แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 13
บริษัทองศายังตกแต่งไม่เรียบร้อยดี มีช่างกำลังทำโน่นทำนี่อยู่ เป็นบริษัทขนาดเล็กที่ยังไม่สมบูรณ์
ในห้องทำงานของรุ้งลดา รุ้งลดากล่าวทักทายต้อนรับพนักงาน โดยรุ้งลดาทำตัวเหมือนเป็นเถ้าแก่เนี้ยสุดๆ
“ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่ โอเอ็นจี นะคะ ทุกคนคงรู้จักรุ้งดีแล้ว เพราะรุ้งเป็นคนคัดเลือก และสัมภาษณ์ทุกคนด้วยตัวรุ้งเอง”
ประตูบริษัทถูกเปิดเข้ามา พริบพราวค่อยๆเดินเข้ามามองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง แต่ก็ยังมั่นใจ
รุ้งลดาที่อยู่ในห้องพูดต่อ
“พี่องศายังไม่เข้า รุ้งเลยถือโอกาสกล่าวต้อนรับทุกคนก่อน เพื่อจะได้แยกย้ายกันไปทำงาน..ต่อไปนี้ขอให้ทุกคนทุ่มเททำงานให้เต็มที่นะคะ กลางวันนี้รุ้งเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว เพื่อเป็นการเลี้ยงต้อนรับทุกคน ขอบคุณค่ะ”
รุ้งลดายิ้ม พนักงานปรบมือ รุ้งลดารู้สึกดีมาก ทันใดนั้นรุ้งลดาก็ปรายตามาเห็นพริบพราวเดินอยู่ รุ้งลดาหุบยิ้มทันที แล้วก็มีแววตาร้าย รังสีอำมหิตแผ่ซ่าน
“รุ้งพูดจบแล้ว เชิญทุกคนไปทำงานได้ค่ะ”
รุ้งลดาพูดจบก็เดินพรวดออกไป ทุกคนงงๆ แล้วก็ทะยอยเดินออกไป
พริบพราวยังเดินสำรวจรอบๆ เสียงรุ้งลดาดังแหวกอากาศขึ้นมา
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
พริบพราวหันมาแล้วพยายามตอบอย่างสงบ “มาทำงาน”
รุ้งลดาสวน “ฉันไม่ให้ทำ”
รุ้งลดาหลุดพูดเสียงดังและโหดมาก พนักงานที่ทะยอยเดินออกมาหลายคนแอบมองด้วยความตกใจ รุ้งลดายังควบคุมอารณ์ไม่ได้
รุ้งลดาชี้ไปที่ประตู “มาทางไหน ไปทางนั้น ออกไป ที่นี่ไม่ต้อนรับ”
พริบพราวชะงักกึก คนทั้งบริษัทหันมามอง พริบพราวทำตัวไม่ถูกจึงดูน่าสงสารมาก
องศาพูดสวนขึ้น “แต่พี่ต้อนรับ”
องศาเดินเข้ามา รุ้งลดาหันไปเห็นก็อึ้ง องศาเดินเข้ามาหน้านิ่งๆ แล้วพูด
“พี่เป็นคนรับพริบพราวเข้าทำงานเอง” องศามองพริบพราว “เชิญครับ..ผมจัดห้องทำงานไว้ให้แล้ว เชิญครับ” องศาผายมือไปที่ห้องรุ้งลดา
“แต่นั่นเป็นห้องทำงานรุ้งนะคะ พี่องศาจะให้นังนี่มันมาทำงานห้องรุ้งไม่ได้”
องศาหันมาพูดเสียงเข้มแบบได้ยินกันแค่สองคน “อย่ามาขึ้นเสียงกับพี่ต่อหน้าคนอื่น” รุ้งลดามองไปรอบๆ ก็เห็นพนักงานใหม่แอบมองจึงเริ่มรู้สึก “มีอะไรค่อยคุยกัน” แล้วองศาก็ทำเสียงดังขึ้น “รุ้งชงกาแฟมาให้คุณพริบพราวด้วย” รุ้งลดาช๊อคและแค้น องศาผายมืออีกรอบ “เชิญครับ”
พริบพราวยิ้มรับนิดๆ “ค่ะ”
องศาเดินนำ พริบพราวเดินตาม รุ้งลดาแค้นใจแล้วก็หันมาทางพนักงานที่แอบมองอยู่ พอรุ้งลดาหันมาพนักงานก็หันหน้าหลบ รุ้งลดายิ่งแค้นใจหนัก
องศาเดินเข้ามาในห้องทำงาน พริบพราวเดินตามเข้ามา
“ผมยกห้องนี้ให้คุณ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มบอกผมได้โดยตรง” องศาบอก
พริบพราวมองสำรวจไปรอบๆ แบบไม่ได้ดีใจอะไร องศาพูดต่อ
“สำหรับเรื่องลูกค้าตอนนี้ผมมีบางส่วนที่เป็นลูกค้าธนาคารอยู่บ้าง พอรู้ว่าผมมาเปิดบริษัทซื้อขายหุ้นก็ตามกันมาเปิดพอร์ต แต่ก็ยังไม่พอ ผมต้องการลูกค้าเงินหนาๆ เทรดเยอะๆ อย่างลูกค้าของคุณพราวที่นารากร” องศายิ้มร้าย
“พราวทราบค่ะ แต่ตอนนี้คงยังไม่ได้ ถ้าลูกค้าไปปิดบัญชีกับนารากรแล้วย้ายมาเปิดบัญชีกับพราวที่นี่ พราวอาจจะโดนนารากรฟ้อง หรือ ร้องเรียนได้ว่าไม่มีจริยธรรมทางวิชาชีพ เพราะการดึงข้อมูลและดึงลูกค้ามาจากจากบริษัทเดิมแบบนี้มันผิดหลักการ”
รุ้งลดาวางแก้วกาแฟอย่างแรงจนแก้วเกือบแตกด้วยความแค้นใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นขนมเค้กชิ้นโตที่วางอยู่รวมกับขนมอาหารที่เตรียมไว้สำหรับกินตอนกลางวัน รุ้งลดาคิดแผนร้าย
องศาคิดหน้าเครียด พริบพราวรีบให้ความหวัง
“แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ พราวแอบๆคุยกับลูกค้าไว้แล้ว”
ที่หน้าห้อง รุ้งลดาเดินมาพร้อมกับกาแฟและขนมเค้กชิ้นใหญ่
“ทุกคนจะย้ายตามพราวมาแน่นอน และไม่ใช่แค่ลูกค้าพราวเท่านั้น ยังรวมไปถึงลูกค้าของพี่ศยาที่พราวเป็นคนดูแลอยู่ รับรองว่ามาแน่ แต่ต้องค่อยๆทะยอยมา จะได้ดูเนียนๆ พราวไม่อยากมีเรื่อง อีกอย่างบริษัทพี่องศาก็เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ต้องการชื่อเสียง และดูน่าเชื่อถือพราวไม่อยากให้มีข่าวไม่ดีออกไปค่ะ”
องศายิ้มพอใจแล้วจับไหล่พริบพราวแบบแฝงนัยยะ “รอบคอบแบบนี้ ผมชอบ” องศาจับไหล่แล้วลูบๆ
รุ้งลดามองด้วยความแค้น
พริบพราวค่อยๆเบี่ยงตัวหลบ
“พราวขอตัวทำงานก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรสงสัยจะไปถามอีกที”
องศาเสียดายที่พริบพราวยังไม่เคลิ้ม “โอเคครับ..เชิญตามสบาย” องศายิ้มหว่านเสน่ห์
พริบพราวยิ้มรับแต่คิดในใจว่า “ออกไปสักทีสิโว้ย”
รุ้งลดาเห็นพริบพราวกับองศายิ้มให้กันอย่างหวานหยดก็ยิ่งแค้นหนัก องศาหันหลังจะเดินออก รุ้งลดารีบเบี่ยงหลบ องศาเดินออกมาจากห้อง รุ้งลดาจิกตาร้าย
พริบพราวหันซ้ายหันขวาไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี พริบพราววางกระเป๋าและยืนอยู่ที่โต๊ะ รุ้งลดาเดินเข้ามาพร้อมกับกาแฟและขนมเค้ก รุ้งลดาปิดประตู พริบพราวหันมา บรรยากาศในห้องตึงเครียด
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรับงานนี้ แต่ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ อย่ามายุ่งกับพี่องศา”
พริบพราวส่ายหน้า “ถ้าจะมาพูดเรื่องนี้ ไม่ต้องเสียเวลาอ้าปาก ฉันไม่สนใจแฟนเธออยู่แล้ว บอกเค้าอย่ามายุ่งกับฉันก็พอ ฉันมาที่นี่เพื่อทำงาน ไม่มีเวลามาไร้สาระ”
พริบพราวหันหลังจะมานั่งที่เก้าอี้ รุ้งลดาจิกตาร้าย เธอมองแก้วกาแฟ แล้วก็หยิบขึ้นมาในวินาทีนั้นด้วยโทสะ รุ้งลดาเทกาแฟแก้วโตราดลงบนหัวพริบพราวทันที
พริบพราวตกใจ “เฮ้ย” พริบพราวหันขวับ
รุ้งลดาถือจานขนมเค้กรออยู่แล้วจึงแปะเค้กลงบนหน้าพริบพราวเต็มๆ พริบพราวช๊อค
รุ้งลดาวางจานลงบนโต๊ะอย่างแรง “นี่แค่เบาๆ..ฉันยังปราณีไม่เอาน้ำร้อนมาราด..เอาแค่น้ำอุ่น แต่ถ้าเธอไม่ทำตามที่พูด คิดจะมาเนียนแทงข้างหลังฉัน...เจอหนักกว่านี้แน่”
รุ้งลดาเดินเชิดออกไปเลย พริบพราวยืนอึ้งในสภาพหน้าเลอะไปด้วยเค้กและกาแฟ
รุ้งลดาเดินยิ้มออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พนักงานมองเข้าไปในห้องพริบพราวด้วยความงุนงง
พริบพราวเอามือปาดเค้กออกจากหน้า แว่บนั้นพริบพราวคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต
ภาพเหตุการณ์ในอดีตตอนที่เต้นรำแล้วแกล้งอวัศยาจนหน้าทิ่มขนมเค้กย้อนกลับมา
พริบพราวถอนหายใจ
“เฮ่อ...มันคงจะช่วงกรรมตามสนองสินะ”
พริบพราวถอนใจกับชีวิตของตัวเอง
อวัศยากำลังเตรียมชุดไปทำงาน เธอรื้อเสื้อผ้ามาเตรียมรีด แต่ปรายตาไปเห็นดอกไม้ของลิปดา วูบนั้นเธอก็คิดถึงลิปดาขึ้นมา อวัศยาเศร้าลง เสียงข้อความเข้าดังขึ้น อวัศยาหันไปหยิบโทรศัพท์มาดู
ที่หน้าจอก็เห็นว่า “ปราณนต์” ส่งไลน์มา อวัศยากดอ่าน
“สวัสดีตอนกลางวัน พี่ศยาทานข้าวหรือยังครับ ถ้ายังผมทานเผื่อนะครับ”
มีข้อความเข้ามาอีก เป็นรูปข้าวหนึ่งจาน เกาหลีเนื้อตุ๋น และหมูสะเต๊ะดูน่ากินมาก
อวัศยายิ้มแล้วพิมพ์กลับ
อวัศยาพูด “กินเยอะระวังอ้วน” อวัศยาชะงัก “บอกว่าอ้วนจะโกรธหรือเปล่า” อวัศยาคิดเยอะ “เอาใหม่ดีกว่า... “ยังไม่ได้ทานเลย ทานเผื่อด้วยนะ”
อวัศยาส่งไปแล้วก็ยิ้มๆ แต่เป็นยิ้มลักษณะที่ไม่แน่ใจว่ารู้สึกอะไรอยู่
ข้อความเข้าที่มือถือปราณนต์ ปราณนต์กดอ่านแล้วก็ยิ้มนิดๆ ซึ่งเป็นยิ้มแบบกังวลไม่ได้ยิ้มมีความสุขเหมือนตอนคบกับพริบพราว รุจน์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองด้วยความสงสัย
“นั่นแน่ มีถ่ายรูปอาหารส่งไลน์ อ่านข้อความแล้วยิ้ม ต้องเป็นหญิงแน่ๆ แฟนใหม่”
ปราณนต์พยักหน้ารับ “อือ”
“ใคร” รุจน์ยื่นหน้ามาเพราะอยากรู้
ปราณนต์อยากจะบอกแต่ก็ไม่กล้าพูด ชื่ออวัศยาติดอยู่ที่ริมฝีปากเพราะเขาพูดไม่ออก
“เอ่อ...”
รุจน์รอฟัง ทันใดนั้นแสนดีก็วิ่งพรวดพราดเข้ามา
“น้องณนต์ !! อยู่นี่เอง เกิดเรื่องแล้ว มีคนอยากจะคุยกับน้องณนต์ บอกว่ามีเรื่องด่วนจะคุยด้วย เรื่องเกี่ยวกับพริบพราว”
ปราณนต์สนใจและแปลกใจอย่างแรง
รุ้งลดายืนเผชิญหน้ากับปราณนต์ ทั้งสองคนยืนคุยกันที่มุมหนึ่งบริเวณทางเดินหน้าของบริษัทนารากร
“รุ้งขอพูดกับณนต์ตรงๆ ! อบรมแฟนตัวเองหน่อย ยัยพริบพราวนั่นน่ะ ไปบอกมันด้วยว่าอย่ามายุ่งกับพี่องศาของรุ้ง”
ปราณนต์งง ใจของเขาหายวาบและเจ็บจี๊ดแบบไม่รู้ตัว
“เกิดอะไรขึ้น พราวเค้าไปทำอะไร ทำไมถึงมาพูดแบบนี้”
รุจน์กับแสนดีแอบฟังอยู่ สักพักลิลลี่ พีระ และนิดาก็เดินมาสมทบ
ลิลลี่ถามเบาๆ “อะไร ๆ ทำอะไรกัน”
แสนดีจุ๊ปาก “ชู่ว เงียบๆ”
ลิลลี่รีบปิดปาก นิดากับพีระรีบมาแอบฟัง ตอนแรกลิลลี่มายืนข้างๆรุจน์ แต่พอได้กลิ่นตัวรุจน์เธอก็จะอาเจียนจึงรีบเดินหนีไปแอบฟังอีกมุม รุจน์มองงงๆ
รุ้งลดาโวยใส่
“ทำอะไร นี่ณนต์ไม่รู้จริงๆว่ามันทำอะไร ตอนนี้แฟนณนต์มันมาทำงานกับพี่องศา”
ชาวนารากรได้ยินเต็มสองหู ทุกคนตกใจ รันเดินมาทางด้านหลังของทุกคนพอดี
“แอบดูอะไรกัน”
ทุกคนทำเสียงให้เงียบ “ชู่ว”
รันผงะและรีบหุบปากก่อนจะไปแอบฟังด้วย
รุ้งลดาโวยวายต่อ ปราณนต์ฟังแล้วก็ใจเต้น เพราะทั้งโกรธ ทั้งไม่เข้าใจ
“มันประจบประแจงจนพี่องศายกห้องทำงานรุ้งให้มัน ตอนนี้รุ้งกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้ว มันคงแค้นที่รุ้งเคยเป็นแฟนณนต์ โอเคที่ผ่านมา รุ้งอาจจะมายุ่งกับณนต์บ้าง แต่เราจบกันไปตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่มันมาอาละวาดใส่รุ้ง แล้วตอนนี้มันจะต้องการอะไรอีก”
ปราณนต์พูดเสียงเครียด “ผมไม่รู้ ถ้ารุ้งอยากรู้ รุ้งก็ไปถามเค้าเอาเอง...ตอนนี้ผมกับพริบพราว เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”
รุ้งลดางง ปราณนต์พูดด้วยน้ำเสียงและสายตาเย็นชา
“เรื่องนี้..ผมจะไม่เข้าไปยุ่ง”
ปราณนต์หันหลังจะเดินไปแต่ในใจเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เขาทั้งโกรธและผิดหวัง ในใจเต็มไปด้วยคำถามไม่ต่างจากรุ้งลดา
รุ้งลดาตะโกนไล่หลัง “ถ้าณนต์ไม่ยุ่ง ณนต์จะต้องเสียใจ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจกว่าที่ณนต์คิด เค้าจะทำให้ณนต์และทุกคนในนารากรต้องเดือดร้อน”
ชาวนารากรตกใจ
ปราณนต์ชะงักแล้วหันมาทางรุ้งลดาด้วยความแปลกใจ
รุ้งลดาเชิดใส่ “จำคำพูดของรุ้งเอาไว้ก็แล้วกัน !! ถ้าณนต์ไม่ช่วยรุ้งหยุดผู้หญิงคนนั้น ณนต์ก็เตรียมรับความซวยได้เลย”
รุ้งลดาสะบัดหน้า เชิดใส่แล้วก็เดินไปเลย
ปราณนต์แปลกใจและคาใจแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพราะไม่อยากยุ่งกับพริบพราว
ชาวนารากรมองหน้ากันด้วยความสงสัย
ลิลลี่ แสนดี และนิดากรูกันเข้ามาในห้องแคนทีนด้วยอาการคันปาก พีระกับรุจน์ตามมา รันยืนฟังอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
ลิลลี่พูดไปดมยาดมไป “ไม่อยากจะเชื่อเลย ยัยพริบพราวเนี่ยนะไปทำงานกับคุณองศา นางไม่รู้หรือไงว่า เค้าอิจฉาบอสเรายังกะอะไรดี”
แสนดีงง “หะ จริงเหรอ ฉันนึกว่าเค้าเป็นพี่น้องที่รักกันซะอีก”
“โอ้ย บอสน่ะไม่ได้คิดอะไร แต่คุณองศาทั้งอิจฉา ทั้งชิงดีชิงเด่น บอสถึงไม่ค่อยอยากจะไปยุ่ง”
แสนดีอึ้งเพราะคิดถึงตอนที่องศาบอกให้ถ่ายเอกสารลูกค้าแวบขึ้นมา
“ถ้าผมให้คุณแสนดีถ่ายเอกสารประวัติลูกค้าสำคัญๆมาให้ผมศึกษาก็ได้สิครับ” องศาบอกแสนดี
“เอิ่ม.....ข้อมูลมันเป็นความลับนะคะ ถ้าบอสรู้แสนดีต้องแย่แน่ๆ” แสนดีว่า
“โอ้ย เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง คุณก็รู้ว่าผมกับลิปเป็นญาติกัน ผมบอกไอ้ลิปเอง”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นแสนดีก็หน้าเสีย พีระเห็น
“แสนดีเป็นอะไร หน้าเงิบๆ มีอะไรเหรอ”
แสนดีรีบกลบเกลื่อน “เปล๊า ไม่มีอะไร ฉันก็แค่อึ้งๆ ไม่คิดว่า..ลูกพี่ลูกน้องอิจฉากันเอง” แสนดีรีบเปลี่ยนเรื่อง “เออ นี่ !! มันจะเป็นไปได้หรือเปล่า ที่พริบพราวไปทำงาน ฉันเลยไม่ได้งาน !! หรือนางจะเป็นคนเขี่ยฉัน !! ต้องใช้แน่ๆ ร้ายจริงๆ”
ปราณนต์เดินเข้ามาได้ยินพอดี ปราณนต์หน้าเสีย
ลิลลี่รีบผสมโรง “ฉันบอกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้จะดีงาม เหมือนรูปลักษณ์ภายนอก ฉันเซ้นส์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ไม่มีใครเชื่อลิลลี่ เป็นไงหล่ะ นี่แล้วที่ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า..นารากรจะซวย มันคืออะไรทำไมเราจะซวย”
ทุกคนสงสัย “เออ นั่นสิ ซวยอะไรนะ”
รันหันมาเห็นปราณนต์ยืนฟังอยู่ก็รีบทักขึ้นมา
“อ้าว ณนต์” ทุกคนหันมา พอเห็นปราณนต์ทุกคนก็รีบฉีกยิ้มแฮ่ รันถามต่อ “มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตายแล้ว มาเงี๊บบเงียบนะ” รันทำเป็นนึกได้ “อุ๊ยตายบ่ายแล้ว ไปทำงานก่อนนะ”
“เออใช่ๆ บ่ายแล้วๆ ไปทำงานดีกว่า”
ทุกคนทำเนียนเดินกันออกไปโดยไม่มีใครกล้าพูดกับปราณนต์ ทุกคนเดินออกไปจนหมดเหลือปราณนต์ยืนหน้าเครียดอยู่คนเดียว ปราณนต์หยิบโทรศัพท์ออกมาเพราะอยากจะโทรไปหาพริบพราว เขากำลังจะกดแต่ก็ยั้งไว้แล้วเปลี่ยนใจไม่กด ปราณนต์ส่ายหน้าไม่โทรดีกว่า ความรู้สึกของปราณนต์ตอนนี้เหมือนคนที่ผิดหวังอย่างรุนแรง เพราะอยู่ๆคนที่รักก็กลายเป็นคนที่เค้าไม่รู้จักเลยแม้แต่นิดเดียว
อวัศยาถามด้วยความแปลกใจ
“พริบพราวเนี่ยนะไปทำงานกับคุณองศา..ไม่น่าเชื่อ”
รันกับอวัศยาที่อยู่ในชุดลำลองคุยกันอยู่ในห้องของรัน
“เชื่อเถอะ มันเป็นเรื่องจริง วันนี้ยัยรุ้งแฟนองศามายืนด่าพริบพราวลั่นทางเดินหน้าบริษัท ณนต์ก็ต้องยืนฟังหน้าเครียดๆ คงไม่คิดว่าแฟนเก่าตัวเอง จะทำได้ขนาดนี้” รันว่า
อวัศยาสงสัย “ฉันว่า..มันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ พราวไม่น่าจะทำแบบนี้” รันยักไหล่ “แล้วบอสรู้เรื่องนี้หรือยัง”
อวัศยาคิดถึงลิปดาขึ้นมาทันที
ลิปดาเดินจะเข้าร้านกาแฟแล้วก็ชะงักหันมาทางตุ๊กตาเซรามิคใส่แว่นที่หน้าเหมือนอวัศยา ลิปดาหันมามองแล้วก็ยิ้มเพราะคิดถึงอวัศยา
ลิปดาหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปแล้วกำลังจะกดส่ง “แชร์ ไปยังศยา”..แล้วเขาก็ชะงัก ลังเล
แล้วก็ปิดหน้าจอไม่ส่งทั้งที่ในใจยังคิดถึง ลิปดาหันหน้าหนีแล้วเดินเข้าร้านไป
ลิปดาเดินเข้ามาในร้านพร้อมกันถามขึ้นลอย ๆ เพราะคิดว่าแจนอยู่ในร้าน
“ตุ๊กตาตัวใหม่ที่หน้าร้าน น่ารักดีนะ หน้าเหมือน ...” ลิปดายังพูดไม่จบ
เสียงแจน แมท และเจมส์หัวเราะวิ่งไล่กันอย่างสนุกสนานดังออกมาจากหลังร้าน
“กรี๊ดดดดด หนีเร็วๆ เจมส์ หนีเร็ว แดดดี้จะมาจับแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆ” เจมส์หัวเราะร่วน
“แฮ่ !!! แดดดี้ก๊อตซิล่ามาแล้ววววว แฮ่” แมทเล่นกับลูก
ทันใดนั้นแจนกับเจมส์ก็วิ่งออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ แมทวิ่งตามมาพร้อมกับใส่หัวก๊อตซิล่าวิ่งไล่ออกมา ลิปดาเห็นแล้วก็ยิ้ม เจมส์เห็นลิปดาก่อนจึงทักขึ้น
“ลุงลิป”
เจมส์วิ่งมาหา แจนหันตามมา แมทถอดหน้ากากแล้วก็ยิ้มให้
ลิปดาอุ้มเจมส์ “เป็นไงครับคนเก่ง วิ่งเล่นแบบนี้ได้แสดงว่าหายแล้วใช่มั้ยครับ”
“หายแล้วครับ วันนี้แดดดี้จะพาไปเล่นที่ฟันพาร์คครับ”
“ไปด้วยกันมั้ยลิป”
“ไม่เป็นไรครับ ตามสบาย..แฮปปี้แดดดี้เดย์”
แมทยิ้มรับแล้วหันมาทางแจน
“see you” แล้วแมทก็จูบที่แก้มแจน
ลิปดาแอบเป่าปากแซว เจมส์หัวเราะชอบใจ แจนเขิน แมทหันมายิ้มกับลิปดาแบบรู้กัน แมท
กับเจมส์เดินออกไปจากร้าน
“บ๊ายบายครับ เจมส์จะเล่นเผื่อทุกคนนะครับ”
ลิปดากับแจนรับคำ “ค้าบ”
เจมส์กับแมทเดินออกไป ลิปดารีบหันมามองแจน
“คืนดีกันแล้ว”
แจนพยักหน้าอายๆ ลิปดาตบโต๊ะบอกว่าสุดยอด แล้วทั้งแจนกับลิปดาก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
ตุ๊กตาหน้าเหมือนอวัศยาวางอยู่ที่สวนหน้าร้าน ลิปดานั่งมอง แจนถือกาแฟมาเสิร์ฟ
“เพราะคำพูดของลิปทำให้แจนกลับมาคิดได้...ว่าแจนยังรักเค้าอยู่ เราเลยเปิดอกคุยกัน”
แจนกับลิปดาคุยกันไป กินกาแฟไป
“เค้าก็เล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เลิกกัน เค้าไปเจอผู้หญิงมากมาย แต่สุดท้ายเค้าก็รู้ว่า..คนที่ดีที่สุด และเข้ากับเค้าได้มากที่สุดก็คือแจน เค้าก็เลยคุกเข่าขอโอกาศแล้วก็...” แจนชูแหวนแต่งงานให้ดู “ขอแต่งงาน”
“ว้าว !! เป็นข่าวดีมากๆเลย..ดีใจด้วยนะแจน”
“แจนต้องขอบคุณลิปมากๆๆ ที่ดูแล และเป็นเพื่อนที่ดีกับแจนมาตลอด” แจนเข้าเรื่อง “ลิป..แจนไม่สบายใจเลยเรื่องคุณศยา..แจนอยากจะอธิบายให้เธอเข้าใจ ว่าระหว่างเราไม่มีอะไรโดยเฉพาะเรื่องลูกมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด”
“ช่างมันเถอะ พูดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เค้า..มีแฟนไปแล้ว”
“หะ คุณศยาเนี่ยนะมีแฟน ใคร”
“ปราณนต์”
แจนอึ้งและเหวอไป ลิปดาพูดต่อ
“ศยาเปิดตัวว่าเป็นแอบรัก ปราณนต์เลิกกับพราวพอดี สองคนก็เลยมาคบกัน”
แจนอึ้ง “ทำไมเรื่องกลายเป็นแบบนี้ไปได้..แล้ว..ลิป..โอเคเปล่า”
“ก็ต้องโอเคให้ได้.. ผมชินแล้วกับการอยู่ใกล้ๆเค้า โดยที่เค้าไม่ได้รัก”
แจนสงสาร
“ก็แค่อยู่รับสภาพแบบนี้ต่อไป..คงไม่เป็นไร”
ลิปดาพูดด้วยความเข้าใจและพยายามใช้อารมณ์ประคองจิตใจที่บอบช้ำ แจนถอนหายใจเพราะสงสารลิปดาสุดๆ
ประตูบริษัทนารากรเปิดออก อวัศยาเดินฉับๆเข้ามาในมาดนางพญาเหมือนเดิม คนที่เดินสวนยกมือไหว้กันเป็นทาง
“พี่ศยาสวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ”
อวัศยาพยักหน้านิดๆ รับจนเดินมาถึงปราณนต์ที่เดินมากับรุจน์ ลิลลี่ พีระ แสนดีพอดี
ลิลลี่บ่น “หมู่นี้ไม่รู้เป็นไร กินไรไม่ค่อยลง กินอ้วก กินอ้วกตลอดเลย”
“นี่ขนาดกินอ้วก แต่แกยังดูอวบๆ ขึ้นนะ” แสนดีว่า
ลิลลี่ชะงัก แล้วนิดาก็สังเกตเห็นอวัศยาเป็นคนแรก
“อุ้ย พี่ศยากลับมาทำงานแล้ว”
ทุกคนยกมือไหว้ทักทาย
“พี่ศยา / คุณศยา สวัสดีค่ะ / ครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีมั้ยครับ” ทุกคนแย่งกันทักทายอย่างแซ่ซ้องวุ่นวายมาก มีปราณนต์คนเดียวที่ยืนนิ่งๆ ยิ้มๆ ไม่พูดอะไร
อวัศยามองปราณนต์แล้วก็ยิ้ม ปราณนต์มองอวัศยาแล้วก็ยิ้มเหมือนมีอะไรที่รู้กันแค่สองคน ทำ
ให้พีระ ลิลลี่ รุจน์ แสนดี และนิดาชะงักงันกันไปหนึ่งอึดใจ ทุกคนมองหน้ากัน อวัศยารู้ตัว
“อ๋อ...ฉันสบายดี ขอบใจที่ถาม”
อวัศยายืนอึกอักๆ ทำตัวไม่ถูกอยู่หนึ่งวินาทีเพราะไม่แน่ใจว่าจะทักปราณนต์ยังไงดี เธอก็เลยตัดสินใจไม่ทักแล้วก็ตัดบทไปเลย
“ฉัน..ไปทำงานก่อนนะ” อวัสยาเฉไฉมาสั่งงานนิดา “คุณนิดาเอาสรุปงานทุกอย่างระหว่างที่ฉันไม่อยู่มาให้ฉันที่ห้องด้วย”
“ค่ะๆ”
อวัศยาจะเดินไป พอผ่านปราณนต์ต่างคนก็ต่างทำตัวไม่ถูกกันอยู่หนึ่งอึดใจ แล้วอวัศยาก็เดินผ่านไป นิดารีบเดินตาม
ทุกคนหันมาทางปราณนต์ ปราณนต์ต้องรีบกลบเกลื่อน
“ผมมีนัดต้องโทร.คุยกับลูกค้าพอดีเลย”
ปราณนต์รีบเดินชิ่งไปที่โต๊ะ ทุกคนหันมามองหน้ากัน พีระถามขึ้นตามประสาอาบน้ำร้อนมาก่อน
“ทุกคนคิดว่า..เมื่อกี๊คุณศยากับน้องณนต์มีอะไรแปลกๆมั้ย”
ลิลลี่ รุจน์ แสนดีตอบพร้อมกัน “แปลกมาก”
ทุกคนเห็นพ้องต้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์
รันนั่งพูดด้วยความเข้าใจสุดๆ
“แหม มันจะไม่แปลกได้ยังไง เธอไม่มีแฟน พอจะมีก็ดันเป็นลูกน้องตัวเองที่อายุน้อยกว่า..ก็เงี้ยแหละ ทำตัวไม่ถูก ส่วนปราณนต์ก็เพิ่งเลิกกับแฟน ดันมาควงเจ้านายตัวเอง ก็เลยไม่รู้ทำตัว ทำหน้ายังไง”
อวัศยานั่งกุมหัวอย่างเครียดๆ
“มันจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานมั้ย”
“ถ้าเธอกับณนต์แคร์คนอื่น มันก็นาน..แต่ถ้าไม่แคร์เปิดตัวไปเลย..ก็” รันดีดนิ้ว “หายวับไปทันที..เธอเดินไปหาปราณนต์แล้วก็แกล้งพูดดังๆว่า เย็นนี้เลิกงานแล้วไปดูหนัง ฟังเพลง กินข้าว แล้วก็เข้าโรงแรม”
อวัศยาตกใจ “เฮ้ย”
“พูดเล่น !! แค่ชวนไปเที่ยว กินข้าว คนอื่นเค้าก็เดากันได้แล้ว ถ้าเธอกล้า ทุกคนก็รู้ความจริง ก็ไม่ต้องอึดอัด .. ว่าแต่ กล้าป่ะหล่ะ”
อวัศยาเครียด รันทำเป็นพูดลอยๆ
“นี่แหละน้า... คิดจะคบเด็ก แถมเป็นลูกน้องตัวเอง ก็ต้องทำใจ”
อวัศยาคิดหนักเพราะสิ่งที่กลัวก็มาถึงจนได้ ทันใดนั้นนิดาก็เคาะประตูและเปิดเข้ามา
“คุณศยาคะ..บอสเชิญให้ไปพบที่ห้องค่ะ”
อวัศยาชะงักกึก นิดาเดินออกไป รันลุกขึ้นแล้วก็พูดลอยๆ
“ถ้าคบกับคนรุ่นเดียวกัน แถมยังเป็นเจ้านาย..ก็ไม่มีอะไรต้องหนักใจ”
อวัศยาหันขวับแล้วหลิ่วตาและจิกตาใส่ รันทำเป็นยักไหล่แล้วก็เดินออกไป อวัศยาคิดว่าจะต้องไปเจอลิปดาก็แอบตื่นเต้น เธอสูดลมหายใจแล้วพยายามทำเป็นไม่ตื่นเต้น
ลิปดายืนตื่นเต้นไม่แพ้กัน อวัศยาเดินมาหยุดที่หน้าห้องด้วยอาการตื่นเต้น อวัศยาเคาะประตู ลิปดารีบเก๊กนิ่งๆ ทำเป็นอ่านเอกสาร
“เชิญ”
อวัศยาเดินเข้ามา “บอสมีอะไรคะ”
ลิปดามองอวัศยา “ทำไมกลับมาแต่งตัวแบบนี้ นึกว่า “คบเด็ก” แล้วจะไม่กลับมาเป็นป้าแว่นแล้วซะอีก” ลิปดาปากพาซวย
อวัศยาจี๊ดทันที อุตส่าห์ตื่นเต้นแต่ลิปดาดันพูดเหมือนไม่แคร์ ความตื่นเต้นหายวับ แววตาศัตรูฉายวาบ
“ถ้าบอสจะเรียกฉันมาจิกกัดขำๆ ฉันไม่รับฟัง เพราะมีเรื่องสำคัญกว่า จะคุยด้วย” อวัศยาว่า ลิปดาเลิกคิ้ว “บอสรู้หรือเปล่าว่าพริบพราวไปทำงานกับคุณองศา”
ลิปดาอ๋อ แล้วก็ทำชิว “รู้ .. ในวงการบริษัทเปิดใหม่ ก็วิ่งไล่ซื้อตัวมาร์อยู่แล้วนี่ ไม่เห็นมีอะไรต้องซีเรียส”
“แต่บอสก็รู้ว่าญาติบอสไม่ได้มีเจตนาดีที่เปิดบริษัทนี้ขึ้นมา แล้วบอสจะไม่เตือนพริบพราวหน่อยเหรอ ? พราวยังใหม่ อาจจะไม่รู้ว่ากำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือ”
“พราวเค้าโตแล้ว ผมไปสอนอะไรเค้าไม่ได้หรอก .. คุณไม่ต้องห่วง เค้าดูแลตัวเองได้ ... คุณห่วงเรื่องตัวเองดีกว่า” ลิปดายื่นหน้าเข้ามา “คบเด็กแล้วเป็นไงบ้าง”
อวัศยาผงะแล้วก็ถอย “เรื่องส่วนตัวของฉัน บอสไม่มีสิทธิ์มายุ่ง!! ฉันจะคบกับใคร เป็นยังไงก็เรื่องของฉัน .. ส่วนบอสจะคบกับใคร แอบมีลูกไว้กี่คน! ฉันจะไม่ยุ่งเหมือนกัน นับจากนี้ไป..ฉันกับบอสเราเป็นแค่เจ้านาย ลูกน้อง เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น..จบนะ”
อวัศยาพูดจบก็เดินออกไปเลย ลิปดาได้แต่ถอนใจ อวัศยาก็ยืนถอนหายใจอยู่หน้าห้องเหมือนกัน
อวัศยายืนสักพักก็คิดถึงคำพูดของรัน
“เธอเดินไปหาปราณนต์แล้วก็แกล้งพูดดังๆว่า เย็นนี้เลิกงานแล้วไปดูหนัง ฟังเพลง กินข้าว แล้วก็เข้าโรงแรม”
อวัศยาตกใจ “เฮ้ย !!
“พูดเล่น !! แค่ชวนไปเที่ยว กินข้าว คนอื่นเค้าก็เดากันได้แล้ว ถ้าเธอกล้า ทุกคนก็รู้ความจริง ก็ไม่ต้องอึดอัด .. ว่าแต่ กล้าป่ะหล่ะ”
อวัศยาคิดหนักแต่ก็ต้องทำ
ปราณนต์นั่งทำงาน แสนดีนั่งโต๊ะที่พริบพราวเคยนั่ง พีระ รุจน์ และลิลลี่ที่นั่งดมยาดมทำงานกันอย่างวุ่นวาย รันยืนอยู่อีกมุม ทันใดนั้นอวัศยาก็เดินมา เธอมองมาที่ปราณนต์อย่างตัดสินใจเด็ดขาด
เสียงรันดังก้องในหัวของเธอ “แค่ชวนดูหนัง กินข้าว คนอื่นเค้าก็เดากันได้แล้ว ถ้าเธอกล้า ทุกคนก็รู้ความจริง ก็ไม่ต้องอึดอัด”
อวัศยาเดินมาถึงปราณนต์ ปราณนต์หันมาเห็นก็ตกใจนิดๆ
“พี่ศยา”
ทุกคนหันขวับมารอดู รันก็หันมารอฟัง อวัศยาชะงักกึกเพราะสัมผัสได้ถึงสายตาของทุกคนแล้วเธอก็พูดว่า
“อย่าลืมส่งเมลสรุปงานระหว่างที่พี่ไม่อยู่มาให้ดูด้วย”
ปราณนต์งงๆ “ครับ”
อวัศยาเดินกลับไป ปราณนต์งง ทุกคนยังคาใจ รันกลอกตาเซ็งๆ
พออวัศยาเดินพ้นสายตาทุกคน เธอก็รีบหลบมากดข้อความส่งไปให้ปราณนต์ทันที
ข้อความเข้าที่มือถือปราณนต์ ปราณนต์กดอ่าน
“วันนี้เลิกงานแล้วทำอะไรหรือเปล่า พี่จะชวนไปเที่ยว แบบ.. ไปเดทกันน่ะ”
ปราณนต์ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเมื่อกี๊ไม่ชวน
ปราณต์กดส่งข้อความตอบ “ได้ครับพี่...เจอกันครับ”
อวัศยาที่อยู่บริเวณมุมทางเดินได้ข้อความกดอ่านแล้วก็ถอนหายใจ ..
“เฮ่อ....ทำไมมันอึดอัดแบบนี้นะ มีแฟน ทำตัวยังกะคบชู้”
อวัศยาอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันไม่มีความสุขนะ
ปราณนต์วางโทรศัพท์แล้วก็คิด เขามองไปรอบๆ ก็เริ่มเห็นสายตาของแก็งสาระแนคอยจับตาดูอยู่ ปราณนต์คิดทำอะไรบางอย่าง
พริบพราวเดินออกมาจากห้องทำงานพร้อมกับกระดาษหนึ่งปึก เธอวางไว้ที่โต๊ะพนักงานที่เป็นเลขา
“ช่วยหาโปรไฟล์ของลูกค้าตามรายการนี้ให้ด้วยนะคะ”
พนักงานปรายตามามองกวนๆ “ขอโทษนะคะ ดิฉันเป็นเลขาคุณรุ้ง .. ไม่ใช่เลขาคุณ และดิฉันก็ไม่ว่าง”
รุ้งลดาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้ององศายิ้มสะใจ
“ไม่ว่าง ฉันไม่เห็นคุณทำอะไรเลย ไม่ว่างยังไง” พริบพราวถาม
“ฉันไม่ว่าง เพราะฉันนั่งหายใจอยู่ ยุ่งมาก คงทำงานให้คุณไม่ได้” เลขาเลื่อนกระดาษคืน
เลขาพูดจบก็เชิดหน้าใส่แล้วหันไปยิ้มสะใจกับรุ้งลดา พริบพราวเอะใจจึงหันไปที่รุ้งลดาก็เห็นว่ารุ้งลดากำลังหัวเราะชอบใจ พริบพราวแค้นแต่ก็จำทนเพราะไม่อยากมีเรื่อง
“โอเค..ไม่ทำไม่เป็นไร” พริบพราวพูดเสียงดังขึ้น “มีใครพอจะช่วยฉันหาประวัติลูกค้าให้ได้บ้าง”
พริบพราวมองไปรอบๆ พนักงานทุกคนก้มหน้า ไม่มีใครเสนอตัวสักคน พริบพราวหันไปทางรุ้งลดา รุ้งลดายักไหล่และยิ้มสะใจ พริบพราวรู้ทันทีว่าโดนแกล้งก็เซ็งสุดๆ
อ่านต่อหน้าที่ 2
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 13 (ต่อ)
พริบพราวต้องหาเอกสารในห้องเอกสารที่รกและเลอะ เทอะ เพราะยังไม่มีการจัดให้เป็นระเบียบ พริบพราวรื้อค้นและยกแฟ้มเอกสารตั้งสูงมากเดินออกมาด้วยความทุลักทุเล ระหว่างเดินก็มีขายื่นมาขวางไว้ พริบพราวมองไม่เห็นจึงสะดุดขาล้มดังโครมพร้อมกับแฟ้มที่กระจัดกระจายเกลื่อนพื้น
“ว้าย”
พริบพราวหกล้มในสภาพที่น่าสมเพชมากๆ พนักงานเงยหน้าขึ้นมาดูแต่ก็ไม่มีใครมาช่วย ทุกคนดูแล้วก็หันมาทางรุ้งลดา รุ้งลดามองกลับ ทุกคนรีบนั่งและไม่สนใจพร้อมกับทำงานต่อ
พริบพราวล้มอยู่ที่พื้น “ฉันรู้นะว่าเธอตั้งใจแกล้งฉัน”
รุ้งลดาเข้ามายืนค้ำหัว “ฉันก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นความลับอยู่แล้ว..รู้ก็ดี จะได้เจียมตัว”
รุ้งลดาพูดจบก็เตะแฟ้มที่อยู่หน้าพริบพราวแบบมารยาททราม พริบพราวชะงักกึกมองรุ้งลดา รุ้งลดาทำเชิดไม่สนใจแล้วก็เดินไป พริบพราวส่ายหน้าแล้วก็ก้มเก็บเอกสารอย่างน่าสงสาร
อวัศยายืนอยู่หน้าโรงหนังในห้างสรรพสินค้าด้วยความร้อนใจนิดๆ เพราะกลัวปราณนต์จะไม่มา ปราณนต์เดินมาสะกิดแขนข้างซ้าย อวัศยาหันซ้าย ปราณนต์หลบไปทางขวา พอหันซ้ายไม่เห็นอวัศยาก็หันขวา ปราณนต์แกล้งทำให้ตกใจ
“แฮ่ !”
อวัศยาตกใจจริง “ว้าย” อวัศยาร้องเสียงดังมาก
ปราณนต์หัวเราะ “ฮ่า ๆๆ”
คนมองกันยกใหญ่ อวัศยาอายมากจึงตีปราณนต์
“เล่นอะไรบ้าๆ ตกใจหมดเลย !! ทีละอย่าเล่นแบบนี้อีกนะอายเค้า” อวัศยาทำเสียงจริงจังมาก
ปราณนต์หุบยิ้มและหยุดหัวเราะ “ขอโทษครับ เห็นพี่ศยายืนหน้าเครียดๆ ก็เลยเข้ามาแกล้งเผื่อจะขำ” ปราณนต์เสียงแผ่วลง “ไม่ขำซะงั้น”
อวัศยารู้สึกผิด “เอ่อ พี่พูดไปเพราะตกใจ จริงๆก็ขำนะ” อวัศยาฝืนหัวเราะ “ฮ่าๆ ตกใจแต่ก็ตลกดี คราวหน้าเล่นอีกก็ได้นะ ก็..ตลกดี ฮ่าๆ”
อวัศยาดูฝืนมาก ปราณนต์งงๆ แต่ก็ยิ้มรับและไม่ขุดคุ้ยให้เสียบรรยากาศ
“ไปดูหนังหรือกินข้าวก่อนดี หรือว่าเราไปดูรอบหนังก่อนแล้วค่อยคิด หรือจะซื้อตั๋วแล้วค่อยกินข้าว หรือจะกินข้าวไปเลย เพราะร้านอาหารแถวนี้ก็มีให้เลือกหลายร้าน ตกลงเราจะกินข้าว หรือ ดูหนังก่อนดี” อวัศยาถาม
ปราณนต์มองแล้วเข้าใจจึงค่อยๆดึงมืออวัศยามาจับไว้ “พี่ศยาครับ..ไม่ต้องนอยด์” อวัศยาชะงักกึก “ไม่ต้องตื่นเต้น ไม่ต้องเครียด ผมคือปราณนต์คนเดิมที่พี่รู้จัก..พี่ทำตัวตามสบายเหมือนตอนที่เราแชตกัน..เป็นตัวของตัวเอง ที่สำคัญ..ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องกลัวคนมาเห็น เพราะผมบอกความจริงกับทุกคนหมดแล้ว”
“หะ บอกความจริง”
ปราณนต์พยักหน้า
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ปราณนต์พูดกับทุกคนด้วยเสียงจริงจัง
“ผมกับพี่ศยาเป็นแฟนกันครับ”
ทุกคนอึ้งจนอ้าปากค้าง
อวัศยาหงายเงิบพอๆ กับคนอื่นๆ ที่รู้เรื่องนี้จากปากปราณนต์
“แล้วพวกนั้นว่ายังไง”
“เค้าก็อึ้งๆ ผมก็รีบออกมาเลย” ปราณนต์บอก อวัศยาอึ้ง “ผมรู้ว่าพี่ศยาไม่สบายใจ ผมก็เหมือนกัน ทุกคนจับตาดูจนผมอึดอัด ก็เลยตัดสินใจบอกๆไปเลย ในเมื่อมันเป็นความจริง ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง..หรือว่าพี่ศยา..ไม่อยากให้คนอื่นรู้”
“เปล๊า !! ไม่เล้ย” อวัศยาเสียงสูงแล้วก็เริ่มทำใจ “รู้ก็ดีเหมือนกัน จะได้..ไม่ต้องแอบดู แอบฟัง..ขอบใจนะ ณนต์ทำถูกแล้ว”
ปราณนต์ยิ้มรับ “เพราะฉะนั้น” ปราณนต์จับมือกระชับ “พี่ศยาไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาเห็น และทำตัวให้เป็นธรรมชาติ เราไม่มีอะไรปิดบังชาวโลกอีกต่อไป .. โอเคนะครับ”
อวัศยาพยักหน้า “โอเค ... งั้น..”
ปราณนต์สรุปแบบพยายามจะเป็นผู้ใหญ่ “เราไปดูรอบหนังก่อน แล้วก็ซื้อตั๋ว จากนั้นไปกินข้าว แล้วก็กลับมาดูหนัง..ตามนี้นะครับ”
อวัศยาพยักหน้า “โอเค .. ตามนั้น”
อวัศยากับปราณนต์พยายามยิ้มเหมือนกำลังมีความสุขมาก ทั้งที่ลึกๆ ในใจต่างคนต่างเหนื่อย ปราณนต์จับมืออวัศยา อวัศยาเขินๆ เพราะไม่คุ้น ทั้งสองคนเดินไปด้วยกันแบบเกร็งๆ แปลกๆ อวัศยาพยายามจะยิ้ม จะสดใส ปราณนต์ก็พยายามจะแมน จะนิ่ง จะเป็นผู้ใหญ่ จังหวะที่หันหน้าออกจากกัน ต่างคนต่างก็ถอนหายใจออกมายาวๆ
ปราณนต์หันไปเห็นร้านขนมที่เคยมากับพริบพราวก็ชะงักเพราะคิดถึงพริบพราว
ภาพอดีตตอนที่เขานั่งกินขนมที่ร้านกับพริบพราว เดินเล่นกับพริบพราวในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้อย่างมีความสุข สนุกสนานย้อนกลับมา
ปราณนต์เบือนหน้าหนีแล้วก็พยายามจะไม่คิดถึง เขาหันมามองอวัศยาพร้อมกับฝืนยิ้มสร้างความสุขปลอมๆ ให้กับตัวเอง
กลางดึก ที่บริษัทขององศา พนักงานคนอื่นกลับไปหมดแล้วมีเพียงพริบพราวที่นั่งทำงานอยู่ในห้องคนเดียว พริบพราวกำลังนั่งทำงานหัวฟู เธอรื้อดูประวัติและรายการเดินบัญชีอย่างละเอียด เสียงข้อความเข้าดังขึ้น พริบพราวชะงักแล้วก็แอบคิดว่าใช่ปราณนต์หรือเปล่า พริบพราวรีบหยิบมาดูแล้วก็ผิดหวัง
“แม่ ...” พริบพราวอ่าน “จะกลับบ้านกี่โมง” พริบพราวพิมพ์ตอบ “อีกสักสองชั่วโมงค่ะแม่”
พริบพราวกดส่งแล้วก็กดมาที่หน้าจอหลักแล้วเธอก็ชะงักเพราะหน้าจอยังเป็นรูปคู่กับปราณนต์ พริบพราวชะงักมองรูปปราณนต์ด้วยความคิดถึง
“หวังว่าสิ่งที่ฉันกำลังทำ มันจะแก้ไขความผิดพลาดที่ฉันเคยทำไว้ได้บ้าง”
พริบพราวพยายามตัดใจแล้วก็หันกลับมามองเอกสารที่วางไว้มากมายตรงหน้า
ทันใดนั้นเสียงองศาเดินพูดคุยกับใครบางคนก็ผ่านหน้าห้องไป
“เป็นข่าวดีมากครับ ผมยินดีมากๆที่คุณชาลีจะมาร่วมหุ้นด้วย”
พริบพราวแปลกใจ เธอเดินออกมามองผ่านหน้าต่าง
พริบพราวเห็นองศาเดินกับผู้ชายแปลกหน้าโดยมีรุ้งลดาเดินตามหลัง
“ผมก็ยินดีที่จะได้มาร่วมงานกับคนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณองศา .. ผมชอบคนใจถึง ..ชอบเสี่ยงแบบนี้ ผมชอบ” ชาลีพูด
องศายิ้มภาคภูมิใจ “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เรื่องลงทุน ผมถึงไหนถึงกัน ไม่รวย ไม่เลิก”
องศากับชาลีหัวเราะร่วน
พริบพราวเพ่งมองอีกที เธอเห็นองศากับชายแปลกหน้าและรุ้งลดากำลังจะเดินออกไป โดยที่รุ้งลดาถือกระเป๋าเดินตามไม่ห่าง
“วันนี้ผมขออนุญาตเป็นเจ้ามือเลี้ยงต้อนรับคุณ “ชาลี” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโอเอ็นจีนะครับ รุ้งจองร้านอาหารที่ดีที่สุด เตรียมเชมเปญที่แพงที่สุดไว้ให้ด้วย”
“ค่ะ”
รุ้งลดารีบหยิบโทรศัพท์มาโทรออก ระหว่างที่โทรก็หันมามองพริบพราวที่ทำงานอยู่ในห้อง แล้วก็แสยะยิ้มใส่แบบเหยียดๆ องศา ชาลี และรุ้งลดาเดินออกไป รุ้งลดาปิดไฟทำให้ไฟทั้งห้องดับลง เหลือแต่ห้องพริบพราวที่พริบพราวยืนอยู่คนเดียว
พริบพราวคิด “ชาลี คุ้นๆ”
พริบพราวรีบมาที่คอมพิวเตอร์และกด Search หาข้อมูลทันที
หน้าจอขึ้นชื่อและรูป “ชาลี พ่อมดตลาดหุ้น”
“นี่ไง....” พริบพราวอ่าน “ชาลี พ่อมดตลาดหุ้น .. นี่มันนักปั่นหุ้นตัวพ่อเลยนะเนี่ย” พริบพราวเครียด “กลิ่นไม่ค่อยดีจริงๆด้วย”
พริบพราวกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ลิปดาเซ็นคืนสิทธิ์ความเป็นพ่อและผู้ปกครองให้ แมทมาเซ็นชือรับรองความเป็นพ่อเด็ก แจนนั่งอยู่ข้างๆ ภายใต้บรรยากาศชื่นมื่น
“ขอบคุณมากที่ดูแลเจมส์ และ แจนมาอย่างดี แล้วก็ขอบคุณมากที่มาลงชื่อเป็นพ่อของเจมส์แทนผม” แมทพูด
“ด้วยความยินดีมากๆแมท ไม่ต้องเกรงใจ ตอนนี้ชื่อพ่อเด็กก็เป็นพ่อที่แท้จริงแล้ว..ดีใจกับทุกๆคนจริงๆ” ลิปดาบอก
“ขอบคุณมาก...ขอบคุณจริงๆนะลิป..แล้วเรื่องคุณศยา” แจนเป็นห่วง
ลิปดากอดแจนและแมทแบบแมนๆ แต่ก็มีแววตาแอบเศร้าเพราะคิดถึงอวัศยา เสียงโทรศัพท์มือถือลิปดาดังขึ้น ลิปดามองชื่อแล้วก็แปลกใจ
ลิปดาที่ยืนอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอคุยโทรศัพท์ด้วยเสียงหนักใจ
“พี่องศาไปหุ้นกับคนแบบนั้นเนี่ยนะ ... อันตรายมากถ้าไม่รวมหัวกันหลอกคนอื่น พี่องศาก็อาจจะโดนหลอกซะเอง .. ขอบใจพราวมากที่ส่งข่าว..พราวถ้าเห็นท่าไม่ดี รีบลาออกมาซะ อย่าทำอะไรเสี่ยงๆ รู้หรือเปล่า”
พริบพราวยืนคุยโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่งของบ้าน
“ค่ะ .. พราวจะระวังตัว”
ลิปดาเตือนเป็นครั้งสุดท้าย
“พราว... พี่ขอย้ำอีกครั้ง..พราวไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้นะ พราวไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรกับใครทั้งนั้น อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมารวมกับเรื่องนี้ มันคนละเรื่องกัน”
พริบพราวคิดแล้วก็พูดหนักแน่น
“พราวรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ พราวไม่ได้อยากเป็นฮีโร่ หรือ พิสูจน์อะไรทั้งนั้น แต่พราวทำเพื่อความถูกต้อง .. สิ่งที่พราวเป็นห่วงมากที่สุดคือลูกค้า คือ คนที่เอาเงินมาลงทุน .. พราวขออยู่หาหลักฐานอีกสักพัก ถ้ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล พราวจะรีบบอกพี่ลิป แต่ถ้ามันไม่มีอะไรพราวจะรีบลาออกและไปทำงานต่างประเทศตามที่ตั้งใจไว้”
ลิปดาถามย้ำอีกที
“พราวไม่กลับมาทำงานที่นารากรจริงๆเหรอ”
พริบพราวตัดใจ
“ไม่ค่ะ พราวตัดสินใจแล้ว พราวไม่อยากกลับไปอีกแล้ว..ขอบคุณพี่ลิปมากนะคะที่เป็นห่วง มีอะไรคืบหน้าจะรีบส่งข่าวค่ะ”
พริบพราววางสายไปแล้วก็คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา องศายืนยิ้มอยู่หน้าบ้านพริบพราว พริบพราวยืนกอดอกมองด้วยแววตาโคตรไม่เป็นมิตร
“มาที่นี่อีกทำไม”
“ผมมายื่นข้อเสนอเรื่องงาน...งานที่คุณไม่ควรจะปฎิเสธ”
องศายิ้มเหนือและมั่นใจมาก
พริบพราวหลิ่วตาว่าองศามาแนวไหน
องศาพูดต่อ “ผมรู้ว่าคุณยังไม่ใจผม แต่คุณไม่ต้องห่วง ถ้าคุณไปทำกับผมไม่โดดเดี่ยวแน่ๆ เพราะเพื่อนร่วมงานของคุณที่ชื่อ “แสนดี” จะมาทำงานกับผม และเธอไม่ได้มามือเปล่า แต่มีประวัติและรายละเอียดของลูกค้านารากรทั้งหมดมาด้วย”
พริบพราวตกใจ “พี่แสนดีเนี่ยนะ จะเอาประวัติลูกค้ามาให้คุณ”
“ใช่ .. แต่คุณไม่ต้องกลัวเรื่องลิปดา .. ผมเคลียร์กับลิปเรียบร้อยแล้ว” ลิปดาโกหก “ไม่มีปัญหา”
พริบพราวขมวดคิ้วไม่เชื่อ
“เพราะฉะนั้นถ้าคุณมาทำงานให้ผม คุณมีทั้งเพื่อนและลูกค้าที่จะตามคุณมาจากนารากร ที่สำคัญ..คุณผมยินดีจ่ายให้คุณเต็มที่ คุณต้องการเท่าไหร่ บอกมาเลย”
พริบพราวเริ่มคิดหนัก
ลิปดาตอบพริบพราวด้วยความไม่พอใจ
“พี่ไม่เคยอนุญาตให้นำข้อมูลลูกค้าไปให้พี่องศา มันผิดกฎ ถ้าลูกค้าไปฟ้องกลต. บริษัทมีสิทธิ์โดนปิด พี่ไม่มีทางให้ทำ พี่ต้องเรียกแสนดีมาสอบสวน”
“พี่ลิปคะ..พราวคิดว่าพี่แสนดีคงโดนหลอกเหมือนที่พราวโดน เค้าเอาชื่อพี่ลิปมาอ้าง แต่โชคดีที่พราวไม่เชื่อ” พริบพราวคิด “พราวตัดสินใจแล้ว..พราวจะไปทำงานกับเค้า”
“พราวไม่เชื่อ แล้วพราวจะไปทำงานกับเค้าทำไม”
“จากคำพูดของเค้า มันทำให้พราวสังหรณ์ใจว่า บริษัทนี้เปิดขึ้นมาด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ เค้าต้องการเงิน และอยากรวย ถ้าเค้าเปิดด้วยเจตนานี้คนที่จะอยู่ในอันตรายก็คือลูกค้า ถ้าพราวไม่ไป ก็ต้องเป็นพี่แสนดีหรือพนักงานคนอื่นๆใครสักคนที่จะไปพร้อมกับประวัติของลูกค้านารากร”
พริบพราวพูดด้วยความมั่นใจ
“พราวจะแลกตัวกับพี่แสนดี..ให้เค้ารับพราวแทน .. แต่พราวจะขอร้องให้พี่ลิป เลื่อนให้พี่แสนดีมาเป็นมาร์ฯแทนพราว .. พี่เค้าจะได้ไม่เสียใจ ได้มั้ยคะ”
ลิปดาถอนหายใจ “เฮ่อ..มันก็ได้ แต่..พราวจะทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“พราวทำผิดมามากค่ะลิป..พราวอยากจะทำอะไรที่มันถูกต้องบ้าง .. ถ้านายองศาเค้าเปิดบริษัทนี้ขึ้นมาเพื่อหลอกชาวบ้าน พราวจะต้องหาหลักฐานมายืนยัน และปิดบริษัทนี้ให้ได้”
พริบพราวพูดด้วยความหนักแน่นและมั่นใจ
ลิปดาได้แต่พยักหน้ารับทราบ แม้จะเป็นห่วงและไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นัก
เหตุการณ์ปัจจุบัน พริบพราวยืนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็คิดถึงหน้าของชาลีและคำพูดของลิปดา
“พี่องศาไปหุ้นกับคนแบบนั้นเนี่ยนะ ... อันตรายมากถ้าไม่รวมหัวกันหลอกคนอื่น พี่องศาก็อาจจะโดนหลอกซะเอง”
พริบพราวตั้งเป้า
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าพวกนายกำลังคิดจะทำอะไรกันอยู่” พริบพราวคิดๆ แล้วก็เอามือถือมาดู พริบพราวเปิดรูปปราณนต์ดูอีกครั้ง แล้วก็พูดกับรูปนั้น “สิ่งที่พราวกำลังทำ ถ้ามันสามารถลบล้างความผิด หรือความเกลียดชังของณนต์ได้..แม้เพียงนิดเดียว..พราวก็จะทำ”
พริบพราวพูดด้วยเศร้าและความคิดถึงปราณนต์
รูปในมือถือของพริบพราวเป็นรูปคู่พริบพราวกับปราณนต์กำลังยิ้มหวานสดใส
พริบพราวเศร้า
ปราณนต์เดินจูงจักรยานเดินคู่มากับอวัศยาที่อยู่ในชุดออกกำลังกาย
“ณนต์.เดือนหน้ามีวันหยุดยาว เราหยุดเพิ่มอีก 2 วันแล้วไปเที่ยวต่างจังหวัดกันมั้ย”
“เอ่อ..ได้ครับ ดีครับ ไปไหนดีครับ”
“ไป...รีสอร์ทของยายพี่มั้ย ไปเจอยายด้วย”
“ได้ครับ ดีเลยครับ”
ปราณนต์ยิ้มรับแล้วก็เงียบ ต่างคนต่างเงียบเหมือนไม่ค่อยมีเรื่องคุย ปราณนต์เดินมาสักพักก็ดันแว่บภาพตอนขี่จักรยานเล่นกับพริบพราวขึ้นมา
ปราณนต์ชะงักและพยายามห้ามความคิด ไม่รู้ว่าจะไปคิดถึงทำไม ปราณนต์สะบัดหัวไล่ความคิด ออกไป อวัศยาแปลกใจ
“ณนต์เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ..คือ มีแมลงมันบินรอบๆหัวน่ะครับ ก็เลยสะบัดไล่ให้มันออกไปจากหัวสักที..เอ่อ..พี่ศยาครับ..ผมว่าพี่ศยาซ้อนจักรยานผมดีกว่าครับ เราเดินกันมานานแล้ว พี่นั่งตรงนี้เลยครับ”
ปราณนต์ขยับรถมาข้างๆ อวัศยาและชี้ให้อวัศยานั่งตรงเหล็กที่พาดอยู่ตรงหน้าซึ่งเป็นเหล็กอันเดียว
“มันนั่งได้เหรอ ไม่หักแน่นะ”
“ไม่ครับ มันแข็งแรงมาก ตัวเล็กๆอย่างพี่ศยาสบายมาก”
“เอาจริงเหรอ”
ปราณนต์ดึงมืออวัศยามาเลย “จริงสิครับ ไม่ต้องกลัวครับ ผมเซียน ขี่มาสิบเจ็ดปีมีไม่มีล้ม”
“ฉันเดินไปเองได้นะ ฉันไม่เคยนั่งจักรยานแบบนี้น่ะ”
“ไม่เคยก็ต้องลองครับ” ปราณนต์ขึ้นคร่อม แล้วดึงอวัศยามานั่งด้านหน้า “นั่งเลยครับ”
อวัศยานั่งด้วยความหวาดกลัว ประหม่า และไม่มั่นใจ ปราณนต์ขี่ไปอวัศยาก็หวาดหวั่น หวั่นไหว และร้องไปตลอดทาง ปราณนต์พยายามจะขืนแข็งมือและขี่ไปอย่างระวัง แต่อวัศยาก็กังวลไปซะทุกอย่าง จึงร้องโวยวายไปตลอดทางด้วยความนอยด์
“ว้ายๆๆๆ ซ้ายๆๆๆ ขวาๆๆ ระวังๆๆ ณนต์ระวังๆ ต้นไม้ๆ”
อวัศยาทั้งร้องทั้งสะบัดตัวไปมาเพราะหวาดเสียว เธอยิ่งร้องยิ่งดิ้นจนปราณนต์ขี่ต่อไม่ไหวทำให้รถเสียหลัก พุ่งลงข้างทาง เสียงร้องอวัศยากับปราณนต์ดังสนั่น
“อ๊าก”
อวัศยายืนมอมแมมอยู่กลางห้อง รันหัวเราะก๊ากแบบไม่เกรงใจเพื่อน
“ขำ !!! ขอบคุณ” อวัศยาประชด
“ก็มันขำจริงๆนี่ .. ฮ่าๆ คุณนายศยา..ผู้รอบคอบและรัดกุม ทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง และ แอบนอยด์ ! นึกยังไงไปซ้อนจักรยาน”
“ก็ฉันเคยซ้อนมอไซด์บอส มันก็ไม่เป็นแบบนี้ มันดูหนักแน่น ปลอดภัย ไม่ฟึ่บฟั่บ .. ฉันก็นึกว่า มอเตอร์ไซด์ กับ จักรยาน ความรู้สึกมันจะเหมือนกัน..แต่เอาเข้าจริงๆ...มันต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“แน่นอนที่สุด .. มันก็เหมือนกับ” รันพูดลอยหน้านิดๆ “...การคบกับผู้ใหญ่วัยใกล้กัน กับการคบเด็ก ดูคล้ายว่ามันจะเหมือนกัน..แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง”
อวัศยาหันขวับมาทางรัน รันลอยหน้ายักไหล่ทำนอง “ก็ไม่รู้สินะ” แล้วก็เดินไป
อวัศยาได้แต่มองตามตาขวางแล้วก็ก้มดูสภาพตัวเองที่มอมแมมสุดๆ พร้อมกับถอนใจออกมา
“เฮ่อ” แล้วอวัศยาก็นึกได้ “เออ รัน แล้วเรื่องที่ฉันชวนไปรีสอร์ทยายน่ะ จะไปหรือเปล่า”
อวัศยาตะโกนไล่หลังไป
ลิปดาถือใบลาไว้ในมือแล้วเงยหน้าถาม
“พักร้อน”
อวัศยายืนอยู่ตรงหน้าห่างๆ อวัศยาตอบเสียงที่พยายามจะเป็นทางการ เธอท่องในใจว่า เจ้านายลูกน้องๆๆ
“ค่ะ”
“กี่วัน” ลิปดาถาม
“ทั้งหมดที่มี”
“ไปฮันนีมูนหรือไง” ลิปดาหลุดปากกวนอีกจนได้
อวัศยารู้สึกจี๊ดจึงพูดกวนตอบ “คงงั้นมั้งคะ”
ลิปดากวนเองเจ็บเอง เขาถามด้วยเสียงจริงจังขึ้น “ตกลงไปฮันนีมูนจริงๆ หรือว่าไม่อยากเจอหน้าผมกันแน่”
“ฉันคงไม่ลงทุนใช้วันพักร้อนทั้งหมดเพียงเพื่อจะหลบหน้าบอส แล้วก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องหลบด้วย”
ลิปดาเจ็บ “จริงสินะ ผมคงไม่มีอิทธิพลกับคุณมากขนาดนั้น”
“ตกลง คุณอนุมัติใช่มั้ยคะ”
“อ๋อ แน่นอน มีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่อนุมัติ มันเป็นสิทธิอันชอบธรรมของคุณอยู่แล้ว”
ลิปดากำลังจะเซ็น ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ปราณนต์เดินเข้ามาพร้อมกับใบลา ลิปดาเห็นก็ทักขึ้นแบบกวนๆ
“นี่ก็จะมาลาไปฮันนีมูนอีกคนหรือไง”
ปราณนต์ชะงักกึกด้วยความงง
“เอ่อ.... ผมมาลาพักร้อนครับ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกรอบ พร้อมกับรันที่เปิดประตูเข้ามาและมีใบลาอยู่ในมือ
“บอสครับ..ผมจะมาขอลาพักร้..” รันยังพูดไม่จบก็ชะงักเพราะเห็นอวัศยาและปราณนต์อยู่ “เอ่อ..”
“นี่คุณรันก็จะไปกับเค้าด้วยเหรอ”
อวัศยาสวน “ใช่ค่ะ .. เราจะไปฮันนีมูนกันสามคนเลยค่ะ”
รันกับปราณนต์ผงะ
“ฮันนีมูน” รันกับปราณนต์ทวนคำ
อวัศยายักไหล่แล้วก็มองลิปดากวนๆ ทำนองเย้ยหยันว่าลิปดาคิดผิด ลิปดาเสียหน้านิดๆ แล้วก็เดินไปดึงกระดาษลาของปราณนต์กับรันมาแล้วก็เซ็นสามใบรวด
“อนุมัติ ไปกันให้หมดเลย” ลิปดาใส่อารมณ์
“ขอบคุณ” อวัศยาดึงกระดาษมาแล้วก็เดินฉับๆออกไปทันที
ปราณนต์กับรันงง โดยเฉพาะปราณนต์ที่เหวอๆ เพราะไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับสองคนนี้เลย
คนในออฟฟิศองศาทยอยกลับ ไฟหลายจุดเริ่มดับจนเหลือแต่พริบพราวนั่งทำงานอยู่ในห้องคนเดียว พริบพราวกำลังเช็คข้อมูลในอินเทอร์เน็ต พริบพราวขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ทำไมสองสามวันนี้ ที่นี่มีการซื้อขายมากผิดปกติ ทั้งๆที่ไม่มีหุ้นตัวไหนน่าสนใจ .. เอกสารการซื้อขายก็ไม่สมบูรณ์ ทำไมไม่มีใครตรวจสอบ”
ทันใดนั้นรุ้งลดาก็เปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ พริบพราวรีบปิดคอมพิวเตอร์และหันมา
“ไม่มีมือ หรือ ไม่มีมารยาท ถึงได้ไม่เคาะประตูก่อนเข้าห้องทำงานคนอื่น” พริบพราวมองมือ “อ้าว..มือก็มี...แสดงว่าที่ไม่มีคือ มารยาท”
รุ้งลดาเชิดหน้า “มารยาท..มี แต่คงจะน้อยกว่า มารยา ของใครบางคน ! เลิกกับแฟนเก่าได้ไม่กี่วัน ก็กระโดดมาเกาะผู้ชายคนใหม่ทันที”
พริบพราวทำหน้าเซ็งๆ และพยายามไม่ตอบโต้เพราะไม่อยากให้เสียงานใหญ่
รุ้งลดาใส่ต่อ “ฉันอยากให้เธอเห็นจริงๆ ตอนที่ฉันบอกณนต์ว่าเธอมาทำงานที่นี่แล้วพยายามจะอ่อยพี่องศา..ณนต์ทำหน้ารังเกียจเธอมากขนาดไหน”
พริบพราวชะงักกึก ใจหายวาบ และเจ็บจี๊ด
“ถือว่าเป็นโชคดีของณนต์ที่หลุดพ้นจากผู้หญิงอย่างเธอ” รุ้งลดาเชิดแล้วหันหลังจะไป พอนึกได้ก็กลับมาตอกอีกดอก “ถ้าวางแผนอยู่ทำงานดึก เพื่อหาโอกาสอยู่กับพี่องศาสองต่อสอง ก็เสียใจด้วยนะ เพราะวันนี้เค้าไม่เข้า เชิญอยู่กับรปภ.ไปก็แล้วกัน”
รุ้งลดาพูดจบก็เดินออกไปจนเหลือพริบพราวอยู่คนเดียว พริบพราวเศร้า
“ฉันอยากให้เธอเห็นจริงๆ ตอนที่ฉันบอกณนต์ว่าเธอมาทำงานที่นี่แล้วพยายามจะอ่อยพี่องศา..ณนต์ทำหน้ารังเกียจเธอมากขนาดไหน” เสียงรุ้งลดาดังก้อง
“ปกติณนต์ก็เกลียดเราอยู่แล้ว..เกลียดเพิ่มขึ้นอีกสักเรื่อง ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”
พริบพราวพูดกับตัวเองอย่างน่าสงสาร เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อดึงสมาธิกลับมาที่งาน
“รีบทำภาระกิจของเราให้สำเร็จ จะได้รีบๆไปจากที่นี่”
พริบพราวคิดแล้วก็หันไปที่ห้องทำงานขององศา
พริบพราวเข้ามาในห้องทำงานองศาอย่างระมัดระวัง เธอเอามือถือออกมาและกดปุ่มอัดคลิป
พริบพราวตั้งสติ “วันนี้ดิฉันเริ่มพบว่ามีการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติของบริษัทหลักทรัพย์ โอเอ็นจี ดิฉันเข้ามาในห้องของนายองศาซีอีโอของบริษัท เพื่อหาหลักฐานว่าเค้ารับรู้การซื้อขายที่ผิดปกตินี้หรือเปล่า และเป็นการทำผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าใช่ นายองศาจะมีความผิด และบริษัทก็อาจจะถูกเพิกถอนในอนุญาตได้ค่ะ”
พริบพราวหันกล้องมาที่โต๊ะทำงานขององศา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงองศาพูดพร้อมกับเสียงเปิดประตูบริษัท
“คุณชาลีมีอะไรด่วนครับ ทำไมอยู่ๆถึงให้ผมมาคุยที่ออฟฟิศ”
พริบพราวสะดุ้งแล้วหันขวับไป องศากับชาลีเดินเข้ามาพร้อมกัน พริบพราวตกใจ
พริบพราวเปรยเบาๆ “เฮ้ย ไหนบอกว่าไม่เข้า”
พริบพราวเลิ่กลั่กแล้วก็หันไปหาที่ซ่อนทันที พริบพราวหันไปที่ตู้เก็บเอกสารทันที
อ่านต่อหน้าที่ 3
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 13 (ต่อ)
ประตูห้ององศาเปิดผัวะเข้ามา พริบพราวไม่อยู่แล้ว องศาเดินนำชาลีเข้ามา
“ผมมีเรื่องด่วนมากๆ และลับมากๆ ไม่อยากคุยทางโทรศัพท์ แล้วก็ไม่อยากคุยข้างนอก คุยในออฟฟิศปลอดภัยที่สุด ไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนแอบฟัง”
พริบพราวนั่งอยู่ในตู้แอบฟังสุดฤทธิ์ เธอใจเต้นโครมครามแล้วก็ค่อยๆหยิบมือถือออกมาและกด
อัดเสียงทันที
องศาตื่นเต้นอย่างแรง
“โห...คุณชาลีเกริ่นซะผมอยากรู้เลย..ความลับอะไรเหรอครับ”
“ผมมีข้อมูลจากคนในบริษัทที่กำลังจะได้สัมปทานทำเหมืองทองคำในอเมริกา .. ถ้าเราช้อนซื้อหุ้นไว้ตอนนี้ รับรองรวย...รวย..และรวย รวยแบบคุณจินตนาการไปไม่ถึงแน่นอน”
องศาตาโตแล้วละล่ำละลักถาม “แล้วถ้าผมอยากรวยแบบเกินจินตนาการผมต้องช้อนซื้อไว้เท่าไหร่”
“ถ้าเป็นผม..มีเงินเท่าไหร่ ผมซื้อหมด...และไม่ใช่แค่เงินของผม” ชาลียื่นหน้าเข้ามา “เงินของลูกค้าในบริษัทคุณมีเท่าไหร่ ผมก็จะเทมาซื้อให้หมด”
พริบพราวอึ้ง
“แต่...เงินของลูกค้า ถ้าโยกมาซื้อในชื่อผม..มันผิดกฎหมายนี่ครับ”
“เราก็คิดซะว่า.. “ยืมมาใช้” ไม่ได้โกง...แต่ “ยืม” มาแป๊บเดียวเอง ช้อนซื้อหุ้นเหมืองทองคำเก็บไว้ พอได้ราคาเราก็ปล่อยขาย” ชาลีจับไหล่ “อย่าลืมสิครับ..สมัยนี้ เราต้องใช้เงินทำงาน ... รวยง่ายๆ ไม่ต้องเหนื่อย”
ชาลีเกลี้ยกล่อม องศายิ้มตาวาวอย่างเห็นด้วยมากๆ พริบพราวเครียด
เช้าวันต่อมาที่บริษัทนารากร นิดาหน้าเครียดอยู่ในห้องประชุมที่มีพนักงานมานั่งๆ ยืนๆ ฟังกันกันเกือบหมด ลิลลี่ยืนดมยาดม แสนดี รุจน์และปราณนต์ยืนกับพนักงาน นิดายืนอยู่หน้าห้อง พีระและรันยืนขนาบข้าง โดยที่ด้านหลังมีเครื่องถ่ายเอกสารตั้งอยู่
“ที่นิดาเรียกทุกคนมาในวันนี้ เพราะมีเรื่องใหญ่มากเกิดขึ้นในบริษัทของเรา .. หลายคนก็รู้ดีกว่า...เครื่องถ่ายเอกสารเครื่องนี้เสียมาเป็นเดือนแล้ว”
แสนดีโพล่งออกมา
“เครื่องถ่ายเอกสารเสียเนี่ยนะ เรื่องใหญ่มาก” แสนดีว่า นิดาหันมาจิกตาดุ แสนดีจ๋อย “ขอโทษค่ะ ... แหะๆ”
“ที่เรียกมาไม่ใช่จะมาบอกเรื่องเครื่องถ่ายเอกสารเสีย แต่สิ่งที่จะบอกคือ..ช่างค้นพบต้นเหตุที่เครื่องเสีย นั่นก็คือ มีเอกสารติดอยู่ด้านใน” นิดาชูกระดาษขึ้น “และเอกสารแผ่นนั้นก็คือประวัติของลูกค้า “ แสนดีขะงักกึก
รันเสริม “ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าประวัติลูกค้าถือเป็นความลับของบริษัท ห้ามทำสำเนาหรือนำออกนอกบริษัทเด็ดขาด ถือว่าผิดระเบียบและจะต้องโดนไล่ออกทันที”
แสนดีหน้าเสีย
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา แสนดีถ่ายเอกสารประวัติลูกค้าแต่เอกสารติด แสนดีลองเปิดเครื่องและหาจุดเสียแต่ก็ไม่พบ แสนดีกดถ่ายต่อไม่ได้จึงทำหน้าเซ็งๆ แล้วก็เอากระดาษมาเขียนแปะไว้ตัวโตว่า “เครื่องเสีย”
เหตุการณ์ปัจจุบัน แสนดีหน้าเสีย
“เพราะฉะนั้นทางบริษัทขอให้คนทำสารภาพเพื่อสอบสวน ถ้ากระทำโดยไม่เจตนาอาจจะลดโทษให้” พีระบอก แสนดีหน้าซีด “ตกลง...ใครเป็นคนทำครับ”
บรรยากาศตึงเครียด ปราณนต์ฟังแบบไม่ค่อยสนใจนักเพราะตัวเองไม่ได้ทำ แต่ละคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ลิลลี่พูดขึ้น “แล้วถ้าคนทำ...ลาออกไปแล้วหล่ะคะ”
ปราณนต์ชะงักกึก
ลิลลี่พูดต่อ “คือคนที่อยู่จะถ่ายเอกสารทำไมคะ ในเมื่อประวัติพวกนี้ถ้าเราอยากดูเดินไปเปิดดูก็ได้ไม่เห็นต้องถ่ายเอกสาร .. นอกจากเราจะย้ายไปที่อื่นและอยากเอาประวัติลูกค้าไปด้วย เพื่อชวนไปเปิดพอร์ตที่บริษัทใหม่ .. แบบนี้มันค่อยเป็นไปได้หน่อย”
รุจน์โพล่งออกมา “น้องพริบพราว”
ปราณนต์หน้าเสียและอึ้งๆ เขาแอบคล้อยตาม ลิลลี่หันมาทางแสนดีเพื่อหาพวก
“พี่แสนดีว่ามั้ยคะ”
“เอ่อ...เอ่อ...” แสนดีไม่อยากโกหกแต่สถานการณ์มันพาไป “มันก็ใช่” แสนดีหลบตาแล้วพูดไม่เต็มปาก
รุจน์เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง “น้องลิลลี่พูดถูก ฉลาดมาก” รุจน์จับไหล่ชื่นชมแบบแอบเนียน ลิลลี่สะบัด เดินหนีเพราะจะอ้วกใส่ รุจน์รีบพูดต่อ “ยิ่งถ้าเป็นลูกค้าเก่าๆ ที่เคยดีลไว้..เราก็คงอยากได้ไปด้วย ผมขอดูหน่อยครับว่าประวัติลูกค้าที่ค้างอยู่เป็นใคร”
รุจน์ดูเอกสารที่ยับยู่ยี่แล้วก็ผงะ
“ลุงไกร !! ลูกค้าของน้องณนต์ กับน้องพราว”
ปราณนต์ชะงักกึก
เหตุการณ์ตอนไกรสรยอมเปิดพอร์ต พริบพราวและปราณนต์ดีใจมากย้อนกลับมา
ปราณนต์หน้าเครียด ความผิดหวัง ความไม่เข้าใจ และความโกรธ ปะทะมาในจุดเดียวกันซึ่งเป็นจุดแตกหัก ปราณนต์ที่เข้าใจทุกคนบนโลกเริ่มจะไม่เข้าใจในตัวพริบพราว ปราณนต์เดินมาหารุจน์แล้วคว้ากระดาษไปจากมือทันที
“ผมจัดการเอง” ปราณนต์บอก
ปราณนต์เดินหน้าเครียดออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนตกใจ รันอยูใกล้สุดจึงรีบเดินตามออกไป ที่
เหลือยืนงง แสนดีหน้าเสียเพราะรู้สึกผิด แต่ก็กลัวความผิด
อวัศยาเดินมาตามทางเดิน ปราณนต์เดินมาอีกมุม เขาหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก อวัศยาเห็นปราณนต์
อวัศยายิ้ม “ณนต์ ...”
ปราณนต์ไม่ทันเห็นและกำลังคุยโทรศัพท์
ปราณนต์พูดโทรศัพท์ “รุ้งบริษัทคุณอยู่ไหน”
ปราณนต์เดินลิ่วๆ ด้วยสีหน้าเครียดและไม่ทันสังเกตเห็นอวัศยาและไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น อวัศยางง รันเดินมาพอดี
“รัน..เกิดอะไรขึ้น”
อวัศยาถามด้วยความงุนงงและเป็นห่วง
พริบพราวกำลังคุยโทรศัพท์เบาๆ อย่างระมัดระวัง
“พี่ลิป .. พราวส่งคลิปเสียงไปแล้วนะคะ ฝากเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย พราวจะคอยจับตาดูว่านายองศาทำตามที่คิดหรือเปล่า ถ้าเค้าเอาเงินลูกค้าไปใช้จริงๆ พราวจะรีบบอกพี่ลิปทันทีค่ะ”
ลิปดากำลังขี่มอเตอร์ไซด์โดยคุยโทรศัพท์ผ่านบลูธูทที่หมวกกันน็อค
“พราวระวังตัวด้วย..อย่าเข้าไปใกล้จนตัวเองเป็นอันตรายรู้หรือเปล่า”
พริบพราวรับคำ “ค่ะ”
ประตูออฟฟิศเปิดออกมาพร้อมกับปราณนต์ที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเครียด
พริบพราวหันไปเห็นพอดีก็อึ้ง ช๊อค และตกใจ
“พี่ลิปคะ..แค่นี้ก่อนนะคะ..ณนต์” พริบพราวอึ้ง “ณนต์มาที่ออฟฟิศค่ะ”
ปราณนต์มองหาพริบพราว รุ้งลดาเสนอหน้ามาชี้ห้องพริบพราว ปราณนต์รีบเดินไปทันที
ลิปดาแปลกใจ “ณนต์..ปราณนต์เนี่ยนะ มาทำไม”
พริบพราวกำลังตื่นเต้น งงๆ และตกใจ “ไม่รู้ค่ะ”
ประตูห้องเปิดเข้ามาอย่างแรง ปราณนต์เดินพุ่งเข้ามาหาพริบพราวและวางเอกสารบนโต๊ะอย่างแรง ปราณนต์โวยใส่หน้าพริบพราวด้วยโทสะ
“คุณทำแบบนี้ทำไม”
พริบพราวสะดุ้งนิดๆ
ลิปดาได้ยินก็ตกใจไปด้วย “พราว”
พริบพราวพูดเบาๆ กับลิปดา
“แค่นี้ก่อนนะคะ”
พริบพราววางสายแล้วมองหน้าปราณนต์ ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน ปราณนต์โกรธ พริบพราวพยายามตั้งสติ รุ้งลดามองอย่างสะใจ
ลิปดาสบถเบาๆ
“บ้าจริงๆ”
ลิปดาหักรถเลี้ยวกลับทันทีด้วยความเป็นห่วงทั้งพริบพราวและปราณนต์
พริบพราวกับปราณนต์เผชิญหน้ากัน
ปราณนต์ชูเอกสารขึ้น “มีคนเจอประวัติลูกค้าติดอยู่ในเครื่องถ่ายเอกสารที่บริษัท เอกสารพวกนี้เป็นความลับ ผมอยากรู้แค่ว่า..คุณเตรียมการณ์จะดึงลูกค้าจากนารากรมาที่นี่ใช่มั้ย”
“มะ...” พริบพราวจะปฎิเสธ
พริบพราวชะงักกึกแล้วคิดถึงคำพูดขององศา
ภาพตอนที่องศาบอกว่าให้มาทำงาน เพราะแสนดีจะมาพร้อมกับลูกค้าย้อนกลับมา
ภาพตอนที่แสนดีถ่ายเอกสารย้อนกลับมา
พริบพราวชะงักแล้วก็เริ่มคิด ปราณนต์ย้ำ
“ตอบมาสิ...คุณแอบถ่ายประวัติลูกค้า และคิดจะขโมยข้อมูลมาที่นี่ใช่มั้ย”
พริบพราวตัดสินใจโกหก “ใช่ ฉันเป็นคนทำเอง”
ปราณนต์มองพริบพราวด้วยความผิดหวัง พริบพราวมองด้วยความเย็นชาแม้ข้างในจะเสียใจแต่ก็พยายามเก็บไว้
รุ้งลดาห่อปากคิดในใจว่า “อู้ว แซ่บ” องศาเดินเข้ามาทางด้านหลังพอดี องศาเห็นคนในบริษัทมองมาที่ห้องพริบพราวก็มองตามด้วยความแปลกใจ
ปราณนต์ปวดใจแล้วก็พูดออกมาด้วยความโกรธ
“ที่ผ่านมาคุณหลอกผม ผมพอจะให้อภัยได้ แต่ตอนนี้คุณกำลังโกงบริษัท ขโมยข้อมูลออกมาอย่างไม่มีจริยธรรม คุณทำแบบนี้ได้ยังไงพราว คุณต้องการอะไรอีก ต้องการเป็นที่หนึ่ง ต้องการเป็นผู้ชนะ ความต้องการของคุณมันจะไปสิ้นสุดที่ไหน ต้องหักหลัง ต้องทรยศคนที่ไว้ใจคุณไปอีกมากแค่ไหน คุณถึงจะพอ”
พริบพราวอยากจะอธิบาย แต่เหลือบไปเห็นองศาเดินมา พริบพราวจึงจำต้องกัดฟันพูด
“ฉันไม่พอ เพราะฉันต้องการทุกอย่าง ลูกค้าพวกนี้เป็นลูกค้าที่ฉันหามาได้ ถ้าฉันจะดึงเค้ามาที่นี่ มันจะผิดตรงไหน”
ปราณนต์เจ็บจี๊ด เขามองพริบพราวด้วยความผิดหวังอย่างรุนแรง องศาได้ยินพอดีก็ยิ้ม
“พราวพูดถูก” องศาพูด ปราณนต์ชะงักกึกรังสีความชั่วร้ายแผ่ซ่าน “ที่แกเดือดร้อน จนถึงกับต้องมาต่อว่าพราวถึงที่นี่ เพราะกลัวว่าถ้าลูกค้าตามพราวมาหมด แกจะไม่มีปัญญาหาลูกค้าใหม่หล่ะสิ” องศายิ้มเหยียด
ณนต์ปรายตามององศาเหยียดๆ “ผมคุยกับพราว ไม่ได้พูดกับคุณ”
องศารู้สึกเสียหน้าต่อหน้าหญิง “นี่แกหาว่าฉันเสือกเหรอ”
“ใช่ รู้ตัวก็เงียบไปได้แล้ว”
องศาของขึ้นเลย “มึงนั่นแหละที่ต้องเงียบ”
องศาปรี๊ดและต้องการโชว์แมนต่อหน้าพริบพราวจึงปล่อยหมัดตรงเข้าที่หน้าปราณนต์อย่างแรง พลั่ก ปราณนต์เซล้มลงไปที่พื้น
ปราณนต์ร้อง “โอ้ย”
พริบพราวตกใจเกือบจะหลุดปากเรียกชื่อและเกือบจะพุ่งตัวเข้าไปดูเขาด้วยความเป็นห่วง
“ณ...” พริบพราวรู้สึกตัวจึงรีบยั้งปากไว้
พริบพราวเป็นห่วงปราณนต์ใจจะขาดแต่ต้องทำเป็นไม่สนใจทั้งที่น้ำตานองอยู่ในใจ รุ้งลดาที่ยืนอยู่หน้าห้องสะดุ้งตกใจ เธอเจ็บจี๊ดพอกันที่องศาแคร์พริบพราวมากขนาดนี้ คนในบริษัทชะเง้อมอง
ปราณนต์เงยหน้าขึ้นมาในสภาพเลือดออกซิบๆ ที่มุมปาก ปราณนต์มองหน้าพริบพราวก็เจอกับสายตาที่เย็นชา ปราณนต์ปวดใจหนักเข้าไปอีก พริบพราวจำต้องมองปราณนต์ด้วยแววตาเฉยชา องศาหันมายิ้มกับพริบพราว ปราณนต์เห็นก็ยิ่งปวดใจ
อวัศยาเดินพรวดเข้ามาในบริษัทองศาแล้วกวาดตามองจนเจอพนักงานที่กำลังมองไปที่ห้องพริบพราว อวัศยารีบมองตามก็เห็นปราณนต์ล้มกองอยู่ที่พื้น
“ณนต์”
อวัศยารีบเดินไปดูทันที
ปราณนต์จะยันตัวลุกขึ้น องศาจะเข้าไปซ้ำ พริบพราวรีบมากันและต้องทำเป็นไล่
“ออกไปได้แล้ว .. และหวังว่าจะไม่มาที่นี่เพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก”
ปราณนต์หันขวับมาทันที “ไร้สาระ เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่มากนะพราว คุณกำลังทำผิด คุณขโมยข้อมูล และถ้ามีใครเอาเรื่องนี้ไปฟ้อง กลต. นารากรมีสิทธิ์โดนปิด และจะโดนลูกค้าฟ้องฐานทำข้อมูลเค้ารั่วไหล ที่ผมมา..มันไม่ไร้สาระ ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ผมก็ไม่อยากมาเหมือนกัน”
ปราณนต์พูดด้วยแววตาแค้นเคืองจนพริบพราวรู้สึกได้ พริบพราวต้องกลั้นความเสียใจไว้และฝืนทำเสียงแข็ง
“ก็ดีเพราะฉันก็ไม่อยากให้นายมา ออกไปได้แล้ว”
อวัศยาเดินมาถึงพอดี องศาปรายตาไปเห็นก็พูดเสียงเยาะเย้ย
“แม่มารับแล้ว รีบกลับไปฟ้องพ่อนาย ว่าโดนฉันต่อยลงไปกองที่พื้น ทีหลังจะได้ไม่ปล่อยให้ออกมาวิ่งเล่นเพ่นพ่าน” องศาทำท่าล้อ
ปราณนต์จะพุ่งเข้าไปใส่ องศาผงะถอย อวัศยารีบเข้ามาจับตัวไว้แล้วปราม
“ณนต์..กลับ...”
ปราณนต์ชะงักมองหน้าอวัศยา อวัศยามองปราณนต์ด้วยความเข้าใจและหนักแน่น ปราณนต์ได้สติกลับมา อวัศยาประคองปราณนต์เดินไป
ก่อนไปปราณนต์หันมาพูดทิ้งท้าย “ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ .. ที่ผ่านมาคุณหลอกผมได้อย่างแนบเนียน..ในทุกๆเรื่อง ทั้งเรื่องงาน..และเรื่องความรัก”
ปราณนต์เจ็บจี๊ด เขาค่อยๆหันหลังและเดินออกไปพร้อมกับอวัศยา พริบพราวมองด้วยความปวดใจแต่ไม่แสดงออก องศามองเหยียด รุ้งลดามององศาด้วยความแค้น เธอหันหลังเดินหลบออกไปทันที
ปราณนต์กับศยาเดินออกไปท่ามกลางสายตาพนักงานที่มองมาตามทาง
องศาหันมาทางพริบพราว
“พราวครับ” องศาเดินเข้ามาจับมือพริบพราวแบบเนียนๆ “หายตกใจหรือยัง”
พริบพราวดึงมือออก “หายแล้วค่ะ ... พราวมีงานต้องทำต่อ ขออยู่คนเดียวนะคะ”
องศาชะงัก พริบพราวหันหลังไปทำงาน องศาจำต้องเดินออกไปอย่างเซ็งๆ องศาออกไปปิดประตู พริบพราวเหลืออยู่คนเดียวในห้อง
ภาพตอนที่ปราณนต์โดนต่อยล้มลงและคำพูดไม่มีเยื่อใยของปราณนต์ดังก้องในหัวของพริบพราว
“ผ่านมาคุณหลอกผม ผมพอจะให้อภัยได้ แต่ตอนนี้คุณกำลังโกงบริษัท ขโมยข้อมูลออกมาอย่างไม่มีจริยธรรม คุณทำแบบนี้ได้ยังไงพราว …. ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ผมก็ไม่อยากมาเหมือนกัน ... ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ .. ที่ผ่านมาคุณหลอกผมได้อย่างแนบเนียน..ในทุกๆเรื่อง ทั้งเรื่องงาน..และเรื่อง...ความรัก”
พริบพราวน้ำตาร่วงแล้วพูดกับตัวเองเบาๆ “ฉันอาจจะหลอกคุณเรื่องที่ฉันเป็นแอบรัก..แต่ความรู้สึกที่ฉันมีให้คุณ...ฉันไม่เคยหลอกคุณเลย”
พริบพราวร้องไห้กับตัวเองโดยไม่มีใครรู้
ปราณนต์นั่งหน้าเศร้า มุมปากของเขามีรอยช้ำ อวัศยาส่งทิชชูเปียกให้
“เช็ดไปก่อนนะ เดี๋ยวค่อยกลับไปทำแผล”
ปราณนต์รับมา “ขอบคุณครับ.. มาถึงวันนี้ผมรู้สึกว่า..ผมไม่รู้จักพราวสักนิด ตลอดเวลาที่คบกัน ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของเค้าเลย..คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเค้าจะเป็นคนแบบนี้ .. ไม่อยากจะเชื่อเลย”
ปราณนต์เสียใจ อวัศยาโอบไหล่ปราณนต์เพื่อปลอบใจ
“ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งตัดสินตอนที่โกรธ บางทีมันอาจจะมีอะไรที่ซ่อนอยู่ก็ได้”
“ผมเชื่อว่ามันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ แต่สิ่งที่ซ่อน...คงไม่ใช่เรื่องที่ดี”
ปราณนต์ผิดหวังอย่างรุนแรง อวัศยาเห็นแล้วตัดสินใจเงียบดีกว่าเพราะยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่
ปราณนต์คิดแล้วก็ระบายออกมาด้วยความผิดหวัง “ยิ่งผมรู้จักพราว ผมยิ่งไม่เข้าใจว่าเค้าคิดอะไรอยู่ .. สิ่งที่เค้าแสดงออกมาอะไรคือความจริง หรือ .. มันไม่มีความจริงอยู่เลย”
อวัศยามองปราณนต์ที่เสียใจเรื่องพริบพราวแล้วก็แอบเจ็บนิดๆ ที่เห็นว่าปราณนต์แคร์พริบพราวมากขนาดนี้
ลิปดาเดินเข้ามาด้วยความร้อนใจแล้วก็ต้องชะงักกึกที่เห็นอวัศยานั่งโอบไหล่ปราณนต์เพื่อปลอบใจแต่ดูห่างๆ เหมือนรักกันมาก ลิปดาถอยกลับมาแล้วแอบหลบเข้ามุมตึกด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
พริบพราวอยู่ในห้องทำงานอย่างเศร้าๆ
ปราณนต์นั่งเศร้าโดยมีอวัศยาปลอบใจ อวัศยาเห็นปราณนต์แคร์พริบพราวมากก็รู้สึกเศร้า
ลิปดาก็ยืนเศร้าอยู่อีกมุมหนึ่ง
พริบพราว ปราณนต์ อวัศยา และลิปดาทั้งสี่คนต่างคนต่างเศร้าอย่างไร้ทางออก
แจนถามลิปดาด้วยความตกใจ
“พี่องศา ญาติลิปเนี่ยนะยักยอกเงินลูกค้า เรื่องใหญ่นะเนี่ย”
แจนกับลิปดาคุยไปเก็บของในร้านไปเพราะร้านของแจนปิด มีป้าย “ขายกิจการ สนใจติดต่อหลังร้าน” ติดอยู่
ลิปดาพูด “ทั้งใหญ่และผิดกฎหมาย พี่องศาคิดว่าการทำบริษัทหลักทรัพย์เป็นเรื่องง่าย แค่เอาเงินคนอื่นมาดูแล มาบริหาร แต่สิ่งที่ยากที่สุด คือ การบริหารความโลภของตัวเอง เงินคนอื่นอยู่ตรงหน้าหลายร้อยล้าน เราต้องไม่ให้ความโลภครอบงำ และต้องคิดไว้เสมอว่าเงินของลูกค้า..ไม่ใช่เงินของเรา”
“น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย” แจนว่า
“ในทุกวงการมันก็มีทั้งคนดี คนไม่ดี ใครที่คิดจะลงทุนก็ต้องศึกษาให้ดีๆว่าบริษัทที่เราจะเปิดพอร์ตด้วย ไว้ใจได้หรือเปล่า เคยได้ยินมั้ยที่เค้าบอกว่า” ลิปดาพูดเสียงเป็นทางการ “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน” ลิปดาพูดเน้น
“เออ ก็จริง... นี่กลับมาเรื่องพี่องศา.. ลิปจะทำยังไงต่อ” แจนถาม
“พราวพยายามหาหลักฐานที่เป็นเอกสารยืนยันว่าพี่องศาโยกเงินลูกค้าไปซื้อหุ้นในชื่อของตัวเอง โดยลูกค้าไม่ได้เห็นชอบ ถ้าได้หลักฐานผมจะคุยกับพี่องศาให้หยุดและคืนเงินให้ลูกค้า ก็ได้แต่หวังว่าเค้าจะฟัง”
“เดี๋ยวเมื่อกี๊บอกว่า..พริบพราวเนี่ยนะจะไปหาหลักฐาน จะไปหายังไง”
แจนถามด้วยความแปลกใจ
วันหยุด บริษัทองศาไม่มีคนอยู่ พริบพราวเดินเข้ามามองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังพอเห็นว่าไม่มีคน พริบพราวก็รีบเดินไปที่ห้ององศา พอเปิดเข้าไปก็ต้องผงะ ช๊อค เพราะมีคนยืนอยู่
“เฮ้ย !”
รปภ. คือคนที่ยืนอยู่ พริบพราวตั้งสติ
“เฮ่อ...ตกใจหมดเลย”
“วันนี้วันหยุด คุณพริบพราวเข้ามาทำอะไรครับ”
“เอ่อ..คือ ฉันมีงานด่วนต้องรีบทำให้เสร็จ”
“แต่นี่เป็นห้องคุณองศา”
“อ๋อ..คือ..ฉันต้องการข้อมูลในห้องนี้น่ะ แต่ฉันบอกคุณองศาไว้แล้วนะ”
“อ่อ ครับ”
รปภ.เดินออกไปและเดินเข้าไปเช็คความเรียบร้อยในห้องอื่นต่อ พริบพราวมองจนแน่ใจว่า รปภ.ไปแล้วก็รีบมาเปิดคอมพิวเตอร์องศา
รปภ. ทำเป็นตรวจห้องอื่น แต่พอหันหลังก็หยิบโทรศัพท์มากดโทร.ออก
รปภ.รอจนมีคนรับ “คุณรุ้งครับ ผมมีเรื่องด่วนจะรายงานครับ”
รุ้งลดาเดินฉับๆเข้าไปในบริษัททันที
พริบพราวเชคคอมพิวเตอร์องศาแต่ก็ไม่เจอ
“ไม่มีอะไรที่จะเป็นหลักฐานได้เลย” พริบพราวคิด “เอาไงดี”
พริบพราวรีบปิดคอมพิวเตอร์
รุ้งลดาเดินพรวดเข้ามาในออฟฟิศ รปภ. รีบเข้ามารายงาน
รุ้งลดาถามเบาๆ “มันอยู่ไหน”
“เมื่อกี๊ผมเห็นทำงานอยู่ในห้องเจ้านายครับ”
“หะ ห้องพี่องศา”
รุ้งลดารีบเดินพุ่งไปทันที
รุ้งลดาเปิดประตูห้ององศาเข้ามาผัวะแต่ห้องว่างเปล่า รุ้งลดาแปลกใจ
“ไม่เห็นมี .. นังพริบพราวมันหายไปไหน”
พริบพราวรื้อดูเอกสารในกล่องแต่ก็หาไม่เจอ
“ไม่มีอะไรที่จะเอาผิดได้สักอย่าง .. ไม่จริง มันต้องมีสิ มันต้องอยู่ที่ไหนสักแห่ง”
รปภ.ตอบซื่อๆ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าอยู่ที่ไหน”
“คนทั้งคน หายไปไหน ทำไมไม่รู้”
รุ้งลดาโวยวาย รปภ. จ๋อย
พริบพราวรื้อจนทั่วจนเริ่มหมดหวัง
“เฮ่อ หาจนทั่วแล้วไม่เห็นมีเลย !! ไม่หามันแล้ว”
พริบพราวลุกพรวดขึ้นแต่จังหวะลุกเสียหลักทำให้เซไปชนชั้นวางเอกสารล้มลง
“ว้าย” พริบพราวหันไปดูที่ชั้นเอกสารแล้วก็ชะงัก เพราะหลังชั้นเห็นว่ามีกล่องเอกสารวางซ่อนไว้อยู่
พริบพราวตาโตรีบพุ่งเข้าไปเปิดดูทันที
รุ้งลดาชะงัก “ได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าเมื่อกี๊ผมได้ยินแต่เสียงคุณรุ้ง เต็มสองหูเลย” รปภ. บอก
“ทะลึ่ง ! ฉันไม่ได้พูดเล่น ฉันได้ยินเสียงเหมือนของหล่น” รุ้งลดาบอก
รุ้งลดาหันขวับไปมองหาต้นเสียง
พริบพราวเปิดกล่องออกมาก็เห็นเอกสารวางไว้เพียบ พริบพราวรีบหยิบมาดูแล้วก็ตาลุกวาว
“นี่ไงเจอแล้ว เอกสารสั่งโยกย้ายเงินโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากลูกค้า...นายองศากำลังโยกเงินลูกค้าไปลงทุนของตัวเองจริงๆด้วย เลวที่สุด”
เสียงรุ้งลดาดังเข้ามาจากหน้าห้อง “ฉันได้ยินเสียงดังมาจากแถวนี้”
พริบพราวตกใจ “เฮ้ย”
พริบพราวรีบหยิบถุงผ้าที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็กแล้วยัดเอกสารทั้งหมดลงในถุง
รุ้งลดาเดินมาถึงบริเวณห้องเอกสาร แต่เลือกเปิดเข้าไปห้องเก็บของที่อยู่ติดกัน
“ฉันว่าห้องนี้”
รุ้งลดาเดินเข้าไปเลย รปภ. รีบเดินตามเข้าไป
พริบพราวเก็บเอกสารเสร็จแล้วก็รีบเอามาสะพายติดตัว ก่อนจะเลื่อนกล่องและชั้นเข้าที่เดิมแล้วรีบเดินมาที่ประตู
รุ้งลดาออกมาจากห้องเก็บของ รปภ. เดินตามออกมา
รุ้งลดาหงุดหงิด “ไม่มี นังพริบพราว มันหายไปไหนของมัน”
พริบพราวกำลังเปิดประตูออกมา แต่พอเห็นรุ้งลดายืนอยู่ก็ตกใจจึงรีบปิดกลับไปเหมือนเดิม รุ้งลดารู้สึกเหมือนปลายหางตาเห็นอะไรบางอย่างจึงหันขวับ
“ห้องเก็บเอกสาร”
รุ้งลดารีบเดินมาทันที เธอเปิดประตูเข้าไปแล้วเปิดไฟฟึ่บแต่ก็ว่างเปล่า ไม่มีคน มีแต่เอกสารวางบนชั้นระเกะระกะ รุ้งลดาเดินเข้ามาสอดส่ายสายตาอย่างระมัดระวัง รปภ. เดินตามเข้ามา ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง พริบพราวค่อยๆโผล่ออกมาจากหลังชั้น
พริบพราวกลืนน้ำลายด้วยความตื่นเต้น เธอพยายามขยับตัวให้เงียบที่สุด พริบพราวกระชับถุงเอกสารไว้อย่างดีเพราะสำคัญยิ่งชีวิต
รุ้งลดากับรปภ. กวาดสายตาในห้องเก็บเอกสาร พริบพราวค่อยๆ แทรกตัวออกจากประตูให้
เบาและเงียบที่สุด แล้วพริบพราวก็ค่อยๆ เอาตัวเองแทรกออกมาจากประตูได้สำเร็จ ทันทีที่หลุดพ้น
ประตูรุ้งลดาก็รู้สึกเหมือนเห็นอะไรที่หางตาจึงหันขวับมาแต่ก็เจอแต่ความว่างเปล่า รุ้งลดาเริ่มเอะใจจึงหันหลังเดินมาที่ประตู
พริบพราวรีบถอดรองเท้าส้นสูงแล้ววิ่งให้เร็วและเงียบที่สุด
รุ้งลดากำลังจะออกจากห้องเก็บเอกสาร
พริบพราวกำลังจะวิ่งไปถึงประตู แต่ดันสะดุดทำให้เอกสารร่วงกระจายเต็มพื้น พริบพราวล้มฟุบลงที่พื้น
“โอ้ย” พริบพราวรีบปิดปาก
รุ้งลดาเปิดประตูออกมาแต่ไม่เห็นใคร เพราะพริบพราวล้มอยู่ที่พื้น
พริบพราวที่ล้มฟุบอยู่ที่พื้นมองผ่านกระจกประตูใต้โต๊ะไปเห็นขารุ้งลดา พริบพราวนอนฟุบตัวแข็งทื่อ รุ้งลดากวาดตามองไปรอบๆ แล้วก็ไม่เห็นอะไร รุ้งลดาเดินเข้าไปดูอีกห้อง รปภ. รีบเดินตาม
พริบพราวรีบเก็บเอกสารอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งออกจากบริษัทไปทันที พอวิ่งพ้นประตู เสียงประตูปิดดัง
รุ้งลดาชะงักแล้วรีบเดินออกมาทันที พริบพราววิ่งพรวดพราดออกจากบริษัท รุ้งลดาเห็นแวบๆ
“นังพริบพราว !!! ต้องเป็นมันแน่ๆ !! นังพราว นังพราว” รุ้งลดาบอกรปภ. “รีบวิ่งตามมันไปสิ”
“ครับๆ”
รปภ.รีบวิ่งตามไป รุ้งลดารีบเดินตามไปด้วยความร้อนใจและสงสัยสุดๆ
พริบพราววิ่งพรวดพราดออกมาที่รถ เธอรีบขึ้นรถ วางเอกสาร ล็อครถ และสตาร์ทรถออกไปทันที
รุ้งลดาและรปภ.วิ่งตามออกมา
“คุณพริบพราวไปแล้ว” รปภ. หอบ “ปะ...ไปโน่นแล้วครับ”
“เออ ไม่ต้องบอก ฉันมองเห็น” รุ้งลดาพูดเบาๆ “นังพริบพราวแกมาทำอะไร ? ทำไมต้องหลบๆซ่อนๆด้วย”
รุ้งลดาจิกตาด้วยความไม่วางใจ
องศาคุยกับรุ้งลดาในคอนโดมีเนียมที่เปิดทีวีทิ้งไว้ด้านหลัง
“รุ้งคิดมากเกินไปหรือเปล่า พราวเค้าก็อาจจะแวะมาทำงานจริงๆ ตามที่เค้าบอกกับรปภ.ก็ได้”
“พี่องศานั่นแหละที่คิดเข้าข้างมันเกินไป ถ้ามันมาทำงาน ทำไมต้องทำตัวหลบๆซ่อนๆด้วย รุ้งว่ามันต้องทำอะไรลับหลังเราอยู่แน่ๆ รุ้งต้องรู้ให้ได้”
“ไม่เอาน่า อย่าหาเรื่อง พี่กำลังจะทำงานใหญ่ อย่าให้กรวดเม็ดเล็กๆในรองเท้าทำให้เราต้องสะดุด”
“งานใหญ่อะไรคะ” รุ้งลดาถาม
“พี่ซื้อหุ้นบริษัทที่มีข่าววงในว่าจะได้สัมปทานทองคำในอเมริกา ตามข้อมูลที่คุณชาลีให้มา รับรองว่าถ้าขายหุ้นตัวนี้ได้เมื่อไหร่ รวยเละ ถึงวันนั้นไม่ใช่แค่พริบพราวแต่ทั้งนารากรเราก็ซื้อได้”
รุ้งลดาตาโตวาว “ว้าว..แสดงว่าพี่องศาต้องซื้อไปเยอะแน่ๆ ซื้อไปเท่าไหร่คะ”
“หมดตัว .. มีเท่าไหร่เทซื้อหมด ทั้งเงินส่วนตัวและเงินบริษัท”
จากยิ้มกว้างรุ้งลดาหุบยิ้มฉับ “เงินบริษัท อย่าบอกนะคะว่า พี่องศาเอาเงินลูกค้าไปซื้อหุ้นในชื่อตัวเอง” องศายิ้มยักไหล่รับหน้าด้านๆ รุ้งลดาคิดเครียด “แบบนี้..ถ้าเกิดว่าหุ้นตัวนี้มันตก ไม่ได้ราคาตามที่เราคิด..เราจะเอาเงินที่ไหนมาคืนลูกค้า”
องศาหุบยิ้มทันที
“อย่าพูดจาอัปมงคลได้มั้ย หุ้นเหมืองทองคำตัวนี้ คุณชาลียืนยันว่าเวิร์ค ใครๆก็หาซื้อกันทั้งโลก พี่ได้มาโชคดีแค่ไหนแล้ว หุ้นตัวนี้ไม่มีวันราคาตก ไม่มีทาง”
ทันใดนั้นก็มีเสียงข่าวดังมาจากทีวี
“ขอต้อนรับเข้าสู่ช่วงบิสสิเนสรีพอร์ตครับ มีข่าวด่วนรายงานมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาตอนนี้มีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วนะครับว่าจะไม่มีการเปิดสัมปทานเหมืองทองคำ เพราะความไม่แน่นอนทางการเมือง”
องศาและรุ้งลดาอึ้ง ทั้งสองค่อยๆหันมาทางทีวี
“นักลงทุนที่ช้อนซื้อหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มว่าจะได้สัมปทานเหมืองรีบเทหุ้นขายในทันที ทำให้ราคาหุ้นในหลายบริษัทตกต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปี”
รุ้งลดากับองศาช๊อค
“หะ” รุ้งลดาหันขวับมาที่องศา “หุ้นตก...ใช่บริษัทที่พี่องศาซื้อไว้หรือเปล่าคะ”
องศาไม่ตอบ แต่ขาอ่อนจนทรุดลงไปนั่งอยู่เก้าอี้ด้วยความช๊อค
รุ้งลดาตกใจ “พี่องศา”
องศามือสั่น เขาหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกหาชาลีแต่ชาลีปิดเครื่อง
“ไอ้ชาลี...ปิดเครื่อง”
รุ้งลดาหน้าเสีย องศาหน้าซีด โทรศัพท์มือถือดังขึ้น องศารีบกดรับนึกว่าชาลีโทรกลับมา
“ฮัลโหล” องศาอึ้ง “ลิปดา”
เครื่องทดสอบการตั้งครรภ์ขึ้นสองขีด ลิลลี่ช๊อค
“ท้อง...จริงๆด้วย”
ลิลลี่ช๊อค เธอนึกถึงภาพตอนที่ตื่นมาในโรงแรมแล้วเห็นรุจน์
ลิลลี่รู้ทันทีว่าต้องเป็นครั้งนั้นแน่ๆ เธอจับท้องตัวเองด้วยความทะนุถนอม ถึงจะกังวลแต่ก็รัก
อ่านต่อหน้าที่ 4
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 13 (ต่อ)
รุจน์นั่งจ้องคอมพิวเตอร์ทำงานหน้าเครียด ลิลลี่เดินมาเหมือนจะพูดด้วยแต่พอรุจน์หันมา ลิลลี่ก็หันหนี รุจน์งงๆ
“น้องลิลลี่มีอะไรจะพูดกับพี่หรือเปล่าคะ” รุจน์ถาม
“ไม่มี” ลิลลี่บอก
“ไม่มีแน่นะ”
“แน่ !”
ลิลลี่ตะคอกปิดการสนทนาแล้วก็หันหลังไปทำงาน รุจน์ส่ายหน้างงๆ
ปราณนต์เดินมาที่โต๊ะ รุจน์หันมาเห็นปราณนต์
“อ้าวไอ้ณนต์มาแล้วเหรอ เมื่อกี๊แฟนแก เอ๊ย พี่ศยาเค้ามาถามหา บอกให้แกไปหาเค้าที่ห้องทำงาน”
“ขอบคุณครับ” ปราณนต์จะเดินไป
รุจน์คว้าแขนปราณนต์ไว้ “เฮ้ยณนต์ แก” รุจน์ดึงมากระซิบ “แน่ใจเหรอวะ จะคบกับพี่ศยา”
“ทำไมพี่ถามเงี้ย”
“คือ...ก็แค่สงสัย ที่ผ่านมาฉันก็พอดูออกว่าเค้าสนใจแก แต่ฉันไม่เคยเห็นแกสนใจเค้าเลยนะเว้ย แก...แน่ใจนะว่า ไม่ได้คบกับพี่ศยาเพราะต้องการ ประชดพราว”
ปราณนต์สะอึกไปแล้วหลบตาก่อนจะปฎิเสธ
“ผมจะทำแบบนั้นทำไม ผมคบกับพี่ศยา เพราะเรา...” ปราณนต์พูดคำว่ารักไม่ออก “รู้สึกดีๆต่อกัน .. ไม่เกี่ยวกับพราว ไม่เกี่ยว” ปราณนต์ย้ำให้ตัวเองเชื่อ “ผมไปหาพี่ศยาก่อนนะครับ”
ปราณนต์ชิ่งไปเลย รุจน์ส่ายหน้านิดๆ ด้วยความเป็นห่วง
อวัศยานั่งทำงาน เสียงเคาะประตูดังขึ้น อวัศยานึกว่าปราณนต์จึงเงยหน้ายิ้มรับพร้อมส่งเอกสารให้
“เดี๋ยวณนต์เอาเอกสารชุดนี้ไปให้คุณนิดาแล้ว ..” อวัศยะงักเพราะไม่ใช่ปราณนต์แต่เป็นแสนดี
“พี่ศยาคะ..แสนดีทนไม่ได้แล้ว แสนดีรู้สึกผิด แสนดีขยะแขยงตัวเอง แสนดีต้องมาสารภาพค่ะ แสนดีต้องสารภาพ”
อวัศยาผงะแบบงงๆ “สารภาพอะไร”
แสนดีเครียดแต่แล้วก็ตัดสินใจพูด “แสนดีเป็นคนถ่ายเอกสารประวัติลูกค้าของบริษัทเองค่ะ เอกสารที่ติดอยู่ในเครื่องเป็นของแสนดี ไม่ใช่ของพริบพราวค่ะ”
อวัศยาชะงัก
ปราณนต์เดินมาพอดีจึงได้ยินแล้วก็อึ้ง
ปราณนต์ถามสวน “ไม่ใช่ของพริบพราว”
แสนดีหันขวับไปเห็นปราณนต์หน้าเครียด แสนดีตอบแบบละล่ำละลั่ก “ไม่ใช่...ของแสนดีเองคือ..ตอนแรกคุณองศาติดต่อให้แสนดีไปทำงานด้วย แต่มีข้อแม้ว่าต้องเอาเอกสารประวัติลูกค้าไปด้วย แต่เค้าโกหกว่าบอสอนุญาตแล้ว .. แสนดีก็เลยเตรียมเอกสารไปตามที่เค้าต้องการ .. แล้วกระดาษที่ติดอยู่ในเครื่องก็เป็นของแสนดีเองค่ะ”
ปราณนต์หน้าเสีย
เขานึกถึงตอนที่พูดจาดูถูกพริบพราวที่บริษัทองศา
ปราณนต์อึ้งและหน้าเสีย
“แสดงว่าที่ผมไปต่อว่าพราวทั้งหมด...ก็ไม่ใช่เรื่องจริง”
แสนดีเม้มปากแล้วพยักหน้ารับด้วยความรู้สึกผิดจนน้ำตาจะไหล ปราณนต์แทบทรุด
“ผมขอโทษนะครับ”
ปราณนต์เดินออกจากห้องไปด้วยอาการเบลอๆ งงๆ และรู้สึกผิดอย่างแรง อวัศยามองปราณนต์ อวัศยามองเห็นความรู้สึกผิดอย่างเต็มที่ในตาเขา แสนดีหันมาทางศยาแล้วพูดจ๋อยๆ
“แสนดีเอาเอกสารไปให้พี่นิดานะคะ”
แสนดีค่อยๆหยิบและเดินออกไปเงียบๆ อวัศยาอึ้ง จุก และเจ็บเบาๆ อย่างบอกไม่ถูก
ปราณนต์เดินมาหยุดที่ทางเดินมุมสงบมุมหนึ่งของบริษัท ปราณนต์รู้สึกผิดมากๆ แต่สับสนไม่แน่ใจว่าควรจะทำอะไร และควรจะแก้ไขอะไร ยังไง
ลิปดาเปิดแท็ปเล็ตไปที่หน้าที่เป็นรูปเอกสารซื้อขายให้องศาดู องศาหน้าซีด
“แกเอาเอกสารพวกนี้มาได้ยังไง” องศาถาม
ลิปดาปิดหน้าจอ “มันไม่สำคัญว่าผมได้มายังไง แต่..ถ้ามันไปถึงตำรวจ พี่ติดคุกแน่ พี่รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ ที่ผ่านมาผมพยายามไม่ไปยุ่งกับบริษัทพี่ พี่พยายามจะดึงคน ขโมยข้อมูลลูกค้า ผมก็ไม่เอาเรื่อง .. แต่เรื่องนี้ ผมยอมไม่ได้”
“แกจะมาเดือดร้อนทำไม ลูกค้าพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแกสักหน่อย เค้าเป็นลูกค้าของฉัน ฉันจะเอาเงินเค้าไปทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน”
“เอาไปลงทุนซื้อหุ้นแล้วก็เจ๊งเนี่ยนะ! พี่เห็นข่าวแล้วใช่มั้ย บริษัทที่ไอ้ชาลีมันหลอกให้พี่เอาเงินลูกค้าไปซื้อหุ้นเพื่อปั่นราคา ตอนนี้มันล้มไม่เป็นท่า พี่จะเอาเงินที่ไหนไปคืนเค้า”
องศาพูดสวนเสียงดัง “ฉันจะเอาเงินที่ไหนไปคืน มันก็เรื่องของฉัน ฉันจะปิดบริษัทแล้วหนีไปเมืองนอก ไม่คืนเงินใครทั้งนั้น มันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน ไม่เกี่ยวกับแก”
ลิปดาฟังแล้วจี๊ดเลย
“เห็นแก่ตัว พี่แม่งโคตรเห็นแก่ตัว คิดแบบนี้ได้ยังไง พี่รู้หรือเปล่าว่าเงินลูกค้าเค้าหามายากขนาดไหน บางคนต้องทำงานมาตลอดชีวิต กว่าเค้าจะมีเงินก้อนมาให้เราดูแลจัดการ แล้วพี่จะมาโกงเค้าหน้าด้านๆแบบนี้ ผมอยู่เฉยๆไม่ได้”
ลิปดาชี้หน้าองศา
“ฟังไว้เลยนะ ถ้าพี่ไม่หาเงินมาคืนลูกค้า แต่เลือกที่จะปิดบริษัทหนี ผมจะเอาหลักฐานทุกอย่างที่มีให้ตำรวจ” ลิปดาบอก องศาผงะ “ถ้าไม่อยากติดคุกหาเงินมาคืนทุกอย่างจะจบ”
ลิปดาหันหลังจะเดินไป องศาแค้น
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกเว้ย ฉันไม่ยอม”
องศาพุ่งมาหมายจะกระชากแท็ปแล็ตไปจากมือลิปดา ลิปดารู้ตัวหันหลบ องศายื้อยุดด้วยความรุนแรง
“เอามา เอาหลักฐานมา ฉันไม่ยอมให้แกเอาไปให้ตำรวจ ฉันไม่ยอมติดคุก”
ลิปดาหันมาสะบัด แต่องศาเสียหลักล้มหงายหลังลงพื้น
“โอ้ย” องศาร้องโอดครวญ
ลิปดาสงสาร แต่ก็ต้องทำใจแข็ง “ถึงพี่จะเอาหลักฐานในนี้ไป ผมยังมีตัวจริงเก็บไว้ในที่ ปลอดภัย และมันจะถึงมือตำรวจทันทีที่พี่คิดหนี ผมยอมอยู่เฉยมานานแล้ว ผมจะไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไป”
ลิปดาพูดย้ำทิ้งท้ายแล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้องศานอนกองอยู่ที่พื้นด้วยความแค้น
“มันมีเอกสารพวกนี้ได้ยังไง”
องศาคิดแล้วก็นึกไปถึงสิ่งที่รุ้งลดาบอก
“นังพริบพราว”
พริบพราวกำลังเก็บของใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่เหมือนจะไปแน่ๆ เสียงข้อความดังขึ้น
พริบพราวกดอ่าน “ทุกอย่างเรียบร้อย ตามที่คุยกันไว้ .. ขอบใจมากสำหรับการเสียสละ .. ลิปดา”
พริบพราวถอนหายใจ โล่งอก ข้อความดังขึ้นอีกที พริบพราวกดอ่าน
“แน่ใจนะว่า..ไม่อยากให้พี่บอกเรื่องนี้กับปราณนต์”
พริบพราวอึ้งแล้วก็คิด ก่อนจะพิมพ์กลับไป
ภาพตอนที่ปราณนต์มาอาละวาดที่ออฟฟิศองศา และอวัศยาเข้ามาประคองออกไปย้อนกลับมา
พริบพราวจี๊ด แล้วก็พิมพ์กลับไป
“แน่ใจค่ะ พราวกับณนต์เราเดินจากกันมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับไปแล้ว .. ขอบคุณค่ะ”
พริบพราวส่งข้อความไปแล้วก็เศร้า เธอคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้
เอกสารขององศาอยู่ในมือลิปดา ลิปดาเปิดดูแล้วก็อึ้ง
“เอกสารชัดเจน มัดตัวแน่น ผิดเต็มๆ เฮ่อ....” ลิปดาส่ายหน้า “พราวจะให้พี่ทำยังไงกับเอกสารพวกนี้”
ลิปดากับพราวยืนคุยกันอยู่บนตึกสูงของกรุงเทพซึ่งเป็นสถานที่ไม่พลุกพล่านและเป็นส่วนตัวพอสมควร
“แล้วแต่พี่ลิปเลยค่ะ...พราวตั้งใจจะเข้าไปทำงานเพื่อหาหลักฐานยืนยันว่าบริษัทนี้เป็นอันตรายกับลูกค้า และถ้าพราวไม่เอาตัวเข้าไปแลก .. ลูกค้าของนารากรอาจจะตกเป็นเหยื่อ และตอนนี้ภารกิจของพราวก็จบแล้ว”
“โอเค...พี่จะคุยกับพี่องศาตรงๆ ถ้าเค้ายอมหยุด และคืนเงินให้ลูกค้า พี่จะคืนหลักฐานให้เค้า แต่ถ้าเค้าไม่หยุด..เราก็คงต้องว่ากันตามกฎหมาย แล้วพราว..พราวจะทำอะไรต่อไป ? อยากกลับมานารากรหรือเปล่า”
พริบพราวตอบอย่างเด็ดขาด “ไม่ค่ะ .. พราวจะไปต่างประเทศ”
ลิปดาถามย้ำ “ต่างประเทศ”
“ค่ะ มีบริษัทที่นั่นติดต่อมาสองสามแห่ง พราวจะลองไปสัมภาษณ์ดู ถ้าได้งานคงทำที่นั่นเลย”
ลิปดามองพริบพราวแล้วถามย้ำอีกที
“ไปเพราะงาน..หรือเพราะหนีใครบางคน”
พริบพราวชะงัก “ถ้าพี่ลิปหมายถึงปราณนต์ เค้าเกลียดพราวยังกะอะไรดี พราวไม่ต้องหนี เค้าก็คงไม่อยากเข้าใกล้พราวอยู่แล้ว” พริบพราวเศร้าแต่พยายามฝืน
ลิปดามองด้วยความเห็นใจ
พริบพราวนั่งเศร้าอยู่ท่ามกลางกระเป๋าเดินทาง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พริบพราวหันไปดูเป็นเบอร์
02- xxxx จึงรับด้วยความแปลกใจ
“สวัสดีค่ะ”
เสียงผู้หญิงจากปลายสาย “คุณพริบพราวนะคะ ดิฉันเป็นเจ้าหน้าที่จาก ก.ล.ต. ทางเราได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์โอเอ็นจีว่ามีการเคลื่อนไหวบัญชีผิดปกติ พรุ่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่บริษัท”
ผู้หญิงในชุดพนักงานต้อนรับคอนโดฯ กำลังยืนคุยโทรศัพท์ สายตาของเธอเหมือนอ่านอะไร
บางอย่างอยู่
“ทางผู้ร้องเรียนแนะนำให้ขอข้อมูลจากคุณ..ทางเราจะขอนัดคุณเพื่อให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ได้มั้ยคะ”
พริบพราวแปลกใจ
“มีลูกค้าร้องเรียนเหรอคะ”
“ค่ะ ผู้ร้องเรียนสงสัยว่าเงินในบัญชีหายไป”
หญิงสาวรับกระดาษมาอ่านต่อ
“ผู้ร้องเรียนร้อนใจมากๆ ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าคุณพริบพราวพอจะสละเวลาให้เจ้าหน้าที่เข้าพบสักครู่ได้มั้ยคะ อีกสักชั่วโมงเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบที่โอเอ็นจีค่ะ”
พริบพราวคิดหนัก
“ที่จริง ดิฉันลาออกมาแล้วนะคะ” พริบพราวคิดหนัก แล้วก็ตัดสินใจ “แต่ถ้าข้อมูลที่ดิฉันมีจะพอช่วยเหลือลูกค้าได้ โอเคค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะเข้าบริษัทเพื่อให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่เองค่ะ”
หญิงสาวที่รับกระดาษมาอ่านกล่าว “ขอบคุณค่ะ”
พริบพราวรับคำ
“ค่ะ พบกันค่ะ”
พริบพราววางสายด้วยความชะล่าใจเพราะคิดว่าไม่น่ามีปัญหา หญิงสาววางสายแล้วหันมาทาง “องศา” ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เรียบร้อยค่ะ คนที่ปลายสายบอกว่าจะมาตามนัดในอีกหนึ่งชั่วโมง”
ผู้หญิงคนนั้นกับองศาแอบคุยกันอยู่ในมุมสงบ องศาส่งเงินให้สามพัน
“ขอบใจมาก”
หญิงสาวรับเงินแล้วยิ้มก่อนจะรีบเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์โอเปเรเตอร์ด้วยความระมัดระวัง
องศาจิกตาร้าย “นังพริบพราว...เจอกันแน่ “ แล้วเขาก็เดินไปขึ้นลิฟท์
องศาเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วก็ชะงักเพราะเห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่ 2 ใบ องศางง ทันใดนั้นรุ้งลดาก็เดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าในมือ รุ้งลดาอยู่ในชุดเตรียมหนี
องศาเอ่ยถาม “จะไปไหน”
รุ้งลดาเชิดหน้า “รุ้งจะไปไหน พี่องศาแคร์ทำไม ที่ผ่านมานอกจากหลอกใช้งานก็ไม่เห็นจะสนใจว่ารุ้งจะเป็นตายร้ายดียังไง”
“อย่ายอกย้อน ฉันถามว่าจะไปไหน” องศากระชากแขนรุ้งลดามาถาม
รุ้งลดาตกใจ แต่ยังกล้าเสียงดัง “ไปอยู่กับเพื่อนที่ฮ่องกง”
องศาจี๊ดเลย “เห็นว่าฉันเจ๊งหุ้นหมดตัว เป็นหนี้ท่วมหัว คิดจะทิ้งกันเลยหรือไง หะ”
รุ้งลดาสะบัดแขน “วันนี้รุ้งไม่ทิ้งพี่ วันหน้าถ้าพี่ได้ทุกอย่างที่ต้องการ พี่ก็ทิ้งรุ้ง ถ้ารุ้งเลวที่ไปตอนนี้ พี่ก็ไม่ต่างกัน”
องศาตบรุ้งลดาเต็มแรงจนรุ้งลดาล้มฟุบที่โซฟา
“โอ้ย!!” รุ้งลดาจับหน้าด้วยความเจ็บ เธอช๊อคและกลัวจนตัวสั่นเพราะไม่เคยเจอ “พะ..พี่องศา...”
องศาเข้ามาบีบหน้าจนรุ้งลดาผงะจะหนีด้วยความกลัว องศาบีบหน้ารุ้งลดาแล้วดึงเข้ามาขู่ “ตอนนี้ฉันหลังชนฝา เลือดเข้าตา ฉันทำได้ทุกอย่าง .. ถ้าไม่อยากเจ็บตัวมากกว่านี้ทำตามที่ฉันสั่ง” องศาตะคอก “ได้ยินมั้ย”
รุ้งตกใจ “ดะ..ได้ยินแล้ว...พี่ องศาจะให้รุ้งทำอะไร”
“โทร.ไปบอกให้พนักงานทุกคนออกจากบริษัทไปเดี๋ยวนี้ ออกไปทุกคน แม้แต่รปภ.ก็ออกไป อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว” องศาสั่ง
รุ้งลดากลัวจนลนลาน องศาผลักรุ้งลดาล้มลงที่พื้น รุ้งลดายังชอค องศาตะคอก
“รีบโทร.สิ โทร.แล้วเตรียมตัวเข้าไปบริษัทพร้อมกับฉัน” องศาสั่ง รุ้งลดางง “โทร” องศาง้างมือ
“โทร.แล้ว โทร.แล้ว”
รุ้งลดาลนลานรีบหยิบโทรศัพท์มากดโทร.ออก องศาเดินไปที่ตู้ก่อนจะรื้อๆ ของแล้วหยิบเอากล่องปืนออกมา รุ้งลดาหันไปเห็นก็ช๊อคและยิ่งกลัวหนักขึ้นไปอีก องศาเช็คปืนและใส่กระสุนกริ๊ก องศาหน้าเครียดและไร้สติอย่างที่สุด
ปราณนต์นั่งอยู่ข้างๆกระเป๋าที่เตรียมไปต่างจังหวัด เขานั่งดูโทรศัพท์และเปิดมาที่ชื่อพริบพราว
ปราณนต์คิดถึงคำพูดของแสนดี
ภาพในอดีตย้อนกลับมา ตอนที่แสนดีบอกว่าตัวเองเป็นคนถ่ายเอกสารประวัติลูกค้า
ตอนที่เขาบุกไปด่าพริบพราวที่ออฟฟิศองศา
ปราณนต์รู้สึกผิดจนอยากจะขอโทษ แต่ก็ไม่กล้า ทันใดนั้นอวัศยาก็โทร.เข้า
“สวัสดีครับพี่ศยา”
“ณนต์ฉันใกล้จะถึงแล้วนะ”
“ครับ เดี๋ยวผมไปรอที่หน้าบ้านครับ”
ปราณนต์วางสายแล้วก็เห็นชื่อ “คุณหนูพราว” ที่เปิดค้างอยู่ที่หน้าจอ ปราณนต์ตัดใจไม่โทร
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ปราณนต์รีบเดินออกมา
“มาแล้วครับ” ปราณนต์เดินมาถึงหน้าบ้านพอเห็นคนที่กดออดแล้วเขาก็อึ้ง “บอส”
ลิปดายืนอยู่ที่หน้าบ้านส่งยิ้มให้
ปราณนต์งง ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อรถอวัศยาก็มาจอดเทียบ อวัศยาลงจากรถด้วยความแปลกใจ “บอส”
ลิปดามองศยาและปราณนต์พร้อมกระเป๋าเดินทาง แล้วก็นึกได้
“ผมขอเวลาคุณสองคนแค่ไม่กี่นาที เพื่อบอกความจริงบางอย่าง จบแล้วผมจะปล่อยพวกคุณไปพักร้อนอย่างมีความสุข”
ปราณนต์กับอวัศยาแปลกใจ
ปราณนต์กับอวัศยาถามพร้อมกัน “ความจริงอะไร”
องศากับรุ้งลดาเดินออกมาหน้าคอนโด องศายัดรุ้งลดาเข้าไปในรถแล้วปิดประตูเต็มแรง รุ้งลดาอยู่ในสภาวะหวาดกลัวและพยายามหาทางออก องศาขึ้นรถและรีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว
พริบพราวขับรถมุ่งหน้าไปที่บริษัทขององศา
ปราณนต์ถามด้วยความแปลกใจและอึ้งสุดๆ
“พราวเอาตัวเอง แลกกับพี่แสนดี”
ปราณนต์ ศยา ลิปดา ยืนคุยกันอยู่ที่หน้าบ้านปราณนต์ในบรรยากาศตึงเครียด
“ใช่ เพราะพี่องศารับแสนดีเข้าทำงานและหลอกให้เอาประวัติลูกค้าไปด้วย”
“แสนดีเพิ่งสารภาพพอดี ! แล้วทำไม..พราวต้องทำแบบนั้น” อวัศยาถาม
“พราวคิดว่าถ้าองศาได้เค้าไปช่วยงาน ก็จะหยุดดึงคนของนารากร ข้อมูลลูกค้าก็จะไม่หลุดออกไป เค้าก็เลยลาออกไปทำงานกับพี่องศา และให้พี่แสนดีมาเป็นมาร์ฯแทนตัวเอง”
ปราณนต์ยิ่งฟัง ยิ่งอึ้ง เขาพยายามลำดับเหตุการณ์
“ตอนที่ผมไปต่อว่าพราวที่บริษัททำไมเค้าถึงไม่ปฎิเสธ หรืออธิบายอะไรสักนิด”
“หนึ่ง – พราวไม่อยากให้แสนดีเดือดร้อน สอง – พราวต้องการทำให้องศาไว้วางใจ เพราะมีภารกิจสำคัญต้องทำให้สำเร็จ”
“ภารกิจอะไร” อวัศยาถาม
อวัศยาและปราณนต์รอฟัง จิ๊กซอที่กระจัดกระจายกำลังจะถูกต่อเข้าหากันแล้ว
รถองศาแล่นเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว องศาเดินลงมาจากรถ
ลิปดาเล่าต่อเนื่อง “พราวเห็นว่าบัญชีลูกค้าหลายคนมีการซื้อขายที่ผิดปกติ ก็เลยพยายามหาว่าเกิดอะไรขึ้น จนรู้ความจริง ..”
รุ้งลดายังนั่งอยู่บนรถ เธอพยายามจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจะขอความช่วยเหลือ รุ้งลดากดชื่อ “ณนต์” ... ทันใดนั้นประตูรถก็เปิดผัวะ รุ้งลดารีบเก็บโทรศัพท์ทันที
“รีบลงมา อย่าลีลาให้มากนัก” องศาขู่
องศากระชากรุ้งลดาลงมาอย่างแรง
รุ้งลดาร้อง “โอ้ย!”
ลิปดาเล่าต่อเนื่อง “พี่องศาโดนหุ้นส่วนยุให้เอาเงินลูกค้ามาซื้อหุ้นเหมืองทองคำ เพื่อปั่นราคาในตลาด และพี่องศาก็ทำตาม”
องศาลากรุ้งลดาเข้าไปในบริษัท
รถพริบพราวแล่นเข้ามาถึงโดยเฉียดกันนิดเดียว ทพให้พริบพราวไม่เห็นตอนที่รุ้งลดาโดนกระชากเข้าไปในบริษัท
ลิปดาเล่าต่อ ปราณนต์ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกผิด อวัศยาแอบมองปราณนต์เป็นระยะๆ
“พราวพยายามหาหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าพี่องศายักยอกเงินลูกค้า และตอนนี้หลักฐานพวกนั้นก็อยู่กับผมหมดแล้ว”
ปราณนต์กับศยาอึ้ง ปราณนต์ถึงกับเซนิดๆ
ลิปดาพูดต่อ “ผมเอาหลักฐานมาเจรจาให้พี่องศาหาเงินมาคืนลูกค้าก่อนจะโดนจับ .. แต่ถ้าไม่เอาเงินมาคืน .. ผมจะส่งหลักฐานให้ตำรวจ”
“แสดงว่า...พราวยอมให้ทุกคนเกลียด เพื่อช่วยลูกค้า” อวัศยาสรุป
“นั่นคือเหตุผลข้อที่หนึ่ง..แต่มีเหตุผลข้อที่สอง.. พราวไม่ได้บอกแต่ผมรู้ .. ที่เค้ายอมทำทุกอย่าง เพราะต้องการไถ่โทษ และขอโทษ..คุณทั้งสองคน”
ปราณนต์กับอวัศยาชะงักกึก
พริบพราวยืนพิงอยู่ข้างรถ เธอหยิบโทรศัพท์มาจะกดส่งข้อความพอกดเปิดโทรศัพท์เห็นรูปคู่กับปราณนต์เป็นวอลล์เปเปอร์ก็แว่บคิดถึงแต่แล้วก็พยายามดึงสติกลับมาก่อนจะกดข้อความหาลิปดา
ลิปดาพูดต่อ
“พราวรู้สึกผิดมากๆ ที่สวมรอยเป็นแอบรัก” ลิปดามองหน้าปราณนต์ “และหลอกลวงคุณ พราวคงอยากทำอะไรดีๆบ้าง เพื่อลบล้างความผิด” ลิปดามองหน้าทั้งอวัศยาและปราณนต์ “ถ้าคุณสองคนเห็นว่าสิ่งที่พราวทำพอจะมีคุณงามความดีอยู่บ้าง ผมอยากจะช่วยขอร้องให้คุณ...ยกโทษให้พราว”
“ฉันยกโทษให้พราวมานานแล้ว เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันอีกต่อไป”
ลิปดาพยักหน้ารับ ลิปดาหันมาทางปราณนต์เพื่อรอคำตอบ ปราณนต์มองลิปดาด้วยแววตายอมยกโทษให้พริบพราวอย่างเห็นได้แต่ยังไม่ได้เอ่ยปากพูด
เสียงไลน์เข้าที่เครื่องลิปดา ลิปดายังไม่อ่าน ปราณนต์ก็ยังไม่พูดตอบ เสียงข้อความดังขึ้นอีกจนลิปดาต้องชูนิ้วขอเวลานอก ให้ทุกคนรอแป๊บ พอลิปดากดเห็นชื่อพริบพราวก็ส่ายหน้า
“ตายยากจริงๆ” ลิปดาบอก อวัศยากับปราณนต์พยักหน้าแบบพอเดาได้ว่าเป็นพริบพราว ลิปดากดอ่านแล้วหน้าเครียด จนปราณนต์แปลกใจ
“บอส..มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พราวบอกว่ามีเจ้าหน้าที่จาก ก.ล.ต. ขอให้เข้าไปบริษัทพี่องศาเพื่อตรวจสอบและขอให้พราวให้ถ้อยคำ มีลูกค้าร้องเรียน ตอนนี้อยู่หน้าบริษัทกำลังจะเข้าไป..แต่ผมว่ามันแปลกๆ เพราะยังไม่มีลูกค้าหรือเจ้าหน้าที่รู้เรื่องนี้...หรือถ้ามีการร้องเรียนต้องตรวจสอบด้านอื่นก่อนจะเรียกไปให้ถ้อยคำ”
อวัศยาเสริม “และก็น่าจะเรียกไปให้ถ้อยคำที่ ก.ล.ต. ไม่ใช่มาสอบที่บริษัท และคนที่ถูกเรียกตัวต้องเป็นคุณองศา ไม่ใช่พราว”
บรรยากาศเริ่มไม่น่าวางใจ ทันใดนั้นทั้งสามคนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกัน
“ฉันจะโทร.หาพราว” อวัศยาบอก
“ผมโทร.หาพี่องศา” ลิปดาพูด
“ผมโทร.หารุ้ง” ปราณนต์ว่า
ทั้งสามคนหันหลังให้กันแล้วกดโทรออกทันที
พริบพราวเดินเข้ามาในบริษัทแล้วก็ชะงักเพราะบริษัทปิดเงียบ ไม่มีพนักงานอยู่สักคน
“ทำไมไม่มีคนมาทำงาน”
เสียงโทรศัพท์มือถือดัง พริบพราวหยิบมาดู
“พี่ศยา”
พริบพราวกำลังจะกดรับ ทันใดนั้นมือองศาก็พุ่งเข้ามาแย่งโทรศัพท์ไปอย่างรุนแรง พริบพราวตกใจ องศาหน้ามืดปาโทรศัพท์ทิ้งลงพื้นจนแตกกระจาย
พริบพราวหันมาเห็นองศาก็ตกใจจนตัวชาวาบ
“องศา ...”
องศาหน้าเครียด ร้าย ก่อนจะหันมาสั่งรุ้งลดาที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง
“ไปเปิดประตู” องศาสั่ง รุ้งลดายังตัวสั่น “ไปเปิดสิ ไม่ได้ยินหรือไงหะ หรืออยากโดน” องศาควักปืนออกมาเล็งที่รุ้งลดา
พริบพราวตกใจจนตัวแข็งทื่อ
รุ้งลดาร้อง “อ๊ายย อย่ายิงนะ ฉันเปิดแล้วเปิดแล้ว”
รุ้งลดารีบวิ่งล้วงเอากุญแจจะมาเปิด พอล้วงกระเป๋าก็เห็นโทรศัพท์หน้าจอวาบสว่างแต่ไม่มีเสียง เพราะเธอปิดเสียงไว้ รุ้งลดามองหน้าจอเห็นเป็นชื่อ “ณนต์” เธอก็ชะงักเพราะแอบมีหวัง
ปราณนต์ อวัศยา และลิปดาวางสายแล้วหันมาประชุมกันอีกรอบ
“รุ้งไม่รับสาย” ปราณนต์บอก
“ของพราวมีสัญญาณดัง 4-5 ครั้ง แล้วก็หายเงียบไปเลย เหมือนปิดเครื่อง” อวัศยาบอก
“ของพี่องศาปิดเครื่องไปเลย ติดต่อไม่ได้” ลิปดาบอก
“ฉันว่าบรรยากาศมันแปลกๆ” อวัศยาสังหรณ์ใจ
ปราณนต์คิดเหมือนกัน เขาเป็นห่วงพริบพราวขึ้นจับใจ ทันใดนั้นเสียงข้อความเข้าที่เครื่องปราณนต์
ปราณนต์รีบก้มดู “รุ้งส่งข้อความมา...”
ทุกคนตั้งใจฟัง ปราณนต์อ่านแล้วอึ้ง
“ช่วยด้วย” แล้วรุ้งลดาก็แชร์สถานที่บอกว่าตอนนี้อยู่ที่ออฟฟิศ
ทุกคนงง มีไลน์เข้ามาอีก ปราณนต์รีบกดดูคราวนี้เป็นรูป ปราณนต์รีบเปิดดูรูปทันทีแล้วก็ต้องอึ้ง
“พราว”
ปราณนต์หันรูปมาให้อวัศยากับลิปดาดูซึ่งเป็นรูปองศากำลังลากตัวพริบพราวเดินเข้าไปในออฟฟิศ ทันใดนั้นปราณนต์ก็วิ่งไปคว้าจักรยานมาทันที
“ณนต์”
ปราณนต์พูดอย่างมุ่งมั่น “ผมจะไปช่วยพราว”
ปราณนต์ปั่นจักรยานไปอย่างรวดเร็ว อวัศยามองตามด้วยอาการงกงัน ลิปดาหันไปคร่อมมอเตอร์ไซด์เตรียมไป อวัศยาหันขวับไปแล้วพูด
“บอส” อวัศยาเรียก ลิปดาหันมา ลึกๆ อวัศยาก็ยังมีทิฐินิดๆ แต่ภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานก็ต้องยอม “ฉันไปด้วย”
ลึกๆ ลิปดาก็ดีใจ แต่เขากลับพยักหน้าให้ขึ้นรถแบบนิ่งๆ อวัศยารีบขึ้นมาขึ้นข้างหลัง ลิปดาส่งหมวกกันน็อคให้ อวัศยารับมาใส่ ลิปดาออกตัวแรงจนอวัศยาหงายหลังนิดๆ จนต้องรีบกอดเอวลิปดาไว้ลิปดายิ้มนิดๆ อวัศยาแอบตื่นเต้นเบาๆ เพราะไม่ได้อยู่ใกล้กันมานาน
องศากำลังจิกหัวพริบพราวแล้วลากเข้าไปด้านในบริษัท
“โอ้ย ฉันเจ็บนะ”
องศาผลักพริบพราวจนล้มลงเซไถลไปกับพื้น
“โอ้ย”
องศาหันขวับมาที่รุ้งลดา รุ้งลดารีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า
องศาสั่ง “ปิดประตู”
“ค่ะๆ”
รุ้งลดารีบหันหลังไปปิดประตู ประตูปิดลง
องศานั่งลงข้างๆ พริบพราวที่ยังทรุดอยู่ที่พื้น องศาบีบหน้าพริบพราวแล้วคาดคั้น
“เอาเอกสารต้นฉบับคืนมา”
“อะ...เอก..สารอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง” พริบพราวปฏิเสธ
องศาบีบแรงขึ้น “ไม่ต้องมาโกหก ถ้าไม่ใช่แก ไอ้ลิปมันจะมีเอกสารได้ยังไง”
พริบพราวยังพยายามโกหก “ฉันไม่รู้...”
องศารำคาญจึงควักปืนมาจ่อ “บอกมาเอกสารอยู่ที่ไหน”
พริบพราวหน้าซีดตัวสั่น รุ้งลดาก็ยืนขาสั่นอยู่ที่ประตูพร้อมกับคอยมองว่าเมื่อไหร่ปราณนต์จะมาช่วย
ปราณนต์ปั่นจักรยานไม่คิดชีวิต ทั้งขึ้นฟุตบาท เข้าสวนสาธารณะ
ลิปดาเร่งมอเตอร์ไซด์ไม่คิดชีวิตเหมือนกัน อวัศยากอดลิปดาแน่น
องศาจ่อปืนขู่พริบพราว
“จะบอกหรือไม่บอก” องศาขู่ พริบพราวยังอึกอัก องศาจิ้มปืนเข้าที่ตัวของพริบพราว “หนึ่ง สอง สา..”
รุ้งลดายืนลุ้นว่าทำไมปราณนต์ไม่มาสักที
พริบพราวพูดขึ้น “บอกแล้วๆ ฉันเอาเอกสารให้พี่ลิปไปแล้ว ให้ไปหมดเลย ไม่มีเอกสารอยู่ที่ฉัน”
องศาแค้นใจ แล้วจึงปล่อยมือที่บีบหน้าพริบพราวมาหยิบโทรศัพท์ เปิด และกดโทรเบอร์ลิปดา “บอกให้ไอ้ลิป เอาเอกสารมาให้หมด ทั้งตัวจริง ทั้งสำเนา”
องศายัดโทรศัพท์ในมือพริบพราวอย่างแรงแล้วจ่อปืนขู่อย่างน่ากลัว
ปราณนต์มาถึงหน้าตึกก็ทิ้งจักรยานแล้วรีบวิ่งเข้าไปในตึกทันที รถลิปดาปราดเข้ามาจอดข้างๆ ก่อนจะดับเครื่อง เสียงมือถือดัง ลิปดารีบหยิบมาดู
ลิปดาแปลกใจ “พี่องศา”
อวัศยาก็ตกใจด้วย เธอรีบลงจากรถ ถอดหมวก ลิปดากดรับสาย
“ฮ... “ ลิปดายังพูดไม่จบ
เสียงพริบพราวดังมาจากโทรศัพท์ “พี่ลิป..”
“พราว !! พราวเป็นยังไงบ้าง”
อวัศยาจะวิ่งเข้าไปในตึก ลิปดาจับมือเธอไว้ด้วยความเป็นห่วงและส่ายหน้าไม่ให้เข้า
“ตอนนี้พราวอยู่ในออฟฟิศใช่มั้ย” ลิปดาถามด้วยความเป็นห่วง
อ่านต่อตอนที่ 14