xs
xsm
sm
md
lg

ฝันเฟื่อง ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฝันเฟื่อง ตอนที่ 3

วิไลลักษณ์ยืนร้อนรนใจ ชะเง้อมองอยู่ตรงทางเชื่อมด้านหลังตึกใหญ่กับเรือนคนใช้ สักครู่จึงเห็นมณฑิราเดินตรงมา

“วิไล ออกมายืนตรงนี้ทำไม”
“คุณภูล่ะคะ”
“ฉันขังไว้ในห้องซักรีดแล้ว”
วิไลลักษณ์ตกใจมาก “ห๊ะ”
“แล้วคุณอาทิตย์กับคนขับรถเค้าล่ะ”
“วิไลให้นั่งรอในห้องรับแขกค่ะ วิไลไม่กล้านั่งคุยอยู่ด้วย กลัวเค้าถามเรื่องคุณภูแล้ววิไลตอบไม่ได้”
มณฑิราอ่อนใจ “งั้นรีบกลับเข้าไปเถอะจ้ะ เดี๋ยวเค้าจะสงสัย”
มณฑิรา กับวิไลลักษณ์รีบเดินกลับขึ้นตึกใหญ่

ด้านรัฐรวีนั่งอยู่กับพื้น ส่วนอาทิตย์นั่งบนโซฟา สองคนคุยกัน
อาทิตย์อวดใหญ่ “ผมตาถึงไหมครับคุณวี คุณวิไลลักษณ์นิสัยก็ดี หน้าตาก็น่ารัก พ่อแม่ก็ดูภูมิฐาน ชาติตระกูลคงไม่ธรรมดา ชาติที่แล้วผมคงทำบุญมาดีถึงได้แฟนดีขนาดนี้”
รัฐรวีมองขำๆ “เค้าตกลงเป็นแฟนกับแกแล้วรึไง”
อาทิตย์มั่นใจมาก “ปะโถ เปิดตัวถึงบ้านขนาดนี้แล้ว ไม่เรียกว่าแฟนเรียกอะไรครับ”
รัฐรวีนึกถึงท่าทางของมณฑิรา “แต่ชั้นว่าเค้าดูแปลกๆ”
อาทิตย์ดักคอ “เนี่ย หมาหางด้วนอยากให้คนอื่นด้วนด้วย”

รัฐรวีเงื้อมือจะตบหัวอาทิตย์ แต่มองไปเห็นมณฑิรากับวิไลลักษณ์ที่เดินเข้ามา เลยทำเป็นเอามือไปปัดเสื้อให้อาทิตย์
“เสื้อคุณอาทิตย์เปื้อนน่ะครับ”
รัฐรวีขยิบตาให้ อาทิตย์หันไปมองเลยรู้ว่ามณฑิรากับวิไลลักษณ์กลับเข้ามา ฟอร์มวางมาดต่อ
“ขอบใจมากนายวี” แล้วหันมาทางวิไลลักษณ์ “เรียบร้อยรึเปล่าครับคุณวิไลลักษณ์”
“อ๋อค่ะ.. ต้องขอโทษนะคะที่เสียมารยาทปล่อยให้รอ”
รัฐรวีสงสัย “แล้วตกลงใครมาเหรอครับ”
“แขกของคุณพ่อคุณหนูน่ะค่ะ นี่มณเลยให้ท่านนั่งเล่นอยู่ที่ศาลาในสวน” มณฑิราบอก
“อุ๊ย ถ้าอย่างนั้นผมว่าผมกลับก่อนดีกว่านะครับ คุณวิไลลักษณ์จะได้ไปรับแขก”
วิไลลักษณ์รีบสวน “ดีค่ะ” อาทิตย์ตกใจที่อีกฝ่ายตอบเร็ว วิไลลักษณ์รีบแก้ตัว “วิไลลักษณ์เกรงใจแขกของคุณพ่อน่ะค่ะ ขอโทษนะคะ”

มณฑิรา วิไลลักษณ์ เดินออกมาส่งรัฐรวีกับอาทิตย์ที่หน้าบ้าน
“ผมไปก่อนนะครับคุณวิไลลักษณ์”
วิไลลักษณ์ยิ้มหวาน “ค่ะ”
“แล้วเดี๋ยวผมโทร.หานะครับ”
“ค่ะ”
“เอาไว้นัดเจอกันอีกทีครับ”
“ค่ะ”
“ผม”
อาทิตย์ไม่ยอมขึ้นรถสักทีวิไลลักษณ์กลัวว่าภูวเดชจะรู้ความจริง
“รีบไปเถอะค่ะ” อาทิตย์งง “คือวิไลกลัวว่าถ้าออกช้ากว่านี้เดี๋ยวรถติดน่ะค่ะ”
อาทิตย์ยิ้มให้แล้วเดินไปขึ้นรถ

ส่วนห้องซักรีดบ้านมณฑิรา ภูวเดชขยับเสื้อเพราะร้อน อากาศในห้องอบอ้าว ส่วนอีกมือ ถือโทรศัพท์บ่นบ้าอย่างหงุดหงิด
“โทรไปก็ไม่รับ นี่คุณมณไปหากุญแจถึงไหนวะเนี่ย”
ภูวเดชมองไปรอบๆห้องแล้วเห็นหน้าต่าง
“เอาวะ ดีกว่าถูกขังอยู่ในนี้”
ภูวเดชเอาเก้าอี้มาวางเพื่อจะเหยียบปีนหน้าต่างออกไป

วิไลลักษณ์ กับมณฑิราเดินมาส่งอาทิตย์กับรัฐรวีที่รถ
รัฐรวีบอกกับมณฑิราว่า “ผมไปก่อนนะครับคุณมณ ถ้าคิดถึงผมก็โทรมา”
“นายพูดอะไรของนาย ชั้นไม่มีเบอร์นายซักหน่อย”
รัฐรวียิ้ม “ฮั่นแน่ะ อยากได้ล่ะสิ ก็นี่ไงครับผมก็กำลังจะให้เบอร์ผมอยู่นี่ไง”

มณฑิราด่า “ทะลึ่ง”

ทางเดินระหว่างหลังบ้านกับโรงรถ ภูวเดชในสภาพเลอะเทอะวิ่งตรงมาที่โรงรถ เขาเห็นมณฑิรากับวิไลลักษณ์ยืนหันหลังเหมือนคุยกับใครอยู่

“คุณมณ!”
มณฑิรากับวิไลลักษณ์หันมาเห็นก็ตกใจ
“คุณภู ออกมาได้ยังไงคะ”

ภูวเดชวิ่งตรงมา แต่โชคดี ไม่เห็นรถของรัฐรวีจอดที่โรงรถแล้ว
“ผมปีนหน้าต่างออกมาครับ ไหนคุณมณบอกว่าจะเอากุญแจมาไขให้ผมไงครับ แล้วทำไมมายืนอยู่ตรงนี้”
“มณออกมาส่งแขกของคุณป้าน่ะค่ะ”
ภูวเดชโวยใส่ทันที “แล้วคุณมณก็ปล่อยให้ผมอยู่ในห้องคนเดียวเหรอครับ ถ้าผมขาดอากาศหายใจตายไปจะทำยังไง”
“เว่อร์แล้วค่ะ วิไลยืนรีดผ้าอยู่ในห้องนั้นเป็นวันๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“จริงค่ะ” ภูวเดชหันมามอง วิไลลักษณ์รู้ตัว “อุ้ย...คุณมณคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ววิไลลักษณ์ขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว” ภูวเดชมองชุดวิไลลักษณ์ “ทำไมอยู่ดีๆ เธอถึงเอาชุดคุณมณมาใส่ล่ะ”
วิไลลักษณ์อึกอัก
มณฑิราบอกว่า “มณยกชุดนี้ให้วิไลน่ะค่ะ วิไลก็เลยเอามาลองใส่” ภูวเดชร้องอ๋อ มณฑิราถามต่อยิ้มๆ
“คุณภูมีอะไรสงสัยอีกไหมคะ” ภูวเดชส่ายหน้า

ด้านรัฐรวีกำลังขับรถมาตามถนน ชายหนุ่มยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี มีอาทิตย์นั่งอยู่ที่เบาะหลัง
“คุณวีครับ คุณวี”
รัฐรวีรู้สึกตัว “ห๊ะ ว่าไง”
“นั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียวครับ เราจะไม่สลับที่กันเหรอครับ ถ้าไม่...ผมจะได้ถอดรองเท้าเอาขาพาด เมื่อยเหลือเกิน”
“เออลืม”
รัฐรวีจอดรถทันที
“คราวหน้าถ้าแกจะมาหาคุณวิไลลักษณ์ที่บ้านอีก ชวนชั้นด้วยนะ เดี๋ยวชั้นขับรถให้”
อาทิตย์เง็ง

อาทิตย์ขับรถเข้ามาจอดหน้าตึกใหญ่ รัฐรวีลงจากรถ อาทิตย์รีบเดินตามมาหา
“เดี๋ยวสิครับคุณวี คุณวียังไม่ได้บอกผมเลยว่าทำไมถึงจะยอมเป็นคนขับรถให้ผมอีก”
“ก็บอกแล้วไงว่าอยากช่วย”
“ไม่จริงอ่ะ ทุกทีผมทั้งบังคับ ขู่เข็ญ อ้อนวอน กว่าคุณวีจะยอมช่วย” จอมกะล่อนคิดปราดเดียว “หรือว่า...”
“หรือว่าอะไร”
“ยังนึกไม่ออกครับ พูดเหมือนรู้ไปก่อน เผื่อคุณวีเฉลย” รัฐรวีเซ็ง อาทิตย์นึกเป็นการใหญ่ “หรือว่า...”
รัฐรวีเซ็ง “โว้ย อย่าเดาเลย แกเดาไม่ถูกหรอก”
“สงสารผมก็ไม่ใช่แน่ๆ ว่างก็ไม่ใช่เพราะงานเยอะจะตาย” อาทิตย์นึกได้ยิ้มๆ “เอ๊ะๆๆๆ อย่าบอกนะครับว่าเพราะสาวใช้ที่ชื่อมณฑา”
รัฐรวีรีบเถียง “เปล่าซะหน่อย”
“น่านไง” รัฐรวีอ้าปากจะพูดแย้ง “อย่าเถียงครับ ไม่ใช่คุณวีที่รู้จักผมคนเดียว”
รัฐรวีเซ็งเลยกระแทกเสียงยอมรับ “เออ”
อาทิตย์โวยวาย “คุณวีจะบ้าเหรอ ถ้าคุณท่านรู้ว่าคุณวีจีบคนใช้ ผมก็โดนด่า แล้วถ้าคุณวีไปจีบพี่มณแล้วทิ้งเค้า ผมก็โดนด่า แล้วถ้าคุณวิไลลักษณ์รู้ความจริงว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก ผมก็โดนด่าอีก โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง Stop เลยครับ”
“ไม่ทันแล้วว่ะ ชอบไปแล้ว แล้วแกก็ต้องช่วยชั้นด้วย”
คนรถจอมกะล่อนเครียดปนเซ็ง “ซวยแล้วตู”
แม่ชื่นเดินมาหารัฐรวีกับอาทิตย์
“คุณวีคะ คุณท่านให้มาตามค่ะ แกด้วยอาทิตย์”
อาทิตย์ชี้ตัวเอง “หนูด้วยเหรอแม่”
“แกน่ะชื่อแรกเลยที่คุณท่านตาม ไปก่อเรื่องอะไรไว้อีก” แม่ชื่นค้อนควักลูกชายแสบ
รัฐรวีกับอาทิตย์กำลังจะวิ่งไป แล้วก็ชะงักมองหน้ากัน มองชุดที่ตัวเองสวมอยู่ นึกได้ว่าถ้าไปทั้งชุดนี้พ่อกับแม่ต้องรู้แน่ๆ

ตกตอนเย็นท่านนายพลรัฐกำลังนั่งขัดไม้กอล์ฟอยู่ที่โซฟา รัฐรวีนั่งอยู่ที่โซฟา อาทิตย์นั่งอยู่ที่พื้นข้างๆ ภัสสรนั่งอยู่ที่โซฟา กำลังต่อว่ารัฐรวีอยู่

“ส่งไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา แทนที่จะทำอะไรให้มันเป็นผู้ใหญ่ รู้จักคิดหน้าคิดหลัง”
รัฐรวีตัดบท “เดี๋ยวครับแม่ มาถึงแม่ก็เอาแต่ด่าผม ผมยังไม่รู้เลยว่าเรื่องอะไร”
รัฐขำๆ “เราไปทำอะไรไว้ล่ะ พ่อยังนึกไม่ถึงเลยว่าเราจะกล้าทำ”
“ก็เรื่องหนูลูกไหมไง”
“อ้อ แล้วไป แสดงว่าเป็นเรื่องในครอบครัว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
อาทิตย์จะคลานไป ท่านนายพลเอาไม้กอล์ฟเกี่ยวคอเสื้ออาทิตย์ไว้
“เดี๋ยว แกน่ะตัวดีเลย”
รัฐรวีบอกกับภัสสรว่า “ทั้งหมดเป็นแผนไอ้ทิตย์ครับ” อาทิตย์ร้อง “อ้าว”
“ชั้นว่าแล้ว” ภัสสรว่า
อาทิตย์จ๋อยสนิท
“ทำอะไรไม่นึกถึงหน้าแม่บ้าง เรากับไอ้ทิตย์ไปจับมือถือแขน หอมแก้มกันกลางห้าง จนหนูลูกไหมเค้าคิดว่าเราสองคนเป็นเกย์”
รัฐอำรัฐรวียิ้มๆ “แล้วเป็นรึเปล่า”
“ผมไม่ได้เป็นครับพ่อ”
ภัสสรดุสามี “คุณยังจะพูดเล่นอีก”
“ก็ยังคงเป็นเรื่องในครอบครัวอยู่ ผมขอตัวนะครับ” อาทิตย์จะชิ่ง
อาทิตย์จะคลานไป รัฐเอาไม้กอล์ฟเกี่ยวคออาทิตย์
“จะไปไหน ชั้นต้องเฉ่งแกก่อนเลย ชั้นฝากผิดคนรึเปล่าเนี่ย นี่แค่เรื่องที่รู้ แล้วไอ้เรื่องที่ไม่รู้ไปทำอะไรกันไว้อีกรึเปล่า”
อาทิตย์ยกมือไหว้ “ไม่มีแล้วครับคุณท่าน ผมสาบานได้”
“พ่ออย่าไปดุไอ้ทิตย์มันเลยครับ ผมยอมทำตามวิธีของมันเอง ก็ผมไม่ชอบคุณลูกไหมนี่ครับ แม่อวดไว้ว่าสวยนักสวยหนา เจอตัวจริงไอ้ทิตย์มันเรียกลูกอ๊อดอยู่เนี่ย”
“จริงนะครับ คนอะไรหน้าเหมือนกบ” รัฐกับภัสสรหันมองดุ

อาทิตย์สะดุ้งร้อง “อุ้ย”

ตอนเย็นวันเดียวกัน วิไลลักษณ์ซึ่งบัดนี้ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคนใช้แล้วกำลังกวาดบ้านอยู่ มีอุปกรณ์เช็ดบ้านวางอยู่ๆ โดยมีคุณต๋อยยืนชี้นิ้วสั่งงานอยู่

“กวาดให้หมดเลยนะ กวาดเสร็จแล้วก็เช็ดอีกรอบ ขี้กลากที่หล่อนลามปามเป็นเจ้านายจะได้หมด แล้วก็ไปล้างจานที่หล่อนกินกับผู้ชายด้วย ไม่มีใครเค้าล้างให้หล่อนหรอกนะยะ”
เวกเดินมาบอกว่า “มีครับ ผมล้างให้แล้ว”
คุณต๋อยด่า “สาระแน”
เวกย้อน “สาระแนตรงไหน ผมทำงานผมเสร็จแล้วก็เลยช่วยงานน้องสาวผม” เขาชี้ตัวเอง “นี่พี่ชาย” แล้วชี้วิไลลักษณ์ “นี่น้องสาว” สุดท้ายชี้ที่คุณต๋อย “ส่วนคุณต๋อย”
คุณต๋อยแหวใส่ “นี่เธอด่าชั้นเหรอ”
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้พูดประโยคไหนหยาบคายเลยนะครับ”
คุณต๋อยโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้เลยเดินปึงปังออกไป
วิไลลักษณ์รู้สึกผิด “ขอโทษนะจ๊ะที่หนูทำให้พี่เดือดร้อนไปด้วย”
เวกช่วยวิไลลักษณ์เช็ดบ้าน อยากจะเตือนน้อง
“เพิ่งรู้เหรอ ตอนแรกที่พี่ช่วย ก็คิดว่าแกจะทำเล่นๆ แต่นี่มันชักจริงจังไปแล้วนะ ทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งคุณมณต้องมาเล่นกับแกด้วย”
วิไลลักษณ์หน้าหมอง “พี่โกรธหนูใช่ไหม แล้วก็พ่อกับแม่อีก ตั้งแต่คุณอาทิตย์กลับไปยังไม่คุยกับหนูเลย”
เวกหันมามองหน้าน้อง ถอนหายใจเซ็งๆ แต่ใจหนึ่งก็สงสาร วิไลลักษณ์วางไม้กวาดเข้าไปกอดเวกน้ำตาซึม
“หนูขอโทษ”
เวกมองวิไลลักษณ์อย่างเห็นใจและสงสาร
“พี่ก็ไม่เคยมีแฟน พี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นยังไง แต่เรื่องแกกับคุณอาทิตย์เนี่ย มันจะไหวเหรอ ถ้าเค้ารู้ความจริงว่าแกเป็นแค่คนใช้ เค้าจะรับแกได้มั้ย”
วิไลลักษณ์อึ้งๆ

ขณะนั้น รัฐรวี กับท่านนายพลรัฐนั่งกินข้าวกันอยู่ แม่ชื่นกับแตงอ่อนคอยบริการ ส่วนภัสสรยืนคุยโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ
“ขอโทษด้วยนะคะ ลูกชายดิฉันเล่นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ ฝากบอกหนูลูกไหมด้วยนะคะว่าตาวีเป็นลูกชายจริงๆค่ะ” ภัสสรโดนอีกฝ่ายวางสายใส่ “ฮัลโหลๆ” เลยต้องวางสายเซ็งๆ เดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าว ถามเอาเรื่องกับรัฐรวี “เป็นไงล่ะตาวี พ่อแม่หนูลูกไหมเค้าไม่ยอมคุยกับแม่เลย”
“แต่จริงๆ นะคุณ เรื่องจับคู่ให้ลูก ผมก็ไม่เห็นด้วยนะ”
รัฐรวีหันไปแอบยกนิ้วโป้งให้บิดา
“ก็ชั้นกลัวว่าลูกจะไปคว้าคนไม่ดีเข้า”
“คุณเลี้ยงลูกมาคุณไม่รู้หรือไงว่าตาวีมันช่างเลือกจะตาย ไม่งั้นมันคว้าเมียมาจากแคนาดาแล้ว”
“ขอบคุณนะพ่อที่เข้าใจผม” รัฐรวีหันไปเชคแฮนด์กับนายพลรัฐ
ภัสสรค้อนคงวัก “เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ”
“เอางี้ครับแม่ ขอเวลาผมนิดนึง เดี๋ยวผมพามาให้ดู”
สองคนฉงน ภัสสรร้อนใจกว่าสามี
“พามาให้ดู เราเจอคนที่เราชอบแล้วเหรอ ลูกเต้าเหล่าใคร แม่รู้จักมั้ย นิสัยดีรึเปล่า”
“เอาเป็นว่าผมเจอแล้ว แต่ผมขอเวลาทำความรู้จักเค้าอีกนิดนึงนะครับ”
ทุกคนมองหน้ากันเลิกลัก รัฐรวีรวบช้อน “ผมอิ่มแล้ว เดี๋ยวผมไปอาบน้ำนอนก่อนนะครับ”
รัฐรวีลุกเดินออกไป
“คุณ ลูกไปชอบใครน่ะ ให้ลูกน้องไปสืบหน่อยสิ”
รัฐปราม “มันเป็นปัญหาระดับชาติขนาดนั้นเลยเหรอคุณ ใจเย็นๆ เดี๋ยวลูกก็พามาแนะนำ”
ภัสสรกระวนกระวายใจอยากรู้มาก แม่ชื่นอยากรู้ยิ่งกว่า

ขณะที่อาทิตย์นอนเล่นมือถืออยู่ แม่ชื่นเดินเข้ามาพร้อมถ้วยบัวลอยไข่หวาน
“ยังไม่นอนอีกเหรอลูก แม่เอาบัวลอยไข่หวานของชอบมาฝาก”
อาทิตย์มองระแวง “แม่ แม่มีอะไรจะใช้หนูรึเปล่าเนี่ย”
“ทำไมมองแม่ในแง่ร้ายแบบนั้นล่ะลูก เนี่ย แม่เอาขนมมาให้” ชื่นว่า
“ครั้งสุดท้ายที่แม่ทำแบบนี้กับหนู คือวันที่แม่หลอกถามรหัสเอทีเอ็มหนู”
แม่ชื่นเซ็ง เลยยอมรับดื้อๆ “เอ้อ แม่จะถามเรื่องแฟนคุณวี”
“น่านไง” อาทิตย์นึกได้ “เอ๊ะ แฟนคุณวี ใครอ่ะแม่”
“เพราะชั้นไม่รู้ชั้นถึงมาถามแกนี่ไง ถ้าแกบอกว่าไม่รู้ ชั้นจะเอาบัวลอยราดหน้า”
อาทิตย์รีบแย่งถ้วยบัวลอยมากิน
“ก็หนูไม่รู้จริงๆ แม่ คุณวีมีแฟนที่ไหน”
“ถ้าไม่มีแล้วเค้าจะไปบอกคุณท่านได้ไงว่าเค้าเจอแล้ว แถมยังบอกอีกว่าขอเวลาศึกษากันก่อน”

อาทิตย์ชะงัก อึ้งไป ไม่คิดว่ารัฐรวีจะจริงจังถึงขนาดเอาเรื่องมณฑิราไปบอกคนอื่น

ทางด้านรัฐรวีเดินกลับเข้ามาในห้อง แล้วเห็นดอกไม้ผ้าจากชุดของมณฑิราที่วางอยู่บนโต๊ะ

เขาประหวัดไปถึงเหตุการณ์ตอนที่เห็นมณฑิราครั้งแรกจากที่ไกลๆ ขณะมณฑิราเต้นรำอยู่ในฟลอร์งานเลี้ยง แล้วนึกถึงวันที่เจอกับมณฑาครั้งแรก โดยมณฑาเข้ามาช่วยรัฐรวีอุดก๊อกน้ำ
รัฐรวียืนครุ่นคิดพึมพำออกมา “ทำไมถึงคล้ายกันจังนะ”
รัฐรวีเก็บดอกไม้เข้าลิ้นชัก หยิบโทรศัพท์โทรหาหมอฉบัง
“ฮัลโหลหมอ ชั้นถามอะไรหน่อยสิ”

สองหนุ่มนัดเจอกันในวันถัดมา พอเจอหน้าหมอฉบังมองเพื่อนซี้งงๆ
“ถามจริง แกให้ชั้นพามาทำอะไรที่นี่วะ”
“ก็ซื้อเสื้อผ้าไง”
หมอฉบังอึ้ง “ที่เนี่ยนะ”
รัฐรวีกับหมอฉบังอยู่กลางศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง

ถัดมารัฐรวีกำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่กับหมอฉบัง เห็นรัฐรวีเลือกเสื้อผ้าชุดซาฟารีสีเข้มที่ดูธรรมดามาก หมอฉบังมองแปลกใจ
“แกว่าถ้าชั้นใส่ตัวนี้เป็นไงวะ”
“อย่าเลยว่ะ เหมือนคนขับรถ”
“เออ งั้นชั้นเอาตัวนี้”
“เฮ้ย แกเล่นอะไรของแกเนี่ยไอ้วี”
รัฐรวียิ้มๆ “ยังไม่บอกตอนนี้ได้ไหมวะ”
จากนั้นรัฐรวีหันไปเลือกเสื้อต่อ หมอฉบังงง

อาทิตย์เดินมาเจอรัฐรวีกับหมอฉบัง
“สวัสดีครับคุณหมอ” หมอฉบังยิ้มทักอาทิตย์
รัฐรวีส่งถุงเสื้อผ้าให้อาทิตย์
“แกเอากลับบ้านไปก่อนได้เลย แล้วเดี๋ยวชั้นให้ไอ้หมอไปส่งบ้านเอง”
“เดี๋ยวไอ้ทิตย์ ชั้นฝากแกดูเพื่อนชั้นหน่อยนะ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ อยากจะแต่งตัวเป็นคนขับรถ”
รัฐรวียักคิ้วให้อาทิตย์ แล้วเดินออกไปกับหมอฉบัง อาทิตย์หน้าเหวอ

รถแล่นตามถนน อาทิตย์ใส่แว่นดำขับรถไปด้วย คุยโทรศัพท์กับรัฐรวีท่าทางร้อนใจ
“คุณวีอย่าเพิ่งวางสายนะครับ ผมให้โอกาสคุณวีตอบผมอีกที คุณวีจะจีบพี่มณจริงๆเหรอครับ เค้าเป็นคนใช้นะครับ” แต่โดนรัฐรวีตัดสายทันที “ฮัลโหล คุณวี”
อาทิตย์พยายามจะกดโทร.หารัฐรวีอีกที ทันใดนั้นได้ยินเสียงรถชนท้ายรถอาทิตย์ โครม!
“ขับรถภาษาอะไรวะ”
อาทิตย์เปิดประตูรถลงไปอย่างโกรธๆ แล้วไปเคาะกระจกรถคันหลัง
“นี่คุณ! ลงมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลย อยู่ๆ มาชนท้ายรถคนอื่นได้ไง”
กระจกรถคันนั้นเลื่อนลง เผยให้เห็นว่าเป็น อิงอร สาวสวยแต่งตัวเซ็กซี่
“ขอโทษนะคะอิงไม่ทันระวัง”
อาทิตย์ จากที่โกรธ พอเห็นหน้าและน้ำเสียงของอิงอร ก็เปลี่ยนท่าทีทันที เก๊กมาดพูดเสียงหล่อ
“ไม่เป็นไรครับ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ตกใจนิดหน่อยน่ะค่ะ อิงไม่คุ้นกับถนนในกรุงเทพฯ” หล่อนว่า
“ตอนผมกลับมาใหม่ๆ ก็ไม่คุ้นเหมือนกันครับ”
ได้ยินเสียงรถข้างหลัง บีบแตรไล่
“งั้นเดี๋ยวเราเอารถเข้าข้างทาง แล้วเรียกประกันก่อนดีกว่าครับ จะได้เคลียร์กัน”
อิงอรเยื้อนยิ้ม

อาทิตย์ และอิงอรยืนคุยอยู่ริมถนน โดยมีประกันของแต่ละคนกำลังเคลียร์รถอยู่ อิงอรมองรถอาทิตย์เห็นเป็นรถหรู แล้วหันมามองอาทิตย์ เห็นว่าอาทิตย์หน้าตาดี ก็เลยยิ้มหวานให้
“อิงโชคดีจังเลย ถ้าเป็นคนอื่นอิงต้องแย่แน่ๆ”
“รถชนนี่เรียกว่าโชคดีเหรอครับ? อย่างผมเรียกว่าโชคร้ายมากกว่า”
“ในความโชคร้าย อิงถือว่าอิงโชคดีค่ะ ที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่อย่างคุณอาทิตย์”
อาทิตย์บอกยิ้มๆ ว่า “sun_artist” นี่ไลน์ไอดีผม ว่างๆ ไลน์คุยกับเพื่อนใหม่บ้างนะครับ”
“เดี๋ยวเคลียร์ประกันเสร็จ คุณอาทิตย์ไปไหนต่อคะ”
“ผมมีธุระต่อครับ”
“ว้า อิงจะเลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษคุณอาทิตย์ซักหน่อย เสียดายจัง”
“ไว้โอกาสหน้าแล้วกันครับ”

อิงอรมองอาทิตย์ยิ้มๆ

อ่านต่อหน้า 2

ฝันเฟื่อง ตอนที่ 3 (ต่อ)

วันต่อมา วิไลลักษณ์นั่งทาเล็บมือให้มณฑิราอยู่ในห้องแต่งตัวมณฑิรา ท่าทีวิไลลักษณ์เหม่อลอย เพราะคิดถึงเรื่องที่เวกพูดเกี่ยวกับว่าครอบครัวอาทิตย์อาจจะรับวิไลลักษณ์ไม่ได้

“วิไลจ๊ะ... วิไล...”
วิไลลักษณ์รู้สึกตัว “คะคุณมณ”
มณฑิราขำ “วิไลเอาน้ำยาเคลือบเล็บทาให้ชั้นสองหนแล้ว เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ”
วิไลลักษณ์ก้มหน้าหลบตา มณฑิราดูออก
“กลุ้มใจเรื่องอะไร เล่าให้ชั้นฟังซิ”
วิไลลักษณ์พูดอ้อมแอ้มเพราะไม่อยากเล่า “เมื่อวานพี่เวกเตือนวิไลเรื่องคุณอาทิตย์ ถ้าพ่อแม่เค้ารู้ความจริง อาจจะรับไม่ได้ที่วิไลเป็นแค่คนใช้ค่ะ”
มณฑิรายิ้มๆ มองหน้าเย้าแหย่สาวใช้คู่ใจ “นี่แสดงว่ารักเค้ามากนะเนี่ย ถึงได้กลุ้มใจขนาดนี้” วิไลลักษณ์เขิน ระคนหนักใจ “ต้องถือเป็นความผิดของฉันด้วยที่ไปช่วยเธอโกหก”
“แล้ววิไลจะทำยังไงดีคะ”

เสียงไลน์จากมือถือวิไลลักษณ์ดัง วิไลลักษณ์รีบเอามาดู เห็นเป็นข้อความจากอาทิตย์ วิไลลักษณ์ดีใจแต่ไม่กล้ากดตอบ
มณฑิรายิ้ม “ตอบก่อนก็ได้จ้ะ”
“ค่ะ” วิไลลักษณ์กดอ่านข้อความ “คิดถึงผมอยู่รึเปล่าครับ”

อาทิตย์อยู่ที่ในร้านกาแฟ กำลังพิมพ์ไลน์คุยกับวิไลลักษณ์ โดยมีรัฐรวีนั่งกำกับคอยสะกิดอยู่ข้างๆ
“ถามถึงคุณมณด้วยสิ คุณมณน่ะ”
อาทิตย์หันมองเซ็งรัฐรวี แล้วกดพิมพ์ไลน์ต่อ
ส่วนที่ห้องแต่งตัวมณฑิรา วิไลลักษณ์อ่านข้อความจากอาทิตย์ฟังแล้วแปลกใจหันมาหามณฑิรางงๆ
“คุณมณคะ คุณอาทิตย์เค้าถามถึงคุณมณด้วยค่ะ หรือว่าเค้ารู้อะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่น่าเป็นไปได้นะ วิไลลองถามเค้าซิว่าถามถึงชั้นทำไม”
วิไลลักษณ์พิมพ์มือถือ
รัฐรวีกับอาทิตย์ก้มดูมือถืออยู่
“บอกไปเลยว่าคนขับรถฝากถามถึง” รัฐรวียิ้มย่อง
อาทิตย์เหล่ “ออกตัวแรงไปไหมครับคุณวี”
รัฐรวีไม่ทันใจ “ให้ชั้นพิมพ์เองไหม”
“นี่มันเครื่องผม คุณวีไปขอเบอร์เค้าแล้วโทรคุยกันเองเลยไหม”
“ขอแล้วเค้าไม่ให้”
“สม” อาทิตย์ว่า รัฐรวีเม้ง
อาทิตย์กดพิมพ์มือถือต่อ
ทางฝ่ายวิไลลักษณ์ก้มอ่าน
“คุณอาทิตย์บอกว่าคนขับรถเค้าฝากถามถึงน่ะค่ะ” วิไลลักษณ์ฮึดฮัดไม่พอใจ “คุณอาทิตย์นี่ยังไง ตั้งแต่วันก่อนที่มาบ้านเราแล้ว ปล่อยให้คนขับรถลามปาม ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
“ก็คนขับรถนั่นเค้าไม่รู้นี่จ๊ะว่าชั้นเป็นใคร เค้าคงคิดว่าชั้นเป็นพี่มณ พี่เลี้ยงของวิไลลักษณ์”
“ให้วิไลตอบไปว่ายังไงดีคะ ต่อว่าไปเลยดีไหม”
“จะไปว่าเขาทำไมล่ะ ไม่ต้องว่าอะไรไปหรอก ก็บอกว่าสบายดีไปเฉยๆ ก็พอ”
วิไลลักษณ์กดพิมพ์มือถือ
ทางฝ่ายอาทิตย์ถูกรัฐรวีแย่งอ่าน
“สบายดีเหรอ งั้นแกพิมพ์ไปขอนัดคุณวิไลลักษณ์ทานข้าวซิ แล้วบอกให้เค้าชวนพี่เลี้ยงเค้าออกมาทานข้าวด้วย”
“ลำพังชวนคุณวิไลลักษณ์ออกมายังลำบาก นี่จะให้ชวนพี่เลี้ยงเค้าด้วยเนี่ยนะครับ”
“งั้นบอกไปว่าเห็นว่าสนิทกัน ก็เลยชวนออกมาเดินเป็นเพื่อน เผื่อคนรู้จักมาเห็นจะได้ไม่ดูว่าอยู่กับแกสองต่อสองไง”
อาทิตย์เซ็งหนัก “ไปๆ มาๆ คุณวีนี่กะล่อนกว่าผมอีกนะ”
“ไม่ต้องชม พิมพ์ไป”
สักครู่ได้ยินเสียงมือถือดัง ตรึ้ง! สองคนก้มดูพร้อมกัน
อ่านพร้อมกันว่า “ขอคิดดูก่อน”

อาทิตย์ รัฐรวีต่างเงยหน้ามามองหน้ากัน แล้วตกใจที่หน้าใกล้ชิดกันมาก สองหนุ่มรีบผละออกจากกันทันที

ทางด้านวิไลลักษณ์อึ้งๆ ที่มณฑิราบอกให้พิมพ์ตอบอาทิตย์

“ทำไมคุณมณให้วิไลตอบไปแบบนั้นล่ะคะ คุณมณจะปลอมตัวเป็นพี่เลี้ยงของวิไลออกไปเจอเค้าอีกเหรอ”
“ก็ตอนนี้วิไลยังไม่กล้าบอกความจริงกับเค้าไม่ใช่เหรอ ถ้างั้นชั้นก็จะช่วยเธอให้ถึงที่สุดแล้วกัน”
วิไลลักษณ์รู้สึกแย่ที่ดึงมณฑิราลงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องของตัวเอง

ทางด้านรัฐรวีกับอาทิตย์กำลังเดินออกจากร้านกาแฟ
“แกว่าเค้าจะไปไหมวะ”
“ผมไม่ใช่เซียนเต่าเขย่าดวงนะครับ ผมจะไปรู้ได้ไง”
รัฐรวีง้างมือจะตีอาทิตย์ แต่จอมกะล่อนกระโดดหลบแล้วไปชนกับอิงอรที่กำลังเดินมาที่ร้าน
“อุ้ย! ขอโทษครับ” อาทิตย์หันมาเห็นว่าเป็นอิงอรก็ร้องทัก “อ้าวคุณอิงอร”
“อ้าว คุณอาทิตย์ ชนกันอีกแล้วนะคะ”
“อิง” รัฐรวีฉงน หันมาทางอาทิตย์ “รู้จักกันเหรอ” อาทิตย์อึกอัก
“เพิ่งรู้จักเมื่อวานเองค่ะ อิงขับรถไปชนท้ายรถคุณอาทิตย์” รัฐรวีหันขวับมองอาทิตย์ทันที อาทิตย์หลบตา อิงอรถามอาทิตย์ว่า “ตกลงเมื่อไหร่ว่างคะ”
รัฐรวียิ่งงง “ว่าง จะทำอะไรกันเหรอครับ”
“คุณอิงจะเลี้ยงข้าวขอโทษที่ขับรถชนผมน่ะครับ”
“ใช่ค่ะ คุณอาทิตย์อุตส่าห์ไม่เอาเรื่องอิง” อาทิตย์สะดุ้ง
รัฐรวีหันไปแค่นยิ้มให้อาทิตย์ “ไม่เอาเรื่องด้วยเหรอ คุณอาทิตย์เป็นคนดีนะครับเนี่ย ไม่เห็นเล่าให้ฟังบ้างเลย”
“ผมเป็นคนทำดีแล้วไม่ชอบบอกใคร เหมือนใส่กางเกงในแล้วไม่ต้องโชว์น่ะครับ” อิงอรขำคิก “ผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วเจอกันครับคุณอิง” อาทิตย์รีบเดินแยกไป
“เพื่อนพี่วีคนนี้น่ารักดีนะคะ ทำไมอิงไม่เคยเจอที่แคนาดาเลย” รัฐรวีหันมามองอิงอรงงๆ “ก็คุณอาทิตย์บอกว่าเค้าเพิ่งกลับมา”
รัฐรวีได้แต่ยิ้มไม่ตอบอะไร

ต่อมา รัฐรวีเดินมาที่รถ อาทิตย์รีบเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม โค้งหัวให้ รัฐรวีตบหัวอาทิตย์โป๊ก
“นี่แกไปหลอกคุณอิงเหรอว่าเป็นนักเรียนนอก หน้าด้านนะแกเนี่ย”
“ผมแค่บอกเค้าว่าไม่ชินถนนที่กรุงเทพฯ เหมือนเค้า เค้าก็เข้าใจไปเอง”
“แต่แกใช้คำว่าเพิ่งกลับมา แกตั้งใจหลอกเค้าใช่ไหม”
“เอาจริงๆ ไหมคุณวี ผมก็พูดไปเรื่อย ไม่คิดว่าคุณอิงกับคุณวีจะรู้จักกัน”
“แล้วรถโดนชนก็ไม่บอกชั้น” รัฐรวีง้างเท้าจะเตะ อาทิตย์กระโดดหลบ “แล้วแกรู้มั้ยคุณอิงเค้าเป็นใคร”
“แฟนเก่าคุณวีเหรอครับ”
“แฟนเพื่อนชั้น คนนี้แรงจริงๆ นะเว้ย ขนาดตอนเรียนอยู่อเมริกายังบินมาหาเพื่อนชั้นที่แคนาดาเกือบทุกอาทิตย์”
“ท่าทางจะรวยมากนะครับ”
“ไม่รวยได้ไง ก็บ้านเค้าทำธุรกิจกับบ้านชั้น ถ้าเค้าจับได้ว่าคนขับรถชั้นไปหลอกเค้า ชั้นเอาแกตายแน่” อาทิตย์ซีดสนิท

ตอนบ่ายวันเดียวกัน ภูวเดชลงรถเดินคุยมือถือเข้ามาในบ้านคุณหญิงหิรัญญิการ์ คุณป้าของมณฑิรา พร้อมหิ้วกระเช้าผลไม้ กำลังจะเข้าตัวตึก
“นี่คุณมณอยู่ที่บ้านคุณหญิงหิรัญญิการ์รึเปล่าครับ ผมอยู่ที่หน้าบ้านท่านแล้ว” เขานิ่งฟังแล้วรีบออกตัว “เปล่าครับ ผมไม่ได้ตามคุณมณ ผมแค่จะเอากระเช้ามาไหว้ท่านเฉยๆ เดี๋ยวเจอกันนะครับ” กดวางสาย)
ภูวเดชวางสาย ยิ้มที่ตื๊อสำเร็จ

ขณะภูวเดชเดินมาที่สวนหน้าบ้าน เขาเห็นผู้หญิงแต่งตัวมิดชิดกำลังนั่งทำสวนก็เรียก ออกคำสั่งใส่
“นี่เธอ รับตะกร้าไปหน่อยซิ หนัก”
ผู้หญิงคนนั้นยื่นมือมาจะรับ ภูวเดชดึงกระเช้ากลับ
“เอ้า ไปล้างมือก่อนสิ เดี๋ยวดินก็มาเปื้อนของเลอะหมด”
ผู้หญิงคนดังกล่าวเดินไปล้างมือ
ภูวเดชบ่นบ้าท่าทางหงุดหงิด “แล้วนี่คุณหญิงนั่งที่ศาลาในสวนอีกใช่ไหม ไม่รู้จะชอบอะไรนักหนา ร้อนก็ร้อน แมลงก็เยอะ”
ผู้หญิงคนนั้นพูดทั้งทีหันหลังอยู่ “ชั้นชอบเพราะมันร่มรื่นดี”
ภูวเดชเห็นผู้หญิงที่หันหลังอยู่กำลังถอดหมวก ถึงกับพึมพำ “ไม่นะ...”
ผู้หญิงคนนั้นหันมา เผยให้เห็นเห็นว่าเป็น คุณหญิงหิรัญญิการ์
ภูวเดชยกมือไหว้ เสียงอ่อยๆ “สวัสดีครับคุณหญิงป้า”
“ตะกร้าหนักไม่ใช่เหรอ ให้อิชั้นช่วยถือไหมคะ”
ภูวเดชจ๋อยสนิท “ไม่เป็นไรครับคุณหญิงป้า”

คุณหญิงหิรัญญิการ์มองภูวเดช อย่างไม่ชอบขี้หน้า

ครู่ต่อมา คุณหญิงหิรัญญิการ์ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว นั่งหน้านิ่งๆ อยู่ที่เก้าอี้ห้องรับแขก ข้างๆ มีมณฑิรานั่งอยู่ด้วย ภูวเดชนั่งตัวลีบๆ อยู่ข้างๆ

“ความจริงเราไปนั่งที่ศาลาในสวนก็ได้นะครับ”
“อย่าเลย ร้อนก็ร้อน แมลงก็เยอะ” ภูวเดชยิ่งจ๋อย “แล้วนี่จะไปจะมา ไม่คิดจะบอกชั้นล่วงหน้าเลยใช่ไหม สังคมไทยเดี๋ยวนี้มารยาทเค้าเป็นอย่างนี้แล้วเหรอ”
ภูวเดชบอกว่า “ผมชอบเซอไพรส์น่ะครับ”
“แล้วเซอไพรส์ไหมล่ะ” คุณหญิงย้อนถาม
ภูวเดชยิ้มแหยๆ “เต็มๆ ครับ”
“คุณป้าคะ เดี๋ยวกรรมการที่สมาคมใกล้จะมาถึงแล้ว ให้คุณภูกลับไปก่อนดีไหมคะ” มณฑิราว่า
“ธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ ให้เค้าอยู่ทานของว่างก่อนแล้วกัน”
ภูวเดชยกมือไหว้คุณหญิงหิรัญญิการ์ “ขอบคุณครับ”

ไม่นานต่อมา คุณหญิงหิรัญญิการ์กับบรรดากรรมการสมาคมกำลังนั่งดื่มน้ำชากันอยู่ที่ศาลาในสวนสวย หนึ่งในนั้นมีภัสสรนั่งอยู่ด้วย มณฑิรากับภูวเดชนั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง
“ดิชั้นในฐานะประธานสมาคม ยินดีนะคะที่ปีนี้คุณภัสสรเข้ามาร่วมเป็นกรรมการสมาคมกับเราด้วยปีแรก” คุณหญิงหิรัญญิการ์กล่าวต้อนรับ
ภัสสรยิ้มชื่น “ยินดีที่ได้ร่วมงานค่ะ”
“คุณภัสสรคะ นี่หนูมณฑิราหลานสาวดิฉันค่ะ แกเพิ่งกลับมาจากอเมริกา ตอนแกอยู่ที่นู่นแกเป็นออดิทเตอร์ชื่อเสียงโด่งดัง บริษัทที่นั่นแย่งตัวกันเยอะแยะเลยค่ะ”
มณฑิรายืนขึ้นยกมือไหว้ภัสสรชดช้อยงดงาม ภัสสรรับไหว้ มองประทับใจในตัวมณฑิรา
“ตายแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ หนูมณฑิราน่ารักจังเลยนะคะ” ภัสสรหันมาพูดกับคุณหญิงว่า “คุณหญิงคะ ดิชั้นอยากจะร่วมงานกับสมาคมด้วยนานแล้ว แล้วปีนี้ทางสมาคมมีโครงการยังไงบ้างคะ”
“ดิชั้นว่าจะมอบเงินบริจาคให้กับมูลนิธิเด็กพิการซ้ำซ้อนค่ะ ส่วนงานเลี้ยงที่จะรวบรวมเงิน อยากให้ทุกคนช่วยกันออกความเห็นว่าจะจัดรูปแบบไหนดี”
ภูวเดชเสนอหน้า พูดเสียงดังแทกขึ้นมา “จัดโชว์รถซูเปอร์คาร์ไหมครับ เดี๋ยวผมเอารถจากโชว์รูมมาให้ แล้วผมก็...”
คุณหญิงขัดขึ้นว่า “ขอบใจนะ รับของว่างเพิ่มไหม จะได้มีอะไรทำ”
ภูวเดชจ๋อย ถอยกลับไปนั่ง มณฑิราแอบเซ็ง
คุณหญิงนึกได้ “ก่อนที่จะคุยเรื่องงานสมาคม ดิฉันอยากจะเชิญทุกคนมาร่วมงานวันเกิดดิฉันเดือนหน้า ตั้งแต่สามีดิฉันเสียไป ดิฉันก็ไม่ได้จัดงานรื่นเริงเลย ปีนี้ 60 แล้วก็ถือโอกาสจัดงานแซยิดซะหน่อย” คุณหญิงหันมาทางมณฑิรา “หนูมณตกลงจะเป็นแม่งานใหญ่ให้กับป้าใช่ไหมลูก”
มณฑิรายิ้มรับ พลางพยักหน้า “ได้เลยค่ะคุณป้า” เธอบอกกับทุกคนว่า “คุณป้าอยากจะจัดเป็นงานแฟนซีหน้ากากพร้อมทั้งเป็นงานการกุศลไปด้วย จะได้ถือโอกาสขอบคุณทุกๆ คนที่ได้ช่วยงานคุณป้ามาโดยตลอด กราบเรียนเชิญทุกคนและคุณภัสสรด้วยนะคะ”
ภูวเดชออกตัวอีก “ไม่ต้องห่วง ผมไปแน่นอนครับ”
“คุณภูคะ เห็นคุณภูบ่นว่าคุณภูหิว กลับบ้านก่อนดีไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมว่างทั้งวัน เสร็จแล้วจะได้ทานข้าวเย็นกับคุณหญิงด้วย”
คุณหญิงชะงัก แต่พูดอะไรไม่ได้เพราะอยู่ต่อหน้าแขก
มณฑิราเห็นอาการคุณหญิงป้าก็รู้ เลยหันไปคุยกับภูวเดช
“แต่มณหิวค่ะ งั้นเราไปทานข้าวข้างนอกกันดีกว่า” มณฑิราบอกกับคุณหญิงป้า “คุณป้าคะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้มณขอตัวก่อนนะคะ”
คุณหญิงพยักหน้า มณฑิราลุกขึ้น ยกมือไหว้ทุกคน
ภูวเดชหันไปไหว้ทุกคน ทุกคนรับไหว้ มณฑิราเดินออกไป

ภูวเดชเดินตามไป แต่ดันลืมโทรศัพท์ วางไว้ที่โต๊ะ

ภัสสรมองตามด้วยสายตาชื่นชมมณฑิราเอามากๆ

“หลานคุณหญิงน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ นะคะ” คุณหญิงยิ้มรับ ภัสสรหยั่งเชิง “แล้วนั่นแฟนเหรอคะ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ นั่นเพื่อนเค้า”
“อื๋ม.... งั้นก็แปลว่าโสด” ภัสสรยิ้มคิดอะไรบางอย่าง
คุณหญิงดักคอ “จะจับคู่ให้ลูกชายเหรอคะ ต้องขอบอกก่อนนะคะว่าดิชั้นหวงหลานมาก แกไม่มีพ่อไม่มีแม่แล้ว ก็เหลือแต่ดิชั้นเท่านั้นที่เป็นผู้ใหญ่ของแก ถ้าดิชั้นว่าไม่ผ่านก็ไม่ผ่านค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นวันเกิดคุณหญิงที่จะถึง ดิชั้นขออนุญาตพารัฐรวีลูกชายดิชั้นมารู้จักคุณหญิงนะคะ”
ที่มุมสวนใกล้ๆ ศาลา ภูวเดชที่เดินจะกลับมาเอามือถือ ยืนชะงักฟังอยู่อึ้งๆ
ทุกคนหันไปเห็น ภูวเดชเดินเข้ามาท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน “ขอโทษนะครับ ผมลืมมือถือ”
ภูวเดชหยิบมือถือ แล้วเดินออกไป
คุณหญิงมองตามภูวเดชไป ส่ายหน้า “ไม่ผ่าน”
ภูวเดชที่เดินออกไป หันกลับมามองทางศาลาพึมพำออกมา “รัฐรวี”

รัฐรวีกลับมาจากทำงาน เดินมาเจอรัฐที่นั่งดูข่าวอยู่ ส่วนภัสสรนั่งดูแบบเพชรในไอแพด
“พ่อครับ ไอ้หมอมันฝากวิตามินมาให้พ่อด้วยครับ” เขายื่นขวดวิตามินให้พ่อ
“พ่อดูข่าวอยู่ อย่าเพิ่งกวน”
“นี่ตาวี วันนี้แม่ไปบ้านคุณหญิงหิรัญญิการ์มา” ภัสสรหันไปบอกสามี “คุณปิดทีวีก่อนสิ”
รัฐกดปิดทีวีตามภรรยาสั่ง
“อ้าวพ่อ ทำไมยอมง่ายจัง”
“ไม่ยอมเดี๋ยวยาวลูก”
“วันนี้แม่ไปเจอหลานสาวคุณหญิงหิรัญญิการ์มา ยังโสด”
รัฐรวีรู้ทันเตรียมชิ่ง “ผมขอไปส่งเมลล์ให้ลูกค้าก่อนนะครับ” เขาทำท่าจะเดินเข้าห้องไป
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไปสิตาวี มาดูรูปก่อน เค้าสวยมากเลยลูก” ภัสสรหยิบมือถือมาหารูป
“ลองแม่เห็นคุณลูกอ๊อดสวย ผมก็ไม่เชื่อเทสต์แม่แล้วครับ” รัฐรวีเหน็บ
“เค้าชื่อลูกไหม” ภัสสรค้อนลูกชาย
รัฐรวีขำๆ ภัสสรยังหารูปไม่เจอ
รัฐรวีไม่รอ เดินขึ้นบ้านไปเลย
“เดี๋ยวสิ ตาวีรอก่อน”
“คุณก็ ยังไม่เลิก ลูกก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวจะพามาให้รู้จัก”
ภัสสรก้มหารูปต่อ “คุณอย่าเพิ่งว่าชั้น คุณดูรูปก่อน นี่ไง” พลางโชว์รูปมณฑิราในมือถือให้รัฐดู “หนูมณฑิรา หลานสาวคุณหญิงหิรัญญิการ์”
“เอ้อ..สวยดีนี่คุณ”
ภัสสรปลื้มสุดๆ “เห็นมั้ยล่ะ! กิริยามารยาทก็เรียบร้อย ตอนอยู่เมืองนอก เป็นถึงออดิทเตอร์ ชั้นว่าคนนี้นี่แหละเหมาะกับตาวีที่สุด”
“อ้าว แล้วคนที่ลูกบอกว่าจะพามาให้ดูล่ะ”
“ชั้นว่าไม่มีใครดีกว่าหนูมณฑิราของชั้นแล้ว ถ้าลูกไม่ชอบ ชั้นจะบังคับ ชั้นจะต้องได้หนูมณฑิรามาเป็นสะใภ้ให้ได้”

ท่านนายพลรัฐส่ายหน้าระอานิดๆ ในความเอาจริงเอาจังในการหาเมียให้ลูกของผู้เป็นภรรยา

อ่านต่อหน้า 3

ฝันเฟื่อง ตอนที่ 3 (ต่อ)

ค่ำนั้นมณฑิรากับภูวเดช เพิ่งทานข้าวที่ร้านอาหารหรูเสร็จ และกำลังเดินจะไปขึ้นรถที่จอดอยู่ริมถนน

“ธุรกิจร้านกาแฟก็น่าสนใจนะครับ ลงทุนไม่ถึง 10 ล้าน หาทำเลเหมาะๆ”
ระหว่างที่ภูวเดชพูด เห็นว่ามณฑิราไม่ได้สนใจฟัง เพราะมัวสนใจร้านที่ขายของข้างทางแถวๆ นั้น
“อย่างแถวนี้ ค่าเช่าที่อย่างมากก็ไม่เกินเดือนละ 5 แสน ค่าดำเนินการต่อเดือนอีกซัก 5 แสน กำไรล้านนึงน่าจะได้นะครับ คุณมณว่าไหมครับ”
มณฑิรามองไปทางร้านค้าร้านหนึ่งพลางถามขึ้น “ขายอะไรเหรอคะ”
ภูวเดชตอบว่า “ขายกาแฟไงครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ มณหมายถึงร้านตรงนั้นที่คนมุงเยอะๆ เค้าขายอะไรคะ”
ภูวเดชเซ็งมองไปยังร้านที่มณฑิรามอง “อ๋อ ขายบะหมี่น่ะครับ”
“วันหลังเรามากินบ้างไหมคะ ท่าทางจะอร่อย คนต่อคิวกันเยอะเลย”
“อย่าเลยครับ มันไม่ได้อร่อยขนาดนั้น ของถูกคนเลยแย่งกันซื้อ ท่าทางจะสกปรกด้วยอยู่ข้างถนน”
มณฑิราไม่พอใจนิดๆ เลยนิ่งไป
ภูวเดชเห็นอาการมณฑิราก็รีบเอาใจ “หรือว่าคุณมณอยากทานบะหมี่ครับ เราบินไปกินที่ฮ่องกงเลยไหมครับ ไปเช้าเย็นกลับ สบายๆ”
มณฑิรายิ้ม ท่าทางเซ็งๆ “ขอบคุณค่ะ มณไม่ได้อยากกินขนาดนั้น”
มณฑิราเดินนำหน้าไป ท่าทางเบื่อๆ เซ็งๆ ภูวเดชรู้ว่ามณฑิราไม่พอใจ
“อ้าวคุณมณ! เดี๋ยวสิครับคุณมณ” เขารีบเดินตามมณฑิราไป

อยู่มาวันหนึ่งภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของสนามบอล ในสปอร์ตคลับแห่งนี้ รัฐรวี อาทิตย์ หมอฉบังกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยพบว่าครึ่งล่างเปลี่ยนเป็นกางเกงฟุตบอลแล้ว และสามหนุ่มกำลังจะสวมเสื้อกันอยู่
ในห้องมีภูวเดชยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ด้วย โดยประตูล็อคเกอร์บังหน้าอยู่
“เอ้อ ไอ้วี น้องฉันจะรับปริญญา แกดูสร้อยเพชรให้ฉันเส้นนึงสิ” หมอฉบังเอ่ยขึ้น
“แกก็ไปที่ร้านสิ ไปหาคุณภัสสร แม่ฉันน่ะเดี๋ยวเค้าดูให้” รัฐรวีหันมาทางอาทิตย์ “ไอ้ทิตย์ เดี๋ยวแกนั่งรอก่อนนะ คนเกินว่ะ”
“ตามสบายครับ ลงไปให้เค้ายิงซัก 4-5 ลูกก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมลงไปยิงคืนให้” อาทิตย์ประชด
“ปากดีเหลือเกิน สนามนี้เค้าเล่นกันจริงจัง” หมอว่า
“คุณหมอครับ นี่ถ้าผมไม่ได้มาทำงานกับคุณวี ป่านนี้เป็นนักบอลทีมชาติไปแล้ว”
ภูวเดชปิดประตูล็อคเกอร์ แล้วหันมาคุยกับหมอฉบัง
“ท่าทางเพื่อนคุณหมอจะเก่งนะครับ”
หมอฉบังทักทาย “สวัสดีครับคุณภู พอดีทีมผมคนขาด ผมก็เลยชวนเพื่อนมาเตะ นี่อาทิตย์
ส่วนนี่รัฐรวี”
ภูวเดชสนใจทันที “รัฐรวี ลูกชายคุณภัสสรใช่ไหมครับ แม่ผมเป็นลูกค้าประจำที่ร้านคุณ”
รัฐรวีรับว่า “ครับ”
“มาใหม่ระวังนิดนึงนะครับ สนามนี้เล่นกันแรง แต่แรงแค่ในเกม”
ภูวเดชมองรัฐรวีนึกแค้นที่จะมาแย่งมณฑิราไปจากเขา

สนามฟุตบอลขนาด 7 คน เล่นของสปอร์ตคลับ รัฐรวี กับหมอฉบังอยู่ทีมเดียวกันกำลังเตะบอลแข่งกับทีมของภูวเดช
อาทิตย์นั่งดูอยู่ข้างสนาม
รัฐรวีกำลังจะกระโดดโหม่งบอล ทันใดนั้นภูวเดชกระโดดแย่งโหม่งแต่กางศอก รัฐรวีร่วงลงไปนอนกับพื้น
อาทิตย์ตกใจ “เฮ้ย”
ภูวเดชอ้างว่า “ลูกกลางอากาศครับ จังหวะมันห้าสิบห้าสิบ”
จากนั้นภูวเดชเดินไปเล่นต่อ หมอฉบังเดินมาช่วยดึงรัฐรวีขึ้น รัฐรวีมองภูวเดชอย่างแค้นเคือง

ถัดมารัฐรวีกำลังจะได้บอล ภูวเดชเข้ามาแย่งบอลจากข้างหลัง รัฐรวีล้มตรงริมสนามใกล้ๆกับที่อาทิตย์นั่งอยู่
อาทิตย์ลุกขึ้นยืนโวย “ฟาล์วครับ”
หมอฉบังเดินเข้ามาโวยภูวเดชเช่นกัน “เข้าแบบนี้เจ็บหนักได้นะครับ”
“บอลมันกีฬาปะทะครับ ถ้ากลัวเจ็บก็อย่ามาเล่น” ภูวเดชเดินหนีไป
อาทิตย์เข้าไปช่วยประคองรัฐรวีขึ้นมา
“ไหวไหมครับคุณวี”
รัฐรวีงงมาก “ยังได้อยู่ แต่เค้าเกลียดอะไรชั้นรึเปล่าวะ ไล่เตะชั้นอยู่คนเดียวเลย”
อาทิตย์มองไปทางภูวเดชอย่างโกรธแค้นแทนนาย แล้วพูดกับหมอฉบัง
“คุณหมอเปลี่ยนตัวกับผมเถอะครับ คนอย่างคุณภูต้องเจอผม”
อาทิตย์แตะมือเปลี่ยนตัวกับหมอฉบัง แล้ววิ่งไปยืนข้างๆ รัฐรวี
รัฐรวีเตือน “เฮ้ย เล่นเซฟๆ ตัวด้วยนะเว้ย”
อาทิตย์ทำเสียงตุ๊ดแตกใส่ “เป็นห่วงเค้าเหรอตะเอง”
รัฐรวีเอาเท้ายันก้นอาทิตย์ด้วยความหมั่นไส้ อาทิตย์เซถลา
กรรมการเป่าเขี่ยบอล อาทิตย์เข้าไปแย่งบอลภูวเดช อาทิตย์ปั๊มแย่งบอลมาได้ แล้วจ่ายส่งให้รัฐรวียิงเข้าประตู
หมอฉบังร้อง “เฮ้”
“เฮ้” อาทิตย์ดีใจวิ่งเข้ามากระโดดเอาอกชนกับรัฐรวี

รัฐรวีกับอาทิตย์เดินผ่านภูวเดช ยักคิ้วให้เป็นเชิงเยาะเย้ย ภูวเดชแค้นจัด

ทีมรัฐรวี กับทีม ภูวเดช เตะบอลอยู่ในสนาม ป้ายบอกสกอร์เป็นสกอร์ 2 : 1 อาทิตย์ยิงเข้าประตูอีก สกอร์เปลี่ยนเป็น 2 : 2

รัฐรวียิงเข้าประตู สกอร์เปลี่ยนเป็น 2 : 3 รัฐรวียิงซ้ำอีกประตู สกอร์เปลี่ยนเป็น 2 : 4 และสุดท้ายสกอร์เปลี่ยนเป็น 2 : 8
กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา ทีมรัฐรวีชนะ

รัฐรวี อาทิตย์ และหมอฉบังดีใจกระโดดตีมือกัน นักบอลทั้งสองทีมเดินมาจับมือกัน รัฐรวีกับอาทิตย์เดินเข้าไปจับมือกับภูวเดช อาทิตย์เยาะเย้ยคืน
“สนามนี้เล่นแรงจริงๆ ด้วยครับคุณภู” เขาตั้งใจด่าว่าเล่นบอลโง่ “แต่มีแต่แรง”
ภูวเดชโกรธ ฮึดฮัดใหญ่ “นี่คุณว่าผมไม่มีสมองเหรอ”
“ไม่เอาครับ อย่าแพ้แล้วพาล บอลมันมีแพ้มีชนะ แพ้บ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินครับ”
อาทิตย์ขำๆเดินแยกไปกับรัฐรวีและหมอฉบัง ภูวเดชฮึดฮัดอยากจะไปเอาเรื่องแต่เพื่อนดึงไว้

ต่อมาหน้าห้อง ตรงเคาน์เตอร์สำหรับรับกุญแจล็อคเกอร์
มีคนที่มาเล่นกีฬาเดินมารับกุญแจจากเคาน์เตอร์ นำเอากุญแจไปเปิดตู้ หยิบผ้าขนหนู แล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไป รัฐรวีถอดเสื้อ อาทิตย์ยังใส่เสื้อกล้าม กำลังเตรียมจะเปลี่ยนไปนุ่งผ้าขนหนูเพื่ออาบน้ำ
หมอฉบังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาหารัฐรวี
“เฮ้ยไอ้วี เดี๋ยวชั้นต้องไปเข้าเวร แกจะไปกับชั้นไหม จะได้ไปเช็คข้อเท้าหน่อย ชั้นว่ามันบวมๆ”
“เฮ้ยไม่เป็นไร ชั้นโอเค แต่ไอ้ภูวเดชมันไล่เตะชั้นทั้งเกมส์ ไม่รู้โกรธเกลียดอะไรชั้นนักหนา”
อาทิตย์เยาะว่า “มันธรรมดาของคนไม่มีน้ำใจนักกีฬาครับคุณวี เตะด้วยกันครั้งเดียวก็รู้ คุณวีทั้งหล่อกว่า เก่งกว่า เท่กว่า ไอ้คุณภูสู้ไม่ได้เลย”
ภูวเดชเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า หน้าตึงไม่พอใจ
“จะนินทาอะไรก็ระวังหน่อยนะครับ ใครได้ยินจะคิดว่าพวกคุณเป็นพวกปากหมา”
รัฐรวีมองหน้าภูวเดช “ไม่คิดว่าพวกผมตั้งใจพูดบ้างเหรอครับ” พูดแล้วยิ่งอารมณ์ขึ้น “ที่คุณเล่นนอกเกมกับผม มีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่า”
ภูวเดชเองก็อารมณ์ขึ้น “แล้วถ้าผมมีล่ะ คุณจะทำไม”
รัฐรวีทำท่าจะเข้าไปเอาเรื่องภูวเดช แต่ภูวเดชเหวี่ยงเสื้อผ้าที่ตัวเองถือมาโยนทิ้งพื้น รัฐรวีกับภูวเดชทำท่าเหมือนจะเข้าไปมีเรื่องกัน

หมอฉบังรีบเข้าไปห้ามภูวเดช อาทิตย์รีบเข้ามากันข้างหน้ารัฐรวีเพื่อปกป้อง
“ผมเองครับคุณวี”
“ผมว่าใจเย็นๆ กันดีกว่าครับ เรายังต้องเล่นกันอีกนาน” หมอหันมาทางรัฐรวีกับอาทิตย์ “ไอ้วี แกกับไอ้ทิตย์ไปอาบน้ำก่อนไป”
รัฐรวีกับอาทิตย์เดินเข้าห้องอาบน้ำไป ภูวเดชมองตามสองหนุ่มอย่างแค้นเคือง

ขณะที่รัฐรวีกับอาทิตย์กำลังอาบน้ำอยู่ห้องติดๆ กัน ทั้งคู่พาดผ้าขนหนูไว้ที่ขอบประตู อาทิตย์ถอดเสื้อกล้ามพาดไว้กับผ้าขนหนู อาทิตย์อาบน้ำไปด้วย แหกปากตะโกนร้องเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข

อาทิตย์ร้องเพลงพี่ป้าง “ตั้งแต่มาเจอเธอเท่านั้น ช่างสุขใจเหลือเกิน ขอร้องให้เธออย่าเมิน ช่วยรักษาใจ...” ท่อนต่อมาเขาดัดเป็นเสียงตั๊กแตน ชลลดา “พี่จ๋า ถ้าพูดจริง น้องก็คงรับได้.. ถ้าไม่ได้มาหลอก น้องก็เต็มใจจะรักกัน” แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงพี่ป้าง “พี่ไม่ได้มาหลอก รักของเราจะคงอยู่แสนนาน...”
รัฐรวีรำคาญ “แกหยุดร้องซะทีได้ไหม”
“แหม จะอารมณ์เสียทำไมครับคุณวี เรื่องไอ้คุณภูก็ช่างมันเถอะครับ”
“ชั้นรำคาญ”
“อาบน้ำนะครับไม่ใช่สวดมนต์จะต้องใช้สมาธิ” อาทิตย์ฮัมทำนองเพลงแทน “ฮื้อฮือฮื๊อฮือฮื่อ”
“ไอ้ทิตย์”
อาทิตย์หยุดฮัมเพลงแต่ผิวปากแทน
ระหว่างที่อาทิตย์ผิวปาก ภูวเดชแอบย่องเข้ามา แล้วหยิบผ้าขนหนูของทั้งรัฐรวีและอาทิตย์ไป โดยเสื้อกล้ามของอาทิตย์ตกอยู่ตรงหน้าประตู
ภูวเดชยิ้มสมใจ แล้วกดสัญญาณเตือนไฟไหม้แถวหน้าประตูห้อง
เสียงสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้น
ภูวเดชกำลังวิ่งออกมา พอผ่านเคาท์เตอร์เห็นกุญแจตู้ผ้าขนหนูวางอยู่ เลยคว้ากุญแจมาแล้ววิ่งออกไป
รัฐรวีตะโกนขึ้น “เฮ้ย ไฟไหม้เว้ยไอ้ทิตย์”
“ไม่เป็นไรครับ เราอยู่กับน้ำ”
รัฐรวีเม้ง “แกเลิกตลกซักแป๊บได้ไหม”
“คุณวีครับ ผ้าเช็ดตัวผมหาย”

“ของชั้นก็หายว่ะ”

ที่ด้านนอกห้องอาบน้ำตอนนี้ พบว่าคนที่อยู่ด้านนอกวิ่งกันโกลาหล เพราะตกใจคิดว่ามีไฟไหม้จริงๆ

รัฐรวีเปิดประตูแง้มมาเห็นเฉพาะหน้า “ถ้างั้นก็ไอ้ภูวเดชแล้วล่ะที่แกล้งพวกเรา”
อาทิตย์เปิดประตูแง้มหน้าออกมา “เจอกันคราวหน้าผมเอาคืนแน่ ว่าแต่เราจะเอายังไงดีครับคุณวี ให้ผมแก้ผ้าเดินไปที่ตู้ล็อกเกอร์ ผมไม่เอานะครับ”
อาทิตย์ก้มลงไปเห็นเสื้อกล้ามของตัวเองตกอยู่หน้าประตู รัฐรวีเห็นพร้อมกันพอดี อาทิตย์ดีใจรีบคว้าเสื้อกล้ามขึ้นมา
“ไอ้ทิตย์ เอาเสื้อมา”
“ของผม”
อาทิตย์รีบสวมเสื้อทันที รัฐรวีเซ็ง
รัฐรวีชะโงกมองไปรอบๆ ห้องน้ำ แล้วเห็นป้ายสีเหลืองระวังพื้นลื่นที่วางแอบอยู่ตรงมุมหนึ่ง
“ไอ้ทิตย์” รัฐรวีบุ้ยหน้าให้อาทิตย์มองตาม
อาทิตย์รู้ว่ารัฐรวีจะให้ทำอะไร เลยส่ายหน้า รัฐรวีพยักหน้าอีก อาทิตย์ก็ส่ายหน้าอีก

อาทิตย์บ่นออกมาว่า
“ถึงผมจะรักคุณวีแค่ไหน ผมก็ไม่ยอมทำอะไรอุบาทว์คนเดียวหรอกครับ”
กลายเป็นว่ารัฐรวีกับอาทิตย์ใช้ป้ายพลาสติกสีเหลืองที่เขียนว่า “ระวังพื้นลื่น” บังช่วงล่างตัวเองอยู่ ในลักษณะที่รัฐรวีถือป้ายบังด้านหน้า อาทิตย์ถือป้ายปิดด้านหลัง
ทั้งสองหนุ่มเดินหันหน้าไปทางเดียวกันและเดินไปพร้อมๆ กัน เพื่อป้ายจะได้บังทั้งด้านหน้าด้านหลัง
รัฐรวีกับอาทิตย์กำลังกระดึ๊บไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจะเอากุญแจที่ล็อคเกอร์ แต่ไม่เห็นกุญแจ
“ไม่มีกุญแจเลยครับคุณวี”
“งั้นลองไปดูที่ตู้ซิ เผื่อจะเปิดได้”
ทั้งสองคนไปที่ตู้ อาทิตย์พยายามเปิดแต่เปิดไม่ได้
อาทิตย์บอก “ล็อกครับ”
รัฐรวีกับอาทิตย์มองหน้ากันว่าเอาไงดี
ถัดมาไม่นานรัฐรวีกับอาทิตย์กำลังเดินเลาะขอบกำแพงด้านหลังห้องน้ำ เพื่อมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถ
“ช้าครับคุณวี ช้าๆ เดี๋ยวอาทิตย์น้อยโผล่”
“แกจะเดินรอให้ใครมาเห็นเหรอ” รัฐรวีหมั่นไส้ปนโมโห
“แต่ถ้าคุณวีเดินเร็ว เค้าเห็นอาทิตย์น้อยของผมแน่ครับ” อาทิตย์ชี้ไปที่มุมหนึ่ง “โน่นกล้องวงจรปิด”
รัฐรวีมองไปเห็นกล้องวงจรปิด ก็รีบเอามืออีกข้างหนึ่งปิดหน้า
“ไม่ทันแล้วครับคุณวี กล้องมันมีตั้งแต่หน้าห้องน้ำแล้ว” รัฐรวีเซ็ง แล้วอาทิตย์นึกได้ “เอ้อ คุณวีครับ ผมลืมบอกไป คุณวิไลลักษณ์กับพี่มณเค้ารับนัดแล้วนะครับ”
รัฐรวีเผลอปล่อยมือ มากำมือดีใจ “เยส”
ป้ายที่รัฐรวีถืออยู่หล่นลงไปกองที่พื้น
สองหนุ่มร้อง “เฮ้ย”
รัฐรวีรีบก้มลงเก็บป้ายมาปิดเหมือนเดิม อาทิตย์เซ็งๆ

รัฐรวีกับอาทิตย์โผล่หน้ามาจากมุมตึก เพื่อเช็คว่ามีใครอยู่ที่ลานจอดรถรึเปล่า
“เอายังไงดีครับคุณวี”
“ลองเดินหาดูก่อน เผื่อว่าเพื่อนชั้นยังอยู่ จะได้ขอเสื้อผ้าจากมัน”
อาทิตย์อึ้ง “เดินหา สภาพนี้น่ะเหรอครับ”
“แกมีวิธีที่ดีกว่านี้มั้ยล่ะ”
“มีครับ ผมรออยู่นี่ คุณวีไปหา”
“เดี๋ยวก็ถีบเลย ไปพร้อมกันนี่แหละ”
รัฐรวีกับอาทิตย์เดินเขยิบๆ ไปพร้อมๆ กัน ทั้งสองคนเดินย่อตัวหลบไปตามรถที่จอดอยู่ เดินเลาะไปเรื่อยๆ
รัฐรวีชะงักเพราะเดินเลี้ยวมาเจอผู้หญิงคนหนึ่งกำลังก้มเก็บของอยู่ที่หลังรถ
พอผู้หญิงเงยหน้ามา เผยให้เห็นว่าเป็นลูกไหม
ลูกไหมเห็นรัฐรวีกับอาทิตย์ที่เปลือยท่อนบนมีแผ่นป้ายบังท่อนล่าง
“คุณวี อ๊าย”
สองหนุ่มตกใจ “ลูกไหม” / “คุณลูกอ๊อด”
ลูกไหมรีบปิดตาแต่ยังร้องกรี๊ดๆๆอยู่
รัฐรวีเลยเอามือปิดปากลูกไหม “หยุดร้องก่อนครับ มันไม่ใช่อย่างที่คุณลูกไหมคิด”
ลูกไหมไม่ฟังที่รัฐรวีพูด ปัดมือรัฐรวีออกแล้วกรี๊ดต่อ
เสียงรปภ.ดังขึ้น “มีอะไรครับคุณ”
รัฐรวี อาทิตย์ตกใจเหลียวมองหน้ากัน
รปภ.วิ่งตรงมาหาลูกไหมที่ปิดตาร้องกรี๊ดอยู่
“มีอะไรครับคุณผู้หญิง”
ลูกไหมเปิดตาออก แต่ไม่เห็นรัฐรวีกับอาทิตย์แล้ว
ที่แท้รัฐรวีกับอาทิตย์ก้มหลบอยู่ข้างรถคันหนึ่ง อีกด้านหนึ่งในลานจอดรถ
“เอาไงต่อครับคุณวี”
รถยนต์คันหนึ่งกำลังถอยเข้ามาจอดไม่ไกลจากตรงที่รัฐรวีกับอาทิตย์แอบอยู่ คนขับลงจากรถ เปิดประตูด้านหลัง หยิบเสื้อกีฬาตัวหนึ่งจากเสื้อหลายตัวที่แขวนไว้มาพาดไหล่ แล้วเดินไปที่กระโปรงหลังรถ หยิบรองเท้าออกมา ก้มลงนั่งเปลี่ยนรองเท้า
รัฐรวีหันไปเห็น แล้วชี้ให้อาทิตย์ดู “ไอ้ทิตย์”

รัฐรวีกับอาทิตย์หันไปมองเสื้อที่แขวนอยู่ในรถของผู้ชายคนนั้น สองนายบ่าวยิ้มดีใจ

ค่ำแล้ว มีรถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดที่ตึกใหญ่บ้านรัฐรวี โดยรัฐรวี อาทิตย์ ในชุดนักบอลที่ไม่เข้าชุดกันเลย ลงมาจากรถแท็กซี่คันนั้น

รัฐรวีบอกกับคนขับแท็กซี่ “พี่รอเดี๋ยวนะครับ เดี๋ยวผมเอาเงินมาให้”
ภัสสรเดินเข้ามา “เอาที่ชั้นนี่แหละ”
รัฐรวีหันมาเจอก็ตกใจ “แม่”

ภัสสรท่าทางโกรธขึ้ง กำลังดุรัฐรวีกับอาทิตย์ที่นั่งจ๋อยๆ อยู่ในห้องรับแขก ท่านนายพลโทรัฐนั่งอยู่ด้วย แม่ชื่นยืนฟังอยู่ใกล้ๆ
“บอกมาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกไหมเค้าถึงได้ไปเห็นเรากับอาทิตย์ในสภาพนั้น”
“คราวที่แล้วที่แกแกล้งเล่นเป็นคู่เกย์กัน ฟังดูก็ยังขำๆ แต่คราวนี้ถึงขนาดแก้ผ้าเดินกลางลานจอดรถ พ่อว่าจะเล่นกันหนักไปแล้วนะ” รัฐเริ่มไม่พอใจ
“พ่อฟังผมอธิบายก่อนครับ คือผมกับไอ้ทิตย์กำลังอาบน้ำอยู่ แล้วมีคนแกล้งมาขโมยผ้าขนหนูพวกผมไป อยู่ๆสัญญาณไฟไหม้มันก็ดัง พวกผมก็เลยต้องเดินออกมาสภาพนั้นหาเสื้อผ้าใส่ แล้วก็เลยออกมาเจอคุณลูกไหมพอดี”
“ใครมันจะเล่นพิเรนทร์ขนาดนั้น” รัฐว่า
“มีแน่นอนครับพ่อ ไม่งั้นผมสองคนไม่เดินออกมาแบบนั้นหรอก” ผู้เป็นลูกชายบอก
อาทิตย์เสริม “จริงๆนะครับคุณท่าน”
แม่ชื่นเอ็ด “ไอ้ทิตย์ แกเงียบไปเลย เดี๋ยวแกกับชั้นไปเคลียร์กันทีหลัง” อาทิตย์ทำหน้าเซ็ง
ภัสสรหันมาทางรัฐรวี “โทษฐานที่เราทำให้แม่เสียชื่อ พรุ่งนี้เราว่างไหม แม่จะนัดเราให้เจอกับหลานสาวคุณหญิงหิรัญญิการ์”
“เอ๊ะ เดี๋ยวคุณ มันเกี่ยวกันยังไง ผิดประเด็นรึเปล่า” ผู้เป็นสามีท้วง
“จริงครับพ่อ” รัฐรวีหันหาภัสสร “แล้วพรุ่งนี้ผมก็ไม่ว่างด้วย ผมมีนัดครับ” เขาหันไปยักคิ้วให้คนรถจอมฝันเฟื่อง อาทิตย์เซ็ง
“ถ้างั้นอาทิตย์หน้าวันเกิดคุณหญิงหิรัญญิการ์ เราต้องไปด้วย งานเค้าเป็นปาร์ตี้แฟนซีหน้ากาก ชั้นสั่งร้านประจำของชั้นให้เค้าเตรียมตัดชุดให้แกแล้ว แกแค่ไปวัดตัวอย่างเดียว คราวนี้แกจะได้เจอหลานคุณหญิงซะที” ภัสสรเห็นรัฐรวีทำท่าจะพูด “แกอย่าเพิ่งโวยวายตาวี คนนี้สวยจริงๆ แกดูรูปเลย” พลางเปิดมือถือเป็นรูปมณฑิราแล้วส่งให้ดู
รัฐรวีผลักคืน “ไม่ต้องครับแม่ รูปในโทรศัพท์เค้าแต่งหลอกกันได้ คราวลูกไหมคงจะใช้ซัก 16 แอพแต่งภาพ แม่ถึงได้ชมนักชมหนาว่าเค้าสวย”
ภัสสรเก็บโทรศัพท์งอนลูกชาย “ไม่ดูก็เรื่องของเรา แต่ยังไงเราก็ต้องไป”
รัฐรวีหันไปขอความช่วยเหลือรัฐ “พ่อครับ”
“พ่อก็ต้องไปลูก” รัฐรวีเซ็ง “งานแฟนซีสวมหน้ากาก พ่อยังนึกไม่ออกเลยว่าจะแต่งเป็นอะไรดี”
“ให้ผมช่วยคิดไหมครับ” อาทิตย์สาระแน
แม่ชื่นดึงหูอาทิตย์ “สะเออะ มานี่เลย พาคุณวีไปทำแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น”
อาทิตย์ร้องน่าหมั่นไส้ “แม่จ๋า หนูเจ็บ”
แม่ชื่นลากอาทิตย์ออกไป

แม่ชื่นดึงหูอาทิตย์เดินเข้ามาในเรือนพัก
“โอ้ยๆๆ แม่ๆๆ ดึงหูอีกข้างแทนได้ไหม มันจะได้ยานเท่ากัน”
แม่ชื่นกระชากหูอีกทีแล้วปล่อย “แกเนี่ยนะไอ้ทิตย์ คุณวีกลับมาจากเมืองนอก คุณท่านอุตส่าห์ฝากฝังให้แกดูแล ดันพาเค้าเสียคน”
“คุณวีอาจจะเสียคนตั้งแต่แคนาดาแล้วก็ได้นะแม่”
แม่ชื่นตีหลังอาทิตย์เผียะ “แกไม่ต้องไปโทษเค้า ชั้นเลี้ยงคุณวีกับแกมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมชั้นจะไม่รู้นิสัยแกกับคุณวี ตอนเด็กๆให้แกไปเรียนว่ายน้ำเป็นเพื่อนคุณวี ดันไปชวนคุณวีดำน้ำเก็บเหรียญ จนเป็นตะคริวเกือบตาย”
“แม่ต้องไปโทษคุณวี ถ้าคุณวีเค้าแข็งแรงพอ เค้าก็ไม่เป็นตะคริวหรอก”
แม่ชื่นไม่รู้จะด่าคำไหน หาของใกล้มือปาใส่อาทิตย์ “ชั้นไม่รู้จะด่าแกยังไงแล้ว”
อาทิตย์หลบพัลวัน “ก็ไม่ต้องด่าสิแม่ แม่ด่าหนูตั้งแต่เล็กจนโตหนูเคยเชื่อแม่ไหม”
แม่ชื่นโกรธทำอะไรไม่ได้ เดินหนีเข้าบ้าน
“อ้าวแม่ แม่”

อาทิตย์เลยได้แต่เซ็ง

อ่านต่อหน้า 4

ฝันเฟื่อง ตอนที่ 3 (ต่อ)

ตอนบ่ายวันนี้ คุณต๋อย กุ๊กกิ๊ก สมจิตยืนอออยู่ด้วยกัน แม่เมียดกับเวกยืนถัดมา วิไลลักษณ์ในชุดคุณหนูเดินออกมาจากบ้าน ไม่เห็นนายวงอยู่ตรงนี้ด้วย เลยเดินเข้าไปหาแม่กับพี่ชาย

วิไลลักษณ์ถามเบาๆ “แล้วพ่อล่ะจ๊ะ”
เวกตอบเบาๆ “พ่อโกรธที่แกจะออกไปเจอผู้ชายน่ะสิ ไม่ยอมคุยกับใครแต่เช้าแล้ว”
วิไลลักษณ์หน้าสลดลง
สมจิตเดินเข้ามาหาวิไลลักษณ์ มองอย่างชื่นชม
“แกแต่งตัวแบบนี้ก็ขึ้นเหมือนกันนะวิไล” วิไลลักษณ์ยิ้ม
คุณต๋อยเดินเข้ามากับกุ๊กกิ๊ก “คนมันเป็นคนใช้ ต่อให้แต่งยังไงมันก็เป็นคนใช้อยู่ดี”
กุ๊กกิ๊กพยักพเยิด “ใช่ค่ะ แล้วดูแต่งหน้าแต่งตาสิ แต่งซะเข้มเชียว” นางชี้ที่ปาก “ปากก็แดงเกิ๊น” แล้วชี้ที่คิ้ว “คิ้วก็ดำปื้ดเลย แต่งแบบนี้เค้าเรียกว่าแต่งไม่เป็น”
มณฑิราใส่ชุดธรรมดาเดินลงมา “วิไลเค้าไม่ได้แต่งเองหรอก ชั้นแต่งให้น่ะ”
กุ๊กกิ๊กเปลี่ยนท่าทีทันที “ถึงว่าสิคะ ดูวิไลสวยกว่าปกติ” รีบยกมือไหว้ “ขอโทษค่ะ” สาวใช้จอมเจ๋อจ๋อยสนิท ไปหลบหลังคุณต๋อย
“คุณมณจะแต่งตัวแบบนี้ออกไปข้างนอกจริงเหรอคะ” คุณต๋อยไม่พอใจ
“ทำไมล่ะจ๊ะ ก็สบายดีออก”
“แต่ดิชั้นว่าไม่เหมาะหรอกค่ะ คุณมณให้วิไลมันไปคนเดียวก็พอ แค่ให้มันยืมเสื้อผ้าข้าวของก็กรุณามากแล้ว” แม่เมียดเกรงใจยกใหญ่
“แม่เมียดไม่อยากให้ชั้นไปช่วยดูคุณอาทิตย์เหรอ ว่าเค้าเป็นคนดีจริงรึเปล่า”
แม่เมียดอึ้งไป หันมาทางลูกสาว
“วิไล แกไม่น่าทำให้คุณมณต้องลำบากขนาดนี้เลย” วิไลลักษณ์ยิ่งจ๋อย
“แต่คุณมณแต่งตัวแบบนี้ออกไป ใครที่รู้จักมาเห็นเข้าเค้าจะเอาไปพูดไม่ดีได้นะครับ” เวกท้วงอีกคน
“เวก ให้ชั้นได้ทำอะไรที่ชั้นอยากทำบ้างเถอะ ถ้าต้องมัวแต่แคร์สายตาคนอื่น ชั้นเหนื่อยแย่เลย” มณฑิราหันมาทางวิไลลักษณ์ “ไปกันได้แล้ววิไล”
เวกเปิดประตูรถด้านหลังให้มณฑิรา วิไลลักษณ์จะเปิดประตูนั่งข้างคนขับ
“นั่งหลังสิจ๊ะวิไล ตอนนี้เธอเป็นคุณหนูวิไลลักษณ์นะ อย่าลืมสิ”
วิไลลักษณ์เครียดเลย “แต่คุณมณคะ”
“พี่มณจ้ะ เร็วเข้าเดี๋ยวจะไม่ทันนัด”
วิไลลักษณ์หน้าเหยเก มองหน้าแม่เมียดอย่างกลัวๆ แล้วขึ้นนั่งที่เบาะหลัง
ส่วนมณฑิราเดินขึ้นไปนั่งข้างคนขับอย่างเบิกบาน อารมณ์ดี เวกขึ้นรถ ขับออกไป

ขณะนั้นแม่ชื่นนั่งปอกสาลี่ใส่จานอยู่ อาทิตย์เดินเข้ามา แม่ชื่นหันมามองอาทิตย์แล้วไม่พูดอะไรหันหน้าหนี ท่าทางโกรธๆ
อาทิตย์เดินมาจะนอนเขลงหนุนตัก แม่ชื่นขยับหนี อาทิตย์หัวโขกพื้น “โอ้ย แม่...” จอมกะล่อนรีบลุกขึ้นมานั่งข้างๆ เอาหัวไถแขนแม่อ้อน “โห แม่ ยังไม่หายโกรธหนูอีกเหรอ”
“เห็นไหม ชั้นถืออะไรอยู่เนี่ย” แม่ชื่นชูมีดปอกผลไม้ในมือให้ดู
“แม่ไม่ทำลูกชายสุดที่รักหลอก หนูรู้”
แม่ชื่นวางมีดเสียงดัง “แกก็รู้นี่ว่าชั้นรัก แล้วทำไมถึงยังทำตัวแบบนี้ ถ้าไม่มีชั้นซักคน ใครจะเอาแกอยู่วะ”
“อ้ะ แม่ดราม่า”
“ชั้นพูดจริงๆ แม่ก็แก่ตัวไปทุกวัน หวังจะพึ่งลูกชายคนเดียว ก็ดูแกสิไอ้ทิตย์ อย่าว่าแต่ชั้นจะพึ่งแกได้เลย แกจะเอาตัวเองรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้”
อาทิตย์จ๋อย “นี่หนูทำให้แม่เป็นห่วงขนาดนี้เลยเหรอ”
“แกโตแล้วนะไอ้ทิตย์ รู้จักคิดอะไรดีๆ ซะบ้าง แล้วเรื่องคุณวีอีก คุณท่านเค้ามีบุญคุณกับเรา เค้าฝากฝังให้เราดูแลลูกชายท่าน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณวี คนที่ต้องเสียใจที่สุดก็คือแกนะไอ้ทิตย์”

อาทิตย์คิดเครียด เอนหัวซบไหล่แม่ แม่ชื่นลูบๆ หัวลูกชายอย่างแสนรัก

บ่ายคล้อยรัฐรวีในชุดคนขับรถเดินมากับอาทิตย์ที่แต่งตัวเท่ จะมารอเจอมณฑากับวิไลลักษณ์

เดินๆ อยู่อาทิตย์ชะงัก แล้วดึงมือรัฐรวีจะให้เดินกลับ “คุณวี ผมว่าคุณวีกลับเถอะครับ”
รัฐรวีดึงมือออก “แกจะให้ชั้นกลับไปไหน”
“ไปไหนก็ได้ครับ ที่ไม่ต้องเจอกับพี่มณ ขืนคุณท่านรู้ว่าผมพาคุณวีมาจีบคนใช้ คุณท่านเอาผมตายแน่” รัฐรวีไม่ฟังจะเดินไป อาทิตย์วิ่งไปดักหน้าแล้วยกมือไหว้ “ผมไหว้ล่ะครับ”
เสียงวิไลลักษณ์ดังขึ้น “คุณอาทิตย์คะ”
รัฐรวีกับอาทิตย์หันไปมอง เห็นมณฑิรากับวิไลลักษณ์ยืนจ้องอยู่
อาทิตย์ดีใจ “คุณวิไลลักษณ์”
วิไลลักษณ์ถามทันที “กำลังทำอะไรอยู่คะ”
อาทิตย์เห็นท่าตัวเองที่กำลังยกมือไหว้รัฐรวีอยู่ เลยรีบแถ
“อ๋อ ผมกำลังสอนนายวีเล่นกล้ามอกน่ะครับ” เขาทำท่าประกอบ “ประกบมือแล้วดันมือเข้าหากันแบบนี้” แล้วเอามือตีหน้าอกรัฐรวี “ฝึกไว้ จะได้แข็งแรงเหมือนชั้น”
รัฐรวีเซ็ง แล้วหันไปยิ้มร่าทักมณฑิรา
“อ้าว คุณมณมาด้วยเหรอครับเนี่ย ดีเลยครับ ผมจะได้มีคนเดินเป็นเพื่อนผม”
มณฑิราบอกอย่างถือตัวว่า “ชั้นมาเดินเป็นเพื่อนคุณหนู”
วิไลลักษณ์ไม่พอใจมาก “นายวี พี่มณเป็นเหมือนพี่สาวชั้น นายจะพูดจาอะไรก็ให้เกียรติกันบ้าง”
“ผมขอโทษแทนไอ้วีด้วยแล้วกันครับ”

รัฐรวีแกล้งทำเป็นจ๋อย แล้วแอบยักคิ้ว ยิ้มยั่วมณฑิรา มณฑิราแค้นทำอะไรไม่ได้

มณฑิรา และวิไลลักษณ์ยืนรอรัฐรวีกับอาทิตย์ที่ซื้อตั๋วอยู่ รัฐรวีเหลือบมองมณฑิรากับวิไลลักษณ์แล้วหันมาคุยกับอาทิตย์

“เดี๋ยวแกดูหนังกับคุณวิไลลักษณ์สองคนนะ” รัฐรวีว่า
“อ้าว แล้วคุณวีไม่เข้าไปดูด้วยกันเหรอครับ”
“ไม่อ่ะ ชั้นอยากคุยกับคุณมณมากกว่า เข้าไปในโรงหนังแล้วมันไม่ได้คุยกัน”
อาทิตย์จะห้าม “คุณวีครับ แต่ผมว่า” รัฐรวีเดินหนีไปหามณฑิรา อาทิตย์ได้แต่เรียกเบาๆ “คุณวีๆ”

อาทิตย์อึดอัด ลำบากใจที่ห้ามเจ้านายไม่ได้

รัฐรวีกับอาทิตย์เดินกลับมาหามณฑิรากับวิไลลักษณ์

“แย่จังเลยครับ เรามาสายตั๋วเลยเต็มหมดแล้ว เหลือตั๋วแค่สองใบเองครับ”
“ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวชั้นดูกับพี่มณ” วิไลลักษณ์บอก
อาทิตย์เหวอ “ฮื้อ แล้วผมล่ะครับ ผมอุตส่าห์ชวนคุณวิไลลักษณ์ออกมานะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณหนู คุณหนูเข้าไปดูกับคุณอาทิตย์เถอะ เดี๋ยวมณรออยู่แถวนี้”
รัฐรวีสบโอกาส “รีบไปเถอะครับคุณอาทิตย์ เดี๋ยวดูหนังตัวอย่างไม่ทันนะครับ”
วิไลลักษณ์มองมณฑิราทั้งห่วงทั้งกังวล เพราะไม่อยากปล่อยให้อยู่กับรัฐรวีตามลำพัง
มณฑิราโบกมือว่าไม่เป็นไร วิไลลักษณ์เลยจำใจเดินไปกับอาทิตย์
มณฑิราหันมาเจอว่ารัฐรวีกำลังมองมาทางตัวเองยิ้มๆ อยู่
“ยิ้มอะไรของนาย”
รัฐรวียิ้มกริ่ม “ดีใจที่คุณอยากอยู่กับผมสองต่อสอง”
มณฑิราค้อน “ขี้ตู่”
“อ้าว ถ้าคุณไม่อยากอยู่กับผม คุณก็เข้าไปดูหนังแล้วสิ”
มณฑิราแค้นเถียงไม่ออกเลยเดินหนีไป
รัฐรวียิ้มขำ “เดี๋ยวสิครับคุณมณ” แล้วรีบเดินตามมณฑิราไป

มณฑิราเดินมาตามทางเดินในห้าง รัฐรวีพยายามเดินตามยิ้มเบิกบาน
มณฑิราหันมาไล่ “นายจะไปเดินที่ไหนก็ไปสิ”
“เดินไปไหนก็ได้ใช่ไหมครับ”
“ใช่สิ”
“งั้นผมก็เดินตามคุณ”
มณฑิราโมโห เดินหนีเข้าร้านหนังสือ รัฐรวีตามเข้าไป

ด้านอาทิตย์นั่งดูหนังข้างๆ วิไลลักษณ์ ในโรงมีคนดูหรอมแหรม วิไลลักษณ์หันไปมองรอบโรงแล้วหันมาโวยอาทิตย์
“ที่ว่างตั้งเยอะ ทำไมเมื่อกี๊เราไม่ซื้อตั๋วให้พี่มณเข้ามาดูด้วยกันล่ะคะ”
“ผมจะซื้ออยู่แล้วครับ แต่คนขายตั๋วเค้าบอกว่ามันเต็ม เดี๋ยวต้องออกไปเอาเรื่องซักหน่อยแล้ว”
วิไลลักษณ์ดึงอาทิตย์ไว้ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วิไลลักษณ์แค่เป็นห่วงพี่มณ”
อาทิตย์ไม่ต้องห่วงหรอกครับ อยู่กับนายวีสบาย วิไลลักษณ์หันมองระแวง อาทิตย์รีบแก้ให้

“ไว้ใจได้ครับ หนังตัวอย่างมาแล้วครับ”

ส่วนร้านหนังสือในห้าง มณฑิรายืนเลือกหนังสือ รัฐรวีแกล้งไปโผล่หน้าตามช่องหนังสือที่ว่าง มณฑิราเซ็งเดินหนี รัฐรวียิ้มขำตามไป

ต่อมามณฑิราหยิบหนังสือขึ้นมาแกล้งอ่านบังหน้าตัวเอง รัฐรวีตามมาสะกิด
“อย่ากวนได้ไหม ฉันจะอ่านหนังสือ”
รัฐรวีชี้หน้าปกหนังสือที่มณฑิราถืออยู่ “เล่มนี้เหรอครับ”
มณฑิราพลิกหน้าปกดูเห็นเป็น ATTITUDE ที่หน้าปกเป็นรูปผู้ชายยืนโชว์หุ่นอยู่ มณฑิราสะดุ้งรีบวางคืน
“คุณจะซื้อหนังสือเล่มไหนไหม ถ้าไม่ซื้อรีบไปเหอะ ผมหิวแล้ว”
“นายหิวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับชั้น กระเพาะเราไม่ได้ติดกันซักหน่อย”
“ก็ผมกินข้าวไม่ลงนี่ครับ ถ้าไม่ได้เห็นหน้าคุณ”
มณฑิราด่า “ทะลึ่ง”
“ทะลึ่งอีกแล้ว ถ้าวันไหนคุณไม่ได้ด่าผม คุณจะนอนไม่หลับใช่ไหมครับ”
“แล้วถ้านายไม่โดนฉันด่า นายก็จะนอนไม่หลับใช่ไหม”
“ครับ เพราะอย่างนี้ไงครับ เราถึงต้องมาเจอกันทุกวัน” มณฑิราเซ็ง รัฐรวีหลุดปากถามว่า “กินอะไรดีครับ ที่นี่อาหารฝรั่งเศสอร่อยมาก”
มณฑิราฉงน “อาหารฝรั่งเศส นายกินเป็นเหรอ”
รัฐรวีนึกได้ “คุณอาทิตย์เคยพาผมมากินครับ”
มณฑิรายิ้มท้าทาย “แล้วถ้าชั้นอยากกินจริงๆ นายมีเงินจ่ายไหม”
รัฐรวียิ้มกริ่ม

สุดท้ายรัฐรวีพามณฑิราเดินมาหยุดอยู่ร้านชายสี่หมี่เกี๊ยว ตรงฟุตบาทหน้าห้าง
“นี่ครับ ร้านอาหารฝรั่งเศสของผม”
มณฑิราอึ้ง หันไปมองรัฐรวี “นายจะให้ชั้นกินที่นี่จริงๆ เหรอ”
“ทำไมล่ะครับ นี่แหละครับ ฝรั่งเศสแท้ๆ แป้งที่เอามาทำเส้นเนี่ย มาจากโรงงานใต้หอไอเฟล แล้วหมูเนี่ย ตอนที่โดนเชือด ไม่ได้ร้องอู๊ดๆ นะครับ ร้องบ่องชู๊ บ่องชู๊”
“ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณขนาดนั้นหรอก ไปเร็ว เดี๋ยวไม่มีที่นั่ง”
มณฑิรารีบเดินเข้าร้าน รัฐรวีเดินตาม

รัฐรวีกับมณฑิรานั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว มณฑิรามองไปที่คนทำก๋วยเตี๋ยว เด็กเสิร์ฟเดินมารับออเดอร์
“เอาอะไรดีครับ”
มณฑิราบอกว่า “เอาทุกอย่างที่มีเลยค่ะ”
รัฐรวีตกใจ “ห๊ะ”
“ก็ชั้นหิวน่ะ”
รัฐรวีบอกกับเด็กเสิร์ฟ “งั้นของผมเอาบะหมี่เกี๊ยวแห้ง”
เด็กเสิร์ฟเดินไป
“ที่คุณสั่งไปน่ะมันเยอะนะ คุณจะกินหมดเหรอ”
“ไม่รู้น่ะ ก็ชั้นอยากกิน”
“คุณเอาแต่ใจขนาดนี้ เป็นคุณหนูหรือเป็นแม่บ้านเนี่ย” รัฐรวียิ้มยั่ว
มณฑิราตัดบท “พูดมาก นายไปหยิบน้ำให้ชั้นไป ชั้นเอาน้ำเปล่านะ”
รัฐรวียิ้มขำ แล้วลุกไป

คุณหนูไฮโซในคราบสาวใช้ยิ้มเบิกบานใจ เหลียวมองบรรยากาศข้างทาง มีความสุขเป็นที่สุด ที่จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ

อ่านต่อตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น