูง
“โอ๊ย” ลูกไหมร้องรัฐรวีหันมาตามเสียงจังหวะเดียวกับที่ลูกไหมจะล้มพอดี รับไว้ทันลูกไหมมองตาซึ้งใจ ทรงตัวขึ้นเขินๆ “คุณวีคิดอะไรกับลูกไหมหรือเปล่าคะเนี่ย แอบแต๊ะอั๋งลูกไหมด้วย”
“ผมเห็นว่าลูกไหมจะล้มน่ะครับ”
“เหตุผลแค่นี้ฟังไม่ขึ้นค่ะ คิดก็บอกว่าคิดเถอะ ลูกไหมชอบผู้ชายพูดตรงๆ”
รัฐรวีเปลี่ยนเรื่อง “ไปทานข้าวเถอะครับ ผมชักหิวแล้ว”
จากนั้นรัฐรวีพาลูกไหมเดินเข้าไปในร้านอาหารบรรยากาศหรู โรแมนติก
อาทิตย์ที่นั่งรออยู่ในศูนย์การค้า กดอ่านไลน์ในมือถือ ชื่อร้านอาหารเดียวกับที่รัฐรวีเข้าไป
อาทิตย์ยิ้มเท่ ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้า แล้วหันไปส่องกระจกหน้าร้านค้า ดูหน้าตัวเอง แล้วเดินออกไปอย่างมั่นใจ
บรรยากาศร้านอาหารแห่งนี้ แสนโรแมนติก มีเสียงเพลงบรรเลงดังคลอเบาๆ จากเครื่องเสียงของร้าน รัฐรวีนั่งกินข้าวกับลูกไหม คอยมองโทรศัพท์และมองไปทางหน้าร้าน ว่าทำไมอาทิตย์ถึงไม่มาซักที
“คุณวีมีธุระต่อเหรอคะ หรือว่านัดใครไว้ นัดลูกไหมแล้วนัดคนอื่นด้วย ลูกไหมไม่ปลื้มนะคะ”
“เปล่าครับ” รัฐรวีเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมลูกไหมไม่เห็นค่อยทานเลยล่ะครับ”
“ลูกไหมไม่กินผัก ไม่กินเผ็ดน่ะค่ะ”
“งั้นลองหอยเชลล์อบเนยไหมครับ” รัฐรวีตักใส่จานให้ลูกไหม
“ลูกไหมแพ้อาหารทะเลค่ะ”
รัฐรวีชักเซ็ง “งั้นลูกไหมจะสั่งอะไรทานเพิ่มไหมครับ เดี๋ยวผมเรียกเด็กให้”
รัฐรวีหันไปจะเรียกเด็ก เห็นอาทิตย์เดินยิ้มเผล่เข้ามา ทักรัฐรวีว่า
“รอนานมั้ยวี รถติดมากเลย”
รัฐรวีชะงักเพราะรู้สึกว่าท่าทางอาทิตย์มาแปลกๆ เขาหันไปแนะนำลูกไหม “ลูกไหมครับนี่อาทิตย์ เพื่อนผม”
อาทิตย์แนะนำตัวกับลูกไหมว่า “เพื่อนสนิทครับ” แล้วถามกับรัฐรวี “นี่เหรอคุณลูกไหมที่เล่าให้ฟัง”
ลูกไหมงง “เล่าอะไรเหรอคะ”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยจะรังเกียจไหมครับ”
“เชิญเลยค่ะ”
อาทิตย์ลงนั่งข้างรัฐรวี พนักงานเดินเอาจานกับช้อนส้อมและแก้วน้ำอีกชุดมาให้
“นี่คุณลูกไหมรู้จักกับวีได้ยังไงครับ” อาทิตย์ถาม
“คุณวีเค้าเป็นลูกของเพื่อนคุณแม่ลูกไหมน่ะค่ะ”
“แม่ของทั้งสองคนก็เลยอยากให้ทำความรู้จักกัน” อาทิตย์เหล่รัฐรวีค้อนควัก “หมั่นไส้”
รัฐรวี กะ ลูกไหมงง “หือ” ทั้งคู่
“แล้วคุณอาทิตย์ล่ะคะ รู้จักกับคุณวีได้ยังไง” ลูกไหมถามขึ้นมั่ง
“ผมเช่าห้องพักอยู่กับวีที่เมืองนอกน่ะครับ”
“อ๋อ เป็นรูมเมทกัน”
อาทิตย์บอก “โซลเมทด้วยครับ”
รัฐรวี กะ ลูกไหม งง “หือ” ทั้งคู่
อาทิตย์เอามือมากุมมือรัฐรวีไว้ รัฐรวีงงพยายามสะบัดออก แต่อาทิตย์ดึงมือไว้มั่น แล้วใช้อีกมือแกล้งปัดช้อนหล่นลงพื้น
“อุ้ย ขอโทษครับ รบกวนคุณลูกไหมเก็บให้ทีสิครับ”
“ได้ค่ะ”
ลูกไหมก้มลงเก็บช้อนแล้วพบว่ามืออาทิตย์กำลังกุมมือรัฐรวีอยู่ที่ใต้โต๊ะ
ลูกไหมตกใจ เงยหน้ามา “คุณอาทิตย์จับมือคุณวีทำไมเหรอคะ”
“ถ้าเค้าเห็น ก็ไม่ต้องปิดแล้วล่ะวี” อาทิตย์ว่า รัฐรวีงง อาทิตย์หันมาทางลูกไหม “ที่จริงเราไม่ใช่เพื่อนกัน แต่เราเป็นแฟนกันครับ”
ขาดคำ อาทิตย์หันไปหอมแก้มรัฐรวีทันทีอย่างจู่โจม รัฐรวีอึ้ง ตะลึงตะไล ตาค้าง
ภาพที่อาทิตย์หอมแก้มรัฐรวี เกิดขึ้นตรงหน้า ลูกไหมอึ้งตะลึงตะไล ตาค้างยิ่งกว่า แล้วอยู่ๆลูกไหมก็ลุกขึ้น
“อ๊าย”
อาทิตย์แกล้งลุกขึ้น แล้วทำสาวแตกกรีดร้องล้อเลียนลูกไหม “อ๊าย”
“คุณวีเป็นเกย์ อ๊าย... ไม่ยอม ลูกไหมไม่ยอม” ลูกไหมกระทืบเท้าเร่าๆ
อาทิตย์ยังล้อเลียนท่าลูกไหม “อ๊าย ไม่ยอมไม่ได้แล้วค่ะ อ๊าย”
ลูกไหมจะร้องไห้ “อ๊าย...”
คนในร้านหันมามองสองคนงงๆ รัฐรวีทำตัวไม่ถูก
ลูกไหมทนไม่ไหว คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งหนีไปทั้งที่ยังกรีดร้องอยู่อย่างนั้น
พอลูกไหมวิ่งออกไปแล้ว อาทิตย์ก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะขำลูกไหม รัฐรวีทั้งโล่งใจทั้งเซ็ง
รัฐรวีเดินเช็ดแก้มสยองไม่หาย และต่อว่าอาทิตย์มาตามทางเดินไปลานจอดรถ
“แกนะแก มาแผนนี้ทำไมไม่บอกชั้น”
“ถ้าบอก คุณวีจะยอมเหรอครับ”
“ก็ไม่ยอมไง”
“นี่ไง ผมถึงไม่บอกคุณวีก่อน” รัฐรวีหมั่นไส้อาทิตย์ ล็อกคออาทิตย์ไว้ “โอ้ย! คุณวี นี่คุณวีเคลิ้มจริงเหรอครับ”
รัฐรวีรีบปล่อยอาทิตย์ทันที อาทิตย์เห็นปกเสื้อรัฐรวีมีอะไรติดอยู่
“โทษนะครับคุณวี”
อาทิตย์ชะโงกหน้าไปปัดเศษผงที่เปื้อนปกเสื้อให้รัฐรวี เห็นว่าหน้าสองคนใกล้กันมาก
อยู่ๆ ลูกไหมที่เดินหารถอยู่ก็เดินเลี้ยวมาเห็นรัฐรวีกับอาทิตย์เหมือนกำลังหอมแก้มกันอยู่พอดิบพอดี
“คุณวี! อ๊าย”
อาทิตย์กับรัฐรวีสะดุ้งรีบผละออกจากกัน
อาทิตย์ตกใจ หลุดปากเรียก “คุณลูกอ๊อด”
ลูกไหมกรี๊ด “อ้าย...ลูกไหมจะฟ้องคุณแม่!”
ลูกไหมวิ่งหนีออกไปเลย อาทิตย์กับรัฐรวีมองตามไปงงๆ
อาทิตย์กับรัฐรวีหันมามองหน้ากันแล้วสะดุ้ง เพราะหน้าอยู่ใกล้กันมาก ต่างคนต่างรีบกระโดดออกจากกัน
อาทิตย์ขับรถแล่นมาตามทาง รัฐรวีที่นั่งเบาะหลังกำลังเอาทิชชู่เช็ดแก้มที่โดนอาทิตย์หอม
“จะเช็ดอะไรนักหนาครับ เช็ดมาตั้งแต่ลานจอดรถแล้ว ผมไม่ได้เป็นโรค”
“แต่แกป่วย! ไอ้โรคจิต”
“ทำดีไม่ได้ดี ผมอุตส่าห์ช่วย เห็นไหม คุณลูกอ๊อดขับรถหนีแทบไม่ทัน”
“เขาชื่อลูกไหม”
อาทิตย์เห็นรัฐรวียังเช็ดอยู่ “แหม เด็กๆแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันก็เคยมาแล้ว แค่หอมแก้มทำเป็นหวงตัว” รัฐรวีเซ็ง “ว่าแต่สบายใจแล้วใช่ไหมครับ ผมมีเรื่องอยากจะรบกวน”
รัฐรวีรู้ทัน “ชั้นว่าแล้ว รออยู่พอดีว่าเมื่อไหร่แกจะทวงบุญคุณชั้น”
“คนอย่างผมไม่กล้าทวงบุญคุณคุณวีหรอกครับ แต่ผมมีเรื่องจะขอร้อง”
“จะยืมรถใช่มั้ย ชั้นให้แกยืมก็ได้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”
“ผมไม่ได้ยืมแค่รถครับ ผมจะยืมตัวคุณวีไปเป็นคนขับรถให้ด้วย”
“ทะลึ่งแล้ว! ทำไมชั้นต้องไปเป็นคนขับรถให้แก”
“ก็วันเสาร์นี้คุณวิไลลักษณ์เค้าชวนผมไปทานข้าวที่บ้าน จะไปบ้านเค้าทั้งที ก็ต้องเปิดตัวให้มันดูดีหน่อยสิครับ ทีผมยังเล่นเป็นคนรักคุณวีได้เลย” อาทิตย์ทำท่าจุ๊บปากใส่
รัฐรวีเขวี้ยงกล่องทิชชู่ใส่ “ชั้นเอะใจตั้งแต่แกยอมเป็นบ่อเกรอะแล้ว”
“ตกลงยอมใช่ไหมครับ”
“ไม่! ยังไงชั้นก็ไม่ไปเล่นเป็นคนขับรถให้แกเด็ดขาด”
อาทิตย์ยิ้ม รู้ว่าพูดแบบนี้ เดี๋ยวรัฐรวี เจ้านายแสนดีก็ต้องใจอ่อน
สุดท้ายเช้าวันเสาร์ แลเห็นรัฐรวีในชุดคนขับรถเดินออกมาเจอกับแม่ชื่น
“คุณวีคะ ทำไมคุณวีถึงได้แต่งตัวแบบนี้ล่ะคะ แต่งตัวอย่างกับประเสริฐแน่ะ” ประเสริฐคนขับรถของภัสสรเดินเข้ามาพอดี ประเสริฐก้มมองชุดที่ตัวเองใส่งงๆ ว่าตัวเองทำอะไรผิดตรงไหน รัฐรวียิ้มแหยๆ
อาทิตย์แต่งตัวหล่อเดินมา
“ไปกันรึยังครับคุณวี” จอมกะล่อนหันไปเจอรัฐรวีในชุดซาฟารีแล้วตกใจ “โอ้โหคุณวี” อาทิตย์ถลาเข้าไปจับเสื้อจับไหล่รัฐรวีอย่างสุดจะทึ่ง เพราะไม่เคยเห็นรัฐรวีอยู่ในชุดแบบนี้มาก่อน “ต้องถึงขนาดนี้เลยเหรอครับเนี่ย อื้อหืม”
รัฐรวีกระแอม ต้องการเตือนให้อาทิตย์หยุดพูด เพราะแม่ชื่นท่าทางสงสัย “อะแฮ่ม...” พลางพูดในลำคอว่า “แม่ชื่นยืนอยู่”
อาทิตย์หันมองไปทางแม่ แล้วสะดุ้ง “อุ้ย”
แม่ชื่นรู้ทันทีว่าทั้งรัฐรวีกับอาทิตย์ต้องวางแผนจะเล่นอะไรกันอีกแน่ๆ
“ไอ้ทิตย์ แกจะพาคุณวีไปทำอะไรอีก! แล้วแต่งเนื้อแต่งตัวอะไรเนี่ย แกไปขับรถนะไม่ได้เดินแบบ จะแต่งตัวหล่อทำไม” ชื่นหันมาทางรัฐรวี “ไปเปลี่ยนชุดเถอะค่ะ ทั้งสองคนเลย โดยเฉพาะคุณวี แต่งแบบนี้มองผ่านๆป้านึกว่าคนขับรถ”
รัฐรวียิ้มดีใจเพราะแปลว่าดูสมจริง “งั้นก็ใช้ได้”
“ใช้ได้อะไรคะ” ชื่นงงอยู่นั่น
“ผมไปทำงานก่อนนะครับแม่ชื่น เดี๋ยวผมมีประชุม” รัฐรวีรีบเดินออกไป
อาทิตย์หันมายิ้มยกมือไหว้แม่ แถมโบกมือให้ แล้วรีบเดินไปที่รถเปิดประตูให้รัฐรวีก้าวขึ้นรถ อาทิตย์ขึ้นรถแล้วขับออกไป แม่ชื่นมองตามงงไม่หาย
รถรัฐรวีจอดอยู่ริมถนน อาทิตย์กับรัฐรวีลงจากรถแล้วสลับที่นั่งกัน
พบว่ารัฐรวีอยู่ในชุดคนขับรถขับรถให้อาทิตย์ที่แต่งตัวหล่อนั่งอยู่เบาะหลัง
ด้านมณฑิรามอง คุณต๋อย กุ๊กกิ๊ก และสมจิต อย่างเหนื่อยใจอยู่
“ตกลงไม่มีใครยอมเป็นคนรับใช้วิไลวันนี้เลยใช่ไหม”
มณฑิรามองสมจิต สมจิตมองคุณต๋อยแล้วส่ายหน้า
“ให้ไปรับใช้ครอบครัววิไล กุ๊กกิ๊กไม่เอาหรอกค่ะ”
“อยู่ดีๆจะให้มาคอยรับใช้คนใช้ด้วยกัน ถึงจะแต่งเนื้อแต่งตัวเป็นผู้ดี ก็แค่ผู้ดีจอมปลอมอยู่ดีค่ะ”คุณต๋อยมองเหยียดมายังวิไลลักษณ์
“วิไลไม่ต้องมีคนรับใช้ก็ได้ค่ะคุณมณ”
“ไม่ได้หรอกวิไล บ้านใหญ่โตขนาดนี้จะไม่มีคนรับใช้ได้ยังไง เดี๋ยวเค้าก็สงสัยกันพอดี .. ตกลงไม่มีใครยอมจริงๆใช่ไหม”
ทุกคนส่ายหน้าไม่เห็นด้วยทั้งแถบ มณฑิราใช้ความคิด
วิไลลักษณ์ในชุดคุณหนูเดินท่าทางร้อนอกร้อนใจเข้ามาในห้องรับแขกตึกใหญ่
“ไม่ได้นะคุณมณ คุณมณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
มณฑิราอยู่ในชุดคนใช้ และกำลังจัดความเรียบร้อยเสื้อผ้าตัวเองอยู่ เพื่อเช็คว่าที่ปลอมตัวมานี่สมจริงรึยัง มณฑิราลองใส่แว่นแล้วก็ถอดออก เพราะไม่แน่ใจว่าจะใส่ดีรึเปล่า สุดท้ายก็ตัดสินใจสวมแว่น
คุณต๋อย กุ๊กกิ๊ก สมจิต และเวก ต่างยืนมองผู้เป็นเจ้านายคนสวยที่แปลงโฉมเป็นสาวใช้กันอึ้งๆ อยู่
“ถ้าชั้นไม่ทำ แล้วใครจะเป็นคนอยู่รับใช้เธอ” มณฑิราว่า
คุณต๋อยท้วงอีก “แต่มันไม่เหมาะไม่ควรเลยนะคะคุณมณ”
“ไม่เป็นไรหรอกคุณต๋อย สนุกดีออกค่ะ”
“เป็นคนใช้สนุกตรงไหนคะ” วิไลลักษณ์แปลกใจ
“ก็สนุกตรงที่ชั้นได้ทำอะไรแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยทำไงจ๊ะ”
เสียงแม่เมียดดังขึ้น “แต่ดิฉันก็ว่ามันไม่เหมาะอยู่ดีค่ะ”
ทุกคนหันไปเห็นแม่เมียดกับนายวงแต่งตัวสวยหล่อแบบคนมีเงิน แต่คลานเข่าเข้ามา
“ตายแล้ว แม่เมียดนายวงลุกขึ้นมา ชั้นให้มาเล่นเป็นพ่อแม่คุณหนู ทำตัวให้สมกับคนรวยหน่อยสิจ๊ะ”
เมียด กะ วงลุกขึ้นมาเก้อๆ เขินๆท่าทางไม่คุ้น ยืนตัวเกร็ง
เวกมองทึ่งพ่อ “พ่อกับแม่แต่งตัวดีๆ นี่ก็ดูราศีจับเหมือนกันนะ”
“ราศีหรือขี้กลาก แกดูดีๆ” คุณต๋อยแขวะ
วงกระแอมขู่ คุณต๋อยเขยิบตัวถอยหนี
มณฑิราเห็นนายวง ใส่รองเท้าหนังแต่ไม่ใส่ถุงเท้าก็แปลกใจ “อ้าวนายวง แล้วถุงเท้าไปไหนจ๊ะ”
“ผมใส่แล้วคันน่ะครับคุณมณ”
“ไม่ได้ ทนหน่อยสิจ๊ะ เพื่อวิไลลักษณ์” นายวงยิ้มแหยๆ พยักหน้า แล้วควักถุงเท้าในกระเป๋ามาใส่ “แล้วเดี๋ยวพอคุณอาทิตย์เค้ามา ทั้งสองคนก็ไม่ต้องทำอะไรมากนะจ๊ะ แค่รับไหว้แล้วก็ขึ้นรถไป”
“แล้วถ้าเค้าถามจะให้บอกว่าไปไหนล่ะคะ” เมียดถาม
“ก็บอกว่าไปธุระไงจ๊ะ เดี๋ยวชั้นจะให้นายผลพานายวงกับแม่เมียดไปนั่งกินกาแฟรออยู่หน้าปากซอยก่อน พอเสร็จแล้วก็ค่อยเข้ามา”
แม่เมียดหันมาเอ็ดวิไลลักษณ์ “เพราะแกคนเดียวเลย เดือดร้อนกันไปหมด”
คุณต๋อยเอ่ยขึ้นหมายจะทัดทานกับมณฑิราอีก “คุณมณคะ”
“ไม่ต้องพูดแล้วจ้ะคุณต๋อย มณตัดสินใจแล้ว เอาตามนี้แหละ ส่วนคนที่เหลือไปอยู่ที่เรือนเล็ก ไม่ต้องออกมาวุ่นวายนะ ส่วนเวกเดี๋ยวรอเปิดประตูรั้วด้วย”
ทุกคนยังลังเลกับแผนคุณหนูมณฑิรา มีเพียงมณฑิราร่าเริงคึกคักอยู่คนเดียว
“เร็วๆ หน่อยสิจ๊ะ เกิดเค้ามาเร็ว แผนแตกกันพอดี”
ทุกคนเดินออกไป เหลือแต่มณฑิรากับวิไลลักษณ์
“คุณมณคะ”
มณฑิราเอ็ด “เลิกเรียกชั้นว่าคุณมณ เพราะตั้งแต่นี้ชั้นคือมณฑา พี่เลี้ยงของเธอ เธอใช้ชั้นได้เต็มที่” คุณหนูตัวจริงมองตัวเองยิ้มๆ วิไลลักษณ์อยากร้องไห้ “ทำหน้าอะไรอย่างนั้น แค่เริ่มต้นก็ไม่สมจริงแล้ว ตั้งใจหน่อยสิวิไล นะคะ คุณหนูวิไล”
วิไลลักษณ์อึ้งๆ มณฑิราในคราบสาวใช้มณฑายิ้มอย่างนึกสนุก
ไม่นานนัก รัฐรวีขับรถเข้ามาจอดที่หน้าตัวบ้าน เห็นวิไลลักษณ์ยืนรออยู่ รัฐรวีสวมบทคนรถลงจากรถวิ่งมาเปิดประตูรถให้ อาทิตย์ก้าวลงจากรถมาดอย่างคุณชาย
วิไลลักษณ์เดินมาทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณอาทิตย์”
“สวัสดีครับคุณวิไลลักษณ์”
“เดี๋ยวเชิญเข้าไปคุยกันข้างในบ้านดีกว่าค่ะ” พลางหันมาทางรัฐรวี “วนไปจอดที่โรงรถได้เลยนะนายวี”
อาทิตย์ชะงักเหล่มองรัฐรวี
รัฐรวีรับว่า “ครับ” แล้วขึ้นรถขับออกไป
“คุณอาทิตย์คะ พอดีคุณพ่อคุณแม่วิไลลักษณ์มีธุระด่วน คงไม่ได้อยู่ทานข้าวด้วยนะคะ”
จังหวะนี้นายวง แม่เมียดเดินออกมาจากบ้าน สองคนเผลอยกมือไหว้อาทิตย์ จนอาทิตย์สะดุ้งรีบยกมือไหว้แทบไม่ทัน
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่”
นายวงมองไว้ตัว วางมาดข่มอาทิตย์ ที่จะมาจีบลูกสาว “ไหว้พระเถอะ”
“เสียดายนะครับ เลยไม่ได้อยู่ทานข้าวด้วยกันเลย ว่าแต่คุณพ่อคุณแม่จะออกไปไหนกันเหรอครับ”
สองผัวเมียพูดพร้อมกันแต่ไปคนละทางว่า “ไปธุระ” / “ไปกินกาแฟ”
แม่เมียด นายวง สะดุ้งหันมองหน้ากัน มณฑิรากับวิไลลักษณ์สะดุ้งด้วย
อาทิตย์งง “ตกลงคุณพ่อคุณแม่ไปไหนนะครับ”
เมียด กะ วงพูดพร้อมกันอีกว่า “ไปกินกาแฟ” / “ไปธุระ”
แม่เมียดนายวงสะดุ้งอีก มณฑิรากับวิไลลักษณ์สะดุ้งด้วย
มณฑิรารีบแทรกแก้สถานการณ์ “คุณท่านรีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวไม่ทันนัด”
แม่เมียดนายวงรีบเดินไปขึ้นรถ นายผลขับรถออกไป
มณฑิรา กับวิไลลักษณ์โล่งอก หันมายิ้มให้กัน
จากนั้นวิไลลักษณ์เดินนำเข้าบ้าน อาทิตย์เดินตามเข้าบ้านไป มณฑิราเดินตามทั้งสองคนไป
ขณะที่วิไลลักษณ์เดินนำอาทิตย์เข้ามาในห้องรับแขก เห็นมณฑิราถือน้ำมาเสิร์ฟให้อาทิตย์
วิไลลักษณ์ตกใจ “อุ๊ย เดี๋ยววิไลทำเองค่ะ”
มณฑิราชะงัก มองหน้าวิไลลักษณ์
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณหนูรับแขกเถอะ”
วิไลลักษณ์เข้าใจ เลยเดินไปนั่งที่โซฟากับอาทิตย์
“เชิญนั่งค่ะคุณอาทิตย์”
มณฑิราเสิร์ฟน้ำให้
วิไลลักษณ์เลยแนะนำว่า “คุณอาทิตย์คะ นี่พี่มณ พี่เลี้ยงส่วนตัวของวิไลลักษณ์”
“สวัสดีครับพี่มณ” เขามองไปรอบๆบ้าน “บ้านคุณวิไลลักษณ์ใหญ่จังเลยนะครับ”
“ใหญ่ไปก็ไม่ดีหรอกค่ะ ทำความสะอาดเหนื่อย”
มณฑิราหันมองหน้าวิไลลักษณ์เป็นเชิงเตือน วิไลลักษณ์นึกได้ว่าเผลอหลุดปาก
“คุณหนูเป็นห่วงคนใช้ที่บ้านน่ะค่ะ” มณฑิราแก้ให้
“อ๋อ...”
มณฑิรากับวิไลลักษณ์แอบโล่งใจ
ระหว่างนี้เอง มณฑิราหันไปเห็นกรอบรูปถ่ายตัวเองที่วางอยู่ด้านหลังอาทิตย์แล้วตกใจ วิไลลักษณ์เห็นอาการมณฑิราจึงหันไปตามสายตาคุณหนูตัวจริง วิไลลักษณ์เห็นรูปถ่ายมณฑิรา ก็ตกใจ
อาทิตย์มองไปรอบๆบ้าน
สองสาวลุ้นตัวโก่ง กลัวอาทิตย์จะหันหลังไปเห็นรูปมณฑิรา
มณฑิราเอ่ยขึ้น “คุณวิไลลักษณ์พาคุณอาทิตย์เดินดูบ้านก่อนไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ”
วิไลลักษณ์รีบบอก “ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ วิไลลักษณ์อยากโชว์”
อาทิตย์งง “หือ”
“ระหว่างนี้ดิชั้นจะได้ให้คนที่ครัวตั้งโต๊ะรอค่ะ” มณฑิราบอก
“ดีค่ะพี่มณ” วิไลลักษณ์ตัดสินใจเข้ามาดึงมืออาทิตย์ “เชิญทางนี้ดีกว่าค่ะคุณอาทิตย์”
อาทิตย์มองมือที่วิไลลักษณ์ดึงแล้วลุกตามไปอึ้งๆ มณฑิรารีบเดินไปจะเก็บรูปใบนั้น แต่อาทิตย์เดินกลับเข้ามา
“ขอโทษครับ”
มณฑิราตกใจ ทำได้แค่หยิบรูปมาซ่อนไว้ด้านหลังแล้วหันมายิ้มเหมือนไม่มีอะไร วิไลลักษณ์ที่ตามอาทิตย์เข้ามายืนเหวออยู่
“ผมลืมมือถือไว้”
อาทิตย์เดินเข้ามาหยิบมือถือที่โต๊ะแล้วเดินตามวิไลลักษณ์ไปอีกห้องหนึ่ง
มณฑิรารีบเอารูปใส่ลิ้นชักเก็บ แล้วโล่งใจที่อาทิตย์ไม่เห็น
ด้านรัฐรวีจอดรถเสร็จ ลงจากรถมาเดินเล่นอยู่ในสวน มณฑิราเดินลงจากตึกใหญ่จะไปสั่งงานในครัว แต่คนละทางกับที่รัฐรวีเดินเล่นอยู่
ทั้งรัฐรวีกับมณฑิราต่างก็ไม่เห็นกัน มณฑิรากำลังจะเดินเลี้ยวออกไป
แต่อยู่ๆ รัฐรวีก็สะดุดสายยางที่วางทิ้งไว้ เขาดึงขาจะให้พ้นสายยาง แต่เหมือนสายยางติดอะไรบางอย่าง รัฐรวีเลยออกแรงกระชากแรงขึ้น แล้วทันใดนั้นน้ำก็แตกกระจายออกจากหัวก๊อก
“เฮ้ย”
รัฐรวีรีบวิ่งไปหยิบหัวก๊อกน้ำพยายามจะเอามาต่อที่เดิม น้ำพุ่งใส่หน้ารัฐรวี
มณฑิราเดินใกล้จะถึงครัว ได้ยินเสียงคนร้องเอะอะมาจากทางสวนหน้าบ้าน จึงรีบเดินออกไปดู
คุณหนูมณฑิราในคราบ มณฑา สาวใช้เดินเร็วรี่เข้ามาเห็นรัฐรวีที่หันหลัง พยายามเอาหัวก๊อกกดท่อน้ำ น้ำพุ่งกระจายอยู่
มณฑิราตกใจ “ตายแล้ว”
มณฑิรารีบเข้าไปช่วยอุดก๊อกน้ำ เห็นว่าแว่นของมณฑิราหล่นไประหว่างที่ช่วย รัฐรวีเห็นหน้ามณฑิราก็อึ้งค้างในความสวย
มณฑิราเห็นรัฐรวีมองตัวเองอย่างตกตะลึง ก็อึ้งๆ ในความดูดีของรัฐรวีเช่นกัน
อ่านต่อหน้า 3
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 2 (ต่อ)
มณฑิรากับรัฐรวีต่างคนต่างมองกันตาค้างอยู่ ท่ามกลางละอองน้ำจากก๊อกน้ำที่แตกเป็นฝอยกระจาย มณฑิราได้สติก่อน ต่อว่ารัฐรวีทั้งที่มือทั้งสองคนก็ช่วยกันอุดก๊อกน้ำไปด้วย ถามรัฐรวี
“คุณทำอะไรของคุณน่ะ”
มณฑิราจะก้มไปหยิบแว่น รัฐรวีจะก้มไปช่วยหยิบ มือสองคนจับโดนกัน สองคนเลยมองหน้ากัน
มณฑิราได้สติ หยิบแว่นสายตามาสวม
“ผมแค่เดินสะดุดสายยาง แล้วก๊อกน้ำมันก็หักเลย”
“ซุ่มซ่ามจริง เดินประสาอะไร” มณฑิราด่า
“จะมัวมาด่าผมทำไม ไปปิดวาล์วน้ำก่อนสิ”
“แล้วมันอยู่ที่ไหนล่ะ” มณฑิราไม่รู้จริงๆ
“ถ้าคุณไม่รู้แล้วผมจะรู้ได้ยังไง ผมไม่ใช่คนบ้านนี้”
มณฑิราโวย “โอ๊ย! เปียกไปหมดแล้ว”
“คุณจะบ่นทำไม ไปปิดวาล์วน้ำก่อนไป”
มณฑิราเลยรีบผละจากรัฐรวีไป แต่ก็ไม่วายหันมามองรัฐรวี
รัฐรวีมือยังอุดท่อน้ำอยู่ แต่สายตามองตามมณฑิราอยู่เช่นกัน รัฐรวียิ้มให้ มณฑิราแอบเขินรีบเดินออกไป
ที่มุมหนึ่งของห้องครัว คุณต๋อย กับกุ๊กกิ๊กถือถาดมีแก้วกาแฟ 2 ใบแอบมองสมจิตที่เตรียมอาหารในครัวแล้วกระซิบคุยกัน
กุ๊กกิ๊กพูดเบาๆ “ทำไมเราต้องเอากาแฟไปเสิร์ฟให้นังวิไลมันด้วยคะ หรือว่าคุณต๋อยเปลี่ยนใจยอมรับใช้มันแล้ว”
คุณต๋อยพูดตอบเบาๆ “ใครว่าชั้นยอม! ชั้นแค่จะหาโอกาสเข้าไปแกล้งให้นังวิไลมันทำความแตกต่อหน้าผู้ชายต่างหาก”
“แล้วคุณมณจะไม่ว่าเอาเหรอคะ”
คุณต๋อยคุณมณจะว่าได้ยังไง ชั้นแค่ทำหน้าที่แม่บ้านที่ดี! รีบไป อย่าให้ใครเห็นนะ!!
คุณต๋อยเดินนำกุ๊กกิ๊กถือถาดกาแฟย่องผ่านครัวไปโดยไม่มีใครเห็น
คุณต๋อยกับกุ๊กกิ๊กถือถาดกาแฟรีบเดินจะไปที่ตึกใหญ่
เวกเดินเข้ามาขวางหน้า “จะเอากาแฟไปไหน”
คุณต๋อย กุ๊กกิ๊กชะงัก มองหน้ากันว่าจะเอาไงดี?
“ไม่ใช่ธุระของแก หลบไป”
คุณต๋อย กุ๊กกิ๊กจะเดินไปขึ้นตึก เวกตามมายื้อขวางไว้
“ไม่ได้นะ คุณมณสั่งแล้วไงว่าห้ามใครขึ้นไปบนตึกใหญ่เด็ดขาด”
“ชั้นจะเอากาแฟไปเสิร์ฟให้แขก” คุณต๋อยว่า
“คุณต๋อยจะแกล้งวิไลใช่ไหม” เวกรู้ทัน
“ชั้นจะไปทำอย่างนั้นทำไม ไม่มีเหตุผลอะไรซะหน่อยจริงไหมกุ๊กกิ๊ก”
กุ๊กกิ๊กหลุดปาก “อิจฉาไงคะ...อุ๊ย”
“เอามานี่ เดี๋ยวผมเอาไปให้เอง” เวกเข้ามายื้อถาดกาแฟไว้
คุณต๋อยไม่ยอม “ปล่อยนะนายเวก”
เวกก็ไม่ยอม “ไม่ปล่อย”
“อยากได้ถาดนักก็เอาไป”
กุ๊กกิ๊กปล่อยมือจากถาดแล้วหยิบแก้วกาแฟวิ่งหนีไปทันที คุณต๋อยกับเวกรีบตามไป
ฝ่ายวิไลลักษณ์พาอาทิตย์เดินดูบ้าน อาทิตย์มองๆแล้วหยุดที่ตู้ใบประกาศนียบัตรกับถ้วยรางวัล
“โอ้โห รางวัลอะไรบ้างครับเนี่ย”
วิไลลักษณ์อึ้ง คิดในใจ “ของคุณมณทั้งนั้น เราจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ”
แต่ปากพูดออกมาว่า “เอ่อ ก็หลายอย่างค่ะ”
อาทิตย์ชี้ที่ถ้วยรางวัลใบหนึ่ง “ถ้วยใบนี้สวยจังเลยนะครับ ชนะอะไรมาครับ”
“เอ่อ” วิไลลักษณ์พยายามเดา “ใบนี้ได้มาตั้งนานแล้วค่ะ เอ่อ..ตอนนั้นวิไลลักษณ์ไปแข่ง” พอเห็นบนถ้วยเป็นตุ๊กตาถือห่วง ยิมนาสติกลีลาก็บอกว่า “วิ่งลอดบ่วงค่ะ”
อาทิตย์งง “หือ? เหรอครับ”
คิดในใจว่า “มีด้วยเหรอ หรือที่อเมริกาเค้าฮิตกันวะ”
อาทิตย์มองไปเห็นรูปถ่ายเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนหันหน้ายิ้มให้กล้องอยู่ในสวนดอกไม้ที่แขวนผนังอยู่
“นั่นรูปคุณวิไลลักษณ์ตอนเด็กเหรอครับ”
ในใจวิไลลักษณ์คิดว่า “รูปคุณมณ” แต่ปากบอกว่า “ค่ะ รูปวิไลลักษณ์เอง”
“เด็กๆคุณวิไลลักษณ์น่ารักมากเลยครับ ไม่แปลกใจเลยโตมาถึงสวย”
วิไลลักษณ์ยิ้ม แอบโล่งใจที่อาทิตย์จับไม่ได้
ทางด้านกุ๊กกิ๊กถือถ้วยกาแฟวิ่งเข้ามาในตัวบ้านใหญ่ เวกรีบวิ่งตามมายื้อแก้วกาแฟจากกุ๊กกิ๊ก
“ปล่อยนะกุ๊กกิ๊ก”
“ไม่! แกนั่นแหละปล่อย”
คุณต๋อยบอก “ปล่อยนะนายเวก”
เลยเห็นคุณต๋อย เวกกับกุ๊กกิ๊กยื้อกันจนพลั้งมือทำกาแฟสาดใส่รูปภาพที่อยู่ในกรอบ
สามคนอึ้ง ตะลึงงันกันไป
“ซวยแล้ว”
เสียงวิไลลักษณ์ดังขึ้น “เชิญทางด้านนี้ดีกว่าค่ะ”
เวก คุณต๋อย และกุ๊กกิ๊กรีบฉากหลบที่หลังโต๊ะทันที
วิไลลักษณ์พาอาทิตย์เดินมาในห้องที่พวกเวกหลบอยู่
“บ้านคุณวิไลลักษณ์เงียบมากเลยนะครับ”
“เด็กอยู่หลังบ้านกันหมดน่ะค่ะ”
คุณต๋อยที่แอบอยู่กับเวก และกุ๊กกิ๊กมองอย่างหมั่นไส้
“คางคกขึ้นวอ”
วิไลลักษณ์เห็นรูปที่เปื้อนกาแฟ “อุ้ย”
“มีอะไรครับคุณวิไลลักษณ์”
“เปล่าค่ะ” วิไลลักษณ์จะพาอาทิตย์เดินไปทางอื่น “ไปทางนี้ดีกว่าค่ะ”
“เดี๋ยวครับ” อาทิตย์มองรูปที่เปื้อนกาแฟ “รูปนี้มัน…”
คุณต๋อย เวก และกุ๊กกิ๊กตกใจ อาทิตย์จ้องตรงรอยเปื้อนกาแฟดวงใหญ่บนรูปที่ผนังนิ่งอยู่ วิไลลักษณ์อึ้ง กลัวอาทิตย์จับได้
วิไลลักษณ์พยายามแก้ “เอ่อ คือ รูปนี้คุณพ่อท่านซื้อตอนไปเที่ยวฝรั่งเศสค่ะ”
เวกกระซิบขู่ “ถ้าคุณอาทิตย์จับได้ ชั้นจะฟ้องคุณมณว่าคุณต๋อยทำแผนแตก”
อาทิตย์กะโชว์ภูมิ “เป็นรูปที่ให้แรงบันดาลใจผมมากเลยครับ”
วิไลลักษณ์งง
คุณต๋อย เวก กุ๊กกิ๊ก ก็งง หือ ทั้งแถบ
“ศิลปินคงต้องการจะสื่อให้กำลังใจกับผู้คนที่กำลังมีความทุกข์น่ะครับ แล้วดูตรงนี้ครับ” เขาชี้ไปที่เปื้อนกาแฟ วิไลลักษณ์ เวก คุณต๋อย กุ๊กกิ๊กชะงัก “ดูครั้งแรกอาจเหมือนรอยเปื้อน แต่ถ้าตั้งใจดูจริงๆ เหมือนเป็นความตั้งใจของศิลปินมากกว่าครับ ที่สาดสีคล้ายกาแฟลงไป มาสเตอร์พีซจริงๆ”
วิไลลักษณ์ คุณต๋อย เวก กุ๊กกิ๊กงงตาแตก
เวกพึมพำ “เป็นไปได้”
ทางฝ่ายสองคนใช้กำมะลอ รัฐรวี มณฑิรายืนตัวเปียกกันอยู่ น้ำหยุดไหลแล้ว มณฑิรากำลังดูเสื้อผ้าตัวเองที่เปียกไปหมดอย่างเซ็งๆ
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณเปียกไปด้วย”
“นายเป็นคนขับรถของคุณอาทิตย์ใช่ไหม ไม่รู้จักระวังแบบนี้แล้วขับรถได้ยังไง”
รัฐรวีขำ “ไม่เห็นเกี่ยวกันนี่ครับคุณ”
มณฑิรายังจะหัวเราะอีก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากความซุ่มซ่ามของนาย
รัฐรวียิ้มพูดลอยๆ “ผู้หญิงด่าเค้าว่าผู้หญิงรัก จริงรึเปล่าน๊อ”
มณฑิราฉุน “นี่นาย”
รัฐรวียิ้ม “โอเคๆๆๆครับ ผมยอมรับผิดทุกอย่าง แต่ตอนนี้คุณรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ถ้าเป็นอะไรไป ผมคงรู้สึกผิดมาก อ้อ ผมชื่อวีครับ เผื่อคุณจะอยากรู้จักผม แล้วคุณ...”
“ฉันไม่อยากรู้จักนาย”
“แต่ผมอยากรู้จักคุณนี่ครับ เจ้านายเราเป็นเพื่อนกัน เราก็น่าจะรู้จักกันไว้ เผื่อในอนาคตจะพัฒนาไปมากกว่านั้น...”
มณฑิราทะลึ่ง!
“ตกลงคุณชื่ออะไรครับ ถ้าไม่ตอบ ผมจะเรียกคุณว่า คุณหน้าบึ้ง”
มณฑิราโกหกว่า “ชั้นชื่อมณฑา”
รัฐรวียิ้มหวาน “ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณหน้าบึ้ง เอ๊ย! คุณมณฑา”
มณฑิราเดินหนีขึ้นตึก รัฐรวีเดินตามไป มณฑิราชะงัก หันมาถามเคืองๆ
“นายตามฉันมาทำไม”
“ตามไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไงครับ”
มณฑิราด่า “ทะลึ่ง”
“คำก็ทะลึ่ง สองคำก็ทะลึ่ง ไม่มีคำอื่นด่าผมหรือไงครับ อย่าง ไอ้หน้าหล่อ ไอ้เพอร์เฟกต์”
มณฑิราทำหน้าอ้วก
“ที่เมื่อกี้ผมบอกว่าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมหมายถึงคุณก็เปลี่ยนของคุณ ผมก็เปลี่ยนของผม เพราะผมก็เปียกเหมือนกัน”
“งั้นก็ตามมา เดี๋ยวฉันหยิบให้”
มณฑิราเดินขึ้นตึก รัฐรวีเดินตาม
มณฑิราหันมามองแล้วเห็นสายตาที่รัฐรวีเดินตามแล้วมองตัวเองก็ทั้งเขินทั้งแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้
รัฐรวียิ่งขำที่ได้แกล้งมณฑิรา แล้วพอเห็นอีกฝ่ายมีอาการเก้อเขิน
เขาก็รู้สึกประทับใจมณฑิราโดยไม่ทันตั้งตัว
วิไลลักษณ์พาอาทิตย์เดินดูห้องโถงอยู่ พอหันไปก็เห็นมณฑิรากับรัฐรวีเดินตัวเปียกเข้าตึกมา มณฑิราหน้ามุ่ย แต่รัฐรวียิ้มกริ่มเดินเข้ามา
วิไลลักษณ์ตกใจ “ตายแล้ว ไปทำอะไรมาคะคุณ เอ่อ พี่มณ”
“อุบัติเหตุจากคนซุ่มซ่ามน่ะค่ะคุณหนู” มณฑิรามองเขม่นไปทางรัฐรวี
อาทิตย์ตามน้ำ เฉ่งรัฐรวี “แกไปทำอะไรไอ้วี”
รัฐรวีมองมณฑิรายิ้มๆ “ผมเผลอทำก๊อกน้ำในสวนแตก แล้วคุณมณก็เข้ามาช่วยน่ะครับ”
อาทิตย์บอกกับวิไลลักษณ์ว่า “ผมต้องขอโทษแทนคนขับรถผมด้วยนะครับ มันก็แบบนี้แหละครับ ผมระอามันจะตาย จะไล่ออกก็สงสาร กลัวมันไม่มีอะไรจะกิน”
รัฐรวีเซ็งแอบเหล่มองอาทิตย์ เห็นอาทิตย์ลอยหน้าลอยตาทำตัวเป็นเจ้านายมากๆ
“ดิชั้นขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะคุณหนู โต๊ะคงตั้งใกล้จะเสร็จแล้ว” สาวใช้มณฑาบอก
“รีบไปรีบมานะครับ”
อาทิตย์งง “หือ”
วิไลลักษณ์มองรัฐรวีอย่างไม่ถูกชะตาที่อยู่ๆ ก็มาทำตีตัวเสมอมณฑิรา
รัฐรวียิ้มแถว่า “ผมอยากได้ผ้าเช็ดตัวน่ะครับ”
“เดี๋ยวฉันจะให้คนเอามาให้” มณฑิราเดินไป
“วิไลลักษณ์ไปด้วยค่ะพี่มณ” วิไลลักษณ์หันมาทางอาทิตย์ “ขอตัวไปดูพี่มณสักครู่นะคะคุณอาทิตย์”
สองสาวเดินออกไป รัฐรวีมองตามมณฑิรายิ้มตาเยิ้ม อาทิตย์มองงงๆ
วิไลลักษณ์หันมามอง ยิ่งไม่ถูกชะตากับรัฐรวี
มณฑิรา วิไลลักษณ์เดินขึ้นชั้นบน จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องมณฑิรา
“วิไลไม่ชอบเวลาคนขับรถคุณอาทิตย์มองคุณมณเลยค่ะ คนอะไรไม่รู้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
“ก็เค้าไม่รู้จ๊ะนี่ว่าชั้นเป็นใคร”
“คุณอาทิตย์ก็ช่างกระไร ไม่อบรมคนขับรถเลย”
“เค้าจะทำอะไรก็เรื่องของเค้าเถอะจ้ะ เราไม่สนใจซักอย่าง เค้าจะทำอะไรได้”
มณฑิราหันไปเห็นกุ๊กกิ๊กที่ยืนแอบมองอยู่มุมหนึ่ง
“กุ๊กกิ๊ก”
กุ๊กกิ๊กร้อนตัวรีบออกมา “กุ๊กกิ๊กไม่ได้แอบฟังนะคะ กุ๊กกิ๊กไม่ได้อยากรู้เรื่องของวิไลเลย กุ๊กกิ๊กแค่เดินมาดูความเรียบร้อยเฉยๆ”
“ชั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย” กุ๊กกิ๊กร้อง “อุ้ย”มณฑิราบอกว่า “ชั้นจะบอกให้เธอช่วยเอาผ้าขนหนูไปให้คนขับรถคุณอาทิตย์หน่อย”
“ได้ค่ะ”
“แล้วถ้าเขาถามอะไร ก็ไม่ต้องไปบอกเขานะจ๊ะ”
กุ๊กกิ๊กรับคำแล้วเดินออกไป สองนายบ่าวเดินเข้าห้องมณฑิราไป
ด้านรัฐรวีนั่งตัวเปียกซ่กคุยกับอาทิตย์อยู่ในห้องโถงบ้านมณฑิรา
“ชั้นรู้สึกคุ้นๆ กับพี่เลี้ยงของคุณวิไลลักษณ์ว่ะ ทั้งน้ำเสียง ทั้งหน้าตา เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
อาทิตย์ฮั่นแน่ะ มุกนี้ผมเคยใช้จีบสาวบ่อยครับ ที่แคนาดาไม่รู้เป็นไง แต่ที่เมืองไทยเอาท์แล้ว” รัฐรวีฟังแล้วเซ็ง “นี่คุณวีอย่าบอกนะครับว่าชอบพี่มณ”
“ชั้นว่าชั้นเคยเจอเค้าจริงๆ นะ” รัฐรวีมั่นใจ
“พี่มณเค้าเป็นคนใช้อยู่แต่ในบ้าน คุณวีจะไปเคยเห็นได้ยังไงครับ”
กุ๊กกิ๊กเดินถือผ้าขนหนูเข้ามาในห้อง เห็นรัฐรวีที่นั่งตัวเปียกชื้นอยู่
“ผ้าขนหนูค่ะ”
กุ๊กกิ๊กยื่นผ้าขนหนูส่งให้
รัฐรวีหันมาจะหยิบผ้าขนหนู กุ๊กกิ๊กเห็นหน้ารัฐรวีก็ปิ๊งทันที ดึงปลายผ้าอีกข้างหนึ่งไว้
“ชื่ออะไรเหรอคะ”
“อ๋อ ผมวีครับ เป็นคนขับรถของคุณอาทิตย์ครับ”
“โอ๋ย หล่อละลาย.. ชื่อกุ๊กกิ๊กค่ะ ยังโสดโปรดจีบ” กุ๊กกิ๊กทำตาปิ๊งๆ ใส่รัฐรวี
อาทิตย์มองขำๆ
รัฐรวีบอกกับกุ๊กกิ๊กว่า “ผมขอ...”
กุ๊กกิ๊กรีบแทรกจะบอกเบอร์มือถือ “086...”
“ไม่ได้ขอเบอร์ครับ ผมขอผ้าเช็ดตัว”
กุ๊กกิ๊กรีบปล่อยมือจากผ้าเช็ดตัวอย่างเสียดาย รัฐรวีเอาผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเช็ดหัว
เสียงเวกดังขึ้น “กุ๊กกิ๊ก”
กุ๊กกิ๊กหันไปเห็นเวกมองตาขวาง มาคอยกันท่า
“คุณต๋อยให้มาตามไปช่วยตั้งโต๊ะอาหาร”
กุ๊กกิ๊กเสียดายหันมามองรัฐรวีตาละห้อย แล้วจำต้องเดินออกไปพร้อมกับเวก เวกกับกุ๊กกิ๊กเถียงกันออกไป
บนโต๊ะอาหารบ้านมณฑิราตอนนี้ มีอาหารอิตาเลี่ยนวางเต็มโต๊ะ อาทิตย์นั่งอยู่มองอึ้งๆ อยู่ วิไลลักษณ์ นั่งด้วย มณฑิรา รัฐรวีก็ยืนอยู่ข้างนายกำมะลอของตนด้วย
“มีแต่อาหารอิตาเลี่ยนทั้งนั้นเลยนี่ครับ”
“ค่ะ คุณอาทิตย์ชอบไม่ใช่เหรอคะ คราวก่อนเห็นชวนวิไลลักษณ์ไปทาน”
“อ๋อ ชอบครับ ชอบ”
อาทิตย์คิดในใจ “งานเข้า ไม่รู้จักซักอย่าง จะกินเป็นมั้ยเนี่ย”
อาทิตย์หันไปมองหน้ารัฐรวีที่ยืนอยู่ด้วย รัฐรวีมองหน้าอาทิตย์พอจะเข้าใจแต่ไม่รู้จะช่วยได้ยังไงมณฑิราหันมาเห็นรัฐรวียืนอยู่ ไม่ยอมออกไป
“ส่วนคุณไปนั่งรอที่ด้านนอกก่อนก็ได้ค่ะ”
“ขอผมอยู่ด้วยไม่ได้เหรอครับ จะได้ช่วยคุณยกจานเสิร์ฟน้ำ”
“ไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ ชั้นทำเองได้”
“แต่ผมว่าให้นายวีอยู่ช่วยก็ดีเหมือนกันนะครับ ขืนให้ไปรออยู่ข้างนอก เดี๋ยวไปก่อเรื่องอะไรอีก… นะครับคุณวิไลลักษณ์” อาทิตย์บอก
วิไลลักษณ์ท้วง “จะดีเหรอคะ”
รัฐรวีแกล้งจับขมับทำท่ามึนหัว “โอ๊ย..อยู่ๆ ก็มึนหัวขึ้นมาเลย สงสัยเพราะโดนน้ำเมื่อกี๊แน่ๆ ถ้าออกไปตากแดดตอนนี้ต้องไม่สบายแน่ๆ เลยครับ”
วิไลลักษณ์เหลือบมองมณฑิราเป็นเชิงถาม มณฑิราพยักหน้าให้เล็กน้อย
วิไลลักษณ์จึงบอกออกมาว่า “ก็ได้ค่ะ”
อาทิตย์คิดในใจ “รอดแล้วเรา มีคุณวีค่อยสบายใจหน่อย”
อาทิตย์ยิ้มมั่นใจขึ้น รัฐรวีมองมณฑิรายิ้มๆ มณฑิราอึดอัดแกมเขินกับสายตาของรัฐรวี
ทางด้านคุณต๋อย เวก กุ๊กกิ๊ก สมจิต พากันมาชะเง้อคอ แอบมองไปทางโต๊ะอาหาร พอเห็นวิไลลักษณ์ อาทิตย์นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว โดยมีมณฑิราและรัฐรวีคอยบริการ
คุณต๋อยเคืองมาก “หึ นรกจะกินกบาล ให้เจ้านายมาบริการคนใช้ เจริญล่ะ”
“จริงค่ะ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” กุ๊กกิ๊กผสมโรง
“วิไลมันไม่ได้อยากทำแบบนี้นะ คุณมณเค้าสั่ง” เวกว่า
“โอ้ย ถ้าไม่อยากทำจริงๆใครจะไปบังคับให้มันทำได้” คุณต๋อยยิ่งดูยิ่งหมั่นไส้ “ดูซิ นั่งเชิดหน้าชูคอรอให้คุณมณมาบริการ”
เวกเถียงไม่ออกเลยเดินหนีออกจากห้องไปอย่างเจ็บใจ
ถัดมาเวกเดินโกรธขึ้งกลับมาที่เรือนคนใช้ แล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะเจอแม่เมียดกับนายวงที่อยู่ในชุดคนรวยยืนหลบๆ อยู่
“อ้าว พ่อ แม่ คุณมณให้ไปรอที่ร้านกาแฟ กลับมาทำไม”
“ชั้นก็อยากมาดูคุณอาทิตย์อะไรนั่นนะสิ” เวกบอก
เมียดว่า “แล้วนี่เค้าทำอะไรกันอยู่”
“นั่งกินข้าวกันอยู่น่ะแม่ แต่คุณต๋อยน่ะสิ ด่ายับเลย”
แม่เมียดเดินมาลงนั่งเครียดๆ
“คนรวยๆ อย่างนั้นเค้าจะมารักนังวิไลจริงเหรอ”
“ลองมาหลอกลูกสาวชั้นสิ มันโดนลูกซองแน่ๆ” เวกว่า
“พ่อมีเหรอ”
“รอพ่อถูกหวยก่อน จะซื้อมายิงเล่นซักสองกระบอกเลย”
เวกฟังแล้วยิ่งเซ็งหันมาปลอบแม่ “แม่อย่าคิดมากเลย เค้าตั้งใจมาหาวิไลมันถึงบ้าน กล้ามาเจอหน้าพ่อกับแม่ เค้าคงจริงใจกับน้อง”
“แต่เค้ายังไม่รู้ไงว่าวิไลมันเป็นแค่คนใช้ ถ้าเค้ารู้ เค้าจะยังรักน้องแกอยู่รึเปล่า”
เวกกับวงชะงักมองหน้ากัน
นายวงขยับมามานั่งข้างแม่เมียด “แม่ จำไม่ได้เหรอว่าตอนที่แม่เจอพ่อครั้งแรก แม่ก็ไม่รู้ว่าพ่อเป็นแค่ชาวสวน”
“ใช่ ชั้นจำได้ พ่อบอกว่าพ่อหล่อสุดเลยในบรรดาคนที่มาจีบแม่” เวกเสริม
“ไม่ใช่แค่หล่ออย่างเดียว ทั้งตลก ไม่หือไม่อือ อยู่ในโอวาทเป็นที่หนึ่ง” วงคุยต่อ
“นั่นมันกลัวเมียนี่พ่อ น่าภูมิใจตรงไหน” เวกทักท้วง
“หยาบคาย เขาเรียกว่าให้เกียรติกัน แม่เค้าถึงรักพ่อไง แล้วพอแม่มารู้ทีหลังว่าพ่อเป็นแค่ชาวสวนบ้าการพนัน แม่ก็ยังรักพ่ออยู่เลยใช่ไหมล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณอาทิตย์เค้าก็อาจไม่รังเกียจวิไล เหมือนที่แม่ไม่รังเกียจพ่อแหละเนอะ” เวกพยายามมองแง่ดี
แม่เมียดยังกังวลอยู่ “มันไม่เหมือนกัน พ่อกับแม่เรามันแค่คนธรรมดา แต่เนี่ย..คุณอาทิตย์เค้าเป็นคนระดับไหน”
“โธ่แม่ จะคนระดับไหน ถ้าเค้ารักวิไลจริง เค้าก็ต้องรับได้”
“แล้วพ่อแม่ญาติพี่น้องเค้าล่ะ ถ้าเค้ารับวิไลไม่ได้ เอ็งคิดบ้างไหมว่าน้องมันจะเป็นยังไง”
เวกอึ้ง นิ่งงันไป สามคนมองหน้ากันกลุ้มหนัก
อ่านต่อหน้า 4
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 2 (ต่อ)
ส่วนที่ห้องทานข้าวบ้านมณฑิรา วิไลลักษณ์มองดูอาทิตย์ที่ตักแต่สลัดแซลมอนกิน
“คุณอาทิตย์ท่าทางจะชอบสลัดแซลมอนน่าดูเลยนะคะ ทานอยู่อย่างเดียวเลย”
อาทิตย์คิดในใจ “ทั้งโต๊ะก็รู้จักอยู่แค่สลัดกับเฟททูชินี่นี่แหละ” แต่พูดออกมาว่า “อ๋อ ผักมันดีต่อสุขภาพน่ะครับ แล้วคุณวิไลลักษณ์ล่ะครับ ชอบทานเมนูไหน”
วิไลลักษณ์ชะงักอึกอัก มองอาหารบนโต๊ะ คิดเครียดอยู่ในใจ “จะตอบอะไรดีวิไล เรียกไม่ถูกซักอย่างเลย”
มณฑิรามองออกเลยช่วยพูดว่า “คุณหนูชอบทานลาซานญ่าค่ะ”
“ใช่ค่ะ วิไลลักษณ์ชอบลาซานญ่า”
“งั้นผมตักให้นะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณอาทิตย์ทานเถอะ เดี๋ยววิไลลักษณ์ตักเอง”
วิไลลักษณ์เอื้อมมือไปตักเฟททูชินี่ อาทิตย์มองงงๆ คิดวุ่นในใจ
“ที่คุณวิไลลักษณ์ตักมันเฟททูชินี่ไม่ใช่เหรอวะ เอ๊ะ หรือว่าเราจำคุณวีมาผิด”
อาทิตย์หันไปมองรัฐรวีอย่างงงๆ รัฐรวีก็มองสงสัยเหมือนกัน มณฑิรารู้ว่าวิไลลักษณ์ตักผิด และเห็นรัฐรวีกับอาทิตย์มองอยู่ เลยรีบแก้ให้
“คุณหนู ใจลอยอีกแล้วนะคะ ลาซานญ่าจานนี้ค่ะ จานนั้นเฟททูชินี่”
วิไลลักษณ์อึ้งแล้วเอาสีข้างแถ “วิไลลักษณ์ตั้งใจจะตักเฟททูชินี่ให้คุณอาทิตย์น่ะค่ะ จำได้ว่าคราวที่แล้วคุณอาทิตย์สั่งที่ร้านแล้วเค้าไม่มี ใช่ไหมคะ”
“อ๋อ ใช่ครับ”
วิไลลักษณ์ตักเฟททูชินี่ใส่ลงจานอาทิตย์
อาทิตย์ยิ้ม “ขอบคุณนะครับ คุณวิไลลักษณ์น่ารักจังเลย จำได้ด้วยว่าผมสั่งอะไร ผมก็จำได้นะครับ ว่าคุณวิไลลักษณ์เพิ่งกลับมาจากโอไฮโย่”
รัฐรวีกะมณฑิราอึ้ง “หืม” ทั้งคู่
วิไลลักษณ์อึ้งแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ไม่กล้าหันไปสบตามณฑิรา
อาทิตย์งง “ผมพูดอะไรผิดเหรอครับ”
รัฐรวีด่าในใจ “ไอ้บ้า เค้ามีแต่โอไฮโอ้ โอไฮโย่มีที่ไหน”
มณฑิราคิดอยู่ในใจ “ตายแล้ววิไล ไปพูดผิดอีกแน่ๆ เลย คุณอาทิตย์จะจับได้ไหมเนี่ย”
รัฐรวีเลยรีบแก้สถานการณ์ “คุณอาทิตย์หมายถึงรัฐโอไฮโอ้ที่อเมริกาน่ะครับ”
อาทิตย์กำลังจะเถียงว่าไม่ใช่ แต่รัฐรวีมองห้ามไว้ก่อน พอดีมณฑิราเปลี่ยนเรื่องขึ้นมา
“เดี๋ยวมณไปเอาของหวานมาเสิร์ฟให้นะคะ”
“เดี๋ยวผมไปช่วยครับ”
มณฑิรามองรัฐรวีเซ็งๆ รัฐรวีทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้รีบเดินตามสาวใช้มณฑาออกไป
รัฐรวีเดินตามมณฑิราเข้ามาในครัวตึกใหญ่
“ของหวานสองจานชั้นยกเองได้ นายจะไปไหนก็ไปเถอะ”
“ไปไหนก็ได้เหรอครับ”
“ใช่ ชอบที่ไหนก็ไปที่นั่นแหละ”
รัฐรวียื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ มณฑิรา “ผมชอบอยู่ใกล้คุณ งั้นคุณไปกับผมด้วยนะครับ”
มณฑิราอึ้งไปนิดนึง จ้องหน้ารัฐรวี แอบเขิน จะผละออก
“เดี๋ยวสิครับ...” มณฑิราชะงัก “ผมจะถามว่ามีอะไรให้ผมทานรองท้องไหมครับ อยู่นานๆ ชักหิวเหมือนกัน” คนรถกำมะลอยิ้มเรี่ยราดประจบ
วิไลลักษณ์เดินเข้ามาเห็นพอดี “นั่นนายจะทำอะไรพี่มณ”
รัฐรวีรีบผละออก “เปล่านะครับ ผมแค่จะช่วยยกของหวาน”
วิไลลักษณ์เข้ามากัน “ไม่ต้องแล้ว ในนี้ไม่มีอะไรให้นายช่วยแล้ว นายไปรอข้างนอกเถอะ”
รัฐรวีเสียดาย “ก็ได้ครับ”
รัฐรวีเหลือบมองมณฑิราอีกที มณฑิราไม่สนใจ รัฐรวีจำใจต้องเดินออกจากห้อง
วิไลลักษณ์ถามอย่างร้อนใจ
“เค้าทำอะไรคุณมณรึเปล่าคะ วิไลขอโทษนะคะที่ทำให้คุณมณต้องมาโดนตานั่นเกาะแกะ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะวิไล ฉันดูแลตัวเองได้ กลับเข้าไปข้างในเถอะ”
วิไลลักษณ์เดินกลับออกไป
มณฑิรามองผ่านหน้าต่างครัว เห็นรัฐรวีเดินจ๋อยๆ ไปทางโรงจอดรถ สาวใช้กำมะลอยิ้มๆ ส่ายหน้า
ไม่นานนักมณฑิราเดินถือแก้วน้ำกับของว่างออกมาให้รัฐรวี แต่หาไม่เจอ หยุดมองหาไปรอบๆ
รัฐรวีมานั่งหลบแดดอยู่ที่มุมหนึ่ง เห็นมณฑิราเดินออกมาก็แอบมองยิ้มๆ ว่าคนใช้บ้านนี้สวยจัง รัฐรวีแอบย่องไปทางด้านหลังมณฑิรา กระแอม
“อ่ะแฮ่ม..ของผมรึเปล่าครับคุณมณ”
มณฑิราชะงัก หันมาเห็นรัฐรวียืนยิ้มมองตัวเองอยู่ในระยะใกล้มาก มณฑิราถอยหลังแล้วส่งถาดให้
“อ้อ ของผม”
รัฐรวีรับถาดยิ้มๆ มณฑิราหันหลังจะเดินกลับเข้าบ้าน
รัฐรวีแกล้งพูดตามหลัง “ขี้งกจังเลยคุณ”
มณฑิราชะงัก หันหน้ากลับมา “ฉันอุตส่าห์หาของว่างมาให้นายทานรองท้อง ขี้งกอะไร”
“ก็ขี้งกรอยยิ้มไงครับ ผมยิ้มให้ก็ไม่ยิ้มตอบ ยิ้มซักนิดดอกพิกุลไม่ร่วงหรอก”
มณฑิราพยายามข่มอารมณ์ พูดนิ่งๆ “ถ้าทานเสร็จแล้ววางของไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวชั้นจะมาเก็บเอง”
“ขอบคุณนะครับที่ดูแลผม”
“เปล่าค่ะ ที่บ้านนี้ไม่ชอบให้ใครมาเดินเพ่นพ่าน”
รัฐรวีดื่มน้ำแล้วยิ้มยั่ว มณฑิราหันหลังจะเดินไป
“เดี๋ยวคุณ”
มณฑิราชะงักหันกลับมา ชักเริ่มรำคาญ “อะไรของนายอีก ชั้นไม่ได้มีเวลาจะมาคุยกับนายทั้งวันนะ”
“ผมไม่ได้จะคุยกับคุณ ผมจะคืนแก้วน้ำ” เขายื่นแก้วน้ำเปล่าให้ “ขอน้ำอีกแก้วนะครับ”
มณฑิราระอาในความกะล่อนของรัฐรวี
รัฐรวียิ้มยั่วประทับใจในการวางตัวของมณฑิรา
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงแตรรถหน้าบ้านดัง ปรี้นๆ มณฑิรามองออกไปเห็นเป็นรถภูวเดชก็ตกใจรัฐรวีหันไปมองทางหน้าประตู
“ใครมาเหรอครับ”
ภูวเดชบีบแตรอีกครั้ง ปรี้น! ปรี้น!
“น่าจะเป็นแขกของคุณหนู ขอตัวนะคะ”
มณฑิราเดินแยกจากรัฐรวีมาทางหน้าประตูรั้ว
ที่โต๊ะทานข้าวบนตึกใหญ่ วิไลลักษณ์นั่งทานอยู่กับอาทิตย์ได้ยินเสียงแตรรถก็แปลกใจ วิไลลักษณ์เดินออกมาดู เห็นเป็นรถของภูวเดชก็ตกใจ รีบหันมาบอกอาทิตย์
“คุณอาทิตย์คะ วิไลลักษณ์ขอตัวสักครู่นะคะ”
วิไลลักษณ์รีบวิ่งไปหามณฑิราที่กำลังเดินไปที่หน้าประตูรั้ว
วิไลลักษณ์เดินแกมวิ่งตามมาทันมณฑิราที่มุมหนึ่ง ห่างออกมาจากที่รัฐรวียืนอยู่ และยังไม่ถึงหน้าประตูรั้ว
“นั่นรถคุณภูนี่คะคุณมณ”
มณฑิราเห็นรัฐรวีมองมาอย่างสงสัย
“นิ่งๆไว้ เดี๋ยวนายวีสงสัย”
วิไลลักษณ์พยายามข่มใจ นิ่งลง “แล้วจะทำยังไงดีคะ”
“วิไลเข้าไปทานข้าวอยู่กับคุณอาทิตย์แล้วอย่าให้เค้าเดินออกมาเจอคุณภูกับชั้นก็แล้วกัน เดี๋ยวชั้นจะออกไปบอกให้คุณภูกลับไปก่อน”
“วิไลเกรงใจคุณมณจังเลยค่ะ”
“อย่าเพิ่งมาเกรงใจฉันตอนนี้เลยจ้ะ ช่วยกันแก้ก่อน วิไลไปทำตามที่ชั้นบอกนะ”
รัฐรวีมองมณฑิราที่คุยกับวิไลลักษณ์ ท่าทางมีลับลมคมในแปลกๆ
“แต่นายวีอยู่ตรงนี้ เค้าจะเห็นคุณมณคุยกับคุณภูรึเปล่าคะ”
“เดี๋ยวชั้นจัดการเอง เธอรีบไปเถอะ เดี๋ยวคุณอาทิตย์สงสัยจะออกมาอีกคน”
“ค่ะๆ”
วิไลลักษณ์รีบเดินกลับขึ้นตึกไป
มณฑิราจะเดินไปที่หน้าบ้าน แล้วเห็นว่าประตูรั้วเปิดอยู่ และภูวเดชขับรถเข้ามา
มณฑิราแปลกใจมาก “ใครเปิดประตูเนี่ย”
ที่แท้เป็นคุณต๋อยกดรีโมทประตูเปิดให้ โดยมีเวกมองเคืองตาขุ่น อยู่ และกุ๊กกิ๊กยืนอยู่ด้านหลังคุณต๋อย
“เสียมารยาทจริงๆ แขกมาตั้งนานแล้วไม่ยอมเปิดประตูให้”
เวกแค้นใจ “คุณต๋อยจะป่วนวิไลให้ได้เลยใช่ไหม”
กุ๊กกิ๊กลอยหน้าใส่ “ป่วนอะไรยะ พวกฉันก็แค่ทำหน้าที่คนใช้ที่ดี ใช่ไหมคะคุณต๋อย”
คุณต๋อยกับกุ๊กกิ๊กหัวเราะกัน เวกแค้นทำอะไรไม่ได้ รถของภูวเดชขับเข้ามาในบ้าน
มณฑิรากำลังเดินไปจะรับภูวเดช แต่หันมาเห็นรัฐรวีเดินมาหา
“นายตามชั้นมาทำไม”
“ผมก็จะมาช่วยคุณดูไงครับว่าใครมา”
“ใครมาแล้วเกี่ยวอะไรกับนาย”
“พูดจาห่างเหิน มีอดีตด้วยกันมาแท้ๆ”
มณฑิรางง “อดีตอะไรของนาย”
“ก็ที่เราเปียกน้ำด้วยกันมาไงครับ คุณอย่าเพิ่งคิดไกลสิ เอาไว้เราสนิทกันมากกว่านี้ นอกจากเราจะมีอดีต เรายังจะมีอนาคตร่วมกันด้วย”
“ฉันไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับนาย อ้อ เมื่อกี้คุณอาทิตย์ให้นายขึ้นไปหา”
“เหรอครับ แล้วทำไมเค้าไม่โทรหาผมล่ะ”
“อันนี้ฉันก็คงตอบนายไม่ได้เหมือนกัน” รัฐรวียังไม่ยอมไป “แล้วแต่นายแล้วกันจะรอให้โดนเจ้านายดุก็ตามใจ”
รัฐรวีเลยยอมเดินกลับไปที่ตึกใหญ่ มณฑิราโล่งใจ
เพราะพอรัฐรวีเดินเข้าบ้านไป ภูวเดชก็ขับรถมาจอดพอดี
มณฑิรารีบเดินไปรับหน้าภูวเดชที่โรงรถ
มณฑิราเดินไปหาภูวเดชที่เพิ่งลงจากรถ
“สวัสดีครับคุณมณ” ภูวเดชมองชุดมณฑิรา “เอ๊ะ นี่คุณมณนึกยังไงครับถึงใส่ชุดคนใช้”
มณฑิรามองชุดตัวเองแล้วรีบกลบเกลื่อน “มณเอามาลองเผื่อใส่ไปงานแฟนซีวันเกิดคุณป้าน่ะค่ะ.. แล้วคุณภูมาหามณที่บ้านมีธุระอะไรเหรอคะ”
ภูวเดชตัดพ้อ “คุณมณพูดเหมือนเราไม่สนิทกัน”
“สนิทแค่ไหนก็มีระยะค่ะ” ภูวเดชชะงัก “มณไม่ชอบให้ใครมาหาที่บ้านโดยไม่บอกก่อน”
“คือผมเพิ่งกลับจากประชุมที่พัทยาก็เลยซื้อของมาฝากน่ะครับ กลัวมันจะเสียก็เลยรีบเอามาให้น่ะครับ...” ภูวเดชเห็นรถรัฐรวี “แล้วนี่รถใครเหรอครับ”
มณฑิราแขกของคุณป้าน่ะค่ะ
“อ๋อ คุณหญิงป้าอยู่ด้วยเหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมเข้าไปกราบท่านหน่อยดีกว่า” ภูวเดชจะเดินเข้าไปในตึก
มณฑิรารีบขวาง “อย่าเลยค่ะ เวลาคุณป้าคุยธุระ ท่านไม่ชอบให้ใครขึ้นไปกวน ยังไงวันนี้มณต้องขอเสียมารยาทไม่เชิญคุณภูเข้าไปในบ้านนะคะ”
“แล้วของฝากจะทำยังไงล่ะครับ มันเยอะมาก คุณมณถือไม่ไหวแน่นอน ให้ผมถือเข้าไปให้ในบ้านดีกว่านะครับ”
มณฑิราเริ่มรำคาญความตื๊อของภูวเดช คิดหนักว่าจะทำยังไงไม่ให้ภูวเดชเจอกับอาทิตย์และรัฐรวี
อาทิตย์นั่งวางมาดคุณชายกินกาแฟอยู่ในห้องรับแขก โดยมีวิไลลักษณ์ที่ยังกังวลอยู่กับเรื่องภูวเดชนั่งอยู่ด้วย
“เหมือนผมเลยนะครับ ผมก็ชอบหนังรัก งั้นเอาไว้เราไปดูด้วยกันนะครับ”
วิไลลักษณ์มองไปทางหน้าบ้านอย่างกังวลแล้วตอบ “ค่ะ”
อาทิตย์หันมองตามสายตา แล้วไม่เข้าใจว่าวิไลลักษณ์มองอะไร
“คุณวิไลลักษณ์ครับ”
วิไลลักษณ์หันไปมองทางหน้าบ้าน ไม่ได้ตั้งใจฟัง “ค่ะ”
อาทิตย์แปลกใจกำลังจะถามวิไลลักษณ์ว่าเป็นอะไร วิไลลักษณ์ที่มองไปทางหน้าบ้าน เห็นรัฐรวีเดินเข้ามา ก็ตกใจรีบเดินไปหา
“นายวี มีอะไรรึเปล่า ขึ้นมาทำไม”
รัฐรวีแปลกใจ “ตกใจทำไมครับ ก็คุณมณบอกผมว่าคุณอาทิตย์เรียกผม”
อาทิตย์บอกทันที “ชั้นไม่ได้เรียกแกเลย จะเรียกทำไม ชั้นกำลังคุยอยู่กับคุณวิไลลักษณ์เพลินจะตาย”
พร้อมกันนี้อาทิตย์แอบทำมือไล่รัฐรวี รัฐรวีแปลกใจ
“อ๋อ วิไลลักษณ์ให้พี่มณไปตามเองค่ะ คือวิไลลักษณ์จะบอกกับนายวีว่า เรื่องก๊อกน้ำที่แตกไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวชั้นให้เด็กที่บ้านซ่อมเอง”
รัฐรวียิ่งง “แค่นี้เองเหรอครับ” วิไลลักษณ์พยักหน้า
“แกจะสงสัยอะไรนักหนา คุณวิไลลักษณ์เค้าไม่เอาผิดก็บุญแล้ว”
รัฐรวีเซ็งเหล่มอง อาทิตย์ลอยหน้าลอยตา
“ขอบคุณมากครับคุณวิไลลักษณ์” แล้วหันมาไล่รัฐรวี “ไม่มีอะไรแล้วก็ลงไปได้แล้วไป”
วิไลลักษณ์รีบเรียกไว้ “อุ๊ย เดี๋ยวค่ะ วิไลอยากจะถามนายวีเรื่องรถด้วย พอดีที่บ้านอยากจะเปลี่ยนอยู่พอดี”
อาทิตย์บอก “ถามผมก็ได้ครับ ผมขับมาทั้งชีวิต”
รัฐรวีกะวิไลลักษณ์อึ้ง
อาทิตย์แถ “ก่อนที่วีจะมาขับรถให้ ผมก็ขับเองมาตลอดน่ะครับ”
“คุณวิไลลักษณ์อยากรู้เรื่องอะไรล่ะครับ”
ภูวเดชหิ้วของฝากเต็มมือเดินตามมณฑิราเข้ามาในครัว มีคุณต๋อย แม่เมียด นายวง สองคนนี้เปลี่ยนชุดเป็นคนใช้แล้ว เวก กุ๊กกิ๊ก และสมจิตยืนแอบมองอยู่
“คุณภูถือของเต็มมือเลย...กุ๊กกิ๊ก”
“ขา...”
“ไปช่วยหน่อยไป”
คุณต๋อยผลักกุ๊กกิ๊กถลาออกมาจากที่ซ่อน เจอภูวเดชกับมณฑิรา
“เดี๋ยวกุ๊กกิ๊กช่วยถือค่ะคุณภู”
“ไม่เป็นไรจ้ะกุ๊กกิ๊ก ชั้นฝากไปหาน้ำให้คุณภูหน่อยแล้วกัน” มรฑิราบอก
“ค่ะ”
กุ๊กกิ๊กเดินเลี่ยงออกไป
“คุณภูถือไหวไหมคะ แต่แข็งแรงแบบนี้น่าจะสบายอยู่แล้ว”
“แน่นอนครับ แล้วคุณมณจะให้ผมเอาของพวกนี้ไปไว้ไหนดีครับ”
“ตามมณมาเลยค่ะ”
มณฑิราเดินนำไป ภูวเดชเดินตาม
มณฑิรามาหยุดหน้าห้องหนึ่ง ภูวเดชเดินตามมา มณฑิราเปิดประตูเผยให้เห็นว่าเป็นห้องซักรีด
“นี่มันห้องรีดผ้าไม่ใช่เหรอครับ”
“ไว้ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณป้าคุยธุระเสร็จ มณค่อยให้เด็กมาย้ายไปไว้ที่อื่น”
ภูวเดชท้วง “แต่มันจะเหม็นติดเสื้อผ้านะครับ ทั้งปลาหมึกแห้ง ปลาอินทรีย์ กะปิ”
“แป๊บเดียวไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณภูเอาเข้าไปไว้ลึกๆ เลยค่ะ”
ภูวเดชเดินเอาของไปวางในห้องด้านใน มณฑิราเห็นภูวเดชหันหลังให้ เลยปิดประตู ปึ้ง! แล้วล็อคกลอนด้านนอกทันที
ภูวเดชได้ยินเสียงประตูปิด ตกใจเลยหันไปมอง
“คุณมณครับ คุณมณ”
ภูวเดชรีบเดินไปเปิดประตู หมุนก๊อกๆแก๊กๆ แต่เปิดไม่ออก
“คุณมณปิดประตูทำไมน่ะครับ”
มณฑิราบอกว่า “ประตูมันเสียน่ะค่ะ คุณภูรอแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวมณไปหากุญแจก่อน”
มณฑิราหัวเราะคิก เดินขำๆ ออกไป
อ่านต่อตอนที่ 3