ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 3
ซันเข้ามาบ่นอยู่ในห้องน้ำอยู่คนเดียวด้วยความรู้สึกทั้งเศร้า ทั้งหงุดหงิด
"นี่มันเป็นวันโลกามหาวินาศของฉันรึไงเนี่ย...ผู้ชายกำลังจะแต่งงาน แถมคู่แข่งตลอดกาลอย่างยัยแพทก็กลับมาวันเดียวกันซะอีก โฮ้ย"
พอซันไม่อยู่ที่โต๊ะแพทกับสุธีร์ก็เริ่มเม้า
"นี่สุธีร์ หล่อนทำงานที่เดียวกับซันไม่ใช่เหรอ" แพทถาม
"ใช่ แต่อย่าไปเปรียบกันเลย นางน่ะระดับกรุ๊ปเฮด ฉันมันแค่ครีเอทีฟปลายแถว จะไปเทียบรัศมีนางได้ยังไง รายนั้นน่ะหล่อนกำลังปีนป่ายตะกายดาว อยากจะเป็นไดเร็คเตอร์จนตัวสั่น" สุธีร์หันไปมองวุธ "จันทร์นี้เอาให้อยู่นะวุธ ไม่งั้นยัยซันได้เหยียบหัวเพื่อนขึ้นไปเป็นไดเรคเตอร์แน่"
"เธอก็พูดเกินไป"
"หมายความว่าไงเหรอ ใครจะเหยียบใครเป็นไดเรคเตอร์" จ๋าถาม
"อ้าว วุธไม่ได้บอกเธอหรือจ๋า จันทร์นี้ซันกับวุธเขาต้องแข่งกันขายงาน มีตำแหน่งมาร์เก็ตติ้งไดเร็คเตอร์เป็นเดิมพัน ใครชนะจะได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ที่แผนกตอนนี้ทุกคนเชียร์วุธกันทั้งนั้น ไม่มีใครเขาอยากได้ยัยซันเป็นหัวหน้าหรอก เขาเบื่อนางกันทั้งออฟฟิศ" สุธีร์ว่า
"พอเถอะธีร์ จะเอาเรื่องงานมาพูดให้เพื่อนดูแย่ทำไม ซันเขาก็แค่จริงจังกับงาน ไม่ถึงขนาดที่เธอว่า"
"นั่นสิ วันนี้อุตส่าห์ได้มากินข้าวด้วยกันทั้งทีนะ พอเถอะ" จ๋าบอก
ทุกคนเงียบไปทันที สุธีร์ต้องสงบปากคำอย่างเสียไม่ได้ ส่วนแพทก็กำลังประเมินสถานการณ์อยู่ในใจ
วุธเข้ามาในห้องน้ำชายโดยยืนล้างมืออยู่ที่อ่างล้างหน้า เขามองสะท้อนกระจกไปทางโถปัสสาวะที่เรียงกันอยู่ ก็เห็นหนุ่มน้อยคนหนึ่งยืนฉี่อยู่ ที่โถข้างๆหนุ่มน้อย มีชายหนุ่มหน้าตาดีท่าทางเพลย์บอยกำลังยืนฉี่อยู่ข้างๆ ชายคนนั้นพยายามชะเง้อมองจุดสงวนของหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ วุธที่เห็นเหตุการณ์รู้สึกแปลกๆ หนุ่มน้อยมีท่าทีสยองต่อสายตาของชายคนนั้นจึงรีบรูดซิบกางเกงแล้วไปล้างมือที่อ่างล้างหน้าก่อนจะรีบเดินออกไปเลย
ชายคนนั้นมาล้างมือที่อ่างข้างๆ วุธแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายิ้มให้วุธแต่วุธยิ้มไม่ออก วุธรีบเดินออกจากห้องน้ำแล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง
"อะไรของเขาวะ"
ช่วงเวลาอาหารและการพูดคุยดำเนินไปเรื่อยๆ ทุกคนพูดคุยกันเสียงดังจอแจ ซันกลับมานั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว
"แพท เธอกลับมาจากอเมริกาแล้ว มีแผนจะทำอะไรต่อ" สุธีร์ถาม
"ระดับนี้แล้ว ไม่ต้องวางแผนหรอจ้ะ พอกลับมาปุ๊บก็มีบริษัทเรียกตัวเข้าทำงานเลย" แพทบอก
"ต๊าย เริ่ดอ่ะ งานอะไร"
"งานเอเจนซี่โฆษณาเหมือนเธอนั่นแหละ แต่ของเราดูและแผนกมีเดีย ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนะก็แค่...คุมแผนกมีเดียแพลนเนอร์ทั้งหมด แล้วเธอล่ะซัน ทำอะไร"
"เราดูเรื่องการวางแผนการตลาดกับสร้างแบรนดิ้ง" ซันบอก
"ไม่น่าเชื่อนะ ว่าเธอจะมาได้ไกลแบบนี้ ทั้งที่ตอนเรียนที่คณะ เธอก็ดู...แบบ..ธรรมดาๆ"
"ธรรมดาหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่เธอคงจำได้ว่าตอนเราแข่งกันสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษ ฉันเป็นคนที่ได้ทุนนั้น" ซันเกทับ
แพทเสียหน้าไป แต่ก็พยายามปรับสีหน้าเชิดกลับมาอย่างรวดเร็ว "โอ้ย เรื่องทุนนั้นน่ะเหรอ ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย ฉันลืมไปแล้วด้วยซ้ำ อย่างฉันน่ะจะไปเรียนต่อที่ไหนก็สบายอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องง้อทุนให้เสียเวลา"
ซันยิ้มเยาะที่มุมปากเพราะรู้ว่าแพทเป็นพวกองุ่นเปรี้ยว
"แต่นั่นมันก็เรื่องในอดีต จะเก่งจริงหรือไม่จริงมันต้องวัดกันที่ปัจจุบัน เราลองมาทดสอบกันไหม" แพทถาม
"ว่ามาเลย ฉันพร้อมเสมอ" ซันบอก
แพทมองไปรอบๆร้านแล้ววางแผน เธอเห็นชายซึ่งเป็นคนเดียวกับที่วุธเจอในห้องน้ำเดินมานั่งที่โต๊ะกับเพื่อนนักธุรกิจ แพทพยักเพยิดให้ไปที่ชายคนนั้นแล้วเอาปากกาหนึ่งด้ามออกมาจากกระเป๋าถือ
"เห็นผู้ชายคนนั้นไหม ถ้าเธอขายปากกาด้ามนี้ให้ผู้ชายคนนั้นได้ ฉันจะยอมรับว่าเธอเก่งจริง"
"เธอแน่ใจนะ" ซันถาม
"ทำไม กลัวแพ้เหรอ"
"ฉันไม่ได้กลัวแพ้ ฉันกลัวว่าถ้าฉันชนะแล้วจะทำให้เธอผิดหวังอีกครั้งต่างหากล่ะ"
ซันทำท่าจะเดินจะเดินออกไป แต่แพทพูดออกมา
"อีกอย่างนึง ปากกาแท่งนี้ราคาห้าร้อยบาท เธอต้องขายให้ได้ราคานั้น"
เพื่อนๆบางคนตกใจแล้วก็ซุบซิบกัน
"เฮ้ย ปากกาใช้แล้ว ราคาห้าร้อย ใครจะไปซื้อวะแก..” เพื่อนคนหนึ่งท้วง
ซันนิ่งมากและมีท่าทางมั่นใจ
วุธกลับมาจากห้องน้ำพอดี เขามองตามซันที่ตรงไปหาชายคนนั้น วุธเห็นก็จำหน้าผู้ชายคนเดิมในห้องน้ำได้
ซันเดินมาที่โต๊ะของชายคนนั้นซึ่งนั่งอยู่กับเพื่อนๆ ทุกคนมีลักษณะเหมือนผู้ชายเจ้าชู้ ดูเหมือนเพลย์บอย
ซันเอ่ยปากขายของตามคำท้าทันที
"สนใจซื้อปากกาไหมคะ"
"ปากกาอะไรครับ" ชายคนหนึ่งถาม
"ปากกาธรรมดาค่ะ" ซันตอบ
"แท่งเท่าไหร่ครับ"
"ห้าร้อยบาทค่ะ"
ชายคนนั้นทั้งขำทั้งงง "โห แพงไปไหมคุณ"
"ไม่แพงหรอกค่ะ เทียบกับสิ่งที่คุณจะได้จากปากกาแท่งนี้" ซันบอก
"แล้วผมจะได้อะไร"
"ได้บัตรกินกาแฟที่สตาร์บัค มูลค่าหนึ่งพันบาทเป็นของแถม"
ซันควักบัตรวอยเชอร์ร้านกาแฟออกมาจากกระเป๋าแล้วโชว์ให้ดู"
"เท่ากับว่าผมจ่ายห้าร้อย แต่ได้บัตรกินกาแฟพันนึง แล้วก็ได้ปากกาอีก" ชายคนนั้นสรุป
ซันพยักหน้าประมาณว่าเขาเข้าใจถูกต้องแล้ว
"ไม่มีอะไรจะคุ้มกว่านี้แล้วล่ะคุณ" ซันบอก
ชายคนนั้นแสดงท่าทีสนใจในข้อเสนอ
"เดี๋ยวนะ ผมงง แล้วคุณจะได้อะไร" ชายคนเดิมถาม
"ฉันก็ได้ขายปากกาไง" ซันเหลือบไปมองแพทแล้วยิ้มเยาะๆ "ยังไงฉันก็ไม่ขาดทุนอยู่แล้ว เพราะฉันได้มาบัตรมาฟรีจากลูกค้า"
แพทเห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้ามาแทรกก่อนที่ชายคนนั้นจะตกลงซื้อปากกาของซัน แพทมีปากกาอีกด้ามหนึ่งในมือ
"ถ้าสนใจปากกา ลองดูแท่งนี้ดีกว่าไหมคะ" แพทบอก
ทุกคนหันไปมองแพท แพททำตัวให้ดูเซ็กซี่สุดๆ ชายคนนั้นรู้แล้วว่าสองสาวเล่มเกมกัน เขาชักจะรู้สึกนึกสนุก
"ปากกาของคุณดีกว่ายังไง"
"หมึกของฉันดีกว่า ถ้าไม่เชื่อ... ขอมือหน่อยสิคะ" แพทว่า
ชายคนนั้นยื่นมือให้ แพทจับมือชายหนุ่มไว้อย่างยั่วยวน แล้วแพทก็เขียนเบอร์โทรศัพท์ตัวเองลงไปที่ฝ่ามือชายหนุ่มลงชื่อว่า"แพท" ชายคนนั้นยิ้มพอใจ
ระหว่างนั้น วุธก็เข้ามาดึงตัวซันไปคุยกันสองคน
"ซัน เราว่าผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็นเกย์นะ" วุธบอก
"ฉันว่านายไปตรวจสายตาดีกว่าวุธ ดูสิ..เขาเคลิบเคลิ้มกับยัยแพทซะขนาดนั้น จะเป็นเกย์ไปได้ยังไง ท่าทางก็ไม่เหมือนเลยสักนิด" ซันบอก
แต่แล้วซันก็สังเกตเห็นว่าชายคนนั้นใส่ตุ้มหูเล็กๆที่ข้างขวาข้างเดียว
"ซื้อปากกาด้ามนั้นก็ได้แค่วอยเชอร์กินกาแฟ แต่ถ้าซื้อปากกาด้ามนี้ อาจมีอะไรดีๆ กว่านั้นรออยู่นะ"
"เอาล่ะ ผมตัดสินใจแล้ว ผมว่าผมจะซื้อปากกาของคุณแพท" ชายคนนั้นสรุป
"เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันมีข้อเสนอใหม่ คราวนี้ฉันมีของแถม ซื้อปากกาด้ามนี้ได้หอมแก้มผู้ชายคนนี้ฟรีหนึ่งฟอด"
พูดจบซันก็ดึงตัววุธเข้ามายืนข้างๆ
"เฮ้ย คุณ ข้อเสนอบ้าอะไรของคุณเนี่ย ผมไม่...." ชายคนนั้นเห็นวุธแล้วก็ตาค้าง หยุดชะงัก
ชายคนนั้นมองวุธกับแพทสลับกันไปมา แล้วในที่สุดชายคนนั้นก็มองวุธแล้วหลุดปากออกมา
"น่ารักอ่ะ"
ทุกคนวงแตกที่เกมพลิกซะงั้น
"โอเค ผมจะซื้อปากกาคุณ วอยเชอร์ไม่เอาละ จะเอาหอมแก้ม"
ซันชนะจึงยิ้มเย้ยแพท ยิ้มกับชัยชนะของตัวเอง แพทโมโหและแค้นใจ แต่วุธเซ็ง
ชายคนเดิมยืนเคียงข้างวุธอย่างปลาบปลื้ม เขายื่นปากไปที่แก้มพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ไปเพื่อถ่ายรูปตัวเองกับวุธ
หนึ่ง สอง...”
ชายคนนั้นจุ๊บแก้มวุธพร้อมกับบันทึกภาพไว้ แชะ! วุธยืนหน้าตายอย่างเซ็งๆ แต่ก็ยอมแต่โดยดี
งานเลี้ยงเลิก เพื่อนๆแยกย้ายกันออกมาจากร้าน ซันกับวุธยืนคุยกันอยู่ข้างรถซันที่อยู่ที่จอดรถ ซันเตรียมขับรถกลับบ้าน
"ใครขอให้นายช่วยฉัน" ซันว่า
"อ้าว ผิดอีก" วุธเซ็ง
"ใช่ ผิด งานนี้มันเป็นเรื่องของฉันกับแพท นายมาเกี่ยวอะไรด้วย"
"เฮ้ย ใจเย็นๆ นี่เธอเป็นฝ่ายชนะนะ ไม่ดีใจหรือไง"
"ชนะเพราะมีนายช่วยเนี่ย นายคิดว่าฉันควรจะภูมิใจเหรอ ถึงนายไม่ช่วย ยังไงฉันก็ต้องขายปากกาให้นายนั่นได้อยู่แล้ว ทีหลังนายไม่ต้องยุ่งได้ไหม"
ซันพูดแล้วก็ขึ้นรถขับออกไปทันที วุธมองไปตามเศร้าๆ แพท จ๋า และสุธีร์ที่เพิ่งออกมาจากร้านยืนมองวุธกับซันอยู่ไกลๆ
"ซันกับวุธนี่เขาก็ยังสนิทกันเหมือนเดิมนะ" แพทเปรยออกมา
จ๋าตอบซื่อๆ "ใช่จ้ะ คู่นี้น่ะนะ เดี๋ยวก็ดีกัน เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน เคยเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้นนะ ไม่เคยเปลี่ยน"
แพทกับสุธีร์มองหน้ากันด้วยความสงสัยอะไรอะไรบางอย่าง จ๋าเห็นวุธเดินไปที่รถแล้วจึงบอกลาเพื่อนๆ
"งั้นจ๋ากลับก่อนนะ แล้วเจอกัน "
จ๋าโบกมือลาสุธีร์กับแพท แล้วเดินไปหาวุธที่รถ แพทหันมาถามสุธีร์
"หล่อนคิดเหมือนฉันหรือเปล่าธีร์" แพทถาม
"บอกตรงๆนะ ฉันสงสัยเรื่องสองคนนี้มานานแล้ว" สุธีร์ว่า
วินกับอ้อมนั่งดูทีวีอยู่ในห้อง วินมีท่าทางสบายๆ แต่อ้อมกังวลใจ
"วิน ถามจริงๆนะ ตัววินเองน่ะอยากมีลูกหรือเปล่า"
"วินก็ยังไม่ได้คิดเรื่องลูกนะ มีก็ได้ ไม่มีก็ได้"
"แต่หม่าม๊ากำลังบังคับให้อ้อมมีลูกให้ได้ นี่อ้อมจะทำยังไงดี"
"รู้ไหมเทคนิคการทำให้มีลูกน่ะ ง่ายนิดเดียว" วินบอก
"ยังไง" อ้อมงง
"ก็ต้องเริ่มกันเลยสิ"
"เริ่มอะไร"
"ก็ปฏิบัติการขั้นแรกของการมีลูกไง"
วินเริ่มมองอ้อมด้วยสายตาหวานซึ้งแล้วก็รุกเข้าไปใกล้อ้อมมากขึ้น อ้อมรู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"ดะ เดี๋ยวก่อนนะวิน อ้อมยังไม่ได้ตั้งตัวเลย ขอเวลาห้านาที"
อ้อมรีบลุกขึ้นเลี่ยงไปห้องน้ำทันที วินมองตามไปอย่างงงๆ
อ้อมยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำด้วยท่าทีตื่นเต้นกระวนกระวาย เธอหยิบโทรศัพท์กดโทรหาศศิ รอสักพักศศิก็รับสาย
อ้อมมีน้ำเสียงร้อนรน "พี่ศิ...”
ศศิพูดโทรศัพท์กับอ้อม
"อะไรของแกน่ะอ้อม ทำเสียงซะตื่นเต้นเชียว"
"อ้อมกำลังเข้าหอแล้ว" อ้อมบอก
"เข้าหอก็เข้าไปสิ นี่หล่อนจะโจ๊ะกับสามี ยังต้องโทรหาพี่ก่อนเนี่ยนะ"
"ก็มันไม่มั่นใจอ่ะพี่ศิ นี่อ้อมต้องทำยังไงบ้าง"
"ก็ทำไปตามธรรมชาติ เหมือนที่เคยทำนั่นแหละ"
"แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน นี่มันครั้งแรกหลังจากแต่งงานนะ อ้อมอยากให้วินประทับใจ"
"โอเค งั้นแกต้องดูดี ดูเซ็กซี่แสนซน ต้องหอมหวานไปทั้งตัว จิกตาให้ยั่วยวนนิดๆ แต่อย่าใส่จริตจะก้านมากไป เดี๋ยวเข้าจะว่าเจนสนาม"
"โอเค"
"แล้วชุดที่ให้ไปเป็นของขวัญวันแต่งงานน่ะ ยังอยู่ไหม" ศศิถาม
อ้อมมองไปที่ชุดนอนเซ็กซี่ที่แขวนอยู่ "อยู่"
"ใส่ซะ! รับรอง... อยู่หมัด" ศศิแนะนำ
อ้อมตื่นเต้นสุดๆ เธอวางสายจากศศิแล้วก็รีบสำรวจตัวเองโดยการยกรักแร้ขึ้นดูแล้วก็ดม ก่อนจะทาลูกกลิ้ง ปะพรมน้ำหอม บ้วนน้ำยาบ้วนปากแล้วเป่าลมสำรวจกลิ่นปากตัวเอง
วินกดรีโมททีวีเปลี่ยนช่องรออ้อมจนเบื่อ สักพักเขาก็ปิดทีวีอ่านหนังสือรอจนเซ็ง วินเดินไปเดินมาจนสุดจะทน ในที่สุดเขาก็เคาะประตูห้องน้ำ
"อ้อม นี่นังไม่เสร็จอีกหรือจ๊ะ"
เสียงอ้อมดังออกมา "เดี๋ยวจ้า แป๊บนึง"
อ้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเซ็กซี่เรียบร้อยแล้ว เธอกำลังจัดแต่งชุดให้เข้าที่ ยีหัวให้ฟูเล็กน้อยเพื่อความเซ็กซี่พองาม ฝึกจิกตาให้ดูยั่วยวนเพียงเล็กน้อย แล้วอ้อมก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา
"พร้อมแล้วจ้ะ.....”
แต่แล้วอ้อมก็ต้องชะงักและยิ้มค้าง เพราะเห็นวินกำลังคุยโทรศัพท์
"ตอนนี้คนไข้อยู่ในห้องไอซียูแล้วใช่ไหม อาการล่าสุดเป็นยังไงบ้าง ...โอเค เข้าใจ ผมว่ากรณีแบบนี้เราผ่าตัดด้วยกล้องน่าจะดีกว่านะ"
อ้อมถอนหายใจเพราะคิดว่าคงแห้วอีกตามเคย วินวางสายแล้วหันมาเห็นอ้อมพอดี เขาเข้ามากอดจากทางด้านหลัง
"อ้อมสวยจังเลย" วินชม
"วินต้องไปอีกแล้วใช่ไหม" อ้อมถาม
"วินจะไปไหนได้ยังไงล่ะ เมียแต่งตัวสวยรออยู่ตรงนี้ทั้งคน โทรศัพท์เมื่อกี๊หมอเอนกเขาแค่โทรมาปรึกษาเรื่องผ่าตัดวันพรุ่งนี้น่ะ"
อ้อมยิ้มออก วินอุ้มช้อนตัวอ้อมขึ้นมาแล้วพาไปที่เตียง
"คืนนี้ใครจะเอาช้างมาลากไปไหนวินก็ไม่ไปทั้งนั้น วินจะเป็นของอ้อมคนเดียว"
วินกับอ้อมล้มตัวลงนอน ทั้งสองส่งเสียงหัวเราะกุ๊กกิ๊กด้วยกัน
อ้อมนั่งหน้าใส อมยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีความสุขจนจูดี้และกลุ่มเพื่อนสาวสังเกตเห็น
"หน้าใสเชียวนะน้องอ้อม โจ๊ะพรึ่มๆไปแล้วชิมิ"
อ้อมพยักหน้ารับยิ้มๆ
"ปฏิบัติการการมีลูกของพี่อ้อมเริ่มขึ้นแล้วล่ะสิเนี่ย" เจนพูด
"การไม่มีลูกเป็นลาภอันประเสริฐ มีชีวิตอิสระสบายๆแบบนี้ก็ดีกันอยู่แล้ว หาเรื่องใส่ตัวไปทำไม๊ยัยอ้อม" ศศิว่า
"แหมพี่ศิ... พูดแบบนี้ แต่ก็ลูกสองแล้วนะพี่ศิน่ะ" ซันแย้ง
"เพราะมีลูกสองไง ฉันถึงได้เข้าใจสัจธรรม ถ้าเลือกได้ ฉันก็ไม่รีบมีหรอก จะใช้ชีวิตโสดซะให้คุ้มก่อน" ศศิบอก
"จริงๆอ้อมก็ไม่อยากมีหรอกนะพี่ศิ แต่มันจำเป็น นี่ถ้าแม่วินไม่เอาเรื่องกลับไปอยู่บ้านมาขู่ล่ะก็ อ้อมก็คงไม่ต้องมาคิดมากแบบนี้ อยู่กันสองคนสบายกว่าตั้งเยอะ อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ
"เรื่องทำลูกมันต้องมีเคล็ดลับนะคะ ไม่ใช่ว่าหลับหูหลับตาทำไปแล้วมันจะติดลูกกันได้ทุกคน แต่มันต้องรู้เทคนิคด้วย" จูดี้บอก
"เทคนิคอะไร" ศศิถาม
"มีอันนึงนะ ที่พี่จูดี้ได้ยินมา คือ..แบบว่า เขาว่ากันว่า พอหลังเสร็จภารกิจปั๊บ ก็ให้ยกขาสองข้างขึ้นชี้ฟ้าไว้ แบบนี้" จูดี้ทำมือมองข้างยกขึ้นประกอบ
"จริงดิ" ซันถาม
"เอ้า จริงๆ นี่มันเป็นเรื่องหลักการแรงโน้มถ่วงของโลก วิทยาศาสตร์ล้วนๆ นึกภาพ นะ เวลาตัวเองยกขาขึ้นแแบบนี้ เวลาสเปิร์มมันว่ายเข้าไป มันก็จะมีแรงส่งให้มัน เข้าไปในมดลูกได้ง่ายขึ้น"
"แล้วต้องยกค้างไว้นานแค่ไหน" อ้อมถาม
"ครึ่งชั่วโมง" จูดี้บอก
"โห...เมื่อยตายเลย" อ้อมว่า
"ก็กำแพงไงคะ คุณน้อง เอาขายันกำแพงไว้"
"พี่จูดี้ ถามจริงๆนะ ที่พี่รู้เยอะขนาดนี้เนี่ย พี่มีลูกมากี่คนแล้ว" ซันถาม
จูดี้ยกมือกางออกห้านิ้วตรงหน้าซัน
"ห้า!!” ซันตกใจ
"ไม่ใช่... ที่พี่ทำมือแบบนี้หมายความว่า อย่าได้ถาม เพราะพี่ยังไม่เคยมีสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะไปมีลูกได้ไงคะน้องซัน"
"แล้วทำไมพี่รู้เรื่องเยอะจังอ่ะ" เจนถาม
"ศึกษาสิคะคุณน้อง ถึงพี่จะไม่มีประสบการณ์เรื่องมีลูกโดยตรง แต่พี่ก็เชี่ยวชาญในเรื่องที่เกี่ยวกับ...อะแฮ่ม กระบวนการทำลูกน่ะค่ะ เข้าใจไหมคะ ไม่อย่างนั้น น้องแมนคงไม่ตกหลุมรักพี่หัวปักหัวปำขนาดนี้" จูดี้คุย
ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ
เจนเดินเข้ามาในบริษัท เธอเดินผ่านตรงเก้าอี้สำหรับคนมาสมัครงานนั่งรอสัมภาษณ์ เจนเห็นใครบางคน แล้วก็ชะงักหันกลับไปมองอีกครั้งก็พบว่าเป็นอาร์ทที่มานั่งรอคิวสัมภาษณ์งานอยู่
"นายหน้าหงิก เจอกันอีกแล้ว"
เจนเดินเข้าไปหาอาร์ท
เจนกระแอม "นี่นายสะกดรอยตามฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย"
อาร์ทเห็นเจนแล้วก็เซ็ง "นี่คุณ.. ถ้าจะไม่ทักผมเลย ผมก็ไม่คิดว่าคุณเสียมารยาทหรอกนะ"
"เออ ไม่ทักก็ได้ เชอะ"
เจนสะบัดหน้ากลับแล้วทำเป็นจะลุกเดินไป แต่ระงับความอยากรู้ไว้ไม่อยู่จึงหันกลับมาถามอีก
"แล้วนี่นายมาทำอะไร สมัครงานเหรอ"
"เปล่า มาหาเพื่อน" อาร์ทตอบ
"หาเพื่อน..." เจนเบะหน้าเพราะไม่อยากเชื่อ
"แล้วคุณล่ะ มาสัมภาษณ์แผนกอะไร" อาร์ทย้อนถาม
เจนหัวเราะสะใจ "โฮะๆๆ ฉันก็ไม่ได้มาสัมภาษณ์งานซะหน่อย ฉันน่ะเป็นพนักงานของที่นี่ย่ะ" เจนโชว์ป้้ายพนักงานที่ห้อยคอให้ดูซะเลย "มีงานแล้วก็มีเงิน ไม่ต้องมาเดินย่ำต๊อกหางานเหมือนคนบางคน"
เจ้าหน้าที่ของบริษัทเดินมาเรียกคนเข้าสัมภาษณ์พอดี
"คุณอาทิตย์เข้าสัมภาษณ์กับฝ่ายบุคคลห้อง3ค่ะ"
"ไหนว่ามาหาเพื่อนไง" เจนบ่น
อาร์ททำไม่สนใจ ดขาลุกขึ้นเดินตามพนักงานไป เจนเบะหน้าใส่ด้วยความหมั่นไส้
อาร์ทนั่งให้สัมภาษณ์อยู่ตรงหน้าโต๊ะของฝ่ายบุคคล
"ภายในสองปี เปลี่ยนงานมาแล้วสิบแห่ง" ผู้จัดการอ่านประวัติ
"ครับ"
"แต่ละแห่ง อยู่ไม่เกินสามเดือน"
"ครับ"
"จะไหวไหมเนี่ยคุณ"
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลส่ายหน้าแล้วก็ปิดแฟ้มประวัติอาร์ท
"พูดตรงๆนะ ตอนนี้แผนกไอทียังไม่รับคน สนใจเป็นเซลไหมล่ะ ตำแหน่งว่างเยอะเลย"
"ก็เห็นในใบประกาศลงไว้ว่ารับนักออกแแบบกราฟฟิคนี่ครับ" อาร์ทว่า
"ก็ลงไปอย่างงั้นแหละ ถ้าอยากได้เงินเยอะ มาเป็นเซลล์ดีกว่า"
อาร์ทเซ็ง
เจนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานโดยกำลังพูดสายกับลูกค้าอยู่
"ค่ะ ถ้าสนใจซื้อประกันกับเรา ก็ติดต่อเจนจิราที่หมายเลขที่ให้ไว้ได้ตลอดเวลานะคะ"
เจนวางสายแล้วเห็นอาร์ทออกมาจากห้องสัมภาษณ์พอดี
"หน้าจ๋อยออกมาเลย สงสัยจะไม่ได้งาน"
เจนมองตามอาร์ทที่เดินออกจากบริษัทไปแล้วก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมาแวบหนึ่ง เธอรีบลบความคิดนั้นทิ้งไป
"โอย ช่างเขาเหอะ ก่อนจะเห็นใจคนอื่นเนี่ย สงสารตัวเองก่อนไหมเจนเอ๊ย วันนี้ยังขายไม่ได้สักรายแลย"
เจนตั้งหน้าตั้งตาขายประกันทางโทรศัพท์ต่อไป
รถไฟฟ้าแล่นเข้าจอดที่ชานชาลาสถานีหนึ่งใกล้ห้างสรรพสินค้า เจนก้าวออกจากรถไฟฟ้าพร้อมกับผู้คนอื่นๆ โดยไม่เห็นว่าอีกประตูหนึ่งอาร์ทออกมาจากรถไฟฟ้าเช่นกัน พอกำลังจะลงบันไดทางออกทั้งคู่ก็เจอกัน เจนชะงัก
"นี่นาย นี่ยังตามฉันมาอีกเหรอ"
"ผมเนี่ยนะตามคุณ" อาร์ทย้อนถาม
"ถ้าไม่ได้ตามแล้วทำไมช่วงนี้ฉันต้องเจอนายบ่อยๆ"
"นี่คุณ ช่วยมีสติหน่อย แล้วก็คิดนิดนึง ว่าผมจะตามคุณมาทำอะไร"
"ใครจะไปรู้ เดี๋ยวนี้โรคจิตแปลกเยอะแยะ นายอาจจะเป็นพวกโรคจิตชอบเดินตามผู้หญิงหน้าตาดีๆก็ได้"
อาร์ทส่ายหน้าเพราะเห็นว่าเจนคงกู่ไม่กลับแล้วเลยขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง แต่เจนก็ไม่หยุด
เจนแอบเป็นห่วง "ตกลงนายได้งานป่ะ"
"แล้วมันเรื่องอะไรของคุณ" อาร์ทย้อนถาม
"อ้าว นี่ฉันอุตส่าห์ถามดีๆนะ นิสัยไม่ดี แล้วปากยังไม่ดีอีก ก็สมควรแล้วล่ะที่เขาไม่รับเข้าทำงาน"
"ที่ผมไม่ได้งานเพราะผมไม่อยากทำงานที่บริษัทนั้น ผมว่ามันแปลกๆ คุณเองก็ระวังไว้หน่อย ซื่อๆ บื้อๆ โก๊ะๆ แบบคุณน่ะ ยิ่งหลอกง่ายๆอยู่"
"นายนี่จริงๆเลย พอไม่ได้งาน ก็ไปพาลว่าบริษัท หาว่าเขาไม่ดี ไม่น่าไว้ใจอย่างนั้นอย่างนี้ ขี้แพ้ชวนตีชัดๆ ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว เสียเวลา! เชิญนายตกงานต่อไปคนเดียวเถอะย่ะ"
เจนสะบัดหน้าเชิดใส่ก่อนจะเดินจากไป อาร์ทมองตามเจนขำๆ เขาคิดว่าถึงเจนจะปากร้ายแต่ก็ดูซื่อดี
เจนกำลังด่าอาร์ทให้พวกพี่ๆฟังด้วยเสียงที่ดังฟังชัด
"ไอ้บ้า ไอ้ขี้เก๊ก หน้าปลาจาระเม็ดเน่า ถั่วลันเตาบูด"
พี่ๆนั่งรอฟังกันอยู่พร้อมหน้า
"เจนไม่เคยเจอผู้ชายปากร้าย ใจคับแคบแบบอีตานี่มาก่อนเลย คราวก่อนนั่นก็ทีนึงแล้ว ทำมาเป็นเตือนเจนเรื่องซื้อของ"
"แต่ที่เขาว่ามันก็มีเหตุอยู่นะ เธอเล่นช้อปกระหน่ำแบบนี้ ทั้งที่งานการก็ยังไม่มีทำมันก็ควรแล้วที่เขาจะเตือน" ซันบอก
"โอ๊ย นี่มาช่วยกันหรือมาซ้ำเติมกันเนี่ย" เจนเซ็ง
"แต่ฟังจากที่เล่ามา เธอเจอกับผู้ชายคนนั้นโดยบังเอิญบ่อยไปหน่อยนะยัยเจน" ศศิว่า
"ก็นั่นน่ะสิ เจนว่านะ ตานั่นแอบตามรอยเจนแหงๆ"
"เขาจะตามเธอทำไม" ซันถาม
"โห ถามได้ ก็หน้าตาน่ารักขนาดนี้ ไม่ตามสิแปลก"
ทุกคนถอนใจอย่างเซ็งๆ
"แต่คิดดูดีๆ เขาอาจเป็นเนื้อคู่เจนก็ได้นะ" อ้อมบอก
"ว้าย...ไม่เอาหรอก แบบนายนั่นน่ะนะ หน้าบูด อารมณ์หงุดหงิด ติดดิน ศิลปินเดี่ยวแบบนั้น ไม่ใช่สเป็คเจนหรอก ถ้าจะมีแฟนสักคน เจนขอแบบ..." เจนฝันหวาน "รูปหล่อ ขาวตี๋ มีคลาส ฉลาด อบอุ่น โรแมนติค รักเดียวใจเดียว และรวย! ขอแค่นี้พอละ ไม่เยอะไปใช่ไหม"
เจนหันมามองพี่ๆ ทุกคนตอบให้พร้อมกัน "เยอะ!”
เจนยิ้มแหยๆ
"เออ ซัน วันก่อนอ้อก็ลืมถามเลย เรื่องวุธกับจ๋า ตกลงเขาจะแต่งงานกันจริงๆใช่ไหม" อ้อมพูดขึ้น
รอยยิ้มซันหายไปโดยอัตโนมัติ
"พี่วุธเขาก็น่ารักน้า เสียดายจัง ผู้ชายดีๆ ถูกปาดหน้าเค้กไปซะอีกคนละ" เจนบอก
อ้อมถามอีก "แล้วเขาจะแต่งเมื่อไหร่"
"เขาจะแต่งเมื่อไหร่ ฉันจะไปรู้เขาได้ยังไงล่ะ"
ซันลุกขึ้นออกไปจากวงสนทนาซะดื้อๆ ทุกคนงง
"พูดเรื่องวุธทีไร ยัยซันมันออกอาการแบบนี้ทุกที พี่ว่านะเรื่องนี้มันต้องมีอะไรอยู่ในกอไผ่" ศศิว่า
อ่านต่อหน้าที่ 2
ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ณ บริษัทเอเจนซี่ ซันกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง สักพักสุธีร์ก็เดินเข้ามาหา
"เห็นพี่หมัยบอกว่าเธออบากเจอฉันเหรอซัน มีอะไร" สุธีร์ถาม
"ฉันจะถามเธอว่า ที่ฉันให้ไปสืบข่าวทีมนั้น เธอไปสืบมาหรือยัง" ซันบอก
"นึกว่าเรื่องอะไร แหม มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะซัน"
"ไม่ง่าย แต่ก็คงไม่เกินความสามารถเธอ คิดซะว่าเธอต้องทำเพื่ออนาคตของทีมเรา"
"โอเคๆ เดี๋ยวจัดการให้" สุธีร์ว่า
สุธีร์ออกมาจากห้องทำงานซันด้วยท่าทางไม่พอใจและเบื่อซันสุดๆ สุธีร์บ่นกับตัวเอง
"เชอะพูดมาได้ อนาคตของทีม อนาคตของหล่อนคนเดียวน่ะสิไม่ว่า"
สุธีร์มาหาวุธที่ห้องทำงาน โดยวุธกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่
สุธีร์เรียก "วุธ"
วุธเงยหน้าขึ้นมา "อ้าว ว่าไงธีร์ มีอะไรหรือเปล่า"
"ที่จริงก็ไม่มี แต่จำเป็นต้องมี"
"พูดอะไรของเธอ"
"เอาตรงๆนะ ฉันถูกยัยซันบังคับให้มาสอดแนมทีมของเธอ"
วุธสะอึกไปเล็กๆ แต่ก็ทำใจได้เพราะรู้จักซันดีอยู่แล้ว
"นี่รายนั้นเขาจะไม่ยอมแพ้เลยใช่ไหม" วุธถาม
"แน่อยู่แล้ว ยัยซันนี่นะ ลงได้ตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง นางต้องเอาให้ถึงที่สุด"
"เขาก็เป็นแบบนี้มาตลอด" วุธบอก
"พูดก็พูดเถอะ ถึงฉันจะอยู่ทีมเดียวกับซัน แต่ฉันก็เห็นว่าเธอน่ะเหมาะกับตำแหน่งไดเร็คเตอร์มากกว่า งานนี้เธอแพ้ไม่ได้เด็ดขาดนะวุธ ถ้าเธอแพ้ มีหวังยัยซันได้ดูถูกเธอไปตลอดชีวิตแน่" สุธีร์พูด
วุธครุ่นคิดด้วยความลำบากใจ
ในที่ประชุมทีม สุธีร์กำลังรายงายผลการไปสอดแนมโดยพูดไปเรื่อยเปื่อย
"ก็เท่าที่ไปเห็นมาอ่ะนะ ตอนนี้ทางทีมนั้นดูเหมือนจะคิดคอนเซ็ปกันได้เรียบร้อยแล้ว เห็นว่ามีแผนการสร้างกระแสมากมายเลยด้วยนะ วุธยังพูดด้วยเขาว่าเขาจะทำให้แบรนด์สปริงน่ะ เป็นที่รู้จักภายใน6เดือน"
ซันร้อนใจสุดๆ "ตายๆ นี่เขาวางแผนกันไปไกลแล้ว แต่ดูทีมเราสิ คอนเซ็ปไอเดียยังไม่นิ่งเลย ถามจริงๆเถอะ นี่พวกเธอตั้งใจทำงานกันหรือเปล่าเนี่ย หรือแค่นั่งปล่อยให้เวลาหมดไปวันๆ"
"โหพี่ ก็คิดแล้วนะครับ แต่ไอเดียมันยังไม่ออก"
"ไม่ได้ งานนี้ฉันต้องมีตัวช่วย จะปล่อยให้ทีมนั้นล่วงหน้าไปไกลกว่าเรามากกว่านี้ไม่ได้"
ซันครุ่นคิดหาวิธี สุธีร์สะใจที่เห็นซันมีท่าทางร้อนรน
ศศิที่เพิ่งซื้อของเข้าบ้านเสร็จกำลังหอบถุงข้าวของเต็มมือด้วยท่าทางทุลักทุเลขณะเดินไปกดลิฟท์เพื่อขึ้นไปที่จอดรถ พอลิฟท์เปิดศศิก็ก้าวเข้าไปพร้อมถุงพะพรุงพะรัง สาวสวยนางหนึ่งก้าวเข้าลิฟท์มาพร้อมกัน ทั้งคู่ยืนอยู่ข้างกัน
ศศิได้กลิ่นน้ำหอมโชยจากผู้หญิงที่เข้ามาจนห้องหันไปมอง เธอเห็นเจ้าหล่อนแต่งกายในชุดทำงาน หน้าผมเป๊ะ รองเท้าส้นเข็ม กระโปรงรัดรูป ดูแตกต่างจากเธอในตอนนี้มากที่ใส่รองเท้าแตะ หัวยุ่ง หน้าแทบไม่แต่ง แถมหอบข้าวของพะพรุงพะรัง สาวออฟฟิศนางนั้นปรายตามองศศิแล้วก็แอบอมยิ้มขำ พอลิฟท์เปิด สาวสวยนางนั้นก็เดินออกไป ศศิมองตามด้วยความหมั่นไส้
"เมื่อก่อนฉันก็เป๊ะเหมือนหล่อนนั่นแหละ แต่ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะภาระหน้าที่ความเป็นแม่ย่ะ"
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ศศิเอามือที่ว่างควานหาแล้วกดรับ
"ฮัลโหล"
ซันโทรศัพท์คุยกับศศิ "พี่ศิ....”
ศศิเดินออกมาจากลิฟท์ตรงไปที่ลานจอดรถ
"คราวนี้อะไรอีกล่ะ"
ซันคุยโทรศัพท์ที่ออฟฟิศ
"มีเรื่องให้ช่วย เรื่องใหญ่มาก สำคัญมาก ถ้าพี่ศิไม่ช่วย ซันต้องแย่แน่ๆ"
"เออๆ มีอะไรก็รีบบอกมา ถือของเมื่อยอยู่"
"เรื่องนี้ต้องคุยยาว นี่พี่ศิทำอะไรอยู่"
"เพิ่งไปส่งลูกที่โรงเรียน แล้วก็มาซื้อของที่ซุปเปอร์ นี่เสร็จแล้วกำลังจะกลับบ้าน"
"งั้นพี่ศิช่วยมาที่ออฟฟิศหน่อยได้ไหม"
"ตอนนี้เนี่ยนะ"
"ใช่ ตอนนี้เลย พี่ศิพุ่งมาเลยนะ เดี๋ยวระหว่างทางจะโทรเล่าให้ฟัง" ซันบอก
ศศิเดินมาตามทางเดินในออฟฟิศเอเจนซี่ หลายคนมองศศิด้วยความแปลกใจ เมื่อมาถึงห้องทำงานของซัน ศศิก็ก้าวผ่านประตูเข้าไป ทุกคนหันมามองศศิด้วยอาการตื่นเต้น
สุธีร์ตกใจ "พี่ศิ!”
"ฉันเอง"
"นี่ใครทำร้ายพี่สาวของฉันเนี่ย แป้งที่บ้านหมดเหรอพี่ศิ" ซันว่า
"ยังไม่หมด แต่ไม่มีเวลาแต่งหน้า" ศศิบอก
"ชุดนี้ไม่ผ่านนะพี่ศิ" สุธีร์บอก
"ชุดมนุษย์แม่ก็แบบนี้แหละย่ะ เมื่อเช้ากว่าจะดูแลลูกผัวให้พร้อมออกจากบ้านก็หมดเวลาแต่งหน้าแต่งตัวแล้ว แล้วยัยซันก็ฉันไม่ให้โอกาสฉันเตรียมตัวเลยนี่ บอกให้มาก็มาเลย"
"ทุกคน ตอนนี้ฉันขอให้พี่ศิมาช่วยพวกเราคิดงานที่จะต้องพรีเซ็นท์อาทิตย์หน้า พี่ศิจะอยู่ร่วมทีมกับพวกเราจนกว่าจะขายงานเสร็จ"
"เอาละ เลิกคุยได้แล้วเสียเวลาทำงาน ไหนว่ามาซิ ลูกค้าเป็นยังไง ต้องการอะไร แล้วปัญหาอยู่ตรงไหน"
"ถึงชุดจะผิดฟอร์ม แต่พอเข้าเรื่องงานแล้วพี่ศิยังไฟแรงเหมือนเดิม"
ซันโล่งใจไปเปลาะหนึ่งที่ศศิมาช่วย
วุธขับรถมาถึงหน้าบ้านแล้วจอดตรงประตูรั้ว วุธลงจากรถแล้วมองรถจ๋าที่จอดอยู่ก่อนแล้ว วุธเข้ามาในบ้าน ก็เห็นจ๋ากำลังเก็บกวาดครัวอยู่
"จ๋า ทำไม่โทรบอกล่ะว่าจะมา" วุธถาม
"กลัวว่าวุธจะทำงานอยู่น่ะเลยไม่กล้าโทรไปกวน ตู้เย็นบ้านวุธไม่มีของเลย จ๋าเลยเอาของมาให้ แล้วก็เลยล้างจานเก็บกวาดครัวให้ด้วย"
"ที่จริงไม่ต้องทำก็ได้ ลำบากเปล่าๆ"
"เรื่องแค่นี้เองจ๋าทำได้ ยังไงซะอีกไม่กี่เดือนจ๋าก็ต้องเป็นคนดูแลบ้านหลังนี้อยู่แล้ว"
วุธยิ้มให้ แม้จะยังไม่มั่นใจเรื่องแต่งงาน แต่เท่าที่เขารู้ก็คือจ๋าดีกับเขามาก
จ๋ากับวุธนั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน จ๋าสังเกตเห็นสีหน้าวุธเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ
"ท่าทางวุธไม่สบายใจเลย เป็นอะไรหรือเปล่า" จ๋าถาม
"กำลังคิดเรื่องงานน่ะ" วุธบอก
"เรื่องที่ต้องแข่งกับซันน่ะเหรอ" จ๋าถาม
วุธถอนใจแต่ไม่ได้ตอบ แต่จ๋ารู้สึกได้
"จริงๆจ๋าก็เข้าใจวุธนะ คนสองคนเป็นเพื่อนกันแต่ต้องมาแข่งกันเลื่อนตำแหน่งนี่มันก็น่าลำบากใจเหมือนกัน ถ้าวุธชนะซันก็คงต้องผิดหวังมาก แต่ถ้าซันชนะ วุธก็จะต้องกลายเป็นลูกน้องซัน"
"แต่งานนี้เราก็คงยอมแพ้ไม่ได้" วุธบอก
จ๋าเอื้อมมือมากุมมือวุธเพื่อให้กำลังใจ
"ไม่ว่าจะเป็นยังไง จ๋าก็จะเป็นกำลังให้วุธนะ"
วุธยิ้มขอบคุณ
จิตสมร นักธุรกิจสาวใหญ่เดินมาตามทางในคอนโดมิเนียม ในมือของเธอหิ้วกระเป๋าเอกสาร สอดส่ายสายตาหาเป้าหมายที่ต้องการ พอคนที่อาศัยในคอนโดเดินอยู่บริเวณนั้นเห็นจิตสมรมาก็พากันหลบหายไปคนละทาง
หญิงคนนึงเดินสวนมา พอเห็นจิตสมรเข้าก็ชะงัก แต่จิตสมรยิ้มหวาน ร้องทัก
"อ๊าว..คุณนก..”
นกฉีกยิ้มแบบไม่จริงใจให้พร้อมทั้งโบกมือทัก แต่ก็เปลี่ยนทิศเดินกลับหลังเลี้ยวหายไปอีกทางหนึ่งทันที
จิตสมรเซ็ง
จิตสมรเดินมาเจอหญิงสาวอีก2คนที่กำลังคุยกันอยู่ จิตสมรตรงรี่เข้ามาหา
"คุยอะไรกันอยู่เอ่ย"
หญิงสาว2คน มองหน้ากันแล้วก็หาทางเอาตัวรอด จู่ๆคนหนึ่งก็ทำหน้านิ่วปวดท้อง
"โอ๊ยๆๆ ปวดท้อง เป็นอะไรก็ไม่รู้พี่จิตสมรคะ จู่ๆหนูก็ปวดท้องขึ้นมา ขอตัวไปห้องน้ำก่อน ไว้วันหลังค่อยคุยกันนะพี่
หญิงคนนั้นลากเพื่อนออกไปจากบริเวณนั้นทันที จิตสมรยังไม่ยอมแพ้ เธอมองไปรอบๆ เพื่อสแกนหาเป้าหมายอีกครั้ง
เจนที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกเดินเข้าประตูคอนโดมาหยุดอยู่ที่หน้าลิฟท์ จิตสมรเห็นเจนก็รีบเดินตรงไปหา
เจนเห็นจิตสมรมาก็ทำตาโตแล้วรีบๆกดปุ่มลิฟท์เหมือนจะเร่งให้ลิฟท์มา จิตสมรตรงมาหาเจนเรื่อยๆ เจนลุ้นโดยขอให้ลิฟท์มาเร็วๆ ทันใดนั้น ลิฟท์ก็เปิดขึ้น
จิตสมรเรียก "น้องเจนคะ"
เจนทำเป็นไม่ได้ยิน เธอก้าวเข้าไปในลิฟท์ทันที ประตูลิฟท์กำลังจะปิด เจนถอนใจโล่งอก แต่แล้วมือของจิตสมรก็ยื่นมากั้นลิฟท์ไว้พอดีทำให้ประตูลิฟท์เปิดออกอีกครั้ง จิตสมรเข้ามาในลิฟท์จนอยู่กับเจนสองคนได้ในที่สุด จิตสมรยิ้มอย่างมีชัย เจนเซ็งแต่จำต้องยิ้มฝืดๆให้จิตสมร ประตูลิฟท์ปิดลง
เจนกับจิตสมรอยู่ด้วยกันในลิฟท์ จิตสมรเข้าเรื่องทันที
"ไปข้างนอกมาหรือคะ น้องเจน"
"ค่ะ"
"เอ..ได้ข่าวว่าช่วงนี้ว่างงานอยู่หรือเปล่าเอ่ย...พอดีพี่มีงานพิเศษมาแนะนำ เป็นอาชีพที่รายได้ดี ทำงานสบายๆ แต่งตัวสวยๆ ได้พบปะผู้คน ไม่ต้องนั่งหลังขดหลงแข็งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ น้องเจนสนใจไหมคะ"
เจนได้ยินแล้วตาลุกทันทีเพราะนี่คืองานในฝันชัดๆ "สนใจค่ะ" แต่แล้วเจนก็นึกได้ "เอ๊ะ แต่ที่ว่ามามันงานขายตรงหรือเปล่า"
"อู๊ย... อย่าเรียกว่าขายตรงแบบนั้นสิคะ เราเรียกว่าเป็นนักธุรกิจที่เน้นการขายแบบหลายชั้น ผลิตภัณฑ์ betterlifeของพี่เนี่ยนะคะเป็นการขายแบบต่อยอด ทำกำไรแบบไม่หยุดยั้ง ถ้าคนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างน้องเจนมาสมัครเป็นตัวแทนกับพี่ รับรองว่าคุณน้องต้องรุ่งแน่นอน อาจจะสามารถไต่เต้าขึ้นไปได้ถึงระดับมงกุฎเพชรร้อยเจ็ดสิบเจ็ดเม็ดได้เลยทีเดียว"
"พี่หมอนคะ แต่เจน...”
"นั่นยังไม่พอนะ... ถ้าทำยอดได้ถึงเป้า ก็จะได้โบนัสเป็นแพคเกจไปเที่ยวเกาหลีเหนือ"
"เกาหลีเหนือ ?” เจนทวน
"ใช่ เกาหลีใต้มันธรรมดาไปแล้ว ใครเขาก็ไปกัน ต้องเกาหลีเหนือสิคะ เก๋จริงอะไรจริง สนใจสมัครเลยไหมคะ"
"เจนคงไม่ว่างไปทำกับพี่หรอก พอดีเจนจะได้งานใหม่แล้ว"
"อ้าวเหรอ..." จิตสมรคิดแผนใหม่ "มีงานแล้วใช่ไหมคะ แหม..มีงานแล้วถ้าทำงานหนักไปหน้าจะโทรมนะน้องเจน ต้องใช้ครีมดีๆบำรุงบ้าง นี่พี่จิตหมอนมีครีมอยู่ตัวนึง"
"พี่หมอนคะ เอางี้ไหม เรามาแลกกัน เจนซื้อครีมพี่หมอน พี่หมอนซื้อของที่เจนขาย"
"ได้.. ว่าแต่น้องเจนขายอะไร"
"ขายประกันค่ะ เบี้ยไม่สูง จ่ายยี่สิบปีคุ้มครองตลอดชีวิต พิการ อัมพาต เป็นมะเร็ง จ่ายเลยสามแสน ซื้อเลยไหมคะ" เจนยกโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมอัดเสียง "ถ้าตกลงพูดโอเคกับโทรศัพท์ได้เลยค่ะ"
จิตสมรปิดปากเงียบสนิท ไม่ยอมส่งเสียงใดใด ลิฟท์หยุดพอดี ประตูลิฟท์เปิดออก จิตสมรได้ทีจึงหาทางเลี่ยง
"ต๊ายถึงพอดีเลย"
"แต่ห้องพี่หมอนอยู่ชั้นสิบสี่ไม่ใช่เหรอ" เจนแย้ง
"จ้า แต่เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระอยู่ที่ชั้นนี้ ไปก่อนนะ"
"อ๋อ เจนว่าจะแวะไปหาพี่ซันก่อนน่ะค่ะ"
จิตสมรรีบเดินออกไปทันที เจนยืนขำอยู่คนเดียว
จิตสมรเปิดประตูร้านกาแฟใต้คอนโดมีเนียม แล้วตรงมาที่เคาน์เตอร์ จูดี้ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์พูดขึ้นก่อนทันที
"ไม่ซื้อ"
"ไม่ได้มาขายเธอ" จิตสมรบ่นขมุบขมิบ "ขายไปก็ไม่เคยมีปัญญาซื้ออยู่ดี"
"นี่! ไม่ใช่ไม่มีปัญญา แต่ฉันไม่เคยใช้ของที่ทำมาจากสารเคมีถูกๆ ร้านฉันใช้แต่ของออร์แกนิคเท่านั้นย่ะ"
"อ๋อเหรอ อย่างพวกแชมพูลูกประคำดี..ควาย" คำสุดท้ายจิตสมรแกล้งพูดเน้นใส่หน้าจูดี้ "อย่างนั้นใช่ไหม"
จูดี้สะดุ้งแล้วก็เริ่มไม่พอใจ
"นี่ ถ้าไม่สั่งก็ออกไป เกะกะ"
จิตสมรสั่งแบบเสียไม่ได้ "คาปูชิโน่แก้วนึง"
แมนเพิ่งเก็บโต๊ะเสร็จเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ จิตสมรส่งคลื่นสแกนโดยมองตั้งแต่หัวจรดเท้าทันที
"แล้วนี่ใคร เด็กเสิร์ฟใหม่เหรอ" จิตสมรถาม
"แฟนใหม่" จูดี้ตอบ
จูดี้พูดเชิดๆ แถมยังเอามือไปลูบหลังแมนเป็นการยืนยัน
จิตสมรบ่นเบาๆ "กินเด็กอีกตามเคย น่าเกลียด"
จิตสมรหันไปเห็นอ้อมกับซันที่นั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง อ้อมกับซันหันมาเห็นจิตสมรก็ถึงกับผงะเตรียมจะลุกแต่ก็หนีไม่ทัน เพราะจิตสมรรีบเข้ามานั่งด้วยทันที
"คุณซัน คุณอ้อม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ ยังสวยกันเหมือนเดิม"
ซันกับอ้อมฝืนยิ้ม
"อุ๊ย! คุณอ้อมคะ ตั้งแต่แต่งงานเนี่ย ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะเลยนะคะเนี่ย เมื่อไหร่จะมีข่าวดีเรื่องเจ้าตัวเล็กเอ่ย "
"กำลังพยายามอยู่น่ะค่ะ" อ้อมบอก
"คนเตรียมมีลูกเนี่ย ต้องบำรุงร่างกายเยอะๆนะคะ พักผ่อนให้เพียงพอ แล้วก็กินของที่มีประโยชน์ อย่างเช่น วิตามินตัวนี้เลยค่ะ" จิตสมรขายของทันที
จิตสมรหยิบขวดวิตามินออกมาจากกระเป๋า
"อาหารเสริมบำรุงร่างกายที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ18ชนิด มีส่วนผสมของน้ำมันปลาฉลามจากท้องทะเลลึก"
"พี่จิตสมรคะ พอดีช่วงนี้อ้อมไม่สนใจพวกวิตามินน่ะค่ะ" อ้อมเกรงใจ "อ้อมว่าจะถามเรื่องเครื่องดูดฝุ่น"
"อ๊อ..เครื่องดูดฝุ่น พี่จิตหมอนก็ขายอยู่นะคะ ยี่ห้อนี้เลิศที่สุดเท่าที่พี่ลองมา เดี๋ยวหยิบแคตตาล็อคให้"
"ไม่ใช่ค่ะ อ้อมจะถามเรื่องเครื่องดูดฝุ่นที่พี่จิตสมรยืมอ้อมไปตั้งนานแล้วน่ะค่ะ เมื่อไหร่จะเอามาคืน"
"เอ่อ.. อ๋อ...เครื่องดูดฝุ่นน้องอ้อม อ๋อ...ไม่ลืมค่ะ ไม่ลืม เดี๋ยววันหลังจะเอาไปคืนให้ที่ห้องนะคะ"
"พี่จิตสมรคะ วันก่อนที่พี่จิตสมรฝากซันซื้อของจากซุปเปอร์มาเก็ต ซันออกเงินไปให้ก่อน พี่จิตสมรยังไม่ได้คืนเงินซันเลย"
"ต๊าย ของน้องซัน พี่จิตสมรลืมไปเลย เท่าไหร่นะคะเดี๋ยวพี่คืนให้เลย"
"เก้าร้อยค่ะ" ซันตอบ
"อุ๊ยตาย แย่จังเลย พี่หมอนลืมเอากระเป๋าตังค์ลงมาจากห้อง ไว้วันหลังแล้วกันนะ"
"เมื่อไหร่คะ"
"แย่ละ พี่ลืมไปว่านัดกับคุณนกที่อยู่ชั้นสิบสองไว้ ไว้วันหลังเราเคลียร์กันนะคะ น้องซัน ตอนนี้พี่ต้องรีบไป"
จิตสมรเดินเร็วออกจากร้านไปทันที อ้อมกับซันพากันขำ
อ้อมเดินเข้ามาในร้านขายยาแล้วเลือกซื้อของที่ต้องการ อ้อมไปที่ชั้นวางของก่อนจะหยิบกล่องอุปกรณ์ชุดทดสอบวันไข่ตกมาหลายกล่อง อ้อมเดินต่อไปหยิบชุดทดสอบการตั้งครรภ์มาด้วย อ้อมหอบกล่องต่างๆไปที่แคชเชียร์แล้วมองเห็นวิตามินที่วางขายอยู่บนชั้นวาง
"เดี๋ยวเอาวิตามินตรงนั้นเพิ่มด้วย ขวดนึงค่ะ"
พนักงานขายหยิบวิตามินมาหนึ่งขวด
"อ้อ เดี๋ยวค่ะ ขอสอง อ๊ะ สาม เอ๊ยสี่ขวดเลยแล้วกันค่ะ"
พนักงานค่อยๆหยิบวิตามินมาทีละขวดจนเป็นสี่ขวด
ข้าวของสารพัดที่อ้อมซื้อมาวางอยู่ในห้อง เสียงกริ่งหน้าห้องดัง อ้อมเดินไปเปิดประตู วินเพิ่งกลับมาถึงบ้านมาพร้อมกับไวน์ขวดนึง
"วันนี้เรานัดกันดินเนอร์ใต้แสงเทียนในห้องใช่ไหม" วินถาม
"นึกว่าจะทำงานจนลืมแล้วซะอีก" อ้อมว่า
"ไม่ลืมหรอกจ้ะ วินซื้อไวน์มาด้วย นี่ไง"
"อ้อมดื่มไม่ได้หรอกวิน"
"ทำไมล่ะ ปกติอ้อมก็ดื่มนี่"
"ตำราเขาว่า คนที่เตรียมตั้งครรภ์ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์"
"ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยววินจัดการเองคนเดียว"
"ไม่ได้ วินก็ห้ามดื่มเหมือนกัน" อ้อมบอก
"อ้าว"
"แอลกอฮอล์จะทำให้จำนวนสเปิร์มลดลง ถ้าสเปิร์มลดลง โอกาสที่อ้อมจะท้องก็จะลดลง50%”
"โอเคๆ ไม่ดื่มก็ไม่ดื่ม"
วินมองเห็นของมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ ทั้งกล่องยา วิตามิน หนังสือคู่มือก่อนท้อง คู่มือช่วงตั้งครรภ์ คู่มือคุณแม่มือใหม่
"แล้วนั่นอะไร ซื้ออะไรมาเยอะแยะ" วินถาม
อ้อมหยิบของมาโชว์ทีละอย่าง "ชุดทดสอบวันไข่ตก กรดโฟลิค และคู่มืิอตั้งครรภ์"
"นี่จริงจังไปไหมเนี่ย" วินถาม
"ไม่ว่าจะยังไง อ้อมก็ต้องท้องภายในปีนี้ให้ได้"
"ได้จ้ะ เอาไงเอากันจ้ะ"
สีหน้าของอ้อมมุ่งมั่นจริงจังมาก
บรรยากาศเช้าวันใหม่ ที่หน้าบริษัทเอเจนซี่ รถของศศิแล่นเข้ามาจอด
ศศิก้าวลงจากรถในมาดใหม่ต่างจากวันก่อน เสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะในลุคสาวทำงาน จากนั้นก็เดินมั่นเข้าบริษัทไป
ศศิเดินตรงไปทางห้องทำงานของซัน ทุกคนมองตาค้างที่ศศิมีอารมณ์ผิดกับคราวที่แล้ว เมื่อศศิมาถึงห้องทำงานซัน ทุกคนที่รออยู่ก็หันมามองตาค้าง
"โอ้โห ต้องสวยเริ่ดเชิดแบบนี้สิถึงจะเหมือนกับพี่ศิคนเก่า เจ้าแม่แห่งวงการโฆษณา" ซันชม
"อย่ามัวแต่ชม นี่พี่พร้อมแล้ว จะประชุมกันได้หรือยัง พี่มีเวลาถึงแค่สามโมงเย็นนะ ต้องไปรับลูก"
"พร้อมแล้ว"
ศศิเริ่มงานทันที "ตั้มเอาเอกสารทุกชิ้นของลูกค้ามาให้พี่ดูหน่อย แล้วก็...ซัน เธอยังเก็บงานรีเสิร์ชเก่าๆไว้บ้างหรือเปล่า ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ความงามน่ะ"
"มีอยู่พี่"
"ดี งั้นเอามาดูด้วยเลย"
ทุกคนมีท่าทางกระฉับกระเฉงเตรียมทำงานทันที
โจนั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ สักพักโจก็กดโทรศัพท์โทรหาศศิ โจรอสักพักจนศศิรับสาย
"ศิ เป็นไงบ้างจ๊ะ ทำงานเหนื่อยไหม"
ที่มุมหนึ่งในห้องทำงานของซันถูกจัดเป็นโต๊ะทำงานของศศิ ศศิกำลังคุยโทรศัพท์กับโจ ขณะดูเอกสารมากมายที่กางอยู่เต็มโต๊ะไปด้วย
"โจมีอะไรหรือเปล่า"
"ก็แค่คิดถึงน่ะ เมื่อเช้าเห็นศิแต่งตัวสวยออกจากบ้านแล้วอดคิดถึงไม่ได้ โจยังจำได้ติดตาเลยรู้ไหม สมัยก่อนน่ะ ศิเป็นสาวออฟฟิศที่สวยเซ็กซี่ที่สุดที่โจเคยเจอเลยล่ะ" โจพูด
"นี่จะโทรมารำลึกความหลังแค่นั้นเหรอ"
"จะโทรมาชวนว่าเย็นนี้ พอรับลูกแล้วพวกเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน แล้วก็ไปดูหนังต่อด้วยดีไหม"
"ศิยุ่งมากเลยโจ เย็นนี้คงไปไหนไม่ได้หรอก นี่เดี๋ยวจะต้องขนงานกลับไปทำต่อที่บ้านอีก"
"เหรอ งั้นก็ไม่เป็นไรจ้ะ"
โจวางสายด้วยความผิดหวังนิดๆ
ตอนพักกลางวัน ศศิกับซันออกมาจากห้องทำงานเพื่อเตรียมจะไปกินข้าวข้างนอก ทั้งสองเดินสวนกับวุธที่ผ่านมาพอดี
"พี่ศิ" วุธเรียก
"อ้าววุธ" ศศิหันมาเห็น
"ผมก็ได้ยินคนในบริษัทพูดกันอยู่ ว่าพี่ศิกลับมาช่วยงานซัน"
"ก็แค่ชั่วคราวน่ะจ้ะ เจอศึกหนักหน่อยนะเธองานนี้"
"ถ้าเป็นระดับตัวแม่อย่างพี่ลงสนามเอง สงสัยผมต้องยอมซะแล้ว"
"อ๊ะๆ ยอมง่ายๆก็ไม่สนุกสิยะ เออ! ได้ข่าวว่าจะแต่งงานแล้วใช่ไหม พี่ดีใจด้วยนะ"
"ขอบคุณครับพี่"
สีหน้าของซันเสียไปเมื่อศศิพูดถึงเรื่องแต่งงานของวุธ
"พี่กับซันกำลังจะไปกินข้าวกลางวัน ไปด้วยกันไหม"
"เอ่อ..." วุธกำลังจะตอบ
ซันพูดแทรกขึ้น "พี่ศิ ถ้าเขาไม่อยากไปก็ช่างเขาเถอะ เราไปด้วยกันสองคนน่ะดีแล้ว นี่มันเวลาของสาวๆเขาจะคุยกัน"
ซันรีบลากศศิออกไปทันทีเพราะไม่อยากอยู่กับวุธนานๆ ให้สะเทือนใจ วุธได้แต่มองตามเศร้าๆ ศศิกับวันเดินห่างออกมาจากวุธ ศศิเริ่มรู้สึกว่าคู่นี้มีอะไรแปลกๆ
"นี่เธอกับนายวุธมีอะไรกันหรือเปล่ายัยซัน ทำไมทำท่าทางแปลกๆ" ศศิถาม
"มีอะไร? ไม่มีนี่ ทุกอย่างโอเค" ซันบอก
ซันฉีกยิ้มเหมือนไม่มีอะไรแต่ศศิก็ยังรู้สึกว่าแปลกๆ
วินนั่งทำงานอยู่ในห้องพักที่ประตูเปิดค้างอยู่ ไม่นานนักโจก็โผล่หน้ามา
"ไงหมอ"
"อ้าว พี่โจ มายังไงครับเนี่ย"
"มาประชุมแถวนี้ พอเลิกแล้วก็เลยแวะมาขอยาแก้ปวดหัวกิน"
"งานเครียดหรือพี่" วินถาม
"คิดงานน่ะไม่เครียด แต่เมียไม่สนใจนี่สิเครียดกว่า"
"อ้อ ผมได้ข่าวแล้ว ซันเขาชวนพี่ศิไปช่วยงานใช่ไหมพี่"
"นั่นแหละ ช่วงนี้เลยยุ่งอยู่แต่กับงานกับลูก ส่วนสามีอย่างเราก็เลยต้องกลายเป็นไก่เหงาไร้เจ้าของ นี่หมอยุ่งอยู่หรือเปล่า"
"ไม่ครับพี่ นี่ใกล้เลิกงานแล้ว พี่โจมีอะไร"
"จะชวนไปหาอะไรดื่มกัน" โจบอก
โจกับวินนั่งอยู่ในร้านกาแฟของโรงพยาบาล โจมองไปรอบๆร้านกาแฟอย่างเซ็งๆ
"หมอ... ที่พี่ว่าจะชวนไปดื่มน่ะ ไม่ใช่กาแฟนะโว้ย"
"ผมรู้พี่ แต่นี่มันเพิ่งห้าโมง บาร์ที่ไหนเขาเปิดกันล่ะ ผมออกเวรหกโมงเดี๋ยวค่อยไปต่อกันก็ได้" วินบอก
"แล้วนี่บอกเมียหรือยัง"
"เมียผมไม่มีปัญหาหรอก ถ้าบอกว่าไปกับพี่เขาโอเคอยู่แล้ว"
"ทำไมเมียพี่ไม่เป็นแบบนี้มั่งวะ รายนั้นไม่เคยไว้ใจเลยเชื่อไหม นิดๆหน่อยๆ นี่ระแวงไปหมด เชื่อไหม แค่พี่หายใจผิดจังหวะก็เป็นเรื่องได้"
"มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่ทำตัวยังไงให้พี่ศิเขาระแวง"
ลัดดาถือกาแฟกำลังจะออกจากร้านพอดี เธอเห็นวินนั่งอยู่จึงเข้ามาทัก
"สวัสดีค่ะ คุณหมอ"
"หวัดดีครับ คุณลัดดา ซื้อกาแฟหรือครับ"
"ค่ะ"
ลัดดามองโจที่จ้องเธอตาไม่กระพริบอยู่
"นี่พี่โจ เพื่อนผมเอง" วินแนะนำ
"เราเคยเจอกันแล้วใช่ไหมคะ ที่โรงพยาบาลนี่" ลัดดาถาม
"ครับ"
โจมองลัดดาสายตากรุ้มกริ่มจนวินต้องกระแอมขัดคอเพราะรู้ทัน
"ขอตัวก่อนนะคะ" ลัดดาบอก
ลัดดาเดินเลี่ยงออกไป โจยังมองตามตาไม่กระพริบ
"นี่หมอทำงานกับพยาบาลสวยๆทั้งวันแบบนี้ ไม่หวั่นไหวบ้างเหรอ" โจถาม
"ไม่ครับพี่ ผมว่าเมียผมสวยที่สุดแล้ว"
"แต่งงานใหม่ๆก็พูดแบบนี้ทุกคน ว่าแต่...หมอสนิทกับน้องลัดดาเขาหรือเปล่า"
"ไม่สนิทหรอกพี่ เขาอยู่แผนกผู้ป่วยนอก ผมอยู่แผนกผ่าตัด แค่รู้จักกันธรรมดา"
"เขามีแฟนหรือยัง"
"ไม่รู้สิ แต่ก็เห็นหมอเขาจีบกันอยู่หลายคนนะ นี่พี่โจ แต่ผมบอกก่อนนะ อย่าเอาผมไปยุ่งเรื่องนี้นะพี่ ผมไม่ยุ่งเด็ดขาด"
"พี่รู้น่า" โจพูดเซ็งๆ
โจกับวินเดินผ่านโถงส่วนกลางด้านหน้าของโรงพยาบาลโดยเตรียมจะออกไปข้างนอก ก่อนจะออกประตู โจเหลือบไปเห็นลัดดากำลังต้อนรับคนไข้อยู่มุมหนึ่ง ลัดดาเหลือบขึ้นมาสบตาโจแล้วก็ส่งยิ้มให้ โจยิ้มตอบด้วยความรู้สึกสดใสขึ้นมาก่อนจะเดินตามวินออกไป
อ่านต่อหน้าที่ 3
ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
เท้าสองข้างของอ้อมพาดแตะอยู่ที่ผนังห้อง ขาสองข้างของอ้อมกำลังเหยียดพาดอยู่กับกำแพง ส่วนตัวของเธอนอนอยู่บนเตียงนอน วินนั่งอ่านนิตยสารคอยเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ
"นานพอหรือยังจ๊ะวิน อ้อมเมื่อยแล้วอ่ะ" อ้อมบอก
วินมองนาฬิกา
"ยังจ้ะ นี่เพื่อจะห้านาทีเอง ไหนพี่จูดี้บอกให้ค้างไว้ครึ่งชั่วโมงไม่ใช่เหรอ"
"ก็ใช่ เอาล่ะ อดทนๆ"
อ้อมบ่นแต่ก็อดทนต่อไป
ผ่านเวลาไป อ้อมกับวินหลับในท่าสลับหัวสลับหาง ขาอ้อมยังยกพาดกับผนังหัวเตียงอยู่ สักพักขาอ้อมก็ค่อยๆ ร่วงลงมาตรงหน้าอกวินทำให้วินสะดุ้งตื่น พอตื่นมาวินเห็นขาอ้อมร่วงก็ช่วยยกกลับขึ้นสูงเหมือนเดิมแล้วหลับต่อ สักพักขาอ้อมก็ร่วงลงมาอีกครั้ง คราวนี้ฟาดลงมาที่หน้าวิน วินลุกขึ้นกุมหน้าเพราะเจ็บ แล้วเขาก็ยกขาอ้อมสองข้างขึ้นที่เดิมอีก จากนั้นก็เอาผ้าห่มคลุมโปงไว้เพื่อกันกระแทก
เช้าวันใหม่ วินกำลังเแต่งตัวเตรียมไปทำงาน เขาหมุนคอซ้ายขวาไปมาเหมือนคนเคล็ดขัดยอก อ้อมที่กำลังจัดเตียงอยู่หันไปเห็น
"เป็นอะไรหรือวิน"
"ก็เมื่อคืนน่ะสิ ตอนอ้อมหลับแล้วขาฟาดลงมาที่คอวินเนี่ย คอเคล็ดไปหมดเลย"
"อุ้ย อ้อมขอโทษนะ อ้อมไม่ได้ตั้งใจ"
"วินว่าเราเลิกใช้วิธีนี้ดีไหมจ๊ะ คือ..เวลาอ้อมทำแบบนี้ทีไร วินเจ็บตัวทุกทีเลย"
อ้อมจ๋อย "ก็ได้จ้ะ งั้นเดี๋ยวอ้อมลองหาวิธีใหม่ดูแล้วกัน"
ที่บริษัทเทเลเซลล์ เจนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานโดยกำลังโทรศัพท์คุยกับลูกค้าอยู่
"เป็นอันว่าคุณฤดีตกลงซื้อแพคเกจประกันของเราแล้วนะคะ ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ทางบริษัทขออนุญาตเริ่มหักเงินจากบัตรเครดิตของคุณฤดีเป็นจำนวนสองหันห้าร้อยบาท ส่วนกรมธรรม์จะส่งตามไปให้ภายในหนึ่งอาทิตย์นะคะ ขอบคุณมากค่ะ"
เจนวางโทรศัพท์ลงด้วยอาการดีใจมาก
"ว้าวๆ วันนี้ขายได้อีกสองราย ค่าคอมมาอีกแล้ว"
เจนเอามือถือออกมากดเครื่องคิดเลขคำนวนเงินที่จะต้องได้เดือนนี้
"คิดหน่อยซิ เดือนนี้ได้เท่าไหร่แล้วน้า" เจนกด "กรี๊ด สองหมื่น! นี่ขนาดเพิ่งขายเดือนแรกนะเนี่ย แบบนี้ต้องให้รางวัลกับตัวเองซะหน่อยแล้ว"
เจนวาดฝันถึงเงินที่ได้มาแล้วก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
เจนมาเดินช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าด้วยความลั้ลลาสุดๆ เธอเดินเข้าร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง
เจนรูดบัตรเครดิต เซ็นต์ชื่อ แล้วก็รับถุงของมาถือ 3 -4 ใบ
เจนถือถุงกระดาษแบรนด์เสื้อผ้าหลายถุงเดินออกจากร้านอีกร้านหนึ่ง
อาร์ทกำลังช่วยเพื่อนตกแต่งร้านขายของอยู่ พอหยุดมองผลงานตัวเองสายตาของเขาก็มองผ่านกระจกร้านออกไปเห็นเจนมาแต่ไกล เจนกำลังเดินลั้ลลามาพร้อมถุงช้อปปิ้ง อาร์ทหันไปบอกเพื่อน
"เฮ้ย เดี๋ยวชั้นมานะเว้ยเอก ไปทำธุระแป๊บนึง"
อาร์ทเดินออกจากร้านในจังหวะที่เจนผ่านมาทางหน้าร้านพอดี ทั้งคู่เจอหน้ากัน เจนตกใจเล็กน้อยแต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นเซ็ง
"นายนี่มันจริงๆเลย จะตามฉันทำไมนักหนาเนี่ย"
"คุณก็เลิกมโนไปคนเดียวได้แล้ว ผมไม่ได้ตามคุณ" อาร์ทบอก
"ไม่ได้ตาม แล้วทำไมฉันต้องมาเจอนายที่นี่บ่อยๆ"
"เพื่อนผมมันเปิดร้านอยู่ที่นี่ ผมมาช่วยมันแต่งร้าน"
เจนมองตามสายตาไปในร้านที่อาร์ทเพิ่งเดินออกมาก็เห็นว่ากำลังมีการแต่งร้านอยู่จริงๆ
"เพื่อนนาย? เปิดร้านในห้างนี้เนี่ยนะ? ไม่อยากเชื่อว่าอย่างนายจะมีเพื่อนฐานะดีกับเขาด้วย เอ๊ยเดี๋ยว ..รู้แล้ว นี่นายเห็นฉันเดินผ่าน ก็เลยตามออกมาใช่ไหม"
อาร์ทตีหน้าตาย "เปล่า ผมจะไปห้องน้ำ"
อาร์ทพูดแล้วก็เดินจากไปเหมือนไม่อยากสนใจนัก เจนแลบลิ้นใส่ตามหลัง
เจนเดินดูข้าวของต่อตามลำพัง หญิงสาวใส่แว่นดำคนหนึ่งยืนรีๆรอๆ มองเจนแต่ไกล หญิงคนนั้นเห็นเจนถือถุงข้าวของมากมายดูท่าทางมีเงิน พอเจนเดินเข้ามาใกล้ หญิงแปลกหน้าก็ทำท่าน่าสงสารเข้ามาหาเจน
"น้องคะ ช่วยพี่หน่อยได้ไหมคะ"
เจนงง "คะ ว่าไงคะ"
"คือ..พี่กำลังจะกลับบ้านนอก แต่ตอนนี้ไม่เงินติดตัวเลย พี่จะขอเงินค่ารถสักหน่อยได้ไหมคะ"
เจนลังเลเพราะไม่รู้ว่าควรเชื่อดีหรือเปล่า "ขอเงินกันแบบนี้เลยหรือพี่"
หญิงคนนั้นถอดแว่นดำออกเผยให้เห็นรอยฟกช้ำรอบดวงตา เจนตกใจ
"พี่ทะเลาะกับผัวมาน่ะค่ะ มันซ้อมพี่ใหญ่ แล้วก็ไล่พี่ออกจากบ้าน ยึดเงินที่พี่หามาไปหมดเลย" หญิงคนนั้นร้องไห้ บีบน้ำตา "พี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ลูกก็ยังเล็ก นี่คงต้องหอบลูกกลับบ้านเกิดแล้วไปตายเอาดาบหน้า"
เจนใจอ่อนด้วยความสงสาร เธอเปิดกระเป๋าเงินตัวเองก็เห็นว่ามีเงินอยู่สามร้อยเท่านั้น เจนลังเลว่าจะเอายังไง ใจนึงก็สงสาร แต่ตัวเองก็ไม่ได้มีเงินเยอะ ทันใดนั้นอาร์ทก็เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นเจนยืนคุยกับผู้หญิงท่าทางไม่ชอบมาพากล อาร์ทรีบตรงเข้ามา
เจนพูด "เอางี้แล้วกันนะพี่ ตอนนี้หนูมีอยู่สามร้อย ช่วยค่ารถพี่สองร้อยแล้วกัน ยังไงเราก็ลูกผู้หญิงเหมือนกัน ต้องช่วยกันอยู่แล้ว"
"ขอบคุณมากค่ะ น้องนี่จิตใจงามจริงๆเลย"
หญิงคนนั้นกำลังจะยื่นมือรับเงินจากเจน แต่จู่ๆ อาร์ทก็ยื่นมือมาคว้าเงินสองร้อยนั่นไปซะก่อน หญิงคนนั้นกับเจนตกใจ
"เฮ้ย! อะไรของนายเนี่ย" เจนว่า
อาร์ทไม่สนใจเจน เขาหันไปบอกผู้หญิงคนนั้น "เงินแค่นี้ไม่น่าจะพอค่ารถนะพี่ ผมว่าเดี๋ยวผมจะช่วยโทรติดต่อมูลนิธิช่วยเพื่อนหญิงให้ เขาจะได้ดูแลพี่เรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกาย แล้วก็ช่วยพาพี่กลับบ้านต่างจังหวัดด้วย"
อาร์ทยกโทรศัพท์ขึ้นมาทำเหมือนจะกดโทร
"หา...ไม่ ไม่ต้องโทรหรอกค่ะ พี่ไม่อยากทำให้เรื่องมันยุ่ง แค่ขอเงินค่ารถก็พอแล้ว"
"ไม่เป็นไรไม่ได้พี่ ผู้ชายที่ทำแบบนี้มันต้องถูกดำเนินคดี" อาร์ทย้ำ
"ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ" ผู้หญิงหาทางชิ่ง "เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะคะ พอดีลูกพี่รออยู่"
"อ้าวพี่ แล้วเงินล่ะ ไม่เอาเหรอ" เจนหันมาแหวใส่อาร์ท "นายนี่มันใจดำจริงๆ พี่เขากำลังเดือดร้อนนายไม่เห็นหรือไง"
"นี่คุณดูไม่ออกจริงๆเหรอ ว่าพวกนี้เป็นพวกต้มตุ๋น ไอ้มุขทำตัวน่าสงสารมาขอเงินค่ารถกลับบ้านเนี่ย เขารู้กันหมดแล้ว"
อาร์ทหันไปมองทางที่หญิงสาวเดินไป เจนมองตามเห็นผู้หญิงเดินไปหาผู้ชายคนหนึ่งแล้วเดินออกไปด้วยกัน ทั้งคู่หันกลับมามองอาร์ทแบบโกรธๆ
"เฮ้ย อะไรวะ แล้วไหนว่าทะเลาะกัน โดนซ้อม ลูกรออยู่" เจนว่า
"เอ้านี่ เงินคุณน่ะ เก็บไว้เถอะ ทีหลังจะสงสารใครก็หัดดูตาม้าตาเรือบ้าง" อาร์ทบอก
"ก็จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ"
"คนธรรมดาที่ไหนเขาก็ดูออก ยกเว้นพวกซื่อๆใสๆ ไร้สติ อย่างคุณนี่แหละ"
"นี่นายหาว่าฉันบื้อเหรอ"
อาร์ทไม่สนใจจะฟังคำด่า เขาเดินจากไปอีกตามเคย เจนแทบกรี๊ด
"ไอ้...ไอ้แบคทีเรีย อีเล็บขบไดโนเสาร์ หน้าปลาเก๋าสำลักน้ำ ทำไมต้องตามมายุ่งกับเรื่องฉันไปซะทุกเรื่อง เฮอะ โอ้ย"
เจนด่าตามหลังไปด้วยความหงุดหงิด
อ้อมเพิ่งเข้ามาในโรงพยาบาล เธอตรงไปที่ลิฟท์จะขึ้นไปหาวินที่ห้องทำงาน โจก็มาโรงพยาบาลเช่นกัน เขาเดินไปยังแผนกตรวจร่างกาย พอโจเดินผ่านลิฟท์ อ้อมก็เข้าลิฟท์ไปแล้ว ทำให้ทั้งคู่ไม่เห็นกัน
วินนั่งทำงานอยู่ในห้อง อ้อมเคาะประตูห้องวิน
"เชิญครับ"
อ้อมเปิดประตูเข้ามาหา
"อ้อมเองจ้ะ"
"อ้าว มาเร็วจังเลยอ้อม"
"มีนัดดินเนอร์กับสามีนี่จ๊ะ ก็ต้องมาเร็วหน่อย"
"วินยังไม่เสร็จงานเลย รออีกแป๊บนะ"
"ไม่เป็นไรจ้ะ วินทำงานไปเถอะ อ้อมว่าจะแวะไปที่แผนกสูตินารีก่อน จะไปขอข้อมูลเรื่องตั้งท้องซะหน่อย เสร็จแล้วอ้อมจะไปรอวินที่ร้านกาแฟนะ"
"จ้ะ" วินรับคำ
โจนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจ ลัดดาถือแฟ้มเดินเข้ามาขานชื่อ
"คุณธวัช ชยานนท์ ค่ะ"
โจลุกขึ้นยืน "ผมเองครับ"
ลัดดาเห็นว่าเป็นโจก็ตาวาวเพราะไม่ได้คาดคิด
"คุณโจนี่เอง มาตรวจร่างกายใช่ไหมคะวันนี้"
"ครับ"
โจยิ้มให้ลัดดาเพราะในใจจริงๆ ของเขามีเป้าหมายอย่างอื่นด้วย
"เชิญทางนี้เลยค่ะ"
ลัดดาเดินนำโจเข้าไปในห้องตรวจ
อ้อมยืนคุยกับพยาบาลที่ดูแลแผนกอยู่ พยาบาลกำลังส่งโบรชัวร์ต่างๆ ให้อ้อม
"โบรชัวร์พวกนี้เป็นคู่มือปฏิบัติตัวให้พร้อมที่ตั้งครรภ์นะคะ ลองเอาไปอ่านดู" พยาบาลบอก
อ้อมรับมา "ขอบคุณค่ะ"
"จริงๆแล้ว ก่อนจะเริ่มตั้งครรภ์เนี่ย มีหลักง่ายๆแต่สำคัญมาก ก็คือ ว่าที่คุณแม่ต้องมีสุขภาพที่ดีก่อน กินอาหารที่มีประโยชน์เน้นผักผลไม้ หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ กาแฟและที่จำเป็นเลยคือต้องหมั่นออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรง ปกติออกกำลังกายอยู่ไหมคะ"
"ไม่ค่อยได้ออกเลยค่ะ"
"งั้นก็เริ่มได้แล้วล่ะค่ะ"
อ้อมพยักหน้ารับรู้
โจนั่งรอผลตรวจอยู่ที่บริเวณที่นั่งพักรอในโถงโรงพยาบาล ลัดดายื่นซองสีขาวให้
"นี่ค่ะ ผลตรวจร่างกาย"
"เป็นยังไงบ้างครับ" โจถาม
"สมบูรณ์ดีค่ะ เคลียร์ ไม่มีโรคร้าย"
โจชะงัก ลัดดาหัวเราะ
"ล้อเล่นค่ะ แล้ววันนี้มาตรวจสุขภาพอย่างเดียว หรือมาหาคุณหมอวินด้วยคะ"
"ตรวจสุขภาพก็แค่ข้ออ้างน่ะครับ แล้วก็ไม่ได้มาหาหมอวิน แต่อยากมาหา..." โจส่งสายตามีความหมายให้ลัดดา "คนอื่น"
ลัดดาทำเป็นไม่ใส่ใจกับท่าทีเจ้าชู้ของโจ
"ตอนนี้ก็เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวคุณโจรอจ่ายเงินที่การเงินได้เลยค่ะ แล้วก็...อย่าลืมดูผลตรวจดีๆด้วยนะคะ"
ลัดดายิ้มให้แล้วเดินออกไป โจมองตามแล้วมองซองผลการตรวจในมือ พอพลิกซองอีกด้านก็เห็นเบอร์โทรศัพท์เขียนด้วยลายมือสวย "08x-xxxxxxx”
โจรู้ทันทีว่าเป็นเบอร์ใคร เขาเงยหน้ามองลัดดาอีกครั้ง ลัดดาเดินไปแล้วแต่ยังหันมาส่งสายตาให้ ใครบางคนยื่นมือมาสะกิดไหล่โจ โจสะดุ้งหันมามองก็เห็นว่าเป็นอ้อมที่ยืนยิ้มให้
"มาทำอะไรคะพี่โจ"
"มาตรวจสุขภาพจ้ะ แล้วอ้อมล่ะ มาหาวินเหรอ"
"ค่ะ พอดีวันนี้นัดกันไปกินข้าวเย็นข้างนอก ผลตรวจสุขภาพเป็นไงบ้างคะพี่โจ"
"ปกติดีจ้ะ"
"แล้วมาคนเดียวหรือพี่"
"จ้ะ มาคนเดียว คือ..พี่มาตรวจไว้จะทำประกันสุขภาพน่ะ"
"อ๋อ... ที่จริงพี่โจน่าจะชวนพี่ศิมาตรวจบ้างนะคะ ช่วงนี้ตั้งแต่พี่ศิไปช่วยงานซัน เห็นบ่นว่าปวดหัวไมเกรนบ่อยๆ"
"จ้ะ เดี๋ยววันหลังพี่จะพามา"
โจยิ้มแบบไม่มีพิรุธ ในใจของเขารู้สึกโล่งที่อ้อมไม่เห็นตอนเขาอยู่กับลัดดา
วุธนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับจ๋าและพ่อแม่จ๋า จู๋ๆ พ่อจ๋าก็ถามขึ้น
"นี่เรื่องฤกษ์แต่งงานไปถึงไหนกันแล้ว"
"ก็กำลังดูอยู่ครับ" วุธตอบ
"ช่วงนี้งานของวุธยุ่งมากเลยค่ะพ่อ ก็เลยยังไม่มีเวลาไปดูฤกษ์" จ๋าช่วยพูด
"เอาแต่ทำงานแบบนี้ ยัยจ๋าก็แย่กันพอดี"
"ไม่แย่หรอกค่ะคุณแม่ วุธเขาดูแลจ๋าดีจะตาย ดูสิคะขนาดงานยุ่งมาก ก็ยังอุตส่าห์หาเวลามากินข้าวที่บ้านเราได้" จ๋าบอก
"แล้วคิดกันหรือยังว่าหลังแต่งงานแล้ว จะไปอยู่บ้านไหนกัน"
"ก็คงเป็นบ้านผมน่ะครับ" วุธตอบ
"บ้านเดี่ยวเล็กๆนั่นน่ะเหรอ พ่อว่ามันไม่เข้าท่านะ"
"ใช่ ลูกจ๋าน่ะโตมากับบ้านที่มีพื้นที่ใหญ่โตกว้างขวาง มีข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม คนรับใช้ก็ทำให้ทุกอย่าง ไม่เคยต้องทำอะไรเอง แต่ถ้าแต่งออกไปอยู่บ้านเธอ ยัยจ๋าของฉันไม่ต้องทำงานบ้านเองหมดเหรอ" แม่จ๋าพูด
"คุณแม่คะ แค่งานบ้านมันไม่ได้ลำบากอะไรหรอกค่ะ บ้านวุธเขาก็ไม่ได้คับแคบอย่างที่คุณพ่อคุณแม่คิด อยู่กันสองคนกำลังสบายเลย" จ๋าบอก
"แล้วถ้าอีกหน่อยมีลูกขึ้นมาล่ะ บ้านเล็กแบบนั้นลูกจะอยู่สบายได้ยังไง" แม่จ๋าว่า
"นั่นสิ พูดถึงเรื่องเลี้ยงลูก พ่อว่าเงินเดือนพนักงานมันไม่พอเลี้ยงครอบครัวหรอกนะวุธ พ่อว่าวุธต้องคิดถึงอนาคตมากกว่านี้ ออกจากงานมาทำงานที่บริษัทพ่อก็ได้"
"เอ่อ เรื่องนั้นผมยังไม่เคยคิดเลยครับ" วุธบอก
"งั้นก็เริ่มคิดซะ" พ่อจ๋าบอก "ยังไงซะวันนึงบริษัทนี้ก็ต้องเป็นของยัยจ๋าอยู่แล้ว วุธมาทำงานกับพ่อก็เหมือนได้มาดูแลบริษัทตัวเอง จะไปเป็นลูกจ้างเขาอยู่ทำไม"
วุธได้แต่ลอบถอนหายใจเพราะรู้สึกหนักใจกับการคาดหวังของพ่อและแม่ของจ๋า
วุธกำลังจะกลับบ้าน จ๋าเดินมาส่งวุธที่รถ เธอสังเกตเห็นสีหน้าวุธดูไม่สบายใจ
"วุธ ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว จ๋ารู้นะว่าวุธลำบากใจเรื่องที่คุณพ่อกับคุณแม่พูด จ๋าบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องไปใส่ใจหรอก"
"แต่ที่ท่านพูดก็มีเหตุผล จ๋าเป็นลูกสาวคนเดียวถูกเลี้ยงมาอย่างสบายๆ จะแต่งงานไปอยู่กับผู้ชายธรรมดาๆอย่างวุธ พ่อกับแม่เขาก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา"
"ใครบอก วุธไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาซะหน่อย วุธเป็นคนพิเศษที่สุดในชีวิตจ๋าเลยนะ"
"ตอนนี้วุธคิดแต่ว่า วุธจะทำยังไงให้จ๋ามีความสุขได้เท่ากับตอนอยู่ที่บ้านนี้"
"นี่วุธ ถึงจ๋าจะโตมาอย่างลูกคุณหนู มีชวิตสะดวกสบายสมบูรณ์พร้อมก็จริง แต่จ๋าไม่ใช่คนที่จะกลัวความลำบากนะ จ๋าพร้อมที่จะเผชิญกับทุกอย่าง ขอแค่ให้ได้อยู่กับวุธก็พอแล้ว เพราะฉะนั้น จ๋าอยากให้วุธเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด"
"วุธดีใจที่จ๋าเข้าใจวุธ วุธเองก็จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับจ๋าเหมือนกัน"
วุธมองจ๋าด้วยความซาบซึ้งใจ
ปฏิทินที่อยู่ในห้องซันมีวงกลมวงอยู่ที่วันที่วันนี้พร้อมnoteสั้นๆ ว่า “นัดpresent งาน” ซันยืนสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองหน้ากระจก สักพักเธอก็เดินไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาจากชั้นหนังสือ ซันเปิดไปยังหน้าที่คั่นไว้ซึ่งมีภาพถ่ายของวุธที่แอบเก็บซ่อนไว้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซันเห็นว่าเป็นชื่อศศิ
ซันกดรับสาย "ฮัลโหล พี่ศิ"
ศศิซึ่งอยู่ที่บ้านกำลังโทรคุยกับซัน
"วันนี้พรีเซ็นท์งานแล้วใช่ไหมซัน"
"ใช่"
"เอาให้เต็มที่นะ พี่เชื่อว่าเธอทำได้" ศศิบอก
"ขอบคุณมากพี่ศิ"
"เป็นอะไร น้ำเสียงไม่มั่นใจเลย มีอะไรที่ต้องลังเลอีกหรือไง"
ซันรีบปิดหนังสือเพราะไม่อยากมองภาพถ่ายนั้นอีก เธอพยายามลืมความอ่อนไหวนั้นไป
"ไม่มี ไม่มีอะไรให้ต้องลังเลทั้งนั้น วันนี้ยังไงซันก็จะต้องชนะ"
"ต้องอย่างนี้สิน้องรัก" ศศิพอใจ
ซันวางสายจากศศิแล้วก็สูดลมหายใจเพื่อสร้างความมั่นใจว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว สำหรับเธอหน้าที่การงานต้องมาอันดับหนึ่ง ซันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าถือด้วยความรู้สึกพร้อมก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
วุธแต่งตัวเตรียมไปพรีเซ็นท์งานสำคัญแต่ลึกๆ เขาก็รู้สึกลำบากใจ เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น วุธหยิบมาเปิดดูก็เห็นว่าเป็นข้อความจากจ๋าว่า "สู้ๆนะ" “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จ๋าจะอยู่ข้างวุธเสมอ" วุธเปิดลิ้นชักแล้วเอาภาพถ่ายของซันที่เคยเก็บไว้ออกมาดู เขาบอกตัวเองให้ตัดใจ
"ขอโทษนะซัน ถึงเวลาแล้วที่เราจะทำเพื่อจ๋าสักที"
ซันมาถึงออฟฟิศ เธอเดินเข้ามาในห้องทำงาน พิสมัยเดินตามเข้ามาเหมือนเคย
"ทีมเราพร้อมไหม" ซันถาม
"พร้อมค่ะ" พิสมัยบอก
"แล้วอีกทีมล่ะ ได้ข่าวบ้างหรือเปล่า"
"ได้ค่ะ"
"เป็นไงบ้าง"
"ทีมคุณวุธจะไม่เข้าพรีเซ้นต์วันนี้ค่ะ"
ซันตกใจ "ทำไมล่ะ”
"ไม่ทราบค่ะ ได้ยินว่าขอสละสิทธิ์"
"สละสิทธิ์!”
"ค่ะ ตอนนี้พวกเราก็เลยไม่กดดันมากเท่าไหร่ เอ๊ะนี่คุณซันยังไม่รู้เรื่องหรือยังคะ"
"ยัง"
ซันรีบผุดลุกออกไปจากห้อง
ซันกำลังเดินไปห้องวุธ MD เดินสวนมาพอดี
"อ้าว คุณซัน ผมกำลังจะไปหาที่ห้องพอดี"
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะบอส แล้ววุธล่ะ" ซันถาม
"นั่นสิ ผมก็งงเหมือนกัน จู่ๆก็มายื่นใบลาออกให้ผมเมื่อเช้านี่ ไม่บอกเหตุผลด้วย"
"ลาออก! แล้วบอสว่าไงคะ"
"ผมจะว่าไงได้ ก็ต้องปล่อยเขาไป ไม่รู้นึกยังไงของเขา วันนี้ทีมคุณคงต้องพรีเซ้นท์ไปทีมเดียวแล้วล่ะ"
ซันงงไปหมดเพราะไม่เข้าใจว่าวุธกำลังทำอะไร
"ทางคุณก็รีบเตรียมเข้าประชุมเดี๋ยวนี้เลยนะ ลูกค้ามาถึงแล้ว" MD บอก
ซันรู้สึกสับสนเพราะไม่เข้าใจวุธ แต่เธอก็ต้องเดินหน้าเรื่องงานต่อไป
การพรีเซ้นท์จบลง บนจอโปรเจคเตอร์เป็นภาพหญิงสาวผมสลวย พร้อมlogo “Spring” ทุกคนปรบมือให้ซันที่เพิ่งพรีเซ้นท์เสร็จ
ซันพูด "คอนเซ็ปต์ของspring ก็ตามที่ทุกท่านได้เห็นไปแล้ว เราเน้นในเรื่องของความงามที่เป็นธรรมชาติ"
"เยี่ยมครับ" สมพลชม
"ตามแผนการตลาดที่วางไว้ ต่อไปจะมีการสร้างกระแสด้วยกิจกรรมตามหาสาวผมสวย โดยเราอาจจะให้หญิงสาวทั่วประเทศส่งภาพถ่ายผมของตัวเองเข้ามาเพื่อทำการคัดเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์"
สมพลมองซันด้วยสายตาประทับใจและชื่นชม
"ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ตกลงผมซื้อไอเดียนี้"
"อาทิตย์หน้าทางดิฉันจะส่งรายละเอียดเรื่องแผนการตลาดที่เราคุยกันในวันนี้ ไปให้ทางคุณสมพลพิจารณาอีกครั้ง"
"ดีครับ" สมพลหันไปบอกMD "ถ้าแผนการตลาดอันใหม่ไม่มีปัญหาอะไร ทางเราจะส่งสัญญามาให้ทางคุณเซ็นเลย"
"เพอร์เฟ็คครับ" MD บอก
สมพลกับMDจับมือกัน ทุกคนปิดแฟ้ม ซันรู้ว่าเธอทำสำเร็จแล้ว
ทุกคนออกมาจากห้องประชุม กลุ่มของลูกค้าแยกไปทางหนึ่ง MD ปลื้มมากจึงหันไปชมซัน
"เยี่ยมมากคุณซัน งานนี้ผ่านฉลุยเราจับลูกค้าได้อยู่หมัดเลย ตำแหน่งไดเรคเตอร์นอนรอคุณอยู่ในห้องแล้ว เอาเป็นว่าผมขอแสดงความยินดีกับคุณล่วงหน้าไปเลยแล้วกันนะ"
MD เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี คนอื่นๆดีใจไปกับซันด้วย สุธีร์มีทำท่าเหมือนดีใจด้วยแต่พอคล้อยหลังก็เบะหน้า
วุธกำลังเก็บข้าวของสำนักงานใส่กล่อง ซันเดินเข้ามาในห้องด้วยความร้อนใจแล้วก็โพล่งขึ้นทันที
"นี่นายทำอะไรของนาย"
วุธหันมามองซันด้วยท่าทางสงบนิ่งไม่ร้อนใจ
"ว่าแล้วเชียวว่าเธอต้องมา ขายงานเป็นไงบ้าง" วุธถาม
"นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องขายงาน ฉันอยากรู้ว่า ทำไมจู่ๆนายก็ตัดสินใจลาออก" ซันคาดคั้น
"ที่จริงเราคิดเรื่องนี้ไว้นานแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาซะที"
"คิดไว้นานแล้ว แต่มาลาออกเอาตอนนี้ ในวันสำคัญแบบนี้มันหมายความว่าไง หรือนายคิดว่าจะหลีกทางให้ชั้นได้ขึ้นเป็นไดเรคเตอร์ คิดง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ คิด ว่าวิธีนี้มันเท่นักหรือไง จะบอกให้นะวุธไอ้การหนีแบบนี้มันเป็นวิธีของพวกขี้แพ้"
"ซัน เลิกพูดเรื่องแพ้ชนะซะทีเถอะ แล้วก็รู้ไว้ด้วยนะ ว่าเราไม่ได้หนี"
"แล้วนายลาออกทำไม เพื่ออะไร? ตอบมาสิ"
"เพราะเราอยากมีหน้าที่การงานที่มั่นคงกว่านี้ ถ้าเป็นแค่ลูกจ้างทำงานบริษัทอยู่แบบนี้เราจะเลี้ยงดูจ๋าได้ยังไง"
"หมายความที่นายลาออกก็เพื่อจ๋า"
"ใช่ มันถึงเวลาแล้วที่เราต้องทำอะไรเพื่อเขาบ้าง"
ซันใจหายวูบเล็กน้อยแล้วก็อึ้งไป
วุธพูดต่อ "เราตัดสินใจดีแล้วซัน งานที่ต้องแข่งขันสูงแบบนี้อาจไม่เหมาะกับเรา"
"แล้วนายจะไปทำอะไรต่อ" ซันถาม
"ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจต้องใช้เวลาคิดสักพัก"
ซันพูดไม่ออกและสับสนไปหมด
"เรายินดีกับตำแหน่งใหม่ด้วยนะซัน แล้วต่อไปก็อย่าโหมงานหนักมากล่ะ ดูแลตัวเองด้วย มีอะไรให้ช่วยก็บอกเราได้เสมอ"
วุธแบกกล่องของใช้เดินออกไป ซันได้แต่มองตามด้วยความหดหู่
ภายในสถานออกกำลังกายทันสมัยแห่งหนึ่ง ผู้คนกำลังออกกำลังกายกันอยู่ ศศิกับอ้อมกำลังคุยกัน ขณะที่ใช้เครื่องยกเวทไปด้วย
"นึกยังไงมาชวนพี่ออกกำลังกาย" ศศิถาม
"อ้อมไปปรึกษาพยาบาลมา เขาบอกว่าถ้าอยากท้องก็ต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรงก่อน"
"มิน่าล่ะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นเธอจะชอบออกกำลังกาย แล้วนี่ยัยซันไปไหนของเขา"
อ้อมพยักเพยิดไปที่มุมหนึ่ง ศศิมองตามไปก็เห็นซันกำลังฝึกชกมวยกับเทรนเนอร์ เทรนเนอร์ถือเป้าซ้อมชกไว้ ซันชกใส่เต็มแรงด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง
"ท่าทางฟิตเชียว" ศศิบอก
"ฟิตหรือคลั่ง บางทีก็แยกไม่ค่อยออกนะพี่ศิ" อ้อมว่า
ซันเตะต่อยเครื่องป้องกันที่เทรนเนอร์ถือไว้จนหอบแต่ก็ไม่ยอมหยุดง่ายๆ เธอดูจริงจังมากเกินปกติเหมือนกำลังระบายอารมณ์ที่อึดอัดใจ ศศิกับอ้อมยังคงดูพฤติกรรมเพื่อนสาวต่อไป
"นี่มันโอเคหรือเปล่า" ศศิถาม
"ดูเหมือนคนเครียดนะ" อ้อมว่า
"มันจะเครียดอะไร มันเพิ่งขายงานใหญ่ผ่าน เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งนะ จริงๆมันต้องสดชื่นกว่านี้ป่ะ"
อ้อมยักไหล่เพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน
เทรนเนอร์ที่ซ้อมกับซันเริ่มเหนื่อย
"เอาล่ะ พอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ"
เทรนเนอร์ยกเครื่องป้องกันลง แต่ซันเหมือนไม่ได้ยินจึงยกขาขึ้นแล้วเตะอย่างแรง ผลั๊ก ซันเตะเข้าปลายคางเทรนเนอร์อย่างจัง เทรนเนอร์ล้มลง ซันตกใจจึงรีบก้มลงไปดู
"น้อง เป็นอะไรมากไหม พี่ขอโทษ"
ศศิกับอ้อมรีบเข้าไปช่วยดูสถานการณ์
อ่านต่อหน้าที่ 4
ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
อ้อม ซัน และศศิยังอยู่ในชุดเล่นกีฬาเพราะเพิ่งกลับมาจากฟิตเนส ทั้งสามนั่งคุยกันอยู่
"สรุปว่า วุธเขาก็เลยลาออกจากบริษัทไปเรียบร้อยแล้ว" ศศิสรุป
"แล้วเขามีแผนจะไปทำอะไรต่อ" อ้อมถาม
"ก็ไม่รู้เขาเหมือนกัน เขาแต่ว่าต้องหางานที่มั่นคงกว่านี้ จะได้เลี้ยงครอบครัวได้" ซันบอก
"หรือว่าเขาอาจไปทำงานบริษัทพ่อจ๋า ได้ยินว่าพ่อจ๋าเขามีบริษัทพวกอิมพอร์ตเอ๊กซ์พอร์ตใหญ่เป็นอันดับต้นๆของประเทศเลยนะ"
ยิ่งได้ยิน ซันก็ยิ่งเซ็งและก็หงุดหงิด ศศิสังเกตเห็น
"นี่แกก็ได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ยังเครียดเรื่องอะไรอีกล่ะซัน" ศศิถาม
"เครียดอะไร ไม่ได้เครียด ไม่เครียดเลย สบายดี" ซันปากแข็ง
"ไม่เครียดได้ยังไง เตะเสยปลายคงเทรนเนอร์ซะขนาดนั้น" ศศิว่า
"มีอะไรก็บอกพวกเราได้นะซัน ยังไงพวกเราก็อยู่ข้างแกเสมอ" อ้อมบอก
ซันเริ่มใจอ่อนเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ศศิกับอ้อมรอฟัง แต่แล้วซันก็เปลี่ยนใจ
"เฮ้ย อะไรกันเนี่ย อ้อม เจ๊ อย่ามองแบบนั้นสิ บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร ไม่มีจริงๆ"
"ถ้าไม่มีก็แล้วไป" ศศิบอก
ซันหาทางเปลี่ยนเรื่อง "เอออ้อม แล้วเรื่องเตรียมท้องของแก พยาบาลเขาว่าไงอีก"
"เขาก็บอกว่าให้ดูแลสุขภาพ แล้วลองปล่อยไปตามธรรมชาติ ถ้า3-4เดือนไม่ท้อง แล้วค่อยไปตรวจภายในดู"
"การไม่มีลูกเป็นลาภอันประเสิรฐ แกจะพยายามไปทำไม ดูพี่สิสนุกได้แป๊บ พอเย็นก็ต้องรีบกลับไปหาข้าวปลาให้ลูกกับสามีแล้ว เฮ้อ ชีวิตนี้มีแต่ภาระ"
"เออ พูดถึงสามีพี่ศิ วันก่อนตอนอ้อมไปหาวินที่โรงพยาบาล อ้อมเจอพี่โจด้วยนะ" อ้อมบอก
"โจ ไปทำอะไรที่โรงพยาบาล" ศศิสงสัย
ศศิเดินเข้ามาในห้องนอนก็เห็นเสื้อของโจที่เพิ่งถอดถูกวางไว้อย่างลวกๆบนเตียง เธอได้ยินเสียงว่าโจอยู่ในห้องน้ำ ศศิจึงหยิบเสื้อเชิ้ตของโจขึ้นมาตรวจดูแต่ก็ไม่เจอร่องรอยผิดปกติใดๆ
ศศิยังไม่แน่ใจจึงหยิบไฟฉายที่ลิ้นชักโต๊ะหัวเตียงออกมาเปิดส่องหาพิรุธไปรอบๆเสื้อแต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดสังเกต เสียงโจเปิดประตูห้องน้ำออกมา ศศิรีบเอาไฟฉายเก็บที่แต่เสื้อยังคาอยู่ในมือ
"อ้าวศิ นี่เอาเสื้อโจมาทำอะไร" โจถาม
"ก็แค่เอามาดูว่ามีรอยเปื้อนอะไรตรงไหนบ้าง ถ้าเปื้อนมากจะได้แยกซักมือไงจ๊ะ"
ศศิทำไม่รู้ไม่ชี้ เธอวางเสื้อกลับลงในตะกร้าแล้วพยายามเลียบๆเคียงๆถาม
"เห็นอ้อมบอกว่าวันนี้โจไปตรวจร่างกายมา"
"ใช่"
"ทำไมไม่บอกศิก่อน จะได้ไปด้วย"
"มันกระทันหันน่ะ พอดีบริษัทประกันโทรมาว่ากรมธรรม์ใกล้จะหมดอายุ ต้องรีบต่อแล้วก็ต้องตรวจสุขภาพด้วย โจก็เลยต้องรีบไป ที่จริงศิก็น่าจะหาเวลาไปตรวจเหมือนกันนะ เห็นว่าช่วงนี้ปวดหัวบ่อยใช่ไหม"
"ก็ตั้งแต่ไปช่วยงานยัยซันนั่นแหละ ไมเกรนกำเริบอีกแล้ว"
"ศิก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ โจเป็นห่วงรู้ไหม"
โจเข้ามากอดเพื่อเอาใจภรรยาสุดๆ
วันต่อมา โจนั่งคุยกับลูกค้าจากโรงแรมแห่งหนึ่งอยู่ที่บริษัท ลูกค้าดูสมุดงานออกแบบสีหน้าพอใจก่อนจะพูดกับโจ
"เท่าที่ดูผลงานมาหลายเจ้า ผมว่าดีไซน์ของบริษัทคุณนี่สวยที่สุดแล้วนะ ตกลง! ทางโรงแรมของเราจะจ้างบริษัทของคุณ ให้เป็นผู้ออกแบบภายในทั้งหมด"
โจดีใจ "ยินดีมากครับ"
ทุกคนลุกขึ้นยืนจับมือกัน
"ตอนนี้เรากำลังจะรีแบรนด์ภาพของโรงแรมใหม่ แล้วก็จะรื้อการตกแต่งภายในทั้งหมดทุกโรงแรมในเครือ งานนี้หนักแน่ เอาให้เจ๋งเลยนะคุณโจ"
"ครับ"
"เป็นอันว่าตามนั้น แล้วผมจะให้คนส่งสัญญามาให้"
ลูกค้าเดินออกจากห้องประชุมไป โจเดินตามไปส่ง ลูกค้าเดินแยกไปทางหนึ่ง จากนั้นโจจึงเดินกลับห้องตัวเองด้วยความรู้สึกดีใจกับความสำเร็จ เขารีบกดโทรศัพท์
ข้าวหอมลูกของศศินั่งเบ่งอยู่ในห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์มือถือของศศิดัง ศศิที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำกดโทรศัพท์ เสียงการ์ตูนจากทีวีดังรบกวนตลอดเวลา
"ว่าไงโจ มีอะไรด่วนรึเปล่า"
โจเดินคุยโทรศัพท์เข้ามาในห้องทำงานของตัวเองอย่างอารมณ์ดี
"ไม่มีเรื่องด่วนจ้ะ แค่มีเรื่องอยากคุย จะบอกศิว่า...”
ศศิถือโทรศัพท์ฟังโจ แต่เสียงของข้าวหอมที่ดึงเสื้อศศิอยู่ร้องแทรกขึ้นมา
"คุณแม่ขา อย่ามัวคุยโทรศัพท์สิคะ นี่ข้าวหอมกำลังจะเข้าห้องน้ำนะ"
ศศิพูดโทรศัพท์ "รอแป๊บนะ" ศศิหันไปบอกข้าวหอม "แม่คุยกับคุณพ่อแป๊บนึงลูก ลูกเข้าเองได้ไหม"
"ไม่ได้ค่ะ ต้องให้คุณแม่อยู่ด้วย"
"จ้ะ งั้นรอแป๊บนะ" ศศิพูดโทรศัพท์ "โจ ว่าไง"
"จำได้ไหม โรงแรมห้าดาวที่โจเคยเล่าให้ฟังน่ะ เขาตกลงให้บริษัทเราออกแบบภายในให้แล้วนะ"
เสียงการ์ตูนจากทีวีดังลั่นขึ้นมา ต้นกล้านั่งดูทีวีอยู่ ศศิเดินมาหรี่เสียงพร้อมกับบ่นลูก
"ต้นกล้า ห้ามเปิดทีวีเสียงดัง แม่บอกแล้วใช่ไหม" ศศิพูดโทรศัพท์ "ว่าไงนะ"
"เราได้งานใหญ่แล้ว ลูกค้าตกลงจะทำสัญญาเมื่อกี๊นี้เอง"
"งั้นก็ดีสิ โจรองานนี้มาตั้งนาน"
"เย็นนี้เราไปฉลองกันนะศิ ไปดินเนอร์โรแมนติคกันสองคน ฝากป้าสุขให้ช่วยดูเด็กๆ ให้หน่อย"
"ไม่ได้หรอก วันนี้ยัยข้าวหอมท้องเสียหนักเลย ไม่รู้ไปกินอะไรมา"
"อ้าวเหรอ"
"ใช่ วันนี้ไม่สะดวกหรอก อย่าไปเลย ศิดูลุกดีกว่า เผื่อว่าลูกเป็นอะไรขึ้นมา จะได้พาไปหาหมอทัน"
"แต่นี่มันวันพิเศษนะ"
เสียงข้าวหอมดังขึ้นอีก
"แม่ขา....ไม่ไหวแล้วค่า"
ศศิตอบลูก "โอเคจ้า" ศศิพูดโทรศัพท์ "แค่นี้ก่อนนะโจ เดี๋ยวพาลูกเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วค่อยโทรคุยกัน"
โจกดวางสายด้วยความผิดหวังเล็กน้อยที่ภรรยาไม่สนใจ จากนั้นเขาก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์หาใครบางคน
แก้วไวน์สองใบยื่นมาชนกันในแสงสลัวของร้านอาหาร โจนั่งกินข้าวกับลัดดาในบรรยากาศโรแมนติค ลัดดามีท่าทางปลาบปลื้มและดูอ่อนหวาน ไร้เดียงสา
"ขอแสดงความยินดีกับเรื่องงานของพี่โจด้วยนะคะ"
"ขอบใจมากจ้ะ ตอนพี่โทรหาไม่คิดว่าลัดดาจะยอมมา"
"ทำไมล่ะคะ พี่โจก็ไม่ใช่เสือสิงห์ซะหน่อย ไม่เห็นจะต้องกลัวเลย แล้วได้มาดินเนอร์สองต่อสองในบรรยากาศแบบนี้ ยังกับฝันน่ะค่ะ"
"อะไรกัน ไม่เคยไปกินข้าวกับผู้ชายสองต่อสองหรือเรา"
"เคยค่ะ แต่ไม่เคยออกมากับผู้ชายอย่างพี่โจ"
"ผู้ชายแบบพี่ทำไมหรือ"
"ก็ดูมีสไตล์ ไม่คร่ำครึ ไม่เหมือนพวกหมอน่ะค่ะ หมอที่โรงพยาบาลน่ะน่าเบื่อ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเชยๆ ไม่มีสไตล์ หรือไม่ก็แก่"
"พี่ก็แก่นะ"
"สี่สิบผู้ชายยังไม่แก่หรอกค่ะ เขาว่ากันว่าผู้ชายวัยสี่สิบ ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง โดยเฉพาะพี่โจน่ะ ยังสมาร์ทอยู่เลย ดูยังไงก็เหมือนหนุ่มๆ"
คำพูดของลัดดากระตุ้นความจำของโจทำให้นึกถึงคนที่บ้าน
ภาพในความคิดของโจ คือภาพศศินั่งอยู่กับลูกๆ โจเพิ่งลงบันไดบ้านมา ศศิหันมาเห็นโจก็ทักขึ้น
"โจ! นี่ใส่เสื้ออะไรมาเนี่ย"
โจมองเสื้อตัวเองอย่างงงๆ ปกติเขาเป็นเป็นผู้ชายที่ชอบแต่งตัวตามสไตล์สถาปนิก แต่เสื้อที่เขาใส่อยู่ดูวัยรุ่นเกินไป
"ทำไม ไม่สวยเหรอ ตัวใหม่นะเนี่ย" โจถาม
"นี่คิดว่าตัวเองยังหนุ่มอยู่หรือไง ทีหลังหาเสื้อที่มันเหมาะกับวัยตัวเองหน่อยได้ไหม ไม่ใช่หนุ่มๆแล้วนะ นี่ลูกสองเข้าไปแล้ว" ศศิว่า
โจกับลัดดายังอยู่ในร้านอาหาร ลััดดายังคงเอาใจต่อไป
"นอกจากสมาร์ทแล้วยังอบอุ่น"
โจฟังคำว่าอบอุ่นแล้วก็นึกถึงศศิอีกครั้ง
ภาพในความคิดของโจ คือภาพตอนที่โจกับศศินอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ศศิหันหลังให้ไปอีกด้านหนึ่ง โจเอื้อมแขนไปกอด ศศิทำท่าอึดอัด
"นี่ ทำไมต้องมาเบียดขนาดนี้ด้วย" ศศิรำคาญ
"นอนใกล้กันไว้จะได้อบอุ่นไง" โจบอก
"อุ่นเอิ่นอะไรกัน ออกไปห่างๆหน่อยได้ไหมโจ มันร้อน"
โจพลิกตัวกลับมาก่ายหน้าผากอย่างเซ็งๆ
ลััดดาเริ่มกุมมือโจแล้วยิ้มอย่างมีความหมาย
"ลัดดาน่ะ ประทับใจพี่โจตั้งแต่แรกเห็นเลยนะคะ"
โจตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน
โจนั่งรออยู่ในห้องที่โรงแรม ลัดดาเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเซ็กซี่ เย้ายวน
"แน่ใจหรือว่าเราจะทำแบบนี้" โจถาม
"แน่ใจตั้งแต่เห็นผลตรวจสุขภาพพี่โจแล้วค่ะ" ลัดดาบอก
โจไม่เข้าใจ "หือ"
"พี่โจร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคร้าย และที่สำคัญทำหมันแล้ว หมายความว่าทุกอย่างปลอดภัย เราต่างก็ไม่มีอะไรต้องเสี่ยง ใช่ไหมคะ"
โจเริ่มรู้แล้วว่าที่จริงลัดดาเป็นแม่เสือสาวที่มาในคราบแมวเหมียว ลัดดาเข้ามากอดคอโจทันที
ศศิเปิดอัลบั้มรูป เธอดูภาพเก่าๆ ในขณะที่ลูกๆสองคนนั่งอยู่ข้างๆ สามแม่ลูกชวนกันดููรูป ภาพถ่ายหนึ่งเป็นภาพศศิกับโจตอนยังเป็นหนุ่มสาว ถ่ายกับบรรยากาศธรรมชาติ ศศิชี้ให้ลูกๆดู
"รูปนี้ตอนที่พ่อกับแม่ยังไม่ได้แต่งงานจ้ะ ตอนนั้นพ่อกับแม่ชอบไปเที่ยวกัน ไปหลายที่เลย"
ศศิเปิดไปที่อีกหน้าหนึ่งแล้วชี้ให้ลูกดูภาพถ่าย
"นี่ไง ตอนนั้นต้นกล้าอยู่ในท้องแม่ เราไปไหนกันน้า อ้อ..ไปแม่ฮ่องสอน"
"แล้วไหนตอนข้าวหอมอยู่ในท้องแม่ล่ะ" ข้าวหอมถาม
"ตอนที่ข้าวหอมอยู่ในท้องแม่ พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนแล้วล่ะจ้ะ"
"ว้า ไม่ยุติธรรมเลย แล้วนี่ทำไมป่านนี้คุณพ่อยังไม่กลับอีกเนี่ย"
"พ่อเขาโทรมาบอกว่ามีธุระ ต้องคุยงานด่วนกับลูกค้าน่ะลูก"
"ลูกค้าอีกละ อยากจะรู้จริงๆว่าลูกค้ากับลูกๆเนี่ย อะไรสำคัญกว่ากัน" ข้าวหอมตัดพ้อ
"ลูกๆก็ต้องสำคัญที่สุดอยู่แล้ว แต่ที่คุณพ่อเขาต้องทำงานเยอะๆ เพราะต้องหาเงิน มาซื้อบ้านให้เราอยู่ ซื้อของเล่นให้ลูกสองคนเล่น ให้ต้นกล้ากับข้าวหอมได้ไปโรงเรียน มีเสื้อผ้าสวยๆใส่ไงลูก"
"คุณแม่ก็พูดแบบนี้ตลอดแหละ"
"เอาล่ะๆ สองทุ่มครึ่งแล้ว ถึงเวลาไปนอนกันได้แล้วไป"
ศศิปิดอัลบั้มแล้วลุกขึ้น เธอจัดให้ลูกๆเข้าที่นอนก่อนจะปิดไฟให้ แล้วออกจากห้อง
ศศินอนไม่หลับ เธอพลิกตัวกระสับกระส่าย เสียงรถของโจขับเข้ามาในบ้าน ศศิลุกขึ้นมองนาฬิกาที่บอกเวลาตีสาม ศศิเดินไปมองที่หน้าต่างก็เห็นแสงไฟสาดส่องจากรถของโจที่แล่นเข้ามาในบ้าน
โจขึ้นบันไดบ้านแล้วตรงมายังห้องนอน เขาเห็นศศิยืนรออยู่ก็ตกใจเล็กน้อย
"อ้าว ยังไม่นอนหรือศิ"
"ไปไหนมา"
ศศิถามเสียงเรียบๆ โดยไม่เหวี่ยงวีน
"ไปคุยงานกับลูกค้า แล้วก็เลยพาลูกค้าไปเลี้ยง"
โจตั้งใจวางกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อให้ศศิได้เห็น
"เดี๋ยวโจมานอนนะ มีงานต้องเคลียร์อีกนิดนึง"
โจเดินออกไปจากห้อง
ศศิมองโทรศัพท์โจแล้วแอบเข้าไปหยิบมากดเช็คดูเบอร์โทรและข้อความแต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ ศศิวางโทรศัพท์กลับที่แล้วขึ้นไปบนเตียงนอน
โจเข้ามาในห้องทำงานแล้วจึงค่อยๆ ล้วงหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องออกมาจากกระเป๋าสะพาย โจนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานพลางกดข้อความแชทกับลัดดา ข้อความในโทรศัพท์โจพิมพ์ว่า "กำลังจะนอนแล้วจ้ะ" "ต่อไปเราติดต่อกันที่เบอร์นี้เบอร์เดียวนะ"
ข้อความกลับจากลัดดาตอบกลับมาว่า “ได้ค่ะ” "คิดถึงแล้วอ่ะค่ะ"
โจกดพิมพ์ตอบ "เช่นกันครับ"
ข้อความจากลัดดา “ฝันดีนะคะ"
โจกดปิดเครื่องแล้วซ่อนโทรศัพท์ไว้ในลิ้นชัก
เจนไขกุญแจห้องแล้วผลักประตูเข้ามาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนจากการทำงาน เจนวางกระเป๋าและซองจดหมายต่างๆ ลงบนโต๊ะกลางห้อง จากนั้นเธอก็รินน้ำดื่มแล้วกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา
"เฮ้อ จบไปอีกวัน ได้พักซะที"
พลันสายตาเจนก็เหลือบไปเห็นบิลค่าบัตรเครดิตที่หยิบมาพร้อมซองจดมายต่างๆ เจนหยิบซองบิลค่าบัตรมาเปิดออกดู พอเห็นตัวเลขยอดการใช้บัตรแล้วเธอก็ถึงกับช็อค
"ฮ้า!.... นี่ฉันรูดบัตรไปขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย"
สักพักเจนก็คิดได้จึงถอนหายใจโล่งอก
"เอาล่ะ ใจเย็น พรุ่งนี้สิ้นเดือน วันเงินออก พอได้เงินแล้วค่อยเอาไปจ่ายก็แล้วกัน"
เจนยังชิลๆ เมื่อรู้ว่ายังมีความหวังอยู่ เธอมั่นใจว่าสิ้นเดือนจะได้ค่าคอมมิสชั่นอย่างงาม
เช้าวันใหม่ เจนมาถึงบริษัทซึ่งมีป้ายชื่อ “TT Marketing” กลุ่มพนักงานอื่นจับกลุ่มกันอยู่หน้าประตูกันอยู่ เจนสงสัยว่ามายืนทำอะไรกัน เธอทำท่าจะผลักประตูเข้าไปเหมือนเคย แต่เพิ่งเห็นว่าประตูถูกปิด มีโซ่อันใหญ่คล้องล็อคประตูอยู่
"อ้าว วันนี้บริษัทปิดเหรอ ไม่เห็นมีใครบอกเลย"
เจนหันไปมองพนักงานคนอื่น แต่ทุกคนส่ายหน้าบอกไม่รู้ เจนงงและพยายามโทรเข้าไปในสำนักงาน เสียงโทรศัพท์ที่ออฟฟิศดังขึ้น แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครมารับสาย ไม่นานนัก รปภ.ของบริษัทก็สะพายเป้เดินมาจากมุมหนึ่ง
"พี่ยามคะ พี่ล็อคประตูทำไม พวกเราต้องเข้าไปทำงานนะ" เจนว่า
"ผมไม่ได้เป็นคนล็อคครับ เจ้าของบริษัทเขาล็อคเอง" รปภ. บอก
"อ้าว แล้ววันนี้หยุดเหรอ"
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อเช้านายโทรมาบอกว่าให้ผมออก เพราะบริษัทปิดแล้ว"
รปภ. ชี้ให้ดูป้ายที่แปะอยู่มุมหนึ่งหน้าประตูซึ่งเขียนว่า "ปิด!” จากนั้น รปภ. ก็แบกของออกจากบริษัทไปเลย เจนตะลึงและงงงัน เสียงโทรศัพท์เจนดัง เจนกดรับสาย
"นี่น้องเซลล์ จำพี่ได้ไหม พี่ที่ซื้อประกันกับน้องไปน่ะ"
"ค่ะ"
"นี่ พี่เพิ่งได้ข่าวว่าบริษัทน้องถูกปิด แล้วตอนนี้เจ้าของบริษัทก็หนีคดีโกงทรัพย์ไปไหนไม่รู้"
เจนตกใจ "ฮ๊า!!”
"แล้วเงินที่หักพี่ไปจากบัตรพี่สองหมื่นห้า จะทำยังไง"
"เอ่อ หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันน่ะค่ะ"
"ไม่ทราบได้ยังไง! ตอนขายหล่อนพูดอย่างึง ตอนนี้ก็อีกอย่างนึง เอาเงินฉันคืนมาเดี๋ยวนี้"
เจนรีบกดตัดสายทิ้ง ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกซึ่งเป็นอีกเบอร์ เจนกดรับสาย
"ฮัลโหล"
เสียงผู้ชายเหวี่ยงมาจากปลายสาย
"ฮัลโหล นี่คุณที่เป็นเซลล์บริษัท ใช่ไหม เอาเงินผมไปแล้วมาปิดบริษัทหนีกันแบบนี้ได้ยังไง"
เจนหน้าเหวอเพราะรู้ชัดว่าถูกโกงแล้ว
เจนนั่งจ๋อยอยู่ที่ร้านกาแฟ โทรศัพท์มือถือยังวางอยู่ตรงหน้าโดยปิดเสียงแล้วเปิดสั่นไว้ มีสายเรียกเข้าแทบตลอดเวลา เจนได้แต่มองแต่ไม่กล้ารับ
"โอย ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย"
อาร์ทเข้ามาสั่งกาแฟที่เคาท์เตอร์ เขาหันมาเห็นเจนกำลังนั่งกุมหัวอยู่ อาร์ทเข้ามาหาเจนที่โต๊ะ
"เรื่องเจ้าของบริษัทคุณปิดบริษัทหอบเงินหนีไปน่ะ ผมเห็นข่าวแล้ว"
เจนเงยหน้ามองก็เห็นว่าเป็นอาร์ทจึงหมดอารมณ์ต่อล้อต่อเถียง
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย ไม่ต้องยุ่งได้ป่ะ"
หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นเพราะมีสายเข้าอีก เจนเครียดหนัก
"เฮ้ย จะโทรมาทำไมนักเนี่ย โทรมาหาฉัน ฉันก็ไม่มีปัญหาคืนเงินหรอก ขนาดฉันเอง ยังโดนโกงค่าแรงเลย"เจนอยากร้องไห้ "ฮือๆๆ ชีวิตอีเจนนี่ทำไมมันเศร้าอย่างนี้"
อาร์ทคว้าโทรศัพท์มารับสายเองหน้าตาเฉย
"ฮัลโหล ขอโทษนะครับ เจ้าของหมายเลขนี้ไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องการโกงของบริษัทTT Marketing เพราะฉะนั้นเลิกโทรได้แล้ว"
อาร์ทกดวางสายทันที เจนมองตามหน้าเหวอ
"นี่นายทำอะไรเนี่ย"
"ก็ทำให้เขาเลิกโทรกวนซะทีไง คุณเองก็ปิดเครื่องไปเลย ถ้าจะให้ดีก็ไปเปลี่ยนเบอร์ใหม่ไปซะ"
"เออ จริงด้วย เปลี่ยนเบอร์ใหม่ ทำไมฉันถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน"
"ผมบอกคุณหลายครั้งแล้วว่าให้ระวัง อย่าไปไว้ใจคนอื่นง่ายๆ โดยเฉพาะไอ้บริษัทนั้นคราวนี้เข็ดหรือยัง"
"นี่ ไม่ต้องมาซ้ำเติมกันได้ไหม"
"ผมก็ไม่อยากยุ่งหรอก แต่ที่ต้องมาพูดเนี่ยเพราะผมรำคาญความฝันเฟื่อง โลกสวยของคุณนี่แหละ"
"นี่!”
เสียงพนักงานดังจากเคาน์เตอร์
"กาแฟได้แล้วค่ะ"
อาร์ทเดินไปรับกาแฟ จ่ายเงิน แล้วเดินออกจากร้านไปปล่อยให้เจนเดือดปุดๆอยู่คนเดียว
"อีตามนุษย์ค้างคาว โผล่มาไม่รู้จักเวล่ำเวลา หน้าบูด ตูดก็แฟบ ขอให้กาแฟลวกปากพองไปเลย"
อ่านต่อตอนที่ 4