ใยกัลยา ตอนที่ 15 อวสาน
บริเวณประตูทางเข้าออฟฟิศบริษัทสร้างศิลป์ 2000 ในเวลานี้ มีพนักงานและดาราเดินเข้าออกเป็นปกติ ผู้คนริมถนนผ่านไปมา ชะเง้อมองด้วยความสนใจเมื่อเห็นดารา
หอมน้ำกับเขนเดินออกมา สองสาวหยุดหน้าประตูรั้ว เหลียวเข้าไปมองด้านในแว่บหนึ่ง เขนบอกเสียงเบาว่า
“เราสองคน โดยเฉพาะหอมต้องระวังตัวให้ดี คนที่นี่ไว้ใจไม่ได้สักคน”
หอมน้ำท้วง “ยกเว้นพี่ทับ”
เขนพยักหน้า “นางถึงต้องย้ายไปอยู่ดีด้าไง”
“พี่อุมากับป้าพิไลก็โอเคนะ”
“ป้าพิไลไม่มีอะไร แต่พี่อุมาไม่โอเค”
ทั้งสองเดินคุยกันไปเรื่อยๆ
“แล้วเรื่องเล่นละครล่ะ จะทำยังไงดี หอมไม่อยากเล่นเลย แต่คุณพุธแกเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว ลายมือเหมือนหอมเปี๊ยบ” หอมน้ำเครียดจัด
เขนส่ายหน้า “คุณแม่คุณหมอฟันทันตแพทย์นี่ร้ายชะมัด แม่ก่อเรื่อง เราก็ต้องปรึกษาลูก”
สาวอวบยักคิ้วล้อหอมน้ำ แล้วเดินไปโบกเรียกแท็กซี่ที่ผ่านมาพอดี
ศวัสพาสองสาวเข้ามาคุยกันในห้องพักแพทย์ สีหน้าของเขาดูวิตกกังวลปนหงุดหงิดใจขึ้นมาทันที หลังได้ฟังเรื่องจากทั้งคู่
“แล้วคุณอาเจคเขาว่ายังไง”
“เขาก็บอกว่า ในเมื่อหอมเซ็นสัญญาแล้ว ก็ต้องทำตามสัญญาค่ะ” หอมน้ำว่า
“ลายเซ็นเหมือนเปี๊ยบอีกต่างหาก” เขนบอก
“ถึงไม่เหมือน แล้วเราบอกว่าคุณกัลยาเป็นคนเซ็น ใครที่ไหนเขาจะเชื่อ”
“หอมถึงได้มาปรึกษาคุณหมอไงคะ หอมไม่อยากเล่นจริงๆ”
ศวัสตัดสินใจ “ชั้นจะลองพูดให้เอง”
หลังเลิกงานตอนเย็นวันนี้ ศวัสนัดเจอเจคที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทั้งคู่คุยกันด้วยสีหน้าค่อนข้างเครียดมาได้สักพักแล้ว โดยเจคทำเป็นไม่รู้เรื่องพุธกันยา
“ก็หอมน้ำเขาเป็นคนมาเซ็นสัญญากับอาเอง พนักงานที่ออฟฟิศ เป็นพยานได้ แล้วอาก็ไม่ได้ขู่บังคับอะไรสักนิด”
“ผมเชื่อคุณอาครับ แต่...ถ้าผมจะบอกว่า เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะคุณแม่ผม”
เจคทำเป็นชะงัก แล้วขยับนั่งตัวตรง
“หมอจะบอกว่า กัลยาส่งร่างหอมมาเซ็นสัญญากับอาน่ะหรือ”
“ครับ”
เจคส่ายหน้า “จะเป็นไปได้ยังไง”
“คุณอาก็ทราบว่าคุณแม่ผมรักการแสดงมาก”
เจคถอนใจเฮือก “บอกตรงๆนะ อาไม่ค่อยเชื่อเรื่องอย่างนี้เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่นะ”
“ทีแรกผมก็ไม่เชื่อ โดยเฉพาะเรื่องผีสางนางไม้นี่ห่างไกลจากผมมาก ผมเคยเชื่อว่าคนเราตายแล้วก็เน่าเปื่อยสูญสลายไปเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ไม่เคยเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย”
“ก็หมายความว่าหมอไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์”
“ผมเชื่อว่าสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ใครทำดี จิตใจก็แจ่มใสสดชื่น ส่วนใครทำชั่ว จิตใจก็จะมัวหมองหาความสุขไม่ได้”
เจคพยักหน้า “นั่นก็ใช่”
“แล้ว...เรื่องหอมน้ำ”
เจคขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถ “เอาอย่างนี้ ในฐานะที่ครอบครัวของหอมกับอารู้จักสนิทสนมกันมานาน อาจะยกเลิกสัญญาทั้งหมด”
ศวัสยิ้มออกโล่งอก
“แต่...”
ศวัสชะงัก
“อาจะขอร้องให้หอมน้ำเล่นให้อาสักเรื่อง เพราะอาหานางเอกไม่ได้ หลังจากนั้นก็สุดแล้วแต่เขา”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีปัญหาครับ” ศวัสไหว้ “ผมต้องขอขอบคุณแทนหอมน้ำในความกรุณาของคุณอาด้วย”
“ไม่เป็นไร” เจครับไหว้ นัยน์ตามีแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมา โดยที่ศวัสไม่ทันเห็น
บริเวณหอพักที่ยังดูคึกคัก เพราะเป็นช่วงหัวค่ำ ขณะศวัสแวะมาหาสองสาวที่ห้องเขน หอมน้ำถอนใจเฮือกเมื่อศวัสบอกว่าเจคขอร้องให้เล่นหนังอีกเรื่อง
“แต่หอมเล่นไม่เก่งเลย เรียกว่าเล่นไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“หอมอย่ายอมให้คุณพุธสิงนะ” เขนนึกได้แล้วหันมาไหว้ศวัส “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ คุณหมอ”
“ไม่เป็นไร เพราะชั้นก็ไม่ยอมอยู่แล้ว”
“ความจริงก็ดีเหมือนกัน หอมเล่นไม่ได้ คุณเจคเขาจะได้ไม่ให้เล่น”
“ไม่ได้หรอกเขน ในเมื่อรับปากแล้ว เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด”
“หอมน้ำพูดถูก” ศวัสบอก เขาเว้นไปนิดหนึ่ง แล้วมองหน้าหอมน้ำแน่วนิ่ง “ชั้นจะช่วยเธอเอง”
สองสาวเบิกตากว้าง “ช่วย”
“ช่วยซ้อมบทให้ไง อย่าลืมว่าชั้นเคยซ้อมให้เธอแล้ว”
เขนตาโตร้อง “ฮ้า! ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมเขนไม่รู้”
“เธอไม่ได้รู้ไปเสียทุกอย่างหรอก”
เขนปรายตามองหอมน้ำเหมือนจะขอคำอธิบาย
แต่หอมน้ำหลบตามีพิรุธเต็มๆ ในขณะที่ศวัสมองหน้าหอมน้ำไม่วางตา
ขณะเดียวกัน โค้ก อุมา และ พิไล แวะมาเยี่ยมเพลินพิศที่ห้องพิเศษในโรงพยาบาล แต่คุยปรับทุกข์กันอยู่เรื่องงาน
“พี่อยากจะลาออก” โค้กเอ่ยขึ้น
“โธ่! เรื่องแค่นี้เอง ไอ้พี่โค้ก” อุมาติง
“ถึงว่า ผู้หญิงเขาไม่รัก จะไปบังคับให้เขารักได้ยังไงคะคุณ” พิไลว่า
โค้กหงุดหงิด “อ้อ! แล้วเขารักคุณเจคงั้นซิ เกลียดนัก พวกผู้หญิงเห็นแก่เงิน”
พิไลฉุน “อ้าวเฮ้ย ที่นั่งอยู่ในห้องนี้ทั้งหมดน่ะ ผู้หญิงนะ คุณโค้ก”
“แล้วผู้ชายไม่เห็นแก่เงินเรอะไง” อุมาแย้ง
เพลินพิศยังดูอ่อนเพลียอยู่มาก “นี่จะมาเยี่ยมเพลินหรือว่ามาเถียงกันเรื่องคนอื่น”
โค้ก อุมา และพิไลต่างรีบขอโทษ
เพลินพิศถอนใจเฮือกใหญ่ “เซ็งจัง”
โค้กแปลกใจ “เรื่อง”
“นังหอมน้ำกลับเข้าวงการมาเป็นนางเอกแข่งกับเพลินอีก คอยดูนะ เพลินจะให้สัมภาษณ์ว่ามันสับปลับหลอกลวงประชาชน”
“น้องเพลินต้องระวังเรื่องให้สัมภาษณ์หน่อย ไอ้ที่ต้องมานอนโรงพยาบาลนี่ก็เพราะปาก” อุมาบอก
“เห็นด้วย วันนั้นน้องเพลินพูดกระแทกใจใครหลายๆ คน” พิไลว่า
“รวมทั้งป้าด้วยหรือเปล่า ป้าเป็นแฟนคลับพุธกันยานี่” โค้กประชด
“แน่นอน”
“เพลินพูดความจริง เป็นเพราะพุธกันยา”
พิไลขัดขึ้นทันที “หยุด อย่าโทษพุธกันยาต้องโทษน้องเพลินที่วิ่งออกไปไม่ระวัง ไม่มองซ้ายมองขวา”
“ใครจะมัวมองอยู่ล่ะป้า ผีมันไล่ตามหลังมา” เพลินพิศค้อนควัก
“ป้าไม่เชื่อหรอก”
“นี่ป้าจะมาเยี่ยมหรือมาทะเลาะกับหนูเนี่ย”
พิไลรู้สึกตัว “ขอโทษค่ะ ป้าได้ยินใครว่าพุธกันยา แล้วมันคันปากยิบๆ ทุกที”
โค้กเซ็ง “แล้วก็พูดกันอยู่ได้”
แต่ละคนนั่งกันหน้าตาบึ้งตึงหงุดหงิดกันไป
ถัดมา ทั้งสามคนเดินคุยกันเรื่อยๆ มาตามทางเดิน อุมาเอ่ยขึ้น
“นี่น้องเพลินคงยังไม่รู้ว่า คุณวดีเขาจะไม่รอแล้ว เขาจะเปิดกล้องตามกำหนดเดิม”
“นี่ละก็ ไปรู้เรื่องเขาหมด” โค้กแขวะ
“พวกช่างแต่งหน้าน่ะถึงกันอยู่แล้ว” อุมาว่า
พิไลดูจะสะใจไม่น้อย “อยากจะสมน้ำหน้า แต่นึกไปนึกมาก็อดสงสารไม่ได้ ว่าแต่ใครเสียบแทนละ”
“ก็น้องเอิงหลานสาวคุณวดีน่ะซิ จะมีใคร”
“คงได้เบี้ยวจนคุณป้าต้องกุมขมับนั่นแหละ”
คำพูดโค้ก ทำเอาทั้งหมดหัวเราะกันอย่างขบขัน พากันเดินออกไปบริเวณที่จอดรถ
หอมน้ำยังพักอยู่กับเขน เวลานี้กำลังเปิดตู้เย็นเดินถือน้ำส้มมานั่งจิบ พร้อมกับเปิดบทหนังเรื่องใหม่ดู
“โห ไดอะล็อก ยาวจังเลย เฮ้อ จะจำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ให้ชั้นช่วยมั้ยล่ะ”
หอมน้ำสะดุ้ง แล้วเงยหน้ามอง เห็นพุธกันยายืนอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาท่าทางเหมือนจะมาง้องอนเต็มที่ หญิงสาวรีบกุมพระที่คอทันที
“ไม่ต้องจับหรอก ชั้นไม่ได้จะมาแย่งสักหน่อย ว่าไง จะให้ช่วยหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณ”
พุธกันยาไม่กล้าเข้าใกล้ “กลัวเหรอ”
หอมน้ำสบตาพุธกันยานิ่ง “ค่ะ กลัวคุณจะยึดร่างหอมอีก”
พุธกันยาบอกเสียงอ่อย “ชั้นขอโทษจริงๆ ยอมรับว่าชั้นมันทั้งแย่ทั้งเห็นแก่ตัวเหมือนที่ศวัสพูดทุกอย่าง แต่ตอนนี้ชั้นรู้สึกตัวแล้ว ถ้าไม่เชื่อลองให้ชั้นสิงดูซิ”
“หอมเข็ดจนตายเลยล่ะค่ะ”
“แล้วเธอจะเล่นเองได้เหรอ”
“ได้หรือไม่ได้ก็ต้องลองดู ถ้าไม่ได้จริงๆ คุณเจคก็คงจะเปลี่ยนคนใหม่เอง”
พุธกันยาพยักหน้ารับรู้ “คงอย่างนั้นแหละ”
ประตูเปิดออกพอดี เขนเดินเข้ามาพร้อมถุงอาหาร พุธกันยาหายไปในจังหวะนี้
“มาแล้ว เส้นใหญ่ราดหน้าทะเล ของหอมหนึ่ง ของเขนสอง”
ทั้งสองคนช่วยกันเอาอาหารใส่จาน หอมน้ำเอ่ยขึ้น
“เมื่อกี้คุณพุธมา” เขนสะดุ้ง “ตอนนี้ไปแล้ว”
“มาทำไม”
“มาขอโทษ แล้วก็จะช่วยสิงหอมเล่นละคร”
เขนเสียงดังลั่น “อย่าเชียวนะ”
“ไม่ต้องเสียงดัง หอมไม่ยอมให้สิงหรอก”
หอมน้ำตักราดหน้ากิน “ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด”
หอมน้ำลากเสียงยาว “บอกว่ารู้แล้ว...”
เจคยังอยู่ในห้องทำงาน ด้านนอกพนักงานพากันทยอยกลับบ้าน ส่วนเจคเดินกลับไปกลับมาอย่างใช้ความคิด
“กัลยา คุณอยู่ที่ไหน” ทุกอย่างเงียบจนวังเวง “ผมอยากพบคุณอีก”
ขาดคำไฟในห้องดับลง เจคสะดุ้ง ไฟสว่างขึ้น แล้วติดๆ ดับๆ กระพริบไปมา
เจคตื่นเต้น “กัล นั่นคุณใช่ไหม”
โน้ตบุ๊กเจคซึ่งเปิดค้างไว้ ปิดลงอย่างแรง เจคหันไปมอง แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน พร้อมกับเปิดขึ้นใหม่เจคสะดุ้ง เมื่อพบว่าภาพวอลล์เปเปอร์ในโน้ตบุ๊กกลายเป็นภาพพุธกันยา ทอดสายตาตรงมา
“กัล คุณอยู่ในห้องนี้จริงๆ”
พุธกันยาปรากฏตัวขึ้นโดยเจคมองไม่เห็น แต่ไฟในห้องยังคงติดๆดับๆ
เจคแตะมือไปที่รูปภาพนั้นอย่างทะนุถนอม “ผมสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้คุณกลับมาให้ได้ ผมจะช่วยคุณ เราจะช่วยกัน”
พุธกันยาเยื้อนยิ้มอย่างพอใจ
ดึกสงัด รอบนอกคอนโดดูวังเวงจนน่ากลัว หมอกควันกระจายเพิ่มความลึกลับยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเสียงหมาหอนไกลๆ ส่วนภายในห้องเจค มีไอหมอกจางๆ ลอยเข้ามาทางช่องขอบประตู ความเยือกเย็นและความเย็นนั้นทำให้เจคลืมตาขึ้น และสะดุ้งสุดตัวเห็นพุธกันยายืนอยู่ท่ามกลางไอหมอกตรงประตู
จากความตกใจเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น “กัลยา”
พุธกันยายิ้มนิดๆ นัยน์ตาเป็นประกายพร่าพราย
“กัลยา ผมสัญญา ผมจะต้องช่วยพาคุณกลับมาให้ได้ ผมสัญญา”
พุธกันยาปรายยิ้มนิดๆ แล้วค่อยๆเลือนหาย
เจคร้องเรียกตามเสียงดังลั่น “อย่าเพิ่งไป อย่าเพิ่ง”
ที่แท้เจคฝันไป และตกใจตื่น ทุกอย่างในห้องเป็นปกติ ไม่มีร่องรอยของภาพที่เห็นในความฝันเลย
เจคลุกขึ้น เดินไปที่ประตู แล้วเปิดออกไป เห็นทางเดินหน้าห้องสว่างด้วยไฟที่ติดไว้เป็นระยะๆ ไม่ปรากฏสิ่งมีชีวิตหรือความเคลื่อนไหวใดๆ
เจคปิดประตู ล็อกห้องแล้วเดินกลับมาล้มตัวลงนอน นัยน์ตาจับจ้องเพดานใคร่ครวญครุ่นคิด
เช้าวันถัดมา สองคนพ่อลูกเดินคุยกันมาที่ประตู
บุรีตบไหล่ลูกสัพยอก “ร้ายนะเรา ทำเป็นหวังดีช่วยซ้อมบทให้เขา”
“อ้าว ผมก็หวังดีจริงๆ นี่ครับ อีกอย่าง คุณแม่ก็ทำกับหอมน้ำไว้มาก”
แจ่มเดินเข้ามา สีหน้าตื่นเต้น “คุณหมอคะ เจอแล้วค่ะ”
บุรีกับศวัสหันไปมอง
แจ่มชูสร้อยพระของหอมน้ำให้ดู “สร้อยพระของน้องหอมค่ะ วันนั้นแจ่มกับคุณแม่บ้านหาแทบตายไม่เจอ พอเมื่อเช้าแจ่มเปิดลิ้นชัก กลับวางอยู่ที่เดิมเลยค่ะ”
แจ่มส่งสร้อยให้บุรี ปากบ่น “แปลกที่สุดเลย”
“เราลืมเองมั้งว่าวางไว้ตรงไหน” บุรีท้วง
“ไม่ใช่ค่ะ แจ่มจำได้”
“ขอบใจ แล้วชั้นจะเอาไปคืนคุณหอมน้ำเอง”
“ค่ะ” แจ่มเดินออกไป
“คุณพ่อคิดว่ายังไงครับ”
“พ่อก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ไปทำงานเถอะ”
“เย็นนี้ คุณพ่ออยู่บ้านหรือเปล่า”
บุรีมีสีหน้าแววตาแจ่มใสขึ้นทันควัน “พ่อมีนัด”
ศวัสยิ้มเย้า “ทานข้าวให้อร่อยนะครับ”
“ขอบใจ”
ศวัสเดินออกไปที่รถ บุรีมองตามจนลับตาแต่พอเบือนหน้าหันกลับมา ต้องชะงักเมื่อเห็นเยาวภายืนอยู่ในทรงผมบ๊อบ ทรงเดียวกับพุธกันยา
บุรีขมวดคิ้ว “เยาว์”
เยาวภายกมือลูบผมอวด “เยาว์ไปตัดผมมาน่ะค่ะ อยากจะเปลี่ยนหน้าบ้าง”
บุรีไม่พูดอะไร เดินกลับเข้าไปเลย โดยมีสายตาเยาวภามองตาม ทั้งน้อยใจและเจ็บใจ
แจ่มล้างจานอาหารเช้าของศวัสกับบุรี ปากก็ฮัมเพลงอยากบอกใครสักคนไปด้วย เยาวภาเดินเข้ามา
ขณะแจ่มล้างและคว่ำเสร็จ แล้วหันกลับมาพอดี
และแจ่มต้องสะดุ้งเมื่อเห็นทรงผม “คุณแม่บ้าน”
“ตกอกตกใจอะไร”
แจ่มอึกอักอื้ออ้าอยู่นั่น “เอ้อ...คือ...ผมคุณแม่บ้านน่ะค่ะ”
“ชั้นตัดเอง”
“เหมือน...เหมือนคุณผู้หญิงในรูปเลย”
“เหมือนแค่ผมหรือ” คุณแม่บ้านสาวใหญ่ลูบผม
“ค่ะ เหมือนแค่ผม หน้าตาไม่เหมือน”
เยาวภาหน้าบึ้งขึ้นมาทันทีอย่างน่ากลัว แจ่มรีบเดินตัวลีบผ่านออกไปอย่างรวดเร็ว
เยาวภายังคงยืนนิ่งขึงอยู่ในท่านั้น
ที่หอพักตอนนี้ นักศึกษาส่วนใหญ่เข้าเรียนไปแล้ว หอมน้ำนั่งท่องบทละครอยู่ที่ห้องเขน โดยมีเขนนอนอ่านนิยายอยู่ใกล้ๆ พยายามอยู่สักพักหนึ่ง หอมน้ำก็ถอนใจเฮือกออกมา
เขนเหลือบตามอง “เป็นอะไร”
“จำไม่ได้สักที หอมนี่หัวทื่อมากเลย”
“หัวทื่อจะได้เกียรตินิยมเหรอ เขนว่าเป็นเพราะหอมไม่อิน ก็เลยจำไม่ได้ หอมต้องพยายามคิดใหม่ว่าชอบแล้วก็อยากเล่นละครเรื่องนี้”
“มันเหมือนหลอกตัวเอง”
เขนปลอบ “เอาน่า ฝืนใจหน่อย กินน้ำมะพร้าวมั้ย จะไปซื้อมาให้”
หอมน้ำพยักหน้า “ผลไม้ด้วยนะเขน”
“โอเค้” สาวอวบเดินตุ้บตั้บไปอย่างรวดเร็ว
“บอกแล้วว่า ให้ชั้นช่วยก็ไม่ยอม” เสียงพุธกันยาดังขึ้นในจังหวะนี้
หอมน้ำสูดลมหายใจยาว ทำเป็นไม่ได้ยิน พุธกันยาเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งตรงหน้า ยกมือข้างขวาขึ้น
“ชั้นขอสาบานว่า...”
หอมน้ำเงยหน้าขึ้น “พอทีเถอะค่ะ”
“ชั้นอยากแก้ตัวด้วยการช่วยเธอ”
“หอมไม่เชื่อคุณอีกแล้ว ไม่ไว้ใจด้วย”
“ไม่ไว้ใจแม่ แต่ยอมให้ลูกสอน แบบนี้เขาเรียกว่า เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง” พุธกันยาแดกดัน
“กรุณาไปตามทางของคุณเถอะค่ะ”
“ศวัสจะว่ายังไงนะ ถ้ารู้ว่าเธอไล่แม่เขา”
หอมน้ำหันไปอ่านบทต่อ โดยไม่สนใจพุธกันยา
สักครู่หนึ่งเขนเปิดประตูเข้ามา ส่งเสียงมาแต่ไกล “มาแล้วจ้า มาแล้ว น้ำมะพร้าวหวานเจี๊ยบ”
หอมน้ำเงยหน้าขึ้นยิ้มรับเพื่อน ทำราวกับพุธกันยาไม่มีตัวตนในห้องนั้น
ฝ่ายบุรีกับขวัญอนงค์พากันเดินออกมาจากร้านอาหาร ทั้งสองคุยกันมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“เราจะไปไหนกันต่อดี”
“ดูหนังไหมคะ”
“แล้วแต่คุณ”
บุรีเปิดประตูรถให้ขวัญขึ้นไปนั่ง แล้วตัวเองขึ้นไปนั่งอีกด้าน ภายในรถโดยไม่รู้ว่าวิญญาณพุธกันยานั่งหน้าบึ้งอยู่เบาะหลัง
“พี่อยากดูเรื่องอะไรล่ะคะ”
“ตามใจคุณ”
พุธกันยาเม้มปาก
“ตามใจพี่ดีกว่า” ขวัญอนงค์ว่า
“อยากจะอ้วก” พุธกันยาหมั่นไส้
“ถ้างั้น ไม่ไปดูหนังได้ไหม”
“ได้ค่ะ บอกแล้วไงว่าตามใจพี่บุรี”
“ทุเรศ มาทำเสียงเล็กเสียงน้อยกับผัวคนอื่น นังคนนี้ตายไป ต้องปีนต้นงิ้ว” พุธกันยาบ่นบ้าวึดวืออยู่นั่น
“ไปฟิตเนสกัน”
“โอเคค่ะ ฟิตเนสก็ฟิตเนส ดีเหมือนกัน”
บุรีขับรถออกไป
บุรีขับรถมาเรื่อยๆ ตามถนนเส้นนั้น โดยมีพุธกันยายังนั่งเบาะหลัง แล้วค่อยๆ ยื่นหน้าไปใกล้ๆ หน้าขวัญอนงค์ สภาพใบหน้าสีเขียวคล้ำ ขวัญอนงค์ทำจมูกฟุดฟิด
“ได้กลิ่นอะไรไหมคะพี่บุรี กลิ่นเหม็นเน่าๆ เหมือนอะไรตาย”
“แกซิเหม็นเน่า” พุธกันยาโมโห
“ไม่นะ! พี่ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย!” บุรีบอก
“ช่วยจอดรถหน่อยได้ไหมคะ” ขวัญอนงค์ทำท่าผะอืดผะอมเหมือนจะอ้วก
บุรีรีบจอดรถเข้าข้างทาง ขวัญอนงค์รีบเปิดประตูรถออกมาทันที บุรีตามลงไป
พุธกันยายิ้มเยาะ “สมน้ำหน้า”
“เป็นยังไงบ้าง”
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ แปลกจัง อยู่ดีๆ ก็ได้กลิ่นเหม็นเน่า” ขวัญอนงค์ชะงักนึกเอะใจ
บุรีมองหน้าขวัญอนงค์อย่างแปลกใจ “มีอะไร”
ขวัญอนงค์เหลือบมองมาที่รถ บุรีมองตาม
บุรีหันกลับมา “ขวัญ...คุณคิดว่า...”
“ขวัญว่าขวัญกลับบ้านดีกว่า พี่บุรีไม่ต้องไปส่ง...ขวัญจะไปแท็กซี่”
“ไม่ได้ ถ้าจะไปแท็กซี่ก็ต้องไปด้วยกัน”
“เชื่อขวัญเถอะค่ะ ขวัญคิดว่ากัลกำลังโกรธมาก อย่าทำให้เขาโกรธยิ่งไปกว่านี้เลย”
บุรีเบือนหน้ามามองรถราวกับจะตัดสินใจ
ผ่านเวลาไปจนถึงช่วงเย็น แจ่มเดินนำ 2 สาวเข้ามา ทั้งสามคุยกันไปแจ่มใส แต่แล้วก็ต้องรีบหุบยิ้มหน้าเจื่อนจืดลงทันใด เมื่อเยาวภายืนมองมาด้วยสีหน้าเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
หอมกับเขนยกมือไหว้ เยาวภาหันหลังจะเดินเข้าไป
เขนปากไวตามประสา “คุณแม่บ้านเปลี่ยนทรงผมใหม่หรือคะ”
เยาวภาหยุดทันที แล้วค่อยๆหันกลับมา หอมน้ำกลืนน้ำลายขณะที่เขนพยายามคุยต่อ
“เหมือนทรงผมพุธกันยาเลย เอ้อ เขนเห็นจากในรูปน่ะค่ะ! แต่หอมเขาเห็นของจริง” เขนหันมาพยักพเยิดกับเพื่อน “ใช่มั้ยหอม”
หอมน้ำพยักหน้า ยิ้มแห้งๆ
“อย่าบังอาจมาวิพากษ์วิจารณ์ฉัน”
เยาวภาหันหลังเดินออกไป
เขนบ่น “ขนาดยังไม่ตายยังน่ากลัวขนาดนี้”
แจ่มหัวเราะคิก
“เขนละก็”
“เชิญทางนี้ดีกว่าค่ะ”
แจ่มเดินนำเข้าไปภายใน สองสาวตามมา
แจ่มพา 2 สาวเดินเข้ามาในห้องรับแขก
“คุยกันไปก่อนนะค่ะ เดี๋ยวพี่แจ่มไปเอาของว่างมาให้”
“เขนไปช่วยยกดีกว่า เผื่อมีหลายอย่าง”
เขนยักคิ้วกับหอมน้ำ แล้วจับแขนแจ่มลากไป
หอมน้ำมองตามพลางส่ายหน้า ทรุดตัวลงนั่ง หยิบบทขึ้นมาจะท่องต่อ
จู่ๆ มีเสียงร้องไห้ดังขึ้นข้างหลัง หอมน้ำถอนใจเฮือก หันไปมองช้าๆ พบว่าวิญญาณพุธกันยานั่งร้องไห้ราวกับได้รับความสะเทือนใจมาหนักหนาสาหัสสากรรจ์
“ไม่สำเร็จหรอกค่ะ ต่อให้คุณร้องไห้จนน้ำท่วมโลก หอมก็ไม่ตกลง”
“ฉันอยากตาย” พุธกันยาครวญคร่ำ
“คุณตายไปแล้วนี่คะ”
“นังขวัญมันยั่วพี่บุรี มันทำให้พี่บุรีลืมฉัน”
“หอมจะไม่ฟังเรื่องเหลวไหลของคุณอีกแล้ว”
“ถ้าเธอไม่ฟังฉันแล้วใครจะฟัง ไม่มีใครในโลกนี้ที่ได้ยิน และเห็นตัวฉันนอกจากเธอ”
มือที่กำลังเปิดบทละครแผ่นต่อไปของหอมน้ำชะงักไป
“หอมน้ำ ฉันคงไปผุดไปเกิดไม่ได้ ถ้าเธอไม่ยอมยกโทษให้”
หอมน้ำมองพุธกันยาด้วยสีหน้าจริงจัง “หอมยกโทษให้ค่ะ หอมขออโหสิ และขอให้คุณอโหสิให้หอมด้วย ทีนี้ คุณก็ไปผุดไปเกิดได้แล้วค่ะ”
พุธกันยามองหอมน้ำด้วยใบหน้าหมองเศร้าเป็นที่สุด “เธอเกลียดฉันจริงๆ ต้องขอโทษอีกครั้ง”
พุธน้ำตาไหลพรากแล้วหายไป
หอมน้ำชักใจอ่อน “คุณพุธ คุณพุธคะ”
ทุกอย่างเงียบ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เขนเดินมา พร้อมขนมในมือมองเพื่อนอย่างแปลกใจ
“อะไรเหรอหอม”
“คุณพุธ”
“ไหน อยู่ตรงไหน จะต่อว่าเสียให้เข็ด” เขนออกอาการกระเหี้ยนกระหือรือ
“ไปแล้ว!... อาจจะไปผุดไปเกิด”
เขนไม่เชื่อ “นางบอกอย่างนั้นเหรอ...อย่าเชื่อเด็ดขาด นางดราม่า”
“แต่...”
“ชักใจอ่อนแล้วละซิ ฟังเขนนะ! นางเป็นดาราเจ้าบทบาท กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน เพราะฉะนั้น...อย่าได้ไว้ใจเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
หอมน้ำพยักหน้ารับท่าทีเนือยๆ
เขนกำชับ “ห้ามถอดสร้อยพระออก”
“รู้แล้วละน่า”
หอมน้ำจิ้มขนมกินเป็นการตัดบท เขนมองขวางๆ
พุธกันยาเดินผ่านประตูเข้ามาในห้องตัวเอง สีหน้าเศร้าโศกเปลี่ยนเป็นถมึงทึงเคียดแค้นทันที พร้อมกับกรีดเสียงร้องโหยหวนเยือกเย็น
เสียงอันโหยหวนเยือกเย็นน่ากลัวดังสะท้อนก้องเข้ามาในห้องรับแขก และมีเพียงหอมน้ำได้ยินคนเดียว หอมน้ำซึ่งกำลังจิ้มขนมจะใส่ปาก สะดุ้งตกใจจนส้อมตกจากมือ
แจ่มงง “เป็นอะไรคะ น้องหอม”
“เปล่า” สีหน้าหอมน้ำไม่ค่อยดีนัก
“คุณพุธเหรอ” เขนถาม
หอมน้ำไม่ตอบ ก้มลงหยิบขนมทิ้งลงถังขยะเล็กๆ แล้ววางส้อมลงบนกระดาษทิชชู ขณะที่แจ่มกระโดดเข้ามาใกล้เขน
“คุณ คุณผู้หญิง...อยู่...อยู่ตรงไหนคะ”
“ท่านไม่ได้อยู่ในนี้”
“แล้วทำไม...”
“ไม่มีอะไร”
หอมน้ำหยิบบทขึ้นมาอ่านเป็นการตัดบท
เขนพยักหน้าให้แจ่มออกไป แจ่มหยิบส้อมที่ตกเดินออกไปเงียบๆ
ศวัสลงรถ เดินเข้าบ้านมา ขณะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หมอหนุ่มกดรับทันที
“ครับ คุณพ่อ...” เขานิ่งฟังแล้วชะงัก “แล้วอาขวัญเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ค่อยยังชั่ว ไม่เป็นไรครับ....คุณพ่ออยู่เป็นเพื่อนอาขวัญก่อน...ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วง”
ศวัสเก็บโทรศัพท์ นิ่งคิดด้วยความกังวลใจครู่หนึ่ง แล้วเดินไป
เขนกำลังซักไซ้ใหญ่ “หอม มีอะไรก็บอกเถอะ จะได้ช่วยกัน
ศวัสเดินเข้ามา หอมน้ำยกมือไหว้ เขนรีบหันมาไหว้ตาม
“มาถึงนานหรือยัง”
“ไม่นานเท่าไหร่ค่ะ”
ศวัสเหลือบมองขนม “กินขนมกันไปก่อน เดี๋ยวชั้นลงมา”
สองสาวรับคำเบาๆ ขณะศวัสเดินขึ้นบันไดไป
ตรงมุมเงียบๆ ภายในห้องนั่งเล่น ติดประตูออกไปด้านหลังบ้านคืนนั้น หอมน้ำตั้งใจซ้อมบทกับศวัสเต็มที่ แต่ภาพออกมาดู ประดักประเดิด แข็งทื่อเป็นหุ่นยนต์
“เธอทำอย่างนี้เพื่ออะไรหรือลัดดา” เสียงเหมือนอ่านหนังสือ
“พูดเหมือนอ่านหนังสือเลย ลองใหม่ซิ”
หอมน้ำพูดใหม่ คราวนี้มือไม้เปะปะไปหมด
“ไม่ต้องยกมือยกไม้ขนาดนั้นก็ได้”
“ค่ะ”
หอมน้ำพูดใหม่ คราวนี้คล่องเป๊ะ แต่ยืนตรงมือแนบลำตัว
“จะรอดมั้ยนี่”
“ไม่รอดก็ดีค่ะ เขาจะได้ไม่เอาหอมเล่น”
“หอมน้ำ ชั้นบอกว่ายังไง”
“ในเมื่อเรารับปากว่าจะทำอะไรแล้ว ก็ต้องทำให้ดีที่สุด”
ศวัสพยักหน้า “เธอต้องพยายามจนสุดความสามารถ”
“ค่ะ หอมต้องพยายามจนสุดความสามารถ”
ส่วนในครัว แจ่มและเขนกำลังเอ็นจอยอีตติ้ง นั่งกินมะม่วงจิ้มกะปิพลางคุยกันสนุกสนาน เสียงโทรศัพท์เขนดังขึ้น เขนหยิบขึ้นมาดู
“โทษนะ พี่แจ่ม สายนี้ต้องรับ...สวัสดีค่ะ คุณเจค”
“ทำไมหอมน้ำต้องปิดโทรศัพท์” เจคโทร.จากคอนโด
“อ๋อ! เขากำลังใช้สมาธิซ้อมบทอยู่ค่ะ..คุณเจคมีธุระ”
เจคถามทันที “ซ้อมบทกับใคร”
“คุณหมอฟันทันตแพทย์ค่ะ”
เจคนิ่งไป
“คุณเจคมีธุระด่วนหรือเปล่าค่ะ เขนจะไปบอกให้”
“ไม่ต้อง ให้เขาซ้อมบทน่ะดีแล้ว”
เจควางโทรศัพท์ลง สีหน้าเคร่ง
“ปล่อยให้สนิทกันต่อไปไม่ดีแน่ ต้องหาทางให้กัลยากลับเข้าสิงหอมน้ำโดยเร็วที่สุด”
ศวัสกำลังอ่านบทตัวละครอีกตัวให้หอมน้ำตอบโต้
“ฉันอยากจะแก้แค้นคนที่แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉันกับแม่” คุณหมอฟันทันตแพทย์ของหอมน้ำ พยายามจะใส่อารมณ์ด้วย เพื่อหอมน้ำจะได้ตอบโต้
หอมน้ำขยับจะตอบ แต่แล้วต้องชะงักเมื่อมีเสียงพุธกันยาดังขึ้น
“ได้เลือดแม่ไปพอสมควรทีเดียว”
หอมน้ำหันไปมอง พบว่าพุธกันยานั่งมองศวัสด้วยสายตาชื่นชม ท่าทางไม่สนหอมน้ำเลยแม้แต่นิดเดียว
ศวัสมองตามสายตานั้น “คุณแม่ฉันหรือ”
“ค่ะ”
“ไม่ต้องไปสนใจ เธอพูดต่อ”
หอมน้ำกระแอมเคลียร์คอเล็กน้อย “แก้แค้นเนี่ยนะ เธอจะบ้าหรือเปล่า”
พุธกันยาพูดขึ้นมาลอยๆ “ศวัสยังเก่งกว่าอีก”
หอมน้ำข่มใจ พยายามตั้งสติ
ศวัสบอกด้วยเสียงเย็นชา “คุณแม่ครับ ถ้าคุณแม่อยู่แถวๆ นี้ก็กรุณารักษาความสงบด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงต้องจุดธูปเชิญคุณแม่ไปที่อื่น”
พุธกันยามองลูกชายอย่างน้อยใจ ศวัสบอกกับหอมน้ำ “ต่อซิ”
หอมน้ำยิ้มแห้งๆ “หอมลืมไปแล้วค่ะ”
“งั้นเริ่มใหม่” ศวัสพยักหน้าบอก
“เธอทำอย่างนี้เพื่ออะไรหรือลัดดา”
“ฉันอยากจะแก้แค้นคนที่แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉันกับแม่”
“แก้แค้นเนี่ยนะ! เธอจะบ้าหรือเปล่า...” หอมน้ำอ้าปากจะพูดต่อ แต่นึกไม่ออก
ศวัสมองลุ้นให้หอมน้ำพูดต่อ
หอมอึกอักครู่หนึ่งแล้วสารภาพ “หอม...หอมจำไม่ได้ค่ะ”
ศวัสถอนใจเฮือก หอมน้ำหลุดร้องไห้โฮออกมา ทำเอาทั้งศวัส และพุธกันยาสะดุ้ง
“หอมมันโง่ หัวถึบ งี่เง่า”
ศวัสเอื้อมมือไปหยิบทิชชูมาซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน “หอมไม่ได้โง่ แต่เครียด แล้วก็ตั้งใจเกินไป ออกไปเดินเล่นให้สบายใจก่อนดีไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
หอมน้ำดึงทิชชูจากศวัสมาเช็ดน้ำตาเอง ศวัสคอยหยิบให้ใหม่อีก
พุธกันยามองภาพนั้นด้วยความสะเทือนใจ แล้วลุกเดินทะลุประตูหลังออกไป
อ่านต่อหน้า 2
ใยกัลยา ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
พุธกันยาเดินเข้ามาในซุ้มพุดซ้อน ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้มุมโปรด ทอดสายตามองดอกพุดซ้อนเศร้าๆ
“ไม่ว่าที่ไหน ฉันก็เป็นแค่ส่วนเกิน พี่บุรีมีขวัญอนงค์ ศวัสมีหอมน้ำ”
บริเวณตรงหน้าเหมือนจะมีแสงสว่างระยิบระยับส่องลงมารอ เป็นเกล็ดคล้ายละอองดาว พุธกันยามองไปที่แสงนั้น
“หรือว่าฉันควรจะไปเสียที”
พุธกันยาลุกขึ้นช้าๆ ตามองไปที่แสงนั้นอย่างแน่วแน่
หอมน้ำหันหน้าไปมองบริเวณซุ้มพุดซ้อนที่พุธกันยานั่งอยู่เมื่อสักครู่
“คุณแม่ทำอะไรอีก”
“ท่านไปแล้วค่ะ ท่านคงเสียใจ”
ศวัสถอนใจยาว
“ที่จริง ท่านเป็นดวงวิญญาณที่น่าสงสาร ไม่ยอมไปไหนเพราะความรักที่มีต่อคุณหมอแล้วก็คุณลุง”
“ฉันก็รักคุณแม่ ถึงท่านจะจากไปนานแค่ไหน แต่ท่านก็ยังอยู่ในความทรงจำของฉันเสมอ ทั้งๆที่ตอนนั้นฉันยังเล็กมาก...น่าแปลกที่ยังจำได้”
พุธกันยาหยุดชะงักก่อนจะก้าวเข้าไปในลำแสงระยิบระยับราวกับละอองดาวนั้น ใบหน้าเหมือนมีความทรงจำรำลึกถึงเรื่องราวในอดีต
กลางวันวันหนึ่งในอดีต เด๋กชายศวัสกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานกับพี่เลี้ยงในสนามหญ้า
พุธกันยาแต่งตัวสวยเดินออกมาจากตึก กำลังจะไปถ่ายละคร
ศวัสหันมาเห็น “คุณแม่ไปไหน”
พุธกันยาเดินมาหา อุ้มศวัสขึ้นมาหอมแก้มอย่างแสนรัก “แม่ไปถ่ายละคร ลูกอยู่กับพี่เลี้ยงกับน้าภาก่อนนะครับ...เดียวคุณพ่อก็กลับแล้ว”
ศวัสกอดคอแม่แน่น “ไม่เอา...ไม่ให้คุณแม่ไป”
“ไม่ได้ลูก แม่ต้องไปทำงาน”
ศวัสร้องไห้โฮ งอแง “ไม่เอา ไม่ให้แม่ไป ไม่ให้แม่ไป”
วิญญาณพุธกันยาลืมตาขึ้น หยุดชะงัก
เสียงเด็กชายศวัสร้องดังขึ้นต่อเนื่อง “แม่อย่าไปไหน ลูกรักแม่”
“ศวัสรักแม่ แม่ก็รักศวัส แม่จะไม่ไปไหนแล้วลูก...ไม่ไปไหนอีกแล้ว” สุดท้ายพุธกันยายังไม่ยอมจากไป
ฝ่ายศวัสจับไหล่หอมน้ำให้หันมามอง
หอมน้ำยังเอาแต่โทษตัวเอง “หอมไม่มีความสามารถเอาเสียเลย บทง่ายๆ แค่นี้ก็จำไม่ได้ แอ็คติ้งก็ไม่ได้เรื่อง...ดูคุณหมอซิคะ แค่เวทนามาเป็นคู่ซ้อมให้ให้หอมแท้ๆ ยังเล่นดีกว่าหอมเสียอีก”
“นั่นเป็นเพราะเธอกังวลมากเกินไป มัวนึกอยู่แต่ว่าจะต้องพูดจะต้องแสดงยังไงต่อ มันก็เลยเหมือนคิดซ้ำคิดซ้อน ทำไมไม่ปล่อยไปตามธรรมชาติล่ะ คิดเสียว่าเธอคือ แพรมน ไม่ใช่หอมน้ำที่ถูกบังคับให้เล่นละคร”
หอมน้ำแย้งเบาๆ “ก็หอมถูกบังคับจริงๆ นี่คะ”
“ถูกบังคับก็จริง แต่เมื่อเรารับหน้าที่มาแล้ว ก็ต้องทำให้ดี จะมาอ้างว่าถูกบังคับไม่ได้”
หอมน้ำฟังอย่างตั้งใจ
“ไหนลองพูดซิ ฉันคือแพรมน ไม่ใช่หอมน้ำ เป็นเพื่อนสนิทของลัดดา ผู้หญิงประสาทจอมแก้แค้น...อยู่ดีไม่ว่าดีลุกขึ้นมาทวงสมบัติ จนฉันต้องเดือดร้อนมาเตือนสติ”
หอมน้ำสูดลมหายใจยาวเรียกความมั่นใจ “ฉันคือแพรมน ไม่ใช่หอมน้ำเป็นเพื่อนของลัดดา ผู้หญิงประสาท จอมแก้แค้น อยู่ดีไม่ว่าดีลุกขึ้นมาทวงสมบัติ จนฉันต้องเดือดร้อนมาเตือนสติ...แถมเตือนแล้วยังไม่เชื่ออีก” หอมน้ำยิ่งพูดยิ่งได้อารมณ์ เลยเติมเอง อารมณ์ไปด้วยกันหมด “นี่ถ้าชีวิตจริงมีเพื่อนแบบนี้ เป็นหอมจะตัดหางปล่อยวัด แม...เอ๊ยมันไปเลย”
ศวัสพอใจ “ดีมาก แต่มีแก้นิดเดียว เธอจะพูดว่าเป็นหอมไม่ได้ เพราะเธอคือแพรมน...ไม่ใช่หอมน้ำ”
หอมน้ำเริ่มอารมณ์ดีถึงขนาดล้อศวัส “ถ้าอย่างนั้นตอนซ้อมบทลัดดา คุณหมอก็ต้องคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงด้วยซิคะ”
ศวัสดุเอา “จะเปิดกล้องอยู่ไม่กี่วันแล้วยังทำเป็นเล่นอยู่อีก”
หอมน้ำรู้สึกสนิทด้วยมากขึ้น จึงไหว้ลงบนแขนศวัสอย่างน่ารัก “หอมกราบขอประทานโทษค่ะ”
ศวัสจับมือหอมไว้ ขณะหอมน้ำเงยหน้าขึ้นช้อนตามอง
ทั้งสองคนอยู่ในอิริยาบถนั้นครู่หนึ่ง จนหอมน้ำเป็นฝ่ายขยับดึงมือออก แต่ศวัสไม่ปล่อย
“เอ้อ...ไม่ซ้อมบทต่อแล้วหรือค่ะ”
“ต่อซิ...ฉากต่อไป ลัดดาจับมือเพื่อนไว้ไม่ใช่หรือ”
“ตรงไหนคะ...ทำไมหอมอ่านไม่เจอ”
“ตรงนี้ไง” ศวัสบีบมือเธอเบาๆ
หอมน้ำตาโต “คุณหมอแก้บท”
ศวัสสบตาหอมน้ำพราวระยับขึ้นมาจนหอมหน้าแดง “จะให้แก้มากกว่านี้ก็ได้ ถ้าหากเธอยังไม่ตั้งใจซ้อม ว่ายังไง จะเลิกงอแงได้หรือยัง” หมอหนุ่มก้มหน้ามาจนใกล้
หอมน้ำรีบพูดทันที “ได้แล้วค่ะ ต่อไปนี้หอมจะตั้งใจ จะไม่งอแงอีกต่อไปแล้ว”
ขณะทั้งสองพูดกันนั้น เขนเดินเข้ามา ชะงัก ตาโต
“ดี! ฉันจะได้ไม่ต้องแก้บทอีก”
เขนกระแอม สองคนสะดุ้ง หอมน้ำรีบดึงมือออกจากมือศวัส
เขนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ได้เวลาทานข้าวแล้วค่า”
เขนยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เดินออกไป ศวัสผินหน้ามามองหอมน้ำ จนอีกฝ่ายก้มหน้าอย่างขัดเขิน
ขณะที่แจ่มจัดการตักข้าวให้ทุกคน ศวัสนึกได้ หยิบสร้อยพระจากกระเป๋าเสื้อส่งให้หอมน้ำ
“นี่สร้อยพระของเธอ แจ่มเขาเป็นคนพบ”
สองสาวเบิกตากว้าง หอมน้ำฉงน “เอ๊ะ”
“สร้อยที่อยู่กับเธอน่าจะเป็นของปลอมมากกว่า”
“พี่แจ่มเจอสร้อยเส้นนี้ในลิ้นชักห้องพักรับรองที่น้องหอมกับน้องเขนมาค้างน่ะค่ะ แล้วต่อมาก็หายไปอีก...จนกระทั่งอยู่ดีๆ ก็หาเจอง่ายๆ”
“แล้วใครล่ะที่ทำของปลอมเหมือนของจริงเปี๊ยบ”
“เดาไม่ถูกเลย” หอมน้ำบอก
“คนๆ นั้นจะต้องรู้จักสนิทสนมกับคุณพุธเป็นอย่างดี ถึงได้ช่วยคุณพุธขนาดนี้”
สีหน้าทั้งสามคนต่างขบคิดกันไปมา
พ่อลูกนั่งคุยกันอยู่บริเวณโต๊ะสนาม หน้าตึก บุรีปฏิเสธลั่น
“เฮ้ย พ่อไม่รู้เรื่องนะ วันนั้นยังแปลกใจที่มีพระจริงพระปลอมวุ่นวายกันไปหมด”
“ผมก็ไม่รู้เรื่อง” ศวัสนิ่งคิด “แล้วจะเป็นใคร”
“จะว่าขวัญอนงค์ก็คงไม่ใช่”
“แล้วมีใครอีกไหมครับ ที่สนิทสนมชอบพอกับคุณแม่จนถึงกับให้ความช่วยเหลือขนาดนี้”
บุรีนิ่งคิด “จะมีอีกคนก็คุณเจค แต่เขาจะทำแบบนั้นทำไม แถมบุคลิกก็ไม่ให้ด้วย เขาเป็นคนเงียบๆ”
“ก็ไม่แน่เหมือนกัน คุณเจคเคยชอบคุณแม่หรือเปล่าครับ”
“พ่อคิดว่าชอบ...แต่แม่เขาไม่เคยสนใจใครเลย”
ศวัสมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ด้านสองสาวอยู่ในห้องเขนแล้ว หอมน้ำมีสีหน้าประหลาดใจขณะที่โทรศัพท์คุยกับเจค ซึ่งโทร.มาจากออฟฟิศ
“ลองชุดหรือคะ”
“ใช่! เป็นชุดราตรีที่หนูจะต้องสวมในตอนจบของเรื่อง”
“อ้าว! ทำไมไม่ลองในวันฟิตติ้งล่ะคะ”
“เพราะชุดนี้จะเป็นเซอร์ไพรส์ เราจะมีคำถามให้แฟนหนังตอบด้วย”
“อ๋อ...หอมเข้าใจแล้วค่ะ”
ขณะที่หอมน้ำคุยโทรศัพท์นั้น เขนเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
“ค่ะ...พรุ่งนี้ 10 โมงเช้า”
หอมน้ำวางโทรศัพท์ลงท่าทางยุ่งยากใจ
เขนถามทันที “อะไร”
“คุณเจคนัดให้ไปลองชุดราตรีที่จะต้องใส่ตอนจบของเรื่องที่ ออฟฟิศ 10 โมงเช้า”
“แปลกดี”
“เห็นบอกว่าจะเป็นเซอร์ไพรส์”
“ถ้างั้นชุดนี้จะต้องสวยมาก”
หอมน้ำถอนใจเฮือก เขนแต่งตัวไปคุยไป
“ถอนใจทำไม เป็นเขน เขนจะดีใจที่สุดเลย ได้แต่งตัวสวยๆ แบบนี้น่ะ”
“แต่งตัวสวย แต่จะแสดงได้สวยสมกับชุดหรือเปล่าก็ไม่รู้”
เขนอมยิ้ม “โห ได้ติวเตอร์ขนาดคุณหมอฟันทันตแพทย์เล่นไม่ได้ก็แย่แล้ว”
หอมน้ำยังคงมีสีหน้าไม่สบายใจ
ดวงจันทร์กระจ่างส่องแสงอยู่บนท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์หลังโอฬาร ส่วนภายในห้อง ศวัสยังนั่งนิ่งพิงหัวเตียง ทอดสายตามองออกไปข้างนอก แสงจันทร์สว่างนวลสาดส่องเข้ามา
หมอรูปงามนึกถึงเหตุการณ์ในห้องซ้อมบทหนัง ในตอนที่เขาจับมือหอมน้ำไว้
ศวัสหยิบโทรศัพท์มาพิมพ์ไลน์กดส่งถึงเธอด้วยสีหน้ามีความสุข
ฝ่ายทางหอมน้ำวางบทลง หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูไลน์ หลังจากมีสัญญาณดังขึ้น ที่หน้าจอปรากฏข้อความว่า “ฝันดีนะ”
ใบหน้าหอมยิ้มหวานออกมาโดยไม่รู้ตัว
เขนเหล่มอง พลางกระแอม “ถ้าให้เดาต้องเป็นคุณหมอฟันทันตแพทย์”
หอมน้ำวางโทรศัพท์ลง แล้วหยิบบทขึ้นมาดูอย่างไม่รู้ไม่ชี้
“ใช่มั้ยหอม”
“ไม่รู้”
เขนผวาเข้ามาจะแย่งโทรศัพท์ไปดู แต่หอมน้ำตระครุบไว้ได้ทัน ทั้งคู่หัวเราะกันสนุกสนาน ลงนั่งใกล้ๆ กัน แล้วนิ่งกันไปครู่หนึ่ง
หอมน้ำถอนใจเฮือก “ไม่รู้พรุ่งนี้จะเป็นยังไงบ้าง”
เขนนิ่ง “ไม่เห็นมีอะไรนอกจากได้สวมชุดที่สวยที่สุด ดีไม่ดี อาจเป็นชุดของวีราแวง”
“โอ๊ย! เว่อร์”
ทั้งสองสาวหัวเราะกันคิกคัก แล้วจู่ๆ หอมน้ำหยุดโดยปัจจุบันทันด่วน
“เป็นอะไร”
“ไม่รู้ซิ หอมรู้สึกเหมือน เหมือนมีใครอีกคนมาอยู่ในห้องนี้”
“คุณพุธมั้ง”
“หอมไม่เห็น แปลกจัง! คุณพุธไปอยู่ตรงไหน”
“ช่างเถอะ! อาจเป็นจิ้งจกก็ได้”
“บ้า” หอมน้ำลุกขึ้น “ไปอาบน้ำดีกว่า”
หอมน้ำเดินไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่เขนนอนคว่ำลงอ่านการ์ตูนต่อ
บนเพดานห้องตอนนี้ พุธกันยาแนบตัวอยู่บนนั้น กำลังมองลงมาดู นัยน์ตาเป็นสีดำทั้งดวง น่ากลัวสุดจะประมาณ
ค่ำเดียวกันนั้น พยาบาลกำลังช่วยจัดข้าวของให้เพลินพิศเตรียมกลับบ้าน ในขณะที่เพลินพิศกำลังวุ่นวายโทรศัพท์หาคนมารับ
น้ำเสียงฟังออกว่าฉุนมากเมื่อได้รับการปฏิเสธแทบทุกสาย “จำไว้เลย ไอ้ไก่ พึ่งแค่นี้พึ่งไม่ได้”
เพลินพิศเลื่อนชื่อขึ้นมาอีกคน
“ฮัลโหล! ธันวา พรุ่งนี้เช้าช่วยมารับเพลินออกจากโรงพยาบาลหน่อยได้มั้ย ว้า! ติดบวงสรวงละครใหม่เหรอ...เออ..เออ..ไม่เป็นไร”
เพลินพิศหาคนใหม่ต่อ
“พี่ลิซซี่ นี่เพลินเอง พรุ่งนี้เพลินจะออกจากโรงพยาบาล พี่ลิซซี่ช่วยมารับเพลินได้มั้ย มีค่าน้ำมันให้ด้วย! ขอบคุณมาก พี่มาถึงประมาณ 8 โมงเช้า นะคะ ค่ะ พรุ่งนี้พบกัน”
เพลินพิศวางโทรศัพท์ลง บ่นบ้าอย่างหงุดหงิด “พวกเห็นแก่เงิน”
รุ่งเช้า วดีเดินนำหน้าเข้ามาในห้องทำงาน ออฟฟิศชิดขอบบันเทิง ติดตามด้วยเอิง และลิซซี่ ซึ่งหอบข้าวของป้าหลานตามเข้ามาเป็นคนสุดท้าย
“เป็นอันว่าป้าตกลงแล้วใช่มั้ยคะที่จะให้เอิงได้บทเด่นกว่าพี่เพลิน”
“แกจะทำให้ฉันถูกถอนหงอกอีกแล้ว”
“แหม! ป้าย้อมผมเสียดำปี๋ ไม่หงอกสักเส้น”
ลิซซี่วางของลงบนโต๊ะ “ตอนนี้คุณวดีไม่มีอะไรจะใช้ลิซซี่แล้วใช่ไหมคะ ลิซซี่จะได้ลาไปรับจ๊อบสัก 2-3 ชั่วโมง”
“จ๊อบอะไรของแก”
“ไปรับน้องเพลินออกจากโรงพยาบาลค่ะ”
“ทำไมจะต้องไปรับด้วย ฮึ อยากจะทำเป็นคุณหนู...จะไปไหนมาไหนก็ต้องมีพี่เลี้ยง” เอิงค่อนแคะ
“รีบไปรีบกลับก็แล้วกัน”
ลิซซี่ย่อเข่าลงไหว้อย่างดีใจ “ขอบพระคุณค่ะ” แล้วรีบออกไป
“ป้าคะ” เอิงไม่พอใจ
“แกจะเล่นละครไหม”
“เล่นซีคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็หุบปาก! แล้วก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง”
เอิงหน้างอเป็นจวัก
ขณะที่ลิซซี่พยายามสตาร์ตรถ แต่สตาร์ตยังไงก็ไม่ติด เอิงเดินแกว่งกระเป๋าตรงมา
“สตาร์ตไม่ติดเหรอ พี่ลิซซี่”
“ค่ะ! เฮ้อ”
“เอารถน้องเอิงไปก็ได้”
ลิซซี่เงยหน้ามองอย่างแปลกใจ “ฮ้า”
“แต่...ต้องมีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไรคะ”
ลิซซี่ขับรถมาตามทาง โดยมีเอิงนั่งข้างๆ
“น้องเอิงจะทำยังไงดี พี่หมอศวัสเขาถึงจะสนใจน้องเอิงมากกว่านี้”
“บอกตรงๆเลยนะคะ...ความหวังริบหรี่”
เอิงโวยลั่น “พี่ลิซซี่”
“อ้าว จริงๆนะ ถ้าหากเราทำยังไง้ ยังไง ผู้ชายก็ไม่สนใจก็อย่าไปอาลัยอาวรณ์มันเลย หาใหม่ดีกว่า”
“น้องเอิงชอบคนนี้นี่”
“ผู้ชายไม่ใช่ตุ๊กตานะคะ คุณน้องขา ที่พอถูกใจเราจะได้หาซื้อมาครอบครองได้ อย่างคุณน้องเอิงน่ะ หาผู้ชายดีๆ คนใหม่ได้ไม่ยากหรอก แต่ถึงจะหาไม่ได้ ก็จงเชิดหน้าอยู่บนคานอย่างสง่าเหมือนพี่ลิซซี่ดีกว่า”
“น้องเอิงก็ยังอยากจะลองดูอีกครั้ง เผื่อฟลุค” เอิงไม่ยอมแพ้
“ลองน่ะลองได้ค่ะ แค่อย่าตั้งความหวังให้มากเกินไปก็แล้วกัน”
“ถ้าไม่มีนังหอมน้ำ พี่หมอต้องชอบน้องเอิงแน่”
“อุ๊ย อย่าไปยุ่งกับนางนะคะ นางไม่ธรรมดา”
เอิงเบ้ปาก “ก็อีแค่ถูกผีสิง”
“อย่าพูดค่ะ น้องเอิง อย่าพูด”
เพลินพิศเตรียมตัวเรียบร้อย นั่งรอเอิงกับลิซซี่อยู่ในห้อง จนมีเสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วเอิงกะลิซซี่เปิดประตูเข้ามา
“มาแล้วค่ะมาแล้ว ขอโทษที่มาสาย รถติดมวาก”
“ไม่เป็นไรค่ะ มาสายดีกว่าไม่มา ดีใจจังที่น้องเอิงมาด้วย”
“น้องเอิงไม่ได้ตั้งใจจะมาหรอก พอดีมีเรื่องต้องปรึกษาพี่ลิซซี่”
“พร้อมหรือยังคะ น้องเพลิน ถ้าพร้อมก็ไปกันเลย”
ภายในห้องทานอาหารออฟฟิศสร้างศิลป์ 2000 โค้ก และพนักงานส่วนหนึ่งรวมทั้งฟ้า และอุมานั่งกินข้าวเม้าท์มอยกันอยู่ พิไลที่ทำอาหารมาให้ทานนั่งร่วมวงอยู่ด้วย
หอมน้ำกับเขนเดินเข้ามา พร้อมกับยกมือไหว้ทุกคน
“สวัสดีค่ะ แหม ทานข้าวกันน่าอร่อย” เขนว่า
หอมน้ำพยายามเอาใจ “งั้นเรากินกับพวกพี่โค้กเลยดีมั้ย”
เขนพยักหน้ารับทันที
“ป้าพิไลขา วันนี้มีอะไรทานคะ”
“มีหลายอย่างเลยหนู กับข้าวตามสั่งก็มี” พิไลบอก
โค้กลุกขึ้น “ผมอิ่มแล้ว ไปละป้า อูม่า ฟ้า”
“อ้าว ไหนบอกว่าจะกิน 2 ชามไง” ฟ้าทักท้วง
“ก็ตั้งใจว่ายังงั้น...แต่ตอนนี้กินไม่ลง”
โค้กเดินไปเลย เขนมองตามฉุนๆ ขณะที่หอมน้ำถอนใจเฮือก
“อย่าไปถือสาเขาเลย จะกินอะไรล่ะ ป้าจะไปทำให้” พิไลเอาใจ
“ฟ้าก็ไปเหมือนกัน” ฟ้าลุกไปเลย
“ไปอีกคนแล้ว” อุมาเซ็ง
“พี่อูม่าล่ะ จะไปกับเขาด้วยหรือเปล่า” เขนถาม
“พี่ยังไม่อิ่ม จะไปทำไม ป้า เอาอะไรมาให้เด็ก 2 คนนี่ซิ” อุมาหันมาทางสองสาว “นั่งก่อน”
เขนกับหอมน้ำลงนั่ง ขณะพิไลลุกไปตักอาหารมาให้
ไม่นานต่อมา เจคอยู่ในห้องทำงานกำลังคุยโทรศัพท์ ขณะที่หอมน้ำกับเขนเปิดประตูเข้ามา แล้วยกมือไหว้
เจคยกมือข้างหนึ่งรับไหว้ขณะพูดสาย “งั้นตกลงเป็นพรุ่งนี้บ่ายก็แล้วกัน โอเค”
เจควางโทรศัพท์ลง “มาพอดี พี่กำลังจะโทรไปถามว่าถึงไหนแล้ว นี่กินอะไรกันหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” สองสาวบอกพร้อมกัน
เจคหันมาทางหอมน้ำ “อยากเห็นชุดแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
เจคลุกเดินไปที่ถุงพลาสติกยาวที่มีเสื้อแขวนอยู่ แล้วรูดซิปเปิดออก สองสาวเบิกตากว้างเมื่อเห็นชุดแสนสวยนั้น โดยเป็นชุดราตรี อายุเกือบ 30 ปีมาแล้ว แต่ถูกเก็บไว้อย่างดีจนดูยังเหมือนใหม่
“สวยจังเลย” หอมน้ำพึมพำ
“แต่เหมือนไม่ใช่ชุดสมัยนี้นะคะ แต่ก็ดี ดูวินเทจดี”
“เดี๋ยวหนูต้องลองใส่ดูก่อนว่าพอดีหรือเปล่า เขน เราออกไปกันก่อน”
หอมน้ำทักไว้ “ให้เขนอยู่ก็ได้ค่ะ”
เขนรีบพยักพเยิด
“ตามใจ”
เจคออกไป เขนกับหอมน้ำมองชื่นชมเสื้อสวยเต็มที่ เสียงโทรศัพท์เขนดังขึ้น สาวอวบหยิบขึ้นมาดูก่อนจะกดรับ
“พี่อุมา มีอะไรหรือคะ อ๋อ! ได้ค่ะ เขนจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
“ไปไหนเหรอเขน”
“พี่อุมาเรียกให้ไปเอาขนมมากินกัน”
“เดี๋ยวก็ได้”
“แป๊บเดียวเอง เดี๋ยวมานะ เมื่อกี้กินข้าวแล้วไม่ได้กินขนมล้างปากมันยังไงก็ไม่รู้”
เขนเดินไปที่ประตู เปิดออก โดยไม่ลืมล็อคก่อนปิด
อุมากับคนอื่นๆ กำลังแจกขนมกินกันอยู่ตรงบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ออฟฟิศ จนเขนเดินเข้ามา
อุมาหันมาเห็น “เขนมาพอดี ธันวาแวะเอาขนมมาฝาก”
เขนตื่นเต้น “พี่ธันวามาหรือคะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน กลับไปหรือยัง”
“กลับไปแล้วย่ะ ฝากขนมไว้ให้กินต่างหน้า” รัชนกบอก น้ำเสียงประชดในที
“ว้า แล้วทำไมไม่เรียกเขนก่อนหน้านี้”
“เขารีบมาแล้วรีบไป เอ้า เอาขนมไป” รัชนกยื่นขนมให้
“เขาสั่งให้เผื่อหอมน้ำด้วย”
เจคเดินเข้ามาพอดี
“อุมา ไปเอาของที่บ้านคัมภีร์ให้หน่อย ป้ามันเกิดเจ็บหนักเลยต้องรีบกลับเชียงใหม่”
“ได้ค่ะ” อุมามองหาเพื่อนแล้วมาหยุดที่เขนอย่างจงใจ “เขน ไปเป็นเพื่อนหน่อยซิ”
“เขนต้องอยู่เป็นเพื่อนหอม”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้นกไปดูก็ได้” เจคบอกทันที เขนออกอาการลังเล
อุมาคว้ามือหมับ “รีบไปกันเถอะ แถวนี้รถติดด้วย”
เขนจำต้องไปกับอุมา โดยมีสายตาเจคมองตามด้วยสีหน้าพอใจแฝงความมุ่งหมาย
หอมน้ำนั่งรอเขนอยู่ โดยที่ยังไม่ลองสวมเสื้อ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หอมน้ำหยิบขึ้นมารับงงๆ เมื่อเห็นชื่อเขน
“เขน อะไรนะ เออ...เออ...ไม่เป็นไร หอมลองคนเดียวก็ได้ แหม น่าจะบอกกันก่อน”
หอมน้ำวางโทรศัพท์ลงบ่นกับตัวเอง “อยู่ดีๆก็มาทิ้งเพื่อน”
รัชนกเดินถือถาดวางน้ำส้มมาเคาะประตูเรียก
“น้องหอมขา น้องหอม”
“คะ”
“เปิดประตูหน่อยค่ะ พี่เอาน้ำส้มมาให้”
“เดี๋ยวนะคะ”
หอมน้ำจัดการรูดซิปถุงพลาสติกนั้น แล้วเดินมาเปิดประตู รัชนกยิ้มหวาน เดินเข้ามาวางถาดน้ำส้มกับขนม
“คุณเจคให้เอาน้ำส้มมาให้ นี่ขนมที่ธันวาซื้อมาฝาก น้องเขนเขาลืมไว้ที่โต๊ะพี่”
“ขอบคุณค่ะ”
พีอาร์สาวมองที่พลาสติก “นั่นใช่ไหมคะ ชุดเซอร์ไพรส์”
“ค่ะ”
“แหม อยากเห็นจังเลย”
หอมน้ำยิ้ม ออกอาการอึดอัด
“เห็นว่าเป็นความลับ”
“ค่ะ”
“ขอพี่นกดูแป๊บเดียว รับรองว่าไม่บอกใครแน่นอน”
“เห็นใจหอมเถอะนะคะ หอมเองก็อยากให้ดู แต่...มันเป็นชุดเซอร์ไพรส์”
พีอาร์สาวไม่พอใจนิดๆ “โอเค โอเค ไม่ดูก็ได้”
รัชนกเดินออกไป หอมน้ำถอนใจโล่งอก แล้วรีบตามไปล็อกประตู
รัชนกสะบัดบ๊อบเดินบ่นไป
“หวงดีนัก เดี๋ยวแม่จะส่งนักข่าวนางเอกหอมน้ำมาลองเสื้อในห้องเจ้าของค่ายละครเสียเลย”
หอมน้ำเดินกลับมายกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม ยิ้มกับตัวเอง “หวังว่าพี่นกคงไม่ได้ใส่ยาพิษ”
หอมน้ำเดินไปเปิดพลาสติกออก แล้วหยิบเสื้อออกมาดูอย่างชื่นชม
“สวยเหลือเกิน”
จู่ๆ มีไอเย็นออกมาจากจมูกและปากหอมน้ำชะงัก “คุณพุธ”
พุธกันยามองชุดนั้นด้วยแววตาจดจำรำลึก “ชั้นสวมชุดนี้ไปถ่ายหนังก่อน ก่อนตาย 2 วัน เป็นวันที่ชั้นมีความสุขที่สุด ชั้นไม่เคยรู้เหมือนกันว่า เจคเขายังเก็บชุดนี้ไว้”
สายตาหอมน้ำเริ่มพร่าพราย มึนหัวอีกด้วย
“เขาคงอยากจะให้ชั้นสวมชุดนี้อีก”
หอมน้ำเริ่มเบลอๆ “ตอนที่เห็นครั้งแรก หอมยังนึกเหมือนกันว่า ชุดนี้ค่อนข้างวินเทจ”
“เจคเขาเก็บรักษาไว้อย่างดีทีเดียว” พุธกันยาทำเป็นหันมามอง “เป็นอะไรไปน่ะ”
“ไม่...ทราบค่ะ อยู่ดีๆ ก็ เวียนหัว อยากนอน”
พุธกันยายิ้มเจ้าเล่ห์ “อยากนอนก็นอนเลย”
ร่างหอมน้ำโงนเงน
“ชุดของชั้น ชั้นก็ต้องเป็นคนใส่ ไม่ใช่เธอ”
หอมน้ำนึกรู้ “น้ำ...น้ำส้ม”
“รู้แล้วล่ะซิ เสียดายที่ช้าไปหน่อย”
“พวกคุณ...” หอมน้ำพยายามต่อสู้กับความง่วงงุนเต็มที่ “จะทำอะไร...”
ร่างหอมน้ำทรุดลงไปหมดสติทันที พุธกันยาก้มลงมองยิ้มๆ
“อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน มันจะจนใจเอง”
ฝ่ายเจคเดินตรงมายังหน้าห้องด้วยสีหน้าตื่นเต้น พร้อมกับดูนาฬิกา ล้วงกุญแจออกมาไข แล้วเปิดไฟ
เจคปิดประตูเบาๆ แล้วหันกลับมามองหอมน้ำ พลางกวาดสายตาไปรอบห้องอย่างตื่นเต้นดีใจ
“กัลยา คุณอยู่ในนี้แล้วใช่ไหม”
พุธกันยายิ้ม พูดกับตัวเอง เพราะเจคไม่ได้ยิน
“เข้ามาเลย ชั้นอยากมีตัวตนเต็มทีแล้ว”
“รอเดี๋ยวนะ รอเดี๋ยว เราก็จะได้พบกันแล้ว”
เจคเดินมาทรุดตัวลงข้างๆหอม แล้วค่อยๆ ถอดสร้อยพระของศวัสออก รีบลุกขึ้นเดินถือสร้อยห่างออกมา
พุธกันยากลายเป็นดวงวิญญาณ ลอยวูบมาเข้าร่างหอมน้ำ
สักครู่หนึ่งหอมน้ำขยับเปลือกตา เจคมองอย่างตื่นเต้น หอมน้ำค่อยๆ ลืมตา แล้วขยับจะลุกขึ้น เจครีบจะเข้ามาประคอง
หอมน้ำทำท่าหลบจากแสงแห่งพุทธคุณ “อย่าเข้ามา พระนั่น”
เจคก้มมองพระในมือ “ผมขอโทษ”
“เอาไปไกลๆ เลย แสงนั่นแรงกว่าปกติ”
เจครีบเก็บใส่ลิ้นชัก แล้วปิดกุญแจ
หอมน้ำถอนใจด้วยสีหน้ากังวล “มันร้อน ร้อนมาก พระท่านคงเกลียดกัล”
“ฮื้อ! พระน่ะไม่เกลียดใครหรอก ท่านมีแต่ความเมตตากรุณา”
“แต่ท่านเกลียดกัล เพราะกัลเป็นคนบาป พอเป็นวิญญาณก็เป็นวิญญาณบาป”
เจคปลอบ “ไม่เอาน่า ถึงเวลาเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว อย่ามัวแต่หมกมุ่นกับเรื่องที่ผ่านมาเลย”
หอมน้ำนิ่งไปครู่หนึ่ง “เขนต้องสงสัยแน่ เราจะทำยังไงดี”
“ก็ต้องค่อยๆ แยกจากคุณอย่างนุ่มนวลที่สุด ผมจะให้อุมามาดูแลคุณแทน”
หอมน้ำเบือนหน้ากลับไปมองชุดสวยชุดนั้นอย่างพึงใจ
อ่านต่อหน้า 3
ใยกัลยา ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
ทางด้านเพลินพิศในสภาพใช้ไม้ค้ำยันเดินเข้ามาในห้องทำงาน ไหว้วดี โดยมีลิซซี่ช่วยประคองตามหลังเอิง
“สวัสดีค่ะ คุณวดี”
ลิซซี่จัดให้เพลินพิศนั่งสบายๆ
“โธ่เอ๊ย” วดีรับไหว้ขณะพูด “เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลแล้วมาที่นี่ทำไม กลับไปพักผ่อนที่บ้านไป๊”
เอิงลงนั่งตาม “เห็นมั้ย น้องเอิงบอกแล้วไม่เชื่อ อยากจะมาให้ได้”
“ก็พี่เพลินไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ” เพลินพิศหันมายิ้มกับวดี “อยากจะมากราบคุณวดีด้วยค่ะ”
“เอาไว้ให้หายดีก่อนก็ได้ ขายังใส่เฝือกอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“อีกประมาณเดือนนึงก็ถอดได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ทัน”
เพลินพิศชะงัก ขณะที่เอิงกับลิซซี่สบตากันยิ้มๆ
“อะไรไม่ทันคะ”
“ละคร” วดีบอก
เพลินพิศใจหาย “ทันค่ะ เพลินต้องหายทันแน่ๆ”
“ไม่ทันหรอกค่ะ ถึงเอาเฝือกออกแล้วยังต้องเดินกระโผลกกระเผลกอยู่ นางเอกเรื่องนี้เป็นนักวิ่งทีมชาตินะคะ” เอิงย้อนแย้ง
เพลินพิศเม้มปาก
“เพลินเล่นเรื่องหน้าก็แล้วกัน พี่ไม่ได้สร้างละครเรื่องเดียว”
“เรื่องนี้น้องเอิงเลยขอเสียบแทน”
“ไหนบอกว่ามีนางเอกประกบไงคะ” เพลินพิศเดือดปุดๆ
“พี่ติดต่อลูกนัทเอาไว้แล้ว”
เพลินพิศน้อยใจและแค้นใจจนน้ำตาปริ่ม
“เพลินต้องเข้าใจพี่ สร้างละครเรื่องแรกนี่มันต้องอลัง ดาราต้องเป็นพวกที่มีติ่งเยอะๆ”
“ตอนแรกไม่เห็นคุณวดีพูดแบบนี้เลย แล้วถ้าจะพูดถึงติ่ง หนูก็มีติ่ง”
วดีชักฉุน “ติ่งเธอมันเป็นติ่งผี พวกนั้นติดหนังผี ไม่ใช่ติดเธอ”
“ทำใจเถอะค่ะ พี่เพลิน” เอิงเยาะในที
เพลินพิศสวนทันที “แล้วน้องเอิงล่ะ ทำใจได้หรือเปล่า อีตอนที่ถูกคุณเจคตัดตัวน่ะ พี่เห็นอาละวาดฟาดงวงฟาดงากันแทบตาย”
ลิซซี่ปลอบ “ใจเย็นค่ะ น้องเพลิน น้องกำลังพูดกับปูชนียบุคคลนะคะ”
เพลินพิศฉุนขาด “ปูชนีย์บ้าบออะไร ปูชนีย์เขาไม่ทำอย่างนี้หรอก พอกันที เลิกนับถือแล้ว ชั้นเบื่อวงการนี้เต็มที” เพลินพิศสะบัดบ๊อบ เดินกระโผลกกระเผลกออกไป
วดีเอ่ยขึ้น “ลิซซี่”
“ขา”
“พาดหัวข่าวพรุ่งนี้เลย”
“เอาแบบนี้ดีมั้ย...ดารายอดอกตัญญูวีนแตก” เอิงว่า
วดีเห็นด้วย “แรงได้อีก”
สามคนช่วยกันคิดข่าวพาดหัวชิดขอบบันเทิงฉบับใหม่อย่างสนุกสนาน
เพลินพิศนั่งร้องไห้มาในแท็กซี่ โทร.หาขวัญอนงค์ที่อยู่ในห้องรับแขกคอนโด
“อ้าว ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ทำไมไม่บอกอา แล้วร้องไห้ทำไม”
เพลินพิศพูดไปร้องไห้ไป “อาขวัญอยู่ที่คอนโดฯหรือเปล่า เพลินจะไปเล่าให้อาขวัญฟัง”
“อยู่จ้า มาได้เลย”
ถัดมาไม่นานเพลินพิศนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในห้องรับแขกต่อหน้าดาราสาวใหญ่ บนโต๊ะมีน้ำผลไม้ที่ไม่พร่องเลย
“เพลินไม่ควรไปพูดกับคุณวดีอย่างนั้น” ขวัญอนงค์ตำหนิ
“ก็เพลินเจ็บใจนี่คะ”
“เขาไม่ธรรมดาหรอก หนูท่าจะลำบาก”
“เพลินไม่แคร์หรอกค่ะ ถ้าอยู่ในวงการไม่ได้ เพลินก็จะไปทำธุรกิจ เพลินรู้ว่าเขาร้ายมาก เขาเคยโกงค่าตัวพุธกันยาจริงไหมคะ”
ขวัญอนงค์เลี่ยง “เรื่องมันนานมากแล้ว”
“รู้แล้ว เพลินจะแก้แค้นเขายังไง”
สีหน้าเพลินพิศมุ่งมั่นมาดหมายมากๆ
ห้องรับแขกภายในบริษัทสร้างศิลป์ฯ ค่ำนั้น เจคกับหอมน้ำนั่งคุยกันในขณะที่เขนกับอุมาเพิ่งกลับเข้ามา
เจคถามอุมา “เรียบร้อยมั้ย”
“เรียบร้อยค่ะ อุมาขอไปทำงานต่อนะคะ”
“ไปเถอะ”
อุมาหันมาบอกหอมน้ำ “คืนนี้พี่อุมาจะไปดูหนังน้องหอมนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
อุมาออกไป
“เสียดาย เลยอดเห็นหอมแต่งชุดเซอร์ไพรส์เลย” เขนบ่น
“มาดูรูปนี่ซิ พี่ถ่ายเอาไว้” เขนเดินไปนั่งใกล้ๆ เจค โดยเจคเปิดมือถือให้ดู
ภาพในจอ เห็นหอมน้ำในชุดสวย ดูเหมาะเจาะราวกับเป็นชุดของตัวเองกระนั้น
เขนชื่นชมชุดและเพื่อนไม่ขาดปาก โดยไม่ทันสังเกตว่า หอมน้ำกับเจคลอบสบตากันยิ้มๆ
ขณะที่หอมน้ำกับเขนกำลังจะเดินลงบันได เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หอมน้ำหยิบขึ้นมาดู แล้วยิ้มพราย
“คุณหมอโทร.มา”
“งั้นเขนจะลงไปก่อน”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร เขนอยู่ก็ได้ หอมไม่มีความลับ”
“แต่คุณหมออาจจะมี” เขนเดินลงบันไดไปเลย
หอมน้ำรับสาย “สวัสดีค่ะ คุณหมอ” แล้วเดินย้อนไปยังมุมเงียบๆ
ศวัสคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล
“ลองเสื้อเป็นยังไงบ้าง”
“เรียบร้อยดีค่ะ ชุดนั้นเป็นชุดที่สวยที่สุดในความเห็นของหอมเลย”
“ฉันมีเรื่องจะเตือนเธอ”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“เมื่อคืน ฉันคุยกับคุณพ่อ เรามีความเห็นคล้ายๆ กันว่า คุณอาเจคอาจจะเป็นคนไปทำสร้อยพระปลอมให้คุณแม่”
หอมน้ำชะงักไปครู่หนึ่ง “ฮื้อ! คงไม่ใช่หรอกค่ะ”
“คุณพ่อบอกว่า คุณอาเจคเคยชอบคุณแม่ เพราะฉะนั้นคุณแม่อาจจะขอร้องให้ช่วย เพื่อที่จะตบตาทุกๆคน...ฉันถึงโทรมาเตือนว่า เธอต้องระวังตัวให้ดี แล้วเขนอยู่ด้วยหรือเปล่า”
“ตลอดเวลาเลยค่ะ แต่...เท่าที่สังเกต...คุณเจคก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ”
“เขาต้องทำให้เธอไว้ใจน่ะซิ”
“คุณหมอคะ คืนนี้อย่าลืมดูคุณแม่ของคุณหมอเล่นหนังนะคะ ฉายวันแรกเลย”
น้ำเสียงศวัสขรึมลง “ฉันไม่อยากดู”
“คุณหมอ”
“แค่นี้ก่อน”
ศวัสวางสาย เก็บโทรศัพท์ หอมน้ำเม้มปาก สีหน้าหนักใจมากเอาการ
อุมากำลังเดินผ่านห้องทานอาหาร
พิไลเรียกไว้ “อูม่า อูม่า”
อุมาเดินมาหา
“ได้ข่าวเพลินพิศบ้างหรือยัง”
“เห็นพี่โค้กบอกว่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้เอง ยัยลิซซี่ไลน์มาบอกอูม่าว่าเย็นนี้จะไปเยี่ยมหน่อย...นัดกับโค้กกับฟ้าไว้แล้ว”
“ป้าไปด้วยคน จะเอาผัดไก่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปฝาก แกชอบกิน”
“งั้นเลิกงานเจอกัน”
พิไลพยักหน้า เดินกลับเข้าไปประจำหน้าที่ตามเดิม
ห้องรับแขกคอนโดเพลินพิศค่ำนั้น ต้อนรับสามคนที่แวะมาเยี่ยมอาการ อุมากับพิไลช่วยกันแก้กับข้าวใส่จาน ส่วนโค้กเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำดื่มออกมา
“ขอบคุณมากนะคะ เพลินตื้นตันใจจริงๆ”
“ไม่เป็นไร หนูมาถ่ายหนังให้คุณเจคตั้งหลายเรื่อง พอไม่สบายพวกเราก็ต้องมาเยี่ยม” พิไลบอก
“แต่คุณเจคคงเลิกคบเพลินแล้ว เพลินผิดเอง”
“คุณเจคใจดี หมั่นไปขอโทษจิ๊จ๊ะไม่เท่าไหร่ก็หาย” โค้กแนะนำ
“เออ! แล้วนี่คดีไปถึงไหนแล้วล่ะ ตำรวจเขาว่ายังไง” พิไลถามขึ้น
“เขาบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เพลินมั่นใจว่าไม่ใช่ ผีพุธกันยามาแกล้งเพลิน”
พิไลเสียงแข็ง “พุธกันยาไม่แกล้งใคร เขาเป็นคนดี”
“แต่เขาบอกชื่อตัวเองเลยนะ” เพลินพิศเถียง
“อาจจะมีใครเล่นพิเรนทร์ก็ได้ ไม่รู้นะ ป้าไม่เชื่อเรื่องผีๆสางๆ ที่ว่าเขาเข้าสิงหนูหอมป้าก็ไม่เชื่อ มโนกันเองทั้งนั้น ป่านนี้พุธกันยาของป้าเขาไปเกิดใหม่ได้หลายรอบแล้วมั้ง”
“อ้าว ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะป้า โดนกันมาแทบจะครบทุกคนแล้ว” อุมาแย้ง
ระหว่างคุยกัน อุมาและโค้ก กินข้าวด้วยความหิว ทั้งหมดคุยกันไปกินกันไป
ฝ่ายหอมน้ำนอนมองเพดานนิ่งๆ ราวกับกำลังใช้ความคิดหนัก เขนเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“เป็นอะไร”
“เปล่า”
“เดี๋ยวไปดูหนังที่โรงด้วยกันมั้ย”
“ถามทำไม ใครๆ ก็อยากดูผลงานของตัวเองทั้งนั้น”
“ผลงานของตัวเอง” เขนอำ
“อย่างน้อยก็ใช้รูปร่างหน้าตาละ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หอมน้ำหยิบขึ้นมารับ สีหน้าแจ่มใสขึ้นทันที
“สวัสดีค่ะ คุณหมอ”
ศวัสขับรถมาตามทาง คุยสายด้วยบลูธูท “ผมกำลังขับรถไปรับ ไปดูหนังด้วยกัน”
“อ้าว”
“ตอนแรกจะไปดูกับคุณพ่อ แต่คุณพ่อไม่อยู่ ออกไปดูหนังกับอาขวัญ”
หอมน้ำมีสีหน้าไม่พอใจตั้งแต่ประโยค “ออกไปกับอาขวัญ” แล้ว “ได้ค่ะ หอมจะรอ”
หอมน้ำวางโทรศัพท์ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยมีเขนมองอย่างแปลกใจ
ส่วนศวัสปิดมือถือ สีหน้าแจ่มใส
ด้านวดีนั่งดูทีวีเงียบๆ อยู่ที่คอนโด ภาพข่าวโปรโมตหนังเป็นภาพหอมน้ำซึ่งถูกพุธกันยาสิง เล่นได้สมบทบาทอย่างไร้ที่ติ ราวกับเคยเล่นหนัง มานานแสนนาน
วดีนั่งดูอีกครู่หนึ่ง แล้วกดรีโมตปิด จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วดีซึ่งนั่งจ่อมจมอยู่ในความคิดสะดุ้งเฮือก
ก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วขมวดคิ้ว ด้วยที่หน้าจอมีเพียงตัวอักษร “ไม่ปรากฏชื่อ”
แต่วดีก็รับสาย “ฮัลโหล”
หอมน้ำยืนอยู่ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะข้างหอพัก เงามืดของเสาต้นหนึ่งและแสงจากไฟไม่สว่างนัก ก่อให้เกิดแสงเงา บนใบหน้าหอมน้ำแลดูน่ากลัว
เสียงที่เปล่งออกมาเป็นเสียงพุธกันยา “กำลังดูข่าวโปรโมตหนังชั้นอยู่หรือเปล่า”
วดีลุกขึ้น “กัลยา”
“เป็นไง จะผ่านมาหลายปีแต่ฝีมือชั้นไม่ตกเลยใช่ไหม”
“เมื่อไหร่แกจะไปลงนรกเสียที”
หอมน้ำพูดเสียงแผ่ว “รอแกไง ชั้นรอแกอยู่ เราจะไปด้วยกัน”
“บ้า”
วดีปิดโทรศัพท์ วางลง แต่แล้วก็สะดุ้งเฮือก เมื่อมีเสียงหัวเราะแผ่วๆ ดังมาจากโทรศัพท์ วดีตกตะลึงมองครู่หนึ่ง
เป็นเสียงพุธกันยาดังออกมาอีกว่า “ขอให้ฝันร้าย”
วดีจับโทรศัพท์นั้นเหวี่ยงไปด้วยความกลัวและตกใจสุดๆ
ศวัสจอดรถหน้าหอ ก้าวลงมาแล้วต้องหยุดชะงัก สีหน้าแววตาบ่งบอกความประหลาดใจ เมื่อเห็นหอมน้ำยืนรออยู่ตรงประตูหอ ศวัสก้าวเดินมาหา หอมน้ำยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มเอื้อเอ็นดูของแม่ส่งให้ลูก
ศวัสยิ้มสดใสออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ลงมารอชั้นหรือ”
“ค่ะไปกันเลยมั้ยคะ เดี๋ยวไม่ทันหนังฉาย”
ทั้งสองเดินคุยกันไปยังรถศวัสที่จอดอยู่
ส่วนที่ห้องรับแขกคอนโดของเจค หนุ่มใหญ่กำลังนั่งดูหนัง “เพลิงนารี” ที่ตัดจากห้องตัดต่อ เป็นตอนที่หอมน้ำซึ่งถูกพุธกันยาสิงเล่นหนังด้วยฝีมืออันน่าทึ่ง เจคทั้งตื่นเต้นและพึงพอใจ กำมือตัวเองแน่น
เวลาผ่านไป ศวัสเดินคุยกับหอมน้ำมาเรื่อยๆ สองคนเพิ่งออกจากโรงหนัง ตรงไปยังรถ
“หนังสนุกไหมคะ”
“พูดไม่ถูก”
“งั้นถามใหม่ หอมเล่นเป็นยังไงบ้าง”
“นั่นไม่ใช่เธอนี่”
“งั้น...คุณแม่คุณหมอเล่นเป็นยังไงบ้าง”
ศวัสนิ่งไป สีหน้าเคร่งขรึม
“คุณหมอคะ”
“ท่าน...ก็เล่นเก่งนั่นแหละ”
หอมน้ำยิ้มปลื้ม
“แต่ผมไม่ชอบ”
หอมน้ำขมวดคิ้วฉงน “ทำไม”
ศวัสนิ่งคิดครู่หนึ่ง “ผมมีความรู้สึกไม่ค่อยดีกับวงการนี้”
หอมน้ำพูดช้าๆ ด้วยท่าทางของพุธกันยาอธิบายให้ลูกฟัง “อย่าพูดอย่างนั้น ทุกวงการน่ะมีทั้งคนดีและคนไม่ดี เราต้องใช้วิจารณญาณในการเลือกคบ”
ศวัสหยุดยืนมองอย่างประหลาดใจ “หอมน้ำ นี่คุณพูดเหมือนผู้ใหญ่เลยนะ”
“วงการนี้สอนหอมหลายอย่างค่ะ ชั่วเวลาไม่เท่าไหร่ หอมได้เรียนรู้หลายอย่างมาก” หอมน้ำเว้นไปแล้วทำมองศวัสอย่างเกรงๆ ใจ “รวมทั้ง...เอ้อ...จากคุณแม่คุณหมอด้วย”
นัยน์ตาศวัสเป็นประกายแว่บหนึ่ง “คุณแม่ชั้นจะสอนอะไรใครได้”
“สอนเรื่องความรักของแม่ค่ะ หอมได้เรียนรู้จากท่านว่า ความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ”
ศวัสสบตากับหอมครู่หนึ่ง แล้วเปิดประตูรถขึ้นไป หอมน้ำมองตามจนรถศวัสแล่นไปลับตา
เช้าวันนี้ หอมน้ำกำลังบรรจงทาลิปสติกสีชมพูอ่อนใสบนริมฝีปาก เขนกอดอกมองดูเพลิดเพลินปนแปลกใจ
หอมน้ำบรรจงปัดแก้มบางๆ แล้วสำรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง
“หอมไม่เคยสนใจแต่งหน้าแต่งตาขนาดนี้นะ”
หอมน้ำยิ้มขณะรวบผมตึง “จะบอกว่าคุณพุธมาสิงหอมอีกละซิ พี่อุมาเป็นคนสอนหอม แกบอกว่าพอหนังฉาย มีคนรู้จักหอมมากขึ้นหอมจะต้องดูดีอยู่เสมอ เพราะคนรักเราก็มี เกลียดเราก็มี”
เขนพยักหน้าหงึกหงัก “จริงของนาง”
หอมน้ำลุกขึ้นอย่างกระปรี้กระเปร่า “เสร็จแล้ว ไปกันได้”
ทั้งสองคนเดินออกจากห้องไป
ทันทีที่หอมน้ำก้าวออกมาหน้าตึก นักศึกษาที่ผ่านไปมาบริเวณนั้นต่างกรูเข้ามาขอถ่ายรูปอย่างตื่นเต้น ทั้งถ่ายเดี่ยวและถ่ายคู่ด้วย รวมทั้งขอลายเซ็น
หอมน้ำทั้งถ่ายรูปและแจกลายเซ็นอย่างมีความสุขและไม่รู้เหนื่อย โดยมีเขนมองอย่างภาคภูมิใจในตัวเพื่อน พลางส่ายหน้ายิ้มๆ
“ท่าทางจะต้องเป็นดาราตลอดไปซะแล้วละมั้ง”
แท็กซี่คันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าบ้านประตูบ้านศวัส หอมน้ำที่ยังถูกพุธกันยาสิงร่างกับเขนลงจากรถ ในขณะที่วันทนารีบเดินออกมาหา
“หนูหอมน้ำ”
หอมน้ำกับเขนหันไปมอง
“ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ”
สองสาวสบตากันอย่างแปลกใจ
หอมน้ำถามเหมือนไม่แน่ใจ “ถ่ายรูปกับหนูน่ะหรือคะ”
“งั้นซิ จะส่งไปให้คุณหนกดูที่เมืองนอก”
วันทนาถือโทรศัพท์มาหา หอมน้ำยืนให้ถ่ายในอิริยาบถต่างๆ
“ขอแบบเซลฟี่ด้วยค่ะ ป้าไปดูหนังมาเมื่อคืน หนูเล่นเก่งมาก”
วันทนากอดเอวหอมน้ำ แล้วยกกล้องถ่ายเซลฟี่ กลายเป็นติ่งดาราแทนกนกรัตน์ไปแล้วโดยสมบูรณ์
“ป้าวันเปลี่ยนไปแฮะ ทุกคนเปลี่ยนไปกันหมด” เขนมองขำๆ
แจ่มพาหอมกับเขนเดินเข้ามาในบ้าน ด้วยสีหน้าตื่นเต้นมาก และได้ดูหนังที่หอมน้ำเล่นแล้วเช่นกัน
“พี่แจ่มจ้องน้องหอมตาไม่กระพริบเลยค่ะ ส๊วย...สวย...สวยกว่านางเอกอีก”
แจ่มชะงัก เมื่อเห็นเยาวภายืนกอดอกมองมาอย่างไม่เป็นมิตร
“มาทำไมกัน ละครก็ถ่ายจบไปแล้ว ยังจะมาอีกทำไม”
เขนตาค้าง เช่นเดียวกับแจ่ม ขณะที่หอมน้ำทำเป็นตกใจและหวาดกลัว เพื่อไม่ให้ใครสงสัย
“มาทำอาหารให้คุณลุงกับคุณหมอรับประทานค่ะ ก็ไม่ได้เก่งกาจได้ดาวมิชลินหรอกนะคะ แค่พอทำเป็นเท่านั้น”
“แค่พอทำเป็นก็อย่าเผยอ มาทางไหนก็ไปทางนั้นเลย”
“คุณแม่บ้านคงต้องเรียนถามคุณลุงก่อนมั้งคะ ท่านเป็นคนชวนพวกเรามา” เขนบอก
เยาวภามองจ้องอย่างเข่นเขี้ยว “อวดดี”
“ขอบคุณค่ะที่ชม” เขนเล่นไม่เลิก
หอมน้ำจับแขนเขนปราม “เขน ไม่เอาน่า”
“เขนไม่ชอบให้คุณมาด่าโดยไม่มีเหตุผล”
เยาวภามองเขนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วสะบัดหน้าเดินหนีไป
หอมน้ำกับเขนเดินเข้ามาภายในห้องรับแขก
“จะทำกับข้าวให้คุณลุงกับคุณหมอทานจริงเหรอ” หอมน้ำถาม
“ทำเป็นซะที่ไหน” เขนบอก
“อ้าว เห็นพูดเสียดิบดี”
“ว่าจะให้หอมทำน่ะ”
“นึกแล้ว” หอมน้ำลุกขึ้น “เดี๋ยวมา ขอไปห้องน้ำก่อน”
หอมน้ำเดินออกไป เขนรื้อย่ามหยิบหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดขึ้นมาอ่าน
ด้านเยาวภาเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องด้วยความโกรธจัด
“หน๊อย นังเด็กเมื่อวานซืน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเยาวภาตวาด “ใคร”
ไม่มีเสียงตอบ แต่เสียงเคาะดังขึ้นกว่าเดิม
เยาวภาเดินไปเปิดอย่างโกรธจัด “จะบ้า...”
เยาวภาหยุดชะงัก เมื่อเห็นหอมน้ำยืนอยู่ ดวงตามองมาอย่างเยือกเย็น
“มาเคาะประตูห้องชั้นทำไม”
หอมน้ำเดินเข้ามาในห้อง มองไปโดยรอบ แล้วจึงหันมา “อยากเป็นชั้นนักเรอะ”
“พูดอะไรของแก”
“แกอิจฉาชั้นตลอดมา ชั้นทำอะไร แกก็จะทำอย่างนั้น ชั้นเป็นนักแสดง แกก็จะเป็นบ้าง แต่ก็เป็นได้แค่ตัวประกอบ”
เยาวภาสะดุ้ง “รู้ได้ยังไง”
หอมน้ำยิ้มเย้ยหยัน “นั่นซิ ชั้นรู้ได้ยังไง ถ้าชั้นไม่รู้จักแกมาก่อน วันนั้นขาดตัวประกอบไปคนนึง ชั้นก็เลยเสนอชื่อแก”
เยาวภาผงะ รู้ทันที “คุณกัล คุณกลับมาอีกแล้ว”
“ใช่ คราวนี้อยู่ยาว น่าจะยาวกว่าแกด้วย เพราะนังเด็กคนนี้ยังแข็งแรง อายุยังน้อย”
“แล้วหอมน้ำล่ะ” เยาวภาอดตกใจไม่ได้
“ทำไม เป็นห่วงมันเรอะ ขอบอกว่าอย่าสะเออะ” หอมน้ำชี้กราดไปที่บรรดาข้าวของทุกอย่างที่เยาวภาใช้ปลอมเป็นพุธกันยา “แล้วไอ้ข้าวของพวกนี้น่ะ ต่อให้พอกเข้าไปสักแค่ไหนก็ไม่มีวันทำให้แกเป็นชั้นได้หรอก”
หอมน้ำเดินไปที่ประตู เปิดออก แต่หยุดหันกลับมาแค่คอ ทำเอาเยาวภาสะดุ้งเฮือก
“ชั้นจะกลับมาเป็นคุณผู้หญิงอีกครั้ง”
หัวหอมน้ำหมุนกลับที่ แล้วเดินออกไปเลย เยาวภาซึ่งยืนตะลึงตะไล ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง
“ฝันร้าย ฝันร้ายชัดๆ”
หอมน้ำเดินกลับมายังห้องนั่งเล่น แล้วชะงัก นัยน์ตาเป็นประกายวาวโรจน์ เมื่อเห็นขวัญอนงค์กำลังนั่งคุยกับเขน ข้างๆ มีตะกร้าพายชนิดต่างๆ จัดใส่กล่องมาอย่างดี โดยเขนกินไปชมไปไม่ขาดปาก
“อร่อย อร่อยมากค่ะ”
“อันนี้พายทูน่า” ขวัญอนงค์ส่งให้เขนอีก “ลองดูซิ”
เขนรับมาอีกมือแล้วกัดกินอย่างแอร่ม “โห อร่อยไม่แพ้พายไก่เลยค่ะ อาขวัญมีพายอื่นอีกมั้ยคะ”
หอมน้ำทำเป็นกระแอมเบาๆ สองคนหันมามอง
“หอม มากินพายชนิดต่างๆของอาขวัญซิ อร่อยฝุดๆ”
หอมน้ำเพียงยิ้มทักขวัญอนงค์ แล้วเดินเข้ามาลงนั่งร่วมวง ทำเนียนทักโดยไม่ยอมไหว้
“อาขวัญมานานแล้วหรือคะ”
“จ้ะ” ขวัญอนงค์มองหอมน้ำอย่างเพ่งพิศ “หอมเป็นยังไงบ้าง”
หอมน้ำทำหน้าสลดลง “หอมเพลียๆ ค่ะ เป็นอะไรก็ไม่รู้”
“หิวหรือเปล่า ทานพายของอาไหม”
“ขอบคุณค่ะ แต่หอมไม่ค่อยหิว”
แจ่มเดินเข้ามาบอกขวัญอนงค์อย่างนอบน้อม
“คุณขวัญคะ คุณผู้ชายลงมาแล้วค่ะ”
“ขอบใจนะ” ขวัญอนงค์ถามสองสาว “ไปด้วยกันมั้ย”
หอมน้ำนิ่ง แต่เขนตอบเสียงแจ่มใส “เชิญอาขวัญเถอะค่ะ”
ขวัญอนงค์ขยับลุกขึ้น “งั้นอาไปนะ จะเอาพายไว้กินอีกหรือเปล่า”
“เขนอิ่มแล้วค่ะ”
ขวัญอนงค์หิ้วตะกร้าออกไป เขนหันมาทางหอมน้ำจะพูด แต่ต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นดวงตาอาฆาตมาดร้ายของหอมน้ำที่มองตามขวัญอนงค์
บุรีกับศวัสกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าห้องอาหาร ขณะที่ขวัญอนงค์เดินเข้ามาตามด้วยแจ่ม
ศวัสไหว้ “สวัสดีครับ คุณอา ผมขอแสดงความยินดีด้วย”
บุรีเหลียวหน้ามามองขวัญอนงค์ยิ้มๆ
“ยินดีอะไร”
“ผมบอกลูกไปแล้วว่าเราจะแต่งงานกัน”
จู่ๆ เสียงหอมน้ำร้องกรี๊ดออกมาอย่างเจ็บปวด “อะไรนะ”
ทุกคนหันไปมองด้วยความตกใจ
“หอมน้ำ” ศวัสร้องเรียก
หอมน้ำก้าวเข้ามาตัวสั่นเทิ้มมองบุรีกับขวัญอนงค์สลับกัน “ใครจะแต่งงานกับใคร”
ศวัสจับแขนหอมน้ำปราม “หอม”
หอมน้ำสะบัดหน้าอย่างแรง “อย่ามายุ่ง”
โดยไม่มีใครคาดคิด หอมน้ำหันมาตบหน้าขวัญอนงค์อย่างแรง จนร่างดาราสาวใหญ่ถึงกับถลาล้มฟุบไป
“โอ๊ย”
“หน้าด้าน แกจ้องจะฉกพี่บุรีมานานแล้ว ชั้นรู้ แต่อย่าหวังเลย ชั้นกลับมาแล้ว และจะไม่ยอมให้แกมาแย่งพี่บุรีเด็ดขาด”
บุรีรู้สึกตัวรีบเข้าไปประคองขวัญอนงค์ไว้ “ขวัญ”
หอมน้ำแทบเต้น ตามเข้าไปกระชากบุรีจนเสียหลักเพราะไม่ได้ระวังตัว
“อย่านะ พี่บุรี นี่มันต่อหน้าต่อตากัลแท้ๆ นะ นังขวัญ แกหยุดสำออยผัวชั้นเสียที”
ศวัสรู้แล้ว “คุณแม่ ปล่อยหอมน้ำไปเถอะครับ ผมขอร้อง”
“อะไรนะ ศวัส ลูกจะให้แม่ออกจากร่างหอมน้ำ”
ศวัสบอกอย่างหนักแน่น “ครับ”
“แล้วแม่จะไปอยู่ที่ไหน”
ศวัสบอกอย่างไม่ต้องคิดนาน “ก็ไปตามทางที่คุณแม่ควรจะไปซิครับ”
หอมน้ำปล่อยโฮ “ศวัส ลูกพูดออกมาได้ยังไง พูดออกมาได้ยังไง”
พุธกันยาในร่างหอมน้ำร่ำไห้คร่ำครวญ แล้ววิ่งหนีขึ้นบันไดไป
ศวัสรีบตาม “คุณแม่ครับ ฟังผมก่อน”
ทุกคนมองตามศวัสกับหอมน้ำด้วยความตระหนก และไม่คาดคิด
หอมน้ำเดินแกมวิ่งเข้าไปในห้อง ศวัสตามมาถึงจะเข้าไป แต่ประตูปิดเองดังปังใหญ่
“คุณแม่ เปิดประตูให้ผมเข้าไปเถอะครับ”
เสียงพุธกันยาดังออกมาตวาดลั่น “ไปให้พ้น”
“ผมจะไม่ไปไหน ถ้าคุณแม่ยังโกรธผมอยู่” ทุกอย่างเงียบสนิท
“ผมอยากคุยกับคุณแม่”
“ชั้นไม่ฟัง”
“คุณแม่ไม่เคยฟังผมเลย ตอนเด็กๆ ผมจำได้ว่า ผมไม่อยากให้คุณแม่ไปถ่ายละคร ผมร้องไห้พยายามจะอ้อนวอนไม่ให้คุณแม่ไป แต่คุณแม่ก็ไม่เคยสนใจเสียงร้องไห้ของผม”
ศวัสพูดยังไม่ทันจบดี ประตูค่อยๆเปิดแง้มออก เขาค่อยๆ ผลักประตู เดินเข้าไป
ศวัสปิดประตูลงเบาๆ แล้วเดินไปยังหอมน้ำซึ่งนั่งหันหลังให้อยู่ ศวัสทรุดตัวลงนั่งตรงหน้า แล้วก้มกราบที่เท้า
พุธกันยาในร่างของหอมน้ำ ที่นั่งนิ่งน้ำตาคลอ
“ถ้าผมทำอะไรให้คุณแม่เสียใจ ผมต้องกราบขอโทษ”
หอมน้ำที่มีร่างพุธกันยาซ้อนอยู่ยังคงนิ่งในท่านั้น
“การได้พบกับคุณแม่อีกครั้ง คือสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตผม”
หอมน้ำที่ถูกสิงน้ำตาไหลพรากโผเข้ากอดลูก
“ลูกรักของแม่ แม่ก็ต้องขอโทษศวัส ขอโทษที่ทำให้ลูกต้องกำพร้าโดยไม่ได้ตั้งใจ แม่ยังยืนยันว่าแม่ไม่ได้ฆ่าตัวตาย และไม่มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายแม้แต่น้อย ใครจะอยากจากลูกและสามีอันเป็นสุดที่รักไป”
“ผมก็ไม่เคยสงสัยเลยนับจากวันที่คุณแม่บอกผม”
“ขอบใจลูก ศวัสเป็นความชื่นใจของแม่”
พุธกันยาในร่างหอมน้ำจูบลูกอย่างสุดแสนจะรักใคร สีหน้าชื่นอกชื่นใจ
“ต่อไปนี้ เราจะไม่ต้องพรากจากกันอีกแล้ว”
ศวัสนิ่งไป
“แม่จะได้มีส่วนในชีวิตลูกทุกอย่าง จะได้ดูลูกในทุกขั้นตอนของชีวิต ได้เห็นความสำเร็จในด้านการงาน ได้หลั่งน้ำอวยพรให้ลูกกับผู้หญิงที่ลูกรักในวันมงคลสมรส”
ศวัสเงยหน้าขึ้น จับมือทั้งสองของแม่มาวางไว้บนศีรษะครู่หนึ่ง แล้วเอามือมากุมไว้
“คุณแม่ฟังผมนะครับ”
พุธกันยาในร่างหอมน้ำยิ้ม “แม่กำลังฟังอยู่”
“ถึงผมจะรักและคิดถึงคุณแม่มากแค่ไหน ดีใจที่ได้พบคุณแม่เพียงใด แต่ผมปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า” ศวัสหนักอกมาก ถอนใจเบาๆ ขณะพูดออกมา “เวลาระหว่างเรา เวลาระหว่างคุณแม่กับผมและคุณพ่อหมดไปนานแล้ว”
พุธกันยาตกตะลึง มองลูกอย่างเจ็บปวดเหลือแสน ศวัสเองก็น้ำตาคลอ
“ผมรู้ว่าคุณแม่เจ็บปวด ผมเองก็เจ็บปวดและเสียใจไม่น้อยไปกว่าคุณแม่ เราไม่สามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้ อดีตมีไว้ให้เรารำลึกถึง ความทรงจำมีไว้เป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ ผมเชื่อว่าคุณแม่คงเข้าใจดีและคงไม่อยากให้คุณพ่อกับผมต้องจมอยู่ในอดีตจนไม่สามารถก้าวต่อไปในห้วงเวลาที่ยังเหลือของเราได้อีก”
พุธกันยาย้อนแย้ง “แม่ไม่ใช่อดีต แม่อยู่ตรงหน้าลูกแล้วไง เราสามารถจับต้องกันได้ พูดคุยกันได้”
“คนที่อยู่ตรงหน้าผมคือหอมน้ำต่างหากครับ คุณแม่”
หอมน้ำนิ่งอึ้ง
“คุณแม่อาจอยู่ในร่างหอมน้ำได้ แต่คุณพ่อกับผมคงใช้ชีวิตร่วมกับคุณแม่ในฐานะพ่อแม่ลูกคงไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะมองยังไง ก็จะเห็นแต่หอมน้ำ อีกอย่างพ่อแม่ของหอมน้ำก็คงอยากจะอยู่กับลูกของเขาเหมือนกัน คืนร่างให้หอมน้ำเถอะนะครับ”
พุธกันยาในร่างหอมน้ำลุกเดินไปที่หน้าต่าง แล้วมองออกไปข้างนอก
“คุณแม่”
“ที่ลูกพูดอย่างนี้เพราะลูกรักหอมน้ำ ลูกเลือกเด็กคนนั้นแทนที่จะเลือกแม่”
“ผมยอมรับว่าผมรักหอมน้ำ ซึ่งความรักที่ผมมีต่อเขาไม่สามารถเปรียบได้กับที่ผมรักคุณแม่”
“ลูกจะพูดให้มันฟังดูดียังไงก็ได้ แต่สรุปแล้วแม่ต้องเป็นฝ่ายไป”
“คุณแม่ไปจากคุณพ่อแล้วก็ผมนานมากแล้วครับ การที่คุณแม่จะกลับมาอีกโดยอาศัยร่าง”
พุธกันยาเอ่ยขึ้น “ออกไปก่อน”
ศวัสทำท่าจะพูด
“แม่ต้องการอยู่คนเดียว”
ศวัสรับคำเบาๆ “ครับ”
ศวัสเดินออกไปแล้วปิดประตูเบาๆ พุธกันยาในร่างหอมน้ำไม่ได้หันหน้ามาจากหน้าต่างเลย จนศวัสออกไป จึงค่อยๆ หันกลับมา
นัยน์ตาเจ็บปวดร้าวราน สุดจะประมาณ
อ่านต่อหน้า 3
ใยกัลยา ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
เขนรีบผุดลุกขึ้นอย่างร้อนใจทันทีที่เห็นศวัสเดินเข้ามาในห้องรับแขก
“คุณพ่อกับอาขวัญล่ะ”
“คุณลุงพาอาขวัญไปส่งบ้านค่ะ แล้วหอมล่ะคะ”
“อยู่ในห้อง ต้องให้เวลาท่านบ้าง”
“แต่เวลาของหอมจะไม่มีแล้วนะคะ”
“ฉันเชื่อว่า คุณแม่จะไม่มีวันทำร้ายหอมน้ำ”
เขนอดเหน็บไม่ได้ “แต่ไอ้ที่เข้าสิงนี่มันยิ่งกว่าทำร้ายอีกนะคะ”
ศวัสมองอย่างเย็นชา เขนรู้ตัวรีบยกมือไหว้ “ขอโทษค่ะ”
ศวัสเดินขึ้นไปข้างบน เขนมองตามด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มสุดๆ
พุธกันยาในกายหอมน้ำเอนตัวลงนอนตะแคง สีหน้าแววตายังคงเจ็บปวดร้าวรานเหลือคณา เมื่อนึกถึงคำพูดศวัส
“ถึงผมจะรักและคิดถึงคุณแม่มากแค่ไหน ดีใจที่ได้พบคุณแม่เพียงใดแต่ผมก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า เวลาระหว่างเรา เวลาระหว่างคุณแม่กับผม และคุณพ่อหมดไปนานแล้ว”
ภาพศวัสเลือนหายไป หอมน้ำหลับตาลง น้ำตาไหลพรากออกมาอีก เมื่อนึกถึงอีกคำพูด
“อดีตมีไว้ให้เรารำลึกถึง...ความทรงจำมีไว้เป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ...ผมเชื่อว่าคุณแม่คงเข้าใจดี และคงไม่อยากให้คุณพ่อกับผมต้องจมอยู่กับอดีตจนไม่สามารถก้าวต่อไปในห้วงเวลาที่ยังเหลือของเราได้อีก”
ภาพศวัสเลือนหายไป
“ฉันเป็นแค่เพียงอดีตของทุกๆ คนเท่านั้นหรือ”
หอมน้ำจมอยู่กับความเจ็บปวดชอกช้ำใจสุดจะประมาณนั้นนิ่งนาน
ที่คอนโดขวัญอนงค์ตอนนี้ บุรีรินน้ำมาวางให้ขวัญอนงค์ ซึ่งกำลังใช้เจลประคบแก้มที่ถูกตบจนช้ำบวม
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมต้องขอโทษด้วย...ไม่นึกเลยว่ากัลเขาจะรุนแรงถึงขนาดนี้”
“ขวัญคงไม่สู้แล้วค่ะ...กัลเขาอาฆาตพยาบาทแรงมาก...แล้วเขาก็รักและหวงแหนพี่บุรีมากด้วย”
“ผมจะพูดกับเขาเอง”
“ไม่มีประโยชน์ สงสารแต่หอมน้ำ”
“ผมไม่มีวันปล่อยให้เขาแย่งร่างของหอมน้ำตลอดไปแน่”
“นั่นแหละค่ะเรื่องที่สำคัญที่สุด ต้องช่วยหอมน้ำก่อน”
บุรีมองแก้มที่ช้ำเลือดช้ำหนองของขวัญอนงค์แล้วเอ่ยขึ้น “ไปหาหมอเถอะ”
ขวัญอนงค์ส่ายหน้า “ขวัญไม่อยากให้คนเอาไปลือกันผิดๆ คิดว่าอีกไม่กี่วันก็คงหาย พี่บุรีกลับไปก่อนดีกว่า...ขวัญเป็นห่วงหอมน้ำ...ไม่แน่ใจว่าศวัสคนเดียวจะเอาอยู่”
“ขวัญต้องการอะไรอีกไหม”
“ไม่แล้วค่ะ ขอบคุณมาก”
“แล้วพี่จะโทร.มา”
ขวัญอนงค์ไหว้ลา “ขอบคุณค่ะ”
บุรีเดินออกไป ดาราสาวใหญ่ถอนใจกลัดกลุ้มเป็นที่สุด
เขนนั่งคุยกับแจ่มเรื่องความสยดสยองที่เกิดขึ้น ดวงตาจับจ้องไปที่บันไดเป็นระยะๆ เหมือนรอหอมน้ำจะลงมา
“น่าสงสารน้องหอมนะคะ”
เขนพยักหน้า “ฮื้อ! พี่แจ่มอยู่เป็นเพื่อนเขนหน่อยได้ไหม”
แจ่มส่ายโดยเร็ว “ไม่ละค่ะ พี่แจ่มน่ะกลัวจนขนหัวลุก”
บุรีเดินเข้ามาพอดี “หายไปไหนกันหมด”
“หอมน้ำยังไม่ลงมาค่ะ คุณหมอคงจะอยู่บนห้อง”
บุรีพยักหน้าแล้วเดินขึ้นไป
บุรีเดินมาถึงหน้าห้องพุธกันยา ก่อนจะรวบสติเคาะประตูเรียก
“กัล...กัลยา” ไม่มีเสียงตอบ “กัล! นี่ผมเอง” ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ “กัล”
เงียบอีก บุรีลองหมุนลูกบิดประตู ซึ่งเปิดออกอย่างง่ายดาย แต่มองจนทั่วพบว่าภายในห้องไม่มีใครเลย!
“กัลยา”
บุรีรีบมาบอกศวัสในห้องของเขา
“จะเป็นไปได้ยังไง” ศวัสรีบเดินออกไป
“พ่อจะลงไปดูข้างล่าง”
บุรี กับเขน เดินเข้ามาในห้องรับแขก ทุกคนต่างพากันตามหาหอมน้ำไปทั่วทุกมุมภายในบริเวณบ้าน
เขนกังวลสุดๆ “แล้วคุณพุธพาหอมไปไหน”
คนสวนเดินกลับเข้ามา ทุกคนหันไปมอง
“เจอมั้ย”
“ไม่เจอใครเลยครับ”
ศวัสลงมา บอกกับพ่อ “ข้างบนก็ไม่มีครับ ผมหาทุกห้องแล้ว”
“เขาไม่น่าจะออกไปได้โดยไม่มีคนเห็น”
“ใครหายหรือคะ เห็นตามหากันโครมๆ” เยาวภาเดินเข้ามา พลางถาม แต่ทุกคนไม่ใส่ใจด้วยเป็นห่วงหอมน้ำ
“ผมรู้แล้วว่าจะไปหาได้ที่ไหน”
ศวัสรีบออกไป
สองคนอยู่ภายในห้องทำงานเจคที่ออฟฟิศ โดยเจคนั้นทำทีเป็นรับฟังศวัสที่แวะมาหาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เอ๊ะ เขาไม่ได้มาที่นีนะ ถ้ามา...อาก็ต้องเห็น”
“แล้ว โทรศัพท์ล่ะครับ” ศวัสมองเจคอย่างจับสังเกต
“โทรศัพท์ก็ไม่ได้โทร.”
ศวัสไม่อ้อมค้อมแล้ว “ผมว่าเรามาพูดกันตรงๆดีกว่าครับ...คุณอา”
“ว่ามาเลย อาเป็นคนตรงๆ อยู่แล้ว”
“คุณอารู้เห็นเป็นใจกับคุณแม่ผมหรือเปล่า”
เจคมีท่าทีขรึมลง “พูดอย่างนี้เท่ากับดูถูกอา แล้วก็คุณแม่ของหมอนะ”
“ถ้าคุณอาคิดอย่างนั้น ผมก็ต้องขอโทษ แต่คุณแม่ผมจะเอาพระออกจากคอหอมน้ำได้ยังไง ถ้าไม่มีใครช่วย! แล้วยังแถมไปทำพระปลอมมาตบตาด้วย”
เจคโกรธ “มันจะมากไปแล้ว”
“ไม่มีใครที่คุณแม่จะขอความช่วยเหลือได้ นอกจากคุณอา” ศวัสย้ำ
“ถ้ามั่นใจอย่างนั้นก็ไปหาหลักฐานมา” เจคท้า
“คุณอา...หอมน้ำไม่มีความผิดนะครับ”
“ก็แล้วจะให้อาทำยังไง...อาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
“ผมมั่นใจว่าคุณอารู้! และผมจะคอยจับตาดูคุณอาทุกฝีก้าว”
เจคยักไหล่ “ก็เอาซิ”
ศวัสเดินออกไป เจครอครู่หนึ่ง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.ออก
ศวัสเดินออกมาภายนอกรั้วบริษัท แล้วเดินไปขึ้นรถที่จอดแอบไว้ริมกำแพง จดสายตาจ้องมองไปทางประตูบริษัทอย่างแน่วแน่
ส่วนในห้องทำงาน เจคพูดโทรศัพท์ด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน
“เดี๋ยวเย็นๆ ผมจะกลับคอนโดฯ คุณต้องการอะไรไหม โอเค เย็นนี้พบกัน”
เจควางโทรศัพท์ลง สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความสุขสม
ฝ่ายหอมน้ำนอนเหยียดยาวบนเตียงในห้องนอนคอนโดเจคนั่นเอง ทอดสายตามองเพดาน นัยน์ตาชอกช้ำ
“หรือเวลาของฉันจะหมดลงแล้วจริงๆ”
พุธกันยาในกายหอมน้ำหลับตาลง รำลึกถึงค่ำคืนนั้น
ตอนกลางคืนอันแสนวุ่นวาย ในวันที่ พุธกันยา ปานรัมภา กินยาเกินขนาดเสียชีวิตคาบ้าน เจ้าหน้าที่กำลังยกเตียงวางร่างไร้วิญญาณของพุธออกจากตัวบ้านตรงมาที่รถพยาบาล
บุรีอุ้มเด็กชายศวัสซึ่งร้องไห้จ้าจะหาแม่ไว้แนบอกพลางปลอบ วิญญาณพุธกันยาวิ่งตามออกมาจากบ้าน
“จะเอาฉันไปไหน ฉันจะอยู่ที่นี่ ฉันยังไม่อยากไป”
เจ้าหน้าที่ปิดประตูหลัง รถเคลื่อนตัวออกไป
พุธกันยาในกายหอมน้ำ ลุกขึ้นนั่งทั้งน้ำตา เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาโทร.ออก
เจคยังอยู่ในออฟฟิศ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ยิ้มชื่นเมื่อเห็นชื่อ “กัลยา” ปรากฏบนจอ
เจคพยายามบังคับสุ้มเสียงให้เป็นปกติ “มีอะไรหรือกัล”
“กัลไม่สบายใจเลยค่ะ”
“เล่าให้ผมฟังได้หรือยังล่ะ ทำไมถึงร้องห่มร้องไห้มาหาผม”
“พี่บุรีกำลังจะแต่งงานกับนังขวัญ”
“อ้าว จริงหรือนี่ ผมไม่รู้เรื่องเลย”
“กัลก็เพิ่งรู้” สีหน้าหอมน้ำเต็มไปด้วยความแค้นเคือง “กัลทำยังไงรู้มั้ยคะ กัลตบมัน”
เจคสะดุ้ง “กัล”
“กัลไม่มีวันยอมให้มันมาชุบมือเปิปเอาพี่บุรีของกัลไปหรอก กัลทนไม่ได้”
“ใจเย็นๆ กัล เดี๋ยวผมเลิกงานแล้ว เราจะคุยกัน ตอนนี้ คุณต้องพักผ่อนให้สบายใจก่อน เราจะค่อยๆแก้ปัญหาไปด้วยกันนะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ เจค”
หอมน้ำวางโทรศัพท์ลง แล้วเอนตัวนอน หลับตาลง
ค่ำนั้น เจคออกจากห้องทำงานเดินเข้ามาในบริเวณออฟฟิศ กวักมือเรียกโค้กที่กำลังจะกลับ
โค้กรีบวิ่งมาหา “ครับ คุณเจค”
เจคส่งกุญแจรถให้โค้ก “เอารถของชั้นไป เอากุญแจรถของนายมา”
โค้กมองกุญแจแล้วเงยหน้ามองเจคงงๆ จนเจคสำทับ “เอากุญแจรถมา”
โค้กรีบควักหยิบให้ “นี่ครับ”
“แล้วก็ไม่ต้องปากโป้งไปเล่าให้ใครฟัง”
“ครับ”
โค้กเดินไปที่บริเวณจอดรถ เจคมองตาม
ศวัสจอดรถซุ่มอยู่นอกรั้ว ในจุดที่ค่อนข้างไม่เป็นที่สังเกต เขานั่งฟังเพลงเงียบๆ ในรถ ขยับตัวทันที เมื่อเห็นรถเจคแล่นออกมา ยามที่เฝ้าประตูบริษัททำความเคารพ ศวัสขับรถตามไป
เจคยืนมองเหตุการณ์อยู่ที่หน้าต่างห้องทำงานยิ้มออกมาอย่างสาสมใจ
“บางครั้ง คนฉลาดก็อาจจะขาดความเฉลียวไป”
เจคเดินออกมาจากห้อง ไปอย่างสบายใจ
รถเจคแล่นไปเรื่อยๆ ศวัสขับตามมานานพอสมควร จู่ๆ รถเจคเลี้ยวเข้าซอยหนึ่ง ศวัสเลี้ยวตาม
รถเจคมาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง แล้วเห็นเป็นโค้กก้าวลงมาจากรถเจคเปิดประตูบ้าน
ศวัสรู้ทันทีว่าถูกหลอก เขาทุบพวงมาลัยรถอย่างเจ็บใจ
“บ้าเอ๊ย”
ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เจคกับหอมน้ำนั่งคุยกันอยู่ในมุมเงียบๆ บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่ แต่ไม่ได้พร่องเลย
เจคส่ายหน้า “คุณบุรีไม่น่าทำร้ายจิตใจคุณอย่างนั้น ขอโทษนะ ทำเหมือนคนไม่เคยรักกัน”
หอมน้ำตาคลอ หยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าขึ้นมาซับน้ำตา แต่อดแก้แทนบุรีไม่ได้
“บางที เขาอาจจะสงสารหอมน้ำ เพราะเด็กคนนี้ไม่มีความผิด”
“ไม่ใช่เพราะเขากำลังจะแต่งงานกับขวัญหรอกหรือ”
หอมน้ำอึ้ง น้ำตาไหลออกมา
เจคทำเป็นรู้สึกตัววางมือลงบนหลังมือหอมน้ำ “ผมขอโทษ ผมไม่ควร”
“ไม่เป็นไร อาจจะจริงอย่างที่คุณพูดก็ได้” หอมน้ำซับน้ำตาอีก “กัลเหนื่อยเหลือเกิน ศวัสเองยังบอกกัลว่า เวลาของกัลป์หมดไปนานแล้ว”
“พูดออกมาได้ยังไง”
หอมน้ำมองเจคด้วยความประหลาดใจ
เจครู้สึกตัว “ขอโทษ คือผมอดเสียใจแล้วก็ผิดหวังแทนคุณไม่ได้ แต่เมื่อคิดดูอีกที เขามีความผูกพันกับคุณน้อยมาก แทบจะจำคุณไม่ได้ด้วยซ้ำ”
หอมน้ำส่ายหน้า “จำได้ ลูกจำกัลได้”
“ถ้าอย่างนั้นเขาก็รักแฟนมากว่าแม่ เขาจงใจจะเลือกหอมน้ำ ไม่ใช่เลือกคุณ”
หอมน้ำเม้มปาก นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ
เจคหว่านล้อมต่อ “คุณต้องสู้ คุณต้องอยู่ในร่างหอมน้ำต่อไป เพื่อให้ทั้งลูกและสามีรู้ว่า คุณรักพวกเขามากแค่ไหน คุณต้องสู้เพื่อความมีตัวตนของคุณ อย่ายอมกลับไปอยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดายเหมือนที่ผ่านมา...จำได้ใช่ไหมว่ามันเศร้า เหงา และอ้างว้างแค่ไหน”
หอมน้ำสะอื้น “กัลจำได้ จำได้ไม่มีวันลืม”
“ถ้าอย่างนั้น คุณต้องสู้ ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณต้องเดียวดายอย่างนั้นอีก”
หอมน้ำก้มหน้าลง เช็ดน้ำตา
ฝ่ายบุรีถอนใจกลัดกลุ้ม สีหน้ากังวลชัดแจ้ง ทันทีที่ฟังศวัสซึ่งเพิ่งกลับมาถึงบ้าน เล่าจบลง
“แสดงว่า เจคต้องรู้ว่าหอมน้ำอยู่ที่ไหน”
“ผมนี่โง่จริงๆ”
“ลูกมัวแต่ห่วงหอมน้ำจนลืมคิดให้รอบคอบต่างหาก”
“แล้วนี่เราจะไปตามหาหอมน้ำได้ที่ไหน”
“เจคคงระวังตัวอย่างดี”
“ผมไม่มีวันยอมแพ้หรอก” สีหน้าศวัสแน่วนิ่งมั่นคง
ฟากขวัญอนงค์เดินเข้ามาในบริเวณที่จอดรถคอนโด ซึ่งไฟดับไปหลายดวง สาวใหญ่บ่นอย่างอารมณ์เสีย
“เมื่อไหร่จะมาเปลี่ยนหลอดไฟเสียที แจ้งไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
ขณะกดรีโมทประตูรถ แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นใครคนหนึ่งก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างรถ
“นั่นใครน่ะ”
พอใครคนนั้นเงยหน้าขึ้น ขวัญอนงค์ชะงักเหมือนรู้จักใครคนนั้นอย่างดี ถามไปว่า “มาทำอะไรที่นี่”
ขวัญอนงค์มองไปที่รถ พบว่าบริเวณข้างรถนั้นมีรอยถูกขีด
“เธอนี่เองที่มาขูดรถชั้น” พร้อมกับอ้าปากจะตะโกนให้คนช่วย ใครคนนั้นเอาเหล็กในมือที่สวมถุงมือ ฟาดไปที่หัวของขวัญอนงค์สุดแรง ขวัญอนงค์เจ็บจนร้องไม่ออก ร่างทรุดลงกองกับพื้น ใครคนนั้นทิ้งเหล็กลง แล้ววิ่งหนีไป
ด้านศวัสกำลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ด้วยท่าทางเคร่งเครียดกังวล มีเสียงเคาะประตูรัวดังพร้อมเสียงบุรี
“ศวัส เปิดประตูหน่อย”
ศวัสรีบเดินไปเปิดประตู บุรีมีสีหน้าท่าทางเหมือนช็อกอยู่ ศวัสยังไม่ทันจะถาม
“ขวัญถูกทำร้าย อาการสาหัส ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนพ่อหน่อย”
“ได้ครับ ผมขอเปลี่ยนเสื้อแป๊บเดียว”
เช้าวันถัดมา หอมน้ำเดินดูข้าวของในร้านค้าตรงบริเวณหน้าคอนโดเจค แล้วพาตัวเองมาหยุดที่หน้าแผงขายหนังสือพิมพ์ ขณะกำลังจะเดินผ่านไป ก็ต้องหันกลับมามองอีกที รูปในหน้า 1 หนังสือพิมพ์ทุกฉบับเป็นภาพขวัญอนงค์กำลังถูกนำตัวไปโรงพยาบาลในสภาพหมดสติ เลือดเปื้อนไปหมด
หอมน้ำมองภาพนั้นนิ่งๆ ครู่หนึ่ง แล้วเดินเข้าคอนโดไป
เจคกำลังจัดอาหารเช้าอยู่ ขณะที่หอมน้ำเดินเข้ามา
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะนี่”
“สักพักเดียวเอง มากินอะไรกันก่อนเถอะ”
หอมน้ำทรุดตัวลงนั่ง แล้วหยิบหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่าน เจคลอบมองเงียบๆ
หอมน้ำลุกขึ้น “เดี๋ยวกัลมา”
“คุณจะไปไหน”
“ไปบ้าน”
“คุณจะไปทำไมให้มันช้ำใจ”
หอมน้ำเดินไปที่ประตู แต่เจคจับแขนเอาไว้
“ผมจะไม่ยอมดูคุณมานั่งร้องห่มร้องไห้เสียใจอีก”
“ปล่อย”
“ฟังนะ กัล ในเมื่อเขาไม่รักคุณ ก็ปล่อยเขาไป คุณยังมีผมอยู่ทั้งคน”
หอมน้ำชะงัก “เจค”
“ผมรักคุณ รักมาตั้งแต่ได้เห็นครั้งแรก แต่ก็พยายามทำใจเพราะคุณมีสามี มีลูกแล้ว รู้ไหมว่าตอนที่คุณตาย ผมเสียใจที่สุด ผมกล้าพูดได้ว่าผมเสียใจไม่น้อยไปกว่าสามีคุณ”
“ขอบคุณค่ะเจค กัลซาบซึ้งในความจริงใจที่คุณมีให้กัลเสมอมา แต่กัลป์ให้คุณได้แค่ความเป็นเพื่อน”
“ผมไม่ต้องการเป็นเพื่อนคุณ คุณมีชีวิตใหม่แล้ว บุรีเองเขาก็กำลังจะมีชีวิตใหม่”
“ไม่ นังขวัญอนงค์มันอาจจะตาย เขาจะกลับมาหากัล”
เจคพยายามโน้มน้าว “แล้วถ้าไม่ตายละ เชื่อผมเถอะ กัลยา ทั้งลูกทั้งสามีคุณเขาหมดเยื่อหมดใยในตัวคุณมานานแล้ว แต่ผมยังรักและต้องการคุณเสมอ ผมจะไม่มีวันทำให้คุณเสียใจ”
หอมน้ำพยายามดึงแขนออก “ปล่อยนะ กัลจะรีบไป”
“ผมไม่มีวันปล่อยคุณไปอีกแล้ว”
เจคกระชากตัวหอมน้ำเข้ามากอด พยายามปลุกปล้ำ หอมน้ำสู้เต็มที่ แต่ในที่สุดเจคก็ลากหอมน้ำเข้าไปในห้องนอน แล้วเหวี่ยงไปบนเตียงเหมือนคนบ้า หอมน้ำฟุบหน้าอยู่อย่างนั้นเหมือนหมดฤทธิ์
เจคยิ้มอย่างย่ามใจเดินมานั่งข้างๆ ก้มหน้าลง พลิกตัวหอมน้ำขึ้นมา
“กัลยา” เจคผงะร้องลั่น เมื่อเห็นหน้าหอมน้ำเต็มตา
ใบหน้าหอมน้ำกลายเป็นใบหน้าพุธกันยา สภาพเขียวคล้ำเป็นผีเต็มที่ นัยน์ตาเป็นสีดำของปีศาจร้าย
“ผี...ผีหลอก” เจคร้องลั่น
พุธกันยาลุกขึ้นช้าๆ ตรงมาที่เจคซึ่งปิดตาคลานหนีอย่างลนลาน
“ไป ไปให้พ้น ผมกลัวแล้ว กลัวแล้ว”
“ไหนว่ารักชั้นมากไงล่ะ” พุธกันยาเดินไล่ไปช้าๆ จนเจคไปจนมุม “ผู้ชายเหมือนกันทั้งนั้น บอกว่าจะรักไปจนชั่วชีวิต ที่แท้ก็ชั่วชีวิตของผู้หญิงเท่านั้นเอง”
เจคยังคงหวาดกลัวเหมือนคนบ้า
ทางด้านเอิงกับวดี อยู่ที่คอนโด สองป้าหลานกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ข่าวเรื่องขวัญอนงค์ด้วยสีหน้าตกใจ
“ต๊าย ยังดีนะคะที่มันแค่ทำร้าย ไม่ได้ข่มขืน”
“กล้องวงจรปิดตรงนั้นก็เสียซะด้วย เลยไม่เห็นว่าผู้ร้ายเป็นใคร” วดีว่า
“ป้าว่าใครทำร้ายอาขวัญคะ”
“ชั้นจะไปรู้เรอะ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วดีหยิบขึ้นมารับ “ว่าไง ลิซซี่” แล้วผุดลุกขึ้น สีหน้าช็อกสุดขีด “อะไรนะ”
วดีวางโทรศัพท์ลง สีหน้าแววตายังช็อกอยู่อย่างนั้น
เอิงถามอย่างปลกใจ “ป้า ป้าเป็นอะไรคะ หน้าซีดเหมือนผีเลย”
“ไฟไหม้”
“โธ่ เอ๊ย” เอิงชะงักกึก เกิดสังหรณ์ขึ้นมา “ไหม้ที่ไหนคะ”
“บริษัท ไหม้หมดเลย” วดีร้องไห้โฮ “ชั้นหมดตัวแล้ว หมดตัวแล้ว”
เอิงตกตะลึงเช่นเดียวกัน
วดีสะอึกสะอื้น แล้วคว้ากระเป๋ารีบตรงไปที่ประตู ในขณะที่เอิงร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายอยู่อย่างนั้น
รถแท็กซี่แล่นมาจอดหน้าบ้านศวัส หอมน้ำก้าวลงมา แล้วเดินไปกดกริ่ง คนสวนเดินมาดู พอเห็นว่าเป็นใครก็เปิดประตูให้ หอมน้ำไม่พูดไม่จารีบตรงไปที่ตัวบ้านทันที คนสวนมองตามท่าทางนั้นอย่างแปลกใจ
หอมน้ำที่ถูกพุธกันยาสิงเดินเข้ามาในบ้าน ตรงดิ่งไปที่บันได
แจ่มเดินเข้ามาพอดี มองอย่างแปลกใจ “น้องหอม จะไปไหนคะ”
หอมน้ำหันกลับมา สีหน้าและแววตาไม่ยิ้มแย้มเป็นมิตรเหมือนหอมน้ำคนเดิม
“ไปหาบุรี”
แจ่มยิ่งแปลกใจหนัก “แต่...”
แจ่มนิ่งไปเมื่อเห็นบุรีเดินลงมา ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“จะทำอะไรก็ไปทำ”
แจ่มรับคำเบาๆ แล้วออกไป
“จะไปไหนแต่เช้า”
“ไปเยี่ยมขวัญ”
สีหน้าและแววตาหอมน้ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“เขาฟื้นหรือยัง”
บุรีมองหอมน้ำเขม็ง “คุณทำร้ายเขาหรือเปล่า”
หอมน้ำตกใจ “พี่บุรี”
“มันแปลกที่ขวัญถูกทำร้ายหลังมีเรื่องกับคุณ ไม่ใช่ซิ คุณมีเรื่องกับเขามากกว่า”
“กัลป์ไม่เกี่ยว” หอมน้ำน้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวด
“ถ้าคุณโกรธที่ผมจะแต่งงานกับขวัญ คุณก็ควรทำร้ายผม ไม่ใช่ขวัญ เพราะผมเป็นคนขอเขาแต่งงาน”
หอมน้ำน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวดสุดจะประมาณ
“หมดธุระของคุณแล้วใช่ไหม ผมจะต้องรีบไปเยี่ยมขวัญ”
หอมน้ำยืนร้องไห้เงียบๆ อยู่ บุรีเดินผ่านหอมน้ำไป
“เขาฟื้นหรือยังคะ”
“ยัง” บุรีหยุดหันมา “ถ้าฟื้นขึ้นมาเขาคงบอกผมได้ว่าใครทำร้ายเขา หอมน้ำจะต้องเดือดร้อน เห็นหรือยังว่า คุณกลับมาทำให้คนอื่นวุ่นวายเดือดร้อนแค่ไหน”
“กัล...”
บุรีขัดขึ้น “นี่ผมก็พยายามคิดบวกว่า ที่ไฟไหม้บริษัทของวดีน่ะเป็นฝีมือของคนอื่น ไม่ใช่คุณ”
“คุณคิดว่ากัลเลวร้ายถึงขนาดนั้นเชียวหรือคะ”
“เรื่องนี้คุณเองต้องรู้ดีกว่าใครๆ”
บุรีเดินออกไปอย่างสิ้นเยื่อใย หอมน้ำทรุดลงร้องไห้สะอึกสะอื้น
“นี่ชั้นกลับมาทำไม กลับมาทำไม”
บุรีขับรถมาตามท้องถนนในยามเช้า รถแล่นมาเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม บุรีหยิบโทรศัพท์จะโทร.ออก แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อน
บุรีร้อนใจ “ว่าไงลูก ขวัญอนงค์เป็นอะไรหรือเปล่า”
น้ำเสียงศวัสที่บอกมาจากปลายสาย ตื่นเต้นมาก “อาขวัญฟื้นแล้วครับ”
สีหน้าบุรีทั้งโล่งใจทั้งดีใจ
“อาขวัญบอกด้วยว่าใครเป็นคนทำร้ายเธอ” ศวัสบอก
“ใคร” บุรีถามอย่างร้อนใจ
เยาวภามองแจ่มอย่างแปลกใจเมื่อได้ฟังว่าพิไลมาที่บ้าน
“เขามาทำไม ไม่เห็นเกี่ยวอะไรเลย”
“เห็นบอกว่า ทำแกงรัญจวนมาให้คุณผู้ชายกับคุณหมอค่ะ”
“เดี๋ยวคนโน้นมา เดี๋ยวคนนี้มา ไม่รู้จะขนกันมาทำไม
เยาวภาบ่นบ้าขณะเดินออกไป แล้วนึกได้หันมาหาแจ่ม
“ไปปอกกระเทียมเตรียมไว้ เดี๋ยวชั้นจะไปทำกับข้าว”
“ค่ะ”
ขณะเดียวกันพิไลก้มลงกราบโกศกระดูก พุธกันยา ปานรัมภา ด้วยน้ำตา โดยมีพุธกันยาในร่างหอมน้ำเป็นคนพาขึ้นมา
“ชั้นทำหน้าที่แฟนคลับที่ดีของคุณแล้วนะคะ” แล้วหันมามองหอมน้ำ “ขอบใจนะหนู”
“ค่ะ”
“หนูเข้านอกออกในที่นี่ยังกับเป็นบ้านของตัวเองเชียวนะ”
“คุณลุงกับคุณหมอท่านเมตตาหนูมากค่ะ”
ขณะพูด ทั้งสองลุกเดินไปที่ประตู แล้วออกไป
ด้านบุรีกำลังรีบขับรถกลับบ้านอย่างร้อนรนใจ เหลือบมองโทรศัพท์และโทร.ออกทันที
อีกฟาก ทั้งสองคนลงบันมาได้ 2-3 ขั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หอมน้ำหยุดเดิน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พิไลซึ่งอยู่ขั้นสูงไปขึ้นไป ยกมือผลักหอมน้ำเต็มแรง หอมน้ำกรีดร้อง กลิ้งหลุนๆ ตกบันไดมาเต็มแรง
เยาวภาเดินมาพอดี ร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“หอมน้ำ”
มีเสียงหัวเราะดังขึ้นจากหัวบันได เยาวภาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นพิไลก้าวลงมา ด้วยสีหน้าและเสียงหัวเราะเหมือนคนบ้า ขณะที่แจ่มวิ่งเข้ามา แล้วมองภาพนั้นอย่างตกใจ
พุธกันยากลิ้งออกมาจากตัวหอมน้ำ แล้วก้มมองทั้งร่างหอมน้ำ และมองตัวเอง
“วันนี้วันเกิดพุธกันยา แต่ไม่มีใครจำได้ นอกจากชั้นคนเดียว”
แจ่มทรุดตัวลงประคองหอมน้ำซึ่งครางเบาๆ ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงมองจ้องพิไลกันเป็นตาเดียว
“ชั้นได้มอบของขวัญแสนพิเศษให้กับพุธกันยา โดยจัดการศัตรูทุกคนของเธอ นังขวัญอนงค์แย่งผัว นังเพลินพิศเกาะกระแสเธอดัง นังวดีทำลายชีวิตเธอ และนังเด็กนี่ชอบแอบอ้างมาเอาผลประโยชน์จากลูกและสามีของเธอ”
“พิไล” พุธกันยาเรียก แต่ไม่มีใครได้ยิน
พิไลหันมาทางเยาวภา “ทีนี้ก็เหลือแก”
พิไลเอามีดที่ซ่อนไว้ในเสื้อออกมา เยาวภากับแจ่มร้องลั่น
“ตายเสียเถอะ นังเยาวภา”
พิไลก้าวลงมาอย่างรวดเร็ว พุธกันยาพยายามคว้าแขนไว้แต่ก็วืดเพราะเป็นเพียงวิญญาณ
“อย่า”
เยาวภาวิ่งหนีตายหัวซุกหัวซุน พิไลไล่ตาม แต่เท้าพิไลสะดุดร่างหอมน้ำซึ่งนอนไม่ได้สติล้มลง พิไลร้องลั่น เมื่อล้มทับมีดที่ถือไว้พอดิบพอดี ทุกคนกรีดร้องด้วยความตกใจถึงขีดสุด
บุรีวิ่งเข้ามาในนั้น ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
ทุกคนช็อกสุดขีดเมื่อรู้ว่าเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ในกองถ่ายหนัง จวบจนวันนี้ ล้วนเป็นฝีมือของ พิไล นี่เอง
หลายวันต่อมา จดหมายหลายฉบับ เขียนด้วยลายมือพุธกันยาอยู่ในมือหอมน้ำ ซึ่งนั่งอยู่ในซุ้มพุดซ้อนนั้น
พุธกันยาตอบจดหมายฉบับแรกว่า “ขอบใจจ้ะ ที่ติดตามผลงานพี่มาตลอด พี่เองก็ต้องขอเป็นกำลังใจให้น้องพิไลเช่นกันนะจ๊ะ ขอให้น้องสอบติดพยาบาลอย่างที่ตั้งใจไว้”
หอมน้ำหยิบจดหมายฉบับที่ 2 มาอ่านต่อ
“พี่เสียใจด้วยนะจ๊ะที่น้องพิไลสอบไม่ติด แต่ชีวิตก็ยังมีทางเลือกอื่น ขอให้น้องได้ที่เรียนในเร็ววันจ้ะ”
ตามด้วยจดหมายฉบับที่ 3
“ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนไม่รักลูกหรอกพิไล มองในแง่ดีที่คุณพ่อดุบ่อยๆ เพราะท่านห่วงเราเป็นพิเศษ”
และจดหมายฉบับที่ 4 พุธกันยาตอบไปว่า
“ยอมรับว่าพี่ตกใจมากเรื่องที่น้องพิไลเขียนมาเล่าว่า ถูกไล่ออกจากโรงเรียน อันที่จริงเวลามีปัญหา เราควรใจเย็น การใช้กำลังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีเลย แต่ยังไงเรื่องก็ผ่านไปแล้ว ขอให้น้องพิไลจำเรื่องนี้เป็นบทเรียนนะจ๊ะ...”
หอมน้ำกำลังจะอ่านจดหมายฉบับที่ 4 ต่อ แต่เสียงศวัสดังขึ้นก่อน
“เธออ่านจดหมายพวกนี้ตั้งหลายครั้งแล้วนะ”
หอมน้ำเงยหน้าขึ้น เห็นศวัสเดินเข้ามา
“อ่านแล้วทำให้หอมรู้จักตัวตนคุณแม่คุณหมอมากขึ้นน่ะค่ะ ท่านเป็นคนจิตใจดี คอยให้กำลังใจทุกคนอยู่เสมอ ไม่เคยทอดทิ้งแฟนคลับ ฉบับหลังๆ นี่ ท่านแนะนำให้ป้าพิไลไปขายอาหาร แถมยังแนะนำให้มาเป็นแม่ครัวประจำกองถ่ายด้วย เพราะป้าพิไลทำกับข้าวอร่อย”
“แต่ท่านก็เกือบทำให้เธอตาย” ศวัสแย้ง
“เป็นเพราะความรักต่างหากค่ะ ความรักที่ท่านมีต่อคุณหมอแล้วก็คุณลุง ได้กลายเป็นสายใยผูกพันมัดท่านไว้ไม่ยอมไปผุดไปเกิด ที่สำคัญ ท่านอยากบอกคนที่ท่านรักว่าท่านไม่ได้ฆ่าตัวตาย”
“เดี๋ยวนี้พูดเก่งขึ้นเยอะนะเรา”
“เหตุการณ์ทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาทำให้หอมโตขึ้น เข้าใจอะไรต่ออะไรได้มากขึ้น”
“รวมทั้งชั้นด้วยหรือเปล่า” หอมน้ำอายใหญ่ “อีกไม่กี่เดือนก็จะรับปริญญาแล้ว หลังจากนั้นเราจะแต่งงานกันเลยนะ”
“อุ๊ย! เร็วไปค่ะ คุณหมอไม่อยากฟังเรื่องที่หอมฝันถึงคุณแม่คุณหมอตอนที่ไม่ได้สติอยู่หรือคะ”
“อยากฟังซิ เล่าจบแล้วจะให้รางวัล”
หอมน้ำถอนใจยาว ผินหน้าไปมองดอกพุดซ้อนที่กำลังออกดอกสะพรั่ง
หอมน้ำเล่าว่า ขณะที่เธอเดินหลงทางท่ามกลางไอหมอก ที่ใดที่หนึ่ง
ได้ยินเสียงศวัสเรียก เสียงเหมือนดังมาจากที่ไกลๆ “หอมน้ำ...อยู่กับฉันนะ...อย่าหนีไปไหน”
หอมน้ำร้องเรียกหา เสียงสะท้อนก้องไปมา “คุณหมอ...คุณหมออยู่ที่ไหนคะ”
เสียงศวัสกดังมาอีกว่า “หอมน้ำ...อย่าทิ้งฉันไป...ฉันรักเธอ”
“คุณหมอ...คุณหมออยู่ที่ไหนคะ”
เสียงพุธกันยาดังขึ้น “หอมน้ำ”
หอมน้ำชะงัก หันไปตามเสียง เห็นพุธกันยาในชุดหวานพลิ้วสวยงามยืนอยู่
หอมน้ำพึมพำออกมา “คุณพุธ”
“ฉันตามหาเธอตั้งนาน...ในที่สุดก็เจอ”
“หอมอยู่ที่ไหนคะ...ได้ยินเสียงคุณหมอเรียกไกลๆ”
“ที่นี่เป็นที่ที่คนตายเขามากันจ้ะ”
หอมน้ำสะดุ้ง “หมายความว่า หอม หอมตายแล้วหรือคะ”
“ยังจ้ะ ฉันจะมาพาเธอกลับไป ศวัสเขาเป็นห่วงเธอมาก พ่อแม่เธอเพื่อนของเธอ ทุกคนต่างก็เป็นห่วงเธอ ตามฉันมาซิ”
พุธกันยาเดินเหมือนลอยพลิ้วไป มีหอมน้ำตามไปช้าๆ
แลเห็นแสงเงินแสงทองสว่างไสวอยู่ลิบๆ พุธกันยาพาหอมน้ำเดินมาตามทางเดินสว่างไสวหยุดยืนมอง
“โน่นไง”
หอมน้ำหันมามองพุธกันยาโดยไม่ไว้ใจนัก “คุณหลอกหอมหรือเปล่า คุณจะส่งหอมไปสัมปรายภพ เพื่อจะได้ไปสิงร่างหอมแทน”
พุธกันยาสลดหดหู่ใจ “ฉันขอโทษในทุกสิ่งที่ผ่านมา ฉันผิดที่ยอมให้ความรัก..โลภ..โกรธ...หลง มาอยู่เหนือความรู้สึกผิดชอบชั่วดี...เวลานี้ฉันทำใจได้แล้วเวลาของฉันที่จะอยู่กับลูกและสามีหมดไปแล้วจริงๆ”
หอมน้ำมีสีหน้าอ่อนโยนลง
พุธกันยาน้ำตาคลอ “ฝากบอกพี่บุรีกับศวัสด้วยว่า ฉันจะรักเขาทั้งสองคนตลอดไป แต่ความรักของฉันจะไม่ทำลายใครอีกต่อไปแล้ว ขอให้ทั้งสองคนใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปอย่างมีความสุข”
“หอมก็มั่นใจว่า ทั้งคุณลุงแล้วก็คุณหมอจะรักและคิดถึงคุณพุธตลอดไปเช่นเดียวกันค่ะ”
พุธกันยาสูดลมหายใจยาว “สบายใจจัง ฉันสามารถปลดพันธนาการได้แล้วจำไว้นะหอมน้ำ ความรักคือการให้อภัย และการแบ่งปันกัน...ไม่ใช่การครอบครองหรือเป็นเจ้าของ” พุธกันยาเว้นไปนิดหนึ่ง แล้วยิ้มออกมาอย่างมีเมตตา ใบหน้านั้นสว่างไสว “แม่ขออวยพรให้ลูกทั้งสองคนจงโชคดี”
หอมน้ำทำหน้าประหลาดใจ
“ไปเถอะ...ความสุขความสมหวังรอลูกอยู่ข้างหน้าแล้ว”
หอมน้ำตัดสินใจเดินไปยังแสงนั้น พุธกันยามองตาม น้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความสุข
หอมน้ำเดินไปอย่างมั่นใจ มีสายตาพุธกันยามองตามอย่างเอาใจช่วย ในที่สุดหอมน้ำเดินไปถึงแสงสว่างรุ่งเรืองสดใสนั้น ก่อนจะหันกลับมา พุธกันยายิ้มให้ แล้วร่างค่อยๆ กลายเป็นกลีบพุดซ้อนสวยงามหลายๆ กลีบสีขาวสะอ้านถูกลมพัดพากระจายหายไป บ่งบอกถึงความเป็นอิสระจากการ พันธกานต์ ผูกมัดทั้งหลายทั้งปวง
หอมน้ำเหลียวหน้ากลับมา สูดลมหายใจยาว แล้วเดินเข้าไปตามทางเดินนั้น
เมื่อเล่าจบลง หอมน้ำยังคงน้ำตารื้นอยู่อย่างนั้น
“คุณพุธกันยาเธอเป็นอิสระไปแล้ว หอมเชื่อว่า เธอต้องมีความสุขในสัมปรายภพ หรือที่ใดก็ตามซึ่งเธอเลือกจะไป”
“เราต่างคนต่างมีความผิดที่พยายามยืดกันและกันไว้...”
นัยน์ตาหอมน้ำเป็นประกายพราวพร่างขึ้นมาอีก “ถ้าอย่างนั้น เราควรจะแยกกันดีกว่านะคะ”
ศวัสโอบหอมน้ำไว้อย่างรวดเร็ว “ไม่ได้! เธอยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
หอมน้ำตกใจชะเง้อมองไปรอบๆ “เดี๋ยวใครมาเห็นค่ะ”
“ไม่มีใครสนใจเราหรอก”
ศวัสก้มลงจูบหน้าผากหอมน้ำโดยเร็ว ด้วยความเอ็นดูรักใคร่
โดยไม่รู้ว่า วันทนากำลังส่องกล้องมองมาจากหน้าต่างบ้านกนกรัตน์อย่างสนใจ
วันเวลาผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง
เช้าวันสำคัญวันนี้ ภายในครัวบ้านศวัสคึกคักวุ่นวายกันอยู่โดยภายในนั้น เห็น แจ่ม เขน หอมน้ำ และวันทนา กำลังช่วยกันลำเลียงของที่เยาวภาจัดเตรียมเพื่อใส่บาตรออกไป โดยทุกคนแต่งตัวสวยงาม ในชุดไทยกลายๆ นุ่งผ้าซิ่นและสวมเลื้อลูกไม้ แต่ละคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
วันทนากำกับเขนและแจ่ม “ยกดีๆกันนะ ระวังตก”
สักพักหนึ่งแล้วศวัสเดินเข้ามา มองไปที่หอมน้ำโดยตรง “หอมน้ำ”
หอมน้ำหันมามอง สีหน้าแววตาเก้อกระดากขึ้นมาทันที ทุกคนอมยิ้มมอง โดยเฉพาะเยาวภาสะกิดวันทนา แล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์กัน ส่วนเขนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ กระแอมกระไอ
ศวัสยังวางมาดขรึมเช่นเดิม “เชิญทางนี้หน่อย”
หอมน้ำทำหน้าเก้อๆ เดินตามศวัสไป โดยมีคนอื่นๆ แกล้งส่งเสียงกระแอมกระไอแซวไล่หลังไป
วันทนายิ้มระรื่น “น่ารักจัง ความจริงน่าจะแต่งพร้อมกันทั้งพ่อทั้งลูก 2 คู่เลยนะ”
“ไม่ได้ พ่อเกิดก่อน ก็ต้องแต่งก่อน” เยาวภาว่า
“แจ่มดีใจจังเลยค่ะ” คนอื่นๆ หันมามอง “ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น คุณแม่บ้านเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
“เอ้า ทุกคนถ่ายรูปหน่อย” เขนร้องบอก
ทุกคนถ่ายรูปกัน วันทนาส่งกล้องของตัวเองให้เขน “หนูเขนถ่ายให้ป้าด้วย จะส่งไปให้คุณหนกดู”
เขนรับกล้องมาถ่ายรูปกัน บรรยากาศสนุกสนาน
ศวัสจูงหอมน้ำมายืนมองตรงหน้ารูปใหญ่ของพุธกันยาบริเวณโถงบันได
“อะไรหรือคะ”
“หลับตาก่อน”
ขณะหอมน้ำหลับตาลงนั้น ศวัสหยิบกล่องเครื่องประดับที่เตรียมไว้ขึ้นมา แล้วเปิดออก ภายในกล่องเป็นสร้อยไข่มุกเส้นสวย น้ำงาม ศวัสหยิบสร้อยนั้นสวมให้หอมน้ำอย่างเบามือ หอมน้ำรีบลืมตาขึ้น
“ยังไม่ได้บอกให้ลืมตาเลย” ศวัสเอ็ดเอา
หอมน้ำจับสร้อย “คุณหมอให้หอมหรือคะ”
ศวัสพยักหน้า “ความจริงจะว่าชั้นให้ก็ไม่ถูก ต้องบอกว่าคุณแม่ให้”
“คุณพุธ”
“ต้องเรียกว่า...คุณแม่”
“ค่ะ คุณแม่ไม่เห็นเคยบอกเลยว่าจะให้หอม เอ๊ะ! มุกหายไปเม็ดนึงนี่คะ”
“ใช่ ก็ไอ้เม็ดที่เธอเล่าว่ากระเด็นเข้าปากเธอไง หลังจากที่เธอเล่าชั้นมาเปิดกล่องดู ถึงได้รู้ว่าต้องเป็นที่หายไปแน่”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับที่คุณพุธ เอ๊ย คุณแม่ให้หอมเลย”
“เกี่ยวซิ ถ้าไม่เกี่ยว คุณแม่จะทำให้กระเด็นเข้าปากเธอทำไม” เขาเว้นไปนิด ก่อนจะถามเสียงนุ่ม “ชอบไหม”
“ชอบมากค่ะ”
“วันนี้ใส่ไปก่อน แล้วชั้นจะหาเม็ดใหม่ใส่ให้ครบ”
หอมน้ำพนมมือไหว้ “ขอบคุณมากค่ะ”
“ขอบคุณให้ดีๆ หน่อยซิ”
หอมน้ำเขินอาย ศวัสโอบร่างเธอมากอดด้วยความรักและเอ็นดู
ภาพพุธกันยามองมา ราวกับจะให้พรลูกชายและคนรัก
พระเดินเข้าแถวรับอาหารและจัตตุปัจจัยจากบุรีกับขวัญอนงค์ ซึ่งต่างมีสีหน้าอิ่มเอิบ ในพิธีแต่งงานอันเรียบง่ายงดงามนั้น บรรดาผู้ร่วมงานแต่ละคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อิ่มสุขไปด้วยกับบ่าวสาวลายคราม
ศวัสสบตาหอมน้ำบ่อยครั้งด้วยความรัก แน่ละ สองคนวาดหวังว่าจะถึงวันแห่งความสุขของตนเองบ้าง
บุรีกับขวัญอนงค์ใส่บาตรอย่างสำรวม เป็นภาพแห่งความสุขที่ทุกคนไม่มีวันลืม
งานเลี้ยงตอนค่ำจัดขึ้นในบริเวณสนามหน้าหน้าตึก แลเห็นโคมไฟโคมใหญ่ เหมือนที่จุดโคมลอย หลากสี ห้อยลงมาจากกิ่งไม้ทุกต้น ซึ่งมีโต๊ะตั้งอยู่เป็นจุดๆ ยังมีไฟดวงเล็กๆ ระยิบระยับพันไว้ตามกิ่งไม้ แต่ละคนในบริเวณนั้นพูดคุยกัน หัวเราะหัวใคร่กันอย่างสนุกสนานเต็มที่
มีโต๊ะยาว วางภาชนะใส่อาหารหลากหลายเมนู ราวกับบุฟเฟ่ต์ตามโรงแรมห้าดาว อยู่ตรงมุมหนึ่ง รวมทั้งของหวานและผลไม้ มีคนมาตักมาเติมเป็นระยะ
ศวัสนั้นไม่ยอมห่างหอมน้ำเลย ในขณะที่บุรีกับขวัญอนงค์ทักทายถ่ายรูปกันกับแขกในงานอย่างทั่วถึง
ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกันอยู่นั้น โค้ก อุมา และฟ้า เดินเข้ามา ทุกคนมีกล่องของขวัญ โดยโค้กถือมา 2 กล่อง
เขนสะกิดหอมน้ำให้หันมามอง หอมน้ำมองตาม เห็นบุรีกับขวัญอนงค์เดินตรงมา โค้กส่งของขวัญให้บ่าวสาว
“ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณบุรี อาขวัญ พวกเราขอให้อาขวัญกับคุณบุรีมีความสุขตลอดไป”
ฟ้าชี้อีกกล่อง “กล่องนี้ของทับทิมค่ะ พอดีเขาต้องไปถ่ายละครที่ฮ่องกง”
“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณทุกๆ คน พอดีอาจัดงานเงียบๆ ไม่ได้เชิญใคร” ขวัญอนงค์ยิ้มชื่น
“ไม่เชิญก็ต้องมาค่ะ” อุมาว่า
“ได้ข่าวว่าไปอยู่ที่ดีด้ากันหรือ” ขวัญอนงค์ทัก
สามคนรับ “ค่ะ” / “ครับ” พร้อมกัน
“ตั้งแต่คุณเจคแกเจ็บหนัก ทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันไปหมด” โค้กบอก
“นั่นซิ อะไรๆ มันก็ไม่แน่” ขวัญอนงค์ว่าอย่างปล่อยปลง
“อ้าว! อย่าเพิ่งปลงซิคุณ เชิญทุกคนรับประทานอาหารกันครับ ตามสบายนะครับ” บุรียิ้มบอก
สามคนขอบคุณแล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร ส่วนโค้กเดินไปหาหอมน้ำ
หอมน้ำไหว้ “สวัสดีค่ะ พี่โค้ก”
โค้กรับไหว้ “พี่มาขอโทษหอม”
“อย่าพูดถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วเลยค่ะ หอมลืมมันไปหมดแล้ว”
ศวัสเดินมาหาหอมน้ำ เขาโอบเอวเหมือนจะประกาศให้รู้ถึงความสัมพันธ์
โค้กก้มหัวให้นิดๆ “สบายดีหรือครับ คุณหมอ”
“สบายดีครับ คุณล่ะ”
“ก็ตามอัตภาพน่ะครับ” โค้กหันมาทางหอมน้ำ “พี่ไปรวมกลุ่มกับพวกนั้นก่อนนะ”
“ค่ะ”
โค้กก้มหัวนิดๆ ให้อีกที ศวัสก้มตอบนิดๆ เช่นกัน ต่างคนต่างไว้เชิง โค้กเดินไปรวมกลุ่มพรรคพวก
ศวัสมองตาม “ท่าทางเขาจะอาลัยอาวรณ์หอมน้ำมากเหมือนกันนะ”
“คุณหมอคิดมาก หอมไม่เห็นว่าเขาจะเป็นอย่างนั้นเลย”
“เธอไม่ได้สังเกตนี่ แต่ชั้นไม่ว่าอะไรหรอก ตราบใดที่เขาไม่มาเกาะแกะกับเธอ”
“ฮื้อ ไปหาพ่อกับแม่ดีกว่า”
หอมน้ำเดินไปยังโต๊ะโสภณ เกสร และเขน ทุกคนต่างชวนคุยและหัวเราะกันสนุกสนาน
หากมองจากเบื้องบนลงมายามนี้ จะเห็นบรรยากาศงานเลี้ยงฉลองแต่งงานเล็กๆ เป็นส่วนตัว แสงไฟนวลตาจากโคมแขวน และไฟดวงเล็กๆ ระยิบระยับที่ติดไว้ตามต้นไม้ แต่งเติมเสริมให้ทั่วบริเวณดูอบอุ่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
ห่างไปทางหลังบ้าน พุดซ้อนในซุ้มสวย ออกดอกสะพรั่งขาวสล้างกลางแสงจากโคมไฟ ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปกับสายลมเย็น ราวกับจะร่วมแสดงความยินกับคู่แต่งงาน
รวมทั้ง “ศวัส-หอมน้ำ” ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่ต่อไปของคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสายใยแห่งความรักและความผูกพันหลังนี้
จบบริบูรณ์