สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 3
ปวันค่อยๆ สำรวจทีละห้องเพื่อค้นว่าเชนอยู่ห้องไหน เปิดดูห้องต่างๆ แต่ไม่พบ และกำลังตรงมาที่ห้องซันเบด ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ขณะนั้นเจนจิรายังโต้เถียงกับตฤณไม่เลิก
“ทำไมต้องแทง ตฤณควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อปรับปรุงตัวเอง เพื่ออนาคตของตังตัง เจนจะบอกให้นะ ว่าบารมี มีข้อดีอะไรที่ตฤณควรเรียนรู้จากเขา เขาเป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิตชัดเจน รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แล้วก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา บารมีเขาเคยเป็นลูกจ้างในคลินิกเล็กๆ มาก่อน แต่เขาก็สู้ สู้จนมีทุกวันนี้ นี่แหละที่เจนชอบ คนมีอนาคต เจนมั่นใจว่าฝากชีวิตไว้กับเขาได้”
“อ้อ”
“อ้อ อะไร”
“ไม่อะไร ก็แค่อ้อ”
“ตฤณพูดได้แค่นี้เหรอ ได้แค่ อ้อ ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรที่มากกว่าอ้อเลยเหรอ”
ตังตังนั่งตรงกลางทำอะไรไม่ถูก เท้าคาง เซ็งๆ
ภายในซันเบด เชนได้ยินทุกอย่าง ตั้งใจฟังความรู้สึกที่แท้จริงของเจนจิราผ่านน้ำเสียง และเขาสัมผัสได้ว่าเจนจิราตั้งใจใช้จิตวิทยา อยากให้ตฤณฮึกเหิม
“โอว แม่สาวสมัยนี้ เธอช่างร้ายกาจนัก รู้จักยั่วยุให้ฝ่ายชายลุกขึ้นสู้ แต่มันหารู้ตัวไม่ ช่างโง่และแหยสิ้นดี”
ตฤณยังคงโต้เถียงต่อ
“แล้วจะให้รู้สึกอะไรล่ะ”
“ก็ อะไรก็ช่าง เจนไม่สนใจ เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วจะต้องไปใส่ใจอะไร”
ตฤณอึ้ง
ปวันเดินเข้ามาเรื่อยๆ กำลังจะถึงห้องซันเบดอยู่แล้ว แต่อยู่ๆ มีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังมา เธอชะงัก ถอยหลบ ตฤณ อึ้ง เชนอยู่ในซันเบดได้ยินเสียง ตกใจ
“เสียงใครร้อง”
บริเวณโถงทางเดินในฮอลล์ ดร.อาทิตย์เดินออกมาที่หลังเวที มีทีมงานเข้ามาดูแลซับเหงื่อ ตบแป้ง ทำผม เอาน้ำให้ดื่ม ระหว่างนี้เสียงคนดูยังอื้ออึงเข้ามาตลอด ดร.อาทิตย์กำลังจะเดินไปที่ห้องพักผ่อน อินทุเข้ามาหา
“ได้ตัวมาแล้วครับ”
ดร.อาทิตย์รีบเดินตามอินทุไปทันที
จ่าเจี๊ยบมองตามดร.อาทิตย์ตลอด รีบวิ่งไปที่ข้างเวที จะเข้าไปด้านใน แต่การ์ดกันตัวเอาไว้
“เข้าไม่ได้ครับ”
จ่าเจี๊ยบวิ่งออกไปด้านนอก วิ่งอ้อมไปอีกทาง ออกมาด้านนอกฮอลล์ รีบวิ่งไปทางด้านหลัง มีการ์ดอีกคนรักษาทางเข้าหลังเวทีอยู่ ตำรวจนอกเครื่องแบบที่มากับจ่าเจี๊ยบ แกล้งเข้าไปทักทาย ชวนการ์ดคนนั้นคุยถามเวลา จ่าเจี๊ยบสบโอกาสรีบผลุบเข้าไป
ดร.อาทิตย์เดินตามอินทุออกมาอีกด้าน เป็นทางเดินภายในฮอลล์ เดินผ่านห้องพักส่วนตัวไป เลี้ยวไปอีกทางที่ลึกลับ พ้นตาผู้คน
จ่าเจี๊ยบรีบเดินเร็วอย่างไม่ให้มีพิรุธเข้าไป แล้วก็โผล่มาเห็นขบวนของดร.อาทิตย์เดินผ่านไปอีกทางพอดี จ่เขารีบหลบ สังเกตการณ์ ถ่ายคลิป แล้วตามไป แต่ต้องผงะ เพราะการ์ดคนหนึ่งหันผ่านมาพอดี มองจ่าเจี๊ยบอย่างสงสัย และจะเดินเข้ามา มีถาดใส่อาหารวางอยู่ จ่าเจี๊ยบรีบทำท่าว่าเป็นทีมงาน ยกถาดอาหาร เดินสวนมา แล้วพอพ้นการ์ด ก็วางถาด รีบเดินหลบฉากไป
จ่าเจี๊ยบรีบวิ่งออกประตูเล็กมาด้านนอกของฮอลล์ ยืนพักหายใจ ที่เกือบถูกจับได้แล้ว แต่แล้วอยู่ๆ มีรถอีกคันของสมุนดร.อาทิตย์แล่นมาจอด เขาโดดแอบหลังเสา คนของดร.อาทิตย์นำตัวชายคนหนึ่งที่ถูกคลุมปิดหน้าปิดตาลงจากรถมา นารียืนรออยู่หน้าฮอลล์
“พาตัวไป”
ลูกน้องดร.อาทิตย์คุมตัวชายนั้นเดินตามนารีเข้าไปอีกด้าน จ่าเจี๊ยบมองตามไปถ่ายคลิปไว้
“ลูกน้องดร.ดร.อาทิตย์ จับใครมา”
ลูกน้องดร.อาทิตย์คุมตัวชายที่ถูกคลุมหน้าเข้ามาในห้องๆ หนึ่ง ผลักให้เข้าไป จนชายคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้นแทบเท้าของดร.อาทิตย์ที่นั่งรออยู่
“พวกแกจะทำอะไร ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
ดร.อาทิตย์เอื้อมมือไปกระชากผ้าคลุมออก เผยให้เห็นว่า ชายคนนั้นคือ เจิด เจ้าของร้านเนรมิต เจิดผงะที่เจอดร.อาทิตย์ หน้าซีด
“แว่นสามมิติของฉันอยู่ไหน”
ดร.อาทิตย์ยิ้มเหี้ยม
ด้านหน้าคลินิกของบารมี มีกลุ่มแฟนคลับจำนวนหนึ่งมารวมตัวกันชูป้ายและส่งเสียงกรี๊ด
“จุนจี อันฮยองอันเซโย”
เจนจิราเปิดประตูออกมาดู ตฤณกับตังตังตามมาด้วย มองสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ทำไมเสียงกรี๊ดขนาดนั้น หรือว่าเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายอะไร”
เจนจิราจะรีบไปดู แต่ตฤณดึงไว้
“ถ้ามันเป็นเหตุร้าย คุณไม่ควรออกไป”
“ฉันเป็นนักข่าวนะ ไม่ว่าเหตุร้ายแรงอะไร ฉันต้องรู้ก่อนสิ”
“โธ่ เดี๋ยวก็เจออะไรเสี่ยงๆ อีกหรอก”
“แต่ตังตังว่าเสียงร้องมันไม่เหมือนเกิดเรื่องร้ายแรงนะ”
พอเจนจิรากับตฤณและตังตังวิ่งผ่านไป ปรากฏว่าปวันแอบอยู่แถวนั้น มองไปที่ห้องซันเบดที่ประตูเปิดแง้มอยู่ ภายในเตียงซันเบด เชนส่งเสียงเพราะอยากจะออกไปช่วยคนที่กำลังเดือดร้อน
“มีสุภาพสตรีร้องกรี๊ดๆ ต้องการความช่วยเหลือ สายลับเชนต้องรีบไปช่วย เปิดให้เชนออกไปเดี๋ยวนี้ เปิดๆๆ”
ปวันเดินเข้ามาในห้องซันเบด ได้ยินเสียงเอะอะและทุบเครื่องไปมา มั่นใจว่าเชนต้องอยู่ในเครื่องนี้แน่ๆ
“ใคร ใครอยู่ในนั้น”
“เปิดให้ผมออกไปที แต่เอ๊ะ ไม่สิ ไม่ คุณเป็นสุภาพสตรี อย่าเปิด ห้ามเปิดเด็ดขาด”
ปวันชะงัก
“ผมไม่อยากทำให้เกียรติของคุณต้องมัวหมอง ไปตามผู้ชายมาเปิดให้ผมเถอะครับ”
“ทำไมต้องพึ่งพาผู้ชาย ถึงฉันจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็แข็งแกร่งพอที่จะเปิดอะไรได้ทั้งนั้นด้วยตัวเอง”
ว่าแล้วปวันก็เปิดทันที เป็นจังหวะเดียวกับเชนพลิกตัวหันหลังให้ เพื่อปกปิดความอุจาดตา ปวันตะลึงสุดขีด เป็นฝ่ายตกใจกับภาพตรงหน้า คาดไม่ถึงว่าจะเจอผู้ชายโป๊
“ก้น อ๊าย”
ปวันถอยออกไป ยกมือปิดหน้าปิดตา
“ทำไมไม่บอกว่าแก้ผ้าอยู่ แล้วทำไมไม่ใส่กางเกงใน หาอะไรคลุมตัวเองเดี๋ยวนี้ เสร็จหรือยัง ฉันถามว่าเสร็จหรือยัง”
ไม่มีเสียงตอบ ปวันค่อยๆ ลืมตามอง แล้วก็พบว่าเชนหายไปแล้ว
“หายไปไหน ยังไม่ทันเห็นหน้าเลย”
ปวันวิ่งตามเชนออกมาที่ด้านนอกคลินิก มองหาจนทั่ว แต่ไม่เจอเชน มีแต่พวกแฟนคลับกำลังชูป้ายและส่งเสียงเรียกศิลปิน มองไปอีกด้านเจอตฤณกับเจนจิรากำลังยื้อยุดมือกันอยู่
“แฟนคลับมากรี๊ดศิลปิน ไม่ใช่อะไรอันตรายซะหน่อย ปล่อยเขาได้ละ”
ตฤณปล่อยอย่างไม่เต็มใจ
“ปล่อยก็ได้ ก็ไม่ได้อยากจะจับนักหรอก นึกว่าตัวเองเป็นทองหรือไง คนอื่นจะได้อยากจับอ่า”
ตังตังตามมาดึงสองคน
“หยุดทะเลาะกันแล้วกลับไปดูเชนกันเถอะค่ะ ไร้สาระ”
เจนจิราหันมาเห็นปวัน มองอย่างสงสัย ตฤณหันมามองตาม ปวันชะงัก ระวังตัว กลัวโดนจำได้ รีบหลบ พอดีมือถือของเธอดัง ปวันคว้ามารับสาย
“ว่าไงจ่าเจี๊ยบ จริงเหรอ โอเคๆ”
ปวันตัดใจวิ่งออกไป
พวกแฟนคลับที่ชูป้ายกันอยู่ มีคนหนึ่งมองไปที่ระเบียงชั้นบน แล้วก็กรี๊ด เพราะ ปาร์คจุนจี ศิลปินเกาหลีเดินออกมา โบกมือทักทาย โยนผ้าขนหนูผืนเล็กที่ซับเหงื่อออกไป
พวกแฟนคลับแย่งกันคว้าผ้านั้น เอาผ้ามาซบแก้ม ทุกคนยิ่งกรี๊ด บางคนถึงกับร้องไห้ เชนมองไม่เข้าใจ
“นายกล้าทรมานใจสาวๆ จำนวนมากมายขนาดนี้เลยเหรอ นายมันเป็นผู้ชายชนิดไหนกันแน่”
ตังตังมองไปตามเสียง ตกใจ
“สายลับเชน”
เชนปรากฏตัวอยู่บนหลังคาคลินิก ในชุดเสื้อผ้าที่แต่งมา พร้อมกับผ้าพันคอผืนเก่ง สีผิวเป็นปกติ
“เฮ้ย”
ตฤณกับเจนจิราตกใจ เชนทำท่าประจำตัว
“คุณธรรมปกป้อง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์ หยุดเหล่าร้าย สายลับเชน ฉลาดก็เท่านั้น หล่อก็เท่าโน้น”
เชนวิ่งกระโจนตีลังการาวกับไอ้มดแดงลงมายืนตรงหน้าบารมี
“แกใช้อะไรทำให้สาวหลงใหลขนาดนี้ ใช้ยาเสพติดมอมเมาใช่ไหม”
“เฮ้ย แกจะทำอะไร”
เชนพุ่งเข้ากระชากปาร์คจุนจีมาเพื่อจะให้สารภาพ แต่พวกบอดี้การ์ดเข้ามากันตัวเชนออก เชนกับพวกบอดี้การ์ดต่อสู้กัน เชนมีความสามารถเหนือทุกคน และจัดการพวกบอดี้การ์ดได้ง่ายดาย พอเชนหันมาอีกที จุนจีกำลังจะหนี เชนคว้าตัวเอาไว้ได้ กระชากกลับมา แล้วจับกดกับขอบระเบียง
“แกคือเจ้าลัทธิอุบาทว์ที่มิสเตอร์โอเคส่งให้มาล้างสมองเยาวชนหญิงของชาติใช่มั้ย อย่าหวังว่าสายลับเชนจะปล่อยแกไป”
“นี่มันปาร์คจุนจี แขกวีไอพีของฉัน ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”
พวกแฟนคลับตะลึง อ้าปากค้าง หยุดกรี๊ด พูดกันไม่ออก
“เชน หยุด หยุด”
ตฤณรีบวิ่งเข้าไปด้านใน บารมีตะโกนต่อรอง
“คลินิกฉัน ป่นปี้หมดแล้ว แกต้องการอะไร จะเอาเงินหรืออยากได้เม็มเบอร์หน้าใสตลอดชีพก็บอกมา แต่อย่าทำร้ายลูกค้าซูเปอร์วีไอพีของฉัน”
“ทุกคนไม่ต้องกลัว ตราบใดฟากฟ้ายังมีแสงทองแห่งอุทัย พลังเกรียงไกรแห่งธรรมะ ย่อมชนะอธรรมสิ”
“อย่า”
ตฤณโผล่เข้ามาคว้าตัวเชนเอาไว้
“เชน นายเข้าใจทุกอย่างผิดหมด คุณคนนี้เขาไม่ใช่แบบที่นายกล่าวหา”
“กล่าวหาหรือ เข้าใจผิดเหรอ”
“ใช่ เข้าใจผิด เขาไม่ใช่คนร้าย นายกำลังจะสร้างเรื่องวุ่นวายให้กับตัวเองและพวกเรา ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”
“เชื่อน้าตฤณเถอะค่ะ ปาร์คจุนจีคือคนบริสุทธิ์”
“คนบ้า ทำจุนจีเหรอ ไปให้พ้น ไปให้พ้น”
แฟนคลับตะโกน
“อะไรนะ ไล่เชนเหรอ”
“ไปให้พ้น คนบ้าๆๆ”
แฟนคลับโห่ไล่เชน บางคนเอาของขว้างปา โดนเชนเต็มๆ เชนปล่อยมือจากปาร์คจุนจี
“เชนไม่ใช่คนบ้า”
“เชน มาเถอะ”
ตังตังเรียก
“เชน เชนไม่เคยพลาด”
ตฤณกับตังตังเซ็ง ช่วยกันลากเชนไป
“ขอโทษนะคะ คุณปาร์คจุนจี ซารางเฮโย”
“ซารางเฮโย ขอโทษค่ะคุณปาร์คจุนจี บารมี เขาขอโทษนะตัวเอง แล้วเขาจะทำทุกอย่าง เพื่อไถ่โทษนะ” เจนจิรารีบพูดกับบารมี
“ก็ด้ะ เบบี๋ แล้วเราต้องเคลียร์กันอย่างแรง”
บารมีทำตาวิบวับให้เจนจิรา
“ได๋เลย ชุบุชุบุ”
ตฤณมองเจนจิราและบารมีอย่างปวดร้าว
“เชิญข้างในดีกว่าครับ คุณจุนจี”
บารมีพาปาร์คจุนจีไป
ดร.อาทิตย์นั่งกระดิกเท้าอยู่ตรงหน้าเจิด
“ฉันอุตส่าห์เมตตาให้เวลาแกไปทำแว่นอันใหม่มาแทนอันเดิมที่แกบอกว่าหาย แต่แกกลับปิดร้านหนีฉันงั้นเหรอ”
“ผม ผมไม่ได้หนีครับ พอดีมีธุระด่วนนิดหน่อย เมียเรียกกลับต่างจังหวัด แหะๆ”
อินทุเอาผ้าเหวี่ยงคล้องคอเจิดพอดี รัดคอ เจิดตกใจ กลัวตาย
“คือ เศษกระจกทวิภพ มันมีเหลือแค่นั้น แล้วผมก็เอาไปหลอมทำเป็นกระจกแว่นสามมิตินั้นแล้ว มันเลยมีแค่อันนั้นอันเดียว ชิ้นเดียว ไม่สามารถก็อปปี้ได้”
“อ้อ มีอันเดียว แล้วแกก็ทำมันหาย”
“เอาจริงๆ คือผมไม่ได้ทำ มันหายไปเอง”
“แว่นสามมิติอยู่ที่ไหน”
“ผมไม่รู้”
ดร.อาทิตย์ใช้สองมือประคองหน้าเจิด จ้องลึกเข้าไป ใช้การสะกดจิต ถามซ้ำๆ ย้ำๆ
“แว่นสามมิติอยู่ที่ไหน ใครเอาแว่นไป แว่นสามมิติอยู่ที่ไหน ใครเอาแว่นไป แกจงใจปิดบังฉันใช่มั้ย”
แววตาเจิด ระริก กลัว ดร.อาทิตย์ปล่อยเจิด
“มันไม่รู้อะไรจริงๆ”
ดร.อาทิตย์ดีดนิ้ว เป๊าะ เจิดคอพับ สลบไปเลย
“หมดเวลาพักครึ่ง ต้องขึ้นโชว์แล้วค่ะ”
นารีรายงานดร.อาทิตย์
ดร.อาทิตย์เดินกลับไปขึ้นเวทีโชว์ หงุดหงิดหัวเสีย นารีกับอินทุตามประกบตลอด แต่อยู่ๆ มีลูกน้องอีกคนรีบวิ่งมาแต่ไกล
“ท่านครับ ผมได้ภาพวงจรปิดของร้านเนรมิตมาแล้วครับ นี่ครับ”
ลูกน้องรีบส่งไอแพดให้ดร.อาทิตย์ดู ภาพในจอ ตฤณกับตังตังเดินดูของอยู่ ตังตังหยิบแว่นสามมิติมาใส่ แล้วคาดไว้บนหัว ก่อนที่ตฤณกับตังตังจะรีบออกไปจากร้าน
“ไปตามตัวนังเด็กคนนี้มาให้ได้”
ดร.อาทิตย์มองรูปตังตังที่คาดแว่นสามมิติอยู่บนหัวด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม
จ่าเจี๊ยบยืนรออยู่ด้านนอกฮอลล์ มีเสียงคนดูเฮจากภายในดังออกมา เพราะข้างในเป็นครึ่งหลังของโชว์ สักพัก ปวันวิ่งเข้ามา เปลี่ยนชุดกลับมาเป็นปวันคนเดิม แต่ยังสวมแว่นของปลายฟ้าอยู่ และทรงผมก็ยังปล่อยแบบปลายฟ้า
“จ่าเจี๊ยบ ไหน มีคลิปอะไร เอามาดู”
“ใส่แว่นทำไมครับ อุแหม่ๆๆ ปลอมตัวเป็นสาวน้อยปลายฟ้าอีกแล้วเหรอครับ”
“รู้ได้ไง”
“เก็บแว่น เก็บผมหน่อยดีมั้ยครับผู้หมวด นี่ครับคลิป”
จ่าเจี๊ยบเอาคลิปที่ถ่ายตอนเห็นลูกน้องดร.อาทิตย์จับชายคลุมหน้าเข้าไปให้ดู
“ลูกน้องดร.อาทิตย์ จับตัวใครที่ไหนก็ไม่ทราบมา ดูแล้ว ผมว่า คนที่ถูกคลุมหัวไม่ได้มาอย่างสมยอมแน่ๆ”
“เขาอยู่ที่ไหน”
จ่าเจี๊ยบเดินนำปวันเข้ามาตามทางเดินที่ค่อนข้างปลอดคน เพราะทีมงานไปอยู่ในโชว์กันหมดแล้ว จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าห้องที่เจิดถูกนำตัวเข้าไป
“ห้องนี้ล่ะครับ"
ปวันกำลังจะเปิดเข้าไป แต่พอดีประตูเปิดออกก่อน ลูกน้องดร.อาทิตย์กำลังคุมตัวชายที่ถูกคลุมหน้าออกมาพอดี
“พวกคุณเป็นใคร”
ปวันไม่พูดพร่ำทำเพลง ซัดหมัดใส่หน้าลูกน้องดร.อาทิตย์ แล้วจับแขนเหวี่ยง กดลงไปหมอบกับพื้นอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัว
“ฉันเป็นตำรวจ อย่าขัดขืน”
ชายที่ถูกคลุมหน้า จะวิ่งหนีออกไป แต่ชนเข้ากับกำแพง
“ไม่ต้องหนี เรามาช่วยคุณ”
จ่าเจี๊ยบเปิดผ้าที่คลุมออก แล้วก็ต้องแปลกใจว่าคนที่ถูกคลุมหน้าอยู่นั้น กลับกลายเป็นอินทุ ไม่ใช่เจิด ทั้งปวันและจ่าเจี๊ยบอึ้ง
“หึๆ พวกคุณต้องการอะไร”
นารีตามเข้ามาอีกคน
“ผู้หมวดปวัน คุณคิดว่าพวกเราจับตัวใครมางั้นเหรอคะ”
“ฉัน คือ ฉันเห็น มีการคลุมหน้าคลุมตา มันน่าสงสัย ฉันก็ต้องเข้ามาดูแลความปลอดภัยในฐานะตำรวจ”
“หึ คุณคงจะไม่ค่อยได้ดูโชว์ของเรา ถึงไม่รู้ว่าพวกเราทำอะไรกันอยู่”
“ค่ะ”
“ถ้าอยากรู้ว่าเราคลุมหน้าทำไม ก็ไปดูหน้าเวทีนะคะ อย่ามาทำอะไรลับหลังกัน เพราะถ้าดร.อาทิตย์ทราบ คงจะไม่ปลื้มผู้หมวดกับลูกน้องมาก”
ปวันกับจ่าเจี๊ยบเดินแยกออกไป นารีกับอินทุมองทั้งคู่อย่างไม่ไว้ใจ
ปวันเดินหงุดหงิดออกมา
“ปัทโธ่ จ่าแน่ใจนะว่าเห็นจริงๆ”
“จริงๆ ครับ ผมได้ยินกับหู ผู้ชายคนนั้นดูแก่กว่านี้ เสียงก็ไม่ใช่เจ้าอินทุแน่ๆ พวกมันต้องเล่นกลสับตัวหลอกเราแน่ๆ”
“ก็แสดงว่าพวกมันรู้ ว่าจ่าตามมันอยู่”
“ฮ้า ยังงี้ก็อันตรายน่ะสิครับ ผมควรทำไงต่อไปดีครับ”
“ตามมันต่อไป”
“อ้าว”
“มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ ดร.อาทิตย์กับชายตัวขาวดำคนนั้น อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เราจะต้องรู้ให้ได้”
“ผู้หมวดไปตามชายตัวขาวดำมาไม่ใช่เหรอครับ แล้วเป็นไงล่ะครับ”
“ตามเจอตัวแล้ว แต่ยังไม่เห็นหน้า”
“สรุปว่าพลาดเหมือนกัน”
“ไม่เหมือน เพราะอย่างน้อยฉันรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แฟนเก่านักข่าวที่ชื่อเจนจิรา เขาให้การช่วยเหลือชายคนนั้นอยู่ ฉันจะตามจากเขานี่แหละ”
ปวันมุ่งมั่น
ตฤณรีบวิ่งเข้ามาภายในสำนักพิมพ์คมคิดลึก ปรี่ตรงไปที่ห้องทำงานของ บก.ทันที นิกรนั่งรออยู่แล้ว
“มาทำไมตอนนี้”
“บก.ครับ ผมมีเหตุฉุกเฉินจริงๆ แล้วนี่ก็สายแค่ ชั่วโมงนิดๆ คงไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”
“ฉันเห็นว่าแกมีภาระต้องเลี้ยงหลาน วาดการ์ตูนล้อให้สำนักพิมพ์ฉันอย่างเดียวมันไม่พอกิน ก็เลยหวังดี หางานจ็อบวาดการ์ตูนลงนิตยสารหัวนอกมาให้ แกเห็นคุณค่ามันบ้างมั้ย”
“บก.ให้โอกาสผมนะครับ ผมจะทำงานนี้ให้ดี จะไม่สายอีกแล้ว”
“ฉันโยนงานนี้ให้คนอื่นไปแล้ว”
“หา”
“และต่อไปฉันก็จะไม่หาจ็อบอะไรให้แกอีกแล้ว”
“หา บก.แกล้งขู่ผมเล่น ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่พูดใช่มั้ยครับ”
“ออกไป”
นิกรชัดเจนเด็ดขาด ตฤณจ๋อย
รถเจนจิราเข้ามาจอดหน้าบ้านเช่าตฤณ ตฤณเดินนำทุกคนเข้ามาในบ้าน
“ฉันจะส่งนายกลับโลกของนายให้เร็วที่สุด ชีวิตฉันวุ่นวายก็เพราะนายคนเดียว ฉันต้องเสียงานไปก็เพราะนายรู้ตัวหรือเปล่า”
“น้าตฤณ หัดพูดจาให้คิดถึงใจคนอื่นมั่งได้ไหม”
“นี่ตังตังสอนน้าเหรอ”
“ขอโทษค่ะตังตังไม่ได้สอน แต่เตือนสติ ถ้าหลานไม่เตือนน้า แล้วใครจะเตือน”
“เรานี่มันชักจะเกินไปละนะ”
“พอที พอเถอะครับ อย่าทะเลาะกันเพราะเชนเป็นต้นเหตุเลย เชนขอโทษ เชนจะเป็นฝ่ายไปเอง”
เชนหันจะออกไป เจนจิราเข้ามาขวาง
“จะไปไหน เชน คุณไม่รู้จักใคร ไม่รู้จักอะไรเลยนะ”
“อยากไปไปเลย ตอนนี้ตัวเป็นสีสันปกติแล้วนี่ เชิญ” ตฤณประชด
“ดี งั้นเชน ไปกับฉัน ตังตัง เราพาเชนไปตามหาเจ้าของร้านของแปลกประหลาดอะไรนั่นด้วยกัน เผื่อเขาจะมีของพิสดารเยอะพอ น้าจะได้ทำข่าว ได้ดังไปทั้งโลกแน่ๆ”
“คิดอยู่แค่นี้เองเหรอ เจน ตะเองก็ต้องการแค่นี้ ความดัง ความรวย ความสำเร็จ”
“ก็ยังดีกว่าความแป้ก ความดักดาน ความล้มเหลว”
ตฤณผงะ
“เฮ้ย ไปกันใหญ่แล้ว ทุกคนกำลังโกรธเกลียดกันเพราะเชนงั้นเหรอ เชนเคยเป็นแต่คนแก้ปัญหา นี่เชนกลับกลายมาเป็นตัวสร้างปัญหางั้นเหรอ”
“ไม่มีใครโกรธเกลียดกันหรอกค่ะ เจนกับตังตังเข้าใจกันดี แต่ตฤณต่างหาก ที่กำลังพาลใส่ทุกคน”
“พาล เขาเนี่ยนะพาล”
“สุดๆ เลยล่ะ”
“ตังตังว่า ทุกคน สงบสติอารมณ์ก่อนดีไหมคะ ตังตังรู้สึกว่า เราเงียบกันสัก 5 นาที ให้ใจเย็นกันหน่อย แล้วค่อยปรึกษากันต่อ”
“เอาเป็นว่า ตัดน้าออกไปเลยก็แล้วกัน น้ามันคนเลว น้าก็จะไปตามทางของน้า ขอให้คนดีๆ มีคุณภาพทั้งหลายปรึกษากันตามสบาย”
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”
“โอเค ซึ้ง”
ตฤณเซ็ง ถอยเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“น้าตฤณ”
เจนจิราได้แต่มองตาม ยิ่งหงุดหงิดที่เห็นตฤณกับตนเหมือนเป็นศัตรูกันไปแล้ว
“ตังตัง ปล่อยเขาไป”
เจนจิราทำเป็นไม่สนใจ แต่กลับน้ำตาซึม รีบเช็ดน้ำตา เชนสังเกตเจนจิรา
เจนจิราเดินแยกออกมา เชนตามมา
“คุณเจนอย่าคิดมากเลยครับ”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ ฉันชินแล้ว”
“งั้นก็แสดงว่าน้ำตาที่ผมเห็น มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความผิดหวัง ช้ำใจ แต่เป็นเพราะบังเอิญฝุ่นเข้าตาคุณเจนพอดี ใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ แค่ฝุ่นเข้าตา เพราะฉันไม่มีความรู้สึกอะไรกับตฤณอีกแล้ว”
“เหรอครับ”
“เขาจะประชดชีวิต จะทำตัวแพ้แล้วพาลยังไงก็เรื่องของเขา ฉันไม่ได้สนใจ เพราะฉันมีคุณหมอบารมี คนที่ดี มีอนาคต และสามารถดูแลฉัน ทำให้ฉันมีความสุขได้ ฉันจะไปแคร์คนงี่เง่าขี้แพ้อย่างตฤณอีกทำไม”
“คุณเจนครับ”
“ฉันมีความสุขดีค่ะ ฉันยิ้มออก หัวเราะได้ ดูสิคะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”
เจนเดินหัวเราะ แยกออกไป เชนเป็นห่วง
“เหวลึกยากหยั่งฉันใด จิตใจสตรีก็เป็นเช่นนั้น”
เชนกลุ้ม
รถของเจนจิราแล่นออกไปจากหน้าบ้านตฤณอย่างฉุนเฉียว ปวันในคราบของปลายฟ้ายืนอยู่หน้าประตูรั้ว ยกมือถือขึ้นมาดู บ้านเลขที่ตรงกับบ้านเลขที่ที่รั้วบ้าน แล้วอยู่ๆ ทิวากับราตรีก็โผล่มายืนขวางตรงหน้า
“หนูใช่มั้ยจ๊ะที่โทรมาอยากจะขอเช่าบ้าน ทางนี้จ้ะๆ”
ทิวาราตรี ดึงปลายฟ้าเข้ามาในบริเวณบ้านที่มีบ้านอยู่ 3-4 หลังในรั้วเดียวกัน ปลายฟ้ายังคงมองไปทางบ้านตฤณ ราตรีรีบตบมือเรียกสติตรงหน้าปลายฟ้า
“นี่ๆๆๆ มองอะไรคะ ห้ามคิดอะไรเกินเลยกับผู้ชายบ้านหลังนี้เด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
“มีผู้ชายอยู่บ้านนี้เหรอคะ”
“ผู้ชายตัวคนเดียว ทำหน้าที่เลี้ยงหลานสาวแทนพ่อแม่ที่ทำงานต่างประเทศ ทั้งสองน้าหลานนี่เป็นญาติฉันเอง”
“เขามีแฟน แต่เลิกกันแล้ว แต่ดูเหมือนยังคุยๆ กันอยู่ และบ้านที่เขาอยู่นี่ ก็เป็นของเรา ที่เขาต้องเช่าอยู่เหมือนกัน”
“เราจึงเหลือบ้านว่างให้เช่าอีกหลังเดียว”
“หลังนี้”
ราตรีชี้ไปที่บ้านอีกหลังที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านเช่าตฤณและตังตัง
“ค่ะ หนูตกลงเช่าค่ะ”
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งพูดว่าตกลงเช่า จนกว่าหนูจะถูกสอบสัมภาษณ์คุณสมบัติผู้เช่าบ้านของพวกเราผ่าน”
“สอบสัมภาษณ์”
ปวันในคราบปลายฟ้านั่งที่โซฟา ทิวา ราตรี นั่งเผชิญหน้า เหมือนสอบสัมภาษณ์
“หนูชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน ทำไมถึงต้องมาเช่าบ้าน”
ปวันส่งบัตรประชาชนให้
“ชื่อปลายฟ้า นามสกุล สีครามเข้ม บ้านอยู่เชียงใหม่ หนูเป็นนักเขียนนิยาย เลยอยากได้บ้านพักที่สงบเงียบค่ะ”
ทิวามหยาม
“นักเขียนนิยาย ฮึ แล้วจะมีเงินจ่ายค่าเช่าเหรอ อ่า นี่ ดูตารางค่าเช่าและค่านิติบุคคล หมายถึง ค่ายาม คนเก็บขยะ ส่วนค่าน้ำ ไฟ โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ผู้เช่ารับผิดชอบเอง”
ทิวาส่งแผ่นกระดาษที่เคลือบพลาสติกให้ดู ปวันรับไปอ่านอย่างตั้งใจ
“ที่นี่ค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน”
“มัดจำ 2 เดือน ถ้าอยู่ไม่ครบ ก็จะโดนยึด”
“ลองบอกเหตุผลที่พวกฉันสมควรจะยอมให้หนูเช่าบ้านของเราสิ”
“หนูเป็นคนดี รักธรรมชาติ มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม คุณพ่อหนูเปิดร้านทอง คุณแม่หนูเปิดร้านเพชรที่เชียงใหม่ค่ะ นี่ค่ะ นามบัตรพ่อแม่หนู สนใจสินค้า เรามีลดเปอร์เซ็นต์ให้ และหากจ่ายเงินผ่อน เรามีบริการผ่านบัตรเครดิต ดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซ็นต์ค่ะ”
“สมเหตุสมผล”
“ถ้าหนูได้สิทธิ์ในการเช่าบ้าน หนูคิดว่าจะทำประโยชน์อะไรให้กับชุมชนแห่งนี้ได้บ้าง”
“หนูจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหกเดือนได้มั้ยคะ”
“หนูได้สิทธิ์เช่านั้นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ทิวากับราตรีรีบคว้าเงินมา แล้วง่วนกับการนับแบ่งกัน ปลายฟ้ามองไปที่บ้านตฤณ
เชนเดินมาหยุดยืนบริเวณโต๊ะทำงานของตฤณ ตฤณนั่งโทรศัพท์หัวเสียอยู่บนเก้าอี้ทำงาน เชนยืนด้านหลังตฤณ แต่ตฤณไม่สังเกตเห็น
“ผมอยากจะส่งต้นฉบับการ์ตูนไปให้สำนักพิมพ์คุณพิจารณาครับ เป็นการ์ตูน ซุปเปอร์ฮีโร่ครับ สนุกมาก ไม่ใช่แค่บันเทิงนะครับ มันมีสาระ แฝงคติ ภาพก็แปลก แหวกแนว รับรองว่าทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่จะต้องชอบมากๆ ใช่ครับ ผม ตฤณ ตรงวุฒิ ที่เขียนการ์ตูนล้อในหนังสือพิมพ์คมคิดลึกครับ พรุ่งนี้ผมเข้าไปส่ง ฮัลโหล ฮัลโหล”
ตฤณอึ้ง วางโทรศัพท์อย่างหมดแรง รำพึงกับตัวเอง
“สงสัยจะไม่มีสัญญาณ เฮ้ย แต่มันโทรศัพท์ออฟฟิศ เบอร์ 02 นี่หว่า หรือเขาจะทำโทรศัพท์หลุดมือกะทันหัน เขาคงไม่วางหูใส่เราหรอก มันเสียมารยาทเกินไป ไม่เป็นไร เราเอางานของเราไปขายสำนักพิมพ์อื่นก็ได้ มีคนอยากซื้อเยอะแยะ”
เชนค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ตฤณ ชะโงกดูการ์ตูนที่ตฤณวาดในคอมพิวเตอร์ ตังตังเดินตามมาสมทบกับเชน จับมือเชน ตฤณมองการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่ของตนเองในจอคอมพิวเตอร์ ยกมือปิดหน้า แล้วซบหน้ากับฝ่ามือ
“ตังตังว่ามั้ย การ์ตูนนี่สวยดีนะ เชนว่ามันต้องเป็นเรื่องราวที่สนุกมากๆ ดูท่าการต่อสู้ของเขาสิ มันน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ เลย”
ตฤณสะดุ้ง หันมา แล้วรีบปิดจอคอมพิวเตอร์
“ใครถามความเห็นนายไม่ทราบ”
“อย่าท้อนะคะน้าตฤณ สักวันต้องมีสำนักพิมพ์มาซื้อการ์ตูนเรื่องนี้ไปตีพิมพ์แน่ เราต้องมีศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเราเอง”
“ใช่ ทุกครั้งที่เชนปฏิบัติภารกิจสายลับ ไม่เคยมีสักครั้งที่เชนไม่เชื่อมั่น และเชนก็สำเร็จทุกครั้ง”
“ตังตัง ที่หมอนี่ทำสำเร็จ เพราะเขาทำตามบทหนัง บทเขาวางไว้ให้เป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว แต่ในชีวิตจริงมันไม่เหมือนในหนังหรอก ฉันจะโทรไปหาไอ้วิศวะ ให้มันซ่อมแว่นสามมิติให้เสร็จเร็วที่สุด แล้วฉันจะส่งนายกลับไปทันที รับสิเว้ย”
ไม่มีคนรับสาย ตฤณฮึดฮัด อยู่ๆ ทิวากับราตรีเข้ามา พอเห็นเชนอยู่ในบ้านก็ปราดเข้ามาแหวใส่ เอาเรื่อง
“นี่ใครน่ะ เธอแอบพาคนนอกเข้ามาพักหรือ ตฤณ”
“คุณเป็นใคร รู้หรือเปล่าว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ ใครจะเข้ามาพักอาศัยตามอำเภอใจได้โดยไม่ได้รับอนุญาต”
“เชนต้องขออภัยอย่างสูงด้วยครับ เชนไม่ได้มีเจตนาจะบุกรุกเคหสถานของคุณน้องคนสวยทั้งสอง โดยไม่รับอนุญาตเลยครับ”
“คุณน้องคนสวยทั้งสอง”
ทิวาราตรีตะลึงกับมาดเข้มๆ ของเชน ทิวาชะงัก มองหน้าเชนอย่างพิจารณาด้วยความคุ้นเคย
“หน้าคุณ คุ้นๆ นะ หล่อนดูสิ เหมือนเราเคยเจอป่ะ”
“ใช่ หน้าตาเข้มๆ มีหนวด และผ้าพันคอ”
“ไม่มีสุภาพสตรีคนใดในโลกนี้ ที่เคยเจอเชนแล้ว จะลืมเชนได้”
“เชน ฮ้า สายลับเชน”
ตฤณรีบเข้ามาอธิบาย
“ไม่ใช่นะครับ น้าทิวา น้าราตรี เชนคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย เขาบ้าหนังสายลับมาก พอมีคนทักว่าหน้าเหมือนเข้าหน่อยก็เลยจัดเต็มเลยครับ แล้วท่าทางที่แปลกๆ โบราณๆ ก็เพราะ เพิ่งกลับจากไปทำวิจัยซากอารยธรรมโบราณแถบลุ่มแม่น้ำสินธุ ฮวงโห แยงซีเกียง”
“ใช่ครับ ในสมัยโบราณ ลุ่มแม่น้ำฮวงโห มีเมืองหลวงเก่า 5 แห่งในจำนวนเมืองหลวงยิ่งใหญ่ 7 แห่ง”
ตฤณหันมองเชนประมานว่าเอาอีกแล้ว ต่างกับทิวาและราตรีที่ทึ่งมาก
“คือ ซีอาน ลั่วหยาง นานกิง ปักกิ่ง ไคฟง หางโจว และ อานหยาง”
ตฤณปรบมือประชดเชนให้หยุด
“เก่งมากครับพี่เชน หยุดได้แล้ว พอดีเขาเพิ่งกลับมา ยังไม่มีที่พัก เลยมาขอพักกับผมก่อน สาม สี่วันครับ”
เชนยิ้มให้อย่างนอบน้อมแต่ทรงเสน่ห์ รอยยิ้มของเชนทำเอาทิวากับราตรีเคลิ้มไปเล็กน้อย
“เมตตาเชนด้วยเถอะครับคุณน้องคนสวยทั้งสอง มิเช่นนั้น เชนคงต้องออกไปนอนตากน้ำค้างข้างถนน”
เชนสบตาเชื่อม
“ก็ ให้อยู่ก็ได้”
“แค่สามสี่วันเท่านั้นนะ นานกว่านี้ไม่อนุญาต ไป ทิวา กลับ”
“เชนไปส่งครับ”
ทิวากับราตรีประทับใจ เชนเดินนำไปส่ง เปิดประตูให้
เชนเดินนำมาเปิดประตูรั้วให้อีก แต่ที่พื้นตรงหน้าทางเข้าออกรั้วบ้าน มีน้ำขังอยู่ เชนถอดเสื้อนอกออก แล้วปูลงไปบนน้ำ
“รองเท้าของคุณน้องคนสวยจะได้ไม่เปื้อนครับ”
ทิวากับราตรีตะลึง ทึ่งๆ
“เชิญครับ”
ทิวากับราตรีเดินออกรั้วไป ตฤณกับตังตังตามมาสังเกตการณ์ ทึ่งไปด้วย
“เดี๋ยวผมเดินไปส่งคุณน้องคนสวยถึงบ้านดีกว่านะครับ เพื่อความปลอดภัย”
“ไม่เป็นไร พวกฉันกลับเองได้”
“ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตยืนมองจากตรงนี้ จนกว่าคุณน้องคนสวยทั้งสองจะลับสายตาไปนะครับ”
ทิวากับราตรีเหวอๆ ทำตัวไม่ถูก หันกลับจะเดินไป แต่แล้วทั้งคู่ชนกันเอง เขินๆ แล้วหันกลับมา
“จริงๆ แล้ว ถ้าเธอจะอยู่มากกว่าสามสี่วันก็ได้นะ พวกฉันไม่ใช่คนใจดำอะไร”
“จริงเหรอครับ ขอบคุณมากเลยครับคุณน้องคนสวยทั้งสอง”
ทิวากับราตรี ทำตัวไม่ถูก รีบหันหลังเดินกึ่งวิ่งหนีไป กลัวเชนจะรู้ว่าหน้าแดง ตฤณกับตังตังทึ่ง
“เชื่อยังว่าฉายาสายลับเจ้าเสน่ห์ไม่ได้มาเพราะฟลุ้ค”
“เชอะ!!”
ตฤณหมั่นไส้
ปวันในคราบปลายฟ้ากำลังส่องกล้องส่องทางไกลมองมาที่บ้านของตฤณ ส่ายมองไปทั่วๆ เห็นมีแสงสว่างที่ห้องรับแขกเปิดอยู่ แต่ไม่เห็นใคร ปวันเซ็ง วางกล้อง คิดออกไปส่องที่หน้ารั้วบ้านเอง
ตฤณเดินลงมาจากห้องนอน จะไปห้องน้ำ แต่ต้องชะงัก เพราะเห็นตังตังกำลังปลอบใจเชนอยู่ที่บริเวณห้องรับแขก มีอัลบั้มหนังมิสเตอร์โอเคครองโลกและของสะสมทุกอย่าง วางเต็มไปหมด โดยไม่มีรูปของเชนอีกแล้ว ทีแรกตฤณจะไม่สนใจ แต่อดไม่ได้
“ทำอะไรกัน”
"เชนเขานอนไม่หลับ เป็นห่วงลินดา ตังตังก็เลยเอาของสะสมทุกอย่างมาให้เชนดู เพื่อจะหายคิดถึงบ้างแต่มันแย่กว่าเดิม เพราะมันกลายเป็นเรื่องมิสเตอร์โอเคครองโลกหมดเลย”
“ถ้าไม่อยากให้เป็นงี้ รีบๆ หาทางกลับไปในหนังสิ”
“น้าตฤณก็โทรไปหาน้าวิศวะสิ ว่าซ่อมแว่นสามมิติเสร็จหรือยัง”
“ก็มันไม่รับสาย”
ตังตังเห็นเชนหาว
“สายลับเชน ตั้งแต่โผล่มาอยู่ที่นี่ ได้นอนบ้างหรือยัง”
“เชนไม่เคยนอน เชนไม่เคยง่วง เชนห่วงละ ละ ละ ละ ลินดา ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”
“อยากรู้ก็เปิดหนังดูสิ”
ตฤณบ่น รำคาญ
“จริงด้วย”
ตังตังหยิบดีวีดีมาแผ่นหนึ่ง เตรียมเปิดให้ดู เชนตื่นเต้น ภาพในจอทีวีดำเนินไป ขึ้นชื่อเรื่อง สายลับเจ้าเสน่ห์ ตอน มิสเตอร์โอเคปะทะอันธพาลครองเมือง
โถงหน้าโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย สมัยปี พ.ศ.2510 โปสเตอร์หน้าโรงภาพยนตร์เรื่อง LOVE ME TENDER พร้อมกับอักษรภาษาไทยว่า “รอบปฐมทัศน์” ตามด้วยเสียงวงดนตรีบรรเลง เพลง Don’t be cruel ของเอลวิส
หน้าโรงภาพยนตร์ วงดนตรีที่แต่งตัวเลียนแบบเอลวิสกำลังเล่นเพลงกันอย่างเมามัน ผู้คนวัยรุ่นในยุค พ.ศ.2499 แต่งตัวจัดเต็ม สวย หล่อ เป็นเอลวิส มาริลีนกันหลายคน กำลังเปิดฟลอร์เต้นอยู่ที่โถงของโรงภาพยนตร์ ทุกคนสนุกสนาน
สาวสวยบุคลิกผู้ดีคนหนึ่งเต้นอยู่กับกลุ่มเพื่อน สวยโดดเด่น เป็นที่หมายตาของหนุ่มๆ รอบๆ แต่อยู่ๆ ผู้คนที่เต้นๆ ก็แหวกออก เพราะแดง ระเบิดขวด และพรรคพวกเดินเข้ามาร่วมงานด้วย แดงจ้องไปที่สาวสวยคนนั้น สวยโดนใจมาก ถึงกับเดินเข้าไปเต้นประกบ
อีกด้านหนึ่ง ปุ๊ ไบเล่ย์ เดินเข้ามาพร้อมพรรคพวกเช่นกัน เข้ามาถึงก็ดึงแขนสาวน้อยไปเต้นกับตัวเอง ไม่สนใจแดงเลย
“อ้าว เฮ้ย ไอ้ปุ๊ คุณสุภาพสตรีเต้นอยู่กับฉัน”
“แล้วนายจะทำไมล่ะแดง”
ทั้งแดงและปุ๊ต่างชักปืนออกมาพร้อมกัน พรรคพวกของทั้งสองคนก็ชักปืนออกมาเล็งกันไปมา ผู้คนผงะ ถอยออก วงดนตรีชะงักหยุดเล่น ปุ๊กับแดงจ้องกัน ทำท่าจะเข้าห้ำหั่นกัน แต่อยู่ๆ มีเสียงหัวเราะของมิสเตอร์โอเคดังสะท้อนกึกก้องไปทั่ว
“เอ้า คนเขากำลังสนุกกัน จะมาตีกันทำไม ไม่โอเคเลย”
ทุกคนมองไปที่ต้นเสียง มิสเตอร์โอเคยืนอยู่ที่ชั้นลอยของโรงหนัง มีลูกน้องคุมตัวลินดาเอาไว้ อยู่รอบข้างด้วย
“มิสเตอร์โอเค”
“อันธพาล สร้างแต่ความเดือดร้อนให้คนอื่น ทำตัวไม่น่ารักเลย โอเคไม่โอเค รู้มั้ย”
“แกจะมายุ่งอะไรด้วยวะ”
“ฉันอยากเจอแกมานานแล้วมิสเตอร์โอเค จะได้รู้ซะทีว่าใครกันแน่ที่ครองเมือง”
ปุ๊กับแดงและพรรคพวกหันปืนมาทางมิสเตอร์โอเคหมด
“ว้าว หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ สิบเอ็ด สิบสอง สิบสอง”
พูดไม่ทันขาดคำ มิสเตอร์โอเคคว้าแมชชีนกันขึ้นมา ผู้คนเห็นอย่างนั้นก็พากันตกใจ กรีดร้อง วิ่งหนีอลหม่าน
“แมชชีนกัน” แดงตกใจ
“หนีเร็ว” ปุ๊ตะโกน
มิสเตอร์โอเคกดปุ่มยิง เกิดเป็นห่ากระสุนทุกทิศทาง มิสเตอร์โอเคหัวเราะสะใจ ยิงไปเดินไปหน้าฟลอร์ พวกปุ๊และแดงกระโดดหาที่หลบกันจ้าละหวั่น บางคนถูกยิงล้มลงไป พวกปุ๊กับแดงขาสั่น กลัว สิ้นลาย ลินดาร้องห้าม
“หยุด อย่าทำร้ายคนบริสุทธิ์ หยุด”
มิสเตอร์โอเคมาที่หน้าเวที ซึ่งพวกนักดนตรีมุดหัวหลบกระสุนแถวนั้น
“เอ้า นักดนตรี กลับมาเล่นต่อ โอเคกับคู่เดทอยากแด๊นซ์”
นักดนตรีกล้าๆ กลัวๆ
“เดทแรกของโอเคกับลูกแมวน้อย อย่าทำให้เสียบรรยากาศสิ โอเค้”
พวกนักดนตรีรีบวิ่งไปประจำที่ เล่นเพลงต่อไป ผู้คนที่พยายามจะหนีไป แต่หนีไม่รอดเพราะลูกน้องมิสเตอร์โอเคกันเอาไว้ ถูกต้อนให้กลับเข้ามารวมตัวกันที่เดิม
“โอเคควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว เชิญสนุกกันต่อ ไม่มีอันธพาลแล้ว แถวนี้มีแต่โอเค เอ้า เต้นสิ เต้นๆๆ เต้นเข้าไป ใครไม่เต้น โดน ใครเต้นไม่มัน โดน”
ผู้คนต้องเต้นไปอย่างกลัวๆ
“ไม่สนุกกันเลยเหรอ”
ทุกคนสะดุ้ง กลัวมิสเตอร์โอเคอาละวาดอีก รีบเต้นกันอย่างสนุกมากมายเกินจริงทันที มิสเตอร์โอเคยิ้มปลื้ม ลูกน้องคุมตัวลินดาเข้ามาหา
“มาสนุกกันต่อนะแม่ลูกแมวน้อยแสนซน”
“อธรรมไม่มีวันชนะธรรมะ ตราบใดฟากฟ้ายังมีแสงทองแห่งอุทัย พลังเกรียงไกรแห่งธรรมะ ย่อมชนะอธรรมสิ”
มิสเตอร์โอเคเต้นสนุกสุดเหวี่ยงอยู่คนเดียว มีความสุขไม่แคร์ใคร
“อยากเจอธรรมะเหรอ โอเค จัดให้”
มิสเตอร์โอเคโผเข้าไปจับหน้าลินดาขึ้นมา แล้วประกบจูบทันที
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 3 (ต่อ)
เชนชกกำแพงเปรี้ยง
“มิสเตอร์โอเค แกทำกับลินดาอย่างนั้นได้ยังไง”
เชนยืนนิ่งอยู่ในท่าชกกำแพงนั้น มาดพระเอกมาก แต่แอบสะบัดมือเพราะเจ็บ
“วันไหนที่เชนกลับไปได้ วันนั้นแกจะต้องชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างอย่างสาสม”
ตฤณกับตังตังเห็นเชนของขึ้น ได้แต่ห่วงอยู่ห่างๆ
“ท่าทางนายจะรักลินดามาก”
“รักเหรอ เชนไม่ได้รัก เราเป็นคู่หูที่รู้ใจกันต่างหาก”
“เชนไม่รู้ตัวต่างหาก ตัวละครในหนังมักไม่ค่อยจะรู้ตัวหรอกว่าใครรักใคร แต่คนดูอย่างตังตังรู้ทุกอย่าง”
“ตังตังรู้อะไร”
“ตังตังจะเล่าให้ฟัง อย่างตอนนั้นที่ลินดาได้รับบาดเจ็บ”
ตังนึกถึงฉากที่ลินดาได้รับบาดเจ็บที่เท้า เชนกำลังทายาและนวดให้อย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม ลินดามองเชนอย่างหลงรัก แล้วเสียงคิดในใจก็ดังขึ้นมา
“ทำไมเชนต้องดูแลและห่วงใยเรามากขนาดนั้น..คงจะเป็นเพราะเราคือคู่หูของเขา ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เชนเป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงทุกคนอยู่แล้ว อย่าคิดอะไรเข้าข้างตัวเองเลย โธ่ สายลับเชนจะรู้มั้ยนะ ว่าการทำดีอย่างนี้กับผู้หญิง มันเท่ากับการกระชากหัวใจของเธอออกมาโยนเล่น”
เชนตะลึง
“ทำไมเราได้ยินสิ่งที่ลินดาคิดล่ะ”
“ในหนังไม่ได้ยินไง แต่คนดูจะได้ยิน จะงงอะไรอีก หรืออย่างตอนที่เชนไปช่วยเหลือลูกสาวนายอำเภอมาได้สำเร็จ”
ภาพลูกสาวนายอำเภอถือขันน้ำเข้ามายื่นให้เชนด้วยท่าทางระริกระรี้ปลื้มเชนมากๆ เชนรับน้ำมาดื่มด้วยอัธยาศัยอันดี
ด้านหลังต้นไม้แถวนั้น ลินดาแอบมองอยู่ แล้วก็พูดออกมาคนเดียว
“เชนจะมีผู้หญิงกี่คนมันก็เป็นสิทธิของเขา เราจะไปโกรธเขาทำไม หรือว่า เราจะมีใจให้เชน ไม่ ไม่นะ..ความรักจะทำให้ภารกิจลำบาก เราจะรักเชนไม่ได้ เราต้องไม่รักเชน ต้องไม่รัก”
เชนยังคงยืนในท่าเดิม หมัดที่ชกกำแพงไว้ ยังคงค้างอยู่ในท่านั้น ตฤณกับตังตังมองเชน เห็นเชนทำหน้าทำตาต่างๆ เหมือนว่ากำลังคิดอะไรในใจอยู่ แล้วสีหน้าอินไปด้วยกับความคิด แต่ตฤณกับตังตังไม่เข้าใจ
“เชนคิดในใจอยู่ใช่มั้ย”
“ฮ้า รู้ได้ยังไง”
“หน้านายมันฟ้อง นายคิดในใจไม่ได้ นี่ไม่ใช่หนัง ไม่มีใครได้ยิน พูดออกมา”
“ลินดารักเชนได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเชนไม่เคยรู้ เรานี่มันช่างโง่จริงๆ ฮึ่ย”
“นายจะต้องช่วยให้เชนกลับไปหาลินดาให้เร็วที่สุด ฉันจะภาวนาให้ไอ้วิศวะมันซ่อมแว่น3DDDสำเร็จเร็วๆ แล้วจะยืนท่าพระเอกอีกนานมั้ย”
“เชนไม่ได้อยากยืน”
“แต่มันชินที่ต้องยืนท่านี้ใช่มั้ย” ตังตังถาม
“เปล่า”
เชนถอนมือที่ชกกำแพงออกมา เลือดซิบ
“เชนเจ็บ ในหนังไม่เห็นจะเจ็บยังงี้เลย โอ๊ย”
ตฤณกับตังตังส่ายหน้า ขำ
“เห็นไหม ตังตัง น้าบอกแล้ว ว่าในหนังกับความจริง มันไม่เหมือนกัน เห็นยังๆ”
ตฤณย้ำบอก
ภาพสเก็ตแบบร่างอาวุธของมิสเตอร์โอเคแบบต่างๆ ในแต่ละภาพมีเขียนคุณสมบัติอานุภาพของอาวุธแต่ละชนิดกำกับเอาไว้อย่างละเอียด ภาพเหล่านี้ติดขึ้นผนังเต็มพรืดทั้งผนัง เป้าหมายของดร.อาทิตย์คือการนำอาวุธของมิสเตอร์โอเคออกมาใช้ เขากำลังนั่งดูหนังเรื่องสายลับเชนอยู่ ภาพในจอ เป็นฉากที่มิสเตอร์โอเคกำลังยิงปืน ดร.อาทิตย์กดหยุดภาพในจังหวะที่เห็นปืนชัดๆ เขามองอาวุธพวกนั้นอย่างหลงใหล
“อาวุธพวกนี้จะต้องไม่ใช่แค่จินตนาการ”
ดร.อาทิตย์กดให้หนังเล่นต่อไป แล้วก็ลุกไปชื่นชมที่รูปภาพสเก็ตอาวุธต่างๆ ที่ผนัง ลุ่มหลง ชื่นชม อยากได้ครอบครอง
“มันต้องเกิดขึ้นจริง ฉันต้องเอามันออกมาสู่โลกของความจริงให้ได้”
อยู่ๆ เสียงในจอเงียบไป ดร.อาทิตย์แปลกใจหันกลับมามอง ภาพในจอเป็นฉากปรากฏตัวของเชน แต่กลับไม่มีเชนอยู่ในหนัง ทุกอย่างดำเนินไป แต่ไม่มีเชนปรากฏ ดร.อาทิตย์แปลกใจ เข้ามามองใกล้ๆ
“ไอ้เชนหายไปไหน”
ดร.อาทิตย์งง กดฟาสสปีดไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีสายลับเชนปรากฏสักฉาก แล้วก็รีบไปเอากล่องปกหนังมาดู ทุกหน้าปกก็ไม่มีสายลับเชน เปลี่ยนเป็นรูปมิสเตอร์โอเคตัวใหญ่ ปีนตึกสูง ในมือจับลินดาเอาไว้ ชื่อเรื่องก็เปลี่ยนเป็น “มิสเตอร์โอเค วายร้ายถล่มโลก” ดร.อาทิตย์ผงะ งง
“เกิดอะไรขึ้น”
ตังตังถือตะกร้าใส่เสื้อผ้าเก่าของปู่มาหาเชนซึ่งนั่งเหม่อถึงลินดาอยู่
“เชน นี่เสื้อผ้าเก่าของปู่ ทั้งชุดนอนชุดเท่มีครบเลย ตังตังเอามาให้เผื่อว่าเชนอยากจะเปลี่ยนชุดบ้าง จะได้ไม่เหม็น”
“ขอบใจนะหนูตังตัง”
“ได้ชุดแล้วก็ไปอาบน้ำนอนไป ไม่ต้องมานั่งหาวแถวนี้”
“เชนจะเฝ้ารักษาความปลอดภัยให้”
“หาวทุกห้านาทีขนาดนี้ เดี๋ยวได้น็อกหรอกเชน ไป ไม่มีอะไรอันตรายหรอก ไปนอนเถอะเชน” ตฤณบอก
“ถ้าอย่างนั้น เชนขอเฝ้าจนตังตังหลับก่อนแล้วกัน”
“ได้ค่ะ กู๊ดไนท์”
“กู๊ดไนท์”
ตังตังไปนอน แล้วอยู่ๆ เชนซึ่งนั่งเหม่ออยู่ก็ขมวดคิ้ว เพราะมองเห็นอะไรบางอย่างที่หน้าประตูรั้วบ้าน
ปวันในคราบปลายฟ้าแอบส่องกล้องมองที่หน้าบ้านของตฤณ พยายามมองส่องเข้าไปด้านในบ้าน แต่ไม่เห็นอะไร แล้วอยู่ๆ เชนมาปรากฏตัวที่ด้านหลังปลายฟ้า โดยที่ปลายฟ้ายังไม่รู้สึกตัว เชนมองปลายฟ้าสำรวจหัวจรดเท้า ว่ามาดีหรือมาร้าย
“อ้าว ปิดไฟนอนแล้ว หึ่ย เอาไงดี แอบเข้าไปเลยดีมั้ย”
ปลายฟ้าเดินคิดไปคิดมา เชนก็เดินตามหลังตลอด ปลายฟ้าไม่เห็นเชนสักที แล้วเธอก็รีบไปหลบเอาหลังแนบกำแพง เชนไปหลบด้วยเช่นกัน ปลายฟ้ายังคงไม่เห็นเชน
“ต้องอยู่ที่นี่สิ ซ่อนอยู่ที่ไหนนะ”
“ใครเหรอครับ”
“ก็ คนที่ เฮ้ย!!”
“อะไรๆๆ”
ปลายฟ้ามองหน้าเชน คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นคนที่ตามหา
“นาย เอ่อ คุณเป็นใคร”
“เชนเป็นใครไม่สำคัญเท่ากับ คุณมาด้อมๆ มองๆ อะไรหน้าบ้านคนอื่น แต่งเนื้อแต่งตัวก็ดูไม่ใช่คนร้าย คิดจะทำอะไร”
“เอ่อ คือ”
“หลบตา แววตาสั่น มีอะไรปิดบังอยู่ใช่มั้ย”
ปลายฟ้าจำได้แล้วว่านี่คือเหยื่อที่ตนตามอยู่ จึงแกล้งทำถอยหนี ยกมือไหว้ กลัวตัวสั่น
“อย่าทำอะไรฉันนะ อยากได้ของมีค่าอะไรเอาไปเลย แต่อย่าทำอะไร ฉันกลัวแล้ว”
“เฮ้ย ผมไม่ใช่ผู้ร้าย”
ปลายฟ้าผลักเชนออก แล้ววิ่งหนี เชนรีบตาม
ปลายฟ้าวิ่งหนีมา เชนวิ่งตามมาคว้ามือเอาไว้
“สาวน้อย หยุดก่อน ผมไม่ใช่โจร”
“อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันขอร้อง ฉันมีพ่อมีแม่ต้องดูแล ปล่อยฉันไปเถอะ”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่โจร คุณไม่ต้องกลัวผม”
“ถ้าคุณไม่ใช่โจร แล้วเป็นอะไร”
เชนทำท่าประจำตัว
“คุณธรรมปกป้อง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์ หยุดเหล่าร้าย สายลับเชน ฉลาดก็เท่านั้น หล่อก็เท่าโน้น”
ปลายฟ้างง ไม่รู้จัก
“เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย”
“ไม่รู้จักสายลับเชน”
“สายลับเชน จากหน่วยไหน เอ๊ย สายลับอะไร มาจากไหน คืออะไร”
“ตอบผมมา ว่าคุณแอบดูอะไรบ้านโน้น”
“บ้านคุณเหรอ”
“ไม่ใช่ ผมมาขออาศัยเขาอยู่ชั่วคราว”
“คุณอยู่กับนักเขียนการ์ตูนที่ชื่อตฤณ ตรงวุฒิใช่มั้ย”
“ใช่ เฮ้ย นี่ผมถามคุณอยู่ คุณต้องตอบผม ว่าไปทำอะไรหน้าบ้านของตฤณ”
“ฉัน ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านตรงข้าม แล้วฉันก็ เอ่อ ทำกุญแจบ้านหาย เข้าบ้านไม่ได้ ก็เลยอยากจะขอแรงเพื่อนบ้านช่วยหน่อย”
เชนหรี่ตา แสดงท่าไม่ไว้ใจ
“แล้วถึงกับต้องใช้กล้องส่องทางไกลเลยหรือ”
“อ๋อ คือ พอดีฉันเป็น เป็น นักดูนกน่ะค่ะ แบบว่า รักธรรมชาติ รักสัตว์ เลยพกกล้องส่องสำหรับดูนกไว้ในกระเป๋าตลอดเวลา ทีนี้ พออยากเห็นอะไรชัดๆ เลยติดนิสัย ที่จะส่องกล้องดูให้ชัดๆ ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรไม่ดีเลยค่ะ”
“อพิโถ โถๆๆ เรื่องแค่นี้เองสาวน้อย อย่าร้องไห้นะคนดี”
เชนปาดน้ำตาให้ แล้วตัวเองก็หาว สะบัดหน้าไล่ความง่วง
“เชนจะช่วยคุณเอง บ้านคุณหลังไหนล่ะ”
ปลายฟ้าพาเชนมาที่หน้าบ้านเช่าของเธอ
“นี่แหละค่ะบ้านฉัน”
เชนจะเข้าไปที่ประตูรั้ว แต่ชะงัก เพราะไม่ได้ล็อก เปิดแง้มอยู่
“มันไม่ได้ล็อกนี่ครับ”
ปลายฟ้าเหวอ หาข้ออ้างเอาตัวรอด ใช้สองมือจับแก้ม ทำท่าน่ารักๆ
“จริงด้วย ว้าย แย่จัง ฉันนี่โก๊ะกังอาราเล่จริงๆ”
“สรุปว่าคุณเข้าใจผิด”
“ค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่รบกวน”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้น”
“คุณเชนเชิญเข้ามานั่งก่อนสิคะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้”
“ผมไม่ควรอยู่กับหญิงสาว สุภาพสตรีแสนสวย สองต่อสอง ในยามวิกาลได้ครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ถือ”
“คุณไม่ถือ เอิ่ม แต่ว่ายังไงก็ไม่เหมาะสมครับ ใครเห็นเข้า จะเอาไปพูดไม่ดีได้ แล้วคนที่จะเสียหายก็คือคุณ”
“ปลายฟ้าค่ะ”
“ครับ คุณปลายฟ้าจะเป็นฝ่ายเสียหายนะครับ”
ปลายฟ้าทึ่งๆ ที่เชนเป็นสุภาพบุรุษมาก แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้เชนหลุดรอดไป อยากจะรั้งเอาไว้ถามข้อมูลก่อน
“หมดปัญหา คุณปลายฟ้าเข้าบ้านแล้ว ผมคงหมดหน้าที่ละ ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
“เดี๋ยวค่ะ”
เชนชะงัก เริ่มหาวมาก ชักสลึมสลือ
“ครับ”
“ฉันขอบคุณมากนะคะที่คุณใส่ใจดูแล เอาไว้โอกาสหน้าฉันอยากจะตอบแทนคุณบ้าง ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเบอร์โทรศัพท์ อีเมล เฟซบุ๊ค ไลน์ วอทแอพ อินสตาแกรม ทัมเบลอ แทงโก้ ให้ฉันติดต่อคุณบ้างไหม”
“มันคือ อัลรัย ครับ”
เชนเริ่มสัปหงก
“คุณเชน เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผม”
“ว่าไงคะ”
“ผม ง่วง”
เชนหมดสติ ร่วงใส่ปลายฟ้าลงไปทั้งตัว ปลายฟ้าไม่ทันตั้งตัว รับน้ำหนักไม่ไหว ทรุดลงไปกับพื้น โดนเชนทับเอาไว้
ปวันโดนเชนล้มทับลงมาทั้งตัว ยังไม่ทันเห็นว่าเชนหลับไปแล้ว ก็โวยวาย
“คุณเชน คุณเล่นอะไร นี่ไม่ใช่หนังที่พระเอกนางเอกล้มทับกัน สบตาแปดวิ แล้วรักกันนะ ลุก ฉันหนัก”
เชนยังไม่กระดุกกระดิก ปวันดันๆ แต่เชนก็ไม่ขยับ เธอเลยรวบรวมกำลังผลักเชนออกไปจากตัว แล้วลุกขึ้น เชนนอนหงายแผ่หรา กรนเบาๆ ปวันแทบไม่เชื่อสายตาว่าเชนจะหลับที่หน้าบ้านจริงๆ
“ที่บอกว่าง่วงนี่ง่วงจริงๆ แล้วก็หลับจริงๆ ตรงนี้เลยเหรอ อาการง่วงนอนไม่ใช่ท้องเสียนะคู้ณ ถึงจะกลั้นไม่อยู่”
ปวันเอื้อมไปสะกิดเชน
“คุณ จะนอนก็ไปนอนในบ้าน คุณๆ ตื่นสิ ตื่นสิ ตื่น”
ปวันเขย่าตัวเชน
“หลับหรือตายเนี่ย ยังหายใจอยู่”
ปวันหนักใจ
ปวันลากผ้าห่ม ที่มีเชนนอนอยู่ เข้ามาในบ้านเช่าของเธออย่างยากลำบาก พลางบ่นไปตลอด
“นี่เหรองานของผู้หมวดปวัน ทำไมฉันมันตกต่ำขนาดต้องลากผู้ชายเข้าบ้านด้วยเนี่ย”
ปวันเกือบหมดแรง เซไปกระแทกฝาผนัง เชนก็เลยรู้สึกตัวงัวเงียแต่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่น พอเชนเห็นว่าตัวเองกำลังถูกลากก็โวยวายเหมือนละเมอ
“ลินดา ลินดา เชนมาช่วยแล้ว ลินดาไม่ต้องกลัว”
เชนดิ้นตะเกียกตะกาย แล้วผลักปวันไปชนผนังบ้าน
“เชนจะปราบเหล่าร้ายเอง”
เชนลงไปตั้งท่ายืนสะลึมสะลือ แต่แล้วก็โงนเงนหลับพิงกำแพง ก่อนจะรูดตัวลงหลับต่อ ปวันเจ็บแขนที่กระแทก ก้มดูก็เห็นรอยช้ำขึ้นเป็นจ้ำ ได้แต่ค้อนเชน
“หลับแล้วยังฤทธิ์เยอะ เดี๋ยวแม่ก็จับเชือดซะตรงนี้หรอก ไม่ได้สิ เดี๋ยวไม่ได้รู้ความลับพอดี”
ปวันลากเชนต่อไป แล้วเหวี่ยงเชนลงบนเตียงนอน เชนนอนกางแขนกางขาล้นขอบเตียง ปวันเก็บแขนขาเชนขึ้นไปบนเตียง แต่เขาเหวี่ยงแขนเข้าที่ตัวปวัน เธอกระเด็นไปกองกับพื้น
“โอ๊ย แรงเยอะเป็นบ้า จับมัดแขนมัดขาเป็นมัมมี่รีเทิร์นซะเลยดีมั้ย”
ปวันลุกขึ้นยืน มองหน้าเชน
“นายต้องใช่ชายตัวขาวดำคนนั้นแน่ๆ แต่ทำไม ทำไมวันนี้สีผิวดูปกติ เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน”
ปวันสูดลมหายใจลึกๆ ทำใจให้กล้าหาญ ข่มใจ กัดฟัน เอื้อมมือไปปลดกระดุมเชนทีละเม็ด แล้วถอดเสื้อ ดูสีผิว พลิกตัวดูทั้งหน้าและหลังก็เห็นเป็นสีผิวปกติ เธอถ่ายรูปเชนไว้ด้วยกล้องในโทรศัพท์มือถือ
“สีผิวก็เหมือนคนปกติทั่วไป แต่เกรียมแดด”
ปวันคิดย้อนกลับไป วันที่เธอตามไปที่คลินิกบารมี ยังเห็นหน้าตาและฝ่ามือของเชนเป็นขาวดำอยู่ เธอจับแขนเชนมาพลิกดูทุกซอกทุกมุมอย่างประหลาดใจ
“เป็นไปได้ยังไง หรือจะไม่ใช่นายคนนั้น ต้องใช่สิ”
ปวันถ่ายรูปเชนไว้อีกหลายมุมหลายรูป ทันใดนั้นเชนคว้าแขนหญิงสาวหมับ ปวันตกใจ ชักมือกลับทันที แต่เชนไม่ยอมปล่อย บีบแขนแน่นแล้วดึงปวันเข้ามาหาตัวทันที ทั้งที่ตาของเขายังคงหลับอยู่ ปวันไม่ทันตั้งตัว เสียหลักทับลงมาบนอกของเชน เชนละเมอ คิดว่าปวันคือลินดา
“ลินดา ลูกแมวน้อยแสนซนของเชน คุณปลอดภัยดีใช่มั้ย”
หน้าปวันจ่อติดอยู่กับหน้าเชน
“อีกแล้ว คราวนี้เล่นมุกละเมอลวนลามหรอเนี่ย นี่ไม่ใช่ละครนะเฟ้ย”
ปวันพยายามลุกขึ้น แต่เชนดึงเธอให้ลงมาทับตัวเขาไว้ แล้วพูดอย่างละเมอๆ
“จะไปไหน เชนเป็นห่วงคุณแทบตาย พวกมันทำร้ายคุณให้บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า ลินดา ลินดา”
“ฉันไม่ใช่ลินดา”
ปวันพยายามดิ้น แต่เชนใช้มือหนึ่งกอดเธอไว้แน่น อีกมือจับใบหน้าปวัน
“ถ้าคุณเป็นอะไรไป เชนคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต ที่ปกป้องคุณไม่ได้”
เชนล็อคคอปวันลงมากอดแนบอก โล่งใจเป็นอย่างมาก
“ปล่อย ฉันบอกให้ปล่อย ไอ้บ้า ไอ้ละเมอโรคจิต”
ปวันดิ้นๆ จนหลุดออกมาจากอ้อมกอดของเชน เชนยังยื่นมือมาคว้าไว้อีก
“ลินดา อย่าไป”
เชนสลบ กรนคร่อก ปวันหมดแรง นอนหอบข้างเชน
ตอนเช้า เจนจิรามาทำข่าว ชาวบ้าน 2 พวกกำลังยืนทะเลาะกันอยู่ รถคันหนึ่งมีกิ่งไม้ขนาดใหญ่ทับบนหลังคา รถเป็นรอยขีดรอบคัน มีสีสเปรย์พ่นรูปดร.อาทิตย์ไว้บนฝากระโปรง
เจนจิราหันมาพูดรายงานข่าวกับกล้อง รอบๆ ตัวมีไทยมุง
“ภาพที่คุณผู้ชมเห็นอยู่นี้เกิดขึ้นถี่มากในช่วงนี้ ร้านค้าบ้านเรือนหลายแห่งถูกกลุ่มคนไม่ทราบฝ่ายทำลายทรัพย์สิน และทำสัญลักษณ์นี้ไว้”
ชาวบ้านคนหนึ่งในกลุ่มไทยมุงพูดขึ้นดังๆ
“เพราะมันไม่มีศรัทธา”
“ใช่ๆ”
ชาวบ้าน 3-4 รีบวิ่งมาที่เจนจิรา
“เพราะคนพวกนี้ไม่เชื่อถือดร.อาทิตย์ มันพูดจาดูถูกเดอะซัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงลงโทษ”
“ใช่ๆ”
ชาวบ้านชายคนหนึ่งไม่เชื่อ
“เลอะเทอะ งมงาย ไร้สาระ พวกคุณโดนหลอกเพราะเชื่ออะไรง่ายๆ โดยไม่รู้จักคิดหาเหตุผล”
เจนจิราหันมาบอกตากล้อง
“ถ่ายไว้ๆ เก็บภาพเก็บเสียงไว้ให้หมด”
ตากล้องรีบทำตาม ชาวบ้านยังคงเถียงกันดุเดือด
“งมงายกับศรัทธามันคนละเรื่องกันเว้ย ท่านดร.อาทิตย์ทำให้เราเห็นแสงสว่างที่แท้จริงของชีวิต ศรัทธาทำให้เกิดพลัง เราสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้ด้วยศรัทธา”
“ไอ้โง่ โดนไอ้ด็อกนั่นแหกตาแล้วยังไม่รู้อีก”
“ไอ้ปากปีจอ บังอาจลบหลู่ท่านดร.อาทิตย์ก็ต้องโดนยำบาทาจากพวกเรา ลุย”
- ชาวบ้านกรูกันเข้าไปหาชายคนนั้น ผู้หญิงรีบลากสามีตัวเองเข้าบ้านปิดประตู ชาวบ้านไปรุมออที่หน้าประตูวุ่นวาย ตากล้องถ่ายไม่หยุด เจนจิราทำหน้าที่ตัวเองไม่หยุด
“ชาวบ้านสองกลุ่มกำลังจะปะทะกันแล้วค่ะ ฝ่ายที่ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา ถูกกล่าวหาว่าผิดและกำลังถูกคุกคามชีวิตความเป็นอยู่ด้วยวิธีที่ไม่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นผู้เจริญแล้ว”
อยู่ๆ มีคนเข้ามาดึงไมโครโฟนในมือเจนจิราออกไป เธอหันไปมองพบว่าคือประมุข
“หยุดถ่าย”
“หัวหน้า”
“เจนจิรา เธอไม่ต้องทำรายการนี้อีกแล้ว ผมจะให้น้องแอลซ่ามาทำแทนคุณ”
ประมุขยื่นไมค์ให้พิธีกรสาวหน้าใหม่ทันที
“ถ่ายต่อ”
แอลซ่ารับไมค์ไป แล้ววิ่งไปรายงานสถานการณ์ต่อเลย
“สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แอลซ่าพูดเลยว่าคือปาฏิหาริย์ของพลังศรัทธาค่ะ”
เจนจิราอึ้ง งง ไม่เข้าใจ
“อะไรกันคะหัวหน้า”
“คุณไม่รู้เหรอว่าพลังความศรัทธาของคุณอาทิตย์นี่มากมายขนาดไหน ที่สถานีของเรายังอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะเรตติ้งรายการของดร.อาทิตย์ สูงทะลุเพดานอยู่รายการเดียว”
“แต่มันเป็นเรื่องจริง ข้าวของพังจริง บ้านพังจริง มีคนเสียหายจริง ไม่ทำข่าวนี้แล้วจะให้ไปทำข่าวแม่ฮิปโปนอนไม่หลับเหรอคะ”
"ก็ไปทำเรื่องผู้ชายตัวประหลาดขาวดำสิ หรืออยากให้พนักงานคนอื่นต้องเดือดร้อนเพราะคุณด้วย เมื่อวานเขาไปโผล่ที่คลินิคหมอบารมี ตอนนี้เขาดังใหญ่แล้ว ผมไม่ให้คุณทำงานอื่น"
"ยกเว้นไปตามล่าตัวผู้ชายตัวขาวดำคนนั้น ถ้าสมายล์ทีวีไม่ได้ตัวผู้ชายตัวขาวดำคนนั้นมาเป็นสถานีแรก คุณและคนในแผนกของคุณทั้งหมดตกงานแน่"
เจนจิราอึ้ง หันไปมองอีกด้าน แมว แป๋ง เต้าทึง พิธีกร ผู้ประกาศข่าวของสมายล์ทีวี มาถือป้ายที่เขียนว่า “พี่เจน Help ME!” “พี่แมวยังไม่พร้อมจะตกงาน” และ “ขอที่ยืนให้หนูบ้าง Please”
เจนจิรายิ่งเครียด ฮึดฮัดมาก
เจนจิราเดินกลับมาที่รถ หงุดหงิด อารมณ์เสีย พยายามข่มอารมณ์ให้เย็น
“หัวหน้าใช้วิธีนี้กับฉันได้ยังไง แล้วจะเอาไง ฉันจะให้นายเชนถูกรุมกินโต๊ะไม่ได้ ฉันต้องช่วยเขาให้หนีไปจากการตามล่าของทุกรายการทีวี และทุกวงการสื่อ ใช่ นี่คือเป้าหมายของฉัน”
อยู่ๆ พวกพนักงานในฝ่าย ตามเข้ามาถือป้าย ทำหน้าละห้อย เจนจิราชะงัก ลำบากใจ
“ถ้าทุกคนต้องตกงานเพราะฉัน ก็ ก็ไปหางานใหม่สิ”
“หา”
“พี่ปูนนี้แล้ว สามีก็ไม่มี หลานก็ต้องเลี้ยง ต่างประเทศก็ไปได้แค่เออีซี อย่าให้ลำบากตอนแก่เลย ให้พี่นั่งอ่านข่าวจนเน่าตายคาฉาก กลายร่างเป็นอาจารย์ใหญ่ให้ผู้ประกาศรุ่นหลังกราบไหว้บูชาได้มั้ย” แมวขอร้อง
“แป๋งสัญญา ถ้าแป๋งไม่ตกงาน เดือนหน้าจะไปเติมนม ตบหน้า อัพสวยให้ดู จนคนจำไม่ได้ว่านี่พิธีกรกะลาในท้องกบหรือน้องญาญ่า”
“ถ้าเป้าหมายเต้าทึงบรรลุแล้ว นี่จะไม่ว่าเลย แต่นี่ ออกงานสังคมทุกคืนจนคนนึกว่าเป็นหมอนวดแล้ว ยังไม่มีไฮโซมาติดสักคน อย่างน้อยขอให้เต้าทึงมีที่ยืนแน่นๆ ในสังคมก่อนได้มั้ยคะ”
“ฉันเข้าใจ แต่ ถ้าเจ้านายนิสัยไม่ดีจะไปทำงานด้วยทำไม นี่เป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้ไปเจอเจ้านายใหม่ที่ดีกว่า ฉันกำลังทำให้ทุกคนได้เจอสิ่งดีๆ ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอบคุณ คนกันเอง บาย”
เจนจิรารีบขึ้นรถ ขับหนีไป เพื่อนๆ ในฝ่ายใจเสีย กลัวตกงาน
ตอนเช้า ตฤณนั่งวาดการ์ตูนอยู่ที่โต๊ะทำงาน เปิดเพลงเบาๆ คลอ แต่เป็นเพลงอกหัก แล้วพยายามวาดการ์ตูนลงไป แต่วาดๆ แล้วก็ขยำทิ้ง ไม่ก็เอาดินสอละเลงไปด้วยความเครียด แล้วเริ่มวาดใหม่ ตังตังวิ่งส่งเสียงตึงตัง โวยวายเข้ามา
“น้าตฤณ เห็นเชนหรือเปล่า เชนหายไปไหน”
ตฤณยังคงวาดต่อไป
“น้าตฤณเห็นเชนมั้ย”
“ไม่รู้”
“เชนหายไปตั้งแต่เมื่อคืน ยังไม่กลับมาเลย”
“หยุดโวยวาย เขาจะไปไหนก็เรื่องของเขา อย่ารบกวนน้าทำงาน ต้องส่งต้นฉบับวันนี้แล้ว”
เจนจิราเดินพรวดเข้ามา
“เชนอยู่มั้ย”
ตฤณดีใจ
“เจน ตัวมาที่นี่”
ตฤณนึกได้ เศร้า หดหู่
“เพื่อมาหาเชนเหรอ ทำไมใครๆ ก็ห่วงแต่เชนๆๆ”
เจนจิราหันมา มองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตฤณ แล้วกดไปหน้าเฟซบุ้ค
“ดูซะ”
รูปเชน ที่แชร์กันไปในเฟซบุ้ค มุมต่างๆ มีแบบซูม ในบารมีคลีนิค แบบที่คนวาดวงกลมล้อมเพื่อเน้นภาพเชน ตฤณเลื่อนดู ตกใจ
“ชิบแล้ว”
“คราวนี้จะตอบได้ยัง ว่าเชนอยู่มั้ย”
เชนค่อยๆ ลืมตาขึ้น หน้าตาสดใส อ้าปากหาวหวอด
“สบายจริงๆ ทำไมเชนรู้สึกสดชื่นจัง เหมือนคนเพิ่งตื่น หา”
เชนตกใจ ลุกขึ้น แล้วพบว่าตัวเองอยู่บนเตียงนอน มีผ้าปิดอก
“เอ๊ะ นี่เชนหลับไป ไม่ เชนไม่เคยง่วง เชนไม่เคยหลับ แล้วนี่เชนอยู่ห้องใคร จำได้ว่าครั้งสุดท้ายเชนยืนคุยอยู่กับคุณปลายฟ้าที่หน้าบ้าน”
เชนหันไปพอดีเห็นปวันนั่งมองเขาอยู่มุมหนึ่งของห้อง ซดกาแฟพลาง แต่พอมองมา เห็นเชนตื่น รีบวางแก้วกาแฟ แล้วทำท่าหวานแหววเป็นปลายฟ้า กระพริบตาถี่ๆ
“ตื่นแล้วหรอคะ”
“คุณปลายฟ้า เชนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ”
“คุณจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลยเหรอคะ”
ปวันแกล้งหลบตาลงต่ำ ทำเสียงน้อยใจ
“ผมขอโทษ ผมจำอะไรไม่ได้จริงๆ”
“นี่ห้องนอนของปลายฟ้าเองค่ะ”
“หา ห้องนอนคุณปลายฟ้า”
ปวันแอบยิ้มดีใจที่เชนไม่รู้ว่าเธอพยายามพิสูจน์ว่าเขาคือตัวขาวดำที่ตามหา
“คุณจำไม่ได้จริงๆ เหรอคะ ดูสิคะ”
ปวันยื่นท้องแขนที่เขียวช้ำให้เชนดู
“คุณออกฤทธิ์จนฉันเป็นรอยเขียวจ้ำช้ำไปทั้งตัวเลย”
“คุณปลายฟ้า นี่เกิดอะไรขึ้น เชนจำอะไรไม่ได้ แล้วเชนมาอยู่ในห้องนอนคุณปลายฟ้า ทั้งคืน”
เชนกระเด้งลุกขึ้นยืนห่างออกมาจากเตียง จึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อ เขาตกใจมาก
“แล้วเสื้อเชนหายไปไหน ทำไมเชนไม่ใส่เสื้อ หรือว่า”
เชนมองหน้าปวัน พยายามลำดับความคิด
“คุณ เชน คุณ เชน”
ปลปวันใจหายวาบ นึกว่าเชนจำได้ว่าเธอเป็นคนถอดเสื้อเขา ก็รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน
“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้ทำอะไรนะคะ คุณหลับไป ฉันก็แค่พาคุณขึ้นมาบนนี้ แล้วคุณก็ถอดเสื้อเอง ฉันเปล่าเป็นคนถอด ฉันจะไปถอดเสื้อคุณทำไม เพื่ออะไร ฉันไม่ได้อยากเห็นคุณถอดเสื้อ ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นอะไรเลยค่ะ แค่คุณหลับไป ปลายฟ้าก็หวังดีพามานอนเฉยๆ แต่”
ปวันเงียบไป เชนโพล่งขึ้นมา
”เชนข่มเหงน้ำใจคุณ”
“หา”
“ไม่ ไม่จริง ผมทำลงไปได้ยังไง ที่แท้ผมเป็นคนแบบนั้นหรือนี่”
ปวันตกใจ งง ไม่รู้จะตอบว่าอะไร เชนเลยเข้าใจอาการงงของหญิงสาวคือคำตอบว่าใช่ เขาอึ้ง ช็อค
ตฤณและเจนจิราวิ่งหาเชนรอบบ้าน ทั้งภายในภายนอก รวมถึงปีนบันไดชะโงกมองบนหลังคาที่เชนชอบอยู่
“เชน”
ตฤณ เจนจิรา ตังตังวิ่งมารวมกันที่บริเวณหน้าบ้าน
“ไม่เจอ หรือเชนจะกลับเข้าไปในหนังได้สำเร็จแล้ว”
“จริงเหรอ สุดยอด กลับไปเลย” ตฤณตะโกน
“ยังค่ะ”
ตังตังโชว์หน้าปกดีวีดีที่ยังไม่มีเชน
“เชนยังไม่ได้กลับไป”
ตฤณเซ็ง
“งั้นก็คงจะออกไปข้างนอกมั้ง”
“ฮ้า ตัวเองให้เชนออกไปนอกบ้านตามลำพังได้ยังไง ตัวเองก็รู้ว่ามันอันตรายกับเชน”
“อันตรายอะไร เชนสีผิวก็ปกติแล้ว ไม่มีใครจำได้หรอก เขาก็คงอยากจะออกไปใช้ชีวิตของเขาบ้าง”
“แต่ท่าทางบุคลิกเขาก็ยังไม่เหมือนคนยุคนี้ แล้วถ้าเกิดมีใครจำได้ มันจะไม่แตกตื่นเหรอ หรือถ้ามีนักข่าวคนไหนมาเจอเชน จะเป็นยังไง เคยคิดอะไรไกลๆ เป็นบ้างมั้ย”
“ใช่ ผมคิดตื้น เพราะผมไม่ได้ต้องการเอาเชนไปออกรายการทีวี เชนไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับผม ก็ไม่รู้จะลึกไปทำไม”
“ตฤณ นี่ตฤณดูถูกเจนอยู่นะ”
“หยุดทะเลาะกันก่อน”
“ขอตัวไปทำงานสร้างอนาคตที่ผมไม่ค่อยจะมีก่อนนะ”
ตฤณเดินเข้าบ้านไป เจนจิราเซ็ง
ตฤณเดินเข้ามาในบ้าน แล้วก็โมโหตัวเอง
“พูดอย่างนั้นไปได้ไงวะ ทำไมไม่ไปช่วยเจนๆๆ”
ตฤณรีบไปเกาะหน้าต่างมองออกไป เห็นเจนจิรากับตังตังกำลังออกไปตามหาเชนนอกบ้าน ตฤณอยากจะตามไปด้วย แต่ต้องห้ามตัวเอง
“ไม่ เดี๋ยวเจนก็ตามให้ไอ้บารมีแฟนเขามาช่วยเองนั่นแหละ ไม่ต้องสนใจ นายเชนจะหายไปไหนก็ช่างเขา ดีซะอีก ไม่ต้องมีตัวป่วนในชีวิต เลิกสนใจ ทำงาน”
ตฤณไปนั่งที่โต๊ะทำงาน จะเริ่มทำงาน แต่แล้วก็อดห่วงไม่ได้ ลุกไปมองที่หน้าต่างอีก
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 3 (ต่อ)
เจนจิรากับตังตังเดินอยู่ภายนอกตัวบ้าน ตามหาเชน
“เชนชอบออกกำลังกายทุกวัน เชนอาจจะออกมาวิ่งแถวนี้ก็ได้ เชน”
เจนจิราเดินตามตังตัง กำลังกดโทรศัพท์คุยกับเพื่อนนักข่าว
“พี่โชค พี่ช่วยเช็คให้เจนหน่อยค่ะว่ามีสำนักข่าวไหนเปิดประเด็นผู้ชายตัวขาวดำแล้วหรือยัง ยังเหรอ พี่แน่ใจนะคะ”
“แน่ใจสิเจน พี่เช็คอยู่ตลอด”
อยู่ๆ แมว แป๋ง เต้าทึงก็พุ่งเข้ามา ยื่นหน้ามาประกบโชค เพื่อพูดสายกับเจนจิรา
“เจน เธอต้องทำให้ได้นะ พี่อยากถูกฌาปนกิจที่นี่” แมวขอร้อง
“ค่าอัพนมหกหมื่นค่ะ แป๋งสืบมาแล้ว ให้รู้ว่าแป๋งจะสวยจริงๆ ตามที่สัญญากับพี่”
“ถ้าทำไม่ได้ ก็หาไฮโซแน่นๆ สักคนมาให้เต้าทึงด้วยก็ได้ ไม่งั้นไม่ยอม”
สามสาวแย่งกันเว้าวอนอื้ออึง จนโชคกุมขมับ เจนเซ็งพวกสามสาว เอามือถือออกจากหู
“เจนจะพยายามนะคะ”
เจนจิราวางสาย
“แสดงว่าเชนยังไม่ถูกสำนักข่าวไหนเอาตัวไป”
“เราแจ้งตำรวจให้ช่วยตามดีมั้ยน้าเจน”
“ไม่ได้ ให้ตำรวจรู้เรื่องเชนไม่ได้เด็ดขาด คนอื่นที่ไม่น่าไว้ใจก็ให้รู้ไม่ได้ มันไม่ปลอดภัยกับเชน”
“จริงด้วยค่ะ ตังตังลืมไปสนิทเลย งั้นเราก็ต้องตามหากันเองจนกว่าจะเจอ เชน”
จู่ๆ รถตู้ของสมายล์ทีวีแล่นมาจอดขวาง คนของประมุขลงมาเปิดประตู สมายล์ แมงกะพรุน โลมา นั่งอยู่ด้านใน ทั้งสามส่งเสียง
“ตังตัง”
“เพื่อนๆ”
“พวกเราคิดถึง เลยจะมาเล่นด้วยที่บ้านตังตัง” สมายล์บอก
“ไชโย”
พวกเด็กดีใจ กรี๊ดกร๊าดทักทายกัน แต่ตังตังชะงัก
“แต่เรามีภารกิจด่วนต้องจัดการก่อน ไปเล่นกันที่บ้านเราก่อนนะ เดี๋ยวตามไป”
“โอเค”
“กลับไปได้เลยค่ะ น้องสมายล์จะอยู่เล่นที่นี่ เย็นๆ ค่อยมารับนะคะ”
พวกเด็กๆ ปิดประตู แล้วรถตู้ก็แล่นต่อไป
“ตังตังไปเล่นกับเพื่อนก็ได้นะ”
“ไม่ค่ะ ตังตังจะตามหาเชนให้เจอ ไปตามหาเชนกันต่อเถอะค่ะ”
รถคันหนึ่งแล่นมาจอด กังฟูรีบเปิดหน้าต่างยื่นหน้าออกมา จันทร์เจ้าเป็นคนขับ
“ตังตัง น้องสมายล์คนสวย พาเพื่อนมาเล่นที่บ้านตังตังใช่มั้ย เรารู้ เราเห็น เราจะไปเล่นด้วย ไปเลยแม่ ไปๆๆ”
“นานไหมกังฟู แม่มีงานต้องทำนะวันนี้”
กังฟูลงมาจากรถแล้ววิ่งเข้าบ้านตังตังไปเลย
“เฮ้ย เราไม่ให้นายเข้าบ้านเรานะกังฟู”
ตังตังวิ่งตามกังฟูไปทันที
“อ้าว ตังตัง แล้วเชนล่ะ”
เจนจิรางง จันทร์เจ้ารอในรถอย่างเบื่อหน่าย
เชนคุกเข่าลงตรงหน้าปวัน
“คุณปลายฟ้าครับ ผมขอโทษในการกระทำอันเต็มไปด้วยสัญชาตญาณดิบของเพศชาย จนขาดสติยั้งคิด ผมขอรับผิดชอบชีวิตคุณนับจากวันนี้ไปจนจบสิ้นลมหายใจสุดท้ายของคุณ”
ปวันนึกว่าเชนขอโทษเรื่องรอยช้ำที่แขนของเธอ
“เดี๋ยวค่ะ เรื่องมันเล็กนิดเดียว ต้องรับผิดชอบจนตายเลยเหรอ”
“ศักดิ์ศรีและเกียรติยศของผู้หญิงไม่เคยเป็นเรื่องเล็กสำหรับเชน”
“มันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายนะคะคุณเชน ไม่เห็นต้องรับผิดชอบ ทายาวันเดียวก็หายแล้ว มดกัดยังเจ็บกว่าเลย”
เชนตกตะลึง อ้าปากค้าง
“โอ้ว ผู้หญิงสมัยนี้ ช่างต่างกับผู้หญิงในสมัยเชนจริงๆ พวกคุณเห็นเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องไม่สำคัญหรือครับ”
“ไม่เห็นจะเป็นเรื่องสำคัญอะไรนี่ค่ะ”
“หา เหรอ”
“โดนทีเดียวเองค่ะ เดี๋ยวก็เหมือนเดิม”
“ทีเดียว เดี๋ยวก็เหมือนเดิม เชนรับไม่ได้”
“พูดอะไรอ่ะ คุณแต่งตัวให้เรียบร้อยเถอะค่ะ ฉันจะไปรอข้างล่าง”
ปวันเดินออกไปงงๆ
“คุณปลายฟ้าคงช็อค ไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์ยังไง ถึงได้ปลอบใจตัวเองไปอย่างงั้น ผู้หญิงบอบบางอย่างคุณปลายฟ้าต้องแอบไปร้องไห้เศร้าโศกเสียใจแน่ๆ”
เชนเครียดมาก
ปวันเดินออกมาหน้าบ้าน แล้วมีลมพัด ฝุ่นปลิวเข้าตา
“โอ๊ย อะไรเข้าตา”
ปวันขยี้ตา แล้วกะพริบตาไล่ฝุ่นแต่ฝุ่นก็ไม่ยอมออก น้ำตาไหลออกมาด้วยความแสบตา เชนเดินออกมา เห็นหญิงสาวกำลังขยี้ตา น้ำตาไหล เขาเข้าใจผิดคิดว่าปวันร้องไห้
“คุณปลายฟ้า เชนคิดไม่มีผิดเลย”
เชนปราดเข้ามาหาปวัน
“เชนเสียใจที่ทำให้คุณเสียหายทั้งร่างกายและจิตใจ ยังไงเชนจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เชนทำลงไป เชนจะไม่หนีคุณปลายฟ้าไปไหน เชนสัญญา”
“หะ สัญญาอะไรคะ ฉันงงไปหมดแล้ว”
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ต่อไปนี้เชนจะดูแลคุณเอง”
“คุณจะมาดูแลปลายฟ้าทำไม โอ๊ย”
ปวันยังคงแสบตาจนน้ำตาไหล ใช้มือขยี้ตา
“โธ่ ยอดเยาวมาลย์ของผม เสียขวัญจนฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลยเหรอครับ ขวัญเอ๊ยขวัญมา”
เชนสงสารปวันจนต้องรวบตัวเข้ามากอดไว้แนบอก เสียงทิวากับราตรีจากหน้าประตูรั้ว
“หนูปลายฟ้า อยู่บ้านมั้ยจ๊ะ”
“แย่แล้ว คุณทิวา ราตรี”
ปวันตกใจ รีบลากเชนเข้าบ้าน
ปวันลากเชนขึ้นบันไดไป จังหวะเดียวกับที่ทิวาราตรีเดินเข้ามาในบ้าน ราตรีเห็นหลังเชนไวๆ ที่ชั้นบน
“หนูปลายฟ้า หายไปไหน ทำไมเปิดประตูบ้านทิ้งไว้”
“ทิวา ฉันเห็นผู้ชายวิ่งแว่บขึ้นข้างบนนั่น”
“เอ๋ อย่าบอกนะว่าคืนแรกก็แอบเอาผู้ชายเข้ามาในบ้านซะแล้ว”
“ฉันเห็นจริงๆ นะ”
“ชิ้ว ขึ้นไปดูกันดีกว่า”
ทิวากับราตรีย่องขึ้นบันไดไป
ปวันพาเชนเข้ามาหลบในห้องนอน
“ทำไมเราต้องหลบด้วยล่ะครับ”
“ฉันไม่ต้องการให้ใครเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกัน”
ปวันเปิดประตูระเบียงแล้วชะโงกหน้าลงไปทำท่าคล้ายจะกระโดดลงไป เชนรีบดึงตัวหญิงสาวไว้
“อย่าครับ อย่าคิดสั้น ชีวิตผิดพลาดไปหนึ่งครั้งใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้ ความตายไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา เราเกิดมามีปัญญา เราต้องแก้ไขปัญหาด้วยสติ ด้วยปัญญาสิถึงจะถูก”
ทิวากับราตรีแอบฟังเอาหูแนบประตู
“จริงด้วย มีเสียงผู้ชายอยู่ในนั้น”
พวกสมายล์วิ่งหนีกังฟูมาแถวหน้าบ้านเช่า
“เราเล่นด้วย”
“ไม่”
เด็กทั้งสามตอบพร้อมกัน
“ตามมาทำไม พวกเราไม่ได้ชวน” สมายล์ถาม
เด็กทุกคนหยุดอยู่บริเวณหน้าบ้าน จันทร์เจ้าลงมาจากรถ
“เล่นอยู่ที่นี่นะกังฟู แล้วแม่จะมารับตอนเย็นๆ”
จันทร์เจ้าจะกลับไปขึ้นรถ แต่พวกสมายล์รุมล้อมไม่ให้ไป
“ไม่ค่ะๆ คุณน้าพากังฟูกลับบ้านไปนะคะ เราจะเล่นกันเฉพาะสาวๆ”
“ใช่ค่ะ กังฟูไม่ได้รับเชิญ พากลับไปนะคะ”
“เห็นมั้ยครับว่ากังฟูเป็นที่รักของเพื่อนๆ ขนาดไหน”
พวกเด็กๆ ตื๊อจันทร์เจ้า เสียงดัง
ภายในบ้าน ตฤณกำลังพยายามวาดรูปอยู่ ได้ยินเสียงวี้ดว้ายดังมา ทนรำคาญไม่ไหว วางปากกา แล้วลุกพรวดออกไปดู
“กินนกหวีดเป็นอาหารหรือไง ใครเนี่ย”
จันทร์เจ้ากำลังถูกเด็กๆ ล้อม
“กังฟู กลับไปเลย กลับไปๆๆๆ”
ตังตังพยายามไปไล่กังฟูให้กลับขึ้นรถ ส่วนพวกสมายล์รุมตื๊อจันทร์เจ้าอยู่ ตฤณวิ่งออกมาโวยวาย
“ตังตัง เสียงดังทำไม”
“ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาบ้านเรา กลับไปนะกังฟู”
“คุณตฤณ คุณช่วยมาจัดการหลานคุณกับเพื่อนๆ หน่อยสิคะ ฉันจะต้องไปทำงานต่อ”
“คุณก็พาลูกชายคุณกลับไปสิครับ”
“ถ้ากังฟูไปด้วย ก็คงจะกวนจนฉันไม่ได้ทำงานสิคะ ฝากให้เขาอยู่กวนคุณที่นี่ดีกว่า”
“แต่ ผมต้องการสมาธิทำงาน ตังตัง เงียบ บอกให้ทุกคนเงียบ เงียบๆๆๆ”
ไม่มีใครฟังตฤณเลย ตฤณโวยวาย ทุกอย่างเสียงดังมาก
ราตรีหยิบพวงกุญแจขึ้นมา ขณะอยู่หน้าห้องปวัน
“ฉันมีกุญแจสำรอง เราไขเข้าไปดูเลยดีกว่า เผื่อมันจะเป็นคนร้าย”
“แล้วจะอมเอาไว้ทำไม ไขสิ”
ราตรีรีบไข เชนได้ยินเสียงการไขกุญแจที่ลูกบิด
“ไม่ทันแล้ว”
เชนอุ้มปวันขึ้นมาทันที หญิงสาวตกใจ
“คุณจะทำอะไร”
“ไว้ใจในเชน เชนจะปกป้องคุณเองครับ”
เขนขยิบตา ปิ๊ง ปวันนิ่งไป อ้าปากค้าง ทิวา ราตรีเปิดประตูเข้ามา เห็นเชนกำลังอุ้มปวันอยู่ที่ขอบระเบียง พร้อมจะโดด
“ว้าย”
“คุณเชน”
“ปลายฟ้า”
เชนอุ้มปวันกระโดดลงจากระเบียงทันที
จันทร์เจ้าเหลืออดที่ถูกเด็กรุมตื๊อ ตะคอกเสียงดัง
“อ๊าย อ๊ายๆๆ”
พวกสมายล์ที่รุมจันทร์เจ้าอยู่ ต่างผงะออก เพราะจันทร์เจ้าดูตบะแตก ราวกับกำลังจะแปลงร่าง
“น้าจันทร์เจ้าแปลงร่างแล้ว”
“ใครก็ได้ช่วยด้วย”
“น้าไม่ได้แปลงร่าง แต่อย่ามาเขย่าชุดน้า รู้มั้ยว่ามันแพง แล้วมาดึงมากๆ ถ้ามันหลุด ใครจะรับผิดชอบไฟหน้าของน้า กังฟูอยู่ที่นี่ แม่จะไปแล้ว”
จันทร์เจ้าหันหลังกลับ แต่อยู่ๆ เชนอุ้มปวันกระโดดลงมาจากระเบียง ยืนมาดเท่ เหมือนซูเปอร์ฮีโร่กับนางเอกในหนัง จันทร์เจ้าตะลึง จับจ้องไปที่เชน ถึงกับครางออกมา
“อู้ว้าว”
ตฤณ เจนจิรา ตังตัง และเด็กๆ อ้าปากค้าง เจนจิราวิ่งเข้ามาพอดี
“เชน”
“เชน ชื่อเชนเหรอ อู้ว้าว”
จันทร์เจ้าอุทานอย่างพอใจ เชนมองปวันด้วยสายตาหวานซึ้ง
“คุณปลอดภัยแล้วครับ”
“วางฉันลงสิคะ”
“เชนคงวางคุณได้แต่ตัว แต่หัวใจ ขอถือไว้นะครับ”
เชนค่อยๆ ย่อเข่าวางปวันด้วยมาดสุภาพมาก จันทร์เจ้ามองลีลาของเชนทุกวินาที ไม่กะพริบตา
“สำบัดสำนวนจริงๆ อู้ว้าว”
ปวันหันมาเห็นคนเต็มไปหมดมองอยู่ อึกอัก ทำตัวไม่ถูก กลัวความลับแตก เลยถอย ขยับจะหนี
“เดี๋ยวครับ”
เชนจะตาม แต่จันทร์เจ้าเข้ามายืนขวางหน้าเชนทันที
“อุ๊ย คุณเห็นแล้วว่าฉันแอบมองคุณอยู่ คุณคงจะรู้แล้วว่าฉัน แอบปลื้มคุณ ไม่นะ อายจัง กุลสตรีไม่ควรแสดงออกให้รู้ว่าชอบผู้ชายก่อน ผู้ชายจะมองเราไม่งามได้”
จันทร์เจ้าทำท่าเขินอาย วิ่งหนีออกไปทันที ทิวากับราตรีชะโงกมองตามลงมาจากบนบ้าน
“ไม่ต้องไปไหนเลยปลายฟ้า” ทิวาตะโกน
“เธอมันช่างหน้าไม่อาย พาพ่อเชนขึ้นมาอยู่บนห้องสองต่อสองตั้งแต่เช้า”
“ใครว่าครับ ตั้งแต่เมื่อคืนต่างหาก” เชนบอก
“หา”
ทุกคนตกใจ ปวันกระซิบเชน
“บอกเขาทำไม”
“เชนโกหกใครไม่เป็น ลูกผู้ชาย กล้าทำก็ต้องกล้ารับ”
ทุกคนเหวอกันไป ทิวา ราตรี ตกใจเป็นลม
ตังตังพาเพื่อนๆ แยกมาเล่นกันอีกมุม
“เราเล่นกันตรงนี้แหละ อย่าเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่จัดการปัญหาของเขาเอง”
“โอเค เรามาเล่นกัน นี่”
สมายล์หยิบโยโย่ออกมา
แม
แมงกะพรุนและโลมาหยิบโยโย่ออกมา
“สอนโยโย่พวกเราหน่อย”
“กังฟูเล่นด้วย”
“ไม่”
สี่สาวน้อยพูดพร้อมกัน
“งั้นเราจะเข้าไปป่วนพวกผู้ใหญ่”
“เฮ้ย ให้เล่นด้วยก็ได้ แต่นายไม่มีโยโย่ งั้นก็นั่งดูไปนะ” ตังตังตัดปัญหา
“ไม่เอา ทุกคนต้องดูกลใหม่ของเรา ดู ไม่งั้นเราจะไปป่วนให้ดู”
“เออๆ ก็ได้ๆ”
สี่เด็กสาวเซ็งๆ จำใจ กังฟูรีบอวด หยิบเหรียญออกมา
เชนยืนเคียงข้างปวัน มาดแมน ผ่าเผย ในขณะที่ทิวาราตรีทำหน้าไม่อยากเชื่อ
“มันไม่จริงใช่มั้ยเชน”
“เมื่อคืนเชนค้างคืนในห้องคุณปลายฟ้า พอเช้ามาเชนก็ไม่ได้ใส่เสื้อ มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากเชนได้ล่วงเกินคุณปลายฟ้าไปแล้ว”
“ไม่จริง”
“ทำไมถึงเป็นผู้หญิงอย่างนี้ เห็นหงิมๆ ติ๋มๆ แต่มาเช่าบ้านคืนแรกเธอก็อร่อยปากมันแล้ว” ทิวาต่อว่า
“ร้ายกาจ ไวไฟ ไม่มีความเป็นกุลสตรีแห่งสยามประเทศ” ราตรีประณาม
“อย่าต่อว่าคุณปลายฟ้าเลยครับ ถ้าจะมีใครผิดก็คือเชนเอง เชนคือคนไม่ดีเพราะเชนย่ำยีคุณปลายฟ้า”
“ไปกันใหญ่แล้ว เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย”
ทิวา ราตรีดีใจ
“จริงเหรอ”
“เชนย่ำยีคุณปลายฟ้าจริงๆ”
“ไม่จริง”
ทิวา ราตรีรับไม่ได้ เจนจิรารีบพูดขึ้น
“คุณปลายฟ้าคะ ไม่มีอะไรต้องกลัวนะคะ ถ้ามันเป็นเรื่องจริงก็พูดออกมาเลยค่ะ ดิฉันจะอยู่ข้างคุณเอง”
“มันไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ”
“โอเค ถ้าไม่มีอะไรกัน งั้นก็จบ แยกย้ายได้ เรื่องแค่นี้เอง” ตฤณตัดบท
“เรื่องแค่นี้ I am a gentleman เกียรติยศชื่อเสียงของสุภาพสตรีคนหนึ่งต้องถูกทำลายเพราะเชน มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้ มันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเชน”
“ก็เขาบอกไม่มีอะไร” ตฤณย้ำ
“แล้วสุภาพสตรีที่ไหนจะเอาเรื่องอัปยศอย่างนี้มาพูดต่อหน้าคนหมู่มาก ลูกผู้ชายอย่างเรารู้ดี ว่าสิ่งที่เราทำลงไป มันผิด คนเราทุกคนควรมีความละอายใจต่อบาปและการกระทำที่ผิดศีลธรรมจรรยาและกฎหมายบ้านเมือง เมื่อได้กระทำอะไรลงไปไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็ควรจะรับผลของมันอย่างกล้าหาญ เพราะมันคือศักดิ์ศรีของความเป็นคน Do you understand?”
ปวัน ทิวา ราตรี และเจนจิรา ฟังอย่างประหลาดใจ ว่ายังมีผู้ชายแบบนี้อยู่บนโลกอีกหรือ
“สุภาพบุรุษ มาดแมน แฮนซั่ม”
ทิวา ราตรี พอใจมาก
“ยังมีผู้ชายที่เป็นลูกผู้ชายอย่างนี้เหลืออยู่อีกเหรอเนี่ย” เจนจิราแปลกใจ
ปวันตะลึงกับความเป็นลูกผู้ชายของเชน จนเชนก้าวมาตรงหน้าเธอ
“ผมจะรับผิดชอบความผิดที่ผมทำลงไปทุกอย่างครับ”
ปวันอึกอัก ได้สติ
“ไม่ ไม่เป็นไร ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรฉันทั้งนั้น”
ทุกคนอึกอัก ตฤณเบื่อเดินออกไป เจนจิรามองตาม
ตฤณเดินแยกออกมา เจนจิราตามมา
“เรื่องแค่นี้งั้นเหรอ”
“หือ”
“ตัวเองพูดออกมาได้ไงว่าเรื่องแค่นี้ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง มันก็ไม่ใช่เรื่องแค่นี้ ถ้าสมมติเจนคือผู้หญิงคนนั้น จะเป็นเรื่องแค่นี้ของตัวเองด้วยใช่มั้ย”
“นี่ตัวเองตามมาหาเรื่องเขาทำไมเนี่ย เขาแค่อยากอยู่เงียบๆ ทำงานของเขาไม่ได้เหรอ”
“ใช่สิ ในโลกนี้มันไม่มีอะไรสำคัญจริงๆ กับตัวเองอยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นแค่ เรื่องแค่นี้ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ตาย อย่าไปใส่ใจ อย่าไปซีเรียส ทำเอาหนุก ทำเอาขำ มีแฟนก็คบขำๆ ถ้าแฟนมันจริงจัง มันไม่ขำด้วย ก็เรื่องของมัน ถ้าแฟนมันเลิกไปคบคนอื่น ก็ช่างมัน เพราะทุกอย่างมันก็แค่ เรื่องแค่นี้”
“อะไรอ่ะ”
“เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงยอมคบกับตัวเองได้”
เจนจิราผิดหวัง สะบัดหน้าหนีออกไป ตฤณงง
“อะไรวะ เออ โกรธไปเลย เขาไม่สนใจหรอก โธ่เอ๊ย”
ตฤณเศร้า เซ็ง
ปวันเดินหนีออกมา แต่เชนโดดมายืนขวางตรงหน้า
“คุณ คุณหนีอะไรหนีได้ แต่หนีความจริงไม่พ้นหรอกครับ”
“ความจริงอะไร คุณดูละครมากไปหรือเปล่า ที่ตื่นเช้ามา แก้ผ้าอยู่ด้วยกันบนเตียงแล้วจะต้องแปลว่ามีอะไรกัน”
“คุณพูดเรื่องนี้ออกมาได้ยังไง ไม่กระดากปากบ้างเหรอครับ”
ปวันอยากจะด่า แต่ยั้งปาก ได้แต่คำรามอย่างขัดใจ
“โอ๊ย”
ปวันเดินหนีต่อ แต่ต้องผงะ เพราะจันทร์เจ้ามายืนขวาง ยิ้มหวานชื่นให้เชน แต่ปวันยืนบังอยู่
“จะยืนบังเป็นจันทรุปราคาอีกนานมั้ย หลบ”
ปวันขยับหลบ จันทร์เจ้าฉีกยิ้มหวานให้เชน เชนงง
“ครับ”
“ขา”
ปวันหนีออกไป เชนจะตามแต่จันทร์เจ้าขยับขวาง
“ผมไม่รู้จักคุณใช่มั้ยครับ”
“อยากรู้จักมั้ยล่ะคะ คิๆ พอดีเป็นผู้ปกครองของกังฟู เพื่อนน้องตังตังค่ะ เห็นเด็กๆ น่ารัก ก็เลยมีของมาฝากเด็กๆ นิดหน่อย ขนเข้าไปเลยจ้ะ”
ทีมงานในชุดหมีของจันทร์เจ้าขนอุปกรณ์มากมายเข้าไปในบ้าน เช่น สระว่ายน้ำลมยาง รถไอติม แทมเบอลีน รถป็อปคอร์น เตียงผ้าใบ ร่มบังแดด ทิวากับราตรีออกมา เห็นทีมงานมากมาย งุนงง
“นี่มันอะไร ขนอะไรมากันเยอะแยะ”
“แล้วเธอเป็นใคร มาจ้องหน้าเชนทำไมไม่ทราบ”
จันทร์เจ้ายิ้ม
“คุณยายของน้องตังตังใช่มั้ยคะ สวัสดีค่ะ”
“ฉันไม่ใช่คุณยาย”
เชนจะไปตามปวัน
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
จันทร์เจ้าจับแขนเชนเอาไว้
“จะไปไหนคะ เข้าไปทำอะไรสนุกๆ ข้างในกันดีกว่านะคะคุณเชน”
เชนอยากไปตามปวันแต่ไปไม่ได้ จันทร์เจ้าลากเชนเข้าไป ทิวากับราตรีหมั่นไส้
ปวันรีบวิ่งหนีออกมา
“คนบ้า ไม่รู้จะซีเรียสกับเรื่องไร้สาระทำไมนักหนา ไม่ได้มีอะไรจริงๆ สักหน่อย ทำตัวยังกับหลุดมาจากหนังไทยโบราณ แหวะ”
ปวันพูดไปก็แอบประทับใจเชนไม่น้อย ทันใดนั้น เสียงมือถือดัง เธอหยิบมาดูเบอร์ เขียนว่า ผู้การธงทิว ปวันเซ็ง
พวกตังตังกรี๊ดสนั่นอยู่หน้าบ้าน ตรงหน้าของเด็กๆ คือของเล่นต่างๆ ที่จันทร์เจ้าจัดมามากมาย
“เด็กๆ คะ น้าจัดชุดว่ายน้ำมาให้ทุกๆ คนด้วยนะคะ เลือกตามสบาย”
เด็กผู้หญิงหยิบชุดอย่างตื่นเต้น แล้วรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุดกัน
“ผมใส่ตัวนี้เลย”
กังฟูถอดเสื้อ แล้ววิ่งไปโดดน้ำ จันทร์เจ้ายิ้มพอใจ
“แหม เด็กๆ สนุกกันใหญ่เลย เราเป็นผู้ปกครอง ก็ควรจะเล่นกับเด็กๆ ด้วยนะคะ”
จันทร์เจ้าถอดเสื้อตัวนอกที่สวมอยู่ออก เผยให้เห็นชุดว่ายน้ำที่ใส่ด้านใน เชนเห็นจันทร์เจ้าในชุดว่ายน้ำ ตะลึง
“ฮ้า”
ตฤณกำลังนั่งเซ็งอยู่ในบ้าน พวกเด็กหญิง 4 คนวิ่งเข้ามาด้านใน ถือชุดว่ายน้ำเข้ามาถามความเห็นตฤณว่าใครเหมาะกับชุดไหน ใส่สีไหนขึ้น
“น้าตฤณ ตัดสินหน่อย ใครเหมาะกับชุดไหน ตังตังใส่สีนี้สวยไหม”
“สมายล์ว่าสีนี้เหมาะกับสมายล์มากกว่า”
“หนูชอบแบบนี้”
“หนูใส่ทูพีชดีไหมคะ”
ทุกคนรอความเห็นจากตฤณ ตื๊อ เว้าวอน
“อย่ายุ่งกับน้าได้มั้ย น้าอยากอยู่เงียบๆ”
พวกเด็กหญิงไม่ใส่ใจ ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ไปลองชุดกันเอง แต่ยังส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่
“งั้นเราขึ้นไปลองเปลี่ยนดูก่อนก็ได้เนอะๆ ไปๆ”
ตังตังนำขึ้นไปชั้นบน
จันทร์เจ้าสะบัดผม สวย สะท้อนแดด
“อากาศร้อนจริงๆ นะคะเนี่ย เปลี่ยนชุดสิคุณเชนคะ จันทร์เจ้าเตรียมชุดมาให้คุณด้วยนะ”
จันทร์เจ้าหยิบกางเกงว่ายน้ำผู้ชายไซส์ใหญ่มาก
“นี่ค่ะ ประเมินด้วยสายตาแล้ว คิดว่าต้องไซส์ใหญ่เท่านั้น”
ทิวากับราตรีวิ่งปราดเข้ามา พอเห็นชุดที่จันทร์เจ้าใส่ก็ตกตะลึง
“ตายแล้ว บัดสีบัดเถลิง”
“อย่ามองค่ะเชน พวกทัศนอุจาด”
“มองของพี่ดีกว่า ทัศนมหัศจรรย์”
“คุณยายค่ะ เอาเซียงเพียวอิ๊วไป แล้วไปผลัดกันนวดคลายเส้นที่ไหนก็เชิญค่ะ” จันทร์เจ้าบอก
“คลายเส้นที่ปากหล่อนนะสิแม่มักกะลีผล” ราตรีย้อน
“คุณเชน เขาเป็นคนดี มีศีลธรรมสูง เขาไม่สนใจพวกกุ้งชุบแป้งทอด จนบวมน้ำมันอย่างเธอหรอก”
“เขาชอบของสะอาด ปลอดสารพิษ”
“อย่างฉัน”
“ฉันย่ะ”
“คุณเชน เราไปหาที่เงียบๆ คุยเรื่องศีลธรรมขั้นสูงกันดีกว่านะคะ” ทิวาชวน
“คุณเชนต้องเล่นน้ำกับฉัน” จันทร์เจ้าย้ำ
“ต้องไปกับเรา”
เชนถูกดึงไปดึงมา วุ่นวาย
“พอครับ ผมไม่เล่นน้ำ ไม่คุยเรื่องศีลธรรม แต่เชนจะไปตามหาปลายฟ้า”
เชนจะวิ่งไป แต่จันทร์เจ้า ทิวา ราตรียืนกางแขนขวาง ไม่ยอมให้เชนผ่านไป
“เลือกมาว่าจะไปกับใคร”
เชนผงะ สยอง ถอยหนีเข้าไปด้านในบ้าน พวกสามสาวตาม
ตฤณกำลังนั่งเซ็งอยู่ในบ้าน เชนวิ่งหนีเข้ามา
“ช่วยเชนด้วย อย่าบอกว่าเชนหนีไปข้างบน”
เชนวิ่งหนีไป จันทร์เจ้า ทิวา ราตรี วิ่งส่งเสียงดังตามเข้ามา
“คุณตฤณ เชนอยู่ไหน”
“อย่าบอกคนอื่น บอกน้าดีกว่า เราญาติกันต้องช่วยกัน”
“เธอคือหลานรักของน้า กระซิบบอกน้าคนเดียวพอ”
สามสาวตื๊อตฤณ
“โอ๊ย อย่ายุ่งกับผมได้มั้ย ผมต้องการความสงบ”
ตฤณเหลืออด โวยวาย
เชนวิ่งหนีขึ้นมาชั้นบน หาทางซ่อน แล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง แต่ต้องผงะ เพราะพวกตังตังกำลังเปลี่ยนชุดอยู่ เด็กๆ กรี๊ดสนั่น เชนตกใจ จันทร์เจ้า ทิวา ราตรีได้ยินเสียงมาจากด้านบน รีบแย่งกันวิ่งขึ้นไป
เชนตกใจ รีบอธิบายกับเด็กๆ
“ไม่ใช่นะครับ เชนไม่ได้ลามก แต่เชน เชนถูกตามล่าอยู่ ช่วยเชนด้วย ตังตัง ช่วยสายลับเชนด้วยนะครับ”
“สายลับเชนขอร้อง แสดงว่าต้องเรื่องร้ายแรงมาก เราต้องช่วย”
“สายลับอะไร” สมายล์แปลกใจ
“สายลับเหรอ มีหนวด เหมือนอาบังขายถั่วมากกว่า” แมงกะพรุนแซว
“ใช่ๆๆ มีถั่วไหม ของสองถุง” โลมาบอก
เสียงพวกจันทร์เจ้าดังมา ตังตังรีบวิ่งไปล็อกประตู
“นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะพวกเรา สายลับเชนอยากให้พวกเราช่วย เราก็ต้องช่วย”
“ตกลงว่าจะไม่ว่ายน้ำแล้ว แต่จะเล่นเป็นสายลับแทนใช่มั้ย” สมายล์ถาม
“เล่นน้ำด้วย เล่นสายลับด้วย ถ้าภารกิจนี้สำเร็จ เชนจะแต่งตั้งให้ทุกคนเป็นสายลับจิ๋วผู้ช่วยเหลือเชนทันที”
“ว้าว สายลับจิ๋ว”
“บอกแผนการมาเลยค่ะ”
ตังตังจริงจังมาก
จันทร์เจ้าพยายามกระชากประตูห้อง แต่เปิดไม่ออก
“ฉันมีกุญแจ” ราตรีบอก
“ฉันก็มี” ทิวาอวดบ้าง
“เฮ้ย แกมีได้ไง ฉันถือกุญแจสำรองอยู่คนเดียว”
“ก็ มีเฉพาะห้องคุณเชน เผื่อกรณีฉุกเฉิน”
“ไขซะทีสิคะคุณยายต้อกระจก”
ทิวา ราตรี กำลังจะไขกุญแจ แต่ประตูเปิดออกมาก่อน สมายล์ยืนอยู่
“ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ไม่รู้อยู่ข้างในห้องน้ำ” สมายล์บอก
พวกจันทร์เจ้าตกใจ คิดว่าเชน รีบรุดเข้าไปด้านในทันที เชนซ่อนตัวอยู่ด้านหลังประตู รีบมุดออกมาจากห้อง วิ่งหนีออกไป โดยมีสมายล์ช่วยอำนวยความสะดวก จันทร์เจ้าหันกลับมา ไม่ทันเห็น
จันทร์เจ้า ทิวา ราตรีมาที่หน้าห้องน้ำ ซึ่งปิดประตูล็อกเอาไว้ เปิดไม่ออก
“คุณเชนอยู่ข้างในใช่มั้ยคะ เปิดประตูเถอะค่ะ”
“ราตรีสัญญา จะไม่ให้ทิวาหรือยัยหน้าขาวใสที่ไหนมารุมทำร้ายคุณได้”
มีกระดาษยื่นออกมาจากช่องด้านล่าง เขียนว่า “ผมเสียใจที่ทำให้พวกคุณทะเลาะกัน เสียใจมาก ผมขอขังตัวเองในห้องนี้จนวันตาย”
“โธ่ คุณเชน อย่าคิดสั้นเพราะคุณยายสองคนเลยค่ะ ไม่คุ้ม”
“เพราะหล่อนน่ะสิ”
ภายในห้องน้ำ ตังตัง แมงกะพรุน โลมาอยู่ด้วยกัน คิกคักๆ เขียนลงกระดาษว่า “ถ้าพวกคุณรักกัน ผมอาจยอมออกมา” แล้วยื่นออกไป สมายล์หยิบกระดาษมาอ่าน
“ถ้าพวกคุณรักกัน ผมอาจยอมออกมา”
“รักสิ เรารักกัน ออกมานะเชน” ทิวาบอก
ตังตังเขียนข้อความอีก “กอดกันสิ”
“ได้ค่ะ กอดก็กอด”
ราตรี ทิวา จันทร์เจ้า กอดกันอย่างฝืนๆ มีกระดาษยื่นออกมาอีก
“ถ้ารักกันจริง ต้องเต้นด้วยกันด้วย”
“หา”
สมายล์กดเปิดเพลงจากมือถือทันที
“เต้นสิคะ”
สามสาวใหญ่เต้นกันไป พวกตังตังคิกคัก กลั้นเสียงเอาไว้
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 3 (ต่อ)
เชนวิ่งหนีออกมาด้านนอกบ้าน โล่งอก กำลังจะรีบออกไป แต่อยู่ๆ กังฟูมากระโดดเกาะหลัง
“ได้ตัวแล้ว เชนอยู่นี่ แม่คร้าบ กังฟูจับเขาได้แล้ว กังฟูจะเอาบิ๊กไบท์เมื่อถึงวัยทำใบขับขี่นะคร้าบ”
พวกจันทร์เจ้าได้ยินเสียงของกังฟู ผงะ รีบวิ่งไปชะโงกมองที่หน้าต่าง เห็นว่าเป็นเชนจริงๆ
“คุณเชน”
สามสาววิ่งกรู พวกตังตังรีบออกมาจากห้อง วิ่งไล่ตาม
“ต้องไปช่วยสายลับเชน”
เชนพยายามสะบัดกังฟูออก กังฟูเกาะแน่นมาก พวกสามสาววิ่งออกมา พวกตังตังวิ่งไล่ตาม
“ใช้แผนสุดท้าย สละชีวิตเพื่อท่านผู้นำ” ตังตังบอก
“รับทราบ”
ตังตังวิ่งไปกระโดดเกาะทิวา สมายล์เกาะราตรี แมงกะพรุนกับโลมาเกาะจันทร์เจ้า
“มาเล่นน้ำกัน”
สี่เด็กหญิงลากสามสาวออกจากเชน ลากไปที่สระน้ำ ทั้งหมดตกลงไปในสระ ทุกอย่างวุ่นวาย อลหม่าน พอพวกจันทร์เจ้า ทิวา ราตรี โงหัวขึ้นมาจากน้ำได้ ก็ไม่พบเชนแล้ว
“เชน เชนหายไปไหน”
“เชนหนีไปแล้ว”
พวกตังตังแท็กมือกัน ภารกิจสำเร็จ แล้วเล่นน้ำ เล่นอุปกรณ์ต่างๆ ต่ออย่างสนุกสนาน จันทร์เจ้ามองไม่เห็นกังฟู
“กังฟูล่ะ กังฟูหายไปไหน”
เชนวิ่งหนีออกมาด้านนอก โดยมีกังฟูเกาะหลังอยู่
“จะไม่ปล่อยใช่มั้ย”
“เพื่อบิ๊กไบท์เมื่อถึงวัยทำบัตร กังฟูไม่ปล่อย”
“แน่ใจนะว่าไม่อาย นี่ที่สาธารณะนะครับ ลงตรงนี้ ยังวิ่งกลับไปหาแม่ไม่ไกลมากนะ”
“เพื่อบิ๊กไบท์เมื่อถึงวัยทำบัตร กังฟูไม่อาย”
“งั้นอย่าปล่อยนะ เชนจะพาขึ้นรถเมล์ไปให้ถึงวังบูรพาเลย”
“ขึ้นรถเมล์ ปล่อยก็ได้”
กังฟูโดดลงจากหลังเชน แล้วปิดๆ เป้า วิ่งหนีกลับบ้านไป
“คุณปลายฟ้า”
เชนหน้าเครียด ห่วงหญิงสาว
ที่ห้องทำงานของธงทิว ภาพในวงจรปิดเป็นภาพปวันกับจ่าเจี๊ยบบุกเข้าไปด้านหลังเวทีของโชว์ ดร.อาทิตย์ ภาพในกล้องคือปวันและจ่าเจี๊ยบเดินไปมาหลังเวทีและหน้าห้องที่เจอกับอินทุ ธงทิวนั่งกระดิกเท้า ปากกาที่ถืออยู่ในมือ เคาะกับโต๊ะรัวๆ เหมือนจะตั้งสติไม่ให้ระเบิด แต่ให้ความรู้สึกกดดัน ความเครียด ปวันกับจ่าเจี๊ยบมองภาพนั้น รู้ตัวว่าจะต้องโดนแน่ หญิงสาวจะออกปากอธิบาย
“ผู้การคะ”
ธงทิงวางปากกากระแทกโต๊ะ ปัง ปวันกับจ่าเจี๊ยบสะดุ้งเฮือก แต่ผู้การยังพยายามห้ามปากเอาไว้ ไม่อยากด่า แต่ปากสั่น มีอาการออกทางมือ นิ้วมือขยุกขยิก จ่าเจี๊ยบรู้ชะตากรรม หยิบที่อุดหูมาใส่ ธงทิวตบโต๊ะ ลุกยืน
“ไม่ไหวแล้ว พวกคุณมันอวดดี ท้าทาย งานที่ให้ทำ ไม่ทำ งานที่ไม่ให้ทำ ก็จะทำ ถ้าเกิดดร.อาทิตย์โกรธและไม่ให้ความช่วยเหลือเราในการทำคดีอีก จะทำยังไง”
ปวันกับจ่าเจี๊ยบมีอาการสะดุ้งตลอดเวลาที่ธงทิวขึ้นประโยคใหม่
“ทำไมชอบทำให้ผมเครียด ความเครียดมันจะไปกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งน้ำย่อยออกมามากกว่าปกติ จนเกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร และลำไส้จะหดตัวมากกว่าปกติ ซึ่งมันจะสร้างความเจ็บปวด เจ็บปวดมากก มันทำให้ทรมานมาก ทรมาน โอ๊ย”
ปวันกับจ่าเจี๊ยบตัวห่อลีบ จ่าเจี๊ยบขยับที่อุดหูเพราะกันเสียงไม่อยู่ ปวันยกผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายที่กระเด็นมาโดน
“ผมขอสั่งครั้งสุดท้าย ห้ามยุ่งกับดร.อาทิตย์ ห้าม ห้าม ห้าม ห้าม หน้าที่เดียวที่พวกคุณต้องทำคือไปเอาตัวชายตัวขาวดำคนนั้นมา ต้องเอามาให้ได้ก่อนนักข่าว ตำรวจต้องได้ตัวมันมา แล้วให้นักข่าวมาทำข่าว ไม่ใช่ให้นักข่าวได้ตัว แล้วตำรวจไปจับกุม มันทุเรศ มันน่าขายหน้า ผมอาย ผมเจ็บ ใครก็ได้สั่งพิซซ่าให้ทีโว้ย”
ธงทิวด่าเสร็จ ทิ้งตัวนั่งอย่างหมดแรง หอบแฮ่ก จ่าเจี๊ยบยื่นยาดมให้
“ขอบใจ คราวหน้าเด้งแน่ ไปๆ”
ปวันกับจ่าเจี๊ยบจ๋อย
ปวันกับจ่าเจี๊ยบเดินออกมาด้านนอก
“ถ้าผู้การอยากได้ตัวชายขาวดำมาก ฉันก็จะหามาให้ได้”
“หือ ครับ ผู้หมวดพูดอีกทีได้มั้ยครับ หูข้างนี้ ผมอุทิศให้ความเครียดของผู้การไปแล้ว”
ปวันกลับหันหลัง จ่าเจี๊ยบกลับหันหลังตาม
“ฉันจะเอาตัวชายขาวดำมาให้ได้ เพราะฉันมั่นใจว่าเขาเกี่ยวข้องกับดร.อาทิตย์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จ่าว่ามั้ย”
“เอ้า หูข้างนี้ดับ ขออีกทีครับ”
ปวันกลับหันหลังอีกรอบด้วยความหงุดหงิด จ่าเจี๊ยบกลับหันหลังตาม แล้วชะงัก เพราะจะไม่ได้ยินอีก สุดท้ายจ่าเจี๊ยบเลยใช้วิธีเดินถอยหลังเพื่อให้หูข้างที่ใช้การได้อยู่ตรงปากปวัน
“ฉันอยากเข้าไปดูโชว์ของดร.อาทิตย์”
“หา ยังไม่ทันแผ่เมตตาให้หูซ้าย จะหาเรื่องให้หูขวาผมอีกแล้วเหรอครับผู้หมวด”
“ฉันไม่ไปยุ่งอะไร ก็แค่ไปดูการแสดง แต่ถ้าดร.อาทิตย์หรือลูกน้องเขามายุ่งกับฉันเอง ก็ถือว่าไม่ผิดคำสั่งของผู้การ จริงมะ”
ปวันเดินไป จ่าเจี๊ยบรีบถอยหลังตามไป
ตฤณนั่งสงบ ผ่อนคลาย อยู่บริเวณริมบึงน้ำภายในสวนสาธารณะ สีหน้าสงบมากขึ้น เสียงเจนจิรา ดังเข้ามาในหัว
“ใช่สิ ในโลกนี้มันไม่มีอะไรสำคัญจริงๆ กับตัวเองอยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นแค่ เรื่องแค่นี้ ถ้าแฟนมันเลิกไปคบคนอื่น ก็ช่างมัน เพราะทุกอย่างมันก็แค่ เรื่องแค่นี้”
“อะไรอ่ะ”
“เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงยอมคบกับตัวเองได้”
ตฤณระลึกถึงอดีต
“ตัวเองไม่เข้าใจ แต่เขาเข้าใจ”
ตฤณนึกถึงเรื่องในอดีต ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ ตฤณ ในชุดนักศึกษาถือแผ่นรองสำหรับวาดรูป มานั่งวาดภาพการ์ตูนที่เอาคาแรคเตอร์มาจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาในสวนแห่งนี้ สีหน้าท่าทางของตฤณสดใส กระตือรือร้น เต็มไปด้วยพลังความมุ่งมั่นในชีวิต และมีความสุขกับการวาดภาพอย่างมาก
จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะสดใสดังแทรกเข้ามา ตฤณเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นเจนจิราใส่ชุดไปรเวท สวย น่ารัก มาถ่ายรายการทีวีส่งอาจารย์กับกลุ่มเพื่อน 3-4 คน เจนจิราทำหน้าที่เป็นพิธีกรรายการ กำลังพูดกับกล้อง ด้วยท่าทางสดชื่น มีเสน่ห์ คล่องแคล่ว เอื้อมมือไปรองรับดอกไม้ที่กำลังร่วงหล่น
ตฤณเห็นว่า เจนจิราสวย น่ารัก สดใสมากๆ เขาเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว และก็เริ่มวาดรูปเจนจิราเป็นคาแรคเตอร์การ์ตูนลงไปทันที ยิ่งวาดยิ่งมัน ยิ่งวาดยิ่งมีความสุข แล้วอยู่ๆ ก็มีไมโครโฟนมาจ่อสัมภาษณ์ ตฤณเงยหน้า เจนจิรายิ้มหวานรออยู่
“ขออนุญาตถามหน่อยนะคะ คุณคิดว่าชีวิตที่มีความสุขของคนในเมืองหลวง ควรจะเป็นยังไงคะ”
“เอ่อ”
“เอ่อ คือ อ๋อ คือการต้องเงียบๆ เข้าไว้ ใช่มั้ยคะถึงจะแฮปปี้”
“ครับ คือการได้พบเจอสิ่งดีๆ คนดีๆ คนบางคนอาจจะคือบ้าน คือห้างสรรพสินค้า หรือสิ่งของราคาแพง แต่สำหรับผม คือคุณ”
“หือ”
ตฤณพยายามจะอธิบาย แต่ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ ยิ่งพัลวัน
“คุณ ในที่นี้ ผมหมายถึง คุณ เอ๊ย ไม่ได้หมายถึงคุณ แต่หมายถึง ใครสักคน แต่ผมเรียกสั้นๆ ว่า คุณ ผมแค่ยกตัวอย่าง ผมไม่ได้หมายถึงคุณ พอ หยุดพูด”
สุดท้าย ตฤณเงียบ บอกตัวเองว่าหยุดพูดได้แล้ว เจนจิราเห็นท่าทางตฤณแล้วอดขำไม่ได้ หัวเราะออกมา พวกเพื่อนๆ ของเจนจิราก็หัวเราะด้วย ตฤณเขินๆ เพื่อนเห็นรูปที่ตฤณวาด
“รูปแกนี่เจน”
“เธอวาดรูปเราเหรอ ไหน ขอดูหน่อย”
“ไม่ ไม่ใช่ครับ”
เจนจิราจะแย่งดูให้ได้ ตฤณถอยหนี ไม่ให้ดู พวกเพื่อนๆ แซวไม่หยุด เจนจิราวิ่งไล่จับตฤณ หัวเราะ มีความสุข จนตฤณต้องวิ่งหนีไปไกล
ตฤณถอนความคิดกลับมาในปัจจุบัน ถอนหายใจ
“ที่ตัวเองไม่เข้าใจ ก็เพราะเขาไม่ได้มีความสำคัญกับตัวเองจริงๆ น่ะสิ”
แล้วตฤณก็ชะงัก เพราะมองไปอีกด้านหนึ่ง พบว่าเจนจิรายืนอยู่ ตฤณเหวอๆ งงๆ ไม่แน่ใจว่าของจริงหรือตาฝาด จนกระทั่งเจนจิราเดินตรงดิ่งเข้ามา และมาหยุดตรงหน้า
“คุยด้วยได้มั้ย”
เจนจิราเหลือบมองรูปวาดในมือตฤณ นึกถึงอดีต วันนั้น ณ ที่แห่งนี้ เธอกำลังดูรูปคาแรคเตอร์ตัวเองที่ตฤณเป็นคนวาด เป็นรูปเจนจิรายืนอยู่บนเนินมีปีกคู่กับนักประดาน้ำ บนสมุดรูปปลาวาฬ ตฤณนั่งข้างๆ รอดูปฏิกิริยาของเจน
“ฝีมือเธอใช้ได้เลยนะ ลายเส้นแปลก ไม่ซ้ำใครดี เราชอบ”
“เราก็ชอบ หมายถึงลายเส้นอย่างนี้นะ ไม่ใช่ ตัวเองอยากเป็นดาราเหรอ”
“คนอยู่หน้ากล้องต้องอยากเป็นดาราทุกคนหรือไง เราเรียนมาทางนี้ ก็อยากทำงานด้านนี้ อยากเป็นพิธีกร เป็นผู้ประกาศข่าว เราว่ามันน่าตื่นเต้นดี และก็มีประโยชน์กับสังคมด้วย เธอล่ะ”
“เราอยากเป็นหมอ”
“เป็นหมอ”
“ช่าย เป็นหมอบำบัดความเครียดให้กับคนทั่วโลก ด้วยภาพวาดของเรา”
“ชอบวาดจริงๆ หรือชอบเล่นๆ”
“ชอบจริงๆ สิ เจนเคยอ่านหนังสือหรือดูหนังที่มันทำให้เรารู้สึกมีพลัง อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นมั้ย นั่นแหละ เราอยากทำอย่างนั้นด้วยการ์ตูน เราเชื่อว่ามันทำได้ การ์ตูนของเราต้องสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ เราจะเป็นนักเขียนการ์ตูนระดับโลกให้ดู”
ในวินาทีนั้น เจนจิรามองตฤณทึ่งๆ ปลื้มในพลังของตฤณ
“เราจะรออ่านนะ”
เจนจิราจ้องรูปวาดในมือของตฤณนิ่ง จนตฤณรู้สึกได้ ค่อยๆ ซ่อนรูปเอาออกไป เจนจิราจึงละสายตามามองหน้าตฤณ
“ตัวเองจะตามมาว่าอะไรเขาอีก”
เจนจิราแทบอยากจะปรี๊ด แต่ระงับอารมณ์ไว้ เพราะตั้งใจจะมาคุยดีๆ
“เขาไม่ได้อยากมาทะเลาะด้วย เขาคิดไว้แล้วว่าตัวเองต้องมาที่นี่ ที่ๆ ตัวเองมาทุกครั้งเวลามีปัญหาและต้องการความเป็นส่วนตัว”
“ตัวเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ แต่ตั้งแต่วันนี้ไป เขาจะไม่มาที่นี่อีก”
“ทำไม”
“ที่นี่ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว มันไม่สามารถทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและมีความหวังได้อีก”
“ทำไมอ่ะ”
“ตัวเองไม่รู้จริงๆ หรือว่ารู้ แต่ไม่ยอมรับ”
“ตัวเองก็บอกมาสิ”
“เขาเคยเห็นความฝัน และความมุ่งมั่นในแววตาของตัวเอง มันทำให้เขาอยากมีไฟอย่างนั้นบ้าง เขาอยากไปถึงความฝันที่ตั้งใจไว้บ้าง ตอนนี้เขาได้เป็นผู้ประกาศแล้ว แล้วตัวเองล่ะ”
“ก็การเป็นนักวาดการ์ตูนที่ได้รับการยอมรับ มันไม่ง่าย”
“มันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือพลังความมุ่งมั่นที่เขาเคยเห็น และทำให้เขาประทับใจในตอนนั้น มันหายไปไหนหมด ทำไมสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้ มันมีแต่ความเรื่อยเฉื่อยเอื่อยแฉะ พ่ายแพ้ สิ้นหวัง ไร้ค่า นี่ไม่ใช่ตฤณคนที่เขาเคยรัก”
“ก็ ก็เขาไม่เก่ง เขามันห่วย พอใจหรือยัง”
“เขาไม่เคยเสียใจที่ตัวเองไม่เก่งหรือไม่เคยประสบความสำเร็จในอะไรเลย แต่เขาเสียใจ ที่ใจของตัวเองยอมแพ้อย่างหมดรูป ไม่ดิ้นรน ไม่ต่อสู้ ไม่พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองเรียกว่าความฝันและความสุขมา”
ตฤณอึ้งที่ได้ยินประโยคนี้ แทงใจดำ เจนจิรายื่นหนังสือรูปปลาวาฬที่ตฤณเคยให้ไว้ คืนไป
“รับคืนไปด้วย เขาไม่อยากดูมันอีกแล้ว”
เจนจิราน้ำตาร่วง สะบัดหน้าเดินหนีออกไป ตฤณอึ้ง รับหนังสือมาเปิดดู
เรื่องราวในหนังสือ คือ หญิงสาวนั่งบนเรือกลางน้ำลำพัง มีปลาว่ายมาอ้าปากรออาหาร หญิงสาวส่งอาหารให้ ปลานั้นกลายร่างเป็นชายหนุ่มในชุดประดาน้ำ ปีนขึ้นมาบนเรือ หญิงสาวกลายร่างเป็นแมลงปอ นักประดาน้ำยื่นมือให้แมลงปอเกาะ แต่แมลงปอจมลงไปในน้ำ นักประดาน้ำยืนงง มีปลายักษ์โผล่ขึ้นมา เขมือบเรือลงไปทั้งลำ ภาพมืด มีแสงสว่าง เพราะหัวใจนักประดาน้ำเรืองแสงได้ ทำให้เห็นบรรยากาศในพื้นที่ เห็นหญิงสาวรออยู่บนเนินเล็กๆ นักประดาน้ำไปยืนคู่กัน จับมือหญิงสาว แล้วมีหัวใจลอยขึ้นมาจากรูหายใจของปลาวาฬ
ตฤณยืนอึ้ง สับสน เจนจิราเดินออกจากสวน ปาดน้ำตา แล้วไปชะงักเพราะเห็นป้ายโฆษณาบารมีคลินิค บนยอดตึกสี่แยก เธอปาดน้ำตา เงยหน้า เข้มแข็ง พร้อมเริ่มใหม่
ตอนค่ำ ตฤณเดินกลับเข้ามาที่บ้านอีกที ทุกอย่างเคลียร์หมดแล้ว แต่สภาพโดยรวมยังเละเทะอยู่ เขาห่อเหี่ยว ครุ่นคิดถึงแต่คำพูดของเจนจิรา ตังตังวิ่งออกมาหา
“น้าตฤณๆ ไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับ”
“ทำไม มีอะไรตังตัง”
“ตังตังสงสารเชน”
ตฤนงง
ตังตังพาตฤณเดินเข้ามาดูเชนซึ่งนั่งอยู่บนหลังคา คอยจับจ้องไปที่บ้านเช่าของปลายฟ้า
“เนี่ย เชนอยู่อย่างนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว ไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่ลุกไปไหน อ้อ ไม่กะพริบตาด้วย”
“ถ้าถามจะตอบมั้ย”
“ตอบ” เชนบอก
“อ้าว”
“เชนรอคุณปลายฟ้ากลับบ้านอยู่ เชนจะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เชนทำลงไป”
“เออ อยากทำอะไรก็ทำ แต่พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปหาวิศวะ ถ้ามันซ่อมแว่น3DDDเสร็จ ฉันจะพานายกลับ”
“กลับ”
“กลับไปในหนัง ไปปกป้องโลกจากมิสเตอร์โอเค ช่วยเหลือลินดาไง”
“ถ้าเชนกลับไปในหนัง แล้วคุณปลายฟ้าล่ะ ไม่ได้ ยังไงเชนก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ ตฤณ เชนขอร้องอะไรอย่างหนึ่งได้มั้ย”
เชนมองอย่างเด็ดเดี่ยว
เจนจิรารีบเดินออกมาจากบ้านพูดโทรศพท์ไปด้วย
“ตังตังบอกทุกคนด้วยนะ ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเชน น้าจะไม่ช่วยเด็ดขาด รอแป๊บนะ กำลังไป”
เจนจิราวางสาย รีบขึ้นรถออกไป โดยมีตำรวจนอกเครื่องแบบแอบสะกดรอยตามเธอไป
ปวันเดินออกจากสำนักงานตำรวจ จ่าเจี๊ยบรีบวิ่งเข้ามา
“ผู้หมวด สายของเราที่ให้สะกดรอยตามเจนจิรา โทรมาแจ้งว่า เมื่อเช้าเจนจิราขับรถไปรับนักเขียนการ์ตูนแล้วก็คนในบ้าน กำลังจะไปไหนไม่ทราบ ฮ้าๆๆ ทราบแล้วๆ มาพอดี”
จ่าเจี๊ยบยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้ปวันดู
“อยู่แค่ตรงนี้เอง ไป”
ปวันกับจ่าเจี๊ยบรีบไปที่รถ อินทุกับนารีพลางตัวแอบมองอยู่ แววตาเหี้ยม
เจนจิราขับรถมาส่งเชน ตฤณและตังตังที่ริมถนน
“จริงๆ แล้วถ้ารอน้าเบิกเงินค่าต้นฉบับของอาทิตย์นี้ทั้งหมดได้ เราก็จะมีเงินสดซื้อของได้”
“น้าเจนยอมมาช่วยก็ดีแล้ว อย่าพูดจาชวนโมโหดีเลยค่ะ”
“อ่ะ ตังตัง ในนี้มีเงินหมื่นหนึ่งนะ”
เจนจิรายื่นซองสีขาวให้ตังตัง
“หนึ่งหมื่นบาท” เชนตกใจ
“ค่ะ ถ้าเชนอยากได้อะไรก็ใช้ไปนะคะ เหลือเท่าไหร่ก็ค่อยเอามาคืนน้าแล้วกันนะ”
“เงินหนึ่งหมื่นบาท นี่มันมากอักโขเลยนะครับ คุณเจนช่างใจดีมีเมตตา เชนสัญญาว่า เชนจะชดใช้บุญคุณครั้งนี้แน่นอน”
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเจนขอตัวไปก่อนนะคะ ยังมีงานต้องทำ”
“เจน เดี๋ยว”
เจนจิราชะงัก มอง แต่ตฤณอึกอัก อยากจะพูดขอบคุณ เจนจิราไม่รอ กลับไปขึ้นรถ รีบออกไป
“เชนว่า นายอยากพูดว่าขอบคุณ”
“ตังตังว่าอยากพูดว่าขอโทษมากกว่า ช่างเถอะ คนทำผิดก็ปล่อยให้รู้สึกผิดไปเถอะค่ะ”
“หยุดวิพากษ์วิจารณ์ฉันได้แล้ว ไหนนายเป็นห่วงคุณปลายฟ้า แล้วจะให้พามาที่นี่ทำไม”
“เชนจะมาซื้อของสำคัญ ก่อนจะไปพบคุณปลายฟ้าน่ะสิ”
“ร้านนี้เหรอที่เชนอยากมา”
เชนมองป้ายชื่อร้านสูทอินทราด้วยความดีใจ
“ใช่แล้ว ร้านตัดเสื้อที่โก้ที่สุดในกรุงเทพ”
เชนเดินเข้ามาในร้านอย่างมั่นใจ
“อืม เปลี่ยนไปมาก แต่ก็ยังคงความทันสมัยเหมือนเดิม”
ตฤณกับตังตังมองหน้ากัน เพราะในร้านสูทมีแต่รูปนายแบบนางแบบในชุดย้อนยุคเชยๆ ที่ตัดมาจากนิตยสารฝรั่งเก่าๆ ใส่กรอบจนรูปเหลือง ร้านตกแต่งด้วยหุ่นสมัยเก่า เชนเดินเข้าไปหาช่างตัดเสื้อแก่ๆนั่งหลับโงกๆ อยู่คนเดียว
“ผมเอาแบบเดิมที่เคยตัดครับ”
ช่างลืมตาขึ้นมาเห็นเชนก็ตกใจ
“อาเชง อาเชง อั้วไม่ได้ฝังไปใช่มั้ย ลื้อคืออาเชงจริงๆ ล่วย”
ช่างลุกขึ้นมาอย่างงกๆ เงิ่นๆ ด้วยความแก่ ช่างจับเนื้อตัวเชนด้วยความตื่นเต้น
“คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ”
“รู้จักซี่ ลื้อคืออาเชง ไสลับเจ้าสิเหน่ อั้วจำล่าย หนวดหยิมๆ หน้าหล่อๆ แบบนี้ ไม่ผิกคงแน่ๆ”
ตฤณกับตังตังมองหน้ากัน
“แย่แล้วดิ มีคนจำเชนได้”
“อั้วลูหนังลื้อทุกตองเลย ลื้อเท่สวดๆ”
ช่างหนุ่มๆ เดินออกมาจากหลังร้าน
“อาป๊า ลูกค้ามาทำไมไม่เรียกผม”
“ไม่ใช่ลูกค้าทำมะลา นี่อาเชง”
“อาเชงไหนครับป๊า”
“อาเชงไง อาเชง ไสลับเจ้าสิเหน่”
ตฤณหัวเราะ “อาป๊าคุณคงจำผิดน่ะครับ”
“ขอโทษแทนป๊าด้วยนะครับ ป๊าแก่แล้วก็หลงๆ ลืมๆ น่ะครับ”
“ไม่ๆๆ อั้วไม่ลืม อั้วจำล่าย อาเชงลื้อมาอยู่ที่นี่แล้วมิกเตอโอเคล่ะ มังไปอยู่ที่ไหน อั้วจะไปจักกางมัง”
ช่างกระโดดขึ้นไปบนเก้าอี้จนน่าหวาดเสียวจะหน้าคะมำ ทำท่าประจำตัวเชน
“คุณธรรมปกป้อง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์ หยุดเหล่าร้าย สายลับเชน ฉลาดก็เท่านั้น หล่อก็เท่าโน้น”
พอทำท่าเสร็จ ช่างก็เป็นลมพอดี
“ป๊า”
ทุกคนตกใจ
ปวันกับจ่าเจี๊ยบรีบมาที่รถ ชายกับหญิงในชุดดำเหมือนนินจา คลุมหน้า แอบดูอยู่ไม่ไกล ปวันกับจ่าเจี๊ยบกำลังจะขึ้นไป แต่แล้วหางตาทั้งสองหันไปเห็น แต่ทำเป็นเฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ ขยิบตาให้กัน
“แป๊บนะจ่า เชือกรองเท้าหลุด”
“ดีเลยครับหมวด งั้น ผมขอไปกำจัดของเสียของจากร่างกายสักครู่”
ปวันก้มลงไปผูกเชือกรองเท้า แล้วหยิบก้อนหินที่พื้นซัดไปที่ชายหญิงชุดดำซึ่งก็คืออินทุกับนารีปลอมตัวมา อินทุกับนารีวิ่งออกจากที่ซ่อน ก็เจอจ่าเจี๊ยบดักอยู่ตรงหน้า
“จ๊ะเอ๋ จะรีบไปไหนเหยอ”
อินทุผลักจ่าเจี๊ยบแล้ววิ่ง แต่จ่าเจี๊ยบคว้าคอเสื้อของทั้งสองคนไว้ทันที ปวันวิ่งตามมาด้านหลัง หยิบกุญแจมือขึ้นมาใส่ที่ข้อมือของอินทุกับนารี แต่มือที่ถูกใส่กุญแจมือกลายเป็นมือของจ่าเจี๊ยบ แต่อินทุกับนารีวิ่งหนีไปได้ ทั้งปวันและจ่าเจี๊ยบงง
“เป็นไปได้ไง ตามมันไปเร็ว”
ปวันกับจ่าเจี๊ยบเห็นอินทุกับนารีวิ่งเลี้ยวไปอีกทาง จ่าเจี๊ยบชูมือขึ้น
“หมวด กุญแจมือ”
ปวันโยนกุญแจมือให้จ่าเจี๊ยบรับแล้ววิ่งไล่กวดอินทุกับนารีไป จ่าเจี๊ยบคาบกุญแจมือไว้ในปากแล้วไขจนหลุด วิ่งตามปวันไป
ในซอยแคบ ปวันกับจ่าเจี๊ยบไล่กวดนารีกับอินทุไปติดๆ นารีกับอินทุวิ่งผ่านถังขยะ ลังใส่ของ ก็จับเหวี่ยงใส่ปวันกับจ่าเจี๊ยบ เมื่อถึงทางแยก นารีกับอินทุวิ่งแยกไปคนละทาง ปวันวิ่งตามนารี ส่วนจ่าเจี๊ยบ
ไล่ตามอินทุ อินทุวิ่งมาถึงทางตัน
“เจอระเบิดจ่าเจี๊ยบหน่อยเป็นไร”
จ่าเจี๊ยบใช้แครอทกับหัวไชเท้าขว้างอินทุ อินทุหลบได้ กระโดดวิ่งไต่กำแพงแล้วตีลังกาข้ามหัวจ่าเจี๊ยบหนีไป จ่าเจี๊ยบไม่ยอม วิ่งตามสุดชีวิต
นารีโผล่ออกมาที่ถนน วิ่งข้ามถนนไปแบบไม่กลัวรถ รถเบรคเอี๊ยด บีบแตรสนั่น ปวันวิ่งตามมา วิ่งขึ้นไปบนกระโปรงรถ กระโดดไปรถอีกคัน นารีวิ่งเข้าซอยไป ปวันรีบวิ่งตามไปติดๆ
จ่าเจี๊ยบวิ่งไล่อินทุเข้าไปในอีกซอย คิดอะไรได้ก็วิ่งเลี้ยวเข้าบ้านคนไป อินทุวิ่งไปตามซอย จ่าเจี๊ยบวิ่งผ่านบ้านคนไปทะลุอีกฝั่ง ซึ่งอินทุวิ่งมาพอดี
“รู้จักจ่าเจี๊ยบ ฉายาจิกไม่ปล่อย น้อยไปซะแล้ว”
จ่าเจี๊ยบคว้าชายแขนเสื้อของอินทุได้ก็เลยดึงๆ ชายเสื้อยาวออกมาเรื่อยๆ
“เฮ้ย เสื้ออะไรของแกวะ”
อินทุสะบัดทีเดียว แขนเสื้อหลุดจากตัว เสื้ออินทุกลายเป็นเสื้อแขนกุด และผ้าที่ยาวออกมาจากแขนเสื้อ กลายเป็นเชือกมัดตัวจ่าเจี๊ยบ อินทุหัวเราะเบาๆ แล้วรีบวิ่งไป จ่าเจี๊ยบดิ้น พยายามแกะเชือกออกจากตัวแต่แกะไม่ออก เหลียวมองไปรอบๆ เห็นร้านอาหารตามสั่งในซอย ก็วิ่งเข้าไป คนขายกำลังหั่นอาหาร
“เจ๊ ตัดเชือกให้หน่อย ผมเป็นตำรวจ เร็ว”
คนขายช่วยตัดเชือกให้
ปวันวิ่งไล่นารีไปถึงศาลเจ้า นารีซัดดาวกระจายใส่ ปวันหลบแล้วชักปืนขึ้นมา แต่นารีหายตัวไป ปวันกวาดตามองหานารี จู่ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้นรัวๆ ปวันรีบกลิ้งหลบหลังที่ซ่อน
ประทัดสายยาวจุดดังรัว ขบวนแห่สิงโตตีกลอง เชิดสิงโตอยู่ที่หน้าศาลเจ้า มีชาวบ้านกลุ่มใหญ่มุงดู สิงโตกำลังออกลวดลาย เข้ากับเสียงกลองและดนตรี ปีนขึ้นไปยืนบนหัวเสา แล้วตีลังกาลงมา ปวันเดินหานารีในกลุ่มชาวบ้าน แล้วหันไปเห็นคนใส่หัวแป๊ะยิ้ม แป๊ะยิ้มเห็นปวันก็รีบเอาพัดปิดหน้าแล้วเดินหนี ปวันสงสัยแป๊ะยิ้ม จึงรีบเดินเข้าไปใกล้
“เจ้าหน้าที่ตำรวจ ถอดหัวออก”
แป๊ะยิ้มรีบถอดหัวออก กลายเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ปวันรีบขอโทษ สิงโตกำลังเชิดอยู่ ก็เปิดช่องที่ปากออกมา ในสิงโตคือนารี แล้วขาหลังก็คืออินทุ ปวันดีใจ เข้าไปร่วมวง ล่อหลอกสิงโต ออกลีลาต่อสู้กัน
ชาวบ้านเชียร์กันสนุก เพราะลีลาต่อสู้ของสิงโตและปวันในหัวแป๊ะยิ้มไม่ธรรมดา จ่าเจี๊ยบวิ่งตามมา
“พวกมันอยู่ในสิงโต”
จ่าเจี๊ยบเข้าไปจับตัวอินทุที่เป็นสิงโตช่วงท้าย อินทุสะบัดเต็มที่ ใช้เท้าดีดจ่าเจี๊ยบ จ่าเจี๊ยบก็กระโดดหลบไปมาน่าขบขัน ชาวบ้านหัวเราะชอบใจ พอบั้นท้ายสิงโตโดน จ่าเจี๊ยบล็อคตัว นารีซึ่งเป็นหัวสิงโตจึงเคลื่อนตัวไม่ถนัด เพราะติดชุดสิงโต ปวันวิ่งเข้าไปหาสิงโต เตรียมเผด็จศึก นารีเปิดช่องที่ปาก แล้วซัดมีดออกมาจากช่องนั้น ปวันเบี่ยงตัวหลบ มีดบินเฉี่ยวผมปวันไป ผมหลุดเป็นกระจุก จ่าเจี๊ยบตกใจมาก
“หมวด”
ชาวบ้านเฮเพราะนึกว่าเป็นลีลาการโชว์ของสิงโต จ่าเจี๊ยบรีบวิ่งไปหาปวัน ทีมสิงโตจับแขนกันเพื่อต่อตัว นารีกับอินทุกระโดดขึ้นไปเทคตัวบนแขนของทีมสิงโต แล้วลอยตัวขึ้นไปเกาะขอบระเบียงชั้นสองของอพาร์ทเมนท์ใกล้ๆ ชาวบ้านปรบมือ โห่ร้องกันเกรียวกราว นารีกับอินทุถอดชุดสิงโต แต่ยังคลุมหน้าเหมือนเดิม ก่อนจะวิ่งเข้าตัวตึกไป
“ตามเร็วจ่า”
ปวันกับจ่าเจี๊ยบรีบวิ่งตามเข้าไปในตึก วิ่งขึ้นบันไดไป นารีกับอินทุวิ่งสวนลงบันไดมาพอดี
“เฮ้ย หยุดนะ”
อินทุคว้าตะกร้าผ้าจากมือชาวบ้านที่กำลังเดินลงบันไดมา ขว้างใส่ปวันกับจ่าเจี๊ยบแล้วอินทุกับนารีวิ่งขึ้นบันไดหนีไปดาดฟ้า ปวันกับจ่าเจี๊ยบวิ่งไล่ตามมา นารีกับอินทุกระโดดข้ามไปอีกตึกหนึ่งสบายๆ ปวันจะวิ่งตามไป แต่จ่าเจี๊ยบดึงเสื้อปวันไว้
“อย่าหมวด ก่อนโดด สั่งเสียอะไรใครรึยัง ถ้ายังก็อย่าโดด”
“ปล่อย”
ปวันกระโดดข้ามอีกตึกไป จ่าเจี๊ยบมองตามอย่างหวาดเสียว พอเห็นปวันข้ามไปถึงฝั่งโน้นแล้วก็โล่งใจ ปวันกวักมือเรียกจ่าเจี๊ยบ จ่าเจี๊ยบชี้ตัวเอง
“เจี๊ยบไม่ได้สั่งเสียลูกเมียเลย”
“มาเหอะน่า”
“ก็ได้วะ”
จ่าเจี๊ยบจำใจกระโดดตามไป
นารีกับอินทุวิ่งเข้าไปในโรงงานเย็บผ้าร้าง มีเครื่องจักรเก่าๆ คลุมด้วยผ้ายาง ข้าวของเต็มไปหมด มีหุ่นที่แขนหัก หน้าแตกบิ่น ชำรุด กองๆ รวมกันไว้เป็นกลุ่มๆ นารีกับอินทุวิ่งหายเข้าไปในโรงงาน ปวันกับจ่าเจี๊ยบวิ่งตามเข้ามา แล้ววิ่งเข้าไปในห้องหนึ่ง ซึ่งมีแสงจ้ามาจากหน้าต่าง ทำให้ในห้องมองอะไรได้ไม่ชัด ทั้งสองเพ่งสายตามอง เห็นคนหลายคนยืนหันหลังให้หน้าต่าง มองไม่เห็นหน้า
“พวกคุณเป็นใคร”
“ถามทำไมไม่ตอบ”
จู่ๆ ก็มีแสงเลเซอร์ยิงมาที่ตัวปวันกับจ่าเจี๊ยบ นับสิบจุด ปวันอึ้ง
“เสียรู้มันจนได้”
“เราเข้ามาติดกับมันเหรอเนี่ย”
“วางอาวุธซะแล้วเราจะไว้ชีวิต”
เสียงนารีดังขึ้น ปวันเครียด
จบตอนที่ 3
อ่านต่อตอนที่ 4 พรุ่งนี้ เวลา09.30น.