สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 6
ในเขาวงกตก็ยังมีกับดักเล็กๆ น้อยๆ ซ่อนไว้ บางตำแหน่งก็มีเอ็นขวาง ถ้าชนแล้วจะมีมีดลอยออกมา
เชนเห็นก็ดึงตัวปวันไว้ หมุนตัวมาสบตานิดๆ ทำให้ได้ใกล้ชิดกัน เดินไปด้วยกัน เชนนำบางทีก็ไม่ได้ดู แต่ปวันตามหลัง เห็นกับดักเหนือหัวเชน ก็ดึงเชนให้ก้มลง อยู่ใกล้ๆ กัน ได้ใกล้ชิดกันอีก
ทั้งคู่ผลัดกันช่วยกัน แสดงให้เห็นว่าทำงานเข้าขากันได้ดีมาก ในที่สุดก็มองเห็นโต๊ะทำงานของดร.อาทิตย์อยู่ปลายทาง ปวันกับเชนตีมือกัน แล้วจับแน่นด้วยความดีใจ ก่อนจะรู้ตัว รีบผละออกจากกัน
ปวันเดินมานั่งที่โต๊ะ เอาถุงมือยางมาสวมกันลายนิ้วมือ ค้นข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เชนมองๆ แล้วหันไปเห็นถุงในถังขยะ จึงเอาถุงมาใส่มือ ปวันหันมามอง เชนยักคิ้วเป็นเชิงล้อๆ อวดๆ แล้วเลื่อนลูกเหล็กตรงปลายทาง มีเสียงคลิก เขาวงกตกระจกกลับเข้าที่เดิม
“ฉันเจอไฟล์การเงินในนี้ มีการโอนเงินร้อยกว่าล้านบาทจากกองทุนศรัทธาเปลี่ยนโลกโดยด็อกเตอร์อาทิตย์มาบัญชีมูลนิธิ”
ปวันเสียบธัมไดร์ฟเข้าที่คอมพิวเตอร์ แล้วเซฟไฟล์เอกสารการเงิน เชนฟังแล้วคิดตาม
“แต่การเปลี่ยนถ่ายเงินจากบัญชีกองทุน มาบัญชีมูลนิธิไม่ใช่เรื่องแปลก”
“แปลกสิ เพราะเจ้าของบัญชีมูลนิธิคือดร.อาทิตย์ และเขาไม่เคยโอนเงินไปทำบุญที่อื่นเลยไง”
เชนขมวดคิ้ว คิดๆ
“เงินทุกบาททุกสตางค์ยังอยู่ที่นี่ ที่มูลนิธิในนามของดร.อาทิตย์”
“หรือพูดง่ายๆ เงินทุกบาททุกสตางค์เป็นของดร.อาทิตย์”
เชนกับปวันสบตากัน
“ยักยอกเงินคนอื่น”
“กองทุนแหกตา”
“มูลนิธิต้มตุ๋น”
“ทุกอย่าง แต่ข้อมูลพวกนี้ยังไม่หนักแน่นพอจะเป็นหลักฐาน”
“เราต้องหาหลักฐานเพิ่ม”
ปวันพยักหน้า ดูในคอมพิวเตอร์ต่อ เชนสำรวจที่โต๊ะ เปิดทุกอย่างอย่างระแวดระวัง เห็นแฟ้มหนึ่ง เปิดออกมา มีรูปถ่ายของน้ำเพชร ใส่เครื่องเพชรเต็มตัว
“รูปสุภาพสตรีที่ออกไปกับด็อกเตอร์อาทิตย์”
เชนดูรูปอย่างพินิจแล้วเห็นว่าที่คอของผู้หญิงคนนี้สวมสร้อยห้อยจี้เพชรสีชมพูเม็ดใหญ่มาก
“เพชรสีชมพูหายากที่สุดในโลก ขนาดเท่านี้ต้องมีมูลค่ามหาศาล”
“หรือนี่คือเป้าหมายต่อไปของด็อกเตอร์อาทิตย์”
ปวันดึงรูปจากมือเชนมา แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมาจะถ่ายรูปแต่สวมถุงมือยางอยู่เลยกดเลื่อนไม่ไป เธอขี้เกียจถอดถุงมือ เลยทำปากจู๋แล้วใช้ปากสไลด์หน้าจอแทน เชนมองอึ้งๆ จดจำวิธีการ
“ฉันจะสืบดูว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ถ้าเรารู้ว่าด็อกเตอร์อาทิตย์กำลังจะทำอะไรกับเธอเราก็ปกป้องคนบริสุทธิ์จากการเป็นเหยื่ออาชญากรได้อีกหนึ่งคน”
เชนลอบมองปวันด้วยความรู้สึกชื่นชม
“มองอะไร”
“อยากเป็นโทรศัพท์”
เชนพูดเสียงหล่อ ตาเชื่อมหว่านเสน่ห์นิดๆ ทำเอาปวันแอบเขิน แต่ก็เก๊กมาดเข้ม เสียงดร.อาทิตย์ดังมาจากข้างนอก
“เช็คดูแล้วใช่มั้ยว่าเพชรเป็นของจริง”
“พวกมันกลับมาแล้ว”
เชนกับปวันมองไปทางประตูห้องพร้อมกัน
บริเวณโถงทางเดิน ดร.อาทิตย์ นารี อินทุ เดินกลับมา ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของกล้องวงจรปิด
“เป็นของจริงค่ะ มีหนังสือรับรองจากผู้เชี่ยวชาญ” นารีรายงาน
“ดีมาก โชว์คราวนี้ต้องสนุกแน่ๆ”
ดร.อาทิตย์ยิ้มเจ้าเล่ห์
เชนแนบหูฟังที่ประตู แล้วหันมาบอกปวัน
“เสียงใกล้เข้ามาแล้ว”
เชนหันมองรอบๆ หาทางหนีทีไล่ เดินไปที่กระจก เลื่อนออก ดูความสูง เห็นมีกันสาดยื่นออกมาจากชั้นล่าง คำนวณด้วยสายตาว่าตกลงไปน่าจะรอดได้
“เร็ว คุณตำรวจ”
“อย่าเร่งสิ”
หน้าจอโอนถ่ายข้อมูล อีก 2% จะครบ เสียงดร.อาทิตย์มาใกล้เรื่อยๆ ภาพหน้าจอ อีก 1% เสียงประตูนิรภัยเลื่อนเปิด ภาพหน้าจอ complete ปวันดึงธัมไดร์ฟออกจากคอมพิวเตอร์แล้วกดปิดเครื่องกำลังจะวิ่งไปทางหน้าต่าง แต่เห็นขาดร.อาทิตย์ก้าวเข้ามาข้างหนึ่ง เชนรีบดึงตัวปวันหลบ ธัมไดร์ฟร่วงจากมือ กระเด็นไปแถวๆ รูปถ่ายของดร.อาทิตย์หลังโต๊ะ ดร.อาทิตย์กำลังจะก้าวเข้ามา แต่ก็หันไปสั่งอินทุกับนารีซึ่งอยู่ข้างหลัง
“พวกแกไปจัดการตามแผนให้เรียบร้อย”
“ครับ”
“ค่ะ”
ปวันรีบเอื้อมมือไปเก็บธัมไดร์ฟ หัวชนกับรูปภาพ รูปภาพเคลื่อนไหว ทั้งสองตกใจ ดร.อาทิตย์หันกลับมาแต่ยังไม่ได้เข้ามาในห้อง หน้าต่างถูกปิดลง แล้วรูปถ่ายของดร.อาทิตย์ก็เลื่อนกลับที่เดิม ดร.อาทิตย์ก้าวเข้ามา กลไกลที่เปิดก็ปิดลงพอดี
ดร.อาทิตย์เดินเข้ามาในห้อง สังเกตเห็นความผิดปกติ มองที่กล้อง เห็นว่าอยู่ที่เดิม เดินเร็วๆ ไปที่โต๊ะทำงาน จับคอมพิวเตอร์ พบว่าร้อนเหมือนเพิ่งใช้งาน
“มีอะไรรึเปล่าคะนาย”
ดร.อาทิตย์มองไปรอบห้องอีกครั้ง รู้สึกผิดสังเกต เห็นหน้าต่างเปิดแง้มไว้นิดๆ
ภายในห้องลับ เป็นห้องกว้างๆ ไม่สว่างเท่าไร ไม่มีหน้าต่าง มีดวงไฟดวงเดียวตรงกลาง เชนกับปวันนั่งเบียดๆ กันอยู่ตรงประตู มีช่องตาแมวเล็กๆ มองทะลุไปที่ห้องทำงานดร.อาทิตย์
เชนเอาหูแนบประตู ดักฟัง ส่วนปวันกำลังแนบดวงตาเข้ากับช่องตาแมวเล็กๆ ที่มองทะลุออกไปที่ห้องทำงานของดร.อาทิตย์ เห็นดร.อาทิตย์เดินไปที่โต๊ะทำงาน ท่าทางสบายๆ เชนขมวดคิ้ว ตั้งใจฟังเสียง เสียงดร.อาทิตย์ดังขึ้น
“ไม่มีอะไร ทุกอย่างเป็นปกติ
ปวันกับเชนถอยออกมา
“เราคงต้องอยู่ในนี้จนกว่าพวกมันจะกลับออกไป”
“แค่เขาวงกตยังไม่พอ ยังมีห้องลับอีก อะไรมันจะลึกลับซับซ้อนขนาดนี้”
ปวันบ่นแล้วก็กวาดตามองไปรอบๆ แล้วก็ตะลึง
“คุณ ดูดิ”
เชนมองไปข้างหน้า อึ้งอยู่เหมือนกัน
“อืม ผมดูอยู่”
เชนกับปวันมองไปที่ผนังตรงข้าม ตะลึง
ดร.อาทิตย์มองโต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วเอื้อมมือไปจับหนังสือ เอกสาร และแฟ้มต่างๆ ที่เขยื้อนไม่ตรงไปเล็กน้อย ให้เข้าที่ เขาชำเลืองมองกล้องวงจรปิดอีกตัวที่ซ่อนอยู่ที่พระอาทิตย์ด้านหลัง เหนือรูปถ่าย แล้วยิ้มมุมปากนิดๆ
ในห้องลับ มีจอ LED ติดบนผนังหลายจอ แสดงภาพอาวุธแปลกประหลาด ทั้งเป็นภาพจากหนังและภาพแปลนอาวุธแบบสามมิติ อีกจอเป็นรูปคนและสัตว์ประหลาดจากหนังเรื่องต่างๆ เชนกับปวันเดินดูด้วยความแปลกประหลาดใจ ปวันถอดถุงมือถ่ายรูปทุกอย่างด้วยกล้องมือถือ
“นายด็อกกำลังคิดทำอะไร” เชนสงสัย
“จะว่าเป็นพวกบ้าหนังยอดมนุษย์ก็ไม่ใช่ เพราะขนาดทำห้องลับไว้เก็บข้อมูลมันควรจะมีอะไรมากกว่านี้”
เชนกับปวันเดินมาถึงที่กลางห้อง มีโต๊ะวางแปลนรูปพิมพ์เขียวของแว่นสามมิติ
“นี่มันแว่น 3DDD”
“คืออะไร นายรู้จักได้ไง”
“3DDD ก็แว่นสามมิติไง คุณไม่รู้จักเหรอ”
เชนตอบแบบไม่มีพิรุธ แล้วย้อนถามกลับหน้าตาเฉยก่อนเดินไปดูอย่างอื่นต่อ ปวันมองจับผิดแล้วถ่ายรูปแบบพิมพ์เขียวแว่นสามมิติด้วยกล้องมือถือ
“รู้สึกว่าคุณจะเป็นที่หมายปองของนายด็อกเหมือนกันนะ”
ปวันแปลกใจ หันมาดู เห็นภาพในแฟ้มที่เชนถือ เธอตกตะลึงมาก ในแฟ้มเป็นรูปถ่ายปวันหลากหลายอิริยาบท และมีข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับตัวเธอ
“เสน่ห์แรงไม่เบานะเราเนี่ย”
“มันสืบประวัติฉัน”
“ไม่เห็นแปลกเลย รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง คุณยังสืบเรื่องของพวกนั้นได้ ทำไมมันจะสืบเรื่องคุณไม่ได้”
เชนอ่านข้อมูลในแฟ้ม
“พ่อคุณเป็นตำรวจด้วย อุแม่เจ้า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นชัดๆ”
ปวันกระชากแฟ้มจากมือของเชน
“ไม่ต้องยุ่งเรื่องของฉันได้มั้ย”
“พ่อเสียชีวิตในหน้าที่ เสียใจด้วยนะครับ”
ปวันเองก็ชะงักเพราะรู้ว่าเชนบอกอย่างจริงใจ
“แล้วตอนนี้คุณอยู่กับใครล่ะ”
เชนรู้สึกว่าดวงตาของปวันฉายแววเศร้าขึ้นมาแว่บนึง แล้วเปลี่ยนเป็นแววตาแข็งกระด้างเหมือนเดิม
“ถามทำไม ยุ่งอะไรด้วย”
“ผมก็ เคยอยู่คนเดียวเหมือนกัน”
เชนไม่ได้ใช้น้ำเสียงเศร้า แต่เหมือนจะบอกปวันว่าเขาเข้าใจ ปวันอึ้งไป แต่ก็กลบเกลื่อน
“ใครจะอยู่อะไรยังไงกับใครก็ช่างเถอะ ตอนนี้มาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะออกจากที่นี่ยังไง”
ปวันหาทางหนีทีไล่ เชนมองหญิงสาวอย่างสนใจ
“จะยืนเก๊กอีกนานมะ รีบมาช่วยกันหาทางออกสิ”
เชนยิ้ม รู้สึกพอใจปวันโดยไม่รู้ตัว เดินมาช่วย ยิ้มให้ ปวันเบ้หน้าใส่ แต่พอหันหลังให้ก็แอบยิ้มโดยไม่รู้ตัว
ดร.อาทิตย์ อินทุ นารี อยู่ในห้อง ได้ยินเสียงกุกกักๆ มาจากช่องแอร์ อินทุ นารี เงยหน้ามอง ขมวดคิ้ว แต่ดร.อาทิตย์ยังนั่งสบายๆ หันหน้าไปทางหน้าต่างเหมือนนั่งสมาธิ ฝึกจิตตัวเอง อินทุ นารี มองหน้ากันไม่สบายใจ อยากจะบอกดร.อาทิตย์ แต่ก็ไม่กล้าเพราะรู้ว่าเวลานี้ดร.อาทิตย์ต้องการสมาธิ
เชนกับปวันค่อยๆ โผล่ออกมาจากช่องแอร์ กำลังจะกลับทางบันไดหนีไฟเหมือนเดิม แต่มีประตูเหล็กเลื่อนลงมาจากข้างบน เหมือนจะขังพวกเขาไว้ เชนเห็น รีบร้อง
“เร็ว”
เชนดึงตัวปวัน แล้วล้มตัวลง กลิ้งลอดประตูเลื่อนก่อนที่มันจะปิดลง ทันแบบเสี้ยวนาที แล้วก็กลิ้งๆ ลงบันไดไปด้วยกัน
ที่ชานพักบันได เชนใช้ตัวเองรองรับปวัน กอดเอวเธอไว้ด้วย เหมือนนอนทับกัน เสียงสัญญาณดัง แสดงให้เห็นว่ามีกลไกกำลังเลื่อนลงมา ปิดทางออกทุกทางของตึก เชนกับปวันมองหน้ากัน ตกใจมาก แต่ไม่มีเวลาพูด รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งลงมา ประตูเหล็กปิดตามไล่หลัง วิ่งทันแบบเฉียดฉิว พอถึงชั้นล่าง มียามรออยู่ เชนกับปวันเบรกเอี๊ยด มองว่าจะทำอย่างไรดี
“มือ เท้า เข่า ศอก ศิลปะป้องกันตัวทำอะไรได้ก็งัดมาใช้เลยครับ”
“จัดไป”
ทั้งสองต่อสู้กับยามจนสำเร็จ
เชนกับปวันออกมานอกตึกได้ ยามหันมาเห็นพอดี ทั้งสองรีบปิดหน้าปิดตา ยามจะเข้ามาจับ ทั้งคู่เบี่ยงตัวหลบไปมา ทำให้ยาม 2 คนชกหน้ากันเองจนสลบไป เชนกับปวันพยักหน้าให้กันอีกแล้ววิ่งไปที่รถ ไม่มีใครตามมา
“เป็นครั้งแรกที่ฉันทำงานแล้วทิ้งร่องรอยไว้เยอะขนาดนี้ พวกมันต้องรู้ตัวแน่ๆ เพราะนายคนเดียว”
“อ้าว เหตุใดมากล่าวโทษกันเช่นนี้”
“ก็ถ้านายไม่ซุ่มซ่ามไปโดนกลไกของไอ้ด็อกเตอร์ เราก็คงไม่เสียเวลาในเขาวงกตจนหนีออกมาแทบไม่ทันแบบนี้หรอก”
“แล้วที่ผมช่วยคุณไว้ตั้งหลายครั้งล่ะ ไม่มีแม้แต่คำขอบใจ ผู้หญิงอะไร มองแต่ข้อผิดพลาดคนอื่น”
“ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ รับไม่ได้ใช่ป่ะ รับไม่ได้งั้นก็กลับบ้านเอง”
ปวันรีบวิ่งขึ้นรถ เชนวิ่งตามทันก่อนที่ปวันจะล็อค ปวันแกล้งทำหน้าเบื่อ เชนยิ้ม
“ร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งนาน จะทิ้งกันง่ายๆ แบบนี้ได้ไง ผมว่าเราทำงานเข้าขากันได้ดี น่าจะเป็นคู่หูกันได้”
“ฉันมีสองหูก็พอแล้วยะ ไม่อยากได้มาอีกคู่หรอก เกะกะ”
ปวันแอบยิ้มพอใจ ไม่ได้ไล่เชนไป
“แต่ผมชอบคุณนะ”
ปวันชะงัก มองหน้าเชนอึ้งๆ เชนยังไม่รู้ตัว
“ผมชอบการทำงานของคุณ ชอบไหวพริบของคุณ ขอยกนิ้วให้ว่ายอดเยี่ยมกระเทียมดอง”
ปวันเบ้หน้า อึ้งเมื่อคิดได้ว่าตัวเองแอบใจเต้น รีบสตาร์ทรถแล้วแล่นออกไป
“คุณพูดจาเหมือนคนรุ่นพ่อเลย พ่อฉันก็ชอบพูดนะ ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง แต่ฉันก็ยังไม่ปลื้ม ที่เราทิ้งร่องรอยเอาไว้ขนาดนั้น”
“แล้วถ้าร่องรอยมันทำให้พวกนั้นมาเข้าเกมของเราล่ะ”
ปวันมองหน้าเชน เพื่อจะอ่านว่าเชนคิดอะไรอยู่ สายตาเชนมุ่งมั่น ไม่หวั่นเกรงอะไร
อินทุยืนอยู่กับดร.อาทิตย์ ซึ่งมองไปข้างล่างผ่านหน้าต่าง เห็นการเคลื่อนไหวของปวันทั้งหมด เห็นรถแล่นออกไป นารีกลับเข้ามาในห้อง รายงาน
“พวกมันหนีไปได้”
“ฉันเห็นแล้ว”
“ให้ตามไปไหมคะ”
“ตามไปตอนนี้จะทันหรือไง”
อินทุกับนารีคิดว่าดร.อาทิตย์โกรธ รีบก้มหน้ารับผิด
“พวกเราทำงานไม่ดี ปล่อยให้พวกมันเข้ามาได้ พวกเราขอโทษค่ะนาย”
นารีรีบบอก ดร.อาทิตย์เหลือบมอง แล้วกระดิกนิ้วเรียกให้อินทุกับนารีมาใกล้ ทั้งสองคิดว่าตัวเองต้องโดนลงโทษแน่ๆ จึงก้มลงไปใกล้ๆ ดร.อาทิตย์ ดร.อาทิตย์ยกนิ้วขึ้นมาเหมือนจะดีดนิ้ว ก็เลยหลับตา เตรียมรับโทษ แต่คราวนี้แทนที่จะดีดนิ้ว สะกดจิตลงโทษ ดร.อาทิตย์กลับตบไหล่ว่า ไม่เป็นไร อินทุกับนารีลืมตาแปลกใจ
“ด็อกเตอร์อาทิตย์มีเมตตาอยู่แล้ว ทำไมเรื่องแค่นี้จะให้อภัยไม่ได้ มันมีเรื่องที่สนุกกว่าลงโทษพวกแกอีกเยอะ เช่น โชว์ในวันพรุ่งนี้”
ดร.อาทิตย์ยิ้มเจ้าเล่ห์มองไปที่เช็ค 2 ใบที่น้ำเพชรเพิ่งให้มา
เชนกับปวันนั่งพิงกระโปรงรถอยู่ที่จอดรถริมน้ำสวยๆ
“คนอย่างด็อกเตอร์อาทิตย์ช่างซับซ้อนซ่อนกลนัก เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เดาใจไม่ได้ บุคลิกไม่เหมือนโจร แต่กลับร้ายยิ่งกว่าโจรที่ผมเคยเจอ ช่างน่ากลัวจริงๆ”
“คนอย่างนี้มีเยอะจะตาย พวกหน้าเนื้อใจเสือต่อหน้าก็เป็นคนดี แต่ลับหลัง”
ปวันเหลือบมองเชน เชนหันมาเห็น ก็เข้าใจ รู้ว่าปวันกำลังหมายถึงตัวเขาด้วย
“สำหรับผม คุณไว้ใจได้เลย ผมดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง”
“แค่พูด ใครๆ ก็พูดได้ป่ะ”
เชนหรี่ตา มองปวันอย่างพิจารณา
“แล้วคุณต้องการให้ผมทำยังไง”
“ด็อกเตอร์อาทิตย์สะสมรูปและแบบพิมพ์เขียวของอาวุธประหลาดๆ ฉันว่าต้องมีแผนชั่วอยู่ในใจแหง”
เชนพยายามคิดว่าปวันต้องการอะไรกันแน่
“คุณอยากได้คู่หูเพิ่มแล้วใช่ไหม”
“ไม่ ฉันจะเอาคนที่ฉันยังไม่ไว้ใจมาเป็นคู่หูทำเป๊ะไรล่ะ ถ้านายอยากพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นคนดีจริง นายก็ต้องช่วยทางการ”
“ผมยินดีแต่ยังไง”
“นายทำงานอยู่ในสมายล์ทีวีนี่ นายมีโอกาสจับตาด็อกเตอร์อาทิตย์ หน้าที่นายก็แค่รายงานความเคลื่อนไหวของเขาให้ฉันรู้”
“ไม่ยาก”
เชนพยักหน้าอือออ ปวันยิ้มดีใจคิดว่าเชนจะหลงกลเป็นสายให้ตนง่ายๆ แต่อยู่ๆ เชนก็ถาม
“แล้วคุณล่ะ”
“ฉันทำไม”
“จะให้อะไรผมเป็นการแลกเปลี่ยน”
“หมายถึงเงิน”
“ไม่ๆ เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็น ผมเป็นคนไทย ผมอยากเห็นแผ่นดินไทยปราศจากคนชั่ว นั่นคือปณิธานของผม ผมไม่ห่วงเรื่องเงินๆ ทองๆ หรอก”
“แล้วนายอยากได้อะไร”
“ข้อมูลเรื่องคุณนายสร้อยเพชรนั่นไง คุณถ่ายรูปเอาไว้ไม่ใช่เหรอ ผมรู้ว่าคุณต้องสืบเรื่องนี้ต่อแน่ ยื่นหมูยื่นแมว ข่าวคุณนายสร้อยเพชรมา ข่าวด็อกเตอร์อาทิตย์ไป เครป่ะ”
ปวันนิ่งคิดอยู่อึดใจ แล้วก็ถอนหายใจ พยักหน้าเหมือนเสียไม่ได้
“เออๆ ยื่นหมูยื่นแมวก็ดี ได้ทั้งคู่ ไม่มีใครเสีย เป็นข้อมูลที่ส่งเสริมกันแบบวิน วิน”
เชนยิ้ม ยื่นมือออกไปจับ ปวันส่ายหน้าเหมือนจะไม่จับ แต่เชนก็ยื่นมือมาอีก ยิ้มจริงใจ ปวันเลยยอมจับมืออีกครั้ง เหมือนมีไฟช็อตเบาๆ ทั้งคู่มองหน้ากันเพราะรู้สึกแปลกๆ ก่อนปวันจะดึงมือหนี เชนยิ้มเจ้าเสน่ห์ให้
“สัญญาต้องเป็นสัญญานะครับคุณตำรวจ”
เจนจิราจอดรถ กำลังจะเดินเข้าบ้าน แต่ก็ชะงักเพราะได้ยินเสียงกุกกักที่ต้นไม้หน้าบ้าน เธอตกใจนึกว่าโจร แต่วิญญาณนักข่าวก็ทำให้ก้าวไปดู ข้างนอกเหมือนไม่มีคนอยู่ แต่เห็นรองเท้าโผล่มาจากพุ่มไม้ แสดงว่ามีคนยืนอยู่ เธอจำได้ว่าเป็นรองเท้าของตฤณ
“ตฤณ”
เจนจิราจะเดินเข้าไปหา แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ สูดลมหายใจลึกๆ ว่าจะไม่ใจอ่อน จะไม่สนใจ รีบสะบัดหน้าเข้าบ้านไป ตฤณค่อยๆ ออกมาจากที่ซ่อน มองไปที่บ้านเจนจิรา ไม่ได้เห็นหน้าเห็นหลังคาก็ยังดี
“โรคจิตหรือไงวะเนี่ยไอ้ตฤณ”
ตฤณส่ายหน้าหลังด่าตัวเอง แล้วจะเดินคอตกกลับบ้านไป แต่ก็ชะงักเพราะมีเสียงเจนจิราเรียกไว้
“ตัวเองมีอะไร”
ตฤณหันไปหาทันทีด้วยความดีใจ เจนจิรายืนกอดอกอยู่ หน้าบึ้ง ตฤณหน้าสลด
“ไม่มี”
“ไม่มีแล้วมาทำลับๆ ล่อๆ ที่บ้านเขาทำไม อย่าบอกนะว่าแค่ผ่านมา เขาไม่เชื่อ”
ตฤณเงียบไป รู้ว่าหลอกเจนจิราไม่ได้
“เขาแค่อยากมาดูตัวเอง”
“ดูเขาทำไม”
“เมื่อกลางวันเขาขอโทษที่หงุดหงิดไปหน่อย เขาพูดไม่ดีกับตัวเอง”
เจนจิราเริ่มอ่อนลง เพราะตฤณก็ไม่ได้มาชวนทะเลาะ
“ช่างมันเถอะ เขาไม่เก็บเอามาใส่ใจหรอก เขามีความสุขกับการทำงานมาก เขาแฮปปี้สุดๆ เลยล่ะ แล้วตอนนี้เขามีบารมีคอยดูแลแล้ว คงไม่ต้องรบกวนตัวเองหรอก”
ตฤณถอนหายใจ เจนจิราชะงักไป
“เจ็บแล้วจำเป็นคน เจ็บแล้วทนคือเขา เขาคงเป็นผู้ชายหน้าด้านที่ตัวเองรำคาญมากๆ เลยใช่ปะ เขาขอโทษนะ เขาคงต้องไปเสียที กลับไปทำงาน แม้ว่าจะไม่มีตัวเองมาคอยชื่นชมแล้ว แต่เขาก็อยากให้ตัวเองรู้ว่าเขาทำเพื่อตัวเองนะ”
“อย่า ถ้าตัวเองจะทำอะไรก็จงทำเพื่อตัวเอง อย่าทำเพื่อเขา”
ตฤณถอนหายใจ
“งั้นเขาก็จะทำเพื่อตัวเอง หมายถึงตัวเขาเองนี่แหละ แต่ถ้าเขาทำสำเร็จเมื่อไร ก็รู้ไว้ด้วยนะ ว่ามันเป็นเพราะตัวเอง”
ตฤณมองเจนจิราทั้งรักทั้งผูกพัน เจนจิราอึ้งไปนิด แต่ก็ทำเป็นส่ายหน้าเหมือนตฤณพูดไม่รู้เรื่อง
“เขาไปก่อนนะ”
ตฤณจะยกมือลา แต่เจนจิราก็หันหลังให้ทันที ไม่ฟัง ตฤณเลยเก้อ ยิ้มแห้งๆ ให้ตัวเอง แล้วเดินเศร้าๆ จากไป เจนจิราแอบเหลือบมองนิดหนึ่ง แล้วถอนหายใจ เดินเข้ามาในบ้าน โยนกระเป๋า รองเท้าไปคนละทาง
“แค่นี้ไม่เห็นเหนื่อยเลย ฉันเคยลุยทำข่าวอาชญากรรมตัดต่อไม่หลับไม่นอนตั้งหลายคืนสบายๆ”
เจนจิราทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา
“ฉันแฮปปี้จะตายไป ได้รับโอกาสขนาดนี้ ได้แต่งตัวสวยๆ ด้วย”
เจนจิราเหลือบมองตุ๊กตาลิงจ๋อที่อยู่บนโซฟา
“มองไร ก็บอกแล้วไงว่าไม่เหนื่อย ไม่เหนื่อยๆๆ ยังจะมองหน้าอีก บอกแล้วไงว่าฉันแฮปปี้ มีความสุขสุดๆๆ ได้ยินป่ะ ไม่ต้องมามอง ไม่ต้องมาห่วงฉันแล้วนะ ฉันโอเค”
เจนจิราตะโกนใส่หูลิงจ๋อ แล้วล้มตัวลงนอนที่โซฟา มองหน้าลิงจ๋อ บอกด้วยเสียงที่เบาลง เหมือนกำลังสะกดจิตตัวเอง
“ฉันโอเคจริงๆ นะ”
เจนจิราเหนื่อยมากๆ ค่อยๆ หลับตาลง
ปวันจอดรถส่งเชนที่หน้าบ้านเช่าตฤณ
“ฉันส่งแค่นี้นะ”
“ไม่เข้าไปดื่มน้ำพักเหนื่อยหน่อยเหรอครับ แต่คงไม่เหมาะถ้ากุลสตรีจะเข้าไปในบ้านของผู้ชาย งั้นคุณรอตรงนี้ ผมจะไปเอาน้ำดื่มมาให้นะครับ”
“ไม่ต้อง นายเป็นคนโบที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาเลย”
“โบ ไม่มีโบครับ ไม่ได้ผูกมา”
“โบราณย่ะ”
“อ๋อ อันธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนก็ต้องต้อนรับ มันอาจจะโบราณจริงๆ แต่ความดีงามมันไม่มียุคสมัยหรอกครับ การทำชั่วซะอีก ที่ควรเป็นสิ่งล้าสมัยที่ควรจะเลิกทำได้แล้ว”
ปวันมองเชนทึ่งๆ เชนก็มองปวันอย่างประทับใจเช่นกัน
“ลงไปได้แล้ว ฉันจะรีบไป”
เชนลงจากรถ ปวันรีบขับรถออกไปอย่างเร็ว
เชนเดินเข้าบ้านมาแล้วคิดอะไรเพลินๆ อารมณ์ดี ตังตังเปิดประตูบ้านออกมาเจอ
“เชนไปไหนมา กลับซะมืดเชียว”
“ไปบุกถ้ำเสือมา”
“ถ้ำเสือคืออะไรคะ”
“ก็ที่ๆ คนชั่วอยู่ไงครับ”
“งั้น ไปบุกถ้ำคนชั่ว แล้วทำไมต้องอารมณ์ดีด้วยล่ะคะ”
“ปกติเชนก็อารมณ์ดีอยู่แล้วนี่นา”
“แต่นี่มันเยอะกว่าปกติ”
“จริงรึ เชนไม่รู้ตัวเลย”
เชนเริ่มคิดว่าทำไมเขาถึงอารมณ์ดี ทำไมถึงยิ้ม เห็นหน้าปวันลอยมา เขาเริ่มเคลิ้ม แต่อยู่ๆ ก็มีหน้าปลายฟ้ามาแทรก เขาตกใจ นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีปลายฟ้า
“หนูตังตังว่าถ้าเราอยู่กับคนหนึ่ง แต่กลับไปคิดถึงอีกคนจะผิดมากมั้ย”
“ยังไงอ่ะ แบบว่าตังตังอยู่กับน้าตฤณ แล้วคิดถึงเชนอ่ะเหรอ”
“ทำนองนั้นแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว”
“แล้วยังไงอ่ะ หรือแบบ เหมือนตังตังเรียนเลขอยู่ แล้วคิดถึงการบ้านภาษาอังกฤษป่ะ ถ้างั้นก็คงผิดนะ เพราะมันทำให้ตังตังเรียนไม่รู้เรื่อง ครูบอกว่าถ้าทำอะไรอยู่ก็ต้องตั้งใจอยู่กับสิ่งนั้น ไม่งั้นก็จะไม่ดีสักอย่าง”
“มันไม่ดีจริงๆ ด้วย ถ้างั้นเชนก็ควรจะตั้งใจอยู่กับคุณปลายฟ้าให้มากๆ ไม่ควรว่อกแว่กไปหาคนอื่น”
“แล้วคนอื่นคือใคร”
“แค่คนอื่น ไม่สำคัญ ไม่มีอะไร ขอบคุณตังตังมากที่เตือนสติเชน”
เชนบอกเสียงจริงจัง แต่ตังตังยังงง เสียงตฤณหัวเราะลั่นดังออกมาจากบ้าน เชนกับตังตังหันมามองหน้ากันแล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน
ตฤณกำลังวาดการ์ตูนไปหัวเราะไป
“ฮ่าๆๆ สะใจ สะใจจริงจริ๊ง”
เชนกับตังตังวิ่งเข้ามา ตฤณกำลังหัวเราะลั่นบ้านสะใจมาก แต่พอก้มลงวาดตอนแรกก็ซึมๆ แล้วก็ค่อยๆ ลากปากกาเร็วขึ้นๆ เหมือนระบายความอึดอัดความหงุดหงิดในใจ พอเสร็จก็ดูผลงานแล้วก็หัวเราะอีก ซึมๆ กับหัวเราะสลับกัน จนเชนกับตังตังต้องมองหน้ากัน
“เชนช่วยด้วย น้าตฤณบ้าไปแล้ว”
“อากาศมันคงร้อนเกินไป”
“เอาไงอ่ะ จับส่งโรงพยาบาลเลยดีมะ”
“ไม่ต้อง น้าไม่ได้บ้า แล้วก็ห้ามเข้ามากวนด้วย เพราะน้ากำลังตั้งใจทำงานมาสเตอร์พีส ที่ใครๆ เห็นก็ต้องขำก๊าก ฮ่าๆๆ”
เชนกับตังตังมองหน้ากันงงๆ กับท่าทางของตฤณที่เดี๋ยวก็ซึม เดี๋ยวก็หัวเราะเสียงดัง แล้วก็กลับไปทำท่าเศร้าๆ อีก แล้วก็หัวเราะลั่นบ้านอีก
ตฤณนำผลงานมาให้นิกรอ่าน นิกรหัวเราะก๊าก
“นายวาดรูปล้อหมอบารมีเด๊ะได้เหมือนมาก โดยเฉพาะรูปที่เพิ่งฉีดโบท๊อกซ์แล้วขยับหน้าไม่ได้ ฮาค่อดๆ เลยว่ะ ฮ่าๆๆ”
ตฤณยิ้มหน้าบาน
“ผมวาดสุดฝีมือเลยนะครับ”
“ฉันว่านายเอาดีด้านวาดรูปล้อเลียนเถอะ อย่าไปเอาดีทางแต่งการ์ตูนเรื่องยาวเลย เพราะยังไงก็ไม่รุ่ง ฮ่าๆๆ”
“ถือเป็นคำชมที่เจ็บที่สุดเลยครับ”
“นี่ โกรธเหรอ”
“ก็นิดหนึ่งครับ”
“อย่าโกรธผมเลยนะครับคุณตฤณ ได้โปรดเถอะครับ ตอนนี้เหลืออยู่คนเดียวแล้ว”
“เหลือผมเป็นนักวาดการ์ตูนคนเดียวของบก.”
“เหลือฉันแค่คนเดียวที่ยังจ้างแก”
ตฤณอึ้ง นิกรพูดต่อไม่เกรงใจ
“คนอื่นไม่มีใครเอาแกแล้วนะโว้ย เพราะฉะนั้นอย่าเล่นตัวให้มาก ขี้เกียจง้อ”
ตฤณจ๋อย
จ่าเจี๊ยบกับปวันนั่งคุยกันอยู่ในรถปวัน
“ผมส่งข้อมูลคุณนายน้ำเพชรไปให้หมวดแล้วนะครับ”
ปวันเปิดรูปในมือถือขึ้นมาดู
“ผู้หญิงคนนี้ชื่อน้ำเพชรเหรอ”
“ครับ เป็นเจ้าของร้านเพชรที่ร่ำรวยมาก”
“ครับ เธอเป็นเจ้าของร้านเพชรที่ร่ำรวยมาก มีสาขาหลายแห่งในต่างประเทศ คุณนายน้ำเพชรครอบครองเพชรสีชมพูที่หายากและใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อ The Queen Of Pink”
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ข้างเดอะซันฮอลล์ ปวันครุ่นคิด คุยอยู่กับจ่าเจี๊ยบ
“ฉันว่าชักจะมีกลิ่นไม่ดีแล้วสิ”
จ่าเจี๊ยบก้มมองดูพื้นรองเท้าตัวเองทั้งสองข้าง หน้าตาเคร่งเครียดมาก
“มีอะไรเหรอจ่าเจี๊ยบ”
“หมวดบอกว่ามีกลิ่นไม่ดี ผมก็เลยสงสัยว่าผมเหยียบขี้หมามารึเปล่า”
ปวันเหล่มองจ่าเจี๊ยบหน้าเครียด
“คือฉันต้องขำป่ะ”
“ได้ก็ดีนะครับ เป็นกำลังใจ”
แต่ปวันไม่ขำ ทำหน้าเครียด จ่าเจี๊ยบเลยยิ้มแหยๆ
“เล่นมุกไม่ดูเวล่ำเวลาเลยเนอะ”
ปวันส่ายหน้าแล้วดูนาฬิกา
“ได้เวลาแล้ว”
ปวันเดินเข้ามาในเดอะซันฮอลล์ บนเวที แสงสีเสียงกระหึ่ม ดนตรีปลุกเร้าใจดังกึกก้อง เธอเลือกที่นั่งใกล้ทางเดิน
เชนเดินตามสมายล์ โลมา แมงกะพรุนเข้ามาเจอกับประมุขที่ยืนรออยู่ที่ทางเดิน
“คุณพ่อคะ สมายล์ขอพาเพื่อนมาดูโชว์ด้วยนะคะ”
“เอาสิ ตามสบายเลยครับคุณลูก เอ๊ะ แล้วเจ้านี่มันเป็นพนักงานทำความสะอาดไม่ใช่เหรอ”
“อ๋อ สมายล์เพิ่งแต่งตั้งให้เชนเป็นองครักษ์พิทักษ์สมายล์ค่ะคุณพ่อ”
“เยี่ยมไปเลย น้องสมายล์ฉลาดมาก รู้จักปกป้องตัวเองจากภัยอันตราย”
น้ำเพชรเดินเข้ามาพร้อมบอดี้การ์ด ประมุขตื่นเต้น
“น้องสมายล์ไปนั่งที่ก่อนนะลูก พ่อขอไปรับแขกคนสำคัญก่อน”
เชนมองน้ำเพชร จำได้ว่าคือผู้หญิงในรูป
“ผู้หญิงในรูปที่ห้องทำงานของอาทิตย์นี่นา”
เสียงดนตรีเปิดตัวดร.อาทิตย์ดังขึ้น แสงโฮโลแกรมฉายเป็นรูปเพชรขนาดใหญ่แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรูปร่างดร.อาทิตย์
“ศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนโลก ขอเชิญทุกท่านพบกับพิธีกรผู้เปี่ยมไปด้วยศรัทธา คุณเจนจิรา แก้วสุขศรี”
เจนจิราใส่ชุดขาวประดับด้วยขนนก มีปีกเหมือนนางฟ้า นั่งบนชิงช้าลอยลงมาจากเพดาน รูปโฮโลแกรม ดร.อาทิตย์เอื้อมมือไปจับมือเจนจิราบนชิงช้าซึ่งกำลังลงมาถึงพื้น
“เตรียมพบกับผมและคุณเจนจิรา ร่วมกันปฏิบัติการลับเร็วๆ นี้”
อินทุปรากฎตัวขึ้นด้วยการโหนผ้าผ่านเวที ขว้างระเบิดไฟใส่แสงโฮโลแกรมที่เป็นรูปตัวดร.อาทิตย์ เกิดเป็นไฟลุกท่วมแสงโฮโลแกรมที่ฉายเป็นรูปตัวดร.อาทิตย์ เจนจิราร่วงลงสู่กองไฟ ผู้ชมทั้งฮอลล์ส่งเสียงกรี๊ดด้วยความตื่นเต้นตกใจ เชนมองไปที่เวทีด้วยความเป็นห่วงเจนจิรา
“คุณเจน”
ทันใดนั้น เปลวไฟดับวูบเปลี่ยนเป็นควันอย่างสวยงาม ดร.อาทิตย์ก้าวออกมาจากควัน พร้อมกับนกพิราบขาวหลายตัวบินแตกฮือไปทั่ว เจนจิราร่วงลงมาใต้เวที จะเดินออกไป แต่นารีวิ่งเข้ามาหา
“ด็อกเตอร์สั่งให้คุณรอที่นี่ จนช่วงท้ายรายการ ด็อกเตอร์จะเชิญคุณขึ้นเวทีอีก”
“โอเคค่ะ”
นารีแอบมองเจนจิรายิ้มๆ อย่างมีแผนการ
บนเวที ดร.อาทิตย์แบมือออก แสงโฮโลแกรมฉายบนมือของเขาเป็นรูปเพชรเจิดจ้า
“เพชรคือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและอำนาจ บางความเชื่อบอกว่าเพชรมีอำนาจป้องกันสิ่งชั่วร้าย ผู้ที่มีศรัทธาย่อมได้รับการคุ้มครองจากเพชร”
ดร.อาทิตย์กำมือ แสงโฮโลแกรมแตกกระจาย กลายเป็นกากเพชรวิบๆ ปลิวไปทั่วฮอลล์ ผู้ชมตื่นตาตื่นใจ ไขว่คว้ากากเพชรวิบๆ ในอากาศ
ที่โต๊ะวีไอพี ซึ่งมีประมุข สมายล์และเพื่อนนั่งอยู่ เชนยืนอยู่ด้านหลังสมายล์ ส่วนข้างๆ แบ่งโซนกั้นอย่างชัดเจน มีโซฟาหรูหรากว่า มีบอดี้การ์ดยืนล้อมน้ำเพชร
“วันนี้เรามีแขกคนสำคัญ ที่จะให้เกียรติขึ้นมาร่วมพิสูจน์กับเราว่าเพชรสามารถคุ้มครองผู้มีศรัทธาจากสิ่งชั่วร้ายได้จริงหรือไม่ ผมขอเชิญ”
แสงไฟฟอลโล่ว์ฉายไปที่แขกวีไอพี กวาดผ่านประมุข สมายล์กับเพื่อน ไปที่น้ำเพชร ผู้ชมปรบมือ ปวันมองน้ำเพชรด้วยสายตาระวังภัย พูดกับสมอลทอล์ค
“เสือกำลังตะครุบเหยื่อแล้ว จ่าเจี๊ยบคอยระวังข้างนอกด้วย”
จ่าเจี๊ยบเฝ้าสังเกตการณ์อยู่นอกฮอลล์
“รับทราบ”
ทันใดนั้นแสงไฟเลื่อนจากน้ำเพชรไปที่เชน
“ขอเชิญคุณขึ้นมาบนเวทีเลยครับ”
เชนงง ชี้ตัวเอง
“คุณผู้ชายท่านนั้นแหละครับ เชิญเลยครับ”
ผู้ชมทุกคนปรบมือ ทั้งปวันและเชนต่างตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าดร.อาทิตย์จะทำแบบนี้
ตฤณแอบมาที่สมายล์ทีวีโดยไม่บอกใคร เขาสวมหมวก ใส่แว่นราวนักร้องเกาหลี มองชะเง้อไปยังบริเวณหน้าห้องถ่ายทอดสดรายการของดร.อาทิตย์ ที่มีสาวกบางคนกำลังเร่งรีบเข้าไป
ขณะนั้นจ่าเจี๊ยบแอบยืนซุ่มดูลาดเลาอยู่ มองเพ่งมาที่ตฤณเพราะจำได้ ขณะที่ตฤณกระชับหมวกไหมพรมพลางคิด
“คงไม่มีใครจำเราได้”
“น้าตฤณ”
ตฤณชะงัก หันขวับมา เห็นกังฟูกำลังวิ่งเข้ามาหาราวกับรถถัง
“เฮ้ย”
กังฟูพุ่งเข้ากอดตฤณพลั่ก เขาถึงกับเซ
“ฮั่นแน่น้าตฤณ มาดูน้าเจนแฟนเก่าเหยอ”
ตฤณขมุบขมิบปาก ถ้าไม่เห็นเป็นเด็ก จะเขกหัวให้ ดันมาพูดแทงใจดำ จันทร์เจ้าเดินปรี่ตามเข้ามา
“กังฟูลูกแม่ ศรัทธาลูก ศรัทธาลูก อย่าไปแซวน้าเขา เอานี่ลูก อมซะ”
จันทร์เจ้าคว้าซาลาเปาในกล่องเสบียง ยัดใส่ปากกังฟู
“สวัสดีค่ะคุณน้าตังตัง มาดูด็อกเตอร์อาทิตย์เหรอคะ”
จันทร์เจ้ายิ้มหวานใส่ ตฤณฉีกยิ้มตอบ
ภายในเดอะซันฮอลล์ เสียงปรบมือของผู้ชมเริ่มเปาะแปะๆ ไม่ชอบใจ เมื่อเชนยังไม่ยอมขึ้นไปบนเวที โดยเฉพาะน้ำเพชรมองอย่างรำคาญ เชนยังคงจ้องไปที่ดร.อาทิตย์พลางคิดว่าจะมาไม้ไหน ขณะที่ดร.อาทิตย์ยืนปั้นหน้ายิ้มใจบุญอยู่ที่เวที พร้อมกับพูดยุ
“ไม่แปลก การจะก้าวขึ้นมาบนเวทีเดอะซันนี้ สำหรับคนที่ไม่มีความกล้า ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ทุกท่านครับ ช่วยปรบมือส่งเสริมศรัทธาให้คุณผู้ชายท่านนั้นมีความกล้ากันหน่อยครับ ศรัทธาศรัทธา”
ดร.อาทิตย์พูดนำพลางยก 2 มือขึ้นกระตุ้นราวคอนดักเตอร์ คนพากันปรบมือเป็นจังหวะตามพร้อมกัน
“ศรัทธา ศรัทธา ศรัทธา ศรัทธา ศรัทธา”
ปวันมองมาเชนนึกเป็นห่วง
“อย่าขึ้นไปเชียวนะนายเฉิ่ม โดนเชือดคาเวทีแน่”
ประมุขนั่งอยู่หน้าเชน หัวเสีย หันไปสั่งเชนโดยที่ยังทำหน้าปั้นยิ้ม
“จะยืนอยู่ทำไม ออกไปซี ไฟสปอร์ตไลท์ส่องหน้าฉัน ตาจะบอดอยู่แล้ว สมายล์ลูก บอกให้บอดี้การ์ดของลูกออกไปซิคะ”
“บอดี้การ์ดเชน ออกไปดิคะ ดีออก ได้ขึ้นเวที ศรัทธา ศรัทธา”
เด็กๆ ช่วยกันเชียร์ เชนไม่เคยกลัวอะไร จึงตัดสินใจจะออกไป
“โอเค ถ้าอยากเจอเชน ต้องได้เจอ”
เชนยกสองมือให้ทั้งฮอลล์พร้อมกับก้าวลงจากอัฒจันทร์ คนพากันฮือฮาปรบมือ ดร.อาทิตย์ยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วประกาศเสียงดัง
“ในที่สุดศรัทธาของพวกเราทั้งหมดในฮอลล์เดอะซันแห่งนี้ ก็ช่วยเพิ่มพลัง สร้างความกล้าให้เขาจนได้ เชิญที่เวทีเลยครับ”
ทุกคนพากันปรบมือดีใจ ดนตรีบรรเลงขึ้น ปวันเท้าเอวเซ็ง
“ชิ ไอ้ตาหนวดบ้ายุเอ๊ย เหยื่อต้องเป็นยัยคุณนายค้าเพชรโน่น นายมาแส่อะไรด้วยเนี่ย”
ตฤณเปิดประตูเข้ามาในฮอลล์กับจันทร์เจ้าและกังฟู ทั้งสามเห็นเชนกำลังเดินไปหาดร.อาทิตย์ที่เวที ตฤณแทบช็อค จันทร์เจ้าแปลกใจ
“น้าเชนนี่ แม่ น้าเชน”
“ชิ้ว เบาๆ แม่ได้ยินแล้วลูก สุภาพบุรุษเชนมาอยู่นี่ได้ไงคะ”
ตฤณไม่ตอบ แต่หันไปป้องปากตะโกนเรียกเชน
“เชน นายขึ้นไปทำไม ลงมา เชน ลงมา”
เสียงดนตรีในฮอลล์กลบเสียงตฤณไปหมด จันทร์เจ้ารีบดึงตฤณไว้
“จะไปห้ามทำไมคะ รู้ไหมว่ามีคนแค่ 1 ในล้านเท่านั้น ที่จะมีโอกาสได้ขึ้นไปยืนอยู่บนนั้นกับด็อกเตอร์อาทิตย์ เฮ่อ ไม่รู้ว่าชาตินี้ จันทร์เจ้าจะมีโอกาสได้ขึ้นไปยืนอยู่บนนั้นบ้างรึเปล่านะ”
ตฤณเหล่มองอาการหลงใหลของจันทร์เจ้าแล้วถอนใจ หันไปมองเชนอย่างเป็นห่วง แล้วก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปไว้
เชนกำลังขึ้นบันได สู่ทางเดินยาวที่เหมือนรัศมีพระอาทิตย์ นำไปสู่กลางเวทีที่ดร.อาทิตย์กำลังยืนรออยู่
วิศวะวิ่งกระหืดกระหอบไปในร้านที่วางข้าวของประดิษฐ์ต่างๆ เพราะตกใจกับเสียงร้องของเจิดที่ดังลั่นบ้าน โดยมีหุ่นนะโมเลื่อนตามหลังมาเร็วๆ
“อาจารย์ อาจารย์ ศิษย์มาแล้ว เกิดอะไรขึ้น”
วิศวะพูดพลางคว้ารีโมตแอร์ที่วางอยู่ใกล้กด start หุ่นนะโมคว้าไม้กวาดใกล้ๆ ขึ้นมาถือเตรียมพร้อม กรอบรูปเปิดล็อคออก วิศวะรีบเปิดประตูเข้าไป พร้อมหุ่นนะโมที่เงื้อไม้กวาด
“อาจารย์เป็นอะไร ศิษย์มาช่วยแล้ว”
ภาพที่เห็นคือเจิดหัวฟูมาก กำลังกอดตำราเล่มใหญ่หนา ดีอกดีใจ
“อ๊าก ฉันรู้แล้ว ฉันรู้แล้ว ฮ่ะๆๆ”
“โฮ่ยจารย์ ร้องยังกับถูกเชือด”
“เอ็งไม่ฟินเหรอ ฉันรู้วิธีจะซ่อมแว่น3DDD ให้คืนฟื้นชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้วเว้ย ด้วยไอ้ตำราเล่นแร่แปรธาตุ รู่นปู่ทวดของเอ็งเล่มนี้ ช่วยทำให้เคมีในเส้นประสาทฉัน มันสูบฉีดความฉลาดให้แผ่ซ่านผุดๆเข้าไปในรอยยักสมองฉัน ฮ่ะๆๆ”
“งั้นสายลับเชนก็จะได้กลับเข้าไปในหนังอีกครั้งแล้วน่ะดิจารย์”
“ชัวร์”
“เย้”
วิศวะกับเจิดกอดกันดีใจ หุ่นนะโมหมุนคอดีใจไปด้วย
ภายในเดอะซันฮอลล์ เชนก้าวเข้ามายืนต่อหน้าดร.อาทิตย์กลางเวที ท่ามกลางแสงสีเสียงและเสียงปรบมือของผู้ชม
“ขอต้อนรับคุณเอ่อ ชื่ออะไรนะครับ”
“ใครๆ เรียกผมว่า เชน”
“อ่อ คุณเชน ชื่อของคุณ บวกกับบุคลิกและแววตา บ่งบอกได้ว่า คุณไม่ใช่คนธรรมดา เขาไม่ใช่คนธรรมดาครับทุกท่าน”
เสียงผู้คนฮือฮา ตฤณถ่ายคลิปไป ชักร้อนใจ
“เอาแล้วไง ความลับจะแตก ก็คราวนี้แหละ”
ปวันพูดสมอลล์ทอล์คติดต่อกับจ่าเจี๊ยบทันที
“ตอนนี้เหยื่อไม่ใช่ยัยเจ๊ตู้เพชรเคลื่อนที่อย่างที่เราคาดซะแล้ว แต่เป็นนายเชน ไม่รู้ว่าไอ้ด็อกเตอร์มันมีแผนอะไรของมัน มีความเคลื่อนไหวผิดปรกติด้านนอก รีบรายงานเข้ามานะจ่า”
“รับแซ่บ”
ดร.อาทิตย์ตวัดมือขึ้น มีขนนกสีขาวอยู่ในมือ
“ที่ผมบอกว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดา ผมจะพิสูจน์ให้ทุกคนในฮอลล์แห่งนี้เห็นว่าคุณไม่ธรรมดายังไง”
ดร.อาทิตย์ดีดนิ้ว เปลี่ยนขนนกในมือให้เป็นเพชรเม็ดเล็ก โปรยขึ้นเหนือตัวเชน ภาพดูสวยงามระยิบระยับ จนคนในฮอลล์ฮือฮา
เชนเผลอตัวเงยหน้าขึ้นมอง เพชรเม็ดเล็กๆ นับร้อยระยิบระยับอยู่ด้านบนรอบๆ ตัวเขา แสงสะท้อนจากเพชรเข้าตา แล้วเชนรู้สึกมึนๆ ใจล่องลอย เหมือนสติกำลังถูกควบคุม ตัวขยับไม่ได้ เขากำหมัดทั้งสอง พยายามใช้ประสบการณ์ที่ผ่านการฝึกฝนมา ควบคุมสติไม่ให้ถูกสะกดจิต
“เรากำลังจะถูกสะกดจิต เรากำลังจะถูกสะกดจิต”
ขณะที่ดร.อาทิตย์วาดมือไปที่กลุ่มเพชรที่ลอยอยู่ พลันสีเพชรจากสีขาวก็เปลี่ยนเป็นสีแดง คนในฮอลล์ฮือฮาอย่างแปลกใจอีกครั้ง ดร.อาทิตย์เห็นเชนกำลังสลึมสลือรีบย้ำทันที
“เพชรใสบริสุทธิ์กลับเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อล้อมรอบคุณ ชั่วร้าย มีสิ่งชั่วร้ายติดตามอยู่คุณเชน”
เชนพยายามสู้กับแสงระยิบระยับที่เข้าตาเขาเพื่อจะสะกดจิต ดึงสติตัวเอง ฝืนตอบโต้ออกไป
“เอิม สิ่งชั่วร้าย มันไม่ได้ ตามผมหรอก มันอยู่ ที่นี่”
คำตอบของเชน ทำเอาผู้ชมผู้ศรัทธาโห่ขึ้นมา ปวันกับตฤณตกใจหันมองผู้คน จันทร์เจ้าตกใจที่เชนพูดอย่างนั้น ยกมือปิดปาก ประมุขเซ็ง ดร.อาทิตย์ยกมือขึ้นห้ามผู้ชมราวกับนักบุญ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร คุณเชนพูดออกมาเพราะสิ่งชั่วร้ายในใจสั่งให้เขาพูด ศรัทธาสร้างโลก ศรัทธาสร้างคนได้ ผมจะช่วยเขาเอง ดร.อาทิตย์จะช่วยล้างใจชายคนนี้ด้วยศรัทธาเอง ศรัทธา ศรัทธา”
ดร.อาทิตย์พูดนำ คนทั้งฮอลล์พูดตาม ดร.อาทิตย์ยิ้มร้ายจ้องมาที่เชน
“มายากลของแก ทำอะไร คนอย่างเชนไม่ได้หรอก”
เชนขบกราม พยายามใช้แรงที่มีอยู่อันน้อยนิดที่สติครองอยู่ ฝืนยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างยากเย็นเพื่อที่จะปัดแสงเพชรระยิบระยิบที่สะกดจิตเขาอยู่ตรงหน้าไปให้พ้น แต่ช้าไป อินทุโหนเชือกโผล่มา พร้อมผ้าสีขาวผืนใหญ่ ปล่อยลงคลุมร่างเชน เสียงคนฮือฮา
เพชรเล็กๆ ที่ลอยอยู่หน้าเชนเมื่อครู่ร่วงกราวลงกับพื้นรอบชายผ้าที่คลุมเชน แล้วอินทุก็โหนผ้าทิ้งดิ่งลงมาดูหวาดเสียว คนตื่นเต้นฮือฮา อินทุวาดลวดลายกับผ้า เรียกความสนใจจากผู้ชมในฮอลล์ให้ลืมเชนชั่วครู่ แล้วโหนผ้ามากระชากผ้าที่คลุมเชน เด้งเชือกกลับขึ้นไป กลายเป็นเชนถูกขังอยู่ในกล่องคริสตัลขนาดยักษ์รูปทรงเหมือนเพชร ผู้คนพากันปรบมือตื่นตาตื่นใจ แต่ตฤณกับปวันร้อนใจห่วงเชน
“เสร็จมัน ติดกับมันจนได้นายเชน”
“เจนอยู่ไหนนี่”
ตฤณหันมองหาเจนจิราไปทั่วฮอลล์
ดร.อาทิตย์หันมาพูดกับคนทั้งฮอลล์
“ณ บัดนี้ คุณเชนได้อยู่ในครอบแก้วของศรัทธา จิตของเขาจะถูกรักษาด้วยประกายของเพชร”
ดร.อาทิตย์ดีดนิ้ว ปรากฏว่าในกล่องคริสตัลมีกระดาษเงินแวววาวเหมือนเพชรร่วงลงใส่ตัวเชนดูสวยงาม พร้อมกับพ่นยากดประสาทฟุ้งลงมาด้วย เชนถึงกับมึนไม่มีแรง คนในฮอลล์พากันปรบมือ
“วันพรุ่งนี้คุณเชนจะตื่นขึ้นมาอย่างสดใส พร้อมศรัทธา สิ่งชั่วร้ายที่ครอบงำความคิดอยู่ จะหายไป เหมือนหายจากโรคร้ายเป็นปลิดทิ้ง”
ดร.อาทิตย์ทำมือเหมือนปล่อยพลังเข้าใส่กล่องคริสตัล ไฟทุกดวงในฮอลล์พุ่งใส่ไปที่กล่อง แสงสว่างจ้าจนทุกคนต้องยกมือกันแสงเข้าตา แล้วกล่องก็หายวับไปกับตาทุกคนบนเวที ประมุขลุกขึ้นยืนปรบมือ นำผู้คนอื่นๆ พากันลุกปรบมือตาม สมายล์และเด็กส่งเสียงกรี๊ดชอบใจ ดร.อาทิตย์หันมาโค้งขอบคุณ ในขณะที่ตฤณกับปวันยืนอึ้งอ้าปากค้างว่าเชนหายไปไหน ตฤณลดโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายคลิปลง
“เชนหายไปไหนแล้ว”
เจนจิรารออยู่ในห้องๆ หนึ่งใต้เวที โดยไม่ได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นด้านบน เธอเดินไปเดินมาอย่างเซ็งๆ
“ให้มารออะไรอยู่ข้างล่างเนี่ย”
นารีเปิดประตูเข้ามาบอก
“พร้อมนะคุณเจน ด็อกเตอร์ให้ฉันส่งคุณกลับขึ้นเวทีแล้ว”
“ค่ะ”
เจนจิราพยักหน้า แล้วเดินตามนารีออกมาจากห้อง ก็เจอกับสมุนของดร.อาทิตย์ 2 คนรออยู่ นารีพยักหน้าให้ทั้งสอง
“เชิญครับคุณเจน”
สมุนทั้งสองเดินประกบพาเจนจิราเดินไปทางที่จะขึ้นเวที ขณะที่นารีเดินแยกตัวไปอีกทาง
เจนจิราเหลียวมองตามนารีไป เห็นที่ช่องทางเดินมุมไกล สมุนของดร.อาทิตย์กำลังเข็นกล่องคริสตัลที่มีคนนอนอยู่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนเจนจิรามองไม่ชัดว่าเป็นใคร เธอได้แต่เก็บความสงสัยเดินตามสมุนทั้งสองไป
นารีรีบเดินตามสมุนทั้งสี่ที่กำลังเข็นกล่องขังเชนไปตามทาง เพื่อออกไปยังประตูทางออก พูดผ่านสมอลล์ทอล์คไปยังลูกน้องที่รออยู่
“รถเตรียมพร้อม กำลังพาเหยื่อออกไปแล้ว”
เชนนอนสลึมสลืออยู่เพราะฤทธิ์ยากดประสาท
พวกนารีรีบเข็นพาตัวเชนไปอย่างรวดเร็ว
สปอร์ตไลท์สว่างจ้าขึ้น พร้อมร่างเจนจิราปรากฏตัวขึ้นเวทีอีกครั้ง
“ขอเชิญทุกท่านพบกับคุณเจนจิรา พิธีกรแสนสวยของสมายล์ทีวีอีกครั้ง เธอจะทำหน้าที่แนะนำ ผู้ที่เปี่ยมด้วยพลังศรัทธา จนทำให้ทุกวันนี้สุภาพสตรีท่านนี้ร่ำรวย ประสบความสำเร็จในชีวิต และเป็นผู้ครอบครองเพชรเลอค่า”
ระหว่างที่ดร.อาทิตย์พูด อินทุก็โหนเชือกโฉบมาหาเจนจิราส่งโพยใส่มือให้ เจนจิรางงๆ แต่ก็รับด้วยการยิ้ม และมองโพยในมือ พบว่าเป็นชื่อของน้ำเพชร นั่งอยู่ที่เก้าอี้โซนวีไอพี
“สุภาพสตรีท่านนั้นคือใครครับคุณเจนจิรา”
“คุณน้ำเพชรค่า”
เจนจิราจำต้องทำตามหน้าที่ตามสปิริต โดยผายมือไปยังที่นั่งวีไอพีอย่างอัตโนมัติตามสคริปต์
ไฟสปอร์ตไลท์ส่องไป น้ำเพชรสุดแสนดีใจ ลุกขึ้นยืน ผู้คนพากันปรบมือ แต่ตฤณกลับร้อนใจ แทบยืนไม่ติด มองไปที่เจนจิรา
“แล้วเชนล่ะเจน เชนหายไปไหน”
ปวันเห็นท่าไม่ดี พูดสมอลล์ทอล์คพลางหันเดินออกจากฮอลล์
“ชักยังไงๆ แล้วจ่า นายเชนหายไปจากเวที ไม่โผล่หัวขึ้นมาเลย ดูข้างนอกดิจ่า เห็นพวกด็อกเตอร์มันเคลื่อนไหวอะไรบ้างไหม”
ปวันผลักประตูออกจากฮอลล์ไป ดร.อาทิตย์ประกาศแนะนำน้ำเพชร เพื่อช่วยขายของเป็นนัยๆ
“คุณน้ำเพชรเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และตอนนี้ กำลังเปิดขายที่ดินที่เชียงใหม่ ที่ดินของคนที่เปี่ยมด้วยพลังศรัทธา จะช่วยให้ผู้ได้ครอบครองที่ดินตรงนั้น เจริญรุ่งเรืองไปด้วย”
จ่าเจี๊ยบเดินมองสำรวจอยู่ ปวันรีบเดินเข้ามาหา
“ไงจ่า”
“ไม่เห็นพวกด็อกเตอร์มันออกมาป้วนเปี้ยนข้างนอกนี่เลย”
ปวันเท้าเอวหันมองอย่างกังวล จ่าเจี๊ยบเหล่มอง แซว
“ท่าทางหมวดจะเป็นห่วงนายเชนมากนะครับ”
ปวันหันมาเห็นสายตาจ่าเจี๊ยบ
“นี่ เก็บสายตาแบบนั้นไว้จับผิดแฟนตอนมีกิ๊กเถอะ ฉันไม่ได้ห่วงอะไรนายสุดเฉิ่มนักหรอก แต่อยากรู้ว่าอีตาด็อกเตอร์มันมีแผนจะทำอะไร ถึงได้จงใจเรียกตัวนายเชนขึ้นไปบนเวที แล้วอุ้มไปไหนแล้วเวลานี้”
“สันนิษฐานว่ามันคงเอาไปเค้นคอ ว่าเอาตาลุงหนวดเจ้าของร้านเนรมิตไปซ่อนไว้ที่ไหนแน่ๆ เลยหมวด”
“งั้นต้องรีบเอาตัวนายเชนคืนมาให้เร็วที่สุด ฮอลล์การแสดงน่ะ มีประตูทางออกจากด้านอื่นอีกไหมจ่า”
“มีครับ ด้านโน้นกับด้านโน้น”
จ่าเจี๊ยบชี้ไปซ้ายขวาอยู่คนละฟากกันเลย ทั้งสองจึงแยกกันไป
ปวันรีบวิ่งออกจากตึกมาดูที่ประตูด้านข้างที่เชื่อมจากใต้เวทีจากฮอลล์การแสดง แล้วก็เห็นที่มุมไกลนารีกำลังคุมสมุน 4 คนเข็นกล่องคริสตัลขังเชนออกมาจากประตูข้าง กำลังดันขึ้นรถแวนขนาดใหญ่
ปวันรีบวิ่งกลับไปยังรถตัวเองที่จอดอยู่ลานจอดใกล้ๆ ขณะที่นารีสั่งให้ลูกน้องปิดล็อคประตูแน่นหนา แล้วรีบขับรถออกไปอย่างเร็ว นารียืนมอง แล้วหันกลับเข้าประตูไป ปวันรีบขึ้นรถ พูดสมอลล์ทอล์คบอกจ่าเจี๊ยบ
“จ่าเจี๊ยบ นายเชนถูกอุ้มขึ้นรถไปแล้ว ฉันจะตามไปนะ จ่าอยู่ที่นี่ ดูสถานการณ์ มีอะไรฉันจะติดต่อมา แค่นี้นะ”
ปวันดึงสมอลล์ทอล์คออกจากหู มองรถตู้ที่กำลังขับไป เธอรีบขับรถตาม
ตฤณยืนไม่ติด มองไปที่เวทีอย่างรอคอยว่าเชนจะกลับขึ้นมาบนเวทีเมื่อไหร่ แต่ดร.อาทิตย์กลับกล่าวปิดโชว์ โดยไม่เอ่ยถึงเชนอีกเลย
“หวังว่าพลังศรัทธาในวันนี้ จะทำให้ทุกท่านกลับไปอย่างมีความสุข จนกว่าจะพบกันใหม่ที่เดอะซันฮอลล์แห่งนี้ ศรัทธา ศรัทธา”
คนทั้งฮอลล์ลุกขึ้นตะโกนร้องศรัทธาๆ พร้อมกัน 3 ครั้ง ดร.อาทิตย์เดินถอยหลังเข้าสู่เงามืดบนเวที เหลือแต่เจนจิรายืนยกมือไหว้อำลาผู้ชมบนเวทีคนเดียว คนพากันลุกเดินออกไปจากฮอลล์ ทั้งประมุขและเด็กๆ จันทร์เจ้าและกังฟู แต่ตฤณยังยืนชะเง้อรอเชนอยู่ จนคนออกจากฮอลล์ไปแทบหมดแล้ว ตฤณเห็นเจนจิราเดินลงมาจากเวที ก็รีบปรี่เข้าไปหา
“เชนล่ะเจน”
“เชน เชนก็ทำงานอยู่บนตึกโน่น มาหาอะไรในนี้ห่ะตฤณ มุกนี้ ไม่ได้ผล”
เจนจิราเซ็ง เดินหนี
“ตัวเองก็เอาแต่คิดว่าเขาทำอะไรงี่เง่า วันๆ คิดแต่จะตามตื้อตัวเอง ตะเองน่ะ รู้อะไรบ้าง คิดเหรอว่าที่ด็อกเตอร์อาทิตย์เอาตะเองมาร่วมงานด้วย เขาหวังดี ไม่ได้หวังผลอะไรตอบแทนจากตะเอง”
เจนจิราหยุดเดิน หันมามองตฤณอย่างฉุนๆ
“จะกล่าวหาอะไรใคร มันต้องมีหลักฐานนะตฤณ”
“หึ หลักฐานเหรอ อ่ะนี่ ดูซะ”
ตฤณหยิบมือถือขึ้นมาเปิดคลิปส่งให้เจนจิรา เจนจิราไปดู เห็นภาพเชนอยู่ในกล่องคริสตัลบนเวที ดร.อาทิตย์ทำมือเหมือนปล่อยพลังเข้าใส่กล่องคริสตัล ไฟทุกดวงในฮอลล์พุ่งใส่ไปที่กล่อง แสงสว่างจ้าจนทุกคนต้องยกมือกันแสงเข้าตา แล้วกล่องก็หายวับไปกับตาทุกคนบนเวที เจนจิราเห็นแล้วก็นึกย้อน ที่เห็นสมุนดร.อาทิตย์เข็นกล่องคลิสตัลที่มีคนนอนอยู่ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“คนที่นอนในกล่องนั่น เป็นเชนเองเหรอเนี่ย”
“ตะเองเห็นเชนเหรอเจน”
เจนจิราพยักหน้า
“เขาเห็นอยู่ใต้เวที”
ดร.อาทิตย์ยืนพูดกับนารี อินทุ มีสมุนรายล้อม
“หึๆๆ ไอ้นี่มันอึดเกินมนุษย์ เจอยากล่อมประสาทอย่างแรงเข้าไป ยังฝืนสติอยู่ อีกไม่เกินชั่วโมง ยาคงหมดฤทธิ์”
“กำชับแล้วค่ะ ว่าให้รีบพามันไปที่เซฟเฮ้าส์ให้เร็วที่สุด ถึงแล้วให้รีบรายงานมาทันที”
ดร.อาทิตย์พอใจ
อินทุมองไป เห็นเจนจิราพาตฤณเดินเข้าประตูใต้เวทีเข้ามา เลยรีบบอกดร.อาทิตย์
“นายครับ”
ดร.อาทิตย์หันไปมอง เห็นตฤณเดินปรี่เข้ามา
“เชนอยู่ไหน”
“เชน อ๋อ ไอ้หนุ่มที่ถูกเรียกขึ้นมาบนเวทีคนนั้นน่ะเหรอ”
“ก็คนนั้นแหละ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
เจนจิราต้องรีบห้าม
“ตฤณ ให้ฉันถามเองเถอะนะ ด็อกเตอร์คะ เมื่อกี้ฉันเห็นเชนนอนอยู่กล่องคริสตัล มีคนเข็นผ่านไปทางนี้ เห็นคุณนารีเดินตามไปด้วย”
“เหรอ นารี”
ดร.อาทิตย์ทำเป็นหันไปถามนารี
“โชว์เสร็จแล้ว เขาก็กลับไปแล้วนี่คะ ฉันแค่ให้คนเข็นไปส่งเขาที่ทางออก”
“ทำไมต้องเข็น ทำไมเชนไม่เดินเอง”
ตฤณถามร้อนใจ
“เป็นบริการพิเศษจากเราค่ะ”
“อย่ามาแถ พวกคุณทำอะไรเชน”
ตฤณก้าวเข้าไปเผชิญหน้ากับดร.อาทิตย์
“คุณนั่นแหละอย่ามาก่อกวนพวกเรา หลีกทาง”
“ผมจะไม่หลีกไปไหน จนกว่าคุณจะบอกว่าเอาเชนเพื่อนของผมไปไว้ที่ไหน”
ตฤณยืนไม่กลัวเกรง เจนจิราอึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นตฤณเอาจริง เลิกขี้เล่น
“หึ กล้ามีปัญหากับด็อกเตอร์อาทิตย์”
“แล้วทำไมผมจะไม่กล้า ในเมื่อผมมีศรัทธา”
ตฤณประชดใส่ ดร.อาทิตย์ฉุนกึก
“แก”
อินทุกับนารีจะเข้าจัดการกับตฤณ แต่ประมุขเดินเข้ามาเสียก่อน
“ด็อกเตอร์ โชว์วันนี้สุดยอดมาก ได้ข่าวว่าแม่เศรษฐีนีน้ำเพชรขายที่ได้ไปแล้วหลายแปลง นี่ ขึ้นไปให้นักข่าวสัมภาษณ์หน่อย เกี่ยวกับรายการที่ทำกับคุณเจน สัมภาษณ์ยังไงก็ได้ให้สปอนเซ่อร์เข้ามาซื้อโฆษณาเยอะๆ อ้าวคุณเจน ไปๆ นักข่าวรออยู่”
ดร.อาทิตย์กับเหล่าสมุนเดินไป ตฤณจะตาม แต่เจนจิรายั้งไว้
“เชนอาจจะกลับไปทำงานแล้วก็ได้ ให้สัมภาษณ์เสร็จแล้ว เขาจะมาหานะ”
เจนจิรารีบเดินตามประมุขกับพวกดร.อาทิตย์ไป ตฤณหันเดินมองหาเชนไปตามทางเดินใต้เวที
“เชน เชน”
ดร.อาทิตย์แอบเหลียวมามองตฤณ ยิ้มเยาะ
ตฤณยังคงตามหาเชนด้วยความเป็นห่วง เจอทีมงานเดินผ่านมา เลยเข้าไปถาม
“พี่ๆ เห็นผู้ชายที่ขึ้นเวทีกับดร.อาทิตย์ป่ะ”
ทีมงานสะดุ้ง ทำตัวล่อกแล่ก
“ไม่รู้ ไม่เห็น กลับไปแล้วมั้ง”
ทีมงานรีบๆ ตอบ แล้วรีบเดินออกไป ตฤณรู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่
“ตอบธรรมดาก็ได้นี่หว่า ทำตัวมีพิรุธขนาดนั้นทำไมวะ”
ตฤณยิ่งไม่สบายใจ เดินหาเชนต่อ เปิดประตูนั้นประตูนี้ เห็นช่องลับต่างๆ
“คนทั้งคนจะหายไปได้ไง เชน นายอยู่ไหนวะ”
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 6 (ต่อ)
เชนโดนปิดตา ส่งเสียงอู้อี้
“คราย ครายปิดไฟ ทำไมมันมืดอย่างเน้”
เชนถูกใส่กุญแจมือ ใส่หมวกไหมพรมปิดหน้า
“ที่นี่ที่หนาย ทำไมเสียงเชนอู้อี้แบบนี้ นี่เชนเป็นหวัดเหรอ เอ้ย เชนไม่เคยเป็นหวัด เอ หรือเชนเป็นหวัด คุณหมอคร้าบ ฉีดยาให้เชนที”
เชนโวยวายเหมือนคนไม่ค่อยมีสติ เป็นเพราะฤทธิ์ที่ถูกสะกดจิตบวกกับยากล่อมประสาท
ปวันขับตามมา มองไปที่รถแวนสีดำคันข้างหน้า
“นายเชน ถ้านายเป็นอะไรก่อนที่ฉันจะรู้ว่านายเป็นใคร ฉันตามไปหักคอนายแน่”
เชนคลำไปรอบๆ ทั้งที่ยังมองไม่เห็น พบว่ามีผนังอยู่เกือบทุกด้าน เขาพยายามทั้งทุบ ทั้งเคาะ แล้วก็ดิ้น จะออกไปให้ได้ พลันได้ยินเสียงคนคุยกัน
“ก็บอกแล้วว่าให้ขับดีๆ รถกระแทกจนมันฟื้นแล้วเห็นไหม”
“ก็โช้คอัพมันแข็งดีนี่พี่”
จังหวะนั้นรถก็กระเด้งๆ เชนรับรู้ถึงแรงสะเทือน
“ใครอยู่ข้างนอก เปิดประตูให้เชนที เชนอยู่ตรงนี้ เปิดไฟให้เชนด้วย สายลับเชนอยู่ในความมืด แล้วคนอื่นจะมองไม่เห็น เปิดไฟให้เชนที เชนต้องไปปราบเหล่าร้ายใจทมิฬ”
“เอาไงดีพี่”
“ทำให้มันเงียบสิวะ”
เชนได้ยินเสียงกุกกักๆ สักพัก ก็มีแสงรำไรลอดเข้ามาผ่านเส้นใยหมวก
“ประตูเปิดแล้ว เชนจะออกไป”
เชนพูดปุ๊บก็พุ่งตัวขึ้นปั๊บ หัวกระแทกคางสมุน จนหน้าหงายไป ส่วนเชนที่พุ่งขึ้นมาสุดตัวก็ชนกับหลังคารถ
“ใคร ใครบังอาจมาทำร้ายเชน”
เชนตั้งการ์ดทั้งที่ยังใส่กุญแจมือ สมุนพยายามเข้ามาจับตัวเชนไว้ สมุนโดนเชนเหวี่ยงหมัดโดนที่แก้มเกือบสลบ
สมุนหัวหน้าเห็นลูกน้องตัวเองไม่ได้เรื่อง ก็ปีนข้ามเบาะมาหมายจะจัดการกับเชนด้วยตัวเอง
สมุนพับเบาะแถว 2 ลง กำลังจะต่อยเชนซึ่งกำลังเงอะงะเพราะมองไม่เห็น แต่ทันใดนั้น รถก็เบรกกะทันหัน สมุนหัวหน้าหงายหลัง โวยทันที
“จะเบรกทำไมวะ”
“ก็มันไฟแดงนี่พี่ ฝ่าไฟแดงสมัยนี้มีจดหมายทวงค่าปรับถึงบ้านเลยนะ”
สมุนหัวหน้าหัวเสีย ก่อนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่อยู่บนตัว เชนล้มหัวทิ่ม ชนกับอกของสมุนหัวหน้าพอดี
“เบาะนี่นุ่มดีจัง”
เชนลูบๆ ที่อกสมุน สมุนแอบทำหน้าเคลิ้มนิดๆ แต่สักพักก็ตั้งสติได้ ผลักเชนออกไป เรียกสมุนอีกสองคน
“เอ๊ย อยู่เฉยทำไมวะ จัดการมันสิ”
สมุนอีก 2 คนจะเข้ามารุมเชน เกิดการมะรุมมะตุ้มกันในรถเล็กน้อย ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นเขียว รถลูกน้องดร.อาทิตย์ออกตัวเร็ว ทุกคนล้มกลิ้งระเนระนาด แม้ว่าเชนจะมองไม่เห็น แต่ก็สามารถป้องกันตัวได้ สมุน เห็นลูกน้องตัวเองเพลี่ยงพล้ำ ก็เลยกระชากเชนจากด้านหลัง เชนสับมือลงที่แขนของสมุน สมุนพยายามจะดึงตัวเชนไว้ด้วยการดึงหัว แต่เชนเบี่ยงตัวออก ทำให้กลายเป็นว่าสมุนช่วยดึงหมวกออกให้
“เชนมองเห็นแล้ว”
รถปวันตามติด เห็นรถแวนส่ายไปส่ายมา งงว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะนั้น มีโทรศัพท์เข้ามา ปวันเหลือบมอง
“ใครโทรมาตอนนี้ สวัสดีค่ะ ใช่ค่ะ ปวันกำลังพูด อะไรนะคะ”
มีรถบรรทุกแล่นมาตัดหน้ารถปวันกับรถดร.อาทิตย์ ปวันโวยวาย
“เอ๊ย ขับรถภาษาอะไรวะ อ๋อ เปล่าคะ ฉันไม่ได้พูดกับคุณ”
ปวันพยายามจะแซงขวา แต่ก็มีรถเก๋งอีกคันเร่งความเร็วขึ้นมาไม่ให้แซง เธอโวยอีก
“เอ๊ย น้ำจงน้ำใจไม่มีเลยหรือไงวะ ก็บอกแล้วไงวะ คะ ว่าไม่ได้พูดกับคุณ”
ปวันพยายามชะเง้อคอมองรถดร.อาทิตย์ แต่ก็โดนรถอีกสองคันบัง
“นี่คุณ เรื่องประกันรถน่ะ เดี๋ยวฉันไปต่อเอง อย่าโทรมาตื๊ออีกนะ แค่นี้นะ”
ปวันกดตัดสายไปอย่างหงุดหงิด พยายามมองหารถดร.อาทิตย์ แต่ก็มองไม่เห็น
เชนกำลังต่อสู้ สมุน 3 คน พยายามจะจับเขา
“ไม่ๆ เชนไม่ฉีดยา เชนไม่เป็นหวัดแล้ว เชนหายแล้ว”
เชนสะบัดตัวออกจากคนที่เข้ามาจับ หลบๆ อีรุงตุงนัง มือไปโดนปุ่มเลื่อนกระจกลง เชนรีบชะโงกตัวออกไปหวังจะหนี พร้อมตะโกน
“ตื่นเถิดชาวไทย อย่าหลับใหลลุ่มหลง”
สมุน 3 คนต้องช่วยกันดึงตัวเชนเข้ามา ล็อคแขน จับขา
“ฤทธิ์เยอะไปแล้วนะมึง”
สมุนทุบท้ายทอยเชน เชนน็อคไปทันที
รถปวันติดอยู่ตรงสี่แยก เธอมองซ้ายที ขวาที ไม่รู้ว่าเชนไปทางไหน
“นายเชน นายเก่งนักไม่ใช่เหรอ บอกฉันสิ นายไปทางไหน”
ปวันเหลือบไปเห็นรถสมุนดร.อาทิตย์อยู่ทางคู่ขนานกำลังวิ่งสวนทางรถเธอไป ปวันรีบออกรถทันที เร่งเครื่องเต็มที่
ตฤณออกมาจากเดอะซันฮอลล์ ถามทุกคนที่ผ่านว่าเห็นเชนไหม ขณะนั้น ดร.อาทิตย์ เจนจิรา ประมุข อินทุ นารี ออกมาจากลิฟต์พอดีหลังจากเปลี่ยนชุดแล้ว ตฤณหันไปเห็นไกลๆ ประมุขจับมือดร.อาทิตย์ ยิ้มแย้มให้กัน ตฤณรีบปรี่เข้าไป
“ไอ้ด็อกเตอร์ เอาเชนไปไว้ที่ไหน”
ตฤณถามเสียงดัง คนอื่นๆ แถวนั้นหันมามอง
“เอ๊ยๆ มาขึ้นไอ้ขึ้นอีกับด๊อกเตอร์อย่างนี้ได้ไง” ประมุขขวาง
“ไม่เป็นไรๆ ที่เขาพูดจาแบบนี้ เพราะเขาไม่มีศรัทธา คนไม่มีศรัทธา ก็ไม่น่ารัก ไม่น่าคบ ไม่เป็นที่ต้องการของใครแบบนี้แหละ”
ดร.อาทิตย์พูดนิ่งๆ จี้จุดให้ตฤณของขึ้น ตฤณโมโห
“ศรัทธาจอมปลอมแบบนี้ใครมันจะอยากมีล่ะวะ ไอ้พวกมือถือสากปากถือศีล สร้างภาพเป็นคนดี ที่แท้ก็พวกต้มตุ๋นหลอกลวงคนอื่น”
ตฤณจะเข้าไปประชิดตัวดร.อาทิตย์ แต่สมุนดร.อาทิตย์สองคนเข้ามาล็อคตัวตฤณไว้เสียก่อน แล้วโยนตฤณลอยไปกองกับพื้น เจนจิราเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดี รีบตัดบทเพื่อช่วยตฤณ
“ตฤณ พอแล้ว ขอโทษแทนเพื่อนเจนด้วยนะคะ มานี่เลย”
เจนจิรารีบลากตฤณไปอีกทาง ประมุขมองตาม
“คนที่ปล่อยให้อารมณ์เป็นใหญ่เขาว่าจะไม่เจริญ เจนจิราไม่น่าลดตัวไปคบค้าสมาคมด้วยเลย”
“เดี๋ยวคุณเจนก็ตาสว่าง ผมมีธุระต่อ ต้องรีบไปแล้วล่ะ”
ดร.อาทิตย์ออกไป
เจนจิราลากตฤณไปคุยที่มุมหนึ่ง
“ตัวเอง ใจเย็น ตั้งสติหน่อย นี่ตัวเองกำลังทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่นะ”
“ไอ้อาทิตย์มันเอาเชนไปแน่นอน เชื่อผมสิเจน”
“เชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่สำคัญหรอก แต่ทำตัวให้ฉลาดหน่อย อย่าผลีผลามจนทำให้ทุกอย่างมันพังกันไปหมด”
ตฤณอึ้ง รู้สึกสิ้นหวัง
ปวันขับรถมาจอดหน้ารั้วแห่งหนึ่ง เห็นรถแวนเพิ่งขับเข้าไป มีป้ายติดข้างหน้าว่า “เขตก่อสร้าง ห้ามเข้า” เธอมองสำรวจจากในรถ กวาดตามองไปรอบๆ ข้างในดูร้างๆ
ในโรงยิม มีสมุนรออยู่อีก 6 คน เชนยังคงสลบอยู่ ถูกเอาตัวออกมาจากรถ สมุนพลิกหน้าเชนไปมา
“หล่อดีนี่หว่า เหมือนพระเอกในหนังทีวีสมัยยังเด็กๆ เลย”
ปวันแอบปีนข้ามรั้วเข้ามาด้านใน มีหลายตึก งงว่าอยู่ตึกไหน แต่เห็นรถแวนจอดอยู่ใต้โรงยิม เธอย่องๆ เข้าไป จนมาถึงโรงยิม ได้ยินเสียงตุบๆ ตับๆ คิดว่าเชนโดนซ้อมแน่ๆ เป็นห่วง หาช่องทางจะเข้าไปหา เหลือบเห็นประตูเล็กๆ ด้านหลัง ก็รีบเข้าไป
ปวันแอบหลังผนัง ยื่นหน้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นผู้ชายนับสิบคน มุงๆ กัน โยนบาสลงห่วงอย่างสนุกสนาน
“นักกีฬาเหรอ”
แล้วกลุ่มคนก็แหวกออก เห็นเชนถูกจับห้อยลงมาจากแป้นบาส ถูกใส่กุญแจมือ ลูกสมุนไม่ได้โยนบาสลงห่วง แต่อัดลูกบาสใส่ร่างของเชนที่ห้อยต่องเต่ง
“บอกมา ว่าแกเอาเจิด พันแสงไปไว้ที่ไหน”
เชนยังคงเงียบ ไม่ตอบ
“เจิด พันแสงเหรอ”
ปวันตั้งท่าจะเข้าไปช่วยเชน แต่ก็ต้องชะงัก เมื่ออยู่ๆ ยามคนหนึ่งจ่ออาวุธที่ด้านหลังเธอ ปวันจะเหลือบมองดู ยามก็ตวาด
“อย่าขยับ ยกมือขึ้นช้าๆ”
ปวันจำต้องทำตาม
ขณะเดียวกัน เชนพยายามหลบลูกบาส สมุนหัวเราะสะใจ สนุกสนาน เชนมองเชือก หาทางดิ้นให้หลุด เขาเหวี่ยงตัวแรงๆ เพื่อเชือกจะได้ขาด แล้วปวันก็ถูกพาตัวเข้ามาในโรงยิม
“พี่ มีแขกไม่ได้รับเชิญว่ะ”
ขณะที่ทุกคนหันไปดูปวัน เชนยกตัวขึ้น ใช้มีดที่อยู่ใต้รองเท้า พยายามตัดเชือก
“กล้ามาคนเดียว ประมาทไปรึเปล่าน้องสาว”
เชนพยายามจนเชือกขาด เขาตกลงมาบนพื้น ทุกคนหันกลับมา ตกใจที่เห็นเชนลงมาได้ ปวันฉวยจังหวะนั้น เบี่ยงตัวแล้วหมุนตัวกลับดึงอาวุธจากคนข้างหลังแล้วต่อยหน้า แต่ก็พบว่าอาวุธนั้นไม่ใช่ปืน
“กระบอง กล้าเอากระบองมาขู่ฉันเหรอ”
ปวันโจมตียามกลับด้วยกระบอง ยามสลบเหมือด ส่วนเชนพุ่งตรงไปยังพวกสมุน
“เชนไม่ใช่เป้านิ่งของใคร เชนมีเลือดเนื้อ เชนมีหัวใจ เชนมีจิตวิญญาณเหมือนคนทั่วไป”
ลูกบาสลอยมากระแทกหัวเชนทางด้านหน้า เชนล้มตึง มึนๆ เสียงอ่อย
“เชนก็เจ็บเป็นนะ”
สมุนคนหนึ่งมายืนอยู่ตรงปลายเท้า พร้อมปืนในมือ กำลังจะยิงเชน ทันใดมีลูกบาสโดน
เขวี้ยงไปที่สมุน โดนเป้ากางเกงพอดี สมุนจุกจนหน้าเขียว ปืนหล่น
“อุ๊ย ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ จะให้โดนปืนดันไปโดน” ปวันขำเยาะ
เชนกำลังจะลุกขึ้น สมุนถีบเชนจากด้านหลัง เขากระเด็นไป สมุนไม่รีรอ เข้ามาล็อคตัวเชน
สมุนอีก 3 คนเข้ามาเล่นงานปวัน
เชนเอาหัวกระแทกหน้าผากคนข้างหลัง สมุนปล่อยมือ แต่สมุนที่อยู่ข้างหน้าก็ไม่รีรอ ต่อยอัดหน้าเชน จนล้มไปอีก สมุนตามมาซ้ำ เตะเข้าที่ซี่โครง เชนน่วม แต่ก็โดนปวันกระโดดถีบ บางจังหวะเชนลุกแทบไม่ไหว แต่ก็ยังพยายามช่วยด้วยการโยนลูกบาสก่อกวน
“อย่าทำอะไรผู้หญิงนะ”
สุดท้ายปวันซัดสมุนจนหมอบทั้งหมด
“มีแค่ไม่กี่คน ประมาทไปรึเปล่าพี่ชาย”
ปวันรีบเข้ามาหาเชนซึ่งนอนน่วมอยู่ที่พื้น
“เป็นไงบ้างเนี่ย”
“จนบัดนี้เชนก็ยังไม่เชื่อว่าเชนจะเจ็บได้ขนาดนี้ เชนเจ็บจุงเบย”
ยังมีฤทธิ์ยาอยู่บ้าง เชนเลยมึนๆ ทำเป็นซบอ้อนปวัน ว่าตัวเองอ่อนแอมาก ไม่ไหวแล้ว ปวันเอานิ้วผลักหัวเชนออกไป มองเชนแล้วก็ถอนหายใจ โทรศัพท์มือถือของสมุนดังขึ้น
ดร.อาทิตย์ยืนรอสายโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่ง อินทุ นารี ยืนรอฟัง
“ไอ้เชนเป็นยังไง มันบอกหรือยังว่าไอ้เจิดอยู่ไหน”
ดร.อาทิตย์นิ่งมาก เมื่อได้ยินคำตอบจากสมุน แววตาโกรธจัด
“หา แกไปตายซะ ฟังฉันนะ แกสมควรตาย หยิบปืนที่อยู่ใกล้ที่สุดขึ้นมา แล้วจ่อไปที่หัวแก เหนี่ยวไก เดี๋ยวนี้”
“ปัง”
เสียงปืนดังลั่นออกมาจากหูโทรศัพท์ ดร.อาทิตย์นิ่ง วางหูโทรศัพท์ หันกลับมาที่อินทุและนารี
“มันมีผู้หญิงมาช่วย”
“ผู้หญิงเหรอ”
อินทุหันมองนารี นารีนึกออกทันทีว่าใคร
“ผู้หมวดปวันสินะ”
ดร.อาทิตย์แค้นมาก
“ผู้หมวดปวัน”
รถของเจนจิราแล่นมาจอดหน้าบ้าน ตังตังกินอาหารกล่องวิ่งออกมารับ
“หนึ่ง สอง อ้าว แล้วเชนไม่ได้กลับมาด้วยเหรอคะ”
“ไอ้ดร.อาทิตย์มันจับเชนไปแน่ๆ”
“แต่พวกเขาบอกว่าเชนกลับไปแล้วนะ”
“ตัวเองไปหลงเชื่อพวกมันได้ไง แต่ตัวเองก็ตั้งหน้าตั้งตาจะเป็นฝ่ายตรงข้ามเขาตลอดเวลาอยู่แล้วนี่”
“โอเคๆๆ เชนหายไป แล้วน้าสองคนก็ทะเลาะกันได้ทุกเวลา แต่ไม่มีใครสนใจจะช่วยเชนเลย งั้นตังตังจะไปเอง”
เจนจิราขวางไว้
“ตังตัง ใจเย็นๆ”
“เห็นไหม เขาบอกตัวแล้ว ว่าตังตังไม่ยอมแน่ๆ บ้านแตกแน่ๆ”
“เพราะตัวเองเป็นผู้ปกครองที่ไม่เอาอ่าวน่ะสิ ตังตังซะอีก เป็นเด็กก็จริง แต่มีอีคิวดีกว่าตัวเองมากนัก จริงไหม ตังตัง ตังตังเป็นเด็กมีเหตุผล ตังตังต้องรู้สิ ว่าเราจะไปรู้ได้ไง ว่าจะไปตามเชนเจอที่ไหน จะบุกไปบ้านดอกเตอร์หรือไง มีแต่คนโง่เท่านั้น ที่จะทำแบบนั้น”
“แต่ ถ้าเชนเป็นอันตรายล่ะคะ”
“ตังตังว่า ระหว่างพวกเรา สามคนนี่ กับเชนคนเดียว ใครเก่งที่สุด”
“น่าจะเป็น เชนนะคะ”
“นั่นสิ เพราะฉะนั้น อย่าตื่นตูม ต้องใจเย็น ต้องรอจนกว่าจะรู้อะไรเพิ่มมากกว่านี้ เรื่องดร.อาทิตย์..เดี๋ยวน้าจะพยายามติดตามความเคลื่อนไหวเอง”
“น้าเจนทำได้หรือคะ”
“น้าจะพยายาม เชื่อน้านะ น้ากลับก่อนนะจ๊ะ แล้วพรุ่งนี้ น้าจะหาทางไปสืบให้ พรุ่งนี้สถานการณ์อาจเปลี่ยนไป ตังตังนอนหลับไปทีหนึ่ง พรุ่งนี้ตื่นมา เชนอาจจะกลับมาแล้วก็ได้”
“ตังตังนอนหลับไปทีหนึ่งเหรอคะ แต่น้าเจนคะ คืนนี้ ตังตังคงกลุ้มใจจนนอนไม่หลับแน่”
“นอนไม่หลับ ก็ต้องฝืนข่มตาข่มใจให้หลับสิ” ตฤณพูดแทรก
ตังตังมองหน้าตฤณเอือมๆ แล้วเมิน เข้ามากอดเจนจิรา
“น้าเจนคะ ถ้าตังตังอยู่กะน้าตฤณสองคน ตังตังต้องประสาทเสียตายแน่ๆ น้าเจนอยู่กับตังตังหน่อยได้ไหมคะ ตังตังต้องการความอบอุ่นจากญาติผู้ใหญ่ ที่เป็นผู้หญิง แล้วฉลาดๆ อ่ะค่ะ”
ตฤณอึ้ง เจนจิรามองหน้าตังตัง ใจอ่อนยวบ ดึงตังตังมากอด ตังตังกอดเจนจิราแน่น ตฤณมอง ใจละลาย
ปวันพาเชนมาที่บ้านของเธอ ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆ ธรรมดา
“โอ๊ย”
เชนร้องดังลั่น ขณะปวันกำลังทายาให้ หน้าเชนบวมปูดเพราะโดนลูกบาสกระแทกไป และเขายังใส่กุญแจมืออยู่
“ปวกเปียกอะไรขนาดนี้ แมนจริงป่ะเนี่ย”
“ก็เชนเจ็บอ่ะ”
เชนพยายามพูดเสียงน่ารัก ปวันหมั่นไส้ เอาสำลีกดไปตรงหน้าที่บวมๆ เชนร้องอีก
“แอ๊บอะไรให้มันเข้ากับหน้าหน่อยนะ”
“แอ๊บ ทักษอร”
“ฮะ”
“นางเอกยุคนี้ไง ไม่รู้จักเหรอ หวายๆ ไปอยู่ไหนมาเนี่ย”
เชนล้อๆ ปวันกลอกตา ทั้งรำคาญทั้งหมั่นไส้ เท้าเอวมอง
“เชย น้องแอ๊ฟเขาแต่งงานไปแล้ว เดี๋ยวก็มีลูกแล้วย่ะ เพ้อมากไปป่ะ สมองกลับหรือไง”
“กลับไปไหน เพิ่งมาเอง”
ปวันชักจะทนไม่ไหว มองไปรอบๆ
“หาอะไรมาฟาดให้สมองมันเข้าที่ดีไหมเนี่ย”
เชนส่ายหน้าดิก แกล้งทำหน้ากลัวๆ จังหวะนั้นมีโทรศัพท์เข้ามาหาปวัน ปวันรับ
“ว่าไงจ่าเจี๊ยบ”
เชนตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย ผู้หญิงใจร้ายจับเชนเอาไว้ ช่วยเชนด้วย”
“เสียงใครอ่ะหมวด”
ปวันรีบยื่นมือไปปิดปากเชน
“จ่ามีไร รีบพูดมา”
เชนเอี้ยวตัวหลบมือที่ปิดปาก แล้วร้อง
“ไขกุญแจมือให้เชนด้วย เชนเจ็บ”
“มีกุญแจมือด้วย” จ่าเจี๊ยบงง
ปวันทนไม่ไหวแล้ว ผลักเชนล้มลงไปนอนคว่ำ แล้วเอาหมอนปิดหน้าเชน ไม่ให้พูด เชนดิ้นๆ ปวันก็คอยกดไว้
“จ่า ว่ามา จับตัวพวกมันได้ไหม”
“ไม่ได้อ่ะดิหมวด พอไปถึงที่โรงเรียนตามที่หมวดบอกก็ไม่เจอใครเลย ไม่มีร่องรอยอะไรเลยด้วย พวกมันคงรู้ตัวเลยหนีไปแล้ว”
“งั้นจ่าไปสืบมา ว่าโรงเรียนนั่นเป็นของใคร มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับด็อกเตอร์อาทิตย์หรือเปล่า”
“ครับ หมวด ยังไม่ค่ำมืดเลย อย่าหักโหมนะ”
ปวันโมโห กดตัดสายไป ปล่อยเชน แต่เชนนอนนิ่ง ไม่ขยับ ปวันตกใจ
“นายเชน”
ปวันรีบเขย่าตัวเชน จับเชนนอนหงาย เขายังนิ่ง เธอเอามืออังจมูก ไม่หายใจ ปวันรีบร้อนเอาลูกกุญแจมาไขกุญแจมือให้เชน เชนเป็นอิสระ แอบยิ้ม จังหวะนั้น มีเสียง คลิก ดังจากด้านหลัง แล้วเชนก็ถูกจับให้ตะแคงตัว ปวันใส่กุญแจมือข้างหนึ่งที่มือเชน เอามือเขาไพล่หลัง แล้วกดตัวเชนลงกับเตียง เปิดโคมไฟหัวเตียง เอามาส่องหน้าเชน
“นายเป็นใคร ต้องการอะไร แล้วด็อกเตอร์อาทิตย์จับตัวนายไปทำไม เกี่ยวกับเจิด พันแสง ใช่ไหม นายเอาเจิด พันแสงไปไว้ไหน”
ปวันคาดคั้นเสียงโหด เชนหยีตา
“แสงเดียวก็แสบตาจะแย่แล้ว เอาไปทำไมตั้งพันแสง”
“อย่า กวน ประสาท ฉัน”
“เชนเปล่า เชนไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลยนะ”
“นายเชน ถ้านายไม่ยอมพูดดีๆ ก็อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยนายไปง่ายๆ”
“ดีดี พูดแล้วครับ ปล่อยได้หรือยัง”
ปวันเหลืออด ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเชนดี กระแทกเชนกลับไปที่เตียง
“ลองถูกขังอยู่ในห้องนี้สักคืนละกัน ดูสิว่าจะยอมพูดไหม”
ปวันเดินไปที่ประตู อยู่ๆ เชนก็ร้องเป็นเพลงออกมา
“กักขัง ฉันเถิด กักขังไป ขังตัว อย่าขังหัวใจดีกว่า”
ปวันหันขวับมามอง เชนร้องต่อ อินกับการโชว์ลูกคอมาก ปวันยิ่งหงุดหงิด กำมือแน่นอยากซัดเชนสักหมัด เชนมองสบตาปวัน
“เชิญคุณลงทัณฑ์ บัญชา ให้สมอุราให้สาแก่ใจ”
“เชื่อเขาเลยเว้ย”
ปวันสะบัดหน้าออกจากห้องไป กระแทกประตูปิด เชนยังร้องเพลงต่อ
ตอนค่ำ เจนจิราใส่ผ้ากันเปื้อนทำอาหาร ตฤณช่วยยกอาหารมาวางที่โต๊ะ ตังตังช่วยจัดโต๊ะ ทุกคนช่วยกัน ตังตังให้เจนจิราป้อนข้าวให้ตฤณ เจนจิราแกล้งตักซุปร้อนๆ ควันโขมงให้ ตฤณซดเข้าไปก็ลวกปาก เจนจิรากับตังตังขำ ตฤณกินข้าวเยอะมาก ท่าทางเอร็ดอร่อย จนตังตังทัก
“พวกเราเหมือนพ่อแม่ลูกเลยนะคะ ถ้าครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ ลูกๆ ก็มีความสุข”
ผู้ใหญ่อึ้ง
“ตังตังอยากสมมุติให้พวกเราเป็นพ่อแม่ลูกกันจัง น้าตฤณ น้าเจน แกล้งเป็นพ่อแม่ตังตังได้ไหมคะ อย่างน้อย ก็อาจจะทำให้ตังตังนอนตาหลับในคืนนี้ได้”
“ไร้สาระน่า ตังตัง”
“น้าเจนดูสิคะ น้าตฤณไม่เคยเข้าใจเด็กเลย น้าเจนเข้าใจใช่ไหมคะ เด็กๆ ทุกคนต้องชอบเล่นสมมุติทั้งนั้นแหละ น้าเจนเล่นเป็นแม่นะคะ คุณแม่ขา ลูกอยากเติมข้าวอีกค่ะ”
เจนจิราอึ้งไปนิด แล้วยิ้ม
“ได้สิจ๊ะลูก”
“ขอบพระคุณค่ะ คุณแม่”
“ลูกต้องรับประทานให้หมดนะคะ”
“ตังตัง ส่งน้ำปลาพริกมาให้น้าหน่อย”
ตังตังหันมา ทำเสียงสำทับตฤณ
“ลูกตังตังครับ คุณพ่ออยากได้พริกน้ำปลาครับ พูด”
ตฤณอึ้ง
“ไม่มีจินตนาการเล้ย นี่เหรอ ศิลปินนักเขียนการ์ตูน” เจนจิราเยาะ
“ลูกตังๆ ขอพริกน้ำปลาคุณพ่อหน่อย”
“ได้ค่ะ”
ทุกคนกินไปสักพัก
“เอ้า น้ำหมดละ”
“เดี๋ยวผมเอาให้ เจนเอาน้ำธรรมดา ไม่แช่เย็นเนาะ”
“แน่ะๆๆ คุณแม่ต้องบอกว่า พ่อคะ ขอน้ำดื่มให้แม่หน่อย แล้วคุณพ่อก็ต้องบอกว่า ได้จ้ะแม่ แล้วคุณแม่ก็ต้องบอกว่า เร็วๆ นะจ๊ะ ที่รัก”
เจนจิรากับตฤณอึ้ง
“ไม่สงสารเด็กตาดำๆ ที่กำลังกลุ้มใจหรือคะ”
เจนจิรานิ่งไปนิด แล้วหันไป ฉีกยิ้มหวาน
“พ่อคะ ขอน้ำดื่มให้แม่หน่อย”
“เอ่อ ได้จ้ะแม่”
“เร็วๆ นะคะ”
“จ้ะ”
ตฤณจะไป
“เดี๋ยวค่ะ ยังพูดไม่ครบนะคะ น้าเจน ตังตังรู้ ว่าน้าเจนฝืนใจ แต่น้าเจนก็ต้องใช้จินตนาการหน่อยสิคะ”
“อ้อ จ้ะ ต้องจินตนาการอย่างเยอะเลยล่ะ เร็วๆ นะคะ ที่รัก”
ตฤณมองเจนจิรา หน้าแดง เจนจิราก็เขินๆ รีบหลบตา
“จ้ะ ที่รัก”
“เฮ้อ แบบนี้ตังตังต้องนอนหลับสบาย หายกลุ้มใจแน่ๆ”
วิศวะกับเจิดง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่าง มีนะโมคอยช่วย ที่โต๊ะทำงาน มีหลอดทดลองมากมาย มีตำราวิทยาศาสตร์ เปิดกางไว้
“การเล่นแร่แปรธาตุ มันไม่ใช่ไสยศาสตร์ แต่เป็นปฐมบทของวิชาเคมี ที่จะเปลี่ยนแปลงธาตุหนึ่งให้กลายเป็นอีกธาตุหนึ่ง ตำราได้กล่าวไว้ว่าเป็นวิชาที่ได้รับการถ่ายทอดจากเทพเจ้าเฮอร์เมสในสมัยกรีก-โรมัน รวมทั้งแพร่หลายในอียิปต์โบราณด้วย” เจิดพูดขึ้น
วิศวะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาดู แล้วก็กลับมาลงมือสร้างต่อ
“ในทางวิทยาศสาตร์ สสารต่างๆ ในโลกล้วนประกอบไปด้วยธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ดังนั้นหากเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของธาตุทั้งสี่นี้ในสสารชิ้นใด เราจะเปลี่ยนสสารชิ้นนั้นได้”
เจิดแบมือขอเครื่องมือ นะโมหยิบให้
“ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจส่วนประกอบของธาตุในวัตถุชิ้นนั้น จากนั้นก็นำมาแยกส่วน แล้วค่อยเอามาสร้างใหม่”
“นั่นหมายความว่า หากเราเอาเศษกระจกของแว่นตาสามมิติทั้งหมดมาไล่ธาตุลม ดิน และน้ำออกไปจนเหลือแต่แก่นที่เป็นมวลสารแท้จริง แล้วเรานำแก่นมวลสารนั้นมาหลอมรวมกัน อีกครั้ง”
“เราก็จะได้แว่นตาที่พาเชนกลับสู่ที่ที่เขาจากมาได้”
เจิดกับวิศวะ มองตรงไปที่เตาปฏิกรณ์ที่หน้าตาเหมือนแบบที่สเก็ตซ์ไว้ในกระดาษ เจิดภูมิใจ
“เตาปฏิกรณ์ที่ใช้หลอมแว่นตาเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
“การเปลี่ยนแปลงโลกแบบบูรณาการ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วครับ ท่านอาจารย์”
เจิดพยักหน้า มั่นใจมากว่าต้องสำเร็จ ส่วนวิศวะตื่นเต้นอยากทดลองเต็มแก่
ตฤณ เจนจิรา ตังตัง เดินออกมาจากบ้าน ทั้งสามจับมือกัน มีตังตังอยู่ตรงกลาง
“ตังตังขอบคุณน้าเจนมาก ตังตังสบายใจแล้ว ถ้าครอบครัวทำให้เด็กๆ สบายใจ ปัญหาทุกอย่าง เราช่วยกันแก้ได้แน่ค่ะ”
“จ้ะ เราต้องมีสติ ใช้เหตุผล อย่าให้อารมณ์นะ พรุ่งนี้ เชนคงจะหาทางกลับมาจนได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดกับเขาก็ตาม”
“แค่ตังตังหลับไปคืนเดียว พรุ่งนี้ สถานการณ์ก็จะเปลี่ยนไป โอเคแล้วล่ะ ราตรีสวัสดิ์นะคะน้าเจน”
ตังตังยกมือไหว้แล้วิ่งปรู๊ดกลับเข้าบ้าน เหลือเจนจิรากับตฤณ
“ตังตังคงจะคิดถึงพ่อกับแม่มาก”
“ใช่ เพราะงั้น เราก็ควรเล่นเป็นพ่อแม่ลูกกันบ่อยๆ เนอะ”
ตฤณแอบหยอด แต่เจนจิราไม่ตอบอะไร ตัดบท
“เขากลับแล้วนะ”
“เป็นแม่อ่ะ ก็น่าจะอยู่ด้วยกันกับพ่อกับลูกน้า”
“มันแค่การเล่นสมมุติ ตฤณ”
เจนจิราบอกสั้นๆ แล้วเดินไปที่รถ ไม่หันกลับมาอีก ตฤณมองตาม ถอนหายใจ เศร้านิดๆ แล้วก็เงยหน้ามองดาว สุดท้ายก็ยิ้มออกมา
“สู้ๆ เว้ยไอ้ตฤณ ตราบที่ท้องฟ้ายังมีแสงทองส่องอำไพ นายก็ยังมีหวังเว้ย”
ตฤณหันมองซ้ายขวา กลัวเชนอยู่แถวนี้แล้วจะรู้ว่าเขาเอาสโลแกนเชนมาพูด
“แล้วนี่นายหายไปไหน นายเชน”
กลางคืน ปวันเปิดประตูเข้ามา เห็นเชนนั่งเก็กท่าเท่ๆ รออยู่ ท่าทางฤทธิ์ยาหมดลงแล้ว เชนกลับมาเป็นเชนคนปกติ ปวันกอดอกมองอย่างหมั่นไส้
“ท่าทางยากล่อมประสาทจะหมดฤทธิ์แล้ว”
“เชนไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่ร้อน”
“ลมพัดเย็นสบาย ไม่มีเหงื่อไคลรินไหลให้เหนอะหนะระคายผิวเลยสักนิด”
“ไม่หิว”
“ต่อให้อดข้าวอดน้ำมากกว่านี้อีกหลายวัน เชนก็ทนได้สบายมาก”
“ไม่ว่ายังไงก็จะไม่บอกว่าเป็นใคร”
“ต่อให้ทรมานเชนด้วยวิธีใด หรือต่อให้เชนเจ็บหนักปางตายสักแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรมาง้างปากเชนได้”
“นั่นสิ ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
“เริ่มฉลาดแล้วคุณตำรวจ”
“นายทำให้ฉันต้องคิดหนักมาก เพื่อจะหาจุดอ่อนของนายที่เหมือนว่ามันไม่มี แล้วฉันก็คิดได้ สิ่งที่คนอย่างนายน่าจะรักและหวงแหนที่สุด ก็คงเป็น ศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายของนาย ฉันก็เลยเตรียมของขวัญมาให้ เข้ามา”
เชนยังงงๆ ขณะที่นักกล้ามตัวใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามา เชนชะงัก มองไปที่กล้ามเป็นมัดๆ
“จะให้เขามาสู้กับเชนเหรอ”
“เปล๊า ไม่ได้ให้มาสู้ ฝากด้วยนะพี่”
“ได้เลยฮ้า”
เชนอึ้ง อ้าปากค้าง เข้าใจแล้วว่าปวันหมายถึงอะไร
“ไม่นะคุณ ไม่เอาวิธีนี้”
เชนร้องเสียงหลง นักกล้ามเข้ามาใกล้ วางมือที่ต้นขาเชน
“ไม่ ไม่ ไม่ อย่านะ”
นักกล้ามใช้มือข้างหนึ่งล็อคตัวเชนไว้ไม่ให้หนี อีกมือก็ลูบไล้ที่ซอกคอ เชนขนลุก จั๊กจี้
“เปลี่ยนใจตอนนี้ ก็ยังทันนะ”
เชนไม่ตอบ เพราะมัวแต่หลบเลี่ยงนักกล้าม
“ฉันจะไปรอข้างนอก มีอะไรอยากบอกก็ตะโกนดังๆ ก่อนที่มันจะไม่ทันการ”
ปวันทิ้งท้ายยั่วแหย่ แล้วก็เดินยิ้มๆ ออกไป ปิดประตู ทิ้งเชนให้ร้องเสียงหลง หลบหลีกนักกล้ามที่รุกไล่
ภายในร้านวิศวะ เตาปฏิกรณ์เกิดการสั่นอย่างรุนแรง เจิดกับวิศวะยืนมองว่าสำเร็จแน่ แต่น็อตตัวหนึ่งหลุดออกมาจากเครื่อง กระเด็นกระดอนไปโดนอุปกรณ์ต่างๆ ในห้อง เจิด วิศวะต้องหลบๆ เป็นพัลวัน น็อตตัวอื่นกำลังจะหลุดตามมา
“เกิดอะไรขึ้นจารย์”
“มีอะไรผิดพลาด หรือจะใช้ความร้อนมากเกินไป”
เจิดจัดการปรับระดับอุณหภูมิจากสวิสตซ์ที่อยู่ด้านหน้า
“ว้าก แล้วเราจะตายไหมอาจารย์”
“เดี๋ยวก็รู้โว้ย”
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ปวันรออยู่นอกห้อง แอบฟังเสียงการเคลื่อนไหวด้านใน ตอนแรกมีเสียงเชนร้อง ก็หัวเราะสะใจ ภายในห้อง เชนจับนักกล้ามที่จับเขากดอยู่ พลิกแพลงด้วยท่ามวยปล้ำต่างๆ ปวันได้ยินเสียง ตูมๆ
แต่สักพักก็รู้สึกว่าเงียบกริบ
“ทำไมมันเงียบนัก”
ปวันเริ่มกังวล เอาหูแนบประตู ไม่มีการเคลื่อนไหว ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป เห็นเชนนั่งเก็กหล่อ มีนักกล้ามนั่งพับเพียบ เชนจับไหล่นักกล้ามไว้ข้างหนึ่ง นักกล้ามปพนมมือกลัวเชนมาก พอปวันเปิดประตู นักกล้ามก็ลุกขึ้น
“พี่เขาโหดอ่ะ หนูไม่สู้”
นักกล้ามวิ่งกลัวๆ ออกไป ปวันหันกลับมามองเชน เชนยิ้มเท่ๆ
“สู้ด้วยกันมาตั้งหลายครั้ง ยังประเมินฝีมือผมไม่ได้อีกเหรอ”
ปวันเจ็บใจ ที่ทำอะไรเชนไม่ได้ เงื้อหมัดจะเข้าไปต่อย
“ขอสักทีเถอะ”
เชนคว้าหมัดปวันไว้ ดึงตัวเข้ามาใกล้ ปวันเสียหลักล้มลงบนเตียง เชนรีบใช้มือข้างที่เป็นอิสระคร่อมร่างปวันไว้
“เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่า”
“ฉันก็จะคุยแล้วไง ตั้งแต่แรกเลย แต่นายน่ะ”
“คุณอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ”
ปวันทำท่าจะไม่ตอบ เชนรีบดักคอ
“คุณตอบผมก็ตอบ”
“แล้วนายเห็นคนอื่นไหมล่ะ”
“แล้วพ่อแม่คุณล่ะ”
“ถึงตาฉันถามแล้ว นายเอาตัวเจิด พันแสงไปไว้ในที่ไหน”
“ที่ที่ปลอดภัย ตาผม ทำไมคุณอยู่คนเดียว”
“ก็เพราะไม่มีใครอยู่ด้วย ด็อกเตอร์อาทิตย์ต้องการตัวเจิดไปทำไม”
“ข้อนี้คุณคงต้องถามด็อกเตอร์อาทิตย์”
ปวันขมวดคิ้วไม่พอใจ ตอบแบบนี้จะตอบทำไม โดยไม่รู้ตัวว่า เชนค่อยๆ ลดระดับความห่างระหว่างเขาและเธอ ด้วยการย่อแขนที่ใช้ยันเตียงคร่อมร่างเธอลงมาเรื่อยๆ
“ครอบครัวคุณอยู่ที่ไหน”
“ที่ที่พวกเขาอยากอยู่ แล้ว”
“ผมว่าชักจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ เราพักกันก่อนดีกว่า ผมเหนื่อยแล้ว”
เชนลดระดับความห่างลง จนแทบจะกลายเป็นนอนกอดปวัน ปวันตกใจเมื่อรู้ตัว พยายามดันแขนเชนออก แต่เชนแกล้งหลับตา ใบหน้าใกล้กัน ปวันแอบเขิน พยายามผลักเชนออก แต่เชนทำเป็นหลับไป แถมเขยิบตัวมาใกล้ปวันอีก เธอเขินมาก แต่ก็พยายามตั้งสติ เอามือดันหน้าเชนออก ใช้ศอกกระทุ้งท้อง แล้วผลักตกเตียง เชนร้อง
“เสียใจ ฉันไม่ง่ายหรอกนะยะ”
ปวันสะบัดหน้าออกจากห้องไป เชนคลำก้นตัวเองป้อยๆ มองตาม
“ยากๆ เนี่ยแหละ ที่เชนชอบ”
เชนยิ้มมีความสุข
เกิดเสียงระเบิดภายในร้านวิศวะ ไฟทั่วทั้งร้านดับพรึ่บ ประตูห้องลับค่อยๆ เปิดออก มีควันขโมงออกมา เจิดกับวิศวะ หัวฟูหน้าดำจากแรงระเบิด ไอค่อกแค่ก นะโมถือไฟฉายส่องหน้าทั้งคู่
“ดูไม่จืดเลย ทั้งอาจารย์ ทั้งลูกศิษย์”
สักพักหลังจากไอ เจิดก็ค่อยๆ พูดขึ้นมา เสียงนิ่งๆ
“ในที่สุด”
“พวกเรา”
“ก็ทำสำเร็จ”
วิศวะกระโดดกอดเจิด ตื่นเต้นดีใจมาก เจิดชูแผ่นกระจกของแว่นที่หลอมเสร็จแล้วขึ้น สะท้อนกับแสงไฟ เกิดเงาวาววับ
“ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้อีกครั้ง พวกเราจะกลายเป็นตำนาน แว่นตาสามมิติ คัมแบก”
วิศวะทำเสียงแอคโค่ด้วยตัวเอง เจิดชูแว่นค้างไว้ วิศวะกับนะโมดีใจเป็นที่สุด
“เย้ๆๆ ทำสำเร็จ ทำเร็จ”
เจนจิราแต่งหน้าทำผมเพื่อเตรียมตัวอัดรายการใหม่ของตัวเอง สไตล์เปรี้ยวเฉี่ยว กรีดตาคมเซ็กซี่แต่ยังแต่งไม่เสร็จดี เดินร้อนรนไปมาในออฟฟิศ ช่างแต่งหน้าถือที่ดัดขนตาตาม
“คุณเจนคะ มาดัดและปัดขนตาหน่อยค่า ยังไม่เสร็จนะคะ”
“แค่นี้ก็สวยพอแล้วค่ะ เจนไม่ดัดขนตา แต่ใช้ดัดจริตแทนก็ได้”
เจนจิราตรงไปในมุมของฝ่ายสวัสดิการ พนักงานคนหนึ่ง ชงกาแฟเป็นสิบๆ แก้ว มือเป็นระวิง
“พี่คะ พี่ เชนยังไม่มาทำงานหรือคะ”
“คุณเจน ถ้าเชนมา แล้วอิฉันจะชงกาแฟเองคนเดียวแบบนี้เหรอคะ เนี่ย ไหนจะต้องไปซื้อขนมและสั่งข้าวกลางวันอีก แย่มากเลย ถ้าจะลาก็น่าจะบอกกันก่อน นี่เล่นหายต๋อมไปเฉยๆ เหลวไหลจริงๆ เลย”
เจนจิรากลุ้มใจ
“ผ่านไปเกิน 24 ชั่วโมงแล้วนี่นา”
“มาดัดขนตาเดี๋ยวนี้ คุณเจน”
ช่างแต่งหน้าเข้ามาจัดการ บารมีตามมา ถือตะกร้าผลิตภัณฑ์จากคลินิกเข้ามาด้วย มาถึงก็เข้ามาส่องใบหน้าของเจนจิรา มองอย่างภาคภูมิใจ ชื่นชม
“สวยมาก ผิวหน้าดีมาก ไม่เสียชื่อที่มีแฟนเป็นเจ้าของบารมีคลินิก เจน นี่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสปอนเซอร์หลักของรายการเจน โรลออนเด๊ะ สำหรับทาใต้วงแขน เพิ่มความมั่นใจ ขาวใส หมดปัญหาเรื่องหนังไก่”
“รายการของเจนชื่อว่า ผ่าปัญหากับเจนจิรา เป็นรายการที่เชิญคนมาเล่าเรื่องราวปัญหาชีวิตที่แก้ไม่ตก แล้วช่วยกันหาทางออกให้ปัญหานั้น เกี่ยวอะไรกับหนังไก่ แล้วดร.อาทิตย์มาหรือยังคะ”
“นี่ไง โรลออนเด๊ะถึงมาตอบโจทย์ เพราะถ้าเราสวยและดูดีทุกซอกหลืบ เราก็จะมีความมั่นใจ คนที่มั่นใจก็จะมีเสน่ห์และมีพลังทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ความสำเร็จก็จะตามมา ตามคอนเซ็ปต์ที่ว่า ถ้าอยากให้ชีวิตเปลี่ยน ต้องไม่มีหนังไก่”
เจนจิราร้อนใจ ไม่ฟัง ลุกไปชะเง้อมอง
“ดร.อาทิตย์ทำไมยังไม่มาสักที”
“คุณจะทำอะไรกับเขา”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเจนจิราก็ดังขึ้น เธอหยิบมาดูเบอร์ เห็นว่าเป็นเบอร์จากบ้านตฤณ จึงหันไปบอกช่างแต่งหน้า
“เจนขอรับสายแป๊บนึงนะคะ”
เจนจิรารีบลุกเดินแยกออกไปรับสาย
“เชนยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ”
ตังตังพูดโทรศัพท์ ร้อนใจ โดยมีตฤณอยู่ใกล้ๆ
“ใช่ค่ะ ไม่โทรมา ไม่อะไรสักอย่างเลยน้าเจน ทำไงดีล่ะน้าเจน”
“โอเค เดี๋ยวดร.อาทิตย์มา น้าจะลองประกบเขาดู”
เสียงเจนจิราดังเป็นสปีคเกอร์ให้ตฤณได้ยินด้วย ตฤณตะโกนไปในสาย
“หา ประกบ เจนหมายความว่ายังไง กับคำว่าประกบ”
“ตังตังบอกน้าตฤณให้เงียบไปเลยเหอะ เอาเป็นว่าเขามีวิธีของเขาก็ละกัน แค่นี้ก่อนนะ ตังตัง”
เจนจิราวางสาย หันกลับมาก็พบว่าบารมียืนรออยู่แล้ว ได้ยินประโยคสุดท้ายหมด
“ผมต้องทำยังไงเจนถึงจะเลิกติดต่อกับแฟนเก่าซะที”
“ไม่ใช่ตฤณค่ะ ตังตังโทรมา”
“จะตังตัง หรือตฤณ ก็เหมือนกันนั่นแหละ เจนรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ได้ใช้หลานมาเป็นข้ออ้างในการรั้งเจนเอาไว้”
“มันไม่ใช่เรื่องนั้นคะ เพื่อนของเราหายตัวไป”
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือเจนจิราดังขึ้นอีก เห็นชื่อตฤณโทรมา เจนจิรากำลังจะรับสาย แต่บารมีจับมือเธอไว้ ห้ามไม่ให้รับ
“เจน ถ้าเจนจบกับเขาแล้ว เจนก็ต้องจบจริงๆ จบทุกอย่าง ถ้าเจนยังปล่อยให้เขารอบตัวอย่างนี้ มันก็เหมือนเจนแต่งหน้าแล้วไม่ล้าง ความสกปรกมันก็จะสะสมทำให้หน้าเจนไม่มีออร่า ปล่อยให้เขาไปปรึกษาคนอื่นบ้างเถอะ”
“แต่”
“หรือจริงๆ แล้วเจนไม่อยากจบ”
เจนจิราอึ้ง ปล่อยให้บารมีดึงโทรศัพท์ไปกดตัดสาย บารมียิ้มอบอุ่น
“ไปเตรียมตัวเถอะ จะได้เวลาแล้ว”
ตฤณใจร้อนโทรศัพท์หาเจนจิรา แต่ถูกตัดสายทิ้ง
“อ้าว ตัดสายทิ้งทำไม”
ตฤณจะกดโทรออกอีกรอบ แต่อยู่ๆ ตังตังโผล่เข้ามา
“น้าเจนไม่รับสาย”
“ใช่ อะไร ของเขานะ”
“ตังตังรอมาคืนหนึ่งละ มันนานเกินไปละ เชนต้องกำลังแย่แน่ๆ”
“ตังตังว่า เชนจะตายเป็นมั้ย”
สองน้าหลานมองหน้ากัน ช็อค
เชนถูกจับนั่งเก้าอี้เอามือไพล่หลังใส่กุญแจมือล็อกเอาไว้ ปวันถือหมูปิ้งมาตรงหน้าเขน
“สายป่านนี้แล้ว หิวพอที่จะอ้าปากตอบคำถามฉันหรือยัง หนึ่งคำตอบต่อหมูหนึ่งไม้”
“เชนไม่หิว”
“แน่เหรอ ตอบมา คุณคือใคร มาจากไหน ต้องการอะไร”
เชนเหลือบมองรองเท้าตัวเอง
“คุณเก่งมากที่จับคนอย่างเชนได้ แต่อย่าคิดว่าจะจับเชนไว้ได้นาน เพราะพรรคพวกผมจะต้องหาผมเจอเร็วๆ นี้”
“หมายความว่ายังไง”
“หึๆๆ หมายความว่า อีกไม่นาน เกมจะพลิกกลับ และผมจะเป็นฝ่ายเล่นงานคุณ”
เชนเหลือบมองรองเท้าตัวเองอีก
“มองอะไร”
“เปล๊า”
“ฉันเห็นนายเหลือบมองที่รองเท้าหลายทีแล้ว มีอะไรอยู่ในนั้น”
“ไม่มี้”
“หรือว่าซ่อนเครื่องส่งสัญญาณเอาไว้”
“ไม่ใช่”
“นายถึงได้มั่นใจว่าจะมีคนมาช่วยใช่มั้ย ถอดรองเท้าออก ฉันสั่งให้ถอดออก”
เชนดื้อ ไม่ยอมถอด ปวันทนไม่ได้ คว้าปืนมาขู่ เชนนิ่ง ไม่ยอมถอด ปวันเข้าไปถอดรองเท้าของเชนออกด้วยตัวเอง
“อย่านะ ไม่งั้นไส้แตกแน่”
ปวันใช้มืออีกข้างเพื่อถอดรองเท้าเชน แต่ยังไม่ทันได้ถอด เชนก็เหวี่ยงเท้าเตะปืนปวันลอยขึ้นฟ้า แล้วใช้สองเท้าตวัดรัดและล็อกตัวปวันเอาไว้ โดยรวบแขนเข้าไปด้วย
“เฮ้ย”
ปวันพยายามดิ้น แต่เชนล็อคแน่นหนายิ่งกว่างู ทั้งสองคนนัวเนียกัน สุดท้าย ปวันดิ้นไม่หลุด
“ปลดกุญแจมือให้เชน”
ประมุขยืนดูทีมงานเตรียมความพร้อมสำหรับการถ่ายรายการใหม่ จัดชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับพิธีกรและแขกรับเชิญให้อยู่ในบล็อกกิ้งแสง สักพัก ผู้กำกับเวทีวิ่งเข้ามาเคลียร์พื้นที่
“คุณเจนมาซ้อมคิวแล้ว หลบๆๆ”
เจนจิราเดินเข้ามา ในชุดทะมัดทะแมงแต่สวยและดูเซ็กซี่ โชว์วงแขน
"สวยมากเจนจิรา ดูทันสมัย มีเซ็กแอพพีลมาก” ประมุขชื่นชม
“ดร.อาทิตย์ล่ะคะ”
“ท่านกำลังแต่งตัวอยู่”
“เจนมีอะไรกับท่านหรือ” บารมีถาม
“ผมรู้แล้ว เจนมีศรัทธาแล้วใช่ไหม อยากเจอท่านเร็วๆ เพื่อความมั่นใจ ใช่ไหม” ประชุมคิดเองเออเอง
“มิน่า ถามหาท่านแต่เช้า” บารมีเห็นด้วยกับประมุข
“แบบนี้รายการเราไปได้สวยแน่ๆ” ประชุมชอบใจ
“ในฐานะเป็นสปอนเซอร์หลัก สิ่งเดียวที่ผมขอให้เจนทำก็คือ ชูแขนบ่อยๆ ดีใจก็เฮ ช็อคซีนีม่าก็ฮ้า ผิดหวังก็โหย ง่ายใช่มั้ย เพราะว่าโรลออนเด๊ะ สำหรับทาใต้วงแขน เพิ่มความมั่นใจ ขาวใส หมดปัญหาเรื่องหนังไก่”
เจนจิราเซ็งมาก ตัดบท
“แล้วถ้าดร.อาทิตย์ไม่มาซ้อมบล็อกกิ้งด้วย เจนจะซ้อมกับอะไรเหรอคะ”
เจนจิราเอือมมาก
ปวันยังถูกเชนล็อคตัวด้วยเท้าอยู่
“ฉันไม่ปลดกุญแจให้คุณ”
“ถ้าคุณไม่ปลด ผมก็ไม่ปล่อย อยู่กันอย่างนี้ทั้งวันทั้งคืน คนที่เสียเกียรติก็คือผู้หญิง ไม่เคยอ่านสุภาษิตสอนหญิงเหรอ ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์ บำรุงรักกายไว้ให้เป็นผล สงวนงามตามระบอบให้ชอบกล จึงจะพ้นภัยพาลการนินทา แต่นี่ คุณกำลังอยู่ในหว่างขาผม คุณไม่รอดแน่”
“หลงยุคมาจากสมัยไหนฮะ สมัยนี้ผู้หญิงทำมากกว่าฉันตอนนี้ ยังไม่เห็นจะมีใครอายสักคน”
“อะไรนะ ผู้หญิงสมัยนี้อายยากอายเย็นนักเหรอ แสดงว่า ผมต้องทำมากกว่านี้ใช่มั้ย คุณถึงจะอาย ได้”
“นายจะทำอะไร”
“ผมให้โอกาสคุณอีกครั้ง จะปลดกุญแจให้ผม หรือจะให้ผมทำคุณมากกว่ากอด”
ทันใด มีเสียงจ่าเจี๊ยบจะเปิดประตูเข้ามา
“หมวดปวัน ทำอะไรอยู่”
เชนได้ยินว่าจ่าเจี๊ยบกำลังจะเปิดประตูเข้ามา จึงเหวี่ยงตัวเองให้หงายหลัง เพื่อให้มือที่ไพล่หลังอยู่นั้นลงไปหยิบปืนที่พื้นขึ้นมา แล้วกลับมานั่งตามเดิมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเหวี่ยงตัว หมุนเก้าอี้เพื่อให้ตัวเองหันหลัง พอดีกับจ่าเจี๊ยบเปิดประตูเข้ามา ก็พบว่าปืนในมือเชนหันมาจ่อที่ตนพอดีเป๊ะ
“เฮ้ย หมวด”
“ถ้าไม่อยากตาย ยกมือขึ้น”
“หือ”
“ฉันสั่งแกนั่นแหละ”
“อ่อ ยอมแล้ว”
จ่าเจี๊ยบรีบยกมือยอมทันที
ตังตังกำลังโทรศัพท์คุยกับเจิดอยู่
“ค่ะๆ ขอบคุณค่ะ ลุงเจิด แค่นี้นะคะ”
ตังตังเงยหน้ามาบอกตฤณที่เดินเป็นเสือติดจั่น
“เชนไม่ได้ไปหาน้าวิศวะ กับลุงเจิดค่ะ”
ตฤณรับมือถือมาจากตังตัง คิดๆ เดินไปมา แล้วตัดสินใจกดโทรออก
“น้าจะลองโทรหาเจนอีกที เผื่อจะได้อะไรคืบหน้า อ้าว มีคนรับแล้ว หา คุณบารมี”
บารมีรับโทรศัพท์แทนเจนจิรา เพราะเจนจิราซ้อมคิวอยู่ในฉาก
“นายตฤณเองเหรอ ตอนนี้เจนกำลังซ้อมคิวถ่ายรายการใหม่อยู่ ไม่สะดวกรับสาย มีธุระอะไรฝากผมไว้ได้นะ”
“เอ่อ ก็ ไม่เป็นไร ไม่มีอะไร เอาไว้ผมโทรไปใหม่”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วจะโทรมาใหม่ทำไมครับ ฝากผมได้นะครับ เรื่องเชนหายตัวไปหรือเปล่า รู้สิครับ ผมเป็นแฟนคนปัจจุบันของเจนนะมีอะไรเจนบอกผมหมดแหละครับ สรุปว่าจะฝากเรื่องไว้มั้ย”
ตฤณนิ่ง
“ถ้าไม่ฝากก็ไม่ต้องโทรมาอีกนะ เพราะผมอยากให้เจนโฟกัสที่เรื่องงาน ไม่อยากให้ไปเสียเวลากับเรื่องผู้ชายสติไม่เต็ม ที่อาจจะหนีไปหลีหญิงอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่เพื่อนๆ ก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ มาเรียกร้องความสนใจจากเจน”
“ไอ้ แค่นี้นะ”
“น้าตฤณ เป็นไรป่าว”
บารมีวางสาย สะใจ สมใจ พอดีกับเจนจิราซ้อมคิวเสร็จเดินมาหา
“ใครโทรมาคะ”
“พวกขายประกันน่ะ ผมไม่ได้เจตนาจะถือวิสาสะรับสายนะครับ พอดีมันดังรบกวนการถ่าย เลยจำเป็นต้องรับ ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ”
“ค่ะ เจนขอโทรศัพท์มือถือคืน”
เจนจิรายังพูดไม่ทันจบ ประมุขก็รีบวิ่งเข้ามา
“เจนๆๆๆ ด็อกเตอร์อาทิตย์มาแล้ว”
พวกทีมงานแหวกออก หลีกทางให้ดร.อาทิตย์เดินเข้ามา ดร.อาทิตย์ยิ้มแย้มกับทีมงานทุกคน โดยมีอินทุกับนารีตามประกบมาด้วยตลอด เจนจิรามองดร.อาทิตย์อย่างไม่ไว้ใจ เพราะคิดว่าเชนต้องอยู่กับเขาแน่ๆ
“ไปๆๆ ไปทักทายหน่อย”
ประมุขพาเจนจิราเดินออกไป แต่อยู่ๆ มือถือของเจนจิราดังขึ้นมาอีก บารมีดูเบอร์แล้วกดรับสาย
“โทรมาอีกทำไม”
ตฤณเดินออกมาด้านนอกบ้าน พูดโทรศัพท์ไปด้วย
“ขอพูดกับเจนจิราแฟนเก่าผมหน่อยสิครับ อ้อ เตรียมถ่ายรายการอยู่เหรอครับ งั้นฝากคุณแฟนใหม่บอกแฟนเก่าผมด้วยนะครับ ว่าผมจะโทรมาอีก มีเรื่องส่วนตัวอยากคุยด้วย ผมจะโทรมาอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะได้คุย คุณแฟนใหม่จะรับทุกครั้งได้ก็รับไป เข้าใจนะครับ บาย”
บารมีอึ้ง ตฤณพูดจบก็วางสาย บารมีโมโหที่ตฤณท้าทาย
ตฤณวางสาย ตังตังตามออกมา ได้ยินทุกอย่าง ชื่นชม
“มันต้องอย่างนี้เซ่ น้าตฤณ มันต้องโหดๆ เถื่อนๆ อย่างนี้ เท่มาก ไอเลิฟยู”
ตังตังโดดเข้ากอดตฤณ ทันใดนั้น เสียงเชนดังเข้ามา
“ดีใจอะไรกันอยู่เหรอครับ”
ตังตังกับตฤณหันไปมองที่ระเบียง เชนยืนผงาดมาดเท่อยู่
“เชน”
เชนกระโดดลงมา
“เชนกลับมาแล้ว”
ปวันกับจ่าเจี๊ยบถูกจับมัดเอาหลังติดกันอยู่ที่พื้นบ้านปวัน โดยหลังจากเชนหลุดรอดไป และจับปวันกับจ่าเจี๊ยบมัดติดกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เชนไม่ใช่ศัตรูของตำรวจ เรามีเป้าหมายเดียวกันคือด็อกเตอร์อาทิตย์ ถ้าพวกคุณไม่เชื่อใจเชน เราก็คงต้องต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง”
“เดี๋ยวๆๆ ไหนว่าไม่ใช่ศัตรู แล้วจะมัดพวกเราไว้งี้เหรอ” จ่าเจี๊ยบท้วง
เชนโชว์กุญแจให้ดู แล้วทิ้งกุญแจลงถังขยะตรงนั้น อย่างจงใจให้รู้ว่ามาเก็บเอาไปเอง
ปวันกับจ่าเจี๊ยบพยายามจะไปที่ถังขยะนั้น
“ลุกยืนนะจ่า หนึ่ง สอง สาม”
ทั้งคู่ยันตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกันได้ ง่ายดาย แล้วค่อยๆ พากันเดินไปที่ถังขยะนั้น ไปหยุดตรงหน้าถัง
“เอาไงต่อดีครับหมวด”
ปวันมองถังขยะนั้น คิดว่าใช้เท้ากระดกถังขยะนั้นให้ลอยขึ้นมาเหมือนเดาะลูกบอล และในขณะที่ถังขยะลอยหมุนติ้วกลางอากาศ ลูกกุญแจก็หลุดออกมาจากถัง ปวันพลิกตัวให้ลูกกุญแจหล่นใส่มือที่ถูกล็อก แล้วมือก็หลุดออกอย่างง่ายดาย สวยงาม
“ฉันจัดการเอง”
ปวันหมุนตัวเองมาอยู่ตรงหน้าถังขยะอย่างมั่นใจ แล้วจากนั้นก็ทำตามที่คิดไว้ แต่จังหวะกระดกเพื่อให้ถังลอยขึ้นมา ดันผิดองศา กลายเป็นว่าถังขยะถูกเตะลอยไปไกล แล้วลอยออกหน้าต่างไปข้างนอก ปวันช็อก จ่าเจี๊ยบอึ้ง ตาค้าง
“ผู้หมวดเตะทิ้งทำไม”
ปวันซีด ยิ้มแหย
พวกแฟนคลับดร.อาทิตย์ออกันอยู่ที่ด้านหน้าทางเข้าสตูดิโอ โดยมีทีมงานกำลังจัดระบบระเบียบเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการเข้าชมการอัดรายการ ทิวา ราตรีเพิ่งลงจากรถแท็กซี่มาถึง
“คนมากันเต็มแล้ว มาเร็วๆ สิยัยราตรี”
“รู้แล้วๆๆ ป้ายไฟล่ะ ป้ายไฟๆๆ”
ทิวากับราตรีส่งป้ายไฟให้กัน รีบเปิด รีบวิ่งเข้าไปรวมกลุ่ม
“ใครอยากจะเป็นแขกรับเชิญ ให้ด็อกเตอร์อาทิตย์ช่วยชี้แนะแก้ไขปัญหาชีวิต ในช่วง ศรัทธาบายอาทิตย์ กรอกเอกสารนี้นะคะ ลงชื่อ เบอร์โทรและปัญหาที่เจอไว้ ใครที่ด็อกเตอร์อาทิตย์สนใจ เราจะติดต่อไปนะคะ”
“แล้ววันนี้ล่ะคะ มีแขกรับเชิญหรือยัง ถ้ายังไม่มี พี่ว่างนะคะ” ทิวาบอก
“ใช่ๆ ตอนนี้พี่มีปัญหาเครียดมาก พี่ไปไหนมาไหนตามลำพังไม่ได้เลยเพราะพ่อกลัวผู้ชายมาจีบ” ราตรีกุเรื่องขึ้น
“หือ” ทิวาหันขวับ
“คือ พี่สวยกว่าไง พ่อเลยหวงพี่มากกว่า” ราตรีบอก
“เหรอ”
“ให้พี่เป็นแขกรับเชิญนะๆๆๆ”
ทิวา ราตรี ตื๊อ พวกแฟนคลับก็รุมตื๊อจนทีมงานป่วน วุ่นวาย แม้ทีมงานจะบอกว่ามีแขกรับเชิญแล้ว ก็ไม่มีใครฟัง ทุกคนยังรุมตื๊อไม่เลิก
ตังตังเปิดไฟฉายส่องหน้าเชนที่นั่งนิ่งให้สอบสวน
“เราจะให้โอกาสตอบเป็นครั้งสุดท้าย หายไปไหนมา เดี๋ยว ก่อนจะตอบ คิดให้ดี ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าสายลับนักสอบสวนอย่างเราจะปรานี”
ตังตังวางหนังสะติ๊กบนโต๊ะ ข่มขู่
“เอ้า ตอบ”
ตฤณยืนมองเชนเล่นกับตังตังอย่างนั้น ก็เซ็ง เชนตกใจที่เห็นหนังสะติ๊ก ราวกับเห็นปืน
“เราถูกคนร้ายจับตัวไป แล้วมีตำรวจไปช่วยเรา แล้วตำรวจก็จับเราไปขังอีก แต่เราก็หนีออกมาได้”
“ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ เป็นไงบ้างพี่เชน ตังตังพอจะเป็นสายลับได้หรือยัง”
“ทักษะการสอบสวนใช้ได้ แต่ยังต้องทดสอบทักษะการปลอมตัวอีก
“เดี๋ยวปลอมมาให้ดู”
ตังตังวิ่งออกไป ตฤณรอคุยกับเชนอยู่แล้วกำลังจะอ้าปากถาม แต่เชนเอ่ยปากก่อน
“ด็อกเตอร์อาทิตย์จับเชนไป”
เชนเล่าให้ตฤณฟัง
“ด็อกเตอร์อาทิตย์อยากได้อะไรบางอย่างจากเชน แต่เชนไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ๆ เขาไม่ได้เป็นพ่อพระอย่างที่คนทั่วไปเห็น เขาคือปีศาจในคราบนักบุญดีๆ นี่เอง”
“คิดแล้วไม่มีผิด ฮ้า แสดงว่าเมื่อวาน ด็อกเตอร์อาทิตย์รู้ว่าพวกเราคิดจะกระชากหน้ากาก มันก็เลยตลบหลังด้วยการเชิญนายขึ้นไปบนเวทีโชว์ ใช้มายากลล่อหลอกความสนใจคนดู แอบจับตัวนายไปอย่างรวดเร็ว”
“โชคยังดีที่ตำรวจหญิงปวันตามไปช่วยเชนได้”
“ตำรวจหญิงคนนั้นเหรอ”
“ใช่ แต่ผู้หมวดสาวคนนี้ก็ท่าทีแปลกๆ เหมือนมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา เชนจะต้องรู้ให้ได้”
ตังตังออกมาจากในบ้าน ทำตาเหล่ เดินล่องลอย มือไม้รำแต้ ปลอมตัวเป็นคนบ้า เชนกับตฤณมองงงๆ
“เล่นอะไรตังตัง”
“ตังตังที่ไหน นี่มันคนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ น่าสงสาร น่าจะไม่มีคนดูแล” เชนท้วง
“ตังตังเอง”
“ฮ้า นี่ตังตังเหรอ ดูไม่ออกเลย สุดยอด”
เชนรับมุกตังตังอย่างดี เข้ากันมาก ตฤณเซ็ง
ภายในสตูดิโอ ทีมงานกำลังต้อนกลุ่มแฟนคลับดร.อาทิตย์ที่มาชมรายการเข้านั่งประจำที่
“รายการจะเริ่มในอีก 5 นาที การบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ของทางรายการ กรุณาปิดโทรศัพท์ด้วยครับ”
เจนจิรากดดูประวัติการโทรเข้าออกในมือถือของตัวเอง พบว่าเป็นเบอร์จากตฤณที่โทรเข้ามา
“ตะกี้ตฤณโทรมาจริงๆ ด้วย”
ทิวา ราตรีเดินตามกลุ่มเข้ามาด้วย แต่แล้วก็หันไปเห็นเจนจิราเดินมายืนอยู่ข้างฉากพอดี ทั้งสองดีใจ รีบเข้าไปทักทาย
“หนูเจนๆ”
“อ้าว น้าทิวา น้าราตรี สวัสดีค่ะ เห็นกับตาอย่างนี้ เชื่อแล้วค่ะว่าน้าสองคนเป็นแม่ยกตัวจริงของด็อกเตอร์อาทิตย์จริงๆ”
“ด็อกเตอร์อาทิตย์อยู่ข้างในใช่มั้ย”
“ค่ะ”
ทีมงานเข้ามาตาม
“ป้าคะ ไปนั่งที่ด้วยค่ะ”
“ป้าเหรอ”
“พวกเราเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรักของหนูเจน พวกเราจะเข้าไปรอด้านใน”
“หา เข้าไม่ได้ค่ะ” เจนจิราตกใจ
“ทำไมจะไม่ได้ หนูเจนควรจะให้สิทธิพิเศษญาติผู้ใหญ่สิจ๊ะ จะให้ไปนั่งเบียดเสียดกับคนอื่นได้เหรอ”
“พวกน้าจะอยู่กันเงียบๆ ทำตัวเล็กๆ ไม่รบกวนหรอก”
“น้าทิวา น้าราตรีคะ เจนขอล่ะค่ะ ไปนั่งที่เถอะ จะได้เวลาแล้วค่ะ”
ทิวา ราตรีอิดออดขัดใจ แต่พอดีดร.อาทิตย์เดินออกเข้ามา
“มีปัญหาอะไรกัน”
ทิวา ราตรีตะลึง
“ด็อกเตอร์อาทิตย์”
พวกแฟนคลับเห็นดร.อาทิตย์ก็ชูป้ายและกรี๊ดทันที ทิวารีบเสนอตัวตอบ
“เป็นญาติของหนูเจนค่ะ สนิทสนมกันมาก”
“หนูเจนเป็นแฟนกับตฤณหลานชายของพวกเรา ตฤณ ตรงวุฒิ นี่เป็นนักเขียนการ์ตูนของหนังสือพิมพ์คมคิดลึกไงคะ”
“ตฤณ ตรงวุฒิ พวกคุณเป็นญาติเขาเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ อยู่บ้านเดียวกันเลยด้วย”
“บ้านเดียวกัน บ้านที่นายตฤณอยู่กับหลานและเพื่อนของเขาหรือครับ อยู่ที่ไหนครับ”
เจนจิราเห็นท่าไม่ดี รีบตัดบท
“เราต้องเตรียมแล้วค่ะ น้าทิวาน้าราตรีไปนั่งที่เถอะค่ะ พี่คะ พาไปเลยค่ะ”
ทีมงานมาพาตัวทิวากับราตรีออกไป แต่ทั้งคู่ยังดื้อดึง อยากจะถ่ายรูปกับดร.อาทิตย์ก่อน
“เดี๋ยวๆๆ ขอถ่ายเซลฟี่ก่อนรูปหนึ่ง”
“งั้นเจนพาไปนั่งเองค่ะ”
“เดี๋ยว”
ทุกคนชะงัก ดร.อาทิตย์เรียกไว้ แล้วเข้าไปพูดกับฝาแฝด
“อยากเซลฟี่กับผม หลังรายการจบมาพบผมนะครับ”
ดร. ขยิบตาปิ๊งให้ ทิวา ราตรีราวกับถูกเสน่ห์ของดร.อาทิตย์กระแทกหน้า ตะลึง อ้าปากค้าง เจนจิรามองดร.อาทิตย์ ระแวงว่าคิดอะไรอยู่
จบตอนที่ 6