สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 2
เชนเปิดประตูธนาคารเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วหยุดยืนตระหง่านอยู่ที่หน้าประตู มือเตรียมหยิบปืนที่ข้างเอวเหมือนหนังคาวบอย โจรทั้งสี่คนหันมาเห็นเชนก็งง เชนทำท่าประจำตัว
“คุณธรรมปกป้อง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์ หยุดเหล่าร้าย สายลับเชน ฉลาดก็เท่านั้น หล่อก็เท่าโน้น ทิ้งปืนแล้วยอมแพ้ซะดีๆ ไม่งั้นฉันจะปราบพวกแกให้สิ้นซากจากแผ่นดินไทย”
โจรสี่คนหัวเราะก๊าก แล้วย่างสามขุมเข้าไปหาเชนที่หน้าประตู ตฤณหันไปมองเห็นเชน ก็ยิ้มดีใจ
“เยส พระเอกมาช่วยแล้ว”
“พระเอก”
เจนจิรามองเชนแล้วมองตฤณอย่างงงๆ ตฤณทำเฉย
“มาคนเดียวยังปากดีอีกเหรอ” โจรประชด
“ไอ้พวกสมุนมิสเตอร์โอเค บอกฉันมาพวกแกเอาลินดาไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“มิสเตอร์โอเค ลินดาอะไรของมึงวะ”
“แล้วนี่หลุดมาจากละครโรงไหนวะ”
โจรหัวเราะกันลั่น เชนกับโจรจ้องตากัน โจรทั้งสี่คนกระชากลูกเลื่อนที่ปืน แล้วยกขึ้นส่องไปทางเชน จังหวะเดียวกัน เชนชักปืนขึ้นมาด้วยมือขวาอย่างรวดเร็ว กวาดปืนไปทางโจรที่ยืนรายล้อมทั้งสามคน เชนกระดิกลั่นไกปืน ลูกกระสุนออกจากปากกระบอกปืนของเชน พุ่งแหวกอากาศไปกระทบปืนของโจรทั้งสองคน ร่วงหลุดมือตกไปที่พื้นก่อนที่โจรทั้งสองจะทันได้กระดิกไกปืน โจรตกตะลึง จะยกปืนยิงเชน เชนตวัดปืนยิงไปกันคนละทางกับที่โจรยืนอยู่ ลูกปืนแฉลบข้างฝา แฉลบกำแพง แฉลบโคมไฟ แล้วชิ่งไปโดนมือของโจรจนปืนกระเด็นตกไป
“โอ๊ย”
ตัวประกันทุกคนอ้าปากค้าง ตะลึงในความสามารถและความไวของเชน
“คุณธรรมปกป้อง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์ หยุดเหล่าร้าย สายลับเชน”
จังหวะนั้น ตังตังดันบานประตูเข้ามาอย่างแรง ประตูกระแทกเชนล้มคว่ำหน้าคะมำ ปืนของเชนกระเด็นหลุดมือ สไลด์ไปอยู่ที่ใต้โต๊ะ โจรยิ้มกริ่ม รีบคว้าปืนของตัวเองขึ้นมา อีกคนหยิบปืนเชนไว้
“ตังตัง เข้ามาทำไม เดี๋ยวก็โดนโจรจับ” ตฤณหันไปต่อว่าหลาน
โจรใช้ปืนจี้ตัวของเชนและตังตังไว้แล้ว
“ความซวยมาเยือนจนได้” ตฤณเซ็ง
โจรวิ่งเข้ามาพร้อมกระเป๋าใส่ทองที่ยังเก็บไม่หมด
“เจ้านายครับผิดแผนแล้วครับ”
ดร.อาทิตย์อารมณ์เสีย
“ใครวะ เสล่อเข้ามาทำงานฉันเจ๊งหมด”
“ตำรวจล้อมธนาคารไว้แล้ว” นารีบอก
“เราใช้แผนสองเลยไหมครับบอส” อินทุถาม
ดร.อาทิตย์คิด แล้วตัดสินใจลุกขึ้น เดินออกจากห้องพร้อมนารีและอินทุ
“ไป เริ่มแผนสอง”
ที่หน้าธนาคาร ทุกคนพากันตกใจกับเสียงปืนที่ดังมาจากด้านในธนาคาร ต่างพากันตกอกตกใจตื่นกลัว แต่ไม่มีใครยอมถอยหนีไปไหน ปวันและจ่าเจี๊ยบกับตำรวจทั้งหมดกระชับปืนในมือเตรียมพร้อมอยู่ที่รถตำรวจ โดยใช้ประตูรถเป็นโล่กำบัง
“เอาไงผู้หมวด”
“สั่งบุกเลย”
ก่อนที่ปวันจะเริ่มปฎิบัติการ ผู้การธงทิวรีบลงจากรถเดินเข้ามาพร้อมกำลังตำรวจนับสิบนาย แหวกกลุ่มไทยมุงเข้ามา
“ผู้หมวด คงไม่ได้บุกแล้ว ดูนั่น”
ปวันหันไปทางที่จ่าเจี๊ยบบอก เห็นผู้การธงทิวเดินมา ปวันส่ายหัว
“หลีกครับหลีก ขอทางหน่อยครับ โหอะไรเนี่ย ไทยมุงมาเร็วกว่าตำรวจซะอีก”
ปวัน จ่าเจี๊ยบกับตำรวจทุกคนที่มาถึงก่อนก็ตะเบะทำความเคารพธงทิว
“สวัสดีครับผู้การ”
“สถานการณ์ในธนาคารเป็นยังไงบ้าง ทำไมมีเสียงปืนยิงมาจากข้างใน พวกมันยิงกับใคร”
ตำรวจทุกคนเงียบแต่ตาหันมามองปวันเป็นตาเดียว ปวันเลยต้องตอบ
“เอ่อ คือ คือว่า มีชายไม่ทราบสังกัดบุกเข้าไปในธนาคารค่ะผู้การ”
“คุณควบคุมสถานการณ์ยังไงให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ เสียชื่อ ร้อยโท ปวัน ตำรวจหญิงสุดยอดฝีมือจากกรมตำรวจหมด”
ปวันโดนธงทิวแอบกัดตลอด แต่ยังกัดฟันตอบโต้
“เราต้องทำอะไรสักอย่างนะคะผู้การ ก่อนที่ตัวประกันจะเป็นอันตราย”
“เช่นอะไร บุกเข้าไปลุยกับโจร โจรตายหมด แล้วตัวประกันบาดเจ็บ อย่างที่เคยทำนะเหรอผู้หมวด”
ปวันเงียบ โดนผู้การดักคอ
“คุณอยู่เฉยๆ รอฮีโร่ของผมมาก่อน”
“ฮีโร่”
ปวันแปลกใจ
รถลีมูซีนคันยาวแล่นมาจอดหน้าธนาคาร ตามหลังด้วยรถเวทีเคลื่อนที่ติดเครื่องเสียงไฮเทคที่เปิดเพลงประจำตัวของดร.อาทิตย์ ด้านข้างรถมีป้ายรูปดร.อาทิตย์พร้อมคำขวัญ “ศรัทธาคือพลัง พลังสร้างโลก”
“เสียงเพลงจากไหน”
ธงทิวตื่นเต้นมาก
“ฮีโร่ของผมมาแล้ว”
ผู้ติดตามรีบเปิดประตูให้ดร.อาทิตย์ ดร.อาทิตย์ก้าวออกมา พวกแฟนคลับยืนอยู่ข้างทาง ชูป้ายไฟเชียร์ดร.อาทิตย์ ส่งเสียงกรี๊ดสนั่น ดร.อาทิตย์โบกมือให้ทุกคนอย่างเท่ๆ ธงทิวเข้ามาต้อนรับ
“เรากำลังรอคุณอาทิตย์อยู่เลยครับ”
“ไม่ต้องห่วงครับผู้การธงทิว ทุกอย่างต้องคลี่คลายไปในทางที่ดีขอให้มีศรัทธาในตัวผมเท่านั้น”
“มีแค่ศรัทธาจะช่วยชีวิตตัวประกันได้เหรอคะ”
ดร.อาทิตย์หันมามองปวันอย่างสนใจ
“พวกคุณเก่งกลยุทธ แต่ผมมาเพราะโจรพวกนี้ต้องการใช้จิตวิทยา ซึ่งส่วนมากพวกคุณไม่ค่อยเก็ท อย่าดูถูกพลังของศรัทธาเชียวนะครับ คุณ”
“หมวดปวัน”
ดร.อาทิตย์ยื่นมือไปให้ปวันจับ แต่เธอยกมือไหว้ ดร.อาทิตย์ยื่นมือเก้อ แต่กลับยิ้มอย่างนุ่มนวล แล้วรับไหว้
“ยินดีที่รู้จัก หวังว่าหมวดคงไม่มาเกะกะการทำงานของผมนะครับ”
ดร.อาทิตย์เดินไปกับธงทิว ทิ้งให้ปวันมองตามอย่างหมั่นไส้
เชน ตฤณ เจนจิรา ตังตัง ถูกโจรลากไปนั่งต่อท้ายกลุ่มตัวประกันทางด้านหลังห้อง เชนกวาดตามองหาทางหนีทีไล่จนเห็นท่อน้ำดับไฟบนเพดานห้อง เขากระซิบถามตังตัง
“ไอ้ที่เป็นดอกๆ เหล็กเล็กๆ ที่เพดานคืออะไรครับหนูตังตัง”
“ท่อน้ำดับไฟค่ะ ถ้ามีควันลอยไปโดนที่จับสัญญาณ มันก็จะปล่อยน้ำออกมาโดยอัตโนมัติ”
เชนพยักหน้า มองด้วยความสนใจ
“ตังตังรู้จักคุณ…” เจนจิราถาม
“เชนครับ สายลับเชน”
“สายลับเชน นี่เมื่อกี้คุณทำได้ไง ยิงปืนแม่นสุดๆ เลย”
“แน่ล่ะ ก็ซูเปอร์ฮีโร่นี่นา” ตฤณฉุนๆ
“เงียบเลยตัวเอง แล้วนี่ทำไมตัวคุณเป็นสีแบบนี้ล่ะ”
“เขาหลุดออกมาจากหนังทีวีขาวดำสมัยคุณปู่ค่ะ สายลับเจ้าเสน่ห์ไง”
“ตังตัง ชู่ว์”
ตฤณทำไม้ทำมือให้ตังตังเงียบ
“จริงดิ”
เจนจิราตาโต เอานิ้วจิ้มๆ ตัวเชน
“ของจริงด้วย”
“ตัวเองห้ามบอกใครเลยนะ ไม่งั้นได้ออกงานวัดแน่”
โจรอีกสามคนยืนคุมตัวประกันอยู่ ได้ยินเสียงเพลงกระหึ่มมาจากด้านนอก
“ใครมาจัดคอนเสิร์ตข้างนอก เปิดเพลงซะลั่นเลย” ตฤณบ่น
ตัวประกันชายในชุดแมสเซนเจอร์ โพล่งออกมา
“เพลงประจำตัวของดร.อาทิตย์ ศรัทธาสร้างพลังนี่นา”
“คุณอาทิตย์มาช่วยเราแล้ว”
“รอดตายแล้วพวกเรา”
ตัวประกันส่งเสียงเฮ ดีอกดีใจกันใหญ่ เจนจิราค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ โจรตวาดพวกตัวประกันที่ตื่นเต้นดีใจ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว
“เงียบ”
ที่มุมผู้สื่อข่าว หน้าธนาคาร นักข่าวโทรทัศน์หลายคนยืนรายงานข่าวอยู่หน้ากล้องรายการของตัวเอง
“ขณะนี้ดร.อาทิตย์ แห่งรายการศรัทธาคือพลัง กำลังจะเริ่มเจรจาต่อรองกับคนร้ายปล้นธนาคารแล้วค่ะ”
“เรามาติดตามกันนะคะว่า ดร.อาทิตย์จะเจรจากับโจรสำเร็จหรือไม่”
ดร.อาทิตย์ยืนอยู่หน้าโพรเดียมบนเวทีนั้น กล่าวผ่านไมโครโฟนเสียงดัง
“การปล้นชิงทรัพย์ของผู้อื่นเป็นบาปมหันต์ ยามมีชีวิตก็สิ้นไร้สุข ยามตายก็ตกนรกหมกไหม้ เพราะกรรมชั่วที่ได้ก่อไว้ แต่ไม่มีอะไรสายไปสำหรับคนที่อยากกลับตัว”
ปวันกับธงทิวและจ่าเจี๊ยบยืนฟังอยู่กับตำรวจอีก 2-3 นาย ธงทิวชื่นชมดร.อาทิตย์ออกนอกหน้า แต่ปวันรู้สึกหนักใจ ดร.อาทิตย์ยังกล่าวต่อไป
“ถนนทุกสายยังมีที่กลับรถ สังคมแห่งนี้ย่อมมีที่ให้คนกลับเป็นคนดีเสมอ”
ท่ามกลางไทยมุง นารีและอินทุแฝงตัวอยู่
โจร 2 คน ลากตัวประกันที่เป็นแมสเซนเจอร์ออกมาหน้าธนาคาร เสียงตำรวจทุกหน่วยขยับปืนทุกกระบอกไปทางโจร พลแม่นปืนบนยอดตึกส่องกล้องเล็งเป้าปืนมาทางโจรทั้งสองคนทันที โจรตะโกนท้าทาย
“ถ้ากล้าก็ยิง ฉันจะได้ระเบิดสมองไอ้นี่พร้อมกันไปเลย”
ดร.อาทิตย์หันไปบอกตำรวจและโจร
“อย่ายิงครับ ผมสัญญาว่าจะไม่มีใครทำอะไรคุณ ขอให้คุณปล่อยตัวประกันเถอะครับ”
“ใครจะไปเชื่อแก”
ดร.อาทิตย์หันไปสบตาธงทิว
“ท่านผู้การครับ”
ธงทิวพยักหน้า
“ทุกคนลดปืนลง”
“แต่ผู้การคะ” ปวันจะค้าน
“เราต้องเชื่อมั่นในตัวคุณอาทิตย์ เขาคือฮีโร่ฟ้าประทาน บ้านเมืองเราจะรอดวิกฤตก็เพราะศรัทธาที่มีต่อคุณอาทิตย์”
ปวันมองหน้าธงทิวอย่างไม่เชื่อหูว่าธงทิวจะเชื่อถือดร.อาทิตย์มากถึงขนาดนี้ ดร.อาทิตย์ยังคงกล่าวต่อไป
“เอาล่ะ ไหนลองบอกมาซิว่าคุณต้องการอะไร”
“ถามโง่ๆ มาปล้นธนาคารก็ต้องอยากได้เงินสิ ฉันจะเอาเงินไปรักษาแม่”
“เอาเงินบาปไปรักษาแม่ที่กำลังป่วย คุณไม่กลัวว่าแม่จะมีเศษกรรมชั่วที่ลูกก่อไว้ติดตัวไปหรือ”
“ไม่กลัว ขอให้แม่ฉันหาย ให้ฉันรอดตายก็พอ”
“แต่ตัวประกันที่คุณจับไว้ก็มีพ่อมีแม่ มีคนที่เป็นห่วงและรักเขาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณจงปล่อยเขาไป แล้วผมจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ”
“ฉันอยากได้เครื่องบินเจ็ต ฉันจะหนีออกนอกประเทศ แล้วห้ามตำรวจตามไปจับพวกฉัน”
“ตกลง”
ปวันโวยทันที
“จะไปเอาเครื่องบินที่ไหนมาให้มัน”
อินทุและนารี หันขวับมามองปวันทันที ไม่พอใจ
“ผมจะให้เครื่องบินส่วนตัวของผม และผมจะเป็นตัวประกันให้คุณไปจนถึงสนามบิน แต่ขอให้คุณปล่อยตัวประกันทั้งหมด”
โจรหันมามองหน้ากัน แล้วพยักหน้า
“ตกลง”
“ยังไม่หมด ผมขอให้คุณรับปากว่าต่อไปนี้จะเป็นคนดี ละเว้นความชั่ว ส่วนค่ารักษาพยาบาลแม่คุณ ผมจะออกเงินให้ พร้อมคอร์สแก้กรรมฟรีทั้งครอบครัว”
ผู้สื่อข่าวฮือฮา ทึ่งในความใจกว้างของดร.อาทิตย์ ดร.อาทิตย์ยืนยิ้มนุ่มนวล หงายมือทั้งสองข้างแล้วผายออกอย่างสง่างาม ช่างภาพรุมถ่ายรูป
แฟนคลับชูป้ายแล้วส่งเสียงเรียกดร.อาทิตย์ด้วยความคลั่งไคล้ อินทุและนารี ยืนนิ่งคอยสังเกตการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกันนั้น ภายในธนาคาร โจรอีก 2 คน ยืนเกาะกระจกประตูธนาคาร ดูเหตุการณ์ภายนอก ด้านในสุด ตังตังกับเชนกำลังช่วยกันแก้มัดเชือก ตัดเทปที่มัดมือตฤณกับเจนจิรา โดยใช้มีดที่ปลายรองเท้าของเชน เจนจิรามองด้วยความทึ่ง
“มีดปลายเท้า สุดยอด”
“ประตูนี่ออกไปข้างนอก มาเร็วตังตัง” ตฤณเรียก
ตังตังหันไปมองหน้าเชน ก่อนจะหันไปบอกตฤณ
“ตังตังไม่ไป ตังตังอยากอยู่ช่วยเชนปราบคนชั่ว
“หน้าที่ปราบคนชั่วไม่ใช่เรื่องของเรา ปล่อยให้ตำรวจจัดการเถอะน่ะ”
“ใครบอก มันเป็นหน้าที่ของพลเมืองดีทุกคนต่างหากล่ะ”
“แต่คนทุกคนไม่ได้เกิดมาเป็นฮีโร่นะเจน”
“ถ้าเราเห็นความชั่วแล้วกล้าลุกขึ้นมาแก้ไข เมื่อนั้นเราก็มีหัวใจวีรบุรุษแล้วครับ” เชนบอก
ตฤณคิด ลังเลใจ แล้วส่ายหน้า
“แต่ผมยอมให้ตังตังเสี่ยงอันตรายไม่ได้”
ตังตังผิดหวัง ตฤณเข้าไปลากแขนตังตัง
“ไป”
“ไม่ไป”
เชนกับเจนจิรามองตฤณกับตังตังอย่างหนักใจ
ดร.อาทิตย์ให้ลูกน้องสวมเสื้อเกราะกันกระสุนให้ ผู้สื่อข่าวมารุมสัมภาษณ์ดร.อาทิตย์
“ชีวิตคนทุกคนมีคุณค่า ตัวประกันทั้งหมดต้องรอดปลอดภัย ถึงแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตผมก็ตาม”
ช่างภาพถ่ายรูปรัวๆ ดร.อาทิตย์โพสต์ท่าเท่
“ผมขอตัวนะครับ ถึงเวลาที่ผมต้องทำหน้าที่ของพลเมืองดีแล้ว”
ดร.อาทิตย์กำลังเดินไปขึ้นรถ ปวันกับธงทิวเตรียมไว้สำหรับให้คนร้ายหนีไปสนามบิน แต่แล้วทุกคนต้องชะงัก เสียงสัญญาณไฟไหม้ดังขึ้น ปวันตกใจ มองเข้าไปในธนาคาร ดร.อาทิตย์ มองเข้าไปในธนาคารแล้วหันหางตาตามองอินทุ นารี ทั้งคู่พยักหน้าแล้วแยกตัวออกจากเหล่าไทยมุงหายไป
ตัวดักควัน กระพริบไฟส่งสัญญาณไฟไหม้ เสียงกริ่งสัญญาณไฟไหม้แผดลั่น เจนจิรายืนบนเคาน์เตอร์อุ้มตังตัง ถือกระดาษจุดไฟลนอยู่ที่ตัวดักควัน สปริงเกอร์เริ่มปล่อยน้ำออกมาดับไฟ โจร 2 คน ลากแมสเซนเจอร์กลับเข้ามาในธนาคาร
“เฮ้ย มันอะไรกัน”
“ไฟไหม้ครับลูกพี่”
โจรเหวี่ยงแมสเซนเจอร์ไปรวมกับตัวประกันที่ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่
“ไหนล่ะไฟ ไม่เห็นมีเลย”
“ผมก็ไม่เห็น น้ำดับหมดแล้วมั้งพี่”
เชนตะโกนขึ้นทันที
“ทุกคนกระโดด”
ตัวประกันทุกคนรีบปีนขึ้นไปบนเคาน์เตอร์
“พวกแกทำอะไร ลงมา”
เชนถือโคมไฟตั้งโต๊ะที่ดวงไฟให้แสงสว่างกำลังทำงานอยู่ในมือ
“พวกแกนั่นแหละ เตรียมลงนรกได้เลย”
เชนโยนโคมไฟลงไปที่พื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำจากสปริงเกอร์ที่ยังทำงานปล่อยน้ำลงมาไม่ขาดสาย โจรตกใจ
“อย่า เดี๋ยวไฟ”
โจร 4 คน ตกใจ กระโดดโหยง ผวาเข้ากอดกันเอง ไฟฟ้าทั้งห้องดับลง โคมไฟที่เชนโยนลงไปก็ดับ เจ้าหน้าที่ธนาคารตะโกนบอกเชน
“ระบบกันภัยของเราตัดไฟฟ้าอัตโนมัติทันทีที่มีสัญญาณเตือน”
โจรสองคนกำลังตกใจ พอเห็นว่าไฟไม่ช็อตก็หัวเราะก๊าก
“ไฟฟ้าไม่ทำงาน”
เชน เจนจิรา ตังตัง และตัวประกันทุกคนผิดหวัง
“ทุกคนหลบไป” เชนตะโกนบอก
เจนจิรา ตังตัง และตัวประกันทุกคนรีบหาที่หลบ โจรทั้งสี่คนกระจายตัวรายล้อมเชน ดูเชิงกันนิ่ง ไม่กระพริบตา
ปวันเดินหลบมามุมหนึ่งหน้าธนาคาร ชักปืนออกมา จ่าเจี๊ยบวิ่งตามมา
“อย่าแม้แต่จะคิดนะหมวด”
ไม่ทันแล้ว ปวันวิ่งลุยเข้าไปทางธนาคารทันที
“ไม่คิดจริงๆ ด้วย”
จ่าเจี๊ยบส่ายหน้า
เชนกำลังโดนโจรทั้งสี่ล้อม โจรคนหนึ่งมาด้านหลังเชนพร้อมมีด เชนก้มหลบทันควัน มันจ้วงมีดพลาด เชนเตะกวาดไปด้านหลัง ขัดขามันล้มลง เชนตามเข้าไปต่อยซ้ำ ขณะที่โจรอีกคนเห็นอย่างนั้นก็จะยิงเชน
“ไอ้เสล่อ ตาย”
ปวันโผล่ออกมาจากเสา
“เฮ้ย ทางนี้ดีกว่า พรรคพวก”
ปวันยิงไปที่โจรทันที โดนแขนโจร ปืนหล่น
“อ๊าก”
โจรที่เหลือเปลี่ยนจากยิงเชน หันมายิงสู้กับปวัน เหล่าตัวประกันในธนาคารกรีดร้องวิ่งหลบเข้าไปด้านหลังกันหมด ตฤณพาเจนจิราก้มเดินหลบไปด้านหลังโต๊ะอีกตัวเพราะตกอยู่ในวงต่อสู้
ขณะที่เชนก็ต้องกลิ้งหลบ เมื่อถูกโจร 2 คน เดินลุยเข้ามายิง เชนหลบเข้าที่กำบังแล้วโผล่ออกมายิงสวน กระสุนเจาะเข้าที่ขาโจรคนหนึ่ง มันทรุดลงนั่งชันเช่า เจ็บใจจะยิงต่อ แต่ตฤณโผล่ไปล็อคแขนมันไว้ มันสู้ยื้อยุดกับตฤณ เจนจิราหันไปคว้าโน้ตบุ้คบนโต๊ะทำงานมาฟาดหัวโจรเต็มแรง จนสลบไป
“เยส”
เจนจิราดีใจกระโดดตบมือกอดกับตฤณ แล้วนึกขึ้นได้ว่าเลิกกันแล้ว ผลักอกตฤณออกไป เชนยิงสู้กับโจร แต่กระสุนดันหมด
“ฮะ อะไรกันเนี่ย ปืนเชนเป็นอะไรไป”
เชนลุกขึ้นมาทันที
“แต่ปกติกระสุนปืนเชนไม่เคยหมดนี่”
“เสร็จกูแน่มึง ไอ้ตัวขาวดำ”
ปวันกำลังเข้ามาช่วยเชน แต่โจรอีกคนวิ่งเข้ามาชนปวันกระเด็นติดกำแพง
“โอ๊ย”
โจรจะเข้าซ้ำปวัน ปวันคล่องกว่าหลบหมัด แล้วศอกกลับหลังเข้าที่ท้ายทอยโจรถึงกับเซ
“เก่งดี กูชอบ”
โจรเข้าหาปวัน ต่อสู้กัน โจรอีกคนกำลังจะเหนี่ยวไกยิงเชน เจนจิราตะโกน
“เชน กระโดด”
เชนกระโดดขึ้นเหนือพื้น ปวันกระโดดด้วย โคมไฟที่หล่นที่พื้น มีกระแสไฟฟ้าเข้าไปที่หลอดไฟ ติดสว่างขึ้น แล้วมีประกายไฟแว่บขึ้น โจร 2 คน โดนไฟช็อต ตังตังกับเจนจิราและตัวประกัน ทุกคนหลับตาปี๋ ตฤณอยู่ด้านหลังเป็นคนสับคัทเอาท์ขึ้นให้ไฟฟ้าติด จากนั้นก็สับลงอีกครั้ง
“หนีเร็วทุกคน”
ตฤณตะโกน
ขณะเดียวกันนั้น ภายในธนาคาร โจรอีก 2 คน ยืนเกาะกระจกประตูธนาคาร ดูเหตุการณ์ภายนอก ด้านในสุด ตังตังกับเชนกำลังช่วยกันแก้มัดเชือก ตัดเทปที่มัดมือตฤณกับเจนจิรา โดยใช้มีดที่ปลายรองเท้าของเชน เจนจิรามองด้วยความทึ่ง
“มีดปลายเท้า สุดยอด”
“ประตูนี่ออกไปข้างนอก มาเร็วตังตัง” ตฤณเรียก
ตังตังหันไปมองหน้าเชน ก่อนจะหันไปบอกตฤณ
“ตังตังไม่ไป ตังตังอยากอยู่ช่วยเชนปราบคนชั่ว
“หน้าที่ปราบคนชั่วไม่ใช่เรื่องของเรา ปล่อยให้ตำรวจจัดการเถอะน่ะ”
“ใครบอก มันเป็นหน้าที่ของพลเมืองดีทุกคนต่างหากล่ะ”
“แต่คนทุกคนไม่ได้เกิดมาเป็นฮีโร่นะเจน”
“ถ้าเราเห็นความชั่วแล้วกล้าลุกขึ้นมาแก้ไข เมื่อนั้นเราก็มีหัวใจวีรบุรุษแล้วครับ” เชนบอก
ตฤณคิด ลังเลใจ แล้วส่ายหน้า
“แต่ผมยอมให้ตังตังเสี่ยงอันตรายไม่ได้”
ตังตังผิดหวัง ตฤณเข้าไปลากแขนตังตัง
“ไป”
“ไม่ไป”
เชนกับเจนจิรามองตฤณกับตังตังอย่างหนักใจ
ดร.อาทิตย์ให้ลูกน้องสวมเสื้อเกราะกันกระสุนให้ ผู้สื่อข่าวมารุมสัมภาษณ์ดร.อาทิตย์
“ชีวิตคนทุกคนมีคุณค่า ตัวประกันทั้งหมดต้องรอดปลอดภัย ถึงแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตผมก็ตาม”
ช่างภาพถ่ายรูปรัวๆ ดร.อาทิตย์โพสต์ท่าเท่
“ผมขอตัวนะครับ ถึงเวลาที่ผมต้องทำหน้าที่ของพลเมืองดีแล้ว”
ดร.อาทิตย์กำลังเดินไปขึ้นรถ ปวันกับธงทิวเตรียมไว้สำหรับให้คนร้ายหนีไปสนามบิน แต่แล้วทุกคนต้องชะงัก เสียงสัญญาณไฟไหม้ดังขึ้น ปวันตกใจ มองเข้าไปในธนาคาร ดร.อาทิตย์ มองเข้าไปในธนาคารแล้วหันหางตาตามองอินทุ นารี ทั้งคู่พยักหน้าแล้วแยกตัวออกจากเหล่าไทยมุงหายไป
ตัวดักควัน กระพริบไฟส่งสัญญาณไฟไหม้ เสียงกริ่งสัญญาณไฟไหม้แผดลั่น เจนจิรายืนบนเคาน์เตอร์อุ้มตังตัง ถือกระดาษจุดไฟลนอยู่ที่ตัวดักควัน สปริงเกอร์เริ่มปล่อยน้ำออกมาดับไฟ โจร 2 คน ลากแมสเซนเจอร์กลับเข้ามาในธนาคาร
“เฮ้ย มันอะไรกัน”
“ไฟไหม้ครับลูกพี่”
โจรเหวี่ยงแมสเซนเจอร์ไปรวมกับตัวประกันที่ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่
“ไหนล่ะไฟ ไม่เห็นมีเลย”
“ผมก็ไม่เห็น น้ำดับหมดแล้วมั้งพี่”
เชนตะโกนขึ้นทันที
“ทุกคนกระโดด”
ตัวประกันทุกคนรีบปีนขึ้นไปบนเคาน์เตอร์
“พวกแกทำอะไร ลงมา”
เชนถือโคมไฟตั้งโต๊ะที่ดวงไฟให้แสงสว่างกำลังทำงานอยู่ในมือ
“พวกแกนั่นแหละ เตรียมลงนรกได้เลย”
เชนโยนโคมไฟลงไปที่พื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำจากสปริงเกอร์ที่ยังทำงานปล่อยน้ำลงมาไม่ขาดสาย โจรตกใจ
“อย่า เดี๋ยวไฟ”
โจร 4 คน ตกใจ กระโดดโหยง ผวาเข้ากอดกันเอง ไฟฟ้าทั้งห้องดับลง โคมไฟที่เชนโยนลงไปก็ดับ เจ้าหน้าที่ธนาคารตะโกนบอกเชน
“ระบบกันภัยของเราตัดไฟฟ้าอัตโนมัติทันทีที่มีสัญญาณเตือน”
โจรสองคนกำลังตกใจ พอเห็นว่าไฟไม่ช็อตก็หัวเราะก๊าก
“ไฟฟ้าไม่ทำงาน”
เชน เจนจิรา ตังตัง และตัวประกันทุกคนผิดหวัง
“ทุกคนหลบไป” เชนตะโกนบอก
เจนจิรา ตังตัง และตัวประกันทุกคนรีบหาที่หลบ โจรทั้งสี่คนกระจายตัวรายล้อมเชน ดูเชิงกันนิ่ง ไม่กระพริบตา
ปวันเดินหลบมามุมหนึ่งหน้าธนาคาร ชักปืนออกมา จ่าเจี๊ยบวิ่งตามมา
“อย่าแม้แต่จะคิดนะหมวด”
ไม่ทันแล้ว ปวันวิ่งลุยเข้าไปทางธนาคารทันที
“ไม่คิดจริงๆ ด้วย”
จ่าเจี๊ยบส่ายหน้า
เชนกำลังโดนโจรทั้งสี่ล้อม โจรคนหนึ่งมาด้านหลังเชนพร้อมมีด เชนก้มหลบทันควัน มันจ้วงมีดพลาด เชนเตะกวาดไปด้านหลัง ขัดขามันล้มลง เชนตามเข้าไปต่อยซ้ำ ขณะที่โจรอีกคนเห็นอย่างนั้นก็จะยิงเชน
“ไอ้เสล่อ ตาย”
ปวันโผล่ออกมาจากเสา
“เฮ้ย ทางนี้ดีกว่า พรรคพวก”
ปวันยิงไปที่โจรทันที โดนแขนโจร ปืนหล่น
“อ๊าก”
โจรที่เหลือเปลี่ยนจากยิงเชน หันมายิงสู้กับปวัน เหล่าตัวประกันในธนาคารกรีดร้องวิ่งหลบเข้าไปด้านหลังกันหมด ตฤณพาเจนจิราก้มเดินหลบไปด้านหลังโต๊ะอีกตัวเพราะตกอยู่ในวงต่อสู้
ขณะที่เชนก็ต้องกลิ้งหลบ เมื่อถูกโจร 2 คน เดินลุยเข้ามายิง เชนหลบเข้าที่กำบังแล้วโผล่ออกมายิงสวน กระสุนเจาะเข้าที่ขาโจรคนหนึ่ง มันทรุดลงนั่งชันเช่า เจ็บใจจะยิงต่อ แต่ตฤณโผล่ไปล็อคแขนมันไว้ มันสู้ยื้อยุดกับตฤณ เจนจิราหันไปคว้าโน้ตบุ้คบนโต๊ะทำงานมาฟาดหัวโจรเต็มแรง จนสลบไป
“เยส”
เจนจิราดีใจกระโดดตบมือกอดกับตฤณ แล้วนึกขึ้นได้ว่าเลิกกันแล้ว ผลักอกตฤณออกไป เชนยิงสู้กับโจร แต่กระสุนดันหมด
“ฮะ อะไรกันเนี่ย ปืนเชนเป็นอะไรไป”
เชนลุกขึ้นมาทันที
“แต่ปกติกระสุนปืนเชนไม่เคยหมดนี่”
“เสร็จกูแน่มึง ไอ้ตัวขาวดำ”
ปวันกำลังเข้ามาช่วยเชน แต่โจรอีกคนวิ่งเข้ามาชนปวันกระเด็นติดกำแพง
“โอ๊ย”
โจรจะเข้าซ้ำปวัน ปวันคล่องกว่าหลบหมัด แล้วศอกกลับหลังเข้าที่ท้ายทอยโจรถึงกับเซ
“เก่งดี กูชอบ”
โจรเข้าหาปวัน ต่อสู้กัน โจรอีกคนกำลังจะเหนี่ยวไกยิงเชน เจนจิราตะโกน
“เชน กระโดด”
เชนกระโดดขึ้นเหนือพื้น ปวันกระโดดด้วย โคมไฟที่หล่นที่พื้น มีกระแสไฟฟ้าเข้าไปที่หลอดไฟ ติดสว่างขึ้น แล้วมีประกายไฟแว่บขึ้น โจร 2 คน โดนไฟช็อต ตังตังกับเจนจิราและตัวประกัน ทุกคนหลับตาปี๋ ตฤณอยู่ด้านหลังเป็นคนสับคัทเอาท์ขึ้นให้ไฟฟ้าติด จากนั้นก็สับลงอีกครั้ง
“หนีเร็วทุกคน”
ตฤณตะโกน
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ปวันรีบวิ่งเข้าไปใส่กุญแจมือโจรทั้งสี่จนลืมสังเกตพวกเชน
“ไปเร็วเชน” ตังตังบอก
“ทำไม ไปไหน”
“หนีไง” เจนจิราย้ำบอก
“หนีทำไม ทำไมเชนต้องหนี”
ตฤณวิ่งเข้ามาลากเชนออกไปทันที
“ไม่หนีโดนตำรวจจับแน่คุณสายลับเชน แล้วตัวดำขาวแบบนี้จะอธิบายเขาว่าอย่างไง”
“เชนก็ตัวขาวดำอย่างนี้ตลอดอยู่แล้ว แปลกตรงไหน”
ตฤณลากเชนออกไป นารีและอินทุเข้ามาพอดี เห็นปวันกำลังจับโจรทั้งหมด นารีจะปามีดใส่ปวัน แต่ด้านนอกตำรวจกรูวิ่งเข้ามา อินทุเลยบอกนารีให้วิ่งตามพวกเชนแทน ปวันหันไปมองเชนที่หายไป
“หายไปไหนแล้ว”
พวกเชนวิ่งหนีมา ตฤณนำหน้าคอยดึงเชนวิ่งไปด้วย นารีและอินทุวิ่งมาอย่างเร็ว ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทันใดรถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งผ่านมาตัดหน้านารีและอินทุทำให้ทั้งคู่ชะงัก หยุดกึก รถบรรทุกแล่นผ่านไป นารีและอินทุไม่เห็นใครแล้ว
โจรทั้งสี่คนถูกตำรวจจับใส่กุญแจมือ คุมตัวออกมาจากธนาคาร พิภพ เจนจิราและพนักงานคนอื่นๆ กำลังถูกทั้งตำรวจและนักข่าวสอบถามข้อมูลกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ขณะที่ปวันยืนคุยอยู่กับจ่าเจี๊ยบ
“อะไรนะเจ๊ เอ่อ อะไรนะหมวด ผู้ชายตัวขาวๆ ดำๆ บุกเข้ามาช่วยงั้นเหรอ”
“ใช่ เขาหนีออกไปด้านหลังธนาคารแล้วก็หายไปพร้อมกับพรรคพวก”
“ผู้ชายอะไรของหมวดขาวๆ ดำๆ ตกลงเขาขาวหรือดำกันแน่”
“ฉันก็ไม่รู้จะบอกผู้การยังไงดี คือเขาประหลาดมาก เขาไม่เหมือนคนอื่น”
“ประหลาดยังไง”
“คือ สีของเขาน่ะจ่า มันเป็นเหมือนภาพขาวดำ”
ธงทิวเดินหัวเสียเข้ามา
“ใครบอกให้คุณบุกเข้าไปแบบนี้ ถ้ามีใครบาดเจ็บหรือตายไป คุณจะรับผิดชอบไหวไหม อีกอย่างดร.อาทิตย์ เขาก็กำลังกล่อมไอ้พวกโจรได้อยู่แล้ว คุณทำทุกอย่างพังหมด ผมจะทำรายงานความประพฤติของคุณ”
“แต่ไม่มีใครเป็นอะไรนะคะ”
“ไม่ต้องเถียง”
พนักงานคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ฉันถ่ายคลิปเขาไว้ด้วยค่ะ สุภาพบุรุษขาวดำ นี่ไงคะ”
พนักงานอื่นๆ ก็บอกว่าถ่ายคลิปไว้ พนักงานต่างพากันยื่นมือถือให้ดูคลิปกัน ด้วยท่าทางตื่นเต้น
“อะไรขาวดำนะ” ธงทิวงง
จ่าเจี๊ยบรับมือถือมาจากพนักงานคนหนึ่งมายื่นให้ธงทิวดูคลิป จ่าเจี๊ยบกับตำรวจคนอื่นๆ ยื่นหน้ามาดูด้วย แล้วทุกคนต้องร้องตกอกตกใจพร้อมกัน
“เฮ้ย”
ปวันยิ้มขำๆ ปนสมเพช
ภายในรถ ดร.อาทิตย์ตบสองมือลงบนเข่าตัวเองอย่างโกรธๆ โดยมีนารีกับอินทุนั่งอยู่เบาะหน้า
“มันเป็นใครวะ บังอาจมาขัดขวางแผนการปล้นของดร.อาทิตย์”
“รูปร่างหน้าตามันก็เหมือนคนปรกติ แต่ทำไมมันไม่มีสีสัน ตัวมันเป็นขาวดำ”
“ขาวดำงั้นเหรอ หมายความว่าไง แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญต้องรีบทำก่อนอื่น”
อาทิตย์หันไปสั่งสมุนที่ยืนอยู่
“เช็คซิว่าไอ้ 4 ตัว นั่น จะถูกตำรวจจับไปไว้ที่ไหน”
“ครับ”
ลูกน้องรีบเดินออกไป อาทิตย์กลับมาครุ่นคิดถึงเชนอีกครั้ง
“ตัวเป็นขาวดำงั้นเหรอ”
เจนจิรานั่งจ้องเชนอยู่ที่บ้านตฤณ จ้องเอาๆ สลับกับดูรูปจากปกแผ่นหนังที่มีแต่มิสเตอร์โอเค
“คุณหลุดมาจากหนังทีวีขาวดำเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ ไม่มีตัวตนของคุณอยู่ในหนังแล้วงั้นเหรอ”
“ครับ เชนหลุดออกมากับคุณหนูตังตัง มาอยู่ที่นี่ ทำให้เหตุการณ์ในนี้เปลี่ยนไป ทำให้มิสเตอร์โอเคจับลินดาไป แล้วมันก็ได้ครองโลก เชนต้องรีบกลับไปช่วยลินดา แล้วจัดการกะมัน”
“คุณคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ถ้าฉันทำสกู๊ปเรื่องคุณไปออกในรายการข่าวของฉัน คุณจะดัง เราจะดัง คุณให้ฉันถ่ายนะ โลกทั้งโลกจะต้องอยากเห็นคุณ”
“มันจะดีเหรอ ตัวเอง”
“ไม่ดียังไง เรื่องเหลือเชื่อแบบนี้ ใครๆ ก็ต้องอยากรู้อยากเห็น”
“แต่ เชนเขาไม่ใช่ตัวประหลาดนะ”
“ตัวเองหมายความว่าไง หมายความว่าเขาเป็นนักข่าวเห็นแก่ตัว ที่จะเอาเชนไปขายงั้นเหรอ”
“เขาไม่ได้พูดแบบนั้น แต่จะให้คนมามุงรุมดูเชน ในฐานะของแปลกงั้นเหรอ”
“ในฐานะของนักสื่อสารมวลชน สิ่งมหัศจรรย์ทุกอย่าง เราควรจะประกาศให้โลกได้เห็น”
“ถามเชนสักคำไหม ว่าเชนเขาจะอยากเป็นแบบนั้นหรือเปล่า”
“ฉันก็กำลังถามอยู่นี่ไง”
“หยุด”
เชนร้องห้าม ทั้งสองเงียบ
“เลิกทะเลาะกันได้ไหมครับ เชนต้องกลับไปช่วยลินดาเดี๋ยวนี้ หนูตังตัง เราต้องรีบหาทางซ่อมแว่นตา 3DDD ให้เร็วที่สุด เชนคิดดูแล้ว ถ้าเราตั้งเวลาตอนกลับไป ให้กลับไปถึงก่อนเกิดเหตุการณ์ระเบิด..เราจะกู้โลกได้จากมิสเตอร์โอเคแน่ๆ”
“ซ่อมแว่นตา 3DDDหรือ”
“ครับ”
“แล้วใครจะซ่อมได้ นอกจากลุงเจ้าของร้านคนนั้น” ตฤณถาม
“ใช่ครับ เราต้องตามหาเจ้าของร้านนั้นให้เจอ”
เชนวิ่งออกไปเลย ตฤณตกใจ
“เฮ้ย จะไปไหน”
เชนวิ่งออกมาจากบ้าน ตฤณรีบตามมาห้ามเอาไว้
“จะไปไหนของแก”
“ถ้าเจ้าของร้านของแปลกๆ นั่น เป็นคนเดียวที่ทำให้เชนกลับไปหาลินดาได้ เชนก็จะไปหาตัวเขาให้เจอ”
“ตัวนายสีประหลาดอย่างนี้ เดี๋ยวก็แตกตื่นกันทั้งประเทศหรอก”
เจนจิราวิ่งเข้ามา ตังตังตามหลังมาด้วย
“คุณจะไปหาใคร ฉันช่วยคุณตามหาได้นะ”
“จริงเหรอครับ”
“แค่คุณไปสมายล์ทีวีกับฉัน ยอมให้ฉันทำสกู๊ปเปิดเผยเรื่องของคุณ แล้วฉันรับรองว่าจะตามหาคนๆ นั้นมาให้คุณได้แน่นอน”
“เจน ตัวเองทำอย่างนี้ไม่ได้นะ”
“ไหนบอกว่าให้สายลับเชนเขาตัดสินใจเองไงล่ะคะ”
“ตังตัง”
“ถ้าสายลับเชนดัง ตังตังจะได้เอาไปอวดเพื่อนๆ ที่โรงเรียนทุกคนเลยว่าตังตังกับสายลับเชนซี้ปึ้กกัน”
“ว่าไงคะคุณเชน”
“อย่าไปนะเชน”
ตฤณพยายามห้าม
“เอิ่ม ถ้าคุณช่วยเหลือเชนได้ เชนจะไปกับคุณ”
“เยี่ยมเลยค่ะ เชิญค่ะ”
เจนจิรารีบนำเชนไปที่รถ เปิดประตูให้
“ไม่ได้นะ”
ตฤณจะห้าม แต่ตังตังโดดเกาะตัวเอาไว้ เหนี่ยวรั้งสุดแรงไม่ให้ตฤณไปขวางเจนได้
“พาไปเลยนะคะน้าเจน ไปเลยๆ”
เจนจิราขึ้นรถ รีบออกไป ตฤณวิ่งมาไม่ทัน ตังตังโดดลงจากหลัง หัวเราะดีใจ
“ตังตังจะมีเพื่อนเป็นคนดัง โฮะๆๆ”
ตฤณรีบวิ่งออกไป
เชนนั่งอยู่ในรถ ทึ่งกับสิ่งต่างๆ แผงหน้าปัด แปลกประหลาดกว่าในยุคเขามาก เชนกดปุ่มนั้นปุ่มนี้ กดปุ่มเปิดหน้าต่าง กดปุ่มเปิดเพลง
“โหว รถยนต์สมัยนี้ มันช่างเลิศมันเตาเสียจริง”
ขณะนั้นเจนจิรากำลังโทรศัพท์อยู่
“ฮัลโหล คุณประมุขคะ เจนมีข่าวดี”
ประมุขกำลังวุ่นวายกับการกำกับลูกน้องให้ตามข่าวการปล้นธนาคารและชายตัวขาวดำที่เพิ่งเกิดขึ้นอยู่ บรรยากาศในสำนักงานข่าววุ่นวาย
“ผมไม่ต้องการข่าวดี ผมต้องการให้คุณกลับมาด่วน รู้หรือเปล่าว่าวันนี้มีการปล้นธนาคารครั้งใหญ่มาก”
“เจนทราบค่ะ ตอนนี้เขาอยู่กับเจนค่ะ”
“เขาไหน เขาอะไร เธอต้องไปสัมภาษณ์ ดร.อาทิตย์ด่วน”
“เรื่องนั้นช่างเถอะค่ะ คนที่อยู่กับเจนน่าสนใจกว่าดร.อาทิตย์ร้อยเท่า ผู้ชายตัวขาวดำที่อยู่ในข่าวปล้นธนาคาร ตอนนี้อยู่กับเจนค่ะ”
“ผมไม่มีเวลามาฟัง หา เขาอยู่กับคุณจริงๆ เหรอ อยู่ที่ไหนตอนนี้ กำลังมาสถานี ทุกคนหยุด”
ประมุขตะโกนสั่งพนักงาน ทุกคนชะงัก นิ่ง
“เตรียมออกอากาศสด”
ทันใดนั้น ทุกอย่างก็ขยับเขยื้อนวุ่นวายอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง
เจนจิราวางสาย เชนกำลังจ้องมือถืออยู่
“คุณพูดกับใครครับ”
“อ๋อ เจ้านายน่ะค่ะ เอ่อ นี่ โทรศัพท์ค่ะ สมัยในหนังของคุณ คงจะยังไม่มีใช่มั้ยคะ มันก็คล้ายๆ โทรเลขค่ะ เพียงแต่ว่า เราสามารถพูดโต้ตอบกันได้เลย อยากติดต่อส่งข่าวอะไรถึงใครก็ทำได้เลยทันทีค่ะ”
“จริงเหรอ”
อยู่ๆ เสียงมือถือดังขึ้น เชนตกใจ
“เอ้ยๆ มันร้อง ร้องทำไม”
“ไม่มีอะไรค่ะ มีคนโทรเข้ามา ตฤณค่ะ อยากลองคุยกันดูมั้ยคะ แต่แป๊บเดียวนะ”
เชนรับมือถือมาอย่างตื่นเต้น ค่อยๆ เอาไปแนบหู รอฟังเสียง ตฤณนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่ รับมือถือ ตะโกนลั่น แข่งกับเสียงมอเตอร์ไซค์
“ฮัลโหล เจน คุณอยู่ที่ไหน”
เชนตั้งใจฟังมาก ได้ยินเสียงตฤณดังมา ก็ตาโต ตื่นเต้นมาก ตกใจ
“เฮ้ยๆๆ เสียงตฤณจริงๆ ด้วย”
“เชน อย่าไปกับเจน ถ้านายเป็นที่รู้จัก นายจะถูกเอาตัวไปทดลอง จะไม่มีวันได้อยู่สงบๆ อีกเลย เข้าใจมั้ย”
เชนตื่นเต้นมาก พูดไม่หยุด ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น
“ผมได้ยินเสียงตฤณจริงๆ ด้วย คุณได้ยินเสียงผมไหม ได้ยินเหรอ เฮ้ยๆๆ นี่มันมหัศจรรย์มาก”
“คุณได้ยินที่ผมบอกมั้ย เงียบแล้วฟัง หุบปากก่อน บอกให้ฟัง ฟังสิเว้ย ฟังผม”
เจนจิราเอื้อมมือมาหยิบมือถือคืนจากเชน ตัดสายทิ้ง
“ถ้าชอบ ไว้วันหลังเจนจะซื้อให้เครื่องหนึ่งค่ะ”
ตฤณตะโกนเรียกเชน
“ไอ้คุณเชน ฟังผมก่อน”
ทันใดนั้น มอเตอร์ไซค์รับจ้างเบรกเอี๊ยด หัวคะมำ
“จอดทำไมพี่”
“หยุดตะโกนข้างหูซะที”
“โทษทีพี่ ไปต่อนะๆ”
มอเตอร์ไซค์รับจ้างขับต่อไป
รถของเจนจิรามาจอดที่ด้านนอกของสมายล์ทีวี เธอรีบลงจากรถมา แต่เชนยังนั่งนิ่ง เจนจิรามาเปิดประตูให้
“ลงมาสิคะ”
“ตฤณบอกว่า ถ้าคนอื่นรู้จักผม ชีวิตผมจะไม่สงบสุขอีก จริงหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ ไม่จริงหรอกค่ะ ยิ่งมีคนรู้จักสิยิ่งดี ไปที่ไหนก็สบาย มีสิทธิพิเศษ ใครๆ ก็รู้จักและชื่นชม คุณอาจไม่ต้องตามเจ้าของร้านของแปลกนั่น คนที่คุณตามหาอาจจะเจอคุณเอง”
“ลินดา”
“ใช่ค่ะ ลินดาหรือคนที่รู้จักลินดาก็จะได้เห็นคุณในข่าว แล้วเขาก็จะติดต่อมา คุณไม่ต้องไปงมเข็มในมหาสมุทรเอาเองไงคะ”
“แต่ลินดายังอยู่ในหนัง แล้วลินดาจะมาเจอเชนได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ คุณยังมาได้ ลินดาก็ต้องมาได้ค่ะ”
เชนงงๆ
“คะ คุณเชนไม่เชื่อเจนเหรอคะ”
“เปล่านะครับ นี่ผมแสดงออกว่าไม่เชื่อเหรอครับ ผมต้องขอโทษคุณเจนด้วยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะแสดงท่าทีอย่างนั้น ผมมันแย่จริงๆ คนดีๆ อย่างคุณเจนย่อมคิดดีและหวังดีกับคนอื่น ผมขอโทษนะครับที่เผลอเคลือบแคลงความปรารถนาดีของคุณเจน”
“เอ่อ ค่ะ”
“คุณเจนจะให้ผมทำอะไรบอกมาเลยครับ ผมจะช่วยคุณเจนทุกอย่าง อะไรที่คุณเจนว่าดี ผมก็ว่ามันดี”
ยิ่งเชนรู้สึกผิดมาก เจนจิรายิ่งรู้สึกว่าตัวเองผิดยิ่งกว่า อยู่ๆ มีรถตำรวจแล่นเข้ามา 2 คัน เจนจิรากับเชนงง
“ตำรวจ มาทำไม หรือว่ามีเหล่าร้าย”
เจนจิราอึ้ง งง เพราะไม่คิดว่าจะมีตำรวจ ชักแปลกใจ สงสัย เชนจะเข้าไปหา เจนจิรารีบห้าม
“อย่าค่ะ คุณรอฉันในรถก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันเข้าไปดูก่อนว่ามีเรื่องอะไร แล้วจะกลับมาบอก นะคะ”
“ได้ครับ ผมไว้ใจคุณเจน ผมจะรอตรงนี้”
“ขอบคุณค่ะ”
เจนจิรารีบออกไป
เจนจิราเดินเข้ามาในสถานีสมายล์ทีวี ประมุขอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พอประมุขเห็นเจนจิราก็รีบผละมาหาทันที
“เจนจิรา ไหนล่ะ ไหน ผู้ชายตัวขาวดำที่เธอบอก”
“ตำรวจมาทำอะไรคะ”
“อ้าว ตำรวจก็มารอเชิญตัวนายคนนั้นไปสอบสวนน่ะสิ”
“แต่เจนไม่ได้บอกเขาว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้”
“ชู่ว์ๆๆ แผนคืองี้ ผมจะยังไม่ออกสดตอนนี้ แต่จะรอให้ไพรม์ไทม์ก่อน ระหว่างนี้เราก็ยิงสปอต ปล่อยข่าวออกไปว่าสมายล์ทีวีได้ตัวบุรุษลึกลับตัวขาวดำมาแล้ว สร้างกระแสให้คนตื่นตัว ตื่นเต้น เฝ้ารอชม ช่วงนี้ฝ่ายขายก็จะได้รีบโกยขายโฆษณาในรายการข่าวเรา เพราะเรตติ้งกระฉูดแน่ ส่วนพี่ตำรวจ ผมก็จะให้เขาซ่อนตัวไว้ รอจนเราสัมภาษณ์จบ ก็จะให้สัญญาณให้พี่ตำรวจบุกเข้ามารวบตัวเขากลางรายการเลย โหย ขายดราม่าได้อีกดอก ไงล่ะ สุดยอดการตลาดอันปราดเปรื่องของผม”
เจนจิราอึ้ง ไม่คิดว่าประมุขจะเห็นแก่ผลประโยชน์ขนาดนี้
เชนนั่งในรถ แน่วแน่ที่จะรอ อยู่ๆ ตฤณโผล่มาเคาะกระจก
“ลงมา แล้วกลับบ้านกับฉัน”
“คุณเจนบอกให้เชนรอตรงนี้”
“นายต้องเชื่อฉัน เจนจิรากำลังจะเอานายไปออกอากาศให้คนทั้งประเทศเห็นว่านายมันแปลก ประหลาด ถ้านายมีปัญญาเป็นอาวุธจริง ก็น่าจะรู้ว่า ในโลกที่มีแต่สีสันอย่างนี้ คนจะมองนายว่ายังไง”
“เชนก็คือเอเลี่ยนดีๆ นี่เอง”
“เออ ถ้าคิดได้ ก็ไปกับฉัน ลงมา”
“แต่เชนรับปากคุณเจนไว้ว่าจะรอ เชนจะไม่ผิดคำพูด”
“เฮ้ย”
“เชนรักษาสัจจะยิ่งชีพ ให้มันรู้ไปว่าคนที่รักษาสัจจะ ยึดมั่นในคุณธรรมและศักดิ์ศรี จะไม่สามารถอยู่บนประเทศนี้ได้”
ตฤณหงุดหงิด
ประมุขเดินจ้ำนำเจนจิรามาตามทาง กำลังจะออกไปด้านนอกสถานี มีลูกน้องตามมาด้วย
“ทำไมถึงไม่พาเขาเข้ามาเลย จะให้รออยู่ที่รถทำไม”
เจนจิราวิ่งนำไปยืนขวางทางออกจากสถานี ไม่ให้ใครไปทั้งนั้น
“เจนเชิญเขามาสัมภาษณ์ ไม่ได้แจ้งว่าจะมีเรื่องราวอย่างนี้ นี่มันเท่ากับหลอกลวงแหล่งข่าว มันไม่ถูกต้อง”
“หน้าที่เราคือนำเสนอข้อเท็จจริง เรื่องถูกผิด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาตัดสิน ไปๆๆ รีบไปเอาตัวมันมา”
พวกลูกน้องออกไป ประมุขตามไป
“ไม่ได้นะคะหัวหน้า”
เจนจิรารีบตามประมุขออกไป
ตฤณพยายามกระชากตัวเชนออกจากรถ แต่เชนขืนตัวไว้ ไม่ยอมลุกไปไหนเด็ดขาด
“ไอ้คุณเชน ถ้าอยู่ในหนัง นายจะพูดจาหล่อเท่แค่ไหนก็ได้ แต่ที่นี่ ประเทศนี้ พ.ศ.นี้ ไม่มีใครยึดถือคุณธรรมอย่างซื่อตรงแบบนายแล้ว มันต้องรู้จักพลิกแพลง ถึงจะเอาตัวรอด เข้าใจมั้ย”
“ไม่เข้าใจ คุณธรรมก็คือคุณธรรม ทำไมต้องพลิกแพลง”
“ถ้าไม่พลิกแพลง นายก็จะถูกคนอื่นหลอกลวงเอาเปรียบ เป็นไอ้หน้าโง่ ไม่ทันชาวบ้านเขา”
“พลิกแพลงเพื่อเอาเปรียบคนอื่น งั้นคนที่ต้องละอายก็ควรจะเป็นคนพวกนั้น นายก็ด้วย เพราะนายกำลังกล่าวหาผู้หญิงที่นายรักว่าขาดคุณธรรมอยู่”
“หือ”
“ถ้าอยากให้เจนจิรารัก นายต้องมีศรัทธาในตัวคนที่นายรักเสียก่อน”
“นายเพิ่งจะเจอเจนแค่วันเดียว จะไปรู้อะไร”
“เจอเจนจิราวันเดียว แต่เชนเจอความรักมาตลอดชั่วอายุขัย”
เสียงประมุขกับเจนจิราดังมา
“เออ งั้นเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่เกี่ยวแล้วเว้ย”
ตฤณขู่ เชนยังแน่วแน่
ประมุขเดินรีบเร่งออกมา เจนจิราตาม
“หัวหน้าจะใช้แหล่งข่าวมาหาผลประโยชน์ให้สถานีอย่างนั้นไม่ได้นะคะ”
“ถ้าคุณไม่สะดวกใจก็ไปพัก ที่เหลือผมจัดการเองได้ แต่อย่ามาเซ้าซี้ ไหน รถจอดอยู่ตรงไหน”
“ทางโน้นครับ” ลูกน้องบอก
ประมุขรีบเดินตามลูกน้องไป เจนจิราตามหลังอีกที แต่อยู่ๆ ตฤณเดินสวนเข้ามาขวางก่อน
“เจน คุณจะให้ผมรออีกนานแค่ไหน”
ทุกคนงง เจนก็งงๆ
“คุณจะให้ผมมาสัมภาษณ์รายการคุณไม่ใช่เหรอ”
“หา นี่มันยังไงเจนจิรา” ประมุขงง
“คืองี้ครับ เจนเห็นว่าผมอยู่ในเหตุการณ์ปล้นธนาคารวันนี้ เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็เลยจะเชิญผมมาให้สัมภาษณ์ ใช่มั้ยเจน”
“เอ่อ ค่ะ ใช่ค่ะ”
“แต่นี่ไม่ใช่ผู้ชายตัวขาวดำคนนั้น”
“ผมขาวนะครับ ดำบ้างเป็นบางจุด อยากจะดูจุดที่ดำมั้ยล่ะครับ”
ตฤณจะถกเสื้อโชว์
“ไม่ต้อง”
“เจนพยายามจะบอกหัวหน้าแล้วว่าคนที่เจนเชิญมาคือคนนี้ แต่หัวหน้าไม่ฟัง ทำอะไรไม่ปรึกษากันเลย”
“เจนจิรา”
“อย่าเพิ่งด่าเลยค่ะ รีบไปแก้ข่าวก่อนดีกว่าค่ะ ป่านนี้ไม่รู้ปล่อยข่าวไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
“ฉิบเป๋งแล้ว ไป รีบไปห้ามอย่าให้ปล่อยข่าวหรือสปอตอะไรออกไปเด็ดขาด ไปๆๆ”
พวกลูกน้องรีบวิ่งกลับเข้าไปด้านใน ประมุขหัวเสีย
“เจนจิรา คุณ คุณ ฮึ่ย”
ประมุขฉุน รีบกลับเข้าไปด้านในก่อน เจนจิราหันมามองตฤณ ตฤณจ้องตำหนิ
เชนยังนั่งรอที่เดิม แน่วแน่ เจนจิรากับตฤณเข้ามา เชนหันมามอง
“คุณเชน”
“ไปๆๆ ไม่มีอะไรแล้วก็กลับบ้าน”
“ยังกลับไม่ได้ เชนรับปากคุณเจนแล้ว เชนก็จะต้องทำ”
“เอ่อ ไม่ต้องแล้วค่ะ คือ”
“ทำไมครับ หรือว่านายไปพูดอะไร คุณเจนครับ ไม่ว่าตฤณจะพูดอะไร ไม่ต้องสนใจนะครับ ผมเต็มใจช่วยคุณเจนจริงๆ”
“เจนขอโทษนะคะ”
“หือ”
“จะคุยกันอีกนานมั้ย หรืออยากให้มีใครมาเจอ ไป กลับ”
“แต่”
“เดี๋ยวเจนไปส่งนะคะ”
-เจนขึ้นรถไป เชนงงๆ
“ผมไปด้วย”
ตฤณตามขึ้นรถ เจนจิราออกรถไป
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ปวันเดินเข้ามาประจันหน้ากับโจรที่ห้องสอบสวน โจรคนหนึ่งจ้องตอบ ท้าทาย กวน
“มอง เธอสาวเธอสวยฉันจึงได้มอง”
ปวันไม่ตอบ คุมเกม ก้มลงดูเอกสารประวัติโจร
“เป็นคนรับจ้างทำสวนตามบ้าน ไม่มีประวัติอาชญากร อย่างคุณ ปล้นมินิมาร์ทหรือร้านทอง ไม่ง่ายกว่าเหรอ ทำไมต้องวางแผนปล้นธนาคารเอาเงินร้อยล้านกับทองอีกสองร้อยล้าน จะเอาเงินมากมายไปทำอะไร”
“อื้ม”
“ตอบมาตามตรง ทำไปทำไม”
“ผมอยากดัง ผมอยากสร้างประวัติศาสตร์ อยากถูกจดจำ”
“คุณได้มีประวัติศาสตร์แน่ คุณศักดิ์”
ปวันหยิบปืนออกมา ทำเป็นขัด หยิบกระสุนออกมาเรียง เหมือนไม่ได้ขู่ แต่ตั้งใจขู่
“คุณมีลูกเมียมั้ย”
โจรชะงัก ปวันเห็นปฏิกิริยาก็สรุปได้ทันที
“มี มีพ่อมีแม่มั้ย มี มีใครสั่งการพวกคุณใช่มั้ย มี”
“ไม่มี”
“ไหนบอกสิว่าใครอยู่เบื้องหลังแผนปล้นธนาคารครั้งนี้”
โจรนิ่ง ไม่ยอมเสียเหลี่ยม
“อย่าข่มขู่ผม ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
“งั้นรู้ไว้ด้วยนะ ว่าทรัพย์สินทุกอย่างของคุณและของครอบครัวคุณ ทั้งบ้านและเงินสด จะถูกยึดหมด ลูกเมียคุณจะหมดตัว ไม่มีเงิน ไม่มีที่ซุกหัวนอน และทุกคนจะต้องถูกสอบในคดีนี้ด้วย ถ้ามีใครรู้เห็นเป็นใจกับคดีนี้ ก็จะถูกตั้งข้อหา สมรู้ร่วมคิด ติดคุก ก็ดีนะ พ่อ แม่ เมีย ลูก ผัว ติดคุก 5 คน ได้ลงหน้าหนึ่งแน่นอน”
โจรหวั่นๆ
“คุณ คุณต้องการอะไร”
“ก็แค่กระซิบมาว่าใครที่อยู่เบื้องหลัง ให้การเป็นประโยชน์ แล้วฉันจะช่วยคุณและครอบครัวคุณ”
“ผม เอ่อ”
“ฉันจะนับถึงสาม ถ้าไม่พูด ก็จบ หนึ่ง สอง”
“ผมบอกแล้ว”
“ใคร”
“เขา โอ๊ย”
“เป็นอะไร”
“เสียง เสียงในหัวผม”
โจรกุมหัว บิดไปมา
“เสียงอะไร”
“เสียง มีเสียงในหัวผมพูดซ้ำไปมา โอ๊ย”
“พูด พูดอะไร เสียงอะไร บอกฉันมาว่าใครที่สั่งการคุณ ใคร”
“โอ๊ย ปวดหัว เสียงมันอยู่ในหัว”
ทันใด ธงทิวเปิดประตูเข้ามา
“ปวัน ออกมา”
ปวันโวยกับธงทิว มีจ่าเจี๊ยบยืนอยู่ด้วย
“ฉันกำลังจะทราบตัวคนที่อยู่เบื้องหลังการปล้นธนาคารอยู่แล้ว ผู้การไม่น่า”
“ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่ถ้าอยากเก่งแบบมีสังกัดก็ต้องรู้ว่าคำพูดผมคือคำสั่งสูงสุด ห้ามขัดขืน ขัดใจ ขัดขวาง ขัดข้อง ฟัง คดีนี้ ไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบของคุณอีกต่อไป ชัดมั้ย จะขัดคำสั่งมั้ย ถ้าจะขัดบอกเลย จะได้เด้งเลย ไม่ต้องเสียเวลา”
“ผู้การ”
“หน้าที่ของพวกคุณคือไปตามหาไอ้คนแปลกๆ ขาวๆ ดำๆ ให้เจอ สืบมาให้ได้ว่ามันเป็นใคร มาทำอะไร ใครส่งมา ชัดมั้ย จะขัดคำสั่งมั้ย บอกก่อน เด้งก่อน ไม่ต้องเสียเวลา”
ดร.อาทิตย์เดินเข้ามาพอดี ผู้การรีบปราดไปเอาใจ
“เชิญครับ ดร.อาทิตย์ ผู้ต้องหาพร้อมแล้วครับ เชิญเข้าไปเลยครับ”
“ดร.อาทิตย์จะเข้าไปทำอะไร”
“หน้าที่สืบสวนผู้ต้องหา มันควรจะเป็นหน้าที่ของตำรวจนะครับ” จ่าเจี๊ยบท้วง
“แล้วผมไม่ใช่ตำรวจเหรอ ผมจะทำคดีนี้เอง โดยมี ดร.อาทิตย์เป็นที่ปรึกษา”
“หา” ปวันตกใจ
“ขอบคุณท่านธงทิวมาก ที่เชื่อว่าคนทุกคน ไม่ว่าจะเลวหรือร้ายแค่ไหน ก็มีแสงสว่างในตัวเอง ผมจะใช้ศรัทธาสร้างพลังเปลี่ยนพวกเขา ให้ร่วมมือเป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ให้ได้”
ดร.อาทิตย์จะเดินเข้าไปในห้องสอบสวน แต่หันมาสบตากับปวันพอดี เขาจ้องนิ่ง ปวันจ้องตอบ
“เหลวไหล”
ปวันผงะ เพราะมันคือสิ่งที่เธอคิดอยู่
“เก็บอาการหน่อยครับ เพราะหน้าคุณมันฟ้องสิ่งที่คุณคิด ชัดเจนมาก”
ดร.อาทิตย์เข้าห้องสอบสวนไป ปวันสนใจดร.อาทิตย์มาก เพราะมั่นใจว่า ดร.อาทิตย์อ่านเธอได้
ปวันเดินคุยหัวเสียมากับจ่าเจี๊ยบ
“ผู้การทำงี้มันไม่เชื่อถือกัน ไม่ไว้ใจกันดูถูกพวกเรานะผู้หมวด”
“ดร.อาทิตย์เป็นของจริง”
“ผู้การจะเสียใจที่ไม่ให้ผู้หมวดทำเคสนี้”
ปวันหยุดเดิน
“รู้ได้ยังไงว่าฉันคิดอะไรอยู่ อ่านใจคนได้งั้นเหรอ หรือมีเทคนิคอะไร”
“คอยดู ถ้าด็อกเตอร์คาดคั้นไอ้โจรพวกนั้นไม่สำเร็จ อย่ามาง้อให้หมวดกลับไปทำแล้วกัน จะเชิ่ดใส่เลย เชอะ”
ทันใดนั้นมีเสียงโครมครามดังขึ้นจากห้องสอบสวน
ปวัน จ่าเจี๊ยบ รีบวิ่งกลับไป
ดร.อาทิตย์ถูกโจรบีบคอ ล็อคแขนขา ติดกับกำแพง โจรมีอาการเสียสติ ตาขวาง บ้าคลั่ง ทำร้ายดร. อาทิตย์ ดร.อาทิตย์พยายามดิ้น แต่โดนบีบคอจนหายใจไม่ออก ใกล้หมดแรง
“ช่วยด้วย อ๊อกๆ”
ตำรวจเวรและธงทิว รีบวิ่งเข้าไปในห้องขัง พยายามดึงตัวโจรออกจากตัวดร.อาทิตย์ ปวันกับจ่าเจี๊ยบรีบเข้ามาแกะมือผู้ต้องหาออกจากลำคอของดร.อาทิตย์ แล้วพาตัวออกมา ปวันถามดร.อาทิตย์อย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ ขอบคุณครับหมวดปวัน”
ดร.อาทิตย์มองปวันอย่างซาบซึ้ง
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้”
ปวันหันไปมองโจรที่ยังอยู่ในสภาพคลุ้มคลั่งต้องใช้ตำรวจชาย 2 นายช่วยกันจับเอาไว้
กลางคืน หน้าโรงพัก รถคันหรูของดร.อาทิตย์จอดรออยู่ ดร.อาทิตย์ลงจากโรงพัก นารีรีบเปิดประตูให้ ดร.อาทิตย์เข้าไปนั่งด้านหลัง เขาเจ็บลำคอที่โดนผู้ต้องหาบีบ เอามือจับที่ลำคอพลางคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ตอนที่เขายืนคุยกับโจรอยู่ที่ห้องสอบสวน
“ไม่ต้องอธิบาย ความผิดพลาดมันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ฉันเข้าใจ”
“ถ้าไม่มีผู้ชายตัวขาวๆ ดำๆ คนนั้นโผล่มา ทุกอย่างก็ไม่พลาดหรอกครับ”
“บอกแล้วไงว่าฉันเข้าใจ ไหนบอกมาสิว่าพวกแก บอกอะไรกับตำรวจไปแล้วบ้าง”
“ผมไม่ได้พูดอะไรเลยครับ เชื่อผมนะครับ ผมสาบานได้”
“ไม่พูดก็ดีแล้ว ขอบคุณที่พวกแกมีศรัทธานะ ฉันจะหาทางช่วยพวกแกเอง”
“จริงนะครับ”
“จริงสิ ไม่เชื่อลองมองตาฉันดู มีแต่ความเมตตาทั้งนั้น”
โจรมองตาดร.อาทิตย์ ดร.อาทิตย์เปล่งแสงเป็นรังสีสีแดงออกจากดวงตา โจรนิ่งตัวแข็งเหมือนโดนสะกดจิต แล้วก็อาละวาดบ้าคลั่ง ยื่นมือออกมาหาดร.อาทิตย์ทันที
ดร.อาทิตย์นั่งอยู่ในรถ แววตาฉายความโหดเหี้ยมเลือดเย็น
“แค่นี้พวกมันก็ให้การอะไรไม่ได้แล้ว”
รถดร.อาทิตย์เคลื่อนออกจากหน้าโรงพัก ตำรวจคุมตัวโจรที่บ้าคลั่งออกไป ปวันหันมาพูดกับจ่าเจี๊ยบ
“อะไรเนี่ย อีตาดร.อาทิตย์คุยกับพวกมัน ไม่เกินห้านาที พวกมันก็คลุ้มคลั่งอย่างงี้เลยเหรอ”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ปวันยืนงง และรู้สึกสงสัยในตัวดร.อาทิตย์
เจนมาส่งเชนที่บ้านตฤณ ตังตังรีบวิ่งออกมาทันที
“สายลับเชน ทำไมรีบกลับมาล่ะคะ ตังตังรอดูข่าวอยู่ แต่ไม่เห็นมีเลย หรือว่าจะออกพรุ่งนี้คะ”
“ไม่มีข่าวอะไรทั้งนั้นตังตัง พี่ผิดเองที่”
“พอๆ ตังตังทำไมยังไม่นอนอีก กี่โมงแล้ว ถึงจะปิดเทอมก็ไม่ใช่ว่าจะนอนดึกได้นะ ไปๆ ขึ้นไปนอน พี่เจนจะได้กลับบ้านไปพัก”
“ตัวเองเลิกพยายามจะปกป้องเขาแบบผิดๆ ได้ปะ เขาทำผิด เขารู้ตัว และเขาก็กล้ายอมรับผิดไม่ว่าจะต่อหน้าผู้ใหญ่หรือเด็ก”
“เชนมองคนไม่ผิดจริงๆ คุณเจนมีศักดิ์ศรีในการกระทำของตัวเอง รับผิดชอบความผิดพลาดของตัวเองอย่างดุษฎี คนเช่นนี้น่าชื่นชมและน่ายกย่องเป็นที่สุด นายควรจะเรียนรู้ไว้นะ วิธีปกป้องคนทำผิดที่ดีที่สุดคือการยอมรับความผิด เมื่อรู้จักยอมรับ จะเกิดการเรียนรู้ และจะไม่กระทำผิดซ้ำอีก”
“อ้าว นี่กลายเป็นฉันผิด”
“น้าเจนทำอะไรผิดเหรอคะ”
“เชน หมาล่าเนื้อไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว ยังมีอีกหลายสำนักข่าวที่ต้องการตัวคุณ คุณต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะคะ”
“ขอบคุณมากครับที่ปรารถนาดีต่อเชน”
“ถ้ามีอะไรที่เจนช่วยได้ บอกเลยนะคะ เจนยินดีที่จะช่วยคุณ ไม่ใช่เพราะเจนรู้สึกผิดนะคะ แต่เพราะคุณเป็นคนดี ดีเหมือนพระเอกหนัง”
“รางวัลของการทำดีมันสวยงามจริงๆ นะครับ”
เชนทำท่าโปรยเสน่ห์ให้เจน สองคนเข้ากันได้ดี ตังตังก็เชียร์ไปด้วย ตฤณอยู่นอกวงคนเดียว
“เฮ้ย สรุปว่าฉันผิดอยู่คนเดียวใช่มั้ย”
ตฤณงอน เดินหนีไป แต่ไม่มีใครสนใจ
คืนนั้น ตฤณกำลังติดกาวชิ้นส่วนแว่นสามมิติที่แตกกับตัวแว่นอย่างจริงจัง ตังตังกับเชนเดินเข้ามา
“ตังตังเข้าใจที่น้าเจนบอกแล้วค่ะ ถ้ามีใครรู้เรื่องเชน เชนจะอยู่อย่างไม่มีความสุข ตังตังจะต้องปกป้องฮีโร่ของตังตัง จากโลกอันแสนโหดร้ายค่ะ”
“คนที่ช่วยฮีโร่ทำสิ่งที่ถูกต้อง ก็ถือเป็นฮีโร่เหมือนกันนะ” เชนบอก
“ตังตังเป็นฮีโร่ เย้ๆ ทำอะไรน่ะน้าตฤณ”
“ถ้าเราไม่รู้ว่าจะไปตามเจ้าของร้านนั้นได้ที่ไหน น้าก็จะซ่อมแว่นนี้เอง จะได้ส่งไอ้สายลับขี้หลีกลับไปซะที”
“มันไม่ใช่การ์ตูนนะ ตัวการ์ตูนของน้าตฤณอาจจะทำอะไรสำเร็จ แต่ความเป็นจริง”
“หมายความว่าไง”
“เปล่า”
“ตังตังจะบอกว่า น้าไม่เคยทำอะไรสำเร็จใช่ไหม ตังตังก็คิดแบบเจน ว่าน้ามันห่วย น้ามันล้มเหลว น้ามันไม่มีอนาคตร่วมกัน”
“ยู้ด ผู้ชายสมัยโลกมีสีสัน ทำไมมันขี้แยนักนะ เชนลองใช้วิธีนี้ดีกว่า อาจจะได้ผล”
เชนพยายามกดเครื่องส่งสัญญาณติดต่อระหว่างลินดา ตังตัง มามุง สนใจ ตฤณมองหยามๆ ไม่อยากจะสนใจ
“อ๊า ลืมไปสนิทเลย อุปกรณ์สื่อสารถึงลินดานี่นา”
“ถ้าไฟสีแดงกระพริบ แปลว่าเครื่องส่งสัญญาณไปหาลินดาแล้ว ถ้าลินดาตอบรับ ไฟสีเขียวก็จะกะพริบ”
เชนกดปุ่ม แต่หลอดไฟทั้งสองสีนิ่งสนิท
“ไม่ติดเลยก็แปลว่าเจ๊งเหรอคะ”
“เชนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันไม่ทำงาน มันไม่เคยเป็นแบบนี้”
ตังตังสงสารเชนมาก จับมือเชนเขย่าเบาๆ ปลอบเชน
“โอ๋ๆๆ ไม่ต้องกลัวนะ กลับไปปกป้องโลกในหนังไม่ได้ ก็อยู่ปกป้องโลกนี้แทนก็ได้ จะได้ปกป้องตังตังด้วย”
“ตังตังมีน้าตฤณปกป้องอยู่แล้วไง”
“เหรอ”
ตฤณสะบัดหน้า เดินไปเซ็งๆ แล้วกดเปิดทีวีแบบไม่มีอะไรจะทำ ภาพข่าวในทีวี เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารจากเหตุการณ์การปล้นธนาคารที่ผ่านมา โดยในภาพข่าวเน้นไปที่ตัวเชน มีการทำวงกลมสีแดงล้อมรอบเชนเอาไว้
“ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันตรงกันว่าบุรุษปริศนาในเหตุการณ์โจรปล้นธนาคารวันนี้ ไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เขามาช่วย”
ภาพข่าวมีการสัมภาษณ์คนในเหตุการณ์หลายๆ คน เป็นเสียงสัมภาษณ์ดังมา เชนเข้าไปนั่งดูอย่างจดจ่อ
“พวกเขาหมายถึงเชนเหรอ”
“ใช่ค่ะ วันนี้มีข่าวสายลับเชนซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะใครๆ ก็อยากจะเห็นคนที่มีตัวสีขาวดำด้วยตาตัวเองทั้งนั้น”
“อย่างนี้นี่เอง นายตฤณถึงไม่อยากให้ใครเห็นเชน เพราะจะทำให้คนที่นี่แตกตื่น จริงๆ แล้ว นายก็พอมีความเป็นคนดีอยู่บ้างนะ ขอบใจ”
เชนขอบใจจากใจจริง ตฤณอึ้งๆ งงๆ ฮึดฮัด
“อย่าๆๆ ตบหัวแล้วอย่ามาลูบหลัง”
ตฤณแยกไป
ตังตังหยิบแว่นสามมิติกระโดดขึ้นเตียงตัวเอง กำลังขึงขังจริงจังกับแว่นสามมิติอยู่
“เราจะทำยังไงให้แว่นสามมิติอันนี้ใช้งานได้อีก”
ตฤณนอนอีกด้านของเตียง บ่นเครียดของตัวเอง ตังตังได้ยินเสียงบ่น หันมาฟัง
“ถ้าเชนกลับไปไม่ได้ เชนก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป แต่เชนไม่รู้จักใคร นอกจากเรา งั้นก็แปลว่า ไอ้ตฤณซวยแล้ว”
ตังตังฟังไป คิดตามไป ตื่นเต้นถ้าเชนจะได้อยู่ที่นี่
“สุดยอด”
“ต้องหาทางส่งนายเชนกลับไปให้ได้ แต่ระหว่างนี้จะทำยังไง ให้เขารอดพ้นสายตาของผู้คน ต้องทำให้สายลับเจ้าเสน่ห์คนนี้ไม่ถูกมองเป็นตัวประหลาดสีขาวดำ”
“เชนไม่ใช่ตัวประหลาด”
ตฤณผงะ เพราะเห็นเชนมานั่งท่าหล่อเศร้าแบบเท่ๆ อยู่ที่ระเบียงห้อง
“เฮ้ย มาทำบ้าอะไรตรงนี้”
“เชนมาดูแลความปลอดภัยให้ เชนจะไม่หลับ จนกว่าจะแน่ใจว่าทุกคนฝันดี”
เชนขยิบตาเจ้าเสน่ห์ให้
“เป็นกิจวัตรประจำของเชนค่ะน้าตฤณ ขอบคุณนะคะเชน”
ตังตังห่มผ้านอนยิ้ม ตฤณอึดอัด ไม่ชินกับการมีคนมอง หันไปมองเชนอีกที เชนขยิบตาให้ ตฤณแทบหยุดหายใจ รีบมุดตัวลงไปใต้ผ้าห่มทันที
“ฝันร้ายแน่ๆ”
เชนนั่งอยู่ที่ระเบียงห้องนอน มองพระจันทร์ แววตาเศร้าลึก เพราะคิดถึงลินดา
“ลินดา เชนจะกลับไปช่วยลินดาให้ได้”
ตอนเช้า ปวันเดินเข้ามาในธนาคารธนทรัพย์ จ่าเจี๊ยบตามมาด้วย ทั้งคู่อยู่นอกเครื่องแบบ เดินตรงเข้าไปที่ห้องผู้จัดการที่เป็นห้องกระจกด้านใน ซึ่งมีพิภพนั่งทำงานอยู่ ปวันเปิดประตูเข้าไปในห้องเลย โชว์บัตรประจำตัวตำรวจ พิภพเซ็งทันที
“เมื่อวานผมก็โดนสอบไปหนักแล้ว พวกคุณยังอยากรู้อะไรอีก”
“คุณคิดว่าใครคือคนร้าย”
“ผมไม่รู้”
“คุณแน่ใจหรือเปล่าว่าไม่เคยบอกรหัสเซฟกับใคร”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เคยๆ นี่ คุณตำรวจ ถ้าคุณคิดว่าผมจะวางแผนปล้นธนาคารตัวเอง พวกคุณก็ไปหาหลักฐานมาเลยดีกว่า แต่อย่ามาถามซ้ำๆ ซากๆ อย่างนี้”
“ผู้หมวดแค่จะบอกว่าคุณอาจบอกรหัสใครไปโดยไม่ตั้งใจก็ได้”
พิภพฉุน “ผมไม่ได้บอกใคร”
ปวันชะงัก เหลือบไปเห็นปฏิทินตั้งโต๊ะ มีการเขียนในช่องของวันก่อนวันเกิดเหตุ 2 วันว่า “FAITH SHOW”
“ก่อนเกิดเหตุสองวันคุณไปร่วมในรายการโชว์ ดร.อาทิตย์มาเหรอ”
“แล้วจะทำไม”
ปวันสงสัย
ปวันเดินออกมาจากธนาคาร จ่าเจี๊ยบรีบตามมา
“ทำไม ทำไมถึงมีชื่อ ดร.อาทิตย์มาเกี่ยวข้องในทุกๆ เรื่องด้วย”
“ก็ด๊อกเขาดัง เขาเซเล็บนี่ครับ ถ้ามีชื่อเจี๊ยบไปเกี่ยวสิครับถึงแปลก”
“มันก็ใช่ แต่”
“อย่าครับ อย่าสงสัยบุคคลที่ไม่ควรสงสัย เดี๋ยวจะลำบาก หน้าที่เราคือสืบหาตัวไอ้วีรบุรุษตัวสีขาวๆดำๆ ซีดๆ คนนั้นมาสอบปากคำให้ได้ เพราะมันอาจเกี่ยวข้องการปล้นธนาคารนี้”
“หรือไม่ก็อาจเกี่ยวข้องกับ ดร.อาทิตย์อีกคนก็ได้”
“ผู้หมวด คนดีขนาดนั้นไม่มีทางคิดที่จะมาปล้นแบงค์แน่ๆ"
ปวันยังคงสงสัยในตัว ดร.อาทิตย์ไม่เลิก ตามสัญชาตญาณ
เชนอยู่ในชุดใหม่ สไตล์เสื้อลาย ยกปก กางเกงขาบานเอวสูง รองเท้าหนังสีขาวหัวแหลม เป็นชุดของปู่ที่ทิ้งเอาไว้ แต่เนื้อตัวยังเป็นสีขาวดำ ตฤณมองอย่างพอใจ
“ว้าว โก๋หลังวังสุดๆ เชนใส่ชุดของปู่ได้พอดีเลย” ตังตังชอบใจ
“เน้นสีสันไว้ก่อน ใส่แว่นกับสวมหมวกซะหน่อย ก็คงไม่มีใครสังเกตเห็น ผ้าพันคอ เอาออกได้มั้ย ปลิวซะอย่างกับลมแรง”
“ไม่ได้ค่ะ เชนของแท้ต้องมีผ้าพันคอ ช่วยเพิ่มความหล่อได้อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์”
เชนชี้ที่ตัวเอง
“เรื่องความหล่อ คงมากไปกว่านี้อีกไม่ได้แล้วล่ะครับ”
“ก็ว่างั้นแหละ จัดเต็มซะหาช่องเติมไม่ได้แล้วหนิ”
“คุณตฤณไม่อยากแต่งแบบเดียวกันบ้างเหรอครับ เสื้อผ้าคุณปู่ตังตังที่ดูดีมีรสนิยมกว่าชุดเชยๆ ที่คุณกำลังสวมอยู่ตอนนี้ยังมีอีกมาก”
“ตามสบายเถอะครับ ผมชอบเชยๆ”
“เชื่อผม ถ้าคุณหันมาแต่งแบบผม คุณเจนจะไม่มีสายตาไปมองชายอื่นได้เลย”
“คุณ อย่ามายุ่งเรื่องของผม”
ตฤณฉุนๆ เซ็ง เดินนำออกไป
“โดนเต็มๆ” ตังตังแซว
เจนจิราเดินเข้ามาในสถานีสมายลืทีวี แต่ตลอดทางเดิน พวกพนักงานต่างพากันมองเธอเป็นตาเดียว มีพนักงานรุ่นน้อง 3 คน เข้ามาล้อม เป็นตัวแทนของทุกคน
“พี่เจน แมวไม่สนว่าต้องใช้วิธีไหนยังไง แต่พี่เจนต้องทำให้ได้”
“ถ้าทำไม่ได้ พวกเราจะไม่คุยกับพี่อีก หน้าก็ไม่มอง กลิ่นก็ไม่ดม จะตัดขาดกับพี่ทุกอณูสัมผัส”
“ชะตากรรมพวกเราอยู่ในมือพี่เจนแล้วนะ จะบีบก็ตาย จะคลายก็ตายอยู่ดี ทางรอดมีทางเดียวคือพี่เจนต้องทำให้สำเร็จ”
“เดี๋ยวๆๆ ทุกคนเป็นอะไร มีเรื่องอะไร แล้วฉันต้องทำอะไร”
เจนจิราเดินพุ่งพรวดเข้ามาในห้องประมุข
“หัวหน้า”
ประมุขอยู่ในห้อง คุยโทรศัพท์กับน้องสมายล์ รีบยกมือห้ามเจนจิราไว้ก่อน
“ชู่ว์ คะ ลูกสมายล์ ได้ค่ะ จะไปเที่ยวบ้านเพื่อนก็ได้ ให้ลูกน้องของคุณพ่อไปส่งนะคะ แต่ต้องเป็นวันอื่นนะคะ เพราะวันนี้จะต้องมาดูโชว์ ดร.อาทิตย์กับคุณพ่อนะคะ คะ รักนะคะลูกสาวคนสวยของคุณพ่อ”
ประมุขวางสาย เจนจิราใส่ทันที
“หัวหน้าเอาอนาคตของคนทั้งแผนกมาเป็นตัวประกันเพื่อกดดันให้เจนทำสกู๊ปชายตัวขาวดำคนนั้นได้ยังไง มันไม่ถูกต้อง”
“แล้วที่คนทั้งโทรมาด่าทั้งทวีตด่าในโซเชี่ยลว่าสมายล์ทีวีมโนเรียกกระแส เป็นเพราะใครล่ะ คุณทำให้สมายล์ทีวีเสียเครดิตหมดทุกประตู คุณก็ต้องรับผิดชอบ”
“แต่คนอื่นไม่เกี่ยว ทำไมต้องขู่จะปลดพนักงานออกด้วย”
“ผมอยากให้คุณรู้และจำให้ขึ้นใจว่า ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของคนๆ หนึ่ง มันส่งผลต่อเนื่องถึงคนอื่นๆ อีกมากมาย ผมจะให้โอกาสคุณแก้ตัว ภายใน 1 สัปดาห์ ผมต้องเห็นข่าวชายตัวขาวดำคนนั้น ไม่งั้นมีอีกหลายคนต้องลำบากเพราะคุณแน่”
เจนจิราอึ้ง เครียด
ประมุขเดินออกจากห้อง เจนจิราเดินตาม
“เดี๋ยวค่ะหัวหน้า เจนยังไม่จบ”
น้องสมายล์วิ่งเข้ามาหา ประมุขรีบเข้าไปอุ้มลูกสาวทันที
“คุณพ่อ”
“ไปเรียนเปียโนวันนี้มาเป็นยังไงบ้าง สนุกมั้ยคะ”
“ทุกอย่างดีหมดค่ะ ยกเว้นเพื่อนร่วมชั้นบางคน”
“หัวหน้าคะ เจนขอคุยธุระก่อน”
เจนจิราไม่ทันได้พูดอะไร จันทร์เจ้ากับกังฟูเดินเข้ามา ส่งเสียงดังสดใสแทรกมา
“สวัสดีค่ะคุณประมุข พอดีจันทร์พากังฟูไปลงเรียนบัลเล่ต์น่ะค่ะ ไม่รู้มาก่อนเลยว่าน้องสมายล์เรียนอยู่..ดีเลยค่ะ จะได้ให้เด็กสองคนนี้เต้นคู่กัน”
“แม่ครับ ถามความสมัครใจของเขาก่อนสิครับ”
“น้องสมายล์ต้องพูดมากกว่า”
“ก็ถ้าถาม เขาก็จะตอบว่า เต็มใจงายอิอิ”
“แหม เด็กๆ เข้ากันดีนะคะ ปล่อยเด็กๆ เล่นไปแล้วกันค่ะ ไปหามุมสงบๆ คุยเรื่องเบิ้ลกับจันทร์ดีกว่า”
“หือ”
“จันทร์จะปรึกษาเรื่องรายการ อร่อยต้องเบิ้ล ของจันทร์น่ะค่ะ ฮะๆๆ คิดว่าอะไรเหรอคะ”
“อ้อ ฮะๆๆ”
“แน้ๆๆ”
จันทร์เจ้าจะพาประมุขแยกออกไป แต่เจอเจนจิรายืนขวาง
“อ้าว เจนจิ มายืนทำอะไรตรงนี้คะ หลบๆๆ”
“หัวหน้าคะ เจนไม่ทำสกู๊...”
“ธุระของเราจบแล้วนะเจนจิ ผมไม่ต่อรองอะไรอีก”
ประมุขไม่ได้สนใจเจนจิราเลย เจนจิราได้แต่เซ็งๆ กังฟูหันมาคุยกับสมายล์
“สมายล์ ปิดเทอมเธอกับตังตังนัดกันไปเที่ยวไหนกันบ้างอะ ขอเราไปด้วยดิ อยู่บ้านกับแม่ เบื่ออ่ะ”
“เธอเบื่อแม่ แต่เราเบื่อเธอ ไม่บอกหรอก แบร้”
น้องสมายล์วิ่งไปเลย กังฟูเซ็ง โวยวาย รีบวิ่งไล่ตาม
“บอกหน่อยดิ ขอไปด้วยๆๆ”
เจนจิราเซ็ง
“แล้วฉันจะทำยังไงดี”
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ตฤณพาเชนและตังตังมาที่หน้าตึกแถวซึ่งเปิดร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่ง มีเครื่องใช้ไฟฟ้าวางเรียงรายที่หน้าตึก
“น้าตฤณจะมาซ่อมทีวีเหรอ”
ตฤณไม่ตอบ เดินเข้าไปในร้าน ทันทีที่ก้าวเข้าไป ก็เหมือนกลไกอะไรบางอย่างในร้านทำงาน ไฟสว่าง มีเสียงดนตรีนำประกาศแบบห้างสรรพสินค้า แต่ไม่มีประกาศสักที
“ท่านผู้มีอุปการคุณโปรดทราบ คิดว่าจะมีประกาศอะไรล่ะสิ ไม่มีจ้า”
ตฤณเซ็ง รู้จักนิสัยเพี้ยนๆ ของวิศวะ เพื่อนสนิทคนนี้ดี ในขณะที่เชนมองหาให้ควั่ก
“ใครพูด เสียงใคร มาจากไหน”
“ไม่ต้องตื่นตัวกับทุกเรื่องได้มั้ย” ตฤณเซ็ง
“โอเค มิสเตอร์โอเคมันอยู่ที่นี่เหรอ”
ตฤณเดินนำทุกคนเข้ามาด้านในร้าน ภายในเป็นห้องโถงกว้าง ภายในห้องมีแต่อุปกรณ์ประหลาดๆ ออกแนวกึ่งห้องทดลอง ด้านหนึ่ง หุ่นยนต์นะโมกำลังทำแกงเขียวหวานอยู่ หุ่นยนต์พูดจาฉะฉาน สาธยายสูตรแกงเขียวหวาน
“พอกะทิเดือดแล้ว ก็ปรุงรส น้ำปลาเท่าไหร่ก็ใส่ไป น้ำตาลทราย เท่าไหร่ก็ใส่ไป มะเขือเปราะ เท่าไหร่ก็ใส่ไป พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง ใบมะกรูด ยอดมะพร้าว เท่าไหร่ก็ใส่ไป ใส่ๆ มันเข้าไป เป็นอันเสร็จ รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มมั้ยคะ ครับสิ เราเป็นผู้ชาย สับสนทางเพศ ฮะๆๆๆ”
“เพี้ยนเหมือนพ่อมันไม่มีผิด” ตฤณขำๆ
หุ่นยนต์เคลื่อนเข้ามาหาพวกตฤณ
“แกงเขียวหวานมั้ยครับ”
ตังตังตื่นเต้น
“หุ่นยนต์พูดได้”
หุ่นยนต์ทำตาโต พูดจาเลียนแบบ
“คนพูดได้”
“อุปะ หุ่นยนต์ สร้างหุ่นยนต์ได้จริงๆ ด้วย แม่เจ้าโว้ย มันเกิดขึ้นจริงๆ รู้ไหมว่ามิสเตอร์โอเคก็พยายามจะสร้างหุ่นยนต์เอาไว้ทำสงคราม แต่มันทำไม่สำเร็จ” เชนทึ่งมาก
อยู่ๆ ตู้เย็นเครื่องหนึ่งสั่นกึกกักๆ แล้วก็สงบนิ่งลง มีควันลอดออกมา สักพัก ประตูเปิดผลัวะออก วิศวะ ก้าวออกมา ในชุดนุ่งผ้าขนหนู เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ร้องทักตฤณ
“ไอ้ก้นย้อย”
เชน ตังตังหันมองว่าใครก้นย้อย
“ฉันคิดถึงแกจริงๆ เว้ยไอ้ก้นย้อย”
วิศวะกอดทักทาย ตฤณเซ็งที่โดนเพื่อนล้อฉายา
“แกอย่าเรียกฉันแบบนี้ต่อหน้าหลานฉันได้มั้ยไอ้วิศวะ”
วิศสะแอบบีบก้น
“แกยังก้นย้อยอยู่เหมือนเดิม ฮ่าๆ”
วิศวะหัวเราะล้อเลียน ตังตังขำ ตฤณเซ็ง วิศวะเดินแยกไปอีกด้าน ที่เหนือหัวขึ้นไปมีแชนเดอเลียที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเองจากไอโฟน แกนอันหนึ่งของแชนเดอเลียหย่อนลงมา วิศวะเข้ามารับแกนนั้น กดสวิทช์ ใช้มันเป็นไดร์เป่าผม
“แกรู้มั้ยว่าเมื่อคืนฉันต้องสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ให้กับแกยันสว่าง แต่ขอบอกเลยว่ามันอัศจรรย์มาก แกจะต้องชาบูในการประสานงานระหว่างซีรีบรัมและไฮโปทาลามัสของฉันสุดๆ”
“นายคือคนที่สร้างหุ่นยนต์ใช่มั้ย นายเก่งมาก” เชนชื่นชม
วิศวะยิ้มรับคำชม แล้วแอบบีบก้นเชน
“แน่นอนๆ ไม่ย้อย”
“ไอ้วิตถาร”
เชนปัดมือวิศวะออก ชกเข้าที่หน้าอก 1 หมัด วิศวะล้มก้นจ้ำเบ้า
“โอ๊ย ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วย”
“สม” ตฤณซ้ำ
วิศวะมองหน้าเชนเต็มๆ
“ทำไม หมอนี่ถึงเป็นสีอย่างนี้”
เจนจิราเดินออกมาจากสถานี กดมือถือหาตฤณ แต่ลังเลว่าจะโทรไปหาดีหรือไม่
“ไม่ๆๆ เราจะพาเชนมาออกรายการไม่ได้ คนดีๆ อย่างเชน ไม่ควรถูกเอามารุมทึ้งกลางอากาศ แต่ แต่ถ้าเราไม่ทำ จะต้องมีคนตกงานเพราะเรา จะทำไงดีๆๆ”
เจนจิรากำลังสับสน แต่อยู่ๆ ต้องชะงัก เพราะปวันเข้ามายืนตรงหน้า
“คุณ”
“ดิฉัน หมวดปวัน ขอเวลาคุยด้วยสักครู่ได้มั้ยคะ”
สองสาวพากันมาที่ร้านกาแฟใกล้สถานี ปวันซักถามเจนจิรา
“ฉันไม่รู้จักผู้ชายตัวขาวดำอะไรคนนั้น”
“แน่ใจ”
“ยิ่งกว่าแน่ใจ”
“ฉันว่าฉันเห็นคุณในธนาคารตอนนั้นด้วย”
“คงคนหน้าเหมือนฉันมั้งคะ”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น คงจะเป็นคนหน้าเหมือนคุณ”
ปวันจ้องเจนจิรา
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันมีธุระต้องรีบไปทำ”
เจนจิราลุกจากโต๊ะ
“ถ้าคนทั่วไปมารู้ภายหลังว่ามีนักข่าวอยู่ในธนาคารขณะที่มีการปล้น แล้วนักข่าวคนนั้นหาทางหลบหนีไป โดยไม่ให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ คุณว่าคนทั่วไปจะคิดอย่างไร”
เจนจิราชะงักแล้วกลับลงมานั่งที่เดิม มองปวัน
“คุณกำลังข่มขู่คุกคามสื่อเหรอ คุณตำรวจหญิง”
ปวันมองตาเจนจิรา แล้วยิ้มมุมปากกับความฉลาดของเจนจิรา
“ฉันก็แค่ขอความร่วมมือ เพราะอยากรู้ว่าเขาคือฮีโร่ที่แท้จริง หรือว่าทั้งหมดเป็นทีมงานที่ถูกจัดมา สร้างสถานการณ์เพื่อสร้างภาพของใครบางคน”
“สร้างภาพใครคะ เป็นทฤษฎีที่น่าสนใจมาก แล้วฉันจะกลับไปสืบดูบ้าง เผื่อจะเป็นแนวทางทำรายการข่าวแปลกๆ”
“คุณมีนามบัตรไหมค่ะ เผื่อฉันต้องโทรหา”
“อย่าหาว่าโง้นงี้เลยนะ แต่อย่าเลย คุณคงไม่อยากโทรหาฉันหรอก”
“อย่าหาว่าโง้นงี้เลยนะ แต่คุณเองที่อาจจะอยากโทรหาฉัน”
“ระวังหน่อยหมวดปวัน ฉันกัดเจ็บกว่าเห่าเยอะ”
“อยู่ๆ ก็ว่าตัวเองเป็นนกหงหยก เอ๊ะ หรือว่าเรา”
เจนจิราเดินออกไป ปวันมองตามไปอย่างมั่นใจว่าเจนจิรารู้อะไรแน่นอน
วิศวะพิจารณาเชนอย่างทึ่งมาก เดินวนรอบ พิจารณาทุกรายละเอียด เชนระแวงวิศวะ กลัวโดนแต๋ะอั๋งอีก
“หลุดออกมาจากในหนังจริงๆ เหรอเนี่ย มหัศจรรย์มาก คุณธรรมปกป้อง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์ หยุดเหล่าร้าย สายลับเชน ฉลาดก็เท่านั้น หล่อก็เท่าโน้น ฉันเคยดู”
“สายลับเชนไม่ทำท่าได้แย่ขนาดนั้น” เชนต่อว่า
“ขอถ่ายรูปคู่หน่อย”
วิศวะเอากระทะมาใช้แทนกล้อง
“จะทำอะไร”
เชนขยับตัวหนี แต่ตังตังจับเชนไว้ไม่ให้หนี
“เชื่อหนูนะ พี่วิศวะเขาไม่ทำอันตรายสายลับเชนหรอก ตังตังอยู่ด้วยนะ”
ตังตังยืนคั่นกลางระหว่างเชนและวิศวะ วิศวะกดถ่ายปุ๊บ ภาพๆ นั้นไปปรากฏบนกรอบรูปที่ผนังทันที
“แล้วไหนล่ะ ของที่แกบอกว่า อาจจะช่วยได้” ตฤณถาม
“นี่ๆๆ นี่ไง ครีมปรับสีผิวแบบหุนหันพลันแล่น แต่แกจะใช้กับเขาจริงๆ เหรอ ฉันว่าสีขาวดำยังงี้ก็เป็นเอกลักษณ์ดีนะ”
“แกอยากให้เชนถูกจับไปออกงานวัดมั้ยล่ะ เอาครีมมา แค่ทาก็เสร็จใช่มั้ย”
“แต่ถ้าจะให้เร็วต้องทาแล้วอบด้วยความร้อน”
“น้าตฤณ ยังมีอีกเรื่อง”
ตังตังยื่นแว่น 3 มิติให้
“อะไร” วิศวะงง
“แว่น 3 มิติ ที่พาคุณสายลับเชนออกมาจากในหนัง แต่ตอนนี้ใช้งานไม่ได้ แกซ่อมได้มั้ยวะ”
“ละ ละ ละ ละ ลินดา และโลกกำลังตกเป็นตัวประกันของมิสเตอร์โอเค เชนต้องกลับไปเพื่อขจัดความมืดมิดนั้น”
ตฤณมองเชนแล้วหันมามองวิศวะ
“เข้าใจยัง”
“เชื่อมือไอ้วิศวะคนนี้เถอะ รับรองสายลับเชนได้กลับเข้าไปช่วยลินดาแน่ ฮ่าๆๆ”
เชนหันไปพูดกับตังตัง
“ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลย”
“ดี งั้นตอนนี้ เชน ไปจัดการตัวนายก่อน”
“จัดการ แมนเนจ อ่า เหรอครับ”
ตฤณ เชนเดินตามตังตังมาที่โซนคลินิกความงามแห่งหนึ่ง สักพัก มือถือของตฤณดัง ตฤณหยิบมารับสาย และเดินตามตังตังไปด้วย
“สวัสดีครับ บก. ว่างครับ หา บก.มีจ็อบวาดการ์ตูนให้ผมทำเพิ่ม ได้ครับๆ จะให้เข้าไปพบวันนี้ กี่โมงครับ วันนี้ สี่โมงเย็น โอเคเลยครับ แล้วเจอกันครับบก.หึๆ ตฤณ ตรงวุฒิ กำลังจะมาแล้ว เจนจะได้รู้ว่าเขามีพัฒนา ไม่ได้ดักดานอย่างที่คิด ตังตัง น้าต้องรีบไป”
“สี่โมงไม่ใช่เหรอคะ นี่เพิ่งจะเที่ยง อย่ามา”
“ตังตังพาเชนมาที่นี่ทำไม”
“ก็จะพาเชนมาอบผิวอำพรางตัวไงคะ”
“หา แต่คลินิกพวกนี้ น้าไม่มีเงินจ่าย”
“เรื่องนี้รู้ตั้งแต่จำความได้แล้ว”
เจนจิราเดินเข้ามา
“ตังตัง”
“น้าเจน ตังตังขอให้น้าเจนมาช่วยต่างหาก”
“เจน”
“สวัสดีตอนบ่ายครับ คุณเจนจิรานักข่าวคนสวย เมื่อวานผมว่าคุณสวยแล้ว วันนี้คุณสวยกว่าเมื่อวานอีก” เชนชม
“ขอบคุณค่ะ คุณก็หล่อขึ้นกว่าเมื่อวานเหมือนกัน”
ตฤณเซ็ง หงุดหงิด
“นี่ตังตังโทรไปขอให้น้าเจนช่วยเหรอ”
“ค่ะ เพราะน้าตฤณไม่มีเงินไงคะ”
“ไม่ต้องคิดมาก ฉันทำเพื่อตังตังกับเชน สายลับเจ้าเสน่ห์ ไม่ใช่คุณ แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย เพราะฉันรู้จักกับเจ้าของคลินิกนี้ดี”
“ใคร”
ตฤณเพิ่งจะหันไปสังเกตป้ายของคลินิก ที่ชื่อว่า บารมีคลินิก มีรูปบารมีเป็นโลโก้เด่นหราอยู่ ตฤณยืนอึ้งกับรูปบารมี
ปวันจอดรถซุ่มมองอยู่ สายตาจ้องเน้นไปที่เชน แม้จะเปลี่ยนชุดแล้ว แต่ที่ฝ่ามือและหน้าตายังเป็นขาวดำอยู่ จนกระทั่งทั้งหมดเดินเข้าไปด้านในร้าน มือถือปวันดัง เธอรีบหยิบมารับสาย
“ว่ายังไงจ่าเจี๊ยบ”
จ่าเจี๊ยบนั่งอยู่บนอัฒจรรย์คนดูภายในเดอะซันฮอลล์
“ผู้หมวด ผมอยู่ในสตูแล้ว ผมและทีมจะเก็บภาพให้ละเอียดถึงไส้ติ่ง ด็อกอาทิตย์เลยครับ”
โชว์กำลังจะเริ่ม ดนตรีประโคม แสงสปอตไลท์กำลังสาดส่องไปรอบๆ ฮอลล์ แฟนคลับดร.อาทิตย์รีบชูป้ายไฟ ส่งเสียงเรียกร้อง จ่าเจี๊ยบวางสาย หันไปพยักหน้าอย่างรู้กันกับตำรวจนอกเครื่องแบบอีก 2-3 คนที่กระจายกันอยู่รอบๆ ทั้งที่นั่งคนดูอีกโซน ประตูทางออก
“ดร.อาทิตย์นี่นะจะเกี่ยวข้องกับการปล้นธนาคาร หมวดปวันน่าจะคิดไปเองแน่”
จันทร์เจ้ากับกังฟูเดินเข้ามาหาที่นั่ง กังฟูถือขนมมาเต็มมือ จันทร์เจ้าหันไปเห็นประมุขกับน้องสมายล์ซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วในฮอลล์
“คุณประมุขคะ”
“เชิญเลยครับคุณจันทร์เจ้า เชิญๆ”
จันทร์เจ้ารีบแหวกเข้าไปนั่งข้างๆ ประมุข จ่าเจี๊ยบเห็นจันทร์เจ้าถึงกับตะลึง
“โอ๊ะ โห หื้ม”
ตฤณหน้าบูดเมื่อเห็นเจนจิรากำลังหวานกับบารมีภายในคลินิก บารมีวิเคราะห์ใบหน้าหญิงสาว
“เจนไม่ได้มากส์หน้าทุกคืนอย่างที่ผมสั่งใช่มั้ย อย่าๆ ผมดูออก เป็นเด็กดื้องั้นวันนี้คุณหมอจะให้เจนเมคโอเว่อร์ออร่าและโบท็อกซ์ แล้วก็ทำเลเซอร์ กระตุ้นคอลลาเจนด้วย”
“บารมี แค่ช่วยดูแลให้เพื่อนเจนก็พอแล้ว”
“ผมช่วยเพื่อนเจนทั้งที หน้าวิ้งตอบแทนผมไม่ได้เหรอ นะคะ นะค้าๆๆ”
“ก็ด้ะ”
“น่ารักที่สุด จัดให้เลยนะ เอ่อ แล้วเพื่อนเจนคนไหนล่ะที่จะทำ”
“คนนี้ค่ะ”
บารมีมองเชนผ่านๆ ไม่ได้ใส่ใจ
“ท่าจะต้องเมคโอเว่อร์กันทุกรูขุมขน อ๊ะๆๆ พาไปจัดการเลย”
“ไปค่ะเชน”
ตังตังพาเชนเข้าไป พนักงานหญิงเดินนำเข้าไป ตฤณหันมาถามบารมี
“ขอโทษนะครับ เราคงใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงใช่มั้ยครับ พอดีมีธุระเรื่องงานตอนสี่โมง”
“ไม่เกินครับ คุณตฤณไม่ทำด้วยเหรอครับ ทำโคเลียซิลก์ หน้ากระจ่างใสแบบเกาหลีมั้ย ผมทำให้ฟรี”
“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่มีใจใฝ่ทางนี้”
“แหม สาวๆ สมัยนี้ชอบผู้ชายดูแลตัวเองนะครับ หล่อ สะอาด หน้าใส ซิกแพ็ก เป๊ะ จริงมั้ยครับเจน”
“เอ่อ บารมี ที่นี่กำลังจะมีอะไรหรือเปล่า ทำไมพนักงานคุณดูตื่นเต้นกันจัง”
“อ๋อ เดี๋ยวจะมี ปาร์ค จุน จี ซุปสตาร์เกาหลีมาทำหน้า จริงๆ เขาขอให้ผมปิดคลินิกเลย เพราะกลัวจะมีภาพหลุดไป แต่ผมเห็นว่าเป็นเจน เลยให้เข้ามาใช้ แต่เจนต้องสัญญานะว่าจะอยู่เงียบๆ ไม่ทำให้แขกผมตกใจ”
ปวันซุ่มมองมาจากด้านนอกคลินิก ยังคงสังเกตการณ์ ไม่ให้คลาดสายตา แต่อยู่ๆ มีเสียงเชนโวยวายออกมา
“ออกไปให้หมด ไป”
ตฤณกับเจนจิราตกใจ ตฤณรีบวิ่งแหวกเข้าไปก่อน เจนดึงบารมีไว้
“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวให้พวกเขาจัดการกันเองค่ะ”
เจนจิราไม่อยากให้ใครเข้าไปเห็นเชนมาก ปวันแปลกใจ มองตามตลอด คิดอยากจะเข้าไปด้านใน แต่ชะงัก
“เข้าไปสภาพยังงี้ไม่ได้”
ภายในห้อง เชนยังอยู่ในชุดเดิม สวมแว่นดำ กำลังโวยวาย เพราะพนักงานสาวยื่นเสื้อคลุมมาแล้วสั่งให้ถอดเสื้อผ้าออก พวกพนักงานถอยไปออรวมกันอีกด้าน
“ป่านนี้พ่อแม่ของพวกเธอคงจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีไปแล้ว”
ตฤณรีบวิ่งเข้ามา
“มีเรื่องอะไร”
“พี่สองคนนี้เขาบอกให้เชนถอดชุดแล้วไปนอนบนเตียง เชนก็โวยวายเลยค่ะ” ตัวตังเล่า
“อยู่ดีๆ มาบอกให้ผู้ชายที่เพิ่งเจอไม่กี่นาทีแก้ผ้า ความเป็นกุลสตรีอยู่ที่ไหน”
ตฤณหันไปบอกพนักงาน
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ เชน พวกเขาไม่ได้ทะลึ่ง แต่นายจะต้องใช้เครื่องนี้เพื่อย้อมสีผิว และมันต้องแก้ผ้า ทาครีม แล้วขึ้นไปนอน”
“ไม่ ไม่ เชนไม่ทำ”
“นายอยากเป็นตัวประหลาดในโลกแห่งสีสันเหรอ แบบนี้จะหาทางไปเจอคนซ่อมแว่นสามมิติได้ไง ไปไหนคนก็จะมุง นักข่าวก็จะสนใจ ตำรวจก็จะมาตามหานาย มีเรื่องมีราววุ่นวาย ไม่ได้กลับไปช่วยลินดา ไม่รู้ด้วย ไหนว่าฉลาดไง ที่แท้ก็โง่นี่หว่า”
เชนกำลังจะเถียง ถึงกับหุบปากทันที ยอม
“งั้นตังตังไปรอข้างนอกนะคะ”
ตังตังออกไป เชนจะถอดเสื้อ
“คุณออกไปก่อนได้มั้ย ไปๆๆ”
“เอ้า ทีนี้ก็ถอด”
ตฤณหันมา ตกใจ เชนถอดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้ย”
“จะทาครีมอะไรก็มาทา”
“ฉันไม่ทาให้นายหรอกเว้ย” ตฤณบอก
เชนนอนอยู่บนซันเบด ตฤณปิดฝาเครื่อง ปึง
“โอว แคปซูล เหมือนโลงศพเลย”
เชนมองรอบๆ ตื่นเต้น ตื่นกลัว
“เอ่อ ที่จริง เชน เชนเพิ่งนึกได้ ว่าเชนไม่ชอบที่แคบ เชนอึดอัด ตฤณๆ เปิดก่อน เชนหายใจไม่ออก”
“อย่าทุบ อย่าส่งเสียง พอถึงเวลาผมจะมาเปิดตู้ให้นายออกมาเอง”
“เฮ้ย อูย ทำไมมันร้อน ร้อน”
ตฤณกำลังจะออกจากห้อง แต่เจนจิรา ตังตัง วิ่งสวนเข้ามา พร้อมบารมี
“เข้าไปๆๆ ปาร์คจุนจี แขกวีไอพีผมจะมาแล้ว พวกคุณอยู่ในนี้สักพักนะ”
ที่เดอะซันฮอลล์ การแสดงของดร.อาทิตย์ เวทีเดิมไฟสลัว ที่หน้าจอเป็นภาพเปลวไฟของดร.อาทิตย์ที่พลุ่งพล่าน พร้อมดนตรีเร้าอารมณ์ ตื่นตัว คนดูกรี๊ด ตื่นเต้น บางคนทำตัวไม่ถูกล้มเป็นลมไป ประมุขนั่งอยู่กับน้องสมายล์ ทั้งคู่ตื่นเต้นมาก เป็นแฟนคลับตัวยง จันทร์เจ้าเชียร์ด้วย เอาใจประมุขสุดๆ หันไปยิ้มหวาน หัวเราะคิกคัก แบบคนคอเดียวกัน ส่วนกังฟูเน้นกินไปสนใจเวทีไปด้วย
จ่าเจี๊ยบนั่งอยู่ด้านหนึ่ง กำลังใช้มือถือยกขึ้นมาทำท่าแอบถ่ายบันทึกภาพเอาไว้ ทีมงานของ ดร.อาทิตย์เดินมาริบมือถือไป จ่าเจี๊ยบทำเป็นมองตามอย่างเสียดายก่อนจะทำนิ่งแล้วกดปุ่มบันทึกภาพตรงขาแว่น ซึ่งมีกล้องตัวเล็กฝังอยู่และกำลังอัดภาพทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน ตำรวจอีก 1 คนใช้กล้องจิ๋วถ่ายเช่นเดียวกัน
“ขอต้อนรับทุกท่านที่มีพลังแห่ง ศรัทธา เข้าสู่ The Faith มิติแห่งจินตนาการ จุดกำเนิดแห่งสรรพสิ่ง ด้วยพลังแห่งพระอาทิตย์ ศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนโลก”
ลูกไฟพุ่งขึ้นจากพื้นเวที พอลูกไฟหยุด แต่ละจุด ปรากฏร่าง อินทุ นารี ดร.อาทิตย์ ยืนเรียงกันเป็นขบวน เด่นตระหง่าน
ประมุข น้องสมายล์ จันทร์เจ้า กังฟู คนดูตื่นเต้น
“ไม่มีพลังอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าพลังแห่งศรัทธา วันนี้ ผมจะแสดงให้ทุกท่านได้เห็น ว่าการมีศรัทธา โดยเฉพาะศรัทธาในตัว ดร.อาทิตย์ สร้างพลังได้มากแค่ไหน”
“พวกเราบอกคุณได้คำเดียวว่า” นารีพูด
“อย่ากะพริบตา” นารีกับอินทุพูดพร้อมกัน
ทันใดนั้น ไฟที่ฉากหลังสว่างจ้าขึ้นมา เพียงชั่วครู่เดียว แล้วพอแสงไฟหายไป ร่างทั้ง 3 คนบนเวทีก็หายไปเช่นกัน กังฟูถึงกับสะดุ้ง ขนมในมือกระเด็น เพราะตื่นเต้น สนใจกับโชว์บนเวทีมาก
“เฮ้ย หายไปไหนยังไง สุดยอด”
คนดูทึ่งกับสิ่งที่ทั้งสามทำ เสียง ดร.อาทิตย์ตะโกนขึ้นมาในหมู่คนดู บนที่นั่งที่ไกลจากเวที
“หายไปได้ยังไงเนี่ย”
คนดูแถวนั้นหันมามอง พอเห็นว่าเป็นดร.อาทิตย์ ทุกคนก็กรี๊ด ตบมือ ทึ่งที่ดร.อาทิตย์มาโผล่ใกล้ๆ ได้
“เฮ้ย มาได้ยังไง สุดยอด”
ดร.อาทิตย์ยกมือ น้อมรับเสียงปรบมือ กังฟูเอื้อมมืออยากจะขอสัมผัสมือ แต่ดร.อาทิตย์ไม่สนใจ เขาตบบ่าชายคนหนึ่ง ซึ่งคือเป้าหมายของเขา ตบบ่าและจับมือเอาไหล่มาชนกัน เหมือนทักทายแฟนคลับทั่วไป แล้วจากนั้นดร.อาทิตย์ก็วิ่งออกไป ทำท่ากระโจนลงจากอัฒจรรย์ แต่ทันใด อินทุที่โหนมากับผ้าสีส้มเพลิงที่ชายผ้าพลิ้วยาวก็ลอยผ่านตรงหน้าอัฒจรรย์บังตัวของดร.อาทิตย์ พออินทุลอยผ่านไป ดร.อาทิตย์ก็หายไปแล้ว แล้วก็ปรากฏร่างอีกที่ด้านของคนดู
“อยู่นั่น” จันทร์เจ้าร้องบอก
ทันทีที่คนหันมามอง ก็มีผ้าปลิวผ่าน แล้วดร.อาทิตย์ก็หายไปโผล่อีกด้าน ดร.อาทิตย์หายจากจุดนั้นไปจุดนี้อีก คนดูตื่นเต้นกันไปทั้งฮอลล์ จนกระทั่งจบที่ดร.อาทิตย์ไปโผล่อยู่ระหว่างประมุขและน้องสมายล์
“นี่แหละคือพลังของศรัทธา”
แฟนคลับกรี๊ดอีก ตื่นเต้น ประมุขกับน้องสมายล์ลุกยืนปรบมือให้ดร.อาทิตย์ คนอื่นๆ ลุกตาม
ดร.อาทิตย์ทักทายแฟนคลับแถวนั้น จันทร์เจ้าเอื้อมมือไปสัมผัส ดร.อาทิตย์จับมือด้วย เธอดีใจมาก กังฟูเอื้อมมือด้วย จะขอจับด้วย แต่ดร.อาทิตย์ไม่สนใจ หันไปจับมือกับคนอื่นๆ ติดพันอยู่
“ขอจับด้วยคร้าบๆๆ”
จ่าเจี๊ยบตาโต อ้าปากค้าง กับความสามารถของ ดร.อาทิตย์
ปวันซึ่งปลอมตัวเป็นหญิงสาวในชุดสาวหวานกระโปรงบาน ใส่วิก ผมยาวม้วนปลายสไตล์เกาหลี สวมแว่นเชยๆ แต่งหน้าอ่อนๆ เดินเข้ามาในคลินิกของบารมี
“สวัสดีค่ะ อยากจะมาทำทรีตเม้นต์บำรุงผิวน่ะค่ะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีเรามีแขกวีไอพีบินตรงมาจากเกาหลี เราปิดให้บริการ 1 ชั่วโมง ถ้ายังไงรบกวนค่อยมาใหม่นะครับ”
ปวันกำลังจะเดินออกไป แต่อยู่ๆ บอดี้การ์ดของศิลปินเกาหลีก็เปิดประตูเข้ามา แล้ว ปาร์คจุนจี ศิลปินเกาหลีก็เดินเข้ามา บารมีและพนักงานตื่นเต้น รีบไปทักทายต้อนรับศิลปินเกาหลี ปวันทำท่าจะออกไป ก็เปลี่ยนใจ อาศัยจังหวะนั้น ผลุบเข้าไปด้านใน
ปวันจะขึ้นไปชั้นบน แต่แล้วบารมีก็ส่งเสียงเชิญปาร์คจุนจี ให้เข้ามา เธอรีบหามุมหลบเข้าไปในห้องๆหนึ่ง บารมีกับพนักงานพาปาร์คจุนจีเข้าไปในห้องทำทรีตเม้นต์ ปิดประตูมิดชิด ปวันรีบผลุบหลบออกไป
ภายในห้องซันเบด เจนจิราเดินไปเดินมา มีเสียงเชนเคาะซันเบดดังมาตลอด
“นี่เราต้องอยู่ในนี้ทั้งชั่วโมงเลยเหรอ”
“อยู่กับผมอึดอัดมากเลยเหรอ”
“อ๋อ ไม่หรอก เฉยๆ มาก”
ตฤณสะอึก หันรีหันขวาง หันไปเห็นแคปซูล ได้โอกาส พาลเสียงเคาะของเชน เปิดซันเบดขึ้น ระบายอารมณ์
“หยุดเคาะได้มั้ย ทำสีผิวมันไม่ถึงตายหรอก ไหนว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ทำไมป๊อดแบบ”
ตฤณชะงัก เพราะเห็นเชนตัวเป็นสีธรรมชาติไปซีกเดียว
“ใครใช้ให้นอนตะแคง”
“ก็เชนกลัวที่แคบ เฮ้ย ผู้หญิง”
เชนอาย ตฤณกดเชนลงไป แล้วปิดฝาตามเดิม
“นอนตะแคงอีกฝั่งด้วยนะ จะได้เกรียมเท่ากันทั้งตัว”
ตฤณหันกลับมามองเจนจิรา แล้วต่างเมินใส่กัน ตังตังเห็นท่าไม่ดี เซ็งๆ จะทำอย่างไรดี
ที่เดอะซันฮอลล์ นารีกำลังโชว์เดี่ยว เปิดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นว่ามีมีดขนาดต่างๆ วางเรียงรายอยู่
ระหว่างนั้น มีเสาไม้ขนาดพอดีมือขึ้นมาอีกด้าน นารีคว้ามีดเหล่านั้น ปาไปที่เสาไม้ มีดไปปักที่เสาไม้เรียงกันเป็นแถว จากมีดเล็กไปมีดใหญ่ เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก
ในส่วนการแสดงของดร.อาทิตย์ เขาชวนคนดูขึ้นมาร่วมแสดงด้วย
“ผมขอตัวแทน คนที่มีศรัทธา สิบท่านครับ ขึ้นมาแสดงพลังของท่าน”
กังฟูกระเด้งสุดตัว
“ผมๆๆๆ แม่ไปเร็วๆๆๆ”
กังฟูคว้ามือจันทร์เจ้ารีบลากขึ้นไป คนดูรีบแย่งกันวิ่งขึ้นมา พริบตาเดียวก็ครบสิบคน น้องสมายล์อยากจะขึ้นไปด้วย แต่ประมุขอิดออด เลยไม่ได้ขึ้นไป น้องสมายล์ได้แต่เสียดาย
“ ขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าผมจะให้ทำอะไร คิดดีแล้วเหรอ หึๆๆ ขอบคุณที่ขึ้นมานะครับ เอาล่ะ อันดับแรก ขอให้พวกคุณมีศรัทธา”
จันทร์เจ้า กังฟู และคนดูทั้งสิบคนทำท่าศรัทธาแบบเดียวกับที่ดร.อาทิตย์ชอบทำ
“ทุกคนด้วยครับ”
ดร.อาทิตย์บอกคนดูในฮอลล์
อินทุโรยตัวโชว์กลางอากาศ หมุนไปรอบๆ ดีดนิ้ว แล้วอยู่ๆ ผ้าที่หมุนอยู่นั้นก็แข็งตัวตรง กลายเป็นเสาเหล็ก อินทุยังโหนผ้าค้างอยู่กลางอากาศ โหนตัวราวลงมายืน มือจับเสาเหล็กไว้แล้วกระตุกเสา เสากลายเป็นผ้าอีกครั้งแล้วทิ้งตัวลงมาอย่างสวยงามที่พื้น น้องสมายล์กรี๊ดชอบใจ
นารีดึงมีดที่ปักแผ่นไม้เหล่านั้นออกมา มีแผ่นอลูมิเนียมเลื่อนขึ้นมาด้านหลังเป็นเงาของนารีสะท้อนบนแผ่นนั้น เธอผูกตาตัวเองด้วยผ้าลูกไม้ ก่อนที่จะโยนมีดออกไปในอากาศ ขบวนแถวของมีดหมุนคว้างเป็นมูมเมอแรงในอากาศสวยงาม แล้วนารีก็ไปยืนทาบแผ่นอะลูมิเนียมในท่าโพสต์เก๋ๆ มีดเหล่านั้นพุ่งย้อนกลับมาที่นารี เป็นขบวน คนดูปิดตาหวาดเสียว ประมุขปิดตาน้องสมายล์
มีดลงตามจุดที่วาดไว้ โดยไม่ถูกนารีเลยสักเล่มเดียว ตรงจุดที่มีดปักนั้นมีรอยเหมือนวงน้ำขึ้นมาในแต่ละจุด คนดูตบมือสนั่น จ่าเจี๊ยบเองก็ยังเผลอตื่นเต้น ลุกขึ้นเป่าปากสุดตัว
ดร.อาทิตย์เดินตบบ่าของแขกที่ขึ้นมาร่วมโชว์ทีละคนๆ ทุกคนที่ถูกดร.อาทิตย์ตบบ่า คอพับฟุบลงไปทันที
“พวกคุณๆๆ ไม่ใช่คนธรรมดา แต่พวกคุณคือ สุนัขตำรวจ ที่ถูกฝึกมาอย่างดี ผ่านการจับผู้ร้ายมานับไม่ถ้วน”
บางคนเริ่มมีอาการฟึดฟัด กังฟูเป็นคนแรกที่แยกเขี้ยวคำรามออกมา
“แฮ่”
“และในที่นี้ มีคนที่ไร้ความศรัทธาแฝงตัวมาด้วย”
จ่าเจี๊ยบถ่ายคลิปอยู่ถึงกับอึ้ง เสียว
“เขาอาจจะมาพิสูจน์ด้วยตา หรือคิดมาท้าทายอะไรบางอย่าง พวกคุณ ไปเชิญตัวเขาออกมา ไป”
ผู้ร่วมโชว์เหล่านั้นก็ฟึดฟัดแล้ววิ่งลงจากเวทีไปในอัฒจรรย์คนดูทันที คนดูหลายคนรีบตั้งศรัทธาเพราะกลัว ประมุขกับน้องสมายล์รีบก้มหน้าตั้งศรัทธา จ่าเจี๊ยบตัวสั่น กลัว ตั้งศรัทธาปลอมๆ ไปด้วย จันทร์เจ้า กังฟู และพวกผู้ร่วมโชว์ที่ถูกสะกดจิตวิ่งพล่านไปทั่ว
“ศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนโลกๆๆ”
จ่าเจี๊ยบท่องไม่หยุด ผู้ร่วมโชว์ตีวงเข้ามาใกล้จ่าเจี๊ยบมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วทันใด จันทร์เจ้าซึ่งถูกสะกดจิตก็หันมาจ้องจ่าเจี๊ยบเขม็ง จากนั้น กังฟูก็หันมาจ้องเช่นกัน จ่าเจี๊ยบผงะ
“ซวยแล้วกู”
ผู้ร่วมโชว์รายอื่นๆ ก็หันมาจ้องจ่าเจี๊ยบเช่นกัน แล้วผู้ร่วมโชว์ที่ถูกสะกดจิตก็วิ่งพุ่งเข้าไปหาจ่าเจี๊ยบ ส่งเสียงคำรามน่ากลัว
“แฮ่”
จ่าเจี๊ยบผงะ ตาเหลือก แต่ปรากฏว่าผู้ร่วมโชว์ไปรุมคำรามใส่คนที่นั่งด้านหลังจ่าเจี๊ยบ แต่ไม่ได้ทำร้ายหรือทำอันตรายใดๆ
“คุณคงจะเห็นแล้วว่าผมคือของจริง จะศรัทธาหรือไม่ก็เป็นสิทธิของคุณครับ”
ดร.อาทิตย์กำลังจะเข้าสู่โชว์ต่อไป นารีเข้ามากระซิบ
“อ้อ วันนี้เรามีแขกรับเชิญพิเศษด้วย คุณประมุข พิทักษ์สว่างจิต ผู้บริหารสูงสุดของสถานีสมายล์ทีวีของเรา ขอเชิญด้วยครับ”
ประมุขตื่นเต้น รีบอุ้มน้องสมายล์วิ่งมาขึ้นเวที จันทร์เจ้ากับกังฟูเป่าปากเชียร์
“นี่เป็นครั้งแรกนะครับที่เราได้เจอกันบนเวที”
“ใช่ครับ ผมตื่นเต้นมาก ไม่คิดว่าจะถูกเชิญขึ้นมา น้องสมายล์อยากถ่ายรูปกับด็อกเตอร์บนเวทีมานานมากแล้วครับ”
ประมุขเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปคู่น้องสมายล์กับดร.อาทิตย์ทันที
“คุณประมุข ไม่ใช่แค่ผู้บริหารสถานีของผมเท่านั้นนะครับ แต่เขาเป็นแฟนคลับตัวยงของผมอีกด้วย”
คนดูปรบมือลั่นฮอลล์
“แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แต่อย่าถามนะ ตอบได้หมด ฮ่าๆๆ”
“วันนี้ เขาได้ดำเนินการก่อตั้งกองทุนศรัทธาเปลี่ยนโลกโดยดร.อาทิตย์ เพื่อนำเงินที่ได้ไปช่วยเหลือสังคม”
ผู้คนตบมือกรี๊ด ชื่นชอบมาก
“และคุณประมุขจะบริจาคเงินตั้งต้นให้กองทุนทั้งสิ้น”
ดร.อาทิตย์หันไปกระซิบถาม จ้องตา มือจับบ่า
“เท่าไหร่นะครับ”
ประมุขกระซิบเบาๆ
“หนึ่งล้านบาทครับ”
ดร.อาทิตย์จ้องตาประมุข ประมุขมีอาการผงะไปเล็กน้อย
“ผมว่า เขียนออกมาเลยดีกว่าครับ”
แท่นอะคริลิคใสเลื่อนขึ้นมาจากพื้นเวที มีคีย์บอร์ดตั้งอยู่บนนั้น ซึ่งเชื่อมต่อไปยังจอด้านหลัง ประมุขเดินเข้าไปกด 1-0-0-0-0-0-0-แล้วทำท่าจะหยุด แต่กลับกด 0 ต่ออีกตัว ผู้คนฮือฮา เห็นตัวเลขบนจอสิบล้าน
“โหว คุณประมุขใจป้ำที่สุดเลยค่า” จันทร์เจ้าชื่นชม
สักพักบนโต๊ะระหว่างที่นั่งปรากฏเป็นแสงขึ้นมา ผิวโต๊ะมีตัวเลขปรากฏขึ้น กลายเป็นหน้าจอ Touch Screen ให้ทุกคนได้กดบริจาคเงิน
“ใครที่อยากจะร่วมบริจาค ทุกท่านมีแป้นพิมพ์ตรงหน้าแล้ว ใส่เลขเข้ามาได้เลย ระบบจะไปหักเงินในบัญชีของพวกท่านโดยอัตโนมัติ”
ผู้ชมใส่ตัวเลขกันมากมาย โดยเริ่มจากพวกที่ขึ้นมาร่วมโชว์กับดร.อาทิตย์ และพวกที่ถูกดร.อาทิตย์แตะต้องตัวตั้งแต่เปิดโชว์ ประมุขผงะเล็กน้อย แววตากลับมาปกติ หลุดจากอำนาจสะกดจิต มองตัวเลขบนเวที ตะลึงกับตัวเลขบริจาคของตัวเอง
“เฮ้ย ตั้งใจจะบริจาคล้านเดียว แต่ทำไม เป็นสิบล้าน หนอย ด็อกเตอร์เล่นฉันอย่างงี้ได้ไง”
ประมุขแค้น
ที่หน้าจอขึ้นตัวเลขสารพัด ตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน และเห็นในช่องตัวเลขบริจาครวมบนเวทียอดรวมขึ้นรวดเร็ว ดร.อาทิตย์ยิ้ม จ่าเจี๊ยบก้มลงให้กล้องที่แว่นตาของเขาบันทึกภาพเหล่านั้นไว้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงกับตัวเลข
“โอ แม่เจ้า”
ที่คลินิกบารมี ตังตังเหล่มองเจนจิรากับตฤณที่ต่างคนต่างไม่คุยกันเพราะทิฐิ
“น้าตฤณ เดี๋ยวถ้าเชนแปลงโฉมเสร็จแล้ว พวกเราไปกินไอติมฉลองกันดีมั้ย”
“ทำไมต้องฉลองด้วย”
“อ้าว ก็ต้องฉลองสิ ตังตังไม่ได้กินไอติมพร้อมกันกับน้าเจนและน้าตฤณนานแล้ว ไปด้วยกันนะคะน้าเจน”
“เอ่อ”
“วันนี้น้าไม่ว่าง มีธุระ เรื่องงานตอนสี่โมง ตังตังไปธุระเรื่องงานกับน้าก่อน แล้วเราค่อยไปกินกันสองคนก็ได้”
“หึหึ”
เจนจิรายิ้มเหยียด
“ยิ้มอย่างนี้ อยากรู้ล่ะสิว่า ธุระเรื่องงานของเขาคืออะไร ไม่บอกหรอก”
“หึๆๆ”
เจนจิราไม่ถาม เชนเคาะอีก ส่งเสียงออกมาว่าร้อน
“น้าเจนคงไม่ว่างไปกับเราหรอก เขาต้องทำหน้าให้สวยเด้งๆๆๆ ไงล่ะ”
ตฤณหันไปเคาะซันเบด
“นี่ ลุง อดทนหน่อย”
เจนจิราคิดได้จะเอาคืนตฤณ
“น้ายังไม่ทำหรอก หน้าเด้งวันนี้ น้าอยากไปกะตังตังมากกว่า ชวนน้าบารมีไปด้วยนะ ให้เขาเลี้ยง รับรองว่าเขาจะดูแลเราทั้งสองอย่างดีเลย อยากสั่งอะไร เขาก็จะตามใจ พร้อมบริการ”
“เจน”
“ถ้าเสร็จธุระเรื่องงานแล้วตฤณก็มาด้วยกันสิ บารมีเขาเลี้ยงได้ กี่คนก็ได้ เต็มที่ไปเลย บารมีเขาใจกว้าง”
“เอามีดมาแทงผมเลยไหม เจน”
ตฤณเสียใจ น้อยใจ
จบตอนที่ 2