สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 15
ที่บ้านเช่าตฤณ เสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้นของทิวากับราตรีดังมา ขณะตังตังกำลังเล่าวีรกรรมของเชนให้ทั้งคู่ฟังอย่างออกรสออกชาติ
“เชนยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องโลก จับไซลาร์กลับไปในหนัง แล้วก็ไปสู้กับมัน อัดซ้ายอัดขวา จับกดนับหนึ่งสองสาม จนมันจอดไม่ต้องแจว แล้วเชนก็กลับออกมาอย่างสง่าผ่าเผย โลกเราสงบสุขได้เพราะเชน”
“ตังตังก็พูดเกินไป เชนก็แค่ทำในสิ่งที่ควรทำ”
“ว้าว วีรบุรุษ ทำในสิ่งที่ควรทำ คนที่คิดยังงี้มีแต่ฮีโร่เท่านั้น” ทิวาชื่นชม
“เราทุกคนเป็นหนี้บุญคุณเชนนะคะ มามะ มาให้พี่หอมแก้มทีหนึ่ง” ราตรีทำเนียนๆ
“ส่วนพี่ให้เชนหอมพี่” ทิวารุมเชนอีกคน
“เอ่อ น้าทิวา น้าราตรีครับ”
ตฤณจ้องปรามๆ ทิวากับราตรียิ้มแหย
“เจนก็ต้องขอบคุณเชนมากๆ เพราะถ้าเชนไม่เสนอตัวมาให้เจนทำข่าว เจนจิราแชนแนลก็คงไม่ได้เกิด เจนก็คงเป็นนักข่าวตกกระป๋อง ขอบคุณมากนะเชน”
“สิ่งที่ช่วยคุณเจนไม่ใช่เชนหรอกครับ แต่คือความดีของคุณเจนต่างหาก คนที่คิดดี ทำดีเพื่อสังคม ความดีย่อมต้องคุ้มครอง คนดีก็ย่อมอยากร่วมมือด้วยทั้งนั้น เพราะคนดี ย่อมอยากคบคนดีๆ”
ทิวา ราตรีเคลิ้ม
“พูดจาหล่ออีกแล้ว”
“อย่างนี้เรียกพูดจาหล่อเหรอครับ เชนว่านี่ก็ธรรมดา”
“งั้นตฤณก็เป็นคนดีด้วยสิ เพราะตฤณอยากคบเจน”
ทุกคนชะงัก หันมาจ้องตฤณด้วยสายตาว่ากล้าพูด
“ใช่มั้ยเจน เจนก็อยากคบตฤณใช่ไหม เพราะคนดีๆ ย่อมอยากคบคนดีๆ”
เจนจิราทำหน้าทะเล้น อมยิ้มกิ๊กกั๊ก กลอกตาไปมา
“อืม”
“เจน อย่าปล่อยให้เขาโดนคนประณามว่าขี้ตู่สิ ช่วยเขาด้วย”
เจนจิราเดินหนีออกไป ตฤณเงอะงะ รีบตามไป ทุกคนขำๆ ที่ได้แกล้งตฤณ
เจนจิราเดินแยกออกมา ตฤณตามมา
“เจนไม่รับมุกเขาเลย ปล่อยให้คนอื่นเยาะเย้ยเขาอยู่ได้”
เชน ตังตัง ทิวา ราตรีตามออกมาอีกด้าน หลบหลังเสา แอบลุ้น
“เขาจะรับมุก แต่ตัวเองต้องทำได้อย่างที่เคยพูดก่อนสิ”
“หือ”
“ใครเคยพูดว่าจะวาดการ์ตูนให้ประสบความสำเร็จ”
“ก็ทำอยู่นะ”
“ไหน”
“คือ เขากำลังทำอยู่ในหัว พอขึ้นโครงเป็นรูปร่างในหัวเสร็จ ลงมือวาด แป๊บเดียวเสร็จ ถ้าเขาทำเสร็จ เจนจะกลับมาคบเขาหรือเปล่า”
“อะไร อย่ามาจับแพะชนแกะ มันไม่เกี่ยวกัน”
“เกี่ยวสิ เพราะเจนไม่ได้มีความสุขที่เลิกกับเขา เจน ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เชนสอนให้เขารู้ว่า เขาสามารถทำอะไรก็ได้ ถ้าเขามีความเชื่อมั่น เจน เขาจะดีขึ้นกว่าที่เห็นตอนนี้อีก แต่เจนต้องอยู่กับเขานะ”
เจนจิราอึ้งที่เห็นแววตาของตฤณเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับเมื่อก่อน ตฤณดูมุ่งมั่นและมีไฟพร้อมจะปกป้องดูแลเธอได้ มือถือของเจนจิราดัง เธอหยิบมาดูเบอร์ เห็นว่าเป็นบารมี เจนจิราลังเล แล้วกดไม่รับสาย
“จะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องเอาเจนไปเป็นเงื่อนไข”
“ต้องสิ เพราะที่เขาพยายามมาทั้งหมดก็เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้เจนเห็น เพื่อเจนคนเดียว”
เสียงบารมีดังเข้ามา
“ตัดสายผมทิ้งทำไม”
เจนจิราและตฤณอึ้ง เห็นบารมีเดินเข้ามา ในมือยังถือโทรศัพท์เพิ่งโทรหาเจนจิราเมื่อสักครู่นี้เอง
“เจนตั้งใจจะไม่รับสายผม เพราะมันใช่มั้ย เพื่อเจนคนเดียวเหรอ เจนแฟนฉันเว้ย”
“บารมี อย่า”
เจนจิราลากบารมีออกไปก่อนจะมีเรื่อง บารมีลากเจนจิรามาที่รถซึ่งจอดด้านนอก แต่เจนจิราดึงมือออก ไม่ยอมไป
“มันกล่อมเจนใช่มั้ย มันล้างสมองเจนให้กลับไปกัดก้อนเกลือกินกับมันใช่มั้ย เจนถึงกล้าลาออกจากสมายล์ทีวีทั้งๆ ที่ผมมีรายการให้คุณทำ เจน ผมรู้ว่าคนเราหลงผิดกันได้ ผมจะไม่โกรธเจน ร่องแก้มมาแล้วนะเจน”
“เจนไม่ไปค่ะ เจนไม่อยากเป็นพริตตี้ขายคอร์สทำหน้าเด้งให้คุณอีกแล้ว เจนอยากทำข่าว อยากทำประโยชน์ให้สังคม”
“งั้นเจนก็ทำข่าวเกี่ยวกับความสวยความงามสิ”
“เจนไม่ทำ”
บารมีจะดึงเจนจิราไปให้ได้ แต่เธอไม่ยอมไป ตฤณตามมา
“เจนไม่ใช่คนที่จะมาห่วงแต่เรื่องตัวเองเหมือนคุณหรอก”
“ใครขอความเห็นแกไอ้หน้ามีรูขุมขน”
“ไอ้หน้าใสแต่ไร้สมอง เพราะสมองแกไปรวมกันอยู่บนดั้งจมูก จนไม่เหลือรอยหยักให้คิดถึงคนอื่นแล้ว หรือถึงมี แกก็ฉีดฟีลเลอร์ให้รอยหยักมันเรียบตึงอยู่ดี”
บารมีฉุนมาก จะเข้าไปชก แต่ตฤณจับมือบิด แล้วเงื้อหมัดกำแน่น
“อยากได้จมูกหรือคางใหม่”
“อย่าๆๆ”
“พอได้แล้ว”
เจนจิราเข้าห้าม ตฤณผละออกจากบารมี
“เจน คุณจะเลือกผมหรือมัน” บารมีย้ำถาม
“บารมี"
ตฤณผงะ เชน ตังตัง ทิวา ราตรีตามออกมามอง
“เราจะปล่อยให้พี่เจนไปกับคุณหมอหน้าใสไม่ได้ เราต้องช่วยกัน” ตังตังบอก
“น้าจะล็อกแขนซ้าย”
ทิวาพูดพลางล็อคแขนซ้ายเชน
“น้าล็อกแขนขวา”
ราตรีพูดแล้วล็อคแขนอีกข้างของเชน
“ตังตังอัดเอง เย้ๆๆ”
ตังตังยื่นมือมา ทิวาราตรีเอามือมาประสาน ทุกคนรอเชน
“ผมว่า ถึงเวลาที่ตฤณต้องสู้เพื่อตัวเองแล้ว เราปล่อยให้ตฤณกับเจนจิราจัดการเองดีกว่าครับ เรื่องนี้เชนจะไม่ยุ่ง”
บารมีกระหยิ่ม นึกว่าเจนจิราเลือกตน
“หึๆๆ ยังไงเจนก็ต้องเลือกฉัน”
“บารมี เจนไม่ได้รักคุณ”
“หา”
“เจนขอโทษที่ทำให้คุณเข้าใจผิด แต่ตอนนี้เจนรู้แล้วว่าไม่เคยรักคุณเลย เจนทนอยู่กับคนความคิดหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของตัวเองคนเดียวในโลกไม่ได้ เจนไม่แคร์ว่าหน้าจะมีรอยมั้ย ร่องแก้มลึกหรือเปล่า คุณค่าของเจนไม่ได้อยู่ตรงนั้น”
“แล้วที่ผ่านมาคืออะไร ตอนที่ผมฉีดฟีลเลอร์ให้เจนครั้งแรก เจนทำหน้าฟินทำไม”
“เจนเจ็บ เจ็บจนน้ำตาไหล แล้วคุณก็คิดไปเองว่าเจนฟิน”
“เจนฟิน”
“ไม่ได้ฟิน”
ตฤณมายืนเคียงข้างเจนจิรา
“ออกไปจากชีวิตเจน”
“เจน”
เจนจิรายืนนิ่ง บารมีผิดหวัง เสียหน้า แค้น
“เจนกล้าหักหน้าผม จำไว้เลยนะเจน วันไหนเหนียงยานอย่ามาให้ผมยกกระชับให้แล้วกัน ฉันจะอาฆาตแกกับเจนให้ถึงที่สุด ฉันรู้จักคนใหญ่คนโตเยอะ ฉันจะใช้เส้นสายทำลายโอกาสแกทุกอย่าง พวกแกจะไม่มีวันได้ดี คอยดู”
พวกเชนตามมาดู
“คนสมัยนี้ ทำหน้าตาให้ดูดีได้ แต่ไม่เคยคิดทำจิตใจให้ดีตามด้วยเลย” เชนพึมพำ
บารมีแค้นมาก แต่ตฤณก็ไม่กลัว
“คุณไม่ต้องขู่ เพราะผมไม่กลัว ผมจะไม่ยอมให้คนอื่นที่ไม่เกี่ยว มามีอิทธิพลกับชีวิตผมได้อีกแล้ว ผมจะสู้ สู้เพื่อเจน เพื่อรักของเรา”
“ตฤณ”
“ไม่ต้องมาหวานกันแถวนี้ ถุย ไอ้กาจั๊วะ ระวังตัวไว้ให้ดี แกจะตายไม่รู้ตัว”
จู่ๆ ปวันก็เข้ามา
“ถ้านั่นคือคำขู่ รู้ไว้ด้วยว่าร้อยตำรวจโทหญิงปวัน เป็นพยานรับทราบแล้วค่ะ คุณหมอบารมี”
“หนอย เออ จำไว้”
บารมีอึ้ง แค้น จำต้องถอยออกไปก่อน
“ขอบคุณมากนะคะผู้หมวด”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเชนคะ ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย”
เชนแปลกใจ
ปวันเดินแยกมากับเชนอีกด้านหนึ่ง
“ผู้การมีเรื่องอยากให้คุณช่วยค่ะ”
เชนกรุ้มกริ่ม
“แน่ใจเหรอครับว่าผู้การ ไม่ใช่ผู้หมวด”
“ผู้การค่ะ เรื่องด็อกเตอร์อาทิตย์ ขึ้นรถ ฉันจะพาคุณไปพบผู้การ”
“ทำไมต้องทำท่าทางเหมือนคนไม่รักกันด้วย ในเมื่อรู้ๆ กันอยู่ว่าคุณรัก”
“ขึ้นรถ”
“โอเค ไม่พูด ไม่แสดงออก แต่แค่ใจเราตรงกัน ผมก็ยอมละ”
“เคยไหม ที่จะไม่มุกเฉิ่ม”
เชนยิ้มให้ ปวันอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม แต่หันหน้าหลบ ฝืนไว้ เปิดประตูให้ขึ้นรถ เชนขำๆ
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 15 (ต่อ)
ปวันเป็นคนขับ เชนนั่งข้างๆ คอยแอบมองหญิงสาว ปวันเกร็งๆ หยิบแก้วกาแฟร้อนขึ้นมาจิบ
“เลิกมองหน้าฉันได้มั้ย”
“ถ้าผมออกมาจากหนังเรื่องไซลาร์ไม่ได้ คุณจะหาทางตามเข้าไปช่วยผมมั้ย”
“ไม่”
เชนยิ้ม “แต่ตฤณกับเจนจิราบอกว่า คุณพยายามหาแว่น3DDD”
“ฉันก็พูดไปงั้นแหละ อารมณ์มันพาไป แล้วฉันก็เป็นตำรวจ ฉันก็ต้องทำหน้าที่”
“แล้วถ้าให้พูดตอนนี้ นอกหน้าที่ จะพูดกับผมยังไง”
“หุบปาก”
ปวันเผลอดุ ทำกาแฟกระฉอกหกใส่ตัวเอง
“หึย เห็นมั้ย เพราะนาย หยิบทิชชู่มาสิ ในลิ้นชักนั้น”
เชนรีบเปิดเก๊ะหน้ารถ หยิบทิชชู่ออกมาส่งให้ปวัน แต่แล้วก็เห็นกระดาษแผ่นหนึ่ง จำได้เพราะมันคือกระดาษที่เขาเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้ปลายฟ้า เชนรีบหยิบมาดู
“นี่มัน จดหมายที่ผมเขียนถึงคุณปลายฟ้า มาอยู่กับคุณได้ยังไง”
“เอ่อ ก็”
“คุณปวัน คุณมีจดหมายได้ยังไง”
เชนคาดคั้น ปวันอึกอัก
รถปวันแล่นมา ประตูข้างคนขับเปิดออกมาทั้งๆ ที่รถยังวิ่ง แล้วรถก็ค่อยๆ จอดเข้าข้างทาง เชนพรวดลงมาทันที ปวันตามมาอธิบาย
“ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น”
“โอเค ฉันเข้าไปหาหลักฐานในบ้านพักคุณปลายฟ้า แล้วเจอมัน ก็ต้องเก็บมาเป็นหลักฐาน”
“งั้นคุณปลายฟ้าก็ยังไม่ได้อ่านน่ะสิ ทำไมคุณถึงเสียมารยาทหยิบจดหมายของคนอื่น”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ก็นายยังไม่ได้จากไปไหนซะหน่อย”
“คุณอ่านมันแล้ว”
“ก็ ตามหน้าที่”
“คุณไม่มีมารยาท”
“จะโวยวายทำไม นายจับมือตกลงเป็นเพื่อนกันกับคุณปลายฟ้าแล้วนะ”
“ทำไมคุณรู้”
ปวันตาโต พลาดไปแล้ว
“ก็”
ปวันหันหน้าหนี แต่เชนตามขวาง
“คุณปวัน คุณรู้ได้ยังไงว่าผมตกลงเป็นเพื่อนกับคุณปลายฟ้าแล้ว คุณมีจดหมายของคุณปลายฟ้า แล้วยังรู้เรื่องที่ผมคุยกับคุณปลายฟ้าแค่สองคนอีก หรือว่า คุณ กับคุณปลายฟ้า”
ปวันผงะ อึ้ง กลัวเชนรู้ความจริง
“คุณสองคน รู้จักกันใช่มั้ย”
ปวันจำใจรับอย่างเสียไม่ได้
“เอ่อ คือ ก็ ใช่ รู้”
“แสดงว่า ที่คุณปลายฟ้ามาบอกผมว่าชอบขึ้นคาน มันคือเรื่องจริง หรือไม่ใช่ จริงๆ อาจเป็นเพราะคุณ คุณไปบังคับให้คุณปลายฟ้ามาเลิกกับผมหรือเปล่า”
“ฉันจะไปทำอย่างนั้นทำไม”
“ไม่ต้องตอบ พาผมไปหาคุณปลายฟ้าเดี๋ยวนี้”
“จะไปทำไม”
“ไม่ ถ้าไม่พาผมไป ผมก็ไม่ให้ความร่วมมืออะไรกับพวกคุณทั้งนั้น”
เชนเดินหนีไป ปวันตามไปอธิบาย
“นายเลิกจริงจังเรื่องปลายฟ้าได้มั้ย ใช่สิ พอพูดถึงคุณปลายฟ้า นายก็ทุรนทุรายจะไปหาเธอให้ได้ แล้วไอ้ที่มายิ้มๆ หยอดๆ กับฉัน มันคืออะไร”
“เพราะผมรักคุณ แต่ผมจะไม่ยอมให้ความรู้สึกส่วนตัวอยู่เหนือความรับผิดชอบและความถูกต้องเด็ดขาด ถ้าคุณไม่ได้บังคับอะไรคุณปลายฟ้า ก็ไปพบคุณปลายฟ้ากับผม ให้คุณปลายฟ้ายืนยันต่อหน้าว่าเขาต้องการเป็นเพื่อนกับผมจริงๆ ไป”
“ฉันไปไม่ได้”
“ทำไม”
“เพราะ เพราะฉันพบกับปลายฟ้าไม่ได้”
“ทำไม”
“ไม่ทำไม ไม่ได้ก็คือไม่ได้”
“ทำไมถึงไม่ได้ นี่คุณยังมีอะไรปิดบังผมอยู่ใช่มั้ย อย่าปฏิเสธว่าไม่มี คุณไม่กล้าสู้หน้าผม เพราะคุณโกหกอะไรผมอยู่”
“จะคาดคั้นไปเพื่ออะไร เรื่องบางเรื่องรู้ไปแล้วไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา ก็ไม่ต้องไปรู้มันหรอก”
“ผมจะรู้”
“อยากรู้มากใช่มั้ย”
“ใช่”
“ได้ งั้นฟังให้ชัดๆ นะ ฉันนี่แหละ ปลายฟ้า”
เชนงง ไม่เชื่อ คิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล หลอกลวง
“เมื่อไหร่คุณจะพูดความจริงซะที”
ปวันฉุน รวบผม มัดแบบที่ปลายฟ้ามัด แล้วเดินไปที่รถ เปิดท้ายออก ในนั้นมีเสื้อผ้าสำหรับการปลอมตัวเป็นปลายฟ้า เธอหยิบแว่นตามาสวม เชนช็อก
“คุณ คุณคือ ปลายฟ้า”
“นายไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรกับคุณปลายฟ้าอีก เพราะเขากับฉัน คือคนเดียวกัน”
เชนช็อก รับไม่ได้ เดินหนีไป แต่ปวันรีบเรียกไว้
“ฉันไม่ได้อยากโกหก แต่มันเป็นงาน ฉันได้รับคำสั่งให้มาสืบเรื่องนาย แต่นายไม่ชอบหน้าฉัน ปวันคนนี้ ฉันเลยต้องปลอมตัวเพื่อให้นายไว้ใจ เพื่อให้ได้ข้อมูล นายก็เป็นสายลับ เรื่องปลอมตัว นายน่าจะเข้าใจ”
เชนยืนนิ่ง แล้วค่อยๆ หันกลับมา
“ผมเข้าใจ ใช่ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ คุณคิดจะปิดตายความลับนี้เอาไว้ ไม่บอกให้ผมรู้ แล้วคุณก็จะพูดคุยกับผม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น งั้นเหรอ”
“ไม่ใช่ ฉันตั้งใจจะบอกนาย”
“เมื่อไหร่ อ้อ ใช่สิ คุณกับผู้การของคุณยังอยากให้ผมช่วยอะไรอยู่อีก คุณคงตั้งใจจะบอกเมื่อตอนที่แผนการของคุณเสร็จสิ้นแล้ว ใช่มั้ย ได้ งั้นไปทำให้แผนคุณเสร็จสิ้นกันเถอะ”
เชนมองปวันอย่างผิดหวัง แล้วเดินผ่านปวันไปที่รถ
“เชน”
เชนกลับขึ้นไปนั่งในรถ นั่งนิ่ง เก็บกดอารมณ์ความรู้สึก ปวันตามขึ้นมานั่งที่คนขับ แต่ยังพะวงห่วงความรู้สึกเชนมาก
“คุณไม่รู้สึกผิด ไม่ละอายใจบ้างเลยเหรอ คุณเลือดเย็นมาก”
“เชน”
เชนนั่งนิ่ง ไม่มองหน้า เย็นชา ไร้อารมณ์ ปวันรู้สึกผิด
ที่ห้องขังพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญกำลังจับสังเกตการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมอง อยู่ๆ พบว่ามีสัญญาณกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เลยรีบเงยหน้ามองไปในห้องขัง ดร.อาทิตย์นั่งที่เดิม แต่จ้องมามองที่ผนังกระจก จ้องนิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญผงะ ราวกับจะถูกสายตาของดร.อาทิตย์ตรึงร่างเอาไว้ เหมือนจะถูกสะกดจิต แต่แล้วดร.อาทิตย์กลับยิ้มแฉ่งออกมา ทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยู เอียงคอทักทายกวนๆ ตั้งใจจะแกล้งให้เสียประสาทเล่น ผู้เชี่ยวชาญโล่งอก ทันใดนั้น ธงทิวโผล่พรวดเข้ามา ผู้เชี่ยวชาญตกใจ ขวัญอ่อน
“เฮ้ย”
“ตกใจอะไร”
ธงทิวหันไปจ้องดร.อาทิตย์มีเป้าหมายที่จะจัดการ โดยที่ดร.อาทิตย์ก็จ้องตอบมาเช่นกัน
“มารับตัวผมไปแถลงข่าวเหรอผู้การ จะแถลงยังไง เตรียมชุดรักษาความปลอดภัยไว้หรือเปล่า แฟนคลับผมเยอะนะ”
ดร.อาทิตย์ตาวาว ลึกลับ มีแผนร้ายบางอย่าง
เจ้าหน้าที่ 2 คนช่วยกันจับดร.อาทิตย์มัดมือไว้กับโต๊ะ แล้วเอาผ้ามัดตาเอาไว้ แต่ดร.อาทิตย์ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ยิ้มเยาะ
“นี่ผู้การกลัวผมมากขนาดต้องปิดตามัดมือเลยเหรอครับ ผมก็ประชาชนคนหนึ่ง จะไปทำอะไรผู้การผู้ยิ่งใหญ่ได้”
ด้านนอกห้อง ผู้เชี่ยวชาญยังคอยจับสังเกตคลื่นสมองอยู่ ธงทิวพยักเพยิดให้พวกเจ้าหน้าที่ออกไปให้หมด
“ฉันมีข้อเสนอมาให้ และนี่จะเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุด”
“จะขายประกันชีวิตหรือจะต่อประกันรถ ไม่เอาๆ”
ดร.อาทิตย์กวน ปั่นหัว แต่ธงทิวไม่เล่นด้วย
“ถ้าด็อกเตอร์ให้ความร่วมมือ ยอมรับแต่โดยดีว่าที่ผ่านมาใช้พลังจิตบังคับให้ใครทำอะไรไปบ้าง ผมสัญญาว่าหลังสิ้นสุดคดี ผมจะทำเรื่องขอตัวด็อกเตอร์มาช่วยราชการ ด็อกเตอร์จะได้ใช้ความสามารถพิเศษทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศ”
“ว้าว ตื่นเต้นจุงเบย มันคือข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้เลยนะเนี่ย แต่ ผมปฏิเสธ มีไรมะ”
“ด็อกเตอร์ก็เตรียมตัวถูกขังเดี่ยวตลอดชีวิตได้”
“โอ๊ะโอ แบบนี้ต้องคิดหนักแล้วล่ะสิ เนอะ”
“รีบๆ คิดซะตอนนี้ ก่อนจะไม่มีเวลาให้คิด”
ดร.อาทิตย์นิ่งไป ใช้ความคิด แล้วก็ทำเสียงเต๊าะในปาก ราวกับกำลังใช้ความคิดอยู่
เสียงเต๊าะปากนั้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอในทีแรก ก่อนจะค่อยๆ เร็วขึ้น ผู้เชี่ยวชาญพบว่ากราฟแสดงคลื่นไฟฟ้าสมองมีการเปลี่ยนแปลง มันเริ่มสูงขึ้นๆ ถี่ๆ รีบลุกตะโกนบอกธงทิว
“มีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมองครับผู้การ”
ธงทิวเริ่มเอะใจ
“ด็อกเตอร์จะทำอะไร หยุดทำเสียงนั้น ผมบอกให้หยุด”
“ผู้การออกมาเดี๋ยวนี้”
ผู้เชี่ยวชาญร้องบอก แต่ธงทิวกลับพุ่งเข้าหาดร.อาทิตย์ บีบคอ บีบปากเพื่อให้หยุดใช้ลิ้นทำเสียง
แต่ไม่ทัน สิ้นเสียงเต๊าะสุดท้าย ธงทิวก็ผงะ ตาเหลือก มือค่อยๆ คลายออก แล้วเขาก็ถอดผ้าคลุมศีรษะ กระชากสายเครื่องมือต่างๆ ที่ติดตัวดร.อาทิตย์ออกหมด ดร.อาทิตย์ยิ้ม หันมาจ้องผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญผงะ ฟุบนั่งนิ่ง ตาแข็งค้าง เหมือนหลับใน
“พาฉันออกไป ไอ้ผู้การหน้าโง่”
ธงทิวทำตามแต่โดยดี เดินนำออกไปสู่ลานแถลงข่าวด้านหน้าสำนักงาน ดร.อาทิตย์กระหยิ่ม
“ผู้การต้องแถลงข่าวให้ประชาชนทุกคนเข้าใจให้ถูกต้อง ว่าที่จริงแล้วผมคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเปิดโปงธุรกิจค้าอาวุธเถื่อน ผมคือผู้ช่วยเหลือ ผู้ปลดปล่อย ไม่ใช่ไอ้สายลับเชนกับไอ้หมวดปวันจอมแรด”
“ศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนโลก”
“ถูกต้อง ฮ่ะๆๆๆ”
ธงทิวเดินนำออกไป
ธงทิวนำดร.อาทิตย์ออกมาด้านนอก ที่มีตั้งโต๊ะสำหรับแถลงข่าวไว้ แต่ดร.อาทิตย์ต้องผงะ งง เพราะที่ด้านนอกไม่มีนักข่าวเลยสักคน แต่เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจู่โจมพิเศษตั้งแผงเรียงกัน พร้อมอาวุธครบมือ
“นี่มันอะไร”
อยู่ๆ เสียงปวันดังมาจากลำโพงที่เชื่อมต่อมาจากรถตู้บัญชาการ
“ด็อกเตอร์อาทิตย์ เราไม่ต้องการใช้ความรุนแรง กรุณาให้ความร่วมมือ ยกมือขึ้นให้เราเห็น แล้วเดินออกมาข้างหน้า”
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 15 (ต่อ)
ปวันสวมหูฟังสำหรับสั่งการอยู่ ดูเหตุการณ์และสั่งการผ่านจอคอมพิวเตอร์
“คุณคงไม่รู้ว่าผู้การธงทิวยอมเอาตัวเองเข้าล่อ เพื่อให้เราได้หลักฐานการใช้พลังจิตของคุณ เราติดตั้งกล้องเอาไว้ทุกซอกทุกมุมในสำนักงานตำรวจ การกระทำของคุณได้ถูกบันทึกเอาไว้หมดแล้ว และถูกถ่ายทอดสดผ่านสถานีข่าวออนไลน์ที่ฮอตฮิตที่สุด เจนจิราแชนแนล”
“หา”
เจนจิราพูดรายงานสถานการณ์อยู่หน้ากล้อง หน้าสำนักงานตำรวจ โดยตฤณมาเป็นตากล้องให้
“ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังต่อรองให้ด็อกเตอร์อาทิตย์ยอมมอบตัวแต่โดยดีค่ะ และนี่คือภาพเหตุการณ์สดๆ แบบเรียลไทม์ ที่นี่ ที่เดียว กับเจนจิราแชนแนล”
ดร.อาทิตย์แค้นที่ถูกหลอก
“พวกแกวางแผนหลอกฉัน”
เสียงปวันผ่านไมค์
“ยกมือขึ้น แล้วก้าวออกมาข้างหน้าเถอะด็อกเตอร์”
“พวกแกหลอกฉันได้ แต่อย่าคิดว่าจะจับขังคุกได้ ไม่มีอะไรขังพลังแห่งศรัทธาได้ ไม่มีทาง”
ดร.อาทิตย์พุ่งเข้าไปจับตัวธงทิวเอาไว้ เอามือจับหมับที่ศีรษะ
“ถ้าไม่อยากให้ผู้การของพวกแกสติสัมปชัญญะพังพินาศ ปล่อยฉันไป”
ดร.อาทิตย์พูดไม่ทันเสร็จ ก็ต้องชะงัก เพราะอยู่ๆ เห็นแสงเลเซอร์จุดแดงรูปตัว O กับตัว K วิ่งมาส่องที่หน้าผากของเขาอย่างแม่นยำ ดร.อาทิตย์มองตามแสงไป เห็นมิสเตอร์โอเคยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง
“เมื่อใดที่ไอ้กระพ้มถามว่า โอเคมั้ย ทุกคนต้องตอบว่า”
ดร.อาทิตย์ผงะ สยอง
“แก ไอ้”
เชนเข้ามาจับมือดร.อาทิตย์ไว้ทันที
“ด็อกเตอร์ต้องตอบว่า โอเค”
เชนดึงมือดร.อาทิตย์ออก จับพลิกทุ่มดร.อาทิตย์ลงไปกองกับพื้นอย่างรวดเร็ว ดร.อาทิตย์สู้ ผลักเชนออก แล้วจะหนี แต่เชนฝีมือเหนือกว่า กระชากดร.อาทิตย์มา แล้วจับล็อกกดกับพื้น จนดร.อาทิตย์สิ้นท่า คิดจะสะกดจิต
“แก ไอ้เชน แกคือสาวกของฉัน แกต้องศรัทธาในตัวฉัน แกต้องศรัทธาในตัวฉัน”
“คิดจะสะกดจิตฉันเหรอ”
เชนมีอาการงงงวยเหมือนจะถูกสะกดจิตเล็กน้อย แต่แล้วก็ล้วงเอาเข็มฉีดยาสลบมาปักเข้าที่ต้นแขนดร.อาทิตย์
“แก แกทำอะไรฉัน”
“ไม่ต้องกลัว ก็แค่ยาสลบช้าง กู๊ดไนท์ โอเค”
ดร.อาทิตย์ฟุบไป พวกตำรวจกรูเข้ามาจับกุม เชนทำท่าประจำตัว
“คุณธรรมปกป้อง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์ หยุดเหล่าร้าย สายลับเชน ฉลาดก็เท่านั้น หล่อก็เท่าโน้น”
เชนเซๆ เพราะมึนจากการเกือบถูกสะกดจิต เจนจิรารีบรายงานบรรยากาศตลอด
“เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมด็อกเตอร์อาทิตย์เรียบร้อยแล้วนะคะ เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องชื่นชมการวางแผนอย่างรัดกุมของเจ้าหน้าที่ทุกท่าน และที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ สายลับเชนของพวกเราค่ะ”
ตฤณแพนภาพไปที่เชน เชนหันมาโพสต์ท่าเท่รับกล้องทันที
“โห มันรู้งานจริงๆ เว้ยเฮ้ย” เจนจิราพึมพำ
ภายในรถบัญชาการ ปวันถอดหูฟังสำหรับสั่งการออก โล่งใจที่ผ่านพ้นปัญหาไปได้ มองไปในจอเห็นภาพเชนยืนทำเท่อยู่ พาลเศร้า
“ขอบใจนะสายลับเชน”
ปวันมองไปที่จอๆ หนึ่ง ก็ต้องผงะ ตกใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ทำไม”
ภาพที่จอนั้น ปรากฏว่ามิสเตอร์โอเคกลับถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอีกหน่วยหนึ่งจับกุมล็อกตัวเอาไว้
“ทำไมทำอย่างนี้”
ปวันหันมองไปอีกจอที่เชนอยู่ ตกใจมาก
“เชน”
ปวันรีบออกไป แต่พอเปิดประตูรถออกไปก็ต้องผงะ เพราะมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบหน่วยนั้นยืนเฝ้ารออยู่ 3 คน ผลักเธอกลับเข้ามาในรถตู้ ไม่ให้ไป
“ใครสั่งให้พวกคุณทำอย่างนี้”
พวกนั้นไม่ตอบ ปวันเป็นห่วงเชน
“เชน”
ปวันหันไปมองที่จอ เห็นว่าเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบหน่วยนั้นกำลังเข้าล้อมเชนที่กำลังโพสต์ท่าเท่อยู่
ตฤณถ่ายเชนอยู่ สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่
“เชน ระวัง”
ทันทีที่เชนหันกลับไป เจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งก็เข้าชาร์จถึงตัว ล็อกตัว จับกดลงไปกับพื้น แล้วล็อกไว้
“พวกแกจะทำอะไร”
ตฤณกับเจนจิราจะเข้าไปถ่ายภาพเหตุการณ์
“ตฤณ ถ่ายไว้”
เจ้าหน้าที่เข้ามากระชากกล้องไปจากตฤณ แล้วคุมตัวตฤณกับเจนจิราเอาไว้ทันที
เชนพยายามดิ้น สู้ พลิกตัว แล้วสะบัด เตะพวกที่มาล็อกกระเด็นไปหมด เขามองไปที่มิสเตอร์โอเค เห็นว่ามิสเตอร์โอเคถูกรวบตัวไปแล้ว
“มิสเตอร์โอเค”
เชนเห็นท่าไม่ดี พวกนั้นมีเยอะกว่า ขยับกำลังจะหนี แต่ต้องผงะ แผงเจ้าหน้าที่มาตั้งเรียงกัน อาวุธครบมือ พอเชนหันมาอีกด้าน ก็มีแผงเจ้าหน้าที่อาวุธครบมือดักล้อมเอาไว้อีก เชนจนมุม
“เชนไม่ใช่คนร้าย เชนมาช่วย เชนเป็นพระเอก”
มีเสียงปืนดังขึ้น เชนผงะ แล้วก็ล้มฟุบหน้าคว่ำไป ปวันตะโกนร้อง
“เชน”
เชนล้มคว่ำ ที่ท้ายทอยมีเข็มดอกเล็กๆ ปักอยู่ เป็นเข็มยาสลบ ธงทิวเป็นคนยิงนั่นเอง
“กู๊ดไนท์สายลับเชน
เชนถูกหิ้วปีกเข้ามาโยนในห้องๆ หนึ่ง เขาสลบฟุบลงไปตรงหน้ามิสเตอร์โอเคและลินดาที่ถูกขังอยู่ก่อนแล้ว ลินดาตกใจ
“เชน”
มิสเตอร์โอเคถูกล็อกด้วยกุญแจมืออยู่ นั่งนิ่งมาดเท่ แค้นพวกมนุษย์โลกอย่างมาก
“ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย เผ่าพันธุ์เลวก็ไม่เคยหมดจริงๆ น่าดีใจในฐานะผู้ร้ายตัวพ่อจริงๆ”
มิสเตอร์โอเคประชดประชัน
เจนจิรากับตฤณวิ่งมาหาปวันที่เพิ่งจะลงจากรถบัญชาการมา เจนจิราร้อนใจ
“หมวดปวัน นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมพวกคุณต้องจับตัวเชนไปด้วย”
“เชนมาช่วยพวกคุณ เขาต้องได้รับคำชื่นชมในฐานะฮีโร่ ไม่ใช่ทำกับเขาเหมือนเป็นผู้ร้ายคดีอาญา” ตฤณตัดพ้อ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ถามคนพวกนี้สิ”
“หมายความว่ายังไง”
ธงทิวเดินเข้ามา
“มันคือคำสั่งของผมเอง”
ปวัน เจนจิรา ตฤณอึ้ง
“ผู้การ ทำอย่างนี้ทำไม”
“ผมต้องถามคุณมากกว่าหมวดปวัน ผมเคยมอบหมายให้คุณตามล่าตัวผู้ชายตัวขาวดำที่มาจัดการโจรปล้นธนาคาร แย่งซีนตำรวจ แต่คุณรู้ว่ามันคือนายเชน และคุณก็จงใจจะปิดบังผม”
“เพราะดิฉันเห็นว่าเชนไม่ใช่คนร้าย และเขาไม่สมควรจะถูกกระทำเหมือนเป็นตัวประหลาด”
“ตัวละครที่หลุดออกจากหนังไทยยุคคุณปู่ ไม่ให้เรียกว่าตัวประหลาดให้เรียกว่าอะไร”
“เรียกว่าฮีโร่ไงคะ ถึงเชนจะหลุดออกมาจากในหนัง แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเชน คุณจะจัดการด็อกเตอร์อาทิตย์ได้เหรอ” เจนจิราถามโกรธๆ
“เชนคือคนที่ช่วยเหลือเราทุกคน เชนคือฮีโร่ตัวจริง ผู้การควรจะมอบเหรียญตราเชิดชู ยกย่องเชนเป็นแบบอย่างของการทำความดีที่แทบหาไม่ได้ในยุคนี้ พ.ศ.นี้ด้วยซ้ำ” ตฤณไม่พอใจ
“ทำไมฉันต้องยกย่องมัน คนที่วางแผนจนจับด็อกเตอร์อาทิตย์ได้ก็คือฉัน ฉันต่างหากคือฮีโร่ และฉันนี่แหละ ที่จะเป็นฮีโร่ให้คนในสังคมยึดเป็นต้นแบบเอง”
“หา”
ปวัน เจนจิรา ตฤณ อึ้ง ผิดหวังในตัวธงทิวอย่างมาก ธงทิวเดินแยกไป ปวันทนไม่ได้ วิ่งตามไปเอาเรื่อง
“ผู้การทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง ตอนที่ผู้การพลาดท่าถูกด็อกเตอร์อาทิตย์สะกดจิต เชนคือคนที่ช่วยทำให้ผู้การกลับมายืนที่เดิมได้ แล้วนี่คือสิ่งที่ผู้การตอบแทนเชนงั้นเหรอ”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนผู้บังคับบัญชานะหมวดปวัน”
“ผู้การขโมยคำสรรเสริญที่ควรจะเป็นของเชนไป แล้วยังไม่พอ ยังคิดจะยัดเยียดให้เชนเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาคนอื่นอีกเหรอคะ ดิฉันว่ามันตรงกันข้ามเลยมากกว่า”
“หมวดปวัน”
“ผู้การไม่ละอายบ้างเหรอคะ”
“สังคมต้องการฮีโร่และฮีโร่มีได้เพียงคนเดียว ถ้าเธออยากจะอยู่รอด เธอต้องรู้จักปรับตัว”
“ปรับตัวเพื่อเอาตัวรอด คือการปรับตัวเพราะความเห็นแก่ตัว ไม่ใช่ปรับตัวเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เพราะคนแถวนี้มันคิดกันแบบนี้ไง สังคมเราถึงพิกลพิการแบบนี้”
“หรือไม่เธอก็ต้องไปหาสังคมใหม่อยู่”
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 15 (ต่อ)
ปวันอึ้ง มองหน้าธงทิวราวกับวัดใจ
“จะอยู่ต่อหรือให้ฉันออกคำสั่งปลด เธอก็เลือกเอาแล้วกัน”
ธงทิวมองเหี้ยม เลือดเย็น แล้วเขาก็เดินแยกไปหาสื่อที่กำลังเข้ามาพอดี ให้สัมภาษณ์อย่างน่าชื่นตาบาน พวกสื่อก็ตื่นเต้นมองอย่างชื่นชม ปวันยืนมองธงทิวด้วยความผิดหวัง และหมดหวัง
ภายในห้องๆ หนึ่ง เชนค่อยๆ ได้สติขึ้นมา
“เชน เชนฟื้นแล้ว”
“ลินดา มิสเตอร์โอเค ทำไมเรามาอยู่ที่นี่ ผู้การธงทิวหลอกเรา”
“มันไม่โอเคเลย”
เชนจะขยับ แต่พบว่าถูกใส่กุญแจมือเอาไว้ ลินดากับมิสเตอร์โอเคก็ถูกใส่กุญแจมือเช่นกัน
“เขาหักหลังเรา เขาทำอย่างนี้ได้ยังไง”
ปวันเดินตรงมาที่ห้องขัง เจ้าหน้าที่คอมมานโดของธงทิวคุมหน้าห้อง มาขวางไว้
“หมวดปวัน ผู้การกำชับว่าไม่อนุญาตให้ใครเข้า”
ปวันควักปืนออกมายิงไปที่ล็อกประตู แล้วถีบประตูเปิดออก พวกคอมมานโดจะเข้าห้าม แต่ปวันหันปืนมาเล็งทันที พวกเชนออกมา เชนมองหน้าปวันอย่างผิดหวัง ไม่ไว้ใจอีก
“ฉันไม่เคยคิดจะ”
ลินดาเห็นพวกคอนมานโดเข้ามาเสริมอีก
“หนีก่อนค่ะเชน”
ลินดากับเชนแยกไป มิสเตอร์โอเคตามไปด้วย พวกคอมมานโดสวนมา ทั้ง 3 คนประสานกันอย่างเข้าขา อัดและทะลวงฝ่าพวกคอมมานโดออกไปได้ ปวันแยกหนีไปอีกทาง
ตังตังตกใจเมื่อรู้เรื่องจากตฤณและเจนจิรา
“เชนถูกตำรวจจับ ทำไมตำรวจต้องจับเชนด้วย เชนคือฮีโร่ คือคนที่ช่วยเหลือโลกเราไว้”
ทิวา ราตรี วิศวะ รู้เรื่องเช่นกัน
“แล้วหมวดปวันล่ะ เขาไม่ขัดขวางเลยเหรอ” ทิวาถาม
“เขาอาจจะเป็นพวกเดียวกันหมดก็ได้” ตฤณเดา
“หมายความว่าไง”
ตังตัง ทิวา ราตรี งง
“มันอาจไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้ตฤณ” เจนจิราติง
“ทำไมจะไม่ใช่ พวกเขารู้ว่าเชนไว้ใจปวัน เขารู้ทุกอย่าง เขาถึงให้หมวดปวันมาตามเชนไปช่วยไง”
“แสดงว่าหมวดปวันเป็นนกต่อล่อเชนไปติดกับ หมวดปวันรู้เห็นเป็นใจกับการจับตัวเชนครั้งนี้” วิศวะสรุป
“มันคือการทำงานกันเป็นทีม” ราตรีเซ็ง
“มันคือแผนการทั้งหมดที่พวกเขาวางไว้ เพื่อล่อเชนให้ติดกับ” ทิวาไม่พอใจ
“ตังตังจะไปช่วยเชน”
ตังตังวิ่งพรวดพราดออกไป ทุกคนตกใจรีบตาม ตฤณเข้าไปจับตัวตังตังเอาไว้
“ตังตัง เป็นเด็กก็อยู่เฉยๆ ให้ผู้ใหญ่จัดการดีกว่า”
“ตังตังเด็กแล้วไง แล้วเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดเพราะผู้ใหญ่เหรอ เด็กอย่างตังตังก็อยากได้แค่ความถูกต้อง แต่พวกผู้ใหญ่ไม่ใช่ ผู้ใหญ่ไม่ใส พวกผู้ใหญ่ขุ่น พวกผู้ใหญ่พูดอย่าง คิดอย่าง แต่ทำอีกอย่าง ผู้ใหญ่หลอกลวง ไม่สนถูกสนผิด สนแต่สิ่งที่ตัวเองจะได้และเสียไป อายเด็กมั่งมั้ย”
ทุกคนยืนนิ่ง หน้าชา พูดไม่ออก
“ตราบใดฟากฟ้ายังมีแสงทองแห่งอุทัย พลังเกรียงไกรแห่งธรรมะ ย่อมชนะอธรรมสิ สายลับเชนพูดเอาไว้ จำกันได้บ้างมั้ย”
พวกผู้ใหญ่ยืนนิ่ง รู้สึกว่าทุกอย่างที่ตังตังพูดเป็นจริง แต่ทำอะไรไม่ได้
“ยังงี้ชิมะที่เขาเรียกเงิบ” ทิวาหน้าเจื่อน
“โดนช้างขวิดยังไม่เจ็บเท่านี้เลย” ราตรีเห็นด้วยกับทิวา
ตังตังผิดหวังในตัวผู้ใหญ่ ตฤณเข้าไปดึงตังตังมากอด
“น้าขอโทษนะตังตัง ขอโทษ”
“น้าก็ขอโทษด้วย” เจนจิราเสียใจ
พวกผู้ใหญ่รู้สึกผิดและเอ่ยขอโทษตังตังกันหมด เพราะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของผู้ใหญ่เลวๆ ที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบโลกใบนี้ แต่แล้วปวันก็เดินเข้ามา
“ฉันมาหาเชน เชนอยู่หรือเปล่า”
ทุกคนหันมาจ้องปวัน ไม่พอใจ
เชน ลินดา มิสเตอร์โอเคยืนในอิริยาบถของตัวเองอยู่บนดาดฟ้าตึก มองสภาพบ้านเรือนในยุคสมัยนี้ตรงหน้า แววตาซึมลึก เจ็บปวดและผิดหวัง ลินดาพูดขึ้น
“โลกนี้สวยงามมาก เต็มไปด้วยสีสัน ผสมผสาน ระยิบระยับ เหมือนแดนสวรรค์ที่มีแต่เสียงหัวเราะ ความสุข ต่างกันกับโลกขาวดำในหนังของพวกเรา แค่ขาวกับดำ ดูหดหู่ ไม่สวยงาม ไม่ตื่นตาตื่นใจ แต่ในความเรียบง่าย เราก็สามารถแยกแยะดีชั่วถูกผิดได้ง่ายเหมือนกัน เรารู้ได้ทันทีว่าไหนขาว ไหนดำ ใครคือผู้ร้าย ใครคือคนดี ใครคือคนที่เราต้องอยู่ให้ห่าง ใครคือคนที่เราฝากความหวังและเชื่อมั่นศรัทธาได้ ไม่เหมือนที่นี่”
“ในหนัง โอเคเป็นผู้ร้าย ที่ก่อเรื่องวุ่นวายร้ายกาจได้ทุกวัน แต่โอเคร้ายก็เพื่อให้คนชิงชังความเลว เพื่อให้คนดูเกลียดความชั่ว แล้วหันไปเข้าข้างเชน พิทักษ์รักษาความดีแล้วก็ทำดีกัน แต่ที่นี่มันมีคนที่เลวจริง เบื้องหน้าทำเป็นคนดี แต่ที่แท้เป็นคนเลว เลวกว่าผู้ร้ายในหนัง เลวจนผู้ร้ายอาย เลวจนผู้ร้ายไปไม่เป็น แล้วโอเคจะอยู่ที่นี่ได้ยังไง ที่นี่มันไม่โอเค”
“คนที่นี่มีความสุขกับสังคมอย่างนี้จริงๆ หรือ” เชนเศร้า
ลินดา มิสเตอร์โอเค เชนนิ่งเงียบไป เศร้า แต่แล้วเชนกลับเป็นฝ่ายฮึกเหิมขึ้นมา ไม่ย่อท้อ ไม่ยอมแพ้ มีความเข้าใจโลกใหม่ได้
“นี่แหละโลกยุคใหม่ ความเลวไม่คงที่ ความดีไม่คงทน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ยืดหยุ่นปรับตัวได้ เพื่ออำนาจ ชื่อเสียง เงินทอง คนที่ควรจะไว้ใจได้ที่สุด กลับไว้ใจไม่ได้ที่สุด ไม่มีใครที่จะฝากความหวังได้..แต่เชนจะไม่สิ้นหวัง”
“หือ”
ลินดากับมิสเตอร์โอเคแปลกใจ
“ต่อให้โลกนี้เลวร้าย มืดมิดไร้หนทางแค่ไหน เชนจะไม่หมดศรัทธาในความดี เชนจะรักษาความดีตราบเท่าลมหายใจของเชน ตราบใดฟากฟ้ายังมีแสงทองแห่งอุทัย พลังเกรียงไกรแห่งธรรมะ ย่อมชนะอธรรมสิ”
เชนแน่วแน่ มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อในอุดมการณ์
ปวันอยู่ที่บ้านตฤณ ถูกทุกคนรุมเอาเรื่อง
“เชนไว้ใจเธอ เขาช่วยเธอจับคนร้ายด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่นี่เหรอที่เธอตอบแทนเชน จับเขาไปทำไม”
ทิวาเปิดฉากต่อว่า ตามด้วยราตรี
“คนไม่มีหัวใจ เลือดเย็น เธอไม่ใช่คน”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าผู้การจะวางแผนอะไรไว้”
“โกหก มารยาริษยา” ราตรีโกรธ
“อย่ามาแอ๊บแบ๊ว แอ๊บอินโนเซ้นซ์ แต่ความจริง ร้ายยิ่งกว่าแม่มด” ทิวาต่อว่า
“บอกมาว่าเชนอยู่ที่ไหน เชนอยู่ไหน เชนอยู่ไหน”
ทิวา ราตรี รุมคาดคั้นตะคอกปวัน ฝาแฝดมีอาการเหนื่อยหอบมาก จนวิศวะต้องช่วยพูด
“บอกมาเถอะ ถ้าไม่อยากให้คนสูงอายุสองคนนี้หัวใจวายตายซะก่อน”
ทิวา ราตรี หันขวับมาจ้องวิศวะ
“อยากตายใช่มั้ย”
“พวกคุณคิดว่าฉันเกลียดเชน อยากให้เชนมีอันตรายงั้นเหรอ ฉันไม่เคยอยากให้เชนมีอันตรายเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันเป็นห่วงเชนมาก มากไม่แพ้พวกคุณหรอก”
“ตังตังเชื่อพี่ แล้วตอนนี้เชนอยู่ที่ไหนคะ พี่ช่วยปล่อยเชนออกมาได้มั้ย”
“พี่ช่วยเชนออกไปแล้ว แต่เขาไปไหนไม่รู้”
“คุณปล่อยเชนไปแล้วเหรอ”
“ที่ฉันมานี่เพราะคิดว่าเชนต้องกลับมาหาพวกคุณ ฉันมีเรื่องต้องพูดกับเชน ฉันอยากขอโทษ ขอให้เขาให้อภัย ฉันไม่อยากให้เขาเกลียดฉัน”
ปวันร้องไห้ ทุกคนอึ้ง
“คุณปวัน คุณร้องไห้ทำไมคะ ไม่ต้องร้อง” เจนจิราปลอบ
“ฉันไม่อยากเสียเชนไป”
ทิวา ราตรี ตกใจ
“ฮ้า ไม่จริง ความรู้สึกแบบนี้ มันคือ”
“ความรัก” วิศวะช่วยพูดให้
“เธอรักเชนของเรา”
ทิวา ราตรี อึ้ง ตฤณ เจนจิรา ตังตังยังห่วงเชน
“ถ้าเชนไม่ได้ถูกจับ งั้นเราก็ไม่ต้องไปตามที่ไหน ยังไงเชนก็ต้องกลับมาหาเรา เชนไม่มีทางทิ้งเราไปไหนแน่” ตฤณมั่นใจ
“แล้ว แว่น3DDD อยู่ที่ไหนคะ หรือว่าอยู่กับเชน” ตังตังถาม
ทุกคนอึ้ง มองหน้ากัน รู้ว่าตังตังกำลังคิดอะไรอยู่ เจนจิราค้าน
“ไม่หรอกตังตัง เชนไม่มีทางทิ้งพวกเรา ไม่มีทางทิ้งตังตังกลับไปในหนังแน่ ยังไงเชนก็อยู่กับเราที่นี่”
ตังตังใจเสีย กอดเจนจิราเอาไว้ ปวันห่วงเชนมาก
จบตอนที่ 15