เนตรนาคราช ตอนที่ 15
โรสลืมตาขึ้นมา เห็นกองไฟอยู่ตรงหน้า อิทธิกำลังถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกแล้วโบกไปมาอยู่ใกล้ๆ โรสขยับตัวมองดู เห็นว่าอยู่ห่างจากแก่งน้ำพอสมควร เธอขยับตัวลุกขึ้น
“นี่อย่าบอกนะว่าน้ำพัดฉันขึ้นมาเกยถึงในนี้”
“ครับ ผมเดินหาพวกเราตามริมแก่ง ไม่เห็นใคร เลยเดินเข้ามาด้านในจะก่อไฟผิงเสื้อผ้า เห็นคุณอยู่ใต้ต้นไม้ตรงนั้นพอดี”
โรสชักปืนขึ้นมาจ่ออิทธิ อิทธิยกมือ
“โอเค โอเค ผมอุ้มคุณเข้ามา ไม่ได้เจตนา ขออภัยครับ รับรองได้ว่าแค่อุ้มอย่างเดียว”
โรสขำ เก็บปืน
“ตกลงมีแค่คุณกับฉัน”
“อ๋อ พวกเราอยู่ทางด้านโน้นครับ กำลังปิกนิกกันอยู่ แค่เปิดโอกาสให้ผมอยู่กับคุณสองต่อสอง”
“คุณนี่กวนน่าดู”
อิทธิยิ้ม โรสมองรอบๆ
“หาอะไรเหรอครับ”
“อุ้มฉันมาถึงนี่ ก่อไฟให้เสื้อผ้าแห้ง นึกว่าจะเตรียมอาหารไว้ด้วยน่ะซิ”
“อ๊ะ แน่นอน”
โรสตาโต
“ล้อเล่นน่า”
“รุ่นนี้ไม่มีล้อเล่น คุณหิวหรือยัง”
โรสขยับตัวนั่ง พยักหน้า
“ได้เลย”
อิทธิเดินไปยังชายน้ำ โรสมองตาม สงสัยว่าจะมีลูกเล่นอะไร สักครู่ก็เห็นอิทธิก้มลงไปที่ชายน้ำ
หิ้วปลาขึ้นมาพวงหนึ่งมีสองสามตัว ชูให้ดู โรสยิ้มตาเป็นประกาย ทึ่งมาก
เวลาต่อมา โรสแกะโคลนที่หุ้มปลาที่เสียบไว้กับกิ่งไม้ ทำให้เกล็ดหลุดเห็นเนื้อสีขาวน่ากิน หยิบเนื้อปลาชิมยิ้มอย่างพอใจ
“ต้องยกนิ้วให้กับพ่อครัว”
“สดๆ จากแหล่งน้ำ”
“เสียดายไม่มีไวน์”
“อ๊ะ อ๊ะ ใครบอกว่าไม่มี”
โรสเหล่ ไม่เชื่อ
“เฮ่ ไม่มีครับ ผมแค่ล้อเล่น”
“ดีแล้วที่ไม่มี ถ้ามีฉันยิงคุณทิ้งแน่ ที่เก็บเอาไว้คนเดียวตั้งนาน”
“แต่”
โรสมอง อิทธิรื้อเป้ของตนหยิบขวดแบนๆ เป็นสีเงินออกมา โรสยิ่งทึ่ง
“มีนี่ครับ สก๊อตครับ”
“ที่แท้คุณเป็นพวก แอลกอฮอลิค ติดเหล้านี่เอง”
“โห เล่นแรง”
โรสขำ
“ความจริงติดไว้เผื่อว่าฉุกเฉินใช้ล้างแผล หรือว่าย้อมใจตอนผ่าตัดเอากระสุนออก แบบในหนังคาวบอยน่ะครับ”
“งั้นเก็บไว้เถอะค่ะ เผื่อต้องผ่าตัดคุณ”
อิทธิสะอึกแกล้งทำหน้ามุ่ย ทั้งสองคนต่างยิ้มให้กัน สบตากัน สายตาเป็นประกาย โรสเริ่มทึ่งอิทธิ ทั้งๆ ที่ตัวเองเย็นชาตลอด อิทธิก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลาย รอยยิ้มจึงหวานขึ้นโดยไม่รู้ตัว อิทธิหัวใจพองโต
พรานเมิงเดินดุ่มๆ มากับนายอง ตามชายน้ำ
“โชคดีนะที่ข้าคว้าเองไว้ทัน ไม่ยังงั้นเอ็งลอยน้ำไปไหนๆ แล้ว”
“โห่เอ๊ย หลงอยู่กับพ่ออีก น่าเบื่อ”
นายองบ่นแต่แล้วสายตาก็เบิกกว้าง ตรงหน้าไกลออกไป คือ นพดลกับพรานโก๊ะ กำลังใช้ท่อนไม้ แทงปลาตามแก่งน้ำ นายองวิ่งเข้าไปหา
“พี่หมอ พรานโก๊ะ”
“เฮ้ย เบาๆ เดี๋ยวไอ้พวกนั้นก็โผล่มาอีกหรอก”
พรานเมิงร้องห้ามลูกสาว
เวลาต่อมา นายองนั่งกินปลาย่าง สบายอารมณ์
“พวกนั้นมันจะตามเรามาอีกมั้ยพ่อ”
“มาแน่ เรายังอยู่เขตของพวกมัน เราต้องรีบตามหาทุกคนให้เร็วที่สุด”
“มีทั้งนายอง มีทั้งพรานเมิง ยังไงก็ต้องหาพวกเราเจออยู่แล้ว ยิ่งพรานโก๊ะอยู่ด้วย ยิ่งเจอเร็วเข้าไปอีก”
“เจอพวกมันน่ะซิ” นายองย้อน
ทั้งหมดต่างขำกัน พรานโก๊ะเหล่ แต่อดยิ้มไม่ได้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกลองดังมาในระยะไกล ทุกคนต่างขยับตัว
“เสียงกลอง พ่อ”
ทุกคนต่างฟังอย่างตั้งใจ กังวล
“พวกมันเอาเราแน่”
โรสกับอิทธิก็ได้ยินเสียงกลองเช่นกัน
“เสียงกลอง”
“มีงานวัดแถวนี้”
“บ้าซิ พวกมันกำลังตามล่าพวกเรา เราต้องรีบตามหาพวกเราให้เจอเร็วที่สุด โดยเฉพาะนายอง”
โรสบอก พลางคว้าเป้ ทั้งสองเตะกองไฟให้ดับ พร้อมที่จะเคลื่อนตัว แต่แล้วอิทธิก็พุ่งเข้าคว้าตัวโรสเข้าไปใต้พุ่มไม้นอนราบ หมอบชิดกัน โรสกระชากปืนออกมา แต่อิทธิจับปืนไว้
“ใช้มีดครับ เสียงปืนเดี๋ยวพวกมันยิ่งแห่กันมา พวกเราที่อยู่แถวนี้จะแย่ไปด้วย”
โรสพยักหน้าเก็บปืน แล้วกระชากมีดขึ้นมา เช่นเดียวกับอิทธิ
ชาติอยู่กับกาญจนาและรัตนากรก็ได้ยินเสียงกลองเช่นกัน
“พวกมันกำลังส่งสัญญาณกัน”
“ทำไมพวกมันถึงตามล่าพวกเราไม่หยุด” รัตนากรแปลกใจ
“กาญว่าพวกนี้คือเขี้ยวนาคราช ที่จะไม่ยอมปล่อยให้เรารอดไปได้”
“เรากระจายกันแบบนี้ ไม่ดี รีบหาพวกเราดีกว่า”
ชาติรีบออกไป สองสาวตามติด
อัศวินยืนมอง ฟังเสียงกลองแว่วโต้ตอบกันไปมา
“พวกมันกำลังโต้ตอบกัน นึกว่าจะพ้นพวกมันแล้วซะอีก”
“เราจะทำยังไงครับ เราน่าจะรีบหนี”
“ใจเย็นคุณวีรกิจ แค่ผมกับคุณสองคน ยังไงก็ไม่พอมือพวกมัน รอพวกเราอยู่ที่นี่ เป็นทางเดียวที่เราจะรอด”
วีรกิจเงียบลง สายตาสอดส่ายไปมาตื่นเต้น
พรานอองข่านนำทุกคนมา แล้วยกมือเป็นสัญญาณให้หยุด เงี่ยหูฟัง โจซิงเดินเข้ามาหาพร้อมอังโซะ
“มีอะไรอีกล่ะพราน”
“พวกเอ็งไม่ได้ยินเสียงกลองเหรอ”
“ได้ยิน ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นพวกมันออกตามล่าทุกคน”
อังโซะยิ้ม ไม่ตื่นเต้น ชินกับเหตุการณ์ ขยับปืนในมือ
“กำลังเซ็งอยู่พอดี”
อังโซะกับโจซิงต่างตีมือกัน เคน เฮนรี่ หลิน ปิง หยก สมุนเคนเดินเข้ามา
“ว่าไงพราน”
“เสียงกลองมาจากทิศที่เราจะเดินทางไป เรากำลังจะเดินเข้าไปหาพวกมัน”
เคนกับหลินต่างมองหน้ากัน
“เอางี้ดีกว่า มิสเตอร์เฮนรี่ พวกคุณไปกันก็แล้วกัน ผมเปิดโอกาสให้คุณได้เจอเนตรนาคราชก่อนผม ผมจะรอคุณที่นี่” เคนบอก
โจซิงกับอังโซะเริ่มขยับตัว เช่นเดียวกับ ปิง หยก และ สมุนของเคน เฮนรี่จ้องคาดไม่ถึง
พวกชนเผ่าประมาณ 5 คนถือหอก ดาบ เดินอย่างระมัดระวังเข้ามายังที่โรสกับอิทธิพักอยู่
“พวกมันต้องเห็นกองไฟ”
“ครับ เราต้องเล่นงานพวกมันก่อน”
“ของฉันสามคนทางซ้าย คุณสองคนทางขวา”
“โห มากไป ผมสี่คนทางขวา คุณคนเดียวทางซ้าย”
“อย่าซ่า ฉันสองคนซ้าย คุณสามคนขวา”
“โอเค”
ทั้งสองเอามีดแตะกัน ต่างจ้อง เห็นพวกมันคนหนึ่งชี้ให้ดูที่กองฟืน พวกมันห้าคนต่างพรวดเข้ามาตรวดดู
“นาว” โรสพูดขึ้น
ทั้งสองพุ่งออกไปตามที่นัดแนะกัน โรสสองคนทางซ้าย อิทธิสามคนทางขวา พวกมันห้าคนลุยเข้ารุมล้อมประชิดตัว สู้กัน เวลาผ่านไปโรสจัดการสองคนจนได้ เช่นเดียวกับอิทธิ
แต่ได้สองคน อีกคนหนึ่งวิ่งหนีไป โรสกับอิทธิสะบัดมือออกไปพร้อมกัน มีดสองเล่มพุ่งเข้าปักกลางหลังของมันไปไม่รอด ทั้งสองยิ้มให้กัน
เฮนรี่กำลังคุยกับพวกของเคน
“ถ้าผมเจอเนตรนาคราชก่อน แล้วผมจะเอามาได้ยังไง”
เคนหัวเราะ “ถ้าผมไปกับคุณ ผมอาจถูกพวกชนเผ่าฆ่าตาย ไม่มีความหมายอะไร ไม่ได้อะไรขึ้นมา อาจจะไม่ได้เห็นแม้กระทั่งเนตรนาคราช”
เฮนรี่มองหน้าเคน อ่านออกว่าเคนเริ่มตุกติก
“ผมรอคุณอยู่ที่นี่ ผมมีความหมายขึ้นมาทันที คุณต้องพึ่งผม และคุณต้องจ่ายผม”
“ตกลงคุณจะเอายังไง”
“เอ้าพลุสัญญาณมา”
ลูกน้องเคนเดินออกมาพร้อมเป้ใบหนึ่งส่งให้โจซิง โจซิงกระชากเป้มา เสียอารมณ์ เคนยิ้มเหนือเชิง
“คุณเจอเนตรนาคราชเมื่อไหร่ ยิงพลุสัญญาณ มีแค่สองอันนะครับ อย่ายิงสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วผมจะไปขนให้คุณ”
“ผมเชื่อว่าราคาต้องสูง”
“คุณจ่ายได้น่า ถ้าคุณจ่ายไม่ไหว คุณหลินพร้อมจ่ายอยู่แล้ว”
“ไม่มีการเบี้ยว”
“ผมรับประกันได้ว่าไม่มีความรุนแรง ไม่มีปืน ไม่มีลูกปืน มีแต่ตัวเลข”
เฮนรี่กับหลิน ต่างประสานสายตาเคร่งเครียดต่อกัน เคนหัวเราะชอบใจ
อ่านต่อหน้า 2
เนตรนาคราช ตอนที่ 15 (ต่อ)
พวกชนเผ่าราวห้าคน วิ่งผ่านชายป่าไป ชาติกับซามูหลบอยู่ในพุ่มไม้ สักครู่ชาติก็หันไปส่งสัญญาณให้รัตนากรกับกาญจนาที่อยู่อีกด้านหนึ่งว่าปลอดภัย ทั้งหมดออกมารวมตัวกันอีกครั้ง
“ดีที่พวกมันไม่เห็นพวกเรา”
“หลีกเลี่ยงการปะทะดีที่สุด” รัตนากรบอก
ซามูส่งสัญญาณมือเตือนชาติ ชาติหันมาบอกทุกคน
“เรารีบไปกันเถอะครับ”
ทั้งหมดต่างขยับตัว แต่แล้วชาติเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนครับ”
ชาติก้าวออกไปตรงชายน้ำ กระชากมีดออกมา กรีดไปมาบนหิน แล้วเดินกลับมา
“ไปได้แล้วครับ”
“คุณชาติทิ้งเครื่องหมายไว้” รัตนากรถาม
“ครับผม”
ทั้งหมดต่างยิ้มให้กัน กาญจนามองด้วยความทึ่ง รัตนากรจับสังเกตแล้วเดินออกไปก่อน ชาติผายมือให้กาญจนาเดินตามไป กาญจนายิ้มขอบคุณ พลันเหยียบก้อนหินลื่น ชาติคว้ามือไว้ได้ทัน
“ขอบคุณค่ะ”
“เชิญครับ”
กาญจนาเดินออกไป ชาติเดินตาม
อัศวินมองไปมาอย่างระวัง ก่อนหันมาบอกกับวีรกิจ
“คุณรออยู่ที่นี่ก่อน”
“หา ไม่ได้หรอกครับ ผมคนเดียวเดี๋ยวพวกมันมา ผมก็ตายน่ะซิ”
“ตรงโน้นมีที่หลบมิดชิด จะเสี่ยงน้อยกว่าไปกับผม ที่นี่เป็นจุดสุดท้ายที่พวกมันจะมาถึง ผมจะทวนน้ำขึ้นไปหาพวกเรา”
“แต่”
“ผมเดินทางคนเดียวปลอดภัยกว่า คุณไปด้วยเราอาจจะตายกันทั้งสองคน”
วีรกิจถอนใจ ในที่สุดก็พยักหน้า อัศวินปลอบ
“ถ้าคุณอยู่เงียบๆ รับรองว่าปลอดภัย”
วีรกิจฝืนยิ้ม อัศวินหันหลังวิ่งออกไป วีรกิจจากสีหน้าจ๋อยเป็นแค้นเคือง สายตาวาว
“โธ่เอ๊ย ข้าไม่ไปกับเอ็งให้โง่หรอก”
วีรกิจกระชากปืนออกมา ปลดลูกปืนออกประมาณ 5-6 ลูก แล้วโยนออกไปรอบทิศทางห่างออกไป ยิ้มสะใจมีแผน
ซามูนำชาติกับทุกคนลัดเลาะมุ่งไปยังปลายน้ำอย่างเร่งรีบ เสียงกลองดังขึ้นอีก ทันใดนั้นลูกธนูวิ่งเข้ามาเป็นสิบ ชาติรีบเอาตัวบังกาญจนาไว้
“ทุกคนระวัง หลบเข้าไปในป่าก่อน”
ทั้งหมดถอยตัวเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว ชาติรีบคว้ามือกาญจนาวิ่งผ่านรัตนากรซึ่งกระชากมีดออกมา ปล่อยให้ทุกคนผ่านไป พวกมันโผล่ออกมาจากป่าพอดีนับสิบคน รัตนากรตีลังกาข้ามเข้าไปกลางกลุ่ม ต่อสู้ประชิดตัว ชาติดึงกาญจนาเข้ามาด้านใน ซามูตามติด
“ซามู คุณกาญต้องไม่เป็นอะไร”
ซามูพยักหน้า ชาติออกไป กาญจนามองอย่างซึ้งใจ
ชาติออกไปช่วยรัตนากรสู้กับพวกชนเผ่า พวกชนเผ่าเริ่มล้มไปทีละคนสองคน
แต่แล้วพวกมันก็ออกมาจากป่าอีกเกือบสิบคน กาญจนามองอย่างเป็นห่วง
“ซามู ออกไปช่วยเร็ว”
ซามูส่ายหน้า ชี้ที่กาญจนากับตัวเอง กาญจนาร้อนใจ ทำอะไรไม่ถูก กระชากปืนออกมา ซามูรีบห้ามไว้ ส่ายหน้า ทำมือวนๆ แล้วชี้ไปรอบๆ หมายความว่า เดี๋ยวพวกมันจะแห่กันมาอีก กาญจนาร้อนใจ แต่แล้วซามูชี้ให้ดู กาญจนามองไป
“พี่อัศวิน”
อัศวินอัดพวกมันคนหนึ่งกระเด็นออกไป แล้วรีบไปหารัตนากร ยันคนหนึ่งที่รุมอยู่กระเด็นไป
“พี่คิดถึงรัตน์จัง”
รัตนากรชกอีกคนกระเด็นไป แล้วหมุนตัวเข้ามาใกล้อัศวิน
“ไม่เชื่อ”
ทั้งสองต่างยิ้ม ชาติหมุนตัวเข้ามาพอดี
“มาถึงก็จีบสาวเลยนะ”
หอกสองเล่มแทงเข้ามา สองคนปัดคว้าไว้ได้ พร้อมกระชากมันเข้ามาแล้วอัดโครม พวกนั้นสองคนกระเด็นไปพร้อมกัน
“อย่าขัดจังหวะ” อัศวินบอก
พวกชนเผ่าเข้ามากันอีก สามคนต่างแยกย้ายกันต่อสู้ ในที่สุดพวกนั้นก็ล้มจนหมด ไม่เหลือกลับไปแม้แต่คนเดียว ทั้งสามต่างยืนหอบยิ้มให้กัน
กาญจนาวิ่งเข้ามากอดอัศวินด้วยความดีใจ
“โอ๋ๆ ขอบใจมากซามู”
ซามูพยักหน้ายิ้มแล้วออกไป
“ไม่เป็นไรนะ” อัศวินถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้ว”
“คุณวีรกิจปลอดภัย พี่ให้รออยู่ที่โน่น”
“ขอบคุณค่ะ”
“เอาล่ะไปได้แล้ว พี่จะกอดแฟนพี่มั่ง”
กาญจนายิ้มชอบใจ ถอยออกไป อัศวินหันไปกอดรัตนากรที่เข้ามาซบอก กาญจนาหันมามองชาติ แต่แล้วก็ตกใจ เมื่อเห็นเลือดตรงไหล่ซ้ายของชาติ
“คุณชาติ บาดเจ็บ”
อัศวินกับรัตนากรหันมา
“อ๋อ เฉี่ยวไปนิดเดียวครับ”
“ยัยกาญฝากดูแลมันหน่อย”
“ค่ะ”
อัศวินโอบรัตนากรเดินออกไป
“ขอดูแผลหน่อยค่ะ”
อัศวินโอบรัตนากรมามุมหนึ่ง
“สองคนนั่นเป็นไง”
“คุณชาติสนยัยกาญมานานแล้ว แต่เก็บไว้ได้ยอดเยี่ยม เป็นสุภาพบุรุษตลอด ไม่แสดงออกให้ยัยกาญเสื่อมเสีย”
“แต่ก็ไม่พ้นสายตาของคุณรัตนากร”
“แน่ล่ะ ขนาดพี่อัศวินยังไม่พ้นเลย”
ทั้งสองต่างหัวเราะกัน แต่แล้วเสียงกลองดังขึ้นมาอีก
“พวกมันกัดไม่ปล่อยเลยจริงๆ”
“พี่ว่า เราใกล้จะถึงเนตรนาคราชแล้ว คนที่เอาเนตรนาคราชมาซ่อน ฉลาดมาก เอามาซ่อนในถิ่นของชนเผ่า ใช้คนพวกนี้เป็นด่านป้องกัน”
ทั้งสองฟังเสียงกลองอย่างกังวลใจ
กาญจนาทำแผลให้ชาติเสร็จ
“ขอบคุณครับ”
“ต้องขอบคุณคุณชาติมากกว่าที่คอยเจ็บตัวป้องกันทุกคน”
“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ”
กาญจนาจ้อง รู้ว่าชาติใช้หน้าที่เป็นข้ออ้างบังความรู้สึก เพราะวีรกิจยังมีตัวตนอยู่ในฐานะคู่หมั้นของเธอ ส่วนกาญจนาเองก็แสดงความรู้สึกออกไปไม่ได้เช่นกัน
“ได้เวลาเต้นรำกันแล้ว เสียงกลองกำลังมัน”
เสียงอัศวินดังเข้ามา ทั้งสองหันไปยิ้มให้อัศวินกับรัตนากร
อัศวินพาทุกคนมาสมทบกับวีรกิจ
“คุณกาญ”
วีรกิจเข้ามากอดกาญจนาด้วยความดีใจ อัศวินกับรัตนากรลอบสบตากันชำเลืองไปทางชาติ ซึ่งยืนหน้านิ่ง ไม่แสดงออก กาญจนาค่อยๆ ถอนตัวออกจากวีรกิจ
“คุณวีรกิจไม่เป็นไร ดีแล้วค่ะ”
“ต้องขอบคุณ คุณอัศวินครับ ที่ดูแลเป็นอย่างดี”
อัศวินได้แต่ยิ้ม
ทั้งหมดปรึกษากันถึงแผนต่อไป
“จุดหมายต่อไปคืออะไรเหรอยัยกาญ” รัตนากรถามขึ้น
“ต้องขอยืมแผนที่ดูแล้วล่ะค่ะ”
อัศวินลอบสบตากับรัตนากร นึกถึงเรื่องที่ทั้งสองเคยคุยกันเรื่องกระบอกแผนที่เปิดไม่ได้เพราะเคยโดนมือวีรกิจ
“ได้ซิ”
รัตนากรหยิบกระบอกแผนที่ส่งให้ กาญจนารับมาเปิดดู กาญจนาเปิดออกจนได้ อัศวิน
ลอบมองรัตนากร รัตนากรยิ้มให้พลางทำมือปาดนิ้วตัวเองว่าได้ใช้เลือดเปิดแล้ว อัศวินยิ้มโล่งอก
“อุโมงค์พญานาค” กาญจนาดูแผนที่
“อุโมงค์พญานาค ผมไม่เห็นจะมีอุโมงค์เลย” วีรกิจถาม
“อาจจะต้องรอให้น้ำลดลงก่อนมั้ง” รัตนากรเดา
ทุกคนต่างมองรอบๆ
“หรือว่าเราต้องขึ้นไปบนเขานั่น” ชาติเสนอ
“ดูเหมือนว่าเราจะไม่มีทางเลือก เอางี้ เรารอให้น้ำลด ถ้าไม่มีอุโมงค์ เราขึ้นไปบนเขา” อัศวินสรุป
อ่านต่อหน้า 3
เนตรนาคราช ตอนที่ 15 (ต่อ)
ตอนบ่าย อัศวินพาทุกคนขึ้นมาบนเขา พบว่าเป็นลานกว้างยื่นออกไป
“น้ำลดก็ไม่มีอุโมงค์ ขึ้นมาจนถึงนี่แล้วก็ไม่มีอุโมงค์ คงไม่มีอุโมงค์แล้วล่ะ”
รัตนากรหันไปเห็นกาญจนายืนเหมือนคนหมดแรง อ่อนใจ จึงรีบเสนอ
“เราพักก่อนดีกว่า”
ทั้งหมดต่างทรุดตัวนั่งลง วีรกิจมองรอบๆ สายตามีพิรุธ รัตนากรมองทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้า เห็นเขาอีกสองสามลูกห่างออกไป
“อย่าบอกนะว่าเราต้องเดินไปถึงเขาพวกนั้น”
“ก็ไม่แน่” อัศวินแซว
กาญจนากางสมุดบันทึกขึ้นมาตรวจดูอีกครั้ง รัตนากรเข้ามานั่งใกล้ๆ
“เป็นไงบ้าง”
“กาญตรวจดูทุกจุดแล้วค่ะ ถูกต้องตามคาดหมาย แต่ทำไมถึงไม่เจออะไรเลย”
“ขอให้วิญญาณคุณพ่อช่วยด้วยเถิด”
รัตนากรยกมือไหว้ กาญจนายิ้มให้กำลังใจกัน ทันใดนั้นจู่ๆ ก็มีลมพัดแรงมา ทำให้กระดาษบางชิ้นที่แนบอยู่กับสมุดปลิวออกไปจากสมุด
“กระดาษ”
“พี่เอง”
รัตนากรพุ่งพรวดตามกระดาษที่ปลิวไปบนพื้นลาด ลมพัดแรง กระดาษปลิวห่างไปไกล รัตนากรเร่งฝีเท้าตาม ทุกคนมองตาม แต่แล้วก็คาดไม่ถึง เสียงรัตนากรร้องลั่น แล้วร่างหายวูบไปในพื้นลาด
“รัตน์”
ทุกคนรีบตามไปทันที ก็พบว่า ตรงหน้าของพื้นลานเป็นปล่องทางเข้าที่ลงไปสู่เบื้องล่าง รัตนากรห้อยต่องแต่งอยู่ มือคว้ากิ่งไม้ใหญ่ที่ยื่นออกมาจากซอกหินของผนังปล่อง
“อุโมงค์พญานาค” กาญจนาอุทาน
“เรามัวแต่มองหาถ้ำ แต่ที่แท้เป็นแบบนี้เอง”
ทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจ
“เฮ้ รีบช่วยหน่อยก็ดีนะ” รัตนากรร้องบอก
ชาติกับซามูหย่อนเถาวัลย์ลงไปยังเบื้องล่างแล้วเอาปลายข้างหนึ่งมัดไว้กับแง่งหินใกล้ๆ จนแน่นแข็งแรง
“รัตน์ เถาวัลย์เรียบร้อยแล้ว”
“โอเค”
รัตนากรเหวี่ยงตัวแล้วคว้าเถาวัลย์ไว้ได้อย่างสบาย เธอค่อยๆ หย่อนตัวลงไปจนถึงพื้น
“ผมจะลงไปก่อน ซามูนายตามลงไป”
ซามูพยักหน้า ชาติไต่ลงไปอย่างช้าๆ ทุกคนจ้องตามอย่างตื่นเต้น รัตนากรชักปืนขึ้นมากราดระวังรอบๆ สักครู่ชาติไต่ลงไปจนถึงพื้นเบื้องล่าง ชาติส่งสัญญานมือ ซามูไต่ลงไปเป็นคนที่สอง
“ต่อไปก็คุณวีรกิจ แล้วก็ ยัยกาญ” อัศวินบอก
กาญจนาไต่ลงไป ชาติมองลุ้น
“ช้าๆ ครับ ใจเย็นๆ”
กาญจนาค่อยๆ ไต่เถาวัลย์ลงมา เหลืออัศวินเป็นคนสุดท้าย
“ลงมาได้แล้วเพื่อน” ชาติเรียก
อัศวินกราดสายตารอบระวัง จากนั้นก็ไต่เถาวัลย์ลงสู่เบื้องล่าง กาญจนาบอกกับทุกคน
“คุณพ่อช่วยเราจริงๆ”
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ” รัตนากรยิ้ม
อัศวินหันมาบอกซามู
“ซามูคอยระวังอยู่ที่นี่ เผื่ออาจจะมีพวกชนเผ่าลงมา”
“หรืออาจจะเป็นพวกไอ้เฮนรี่ก็ได้” ชาติเสริม
ซามูส่งสัญญานมือ
“ใครลงมาเจอซามูก่อน”
ทุกคนต่างยิ้มชอบใจ
พวกอัศวินเดินเข้ามาในอุโมงค์ ไฟฉายส่องกราดไปมา
“รัตน์เคยฝันเห็นถ้ำนี้”
ทั้งหมดต่างหยุดกราดไฟฉายไปมาแล้วเดินต่อเข้าไปด้านใน จนกระทั่งเห็นลำแสงสีทองสาดส่องลงมายังแอ่งน้ำที่อยู่ตรงกลางถ้ำ
“ไฟพญานาค” กาญจนาอุทานขึ้น
ทั้งหมดวิ่งมายังแอ่งน้ำที่มีลำแสงพระอาทิตย์สาดลงมา อัศวินเข้าใจทันที
“ที่แท้ภูเขาแถวนี้ส่วนมากมีโพรงจากด้านบนนี่เอง ถึงหาทางเข้าไม่เจอ”
“กาญทำสำเร็จแล้ว เราพบเนตรนาคราชแล้ว”
ทั้งหมดต่างมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น สักครู่แสงพระอาทิตย์ก็หายไป เห็นแต่บ่อน้ำ
“ฝนคงตกมาจากเพดานนี้ ทำให้มีน้ำขังตลอด” กาญจนาพิจารณา
ทันใดนั้นเสียงปืนดังมาจากด้านนอกสนั่นหวั่นไหว ทุกคนขยับตัว
“เสียงปืนดังสนั่นแบบนี้ต้องเป็นพวกไอ้เฮนรี่แน่” อัศวินบอก
ซามูวิ่งเข้ามาด้านในพลางส่งสัญญาณมือ ชาติอธิบายกับทุกคน
“พวกไอ้เฮนรี่จริงๆ มันมาได้ยังไงเร็วขนาดนี้”
อัศวินกับรัตนากรกระชากปืนขึ้นมาพร้อมกัน
“เราได้เปรียบกว่าพวกมันอยู่แล้ว” อัศวินบอก
แต่แล้วเสียงกาญจนาร้องขึ้นมา ทุกคนหันไปก็เห็นวีรกิจล็อคกาญจนาไว้ พลางเอาปืนจ่อ
“ทุกคนทิ้งปืน ไม่ยังงั้นนังนี่ตาย”
รัตนากรขยับตัว
“แก”
“อย่าคิด”
รัตนากรหยุด สายตามองวีรกิจพร้อมที่จะขยี้ให้แหลก
“คุณวีรกิจ คุณ”
“ไม่ต้องพูดมาก อดทนมานานแล้วเว้ย สั่งโน่นนี่นั่น เก่งกันนัก ไม่เห็นหัวใคร ที่แท้ก็โง่กันหมด ทิ้งปืน”
ทุกคนจำใจต้องทิ้งปืน
ภายในอุโมงค์ ทุกคนต่างจ้องวีรกิจอย่างสมเพช วีรกิจยิ่งแค้น เรียกเฮนรี่
“คุณเฮนรี่ เข้ามาได้เลย”
พวกของ เฮนรี่ โจซิง อังโซะ พรานอองข่านก็เดินเข้ามา
“ดีมาก คุณวีรกิจ ที่ทิ้งกระสุนปืนเป็นเครื่องหมายไว้ให้”
เฮนรี่ชื่นชม พลางพยักหน้า โจซิงเดินเข้าไปยันอัศวินกับรัตนากรไปใกล้ชาติ อังโซะต้อนซามูเข้าไปรวมกลุ่ม แล้วก็เตะปืนของทุกคนลงไปในแอ่งน้ำ
“อังโซะ ไปช่วยคุณวีรกิจหน่อย” เฮนรี่สั่ง
อังโซะเดินเข้าไปใกล้ แต่วีรกิจร้องห้าม
“เดี๋ยวก่อน”
อังโซะหยุด เฮนรี่แปลกใจ
“มีอะไรหรือคุณวีรกิจ”
“ส่วนแบ่ง”
“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
เฮนรี่นึกถึงตอนที่เขาจับตัววีรกิจไป แล้วมีการตกลงกับวีรกิจในตอนนั้น
“ใช่ แต่มันยากกว่าที่คิด โดยเฉพาะตอนที่ต้องทำตัวดีกับพวกมัน”
“โอเค ว่ามา”
“เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว”
เฮนรี่ยิ้มมองวีรกิจ
“สบายมาก ผมมีเงินเยอะอยู่แล้ว”
วีรกิจพยักหน้ารับ อังโซะเดินไปคุมตัวกาญจนามาคุมไว้
“ขนเนตรนาคราชไปไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับพวกแกไม่กี่คน” อัศวินพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น โจซิงมัดทุกคนไว้ก่อน” เฮนรี่สั่ง
โจซิงยิ้มสะใจ อัศวิน ชาติ รัตนากร กาญจนาต่างมองหน้ากัน
ทุกคนถูกมัดนั่งเรียงพิงผนังถ้ำ อีกด้านหนึ่งคือเฮนรี่ โจซิง อังโซะ พรานอองข่าน และ วีรกิจ เฮนรี่ยิ้ม
“ผมเชื่อว่าเนตรนาคราชต้องอยู่ในบ่อนี่ แล้วผมก็ไม่ต้องรีบเหมือนพวกคุณที่ต้องเอาไปทิ้งลงแม่น้ำโขงให้ทันวันที่ 15 ค่ำเดือน 11 ไม่ยังงั้นจะเกิดภัยพิบัติ บลาๆๆ อย่างที่พวกคุณเพ้อเจ้อกัน”
โจซิง อังโซะ วีรกิจ ต่างหัวเราะกัน ยกเว้นพรานอองข่าน ที่สีหน้าเคร่งเครียด
“เฮ้ย พวกเอ็งไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่”
“พรานจะเชื่อก็เชื่อไป ฉันไม่ห้าม อังโซะ ออกไปส่งสัญญาณพลุได้แล้ว”
อังโซะยิ้ม เฮนรี่หัวเราะชอบใจ อัศวินและทุกคนทำอะไรไม่ได้นอกจากมองหน้ากัน
โรสกับอิทธิเดินทางอย่างเร่งรีบไปยังเส้นทางปลายน้ำ
“ยังไงพวกเราก็ต้องจบลงที่ปลายน้ำ”
“ลองหาร่องรอยดูซิ”
ทั้งสองแยกกันค้นหาร่องรอย
“ทางนี้”
โรสวิ่งเข้าไป
“อะไร”
บนก้อนหินก้อนหนึ่ง มีรอยมีดขีดไว้เป็นลูกศร ชี้ไปทางปลายน้ำ
“ไอ้ชาตินำหน้าเราไปก่อนแล้ว มีคุณกาญ ซามู แล้วก็คุณรัตน์”
“หา รู้ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“นายชาติ มันสลักชื่อย่อไว้”
โรสยิ้ม แต่แล้วเสียงพลุดังขึ้น
“พลุสัญญาณ”
“พวกชนเผ่ามีพลุสัญญาณด้วยเหรอ”
“บ้าดิ ของพี่เคน แปลกมากมาถึงนี่ได้ยังไง”
ทันใดนั้นเสียงกลองดังแว่วมาอีก
“นั่นไงสัญญานชนเผ่าของคุณ”
“ตกลงพี่เคนของคุณมาถึงนี่แล้วเหรอ”
“นี่ เราโตมาด้วยกัน ฉันเรียกพี่เคน ไม่ใช่พี่เคนของฉัน”
“ก็เห็นเรียกพี่เคน พี่เคน”
“แล้วไง นายองยังเรียกคุณว่าพี่อิท พี่อิท แปลว่าอะไร”
“เฮ่ เปล่าครับ สงสัยเจอเสียงกลองมากไปหน่อย เลยเพี้ยน”
“เหรอ พี่อิท”
เสียงกลองดังรับตอบมาอีกด้านหนึ่ง
“เอาไง พวกมันส่งโซเชียลมิเดียกันใหญ่แล้ว” อิทธิถาม
“บางอย่างผิดปรกติ พวกเราคงไม่ยิงพลุส่งสัญญานแน่ๆ”
“พวกนายเคน จะอยู่ข้างหน้าเราไปได้ยังไง”
“อย่าลืมว่าพวกนั้นมีพราน อีกอย่าง เราเดินตามแก่งน้ำที่คดเคี้ยว บางตอนต้องตัดเข้าลึก เดินทางข้างบนง่ายกว่า เร็วกว่า”
“จริงของคุณ ไหนจะต้องรอคุณตื่น กินข้าว สารพัด”
“หาเรื่องเหรอ”
“ล้อเล่นน่ะครับ”
โรสเหล่ แล้วดันให้อิทธิเดินนำไป ทั้งสองเริ่มสนิทกันมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เคน หลิน หยก ปิง และสมุน ต่างพักรอสัญญานจากเฮนรี่ ตามที่ตกลงกันไว้ ทันใดนั้นสมุนคนหนึ่ง
เข้ามารายงาน
“พลุสัญญานส่งมาแล้วพี่”
“พวกนั้นเจอเนตรนาคราชจนได้”
หลิน ปิง หยก ต่างมองหน้ากัน
“เอ็งจับตำแหน่งเรียบร้อย”
“ครับพี่”
“แล้วรออะไรอยู่วะ ไปเว้ย”
เคนหัวเราะก้องชอบใจ
อ่านต่อหน้า 4
เนตรนาคราช ตอนที่ 15 (ต่อ)
พวกพรานเมิงเดินอยู่ริมน้ำ
“เร็วเข้าพ่อ ทางนี้ พี่หมอ พรานโก๊ะ”
นายองรีบนำทางออกไป
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อน”
นายองชะงัก
“เอ็งแน่ใจเหรอ”
“แน่ดิ ฉันเห็นสัญญาณพลุ ฉันจับตำแหน่งไว้แล้ว”
“แต่ข้าไม่เห็น หมอกับพรานโก๊ะก็ไม่เห็น”
“เชื่อน่า ฉันเห็นพี่โรสเคยส่งสัญญาณพลุแบบนี้”
พรานเมิงหันมามองนพดลเป็นเชิงปรึกษา
“งั้นนำไปเลย นายอง” นพดลบอก
นายองรีบนำออกไป ทุกคนรีบตาม
อิทธิกับโรสหลบอยู่ในแนวป่า ตรงหน้าคือพวก เคน หลิน ปิง หยก และสมุน 5 คน กำลัง
ยืนคุยกับอังโซะอยู่
“พี่เคนของคุณจริงๆ”
โรสตีไหล่อิทธิ แต่สายตามองตรงหน้าเห็นอังโซะ ชี้ไปด้านบน พลางเดินนำออกไป
“ที่แท้พวกไอ้เฮนรี่มาถึงก่อน แล้วส่งสัญญาณให้พี่เคนมาสมทบ”
“แล้วพวกเราไปไหนหมด”
“คงถูกพวกมันคุมตัวไว้แล้ว”
“เป็นไปไม่ได้ ก่อนพวกนายเคนจะมา พวกเฮนรี่มีไม่กี่คน พวกเรามีทั้ง อัศวิน คุณรัตน์ ไอ้ชาติ พวกมันไม่มีทางเหนือกว่า”
“นอกจากว่าจะมีคนหักหลัง”
“นายวีรกิจ”
“ก็คงเป็นเจ้าหมอนี่ล่ะ ไม่มีใครหรอก ดูออกตั้งแต่แรกแล้วไม่อยากพูดเอง”
“ไปครับ รีบไปช่วยพวกเรา”
“เย็นแล้ว รอให้มืดก่อนดีกว่า”
ทั้งสองตกลงว่าจะรอ ต่างมองหน้ากัน ยิ้มให้กัน
“นายเฝ้า ฉันนอน” อิทธิล้อ
โรสยิ้มขยับตัวเข้าใกล้ แล้วหันหลังเอนตัวพิงไหล่อิทธิ อิทธิยิ้ม หัวใจพองโต
ภายในถ้ำอุโมงค์ พวกอัศวินถูกมัดไพล่หลังพิงผนังถ้ำ ด้านหนึ่งเป็นหลิน ปิง หยก เคนกับสมุนห่างออกไป ด้านหนึ่งเป็น เฮนรี่ อังโซะ โจซิง วีรกิจ มีพรานอองข่านนั่งห่างออกไป ทั้งสองฝ่ายต่างเฝ้าระวังกัน
“ใจเย็นๆ รอให้พวกมันเอาเนตรนาคราชขึ้นมาก่อนค่อยลงมือ ยังมีมีดสั้นเล็กซ่อนอยู่ตรงแขนเสื้อใช่มั้ย” อัศวินกระซิบรัตนากร
“แน่อยู่แล้ว”
“ดีมาก”
“ไม่ดีเท่าไหร่หรอกค่ะ แฟนพี่มองตาไม่กระพริบเลย”
อัศวินจ้องตามสายตารัตนากรไป ก็พบสายตาของหลินจ้องอยู่แล้ว อัศวินแกล้งพยักหน้าให้ หลินเมินหน้าเฉย
“คืนนี้รัตน์ต้องระวังตัว พี่เห็นสายตาแบบนี้มาแล้ว”
“อ๋อ เหรอคะ งั้นพี่อัศวินคอยระวัง รัตน์จะนอนแล้ว”
รัตนากรพูดพลางเอาหัวพิงไหล่อัศวินนอนเฉย ปิงกับหยกเห็นอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลิน เพราะรู้ว่ารัตนากรยั่ว หลินหันมาพอดี จ้องมองแค้น อัศวินจ้องหลิน
“ก่อเรื่องให้พี่จนได้นะเรา”
รัตนากรยิ้มไม่ตอบ ขยับตัวพิงใกล้อัศวินเข้าไปอีก หลินหน้านิ่ง
ในขณะที่กาญจนากระซิบคุยกับชาติ
“กาญรู้ว่าพวกเราโกรธคุณวีรกิจ แต่ขอร้องอย่าให้ถึงกับ เอ่อ”
“ไม่หรอกครับ คุณวีรกิจจะต้องถึงกรุงเทพฯอย่างปลอดภัย”
“คือ ไม่ใช่เพราะว่ากาญเกี่ยวข้องอะไรกับคุณวีรกิจนะคะ คือ”
“เข้าใจครับ”
ชาติยิ้มให้ กาญจนาค่อยยิ้มออก หายกังวลใจ
ยามดึก รัตนากรหลับอยู่ รู้สึกเหมือนตัวเองเดินอยู่ตามลำพัง ทันใดนั้นพวกชนเผ่าปรากฏตรงหน้า เงื้อมีดจ้วงแทงลงมา รัตนากรสะดุ้งตื่น ตกใจเมื่อเห็นคมมีดขาววับอยู่ตรงหน้าห่างไม่ถึงคืบ เป็นมีดของหลินที่กดลงมา แต่แล้วร่างของหลินกระเด็นออกไป เพราะอัศวินยันโครม หลินจะพุ่งเข้ามาอีก แต่เคนเข้ามาขวางไว้
“คุณหลิน อย่าก่อเรื่องดีกว่า”
หลินสะบัดหน้าออกไปยังที่ของตน เคนหันมามองอัศวิน
“ผู้กองนี่เสน่ห์แรงจริงๆ”
อัศวินยิ้มไม่ตอบ
“ตีนไวอีกตะหาก”
เคนหัวเราะแล้วเดินออกไป อัศวินถอนใจ รัตนากรยิ้มให้
“กู๊ดไนท์ค่ะ”
“ขอบใจนะที่หาเรื่องให้”
อัศวินมองไป เห็น โจซิง กับ อังโซะ มองมา ในมือมีปืนพร้อม อัศวินแกล้งก้มหัวกวนๆ ให้ โจซิง กับ อังโซะ ต่างมองอย่างหมั่นไส้ อัศวินยิ้มขำ
ตอนเช้า โรส กับ อิทธิ ค่อยๆ คืบคลานขึ้นไปบนยอดหุบผา พอขึ้นไปถึงก็ประหลาดใจ เพราะมองไม่เห็นใคร นอกจากลานกว้างๆ
“พวกมันหายไปไหนหมด”
“อืม แปลกมาก”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยงขึ้นมา โรสกับอิทธิต่างขยับตัวฟังอย่างตั้งใจ
เสียงปืนเป็นฝีมือของอังโซะ เคนตวาด
“จะบ้าหรือไง เดี๋ยวพวกชนเผ่าก็แห่มากันหรอก”
“ก็งูมันโผล่มา ช่วยไม่ได้”
อังโซะพูดจบก็เอาเท้าเขี่ยซากงูให้ออกไปไกลๆ เฮนรี่ตัดบท
“เอาล่ะ เอาล่ะ ใจเย็นๆ ผมว่าเสียงปืนคงไม่ออกไปไกลหรอก ถ้าพวกมันจะมาล่ะก็ มาตั้งแต่เมื่อวาน
เพราะไอ้สัญญาณพลุของคุณแล้ว”
“เร็วเว้ย ลงไปเอาเนตรนาคราชขึ้นมา”
พวกสมุนของเคนต่างพากันไปที่บ่อน้ำ อัศวิน รัตนากร กาญจนา ชาติ ซามู ถูกมัดไพล่หลังเรียงกัน
พิงผนังถ้ำอยู่อีกด้านหนึ่ง อัศวินพูดลอยๆ
“ระวังหน่อย ใครแตะต้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์มักจะมีอันเป็นไป”
เฮนรี่ยิ้ม “เอาไว้หลอกเด็กดีกว่า ผู้กอง”
เคน โจซิง อังโซะ ต่างหัวเราะกัน พากันไปที่บ่อน้ำ อัศวินกราดสายตา ก็พบกับสายตาของหลินเข้าพอดี หลินจ้องอัศวิน แล้วหันมาทางรัตนากร สายตาส่อแววไม่ดี รัตนากรมองตอบ
หลินยิ้มแล้วเดินเข้ามาหารัตนากร ปิง หยก เดินตามเข้ามาประกบคนละด้าน
“ไงคุณรัตนากร สุดท้ายคุณก็พาเรามาเจอเนตรนาคราชจนได้”
“ระวังจะตายไม่ดี”
หลินตบหน้ารัตนากร
“เฮ้”
อัศวินขยับตัวเข้ามาด้านหนึ่ง ชาติขยับตัวเข้ามาด้านหนึ่ง ปิงเตะโครมเข้าให้ อัศวินกระเด็นออกไป หยกอัดโครม ชาติกระเด็นออกไป
“พอได้แล้ว”
เคนก้าวเข้ามาห้ามไว้
“คุณหลิน คุณไม่มีสิทธิจะทำร้ายใครในขณะที่ผมยังอยู่ที่นี่”
หลินกับปิง หยก ถอยออกไป
“ขอโทษนะครับ คุณรัตนากร”
“ไม่เป็นไร ชิลๆ”
“คุณไปทางโน้นดีกว่าคุณหลิน”
หลิน กับ ปิง หยก ต้องเดินไปยังบ่อน้ำ เคนหันมายิ้มให้กับทุกคน
โรส กับ อิทธิ อยู่ตรงปล่องทางเข้า
“ดีนะที่พวกมันยิงปืน ไม่ยังงั้นเราคงไม่รู้ว่ามีทางลงที่นี่” โรสพูดขึ้น
“พวกมันคุมตัวพวกเราไว้แน่ๆ”
“เอางี้ คุณลงไปซุ่มตัวอยู่ข้างล่างหาทางช่วยพวกเรา ส่วนฉันจะรออยู่บนนี้ คอยสกัดพวกมัน”
“โอเค”
โรสกระชากปืนออกมา
“ฉันจะคุ้มกันคุณ ตอนที่คุณไต่ลงไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลงไปให้ถึงพื้นเร็วที่สุด”
“ครับ คุณระวังตัวด้วย”
โรสพยักหน้า อิทธิค่อยไต่เถาวัลย์ลงไปถึงพื้น แล้วยกมือโบกให้โรส โรสถอยตัวออกจากปล่องทางลง
ลูกน้องของเคนดึงเอาหีบใบหนึ่งขึ้นมาจากน้ำ มีลักษณะสวยงามเป็นสีทอง แกะสลักเป็นรูปพญานาค หลิน ปิง หยก ขยับตัว เช่นเดียวกับ โจซิง กับ อังโซะ ทุกคนต่างพร้อมที่จะตวัดปากกระบอกปืนเข้าใส่กัน เคนรู้ทัน
“ฆ่ากันตายตอนนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ ผมก็ไม่ได้เงิน เสียเวลาทุกคน”
หลิน ปิง หยก ผ่อนคลาย เช่นเดียวกับ โจซิง และ อังโซะ อัศวิน กับทุกคนต่างมองหีบอย่างตื่นเต้น
เมื่อเฮนรี่ได้ของที่ต้องการแล้ว เขาก็เตรียมตัวจะกลับออกไปจากที่นั่น
“ลาก่อนนะครับทุกคน ผมเชื่อว่า ในไม่ช้า จะต้องมีคนมาพบพวกคุณ ซึ่งผมคงถึงกรุงเทพฯ เรียบร้อย”
“เดี๋ยว”
ทุกคนหันมามองหลิน
“ฉันต้องการให้ผู้กองมาด้วย”
“ผมไม่ต้องการที่จะไปกับคุณ”
“ถ้าคุณไม่ไป ฉันจะยิงทิ้งหนึ่งคน คงเดาถูกนะว่าเป็นคนไหน”
หลินตวัดปืนขึ้นมา ปลายกระบอกปืนหันไปทางรัตนากร อิทธิอยู่ในที่ซ่อน ตวัดปืนขึ้นมา สายตาตึงเครียด คิดอย่างรวดเร็วว่าจะแลกหรือไม่แลก เคนเดินเข้ามาหาหลิน
“คุณหลิน การเดินทางจะลำบากยิ่งขึ้น ถ้าต้องคอยระวังรับผิดชอบคนอีกหนึ่งคน”
“ฉันจ่ายห้าล้าน แล้วฉันก็จะรับผิดชอบเอง”
“งั้นก็ตามใจ”
อิทธิและทุกคนหายใจโล่งอก อย่างน้อยอัศวินไป ทุกคนปลอดภัย อาจจะมีทางรอด
“คุณเคน” เฮนรี่เรียก
“คุณเฮนรี่ ขอร้อง”
“ได้ รับผิดชอบให้ดีก็แล้วกัน อย่าให้เดือดร้อนมาถึงผม”
เฮนรี่เดินออกไป หลินหันมาบอกอัศวิน
“ผู้กอง เชิญ”
อัศวินตัดสินใจลุกขึ้น หันมามองรัตนากร รัตนากรพยักหน้าให้เป็นเชิงเข้าใจ
อ่านต่อตอนที่ 16