พรายพยากรณ์ ตอนที่ 13
แสงโชติบดยานอนหลับแล้วใส่ลงในแก้วน้ำส้ม ก่อนที่จะคนช้าๆ พลันมีเสียงเคาะห้องดังขึ้นมาเขาหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นมามองด้วยแววตาร้าย จากนั้นก็รีบเดินไปเปิดประตู
“เชิญครับคุณพิณ”
พิณชนิดาเดินเข้าไปโดยไม่ได้คิดอะไร แสงโชติยิ้มเหี้ยม ก่อนจะค่อยๆ ปิดประตูลง
“ดื่มน้ำก่อนนะครับ ผมขอไปเคลียร์เอกสารที่เซฟสักครู่”
แสงโชติยื่นแก้วน้ำส้มให้ พิณชนิดารับแก้วมาก่อนจะไปนั่งรอที่โซฟาจังหวะที่กำลังยกแก้วขึ้นจิบ พลันมือถือก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ เธอเห็นเป็นเบอร์ภูมินทร์ก็ไม่ยอมรับสาย หนำซ้ำยังปิดเครื่อง แสงโชติหันมามอง
“พี่ภูโทรมาเหรอครับ?”
พิณชนิดาพยักหน้าอย่างเซ็งๆ “ฉันยังไม่อยากคุยกับเค้าตอนนี้”
“ผมเห็นด้วยครับ เอาไว้อารมณ์เย็นกว่านี้ดีกว่า”
พิณชนิดายกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบ แสงโชติมองด้วยแววตาพอใจ ก่อนจะเดินเข้าห้องนอน
ขณะที่ภูมินทร์ ที่ขับรถมาตามทางอย่างร้อนรน ส่ายหน้าอย่างหงุดหงิดที่ติดต่อพิณชนิดาไม่ได้
แสงโชติอยู่ในห้องนอน กำลังปลดกระดุมเสื้อ พลางแอบมองพิณชนิดาจากในห้องนอน พลัน
มือถือก็ดังขึ้นมา
“ว่าไงครับ คุณภูมินทร์”
“แกอยู่กับพิณรึเปล่า?” ภูมินทร์รีบถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
แสงโชติหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย้ย
“มีอะไรครับ?”
“ฉันต้องการคุยกับพิณเดี๋ยวนี้”
แสงโชติ ยิ้มชั่ว “เสียใจด้วยครับพี่ ตอนนี้ผมกับคุณพิณไม่ว่าง”
“แกหมายความว่ายังไง?”
“ผมหมายถึงผมกับคุณพิณกำลังจะขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด”
ขาดคำแสงโชติก็ปิดเครื่องทันที ก่อนจะยิ้มร้าย ภูมินทร์แทบคลั่ง
“ไอ้แสงโชติ ฉันจะฆ่าแก”
พิณชนิดเริ่มมึนๆ หัว ไม่นานแสงโชติที่ใส่เสื้อคลุมก็เดินเข้ามามองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะออกปากให้เธอเข้าไปพักในห้อง
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณแสงโชติทำธุระเสร็จรึยังคะ พิณอยากรีบกลับไปเก็บของ”
พูดพลางก็ลุกขึ้นยืน แต่กลับเซจะล้ม จนแสงโชติรีบเข้าไปประคอง
“อย่าดื้อสิครับ พักแป๊บเดียว อาการดีขึ้นแล้วค่อยกลับ”
พิณชนิดาส่ายหน้าท่าเดียว พลางจะเดินออกไปอีก แต่กลับถูกอีกฝ่ายกระชากดึงแขนอย่างแรง
“คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
พิณชนิดาหันมองแสงโชติด้วยแววตาตื่นตระหนก
“คุณจะทำอะไร?”
แสงโชติไม่ตอบ แต่กลับลากตัวอีกฝ่ายจะเข้าห้องนอนทันที พิณชนิดาทั้งผลักทั้งถีบ จนเขา
ล้มไป พลางพยายามประคับประคองสติ วิ่งไปถึงประตู แล้วบิดประตูจนเปิดล็อกได้ แต่เพราะฤทธิ์ยา ทำให้
เธอหมดแรง ตาพร่า ก่อนจะค่อย ๆ ทรุดลง สายตาเริ่มพร่าเลือนหนักกว่าเดิม กระทั่งหมดแรงนั่งอยู่ที่ประตู ขณะที่มือยังกำที่ลูกบิดที่ปลดล็อกแล้ว แต่เปิดออกไปไม่ไหว
แสงโชติเดินมายืนอยู่เบื้องหน้า ค่อย ๆ ปลดมือเธอออกจากลูกบิด พลางมองด้วยแววตามุ่งร้าย พิณชนิดาเงยหน้ามอง ด้วยแววตาหวาดหวั่น
ภูมินทร์รีบวิ่งเข้าไปในคอนโดแต่ไม่มีคียร์การ์ด ทำให้เปิดประตูไม่ได้ เขารีบวิ่งไปบอกรปภ. แต่ฝ่ายนั้นก็ยืนกรานไม่ยอมท่าเดียว ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง ที่จำภูมินทร์ได้ รีบเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย
“อ่านหนังสือพิมพ์บ้างรึเปล่า? นี่คุณภูมินทร์ อัครมโหฬาร นักธุรกิจพันล้าน พี่ชายคุณแสงโชติไง หล่อ รวย ขนาดนี้ คงไม่เข้ามาทำอะไรไม่ดีหรอก”
ว่าแล้วเธอก็เอาคีย์การ์ดแตะเปิดประตู ภูมินทร์รีบวิ่งพรวดเข้าไปทันที
แสงโชติอุ้มพิณชนิดาที่สติพร่าเลือนมาวางบนเตียงในห้อง แล้วค่อย ๆ ลูบไล้ใบหน้าเนื้อตัวอย่างเบามือ ก่อนจะไปคร่อมบนตัว แล้วค่อย ๆ ปลดกระดุม พิณชนิดารีบจับมือห้าม
“อย่า”
แสงโชติไม่สนใจ รีบปัดมือออก แล้วจะก้มลงหอมที่ซอกคอ แต่กลับถูกอีกฝ่ายเอามือดันหน้าเอาไว้ แล้วเอานิ้วจิ้มตา จนเขาร้องลั่น
“โอ๊ย”
พิณชนิดาพลิกตัวหนี แล้วตบหน้าตัวเองอย่างแรงเพื่อปลุกให้ตื่น ในขณะที่แสงโชติกำลังขยี้ตา เธอก็พยายามคลานหนี แต่คลานไม่ทันไร ก็โดนอีกฝ่ายดึงขาเอาไว้ เธอดิ้นรนสู้สุดชีวิต ถีบ ๆไม่ยั้ง ปากก็ตะโกนลั่น
“ช่วยด้วยค่า ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
แสงโชติตกใจกลัวคนได้ยิน รีบเข้าไปปิดปาก แต่กลับถูกพิณชนิดาใช้ศอกตีเข้าที่ท้องอย่างแรงจนจุก แต่สุดท้ายก็พลาดท่า โดนอีกฝ่ายต่อยท้อง จนร้องไม่ออก
แสงโชติยิ้มชั่ว มองเรือนร่างพิณชนิดาด้วยแววตาหื่น เธอทั้งเจ็บ ทั้งหวาดกลัวสุดชีวิต
แสงโชติค่อยๆ ก้มลงจะจูบพิณชนิดา ทว่าในวินาทีนั้นก็ถูกลูกถีบของภูมินทร์เต็ม ๆ จนกระเด็นไป ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะตามไปต่อยไม่ยั้งอย่างบ้าคลั่ง
“ไอ้ชั่ว ไอ้สารเลว”
ในที่สุดแสงโชติก็หมดสติคามือ พิณชนิดาเห็นท่าไม่ดี กลัวภูมินทร์ฆ่าแสงโชติจริง ๆ เธอพยายามรวบรวมกำลังเข้าไปกอดห้ามเขาจากด้านหลัง
“พอแล้วค่ะ คุณภู พอแล้ว”
ภูมินทร์ได้สติ หันกลับมามามองพิณชนิดาที่ตัวสั่น ด้วยความตื่นตระหนก พลางดึงเธอมากอดเอาไว้ เธอถึงกับร้องไห้โฮในอ้อมกอดของเขา
“ต่อไปห้ามปิดเครื่องหนีผมอีก สัญญากับผมสิ สัญญา”
พิณชนิดาตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา “ ฉันสัญญา”
เขากอดเธอแน่นทั้งๆ ที่ร่างของตัวเองก็สั่นสะท้าน ก่อนจะโพล่งออกมาจากปมความหวาดกลัวและเจ็บปวด จากการสูญเสียพ่อแม่
“ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมา ผมจะอยู่ต่อไปยังไง?”
พิณชะงักค่อยๆ เงยหน้ามอง เห็นความหวาดกลัวในแววตาของภูมินทร์ จึงกอดเขาเอาไว้
แน่นแล้ว เป็นฝ่ายปลอบประโลมแทนด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว ฉันยังอยู่กับคุณตรงนี้ ไม่เป็นไรแล้ว”
ภูมินทร์กับอรรถพรเดินออกมาจากด้านในโรงพัก ขณะที่พิณชนิดานั่งหน้าตื่นตกใจไม่หายอยู่กับจ่าเหยิน
“ไอ้สารเลวนั่นอยู่ในห้องขังแล้ว ขังลืมได้รึเปล่าหมวด?”
“ใจเย็น ๆ ครับคุณภู เรื่องนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย”
“ยังลงชื่อสนับสนุนกฎหมายข่มขืนให้ประหารชีวิตทันรึเปล่า?”
จ่าเหยินรีบเสนอหน้า “ในกรณีของคุณพิณยังไม่ถือว่าข่มขืนครับ แค่กระทำอนาจาร”
ภูมินทร์ฉุนกึกทันที “แต่ถ้าผมไปไม่ทัน มันทำมากกว่าอนาจารแน่”
พิณชนิดาเห็นภูมินทร์อารมณ์ขึ้น ก็รีบตัดบท
“พิณพร้อมจะให้ปากคำแล้วค่ะ”
อรรถพรรีบผายมือไปด้านใน “เชิญด้านนี้ครับ”
พิณชนิดาเดินเข้าไปกับอรรถพรและจ่าเหยิน ภูมินทร์กำลังจะเดินตามไป แต่จู่ๆ สัญชัยก็ปราด
เข้ามาคว้าแขนไว้
“คุยกับอาสักครู่ได้มั้ย?”
ภูมินทร์ยืนหน้าตาเอาเรื่อง ในชณะที่สัญชัยพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง
“อาขอร้อง อย่าเอาเรื่องน้อง ภูก็รู้ว่าน้องยังเด็ก ทำอะไรไม่ทันได้คิด”
ภูมินทร์สวนกลับทันที
“ทำชั่วแบบไตร่ตรองได้ขนาดนี้ไม่เด็กแล้ว”
“อย่ามองน้องในแง่ร้ายขนาดนั้น น้องอาจจะทำไปเพราะแค่อารมณ์ชั่ววูบ”
ภูมินทร์พยายามระงับอารมณ์
“จะทำไปเพราะชั่ววูบหรือตั้งใจ แสงโชติก็ต้องรับโทษ”
“สงสารน้องเถอะตาภู ยังไงเราก็สายเลือดเดียวกัน”
ภูมินทร์สุดจะทน
“สายเลือดเดียวกันแล้วทำชั่วใส่กันได้รึไง ? ที่ไอ้แสงโชติมันเลวได้ขนาดนี้ ก็เพราะคุณอาคอยแต่ให้ท้าย เป็นพ่อภาษาอะไร ไม่รู้จักสั่งสอนลูกให้รู้จัก ผิดชอบ ชั่วดี บางทีมันอาจจะจริงอย่างที่โบราณว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”
สัญชัยฉุนขาด ฟาดฝ่ามือใส่หน้าภูมินทร์จนหน้าหัน แต่ครั้นได้สติก็รีบขอโทษ
“ภู อาขอโทษ อาไม่ได้ตั้งใจ”
ภูมินทร์ตอกกลับนิ่งๆ
“คนที่อาควรจะตบคือแสงโชติ ไม่ใช่ผม ถ้าคุณอาลงโทษลูกไม่ได้ ผมนี่แหละจะทำเอง”
พูดจบภูมินทร์ก็เดินออกไปทันที สัญชัยมองตาม หน้านิ่ง แต่กำมือแน่นจนเกร็ง
แสงโชตินั่งอยู่ในห้องขังในสภาพหน้าตาบวมปูด เขียวช้ำ ไม่นานสัญชัยก็เดินเข้ามา พลางมองสภาพลูกชายคนเดียว แล้วกำลูกกรงแน่น
“ใครทำแกจนเจ็บขนาดนี้?”
“ไอ้ภู พ่อต้องช่วยผมนะ ผมไม่อยากติดคุก พ่อครับ เอาผมออกไปที ผมไม่อยากอยู่ในนี้”
สัญชัยมองหน้าลูกชายด้วยแววตาอ่อนโยน พลางเอื้อมมือไปแตะแผลอย่างห่วงใย
“เจ็บมากมั้ย?”
แสงโชติพยักหน้า สัญชัยมองลูกชายที่บวมปูดอย่างครุ่นคิด
ทางด้านเอกกำลังตักน้ำจากในกะละมังพลาสติก โดยตั้งมือถือเอาไว้ถ่ายคลิป ขณะที่ตัวเองนุ่งกางเกงขาสั้น จงใจอวดหุ่นล่ำ ก่อนจะค่อยๆ ถูสบู่ ทำท่าเซ็กซี่ใส่กล้อง
วิญญาณพ่อ แม่ ป้า และปิ่นเพชร มองอย่างขัดใจ ก่อนที่ปิ่นเพชรจะขันอาสาออกไปจัดการให้
เอกก้มลงเอาขันตักน้ำในถัง โดยไม่ทันมองว่ามีตุ๊กแกตัวเบ้อเร่ออยู่ในขัน แต่พอเทน้ำในขันราดหัว
ตั้งใจให้ดูเซ็กซี่ วินาทีนั้นตุ๊กแกปิ่นเพชรก็หล่นตุ๊บลงบนหัว
“ต๊ก ต๊ก”
เอกหน้าซีด ตกใจ “อย่าบอกนะว่า อ๊ากกก ตุ๊กแก”
เอกทั้งสะบัด ทั้งปัด แต่ทำยังไงปิ่นเพชรก็ยังเกาะแน่นบนหัว ฝ่ายถูกเกาะถึงกับสติหลุด วิ่งวนเหมือนหมาบ้า ก่อนตัดสินใจหยิบตุ๊กแกบนหัว ขว้างทิ้ง
ร่างของปิ่นเพชรลอยละลิ่ว “อ๊ากกก ช่วยเค้าด้วย”
วิญญาณพ่อ แม่ ป้า ตกใจ ปราชญ์ รีบวิ่งเข้าไปรับไว้ได้ทัน พลางมองแบบล้อๆ
“มีฝีมือแค่เนี้ย”
“ยังมีอีก”
เอกจะตักน้ำล้างหัว แต่ทันทีที่ก้มลงตักน้ำ ก็เห็นแมลงสาปนับร้อยเต็มถังน้ำ เขาถึงกับสั่นไปทั้งตัว ด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต
“กระจั๊ว อยู่ไม่ได้แล้ว”
จากนั้นก็หันไปคว้ากระเป๋า กับของใช้ที่คว้าได้ วิ่งโกยหน้าตั้งเผ่นแน่บแบบไม่คิดชีวิต
วิญญาณพ่อ แม่ ป้า และปิ่นเพชรหัวเราะร่าอย่างสะใจ
สัญชัยเดินออกมาอีกด้าน เจอกับพิณชนิดาที่ให้ปากคำเสร็จ และเดินออกมาพร้อมกับภูมินทร์ อรรถพร ภูมินทร์รีบดึงพิณชนิดาออกไปทันที สัญชัยถึงกับชะงัก มองตามด้วยแววตากราดเกรี้ยว
ภูมินทร์ขับรถมาตามทาง พิณชนิดาหันมองมือของเขาอย่างเป็นห่วง
“แวะไปโรงพยาบาล ทำแผลที่มือคุณก่อนดีมั้ย?”
ภูมินทร์ทำปากเก่ง “แผลแค่นี้ไม่ถึงตาย”
จากนั้นก็แกล้งทำสำออยบ่นหิวน้ำ พลางอ้อนให้อีกฝ่ายป้อน
พิณชนิดาคว้าขวดน้ำ ค่อย ๆ ป้อนให้ แต่ป้อนไม่ถนัด แถมภูมินทร์ก็ดันเบรกตามรถคันหน้าที่เบรกกะทันหัน น้ำเลยหกเลอะเทอะ
“ไม่ต้องกินกันพอดี ป้อนภาษาอะไร หกหมด”
พิณชนิดามองค้อน “นายเบรกกะทันหันทำไมล่ะ?”
“ไม่ให้เบรก แล้วจะให้ชนคันหน้ารึไง เธอนี่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ”
พิณชนิดาแอบถอนหายใจ
“ใจเย็น ๆ ดูปากพิณชนิดา เดี๋ยวจะซื้อน้ำให้ใหม่ เลิกเหวี่ยง แล้วขับรถหาร้านค้า เข้าใจตรงกันนะ”
จังหวะที่พิณชนิดาแวะเข้าไปซื้อน้ำในร้ายค้า สัญชัยก็โทร. เข้ามือถือมา
“หนูพิณ ฉันสัญชัย พ่อของแสงโชติ”
พิณชนิดาชะงักมือ ที่กำลังจะหยิบน้ำทันที
“หนูพิณเป็นคนฉลาด คงรู้ว่าฉันโทรมาทำไม?.”
พิณชนิดาพยักหน้าหงึก “ทราบค่ะ”
“ฉันรู้ว่าสิ่งที่แสงโชติทำเกินไป ฉันสัญญาจะลงโทษลูกชายให้รู้สำนึก ถ้าแสงโชติหายเจ็บเมื่อไหร่ ฉันจะพาเค้าไปกราบขอโทษหนู ฉันขอร้อง หนูพิณช่วยยอมความได้มั้ย?”
พิณชนิดาฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิดหนัก
พิณชนิดานั่งทำแผลให้ภูมินทร์อย่างแผ่วเบาข้างๆ รถ ที่จดแนบฟุตบาธอยู่
“โอ๊ยเจ็บ ๆ โอ๊ย”
“ไหนว่าแค่นี้ไม่ถึงตาย”
พิณชนิดาเบ้หน้า แล้วพันผ้าพันแผลให้จนเสร็จ
“กลับบ้านกันเถอะ ป่านนี้คุณนมเป็นห่วงแย่”
พูดพลาอาสาเป็นคนขับรถเอง เพราะเป็นห่วงที่เขามือเจ็บ แต่กลับเผลอขับกระชากอย่างแรง ภูมินทร์ที่กำลังหยิบเข็มขัดนิรภัย ถึงกับหัวฟาดคอนโซลรถข้างหน้าเต็มๆ
“แตกแล้ว หัวฉันแตกแน่ มือยังไม่หาย หัวก็มาเจ็บอีก จะฆ่ากันรึไง?”
พิณชนิดาเหวอ รีบขยับไปดูหัวภูมินทร์ใกล้ ๆ
“ไหนดูสิ หัวโนรึเปล่า? ฉันขอโทษ โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ”
พูดพลางเป่าหัวตรงที่โดนโขกให้อย่างแผ่วเบา ภูมินทร์ยิ้มกริ่ม หายเหวี่ยง เปลี่ยนเป็นอ้อนทันที
“เป่าตรงนี้ด้วย ตรงนี้ก็เจ็บ”
พิณชนิดารีบเป่าเอาใจ ภูมินทร์ยิ้มอย่างมีความสุขสุด ๆ
ภูมินทร์พาพิณชนิดาเข้ามาในบ้าน แม่นมนวลรีบเข้าไปหา แต่พอเห็นหน้าของเธอที่มีรอยถูกตบ
และมือของเขาที่มีผ้าพันแผล ก็ตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณหนู?”
ภูมินทร์รีบตอบเลี่ยงๆ “อุบัติเหตุนิดหน่อย”
พิณชนิดารีบตัดบทขอตัวไปพักผ่อน
“อุบัติเหตุอะไรคะคุณหนู?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ นมไม่ต้องห่วง ง่วง ๆ ไปนอนดีกว่า”
พูดจบก็รีบเผ่นขึ้นข้างบน เพราะไม่อยากตอบคำถาม แม่นมนวลมองตามอย่างข้องใจ
ปูเปรี้ยวทำท่าจะหลบไปโทร. บอกเปรมสุดกา แต่แม่นมนวลรู้ทัน รีบพูดดักไว้
“เรื่องในบ้านนี้ ต้องอยู่แค่คนในบ้านนี้ ถ้ามีคนบ้านอื่นรู้ ฉันจะหาคนงานใหม่”
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 13 (ต่อ)
สัญชัยเดินนำแสงโชติที่หน้าตาผ่านการทำแผล เรียบร้อยแล้วเข้ามาในบ้าน พลางหันไปบอกลูกอย่างห่วงใย
“ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ”
แสงโชติมองพ่ออย่างแปลกใจ “ พ่อไม่ด่าผมเหรอครับ?”
“รอยบนหน้าแก มันบอกได้ดีว่าแกทำอะไรลงไป ฉันไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ แกเจ็บมามากแล้ว ไปนอนซะ อย่าลืมกินยาตามที่หมอสั่ง”
แสงโชติรับรู้ได้ถึงความห่วงใยของพ่อก็ยิ่งรู้สึกผิด
“ผมขอโทษครับพ่อ”
สัญชัยหันไปมองจ้องหน้าลูกชาย
“เจ็บแล้วต้องจำ พลาดแล้วต้องไม่พลาดซ้ำ อาการดีขึ้นเมื่อไหร่ ไปขอโทษหนูพิณซะ เผื่อเค้าจะใจอ่อนยอมความ ฉันลองคุยแล้ว ไม่สำเร็จ”
แสงโชติหน้าเครียด “ผมทำขนาดนั้น เค้าคงไม่ยอมความง่ายๆ”
“เรียนผูก ต้องรู้จักเรียนแก้ ใครจะสนับสนุนพ่อที่มีลูกทำอนาจารผู้หญิง ขึ้นเป็นประธานบริษัท”
พูดจบสัญชัยก็เดินออกไป แสงโชติยืนครุ่นคิด ถอนใจ อย่างหมดหวังมาก ๆ
พิณชนิดานั่งประคบเจลเย็นที่แก้ม จังหวะนั้นภิชาสินีก็เดินนำปิ่นเพชรเข้ามา ฝ่ายหลังรีบยืดอกรายงานทันที
“เค้าจัดการนายเอกให้แล้ว”
พิณชนิดาเพิ่งนึกได้ “มิน่าเข้ามาถึงไม่เห็น แบบนี้ต้องมีรางวัล”
พูดพลางกอดปิ่นเพชรแน่น ก่อนจะผละออกไปเปิดกระเป๋ารื้อ ๆ
“เจ๊จำได้ว่าเอาหมากฝรั่งใส่ไว้ในนี้ อยู่ไหน?”
เมื่อรื้อไม่เจอ พิณชนิดาก็ตัดสินใจเทกระเป๋าออกมา ทำให้ซองสีน้ำตาล ที่ใส่รูปยอดกับฉัตรขณะ
ยืนคุยกับแสงโชติตกลงมาด้วย ภิชาสินีที่เข้าไปช่วยเก็บเห็นรูปโผล่ออกมา ก็หยิบออกจากซองมาดู ทันทีที่เห็นรูปมันทั้งคู่ ก็ถึงกับหน้าเสีย พิณชนิดาหันมามองหอย่างแปลกใจ
“รู้จักสองคนนี้เหรอ?”
“สองคนนี้ฆ่าพ่อสรพงศ์”
พิณชนิดาชะงัก อึ้ง ปิ่นเพชรอ้าปากค้าง
“แน่ใจเหรอเจ๊?”
“สองคนนี้จะฆ่าเจ๊ เจ๊ไม่มีทางจำผิดแน่ พี่พิณเอารูปสองคนนี้มาจากไหน? แล้วทำไมสองคนนี้ถึงได้อยู่กับนายแสงโชติ?”
“คุณสิรวิทย์ให้คนสะกดรอยตามแสงโชติอยู่”
ภิชาสินีเพิ่งมองที่รูปซ้ำ “ดูจากในภาพ 2 คนนี้น่าจะเป็นคนของนายแสงโชติ”
“ใช่ 2 คนนี้ชื่อยอดกับฉัตร เคยมาขอซื้อรถของพี่ ตอนที่ซ่อมอยู่ที่อู่ คุณสิรวิทย์บอกว่าตอนที่นายภูมินทร์หายไปอยู่กับเรา เบาะแสเดียวคือ ภาพนายภูมินทร์ขึ้นรถเต่าสีฟ้า ซึ่งมีแต่คนในเท่านั้นที่รู้ และแน่นอนนายแสงโชติรู้”
ภิชาสินีเริ่มลำดับเรื่องราว
“พูดง่ายๆ คือ ถ้าตามรถของพี่พิณเจอ ก็จะเจอนายภูมินทร์ ทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ ชี้ไปที่นายแสงโชติคนเดียว”
ปิ่นเพชรคิดตาม
“หมายความว่านายแสงโชติเป็นคนบงการให้ฆ่านายไข่เจียว แบบนี้ก็แจ้งตำรวจจับนายแสงโชติเลยสิเจ๊ จะได้หมดเรื่อง”
พิณชนิดาส่ายหน้า
“รูปแค่นี้เอาผิดนายแสงโชติไม่ได้ เราต้องหาหลักฐานที่แน่นหนา มัดตัวนายแสงโชติจนดิ้นไม่หลุด”
ทางด้านแสงโชติก็กำลังครุ่นคิดหาทางให้พิณชนิดายอมความ ฝ่ายหลังเดินออกมาเห็น ก็มองอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินเข้าไปหา
แสงโชติหันมาเห็นพิณชนิดาก็ชะงัก
“คุณพิณ”
พิณชนิดาพยายามปั้นยิ้มให้หวานที่สุด
ภิชาสินีที่ยืนแอบดูอยู่กับปิ่นเพชรมองอย่างเป็นห่วง พลางย้อนนึกถึงตอนที่พิณชนิดาเล่าเรื่องที่หวุดหวิดจะถูกแสงโชติข่มขืน โชคดีที่ภูมินทร์เข้ามาช่วยไว้ได้ทัน ก่อนที่จะบอกแผนการที่จะจัดการกับแสงโชติให้อยู่หมัด
“พี่จะเข้าหาไอ้แสงโชติ แล้วล้วงหลักฐาน ลากไส้มันออกมามัดตัวมันเอง ให้ดิ้นไม่ได้”
ภิชาสินีรีบปราม “มันอันตรายเกินไป ภิไม่ยอมให้พี่พิณเข้าใกล้ไอ้สารเลวนี่อีกเด็ดขาด ภิไม่เข้าใจ ทำไมพี่พิณต้องเสี่ยงขนาดนี้? “
พิณชนิดาหันมามองหน้าน้องสาวด้วยแววตาจริงจัง
“ตั้งแต่วินาทีที่นายภูมินทร์เข้ามาช่วยพี่ กอดพี่ไว้ พร้อมกับบอกว่า เค้าจะอยู่ยังไง ถ้าไม่มีพี่ พี่รู้ทันทีว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่จะทำทุกอย่างให้เค้าปลอดภัย”
“พี่พิณรักนายภูมินทร์?”
ปิ่นเพชรช่วยห้าม “รักมากแค่ไหน ก็ไม่ควรต้องเอาตัวเองไปอยู่ในปากเหยี่ยวปากกานะเจ๊”
“ภิ ปิ่นเพชร เชื่อพี่สักครั้งพี่จะไม่ยอมให้นายแสงโชติทำอะไรพี่ได้อีกเด็ดขาด พี่จะรักษาตัวให้ดีที่สุด เพื่อภิกับปิ่นเพชร และนายไข่เจียวของพี่”
พิณชนิดาพูดอย่างเอาจริง จนภิชาสินีกับปิ่นเพชรพูดไม่ออก
ภิชาสินีถอนหายใจ พลางนั่งลงจับไหล่ปิ่นเพชร
“ถ้าเราอยากให้พี่พิณปลอดภัย เราต้องช่วยกัน พี่จะสืบเรื่องนายยอดกับนายฉัตรกุญแจดอกสำคัญ ส่วนปิ่นเพชร อยู่ใกล้ ๆ พี่พิณเอาไว้ อย่าให้ไอ้แสงโชติมันทำอะไรพี่พิณเด็ดขาด”
“โอเช. ทางเจ๊พิณเค้าจัดการเอง เจ๊ดูแลตัวเองด้วยนะ”
ภิชาสินีพยักหน้าแล้วรีบเดินออกไป
ภูมินทร์เดินหาพิณชนิดาไปทั่ว แต่ก็ไม่เห็น จึงหันไปถามปูเปรี้ยว ฝ่ายถูกถามรีบใส่ไฟว่าเธอกำลังยืนคุยกับแสงโชติด้วยท่าทีกระหนุงกระหนิง เขารีบจ้ำพรวดออกไปทันที
ปูเปรี้ยวหัวเราะสะใจ “งานนี้ท่าทางจะสนุก”
แสงโชติยืนตะลึง พลางมองพิณชนิดาอย่างไม่เชื่อหู
“คุณพิณแน่ใจเหรอครับว่าจะยอมความ”
พิณชนิดาปั้นยิ้ม “แน่ใจค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับคุณพิณ แต่บอกผมได้มั้ยครับ ว่าทำไมถึงยอมให้อภัยผมได้ง่าย ๆ”
พิณชนิดาแกล้งเล่นละครใส่
“ไม่ว่าคุณแสงโชติจะทำอะไร พิณให้อภัยได้ทั้งนั้น ตอนที่คุณแสงโชติถูกคุณภูมินทร์ซ้อม พิณรู้สึกเจ็บปวดมาก รวดร้าวเหมือนถูกต่อยเสียเอง”
แสงโชติหน้าเหวอ “คุณพิณชอบผม?”
“ใช่ค่ะ เราสองคน ใจตรงกัน พิณชอบคุณแสงโชติมาตั้งนานแล้ว ยิ่งเจอเหตุการณ์เมื่อวานยิ่งทำให้มั่นใจ”
แสงโชติตะลึง อึ้ง เหมือนถูกหวย ขณะที่ภูมินทร์ที่เข้ามาได้ยินพอดี ถึงกับยืนตัวชา รีบเดินเข้าไปดึงแขนพิณชนิดาให้หันมา
ทันทีที่เห็นภูมินทร์ พิณชนิดาก็แทบช็อกเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าเขาจะมาได้ยินสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดออกไป
“นายภูมินทร์”
“ใช่ ฉันเอง เธอเป็นบ้าไปแล้วรึไง? รู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
พิณชนิดาเห็นแววตาภูมินทร์ก็พูดไม่ออก เพราะกลัวเขาเสียใจ แต่เสียงของแสงโชติ ก็ทำให้เธอได้สติว่าต้องทำตามแผน
“คุณพิณย้ำให้พี่ภูฟังอีกรอบดีกว่าครับ เพราะท่าทางพี่ภูจะเข้าใจอะไรยาก”
พิณชนิดากลัวแสงโชติจับไต๋ได้ จึงรีบหันไปบอกภูมินทร์
“นายได้ยินไม่ผิด ฉันชอบคุณแสงโชติ”
ภูมินทร์ยืนตะลึง ความเจ็บปวดไหลท่วมหัวใจ ได้แต่มองพิณชนิดาด้วยสายตาผิดหวังอย่างรุนแรง
“ถ้าเธอชอบไอ้สารเลวนี่จริงๆ ทำไมเมื่อวานไม่สมยอม ขัดขืนมันทำไม?”
“ชอบไม่ได้หมายความว่า จะยอมเสียตัวง่ายๆ จนดูไร้ค่า”
ภูมินทร์หมดแรง ปล่อยแขนพิณชนิดาทันที แสงโชติยิ้มสะใจ รีบเดินเข้าไปกอดเอวเธอเย้ย
“ในเมื่อหัวใจของผมกับคุณพิณตรงกัน เราคงจะมีงานมงคลในไม่ช้า ผมขอเรียนเชิญพี่ภูมาเป็นประธานในงานด้วยนะครับ”
พูดพลางโอบเอวพิณชนิดาแน่นเข้า สิ่งที่ได้ยินกับภาพที่ได้เห็น ทำให้ภูมินทร์รับไม่ไหว พูดไม่ออก ค่อย ๆ หันหลังเดินจากไปอย่างเจ็บปวด
พิณชนิดามองตาม เจ็บปวดและทรมานไม่ต่างกัน อยากจะพูดความจริงใจจะขาด แต่ทำไม่ได้
จ่าเหยินรีบเช้ามารายงานรรถพรทันทีที่ได้เบาะแสเรื่องพ่อของสรพงศ์
“พ่อของสรพงศ์ คือ “เด็ด ดอกจิก” มือปืนซุ้มเพชรบุรีครับ”
อรรถพรตกใจ
“มือปืน? นายยอดกับนายฉัตรเก็บมือปืนทำไม? เรื่องนี้มันชักจะยังไง ๆ”
พลันภิชาสินีก็โผล่เข้ามาในห้อง อรรถพรรีบไล่จ่าเหยินให้ออกไปก่อน พลางรีบเดินไปหาอีกฝ่าย
“ฉันมีเรื่องสำคัญมาบอก”
พูดพลางชี้ยอดกับฉัตรในรูป
“2 คนนี้คือคนที่ฆ่าพ่อสรพงศ์ แล้วก็เกือบจะฆ่าฉันปิดปาก แล้วยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตามล่านายภูมินทร์ด้วย”
อรรถพรนิ่งคิด พลางพยายามประมวลผล
“ถึง 2 คนนี้จะตามล่าคุณภูมินทร์ ก็ยังสรุปไม่ได้ว่า เรื่องนี้มีแสงโชติเป็นคนบงการรึเปล่า?”
“รับเงินกันขนาดนี้ ทำไมยังสรุปไม่ได้อีก”
อรรถพรรีบอธิบาย
“คนพวกนี้ รับงานหลายประเภท หลายคนจ้าง ถึงนายแสงโชติจะเป็นหนึ่งในผู้ว่าจ้าง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะจ้างฆ่าคุณภูมินทร์ ทางเดียวที่เราจะรู้ความจริง คือต้องตามจับ 2 คนนี้ให้ได้”
ทันใดนั้นจ่าเหยินก็วิ่งพรวดเข้ามา
“สายรายงานที่อยู่นายยอดกับนายฉัตรมาแล้วครับ”
อรรถพรพยักหน้า “รีบไปกันเถอะจ่า”
ภูมินทร์เอาแต่นั่งเหม่อคิดถึงคำพูดของพิณชนิดาที่บอกว่าชอบแสงโชติ ก้องภพที่กำลังรายงานเรื่องการจัดงานครบรอบ หันมองอย่างแปลกใจ
“ คุณภูเป็นอะไรรึเปล่าครับ? ทำไมวันนี้ดูใจลอย”
ภูมินทร์ได้สติ รีบปฏิเสธ “เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”
พลางรีบทำเป็นก้มลงอ่านเอกสารอย่างตั้งอกตั้งใจ ก้องภพมองอย่างสงสัย ครั้นพอเดินมาที่โต๊ะทำงานของพิณชนิดา ก็เห็นเธอนั่งเหม่อเหมือนๆ กัน เขาจึงจงใจเดินไป พลางวางเอกสารลงอย่างแรง เพื่อเรียกสติ พิณชนิดารู้สึกตัว หันมามองก้องภพอย่างงง ๆ
“มีอะไรรึเปล่าคะ?”
“คุณพิณกับคุณภูมีปัญหาอะไรกันรึเปล่าครับ? ทำไมวันนี้คุณภูดูหน้าเศร้า ๆ เหม่อ ๆ เหมือนคุณพิณ”
“นายภูมินทร์หน้าเศร้ามากเหรอคะ?”
ก้องภพพยักหน้า พิณชนิดาถอนหายใจ หน้าเศร้าๆ
“คุณก้องนั่งลงก่อนค่ะ พิณจะเล่าให้ฟัง”
พอรู้รื่องแผนการของพิณชนิดา ก้องภพก็อ้าปากค้าง
“คุณพิณรู้ตัวรึเปล่าครับ ว่ากำลังทำอะไรอยู่?”
“รู้ดีค่ะ”
“ทำไมคุณพิณไม่บอกคุณภูไปตามความจริง ว่าคุณพิณแกล้งชอบคุณแสงโชติเพื่อจะสืบหาหลักฐาน”
พิณชนิดาส่ายหน้า “ขืนบอก เจ้านายคุณก็โวยวายจนแผนแตก”
“คุณพิณต้องทนใกล้ชิดสนิทสนม กับผู้ชายเลว ๆ ที่คุณพิณรังเกียจได้ มันถือเป็นการเสียสละ และอดทนมาก ทำไมคุณพิณถึงต้องทุ่มเทชีวิตตัวเองขนาดนั้น?”
พิณชนิดาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ พิณทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้นายภูมินทร์ปลอดภัย”
ก้องภพได้ยินแล้ว ก็แทบหมดแรง “คุณพิณรักคุณภูใช่มั้ยครับ?”
พิณชนิดาไม่ตอบ ก้องภพยิ่งอึ้งหนักกว่าเก่า พลางลอบมองเธออย่างหมดหวัง
“แม่ได้ข่าวมาว่า ตาภูกำลังจัดงาน ครบรอบ 30 ปีบริษัท งานใหญ่อลังการ บานตะไทมาก”
ปณิตาหันมาพูดกับเปรมสุดากับฟ้ารุ่ง ขณะที่นั่งสุมหัวกันเตรียมแผนกำจัดพิณชนิดา
เปรมสุดายิ้มร้าย
“สุดารู้มาสักพักแล้วค่ะ งานนี้ถือเป็นโอกาสทองของพวกเรา”
พูดพลางหยิบกระปุกแบ่งยาน่ารัก ๆ ออกมาเปิด เผยให้เห็นยาเม็ดสีเหมือนลูกกวาด หลายเม็ด ฟ้ารุ่งมองอย่างสงสัย
“ยาอะไร? หน้าตาเหมือนวิตามิน?”
“ ยาบ้าฟรุ้งฟริ้ง”
ปณิตาตกใจ แหกปากลั่น
“ลูกมีของพวกนี้ได้ยังไง? หรือว่าลูกเสียใจเรื่องตาภูจนติดยา แม่ต้องพาไปเลิกที่ถ้ำกระบอกรึเปล่า?”
เปรมสุดารีบส่ายหน้า “สุดาไม่ติดยาหรอกค่ะ”
ฟ้ารุ่งจ้องมองยา แล้วถามต่อ “ไอ้ยาฟรุ้งฟริ้งนี่ มันมีสรรพคุณยังไง?”
“มันจะทำให้นังหมอดูงูพิษ ขายขี้หน้า อายประชาชีทั้งงาน จนหาที่ยืนในสังคมไฮโซของพวกเราไม่ได้”
“ถ้านังพิณยืนอยู่บนสังคมไม่ได้ ก็ยืนข้างตาภูไม่ได้เช่นกัน ลูกแม่ฉลาดมาก”
2 แม่-ลูกหันมายิ้มให้กันอย่างสะใจ ฟ้ารุ่งคิดตาม แล้วก็ยิ้มร้าย
อรรถพรกับจ่าเหยินในชุดนอกเครื่องแบบ เดินเข้ามาในชุมชนแออัด พลันก็รู้สึกเหมือนมีคนตาม มา ทั้งคู่ถึงกับชะงัก พลางรีบแยกย้ายกันออกไปคนละทาง
ภิชาสินีที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายใส่หมวก ใส่แว่น วิ่งเข้ามา แล้วก็ยืนหันซ้ายแลขวาอย่างขัดใจ
“ไปกันคนละทางแบบนี้ จะตามใครดี?”
ทันใดนั้นทั้งคู่ก็เดินอ้อมมาทางด้านหลัง อรรถพรรีบเข้าไปกอดรวบตัวภิชาสินีเอาไว้ แขนของเขาโดนหน้าอกเธอเต็ม ๆ
“แกเป็นใคร? ตามพวกฉันมาทำไม?”
ภิชาสินีมองมืออรรถพรที่โดนหน้าอกตัวเองก็ตกใจ รีบเหยียบเท้าเขาเต็มแรง ก่อนจะหันไปต่อยเข้าหน้า จนฝ่ายถูกต่อยหงายเงิบ
จากนั้นก็รีบถอดหมวด ถอดแว่นออก อรรถพรถึงกับเหวอ
“คุณภิ มาได้ยังไง แล้วต่อยผมทำไม?”
“ก็หมวดอยากมาโดนของสงวนฉันทำไม”
อรรถพรหน้าเจื่อน
“ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่รู้ ผมมองจากข้างหลังนึกว่าคนร้ายแอบสะกดรอย ผมเลยต้องเข้าไปรวบแบบนั้น”
ภิชาสินียิ้มแหยๆ อรรถพรส่ายหน้า
“ดื้อจริงๆ ไม่ให้มา ก็แอบตามมาจนได้”
“ ไหน ๆ ก็ตามมาแล้ว ให้ฉันช่วยเถอะนะ”
อรรถพรพยักหน้าอย่างใจอ่อน จ่าเหยินส่ายหน้า แอบบ่น
“สปอยตั้งแต่ยังเป็นแฟน พอเป็นเมียแล้วจะรู้สึก”
อรรถพร ภิชาสินี จ่าเหยิน ซุ่มอยู่หลังตึก พลางแอบมองไปแถวบ้านหลังหนึ่ง พลันจ่าเหยินที่หันไปเห็นยอดกับฉัตรเดินออกมา ก็รีบจุ๊ปาก
ยอดกับฉัตรเดินหงุดหงิดออกมาจากบ้าน
“เสีย เสีย เมื่อไหร่จะได้บ้างวะ”
“เสียจนหมดตัว แบบนี้จะเอาเงินที่ไหนหนีไปชายแดน ขืนไปขู่คุณแสงโชติอีก มีหวังได้ถูกกระสุนปิดปากแน่”
อรรถพรกับจ่าเหยิน รีบเดินเข้ามาใกล้ ฉัตรกับยอดหันมองหน้ากันอย่างรู้ตัว รีบวิ่งหนีแยกกัน
คนละทางทันที
จ่าเหยินแยกไปทางฉัตร อรรถพรตามยอดไป ภิชาสินีมองซ้ายมองขวา ก่อนตัดสินใจตามจ่าเหยินไป
อรรถพรวิ่งตามเข้ามาในซอยตัน แต่กลับไม่เจอยอด
“ซอยตัน แล้วมันหนีไปทางไหน?”
ยอดปีนอยู่บนหลังคามองอรรถพรที่อยู่ข้างล่างอย่างหวาดเสียวสุด ๆ
จ่าเหยินที่วิ่งไล่ฉัตรมาอีกทาง ฉวยโอกาสกระโดดเกาะมันไว้ ภิชาสินีที่ตามมาด้วย รีบคว้าไม้ขึ้นมาจะช่วย แต่กลับฟาดพลาด ไปโดนจ่าเหยินเต็มๆ จนร่วงลงมา ฉัตรได้จังหวะ รีบโกยแน่บวิ่งหนีทันที
อรรถพรตามเข้ามาเห็นจ่าเหยินนอนเลือดกำเดาไหล ก็หันมาทำหน้าดุใส่ภิชาสินี
“เห็นผลของการดื้อแล้วรึยัง จ่าเจ็บน่ะไม่เท่าไหร่ ถ้าคุณเจ็บขึ้นมา ผมจะทำยังไง?”
ภิชาสินีหน้าจ๋อย เถียงไม่ออก
จ่าเหยินถอนหายใจ
“เรื่องที่แล้วให้แล้วไปเถอะครับ ปัญหาตอนนี้คือ เราจะไปตามหาไอ้ยอดกับไอ้ฉัตรที่ไหน?”
พิณชนิดาคอยมองเข้าไปที่หน้าห้องทำงานของภูมินทร์ ด้วยความเป็นห่วง ครู่หนึ่งแสงโชติก็เดินเข้ามาหา เธอรีบปั้นยิ้มให้ทันที
“มาหาพิณถึงนี่ มีอะไรเหรอคะ?”
“ผมไม่สบายใจ ที่จะเห็นคุณพิณอยู่บ้านเดียวกับพี่ภู พูดตรง ๆนะครับ ว่าผมหึง คุณพิณย้ายออกจากบ้านพี่ภูได้มั้ยครับ?”
พิณชนิดารีบตอบรับ
“ได้สิคะ เพื่อคุณแสงโชติ เรื่องแค่นี้ พิณทำให้ได้อยู่แล้ว”
ภูมินทร์ออกจากห้อง เห็นทั้งคู่ยืนคุยกัน ก็รีบเดินออกไปทันที พิณชนิดาฝืนยิ้มกับแสงโชติ แต่ไม่วายแอบมองตามภูมินทร์อย่างเป็นห่วง
เมื่อกลับถึงบ้านของภูมินทร์ พิณชนิดาก็รีบบอกให้ปิ่นเพชรเก็บของ พลางบอกว่าจะย้ายกลับไปอยู่อพาร์ตเม้นต์ ปิ่นเพชรจำต้องเก็บของตามคำสั่งแบบงงๆ
วิญญาณพ่อ แม่ ป้า ปรากฎตัวขึ้นมามองพิณชนิดาที่กำลังโกยเสื้อผ้าลงกระเป๋าอย่างตกใจ
ครู่หนึ่งภิชาสินีเดินเข้ามา พิณชนิดารีบหันไปบอกน้องสาว
“มาก็ดีแล้ว รีบเก็บของ เราจะกลับอพาร์ตเม้นต์”
ภิชาสินีแปลกใจ “กลับทำไม? เกิดอะไรขึ้น?”
พิณชนิดาไม่ตอบ ภิชาสินีได้แต่ยืนงง
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 13 (ต่อ)
แต่พอทั้งหมดไหว้ลาแม่นมนวล พลางหิ้วกระเป๋าจะออกจากบ้าน ภูมินทร์ก็เดินเข้ามาพอดี พลางมองกระเป๋าในมือทุกคนเป็นเชิงตั้งคำถาม
“ฉันจะย้ายกลับ”
ภูมินทร์ไม่พูดไม่จา แต่กลับเดินไปดึงกระเป๋าในมือทุกคน แล้ว เอากลับขึ้นไปบนห้อง ทุกคนรีบวิ่งตาม
ภูมินทร์เอากระเป๋าของทั้งหมดมาวางในห้อง พิณชนิดา ภิชาสินี ปิ่นเพชร วิ่งตามเข้ามา
“จะไม่มีใครย้ายออกไปทั้งนั้น ถ้าฉันไม่อนุญาต เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เขาหันมามองจ้องหน้าพิณชนิดา ก่อนจะเดินออกไป เธอจึงจำต้องเดินตาม ภิชาสินี ปิ่นเพชร หันมองหน้ากัน ก่อนจะเก็บของเข้าที่ตามเดิม
ภูมินทร์ยืนมองหน้าพิณชนิดา ที่เอาแต่มองไปทางอื่น ไม่กล้าสบตา
“เธอสัญญาว่าจะมาช่วยตามหาคนที่บงการฆ่าฉัน จำไม่ได้รึไง?”
พิณชนิดาพยักหน้าอย่างหงอยๆ “จำได้”
“ตอนนี้ เธอยังทำงานไม่สำเร็จ ย้ายออกไป ก็เท่ากับผิดสัญญา ผิดคำพูด”
พิณชนิดาพูดไม่ออก
“เรื่องที่เธอชอบแสงโชติ ผู้ต้องสงสัย ฉันแมนพอที่จะเข้าใจ ถ้าเธอมั่นใจในตัวแสงโชติจริงๆ ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า แสงโชติไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าฉัน”
“ฉันทำแน่ แล้วนายจะได้รู้ ว่าคนผิดคือใคร?”
ภูมินทร์พยายามข่มความโกรธ
“ดี หวังว่าถ้าความจริงเปิดเผย เธอคงจะไม่ขาดใจตาย ที่รู้ว่าแสงโชติ มันเลวแค่ไหน? “
พูดพลางหันมองหน้าพิณชนิดาอีกครั้ง แล้วจะเดินออกไป แต่อีกฝ่ายรีบรั้งไว้
“ฉันหาคนผิดได้ โดยไม่ต้องอยู่ที่นี่”
“อยากไปจากฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ภูมินทร์ย้อนถาม พิณชนิดาอึ้ง ยิ่งเห็นแววตาตัดพ้อของเขายิ่งพูดไม่ออก
พิณชนิดานั่งซึมอยู่ที่โต๊ะทำงาน สีหน้ากลัดกลุ้ม คิดหนัก พลางหยิบมือถือออกมาเปิดไลน์ เห็นข้อความจากภูมินทร์ บอกว่า “ฉันชอบเธอ” เธอเพ่งมองด้วยสีหน้าคลางแคลงใจ แล้วก็นึกย้อนกลับไป 1 วันก่อนหน้านั้น
ภิชาสินีกับปิ่นเพชรนั่งกระสับกระส่ายอยู่ในห้อง ครู่หนึ่งพิณชนิดาก็เดินเข้ามา น้องสาวรีบเดินเข้าไปหาทันที
“คุณภูพูดอะไรกับพี่?”
ปิ่นเพชรรีบถามต่อ “หรือว่าคุณภูขอเจ๊แต่งงาน?”
พิณชนิดาส่ายหน้า
“เค้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจ๊ ไอ้เรื่องที่จะขอแต่งงาน ไม่มีทางเป็นไปได้ เค้าย้ำให้พี่จำหน้าที่ของตัวเองให้ดีว่าพี่มาที่นี่เพราะอะไร? เค้าไม่ให้พี่ไป เพราะพี่ยังทำงานให้เค้าไม่เสร็จ ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น ภิ ช่วยพี่คิดทีสิว่าพี่จะบอกนายแสงโชติยังไงเรื่องที่พี่ไม่ได้ย้ายออกไป นายแสงโชติจะได้ไม่สงสัย”
ภิชาสินีนิ่งคิด แล้วนึกได้
“พี่พิณก็โกหกนายแสงโชติไปสิ ว่าการที่พี่อยู่ใกล้ๆ นายภูมินทร์ จะมีประโยชน์กับเค้ามากกว่า นายนั่นอิจฉานายภูมินทร์ใจแทบขาด ต้องอยากรู้เรื่องนายภูอยู่แล้ว”
พิณชนิดาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ภูมินทร์เดินลงมาที่ห้องอาหาร พลางเห็นแม่นมนวลกับป่านแก้วทำหน้าปุเลี่ยนๆ ก็นึกแปลกใจ ทันใดนั้นเสียงแสงโชติก็ดังขึ้นมา
“กู๊ดมอนิ่งพี่ชายสุดเลิฟ”
พอหันไป ก็เห็นแสงโชตินั่งที่โต๊ะอาหารก็ชะงัก เขารีบจ้ำเดินเข้าไปหาทันที
“มาทำไม?”
“ผมก็มาหาสุดที่รักของผมน่ะสิครับ”
จังหวะนั้นพิณชนิดากับภิชาสินีก็เดินออกมาพอดี แสงโชติรีบลุกเดินไปหา
“ที่รักของผมมาแล้ว มามะ มานั่งข้างๆ ผมนะครับ”
พูดพลางเข้ามาจับมือพิณชนิดาพาไปนั่ง ภูมินทร์มองตากร้าวอย่างไม่พอใจ ที่สุดก็ทนไม่ไหว รีบหันไปทางแม่นมนวล
“ภูไปทำงานก่อนนะครับ”
แสงโชติยิ้มสะใจ ภิชาสินีหันไปทางพิณชนิดา
“ภิไปเรียนก่อน”
แสงโชติพยายามเอาใจด้วยการจิ้มไส้กรอกป้อน พิณชนิดากระอักกระอ่วน แต่ก็ต้องยอมกินแต่โดยดี ปูเปรี้ยวที่แอบอยู่ รีบเอามือถือออกมาถ่ายรูปทันที จากนั้นก็รีบส่งต่อไปให้เปรมสุดา ที่เห็นรูปก็โมโหจนควันออกหู จนปณิตาสงสัย
“ทำไมลูกต้องโมโหด้วย หรือว่าลูกกับคุณแสงโชติ?”
เปรมสุดาหน้าถอดสี
“สุดาบอกความจริงแม่มาเดี๋ยวนี้ ลูกกับคุณแสงโชติเป็นอะไรกัน? บอกแม่มาเดี๋ยวนี้เปรมสุดา”
“ก็เป็นอย่างที่แม่เข้าใจนั่นแหละค่ะ คุณแสงโชติเป็นผัวสุดา”
ปณิตาตบหน้าลูกสาวอย่างโกรธจัด
“นังลูกไม่รักดี ฉันบอกให้แกจับตาภู ไม่ได้บอกให้ไปยุ่งกับคุณแสงโชติ ถ้าเกิดตาภูรู้เข้า เค้าไม่มีทางชอบแกแน่ๆ”
เปรมสุดายักไหล่ “ถึงยังไงเค้าก็ไม่ชอบสุดาอยู่แล้ว”
“แกก็ต้องทำให้เค้าชอบแกให้ได้ แกนี่ไม่ได้ดั่งใจฉันซักนิด ตั้งแต่เกิดมา พ่อแกก็ตาย หนี้สินท่วมหัว มีแต่ปัญหา แกมันเป็นลูกกาลกิณีชัดๆ”
ปณิตาพูดจบ ก็จ้ำเดินออกไปอย่างโมโหสุดๆ เปรมสุดาน้ำตาร่วง ทั้งโกรธทั้งเสียใจ จากนั้นก็ดอดไปหาสิรวิทย์ถึงที่ออฟฟิศ พลางร้องไห้สะอึกสะอื้น
“วิทย์คะ วิทย์ช่วยสุดาด้วยนะ”
สิรวิทย์ถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ คุณอยากให้ช่วยอะไร?”
“ทำไมน้ำเสียงวิทย์เป็นแบบนี้ล่ะคะ เหมือนไม่พอใจสุดา”
สิรวิทย์ฝืนยิ้ม
“ผมไม่ได้ไม่พอใจครับ แต่ผมมีงานต้องทำ สุดาพูดธุระมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าสุดาไม่พูด ผมขอตัวไปทำงาน”
พูดพลางหันหลังจะเดินไป เปรมสุดารีบเดินมาขวาง
“สุดาไม่ให้วิทย์ไป วิทย์ต้องบอกมาก่อนว่าวิทย์เป็นอะไร?”
สิรวิทย์แค่นยิ้ม “อย่าให้ผมต้องพูดเลยดีกว่า”
“ไม่ได้ค่ะ วิทย์ต้องพูด สุดาขอสั่ง”
สิรวิทย์ถอนใจ ก่อนจะพุดออกไปตรงๆ
“ผมรู้เรื่องคุณกับคุณแสงโชติ”
เปรมสุดาตกใจ รีบแก้ตัว “มันไม่ใช่อย่างที่วิทย์เข้าใจ”
“ไม่ต้องแก้ตัวหรอกครับ เพราะภาพที่เห็นมันบอกทุกอย่าง”
เปรมสุดาถึงกับปากคอสั่น “ แล้วภู ?”
สิรวิทย์พยักหน้า เปรมสุดาหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด
“ผมรักคุณนะครับสุดา ผมรู้ว่าคุณชอบภู ผมถึงพยายามหักห้ามใจ แต่ผมไม่นึกเลยว่าผู้หญิงที่ผมเข้าใจว่าแสนดี จะทำตัวแบบนี้ ครั้งนี้เราคงจะเจอกันเป็นครั้งสุดท้าย ลาก่อน”
สิรวิทย์พูดอย่างเจ็บปวด ก่อนจะหันหลังเดินออกไป เปรมสุดาแทบทรุดลงไปกองตรงนั้น
พิณชนิดากับแสงโชติเดินมาด้วยกันตามทางในออฟฟิศ เขาแอบเหล่บั้นท้ายเธอตลอดเวลาก่อนจะจับหมับเข้าไป พิณชนิดาตกใจ หันขวับไปมอง ด้วยความโมโห แต่พยายามข่มใจ
“จะทำอะไร? คุณจะทำแบบนี้ไมได้ ฉันกลัวมีคนเห็น ฉันอาย”
แสงโชติยิ้มกริ่ม
“ผมไม่ทำตรงนี้ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเราไปหาที่เงียบๆ กันดีมั้ยจ๊ะ”
พิณชนิดาถอยจนหลังติดกำแพง แล้วก็เอามือยันแสงโชติเอาไว้
“อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ พิณรับรองเลยว่าอีกไม่นานคุณจะได้กอดได้จับได้อะไรๆ กับพิณแน่ แต่ยังไม่ใช่วันนี้ตอนนี้นะคะ พิณมีงานด่วนรออยู่”
“ก็ได้ ผมจะรอ แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่ชอบรออะไรนานๆ นะครับ”
แสงโชติยังไม่วายตบไปที่บั้นท้ายของเธออีกครั้ง ก่อนจะผิวปากเดินออกไป
พิณชนิดาโกรธสุดๆ
“ไอ้บ้ากาม”
พอหันมาเจอก้องภพที่ยืนมองด้วยความเป็นห่วง
“เลิกเถอะนะครับคุณพิณ ผมขอร้อง”
พิณชนิดารีบส่ายหน้า “พิณยังเลิกไม่ได้ ถ้ายังไม่รู้ความจริง”
“แล้วต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ นี่แค่ไม่กี่วัน มัน เอ่อ คุณแสงโชติยังทำเหมือนคุณเป็นตุ๊กตา ที่นึกอยากจะทำอะไรก็ได้ เค้าไม่ให้เกียรติคุณซักนิด ผมจะทนไม่ไหวแล้วนะครับ”
พิณชนิดามองหน้าก้องภพอย่างแปลกใจ “ทนไม่ไหว เรื่องอะไรคะ?”
“ คือ ผมเป็นห่วงคุณน่ะครับ ห่วงในฐานะเพื่อน”
“ขอบคุณนะคะ แต่คุณก็เห็นว่าฉันเก่งมากแค่ไหน ฉันไม่มีทางเสียท่าให้กับนายแสงโชติหรอกค่ะ”
พูดพลางจะเดินออกไป แต่กลับถูกก้องภพคว้ามือไว้
ภูมินทร์เดินมาเห็นก้องภพจับมือพิณชนิดา ก็รู้สึกหึง ไม่พอใจอย่างแรง ก่อนจะเดินออกไป
“ขอมือถือคุณพิณหน่อยครับ”
พิณชนิดาขมวดคิ้ว “จะเอาไปทำอะไรคะ?”
“เอามาก่อนครับ”
พิณชนิดายื่นมือถือให้ก้องภพที่รับมาแล้วกดโปรแกรมบางอย่าง
“app นี่จะช่วยทำให้ผมรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน? ผมจะได้สบายใจว่าคุณพิณจะปลอดภัย”
“สมกับเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งของคุณภูจริงๆ”
พิณชนิดายิ้มแล้วก็เดินออกไป ก้องภพมองตามด้วยสีหน้ากังวลใจ
ภูมินทร์หงุดหงิดกับภาพที่เห็น ไหนจะแสงโชติ ไหนจะก้องภพ จนไม่มีสมาธิทำงาน เขารีบผลุน
ผลันออกมาจากห้องทำงาน เดินรี่มายืนรอลิฟท์ ครู่หนึ่งประตูลิฟท์ก็เปิดออก เขารีบเดินเข้าไป แต่จู่ๆ พิณชนิดาก็
เข้ามาในลิฟท์ตัวเดียวกัน ทั้งคู่หันมองกันอย่างอึ้งๆ
ทั้งคู่อยู่ในลิฟท์แบบเงียบงัน บรรยากาศอึมครึม ทันใดนั้นลิฟต์กระตุกอย่างแรง
“อย่าบอกนะว่าลิฟต์ค้าง ? ” พิณชนิดาหงุดหงิด “ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้นะ”
“คิดว่าซวยคนเดียวเหรอไง?”
ภูมินทร์ย้อนกลับ พิณชนิดามองค้อน พลางหยิบมือถือออกมา แต่ไม่มีสัญญาณ
“ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ มีแต่สัญญาณไวไฟ ไลน์ให้คุณก้องมาช่วยดีกว่า”
ภูมินทร์เหล่มองอย่างหมั่นไส้
“อีกไม่นานผู้ชายออฟฟิศฉันคงจะเสร็จเธอกันทุกคน”
พิณชนิดาเงยหน้ามองอย่างไม่พอใจ เลยพูดประชด
“ทำไมรู้ล่ะคะ แหมๆๆ คนมันสวย ช่วยไม่ได้ที่จะมีคนชอบ แต่จะว่าไปผู้ชายออฟฟิศคุณก็แซบๆ ทั้งนั้น คุณแสงโชติ คุณก้องภพ ขนาดเด็กฝึกงานยังน่ากินเลยอ่ะ “
“ นี่ พูดอะไรหัดอายปากซะบ้าง”
พิณชนิดายิ้มยั่ว “ทำไมต้องอาย ในเมื่อคุณอยากให้ฉันเป็นผู้หญิงง่ายๆ ฉันก็จะเป็น”
“หยุดพูดได้แล้ว”
พิณชนิดาไม่ยอมแพ้
“ฉันไม่หยุด ในเมื่อคุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงเหลวแหลก นิสัยไม่ดีในสายตาของคุณ ฉันก็จะเป็นอย่างที่คุณอยากให้เป็น”
พูดพลางสะบัดหน้า แล้วจะเดินไปอีกมุม แต่กลับถูกอีกฝ่ายจับแขนแล้วดึงเข้ามาจนตัวแนบชิดกัน พลางดึงเธอเข้ามาจูบ
พิณชนิดาตกใจตาเหลือก รีบผละออกมา แล้วเงื้อมือจะตบหน้า แต่ภูมินทร์จับแขนเอาไว้ได้ทัน
“นี่ไม่ใช่ในละคร จะได้จูบแล้วตบ ฟังให้ดีพิณชนิดา คุณได้จูบที่มีค่าจากผมแล้ว เพราะฉะนั้นคุณห้ามไปยุ่งกับผู้ชายคนไหนอีก ไม่ว่าจะเป็นแสงโชติหรือก้องภพ ถ้าคุณไม่ทำตามที่ผมบอก ผมจะจับคุณล่ามโซ่ แล้วเอาไปขังไว้ที่กระท่อมในป่า”
“โรคจิต”
“ด่าผมเหรอ ได้”
ภูมินทร์พูดพลางยื่นหน้าจูบอีกครั้ง พิณชนิดาตกใจ เพราะตั้งตัวไม่ติด ทันใดนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออกพอดี ก้องภพกับเจ้าหน้าที่ 2 คนเห็นเต็มตา
ทั้งคู่รีบผละออกจากกัน พิณชนิดาอายมากรีบวิ่งหนีออกไปทันที ภูมินทร์ยืนมึน ทำหน้าไม่ถูก
ภูมินทร์กำลังจะเดินเลี่ยงไป แต่ก้องภพเรียกไว้ก่อน
“คุณภูครับ คุณภูทำแบบนั้นกับคุณพิณทำไมครับ?”
ภูมินทร์หันหลับมาตอบหน้าตาเฉย “ฉันหมั่นไส้ ก็เลยสั่งสอน”
“ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ”
“นายไม่ต้องเข้าข้างยัยนั่น”
ก้องภพรีบอธิบาย
“ผมไม่ได้เข้าข้าง สิ่งที่คุณทำกับเธอ ไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษสมควรทำ แล้วยิ่งมีคนเห็นแบบนี้ คนที่เสียหายคือคุณพิณ”
ภูมินทร์รู้สึกผิด แต่ก็เสทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน
“นายชักจะพูดมากเกินไปแล้ว”
“ผมรู้ว่าคุณภูไม่ทำอะไรแบบนี้กับใครง่ายๆ ถ้าคุณภูไม่ได้รู้สึกอะไร คุณพิณเธอเป็นคนดี ดีมาก ผมไม่อยากให้คุณภูเสียเธอไป โดยที่คุณยังไม่ได้บอกความรู้สึกที่แท้จริง ลองกลับไปคิดดูนะครับ”
ก้องภพพูดจบก็เดินออกไป ภูมินทร์ทิ้งตัวนั่งลง ถอนหายใจออกมาอย่างสับสน ขณะที่พิณชนิดาก็แอบมาร้องไห้ในห้องน้ำ
“ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้? ทำไม? ”
เปรมสุดาลงมาที่โต๊ะอาหาร แต่กลับไม่เห็นผู้เป็นแม่ พอถามคนใช้ก็ได้ความว่าปณิตาออกไปตั้งแต่บ่าย เธอจะต้องนั่งลงที่โต๊ะกินข้าวคนเดียวอย่างหงุดหงิด แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดคลื่นไส้ จะอาเจียนขึ้นมา จนต้องรีบวิ่งมาเข้าห้องน้ำ แล้วก็อาเจียนออกมาจนหมดแรง เหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้า พลางเอามือจับที่ท้องตัวเอง สีหน้าเครียดและกังวลใจ จากนั้นก็อำพรางตัวออกไปซื้อที่ตรวจครรภ์ที่ร้านขายยา
สัญชัยเห็นอาหารเต็มโต๊ะก็แปลกใจ รีบหันไปถามแสงโชติ
“เกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมา ถึงซื้ออาหารมาเยอะแยะขนาดนี้”
แสงโชติยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ผมมีความสุขมากน่ะสิครับพ่อ คุณพิณยอมความไม่เอาเรื่องผมแล้ว ข่าวดีมั้ยครับ”
“ ดีมาก ดีจริง ๆ”
แสงโชติรีบตักกับข้าวเอาใจ “ทานเยอะๆ นะครับพ่อ”
พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้น แสงโชติเห็นชื่อ “สุดา” ที่หน้าจอ ก็รีบกดปิดเสียง สัญชัยเงยหน้ามอง
“ใครโทรมา?”
“เบอร์แปลกน่ะครับ คงเป็นพวกโทร. มาขายประกัน”
เปรมสุดากดวางสาย พลางหันไปมองที่ตรวจครรภ์ ที่บอกว่าเธอท้อง ด้วยสีหน้าแค้นเคือง
“คิดจะเขี่ยฉันทิ้งงั้นเหรอ?”
คิดพลางก็ถ่ายรูปที่ตรวจครรภ์แล้วส่งกลับไปให้แสงโชติ พร้อมข้อความ
“อีกสองชั่วโมงเจอกันที่คอนโด”
แสงโชติเห็นรูป และข้อความก็หน้าเครียด
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 13 (ต่อ)
ภูมินทร์ที่รู้สึกผิด ก็หลอกพิณชนิดาว่าจะต้องไปคุยธุระด้วยกัน แต่กลับพาเธอมาทานอาหารในร้านหรู
“ไม่อร่อยเหรอ? ฉันไม่เห็นเธอทานซักเท่าไหร่”
พิณชนิดาทำหน้าเมื่อย
“อาหารอร่อย แต่สิ่งแวดล้อมตรงหน้ามันไม่ชวนให้ฉันอยากอาหาร กินเสร็จแล้วใช่มั้ย จะได้กลับกันซักที”
“ฉันยังไม่อยากกลับ ร้านนี้บรรยากาศดี ขอนั่งชิลต่ออีกหน่อยนะ”
พูดพลางมองหน้าพิณชนิดาแล้วก็ยิ้ม พร้อมกับคิดในใจ
“ขอโทษในสิ่งที่แกทำกับเค้าไปสิวะ พูดออกไปสิไอ้ภู พูด พูด”
พอกำลังจะพูด พิณชนิดาลุกขึ้นยืน
“เชิญคุณซึมซับบรรยากาศไปคนเดียวก็แล้วกัน ฉันจะกลับ”
พิณชนิดาหันหลังเดินออกไปทันที ภูมินทร์ถึงกับหน้าเหวอ รีบเอาเงินมาวางบนโต๊ะแล้วก็ตามออกไปทันที
“รอฉันก่อน พิณชนิดา”
พิณชนิดาหยุดเดินหันไป ภูมินทร์เดินมาตรงหน้า
“กล้าขัดคำสั่งฉันเหรอไง”
“ เออ ฉันจะขัด คุณจะทำไม? “
ภูมินทร์ไม่ตอบ แต่กลับอุ้มเธอพาดบ่า
“ปล่อยฉัน คนมองกันใหญ่แล้ว ปล่อย”
ภูมินทร์หันไปทางที่คนมองมา
“ ไม่มีอะไรครับ เมียผมดื้อ ผมก็เลยต้องสั่งสอน นี่แน่ะ วันหลังอย่าขึ้นเสียงกับผัวอีกนะจ๊ะที่รัก”
พิณชนิดาพยายามดิ้น
“โอ๊ย ไอ้บ้า ฉันเจ็บนะ ฉันไม่ใช่เมียนาย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
แล้วพิณชนิดาก็ร้องไห้ออกมา
“เธอร้องไห้? “
ภูมินทร์ตกใจ รีบปล่อยพิณชนิดาลงบนพื้น
“นายภูมินทร์ นายจะเอายังไงกับฉัน บอกฉันมาตรงๆ ฉันจะได้รู้ว่าฉันต้องทำตัวยังไง บอกมาสิ บอกมา”
ภูมินทร์จับแขนพิณชนิดาไว้ ทำท่าเหมือนจะบอกรัก
“ ฉัน ฉันจะไม่ขอโทษในสิ่งที่ฉันทำกับเธอเมื่อตอนกลางวัน”
พิณชนิดาจ้องหน้าอย่างนึกโกรธ “คิดไม่ผิดจริงๆ ว่านายต้องพูดแบบนี้”
“ฟังให้จบก่อน แล้วค่อยตัดสินว่าฉันเป็นคนยังไง ที่ฉันไม่ขอโทษ เพราะฉันทำตามความรู้สึกของตัวเอง ฉันไม่ได้คิดจะฉวยโอกาสจากเธอ ฉันทำเพราะอยากทำ”
ภูมินทร์มองพิณชนิดาด้วยแววตาที่มีความหมาย ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ทำเอาเธอถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่หันมองตามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
ทันทีที่แสงโชติเปิดประตูคอนโดเข้ามา ก็เจอเปรมสุดานั่งหน้านิ่งรออยู่แล้ว
“เห็นแล้วสินะ”
แสงโชติทำหน้านิ่ง
“เห็น แล้วคุณมาบอกผมทำไม ไปบอกไอ้ภูมันสิ ว่ามันกำลังจะมีลูก”
“คนเดียวที่ฉันนอนด้วยคือคุณ คุณนั่นแหละคือพ่อเด็ก”
แสงโชติทำหน้าดูถูก “อย่ามาโยนให้ผม ถ้าไม่มีหลักฐาน”
เปรมสุดาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“ทำไมพูดจาหมาๆ แบบนี้ คิดจะเขี่ยฉันทิ้งแล้วไปคว้านังหมอดูนั่นใช่มั้ย?”
แสงโชติทำหน้ากวน “ฉลาดมาก รู้อย่างนี้แล้วก็เลิกกวนใจผมซะ”
พูดพลางหันหลังจะเดินออกไป เปรมสุดาไม่ยอม รีบเข้าไปดึงแขนไม่ให้ไป
“อย่าคิดจะไปจากฉันง่ายๆ คุณต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น”
“ผมไม่รับ เพราะผมไม่ใช่พ่อเด็ก”
พูดพลางแกะมือเปรมสุดาแล้วผลักออกไปเต็มแรง ทำเอาเปรมสุดาล้มไปบนพื้น
“อย่าโผล่หน้ามาให้ผมเห็นอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมใจร้าย”
แสงโชติเดินออกไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งให้เปรมสุดาร้องไห้อยู่ตรงนั้น หมดเรี่ยวแรงจะที่จะขยับไปไหน
ภิชาสินีนั่งลงข้างพิณชนิดา สีหน้าตื่นตะลึงกับเรื่องที่พี่สาวเล่าให้ฟัง
“คุณภูมินทร์จูบพี่?”
วิญญาณ พ่อ แม่ ป้า ปรากฎตัวขึ้นมาทันทีพร้อมกับปิ่นเพชร แม่และป้ายิ้มแย้ม ขณะที่พ่อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“หลังจากที่เค้า เอ่อ จุ๊บุพี่ไป เค้าพูดหรือทำอะไรมั้ย?”
พิณชนิดาส่ายหน้า “เค้าไม่ขอโทษ แต่เค้าบอกว่าเค้าทำเพราะรู้สึกอยากทำ”
ปิ่นเพชรรีบหันมาสรุปกับพ่อ แม่ ป้า ที่ยืนอึ้ง
“แบบนี้ก็หมายความว่านายไข่เจียวรักเจ๊พิณ”
พ่อโวยวายลั่น ขณะที่แม่กับป้าหัวเราะร่า ดีใจ
“เค้าไม่ได้รักเจ๊ เค้าจงใจแกล้งมากกว่า คนอย่างนายภูมินทร์ไม่มีหัวใจ”
พิณชนิดาพูดจบก็ลุกเดินออกไป ภิชาสินี ปิ่นเพชร และวิญญาณทั้งสามมองตามด้วยความ
เป็นห่วง
ภูมินทร์นอนก่ายหน้าผาก เพราะนอนไม่หลับ ครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นนั่ง พลางหยิบมือถือขึ้นมากดไลน์พิณชนิดา ก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไปว่า “ฉันชอบเธอ” แล้วก็ลบออกจนหมด จากนั้นก็พิมพ์ข้อความเดิมลงไปอีก ”ฉันชอบเธอ” แต่พอจะส่ง send กลับไม่กล้า จากนั้นก็วางมือถือข้างเตียง ปิดไฟโคมแล้วนอนหันหลัง
ตุ๊กแกปิ่นเพชรเกาะอยู่บนเพดาน เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง พลันก็กลายร่างเป็นเด็กชายปิ่นเพชรยืนอยู่ข้างเตียง ยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหยิบมือถือภูมินทร์มากดเปิดไลน์ เห็นข้อความยังค้างอยู่ จึงกด Send ก่อนจะปิดปากหัวเราะ แล้วก็กลายร่างเป็นตุ๊กแกเดินออกไป
เปรมสุดานั่งพิงเตียง ในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาแดงช้ำ อย่างคนที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนัก พลางหยิบมือถือมากดเปิดดูรูปคู่เธอกับภูมินทร์ ด้วยแววตาวาวโรจน์ร้ายกาจ
“ถ้าฉันไม่ได้ภู ใครหน้าไหน ก็ต้องไม่ได้ทั้งนั้น”
พิณชนิดาแต่งตัวเสร็จ ก็เดินมาถอดปลั๊กที่ชาร์จมือถือออก พอหยิบขึ้นมา ก็เห็นข้อความจากภูมินทร์ พอกดเปิดอ่านก็ถึงกับอึ้ง
“ฉันชอบเธอ”
ภิชาสินีในชุดนักศึกษาเดินมาเห็นสีหน้าพี่สาวก็แปลกใจ
“พี่พิณเป็นอะไร??
พิณชนิดาไม่ตอบ ภิชาสินีก้มมองมือถือ พอเห็นข้อความก็พลอยตกใจไปด้วย
“อย่าเสียงดัง พี่ไม่อยากให้พ่อ แม่ ป้าแล้วก็ปิ่นเพชรรู้”
“แล้วพี่พิณจะทำไงกับคุณภูต่อไป?”
“พี่พูดตรงๆ ว่าพี่ไม่เชื่อเค้า พี่ไม่คิดว่าเค้าจะหมายความตามที่บอกจริงๆ”
พิณชนิดาถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม ภิชาสินีกลุ้มใจแทน
แสงโชตินั่งดมช่อดอกไม้ในมือสีหน้ายิ้มแย้ม ครู่หนึ่งพิณชนิดากับภิชาสินีก็เดินออกมา
“ดอกไม้สำหรับสุดที่รักของผมครับ”
พอพิณชนิดายื่นมือออกมารับ แสงโชติก็ฉวยโอกาสหอมแก้มเธอ 2 พี่-น้องตกใจ ภูมินทร์ยืนมองอยู่ รีบเดินออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ผมบอกคุณแล้วใช่มั้ยพิณชนิดา ว่าคุณห้ามยุ่งกับผู้ชายคนไหนอีก”
แสงโชติหัวเราะเย้ย
“พี่ภูเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า? ผมกับคุณพิณรักกัน แล้วทำไมคุณพิณจะยุ่งกับผมไม่ได้”
ภูมินทร์ดึงพิณชนิดามาโอบแน่น
“ แกต่างหากที่เข้าใจผิด พิณเป็นผู้หญิงของฉัน ไม่ใช่ของแกหรือของใครทั้งนั้น”
แม่นมนวลอึ้ง ภิชาสินีอมยิ้มสะใจ แสงโชติไม่พอใจ หันไปมองพิณชนิดา ที่จำต้องผละจากภูมินทร์ เพราะต้องทำตามแผน
“คนที่เข้าใจผิดคือคุณ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของคุณ แต่ฉันเป็นผู้หญิงของคุณแสงโชติ”
ภูมินทร์หน้าชาพูดไม่ออก
“ไปทำงานกันเถอะค่ะ”
แสงโชติยิ้มรับ และหันไปมองเย้ยแบบผู้ชนะ ก่อนจะเดินควงพิณชนิดาออกไป ภูมินทร์กำมือแน่นด้วยความเสียใจและน้อยใจ แม่นมนวลมองด้วยความสงสาร
ทันทีที่พิณชนิดากับแสงโชติเดินออกมาด้วยกัน เธอก็รีบเอามือออกจากทันที แต่เขากลับดึงแขนเธอเข้ามา
“ผมขอบอกตรงนี้เลยนะครับว่าถ้าคิดจะใช้ผมเพื่อประชดพี่ภู อย่าแม้แต่คิด เพราะคนอย่างผมไม่ชอบโดนหลอกใช้”
พิณชนิดาหน้าถอดสี แล้วก็รีบยิ้ม
“แหม! ใครจะกล้าหลอกใช้คุณแสงโชติล่ะคะ”
พูดพลางเอามือจับแก้มแสงโชติเพื่อให้แนบเนียน
“ พิณไม่ได้ต้องการประชดใคร รีบไปทำงานกันเถอะนะคะ พิณไม่อยากไปสาย”
พูดพลางรีบเดินออกไป แสงโชติมองตาม ด้วยแววตาร้ายกาจ
ภูมินทร์เดินหน้าเครียดออกมาจากห้องทำงาน ก็เจอกับเปรมสุดาที่ใส่แว่นดำรออยู่พร้อมกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ เขามองไปที่กระเป๋าเดินทางสีหน้าแปลกใจ
เปรมสุดาแกล้งบีบน้ำตา
“ภูคะ สุดาอยากมาขอโทษ ที่สุดาทรยศภู”
“คุณไม่ต้องขอโทษ คุณไม่ได้ทรยศผม เพราะว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ถึงเราจะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่สุดาก็รู้สึกผิดอยู่ดี”
เปรมสุดาทำเป็นถอดแว่นเช็ดน้ำตา จงใจให้อีกฝ่ายเห็นดวงตาที่บวมช้ำ
“คุณร้องไห้ทั้งคืนเลยเหรอ?”
“ค่ะ ตอนนี้สุดากำลังได้รับกรรมที่ทำไว้กับภูแล้ว แสงโชติเค้าทิ้งสุดาไปหาคนอื่น สุดามันก็แค่ผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่ง ภูยกโทษให้สุดานะคะ ตอนนี้สุดาไม่เหลือใครอีกแล้วจริงๆ แม่ก็ด่าสุดา แล้วยังจะไล่สุดาออกจากบ้านอีก”
ภูมินทร์เห็นสภาพเปรมสุดาก็เชื่อสนิทใจ
“แล้วคุณจะไปอยู่ที่ไหน?”
“สุดายังไม่รู้เลยค่ะ”
ภูมินทร์หันไปเห็นพิณชนิดากับแสงโชติเดินยิ้มแย้มมาด้วยกัน ก็หึง เลยทำเป็นประชดด้วยการหันไปทางเปรมสุดา แล้วพูดเสียงดัง ตั้งใจให้พิณชนิดาได้ยิน
“เลิกร้องไห้ได้แล้ว มาอยู่บ้านผม”
พูดพลางดึงเปรมสุดาเข้ามากอดไว้หลวมๆ
“ใครไม่เห็นค่าของคุณ แต่ผมเห็น”
เปรมสุดาลอบยิ้มพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่พิณชนิดากลับรู้สึกหน้าชาไปทั้งแถบ
แสงโชติมองอย่างไม่ไว้ใจ เพราะไม่รู้ว่าเปรมสุดาจะมาไม้ไหน?
เมื่อเข้ามาในบ้านภูมินทร์ เปรมสุดาก็รีบโทร. รายงานปณิตา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ตอนนี้สุดาอยู่บ้านภู”
“ไปให้เค้าด่าเหรอไง แค่นี้ยังอายไม่พอใช่มั้ย?”
“ฟังสุดาให้จบก่อนได้ป่ะคะ ภูชวนสุดาให้มาอยู่ที่บ้าน”
ปณิดาได้ฟังก็ทั้งตกใจ ทั้งประหลาดใจ
“แกอย่ามาหลอกแม่นะ”
“สุดาไม่ได้หลอกค่ะ สุดาจะทำให้แม่สมหวัง อีกไม่นานเกินรอ”
พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เปรมสุดารีบพูด
“แค่นี้ก่อนนะคะ”
ภูมินทร์เปิดประตูเข้ามา เปรมสุดาแกล้งร้องไห้ ใส่โทรศัพท์
“แม่คะ แม่อย่าโกรธสุดาเลยนะคะ สุดาผิดไปแล้ว แม่”
พูดพลางทำเป็นทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอย่างหมดแรง ภูมินทร์มองสงสาร เดินเข้ามาหา เปรมสุดา
ทำทีเป็นเพิ่งเห็น รีบเช็ดน้ำตา
“ผมให้นมนวลเตรียมของว่างให้คุณ ลงไปทานได้เลย ผมต้องออกไปพบลูกค้าก่อน คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของคุณ มีอะไรให้ช่วยก็บอก ยังไงเราก็รู้จักกันมานาน”
ภูมินทร์พูดจบก็เดินออกไป เปรมสุดาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง อย่างมีความสุข
“คุณก็ไม่ได้ฉลาดไปซะทุกเรื่องหรอกนะคะภู”
เปรมสุดานั่งกินของว่างอย่างอารมณ์ดี มีปูเปรี้ยวคอยบริการรินชาร้อนให้ ป่านแก้วที่กำลังถูพื้นอยู่แถวนั้นหันมามองอย่างหมั่นไส้พร้อมขมุบขมิบปากด่า แต่เปรมสุดาหันมาเห็นพอดีก็ของขึ้น
“จะพูดอะไรก็พูดออกมา ไม่ต้องมาแอบด่าฉัน”
ปูเปรี้ยวได้ทีรีบใส่ไฟ
“นังเนี่ยมันชอบเม้าท์คุณเปรมสุดาค่ะ เพราะว่ามันเป็นพวกเดียวกับนังหมอดู”
ป่านแก้วหน้าถอดสี เปรมสุดาลุกขึ้นเดินมาหา พลางจ้องหน้าเอาเรื่องทันที ปูเปรี้ยวรีบสาระแนเดินตาม
“เป็นพวกเดียวกับนังพิณงั้นเหรอ? ปูเปรี้ยว จัดการสั่งสอน”
จากนั้นทั้ง 2 คนก็รุมกันผลักป่านแก้วจนล้มก้นจ้ำเบ้า
“จำไว่ว่าฉันเป็นเจ้านาย ส่วนแกเป็นแค่ขี้ข้า ต่อไปนี้อย่าให้ฉันได้ยินแกนินทาฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะให้ภูไล่แกออก”
พูดจบเปรมสุดาก็เดินออกไป ปูเปรี้ยวหัวเราะเยาะเย้ย
“เวลาของแกมันหมดแล้ว ต่อไปนี้เป็นเวลาของฉัน”
พูดพลางสะบัดหน้าเชิดใส่ ก่อนจะเดินตามไป
“คุณภิ ทำไมไม่ทานอะไรเลยล่ะครับ หรือว่าไม่อร่อย”
อรรถพรถามภิชาสินีด้วยความเป็นห่วง ขณะที่นั่งทานอาหารอยู่ด้วยกันในร้าน
“ไม่ใช่ ฉันกลุ้มเรื่องพี่พิณ”
“คุณพิณเป็นอะไรเหรอครับ?”
ภิชาสินีมองหน้าอรรถพร แล้วก็สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
“คุณเห็นวิญญาณอีกแล้วเหรอ?”
ภิชาสินีพยักหน้า วิญญาณพ่อสรพงศ์ยืนหน้าเศร้าอยู่ข้างหลังอรรถพร
“ฉันเห็นพ่อของสรพงศ์ ยืนอยู่ข้างหลังนาย”
อรรถพรตกใจรีบลุกมานั่งกอดภิชาสินีข้างๆ “เค้ามะมา มาทำไม?”
ภิชาสินีมองไป พ่อสรพงศ์สีหน้าอมทุกข์ แววตาเศร้า พลางขยับปากเหมือนจะบอกอะไร แต่ทว่าไม่มีเสียง
ภิชาสินีนิ่วหน้า
“ฉันไม่ได้ยินที่คุณพูด ฉันไม่ได้ยินจริงๆ ค่ะ”
แล้ววิญญาณนั้นก็ค่อยๆ หายไป
“ว่าไงคุณ ตกลงเค้ามาทำไม?”
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้ยินที่เค้าพูด แต่ดูจากลักษณะแล้ว วิญญาณของพ่อสรพงศ์ไม่ค่อยมีพลัง นี่ก็หายไปแล้วด้วย”
ภิชาสินีหน้าเครียด
“ยังคิดอยู่อีกเหรอว่าวิญญาณพ่อสรพงศ์พูดว่าอะไร?”
อรรถพรหันมาถาม เพราะเห็นภิชาสินีหน้านิ่วไม่หาย
“ เฮ่ย ฉันรู้แล้วว่าเค้าพูดว่าอะไร? พ่อของสรพงศ์พูดว่าผมอยากกินผัดไท”
อรรถพรนิ่งไปซักพัก
“แน่ใจนะว่าเค้าพูดแบบนั้น? ”
“แน่ใจสิ เดี๋ยวเราแวะตลาด ซื้อผัดไทเจ้าอร่อย พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปใส่บาตรให้เค้า”
พูดจบก็เดินออกไป อรรถพรขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง
“อยากกินขนาดต้องมาหาคุณภิเลยเหรอวะ?”
เปรมสุดาเอาอาหารจากกล่องจัดใส่จาน ปูเปรี้ยวมองอย่างชื่นชม
“อาหารที่คุณเปรมสุดาสั่งมา หน้าตาน่าทานมากเลยค่ะ”
เปรมสุดาหันไปถลึงตาใส่
“อุ๊ย ปูเปรี้ยวหมายความว่าอาหารที่คุณเปรมสุดาทำ”
“ดีมาก พูดให้ตรงกันล่ะ ฉันอยากตอบแทนที่ภูมีน้ำใจชวนฉันมาพักที่บ้าน ยกออกไปได้แล้ว” ปูเปรี้ยวยกจานอาหารวางบนถาดแล้วก็เดินออกไป เปรมสุดายิ้มปริ่ม
“สุดาทำสุดฝีมือเลยนะคะ ตอบแทนที่ภูดีกับสุดา แล้วก็ถือเป็นคำขอโทษที่เมื่อก่อนสุดาทำตัวไม่ดีกับภู”
เปรมสุดาพูดนำเสนอด้วยความภาคภูมิใจ ขณะที่ภูมินทร์ทำหน้านิ่ง
“ความจริง ไม่ต้องทำเยอะขนาดนี้ก็ได้ ผมไม่ค่อยหิว ถ้าไงคุณทานก่อนได้เลย”
แต่พอเห็นพิณชนิดาเดินเข้ามา ภูมินทร์ก็รีบหันไปทางเปรมสุดา
“อาหารฝีมือสุดาน่าทานมากๆ เห็นแล้วหิวทันที ตักข้าวให้ผมทีนะครับ”
เปรมสุดายิ้มรับแบบงงๆ “ได้ค่ะ ได้”
จากนั้นก็รีบตักข้าวใส่จานมาวางตรงหน้าภูมินทร์ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงข้างๆ ภูมินทร์ตักอาหารหันไปทางเปรมสุดา
“อ้าปากสิครับสุดา”
เปรมสุดาเหวอ แต่ก็อ้าปากรับ
“สุดาป้อนภูบ้างนะคะ”
เปรมสุดาตักอาหารป้อนภูมินทร์
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ สุดาทำปากภูเลอะเลย”
พูดพลางดึงทิชชู่ออกมาเช็ดปากให้ ภูมินทร์จับมือแล้วส่งยิ้มหวาน เปรมสุดาเขินอาย
“สุดาครับ คืนวันพรุ่งนี้มีงานเลี้ยงครบรอบ 30 ปีของบริษัท สุดามาเป็นคู่ควงผมนะครับ”
เปรมสุดายิ้มรับ
“ได้ค่ะ ทานต่อนะคะ”
พิณชนิดาทนเห็นภาพบาดตาไม่ไหว รีบจ้ำเดินออกไป ภูมินทร์เหลือบมองตาม ไม่ได้มีความสุขเลยที่ต้องทำแบบนั้น
พิณชนิดาเดินเลี่ยงออกมาทั้งเสียใจและเจ็บปวด
“อีตาบ้า นายบอกว่าชอบฉันทำไม?”
ภูมินทร์เองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน
“เฮ้อ... เราทำบ้าอะไรลงไป”
คิดพลางหยิบมือถือมากดเปิดเห็นก้องภพไลน์เข้ามา
“พรุ่งนี้ต้องไปถึงงานตอนห้าโมงเย็น อย่าเลทนะครับ”
ภูมินทร์ถอนใจแล้วก็ชะงัก เมื่อเห็นข้อความที่ไลน์หาพิณชนิดา จึงรีบกดเปิดอ่าน
“ฉันชอบเธอ เอ๊ย ! เราไม่ได้ส่งนี่หว่า แล้วมันมันส่งได้ไงวะ?”
ภูมินทร์หน้าตาตื่นตระหนกสุดๆ
จบตอนที่ 13