พรายพยากรณ์ ตอนที่ 15
สัญชัยจับแม่นมนวลมาไว้ในโกดังร้าง พลางยืนมองหญิงสูงวัยด้วยแววตาเย็นชา
“โทร. หาป่านแก้ว บอกไปว่าแกต้องกลับบ้านต่างจังหวัดด่วน ถ้าไม่อยากให้ไอ้ภูตาย ก็รีบทำ
เร็วเข้า”
แม่นมนวลรีบทำตามคำสั่ง หยิบเอามือถือมากดโทร. ไม่นานป่านแก้วก็รับสาย
“ป่านแก้ว ฝากบอกคุณภูว่าฉันต้องกลับบ้านต่างจังหวัดด่วน”
“คุณนมมีบ้านที่ต่างจังหวัดด้วยเหรอคะ? ทำไมป่านแก้วไม่เคยรู้ แล้วคุณนมจะกลับมาวันไหน และกลับไปทำไมคะ? อ่ะอ้าว ฮัลโหลๆ ทำไมวางสายเร็วจัง ยังถามไม่เสร็จเลย”
ป่านแก้วโทร. กลับไปอีกครั้ง แต่ปลายสายปิดเครื่องไปแล้ว
สัญชัยเอามือถือแม่นมนวลมาเก็บ แล้วก็ยิ้มพอใจ ก่อนจะหันไปทางลูกน้อง
“เฝ้ามันให้ดี”
สั่งการเสร็จก็เดินออกไป หญิงสูงวัยครุ่นคิดหาทาง
จู่ๆ ลุงใจดีก็เดินเข้ามาบอกพิณชนิดที่กำลังก่อเตาถ่าน ว่าจะเข้าไปหาของในป่า ฝากให้ดูแลบ้านด้วย
พิณชนิดารับคำยิ้มๆ แล้วก็นึกขึ้นได้
“หมายความว่าเราต้องอยู่กับนายภูมินทร์สองคน? ”
พิณชนิดาเอาจานไข่เจียวมาวางบนพื้น ภูมินทร์ยิ้มกริ่ม พลางหันไปมองรอบๆ
“ลุงอยู่ไหน ทำไมไม่มากินข้าวด้วยกัน”
“ลุงไปหาของป่า กลับพรุ่งนี้เช้า”
“เหรอ?”
พิณชนิดาหยิบช้อนมาชี้หน้าภูมินทร์ “อย่าคิดทำอะไรบ้าๆ”
“รู้ได้ไง?”
“หน้านายมันฟ้องซะขนาดนี้ ถ้านายคิดไม่ซื่อกับฉัน เจอดีแน่”
พิณชนิดาก้มหน้ากินข้าว ภูมินทร์อมยิ้มขำ
อรรถพร จ่าเหยิน ภิชาสินี ปิ่นเพชร ยังคงตามหาภูมินทร์กับพิณชนิดา จนใกล้มืด อรรถพรยกมือดูเวลา พลางบอกให้พักก่อน
“ฉันไม่หยุด ถ้าใครอยากหยุดก็เชิญ”
ภิชาสินีเดินต่อไป อรรถพรมองอย่างเป็นห่วง พลางรีบหันมาบอกให้จ่าเหยินช่วยดูแลปิ่นเพชร ก่อนที่จะรีบเดินตามภิชาสินีไป
“หยุดก่อน ภิ ผมรู้ว่าคุณไม่พอใจผม”
“รู้แล้วตามมาทำไม? ”
“ที่ผมให้หยุด ไม่ใช่ว่าผมไม่เป็นห่วงคุณพิณ แต่กลางคืนมันอันตราย แล้วการตามหาก็จะยากมากขึ้น”
ภิชาสินีตอบกลับเสียงแข็ง
“ฉันไม่กลัวอันตราย ฉันมีพี่สาวคนเดียว ฉันจะไม่มีวันให้พี่พิณเป็นอะไร”
“แล้วคุณคิดบ้างมั้ยว่าถ้าหากว่าคุณเป็นอะไรขึ้นมาจากการตามหาคุณพิณ คุณพิณจะรู้สึกผิดไปจนชั่วชีวิตรึเปล่า เชื่อผมนะภิ กลับกันก่อน แล้วพรุ่งนี้แต่เช้า เราค่อยตามหากันต่อ”
ภิชาสินีร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ฉันกลัวพี่พิณตาย พ่อ แม่ ป้าฉันตายไปหมดแล้ว ฉันคงรับไม่ได้แน่ๆ ถ้าเกิดพี่พิณเป็นอะไรไปอีกคน”
อรรถพรรีบดึงเธอเข้ามากอดปลอบ
“คุณพิณจะต้องไม่เป็นอะไร ผมสัญญาว่าผมจะตามหาคุณพิณให้เจอให้ได้”
พิณชนิดากำลังกางมุ้ง ก่อนจะหันมาทางภูมินทร์
“มีมุ้งหลังเดียว นายกำลังเจ็บ นอนข้างในแล้วกัน”
ภูมินทร์รีบปฏิเสธ
“ได้ไง ฉันเป็นผู้ชาย เธอนั่นแหละ นอนข้างใน ฉันนอนข้างนอกเอง”
พูดพลางเดินไปจัดที่นอนตรงมุมห้อง
พิณชนิดานอนลืมตาโพลงอยู่ในมุ้ง พอหันไป ก็เห็นภูมินทร์นอนขดตัว และคอยปัดยุงไปด้วย เธอมองอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็เดินออกไปสะกิดภูมินทร์
“เข้ามานอนในมุ้งเถอะ”
ภูมินทร์กับพิณชนิดานอนหันหลังให้กัน ต่างคนต่างนอนไม่หลับ แล้วก็หันหน้ากลับมาพร้อมกัน ทั้ง 2 คนสะดุ้งรีบหันหลังกลับไป ก่อนจะหันหน้ามาพร้อมกัน
“นอนไม่หลับ?”
พิณชนิดาพยักหน้า “อือ อากาศตอนกลางคืนมันเย็นเนอะ”
พูดพลางรีบหันหน้าไปอีกทาง เพราะเขิน จนทำหน้าไม่ถูก ภูมินทร์ค่อยๆ กระเถิบเข้าไปใกล้ โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว พลางสวมกอดจากด้านหลัง พิณชนิดาร้อนวูบวาบ
“กอดกันไว้แบบนี้จะได้อุ่น”
พิณชนิดาเผลอยิ้มออกมาอย่างสุขใจ ภูมินทร์เองก็เช่นกัน ทั้งคู่ค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ
พิณชนิดาหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมกอดของภูมินทร์จนเช้า ลุงใจดีเดินเข้ามาเห็นภาพตรงหน้าก็ยิ้มแฉ่ง
“เช้าแล้วเว้ย”
ภูมินทร์กับพิณชนิดาสะดุ้งตื่น พอห็นลุงยืนมองอยู่ ก็ตกใจ
“ตามสบายตามสบาย ข้าไม่กวนแล้ว”
ลุงเดินออกไป ก่อนจะพึมพำอย่างเอ็นดู “แล้วบอกว่าไม่ใช่ผัว”
ภูมินทร์กับพิณชนิดามองหน้ากันเขิน ๆ เหมือนคู่แต่งงานใหม่ พอตานสายก็เข้าไปลาลุง แล้วก็พากันเดินออกไป
ลูกน้องเอาอาหารมาให้แม่นมนวล ที่อยู่ในสภาพอิดโรย พลางแก้เชือกที่มัดมือออก
“อย่าคิดหนีนะป้า ฉันไม่อยากทำร้ายคนแก่”
แม่นมนวลมองหน้าลูกน้อง แล้วก็คิด
“ฉันไม่ได้เข้าห้องน้ำทั้งคืน พาฉันไปห้องน้ำทีได้มั้ยจ๊ะ”
พอเข้ามาในห้องน้ำ หญิงสูงวัยก็คิดหาทางหนี พลันก็หันไปเห็นไม้ดูดส้วมวางอยู่
ลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงร้องของหญิงสูงวัยดังออกมา ก็ตกใจรีบพรวดพราดเข้าไป
แม่นมนวลแอบอยู่ข้างหลัง ใช้ไม้ดูดส้วมฟาดไปที่หัวลูกน้องเต็มแรงจนมันถึงกับมึน จากนั้นหญิงสูงวัยก็โยนไม้ทิ้งและวิ่งหนีออกไป
ลูกน้องจับหัวด้วยความเจ็บพลางหันไปมองอย่างแค้นใจ ก่อนจะวิ่งกลับมา เจอสัญชัยเข้าพอดี
“เกิดอะไรขึ้น?”
“อีป้านั่นหนีไปแล้วครับ”
แม่นมนวลกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาตามทางแล้วก็สะดุดล้ม จนขาพลิก พลางฝืนลุกวิ่งต่อ แต่ก็ไม่รอด เมื่อสัญชัยตามมาทัน
“ทำไมไม่เชื่อฟังกันดีๆ ทำไมต้องให้ฉันโมโหด้วย?”
พูดพลางตบหน้าแม่นมนวลเต็มแรง ทำเอาหญิงสูงวัยถึงกับเซล้ม จนหัวไปกระแทกกับก้อนหิน สัญชัยเดินมายืนค้ำหัวไว้
“ลุกขึ้นมา ฉันบอกให้ลุกขึ้น”
แต่ร่างนั้นกลับนอนแน่นิ่ง มีเลือดออกมาจากหัว สัญชัยรีบลงไปดู พลางค่อยๆ เอานิ้วไปไว้ที่หน้า
จมูก แต่ปรากฏว่าแม่นมนวลสิ้นใจแล้ว
ภูมินทร์จับมือพิณชนิดาออกมาที่ถนนใหญ่ ก่อนที่จะตัดสินใจโบกรถ พอรถจอด ทั้งคู่ก็รีบเดินไป แต่กลายเป็นว่าคนที่เปิดประตูรถลงมาคือยอดกับฉัตร
ลูกน้องเดินกลับมารายงานสัญชัยที่ยืนหน้าเครียดอยู่
“ฝังศพอีป้านั่นเรียบร้อยแล้วครับ”
พลันเสียงมือถือดังขึ้น สัญชัยรีบกดรับสาย
“ว่าไง ไอ้ภูยอมเซ็นแล้ว? พวกแกทำดีมาก จัดการเชือดคอพวกมันซะ”
สัญชัยสั่งการเสียงเหี้ยม ก่อนจะวางสายไป
สัญชัยนั่งกินอาหารอยู่ในร้านด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข มีลูกน้องยืนประกบอยู่ข้างๆ
“ฉันไม่ได้กินอาหารอร่อยแบบนี้มานานหลายปีแล้ว นั่งลง กินเป็นเพื่อนฉัน ฉันบอกให้นั่งก็นั่งสิวะ”
ลูกน้องรีบนั่งลงแบบงงๆ ไม่นานยอดกับฉัตรเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับซองเอกสาร สัญชัยหันไปมอง พลางยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนรอรับซองเอกสาร ที่ยอดยื่นส่งให้
“ในที่สุดก็มาถึงวันนี้”
พูดพลางรีบเปิดซอง แต่พอดึงเอกสารออกมาดู ก็ตกใจ
“ไหนแกบอกว่าได้ลายเซ็นมาแล้วไง?”
ยอดกับฉัตรยืนนิ่ง แต่เสียงของภูมินทร์กลับดังสวนขึ้นมา
“คุณอาไม่มีวันได้ลายเซ็นจากผมหรอกครับ”
สัญชัยหันขวับไปเห็นภูมินทร์ พิณชนิดา อรรถพร จ่าเหยิน และตำรวจเดินเข้ามาในห้อง ก็ถึงกับมือไม้อ่อน จนเอกสารร่วงลงพื้น
“ทะ ทำ ทำไมเป็นแบบนี้?”
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 15 (ต่อ)
ที่แท้ขณะที่ยอดกับฉัตรยกปืนขู่ภูมินทร์กับพิณชนิดาที่เผลอโบกรถของมันทั้งคู่ ทันใดนั้นก็มีรถอีกคันแล่นมาจอดไม่ห่างออก ก่อนที่อรรถพรจะลงจากรถพร้อมกับจ่าเหยิน ภิชาสินีและปิ่นเพชร
ภูมินทร์กับพิณชนิดายิ้มดีใจ ยอดกับฉัตรหน้าเหวอ อรรถพรกับจ่าเหยินควักปืนออกมา
“แกสองคนต่างหากที่หนีมือตำรวจไม่พ้น วางอาวุธซะ”
2 พี่-น้องพิณชนิดากับภิชาสินีกอดกันทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ โดยมีภูมินทร์ อรรถพร และปิ่นเพชร ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ขณะที่จ่าเหยินกับตำรวจคุมตัวยอดกับฉัตรเอาไว้
“โชคดีที่ภิกับหมวดอรรถมาทางนี้ ไม่อย่างนั้นพี่กับนายไข่เจียวคงจะตายไปแล้ว”
ภิชาสินีน้ำตาคลอ
“ภิไม่มีวันยอมให้พี่สาวคนเดียวของภิต้องเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
อรรถพรรีบหันมาสั่งจ่าเหยิน “คุมตัวไปโรงพักเลย”
แต่ภูมินทร์กลับท้วงขึ้นมา
“เดี๋ยว ผมว่าเราควรใช้สองคนนี้เป็นนกต่อในการจับตัวอาสัญชัย”
สัญชัยมองภูมินทร์ด้วยแววตาแค้นเคือง
“ความโลภมักจะทำให้คนประมาทเสมอ ยอมมอบตัวซะเถอะคุณอา”
สัญชัยกำมือแน่น “ไม่มีทางหรอกเว้ย”
พูดพร้อมกับควักปืนออกมาแล้วจับตัวยอดเป็นตัวประกัน ทุกคนตกใจกันมาก ฉัตรอาศัยจังหวะรีบวิ่งหนี
“ถ้าพวกแกเข้ามา ไอ้นี่ตาย”
สัญชัยจับตัวยอดพาไปที่ประตู แล้วผลักมันออกไป ก่อนจะยิงปรี้ยงเดียวกระอักเลือดตายคาที่ จากนั้นก็รีบวิ่งหนี อรรถพรรีบวิ่งตามไปทันที แต่ไม่ทัน เพราะสัญชัยขับรถหนีออกไปก่อน
พิณชนิดาจับมือปลอบใจภูมินทร์ ภิชาสินีกับปิ่นเพชรนั่งอยู่ข้างๆ ครู่ใหญ่อรรถพรก็เดินเข้ามา
“จับอาสัญชัยได้มั้ย?”
อรรถพรส่ายหน้า
“พวกเราตามรอยรถของนายสัญชัย แต่กลับเจอรถถูกทิ้งเอาไว้ ผมเร่งให้ตำรวจออกค้นหาตามที่ที่นายสัญชัยน่าจะไป คุณสองคนกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนดีกว่า ถ้ามีอะไรคืบหน้า ผมจะรีบแจ้งไปทันที”
ภูมินทร์พยักหน้า แล้วจูงมือพิณชนิดาก็เดินออกไป ภิชาสินีเดินมาหาอรรถพร
“คุณก็ต้องพักผ่อนด้วยเหมือนกัน ฉันเป็นห่วง”
อรรถพรยิ้มรับ
แสงโชติกำลังต่อโทรศัพท์หาสัญชัย แต่ติดต่อไม่ได้ ครู่หนึ่งเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล พ่อ นี่พ่ออยู่ที่ไหน? แล้วใช้เบอร์ใครโทร. มา?”
สัญชัยกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่ตู้สาธารณะ ในสภาพย่ำแย่
“ฟังพ่อให้ดี ไอ้ภูสั่งคนให้มาฆ่าพ่อ พ่อต้องหนี”
แสงโชติได้ยิน ก็ตกใจ
“แล้วพ่อจะหนีไปไหน?”
“พ่อยังไม่รู้ สิ่งที่ลูกต้องทำตอนนี้ก็คือโอนเงินมาให้พ่อก่อน ถ้าพ่อได้ที่อยู่ที่แน่นอน พ่อจะโทร. ไปบอกอีกครั้ง ลูกเองก็ต้องระวังไอ้ภูด้วย”
พูดจบสัญชัยก็กดวางสาย แสงโชติตาวาวด้วยความแค้น
“ไอ้ภูมินทร์”
พอภูมินทร์ พิณชนิดา ภิชาสินี ปิ่นเพชรกลับเข้ามาในบ้าน เปรมสุดารีบถลาออกมาหาทันที
“ภูหายไปไหนมาคะ? สุดาห่วงแทบเป็นบ้า”
“เกิดเรื่องนิดหน่อย ผมขอตัวไปพักก่อน ไปกันเถอะพิณ”
ทันใดนั้นแสงโชติพรวดเข้ามาในบ้าน ตรงมากระชากไหล่ภูมินทร์ให้หันมา ทำเอาทุกคนตกใจ “แกทำอะไรพ่อฉัน? พ่อฉันถึงต้องหนีหัวซุกหัวซุน”
ภูมินทร์รีบแกะมือแสงโชติออก
“ถามพ่อแกดีกว่าว่าคิดจะทำอะไรฉัน? พ่อแกต้องการสมบัติของพ่อฉัน จนถึงขั้นวางแผนให้คนตามฆ่าฉัน ทีนี้เข้าใจชัดแล้วเหรอยัง?”
เปรมสุดา ปูเปรี้ยว ป่านแก้วตกใจ
แสงโชติส่ายหน้าเหมือนไม่ยอมรับความจริง “ไม่จริง”
พิณชนิดารีบช่วยยืนยัน “มันเป็นเรื่องจริง ฉันกับคุณภูเกือบเอาชีวิตไม่รอด”
แสงโชติหันขวับไปจ้องหน้าพิณชนิดา
“คุณเชื่อมันมากกว่าผม? ผมเข้าใจแล้ว ที่ผ่านมาคุณแกล้งทำเป็นว่ารักผม เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย?”
พิณชนิดายอมรับ “ฉันเสียใจ ฉันจำเป็นต้องทำ”
แสงโชติได้ฟังก็ยิ่งแค้นใจ
“ยังไงฉันก็ไม่เชื่อว่าพ่อฉันจะทำเป็นอย่างที่แกพูด”
“ยอมรับความจริงซะแสงโชติ ถ้าคุณอาติดต่อแกมา ก็บอกให้คุณอามามอบตัว โทษหนักจะได้เป็นเบา”
แสงโชติเถียงหัวชนฝา
“พ่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมพ่อฉันต้องมอบตัว คนที่ผิดคือแกต่างหากไอ้ภู ฉันจะเอาแกเข้าคุกให้ได้ คอยดู”
พูดพลางหันหลังจ้ำเดินออกไป เปรมสุดามองตาม พลางนึกเป็นห่วง ภูมินทร์ได้แต่ถอนหายใจ จนพิณชนิดาต้องจับแขนให้กำลังใจ
แสงโชติเข้ามาในบ้านก็อาละวาดขว้างปาข้าวของอย่างคลุ้มคลั่ง พลันเปรมสุดาเดินเข้ามา
“จะเข้ามาเยาะเย้ยผมเหรอไง?”
“อย่ามองฉันในแง่ร้ายนักเลย ฉันมาแสดงความเสียใจ”
แสงโชติยิ้มหยัน “ฮึ ไม่ต้องมาเสแสร้งแกล้งเห็นใจผม”
“รู้มั้ยว่าทำไมคุณถึงแพ้ภูมาตลอด? ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ และนี่ก็คงเป็นกรรมที่คุณทำกับฉันแล้วก็ลูก ต่อไปนี้ก็เชิญอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปเถอะ”
พูดจบเปรมสุดาก็เดินออกไป แสงโชติกำมือแน่นด้วยความโกรธและอาฆาตแค้น
ภูมินทร์เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งนิ่งเหม่อลอย ไม่นานเสียงเคาะประตูดัง
“เข้ามา”
ป่านแก้วเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับชาร้อน
“ชาร้อนที่คุณภูขอค่ะ”
ภูมินทร์นึกแปลกใจ “นมนวลไปไหน? “
“คุณนมลากลับบ้านที่ต่างจังหวัดค่ะ”
“นมเนี่ยนะ ลากลับบ้านต่างจังหวัด” ภูมินทร์ถามย้ำด้วยความข้องใจ
“ใช่ค่ะ คุณนมรีบพูด แล้วก็รีบวางสาย พอป่านแก้วโทร. กลับไป คุณนมก็ปิดเครื่องไปแล้ว”
ภูมินทร์สงสัย รีบเอามือถือมากดโทร. ออก แต่ติดต่อไม่ได้ เขาถึงกับหน้าเครียด เริ่มเป็นกังวลใจ
เปรมสุดาอยู่หน้ากระจกในชุดนอนสุดเซ็กซี่ แล้วก็เอาน้ำหอมมาฉีดที่ซอกคอตัวเอง
“เวลาแบบนี้ ภูต้องการกำลังใจมากที่สุด”
พูดพลางยิ้มมั่นใจ ก่อนจะจับท้องตัวเอง
“ถึงเวลาของเราสองคนแม่ลูกแล้ว”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ภูมินทร์เดินมาเปิดประตู แล้วก็ถึงกับก็ผงะ เพราะเจอเปรมสุดาในชุดนอนวาบหวิวถือถาดวางแก้วชาร้อนยืนยิ้มอยู่
“สุดาเอาชาร้อนมาให้ค่ะ”
เปรมสุดาไม่รอคำตอบ รีบเดินเข้ามาในห้องทันที ทำเอาภูมินทร์พูดไม่ออก
แต่พอเข้ามาจะวางถาดไว้บนโต๊ะ เปรมสุดาก็ผงะไป เมื่อเห็นถ้วยชาร้อนวางไว้อยู่ก่อนแล้ว“ขอบคุณที่เอาชาร้อนมาให้ แต่ผมดื่มเรียบร้อยแล้ว คุณออกไปเถอะ ผมอยากอยู่คนเดียว”
เปรมสุดารีบยกมือคล้องคอภูมินทร์ไว้ อีกฝ่ายถึงกับอึ้ง
“สุดาให้ภูอยู่คนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ สุดาเป็นห่วงภูมาก ห่วงจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ”
ภูมินทร์ยังไม่ทันพูดอะไร พิณชนิดาเดินเข้ามาเห็นพอดี เธอถึงกับอึ้งตัวชาหน้าชาไปหมด
“เอ่อ... ฉันขอโทษ นึกว่าคุณกำลังยุ่ง”
ภูมินทร์ตกใจ ขณะที่เปรมสุดายิ้มมุมปาก
“รู้ก็ดี ถ้างั้นก็รีบออกไปสิ ฉันจะได้ดูแลภู”
พิณชนิดาหันหลังจะเดินออกไปสีหน้าเจ็บปวด ภูมินทร์รีบผลักเปรมสุดาออกไปอย่างแรง พลางรีบวิ่งไปฉุดแขนพิณชนิดาให้หันมา ก่อนจะโอบเธอเข้ามาแนบชิด แล้วหันไปพูดกับเปรมสุดาด้วยสีหน้า และน้ำเสียงจริงจัง
“สุดา ผมอยากให้รู้ว่าพิณเป็นแฟนผม เป็นผู้หญิงที่ผมรัก และจะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ผมอยากใช้ชีวิตด้วย”
พิณชนิดายิ้มด้วยหัวใจพองโต เปรมสุดาหน้าถอดสี
“ผมขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ คุณจะได้รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร และที่ผมให้คุณอยู่บ้านหลังนี้ ไม่ใช่เพราะผมรู้สึกพิเศษกับคุณ ผมเห็นใจที่คุณมีปัญหา แล้วอีกอย่างเราก็รู้จักกันมานาน คุณก็เหมือนเป็นเพื่อนผมคนหนึ่ง หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ”
เปรมสุดาพูดไม่ออกได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เพราะกลัวเสียหน้า
“ค่ะ สุดาเข้าใจอย่างถ่องแท้ ขอบคุณที่บอกนะคะภู ถ้างั้นสุดาขอตัว ภูจะได้มีเวลาอยู่กับคุณพิณสองคน”
พูดจบเปรมสุดารีบจ้ำเดินออกไปทันทีด้วยความอับอาย จากนั้นก็เดินตรงรี่เข้ามาในห้องน้ำในห้องนอนของตัวเอง ตัวเกร็งสั่น ด้วยความความโมโหและเสียใจที่แล่นจุกอกจนแทบจะทนไม่ไหว จากนั้นก็เดินเข้าไปเปิดฝักบัวให้ราดรดหัวและตัว พลางจับท้องตัวเองด้วคยวามชิงชัง
“อ๊าย เพราะแกคนเดียว ทำให้ฉันต้องพบเจอกับชะตากรรมแบบนี้ เพราะแกไอ้เด็กบ้า ไอ้มารหัวขน”
เปรมสุดาทุบไปที่ท้องตัวเองไม่หยุด
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 15 (ต่อ)
ภูมินทร์สวมากอดพิณชนิดาแล้วหอมแก้มซ้ายขวา ทำเอาฝ่ายถูกหอมถึงกับตกใจ
“นายไข่เจียว หอมแก้มฉันได้ไง ?”
“คนเป็นแฟนกัน ทำไมจะหอมแก้มกันไม่ได้?”
พิณชนิดามองค้อน “ฉันยังไม่ได้รับปากว่าจะเป็นแฟนกับนาย”
“ไม่สน ฉันถือว่าเธอเป็นแฟนฉันแล้ว เพราะฉะนั้นหลังจากวันนี้ เธอห้ามเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะโดนมากกว่าหอม”
พิณชนิดายกมือขึ้นมาดันหน้าเขาให้ออกห่าง
“พอเลยพอ ไอ้เราก็อุตส่าห์เป็นห่วง ที่แท้ก็ยังร้ายกาจเหมือนเดิม”
พูดพลางก็รีบเดินก้มหน้าออกไปอย่างเขินอาย ภูมินทร์อมยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะหันไปมองชาร้อนบนโต๊ะ แล้วก็ทำหน้าเจื่อน
ภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาในความนึกคิดอีกครั้ง
ภูมินทร์ในวัยที่ดูอ่อนเยาว์กว่าปัจจุบัน นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง แม่นมนวลยกโจ๊กมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะนั่งลงข้างเตียง
“นมทำโจ๊กหมูใส่ไข่ของโปรดคุณหนูมาให้ ทานซักหน่อยนะคะ จะได้ทานยา”
ภูมินทร์ส่ายหน้า “ภูไม่หิว ภูไม่อยาก”
“ไม่อยากก็ต้องทานนะคะ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีแรง แล้วต้องไปนอนโรงพยาบาลนะคะ”
“ภูไม่ไปนอนโรงพยาบาลนะครับ”
แม่นมนวลยิ้มอย่างเอ็นดู พลางตักโจ๊กป้อน
“เก่งมากค่ะคุณหนูของผม ทานให้หมดเลยนะคะ”
ภูมินทร์หน้าเศร้า กังวลใจ
“ตอนนี้นมอยู่ไหน?”
จ่าเหยินเดินตามอรรถพรมาที่โต๊ะทำงาน พลางรีบรายงานอย่างแข็งขัน
“ผมส่งรูปนายสัญชัยไปทุกสถานีโทรทัศน์ แล้วก็ทุกโรงพักพร้อมตั้งค่าหัว ผมว่าอีกไม่นานนาย
สัญชัยต้องโผล่หัวออกมาแน่ๆ ครับ”
อรรถพรพยักหน้ารับรู้ พลันตำรวจอีกนายหนึ่ง ก็เดินเข้ามา
“มีคนมาขอพบหมวดครับ”
อรรถพรขมวดคิ้ว “ใคร?”
แสงโชตินั่งหน้าแดงก่ำ ด้วยฤทธิ์เหล้า สภาพทรุดโทรมมาก จนไม่เหลือเค้าหนุ่มเจ้าสำอาง
ครู่หนึ่งอรรถพรกับจ่าเหยินเดินออกมา
“ผมขอแจ้งความจับไอ้ภูมินทร์ ข้อหาพยายามฆ่าพ่อของผม”
จ่าเหยินยกมือปิดจมูกเพราะได้กลิ่นเหล้าคลุ้ง ขณะที่อรรถพรย้อนถามหน้านิ่ง
“คุณมีหลักฐานรึเปล่า?”
แสงโชติตอบด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้เต็มที
“ไม่มี แต่ถึงไม่มี ผมก็รู้มันเป็นคนทำ มันเกลียดผมกับพ่อ ใครๆ ก็รู้”
“แค่นี้เอามาเป็นหลักฐานไม่ได้ ผมเสียใจด้วย”
แสงโชติยิ้มหยัน
“นั่นสินะ คุณก็ต้องไม่รับแจ้งความอยู่แล้ว เพราะว่าคุณเป็นพวกเดียวกับไอ้ภู กับยัยหมอดูนั่น
ผมไปแจ้งความที่อื่นก็ได้ ไม่ง้อหรอกเว้ย”
อรรถพรรีบอธิบาย
“ถึงคุณจะไปแจ้งที่อื่น ก็ไม่มีใครรับหรอกครับ เพราะว่าพ่อของคุณมีคดีติดตัว และหนีการจับกุมอยู่ ทางที่ดีคุณควรจะร่วมมือกับทางตำรวจ ในกรณีที่พ่อของคุณติดต่อคุณ คุณควรจะรีบแจ้งให้เราทราบ”
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ผิดคือไอ้ภู ไอ้ภูคนเดียว”
พูดพลางหันหลังเตะถังขยะบนพื้นอย่างแรง ก่อนจะเดินออกไปด้วยความท่าทางโกรธแค้น
ภูมินทร์นั่งหน้าเครียดอยู่กับก้องภพ โดยมีพิณชนิดา และภิชาสินีนั่งอยู่ข้างๆ
“ผมเช็คที่อยู่ตามใบทะเบียนบ้าน บ้านเกิดของคุณนมที่อยุธยาได้ถูกขายไปหลายปีแล้ว และที่สำคัญคุณนมไม่มีญาติที่ไหน”
ภูมินทร์ พิณชนิดา ภิชาสินีฟังแล้วก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น
“แม่นมนวลไปไหน?”
พลันภูมินทร์ก็นึกขึ้นได้ “พิณ เธอดูไพ่ได้มั้ย ?”
พิณชนิดาถือไพ่ในมือ พลางตั้งจิตอธิษฐาน ครู่หนึ่งก็เปิดไพ่ออกมา เธอถึงกับหน้าถอดสี
ทำเอาทุกคนสงสัย
“รู้แล้วใช่มั้ยว่านมอยู่ที่ไหน?”
พิณชนิดาพยายามตั้งสติและทำสีหน้าให้เป็นปกติ
“ไพ่ไม่ชัดเจน ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย”
พูดพลางรีบเก็บไพ่
“วันนี้ใจฉันไม่ค่อยนิ่ง อาจจะทำให้ไม่มีสมาธิ ไว้ฉันจะดูให้อีกครั้งก็แล้วกัน”
ภิชาสินีสังเกตเห็นสีหน้าของพี่สาว ก็รู้สึกสังหรณ์ใจ
ทันทีที่พิณชนิดาเข้ามาในห้องเธอก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง พลันน้ำตาก็ร่วงรินลงมาเป็นสาย
ไม่นานภิชาสินีก็เปิดประตูเข้ามา
“พี่พิณ บอกความจริงมาว่าไพ่ออกว่าอะไร?”
พิณชนิดาขอบตาแดง ปากคอสั่น เสียงสั่น ทำใจลำบาก
“แม่นมนวล แม่นมนวล ตายแล้วภิ”
ขาดคำพิณชนิดาก็ปล่อยโฮออกมา พลางกอดน้องสาวไว้แน่น ภิชาสินีเองก็น้ำตาคลอเบ้า
ปิ่นเพชรก็เช่นกัน
“ทำไมพี่พิณไม่บอกคุณภู?”
พิณชนิดาพยายามกลั้นก้อนสะอื้นที่แล่นมาจุกที่หน้าอก
“พี่ไม่รู้จะพูดยังไง แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ภูเจออะไรมาเยอะมาก ถ้าเค้ารู้เรื่องแม่นมนวล พี่กลัวเค้าจะรับไม่ได้ แล้วทำอะไรโง่ๆ ลงไป”
“มันก็จริง แล้วไพ่บอกรึเปล่าว่าแม่นมตายได้ที่ไหน?”
พิณชนิดาส่ายหน้า
“ไพ่ไม่ได้บอก พี่เห็นแต่ความมืด แต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน? พี่คิดว่าศพของแม่นมนวลยังอยู่ที่นั่น เราต้องบอกเรื่องนี้ให้หมวดอรรถช่วย”
ภิชาสินีพยักหน้าเห็นด้วย ปิ่นเพชรรีบบอกด้วยความเห็นใจ
“เค้าจะเรียกพรรคพวกมาช่วยด้วยอีกแรง”
“ขอบใจนะปิ่นเพชร รอให้เจอแม่นมนวลก่อน พี่ถึงจะบอกคุณภู”
ภูมินทร์วางสายจากอรรถพร พลางหันมาบอกก้องภพด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“นายแสงโชติไปแจ้งความจับฉัน แต่หมวดอรรถไม่ได้รับแจ้ง เพราะหลักฐานไม่พอ“
“จะว่าไปก็น่าเห็นใจคุณแสงโชติเหมือนกันนะครับ”
ภูมินทร์พยักหน้า
“การที่แสงโชติเป็นแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฉัน ต่อจากนี้ ฉันควรจะทำอะไรเพื่อเค้าบ้าง”
ทางด้านสัญชัยในสภาพย่ำแย่ หลบมาซ่อนตัวอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ เก่าๆ แห่งหนึ่ง ขณะกำลังนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซังกะตาย ตาก็จับจ้องที่ทีวี. ที่กำลังรายงานข่าวเกี่ยวกับคดีของเขาอยู่พอดี
“ขณะนี้ตำรวจได้ออกหมายจับ นายสัญชัย อัครมโหฬาร รองกรรมการบริหารบริษัทในเครืออัครมโหฬาร ผู้เป็นอาแท้ๆ ของนายภูมินทร์ อัครมโหฬาร ข้อหาพยายามฆ่า ถ้าผู้ใดพบเบาะแส กรุณาแจ้งมาที่เบอร์ด้านล่าง ทางการมีรางวัลให้ 10,000 บาท”
สัญชัยกำส้อมในมือแน่น ก่อนจะปัดถ้วยบะหมี่ทิ้งลงพื้นด้วยความโกรธแค้น
“ไอ้ภูมินทร์ ฉันไม่มีวันยอมโดนจับง่ายๆ หรอกเว้ย”
พลันก็นึกขึ้นมาได้ รีบหยิบมือถือมากดเปิดรูปแม่นมนวลที่เคยถ่ายเอาไว้ แล้วก็ยิ้มร้าย
อรรถพรได้ยินเรื่องของแม่นมนวลที่ภิชาสินีเล่าให้ฟัง ก็ตกใจ
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับคุณนมนวล ภิไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะตามหาคุณนมให้
สุดความสามารถ”
“หมวดว่าคุณสัญชัยจะมีส่วนกับการตายของแม่นมนวลรึเปล่า?”
อรรถพรหน้าเครียด “ผมไม่มั่นใจ ทุกอย่างต้องว่ากันตามหลักฐาน”
สิรวิทย์มาหาภูมินทร์ที่บ้าน แต่ไม่เจอ เพราะอีกฝ่ายไปทำงานแต่เช้า เขาจึงหันมาถามป่านแก้วถึงเปรมสุดา
“สุดายังอยู่ที่นี่รึเปล่า?”
ป่านแก้วทำหน้าเซ็ง
“อยู่ค่ะ วันๆ เอาแต่นั่งๆนอนๆ ไม่ช่วยทำอะไรเลยซักอย่าง นี่ก็เที่ยงกว่าแล้วยังไม่ออกจากห้องเลยนะคะ”
เปรมสุดานอนหน้าซีดอยู่บนเตียง สองมือกุมท้องด้วยความเจ็บปวด พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
ไม่นานประตูก็เปิดออก เปรมสุดาหันไปเห็นสิรวิทย์เดินเข้าในห้องก็ตกใจ
“สุดา คุณเป็นอะไร?”
สิรวิทย์เห็นคราบเลือดบนเตียง ก็หน้าตาตื่นตระหนก
จากนั้นก็รีบพาเปรมสุดาไปส่งที่โรงพยาบาลทันที หลังจากทำการตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียดแล้ว หมอที่เข้าใจว่าสิรวิทย์เป็นสามีของเปรมสุดา ก็แจ้งอาการให้ฟังว่า
“ผมอยากให้คุณทำใจไว้ซักหน่อย ที่คุณเปรมสุดาปวดท้องน้อย และมีเลือดออก มันมีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่จะแท้งลูก”
สิรวิทย์ผงะ ตกใจ
“สุดาท้อง?”
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 15 (ต่อ)
ครั้นตั้งสติได้ สิรวิทย์ก็รีบเข้าไปเยี่ยมเปรมสุดาในห้องฉุกเฉิน ฝ่ายหลังนอนหันหน้าไปอีกทาง ใบหน้าเศร้า เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“รู้แล้วสิ”
สิรวิทย์มองเปรมสุดาอย่างเป็นห่วง
“ใครทำ?”
เธอค่อยๆ หันกลับมามองหน้าสิรวิทย์
“วิทย์จะอยากรู้ไปทำไม? เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“คุณคิดว่าผมมีความสุขดีเหรอตั้งแต่ตัดขาดกับคุณวันนั้น ผมไม่เคยนอนหลับสนิทซักวัน เพราะว่าผม ผมลืมคุณไปจากใจไม่ได้”
เปรมสุดาได้ฟังก็ถึงกับน้ำตารื้น
“ต่อให้คุณเป็นคนยังไง ผมก็รักคุณ บอกความจริงผมมา ใครเป็นพ่อของเด็กในท้องคุณ”
“ไม่มีประโยชน์ที่คุณจะรู้ ขอบคุณมากที่พาฉันมาส่งโรงพยาบาล คุณกลับไปได้แล้ว”
พูดพลางก็หันหลังให้สิรวิทย์ พร้อมกับน้ำตาไหลลงมาเป็นทาง
“ถ้าคุณคิดจะให้ภูรับผิดชอบเด็กในท้องของคุณ เลิกคิดซักเถอะ เพราะภูไม่มีทางหลงกลคุณแน่ๆ และคนที่จะทรมานมากที่สุดก็คือคุณกับลูก อย่าให้บาปที่คุณทำ ตกไปถึงลูกของคุณเลย ผมยังอยากจะเห็นเปรมสุดา ผู้หญิงอ่อนหวานและนุ่มนวลคนนั้นอีกครั้ง ผมไม่เคยลืมครั้งแรกที่เราได้เจอกัน ก่อนที่ผมจะกลับไป ผมอยากบอกคุณว่าผมจะยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ว่าคุณจะเจออะไรที่หนักหนาแค่ไหน ได้โปรดมาหาผมเป็นคนแรกนะครับ”
สิรวิทย์หันหลังคอตกเดินออกไป เปรมสุดาหันมามองตามแล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างหยุดไม่ได้
ขณะเดียวกันภูมินทร์ก็เซ้าซี้ให้พิณชนิดาเปิดไพ่เพื่อตามหาแม่นมนวลอีก แต่อีกฝ่ายรีบบอกปัด
“บอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่มีสมาธิ”
“งั้นฉันจะเปิดโรงแรม ห้องที่วิวดีที่สุด ให้เธอทำสมาธิเลยเอามั้ย?”
พิณชนิดาฝืนยิ้ม “สมาธิมันไม่ได้มากันง่ายๆ เหมือนเปิดพัดลม จะได้เปิดปุ๊บติดปั๊บ”
เสียงมือถือดังขึ้น ภูมินทร์หยิบขึ้นมากดรับสาย
“ถึงเวลาประชุม? โอเคๆ”
พิณชนิดาได้ที “ไปประชุมซะ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องแม่นมนวล ฉันจะช่วยคุณเอง”
ภูมินทร์พยักหน้ายิ้มๆ แล้วก็เดินออกไป พิณชนิดามองตามอย่างรู้สึกผิด
ภูมินทร์กำลังเดินมาที่ห้องประชุม พลันเสียงข้อความก็ดังขึ้น เขารีบหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดดู แล้วก็ต้องตกใจที่เห็นภาพแม่นมนวลถูกจับมัดกับเก้าอี้
ไม่นานเสียงมือถือก็ดังตามขึ้นมา เป็นเบอร์ที่ไม่ขึ้นชื่อ ภูมินทร์รีบกดรับสาย แต่ยังไม่ทันพูด ปลายสายก็พูดออกมา
“รูปชัดดีมั้ยหลานรัก?”
ภูมินทร์ตกใจ “คุณอา”
สัญชัยยืนยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“ถ้าอยากให้อีแก่นี่รอด แกต้องทำตามที่ฉันสั่ง”
ภูมินทร์โกรธจัด แต่จำต้องอดทน
“ต้องการอะไร ?”
ภูมินทร์นั่งประชุมไป ใจก็คิดเห็นห่วงแม่นมนวล พร้อมกับที่คำพูดของสัญชัยยังก้องอยู่ในหัว
“เตรียมเงินสดให้ฉัน 50 ล้าน ฉันจะบอกเวลาและสถานที่ให้แกรู้อีกครั้ง เรื่องนี้ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด ถ้าฉันเห็นคนตามแกมา อีแก่นี่ตาย”
ก้องภพเห็นภูมินทร์ ที่ดูเหมือนสมาธิจะไม่อยู่กับการประชุม ก็นึกแปลกใจ
เมื่ออยู่กันตามลำพังจึงอดที่จะถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“คุณภูเป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
ภูมินทร์ไม่ตอบ แต่กลับพูดไปอีกเรื่อง
“ฉันจะออกไปทำธุระ แล้วจะไม่กลับเข้ามาบริษัทอีก ฝากดูงานแทนฉันด้วย”
พูดจบก็รีบออกไป ก้องภพหันไปมองตามด้วยความสงสัย จนต้องไปเล่าให้พิณชนิดาฟัง พลอยให้ฝ่ายหลังสงสัยตามไปด้วย
ที่แท้ภูมินทร์ก็รีบเข้ามาเบิกเงินในธนาคารเพื่อนำไปให้สัญชัย ทันทีที่ได้รับเงินเรียบร้อย เสียงมือถือก็ดังขึ้นมาพอดี
“ผมเตรียมเงินเรียบร้อยแล้ว จะให้ผมไปที่ไหน?”
“คุณภูน่ะเหรอครับ เบิกเงินสด 50 ล้าน?”
ก้องภพรับสายจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร แล้วก็ถึงกับอุทานด้วยความตกใจ
“ครับ คุณภูเร่งมาก ผมก็รีบจนลืมให้คุณภูเซ็นเอกสารอีกใบหนึ่ง แล้วผมก็ติดต่อคุณภูไม่ได้แล้ว ถ้าไงฝากคุณก้องช่วยตามคุณภูมาเซ็นเอกสารเพิ่มทีนะครับ ไม่งั้นผมโดนดุแน่ๆ”
ก้องภพรับคำ พลางรีบวางสาย แล้วหันไปทางพิณชนิดา
“ทางธนาคารโทรมาบอกว่าคุณภูขอเบิกเงินสด 50 ล้าน แล้วก็รีบออกไปครับ”
“ภูเอาเงินไปทำอะไรตั้งห้าสิบล้าน? ฉันใจไม่ดีเลย เค้าทำอะไรของเค้า?”
ก้องภพกับพิณชนิดาหันมามองหน้ากัน ต่างคนต่างครุ่นคิดสงสัย จากนั้นก็รีบมาปรึกษาอรรถพรที่โรงพักทันที
“ผมให้ทางฝ่ายจราจรเช็คกล้องวงจรปิด แถวธนาคารที่คุณภูไปเบิกเงินแล้ว น่าจะพอรู้ว่าคุณภูไปไหน?”
พิณชนิดาหน้าเสีย “ขออย่าให้ภูเป็นอะไรเลย”
รถภูมินทร์แล่นเข้ามาจอดบริเวณตึกร้าง ก่อนที่เขาจะรีบลงจากรถ พลางมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าหวาดระแวง ทันใดนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้น
“ผมมาถึงแล้ว เปลี่ยนสถานที่? ผมไม่ไป จนกว่าผมจะได้ยินเสียงของนม”
สัญชัยเอามือถืออีกเครื่องมาเปิดเสียง
“คุณหนูไม่ต้องห่วงนม นมไม่เป็นอะไร”
พลางยิ้มร้าย “ได้ยินชัดแล้วนะ คราวนี้ทำตามฉันได้เหรอยัง?”
อรรถพรวางสาย พลางหันมาทางพิณชนิดา ภิชาสินี ก้องภพ ที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่ข้างๆ
“กล้องวงจรปิดจับภาพรถคุณภูแล่นเข้าไปในซอยๆ หนึ่ง ไม่ถึงสิบนาทีก็แล่นออกมา แล้วรถก็มุ่งหน้าไปทางสมุทรปราการ เอางี้นะครับ คุณพิณกับภิรออยู่ที่นี่ ผมกับคุณก้องจะตามคุณภูไป”
พิณชนิดาพยักหน้ารับคำ ก้องภพกับอรรถพรพากันวิ่งออกไป
เธอมองตามจนสองหนุ่มหายไปจากสายตา ก็รีบหันมาชวนภิชาสินีให้รีบตามไปทันที
ภูมินทร์หิ้วกระเป๋าเดินมาจนถึงท่าเรือเก่าๆ ติดแม่น้ำ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ พร้อมกับที่เสียง
มือถือดังขึ้น
“ผมมาถึงแล้ว”
ไม่นานสัญชัยที่ใส่หมวกกับแว่นดำก็เดินออกมา ภูมินทร์หันไปเห็นก็ชะงัก
“นมนวลอยู่ที่ไหน?”
สัญชัยมองจ้องหน้าภูมินทร์ด้วยแววตาอาฆาตแค้น พลางตะคอกสั่ง
“คุกเข่า แล้วกราบตีนฉัน ขอโทษในสิ่งที่แกทำกับฉันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำสิ”
แต่ภูมินทร์กลับยืนนิ่ง
“ถ้าแกไม่ทำ ฉันโทร.ไปกริ๊กเดียว แม่นมของแกจะหมดลมหายใจทันที”
ภูมินทร์กำหมัดมือแน่น สัญชัยมองอย่างถือไพ่เหนือกว่า
สุดท้ายเขาจึงจำยอมต้องคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นอา พร้อมกับวางกระเป๋าเงินไว้ข้างตัว แล้วยกมือขึ้นมาพนม ก่อนจะก้มลงกราบสัญชัย ที่มองอย่างสะใจ
“ผม ผมขอโทษ”
“ ไม่นึกไม่ฝันว่าคนหยิ่งจองหองอย่างแกจะยอมคุกเข่ากราบตีนฉัน มันสะใจจริงๆ เลยเว้ย”
ภูมินทร์ตาแดงก่ำ เพราะโกรธที่ทำอะไรไม่ได้
ก้องภพรู้จากอรรถพรที่ได้รับรายงานว่ารถของภูมินทร์แล่นเข้าไปบริเวณท่าเรือเก่าๆ ก็ใจคอไม่ดี
“ทำไมต้องมาในที่ลับตาคน และติดแม่น้ำ หรือว่าคุณภูจะมาฆ่าตัวตาย?”
สัญชัยคว้ากระเป๋าจากข้างตัวภูมินทร์ขึ้นมาเปิดดู พอเห็นเงินก็ตาลุกวาวก่อนจะปิดกระเป๋า
“ผมทำตามที่คุณอาบอกแล้ว นมนวลอยู่ที่ไหน?”
“ให้คนไปส่งนมนวลจันทร์ที่บ้านแกแล้ว ขอบใจสำหรับเงิน”
สัญชัยหันหลัง พลางยิ้มเยาะ “ไอ้โง่”
แต่พอกำลังจะเดินออกไป ภูมินทร์ก็ลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยว ขอผมโทร. ถามที่บ้านก่อน”
ภูมินทร์กำลังจะกดโทร. ออก แต่ช้ากว่าสัญชัยที่หันมาเอาปืนจ่อไปที่หัว
“อาโกหกผมใช่มั้ย?”
สัญชัยหัวเราะสะใจ “มารู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว”
ขาดคำก็ลั่นไกเตรียมจะยิง แต่อรรถพรกับก้องภพวิ่งเข้ามาพอดี นายตำรวจหนุ่มรีบชักปืนออกมา
“หยุด”
สัญชัยได้ยินเสียง ก็รีบหันไป พลางสาดกระสุนใส่ ภูมินทร์ อรรถพร และก้องภพ ต้องรีบหาที่หลบ สัญชัยยิงไป ก็วิ่งไปที่รถของตัวเอง ก่อนจะรีบขึ้นไปสตาร์ท แต่กลับสตาร์ทไม่ติด
ภูมินทร์ อรรถพร ก้องภพ วิ่งตามออกมา สัญชัยเงยหน้ามอง แล้วก็ตัดสินใจคว้ากระเป๋าเปิดประตูลงมาจากรถ พร้อมกับชักปืนยิงใส่ไม่ยั้ง
“อาได้เงินไปแล้ว ก็บอกผมมาสิว่าเอานมนวลไปไว้ที่ไหน?”
“ฉันไม่บอกแกหรอกเว้ย”
ภูมินทร์กำมือแน่น หน้าแดงก่ำ พลางขยับตัวจะเข้าไปหา แต่ก้องภพกับอรรถพรคว้าตัวไว้
“บอกผมมาว่านมนวลอยู่ที่ไหน? บอกมา”
“ฉันไม่บอก ฉันจะให้แกทรมานไปจนชั่วชีวิตของแกที่หาอีแก่นั่นไม่เจอ”
อรรถพรรีบตะโกนบอก
“คุณไม่มีทางหนีอีกแล้วคุณสัญชัย ยอมมอบตัวดีกว่า”
“ไม่ ฉันไม่มีวันยอมติดคุก ไม่มีวัน”