xs
xsm
sm
md
lg

สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 5

เจนจิรานั่งท่องสคริปต์ที่ตัวเองเป็นคนเขียนขึ้น พลางเปิดตลับแป้งขึ้นดูหน้าตาตัวเองอย่างลวกๆ ระหว่างรอตากล้องคู่ใจ
 
“ในสังคมเมือง ที่รถไฟฟ้าBTS และ MRT กำลังเป็นที่นิยม ปัญหาแท็กซี่ไม่ยอมรับผู้โดยสารในเวลาเร่งด่วน เลือกที่จะไปเฉพาะเส้นทางที่ตัวเองอยากจะไป กลายเป็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ สร้างความหงุดหงิดใจให้กับ
คนเมือง”
ดร.อาทิตย์เดินเข้ามากับนารี อินทุ เหล่าพนักงานพากันตื่นเต้นดีใจและยกมือไหว้อย่างศรัทธา ดร.อาทิตย์รับไหว้ด้วยท่าทางมีเมตตา
“อ่ะ ศรัทธาๆ แล้วชีวิตจะมีพลัง ทำหน้าที่การงาน ความฝันได้สำเร็จ ตื่นเช้ามาขอให้มีศรัทธา ก่อนหลับตานอนก็ของให้มีศรัทธา แล้วจะสมปรารถนาทุกคน”
ดร.อาทิตย์เดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะของเจนจิรา
“ก่อนออกไปทำงานก็ต้องมีศรัทธา รายการถึงจะเป็นที่ชื่นชอบนิยม”
เจนจิราเงยหน้าขึ้นมา ฝืนยิ้มให้
“ถ้าเจนไม่ศรัทธาในรายการของตัวเอง รายการเจนคงเรตติ้งไม่ดี ก้าวขึ้นมาอยู่ปีที่ 2 ในสถานีนี้ไม่ได้”
“แต่คุณเจนก็ไม่ดังระเบิดเป็นพลุแตกเสียที”
“เจนไม่ต้องการอยู่แบบพิธีกรซุปตาร์ แต่อยู่อย่างพีธีกรที่มีคุณภาพค่ะ”
“ต้องการซิ คุณต้องการ ต้องการ”
ดร.อาทิตย์มองจ้องตาเจนจิรา พยายามสะกดจิต เจนจิราชะงักมีอาการมึนๆ
“คุณต้องการ ต้องการ”
ระหว่างนั้น ช้างถือกล้องเข้ามา
“เจน ไปกันหรือยัง เดี๋ยวกลับมาตัดต่อไม่ทัน”
ดร.อาทิตย์ชะงักไป เจนจิราจึงหลุดออกจากภวังค์ เกือบถูกสะกดจิต
“เอ่อค่ะ ไปแล้วค่ะ ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะด็อกเตอร์”
“ขอให้ทำงานได้ลุล่วง ไม่มีปัญหา ไว้เราค่อยคุยกันครับคุณเจน”
เจนจิราคว้ากระเป๋าเดินออกจากโต๊ะไปกับช้าง มือจับหัวมึน
“เป็นอะไรไปเหรอเจน”
“มึนๆ หัวน่ะค่ะ สงสัยเมื่อคืนนั่งเขียนสคริปต์ดึกไปหน่อย เลยนอนไม่พอ”
ดร.อาทิตย์มองตามเจนจิราไปอย่างหงุดหงิด

เจิดนั่งต่อหน้าธงทิว โดยมีปวันกับจ่าเจี๊ยบยืนอยู่ข้างๆ
“ไหนลุงบอกผมมาซิ ตามที่ผู้กองปวันแจ้งว่า มีคนสั่งให้อุ้มตัวลุงไปกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ ลุงบอกผมมาให้ชัดๆ ซิ ว่าคนที่บงการคนนั้นเป็นใคร”
“เอ่อ”
เจิดพยายามคิดทบทวนภาพในอดีต เขาเห็นหน้าดร.อาทิตย์เลือนรางเต็มที จนมองไม่เห็น จำอะไรไม่ได้
“เงียบทำไมลุง อยู่ที่นี่ลุงพูดความจริงออกมาได้หมดเลย ไม่ต้องกลัว ตำรวจจะช่วยยปกป้องลุงเอง”
“ว่ายังไง ใครสั่งให้จับตัวลุงไป”
“พูดออกมาซิลุง พูด”
เจิดพยายามนึกเต็มที่

อาทิตย์เดินนำนารีกับอินทุออกมาจากฝ่ายรายการของสมายล์ทีวี
“ถ้าไอ้ตากล้องไม่มาขัดจังหวะ ยัยเจนจิราเสร็จนายแน่” อินทุโมโห
“ศรัทธา ยัยนั่นไม่มีศรัทธาในตัวนายเลยแม้แต่น้อย” นารีไม่พอใจ
“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้แล้วว่าจะปั้นใครให้สมายล์ทีวี สนุกล่ะคราวนี้ หึๆ”

เจิดนึกยังไงก็นึกไม่ออก จนปวดหัวไปหมด
“บอกผู้การซีลุง ใครจับตัวลุงไป” ปวันเค้นถาม
“พูดซีลุง พูด” จ่าเจี๊ยบเร่งเร้า
เจิดเอามือกุมขมับ
“ผมไม่รู้ ผมนึกอะไรไม่ออก”
“ทำไมลุงจะนึกไม่ออก บอกผู้การไปซี ใครจับลุงไป”
“ผมไม่รู้ ผมนึกไม่ออกจริงๆ”
“ก็ด็อกเตอร์อาทิตย์ไงลุง ด็อกเตอร์อาทิตย์จับลุงไป”
“เขาจับลุงไปทำไม ต้องการอะไร ลุงบอกมาให้หมดเลย”
ผู้การได้ยินอย่างนั้น ตบโต๊ะลุกขึ้นทันที
“ผู้กอง จ่าเจี๊ยบ คุณสองคนพอได้แล้วนะ ถ้ายังไม่หยุดผมจะจับยัดคุกให้หมดทั้งสามคนเลย ข้อหาใส่ร้ายปรักปรำผู้นำแห่งศรัทธาของคนทั้งประเทศ”
“ห่ะ อย่าจับผมนะ ผมไม่ได้อยากมา คุณตำรวจคนนี่เป็นคนพาผมมาเอง”
“เอาแล้วลุง” จ่าเจี๊ยบเซ็ง
“ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะ ฉันอุตส่าห์จะช่วย”
“อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่รู้”
เจิดตกใจลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องไปเลย
“เดี๋ยวลุง จะไปไหนน่ะ กลับมาก่อน”
“จะหนีตำรวจทำไม”
ปวันกับจ่าเจี๊ยบจะตามเจิดออกไป แต่ธงทิวตะโกนขึ้น
“หยุดทั้งสองคน ไม่ต้องตามตาแก่นั่นกลับมาอีกนะ”
“แล้วรูปในมือถือที่จ่าเจี๊ยบถ่ายไว้ได้ล่ะคะผู้การ เห็นชัดๆ ว่าลุงเขาอยู่กับดร.อาทิตย์ ผู้การจะอธิบายยังไง”
“ผมไม่สน ผมไม่ต้องการคำอธิบายเรื่องคนแก่เลอะเลือน ผมต้องการคำอธิบายเรื่องผู้ชายตัวขาวดำที่ให้ผู้กองไปสืบต่างหาก ผมมีเวลาให้ผู้กองแค่ 1 อาทิตย์ ถ้ายังไม่มีความคืบหน้าล่ะก็ เตรียมตัวย้ายไปประจำป้อมจราจรหน้าสน.ได้เลย”
“โธ่ผู้กอง”
“จ่าก็ด้วย”
“ว้าย”

จ่าเจี๊ยบสาวแตกขึ้นมาทันที

ปวันกับจ่าเจี๊ยบรีบวิ่งออกมามองหาเจิดที่หน้าสำนักงานตำรวจ
 
“ลุงหายไปไหนซะแล้ว”
“อยู่โน่นไง”
จ่าเจี๊ยบชี้ไป เห็นเจิดกำลังจะขึ้นรถแท็กซี่ไปกับเชน ตฤณและตังตัง
“เฮ้ย มันตามมาถูกได้ยังไง นี่หยุดนะ”
ปวันกับจ่าเจี๊ยบรีบวิ่งไป แต่เชนรีบพาเจิดขึ้นแท็กซี่ รถแล่นออกไปแล้ว เชนโผล่ออกมาจากหน้าต่างโบกมือให้
“ขอบคุณครับคุณตำรวจสาวที่ดูแลคุณลุงให้เป็นอย่างดี จากนี้เชนขอไปดูแลต่อ ไม่รบกวนแล้วนะครับพ้ม”
“นี่หยุดนะ หยุด”
ปวันวิ่งตาม แต่รถแล่นออกไปไกลแล้ว
“โธ่เว้ย”
“แล้วผู้กองเสียท่า ให้เขาตามมาถึงสถานีถูกได้ไงกัน”
“นั่นน่ะซิ มันตามมาถูกได้ไงวะ”
ปวันยืนเท้าเอวคิดๆ แล้วก็นึกขึ้นได้ ล้วงบัตรประจำตัวของตัวเองออกมาดู เห็นทั้งชื่อยศและหน่วยที่ตั้งพร้อม
“โธ่เว้ย”
ปวันฉุนเตะกระป๋องใกล้ขากระเด็น แล้วตัวเองก็เดินกลับเข้าสน. แต่กระป๋องกระเด้งไปมาจนกระเด็นมาชนท้ายทอยจ่าเจี๊ยบ
“จ๊าก ทำไมแม่นยังงี้วะ”

ตฤณ เดินนำ เชน ตังตัง เจิดเข้ามาในร้านของวิศวะ เจิดหันมองไปรอบๆ
“นี่มันร้านรับซื้อของเก่าหรือไง”
“ผิดค่า โรงงานฝึกเด็กอัฉริยะต่างหาก”
เจิดหันไปเปิดข้าวของดู
“หยุดนะ ยกมือขึ้น ไม่งั้นยิง”
เจิดตกใจยกมือขึ้น พลางหันไปมอง เจอนะโมยิงสายรุ้งใส่
“ป๊อก ขอต้อนรับสมาชิกใหม่จ้า”
“เฮ้ย นี่ๆ มันหุ่นยนต์”
“ผมไม่ใช่หุ่นยนต์ ผมเป็นคน”
“หุ่นยนต์”
“คน”
“หุ่นยนต์”
“ไม่รู้ไม่ชี้”
นะโมเข้าบ้านไปเลย
“ดูซี นะโมงอนหนีไปแล้ว” ตังตังบอก
วิศวะโผล่ออกมา
“ไอ้ก้นย้อย”
วิศวะยื่นมือตะปบก้นเชนกับตฤณ แต่ทั้งสองหลบทัน
“โธ่เอ๊ย อดเลย แล้วนั่นพ่อใคร”
“ไม่ใช่พ่อเอ็งก็แล้วกัน”
“อ้าว พูดยังงี้เดี๋ยวจับโกนหนวดเลยลุง”
“แล้วไหนล่ะ แว่น 3 มิติของฉัน อยู่ที่ไหน”
“ลุงเป็นเจ้าของแว่นสามมิติ”
“ฉันนี่แหละคนประดิษฐ์แว่น 3 มิติ”
วิศวะได้ยินอย่างนั่น คุกเข่าลงยกมือไหว้แบบเส้าหลินทันที
“รับผมเป็นศิษย์ด้วยคนสิค้าบ ท่านอาจารย์ ศิษย์ผิดไปแล้ว ศิษย์มีตาหามีแว่นไม่ ศิษย์ขอขมา ได้โปรดยกโทษให้ศิษย์ และรับศิษย์เป็นศิษย์ด้วยเถอะ”

เจิดหยิบแว่น 3 มิติขึ้นมาดูอย่างดีใจ
“อยู่นี่เอง ไอ้แว่นเจ้าปัญหา ทำให้ฉันต้องเดือดร้อน เฮ้ย”
อยู่ๆ เจิดร้องขึ้น ทำเอาทุกคนสะดุ้งตกใจไปด้วย
“ทำไมกระจกแว่นมันแตกอย่างนี้”
“มันเป็นอุบัติเหตุนะลุง หนูไม่ได้ตั้งใจ”
“ถึงทำให้พ่อสายลับหลงยุคนี่ กลับไปสู่หนังสายลับโบราณของตัวเองไม่ได้ไงลุง” ตฤณบอก
“ก็เพราะอย่างนี้ เชนถึงต้องการคุณมาช่วยซ่อมแว่นให้”
“ไอ้วิศวะ แกบอกเขาไปสิว่าแกซ่อมแว่นเรียบร้อยแล้ว เพราะแกคืออัจฉริยะ ถ้าเอาจริงขึ้นมา ก็ไม่แพ้ใครในโลก จริงไหมไอ้วิดวะ”
“เอ่อ คือ คือ”
“คือๆ อะไร แกบอกไปเลยซีว่าแกซ่อมแว่นสำเร็จแล้ว ลุงสายลับสูงวัยหลงทางจะได้กลับๆ ไปเสียที เย้ ดีใจจังเลย”
“เอ่อ แต่ ฉันเกรงว่า เวลาดีใจของแกคงยังไม่มาถึงว่ะ ตฤณ”
“แกหมายควายว่าไงวะ”
“ก็หมายความว่ามันซ่อมไม่ได้น่ะซิ”
“หา ซ่อมไม่ได้”
เชน ตฤณ ตังตัง อุทานพร้อมเพรียงกัน
“อย่างงั้นเลย อย่างที่ลุงว่า ทำไงก็ซ่อมไม่ได้ ใส่ฟันเฟืองก็แล้ว อะไรก็แล้ว มันไม่ทำงานเลย นิ่งสนิท”
“ไม่เป็นไร นายซ่อมไม่ได้ แต่คนที่ประดิษฐ์แว่นขึ้นมาเอง ยังไงก็ต้องซ่อมได้แน่นอน ถูกต้องไหมครับลุง”
เจิดมองแว่นไปมาแล้วถอนใจ
“เสียใจว่ะพ่อสายลับ ถ้าเลนส์มันแตกแบบนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะซ่อมยังไงเหมือนกัน”
“ห่ะ”
“งั้นก็หมายความว่า” ตังตังไม่กล้าพูดต่อ
เจิดเงียบ ทุกคนเงียบ มองไปที่เชนเป็นตาเดียว เชนหมดหวัง เสียใจ แม้พยายามจะเข้มแข็งไว้
“เชนหมดโอกาสที่จะกลับไปยังที่ที่เชนจากมา เชนจะไม่ได้กลับไปช่วยลินดาแล้ว มิสเตอร์โอเคจะครองโลกตลอดกาล”

ตอนเย็น เชนยืนเท่อยู่บนสะพานพุทธตรงจุดเดียวกันกับที่เห็นร่างลินดาถูกมัดครั้งสุดท้ายก่อนระเบิด เขามองไปยังพระอาทิตย์สีทองดวงโตกำลังจะตกดิน เหนือแม่น้ำ
“แสงอาทิตย์สีทองดูเรืองรองอร่ามตาส่องมาที่เชน แต่ทำไมชีวิตเชนถึงดูมืดมนนัก ฟ้าลิขิตให้เชนต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปอย่างนั้นหรือ ไม่มีวัน สายลับเชนต้องไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตาชีวิต”
เชนก้มลงไปมองแม่น้ำเจ้าพระยา นึกถึงภาพสุดท้ายที่ลินดาลอยดิ่งลงสู่เบื้องล่าง
“ลินดา เราเกิดมาเพื่อเป็นคู่หูกัน คู่หูย่อมไม่ทิ้งกันให้เดียวดาย ในเมื่อที่ตรงนี้แยกเราสองจากกัน บางทีที่ตรงนี้อาจจะพาเชนกลับไปอีกครั้ง ละ ละ ละ ลินดา รอเชนด้วย”
เชนจับผ้าพันคอแดงแล้วกระโดดลงไปเบื้องล่าง

“อ๊าก”

ปวันกับจ่าเจี๊ยบแอบเข้ามาในร้านเนรมิต เพื่อหาหลักฐาน
 
“ตาลุงประหลาดแกหนีจากพวกด็อกเตอร์อาทิตย์ได้ ก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย พวกนายเชนพอออกจากบ้านก็นั่งแท็กซี่ตรงมาที่ร้านนี่เหมือนกัน”
“แถมพวกลูกน้องด็อกเตอร์อาทิตย์ก็ตามลุงแกมาที่นี่ถูกเหมือนกัน”
“ชัดเลยว่าทั้งนายเชนและด็อกเตอร์อาทิตย์รู้จักลุงแกเป็นอย่างดี แปลว่าลุงคนนี้ต้องไม่ธรรมดา”
“ไม่ธรรมดาแบบสั่งพิเศษ เป็นเจ้าพ่อ เป็นมาเฟีย เป็นเอเย่นต์ค้าเนื้อสด เป็นเจ้ามือหวยรายใหญ่ เป็นจารชน อะไรงี้น่ะเหรอเจ๊ อ่ะจ๊าก”
ปวันหันมากระพริบไฟใส่หน้า
“อย่าเพิ่งตกใจ ที่สาธยายมาทั้งหมดอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ อยากรู้ว่าตาลุงคนนี้เป็นใคร รีบๆ ช่วยกันหาหลักฐานด่วน”
ปวันเดินแยกไปอีกทาง ขณะที่จ่าเจี๊ยบหันมาเจอหุ่นเอเลี่ยนจากในหนังที่วางอยู่ข้างๆ ก็ตกใจ ตบหัวเอเลี่ยนผัวะ
“โธ่เอ๊ย ยืนไม่ให้สุ่มให้เสียง”
จ่าเจี๊ยบหันเดินส่องไฟฉายไปภายในร้านที่มีแต่ของเล่นของประกอบฉากในหนังประหลาดๆ
“ที่แน่ๆ ตาลุงนี่ต้องเพี้ยนขั้นจิต ไม่ก็เป็นเซียนของแปลกพิสดาร ปรมาจารย์ทางด้านแฟนตาซีไซไฟ ทั้งร้านมีแต่ข้าวของและสัตว์สยองในหนัง บรื๋อ”

ที่ท่าน้ำใต้สะพาน อยู่ๆ มือข้างหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาเกาะตลิ่ง ก่อนที่มืออีกข้างจะโผล่ตามขึ้นมา พร้อมร่างของเชนที่ตะกายขึ้นมาจากแม่น้ำ ตัวเปียกโชก หมดเรี่ยวหมดแรง หลังจากกระโดดลงจากสะพาน แล้วไม่กลับไปดั่งหวัง กลับจมน้ำแทน ต้องใช้ทักษะสายลับว่ายน้ำเชี่ยวเข้าฝั่งได้ เชนขึ้นมานอนแผ่หรา ตามองไปที่ท้องฟ้า พยายามบอกกับตัวเอง
“เชนได้กลับมาแล้ว กลับมาช่วยลินดา”
ขณะนั้นเองมีเด็กแว๊นกับสาวสก๊อยซ้อนท้ายมอร์เตอร์ไซค์ซิ่งเข้ามาขับวนเชน 2 คัน
“ใครมานอนตายอยู่ตรงเน้วะ”
“มัวแต่ถามไมอ่ะ จอดเร็วซี”
“ห่ะ แกจะช่วยเขาเหรอยะ”
“มาเซลฟี่ลงเฟสย่ะอีติ๋ม”
“แอร๊ย แล้วก็เพิ่งบอก เร็วๆๆ”
ทั้ง 4 คน รีบลงจากรถมาโพสต์ท่าถ่ายรูปด้วยมือถือกัน โดยมีเชนนอนเป็นแบ็คกราวด์
“เฮ้ย เชนยังไม่ตาย”
เชนกระเด้งขึ้นมานั่ง เด็กแว๊นกับสก๊อยทั้งสี่ตกใจ ผงะออก
“โธ่เพ่ ไมไม่ตาย แบบว่าอยากถ่ายกับศพเป็นที่ระทึกอ่ะ”
เด็กทั้งสี่พากันหัวเราะ เชนรู้ทันทียังอยู่ยุคเดิม
“ห่ะ เชนยังอยู่กรุงเทพมหานครยุคนี้อีกเหรอเนี่ยไ”
“แล้วลุงอยากจะไปยุคไหนล่ะ”
“ก็ดูลุงเขาแต่งตัวดิ มันต้องยุค 60-70 มั้ง รุ่นเดียวกะปู่เขาอ่ะตัว”
“เซ็งแสด ลุงไม่ตาย ไปเหอะ”
พวกเด็กแว๊นสก๊อยส่ายหน้าเซ็ง แล้วก็กลับขึ้นมอเตอร์ไซค์ซิ่งกันออกไป เชนลุกขึ้นยืนอย่างไม่ยอมแพ้
“เชนต้องกลับไปให้ได้ นอกจากแว่น 3DDD นั่นแล้ว มันต้องมีที่ไหนสักแห่ง อะไรสักอย่างที่พาเชนกลับได้อีก แล้วเชนก็นึกถึงร้านเนรมิตศูนย์รวมของเล่นมหัศจรรย์
“คงจะมีที่นั่นที่เดียวที่เป็นความหวังสุดท้ายของเชน”
เชนมีความหวังอีกครั้ง ก้าวเดินออกไป

ปวันกำลังค้นอยู่ที่โต๊ะเจิดภายในร้านเนรมิต เจอเอกสารต่างๆ พวกจดทะเบียนร้าน ใบวุฒิต่างๆ
“เจิด พันแสง เป็นเจ้าของร้านนี้ เรียนจบด้านวิศวะเคมี มีปริญญาหลายใบ จบจากเมืองนอกซะด้วย นี่อะไร โอ้ว เคยชนะการแข่งขันประดิษฐ์หุ่นยนต์ โมเดลโน่นนี่เพียบเลย”
“แล้วมันเกี่ยวไรกับที่เราสืบๆ กันอยู่อ่ะเจ๊”
ว่าแล้วจ่าเจี๊ยบก็คว้านกหวีดเป็ดที่เจออยู่แถวนั้นขึ้นมาเป่า ทำเอาปวันมองหน้า แต่จ่าเจี๊ยบก็ยังไม่หยุดแถมวาดลวดลายเป่านกหวีดพร้อมโบกมือแบบจราจร
“ต้องฝึกไว้ก่อน จะได้ชิน 1 อาทิตย์ ฮ่ะๆๆ เห็นแววละ ยังไง้ผู้กองก็ไม่มีทางสืบเรื่องไอ้คนขาวดำมานำเหนอผู้การทัน ปี๊ด ปี้ ปี๊ด”
จ่าเจี๊ยบเพิ่มลีลาจากตำรวจจราจรธรรมดาเป็นลีลาเต้นฮิบฮอบผสมเกาหลี
“ผู้ชายขาวดำในวันปล้นธนาคาร ก็คือนายเชนผ้าพันคอแดงนั่นแหละ”
“เจ๊มั่นใจ”
“ฉันเอาความสวยเป็นประกัน”
“โห ขนาดเอาความสาวเข้าเสี่ยง เจ๊ยังไม่ได้หลักฐานมายืนยันเลยนะ ว่าใช่จริง”
“เพราะเรื่องนี้มันไม่ธรรมดาไงจ่า มันถึงหาคำตอบไม่ง่าย ตาลุงหนวดแกสำคัญยังไง ทำไมทั้งนายเชนและพวกลูกน้องของด็อกเตอร์อาทิตย์ถึงพากันแย่งตัว เฮียแกกุมความลับอะไรไว้ ถ้าเราหาคำตอบเรื่องนี้ได้นะจ่า ทุกๆอย่างที่เรากำลังสืบกันอยู่ทั้งหมด มันต้องกระจ่าง”
ปวันได้ยินเสียงดังมาจากหลังร้าน รีบปิดไฟฉายทันที จ่าเจี๊ยบปิดไฟฉายตาม มองหน้าปวันซึ่งชักปืนคู่กายออกมา
“มีคนเข้ามาในร้าน”

ที่มุมหลังร้าน เชนเดินเข้ามาสอดส่ายมองหาข้าวของในร้านที่จะช่วยให้ตัวเองกลับเข้าไปอยู่ในหนังอย่างเดิมได้ เขาหันไปมุมหนึ่งที่มีแว่นตาประหลาดนานาชนิดวางอยู่
“แว่นทั้งนั้นเลย”
เชนเดินเข้ามายืนมองแว่น แล้วลองเลือกขึ้นมาใส่อันหนึ่ง แล้วทำท่าประจำของสายลับเชน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาถอดแว่น เปลี่ยนมาใส่อันอื่น
“พาเชนกลับไป”
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก เชนเปลี่ยนใส่ใหม่อีกหลายอัน
“เฮ้ย พาเชนกลับไปเซ่ ห่ะ ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ พาเชนกลับไป พาเชน”
เชนชะงัก ได้ยินคนเดินมา

จ่าเจี๊ยบแอบเดินถือปืนโผล่มา จ่อไปยังที่ๆ เห็นคนยืนอยู่เมื่อครู่
“เฮ้ย หยุด ยกมือ อะ อ้าว โบ๋เบ๋”
เชนไม่ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว จ่าเจี๊ยบจะหันไปมองหา แต่เชนโผล่พรวดมาจากด้านข้างอย่างรวดเร็ว จับมือที่ถือปืนของจ่าเจี๊ยบบิด
“อ๊าก”
จ่าเจี๊ยบร้องลั่น จำต้องปล่อยปืนร่วง แต่เตะสู้ กลับถูกเชนยกแข้งรับศอก สวนตามด้วยทุ่มจ่าเจี๊ยบลงไปกองกับพื้น ปวันโผล่มาทางด้านหลังเชน กระโดดถีบ แต่เชนสไลด์ตัวออกข้างๆ ผละจากจ่าเจี๊ยบที่นอนจุก ปวันสาวหมัดใส่ แล้วเตะเข้าใส่ แต่เชนก็หลบ รับได้หมด จนปวันเล็งปืนไปที่เชน
“หยุดนะ อย่าขยับ”
เชนไวมาก จับข้อมือปวันที่ถือปืนชี้ขึ้นด้านบน ใช้ตัวดันปวันหลังติดฝาไว้ ทำให้ตัวทั้งคู่เข้ามาแนบชิดกัน ปวันเห็นหน้าเชนชัดๆ
“นายเองเหรอ เข้ามาที่นี่ทำไม”
“แล้วคุณล่ะ เข้ามาทำไม”
“ฉันถามนาย ไม่ต้องมาย้อน ปล่อย”
ปวันพยายามดิ้นสู้ เชนหมุนตัวบิดมือที่ถือปืนของปวันมาล็อคคอเธอไว้ด้านหน้าเสียเอง โดยที่ตัวเชนยืนล็อคอยู่ด้านหลังปวัน
“ผมจะปล่อย ถ้าคุณสัญญาว่าเลิกยุ่งกับผม”
เชนมองไปที่จ่าเจี๊ยบซึ่งลุกขึ้นคว้าปืนเล็งมา
“โอเค โอเค้ จ่า เก็บปืน”
จ่าเจี๊ยบเก็บปืน เชนเห็นอย่างนั้น ค่อยๆ ปล่อยปวัน ปวันเก็บปืน หันมามองเชน
“นายพาตัวลุงเจิดเจ้าของร้านนี้ไปไว้ที่ไหน”
“เท่าที่สมองผมจำได้ ผมไม่ได้ทำความผิดอะไรนะครับคุณตำรวจหญิง ผมไม่ใช่โจร แล้วก็ไม่ใช่ผู้ต้องหาของคุณ เพราะฉะนั้นเชนไม่จำเป็นต้องตอบ”
เชนกำลังอยู่ในอารมณ์อยากจะหาทางกลับ พูดจบก็หันเดินไปมุมด้านในของร้าน ปวันยืนเซ็ง หันมาเห็นจ่าเจี๊ยบเจ็บไหล่และหลัง
“เป็นไงบ้างจ่า”
“แรงไอ้หมอนี่ยังกับม้าผสมแรด จับบิดซะกระดูกกระเดี้ยวจะหัก โอ๊ย หลังฉัน”

“งั้นจ่ากลับไปหากอเอี๊ยะแปะซะไป ทางนี้ เดี๋ยวฉันจะเคลียร์กับไอ้หมอนี่เอง”

เชนเดินหยิบโน่นหานี่หวังว่าจะมีอะไรที่จะพาเขากลับไปได้บ้าง ปวันเดินตามมายืนมองอยู่ข้างหลังอย่างแปลกใจ กดเปิดสวิตช์ไฟในร้านให้สว่างขึ้น
 
“นายหาอะไรอยู่”
“ของที่สามารถจะพาผมกลับไปได้”
“นายจะกลับไปไหน”
“กลับไปที่ที่ผมจากมาไงครับ”
“แล้วนายมาจากไหนเหรอ”
ปวันปรี่เข้ามาถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น พลางคิดว่าจะล้วงความลับเชนได้แน่ แต่เชนไม่หลุด
“วังบูรพา”
“ห่ะ วังบูรพา”
“บ้านผมอยู่วังบูรพา พอผมโต จำความได้ ผมก็อยู่ที่วังบูรพาแล้ว”
“ถ้าอยู่แค่วังบูรพา นายก็โบกแท็กซี่กลับไปเลยซี ต้องมาหาอะไรที่นี่”
“ถ้ามีแท็กซี่พาผมกลับไปได้ก็ดีซิครับคุณตำรวจ”
“นายหมายถึง พวกแท็กซี่ช่วงนี้ เขาไม่ค่อยยอมไปส่งตามปลายทางที่ผู้โดยสารต้องการใช่ไหม เอางี้ เดี๋ยวฉันไปส่งนายเอง”
เชนชะงักหันมามองปวัน
“ขอบคุณมากครับคุณเอ่อ”
“ฉันชื่อปวัน”
“เรียกผมว่าเชนครับ”
เชนยื่นมือไปให้จับ ปวันยื่นมือมาจับทำความรู้จักด้วย เชนจับมือปวัน ราวกับมีกระแสไฟฟ้าช็อตเข้าสู่ตัวทั้งสองคน ทั้งคู่อึ้งมองหน้ากัน เชนรู้สึกถูกอกถูกใจปวันราวกับเป็นบุพเพสันนิวาส
“รู้ไหมครับ ถึงคุณจะดุ แต่คุณเป็นผู้หญิงที่สวย และก็มีน้ำใจมาก”
ปวันรีบดึงมือกลับ
“เอ่อ ขอบใจ อย่ามัวพูดมาก ตกลงจะให้ฉันไปส่งที่บ้านนายไหม”
เชนยกปืนเลเซ่อร์เด็กเล่นขึ้นมายิง ฟังเสียงปืนแล้วรู้สึกหมดหวังเพราะดูเหมือนทั้งร้านมีแต่ของเด็กเล่น
“คุณช่วยผมไม่ได้หรอก ผมคงหมดหนทางที่จะกลับไปแล้วจริงๆ”
เชนวางปืน เลิกหาข้าวของ ปวันยิ่งฟังยิ่งมึน ยืนเท้าเอว
“ช่างนาย ฉันไม่สนแล้ว ว่านายจะกลับไปไหน แต่ที่ฉันสนคือ นายเป็นใคร นายมีปัญหาอะไรกับด็อกเตอร์อาทิตย์”
“ด็อกเตอร์อาทิตย์ ใครครับ ผมไม่รู้จัก”
“นี่ อย่ามาฟอร์มได้ปะ ขอร้อง ถ้านายไม่รู้จัก แล้วทำไมด็อกเตอร์อาทิตย์ถึงได้ส่งลูกน้องมาแย่งชิงตัวลุงหนวดกับนายล่ะ”
“ผมบอกตรงๆ นะครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมแค่มาหาลุงคนนั้นที่ร้านนี้ แต่อยู่ๆ ก็เจอคนพวกนั้นมาไล่ยิง จะจับตัวลุงแกไป คนผดุงความยุติธรรม ช่วยเหลือคนดีกำจัดคนชั่วอย่างเชน ก็เลยต้องช่วยลุงเจิดไปอยู่ในที่ปลอดภัย”
ปวันมองหน้าเชน ดูเขาจริงจัง ไม่รู้จริงๆ
“ถ้าอย่างงั้น นายต้องการอะไรจากลุงเจิดคนนี้”
“ขอโทษนะครับ เรื่องส่วนตัว ถ้าผมไม่ตอบ ตำรวจจับไหมครับ”
ปวันอึ้งไป เถียงไม่ออก
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณปวัน ออ ก่อนออกจากร้านไป อย่าลืมปิดไฟในร้านให้ลุงแกด้วยนะคร้าบ”
เชนหันเดินกลับไปทางหลังร้าน ปวันมองตามอย่างเจ็บใจ
“เดี๋ยวก่อนนายเชน”
ปวันรีบวิ่งไปปิดไฟในร้าน ก่อนรีบตามเชนไป

ปวันวิ่งหน้าตั้งออกมาที่หลังร้านเนรมิต
“นายเชน”
ปวันเคว้ง ไม่เห็นเชนแล้ว
“โธ่เว้ย หายตัวได้ป่าววะหมอนี่ เร็วเป็นบ้า หึ บ้านอยู่วังบูรพางั้นเหรอ สตอเบอรี่ที่สุด วังบูรพาอยู่ใกล้แค่นี้ ทำไมต้องมาเช่าบ้านป้าแฝดอยู่ด้วย ห่ะ”
ปวันพูดแล้วนึกขึ้นได้ว่าเชนต้องกลับไปบ้านเช่าแน่ๆ
“บ้านเช่า”
ปวันรีบวิ่งตาเหลือกไปเพราะเชนต้องกลับไปหาปลายฟ้าแน่ๆ

ตังตังเดินออกมาจากบ้าน ตฤณตามออกมา
“ไม่ต้องออกไปตามให้เมื่อยหรอกน่าตังตัง เดี๋ยวนายสายลับหลงมิติเขาคิดได้ ก็กลับมาหาเราเองแหละน่า”
“เชนจะคิดได้ว่า”
“ก็ดิ้นรนไปก็ไม่มีประโยชน์ไง ในเมื่อกลับไปไม่ได้ ก็ต้องทำใจให้ได้”
“วีรบุรุษอยู่ที่ไหน ย่อมเป็นวีรบุรุษ”
เสียงเชนดังขึ้น ตังตังหันมองหา เห็นเชนนั่งชันเข่าท่าเท่ๆ ผ้าพันคอปลิวไสวอยู่บนหลังคาบ้าน
“สายลับเชนกลับมาแล้ว”
เชนยืนขึ้นด้วยท่าทีมุ่งมั่น
“ในเมื่อฟ้ากำหนดให้เชนอยู่ที่นี่ เชนก็จะอยู่ ช่วยเหลือทุกคนที่นี่ วีรบุรุษอยู่ที่ไหน ย่อมเป็นวีรบุรุษ”
“มันต้องยังเง้เซ่”
ตังตังดูดีใจ แต่ตฤณกลับรู้สึกถึงปัญหาที่จะตามมา
“ที่สำคัญ เชนไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกแล้ว ณ เวลานี้ เชนมีคนที่จะต้องปกป้องดูแล นั่นก็คือ คุณปลายฟ้า”
ตฤณทำปรบมือ
“พูดน่ะมันง่าย แต่เวลาทำจริงๆ มันไม่ง่ายหรอก การที่คนหลงยุคอย่างนาย จะมาอยู่อย่างคนปรกติปะปนกะชาวบ้านเขา ในโลกแห่งความเป็นจริงเนี่ย”
“นายก็ช่วยสอนฉันซิ”
“ให้ฉันสอน”
เชนกระโดดลงมา ยื่นมือตบไหล่ตฤณ
“ช่วยสอนเชนให้เป็นคนธรรมดาเหมือนคนปัจจุบัน”
ตฤณยิ้มกวนๆ ตบไหล่เชนตอบ
“ได้เลย”

ตฤณวางซองเอกสารปึกหนึ่งลงตรงหน้าเชน
“อ่ะ นี่ไง ภาระหน้าที่ของคนธรรมดายุคนี้ ที่ใครๆ ก็ต้องทำ”
เชนมองอย่างแปลกใจ ก่อนหยิบขึ้นมาดู
“ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์ เอามาให้เชนดูทำไม”
“ก็นี่ไง คนธรรมดาทุกคน เขาต้องทำงานหาเงิน ไม่ใช่วันๆ กินอุดมการณ์ เอาแต่ปราบเหล่าร้ายเหมือนชีวิตนายในหนัง”
“ทำงาน หาเงิน”
“อ่ะชัวร์ ทำงานๆๆ ยิ่งถ้านายจะดูแลคุณปลายฟ้าของนาย นายยิ่งต้องทำงานๆๆ หาเงินมาให้ได้เยอะๆ เพื่อสร้างฐานะสร้างอนาคตให้ตัวเอง ไม่อย่างงั้น”
“เชนก็จะเหมือนน้าตฤณนี่ไง”
ตังตังผายมือไปที่ตฤณ ตฤณแป่ว หลานรู้มุก
“เหมือนยังไง” เชนงง
“โธ่เอ๊ย ก็ถูกผู้หญิงทิ้งไง เหมือนกับที่เจนทิ้งฉันไป เพราะฉันสร้างอนาคตให้เจนไม่ได้ ทั้งๆ ที่ฉันก็พยายามแสวงหาความสำเร็จจากอาชีพนักเขียนการ์ตูนแล้ว แต่ยังหาไม่พบ จนถึงวันนี้ฉันยังไปไม่ถึงจุดนั้นซะที ซึ่งเจนเขาไม่รอ”
ตฤณซึมไปอีก เชนพยักหน้าเข้าใจ
“โอเค เชนเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างงั้นเชนจะทำงาน”
“แล้วเชนจะทำอะไรได้อ่ะ บัตรประชาชนก็ไม่มี เรียนจบไรมาก็ไม่รู้ ไม่ต่างกับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง”
“งานอะไรก็ได้ เชนอดทน สู้ไม่ถอย เชนทำได้ทั้งหมด เพื่อนเอ๋ย ชาติที่แล้ว เราคงทำบุญร่วมกันมา ถึงได้มาเจอกันในวันนี้”
เขนจับไหล่ตฤณ ตฤณทำหน้ารู้ทัน
“ไม่ๆๆ ฉันไม่ช่วยนายหางานหรอก ไม่มีทาง”
“ขอบคุณล่วงหน้า ตอนนี้คุณปลายฟ้าคงรอเชนอยู่”
เชนยิ้ม ตบไหล่ตฤณ แล้วรีบเดินขึ้นชั้นบนไป
“เฮ้ย ดะๆ เดี๋ยว”
“ไม่ทันแล้วน้าตฤณ น้าตฤณต้องช่วย”
ตฤณขยี้ๆ หัวจนยุ่ง
“โฮ่ย วุ่นวายไม่จบไม่สิ้น เอะอะก็จะให้ช่วย แล้วน้าจะไปหางานที่ไหนให้นายเชนได้ห่ะ งานตัวเองยังจะไม่มีทำอยู่แล้ว”
ตฤณนั่งเหนื่อยใจ แต่ตังตังคิดได้เร็วมาก
“ไม่เห็นต้องเก๊กซิมเลย น้าตฤณมีน้าเจนคนเก่งอยู่ทั้งคน น้าเจนรู้จักตั้งแต่คนเก็บขยะยันซุปเปอร์สตาร์ เรื่องขี้จิ้งจกแค่เนี่ย รับรองน้าเจนต้องช่วยล่าย”
“เจน เหนือกว่าน้า เก่งกว่าน้า ดีกว่าน้าอีกแล้ว จริงไหม”
“คิดอะไรแบบนั้น น้าตฤณ ทำไมไม่คิดว่าเหตุผลเรื่องช่วยเชน จะทำให้น้าได้กลับไปเวิ่นเว้อเจอะเจอกะน้าเจนอีกอย่างสมเหตุสมผลไง”
 
ตฤณค่อยๆ ยิ้มออก เขากำลังคิดถึงเจนจิรา อยากเจอเธออยู่พอดี และเรื่องเชนนี่แหละอาจจะเป็นสะพานพาเขากลับไปคืนดีกับเจนจิราได้อีกครั้ง

สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 5 (ต่อ)

ดงต้นไม้ข้างรั้วด้านหนึ่งของเขตบ้านเช่ากำลังสั่นไหวเหมือนมีตัวอะไรมุดเข้ามา
ปวันปลอมตัวเป็นปลายฟ้ารีบกลับมายังบ้านเช่า แหวกดงไม้โผล่หัวออกมา มองซ้ายมองขวา ก่อนจะรีบโผล่ออกมาทั้งตัวอย่างทุลักทุเล
“หวังว่าจะมารับหน้าตานั่นทัน เฮ้ย”
ปวันต้องตกใจเมื่อก้มมองไป เห็นหัวรองเท้าบู้ทหนังแบบหุ้มแข้งขี่มอเตอร์ไซค์โผล่อยู่ เธอถลกกระโปรงดู
“ว่าแล้ว ลืมเปลี่ยนจนได้”
ปวันรีบยกขาขึ้นถอดรองเท้าทีละข้าง พลางกระโดดโหยงไปที่บ้าน ถอดเสร็จ ซ่อนๆ ซุกๆ ไว้แถวนั้น แล้วเดินเขย่งเท้าจะไปที่บ้าน แต่เสียงเชนดังขึ้น
“คุณปลายฟ้าทำอะไรน่ะ”
ปวันชะงักหันไปมอง เห็นเชนยืนมองอยู่ โดยสวมชุดสูทเต็มยศ
“อ่า เปล่านี่คะ ปลายฟ้าไม่ได้ทำอะไร”
“แล้วทำไมเดินเท้าเปล่าอย่างงั้นล่ะครับ”
“เอ่อ อ๋อ คือรองเท้าหายน่ะค่ะ ไม่รู้สุนัขที่ไหนคาบไปรับประทาน แฮ่”
“โถ เดี๋ยวเท้าบอบบางก็โดนเศษดินเศษหินบาด ให้เชนอุ้มไปส่งดีกว่านะครับ”
เชนเข้ามาช้อนตัวปวันอุ้มขึ้น แต่ด้วยเหตุที่เธอไม่เคยทำอะไรแบบนี้ เลยลืมตัว
“อย่า”
ปวันแอบเงื้อหมัดจะชกเชนอยู่ข้างหลัง
“แค่อุ้มเฉยๆ ครับ ผมสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ว่าจะไม่ล่วงเกินคุณปลายฟ้าอีก จนกว่าเราจะได้แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามประเพณี”
ปวันชะงัก หยุดหมัดตัวเองไว้ทัน
“แต่งงานตามประเพณี เอาจริงเหรอคะ”
“ผมจริงจังครับ เพราะผมจะไม่ไปไหน ผมจะอยู่ดูแลคุณปลายฟ้าไปตลอดชีวิตของผม เพราะฉะนั้น คืนนี้ฤกษ์ดี เราสองคนมาตกลงกันถึงอนาคตที่เราจะใช้ชีวิตร่วมกันเสียทีนะครับ”
ปวันอึ้งค้าง แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงท้องร้องดังขึ้น สัญชาติญาณระวังตัวของเชนทำงานทันที หันมองหา
“ห่ะ เสียงอะไร”
“ก็เสียงท้องคุณนั่นแหละร้อง ร้องดังมาก นี่แสดงว่าต้องหิวมากๆ ไม่รู้ตัวหรือไงคะว่าหิว”
เชนส่ายหน้างงๆ ไม่เคยหิวมาก่อน
“หิว เชนหิวเหรอเนี่ย”

เจนจิรากลับเข้าบ้าน หลังจากตระเวนสัมภาษณ์ทั้งวันก็ทรุดนั่งเหนื่อย หมดแรงอยู่ที่โซฟา แล้วนั่งนิ่งอยู่เงียบๆ คนเดียว รู้สึกว่าบ้านเงียบมาก หันไปมองตุ๊กตาลิงที่วางอยู่ ค่อยๆ หยิบตุ๊กตาลิงมา แล้วนึกไปถึงตฤณ
เมื่อหลายเดือนก่อน เจนจิราเหนื่อยจากการทำงานฟุบอยู่กับกองสคริปต์ที่ต้องเตรียม ตฤณโผล่มาใช้เจ้าตุ๊กตาลิงน้อยแหย่ๆ เจนจิราปัดตุ๊กตา โวยวายใส่ตฤณ ไล่ตฤณ แต่ตฤณก็ไม่หยุด ยังคงแหย่เล่นต่อไป จนเจนจิราฉุนลุกขึ้นมาผลัก ไล่ตีตฤณ ตฤณหัวเราะวิ่งหนีแล้วก็โผเข้ามากอดเจนจิราไว้ทางด้านหลัง อ้อน ขอโทษ แต่เจนจิราค้อนตาเขียว ไม่มีอารมณ์เล่นด้วย ออกจะรำคาญด้วยซ้ำ
เจนจิรามองตุ๊กตาลิง ขยับตุ๊กตาเหมือนกับที่ตฤณเคยทำใส่ วันนั้นสุดแสนรำคาญที่ตฤณมักเล่นไม่รู้เวล่ำเวลา แต่มันคือสิ่งดีๆ ที่เธอจดจำได้ในวันนี้ และ ณ วันนี้ไม่มีตฤณคอยป่วนชีวิตอีกแล้ว เจนจิรารู้สึกใจหาย แต่ก็พยายามหลอกตัวเอง
“ถ้ายังคบกัน ป่านนี้คงตามมาป่วนเราแล้ว ไม่รู้จักโต เล่นไม่รู้จักเวล่ำเวลา”
เสียงมือถือดังขึ้น เจนจิรากอดตุ๊กตาเดินไปคว้ามือถือมาดู เห็นเป็นชื่อตฤณ ก็ร้อนตัว ทำเสียงแข็งๆรับสาย
“ฮัลโหล โทรมามีธุระอะไร”
“ตัวเองอยู่บ้านป่าวอ่ะ เขามีเรื่องจะคุยด้วย”
เจนจิราอึ้งๆ ไป ไม่อยากให้ตฤณมาหาที่บ้าน กลัวใจอ่อน
“เอ่อ ไม่อยู่ ยังทำงานอยู่ข้างนอก มีเรื่องไรก็คุยมาทางโทรศัพท์นี่แหละ”
“ตัวเองไม่อยู่บ้านจริงๆ เหรอ”
“เอ๊ะ บอกว่าไม่อยู่ก็ไม่อยู่ซี”
“แต่ตอนนี้เขาอยู่หน้าบ้านตัวเองแล้ว”
“ว่าไงนะ”
เจนจิรารีบเดินมาเปิดหน้าบ้าน ก็เห็นตฤณยืนถือมือถืออยู่พร้อมกับส่งยิ้มทะเล้นโบกมือ

เชนเดินตามเข้ามาดูที่บ้านเช่า เห็นด้านหลังปวันเหมือนกำลังทำอาหารอยู่
“ลูกผู้ชายอย่างเชน เกิดมา ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำอาหารให้กินมาก่อน คุณปลายฟ้าคือคนแรก ผมคิดแล้ว ว่าคุณปลายฟ้าต้องเป็นแม่ศรีเรือน”
ปวันยิ้มแห้งๆ กระพริบตาแบ๊วๆ หันกลับมาพร้อมคัพนูดเดิล 2 ถ้วยที่ใส่น้ำร้อนจนเส้นสุกดีแล้ว
“เชิญกินได้เลยค่ะ เส้นนุ้มนุ่มกำลังดี”
ปวันพูดพลางวางถ้วยบะหมี่ลงบนโต๊ะ เชนอึ้งค้าง
“หา บะหมี่สำเร็จรูป”
“เอ่อ ค่ะ รสเป็ดพะโล้ซะด้วย คือว่า ปลายฟ้ายังไม่ได้รับเงินค่าต้นฉบับจากสำนักพิมพ์น่ะค่ะ ก็เลยไม่มีเงินซื้อหมูเห็ดเป็ดไก่มาไว้ทำกับข้าวกิน หรือว่าคุณเชนรังเกียจนักเขียนไส้แห้งอย่างปลายฟ้าคะ”
“ไม่รังเกียจเลยครับ บะหมี่เป็ดพะโล้ฝีมือเทน้ำร้อนของคุณปลายฟ้า จะต้องอร่อยเหาะแน่ๆ เลยครับ”
เชนหยิบถ้วยบะหมี่ขึ้นมายื่นรอชน ด้วยยิ้มที่จริงใจ ทำเอาปวันอึ้ง เลยหยิบถ้วยขึ้นมาชนด้วย
“ผมไม่เกรงใจนะครับ”
เชนเริ่มกินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อยพลางยกหัวแม่โป้ง
“อืม อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ ลองชิมดูซีครับ”
เชนพูดพลาง คีบเส้นยื่นป้อนให้ ปวันจำต้องกิน
“อ้ำ เป็นไงครับ อร่อยเหาะไหม”

เชนทำท่าเหาะพลางหัวเราะ ทำให้ปวันมองเห็นความน่ารักของผู้ชายคนนี้

ตฤณนั่งอยู่ในห้องรับแขกบ้านเจนจิรา หยิบตุ๊กตาลิงขึ้นมา
 
“ตัวเองยังเก็บเจ้าจ๋อของเขาไว้อีกเหรอเนี่ย”
เจนจิราทำหน้าไม่ถูก เลยทำฟอร์มรีบคว้าตุ๊กตาลิงเขวี้ยงออกจากห้องไป
“ตอนนี้เขาเขวี้ยงทิ้งไปแล้ว พูดธุระของตัวเองมาได้หรือยัง เรื่องสำคัญอะไรต้องมาหาเขาที่บ้านมืดๆ ค่ำๆ แบบนี้”
“ก็เรื่องนายเชนน่ะซิ”
เจนจิราดูสนอกสนใจ ห่วงใยเชนขึ้นมาทันที
“ห่ะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเชน อ้ำอึ้งอยู่ทำไม รีบบอกเขามาเร็วๆ ซี”
เจนจิราจับแขนตฤณเขย่าถามอย่างร้อนใจ ตฤณทั้งหมั่นไส้ ทั้งน้อยใจ สะบัดแขนเจนจิราออก
“โอ๊ย ตัวเองเป็นห่วงนายเชนมากกว่าเขาซะอีกอ่ะ”
“เขาไม่อยากฟังตัวเองบ่น เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเชน บอกมาๆ”
“ก็ได้ๆ นายเชนไม่มีโอกาสกลับเข้าไปอยู่ในหนังสายลับเชนอีกแล้ว”
“ซ่อมแว่นไม่สำเร็จเหรอ”
เจนจิราแปลกใจ

เชนคนบะหมี่ในถ้วยแล้วคิดอย่างทำใจ
“ผมจะไม่ไปไหน ผมจะอยู่ที่นี่ ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคุณปลายฟ้า ผมจะทำงานดูแลคุณเอง ต่อไปผมจะไม่ให้คุณลำบากอีกแล้วล่ะครับ แต่ก่อนอื่นคุณต้องพาผมไปเจอคุณพ่อคุณแม่ของคุณก่อน”
ปวันถึงกับสำลัก
“ไปเจอพ่อแม่ฉัน”
“ครับ ผมจะทำตามประเพณี ผมจะไปสู่ขอคุณ”
“เอ่อ คุณพ่อคุณแม่ปลายฟ้า อยู่ต่างจังหวัดค่ะ ไกลมากเลยน้า”
“ระยะทางไม่เป็นอุปสรรคต่อความตั้งใจของเชน”
“เอ่อ แต่คุณพ่อปลายฟ้าดุขั้นโหด ยิงปืนแม่น เคยยิงหนุ่มๆ ที่มาจีบปลายฟ้าร่อแร่ไปแล้วหลายราย”
“เชนจะเป็นคนแรกที่เปลี่ยนใจคุณพ่อคุณปลายฟ้า”
“ตะ แต่คุณแม่ปลายฟ้ารังเกียจคนมีหนวดมาก”
“หลังจากนี้แม่คุณปลายฟ้าจะชอบคนมีหนวด”
เชนไม่กล้าจับมือปวัน เลยยื่นนิ้วชี้ไปแตะเบาๆ ที่หลังมือหญิงสาว ปวันมองอย่างงงๆ
“คุณปลายฟ้าครับ พรุ่งนี้เลยนะครับ พาผมไปกราบพ่อแม่คุณ”
“เอ่อ แล้วคุณมีเงินเก้าแสน ทองเก้าสิบบาทไปพบคุณพ่อคุณแม่ของปลายฟ้าแล้วเหรอคะ”
“โอ้โห ให้ผมเอาไปทำไมครับตั้งเยอะแยะ”
“อ้าว ก็ถ้าจะไปสู่ขอปลายฟ้า ก็ต้องเตรียมสินสอดไปให้พร้อมเลยน่ะซีคะ ไม่อย่างงั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ยอมให้พบแน่ๆ ค่ะ”
เส้นบะหมี่ถึงกับร่วงจากปากเชน
“สินสอด”
ปวันพยักหน้าทำแบ๊วๆ

เจนจิราฟังเรื่องจากตฤณแล้วคิดเป็นห่วงเชน
“แปลว่าสายลับเชนต้องอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ตลอดไปงั้นเหรอ แล้วเขาจะเอาตัวรอดได้ไง น่าเห็นใจจัง”
“ใช่ คนที่วันๆ ก็เอาแต่ทำตัวเป็นฮีโร่ ปราบคนพาล อภิบาลคนดีไปทั่ว ไม่เคยทำงานประกอบสัมมาอาชีพ ไม่เคยจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าภาษี จะอยู่ในโลกนี้ได้ไง”
“ไม่มีตัวตน ไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีพี่น้องญาติมิตร”
“เชนก็มีแต่พวกเรานี่แหละ แต่พวกเรา หมายถึง เขากะตังตัง ซึ่งเราน้าหลาน ไม่มีคุณสมบัติที่จะช่วยเชนได้ในเรื่องนี้ แต่เจน เจนทำได้”
“แปลว่า ตัวจะให้เขาทำอะไร”
“ตฤณก็ไม่อยากจะมากวนใจเจน แต่จำใจต้องมา เพื่อมนุษยธรรม เพื่อขอให้เจนช่วยนายเชน ช่วยหางานให้เชนทำหน่อย เพราะในที่ทำงานตัวเองน่าจะมีงานให้คนทำเยอะ งานอะไรก็ได้ ที่จะไม่มีใครสนใจตัวตนของนายเชน ไม่ต้องผ่านสัมภาษณ์ ขอดูเอกสาร วุฒิการศึกษา หรือถามประสบการณ์ ไม่งั้นเสร็จแน่”
เจนจิราคิดหนัก

เชนกินบะหมี่เสร็จ ก็มานั่งเครียดกับเรื่องสินสอด
“เงินเก้าแสน ทองเก้าสิบบาท”
ปวันเดินถือน้ำเก๊กฮวยขวดออกมาจากห้องครัว ยิ้มๆ สะใจที่สกัดเรื่องแต่งงานของเชนลงได้
“ถึงทีของฉันบ้างแล้ว”
ปวันเดินเข้ามายื่นขวดน้ำให้
“เชนคะ น้ำเก๊กฮวยผสมหล่อฮั่งก้วย แก้ปวดหัวแก้เก๊กซิมค่า”
“ขอบคุณครับ ผมชอบดื่มน้ำสมุนไพร”
“แบบนี้ปลายฟ้าทายได้เลย ว่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณต้องเลี้ยงมาแบบใกล้ชิดดูแลเอาใจใส่ ครอบครัวอบอุ่นแน่ๆ เลย ทำไมคุณไม่พาปลายฟ้าไปไหว้คุณพ่อคุณแม่คุณล่ะคะ”
เชนกลืนน้ำเก๊กฮวยฝืดคอ เพราะในหนังไม่ได้เอ่ยถึงพ่อแม่เลย
“เอ่อ ผมไม่มีพ่อแม่หรอกครับ”
“หมายถึง คุณพ่อคุณแม่คุณเสียไปหมดแล้วเหรอคะ เสียใจด้วยนะคะ ที่คุณกำพร้า”
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผมมีพ่อแม่หรือเปล่า”
“อ้าว ทุกคนก็มีพ่อแม่กันทั้งนั้น ไม่งั้นจะเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่เหรอเชน”
“นั่นน่ะซิครับ แต่เท่าที่จำได้ ไม่เคยมีใครเอ่ยถึงพ่อแม่ผมเลย ผมรู้ตัวว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ก็อายุ 25 แล้ว และผมก็กำลังโด่งดังอยู่ที่วังบูรพา”
ปวันแอบเกาหัวงงๆ
“งั้น แล้วทำไมคุณไม่อยู่ที่วังบูรพาล่ะคะ คุณมาอยู่ที่บ้านเช่านี้ทำไมคะเชน”
“ผมเอ่อ”
คำถามนี้ทำให้เชนอึดอัด เพราะต้องปิดบังว่าเขาหลุดมาจากหนังโดยบังเอิญ ปวันจับหน้าเชน ให้หันมามองหน้าเธอ ชนิดตามองตา พยายามใช้มารยาคาดคั้นเอาความจริง
“เชนคะ คุณปิดบังอะไรปลายฟ้าอยู่ ถ้าเราจะแต่งงานกัน ต้องไม่มีความลับต่อกันนะคะ แต่นี่คุณอ้ำๆ อึ้งๆ ปลายฟ้าชักไม่แน่ใจซะแล้วซี ว่าคุณเป็นใคร ตกลงคุณเป็นใครกันแน่คะเชน คุณเป็นใครบอกความจริงปลายฟ้ามาซีคะ คุณเป็นใคร”
“ผมก็เป็น เป็น”
เชนเหมือนจะสารภาพออกมาว่าตัวเองคือสายลับเชน
“เป็น”
“เป็น เป็นนายเชนคนธรรมดาที่พร้อมจะปกป้องดูแลคุณปลายฟ้าไงครับ”
เชนหอมแก้มปวันหนึ่งฟอดอย่างรวดเร็ว
“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะครับ”
เชนลุกออกจากบ้านไปทันที ทิ้งให้ปลายฟ้านั่งอึ้งจับแก้มตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ปวันก็เรียกสติตัวเองคืนมา สะบัดหน้า ดึงมือที่จับแก้มมาเขกหัวตัวเอง
“นี่แกเคลิ้มเหรอยัยบ้า เกือบจะได้ความจริงจากปากนายนั่นอยู่แล้วเชียว”

ปวันฟุบหัวลงกับโต๊ะอย่างแสนเสียดาย

ตอนเช้า เจนจิรารีบร้อนมาทำงาน หิ้วกระเป๋าเอกสาร มือก็ซดกาแฟร้อนที่ซื้อติดมือมา พอเดินเข้าแผนกมาก็พบคนกำลังจับกลุ่มคุยกัน โดยเฉพาะกลุ่มพิธีกรหญิง
 
ประมุขเดินเข้ามาพร้อมดร.อาทิตย์ อินทุ นารี แมวรีบแถเข้าไปหา
“อุ้ยตาย บอสมาแล้ว ซาหวัดดีค่ะบอส ซาหวัดดีค่ะด็อกเตอร์อาทิตย์ ฝ่ายรายการยินดีต้อนรับยามเช้าค่ะ”
แมวหันไปทำท่าบอกให้พนักงานทุกคนพูดพร้อมกัน
“อรุณสวัสดิ์ค่า”
“อรุณสวัสดิ์ทุกคน มาทำงานพร้อมหน้าพร้อมตากันแต่เช้าแบบนี้ ผมประทับใจจริงๆ ที่เลือกบุคลากรอย่างพวกคุณมาร่วมงานด้วย”
ประมุขปากหวานเช่นเคย ทำเอาเหล่าพนักงานพากันปลื้ม
“ผมไม่แปลกใจเลยที่จุดแข็งของเรา อยู่ที่ฝ่ายรายการนี่แหละ เพราะฉะนั้นผมจะปรับผัง ดึงรายการ หนึ่งในฝ่ายของพวกคุณขึ้นมาอยู่ในช่วง Prime Time”
ทุกคนฮือฮากัน มองกันไปมา
"เพราะว่า ด็อกเตอร์อาทิตย์ให้เกียรติไปร่วมอยู่ในรายการด้วย พิธีกรคนนั้นจะได้ทำงานร่วมกับด็อกเตอร์อาทิตย์ คิดดูซี โอกาสแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมีกันทุกคน”
เหล่าพิธีกรพากันตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่ ยกเว้นเจนจิราที่ยืนซดกาแฟฟังอย่างไม่ยินดียินร้ายอะไร
ขณะที่ดร.อาทิตย์ยืนยิ้มให้ทุกคน แต่ตามองมาที่เจนจิราเป็นระยะ
“เอาล่ะครับ ผมให้เกียรติด็อกเตอร์เป็นคนบอกกับทุกคนเองครับ เชิญครับด็อกเตอร์”
“สวัสดีทุกคน ศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนโลก ขอให้ทุกคนมีศรัทธา”
ดร.อาทิตย์พูดพลางขยับยื่นมือส่งไปให้ทุกคน ทุกคนไหว้พร้อมกล่าว
“ศรัทธา ศรัทธา ศรัทธา”
เจนจิราจำต้องยกมือไหว้ตามมารยาท แต่ไม่พูดอะไรตาม
“หลังจากที่ผมได้คิดพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ผมก็ตัดสินใจเลือกคุณเจนจิราครับ”
เจนจิราตกใจ กาแฟหก

เจนจิราเข้ามาอยู่ในห้องๆ หนึ่งที่มีดร.อาทิตย์ ประมุขรออยู่ โดยมีทีมหน้า ผม เสื้อผ้า พร้อมอุปกรณ์
“ผมจะเพิ่มเวลาให้กับรายการของคุณอีกครึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงที่ด็อกเตอร์อาทิตย์จะเข้ามาร่วมในรายการของคุณ” ประมุขบอก
เจนจิราตั้งตัวไม่ทัน งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ส่วนรูปแบบรายการ ผมคิดให้หมดแล้ว” ดร.อาทิตย์สรุป
เจนจิราอึ้งไป เพราะนี่รายการของเธอ เธอควรจะคิดเอง
“ฮ่ะๆ เป็นไงคุณเจน คุณไม่ใช่ได้แค่ตัวด็อกเตอร์อาทิตย์มาร่วมงานเท่านั้นนะ แต่คุณได้สมองอันเฉียบคมของด็อกเตอร์มาช่วยพัฒนารายการของคุณด้วย”
“แต่ว่า”
เจนจิราจะค้าน แต่ดร.อาทิตย์ขัดขึ้น
“ที่ผ่านมารายการของคุณเรตติ้งดี แต่ก็นิ่งๆ มาตลอด ใครที่เคยติดตามดูรายการของคุณ ก็จะดูอยู่อย่างนั้น แต่ใครที่ไม่เคยดู ก็จะไม่คิดกดรีโมตมาดูเลย ทำให้รายการของคุณย่ำอยู่กับที่ ไม่มีโอกาสจะโกยเรตติ้งนำหน้าคู่แข่งไปได้”
“ด็อกเตอร์จะบอกเจนว่า การที่มีด็อกเตอร์เข้ามาร่วมรายการกับเจนจะช่วยให้เรตติ้งเพิ่มขึ้น งั้นเหรอคะ”
“เพราะผมจะทำให้คุณกลายเป็นพิธีกรที่ดัง เป็นเบอร์หนึ่งของสมายล์ทีวีไงล่ะ”
เจนจิราอึ้ง ทั้งดีใจ ทั้งงงๆ ที่ทุกอย่างวิ่งเข้ามาหาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ประมุขหัวเราะชอบใจ
“และผมก็มั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าด็อกเตอร์ต้องทำได้”
“แต่ก่อนอื่น ช่วยยืนขึ้นหน่อยซีครับคุณเจน”
เจนจิราลุกขึ้นยืนอย่างแปลกใจ ดร.อาทิตย์นั่งมองอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกระซิบสั่งบอกทีมช่างที่นั่งอยู่ข้างหลัง เจนจิราหงุดหงิดที่ไม่ได้ยินอะไรเลย ทีมงานเดินเข้ามาหา
“เชิญที่ห้องแต่งตัวค่ะคุณเจน”
“เดี๋ยวค่ะด็อกเตอร์ นี่คุณกำลังจะทำอะไรคะ”
ดร.อาทิตย์ยิ้มๆ
“ผมก็กำลังจะแปลงโฉมคุณ ให้เป็นคนใหม่ไงล่ะ ศรัทธา ศรัทธา ฮ่ะๆๆ”

ตฤณในชุดการ์ตูนฮีโร่มนุษย์อะตอม โหนโซ่มาพร้อมตะโกนประกาศก้อง
“เมื่อโลกประกอบด้วยสสารที่ไร้ค่า เป็นมลพิษ จักรวาลก็ตกอยู่ในอันตราย ข้าจะไม่นิ่งดูดาย ข้าจะกำจัดพวกแกให้สิ้นซาก ย้าก”
กลุ่มเหล่าร้ายในชุดขบวนการแชคแมนที่ยืนอยู่เบื้องล่าง โดยมีบก.นิกรแต่งชุดเป็นหัวหน้าขบวนการ ทั้งหมดชี้ไปพร้อมตะโกนขึ้น
“มนุษย์อะตอม”
มนุษย์อะตอมปล่อยซัดพลังอะตอมเข้าใส่เป็นลำแสง เหล่าร้ายพากันกระโจนหลบ บ้างก็ถูกลำแสงร้องลั่นล้มลงตาย มนุษย์อะตอมปล่อยเชือกกระโดดลงมาที่พื้นด้วยท่าเท่ โดยชักอาวุธออกมาเป็นวงแหวนขนาดใหญ่เรืองแสงแบบโปรตอน พุ่งเข้าสู้กับพวกเหล่าร้าย ตฤณจัดการกับสมุนเหล่าร้ายล้มตายลงทีละคน จนสุดท้ายเหลือแต่หัวหน้าแชคแมนคนเดียว ทั้งสองชี้หน้าตะโกนใส่กัน
“แชคแมน”
“ไอ้อะตอม”
“วันนี้ข้าจะทำลายสสารอย่างแก ที่ไม่ต่างอะไรจากกากเคมีเป็นภัยต่อโลก ให้หมดไป โลกนี้จะได้สะอาดบริสุทธิ์ขึ้น ย้าก”
อะตอมกระโดดเข้าซัดห่วงใส่แชคแมน แชคแมนหลบ เตะ อะตอมหมุนตัวต่อย แชคแมนใช้มีดดาบเขรอะคราบน้ำมันเข้าฟัน อะตอมใช้ห่วงโปรตอนรับไว้ ทั้งคู่เงื้องัดไถลกันไปราวกับเท้าติดล้อ พลางเข่นเขี้ยวมองหน้ากัน

นิกรกำลังอ่านการ์ตูนฮีโร่ของตฤณ ดูดโอเลี้ยงไปพลาง ขณะที่ตฤณมองจ้องนิกรอย่างสุดลุ้นจนสั่นขาไม่หยุด และแล้ว นิกรก็วางต้นฉบับการ์ตูนลงหลังอ่านไปไม่กี่หน้า
“เป็นไงครับบก.การ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่ของผม”
ตฤณมีความหวังมาก
“มนุษย์อะตอม”
“ครับ”
“ผลงานมาสเตอร์พีซ”
“ครับ”
“แนวคิดการ์ตูนผสมวิทยาศาสตร์”
“ที่ไม่เคยมีในเมืองไทย”
“คิดได้ไงนี่”
“สุดยอดใช่ไหมบก.”

เชนกับตังตังมารอตฤณเสนองานอยู่ที่ข้างนอกสำนักพิมพ์ เชนเดินไปมา โพสท์ท่า เปลี่ยนท่า 3-4ครั้ง
“การรอคอย เป็นสิ่งที่เชนเบื่อมาก ในหนัง ไม่เคยต้องรอคอย ทุกอย่างเกิดขึ้นราวพริบตา แต่ชีวิตจริงที่นี่ เชนต้องรอ รอ รอ”
“รอนานก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้น้าตฤณขายงานได้ทีเถอะ เพี้ยง ขอให้น้าตฤณประสบความสำเร็จ ขอให้บก.ซื้อการ์ตูนเรื่องนี้ไปตีพิมพ์ พวกเราจะได้รวยกันซะที น้าตฤณจะได้ไปดีกะน้าเจน แล้วเอาน้าเจนคืนมาจากไอ้หมอหน้าแน่นเปรี๊ยะ”
“เชนอยากรู้ผลเดี๋ยวนี้”
เชนเดินเข้าไปในสำนักพิมพ์ ตังตังวิ่งตาม ทั้งสองเห็นตอนที่นิกรปิดต้นฉบับวางโครมส่งให้ตฤณ
“แกรอให้ฉันไปเรียนต่อจบด็อกเตอร์ซะก่อนนะ แล้วค่อยมานำเสนอฉันใหม่”
ตฤณรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงตรงหน้า
“ไมอ่ะ อย่าบอกนะว่าพี่ไม่เก็ต”
“เออ ไอคิว อีคิวฉันเสพไม่ถึงงานของแก เขียนอะไรที่มันบันเทิง”
“แต่นี่มันบันเทิงมากนะครับ เด็กๆ ต้องชอบ แล้วทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องพอลลูชั่น”
“เด็กที่ไหนจะอยากเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ เด็กๆ ต้องการอ่านอะไรที่ทำให้พวกเขาหัวเราะคิกคัก เสียว สยิวกิ้วบ้างก็ได้”
“เฮ้ย พี่ ผิดแล้ว พวกพี่คิดกันอย่างนี้ไง เมืองไทยถึงอยู่กับที่ ตามนานาอารยะประเทศไม่ทันซะที”
“งั้นไปเลยไป แกบินไปขายนานาอารยะประเทศเลยไอ้ตฤณ ตรงวุฒิW
เชนเห็น แค้น จะพุ่งเข้าไป
“หนอย พูดแบบนี้ใจร้ายเกินไปแล้ว”
ตังตังดึงไว้
“อย่า เชน เขาไม่ใช่เหล่าร้าย เขาเป็นแค่นายทุน นายจ้าง ของน้าตฤณ น้าตฤณอาจต้องพึ่งเขาอีกเยอะนะ”
“ต้องพึ่งเขา ก็เลยต้องยอมเขา งั้นเหรอ”
“จะว่างั้นก็ได้”

เชนอึ้ง ตฤณเงยมาเห็นเชนกับตังตัง ก็หน้าซีด

ตฤณเดินผ่าน 2 คนนั้นออกมา แล้วเศร้ามาก หมดแรงนั่งลงกับฟุตบาธ
 
“ตังตัง น้าล้มเหลวอีกแล้ว”
เชน ตังตังสบตากัน ตังตังเข้าไปนั่งข้างๆ กอดคอ
“น้าตฤณ ชีวิตคนเราก็อย่างนี้แหละ มีวันที่กินแห้วบ้างเป็นธรรมดา”
“ไหนแห้ว”
“มันเป็นสำนวนของคนสมัยนี้ แปลว่า พลาด อด ผิดหวังน่ะเชน”
“อ้อ”
“แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้ เดินหน้า ทำสิ่งที่เรามุ่งหมายไปเรื่อยๆ มันต้องมีวันที่เราสมหวังเข้าสักวันสิน่า”
ตฤณเงยมา มองเชน
“นายคงสมเพชฉันสินะ เชน นี่ล่ะ ชีวิตจริง โลกของความจริง ลูกผู้ชายมันไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่เสมอไปหรอก โดยเฉพาะฉัน ฉันต้องเจอกับความพ่ายแพ้มานับครั้งไม่ถ้วนละ ทั้งๆ ที่ฉันพยายามอย่างที่สุด แต่มันก็เป็นแบบนี้ แล้วนายจะเข้าใจ เมื่อนายอยู่ในโลกของความเป็นจริง มันมีหลายอย่างเหลือเกิน ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของคนสามัญ มนุษย์เดินดิน”
เชนฟัง แล้วคิดบางอย่าง ก่อนจะถอดผ้าพันคอสีแดงออกจากคอ ค่อยๆ บรรจงแกะผ้าออกต่อหน้าทุกคน เมื่อผ้าออกจากคอ ผ้าพันคอที่ดูพลิ้วต้องลมเสมอดูเหี่ยวลงทันที
“สายลับเชนก็อยากจะขอลองเป็นแค่นายเชนคนธรรมดาบ้าง อยากจะรู้ว่ามันจะยากแค่ไหน”
“มันก็ไม่แน่ มันอาจจะง่ายสำหรับนายก็ได้ เพราะนายเป็นคนเก่ง”
“ไม่จริงหรอก มีตั้งหลายอย่าง ที่เชนเพิ่งรู้ ว่ามันไม่เหมือนในหนังเลย เช่น เชนต้องรู้สึกเจ็บ โดนอะไรบาดก็เลือดไหล เชนต้องหิว เชนต้องอดทน ไม่ทำอะไรรุนแรงกับคนที่พวกเราต้องพึ่งพาในอนาคต”
ตฤณยื่นมือมาให้
“ขอต้อนรับสู่โลกของมนุษย์เดินดิน นะเชน คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อผดุงความยุติธรรมกันทุกคนหรอก คนบางคน ก็อาจจะเกิดมาเพื่อจะเป็นไอ้ขี้แพ้ก็ได้”
เชนจับมือตฤณเขย่า
“แต่ ถึงเชนจะหิว จะรู้สึกเจ็บ จะมีเลือดไหล เชนก็จะไม่เลิกผดุงความยุติธรรม ถึงบางที เชนอาจจะแพ้บ้าง แต่เชนจะไม่มีวันยอมเลิกช่วยเหลือคนดี เลิกกำจัดเหล่าร้าย”
“การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าเชนอยู่ที่ไหน สถานะอะไร เชนย่อมทำได้เสมอเหมือนซุปเปอร์แมนไงคะ ชีวิตประจำวันเขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ แต่เบื้องหลังเขาคือซุปเปอร์ฮีโร่ ที่เมื่อใครกำลังต้องการความช่วยเหลือ เขาจะรีบเปลี่ยนชุดไปช่วยทันที”
เชนลุกขึ้นยืนทำท่าเท่ประจำของตัวเองทันที
“เช่นเดียวกับเชน ผ้าพันคอผืนนี้ จะไม่ตกงาน เมื่อได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ เชนจะงัดออกมาใส่ทุกครั้ง แล้วออกไปทำภารกิจช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อน”
“เยี่ยมค่า แหล่มแบบนี้ มีที่ไหน ต้องที่”
“สายลับเชนผู้ผดุงคุณธรรม ฉลาดก็เท่านั้น หล่อก็เท่าโน้น”
ทั้งสามหัวเราะ จับมือ เดินไปด้วยกัน

เจนจิรานั่งให้ช่างทำผมแต่งหน้าใหม่ โดยที่ช่างแต่งไปปรึกษากันไป
“ผมแบบนี้จะถูกใจด็อกเตอร์อาทิตย์ป่าวนะ”
“แกก็ ศรัทธาหน่อยซียะ”
“ฉันก็ชักเสียวๆ แต่งหน้าแบบนี้จะถูกใจด็อกเตอร์ป่าว”
เจนจิราฟังแล้วชักอ่อนใจ
“แต่ทำไมไม่ถามเจนบ้างล่ะคะว่าที่พวกพี่กำลังแต่งอยู่เนี่ย ถูกใจเจนบ้างไหม”
“แหมคุณน้อง ถ้าถูกใจด็อกเตอร์อาทิตย์ก็ต้องถูกใจหนูแน่ๆ หนูต้องศรัทธาค่ะ”
เจนจิราแอบทำหน้าปะหลับปะเหลือก ระหว่างนั้นช่างถือชุดๆ หนึ่งมา เป็นกระโปรงสั้นด้านบนออกแนวเซ็กซี่มา
“นี่หล่อน มัวแต่เม้าท์อยู่นั่นแหละ หน้าผมเสร็จหรือยัง ชุดของฉันพร้อมแล้วศรัทธา ศรัทธา ชุดนี้จะต้องถูกใจด็อกเตอร์แน่ๆ ศรัทธา ศรัทธา ฉันจะต้องประสบความสำเร็จ ศรัทธา ศรัทธา”
เจนจิรามองช่างที่ถือชุดอยู่ ตะลึงงัน ว่าจะให้เธอใส่ชุดนี้หรือ

เชน ตฤณ ตังตัง เดินเข้ามาในตึกสถานีสมายล์ทีวี เชนมองสำรวจไปทั่วตามนิสัยสายลับ ผู้คนเดินกันพลุกพล่าน และที่สำคัญ มีทั้งรูปและวีทีอาร์ของดร.อาทิตย์ติดไปทั่ว เชนมองอย่างสงสัย
“สุภาพบุรุษผู้นั้นสำคัญยังไง ที่ตึกนี่ ถึงมีแต่หน้าเขาเต็มไปหมด”
“ก็นั่นแหละด็อกเตอร์อาทิตย์ล่ะ คนที่ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าลัทธิจิตวิญญาณอะไรสักอย่าง แล้วคนก็หลงเชื่องมงาย”
“แล้วด็อกเตอร์คนนี้อยู่ที่นี่เหรอ”
“เขามีรายการโชว์ Faith ศรัทธาสร้างพลัง อยู่ที่สถานีเดียวกับน้าเจนอ่ะดิ”
“ระวังตัวให้ดี เจอพวกด็อกเตอร์อาทิตย์ต้องหลีกให้ไกลๆ”
“ทำไมเชนต้องหลบคนพวกนี้ด้วย”
“โธ่เอ๊ย จำไม่ได้หรือไง ใครมาแย่งตัวลุงเจิดจากเราที่ร้านเนรมิต”
“ลูกน้องด็อกเตอร์อาทิตย์ มีทั้งปืนอาวุธครบมือพร้อม”
“ขอบคุณที่เตือน เชนรู้ว่าจะต้องทำยังไง”
เชนเปลี่ยนจากครุ่นคิด เป็นสนใจข้าวของต่างๆ ที่เดินผ่าน ทึ่งๆ ในสถานีที่ดูไฮเทคสุดล้ำ
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ ล้ำสมัยจริงๆ”
ตฤณล้วงมือถือขึ้นมากดโทร
“ฮัลโหล เจน เขาพานายเชนมาที่สมายล์ทีวีแล้ว”
เชนเดินไปมองจอ Interactive กดปุ่มแล้วขึ้นแผนที่สถานีบนจอใหญ่ เชนทำหน้าตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหันไปสนใจวีทีอาร์ของดร.อาทิตย์ มองจ้องภาพดร.อาทิตย์ส่งยิ้มอ่อนโยนพร้อมพูดสโลแกนว่า “ศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนโลก”
“ศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนโลก งั้นเหรอ หึ”

เชนส่ายหน้า รู้สึกเหมือนมีอำนาจฝ่ายอธรรมบางอย่างซ่อนอยู่ในรอยยิ้มของดร.อาทิตย์

สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 5 (ต่อ)

ขาเรียวยาวสวมกระโปรงสั้นและส้นสูงราว 4 นิ้ว เดินก้าวออกจากลิฟท์มา เชน ตฤณ ตังตัง นั่งรอกันอยู่ที่มุมหนึ่ง เชนหันไปเห็นเจ้าของเรียวขาก่อน อึ้งมองยิ้มตามสไตล์สายลับเจ้าชู้ผู้ชื่นชมสตรีเพศที่ความงามเสมอ
 
“งามแท้ดั่งนางฟ้านางสวรรค์”
“ชมใครอ่ะ เห็นผู้หญิงหน่อยไม่ได้ เอ่อ”
ตฤณต้องชะงักอึ้งเมื่อหันมาเห็นเจ้าของเรียวขา เช่นเดียวกับตังตังที่มองอ้าปากค้างแล้วชี้มา
“ฟะ แฟนของใครก็ไม่รู้”
“แฟนของคุณบารมีจ้ะ”
เจนจิราตอบให้ ตฤณจ๋อยไป เจนจิราในลุคใหม่เสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็มมาก
“สวัสดีครับคุณเจน วันนี้ คุณโฉบเฉี่ยวไฉไลกว่าทุกวัน” เชนชม
เจนจิราก้มลงมองตัวเองไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่แล้วต้องหน้าแหย เมื่อตฤณแย้งขึ้น
“โฉบเฉี่ยวไฉไลงั้นเหรอ ถ้าคำนี้แปลว่าไม่เข้ากับหน้าตา ไม่เข้ากับบุคลิกล่ะก็ เห็นด้วยเลย”
“ที่ตัวเองพูดนั่นแหละที่เรียกว่าไม่เข้าหูคนฟัง”
ตังตังยกมือปิดหูหน้าแหย
“เปิดศึกกันอีกแล้ว”
เชนรีบห้ามทัพ
“ใจเย็นๆ ครับคุณน้องทั้งสอง อย่าฟาดฟันกันด้วยวาจา”
“ก็ทำไมตัวเองต้องแต่งตัวแบบนี้ด้วย”
“ก็มันเป็นลุคใหม่ของรายการ”
“อะไรนะ นี่ตัวเองต้องแต่งตัวแบบนี้เป็นพิธีกรแล้วเหรอ”
“ใช่”
“มันใช่เหรอ พิธีกรรายการอะไรแต่งตัวแบบนี้ หรือเป็นรายการโชว์สาวเซ็กซี่ว้อช ล้างรถมอไซค์บิ๊กไบค์”
“นี่ตฤณ อะไรที่ตัวเธอไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยน่ะ ไม่ต้องออกความเห็นก็ได้นะ”
ตฤณหยุดไปเลยเหมือนโดนหมัดชกจุก เจนจิราหันไปทางตังตัง
“ขอบใจมากนะจ๊ะตังตังที่พาเชนมาส่ง ไม่ต้องห่วงนะ น้าเจนจะดูแลเชนให้อย่างดี ไปค่ะเชน”
เจนจิราคว้าข้อมือเชนจูงเดินไป ตฤณได้แต่ยืนมอง เจ็บช้ำ แต่ไม่ยอมแพ้ ตังตังหันมองตฤณอย่างเห็นใจ

เจนจิราผลักประตูพาเชนเข้ามาในมุมห้องแผนกแม่บ้าน
“ป้าดาคะ เจนพาคนมาทำงานแทนนายเอกที่ลาออกไปค่ะ”
ป้าดากำลังเตรียมชงกาแฟอยู่หลายแก้วหันมายกมือไหว้
“อู้ย ขอบคุณมากค่ะคุณเจน แหมวันนี้สวยผิดหูผิดตาเลยนะคะ”
“เหรอคะ แต่มีคนบอกว่าแต่งแบบนี้ไม่เข้ากับเจน”
“เขาตาถั่วน่ะซีคะ ไม่รู้จักมองเพชรให้เป็นเพชร”
“เอ่อ นายเชน นี่ป้าดา หัวหน้าแผนกแม่บ้านของฝ่ายรายการ”
“สวัสดีครับคุณป้า เชนขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย มีงานอะไรจะให้เชนทำก็ไม่ต้องเกรงใจนะครับ เชนทำได้ทุกอย่าง”
“อุ๊ยพ่อคุณ ทั้งหล่อทั้งมารยาทดี ถ้าตั้งใจทำงานจริงๆ เดี๋ยวป้าจะเซ็นรับรองให้เข้ามาทำงานแทนนายเอกเอง”
“ขอบคุณครับ”
“ฝากด้วยนะคะป้า แล้วเรื่องเสื้อผ้า”
“ตัวเท่ากับนายเอกพอดิบพอดี ใส่ของนายเอกที่ทิ้งไว้ไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวป้าค่อยทำเบิกซื้อชุดให้นะ”
เสียงมือถือของเจนจิราดังขึ้น
“ฮัลโหล ค่ะๆ. กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
“คุณเจนไปทำงานเถอะครับ ไม่ต้องห่วงเชน”
เจนจิราส่งยิ้มโบกมือลา พลางพูดโทรศัพท์ แล้วรีบออกจากห้องไป
“ค่า แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว รอเดี๋ยวนะคะ”
“เอาล่ะครับ จะให้ผมเริ่มงานตรงไหนดี”
“นั่นเลยจ้ะ”
ป้าดาชี้ไปที่กาแฟที่ชงค้างอยู่ เชนเข้าไปดู มึนๆ
“ทำอะไรฮะ”
“ทำ ชงกาแฟ”
“อ้อ ชงกาแฟ เอากาแฟใส่น้ำใช่ไหมฮะ
“นั่นแน่ ตลกละๆ จะเล่นมุกว่าชงกาแฟไม่เป็นช้ะ ฮ่ะๆๆ”

เจนจิราเดินออกมาจะรีบไป ก็เจอตฤณเดินออกจากลิฟท์มากับตังตัง
“เจน”
“ตัวเองขึ้นมาทำไมเนี่ย”
เจนจิราจะเดินไป แต่ตฤณขวางทางไว้
“เดี๋ยวเจน ไหนตัวเองบอกนักบอกหนาว่าตัวเองทำงานอย่างมีอุดมการณ์ แต่ดูตัวเองตอนนี้ดิ”
“มันไม่ได้อยู่ที่เสื้อผ้า ไม่ว่าเขาจะแต่งตัวยังไง อยู่ในชุดไหน อุดมการณ์ของเขาอยู่ตรงนี้”
เจนจิราชี้ไปที่หัวตัวเอง
“แต่ที่เขาต้องแต่งแบบนี้เพราะเป็นคำสั่งของเจ้านาย ที่เพิ่มเวลาให้รายการของเขา ให้โอกาสเขาได้ทำรายการกับด็อกเตอร์อาทิตย์”
“ทำกับด็อกเตอร์อาทิตย์ ห่ะ ตัวเองเปลี่ยนเป็นพวกสาวกของด็อกเตอร์อาทิตย์ไปแล้วเหรอ”
“แค่ทำงานร่วมกัน ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเปลี่ยน เฮ่ย นี่เขาต้องมาอธิบายให้ตัวเองทำไมเนี่ย”
“แต่”
ก่อนที่จะพูดอะไรต่อไป ตังตังดึงตฤณออกมา
“น้าตฤณ รีบไปเถอะ โน่นๆ”
ตังตังบุ้ยใบ้ให้ตฤณมองไป ตฤณเห็นนารีกำลังเดินมาแต่ไกล เจนจิราแปลกใจ
“มีอะไรเหรอ”
“ไว้ค่อยคุยกัน”
ตฤณรีบคว้ามือตังตังเดินผลุบหายไปอีกทาง ขณะที่นารีเดินมาถึงเจนจิรา
“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ ด็อกเตอร์อาทิตย์รออยู่นะคะ”
เจนจิรารีบหันเดินไป นารีหันมองไปรอบๆ ก่อนเดินตามเจนจิราไป ตฤณกับตังตังค่อยๆ โผล่หน้ามามอง ตฤณรู้สึกห่วงเจนจิราที่ไปยุ่งเกี่ยวกับดร.อาทิตย์

ดร.อาทิตย์นั่งมองเจนจิราซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เจนจิราไม่มั่นใจกับลุคใหม่ของตัวเอง เหล่าทีมหน้า ผม เสื้อผ้ายืนลุ้นอยู่ข้างๆ
“เอ่อ เป็นยังไงบ้างคะด็อกเตอร์ ลุคนี้ถูกใจไหมคะ”
“หึๆๆ เพราะพวกคุณมีศรัทธา พวกคุณถึงทำออกมาถูกใจผม เหมือนที่ผมคิดทุกอย่าง”

“จริงเหรอคะด็อกเตอร์”

ช่างทั้งสามดีอกดีใจ ดร.อาทิตย์แอบมองตาอินทุ อินทุพยักหน้าน้อยๆ รับคำสั่ง หันไปบอกช่างทั้งสาม
 
“เอาล่ะ หมดหน้าที่ของพวกคุณตรงนี้แล้ว ไปเตรียมถ่ายทีเซอร์ให้พร้อมนะครับ เดี๋ยวด็อกเตอร์คุยงานกับคุณเจนเสร็จ จะส่งคุณเจนไปถ่ายทีเซอร์เลย”
ช่างยกมือไหว้ด็อกเตอร์ แล้วเดินออกจากห้องไป เหลือแค่เจนจิราคนเดียว ดร.อาทิตย์เดินตรงไปหาเจนจิราช้าๆ ด้วยรอยยิ้ม
“อืม ดูเหมือนว่า คุณเจนจิราจะไม่ค่อยมีศรัทธาเท่าไหร่เลยนะครับ”
“ถ้าจะให้ฉันออกไปทำงานภาคสนามด้วยชุดนี้ ฉันว่ามันไม่เหมาะค่ะ”
“แน่นอนครับไม่เหมาะ เพราะคุณจะใส่เมื่อทำรายการกับผมในสตูดิโอเท่านั้น”
เจนจิราโล่งอก
“อ้อ เหรอคะ ฉันก็นึกว่า”
เจนจิราพูดได้เท่านี้ก็ถูกอาทิตย์ดีดนิ้วใส่ที่หน้า เธอหยุดกึก ตานิ่ง ถูกสะกดจิต
“แฟนเก่าของเธอกับหลานมันเอาตัวไอ้เจิดไปทำไม”
“ไอ้เจิด”
“ไอ้เจิดเจ้าของร้านเนรมิตนั่นไง แฟนเก่าเธอกับหลานมันเอาตัวมันไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“ไอ้เจิด ไม่รู้จักไอ้เจิด”
จิตใต้สำนักของเจนจิราพูดความจริงออกมาเพราะไม่รู้จักจริงๆ นารีกับอินทุแปลกใจ มองหน้าดร.อาทิตย์
“แม่นี่ไม่รู้จักไอ้เจิดจริงๆ จิตใต้สำนึกถึงได้บอกมาแบบนี้”
ดร.อาทิตย์คิดๆ แล้วถามใหม่
“แล้วแว่น 3 มิติที่หลานแฟนเก่าเธอขโมยไปจากร้านเนรมิต เธอรู้เรื่องนี้ไหม พวกมันเอาแว่นไปเก็บไว้ที่ไหน”
“แว่น 3 มิติ”
“ใช่ พวกมันเอาแว่นไปไว้ที่ไหน”
“แว่น 3 มิติ อยู่ที่”
จิตใต้สำนึกของเจนจิรารู้เรื่องแว่น 3 มิติ กำลังจะตอบออกไป แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้น ป้าดาเปิดประตูเข้ามา โดยมีเชนถือถาดกาแฟพร้อมน้ำดื่มและของว่างตามเข้ามาข้างหลัง เชนสวมชุดฝ่ายพ่อบ้านและใส่หมวกด้วย
“ขอโทษนะคะ คุณประมุขสั่งให้เอากาแฟของว่างมาเสิร์ฟค่า”
เจนจิราหลุดจากการสะกดจิต กระพริบตายืนงงๆ
“ขอบใจ เอาวางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ” อินทุบอก
ระหว่างนั้นป้าดาก็วางกาแฟเสิร์ฟลงบนโต๊ะ เชนถือถาดพลางแอบมองไปที่พวกดร.อาทิตย์ แล้วหูก็ได้ยินที่นารีกระซิบบอกดร.อาทิตย์เบาๆ ข้างหลัง
“นายค่ะ เรามีนัด คงต้องรีบไป ส่วนทางนี้ต้องปล่อยไปก่อน”
ดร.อาทิตย์เซ็ง ขณะที่ป้าดาเสิร์ฟเสร็จก็รีบเดินนำเชนออกไป เชนปิดประตูตามหลัง แอบมองไปที่เจนจิรา
“เมื่อกี้เราคุยค้างกันถึงไหนแล้วคะ”

ปวันกับจ่าเจี๊ยบเข้ามาในตึกสถานีสมายล์ทีวี ด้วยการปลอมตัวอยู่ในชุดฟอร์มพนักงานของสมายล์ทีวี
“ถามเจงๆ เถอะเจ๊ ตกลงเมื่อวานเจ๊ล้วงได้ความลับอะไรจากนายเชนบ้างมะ”
“เกือบจะถูกมันล้วงแทนน่ะซี”
“เอิ้ก แปลว่าเจ๊เจอมือล้วงระดับพระกาฬกว่า”
“น่าจะเป็นอย่างงั้น หมอนี่ดูเหมือนซื่อๆ เป็นสภาพบุรุษสุดซอยอย่างงั้นเหอะ จริงๆ แล้วไม่ธรรมดาเลย มันแอบฉลาดมากๆ”
“วันนี้หมวดเลยต้องเปลี่ยนแผนมาล้วงทางด็อกเตอร์อาทิตย์แทน หึๆ”
“จ่าระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน อาจเจอถูกล้วงซะเองเหมือนกัน ด็อกเตอร์อาทิตย์คนนี้ ยิ่งไม่ธรรมดากว่านายเชน”
“รู้ยังงี้แล้ว เจ๊ยังจะเสี่ยงแอบขึ้นไปล้วงข้อมูลถึงในออฟฟิศด็อกเตอร์เลยเหรอ”
“ฉันเป็นคนชอบเสี่ยง”
“เหมือนกันเลย ผมเป็นคนชอบเสียว ฮ่ะๆๆเอิ้ก”
จ่าเจี๊ยบเบรกหัวเราะแทบไม่ทันเมื่อเจอปวันมองหน้า รีบเดินตามไปที่ลิฟท์ ขึ้นลิฟท์ไป

ดร.อาทิตย์เดินรีบร้อนมาโดยมีอินทุกับนารีตาม ปวันกับจ่าเจี๊ยบเดินมาจากอีกด้าน เห็นพวกดร.อาทิตย์ ปวันก็ทำเป็นเดินเลี้ยวเข้ามุมข้างๆ ไป ขณะที่เสียงมือถือของนารีดังขึ้น
“ฮัลโหล กำลังไปเดี๋ยวนี้ ถ่วงเวลาให้คุณหญิงรอก่อน”
นารีวางสายแล้วบอกกับดร.อาทิตย์
“คุณหญิงขาวีนมาถึงที่มูลนิธิแล้วค่ะ ท่าทางจะอารมณ์เสียที่ไม่เจอนายรออยู่”
“งั้นก็รีบไป ฉันไม่อยากเสียเหยื่อคนสำคัญ หึๆ”
อินทุกดโทรศัพท์โทรไปบอกคนขับรถทันที
“ฮัลโหล นายกำลังลงไป เอารถมารอรับหน้าตึกได้เลย”
พวกดร.อาทิตย์เดินผ่านตรงที่ปวันกับจ่าเจี๊ยบหลบอยู่ ทำให้ทั้งสองได้ยินที่พวกดร.อาทิตย์คุยกันทุกอย่าง
“มูลนิธิ”
ปวันแอบกระซิบกระซาบกับจ่าเจี๊ยบ แล้วก็หันจะตามไป แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเชนในชุดฟอร์มพ่อบ้านของสมายล์ทีวีเดินผ่านหน้าตามพวกดร.อาทิตย์ไปอย่างรวดเร็ว

“นั่นมัน”

ประตูลิฟท์เปิด ดร.อาทิตย์ก้าวเข้าไป อินทุ นารีตาม ลิฟท์ปิด เชนรีบมากดลิฟท์ตัวที่ 2 ลิฟท์เปิด เชนรีบเข้าไป กดปิดประตู แต่ปวันรีบวิ่งสวนเข้ามาทัน
 
เชนตกใจ แต่จ่าเจี๊ยบเข้ามาไม่ทัน ประตูลิฟท์ปิดเสียก่อน เชนกับปวันยืนอึ้งมองกันอยู่ แปลกใจที่ต่างก็เห็นใส่ชุดของสมายล์ทีวีเหมือนกัน
“มาทำอะไรที่นี่คุณตำรวจ”
“ฉันควรจะถามนายมากกว่า โผล่มาที่นี่ได้ไง”
“ผมมาทำงานครับ”
“อ๋อเหรอ แล้วไหนบอกฉันว่านายไม่รู้จักด็อกเตอร์อาทิตย์ แต่ที่สองลูกกะตาของฉันเห็นเมื่อกี้ นายกำลังแอบสะกดรอยตามเขาอยู่ นายโกหก”
“ผมเพิ่งรู้ว่าเขาคือด็อกเตอร์อาทิตย์ก็วันนี้แหละครับคุณตำรวจ”
“แล้วนายแอบตามเขาทำไม”
ลิฟท์มาถึงชั้นล่างพอดี ประตูเปิด
“ไว้ผมค่อยบอกวันหลังนะ”
เชนวิ่งปรู๊ดออกไป
“เฮ้ยๆ เดี๋ยว”
ปวันเจ็บใจ รีบวิ่งออกจากลิฟท์ไป

เชนวิ่งออกมาหน้าตึก มองซ้ายมองขวา เห็นดร.อาทิตย์ อินทุ นารีเดินไปขึ้นรถตู้คันหรูของตัวเองที่
“โธ่เอ๊ย”
เชนหันไปอีกทาง เห็นปวันกำลังวิ่งไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดอยู่ ขณะที่รถของดร.อาทิตย์เคลื่อนออกไป ปวันรีบมาขึ้นรถ สตาร์ทเครื่อง เสียงประตูรถด้านข้างเปิดออก มีคนเข้ามานั่งแล้วปิดประตู
“ชักช้าน่าจ่า”
ปวันหันไปต้องตกใจที่เห็นเป็นเชน
“เฮ้ย ขึ้นมาทำไม”
“เหตุผลเดียวกับคุณตำรวจมั้งครับ”
เชนพูดเท่ๆ มองอย่างจริงจังไปข้างหน้าที่รถของดร.อาทิตย์ ปวันเข้าใจ แต่ก็ยังมองเชนอยู่
“ไม่รีบตามไปล่ะครับ”
ปวันฮึดฮัด แต่ก็ห่วงว่าจะตามดร.อาทิตย์ไม่ทัน จำใจรีบออกรถ จ่าเจี๊ยบวิ่งตามมา
“หมวด รอด้วย”
จ่าเจี๊ยบมองตามรถ รู้ว่าไม่กลับมาแน่ก็บ่น
“ทิ้งกันซะงั้น”

รถหรูของดร.อาทิตย์วิ่งไปตามถนน รถของปวันเร่งเครื่อง วิ่งแซงซ้ายแซงขวาตามมาเรื่อยๆ จนตามท้ายรถดร.อาทิตย์ แต่มีรถอีก 3 คันคั่นกลาง ปวันพูดโดยสายตามองที่ถนนและรถดร.อาทิตย์
“ถ้าฉันจะตามไม่ทัน ก็เป็นเพราะนาย”
“แล้วคุณจะดีใจที่มีผมมาด้วย”
“หึ”
เชนยิ้มๆ ปวันเหลือบไปมองแล้วเบ้หน้าหมั่นไส้ รถของดร.อาทิตย์เลี้ยวเข้าซอยไป
“นั่น มันเลี้ยวไปทางขวาแล้ว”
เชนบอก ปวันเผลอจนเสียสมาธิ รีบหักรถเลี้ยวตามเข้าไป
“เห็นไหม ว่าคุณต้องการผม”
เชนแกล้งหลงตัวเอง ปวันเบ้หน้า แล้วเชนก็ทำเสียงจริงจังมากขึ้น
“จำไว้ว่าหลักการสะกดรอย คืออย่าชิด อย่าห่าง อย่าให้คลาดสายตา ตั้งแต่เป็นตำรวจมาไม่เคยมีใครเคยสอนคุณเลยเหรอ”
เชนแกล้งแหย่ แต่ตาก็มองรถดร.อาทิตย์ไปด้วย ปวันเองก็มองแต่ถนน ไม่เผลอเป็นครั้งที่สอง แต่คราวนี้แกล้งหักพวกมาลัยไปทางขวากะทันหัน ทำให้หัวเชนกระแทกกระจกเบาๆ
“แล้วไม่เคยมีใครสอนนายหรือไง ว่าขึ้นรถต้องคาดเข็มขัด และอย่ายั่วคนขับ”
เชนคลำหัว แล้วโอดครวญเบาๆ ปวันหัวเราะสะใจ
“ผู้หญิงสมัยนี้”
“อย่าดูถูกผู้หญิง คาดเข็มขัดซะ”
ปวันเร่งเครื่องแรงขึ้น เชนต้องคาดเข็มขัดตาม

ภายในรถดร.อาทิตย์ อินทุมองกระจกมองหลัง
“มีคนตามครับนาย”
ดร. อาทิตย์หันไปมองกระจกหลัง เห็นรถปวันทิ้งระยะห่างๆ มีรถอีกคันหนึ่งคั่นอยู่ เขายิ้ม
“มันอยากตามก็ให้มันตาม”
“จะให้เปลี่ยนเส้นทางมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง สั่งคนของเราให้เตรียมพร้อม”
ดร.อาทิตย์เอนพิงเบาะรถท่าทางผ่อนคลายสบายๆ เล่นเหรียญไปด้วย ยิ้มเจ้าเล่ห์

เจนจิราโพสต์ท่าเซ็กซี่ มองจิกกล้อง
“คุณจะได้พบกับช่วงใหม่ ศรัทธาบายอาทิตย์ มิติใหม่ในรายการล้วงลับจับข่าวร้อน กับเจนจิรา โฉมใหม่ที่สมายล์ทีวี ที่นี่ที่เดียวค่ะ”
เจนจิราขยิบตา ยิ้มเซ็กซี่กับกล้อง
“คัท”
สิ้นเสียงคัท สีหน้าเจนจิราเปลี่ยนไปทันที เธอรู้สึกเก้อๆ เขินๆ กับเสื้อผ้าและการแต่งหน้า ผม ที่จี๊ดจ๊าดสีสันจัดจ้าน เจนจิราพยายามดึงชายกระโปรงที่สั้นให้ยาวลงมา ประมุขนั่งดูมอนิเตอร์อยู่ พอใจมาก กำลังจะตบมือชื่นชม แต่มีเสียงตบมือของอีกคนดังขึ้นมาก่อน เป็นเสียงจากบารมีนั่นเอง
“แบบนี้เขาเรียกว่าสวยหยุดโลก สวยจนโลกตะลึง ดาร์ลิงสวย เด๊ะ มากๆ เลย”
เจนจิรายิ้มๆ ประมุขเดินเข้ามาบ้าง หันไปบอกทีมงานที่เดินผ่าน
“ตัดต่อให้ทันออนแอร์โฆษณาคืนนี้เลยนะ ต่อไปสถานีของเราจะทยานขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะมีทั้งด็อกเตอร์อาทิตย์และเจนจิราช่วยเรียกเรตติ้ง”
ฝ่ายเสื้อผ้าถือชุดใหม่เข้ามาให้ประมุขดู เป็นชุดเกาะอกรัดรูปและสั้น
“ว้าว ชุดนี้เรตติ้งกระฉูดแน่ ไป ไปเปลี่ยนชุด จะได้ถ่ายทีเซอร์ต่อ”
เจนจิรามองชุดแล้วย่นคิ้วนิดหนึ่ง
“คุณประมุขคะ เจนขอพูดนิดหนึ่ง เจนว่ารายการเจนมันเป็นแนวแบบ เน้นเจาะลึกประเด็นข่าว เตือนภัยสังคม ถึงจะต้องใส่เสื้อผ้าพวกนี้แค่ในสตูดิโอก็เถอะ แต่เจนก็ควรดูกระฉับกระเฉงคล่องแคล้วน่าเชื่อถือ ไม่ใช่ ยั่วยวนให้เกิดภัยซะเองไม่ใช่เหรอคะ”
“มีศรัทธาหน่อยสิเจนจิรา ด็อกเตอร์อาทิตย์เป็นคนมีวิสัยทัศน์ ถึงได้ปรับลุคให้เจนใหม่ เพราะเชื่อว่าคนดูย่อมอยากเห็นพิธีกรมีหลายมิติที่เข้าถึงได้ง่าย สะดุดตาต้องใจ”
“ตามคอนเซ็ปต์รายการเด๊ะๆ รับรองว่าต้องดังเด้งดังเด๊ะ” บารมีตื่นเต้น
“แต่”
“ผมนึกออกแล้ว เจนทำท่าตามผมนะครับ ล้วงลับจับข่าวร้อนกับเจนจิรา เด๊ะ”
บารมีสอนให้เจนจิราทำท่าประจำรายการแล้วจบด้วยท่าเด๊ะ เจนจิรามองแบบอึ้งๆ ไม่มีทางทำแน่นอน

“เร็วสิครับดาร์ลิง ล้วงลับจับข่าวร้อน กับเจนจิรา เด๊ะ”

บารมีค้างอยู่ท่านั้น มองเจนจิราคะยั้นคะยอให้ทำตาม เจนจิราจำต้องทำตามแล้วฝืนยิ้ม ประมุขตบมือ ชอบใจ
 
“คนดูต้องทำตามแน่ๆ เลย ล้วงลับจับข่าวร้อนกับเจนจิรา เด๊ะ”
ประมุขทำเหมือนชอบไปก่อน แล้วก็กระซิบกับบารมี
“ค่าสปอนเซอร์หลัก ไม่รวมกับที่ให้พิธีกรทำท่านะครับ”
ประมุขยิ้ม แต่สายตาเขี้ยวสุดๆ บารมีเซ็งที่ประมุขรู้ทัน แต่หัวเราะกลบเกลื่อน ประชดนิดๆ
“เดี๋ยวบิวตี้คลินิกจะเพิ่มค่าโฆษณาให้อีก พอใจนะครับ”
“ที่สุดครับ ด้วยพลังศรัทธา เราจะโด่งดังไปด้วยกัน ยิ้มหน่อยสิเจน คุณกำลังจะเป็นพิธีกรหญิงเบอร์หนึ่งของประเทศแล้วนะ ไม่ดีใจเหรอ”
เจนจิรารีบปัดความรู้สึกอัดอัด ไม่สบายใจออกไป แล้วคิดถึงความก้าวหน้าทางการงาน ก็ฝืนยิ้มออกมาได้
“ดีใจค่ะ ดีใจมากๆ เลยด้วย”
เจนจิรายิ้มฝืนๆ บารมีและประมุขหันไปยิ้มแย้มให้กันด้วยความพอใจ

รถของดร.อาทิตย์เข้าไปในที่จอดรถ รถปวันแล่นตามไปติดๆ เชนอยู่ในรถ คอยมองรอบตัวอย่างสังเกต
“พวกมันมาทำอะไรที่นี่”
“ไหนบอกว่าจะไปมูลนิธิ”
ปวันขับตามมา พยายามรักษาระยะไม่ให้ห่างหรือชิดเกินไป รถวนตามทีละชั้น พอถึงชั้น 3 รถดร.อาทิตย์แล่นเข้าไป รถปวันตามไปทันที แต่แล้วก็มีคนจูงคนแก่เดินออกมาขวางทางไว้ ท่าทางเชื่องช้ามากๆ ใช้ไม้เท้าเดิน ทำให้ปวันต้องหยุด ตามรถดร.อาทิตย์ไปไม่ได้
“บ้าชิบ”
“เป็นผู้หญิง พูดจาไม่สุภาพเลยนะครับ”
“ช่างฉันเถอะน่า”
ปวันรำคาญสุดๆ แต่เชนส่ายหน้า สายตามองแต่รถดร.อาทิตย์เท่านั้น
“นั่น มันวนไปอีกชั้นแล้ว”
ปวันใจร้อน ทนรอไม่ไหว รีบถอยหลังออกแล้วไปอีกทาง ขับเร็วๆ น่าหวาดเสียว เกือบจะชนรถคันข้างหลัง
“ผมไม่เคยเห็นสุภาพสตรีคนไหนขับรถได้บ้าบิ่นเท่าคุณมาก่อน”
“ดีใจ ที่ทำให้นายได้เห็นเป็นคนแรก”
ปวันพูดโดยไม่มองเชน เชนต้องหาอะไรจับ หัวสั่นหัวคลอนไปตามแรงกระแทกของรถ เชนพูดพึมพำตอนรถขับเร็วๆ
“หรือไม่ คุณก็ไม่ใช่สุภาพสตรี”
“นี่ พูดอีกคำเดียวฉันไล่นายลงรถแน่”
รถปวันวนไปอีกชั้น
“นั่น รถเป้าหมายอยู่นั่น”
“หยุด หยุดสักที”
ปวันรีบขับไป พอเข้าใกล้ก็มีรถอีกคันแล่นออกมาจากที่จอด มาขวางทางไว้ เป็นรถตู้แบบรถแวน 4 ที่นั่ง ที่ข้างหลังมีกระจกติดฟิล์มเข้มมาก มองอะไรไม่เห็น
“ให้ตายเถอะ”
ปวันหงุดหงิด เชนมองรถข้างหน้ารู้สึกผิดปกติ แต่แล้วก็มีรถคันข้างหลังบีบแตรเสียงดัง ปวันกับเชนต้องเหลือบมองกระจกหลัง รถคันที่บีบแตรดึงความสนใจพวกเขาไป
“ไม่เห็นหรือไงว่ามันไปไม่ได้เนี่ย”
รถดร.อาทิตย์แล่นออกไป รถตู้แล่นตาม ปวันพยายามจะแซงรถตู้ให้ได้ แต่ก็แซงไม่ได้สักที เชนจ้องมองรถคันข้างหน้า ครุ่นคิด

รถดร.อาทิตย์แล่นขึ้นไปอีกชั้น ส่วนรถตู้แล่นลง ปวันรีบตามรถดร.อาทิตย์ รถเหมือนจะวนไปเรื่อยๆ แต่สักพักเชนก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
“ด็อกเตอร์อาทิตย์ไม่ได้อยู่ในรถ”
“อะไรนะ”
“คุณดูดีๆ สิ”
ปวันเพ่งมอง เห็นหัวคนนั่งอยู่เหมือนเดิม แต่ดูดีๆ กลับไม่เหมือนเดิม เป็นผู้ชายหมด ไม่มีผู้หญิงแล้วลักษณะศีรษะและทรงผมก็ต่างกันด้วย
“เอ๊ย”
“พวกมันคงรู้ตัวแล้วว่าโดนสะกดรอย”
“แล้วมันหายไปไหน”
ในรถตู้แวนของดร.อาทิตย์ นารีเหลียวมองด้านหลังไม่เห็นรถปวัน
“พวกมันหลงกลเรา”
“ถ้าจะมีฝีมือแค่นี้ ก็ไม่น่าตามมาให้เปลืองน้ำมันตั้งแต่แรก”
ดร.อาทิตย์เหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะ เล่นเหรียญในมือต่อ

เชนกับปวันมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วทั้งคู่ก็เหมือนนึกขึ้นได้
“รถตู้”
ปวันรีบกลับรถอย่างรวดเร็ว เชนต้องหาอะไรยึดไว้ ปวันรีบขับวนลง ลังเลว่าควรไปทางไหน เชนตาไวเห็นรถตู้แวนของดร.อาทิตย์กำลังอยู่ที่รับบัตรตรงทางออก
“นั่น”
ปวันหมุนพวงมาลัยรวดเร็ว ท่าทางมุ่งมั่นมาก ต้องตามไปให้ทัน
ภายในรถดร.อาทิตย์ อินทุรีบบอก
“พวกมันตามมาอีกแล้ว”
ดร.อาทิตย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงอาการตกใจมาก
“รู้ตัวไวกว่าที่คิดไว้นะ”
“จัดการมันเลยไหมคะ”
อาทิตย์ส่ายหน้าช้าๆ น้ำเสียงเหมือนใจเย็นไม่ทุกข์ร้อนอะไร แต่ไม่ได้เล่นเหรียญแล้ว
“ยัง ฉันอยากรู้ว่ามันจะตามไปได้ถึงไหน”
ดวงตาดร.อาทิตย์ ดูจริงจัง เหมือนกำลังประเมินคู่ต่อสู้ สายตาเชนจริงจังพอกัน รถปวันรีบเร่งความเร็ว พอเกือบถึง รถก็ติดไฟแดง รถดร.อาทิตย์กำลังจะแล่นจากไปอย่างสบายๆ
“ไม่ทันแน่” เชนบอก
ปวันร้อนใจ เห็นว่าไม่ทันแน่เลยคว้าปืนหน้าตาประหลาดจากลิ้นชักหน้ารถ ปืนเป็นลักษณะเหมือนปืนยิงกระสุนแค็ปซูล เธอเปิดกระจก ชะโงกตัวออกไปเล็งไปที่รถของดร.อาทิตย์
“เอ๊ย”
เชนตกใจเพราะไม่คิดว่าจะยิงกันกลางเมือง แต่ปวันไม่ฟังเหนี่ยวไกปืนทันที ปัง แคปซูลไปติดที่ท้ายรถตู้แม่นยำ เชนคิดว่าจะยิงล้อหรือว่ายิงกระจก แต่ก็ไม่มีอะไรเสียหาย นอกจากมีเหมือนอะไรติดอยู่ท้ายรถ
“นั่นอะไร”
ปวันยิ้มเยาะ
“มีอีกหลายอย่างที่นายต้องเรียนรู้นะ”
ภายในรถดร.อาทิตย์
“มันหายไปแล้ว” อินทุบอก

ดร.อาทิตย์ยิ้มๆ เหยียดหยามพวกปวันที่ไม่แน่จริง แล้วเล่นเหรียญต่อไป

สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 5 (ต่อ)

ตังตัง สมายล์ โลมา แมงกะพรุน กังฟู นั่งเล่นเกมด้วยกัน ตรงโถงทางเดินหน้าสตูดิโอ กังฟูรู้สึกไม่สนุกด้วย
 
“ไม่เห็นสนุกเลย ถ้าจะเล่นแบบนี้เราเล่นที่บ้านก็ได้ ไอแพดเรามีเกมเยอะกว่าตั้งเยอะ”
เด็กคนอื่นเหลือบมองขึ้นมานิดหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าเล่นเกมต่อ กังฟูงอน
“เราจะกลับบ้าน”
เด็กคนอื่นเงยหน้าขึ้นมา พูดพร้อมกัน
“บ๊ายบาย”
กังฟูงอนตุ๊บป่อง ตังตังหันไปเห็นพอดี ก็สงสารเพื่อน
“อะๆ เล่นอย่างอื่นก็ได้ กังฟูอยากเล่นไร”
“เล่นมายากล”
เด็กทุกคนทำหน้าเอือม
“อีกละ”
“เราว่าเล่นขายของกันมะ” สมายล์ชวน
“เล่นวิ่งไล่จับกันดีกว่า” โลมาเสนอ
“ซ่อนแอบเหอะ” แมงกะพรุนเสนอบ้าง
“มายากลๆ” กังฟูยืนยัน
เด็กๆ เถียงกัน ตังตังอ้าปากจะพูดแต่ก็ไม่มีโอกาส เลยหันไปตบเข่าตฤณซึ่งนั่งข้างๆ ตฤณนั่งหน้าเครียด รอเวลาเจนจิราเลิกงาน มองไปที่สตูดิโอตลอด เพราะมีเรื่องอยากคุยด้วย
“น้าตฤณๆ ช่วยคิดหน่อยดิ เล่นไรกันดี”
“เล่นไรก็เล่นไปเหอะ”
“โห ไม่ช่วยหลานคิดเลย”
“น้ากำลังเครียด น้าอยากคุยกับน้าเจน”
เด็กๆ คนอื่นยังเถียงกัน ตังตังเอียงคอคิด สลับกับมองตฤณ คิดไปคิดมา
“เราเล่นเป็นสายลับกันมะ”
เด็กคนอื่นที่กำลังเถียงๆ กันเงียบทันที แล้วหันมองตังตัง
“เป็นสายลับได้ทั้งวิ่งไล่จับ ได้ทั้งซ่อนแอบ ได้เล่นมายากลด้วย เออ อาจมีขายของด้วยนะ เอาไงอะ เล่นกันมะ”
“เล่นๆๆ”
เด็กทุกคนกระตือรือร้นมาก รู้สึกสนุก ตังตังแอบมองตฤณซึ่งนั่งหน้าเครียดไม่พูดไม่จา แล้วยิ้มๆ นึกแผนเด็ดได้

ปวันเลี้ยวรถเข้ามาจอดในปั๊ม ไม่ขับตามต่อ เชนแปลกใจ
“ทำไมไม่ตามไป ถ้าเราไม่หยุดเราอาจตามทันได้นะ อย่าเพิ่งถอดใจสิคุณตำรวจ”
เชนพูดจริงจัง ให้ฮึกเหิมเพราะคิดว่าปวันยอมแพ้
“ก็นายบอกเองว่าพวกมันรู้ตัวแล้ว ยิ่งตามตูดไปมันก็ยิ่งรู้ตัวสิ”
ท่าทางปวันดูจะสบายใจจนเชนสงสัย ปวันจัดการกดปุ่มบางอย่าง หน้าจอเล็กบนแผงหน้าปัดรถเปิดขึ้น เป็นแผนที่รูปถนน เชนเห็นก็ทึ่งๆ
“นี่มันเรดาห์ใช่ไหม”
ปวันเหลือบมองสังเกตเชนไปด้วย
“จีพีเอส”
“จีพีเอส”
“ใช่ จีพีเอส Global Positioning System ไง งงล่ะสิ ที่ฉันยิงไปคือแค็ปซูลส่งสัญญาณจีพีเอสผ่านดาวเทียมมันจะบอกตำแหน่งของรถด็อกเตอร์อาทิตย์ให้เรารู้ เราแค่ตามแผนที่นี้ไป”
“สุดยอด สมัยนี้ทำได้ขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”
“สมัยนี้ แล้วสมัยนายไม่มีเหรอ”
“ไม่”
เชนเกือบหลุดพูด แต่ก็ชะงัก เพราะรู้สึกได้ว่าปวันกำลังหลอกถามตัวเอง เลยนิ่ง ปวันมองเชนสังเกต เชนคิดวิธีเบี่ยงเบน ด้วยการยื่นหน้าไปใกล้ๆ
“คุณคิดว่าผมจะตอบว่าไม่มีหรือไง”
ปวันผงะเล็กน้อย แต่ก็พยายามทำเหมือนไม่ตกใจ
“ฉันคิดว่านายจะตอบความจริง”
ปวันหันกลับ สนใจที่จอ เชนมองหญิงสาว โล่งใจที่เอาตัวรอดมาได้ แล้วก็แอบพอใจที่ปวันดูเก่ง และทันคนด้วย

บริเวณสตูดิโอที่ถ่ายทำทีเซอร์ ทีมงานกำลังวุ่นวาย เจนจิรานั่งพักอยู่ใกล้ๆ จอมอนิเตอร์ มีประมุขและบารมีอยู่ด้วย
ตังตัง สมายล์ โลมา แมงกะพรุน กังฟู โผล่หน้ามาจากที่ซ่อนทีละคน วิ่งไปหลบหน้าเก้าอี้ในห้อง มุมนั้นมุมนี้ หน้าตาจริงจังเหมือนกำลังปฏิบัติภารกิจลับ
“เราต้องเข้าใกล้เป้าหมายมากกว่านี้ จะได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน” ตังตังบอก
“แล้วทำไมเราต้องได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน” สมายล์แปลกใจ
“ก็มันเป็นหน้าที่ของสายลับอย่างเราไง ล้วงความลับของคนพวกนั้น”
“ไหนบอกว่ามีมายากลไง ไม่เห็นหนุกเลยอย่างนี้”
กังฟูทำท่าจะโผล่จากที่ซ่อน ตังตังดึงเสื้อไว้
“นี่เราก็กำลังล่องหนอยู่ไง แบบในมายากลน่ะ”
“ล่องหน”
“ถ้าโผล่ออกไปก็ไม่ล่องหนดิ”
“อ๋อ เหรอ”

กังฟูทำหน้างง ตังตังพยายามหลอกล่อ ส่งสัญญาณให้คนอื่นเข้าไปใกล้ๆ เจนจิราต่อ

ปวันจอดรถริมถนนตรงข้ามตึกมูลนิธิ หาที่แอบ ลับตาคน นิ้วจิ้มไปที่จอแสดงสัญญาณจีพีเอส ที่จุดสีแดงนิ่งอยู่ในแผนที่
 
“พวกมันอยู่ที่นี่”
เชนหันไปมอง อ่านป้ายชื่อ
“อามุนรา สุริยเทพแห่งตำนานไอยคุปย์”
“มูลนิธิการกุศลของดร.อาทิตย์”
“ถึงขนาดต้องเปลี่ยนรถเพื่อกันการสะกดรอยตาม มันก็คงไม่ใช่มูลนิธิธรรมดา”
“มีคนคุ้มกันแน่นหนา แต่ดูเหมือนไม่มีคนมาทำงาน”
เชนกับปวันหันมาสบตากันอีกครั้ง พยักหน้าให้กัน เข้าใจกันโดยไม่รู้ตัว

ประมุขนั่งคุยกับทีมงาน บารมีเอาน้ำดื่มไปให้เจนจิรา
“เหนื่อยมั้ยจ๊ะดาร์ลิ้ง ลองน้ำผสมคอลลาเจนยี่ห้อบิวตี้เด๊ะสิครับ”
บารมีจับหลอดให้เจนจิราดื่ม
“ดื่มแล้วสดชื่น คืนความสดใสให้ผิวหน้า เนียนสวย”
บารมีแกล้งยื่นหน้าไปที่แก้มเจนจิรา แต่เธอรู้ทันรีบเบี่ยงหลบ ตังตังและเพื่อนแอบมอง ตังตังแอบบ่น
“โห ทำงี้ได้ไง ไม่แมนเลย น้าตฤณเราดีกว่าตั้งเยอะ”
“เอาไงต่ออ่ะตังตัง เราเมื่อยแล้ว” สมายล์บ่น
“อย่างนี้ต้องเบี่ยงเบนความสนใจ”

เสียงไซเรนรถดับเพลิงดังมาแต่ไกล มาจอดข้างหน้าตึกมูลนิธิ รปภ.เดินออกไป เจ้าหน้าที่ดับเพลิงลงมา
“มีคนแจ้งเหตุไฟไหม้ที่นี่”
รปภ. งง ตกใจ แล้วก็มีกลุ่มควันไฟลอยมาจากข้างๆ ตึก รปภ.ด้านหน้าหลายคน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรีบวิ่งไป พอพ้นหลังรปภ.คนสุดท้าย เชนกับปวันแอบอยู่ในซอกตึก ทั้งคู่วิ่งออกมา มองซ้ายมองขวาแล้วก็เข้าไปในตึกได้ พอยามเดินผ่านมา ก็รีบแอบหลังเสา เบียดๆ กัน ใกล้ชิด เชนกระซิบกับปวัน ขณะที่ตาทั้งคู่ก็ยังมองว่าเมื่อไหร่ทางจะสะดวก
“ไม่คิดว่าคุณจะใช้วิธีนี้”
“อะไร”
“วางเพลิง”
“แค่เผาขยะ”
เชนยิ้มกับข้ออ้างของปวัน แล้วพอยามเดินผ่านไป เชนมองเห็นป้ายทางหนีไฟ ทำสัญญาณให้ปวัน ปวันพยักหน้า ทั้งสองวิ่งออกจากที่ซ่อน เกือบจะถึงประตูหนีไฟ ก็มียามอีกคนผ่านมาพอดี ทั้งคู่ต้องกลิ้งแอบไปคนละทาง
เชนแอบหลังตู้ล็อกเกอร์ด้านหนึ่ง ส่วนปวันกลิ้งไปแอบหลังโต๊ะ แต่ปวันชนกับของบางอย่าง ทำให้เกิดเสียง ยามหันมามอง สงสัย แล้วก็เดินเข้ามาดูใกล้ๆ เชนเห็นท่าไม่ดี เลยหาทางช่วย มองรอบๆ เปิดตู้ล็อคเกอร์ดู ในล็อกเกอร์หนึ่งมีแป้งกระป๋อง หวี กระจกเงาบานกลางๆ อีกตู้หนึ่ง มีไฟฉาย
ยามก้าวเข้าไปใกล้ปวันทุกทีๆ แต่แล้ว มีแสงวูบๆ ผ่านไปมารอบๆ ตัวยาม ยามงง ชะงัก หันมา แสงจ้า สะท้อนเข้าตายาม ดับติดๆ วูบ วาบ วูบ วาบ
“แสงอะไรวะ”
เชนอยู่หลังเสา แต่ตั้งกระจกไว้วางมุมให้หันไปทางยามพอดี แล้วฉายไฟฉายจากมุมที่ตนซ่อนอยู่ ไปที่กระจก กระจกชิ่งลำแสงมาใส่ยาม
ยามสงสัย เดินเข้าไปดู เชนวิ่งหนีไปอีกข้างหนึ่งของล็อกเกอร์ ไปมุมห้องอีกด้าน แล้วกระชากฝากระป๋องแป้งออก สาดแป้งขึ้นไปในอากาศสุดแรง ผงแป้งฟุ้งกระจายไปในอากาศ ดูเหมือนกลุ่มควัน ยามหันไป เห็นควันแป้งลอยพ้นหลังล็อกเกอร์มาจากมุมห้องนั้น เหมือนกลุ่มควัน เชนเปิดไฟฉาย ส่องไปที่ควันแป้ง เมื่อเจอแสง ควันแป้งดูชัดขึ้น เหมือนควันมากขึ้น
“เอ๊ย ไฟไหม้ตรงนี้ด้วยเหรอวะ”
ยามวิ่งออกไปเรียกเพื่อน
“เอ๊ย ช่วยมากันดับไฟหน่อยเร็ว”
ยามวิ่งไป พอคล้อยหลังยาม ปวัน เชน วิ่งมาเจอกัน เชนยิ้มให้เท่ๆ ปวันเบ้หน้า แล้วทั้งคู่ก็รีบวิ่งไปที่ทางหนีไฟ

เจนจิราในชุดเซ็กซี่รัดรูปอีกชุดยืนในฉาก อึดอัดมาก ประมุขกำกับท่าทางอยู่ในฉาก
“เจนลองพูดเปิดรายการ แต่นั่งไขว่ห้างบนโต๊ะผู้ประกาศนะ”
“นั่งบนโต๊ะเลยเหรอคะ”
เจนจิรามองโต๊ะกับชุดตัวเองอย่างลำบากใจ บารมีนั่งอยู่หลังมอนิเตอร์ รีบลุกขึ้น ส่งเสียงบอก
“นอนเลยดีกว่า”
“นอน นอนประกาศ มันรายการข่าวนะคะ”
บารมีรีบเดินเข้ามาในฉาก
“เชื่อผม ท่านี้แปลก แหวกแนว ไม่เหมือนใคร”
“เจนว่ามันไม่เข้ากับรายการข่าวอย่างแรงเลยนะคะ”
“เฮ้ย เราต้องคิดนอกกรอบสิครับ นี่ผมทำให้ดู”
บารมีปีนขึ้นไปนอนคว่ำบนโต๊ะ เท้าคางทำท่าเซ็กซี่ ตีขาไปมาในอากาศ
“สวัสดีค่ะ พบกับรายการล้วงลับจับข่าวร้อนกับดิฉัน เจนจิรา แก้วสุขศรี สนับสนุนโดยบารมีบิวตี้คลินิก เด๊ะ”
บารมีทำท่าเด๊ะแล้วกระโดดลงจากโต๊ะ เขาเข้ามาประคองเจนจิราแบบถึงเนื้อถึงตัว เจนจิราเบี่ยงตัวหนี แต่บารมีก็จับตัวไว้แน่น
“มาค่ะ ผมจะสอนท่านอนเด๊ะให้นะคะ”
บารมีพูดใกล้ๆ เจนจิรา เจนจิราพยายามเบี่ยงหลบ แล้วก็มีเสียงดังขึ้น
“เอามานี่นะ” กังฟูยื้อแย่ง
“นี่มันของเรานะ” โลมาบอก
“เอามา” กังฟูไม่ยอม
บารมีกับเจนจิราหันไปมองพร้อมกัน เห็นกังฟูกับโลมากำลังแย่งไอแพดกันอยู่ ทีมงานหันไปสนใจ กังฟูกับโลมายื้อแย่งกันไปมา แล้วอยู่ๆ แมงกะพรุนก็วิ่งมาดึงไอแพดไป แล้ววิ่งหนี กังฟูกับโลมาวิ่งไล่ตาม วิ่งไปทั่วสตูดิโอ ทีมงานงง เด็กๆ วิ่งลอดใต้เก้าอี้ วิ่งลอดใต้โต๊ะ แอบหลังขาคนอื่น แลดูวุ่นวาย
ทุกคนมองที่เด็กๆ เจนจิราก็ด้วย แต่เจนจิราก็สะดุ้ง เพราะมีมือหนึ่งมาสะกิดเรียก เธอก้มลงมา เห็นตังตังจับมือตัวเอง จะพาไปที่อื่น
“ตังตังเล่นอะไร น้าทำงานอยู่”
ตังตังจุ๊ปากไม่ให้เสียงดัง แต่บารมีก็หันมาเห็นพอดีอ้าปากจะเรียกเจนจิรา แต่อยู่ๆ สมายล์ก็โผล่มาขวางถือดอกไม้ที่ใช้ประกอบฉากมายื่นให้
“ซื้อดอกไม้ไหมคะ”
บารมีมองสมายล์ ตังตังรีบดึงเจนจิราออกไป เจนจิรางงๆ แต่ก็ยอมเดินไปเพราะอยากรู้ว่าตังตังมีเรื่องอะไร บารมีจะตาม สมายล์ก็รีบขวางอีก
“ซื้อดอกไม้ 2 ดอก แถม 1 ดอกนะคะ”
“ไม่เอา หลบๆ”
บารมีโบกมือไล่ จะเดินตามเจนจิรา สมายล์เข้ามาขวางอีก
“ซื้อหน่อยสิ นะนะ ดอกเดียวก็ได้”
“บอกว่าไม่เอาไง”
สมายล์ยังยืนขวาง ทำตาปริบๆ เพราะถูกสั่งมาให้ขวางบารมี บารมีเริ่มหงุดหงิด ตวาดใส่เด็ก
“เห็นไหมว่าผู้ใหญ่เขากำลังทำงานกัน เรามาเกะกะแถวนี้ได้ยังไง นี่พ่อแม่เราอยู่ไหนเนี่ย”
ประมุขโผล่เข้ามาทันที
“อยู่นี่ครับ”
บารมีชะงัก ประมุขเดินเข้ามา ลูบหัวสมายล์ ยิ้มให้ลูก
“ลูกสาวผมปิดเทอมก็เลยพาแกมาเที่ยวที่นี่ คุณไม่คิดจะอุดหนุนดอกไม้แกสักดอกเหรอครับ”
ประมุขส่งสายตาดุ กดดัน บารมียิ้มตอบ รู้ว่าประมุขไม่พอใจที่ลูกโดนว่า แต่บารมีก็รู้ทันเรื่องให้ซื้อดอกไม้ว่าประมุขจะหลอกเอาเงินเขาตามประสาคนงกอีก
“ผมมีแต่บัตรเครดิต คราวนี้ขายให้คุณพ่อไปก่อนนะ”

บารมีตัดบท ทำท่าจะเดินตาม แต่แก๊งกังฟูวิ่งมาชนอย่างตั้งใจ ชนสามคนแล้วล้มลงแบบรักบี้ บารมีล้มโดยมีเด็กๆ ทับอยู่ พยายามลุก แต่เด็กๆ ไม่ยอมลุก

ตังตังดึงเจนจิราให้เดินตามมา
 
“ตังตังจะพาน้าไปไหน”
“มีคนอยากคุยกะน้าเจนค่ะ”
ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่ที่ตฤณซึ่งเงยหน้าขึ้นมาพอดี ตฤณงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจน เขามีเรื่องอยากคุยด้วย”
เจนจิราโมโห เพราะคิดว่าตฤณกับตังตังรวมหัวกัน
“นี่ฝีมือตัวเองเหรอ แย่มากเลยนะ”
“นี่ตัวเองพูดเรื่องอะไร”
ตฤณงง เจนจิราหน้าบึ้ง ตฤณเลยก้มมองตังตัง
“เรื่องอะไรตังตัง”
ตังตังเห็นท่าไม่ดี ยิ้มแล้วยกมือสองข้างเหมือนยอมแพ้
“เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่เกี่ยว”
ตังตังวิ่งปรู๊ดไป ทิ้งเจนจิรากับตฤณยืนประจันหน้ากัน

เชนกับปวันค่อยๆ ย่องออกมาจากบันไดหนีไฟขึ้นมาชั้นสอง ทั้งชั้นเป็นเหมือนสำนักงานทั่วไป แต่มีอยู่สองสามโต๊ะ พนักงานสองสามคน กำลังมุงที่หน้าต่าง ดูเหตุการณ์ข้างล่าง บางคนกำลังเก็บของเตรียมหนีไฟไหม้ ปวันเหลือบมองเชน พยักหน้า
“เคลียร์”
ทั้งสองขึ้นต่อไปที่ชั้น 3 เหมือนเป็นชั้นเก็บเอกสาร มีตู้ล็อคเกอร์ ชั้นวาง ปวันขยับจะพูดเหมือนเดิม แต่เชนเรียนรู้ไว ก็เลยพูดแทรก
“เคลียร์”
ปวันเบ้หน้า หมั่นไส้ที่โดนเชนแย่ง ทั้งสองเปิดประตูมาที่ชั้น 4 มีประตูอีกชั้น ปวันมองไปรอบๆ สำรวจหน้าเครียดมาก มองบนเพดาน
“กล้องวงจรปิด”
ปวันมองที่ประตู มีกล่องดำๆ ติดอยู่ข้างๆ
“เครื่องสแกนลายนิ้วมือ”
เชนไม่เคยเห็น พยายามเพ่งมองอย่างสำรวจ ปวันพยายามมองหาทางจะเข้าไป แต่ก็ถอนหายใจ
“ถ้าบังเอิญมีใครออกมาตอนนี้พอดีก็ดีสิ เราจะได้มั่วเดินสวนเข้าไป”
แล้วก็มีเสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้น แสดงว่ามีคนกำลังมา ปวันกับเชนมองหน้ากัน คิดเหมือนกันว่าจะวิ่งลงไปข้างล่าง แต่ก็มีเสียงยามเดินไปมา ตรวจตรา กำลังจะขึ้นมาพอดี
“Shit”
เชนขยับมาใกล้ทันทีเพราะคิดว่าบอกให้ชิด ปวันถอนหายใจ พูดเสียงรอดไรฟัน
“ไม่ใช่ชิดอย่างนี้”
เชนหันมา แกล้งทำหน้าเหรอหรา ความจริงก็รู้ว่าปวันอุทาน แต่ก็อยากแกล้ง ปวันถอนหายใจ ไม่มีเวลาด่า เพราะเสียงประตูลิฟต์เปิดออกพอดี เชนส่งสัญญาณให้ปวันจัดการกับคนที่ออกมาจากลิฟต์ ส่วนตัวเองจะจัดการกับคนที่เดินขึ้นมา ปวันพยักหน้า เชนขยับจะไป ปวันรีบบอก
“อย่าให้พวกมันเห็นหน้า”
เชนยักคิ้วให้แบบเท่ๆ ว่ารู้อยู่แล้ว ปวันออกจากที่ซ่อน ย่องไป กระโดดดันกล้องให้แหงนหน้าขึ้น จะได้ไม่เห็น จังหวะที่ลงมาแล้วมีเสียง ยามซึ่งออกมาจากลิฟต์ได้ยิน กำลังจะหันมา แต่ปวันศอกเข้าที่ท้ายทอยพอดี ยามสลบไป
ทางด้านเชน แอบอยู่หลังกำแพง เห็นปวันลากยามที่สลบไปทางห้องน้ำ พอพ้นปุ๊บยามอีกคนก็เดินขึ้นบันไดมา เชนก็จัดการเหมือนกัน ยามจะล้มตึง แต่เชนรับไว้ ปวันออกมาจากห้องน้ำ ทำสัญญาณให้เชนพยุงยามอีกคนมาที่ประตู แล้วใช้นิ้วของยามที่สลบกดไปที่เครื่องสแกนนิ้ว เสียงสัญญาณดังคลิก แปลว่าล็อคถูกปลด ทั้งสองคนเดินเข้าไป

เจนจิราเดินหนีตฤณ ตฤณเดินตาม
“ถ้าตัวเองจะพูดเรื่องเดิม เขาไม่มีอะไรจะคุยด้วย”
ตฤณเดินมาใกล้ แถวนั้นมีกระจกพอดี ตฤณจับเจนจิราหันไปมอง
“เขาถามจริง ตัวเองชอบสิ่งที่เห็นในกระจกจริงๆ เหรอ”
เจนจิราอึ้ง แต่พยายามปัดความรู้สึกนั้นออกไป
“ชอบสิ สวย เซ็กซี่ นี่แหละเขาเรียกว่าคิดนอกกรอบ เป็นลุคใหม่ไม่ซ้ำซากจำเจ”
เจนจิราพูดไปเรื่อยๆ ตามองกระจก เหมือนกำลังบอกตัวเองให้เชื่อในสิ่งที่พูด
“แล้วตัวเองแฮปปี้เหรอ ที่ต้องเปลี่ยนแปลงขนาดนี้”
“เขาเรียกว่าปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม”
“ปรับปรุงอะไร ตัวเองดู ที่มันอยู่บนตัวเอง คือสิ่งที่คนอื่นยัดเยียดให้นะ มันไม่ใช่ตัวเองซะหน่อย”
“ก็เขาไม่อยากเหมือนตัวเองไง”
“อะไรนะ”
“เขาไม่อยากเป็นเหมือนตัวเอง ไม่อยากย่ำอยู่กับที่เหมือนตัวเอง เขาอยากก้าวไปข้างหน้า ชีวิตเขาไม่มีแค่วันนี้นะ มันต้องมีอนาคตด้วย ตัวเองไม่เข้าใจหรอก เพราะตัวเองไม่เคยมองอนาคตเลยไง ตัวเองอยากนั่งแหมะอยู่ที่เดิมก็เรื่องของตัวเองสิ อย่ามายุ่งกับเขา ลืมไปแล้วหรือไง ว่าเราเลิกกัน”
“เออ รู้แล้วว่าเลิกกันแล้ว แล้วไงอ่ะ เลิกกันแล้วเขาเป็นห่วงตัวเองไม่ได้เหรอ เขาอยากให้ตัวเองมีความสุขกับงานที่ตัวเองรัก เขาเชียร์ตัวเองนะ แต่นี่มัน เอาจริงๆ ตัวเองภูมิใจเหรอ”
ตฤณมองเจนจิราหัวจรดเท้า เจนจิราสะอึกบ้าง แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ มีทิฐิอยู่
“มันก็เรื่องของเขา”
ตฤณมองเจนจิราผิดหวัง เจนจิราไม่คิดว่าจะได้เห็นสายตาแบบนี้จากตฤณ
“เออ ถ้าคิดว่าดีก็ทำไปเลย”
“เออ ทำอยู่แล้ว”
สองคนจ้องหน้า ไม่ยอมกัน เจนจิราสะบัดหน้าไปอีกทาง

ภายในห้องทำงานของดร.อาทิตย์ที่มูลนิธิ เป็นห้องกว้างๆ เหมือนห้องทำงานผู้บริหารทั่วไป แต่สองข้างมีตู้ใหญ่ๆ มีของตั้งโชว์เต็มไปหมด ด้านหลังก็มีรูปใหญ่ของดร.อาทิตย์กำลังยิ้ม
ดร.อาทิตย์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน อินทุ นารี ยืนขนาบข้าง น้ำเพชรห้อยเพชรเม็ดโตนั่งอยู่ตรงข้าม ท่าทางกรีดกรายมาก ดูร่ำรวยและเย่อหยิ่ง
“ปกติเดี๊ยนไม่มาเสียเวลากับเรื่องแบบนี้หรอกนะ แต่เห็นว่าด็อกเตอร์เป็นคนน่าเชื่อถือ เดี๊ยนก็เลยเจียดเวลามาคุยด้วย”
น้ำเพชรพูดไปด้วยก้มหน้าเขียนเช็คไปด้วย แล้วยื่นให้
“งวดแรก เดี๊ยนศรัทธาแค่ 5 ล้านก่อนก็แล้วกัน ถ้าศรัทธาของด็อกเตอร์ทำให้เดี๊ยนขายที่ที่เชียงใหม่ได้จริงๆ เดี๊ยนจะมาต่อศรัทธาให้เยอะกว่านี้”
“แล้วแต่ศรัทธาของคุณน้ำเพชรเลยครับ แต่อย่างที่ผมบอกไป ยิ่งศรัทธาแรงกล้าเท่าไร สิ่งที่หวังก็ยิ่งเป็นจริงเร็วขึ้นเท่านั้น”
“เร็วขึ้นเท่าไร”
“บอกเป็นตัวเลขไม่ได้หรอกครับ มันขึ้นอยู่กับศรัทธา”
น้ำเพชรนิ่งไป เคาะนิ้วที่โต๊ะ เหมือนอวดเพชรบนนิ้ว มีแสงประกายวิบวับเข้าตาดร.อาทิตย์ แล้วเธอก็เขียนเช็คอีกใบใหม่
“อีก 5 ล้าน ศรัทธาแรงพอหรือยัง”
ดร.อาทิตย์รับเช็คมา ยิ้มๆ อย่างมีเมตตา ดูใจเย็น
“ยิ่งแรงยิ่งเร็ว อีกไม่กี่วัน คุณน้ำเพชรได้เห็นผลแน่ หรือไม่ก็พรุ่งนี้ ที่โชว์ของผม”
น้ำเพชรยิ้มพอใจ เก็บปากกาด้วยท่าทีกรีดกราย
“โอเค ไว้พรุ่งนี้ฉันจะรอดู”
น้ำเพชรเก็บของเหมือนกำลังจะกลับ ดร.อาทิตย์หันไปกระซิบถามอินทุ
“พวกข้างล่างรายงานขึ้นมาหรือยัง ว่าดับไฟไปถึงไหนแล้ว”
“ยังเลยครับ ให้ผมลงไปถามไหมครับ”

“ที่นี่ไม่มีโทรศัพท์หรือไง”

อินทุอึ้ง รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา ผละไปอีกทางเพื่อโทรไปถามข้างล่าง ดร.อาทิตย์หันมายิ้มๆ ให้น้ำเพชรที่มีเครื่องเพชรแพรวพราวไปทั้งตัว
 
“เพชรแท้ช่างเหมาะกับคุณน้ำเพชรจริงๆ โดยเฉพาะเพชรสีชมพู”
ดร.อาทิตย์มองไปที่สร้อยเพชรของน้ำเพชร น้ำเพชรกรีดมือไปใกล้ๆ
“The Queen Of Pink ไม่ใช่แค่รวยถึงจะมีได้นะ แต่ต้องรวยมาก อย่างเดี๊ยนเท่านั้น”
“เลอค่า คู่ควรกับคุณน้ำเพชรจริงๆ”
ดร.อาทิตย์ชมเอาใจ แต่ตาจ้องที่เพชร อินทุเดินกลับมากระซิบกับดร.อาทิตย์
“ข้างล่างโทรมาบอกว่าดับเพลิงเรียบร้อยแล้วครับ”
“แล้วสาเหตุล่ะ”
“มีคนทิ้งก้นบุหรี่ลงในถังขยะเลยเกิดไฟไหม้”
“สะเพร่ากันจริงๆ”
ดร.อาทิตย์หันมาทางน้ำเพชร
“ขอบคุณศรัทธาที่ทำให้เราได้มาเจอกัน จะกลับเลยไหมครับ ผมจะไปส่ง”
น้ำเพชรพยักหน้า แต่ไม่ลุก อินทุต้องยื่นแขนให้จับเหมือนเป็นสุภาพสตรีสูงศักดิ์
“ประทานโทษนะ แต่เดี๊ยนไม่ถูกเนื้อต้องตัวผู้ชาย”
นารีต้องรีบเข้ามา ยื่นแขนให้จับ น้ำเพชรวางมือบนแขนนารีอย่างกรีดกราย เดินเชิดออกจากห้องไป ดร.อาทิตย์กับอินทุตาม แต่ก่อนไป ดร.อาทิตย์เอานิ้วแนบที่เครื่องสแกนนิ้ว มีประตูนิรภัยเลื่อนมาปิดประตูห้องอีกชั้น
ทั้งสี่คนเดินออกไป

เชนกับปวันแอบอยู่ เห็นขาคนเดินผ่านไปสามคน กล้องวงจรปิดหลายตัวติดอยู่ทั่วชั้นถูกทำให้แหงนหน้าขึ้นหมด ทั้งสองรอจนแน่ใจว่าไม่มีใครก็ค่อยๆ เดินมาที่เครื่องสแกนนิ้ว ปวันหงุดหงิดเพราะไม่รู้จะเข้าไปได้อย่างไร
“น่าจะตัดนิ้วคนเมื่อกี้มาด้วย”
“คุณสุภาพสตรี อย่าโหดอย่างนี้สิครับ ไม่งามเลยนะ”
ปวันถอนหายใจ หงุดหงิดมาก
“ขอผมลองดูหน่อย”
เชนเดินเข้าไปที่กล่องนั้น ยกมือขึ้นมา ปวันส่ายหน้า เพราะรู้ว่าไม่มีทางแน่ๆ แต่เชนกลับยกมืออังที่ปาก แล้วเป่าลมใส่ตรงแผ่นสแกน ความร้อนทำให้ปรากฏไขมันที่เป็นลายนิ้วมือขึ้นมา แล้วเสียงคลิกที่ประตูก็ดังขึ้น ประตูนิรภัยกำลังเลื่อนออก เชนหันมาบอกแบบเท่ๆ อวดนิดๆ
“ความรู้รอบตัว ไอร้อนทำปฏิกิริยากับไขมันบนลายนิ้วมือ บอกแล้วว่าคุณจะดีใจที่มีผมมาด้วย”
ปวันเบ้หน้า หมั่นไส้แล้วเดินนำเข้าไป เชนยิ้มๆ เดินตาม สองคนเข้ามาในห้อง ประตูนิรภัยปิดลง มีเสียงดังคลิก เหมือนกลไกบางอย่างกำลังทำงาน

เจนจิราเดินมาที่โต๊ะทำงาน หน้าเครียดๆ คิดหนักเกี่ยวกับคำพูดตฤณ แล้วก็เจอเพื่อนร่วมงาน
“อ้าวเจน ถ่ายทีเซอร์เสร็จแล้วเหรอ”
“ยัง แต่เรา มาเอาของที่โต๊ะนิดหน่อย”
เจนจิราโกหก เดินหน้าเครียดไปที่โต๊ะ ทำเหมือนหาของบางอย่าง แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าหาอะไร เหม่อนิดๆ เลยเปิดลิ้นชักแล้วยื่นมือเข้าไปไม่มอง ทันใดนั้นก็สะดุ้ง เธอโดนหนามต้นกระบองเพชรที่ตฤณให้ ตำนิ้ว เจนจิรามองต้นกระบองเพชร เครียดมาก
“ตัวเองทำเขาเจ็บอีกแล้วนะ”
เจนจิราพึมพำกับต้นกระบองเพชร มองดูอยู่ แล้วก็มีเงาพาดมาที่โต๊ะ
“ยังจะตามเขามาอีก”
“ก็ดาร์ลิ้งหายไปนาน ผมก็เลยมาตามไงคะ”
เจนจิราเงยหน้าขึ้นมอง ตกใจที่เห็นบารมี เพราะคิดว่าเป็นตฤณ
“ดาร์ลิ้งเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าหมองๆ นะ ผมบอกแล้วว่าให้ดื่มกลูต้าบลิ้งๆ ไวท์พลัสของผม คุณจะได้หน้าใสเด้งเด๊ะ เดี๋ยวผมสั่งให้ลูกน้องเอามาให้นะ”
“ไม่ต้องค่ะ เจนแค่เหนื่อยนิดๆ นั่งพักนิดเดียวก็หาย”
“เจนเหนื่อยเหรอ ทำไมล่ะ แค่เปลี่ยนชุดถ่ายทีเซอร์ เจนไม่น่าจะเหนื่อยเลยนะคะ”
บารมีมองเจนจิรา กึ่งคาดคั้น กึ่งสังเกต เจนจิราถอนหายใจ ตัดสินใจว่าจะลองพูดดู
“เจนแค่รู้สึกว่า มันแปลกๆ เจนเปลี่ยนเยอะไปหรือเปล่า”
“คนเราต้องเปลี่ยนแปลงนะคะ ถ้าเป็นตัวของตัวเองอยู่ตลอดเวลา มันก็จมปลัก ย่ำอยู่กับที่ ไม่ไปไหนสักที ดาร์ลิ้งทำอย่างนี้ถูกแล้วคะ เพื่อความก้าวหน้าของเราไงคะ”
“แต่มันเป็นความก้าวหน้าที่ไม่ได้มาจากความสามารถของเจนหรือเปล่า”
“ถ้าดาร์ลิ้งไม่มีความสามารถ ผู้ใหญ่ก็ไม่ให้โอกาสหรอก ดาร์ลิ้งอย่าคิดมากสิคะ อย่าเอาคำพูดของคนเห่ยๆ บางคนมาทำให้เจนไขว้เขว”
“คนเห่ย”
“ก็ไอ้กระบองเพชรเห่ยๆ เมื่อกี้ไง ผมได้ยินนะ ที่เจนพูดกับมันน่ะ ถูกต้องทุกอย่างแล้ว เจนไม่
เหมือนมัน เจนมีอนาคต อนาคตของเจนก็มีผมด้วย เราจะสร้างอนาคตที่สวยงามของเราด้วยกัน นะคะ ไม่ต้องไปสนใจมันนะ”
บารมีพยายามกล่อม เจนจิราคิดตาม
“ใช่ เจนต้องมีอนาคต”
บารมียิ้มพอใจ จับมือเจนจิราให้ลุกขึ้น
“ถ้าเจนสบายใจแล้วเราไปทำงานกันต่อเถอะนะคะ ไปสร้างอนาคตของเราด้วยกัน”
เจนจิราลุกตาม บารมีจูงมือออกไป

เชนกับปวันยืนอยู่ตรงประตู มองรอบๆ ห้องอย่างสำรวจ ปวันมองจนแน่ใจว่าไม่มีกล้อง ทำท่าจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของดร.อาทิตย์ แต่เชนดึงแขนไว้ ปวันหมุนมาตกอยู่ในอ้อมแขนเชน
“นี่นายจะทำบ้าอะไร”
“ผมขออภัยที่ล่วงเกินคุณ แต่ดูนั่น”
เชนบุ้ยใบ้ไปที่นาฬิการูปพระอาทิตย์สีทองที่อยู่ที่ชั้น ตรงกลางมีรู เหมือนซ่อนกล้องเอาไว้
“กล้อง”
เชนยังไม่เอามือออก เดินไปคว่ำนาฬิกาลง
“ปล่อยฉันได้แล้ว”
“เกรงว่าผมต้องจับคุณไว้ เผื่อคุณทะเร่อทะร่าไปแบบเมื่อกี้อีก ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าผมตาไวกว่า”
“ตาไวหรือมือไวกันแน่ ชอบว่าคนอื่นไม่เป็นสุภาพสตรี ตัวเองเป็นสุภาพบุรุษตาย”
“สุภาพบุรุษต้องดูแลคนที่อ่อนแอกว่า ผมจึงมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองคุณ”
“เหรอ”
ปวันทำเป็นอือออ รอตอนเชนเผลอ จับมือเชน แล้วหมุนตัวเอามือเชนไพล่หลังด้วยศิลปะป้องกันตัว
“ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่ต้องมาดูแลฉัน”
ปวันผลักเชนออกไปแรงๆ เชนถึงกับเซนิดๆ เสียหลักไปชนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ ประตู ทำให้ลูกเหล็กบนโต๊ะ เขยื้อน ค่อยๆ กลิ้งลงมา จะตกลงพื้น แต่เชนรับไว้ได้
“สาวขาโหดนี่โก้จริงๆ”
เชนร้องเป็นเพลงแบบแซวเล่นๆ ขณะวางลูกเหล็กที่เดิม แต่เชนไม่ได้วางให้ตรงจุดเหมือนเดิม พอไม่ตรงล็อค กลไกลที่ซ่อนไว้ก็ทำงานทันที
เสียงครืดๆ ดังขึ้นเหมือนคนเลื่อนของ เชนกับปวันตกใจ รีบตั้งท่าระแวดระวัง แล้วตู้โชว์สองฝั่งก็เปลี่ยนไป มีกระจกเงายื่นออกมา หลายๆ บานต่อกันซับซ้อนไปมา ยื่นมาตรงที่เชนกับปวันยืนอยู่ด้วย แต่ไม่โดนตัว เว้นที่ตรงเชนกับปวันเอาไว้ รอบๆ ตัวมีกระจกเงา
“นี่มันอะไร”
“กระจกเงา เหมือนเขาวงกต”
“เขาวงกตจากกระจกเงาเนี่ยนะ ให้ตายสิ ไอ้ด็อกเตอร์นี่มัน เหลือเชื่อจริงๆ”
“นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมนะครับ เราต้องรีบออกไป ก่อนที่พวกมันจะกลับมา”
“รู้แล้วล่ะน่า”
ปวันตวาด มองไปอีกทางก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นเงาตัวเอง ที่บิดเบี้ยวดูใหญ่กว่าปกติ ไปทางไหนก็เห็นแต่เงาตัวเอง เล็กบ้างใหญ่บ้าง ยิ่งทำให้งง ยากมากที่จะออกไป ปวันหงุดหงิด ใจร้อน แต่เชนหลับตา ทำใจให้สงบ ลืมตามาอีกครั้งดูมีสมาธิมากขึ้น
“ตามผมมา”

เชนบอกเท่ๆ แล้วเดินนำ คอยกางแขนเพื่อระวังให้ปวันด้วย ปวันเบ้ปาก แต่ก็ยอมเดินตามไป


จบตอนที่ 5 
กำลังโหลดความคิดเห็น