สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 11
เชนจับมือปวันวิ่งออกมาจากร้าน เป็นถนนที่ค่อนข้างร้างผู้คน สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้า
เชนโอบหลังปวัน ใช้ตัวเองปกป้องดูแล พาปวันวิ่งหนี แล้วภาพก็เปลี่ยนเป็นสโลโมชั่น ช้าๆ ซึ้งๆ สวยงาม เชนก้าวขาแต่ละก้าว หล่อมาก สบตาปวัน ทำหน้าหวานซึ้งใส่
“วิ่งเร็วกว่านี้อีกนิดมะ”
จังหวะสโลถูกเบรก ทุกอย่างเคลื่อนไหวตามปกติ
เชน ปวัน ยืนมองหน้ากันซึ้งๆ เชนยังไม่ยอมปล่อยมือ มองหน้าปวัน สบตาสักพัก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมดีใจจริงๆ ที่ได้เจอคุณอีกครั้ง”
ปวันเขิน แต่ก็พยายามทำหน้านิ่ง ตอบเสียงแข็งๆ แต่หัวใจเต้นแรง
“อืม รู้แล้ว”
ปวันไม่กล้าสบตาเชน ทำเป็นมองไปข้างๆ เพราะเขินมาก พูดเบาๆ
“ขอบคุณนะ”
เชนมองตาหวานซึ้ง ปวันแกล้งทำหน้าแหวะ แต่ก็แอบหันไปยิ้ม ไม่ให้เชนเห็น แต่นึกขึ้นได้ว่ามีเจิดกับวิศวะคอยดูอยู่แน่ๆ เลยมองกล้องหน้าดุๆ
“นี่ มองอะไร ไปทำอะไรอย่างอื่นไปสิ”
เจิดกับวิศวะยังคงดูอยู่ วิศวะเขินตามไปด้วย
“กิ๊วๆ ก๊าวๆ คุณตำรวจหลงเสน่ห์นายเชนเข้าให้แล้ว”
วิศวะดึงแขนเสื้อเจิดเพราะเขิน เจิดเหล่มอง
“เสื้อฉันจะขาดแล้ว”
วิศวะก้มมอง แล้วบอกเจิด
“เสื้อผมก็เหมือนกัน”
เจิดบิดชายเสื้อของวิศวะเป็นเกลียว เพราะเขินเหมือนกัน
“อุต๊ะ อีกแล้วเหรอ”
เจิดยิ้มๆ วิศวะส่ายหน้าอีก แล้วทั้งคู่ก็หันกลับไปมองที่จอทีวี
ปวันหุบยิ้ม หันกลับมามองเชน เชนยังจ้องอยู่ ทำให้ได้สบตากับเชนแบบจังๆ สองคนมองตากัน สักพัก ปวันเริ่มยิ้มเขินอายออกมา เชนมองหน้าปวันกลายเป็นปลายฟ้า เขาผงะ ตกใจ หันไปอีกทาง พูดระบายความในใจไม่ให้ปวันได้ยิน
“ไม่ได้นะ เชนมีคุณปลายฟ้าอยู่แล้ว”
เชนบอกตัวเองอย่างจริงจัง ขณะที่ปวันมองตาม พูดเบาๆ
“ฉันว่าฉันได้ยินนะ”
เชนกลับไม่ได้ยินปวัน เขารีบลุกขึ้นเพื่อหนีความรู้สึกที่มีต่อปวัน ทันใดนั้นก็เกิดแสงฟ้าแล่บ ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้อง
“ว้าย”
ปวันกระโดดกอดเชนเพราะตกใจเสียงฟ้าร้อง พอนึกขึ้นได้ก็รีบผละออกมาจากอ้อมอกชายหนุ่ม
“ขนาดระวังตัวแล้วนะ ยังเผลอจนได้”
เชนยิ้มๆ “มุกฟ้าผ่าได้ผลตลอดครับ”
ปวันแลบลิ้นให้เชน เชนเงยหน้ามองฟ้า
“รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวฝนตก”
ทันใดนั้น ฝนก็หยดใส่หน้าปวัน
“แหม ตกยังกับสั่งได้”
ฝนก็ตกหนักขึ้น เชนรีบดึงปวันหาที่หลบฝน เขาพาปวันวิ่งมากลางทุ่ง ใช้มือกันฝนให้ ฝนตกหนักขึ้น
“ฝนตกหนักขนาดนี้เราไปต่อไม่ไหวแน่ หาที่หลบฝนกันดีกว่า”
เชนเพ่งมองไปรอบๆ ขมวดคิ้ว
“แย่จริง แถวนี้ไม่มีบ้านคนเลย”
“เดี๋ยวก็เจอกระท่อม”
“นั่นไง กระท่อมร้าง ไปเร็ว ไปหลบฝนที่นั่นกันเร็ว”
“ว่าแล้ว”
เชนใช้มือกันฝนให้ปวัน วิ่งพาเธอไป ปวันทำหน้าเอือม
แสงไฟจากตะเกียงเจ้าพายุที่ถูกจุดขึ้นมา แสงค่อยๆ สว่างขึ้น เชนใช้ตะเกียงส่องสำรวจดูรอบๆ ภายในกระท่อม
“คืนนี้เราคงต้องค้างกันที่นี่”
ปวันกวาดตาดูรอบๆ บ้าง เห็นแคร่ตั้งอยู่ตรงกลาง มีมุ้ง มีผ้าห่มพร้อม
“อย่างกับจัดไว้เลยเนอะ”
วิศวะ เจิด นั่งดูพร้อมน้ำดื่ม ขนมขบเคี้ยว ป๊อปคอร์น เพลินมาก
“คอยดูนะ เดี๋ยวจะต้องอากาศหนาว” เจิดบอก
“แล้วก็ คริกๆๆ”
วิศวะกับเจิด หัวเราะกันร่วน
ปวันนั่งลงบนแคร่ ไม่ได้หวาดกลัวหรือตกใจ สักพักก็มีเสื้อนอกของเชน วางลงบนไหล่
“ใส่ไว้ จะได้ไม่หนาว”
“ไม่ต้อง”
“อย่าอวดเก่งเลยน่า ยอมรับความหวังดีจากผมบ้างเถอะ”
ปวันไม่เถียงต่อ แต่มองเสื้อนอกของเชนที่คลุมไหล่ตัวเองอยู่ น้ำหยดติ๋งๆ พูดเบาๆ กับตัวเอง
“คือไม่ได้อวดเก่ง แต่เสื้อนายมันเปียกไง”
ปวันถอนหายใจ ขณะเดียวกัน เชนก็นั่งลงบนแคร่ รักษาระยะไม่ให้ใกล้มาก เชนมองไปนอกหน้าต่าง ฝนยังตกอยู่ เลยชวนคุย
“ฝนตกหนักจริงๆ คุณกลัวไหม”
“ฉันดูขี้ป๊อดขนาดนี้เลยเหรอ”
ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องคำรามดังมาก ปวันกรี๊ด แล้วกระเด้งตัวไปกอดเชนแน่น
“ไหนบอกไม่กลัว สองหนแล้วนะ”
เชนมองปวันยิ้มๆ ปวันเงยหน้ามองเชน ตกใจที่ตัวเองกอดเชน รีบผละออก
“ทำไมเป็นแบบนี้ หรือบรรยากาศมันพาไป”
ปวันพูดกับตัวเองเครียดๆ แล้วผละออกมา เชนเขยิบมาใกล้ๆ
“ถ้ากลัว จะกอดผมไว้ก็ได้นะ ผมยอม”
ปวันหันไปเบ้หน้าใส่เชน
“ยอมอะไร ไปไกลๆ เลยปะ”
“เขินทำไม”
“เขินที่ไหน อย่าหวังจะฉวยโอกาสกับฉัน ฉันไม่ง่ายนะยะ พูดเลย”
ปวันโบกมือไล่ แต่ตัวเองก็ไม่ได้ขยับหนี เชนหัวเราะ อารมณ์ดี
“ได้ต่อปากต่อคำกับคุณ ดีจัง”
“ดียังไง”
“ก็ สนุกดี เพลินดี ไม่เหมือนคนอื่นที่ผ่านๆ มา”
“ใครยะ อย่าเอาฉันไปเทียบกับคนอื่นนะ”
“ล้อเล่น กรุ๊งกริ๊งๆ”
เชนมองตาหวาน ปวันสะบัดหน้าเมินไป
“ผมบอกคุณไปหรือยัง ว่าผมดีใจที่ได้เจอคุณ”
“บอกแล้ว”
“แล้วคุณล่ะ”
“ทำไม”
“ได้เจอผม ดีใจไหม”
“อืม ฉันตั้งใจมาพานายกลับไปจัดการกับด็อกเตอร์ ฉันได้เจอนาย มันก็ดีไง”
เชนยื่นหน้ามาใกล้อีก มองตาปวัน
“แค่นั้นเหรอ”
ปวันเขินมาก ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร ใจก็เต้นแรงขึ้น
“ก็ แค่นั้นแหละ”
“อยู่ในนี้ โกหกผมไม่ได้นะ”
เชนมองใกล้มาก ปวันพยายามหลบอีก แต่เชนเชยคางปวันมาให้มองหน้าเขา ปวันสบตาเชน ทั้งคู่นิ่งมองกัน เหมือนมีแรงดึงดูด ใบหน้าของทั้งคู่ค่อยๆ เลื่อนเข้าใกล้กันมากขึ้น เชนเอี้ยวหน้า ดูเหมือนจูบปวัน
วิศวะกับเจิดนั่งดูอยู่ด้วยกัน กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ เจิดกินป๊อปคอร์นเต็มปากตาจ้องไปที่จอ มือข้างหนึ่งก็ตีๆ วิศวะ
“เอาแล้วเว้ยๆ”
“อ๊าย 18 บวก ดูไม่ได้”
“ได้สิวะ ต้องได้แน่อย่างนี้”
“อาจารย์ อย่าดู”
วิศวะปิดตาเจิด แล้วก็ปิดตาตัวเอง เจิดพยายามสะบัดมือวิศวะออก
“เอ๊ย ปล่อย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม”
“ไปถ้ำมองเขา เดี๋ยวก็เป็นตากุ้งยิงหรอก”
วิศวะบอกอย่างนั้นทั้งที่ยังปิดตาอยู่ ทันใดนั้น ก็มีมือ เขกหัววิศวะดังโป๊ก
“โอ๊ย”
วิศวะเปิดตา ดูว่าใครเขกหัว ปล่อยมือจากเจิดด้วย แล้วก็เห็นว่าปวันยืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้า มีเชนยืนอยู่ใกล้ๆ
“หมวดปวัน เชน”
“อ้าว เอ๊ย ออกมาได้ไง ไม่ได้กำลัง”
“ลุง พูดดีๆ คิดว่าฉันจะทำอะไร ฉันเป็นกุลสตรีไทยร้อยเปอร์เซ็นต์เลยนะ”
“ก็กุลสตรีไง ร้อยด้ายเข้าเข็มอ่ะ ไม่สตรีตรงไหน”
“ลุงเจิด”
“เชนไม่มีวันชิงสุกก่อนห่าม เชนเป็นสุภาพบุรุษ”
“เราแค่ใส่แว่นแล้วกลับมาที่นี่”
“ว้า”
“อย่ามัวว้า เรามีภารกิจที่ยิ่งใหญ่รออยู่ เราต้องจัดการไอ้อาทิตย์และมิสเตอร์โอเค”
เชนก้าวขึ้นบนเก้าอี้ ยืนหน้าเชิด มองไปข้างหน้า ชี้มือขึ้นฟ้า ทุกคนมองตาม เชนประกาศก้อง
“เชน รีเทิร์น สายลับเจ้าเสน่ห์กลับมาแล้ว”
ตฤณประคองเจนจิราซึ่งเริ่มหมดเรี่ยวหมดแรงพาเดินมาที่บ้านเช่า โดยมีตังตังเดินตาม
“บารมี บารมี ฉันคิดถึงบารมี ให้ฉันกลับไปหาเขาเถอะ ฉันขอร้อง”
ตฤณฟังแล้วเจ็บจุกมากขึ้นทุกที
“เขาไม่มีวันยอมคืนตะเองให้ไอ้หน้าวอกนั่นอีก นี่เหรอความรักของมนุษย์ที่เรียกตัวเองว่าเพอร์เฟ็ค สมบูรณ์แบบทั้งฐานะและหน้าตา แต่กลับมัดใจตะเองไว้ ด้วยการสะกดจิต ใจมันอัปเละ ทุเรศที่สุด”
“อย่ามาว่าดาร์ลิ้งฉันนะ บารมีเขาหล่อ เขาไม่อัปเละ คุณนั่นแหละทุเรศๆๆ”
เจนจิราระดมหมัดทุบๆ ตฤณ แต่อ่อนแรงเต็มที ตฤณต้องคอยจับมือปัดป้องไว้
“ปล่อยฉันซี ถ้าอีกนาทีเดียวฉันไม่เห็นหน้าบารมี ฉันต้องขาดใจตาย”
เจนจิราหอบเหมือนจะขาดใจ ตังตังหน้าแหย ขยี้หัวยุ่ง
“ฮูย เบาๆ ดิ น้าเจน เดี๋ยวป้าทิวาราตรีได้ยิน เป็นเรื่องแน่”
“บารมี บารมี I love you เฮิ้ก”
อยู่ๆ เจนจิราก็หมดแรง ตัวอ่อนหมดสติไป
“เฮ้ย เจน”
ตฤณประคองเจนจิราไว้ ตังตังเป็นห่วงเจนจิรามาก
“น้าเจนเป็นอะไรอ่ะ”
“หึ ก็เพราะฤทธิ์สะกดจิต เจนคิดถึงไอ้หมอหน้าเด๊ะนั่นมากจนลมใส่ อึ้บW
ตฤณอุ้มเจนขึ้น
“รีบไปเปิดประตูบ้านเร็วตังตัง พาน้าเจนขึ้นไปนอนพัก”
ตังตังวิ่งไปไขกุญแจเปิดประตูให้ ตฤณจะอุ้มพาเจนจิราเข้าไป แต่ทิวากับราตรีปรี่เข้ามาขัดเสียก่อน
“หยุดๆ หยุด”
ตฤณหยุด เซ็ง
“เฮ้ย เจอจนได้”
“ไปทำอะไรกันมายะ ถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรงต้องอุ้มกันมาน่ะหะ”
ทิวาเข้ามาใกล้
“ว้ายตาย หนูเจนจิรา เป็นไรอ่ะ เมาเหรอ หลับไม่รู้สึกตัวมาแบบนี้”
“เปล๊า เมาที่ไหนล่ะครับ เจนไม่สบาย”
“ไม่สบายแล้วเกี่ยวไรกับเธอยะตาตฤณ หนูเจนเขาไม่ใช่แฟนตัวแล้วนะ หนูเจนหมั้นกับหมอบารมีแล้ว ออกอากาศ อู๊ย ดังเป็นพลุแตกไปทั้งเมือง”
“น้าราตรีไม่ต้องย้ำหรอก ผมรู้ ก็เพราะไอ้หมอบารมีนั่นแหละ ถึงทำให้เจนมีสภาพแบบนี้”
“เอ่อ น้าตฤณก็รีบพาน้าเจนไปนอนพัก หายาให้กินเร็วๆ ซี เดี๋ยวน้าเจนก็เป็นหนักหรอก”
ตังตังดันตฤณ รีบเข้าบ้านกันไป ทิ้งให้ทิวากับราตรียืนตกใจ
“สงสัยหนูเจนคงถูกหมอศัลยกรรมคนดัง ใช้เป็นหนูทดลองยา ฉีดนู่น ฉีดนี่ ให้อึ๋มตรงโน้นที เด้งตรงนี้ที เลยน็อคไปเลย” ทิวาเดา
“แล้วก็ไม่บอก ไอ้คนอยากอึ๋มอยู่ตรงนี้ ฉันยินดีให้หมอฉีด ฮิๆ”
ทิวาเบ้ปากใส่ราตรี
เจนจิรานอนอยู่บนเตียงเหมือนคนหลับ ตฤณใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้า เช็ดแขนให้ ตังตังก็บีบนวด ดูแล
“น้าเจนจะฟื้นไหมอ่ะ”
“ถามอะไรอย่างงั้น ฟื้นซี น้าเจนได้นอนพักก็จะตื่นขึ้นมาเอง”
“ตื่นขึ้นมาแล้วน้าเจนจะหายจากถูกสะกดจิตไหมอ่ะ”
“น้าก็หวังว่าจะหาย”
“แต่ถ้าตื่นมาแล้วไม่หายนะ น้าเจนต้องหนีกลับไปหาหมอบารมีแน่ๆ”
ตฤณหยุดชะงัก แค่ฝืนยิ้มจับหัวตังตัง ยิ้มๆ ให้ความมั่นใจหลาน
“ไม่ต้องห่วง น้าจะเฝ้าน้าเจนไว้ทั้งคืนเลย”
ตังตังพยักหน้า ลุกขึ้นเดินถอนใจบ่นๆ ออกจากห้องไป
“ไหนว่าลุงเจิดจะไปตามเชนกลับมา ไปตามกันถึงไหนเนี่ย เมื่อไหร่เชนจะมา”
เสียงตังตังเงียบไปแล้ว ตฤณหันมามองหน้าเจนจิรา ลูบเรียวแก้มหญิงสาวอย่างแสนรัก
“หลับให้สบายนะเจน แล้วตื่นขึ้นมาเป็นเจนคนเดิม แต่ถ้าตัวเองไม่หลุดจากการสะกดจิต เป็นเจนที่หมดรักเขาแล้วก็ได้ โอเค เขาก็จะทำให้ตะเองกลับมารักเขาเอง”
ตฤณจับมือเจนจิราขึ้นมาจูบ แนบแก้มกับมือของเธอ
ตังตังเดินลงบันไดมาอย่างช้าๆ เซ็งๆ แล้วประตูบ้านก็เปิดผัวะออก เชนพุ่งเข้ามาพร้อมทำมือเหมือนถือปืนขู่ ตังตังมองไม่ถนัด เพราะแสงเข้าตา
“เฮ้ย น้องสาว”
“อ๊าย”
ตังตังตกใจหันวิ่งหนี
“หยุดนะ ไม่หยุดเขาโป้งนะตัวเอง”
ตังตังหยุดชะงักในท่าวิ่ง แล้วกลับหลังหันมา กระพริบตาถี่ๆ ภาพค่อยๆ ชัดขึ้น ว่าเป็นเชนยืนทำมือ2 นิ้วชี้มาเหมือนปืน เลิกคิ้วข้างหนึ่งยิ้มกวนๆ โดยมีปวันยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง
“สายลับเชนกลับมาแล้ว”
เชนดึงมือที่ทำเป็นปืนมาโพสต์ท่าเท่ๆ ใต้คาง
“ไม่ได้กลับมามือเปล่าด้วย แต่เอาอ้อมกอดมาฝาก”
เชนอ้าแขนรอ ตังตังวิ่งโผเข้าไปกอดเชน
“เชน คิดถึงสุดๆ เลยอ่ะ”
“คิดถึงสุดๆ เหมือนกันอ่ะ”
ปวันยืนยิ้มอยู่ดีๆ ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีเสียงกรี๊ดประสานเสียงดังมาจากข้างหลัง
“อ๊าย เชน”
“สุดหล่อของพี่ มันจริงใช่ไหม”
ทิวากระแทกปวันผงะออกไป ปรี่เข้ามากอดแขนเชน เชนสะดุ้ง
“ชะอุ๊ย จริงว่าอะไรครับคุณพี่”
“ก็จริงที่ว่าเธอทนคิดถึงพี่ไม่ไหว ถึงต้องกลับมาซบอกพี่น่ะซี ฮิๆๆ” ทิวาพูดหน้าตาเฉย
“ซบอก แฮ่ๆ”
ราตรีกระชากไหล่ทิวาออก
“เชนเขาทนว้าเหว่ ไม่ได้ เพราะพบว่ามีฉันเข้าไปนั่งอยู่กลางหัวใจดวงนี้แล้วต่างหาก ชิมิๆไ
ราตรีพูดพลางจิ้มไปที่อกเชน ทำเอาเชนเสียวซ่าน ตังตังขำคิก
“อูย เชนก็คิดถึงคุณพี่ทั้งสองคนแหละครับ ในฐานะคุณพี่ที่เชนเคารพ และเมตตาเชน ขอกราบขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยคร้าบคุณพี่”
เชนยกมือขึ้นไหว้ทิวา ราตรี และก้มตัวต่ำโค้งอย่างอ่อนน้อมสวยงาม ทำเอาทั้งสองยิ้มแหย
“ชิ จะกลับมาหาแม่ปลายฟ้าล่ะดิ”
ปวันอึ้ง เชนสะอึกมองหน้าปวัน อึดอัดด้วยกันทั้งคู่
“ยัยนักเขียนโนเนะนั่นไม่อยู่หรอก ไม่รู้หายสาบสูญไปไหนนานแล้ว บ้านเช่าก็ปิดทิ้งไว้ให้ยุงอยู่ เฮ่อ เชนอ่ะ จำไว้เลยนะ”
ราตรีสะบัดหน้างอนๆ ใส่ ดึงทิวาออกไป
“เวลคั่มนะเชน ไม่ว่ายังไงพี่ก็เลิฟยู”
“ไปนอน”
“ปลายฟ้า หายสาบสูญ ยังไงนะครับ”
ปวันรีบพูด ไม่อยากให้เชนเข้าประเด็นปลายฟ้า
“น้าตฤณของหนูล่ะตังตัง ไปพบน้าเจน สรุปว่าภารกิจสำเร็จหรือเปล่า”
“น้าเจนถูกสะกดจิตเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยค่ะ พวกเราก็เลยลักพาตัวน้าเจนมา”
“ลักพาตัว”
ปวันกับเชนตกใจ
ภายในห้องประชุม ตึกสมายล์ทีวี ประมุขหน้าตื่นตกใจมาก
“ลักพาตัว”
ประมุขหันไปมองสมายล์ซึ่งนั่งกอดตุ๊กตามองตาปริบๆ อยู่ในห้อง แล้วหันกลับมามองบารมีที่ตามมาฟ้องประมุขถึงสมายล์ทีวี
“ลูกสาวผมเนี่ยนะลักพาตัวแฟนคุณไป”
“ก็ลูกสาวคุณนี่แหละครับ พาไอ้ตฤณกับหลานมันมาอุ้มเจนไปจากคลินิกผม”
“หยุดนะหมอ เรื่องอื่นผมอาจจะหยวนๆ ให้คู่ธุรกิจอย่างคุณได้หมดนะ ยกเว้นเรื่องเดียว คือมายเบบี้ อย่ามาใส่ร้ายจิตใจลูกสาวผม”
“แต่ลูกสาวคุณทำร้ายจิตใจผม ร่วมมือกับไอ้ตฤณลักพาตัวเจนไป”
“เมาฟิลเล่อร์ป่าวหมอ ลูกสาวผมเพิ่งกลับมาจากเรียนบัลเล่ต์ คนขับรถเพิ่งไปรับมาหาผมตะกี้ จะพาไปดินเน่อร์กัน อยากทานอะไรจ๊ะลูก”
“ลูกสาวคุณไม่ได้ไปเรียนบัลเล่ต์ แต่ไปลักพาตัวเจนไปจากผม บอกมานะ ว่าพาตัวเจนไปไว้ที่ไหน”
“ฮือๆๆ”
สมายล์เห็นท่าไม่ดีเลยใช้วิธีร้องไห้ออกมา ประมุขตกใจมาก
“สมายล์ ลูก ไม่เอานะลูก ดวงใจของพ่ออย่าร้อง ไม่ต้องกลัว โอ๋ๆ พ่อจะปกป้องลูกด้วยชีวิตของพ่อ จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายลูกเด็ดขาด”
“โธ่คุณประมุข ผมไม่ได้จะมากินลูกคุณ ผมจะมาขอความช่วยเหลือจากคุณ ตามเจนให้ผมหน่อย ลูกคุณเอาเจนของผมไปไว้ที่ไหน”
“ออกปาย”
ประมุขชี้นิ้วตวาดลั่น บารมีเด้งออกมาจากห้อง พร้อมประตูห้องปิดตามหลังปัง เขายืนบ่นอย่างฉุนๆ
“เป็นพ่อประสาอะไร ไม่ทันความแสบของลูก”
บารมีเดินคิดหนัก
“ไอ้ตฤณต้องพาเจนไปกักตัวไว้ที่ไหนแน่ๆ หึ ดูละครมากไปรึเปล่า จับนางเอกไปกักขังไว้ คิดเหรอว่าจะเปลี่ยนใจนางเอกให้กลับมารักตัวร้ายอย่างแกได้ ในเมื่อเจนได้มอบหัวใจให้พระเอกเทวดาอย่าง
บารมีไปหมดแล้ว นักเขียนตกอับอย่างแก ไม่มีทางได้เจนกลับคืนไปหรอก”
บารมีเท้าคางยิ้มกระหยิ่ม ราวกับนายแบบโฆษณาครีมหน้าเด้ง
เชน ปวัน ตังตัง แอบแง้มประตูมองเข้าไปในห้อง เห็นตฤณนั่งเฝ้าเจนจิรา โดยจับมือเจนหลับฟุบอยู่ข้างเตียง
“ถ้าคุณเจนได้เห็นภาพที่นายตฤณนั่งเฝ้าแบบนี้ จะรู้สึกยังไงบ้างนะ” เชนเปรย
เสียงซัตเตอร์ดังขึ้น เชนหันมามอง ปวันใช้มือถือถ่ายรูปไว้
“อยากรู้ ก็เก็บรูปไว้ถามคุณเจนซิ”
ตังตังยกนิ้วขึ้นจุ๊ปาก
“เบาๆ ซีคะ น้าตฤณก็หลับไปแล้ว”
ปวันถ่ายเสร็จ ก็เปิดรูปดู
“ดูซิคุณ รูปได้อารมณ์ห่วงใยมาก”
ปวันหันไป เชนหายไปแล้ว
“อ้าว หายไปไหนแล้ว”
ปวันนึกได้
“ตายแล้ว”
เชนแอบเปิดหน้าต่างเข้ามาในบ้านที่ปิดไฟมืดสนิท เดินไปยังโต๊ะที่เคยเขียนจดหมายวางทิ้งไว้ กดเปิดโคมไฟบนโต๊ะสว่างขึ้น แต่ต้องตกใจ
“ห่ะ ที่ทับกระดาษรูปตุ๊กตา แล้วจดหมายรักของเราหายไปไหน”
เชนก้มๆ เงยๆ หารอบโต๊ะ ก้มลงดูใต้โต๊ะสักครู่ ก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาด้วยความสงสัย
“คุณปลายฟ้า ต้องเป็นคุณแน่ๆ คุณกลับมา แล้วก็อ่านจดหมายผมแล้ว”
เชนหันขวับไปที่ประตูบ้าน หูสายลับของเขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่ที่ประตู
“คุณปลายฟ้า”
เชนรีบไปที่ประตู แล้วก็ปลดล็อคเปิดประตูผัวะ ปวันมาแนบหูแอบฟังอยู่ที่ประตู เซคะมำเข้ามา
“เฮ้ย”
เชนโอบรับไว้ทัน ปวันหน้าทิ่มอยู่ที่อกเชน
“คุณเองเหรอ”
ปวันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองแบบเสียฟอร์ม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฟอร์ม ผลักอกเชนออก
“คุณแอบเข้ามาในบ้านคนอื่นแบบนี้ มันผิดกฎหมายนะ”
“จริงด้วย งั้นจับผมเลยครับ”
เชนยื่นสองมือมาให้ ทำเอาปวันอ่อนใจ ปัดมือ
“ฉันไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว นายไม่ได้ยินที่คุณป้าบ้านเช่าสองคนบอกเหรอ คุณปลายฟ้าไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว นายยังจะมาหาอีก”
“หลังจากที่ผมกลับไปโลกของผมแล้ว คุณปลายได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีก”
“นายรู้ได้ไงว่าเขากลับมา”
“จดหมายลาที่ผมเขียนทิ้งไว้ให้คุณปลายฟ้า วางไว้บนโต๊ะนี่ มันหายไป ถ้าไม่ใช่คุณปลายฟ้า ใครจะเอาไป”
ปวันอึ้ง
“เอ่อ แล้วทำไมคุณปลายฟ้าถึงไม่อยู่รอนายล่ะ แบบนี้ชัวร์เลย เขาอาจจะโกรธ ฉีกจดหมายทิ้ง แล้วลืมนายไปแล้วก็ได้ นายสบายใจเถอะนะ อย่าคิดมากเรื่องความรับผิดชอบอะไรนั่นอีกเลย นายทำดีที่สุดแล้ว เลิกคิดซะ”
ปวันพยายามพูดเพื่อให้เชนลืมๆ ปลายฟ้า เรื่องจะได้จบไป แต่เชนยังยืนกราน
“ไม่ได้ ผมต้องได้ยินจากปากของคุณปลายฟ้าเอง ว่าเขาไม่ต้องการผมแล้วจริงๆ ผมถึงยอมวางมือจากความรับผิดชอบต่อชีวิตของคุณปลายฟ้า”
“อ่ะๆ ฉันจะช่วยตามหาคุณปลายฟ้าให้กลับมาเจอนายแล้วกัน”
ปวันเดินเซ็งออกไป แต่พอเดินพ้นออกมาจากบ้าน ก็แอบต่อว่า
“สายลับทึ่มเอ๊ย”
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ภายในห้องทำงานของดร.อาทิตย์ อินทุรายงานต่อดร.อาทิตย์
“พ่อค้าอาวุธทุกประเทศ ตอบรับคำเชิญมาดูการทดสอบปืนซุปเปอร์ซันแล้วนาย ตอนนี้กำลังนั่งเครื่องบินส่วนตัวเพื่อมาประเทศไทย”
ดร.อาทิตย์เครียดมาก ตบโต๊ะ
“ฉันจะเอาปืนที่ไหนไปทดสอบให้เขาดู ไอ้เจิดมันหนีไปแล้ว แล้วใครจะมาทำเครื่องผลิตปืนบุ๋มบิ๋ม
ไม่ใช่ซิ ปืนซุปเปอร์ซันให้ฉัน”
นารีกับอินทุได้แต่เงียบ แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“โอเค”
ดร.อาทิตย์หันขวับไปมองลินดาที่ยืนกอดอกพกแส้อยู่ด้วยมาดราวกับแคทวูแมน
“โอเคทำไม”
“ก็มิสเตอร์โอเคเขาทำอะไรล่ะคะนายขา ไม่ใช่ไอ้เพี้ยนคนนี้หรือคะ ที่เป็นคนริเริ่มสร้างปืนจุ๋มจิ๋มของมันขึ้นมา”
“บุ๋มบิ๋ม”
“ก็นั่นแหละนายขา จะบุ๋มบิ๋มหรือจุ๋มจิ๋มก็เป็นต้นแบบของปืนซุปเปอร์ซันใช่ไหม ใช่ม้า”
ลินดาพูดพลางยื่นหน้าขยิบตาข้างหนึ่งเข้าไปใกล้ดร.อาทิตย์ ยื่นนิ้วแตะปากดร.อาทิตย์
“เอามือของหล่อนออกจากนายเดี๋ยวนี้”
นารีพูดพลางยื่นมือเข้ามาจะผลักลินดา แต่ลินดาตวัดแส้พันมือไว้ พร้อมกับใช้ขายาวๆ เกี่ยวไว้แล้วพูดใส่หน้า
“อย่า แส่”
“อีหลงยุค”
“อีหลงตัวเอง ฮิๆ”
“นังนี่”
นารีกรี๊ด ปล่อยมีดออกจากแขนเสื้อ เงื้อจะเอาเรื่อง เสียงดร.อาทิตย์ดังขึ้น
“หยุด”
นารีจำต้องหยุด แต่ไม่วายเถียง
“แต่มันไม่เคารพนาย”
“อย่าสักแต่เคารพฟังคำสั่งแล้วไม่ใช้หัวคิด ลินดากำลังบอกอะไรรู้ไหม”
นารีเงียบ
“ไอ้มิสเตอร์โอเคนั่นแหละที่จะช่วยฉันผลิตปืนซุปเปอร์ซันขึ้นมาได้ ฮ่ะๆๆ แล้วตอนนี้มิสเตอร์โอเคอยู่ไหน”
ไม่ทันขาดคำ เสียงหน้าห้องก็ดังขึ้น
“ฮ่ะๆๆ สนุกเป็นบ้าว่ะ”
ดร.อาทิตย์กับทุกคนหันไปมองที่ประตู
มิสเตอร์โอเคสวมหน้ากากดำน้ำ นั่งอยู่บนรถเข็นไฟฟ้ารุ่นมีรีโมทบังคับด้วยมือ มีปืนเพนท์บอลติดอยู่ที่วางขา เขากำลังบังคับรถวิ่งไปมา พลางยิงเพนท์บอลหลากสีใส่เหล่าสมุนอย่างสนุกสนาน เหล่าสมุนดร.อาทิตย์พากันหลบวุ่นวาย
“รถเข็นวีลแชร์ยุคนี้มันโอเคจริงเว้ย แค่ใส่ปืนเข้าไป มันก็กลายเป็นรถปืนกลดีๆ นี่เอง ยิงๆๆ รับรองเดสซะมอเร่ ตายกันเป็นเบือ จะหนีไปไหน ฮ่ะๆๆ”
ดร.อาทิตย์เปิดประตูออกมาดู โดยมีลินดา นารี อินทุตามออกมาด้วย
“เล่นบ้าอะไรกันน่ะ”
“ใครว่าเล่น กระพ้มกำลังทดสอบอาวุธชิ้นใหม่ที่จะประดิษฐ์เป็นอาวุธสังหารแบบไร้เทียมทานต่างหาก ฮ่ะๆๆ”
มิสเตอร์โอเคยิงลูกเพนท์บอลใส่นารีกับอินทุ กระสุนสีระเบิดใส่อกทั้งคู่ แต่พอยิงมาที่ลินดา ลินดาหลบกระสุนไปแตกที่ผนังแทน ลินดายิ้มมุมปาก
“ผมเอาด้วย” ดร.อาทิตย์บอก
มิสเตอร์โอเคหยุดยิง หยุดรถกึกขณะหันหลังให้ แล้วบังคับรถเข็นถอยหลังมาก่อนจะบังคับหมุน
แบบ 180 องศา มามองดร.อาทิตย์
“เอาด้วย หึๆ ยินดีเป็นอย่างยิ่งด็อกเตอร์ คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย”
มิสเตอร์โอเคกดรีโมทรถเข็นเข้ามาใกล้ดร.อาทิตย์พร้อมกับยื่นมือไปจับด้วย
“โอเค ซิกกาแรต”
มิสเตอร์โอเคจะดึงกลับแต่ดร.อาทิตย์ยึดมือไว้
“แต่ก่อนที่จะดัดแปลงรถเข็นให้เป็นอาวุธสังหาร คุณต้องผลิตปืนซุปเปอร์ซัน เอ่อ ปืนบุ๋มบิ๋มให้ผมซะก่อน”
“หือ”
มิสเตอร์โอเคเลิกคิ้วมองดร.อาทิตย์ ยิ้มๆ เหมือนคาดคิดไว้ก่อนอยู่แล้ว
เจิดกับวิศวะหอบเอกสารมาประชุมลับที่บ้านเช่าตฤณ วิศวะกำลังเจาะข้อมูลอยู่หน้าแล็ปท็อปของตัวเอง จิ้มแป้นเร็วมากราวกับเล่นเกมอยู่ แล้วก็ยกแขนดีใจ
“วู้ ว้าว เจาะข้อมูลมันได้แล้วอาจารย์”
“แค่นี้ดีใจ นี่ถ้าแกช้าอีกวินาทีเดียว ฉันจะเข้าไปขย่มคอมเอง”
“โห”
วิศวะหน้าแหย รีบหันจอมาให้ทุกคนดู
“นี่ครับ วันเวลาและสถานที่ที่ไอ้ด็อกเตอร์อาทิตย์นัดพวกค้าอาวุธมาดูการสาธิตแสนยานุภาพปืนซุปเปอร์ซันของมัน”
“มันจะเอาปืนที่ไหนมาโชว์ ในเมื่อลุงไม่อยู่ผลิตปืนให้มันแล้ว” ตฤณสงสัย
“ถึงพระเอกอย่างฉันไม่อยู่ แต่ไอ้ตัวร้ายอย่างมิสเตอร์โอเค ไอ้ตัวต้นคิดปืนมันยังอยู่เว้ย”
“ตังตังคอนเฟิร์มค่ะ ตั้งแต่ตังตังดูหนังสายลับเจ้าเสน่ห์มา มิสเตอร์โอเคคิดค้นอาวุธประหลาดๆเยอะไปหมด จนมาถึงอาวุธล่าสุดก็ปืนบุ๋มบิ๋มนี่แหละที่อนุภาพแรงฝุดๆ ไปเลย”
“แปลว่า ไม่ว่ายังไง ไอ้มิสเตอร์โอเคต้องช่วยด็อกเตอร์อาทิตย์ผลิตปืนออกมาทันโชว์ให้พวกค้า
อาวุธข้ามชาติชมเป็นขวัญตาแน่ ใช่ไหมลุง” ปวันถาม
“ชัวร์ป้าบ แล้วถ้าไอ้พวกค้าอาวุธบ้าจี้สั่งซื้อ ไอ้โอเคก็จะช่วยผลิตส่งออกได้เป็นล่ำเป็นสัน และอาวุธพวกนี้ก็จะถูกใช้ฆ่าคนบริสุทธิ์อีกนับไม่ถ้วน”
เชนพูดขึ้นหลังจากยืนฟังข้อมูลมานาน
“เพราะฉะนั้น พวกเรา ต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม”
“ด้วยการขัดขวางไม่ให้มันจัดโชว์แสนยานุภาพปืนสำเร็จงั้นเหรอ” ปวันถาม
เชนส่ายหัว “ไปขวางทำไม”
“อ้าว”
ทุกคนแปลกใจ
มิสเตอร์โอเคบังคับรถเข็นไฟฟ้าหมุนไปมาอย่างกวนๆ พร้อมกับหัวเราะร่า
“ไอ้กระพ้มคิดไว้แล้วฮ่ะๆๆ พอไม่มีไอ้แก่ปัญญาอ่อนลุงเจิด ไอ้กระพ้มก็มีความสำคัญขึ้นมาทันควัน”
ดร.อาทิตย์ได้แต่เงียบ ไม่อยากเถียงอะไรในตอนนี้เพราะต้องพึ่งมิสเตอร์โอเค
“อภิโธ่ อภิถังกะละมังไห กระพ้มอยากจะบอกมานานแล้ว ไม่ต้องไปเอานักวิทยาศาสตร์บ๊องๆ ที่ไหนมาให้ปวดกบาลหรอก นี่ไง มีมิสเตอร์โอเคแค่หนึ่งเดียว ด็อกเตอร์ก็จะได้ทุกสิ่งที่ปรารถนาแล้ว”
ดร.อาทิตย์ฝืนยิ้มดีใจ
“ตกลงว่าคุณจะผลิตปืนให้ผม ทันวันแสดงแสนยานุภาพให้กองกำลังต่างชาติใช่มั้ย”
“ทันแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์”
“เยส ไม่เสียแรงที่อัญเชิญคุณออกมาจากไอ้หนังสายลับห่วยแตกสามมิติจริงๆ เราจะมาสร้างความยิ่งใหญ่ด้วยกัน”
“แต่”
“แต่อะไร”
“อัพ อัพ เปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งของกระพ้มต้องอัพเพิ่มขึ้น ม่ายงั้นก็ไม่โอเค”
ดร.อาทิตย์อึ้งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะตัดสินใจ
“ผมให้คุณเต็มที่ 40 เปอร์เซ็นต์ โอเคป่ะ”
“สี่สิบๆ อืม ขอเศษอีก 5 ได้ป่ะ”
นารีกับอินทุทำหน้าเซ็ง แต่ดร.อาทิตย์จำต้องยอม
“ตกลง ผมให้คุณ 45 เปอร์เซ็นต์”
“งั้นกระผมก็โอเค เฮ ไปเลย ไปเปิดโรงงานผลิตกันเลย เช้าไก่โห่วันพรุ่งนี้ ด็อกเตอร์จะได้เห็นไอ้ปืนชื่อเห่ยๆ ซุปเปอร์ซัน ล็อตแรก กระต๊ากๆๆ”
มิสเตอร์โอเคหัวเราะลั่นพร้อมกับกดรีโมทรถเข็นวิ่งกลับไป ดร.อาทิตย์ต้องข่มอารมณ์กับความกวนประสาทของมิสเตอร์โอเคเป็นอย่างมาก
เชนพูดโดยมองพิมพ์เขียวปืนที่เจิดก็อปปี้มา ด้วยบทบาทของผู้นำที่มีแผนการอยู่ในหัวเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ตฤณก้าวเข้ามาคุยกับเชนด้วยมาดผู้ช่วย
“แผนการมันก็สำเร็จน่ะซิ ถ้าเราไม่เข้าไปขวางพวกมันน่ะ สายลับเชน”
“เย็นไว้คู่หูตฤณ ที่แกยังไม่รู้ก็คือ กันเคยเอาชนะปืนบุ๋มบิ๋มของมันได้”
“จริงรึสายลับเชน แบบนี้กันต้องยกนิ้วให้ แกมันยอดเยี่ยมกระเทียมดอง”
“เราต้องต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน”
“เยสเซ่อร์”
ทุกคนอ้าปากค้างมองเชนกับตฤณคุยกันแบบสายลับกับผู้ช่วย ราวกับเล่นหนังอยู่
“คุณธรรมปกป้อง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์ หยุดเหล่าร้าย สายลับเชน”
“ฉลาดก็เท่านั้น”
“หล่อก็เท่าโน้น”
เชนกับตฤณลูบผมจบสโสแกนพร้อมกัน หันมามอง เป็นท่าเท่คู่ ทุกคนมองค้าง
“โอ้โห เล่นกันแค่ 2 คน ไม่เผื่อใครเลย” วิศวะกระเซ้า
เชนกับตฤณเจื่อน ตังตังขำ ปวันต้องทำหน้าที่สรุป
“สายลับเชน คุณมีวิธีทำให้มันโชว์ห่วยด้วยปืนอันนี้ใช่มั้ย”
“ใช่จ้ะยอดรัก”
“ฮิ้ว”
เจิดกับวิศวะล้อ ปวันทำหน้าไม่ถูก แอบศอกใส่สีข้างเชน
“อูย เอ่อ ใช่ครับคุณปวัน ทุกอย่างอยู่ในเฮดเชนหมดแล้ว แต่ต้องอาศัยแฮนด์ของลุงเจิดกับวิศวะ ต้องช่วยผมประดิษฐ์ของอย่างหนึ่งขึ้นมาจัดการกับเจ้าปืนบุ๋มบิ๋มของมิสเตอร์โอเค”
“โห มีเฮด แล้วมีแฮนด์ บอกเลยว่าอาจารย์กับศิษย์พร้อมจะเฮ็ดแล้ว”
“เยส”
เจิดกับวิศวะโพสต์ท่าคู่กันบ้าง และแล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูโครมครามที่ข้างบน
“ใครอยู่ข้างนอก ช่วยเปิดประตูให้ฉันที”
“น้าเจนตื่นแล้ว”
ตฤณกับตังตังตื่นเต้นดีใจ
เจนจิรายืนเคาะประตูอยู่
“เปิดประตู ฉันจะออกไป”
ตฤณเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นหน้าเจนจิราก็ดีใจ
“เจน”
ตฤณโผกอดเจนจิราไว้ทันที
“ตะเองไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ย ตะเองหายแล้วใช่มั้ย”
เจนจิรานิ่ง หันมามองหน้าตฤณอึดใจ แล้วโวยวายขึ้น
“คุณไม่ใช่บารมี อย่ามากอดฉันนะ ฉันต้องการอ้อมกอดของบารมี ปล่อยฉัน”
เจนจิราผลักตฤณออก ตังตังยืนอึ้งดู
“น้าเจนยังไม่หายเหรอเนี่ย”
เจนจิราพยายามจะเดินหนีออกจากห้อง แต่ตฤณจับตัวไว้
“ตะเองไปไม่ได้นะ”
“บารมีจ๋า บ่ารามี้ บ่า รา หมี” เจนจิราร้องเป็นเพลงโอเปร่า
“เจนๆ ตะเองตั้งสติหน่อยซี มานั่งตรงนี้ แล้วฟังเขา”
“ฉันไม่ฟัง บอกให้ปล่อย”
ตฤณดึงเจนจิราไปนั่งลงที่เตียงจนได้ แล้วรีบเปิดรูปในมือถือให้ดู
“ตะเองดูรูปพวกนี้ซี แล้วพยายามนึกถึงความรักของเราสองคนที่เคยมีตอนที่เขาจีบตัวเองใหม่ ดูซิ แล้วนึกย้อนไป”
เจนจิรามองรูป เห็นเป็นรูปที่ถ่ายกับตฤณตอนรักกันหวานชื่น ก็สงบลงได้
“ตะเองจำได้แล้วใช่ไหม”
“ฉันมาถ่ายรูปพวกนี้กับคุณได้ยังไง บารมีไม่หึงเอาเหรอ เขารักฉันมากนะ”
ตฤณผิดหวังที่เจนจิราจำอดีตกับเขาไม่ได้
“เขาไม่ได้รักตะเอง แต่เขาอยากเป็นเจ้าของตะเอง เขาอยากได้ตะเองเพื่อไปส่งเสริมความดังของคลินิกเสริมความงามของเขา ตะเองรู้รึเปล่า”
“ฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าฉันคิดถึงเขา ให้ฉันกลับไปหาเขาเถอะนะ ฉันจะตายอยู่แล้ว”
“โธ่เจน”
ตฤณดึงเจนจิรามากอดอย่างสงสาร เจนจิราทำหน้าเศร้าเหมือนหมดอาลัยตายอยากอยู่ในอ้อมแขนของตฤณ
“เขาจะหาวิธีช่วยตะเอง แก้ฤทธิ์สะกดจิตของไอ้ด็อกเตอร์อาทิตย์ให้ได้”
ตังตังยืนเกาะประตูมอง
“น้าตฤณน่าสงสารมากเลย”
ปวันยืนพูดโทรศัพท์อยู่ในบ้านเช่าตฤณ
“ขอบใจมากนะจ่า ตอนนี้เชนกลับมาแล้ว เราจะขัดขวางการค้าอาวุธของมัน จ่าสแตนบายไว้ โอเค จ่าไปทำงานเถอะ แล้วจะโทรไป”
ปวันวางสาย หันมาบอกเชน
“ลุงเจิดกับวิศวะประดิษฐ์ของที่นายสั่งทำสำเร็จแล้ว โทรบอกฉันนะ เราจะได้มาวางแผนกันก่อนลงมือจริง”
“เอ่อ คุณจะกลับแล้วเหรอครับ”
เชนยังไม่อยากให้ปวันกลับ
“ฉันจะรีบไปตามหาข่าวคุณปลายฟ้าให้นายไง”
“ทำไมคุณถึงชอบประชดประชันผมให้ปวดหัวใจเล่น”
“ประชดตรงไหน ก็คุณอยากเจอคุณปลายฟ้าไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะช่วยตามหาให้ไง”
“ขอบคุณมากครับคุณปวัน”
เชนพูดพลางคว้ามือปวันมาจับไว้ ทำเอาปวันแทบละลาย
“เอ่อ ขอบคุณเฉยๆ ก็ได้ ทำไมต้องจับมือด้วย”
“ผมอยากให้คุณสัมผัสไงครับ”
“สะ สัมผัสอะไร”
“สัมผัสถึงก้นบึ้งของหัวใจผม”
เชนพูดพลางเอามือปวันมาแปะที่อกซ้ายของตัวเอง ปวันตะลึงหน้าแดง จะถอยแต่หลังชิดโต๊ะ หนีไปไหนไม่ได้
“อุ้ย”
“บางครั้งหน้าที่ความรับผิดชอบ ทำให้ผมไม่อาจทำตามหัวใจเรียกร้องได้”
เชนมองจ้องตาปวันอย่างจริงจัง
“แต่ขอให้คุณรู้ไว้ว่า ในชั่วชีวิตหนึ่งของสายลับเชน จะมีรักแท้เพียงหนึ่งเดียว คุณรู้ใช่ไหมว่าเธอคนนั้นเป็นใคร”
“เอ่อ รู้ ลินดา คู่หูคุณไง ปล่อย ฉันกลับแล้ว”
ปวันดึงมือออก รีบเดินออกจากบ้านไปอย่างโล่งอก เชนจับหน้าผาก กลุ้ม
“คงมีสักวัน ที่เชนจะมีโอกาสได้บอกความในใจกับคุณ”
ที่โรงงานร้าง เป็นสถานที่สาธิตอาวุธ นักค้าอาวุธราว 5-6 คน กำลังดูอาวุธมากมายหลายชนิดที่เอามาวางให้เลือกดู ทั้งปืนยาว ลูกซอง ปืนสั้น ระเบิด แต่ทุกอย่างล้วนแต่เป็นอาวุธที่เคยเห็นในตลาดทั่วไปอยู่แล้ว เหล่านักค้าอาวุธคุยกัน พากันส่ายหน้าผิดหวัง และแล้วเสียงมิสเตอร์โอเคก็ดังขึ้น
“Hello สวัสดี บรรดาท่านนักค้าอาวุธ ที่ร่ำรวยเพราะค้าขายสงคราม ทำธุรกิจแห่งการฆ่า สร้างสรรค์ความตายแบบวินาศสันตะโรให้มวลมนุษยโลกทั้งหลาย อาวุธแบบพื้นๆ เดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ แบบนี้มันไม่โอเค มันไม่ถูกจายใช่มั้ย ฮ่ะๆๆ”
เหล่านักค้าอาวุธหันมองหา เห็นมิสเตอร์โอเคยืนหัวเราะอยู่ชั้นบน แล้วกระโดดลงมายืนโพสต์ท่าสุดกวนแบบในหนัง นักค้าอาวุธฝรั่งคนหนึ่งถือปืน AK กระบอกหนึ่งขึ้นมาโวย
“ถ้าไอจะซื้อปืนเอเคแบบนี้ ไอโทรจากตลาดข้างบ้านก็ได้ ม่ายต้องบินมาถึงที่เมืองไทย”
นักค้าอาวุธพูดพลางโยนปืนคืนให้มิสเตอร์โอเค มิสเตอร์โอเครับแล้วทำท่าควงปืนอย่างกวนๆ ใส่ ดร.อาทิตย์รีบพูดขึ้น
“นั่นเป็นแค่ของเล่นให้พวกยูดูฆ่าเวลาเท่านั้นแหละมิสเตอร์”
เหล่านักค้าอาวุธหันไปมอง ดร.อาทิตย์เดินเข้ามา มีลินดาตามขนาบ
“พวกไอต้องการดูของจริง”
“พวกยูมากันครบแล้วใช่มั้ย ไอจะได้เปิดตัวปืนซุปเปอร์ซัน อาวุธทำลายล้างสุดล้ำตัวใหม่ของไอให้พวกยูได้ชื่นชมกัน”
“Wow ซุปเปอร์ซัน”
“Come on I’m ready เอาปืนซุปเปอร์ซันของยูออกมา”
ดร.อาทิตย์เดินเข้าไปที่มุมหนึ่งที่มีผ้าใบลายพรางทหารขึงปิดอยู่ ทำท่าจะดึงผ้าออก แต่ลินดาซึ่งเสียบหูฟังติดต่อกับเหล่าสมุนด้านนอกร้องขัดขึ้น
“เดี๋ยวก่อน ด้านนอกมีนักค้าอาวุธอีกกลุ่มเพิ่งเดินทางมาถึง”
“พวกไหน”
“พวกนั้นเรียกตัวเองว่า พยัคฆ์ร้าย 5 แผ่นดิน”
ประตูใหญ่ด้านหน้าโรงงานเปิดออกช้าๆ พยัคฆ์ร้าย 5 แผ่นดิน เดินเข้ามาอย่างช้าๆ เท่ๆ มีชาย 4 หญิง 1
“เชิญด้านในเลยครับ การสาธิตอาวุธกำลังจะเริ่มแล้ว”
ทั้งห้ารีบเดินเข้าด้านในไป
ดร.อาทิตย์ มิสเตอร์โอเค ลินดา และเหล่านักค้าอาวุธต่างชาติยืนรอพยัคฆ์ 5 แผ่นดิน ที่เดินดาหน้าเข้ามาอย่างช้าๆ ดร.อาทิตย์มองจับพิรุธแต่ละคนด้วยสายตาคมกริบ มิสเตอร์โอเคถาม
“ไอ้พวกนี้มันเป็นแขกที่ได้เชิญหรือเปล่าด็อกเตอร์”
“เปล่า”
“อ้าว ไอ้แบบนี้กระพ้มว่ามันชักไม่โอเคนะ”
“มาแบบไม่ได้รับเชิญแบบนี้ ลินดาอารมณ์เสีย”
ลินดาทำท่าแยกเขี้ยวเซ็กซี่ใส่ทั้งห้า จีดีหรือเชนที่ปลอมตัวมามองลินดา แต่ปากรีบพูดขึ้น
“ใช่ พวกยูไม่ได้ส่งเทียบเชิญพวกเรา 5 แผ่นดิน แต่พวกเราต้องมา”
ซีแอลหรือปวันรีบพูดต่อ
“ที่ไหนขายอาวุธเจ๋งๆ ที่นั่นไม่รอดพ้นสายตาพยัคฆ์ร้าย 5 แผ่นดิน”
“ขอให้มันเจ๋งจริงเถอะพวก พวกเราพร้อมจะซื้อไม่อั้น” ทอปหรือตฤณ พูดขึ้น
“กลัวแต่มันจะเจ๋งไม่จริง เหมือนที่โฆษณานี่ซิ ฮ่ะๆๆๆ” แทยังหรือเจิดหัวเราะ
“หวังว่าพวกเราจะมาไม่เสียเที่ยวนะลุง” แดซองหรือวิศวะพูดต่อ
“ก็หวังว่าอย่างงั้น” เจิดตอบ
“แต่เราไม่ขายลูกค้าที่ไม่ได้รับเชิญ” ลินดาท้วง
“หึ งั้นพวกเรากลับ” เชนบอก
ทั้งห้าทำหน้าไม่พอใจ หันจะเดินกลับ แต่ดร.อาทิตย์ยกมือห้ามขึ้น
“Hold on a second”
ทั้งห้าหยุดหันมามอง
“ไหนๆ พวกยูก็ดั้นด้นมาถึงนี่แล้ว คิดเหรอว่าไอจะยอมปล่อยพวกยูผ่านกลับออกไปง่ายๆ หึๆ”
คำพูดของดร.อาทิตย์ ทำเอาทั้งห้าชักสีหน้าหวั่นๆ เตรียมป้องกันตัวทันที เช่นเดียวกับ มิสเตอร์โอเค ลินดาและเหล่าสมุนก็ชักปืนเตรียมพร้อม พร้อมจะบุกถ้าดร.อาทิตย์สั่ง เหล่านักค้าอาวุธหันมองหน้ากันหวั่นๆ จะมีเรื่องกัน
“เอายัง เอายัง ไอ้กระพ้มอยากซัดไอ้ห้าตัวนี่ด้วยปืนซุปเปอร์ซันเต็มแก่แล้ว เอิ้กๆ เป็นการโชว์แสนยานุภาพปืนของเราไปในตัวไงด็อกเตอร์”
“ลินดาก็พร้อม”
“ไอก็พร้อมให้พวกยูได้ชมการโชว์พาวเว่อร์ของปืนซุปเปอร์ของไอในวันนี้ด้วยเช่นกัน”
ดร.อาทิตย์บอก ทั้งห้าโล่งอก มิสเตอร์โอเคกับเหล่าสมุนหน้าเจื่อน
“ปัดโธ่เอ๊ย นึกว่าจะมีเรื่อง เสียมูดหมด”
“แต่พวกยูเป็นใครกันบ้าง ไอยังไม่รู้จัก”
“ไอชื่อจีดี”
“ซีแอล”
“ท็อป”
“แดซอง”
“ส่วนไอ เทรึยัง”
“ห่ะ”
“เทยัง ไอชื่อ เทยัง”
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน วันนี้ยูทั้งห้าจะไม่ผิดหวังที่ได้มา ยูจะได้เห็นสุดยอดนวตกรรมใหม่ของปืนในโลกแห่งจินตนาการ ปืนซุปเปอร์ซัน”
ดร.อาทิตย์พูดพลางก้าวเข้าไปดึงผ้าลายพรางทหารออก ปืนซุปเปอร์ซัน 2 กระบอกโชว์อยู่ เสียงนักค้าอาวุธฮือฮา
พวกห้าแผ่นดินก็ต้องตบมือทำท่าถูกใจตามน้ำไปด้วย
ทิวาเดินถือถาดใส่อาหารมาที่หน้าห้องตฤณ ราตรียืนบ่นๆ รอตังตังเปิดกุญแจห้อง
“เอาผู้หญิงเค้ามากักตัวไว้แบบนี้ได้ไง น้าเราทำไม่ถูกนะตังตัง” ราตรีตำหนิ
“สงสารหนูเจนจริงจริ๊ง ทำเหมือนถูกกักกันเพราะเป็นโรคอีโบล่ายังไงก็ไม่รู้” ทิวาเห็นใจ
“ถึงน้าเจนไม่ได้ป่วยเป็นอีโบล่า แต่น้าเจนก็ป่วยออกแนวเพ้อๆ นะคะ”
“ว้ายตาย ทำไมไปว่าหนูเจนอย่างงั้นห่ะตังตัง เดี๋ยวนี้เราชักเอาใหญ่นะ เข้าข้างน้าตัวเองเป็นตุเป็นตะ”
“เปล่าเข้าข้างซะหน่อย อ่ะๆ ไม่เชื่อ น้าๆ ก็ลองเข้าไปดูเอาเองก็แล้วกัน”
ตังตังเปิดประตูให้ทิวา ราตรี เดินเข้าไป
“หนูเจนจ้ะ โถๆ หนู น่าสงสารจริงๆ ถูกขังอยู่แต่ในห้อง” ราตรีเห็นใจ
“ป้าทำกับข้าวมาให้กิน หิวรึเปล่าจ๊ะ”ทิวาถาม
เจนจิราหันขวับมาตกใจ ชี้นิ้ว
“ยัยมนุษย์ป้าสองคนนี่ใครอ่ะ ไปให้พ้นนะ”
“ว้าย มนุษย์ป้า”
“ทำไมเรียกน้าหยาบๆ คายๆ แบบนี้ล่ะ นี่น้าทิวาราตรีไง จำไม่ได้เหรอ”
“ไม่ต้องมาทำเป็นหลอกนะ ฉันไม่รู้จักพวกป้า บารมี ฉันจะไปหาบารมี เจนเหลือทนแล้วนั่น บารมี ของเจน หวนคิดคิดแล้วขมขื่น ฝืนใจเจน”
เจนจิราผลักทุกคน แล้ววิ่ง
“อุ้ย น้าเจนจะหนีแล้ว อย่าให้ไปนะคะ น้าเจนเริ่มจำใครไม่ได้แล้ว นอกจากหมอบารมีแบบนี้ มันอันตราย น้าเจนอย่าไปค่ะ อย่า”
ตังตังยืนกางมือขวางทางไว้
“หลีกไปนะยัยเด็กบ้า หลีก”
ทิวาเห็นอย่างนั้นรีบวางถาดไปช่วยตังตังคว้าแขนเจนจิรา
“หนูเจน หนูป่วยจริงๆ นะเนี่ย เล่นจำใครไม่ได้แบบนี้ อยู่พักที่นี่เถอะ”
“ปล่อยฉันนะ ยายแก่”
“อ๊าย มาว่าฉันแก่ งั้นอย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่เลย นี่ นังราตรี จะยืนดูอยู่ทำไม มาช่วยกันจับไว้ซี”
“โฮ่ย ทำไมต้องให้ฉันยุ่งด้วยนะ หยุดแผลงฤทธิ์เดี๋ยวนี้นะหนูเจน ถ้าพูดดีๆ ไม่รู้เรื่อง จะเจอ”
ราตรียังพูดไม่จบ ก็เจอท่อนแขนเจนจิราที่ดึงสะบัดมาจากการฉุดดึงของทิวาฟาดเข้าหน้า
“ว้าย”
ราตรีกุมปากเซมาหน้าแหยเก
ทิวา ราตรี ช่วยดึงประตูให้ตังตังล็อคประตูขังเจนจิราไว้เหมือนเดิม
“เปิดประตูนะ ปล่อยฉันไป ฉันจะไปหาบารมี ปล่อยฉัน โอย โอ๊ย คิดถึงจัง เธอ บารมี โอ๊ย โอ๊ย”
“ล็อคเร็วๆ ซีตังตัง” ทิวาเร่ง
“เสร็จแล้วค่ะ”
“เฮ่อ”
ทั้งสามคนหมดแรง
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ปากฉันต้องบวมเป็นพญาครุฑแน่ๆ เลย หนูเจนบ้าไปแล้ว ถึงขั้นทำร้ายร่างกายฉันเลยนะเนี่ย” ราตรีพูดขึ้น
“ก็ตังตังบอกแล้วว่าน้าเจนออกแนวบ้าๆ เพี้ยนๆ ไปแล้ว จำใครไม่ได้เลย นอกจากหมอบารมี แล้วก็หมอบารมี”
“แบบนี้ อีตาหมอบารมีต้องทำเสน่ห์ยาแฝดใส่หนูเจนแน่ๆ” ทิวาเดา
“โหะๆ นี่หล่อน ดูละครซิกซ์เซ้นส์รีรันมากไปรึเปล่ายะ”
“อาการแบบนี้ ไม่โดนยาเสน่ห์ แล้วจะโดนอะไรยะ”
“โดนสะกดจิตค่ะ”
“หา สะกดจิต”
ทิวา ราตรี ตกใจ ตังตังทำตาโตพยักหน้ายืนยัน
มิสเตอร์โอเคกับลินดายืนถือปืนซุปเปอร์ซันอยู่กันคนละกระบอก ต่อหน้าพยัคฆ์ 5 แผ่นดิน และเหล่านักค้าอาวุธ โดยมีดร.อาทิตย์เดินอธิบายสรรพคุณ
“ปืนซุปเปอร์ซัน 2 กระบอกนี้ ไม่ต้องใช้กระสุนให้เกะกะและสิ้นเปลือง ล้าหลังอีกต่อไป แต่อาศัยแค่ชิพ พิเศษเล็กๆ ตัวนี้เพียงชิพเดียวเท่านั้น ข้างในชิพมีตัวจุดระเบิดทำจากผงเพชรThe Queen Of Pinkอันเดียว เพียงแค่ยูสอดนิ้วลั่นไก ชิพตัวนี้จะทำงานร่วมกับแผงวงจรคอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ในปืน”
ดร.อาทิตย์ชี้รูปก็อปปี้ภาพพิมพ์เขียวของปืน เห็นวงจรคอมพิวเตอร์คร่าวๆ ของปืน สายตาของจีดีหรือเชน มองจับจ้องไปที่หน้าตาและปฏิกิริยาของลินดา เหมือนลินดาก็รู้ แอบส่งสายตายิ้มยั่วยวนมาให้เป็นระยะ ซีแอลหรือปวัน เหลือบมองหน้าจีดีอย่างหึงๆ
“เมื่อยิงออกไป ปืนจะปล่อยกระสุนออกมาเป็นลำแสงสีฟ้าสวยงาม แต่มีอานุภาพทำลายล้างมหาศาล สามารถยิงได้ 3 ระดับ ด้วยการปรับที่ปุ่มข้างปืนตรงนี้ ระดับที่ 1 ยิงลำแสงออกมาครั้งละ 10 นัด
ระดับที่ 2 ยิงลำแสงออกมา เป็นห่าฝน และระดับที่ 3 ปล่อยลำแสงออกมาเป็นระเบิด สามารถทะลุทะลวงทำลายล้างได้หลาย 10 เมตร”
“ไอ้กระพ้มขอแนะนำว่า ไม่ต้องไปใช้มันหรอกระดับที่ 1 ที่ 2 น่ะ ซัดระเบิดระดับ 3 ไปเลย ตูมเดียวตายเรียบ ประหยัด คุ้มค่า ไม่เสียเวลานอนฮ่ะๆ”
“อธิบายด้วยปากมันไม่เหมือนเห็นกับตานะด็อกเตอร์อาทิตย์ ว่าที่ยูโฆษณาขายมาทั้งหมด มันเป็นเรื่องจริง” ทอปหรือตฤณท้วง
“งั้นมาดูการยิงระดับที่ 1 กันก่อน”
แทยังหรือเจิด กับแดซองหรือวิศวะแอบกระซิบคุยกัน
“แทยัง แดซองพร้อมนะ” จีดีถาม
“พร้อมตั้งแต่มาแระ”
“อาจารย์พร้อม ผมก็พร้อม”
ลินดาสวมแว่นกันกระสุนแล้วตั้งท่าพร้อมจะยิง มิสเตอร์โอเคสั่ง
“ลินดา จัดไป”
“ได้เลย ลินดาจัดให้ตามคำขอ ฮี่ๆๆๆ”
ลินดาหัวเราะพลางยิงปืนไปที่เป้า ลั่นไกทีเดียว เป็นลำแสงวิ่งไล่กันออกมา 10 นัด เป้ากระจุย เหล่านักค้าอาวุธปรบมือเนือยๆ ไม่ประทับใจ พยัคฆ์ 5 แผ่นดินทำเป็นส่ายหน้า ไม่ปลื้ม
“ธรรมดามาก ธรรมดา” เชนบอก
ปวันหาว “ขออะไรที่มันทำให้ตื่นดีกว่ามั้งคะ”
“แบบนี้ซุปเปอร์มาเก็ตแถวบ้านมีขาย” เจิดบอก
เจิดกับวิศวะหัวเราะกันงอหาย
ดร.อาทิตย์พยายามพูดถึงประสิทธิภาพของปืนให้ฟังต่อ
“การยิงระดับที่ 1 อาจจะไม่เข้าตาพวกยู งั้นเรามาดูการยิง”
“ระดับที่ 2 รับรองว่าอร่อยเหาะ มิสเตอร์โอเคคอนเฟิร์ม ฮ่ะๆๆๆ”
มิสเตอร์โอเคลั่นไกยิงเป็นลำแสงพุงกระจายออกไปราวกับฝอยน้ำแรงๆ จากฟักบัว ทำให้หุ่นที่เป็นเป้ายิงไฟลุกทันที นักค้าอาวุธปรบมือเกรียว พอใจ พวก 5 แผ่นดินต้องทำเป็นปรบมือยกนิ้วโป้งให้ตามน้ำ
“very good very good อาหร่อยเหาะจริงๆ” เชนทำชม
“และคราวนี้การยิงระดับ 3 ปล่อยระเบิดทำลายล้าง ผมจะเป็นคนสาธิตเอง ทุกคนเตรียมตัวชม”
ดร.อาทิตย์สวมแว่นกันกระสุน ในขณะที่เขนหันไปให้สัญญาณกับพวก
“ตอนนี้แหละ ลงมือเลย”
เจิดกับวิศวะล้วงรีโมทจากกระเป๋าออกมาคนละอัน กด แล้วก็มีเสียงแสบแก้วหูดังเข้ามาจนทุกคนพากันปิดหู ดร.อาทิตย์ชะงักการยิง
“เฮ้ย เสียงใครกรี๊ดวะ เธอเหรอลินดา” มิสเตอร์โอเคสงสัย
“บ้า คนผีทะเล ฉันยังไม่ได้ขยับปากเลยสักนิด”
“เฮ ด็อกเตอร์ รีบๆ ยิง ไออยากจะเห็นอานุภาพทำลายล้างของปืนแล้ว” ตฤณร้องบอก
“งั้นพวกคุณถอยไปอยู่ข้างหลังผม”
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ดร.อาทิตย์ หันไปเลื่อนปุ่มปืนไปที่ระดับ 3 เล็งไปที่มุมไกล อีกาฝูงหนึ่งบินเข้ามาในจังหวะยิงพอดี
ปืนซุปเปอร์ซันปล่อยลำแสงออกมาจากปลายกระบอกปืน สว่างวาบออกมา ดร.อาทิตย์ยิ้มร่า แต่เพียงคืบเดียว ลำแสงก็หดหายไป
“เฮ้ย มันหดไปไหน ทำไมโผล่มาสั้นจุดจู๋อย่างงั้น” มิสเตอร์โอเคโวย
ในขณะเดียวกัน ฝูงอีกาก็บินวนเป็นวงกลมอยู่บนท้องฟ้าเหนือหัวทุกคนอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมไปไหน
ลินดาแหงนหน้ามอง
“อีกามาวนทำไมตรงนี้”
ดร.อาทิตย์พยายามเหนี่ยวไกยิงอีกหลายครั้ง
“เป็นไปไม่ได้ มันต้องยิงได้ซิ”
ปืนไม่ทำงาน ไม่มีลำแสงใดๆ ออกมา ดร.อาทิตย์เปลี่ยนไปหยิบอีกกระบอกมายิง ก็ยังยิงไม่ได้
“เฮ้ย ทำไมมันยิงไม่ได้”
ดร.อาทิตย์หันขวับมาทางมิสเตอร์โอเค
“โนๆๆ อย่ามาโยนขี้ให้กระพ้ม เมื่อวานเราทดสอบกันแล้ว มันยังเวิร์กอยู่เลย ด็อกเตอร์ก็เห็น”
“แล้ววันนี้ทำไมมันไม่เวิร์ก”
“I don’t know”
นักค้าอาวุธเซ็ง ผิดหวังมาก พากันส่ายหัวหันเดินกลับ
“พวกเรามาทำไมเนี่ย เสียเวลามาก กลับ”
ดร.อาทิตย์ร้องห้าม
“เดี๋ยว พวกยูจะไปไหน กลับมาก่อน เฮ้ ยู come back”
ไม่มีใครยอมกลับมาอีก รีบเดินหนีออกไป ดร.อาทิตย์งง
“ตะกี้ปืนยังยิงได้อยู่เลย แต่พออีกานรกฝูงนั้นเข้ามา ปืนก็แฮงค์ทำงานไม่ได้”
ลินดาหันมาทางกลุ่ม 5 แผ่นดินที่ยังยืนกันอยู่
“ต้องเป็นฝีมือพวกนี้แน่ๆ เลยนาย ตะกี้ฉันเห็นมันล้วงเอาอะไรออกมา นั่นไง ไอ้สองคนนั่นยังถืออยู่เลย”
ดร.อาทิตย์ มิสเตอร์โอเค หันขวับมามองเจิดกับวิศวะเป็นตาเดียว เจิดหัวเราะพร้อมกับชูรีโมทขึ้น
“อันนี้เขาเรียกว่ารีโมทนะอีหนู”
“รีโมทอะไร”
“ก็รีโมทอีกาไวรัสไง นี่ไง จะโชว์ให้ดูเป็นขวัญตา”
วิศวะกดบังคับ
“เอ๊า อีกาบินผาดโผนดิ อีกาจัดแถวเรียงกระดาน”
ทุกคนเห็นฝูงอีกาบินตามที่เจิดกดปุ่มบังคับทุกอย่าง
“อ่ะ จัดโชว์อีกาสยบพสุธาสักตัว” เจิดบอก
วิศวะกดรีโมท อีกาตัวหนึ่งบินพุ่งตรงดิ่งลงมาเป็นแบบเครื่องบินกามิกาเซ่เข้าใส่พวกดร.อาทิตย์ พวกนั้นหลบ แล้วอีกาก็หัวปักพื้นระเบิดออกมา แตกเห็นเป็นเครื่องจักรอยู่ภายใน พวกดร.อาทิตย์ผงะหลบ
“มันไม่ใช่อีกาจริงๆ มันเป็นเครื่องจักร” มิสเตอร์โอเคร้องบอก
“แล้วก็ไม่ใช่เครื่องจักรธรรมดาด้วย แต่เป็นไวรัส สั่งสัญญาณเจาะทำลายแผงวงจรในปืนซุปเปอร์ซันของแกไม่ให้ทำงาน หึๆ” ปวันหัวเราะ
“ฮ่าๆๆ”
พวกพยัคฆ์ 5 แผ่นดิน หัวเราะขำกลิ้ง
“หึ พวกแกไม่ใช่ 5 แผ่นดิน พวกแกเป็นใครกันแน่” ดร.อาทิตย์ตวาด
ตฤณหันไปมองเชน พลางถาม
“เฮ้ย แกแน่รึเปล่าวะ”
“กันน่ะแน่ แล้วแกล่ะแน่รึเปล่า”
“กันแน่อยู่แล้ว”
“ไหนๆ เขาก็ขายปืนไม่ออกแล้ว ก็อย่าหลอกเขาต่อไปเลย”
“ฉันไม่อยากฟัง พวกแกเป็นใคร บอกมาเดี๋ยวนี้” ดร.อาทิตย์ตะคอก
พวกดร.อาทิตย์ทุกคนจ่อปืนมาที่ทั้งห้าคน พร้อมจะยิง ทั้งห้าคนยิ้ม หัวเราะกันร่วน พร้อมกับยกมือมาดึงหนังหน้าที่ใต้คางออก ทำเอาพวกดร.อาทิตย์ตกตะลึงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าเป็น เชน ตฤณ ปวัน เจิดและวิศวะ
“มัน มันอีกแล้ว” มิสเตอร์โอเคร้องลั่น
“ห่ะ ไอ้สายลับเชน ฆ่ามัน”
“ไม่ได้กินกูหรอก”
เจิดกับวิศวะรีบกดรีโมทพร้อมกัน เสียงอีกาแผดเสียงร้องแหลมแสบแก้วหู ทำเอาพวกดร.อาทิตย์หยุดชะงักปิดหู แล้วอีกาทั้งฝูงก็พุ่งหัวปักลงมาใส่ พวกดร.อาทิตย์ต้องหลบกันให้วุ่น อีกาพุ่งลงปักพื้น กลายเป็นระเบิดย่อมๆ ทำเอาพวกดร.อาทิตย์ต้องหลบเข้าที่กำบังกันให้วุ่น สมุนหลายคนถูกสะเก็ดระเบิดเจ็บ เจิดกับวิศวะสะใจยกมือตบกัน
“ฮ่ะๆๆ ปืนซุปเปอร์ซันเจออีกาพุ่งหลาวของกูหน่อยเป็นไง”
“มึง”
ดร.อาทิตย์ยิงมาขณะหลบอยู่หลังกำบัง มิสเตอร์โอเค ลินดา ยิงมาด้วย เชนหันมาบอกพรรคพวก
“รีบไปเถอะสหาย ปล่อยพวกมันไว้กับอีกา ฮ่ะฮ่า”
พวกเชนพากันหัวเราะวิ่งออกไปจากโรงงานร้าง ทิ้งความเจ็บแค้นให้กับดร.อาทิตย์ที่ต้องหลบอยู่หลังกำบัง ตามไปไม่ได้ เพราะฝูงอีกายังคงพุ่งหลาวลงมาใส่ไม่หยุด
“ฮึ่ม ไอ้สายลับเจ้าเสน่ห์ กูจะตามล่ามึง”
พวกเชนวิ่งหลบออกมานอกโรงงานร้าง ปวันรีบบอก
“รถจอดอยู่ทางโน้น”
แต่เชนกลับหยุด
“พวกคุณกลับไปกันก่อน”
“อ้าว แล้วนายล่ะ” ปวันถาม
“เชนต้องอยู่คุยกับบางคน”
“ลินดาเหรอ นายก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าลินดาร่วมมือกับมิสเตอร์โอเคช่วยด็อกเตอร์อาทิตย์ก่อกรรมทำชั่ว ยังจะต้องคุยอะไรอีก”
“ลินดาเป็นคู่หูของเชน เชนรู้จักลินดาดี ลินดาไม่มีวันอยู่ข้างอธรรมเด็ดขาด นอกจากถูกบังคับ”
เชนเดินแยกไป ปวันได้แต่ถอนใจ ตฤณเรียกไว้
“เดี๋ยวเชน พวกเราจะปล่อยให้สุดหล่ออยู่ลุยคนเดียวเหรอ”
ทุกคนมองหน้ากัน
ขบวนรถของดร.อาทิตย์ มิสเตอร์โอเค และลูกน้องแล่นออกมาจากโรงงานร้าง เชนมาหลบอยู่ที่มุมหนึ่งถอยมองดูรถเหล่านั้น คันแรกเป็นรถดร.อาทิตย์ คันที่สองเป็นของมิสเตอร์โอเค คันที่สามลูกน้องนั่งกันไม่มีลินดาอยู่ในนั้น
“ลินดา อยู่ไหน”
เชนเห็นรถคันที่สี่ขับตามออกมาทีหลัง ห่างจากขบวนรถสามคันแรก เห็นลินดาขับรถเองอยู่คนเดียว
“ลินดา”
เชนขยับออกไป
ขบวนรถ 3 คันแรกวิ่งออกไป รถคันที่ 4 ของลินดาวิ่งตามมาห่างๆ ลินดาขับรถมาคนเดียว ทันใดนั้น เชนวิ่งมายืนขวางรถ ลินดาเห็นเชนยืนไม่ขยับอยู่ทางที่รถวิ่ง เธอไม่ลดความเร็วรถลง เชนยังคงยืนนิ่ง ลองใจลินดาว่าจะชนเขาหรือไม่ รถเข้ามาใกล้มากขึ้น จนเกือบจะชน รถลินดาเบรคกระทันหัน ดังสนั่น เชนยืนนิ่งมั่นคง ลินดาลงมาจากรถมองเชน
“ลินดา”
“หลีกไป”
“เชนรู้ว่าตอนนี้ลินดาไม่เป็นตัวของตัวเอง ไอ้ด็อกเตอร์อาทิตย์มันต้องสะกดจิตลินดาให้เป็นพวกเดียวกับมันอยู่แน่ๆ แต่ลินดาต้องฟังเชนนะ ตั้งสติให้ดี ลินดาเป็นสายลับ ผู้พิทักษ์ความดี อย่าให้อำนาจอธรรมมาครอบงำจิตใจคุณได้ คุณต้องต่อต้านอำนาจสะกดจิตของมัน อย่าไปรับใช้คนชั่ว อ็อก”
เชนพูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดจับที่คอ เมื่อลินดาตวัดแส้รัดคอเชนไว้
“ฉันน่ะเหรอเป็นสายลับ ฮ่า ๆๆ แกเอานิทานหลอกเด็กอะไรมาเล่าให้ฉันฟัง ไอ้สายลับขี้จุ๊ ฉันเป็นลินดา นักฆ่ายั่วสวาทต่างหากล่ะยะ”
ลินดาพูดพลางดึงเชือกให้รัดคอเชนแน่นขึ้น
“ฉันสวยขนาดนี้ ไม่คิดอะไรกับฉันบ้างเหรอ หือ”
“อ๊าก คิดซี ทำไมเชนจะไม่คิด”
“อุ้ย ว้าย ดีใจจังเลย”
“เชนคิดจะช่วยลินดาไงล่ะ”
เชนใช้มีดปลายรองเท้าตวัดแส้ขาด ยืนจับคอตัวเอง พยายามหายใจเฮือกๆ
“ลินดา คุณเป็นอะไร”
เชนปรี่จะเข้าไปดูลินดา ลินดาได้จังหวะชักปืนพกเล็กๆ ที่ซ่อนไว้ตรงร้องเท้าบูทออกมา เชนชะงัก
“เป็นคน ที่กำลังจะฆ่าแกไงล่ะ”
“ห่ะ”
ลินดาลั่นไกยิงไปหลายนัดอย่างไม่ปรานี กระสุนเจาะเข้าที่ขาซ้าย 1 นัดและที่ไหล่นัดหนึ่ง
“อ๊าก”
เชนล้มลงไปกองกับพื้น ปวันวิ่งนำ ตฤณ เจิด วิศวะตามเข้ามาเห็นพอดี
“เชน”
ปวันชักปืนออกมายิงลินดา แต่ลินดาหลบกระสุนเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว แล้วขับรถหนีไป
“อย่าหนีนะ”
ตฤณจะตามแต่ปวันท้วงไว้
“ฉันไปตามนังฆาตกรเอง พวกคุณไปดูเชน”
ปวันหันไปมองเชนซึ่งนอนเจ็บอยู่แว่บหนึ่ง ก่อนรีบวิ่งตามลินดาไป ตฤณ เจิด วิศวะรีบวิ่งเข้าไปดูเชน
“เชน เลือดออกเพียบเลย”
“โธ่ รอดคมกระสุนผู้ร้ายมาตั้งเยอะ ดันมาเสียท่าให้แม่คู่หูสาวซะนี่”
“แบบนี้มันเสียเลือดนะอาจารย์ ไม่ใช่เสียท่า”
“โห ไอ้นี่ศิษย์คิดล้างครู”
“เถียงกันอยู่ได้ รีบพาเชนไปก่อนเร็ว”
ตฤณย้ำบอก
ปวันวิ่งตามยิงรถลินดา
“อย่าหนีนะ”
รถวิ่งไปไกลแล้ว ปวันหยุดวิ่ง ยืนหอบ
“โธ่เอ๊ย”
ปวันหันเดินจะกลับ แต่เห็นตฤณเดินประคองเชนกระเผลกออกมา เชนตะโกนเรียกตามหลังรถไป
“ลินดา ลินดา โอ๊ะ”
เชนทรุดลงเพราะเสียเลือดมาก ตฤณตกใจ
“เชน”
เจิดกับวิศวะตามหลังมาต้องเข้าไปประคอง
“อ้าวเฮ้ยๆ ไอ้สายลับลมรับทานซะแล้ว”
“รีบพาไปที่รถเถอะลุง” วิศวะบอก
“ปากก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับยัยลินดา แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรเขา ปล่อยให้ถูกยิงก่อนได้ ไม่เรียกว่าโง่จะเรียกว่าอะไรเนี่ย เฮ่อ ผู้ชายชนะผู้ชาย”
ปวันมองสภาพเชนถูกหามไปอย่างอ่อนใจ
ลินดาเดินเข้ามาหาดร.อาทิตย์ในห้องทำงาน ทุกคนหน้าเครียด โดยเฉพาะดร.อาทิตย์ ลินดาโยนแส้ที่ถูกเชนตัดขาดให้นารี
“ช่วยซ่อมแส้ให้ฉันที”
นารีรับแส้เอาไว้พร้อมตะโกนเกรี้ยวกราด
“เห็นฉันเป็นอะไร อีปลายแถว”
นารีชักมีดออกมาจะเขวี้ยงใส่ลินดา ดร.อาทิตย์ตวาด
“จะกัดกันเองใช่ไหม เดี๋ยวจะหากรงให้เข้าไปฟัดกัน”
นารีกับลินดาหยุด
“ปลอดภัยไหมลินดาคนสวย” มิสเตอร์โอเคถามขึ้น
“สบาย”
“เอาล่ะทุกคนฟัง ความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้น มีเพราะเหตุผลเดียว คือ เราดันประมาทเกินไป” ดร.อาทิตย์สรุป
“ไอ้พวกกระจอก พวกเล่นปาหี่ชัดๆ” มิสเตอร์โอเคปรามาส
“แต่ก็เป็นคณะปาหี่ที่สามารถขัดขวางการขายอาวุธและเกือบคว่ำพวกเราได้ด้วย”
“ให้เกียรติคู่ต่อสู้” อินทุพูดขึ้น
“ก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อของความหลงตัวเอง” นารีพูดต่อ
ทุกคนเงียบ
“โดยเฉพาะไอ้สายลับเชน”
ดร.อาทิตย์หันไปมองลินดา ทุกคนมองตาม ลินดาทำหน้างงว่ามองเธอทำไม
“ทำไม ฉันเพิ่งยิงมันไปสองนัดเมื่อกี้”
“เธอไม่มีความสุขเหรอ” อินทุถาม
“เธอจำมันได้” นารีท้วง
“ฉันจำมันไม่ได้”
ลินดาหน้าเครียด มิสเตอร์โอเคมองพฤติกรรมของทุกคน
“โกหก เธอยิงมันไม่ตรงจุดสำคัญ” อินทุแย้ง
“งานนี้เป็นเรื่องแน่ เธอกับมันเคยเป็นคู่หูกันนี่นา” นารีต่อว่า
“แกสองคนสุมหัวกันใส่ร้ายป้ายสีฉันเกินไปแล้วนะ อย่าวอนให้ฉันต้องลงไม้ลงมือ ทำให้แกสองคนคลานมาขอโทษฉัน”
ทุกคนหันมามองหน้ากัน กำลังจะมีเรื่อง
“ลินดาจำไอ้เชนไม่ได้”
มิสเตอร์โอเคพูดขึ้น นารี อินทุ หันมองหน้ามิสเตอร์โอเค แล้วมองหน้าดร.อาทิตย์ขอความคิดเห็น
“ใช่ เธอจำมันไม่ได้”
นารี อินทุ ไม่พอใจ ลินดายิ้มๆ
“แต่ นายค่ะ มัน”
ดร.อาทิตย์ยกมือให้นารีหยุด มิสเตอร์โอเคมองหน้าดร.อาทิตย์
“ฮ่ะๆๆ I see I see ไอรู้แล้วว่ายูคิดอะไร เราจะเจอจุดอ่อนของไอ้เชนแล้ว เป็นจุดตายของมันด้วย”
“หึๆ ประมาณนั้น ฉลาดนี่”
“ฮ่ะๆๆ”
ดร.อาทิตย์และมิสเตอร์โอเคมองมาที่ลินดา ลินดางงๆ ว่ามองทำไม
เชนนอนหลับอยู่บนเตียงและกำลังฝันถึงเหตุการณ์ที่ต่อสู้กับลินดา
“ลินดา”
เชนสะดุ้งเฮือกตื่นลืมตาขึ้นมา พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องนอน จะขยับก็รู้สึกเจ็บระบมไปซีกหนึ่ง
ก้มมองตัวเองแล้วนึกขึ้นได้ เห็นแผลที่ไหล่ซ้ายกับที่ขา ประตูห้องเปิดออก เชนดีใจ คิดว่าจะเป็นปวัน
“หมวดเหรอครับ”
“ค่า มาสองหมวดแพ็กคู่เลย”
“เฮ้ย”
เชนหน้าเหวอ เมื่อเห็นทิวากับราตรีเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารและกะละมังเช็ดตัว ส่งยิ้มหวานที่ข้างเตียง
“เลือกเอาจ้ะ ว่าจะใช้หมวดไหนก่อน” ราตรีบอก
“หมวดป้อนอาหาร ร้องเพลง แถมนวดแผนโบราณ” ทิวาถาม
“หรือหมวดเช็ดตัว ปะแป้ง เปลี่ยนเสื้อผ้า” ราตรีถามต่อ
“เอ่อ วางไว้เถอะครับ เดี๋ยวผมทำเองได้”
“ทำเองได้ไง แขนก็ถูกยิง ขาก็ถูกยิง เชนจำหน้าไอ้จิ๊กโก๋ที่ยิงได้ไหม”
“จิ๊กโก๋ไหนครับ”
“นี่ เห็นมะ เมาแผลจนเบลอจำไรไม่ได้ ก็ไอ้จิ๊กโก๋ที่มันมีเรื่องตีกัน แล้วเชนเป็นพระเอกเข้าไปช่วยห้ามศึก จนถูกมันยิงเอาน่ะ” ราตรีเล่า
เชนครุ่นคิด พยักหน้าเข้าใจอย่างรวดเร็ว
“คุณปวันกับนายตฤณเล่าให้ฟังหมดแล้วเหรอครับ”
“โชคร้ายของเชนที่ถูกยิง แต่โชคดีของเราที่ได้มาดูแลซุปเปอร์ฮีโร่อย่างเชน” ทิวาชอบใจ
“งั้นเช็ดตัวเหอะ ค่อยกินทีหลัง” ราตรีจะลงมือ
“ได้ไงยะ ต้องกินข้าวก่อนซี” ทิวาค้าน
“เช็ดตัวก่อน”
“กินข้าวก่อน”
ทิวากับราตรีเถียงแย่งกัน เชนหน้าแหย มองไปที่ประตู เห็นตังตังแอบโผล่หน้ามาดู ปิดปากหัวเราะอยู่ เชนแอบกวักมือเรียกให้ตังตังมาช่วยเขา
ตฤณกับเจิดจับเจนจิราสวมหมวกสแกนสมองที่วิศวะประดิษฐ์ขึ้น
“เอาอะไรมาใส่สวมหัวฉันนี่ ถอดออกนะ”
“ชิ้วๆๆ นังหนู อย่าร้อง ไม่เจ็บหรอก”
“ทุกคนกำลังช่วยตะเองให้หายนะเจน”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร มาช่วยฉันทำไม ฉันคิดถึงบารมี บารมีของฉัน”
“ก็นั่นแหละ กำลังจะช่วยให้ให้หายบ้าจากไอ้หมอบารมีไง” วิศวะบอก
หมวกที่เจนจิราสวมอยู่เชื่อมต่อด้วยสายระโยงระยางมาที่โน้ตบุ๊ค
“นายซิบ้า นายก็บ้าๆๆ”
เจนจิราหันมาด่าใส่หน้าทั้งตฤณและเจิด เจิดสะดุ้ง
“เฮ้ย ไอ้ศิษย์เลิฟ จะทำไรก็รีบๆ เข้า ทำแต่มือสิ ปากจะได้เก็บไว้กินข้าว”
วิศวะปิดปากรีบเซ็ตคอมพิวเตอร์ทันที ตฤณรีบถาม
“ได้ยังอ่ะ เครื่องกระตุ้นความจำ เอ้กอี้เอ้กเอ้ก อะไรของแกเนี่ย”
“ได้แล้วๆๆ ฮ่ะๆๆเดี๋ยวพอฉันกด enter ส่งข้อมูลในอดีตทุกอย่างของเจนที่ฉันเซ็ตไว้ในโปรแกรมวิ่งเข้าไปที่หมวกเอ้กอี้เอ้กเอ้กนะ กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ จะเข้าไปกระตุ้นให้สมองส่วนฮิปโปแคมปัสของเจนหลุดจากการถูกสะกดจิต จำทุกอย่างได้ กลับมาเป็นคนเดิม”
“อาร์ ยู ชัวร์” เจิดถาม
“ไอ แอม น็อต ชัวร์ แต่ไม่ลองก็ไม่รู้นะคร้าบ”
วิศวะกด Enter ที่จอคอมพิวเตอร์ฉายภาพเจนจิราที่บันทึกไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ภาพถ่ายกับตฤณ ตังตัง วิศวะ หลอดไฟบนเสาอากาศเหนือหัวเจนจิรากระพริบวับๆ เจนจิราสะดุ้งนิดหนึ่ง นั่งนิ่งเหลือกตาดูเสาอากาศ ขณะที่ตฤณกับเจิดผละออกจากเจนจิรา มองลุ้น
“แฟนเอ็งจะหลุดจากการสะกดจิต จำเอ็งได้แล้วเว้ย”
“สาธุลุง ขอให้เป็นจริง”
หลอดไฟที่เสาอากาศขาด เกิดควันขโมงเล็กน้อย ทำให้เจนจิราตกใจ
“จะเผาหัวกบาลของฉันรึไง เอาออกไป๊”
เจนจิราถอดหมวกเขวี้ยงเข้าใส่ตฤณ วิศวะกับเจิดยืนลุ้นกันอยู่ ทั้งสามสะดุ้ง
“ฮ่ะๆๆๆ อย่างงี้ชัวป้าบเลย”
“ชัวร์ว่าหายแล้วชิมิจารย์”
“เอ็งก็ลองเข้าไปพิสูจน์ทราบซิ”
เจิดผลักวิศวะถลาเข้าไปหาเจนจิรา เจนจิราตกใจเงื้อมือตบหน้าทันที
“อ๊าย บารมีช่วยด้วย”
วิศวะหน้าหงายออกมา ตฤณกับเจิดรับเอาไว้ ตฤณมองเจนจิราอย่างผิดหวังที่ยังไม่หาย
“โธ่ เจน”
ปวันเข้ามาในบ้านเช่าตฤณ วางกระเป๋าและถุงอาหารขนมนมเนยที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ พลางถามเจิดกับวิศวะที่นั่งจับแก้มซึ่งถูกตบเป็นรอย 5 นิ้วแดงเป็นปื้น
“มันไม่โดนใช่มั้ย”
“โดนดิ นี่ไงเต็มๆ 5นิ้ว แดงเถือก” วิศวะบอก
“หมายถึงว่า ไอ้เครื่องมือที่บอกว่าประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อฟื้นความทรงจำน่ะ ยังแก้การสะกดจิตของด็อกเตอร์อาทิตย์ไม่สำเร็จใช่ไหม”
“ตอนนี้ไอ้เครื่องมืออะไรก็คงช่วยยัยหนูเจนไม่ได้หรอก มันคงเป็นเรื่องเวรกรรมซะแล้ว”
“อ้าว ลุงเป็นนักวิทยาศาสตร์นะ ไหงโยนปัญหาไปที่เรื่องเวรเรื่องกรรมซะงั้น”
“อย่างกรณีของหนูเจน ฉันว่าทางเดียวที่จะรักษาหาย”
“ทางไหนลุง”
“อืม นั่นซิ”
“หื้อ นึกว่ารู้” วิศวะเซ็ง
“จิตที่พลุ่งพล่านย่อมเยียวยาด้วยจิตที่เยือกเย็นและมีเมตตาเท่านั้น อมิตตพุทธ ไปล่ะ ขอให้ตฤณหาหนทางให้เจอ”
เจิดเดินออกไป
“อ้าวเฮ้ย อาจารย์ อยู่ๆ ก็กลับ รอด้วยดิ ไปนะครับหมวด”
ปวันยกมือลา วิศวะกับเจิดออกไป ปวันเงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบน นึกถึงเชน
“แล้วอย่างอีตาสายลับจิตหมกมุ่น ต้องเยียวยาด้วยอะไร หึ
ปวันประชดด้วยอาการหึงๆ ลินดา
ทิวากับราตรีเดินหน้าเง้าหน้างอออกมาจากห้องเชน ปวันเดินถือชามโจ๊กขึ้นมาพอดี
“สวัสดีค่ะ อาการเชนเป็นไงบ้างคะ ฉันซื้อโจ๊กมาให้”
“ไม่รู้”
“ไม่ชี้”
ทิวา ราตรี เดินงอนลงบันไดไป ปวันแปลกใจ ตังตังเดินยิ้มออกมาจากห้อง
“สองป้าเขาเป็นอะไรเหรอ น้าถามดีๆ มีเหวี่ยงใส่”
“ก็เชนไม่ยอมให้เขาเช็ดตัว ป้อนข้าว น่ะซีคะ มนุษย์ป้าเลยลมเสีย แต่สำหรับหมวด เชิญๆ เลยค่ะ”
ตังตังดันหลังปวันเข้าห้องไป
“โอ๊ะๆๆ”
“โอเคนะค้า อิๆ หนูไปดูน้าเจนก่อน”
ตังตังยกนิ้วโอเค แล้วก็วิ่งไป
เชนนั่งดูแผลอยู่ดีๆ พอได้ยินเสียงปวันมา รีบล้มตัวลงนอนแทบไม่ทัน ขณะที่ปวันเข้าห้องมาก็เห็นกะละมังเช็ดตัวกับถาดใส่อาหารวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง
“สายลับเชน เป็นไงมั่ง”
เชนทำเสียงครางในคอ เหมือนป่วยหนักเต็มที ปวันเลยวางชามโจ๊ก เข้ามานั่งลงดูที่เตียง
“ระบมแผลหรือไง ไหนดูดิ๊ ไข้ขึ้นรึเปล่า”
ปวันจับที่หน้าผาก
“เอ๊ะ ไม่เห็นจะมีไข้เลย แผลก็ดูไม่บวม ไม่อักเสบ ไม่มีเลือดออก คงหายดีแล้ว งั้นฉันไปล่ะ”
ปวันประชดประชัน จะลุกเดินไป เชนคว้ามือหญิงสาวไปกุมไว้
“เป็นสายลับที่หลงรักตำรวจหญิงไงครับ”
“อ๋อเหรอ พอถูกยิงเข้าหน่อย ก็แปลงร่างเป็นสายลับสำออยซะแล้ว”
ปวันดึงมือกลับ แต่ถูกเชนดึงตัวมาโอบไว้กับอก
“ถ้าคุณตีค่าความจริงใจของผม ไว้แค่คำว่าสำออย ผมก็จะยอมถูกประณามว่าเป็นสายลับสำออยด้วยความเต็มใจ”
ปวันตบแผลตรงแขนเชน
“โอ๊ย”
“เสียใจนะ ฉันไม่ใช่ลินดา เสียเวลาเปล่าๆ ถ้าจะมาหวานใส่ หึ”
ปวันผละออกจากอกเชนไปคว้าถ้วยโจ๊ก
“ผมไปหวานใส่ลินดาตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณเอาอะไรมาพูดครับ”
“เงียบ ไม่ต้องพูดมาก แล้วก็กินนี่ซะ”
ปวันตักโจ๊กมายื่นจะป้อนให้ เชนยิ้มๆ
“หึๆๆ คุณนี่ช่างเป็นผู้หญิงที่แตกต่างจากสตรีที่ผมเคยเจอมาทั้งชีวิต”
“ผิดหวังล่ะซิที่ฉันไม่หวานใส่นาย”
“ใครว่าล่ะครับ ผมช้อบ ชอบ อุ๊บ”
ปวันยัดโจ๊กเข้าเต็มปาก เชนติดคอ เธอขำๆ ที่แกล้งให้สายลับเชนเสียฟอร์มได้
สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ตอนค่ำ ฝนตก ฟ้าร้อง ปวันล้างแผลให้เชนเสร็จกำลังพันแผลที่แขนให้ เชนจ้องปวันตาไม่กระพริบด้วยความซาบซึ้งใจ ปวันต้องคอยหลบตาเขินๆ
“คุณอยากฟังเพลงไหมครับ ผมจะร้องให้ฟัง”
ปวันมองหน้าเชน
“หือ จะร้องเพื่อ”
“เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจงามๆ ของคุณ ที่มาช่วยทำแผลดูแลผมไงครับ Maybe I didn't treat you”
เชนร้องเพลง Always on my mind ของ Elvis Presley ขึ้น ตอนแรกปวันก็ทั้งเขินทั้งรำคาญ
“นี่ ฉันบอกหรือยังว่าอยากจะฟัง หนวกหูน่า อย่าร้อง”
เชนไม่ฟัง ตั้งหน้าตั้งตาร้องพร้อมแอ็คติ้ง ปวันถอนใจ รีบๆ พันแผล
“Quite as good as I should have
Maybe I didn't love you
Quite as often as I could have
Little things I should have said and done
I just never took the time”
ปวันซาบซึ้งไปกับเพลง
“You were always on my mind
You were always on my mind”
ปวันเคลิ้มฟัง ปล่อยให้เชนจับมือ
“Maybe I didn't hold you
All those lonely, lonely times
And I guess I never told you
I'm so happy that you're mine
If I make you feel second best
Girl, I'm sorry I was blind
.
You were always on my mind
You were always on my mind”
สายฝนโปรยปรายชุ่มฉ่ำเข้ากับบรรยากาศเพลงหวาน
นอกรั้วบ้านเช่า ลินดายืนตากฝนมองไปที่บ้านแววตาร้าย เสียงเพลงของเชนแว่วเข้ามา เสียงฟ้าร้องพร้อมแสงฟ้าแลบส่องวาบมาที่หน้าลินดา บ่งบอกว่าเธอมาพร้อมแผนร้ายบางอย่าง
ตฤณยืนเฝ้าเจนจิราอยู่หน้าห้องน้ำ เดินไปเดินมาอยู่นาน ตังตังใส่หมวกอาบน้ำ ชุดคลุมเด็ก เดินเข้ามายืนบิด
“น้าเจนยังอาบน้ำไม่เสร็จอีกเหรอ เข้าเป็นชั่วโมงแล้ว ตังตังไม่ไหวแล้วนะ”
“อดทนอีกนิดนึงนะตังตัง อั้นเอาไว้ก่อน หายใจเข้า หายใจออก อึ้บ อึ้บ”
“อึ้บอะไรล่ะน้าตฤณ เดี๋ยวก็แตกพอดีอ่ะ บอกให้น้าเจนออกมาเร็วๆ ซี อาบน้ำนานแบบนี้ ตังตังว่ามันแปลกๆ อยู่นะ”
ตังตังทำให้ตฤณฉุกคิด รีบเคาะประตู
“ตะเอง อาบเสร็จหรือยังอ่ะ ตะเอง”
จู่ๆ มีเสียงของร่วงกราวในห้องน้ำ
“เสียงอะไรตกน่ะน้าตฤณ”
“เจนๆ ตัวเองเป็นอะไรหรือเปล่า เจน เจน เปิดประตู เจน”
ตฤณบิดลูกบิดประตู ปรากฏว่าล็อค เขาเลยใช้ไหล่กระแทกประตู 2-3 ครั้ง ประตูเปิดออก เห็นข้าวของร่วงอยู่ที่พื้นห้องน้ำ แต่เจนจิราหายไป
“เจน ตัวเองอยู่ไหน เจน”
ตังตังมองที่ช่องลม มุ้งลวดถูกถอดวางอยู่ที่พื้น
“น้าตฤณ น้าเจนมุดหนีไปทางนั้นแน่เลย”
“โธ่ เจน”
ตฤณวิ่งออกจากห้องน้ำ เจอปวันพยุงพาเชนลงมา
“คุณเจนเป็นอะไรคะ”
“เจนหนีไปแล้วน่ะซิ”
“หนี”
ปวันหันไปมองหน้าเชนตกใจ ขณะที่ตฤณกับตังตังรีบวิ่งไปที่ประตูบ้าน
เจนจิราวิ่งหนีมา ทิวากับราตรีเดินโผล่ออกมามอง
“เสียงตาตฤณโวยวายอะไร ดึกดื่นไม่รู้จักเกรงใจ”
“ว้าย นั่นหนูเจนนี่”
ตฤณวิ่งตามออกมาจากบ้านพร้อมตังตัง ปวันกับเชนตามมาข้างหลัง
“เจน กลับมา อย่าไปนะ”
“น้าทิวา น้าราตรี ช่วยจับน้าเจนไว้ด้วยค่ะ อย่าให้ไปนะคะ”
“ช่วยจับไว้ที” ปวันร้องบอก
“ขวางไว้เลยครับ” เชนบอกด้วย
ทุกคนตะโกนบอกกันใหญ่ ทำให้ทิวา ราตรีต้องตกกระไดพลอยโจน
“เอาไงยะแก”
“ก็ช่วยเขาจับซี หนูเจนไม่สบาย ปล่อยไปได้ไง”
ทิวากับราตรีรีบออกมาขวางทางเจนจิราไว้
“นี่ หยุดนะ ไปไหนไม่ได้นะ” ราตรีห้าม
“กลับเข้าบ้านเถอะหนูเจน ฝนตกๆ หนูจะไปไหน” ทิวาช่วยพูด
“หลีกไปให้พ้น ฉันจะไปหาบารมี เจนจิราเหลือทนแล้วนั่น บารมีของเจนจิรา”
“บารมีบ้าบออะไร ดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ ไม่ให้ไป ว้ายๆ”
“ขวางไว้ซี อ๊ายๆๆ”
ทิวา ราตรี พยายามขวาง กางแขนจะรวบตัว แต่เจนจิราวิ่งหลบหลีกไปได้ แถมผลักทั้งสองชนกัน
“ว้าย”
เจนจิราวิ่งตรงไปที่ประตูรั้ว ขณะที่ตฤณ ตังตัง ปวัน เชนรีบวิ่งตามมา ตฤณเข้าไปดูทิวา ราตรี
“เป็นอะไรรึปล่าวครับ”
“ฉันยังไม่ตาย ไม่ต้องห่วง ไปตามหนูเจนเร็ว อูย”
“เจน”
เจนจิราวิ่งหนีออกมา เหลียวไปมองพวกตฤณ เลยชนเข้ากับใครคนหนึ่งจนล้มลง
“อ๊าย”
เจนจิราล้มหงายแล้ว เงยหน้ามองไป เห็นลินดายืนอยู่ ท่าทางเหมือนโกรธจะมาทำร้าย
ตฤณ ตังตัง ปวัน เชน ตามมาข้างหลังเห็นเจนจิราล้มอยู่ตรงหน้าลินดาก็พากันตกใจ คิดว่าดร.อาทิตย์ส่งลินดาบุกมาเพื่อจัดการทุกคน
“ห่ะ ลินดา” เชนตกใจ
“อย่านะ อย่าทำอะไรเจนนะ”
ตฤณจะวิ่งเข้าไปแต่ปวันดึงเอาไว้
“หยุดก่อน อย่าเพิ่งผลีผลามเข้าไป คุณเจนอยู่ใกล้มันแค่เอื้อมมือนะ”
“ลินดา ใจเย็นๆ นะ อย่าทำอะไรคุณเจน อย่าทำคนที่ไม่ทีทางสู้ ถ้าจะทำ มาทำกับผมคนเดียว มาเลย”
เชนเดินด้วยไม้ค้ำจะออกไป ปวันเซ็งที่เชนเจ็บแล้วยังห้าว
“โธ่เอ๊ยเชน อย่าเข้าไป ตัวเองเดี้ยงอยู่ จะรนหาที่ทำไม”
“เชน ระวังตัวนะเชน”
ตังตังบอกด้วยความเป็นห่วง แต่ภาพที่ทุกคนเห็นก็คือลินดายื่นมือมาเหมือนจะขอความช่วยเหลือ
“ชะ เชน”
ลินดากระอักเลือดออกมา พร้อมกับมีเลือดกำเดาไหลออกมาที่จมูกข้างหนึ่ง
“ช่วย ลินดา ด้วย”
ลินดาล้มลงหมดสภาพ
“ลินดา”
เชนทิ้งไม้ค้ำยันวิ่งกระเผลกเข้ามาประคองลินดาไว้ในอ้อมแขน
“ลินดา ลินดา”
ขณะที่เจนจิราลุกจะหนีแต่ตฤณเข้ามาจับตัวไว้ได้ทัน
“ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปหาคนที่ฉันรัก”
ตฤณตะโกนใส่หน้า
“คนที่เจนรัก คือตฤณ คนที่ตฤณรัก คือเจน ตั้งสติสิ เจน เราเคยรักกันแค่ไหน เจนจำได้ไหม”
ทิวา ราตรี เดินกระเผลกตามเข้ามา
“ตฤณกับตังตังรีบพาหนูเจนเข้าบ้านก่อนเถอะ เอะอะโวยวายเดี๋ยวก็มีคนเรียก 191 หรอก”
“เข้าบ้านเถอะน้าเจน”
“ม่าย บารมีจ๋า บารมีของเจน ช่วยเจนด้วย บารมีจ๋า”
ตฤณท้อ คอตก เขากับตังตังรีบพาเจนจิรากลับเข้าบ้าน ทั้งๆ ที่ตาก็ยังมองมาที่ลินดาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่ทิวากับราตรีหันมามองลินดา
“แล้วแม่นั่นใครอีกล่ะ อยู่ๆ ก็โผล่มา”
เชนแตะเลือดลินดาขึ้นมาดู
“เลือด คุณบาดเจ็บเหรอ ใคร ใครมันทำลินดา”
ลินดาปรือตาขึ้นมองเชน ยิ้มเหมือนสุดแสนดีใจจนน้ำตาไหล ยื่นมืออันสั่นเทาขึ้นจับหน้าเชน
“เชน เชนจริงๆ ด้วย เราได้เจอกันแล้ว เอิ้ก”
ลินดาหมดสติไป
“ลินดา ลินดา”
เชนเขย่าเรียกลินดาอย่างสุดแสนเป็นห่วงคู่หู ปวันมองอึ้ง
ลินดานอนหมดสติอยู่บนโซฟาในบ้านเช่าของตฤณ เชนใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดหน้าเช็ดตาให้ด้วยความเป็นห่วง ทั้งๆ ที่แขนซ้ายตัวเองก็เจ็บ ขณะที่ปวันยืนกอดอกพิงผนังมองจับจ้องมาที่ลินดาด้วยความสงสัยไม่ไว้ใจ ทิวา ราตรี ยืนมองอยู่ใกล้ๆ อยู่ๆ ราตรีก็เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
“แต่งตัวแบบนี้ร้องเพลงอยู่ที่ไหนเนี่ย สงสัยถูกนักเลงคุมผับมันซ้อมเอา”
ทิวาต้องรีบกระแทกไหล่ให้ราตรีหยุดพูด
“เอ่อ สลบไสลไร้สติแบบนี้ ช้ำในเลือดคั่งสมองกระทบกระเทือนป่าวไม่รู้ เรียกรถพยาบาลมาพาส่งโรงพยาบาลดีกว่ามั้งคุณเชน”
ปวันเห็นด้วย
“ฉันก็ว่าอย่างงั้น ฉันรู้จักน้องทำร่วมกตัญญูคนหนึ่ง เดี๋ยวโทรให้เลย”
ลินดาได้ยิน รู้ตัว แกล้งทำเป็นไอ รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา เชนดีใจ
“ลินดา ลินดา คุณเป็นยังไงบ้าง”
“เชน”
ลินดาลุกขึ้นโผกอดเชนไว้ ปวันหึงทันที ขณะที่ทิวากับราตรีทำหน้ามุ่ยไม่ชอบใจนัก
“ลินดาปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ เชนอยู่นี่”
“เชนอยู่นี่ หึ อยู่แบบเดี้ยงๆ อ่ะดิ นายลืมไปแล้วเหรอว่าใครเป็นคนยิงนาย” ปวันค่อนขอด
“หา ใคร เชนโดนยิง” ทิวาตกใจ
“ใครยิงเชน ไปแจ้งตำรวจเลย” ราตรีโวย
เชนได้แต่ถอนใจมองปวัน ลินดาทำเป็นตกใจ
“ห่ะ ลินดาน่ะเหรอเป็นคนยิงเชน โอ้ว ไม่นะ ลินดาไม่รู้ตัว ไอ้ด็อกเตอร์อาทิตย์มันสะกดจิตลินดา มันหลอกใช้ลินดา มันหลอกใช้”
ลินดาพูดแล้วทำเป็นเจ็บในอกที่บอบช้ำ
“โอ๊ะ ลินดา เชนเข้าใจลินดา ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
“แต่ฉันไม่เข้าใจ” ปวันเสียงแข็ง
“ใช่ ฉันก็ไม่เข้าใจ” ทิวาราตรีขึงขัง
“เอ่อ คุณปวัน อย่าเพิ่งพูดอะไรน่า”
เชนปราม แต่ปวันไม่ฟัง
“เมื่อวานยังจำเชนไม่ได้ เป็นสมุนรับใช้ไอ้ด็อกเตอร์อยู่เลย วันนี้ อยู่ดีๆ ก็โผล่มาทำตัวสะบักสะบอมกอดเชนน่าสงสาร”
“ก็บอกแล้วไง วันนั้นฉันถูกสะกดจิต แต่วันนี้ฉันหายแล้ว ฉันสู้กับมันแล้วฉันก็หนีมาตามหาเชนของฉัน”
“อี๋ มุกสะกดจิตเหรอ หน้าด้านจุง” ทิวาต่อว่า
“เชนเขาฉลาด ฟังแล้วเขาต้องไม่เชื่อแน่ๆ” ราตรีเยาะ
ลินดาพูดพลางซบกอดเชน
“เชนคิดอยู่แล้ว ว่าอำนาจอธรรมไม่มีทางครอบงำจิตใจลินดาไว้ได้นานหรอก”
ปวันอ้าปากค้าง แทบไม่เชื่อหู
“เดี๋ยวๆๆๆ นี่นายหูเบา หรือว่านายเมากอดกันแน่ห่ะเชน”
“เอ่อ”
“ผู้หญิงขาวสวยหมวยเอ็กซ์พูดแค่นี้นายก็เชื่องั้นเหรอ”
“หรือว่าคุณจะให้ผมไล่ลินดาไปล่ะ เห็นไหมว่าลินดาบาดเจ็บ”
“งั้นก็โอเค คุณไม่ต้องไล่เขาหรอก ฉันไปเอง”
ปวันเดินออกจากบ้านไป
“เอ่อ เดี๋ยวคุณปวัน คุณปวัน”
“ไป ราตรี เราไปกันให้หมด”
“งอน นอยด์ ไม่พอใจ”
ทิวารีบพาราตรีวิ่งตามออกไป เชนจะตาม แต่ลินดาออเซาะ
“โอ๊ย เชน ลินดาหน้ามืดอ่ะ”
เชนรีบกลับมาประคอง ลินดาแอบยิ้ม
ปวันเดินออกมาหน้าบ้าน ทิวากับราตรีรีบตามมาคว้าแขนไว้คนละข้าง
“หยุดๆๆ หยุดก่อนคุณตำรวจ” ทิวาร้องห้าม
“เอ่อ ถึงฉันไม่ค่อยชอบหมวดเท่าไหร่เวลาอยู่กับเชน แต่ถ้าให้เลือกระหว่างแม่ลินดากับหมวด ฉันไว้ใจหมวดมากกว่า แม่นั่นโผล่มาแปลกๆ” ราตรีแสดงความจริงใจ
“เน้อ อาจจะไม่ประสงค์ดีก็ได้ แล้วหมวดกล้าทิ้งไปเหรอ ไม่เป็นห่วงตังตังเหรอคะ ส่วนตาตฤณก็อย่าไปหวังพึ่งอะไรเลย แค่ดูหนูเจนคนเดียวก็จะไม่รอดอยู่แล้ว แล้วเชนก็บาดเจ็บ ในบ้านเราไม่มีใครหวังพึ่งได้เลย”
“ไม่ต้องคิดแล้วหมวด หมวดต้องอยู่ เอานี่ไปเลย กุญแจบ้านหนูปลายฟ้า ฉันอนุญาตให้หมวดพักอยู่ฟรีๆ ไปก่อน จนกว่าแม่ลินดาจะไปจากบ้านเช่าของฉัน”
ราตรีควักพวงกุญแจพวงใหญ่ออกมาโชว์ ปวันมองกุญแจ ใจจริงก็อยากจะอยู่
ตฤณพยายามจะใช้ผ้าเช็ดเนื้อตัวให้เจนจิราที่เปียกฝน แต่เจนจิราเอาแต่ฟุบหน้ากับหมอนร้องไห้ ร้องมีทำนองอย่างไพเราะ โหยหวน ราวกับละครเวที
“ได้โปรด ปล่อยฉันไป หากจะพรากฉันจากบารมี ฉันนี้ขอลาตาย ตาย ตาย ต๊าย”
“กลุ้มโว้ย”
ตฤณเศร้ามาก ตังตังเห็นแล้วสงสาร
“ก่อนน้าเจนตาย น้าตฤณต้องตายก่อนแหงๆ”
แล้วอาการเจนจิราก็หนักขึ้นอีกขั้น จับหัวกระสับกระส่าย
“โอ๊ย”
“ตัวเองเป็นอะไรเจน”
“ปวดหัว โอ๊ย ปวด”
ตฤณรีบเปิดลิ้นชักข้างเตียง หยิบขวดยา เทยาออกมา ตังตังช่วยรินน้ำอย่างรู้งาน
“เจน กินยาแล้วนอนพักซะ เดี๋ยวตัวเองก็หาย”
“ยา ยาแก้อะไร”
“ยาแก้ปวดหัวลดไข้ ตัวเองกินยาแล้วก็นอนหลับสักตื่นนะ”
“ถ้าฉันยอมกินยาแล้ว หลับไป ตื่นขึ้นมา ฉันจะเจอเขาไหม”
“เจอค่ะ เจอ”
ตังตังรีบโกหก ตฤณหันมามองหน้า ตังตังยักไหล่ เจนจิรายิ้มออก
“จริงนะ ฉันจะได้เจอบารมีจริงๆ นะ”
ตฤณจำใจต้องพยักหน้า เจนจิรารีบหยิบยามากิน ในสภาพที่เพลียเต็มที ตฤณรับแก้วน้ำจากตังตังมาประคองป้อน
“อ่ะ ตัวเอง กินน้ำ”
เจนจิรากินน้ำแล้วคอก็เอนพับอยู่กับไหล่ตฤณ พูดเสียงอ้อแอ้
“ฉันตื่นมาแล้ว พาฉันไปหาบารมีนะ สัญญา”
เจนจิราค่อยๆ หลับโดยมีตฤณโอบไหล่ ตังตังเห็นแล้วถอนใจ ค่อยๆ เดินออกจากห้องไป
ตอนเช้า อินทุเดินเข้ามาในห้องทำงานของดร.อาทิตย์ รีบรายงาน
“นายครับ สำเร็จครับ ลินดาแฝงตัวเข้าไปในบ้านเช่าแล้ว”
ดร.อาทิตย์หันมายิ้ม
“ไอ้สายลับเจ้าเสน่ห์ มันต้องเป็นปลาใหญ่ ตายน้ำตื้นด้วยเสน่ห์ที่มันมั่นใจไปเอง หึๆๆ”
ขณะที่มิสเตอร์โอเคนั่งรอจนหาว ลุกขึ้นยืนบิดคอ มือ เนื้อตัว เสียงกระดูกลั่นเตรียมพร้อม
“ใครบอกว่าไอ้เชนมันจะตายด้วยเสน่ห์ไร้สาระแบบนั้น มันต้องตายด้วยน้ำมือของกระพ้มนี่ โอเค เชน โอเค เชน ฮ่ะๆๆ เพราะเราเกิดมาเป็นคู่อริกัน อ๊าก”
มิสเตอร์โอเคเบ่งกล้ามแลบลิ้น
สมุนดร.อาทิตย์แอบปีนเข้ามาในเขตรั้วบ้านเช่าตามจุดต่างๆ รอบบ้าน แล้วรีบวิ่งตรงไปที่บ้านเช่าอย่างเบาเท้า
ลินดากำลังหลับ ลืมตาขึ้น หูได้ยินว่าพวกตัวเองได้บุกมาถึงแล้ว เธอยิ้มร้าย เห็นเชนนั่งหลับอยู่ที่เก้าอี้ปลายเตียง คิดจะลงมือจัดการกับเชนตอนเผลอ ลินดารีบปรี่ไปยังแส้ของตัวเองที่แขวนอยู่ข้างผนัง คว้าแส้กระชับไว้ในมือหันไปจะเล่นงานเชน แต่กลับเจอเชนยืนถือปืนคู่กายอยู่ข้างหลังตัวเอง
“ลินดาก็ได้ยินใช่ไหม”
ลินดากลับลำแทบไม่ทัน
“เอ่อ ได้ยิน”
“เสียงฝีเท้าคนนับสิบกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่”
“ใช่ ได้ยิน ถึงได้เตรียมพร้อมรับมือกับมันอยู่นี่ไง”
“หึ ต้องเป็นพวกด็อกเตอร์อาทิตย์ส่งมาล้างบางเราแน่ๆ”
“งั้นลินดาจะต่อสู้เคียงคู่เชน”
“ลินดาจะไหวเหรอ ลินดากำลังบาดเจ็บ”
“หรือว่าเชนไม่ไหว”
ลินดาแอบหยั่งเชิง
“เชนอาจไม่เต็มร้อย แต่ปืนของเชนเก้าสิบเก้าจุดเก้าๆ หึๆ ห่วงก็แต่คนอื่นๆ น่ะสิ”
เชนกลับมาเครียดอีก
สมุนดร.อาทิตย์แอบเข้ามาถึงตัวบ้านเช่าอย่างเงียบเชียบ หนึ่งในสมุนเดินอย่างระแวดระวัง แต่ไม่ทันสังเกต เส้นด้ายบางๆ ที่ขึงขวางทางเดิน เหนือพื้นขึ้นมาเล็กน้อย สมุนคนนั้นเดินเตะด้ายนั้นจนขาด
กริ่งตัวใหญ่ดังลั่นทั่วบ้าน ตฤณ เจนจิรา ตกใจตื่นขึ้น ปวันตกใจตื่นตาม กระชับปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม
สมุนของดร.อาทิตย์ปีนหน้าต่างเข้ามาในห้องตฤณ 2 คน แต่ทันทีที่กระโดดข้ามขอบหน้าต่างเข้ามา ก็เจอเข้ากับเสาอากาศเจไดของตฤณฟาดรัวใส่ เร็วจนแทบมองไม่ทัน
“วู้ๆๆๆ จ๊าก”
ตฤณจบด้วยท่าไม้ตาย จับคอคนหนึ่งหนีบใต้รักแร้บิด และทิ่มพุงอีกคนด้วยเสาอากาศเจได จนไฟช็อตสลบ เขาปล่อยร่างทั้งคู่ลงกับพื้น แล้วรีบไปคว้าแขนเจนจิราที่นั่งคุดคู้กลัวๆ อยู่บนเตียง
“ไปเถอะตัวเอง ตังตังเป็นไงมั่งก็ไม่รู้”
“ไม่ ฉันไม่ไป”
“อยู่ไม่ได้แล้ว พวกมันบุกมากันแล้ว”
“บารมี บารมีมาช่วยฉันใช่ไหม”
“หยุดเพ้อก่อนได้มั้ย เอาชีวิตรอดก่อน ไปเร็ว”
ตฤณจะดึงเจนจิราออกจากห้อง แต่ตังตังสะพายเป้ไว้ที่หลังอยู่ในชุดฮู้ดทหารผลักประตูเข้ามา
“หนีเร็วน้าตฤณ”
“เฮ้ย โธ่ตังตัง พรวดเข้ามา เกือบเจอไม้กายสิทธิ์น้าซะแล้ว”
“ไม้กายสิทธิ์ของน้าตฤณเสกให้หายตัวได้ป่ะล่ะ โน่น พวกมันบุกมาเป็นฝูง”
ตังตังชี้ไปที่บันได สมุนดร.อาทิตย์บุกขึ้นบันไดอีก 3-4 คน ตฤณรีบดึงตังตังกับเจนจิราหลบหลังตู้
“สู้ไม่ไหวเหรอน้าตฤณ”
“ลำพังน้าคนเดียวน่ะไหว แต่ติดที่เราสองคน”
“คิดแล้ว ไม่อยากเป็นภาระของลูกหลาน ตังตังถึงได้เตรียมอพยพนี่ไงW
ตังตังโชว์เป้สัมภาระ
“บารมีขา เจนอยู่นี่”
“เงียบ”
ตฤณปิดปากเจนจิราไว้ แต่ไม่ทันแล้ว พวกสมุนดร.อาทิตย์ได้ยิน ชี้มาทางห้องตฤณ
สมุนอาทิตย์ 2-3 คน กำลังจะบุกเข้ามาทางประตูสวนหลังบ้าน แต่สมุนคนหนึ่งขวางไม่ให้คนอื่นเข้า
สมุนคนนั้นชี้ไปที่ประตูที่เปิดทิ้งไว้ครึ่งเดียว จะปิดก็ไม่ปิด จะเปิดก็ไม่เปิด ทันใดนั้นประตูเปิดออกเอง สมุนทั้งหมดเล็งปืนไปด้านในกันหมด แต่ในบ้านว่างเปล่า พลันเสียงปวันดังมาจากด้านข้าง สมุนหันไปมองพบปวันยืนถือปืนจังก้าอยู่
“ยินดีต้อนรับทุกคน”
ปวันยิงสมุนดร.อาทิตย์ตายทุกคน แล้วมีเสียงปืนดังมาจากด้านบนบ้านที่เชนอยู่
“แย่แล้วเชน”
ปวันนึกขึ้นได้จะรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน แต่สมุนของดร.อาทิตย์กระโจนเข้ามาจากด้านหลังอีก
2-3 คนพร้อมกับยิงใส่ จนปวันต้องหลบเข้ากำบัง และยิงต่อสู้ ขณะนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นสายจากจ่าเจี๊ยบ ปวันรีบรับ
“โทรมาได้ถูกจังหวะเลยจ่า ช่วงนี้ว่างมั้ย เออ ณ บัดนาวเลยเนี่ย ฮึ้ย”
สมุนดร.อาทิตย์ยิงมา ปวันต้องหยุดพูด โผล่ออกไปยิง
เชนกับลินดาออกมาช่วยตฤณยิงสู้กับพวกดร.อาทิตย์ จนพวกสมุนร่วงทีละคนๆ ตกจากระเบียงบ้าง บันไดหลังบ้านบ้าง
“ไปเร็ว ผู้ช่วยตฤณ รีบพาสุภาพสตรีหนีไปก่อน บ้านหลังนี้ไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับเราอีกต่อไป”
“รับทราบ สายลับเชน”
เชนกับตฤณรีบนำลินดา เจนจิรา ตังตังลงบันไดด้านข้างสวนไปชั้นล่าง ก็เจอปวันกำลังถูกสมุนดร.อาทิตย์ระดมยิง เชนยิงใส่พวกสมุนตายไป 2 คน ตฤณกระโดดเตะอีกคน ทิ่มด้วยเสาอากาศเจได ไฟช็อตร่วงไป เชนถลาเข้าไปหาปวันด้วยความเป็นห่วง
“คุณปวันบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าครับ”
“อุ๊ยตาย ตื่นเต้น สายลับเชนเป็นห่วงฉันด้วย ประทับใจจัง นึกว่าห่วงแต่คนอื่น”
ลินดาแอบหมั่นไส้
“ไป”
เชนวิ่งทะลุตัวบ้านจากหลังไปหน้าบ้านโดยมีปวันประคองแขน ทุกคนวิ่งตาม สมุนโผล่มาขวาง ก็โดนเชนและปวันพร้อมใจกันยิงแบบเข้าขากันมาก ทุกคนวิ่งออกมาหน้าบ้านก็ชะงักเพราะเจอมิสเตอร์โอเคยืนจังก้าถือปืนบุ๋มบิ๋มอยู่
“ไอ้สายลับเชน วันนี้จะเป็นวันประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า มิสเตอร์โอเคคือสุดยอดอภิมหานักสู้ที่ไร้เทียมทาน สามารถสังหารไอ้สายลับเชนลงได้ ฮ่ะๆๆ”
เชนและพวกไม่มีทางหนี เพราะข้างหน้าคือมิสเตอร์โอเค ข้างหลังสมุนดร.อาทิตย์ก็วิ่งมาดักอยู่
ทั้งหมดไม่รู้จะทำอย่างไร ปวันเซ็ง
“เราโดนประกบเป็นแซนวิชเลย”
เชนพยายามคิด
“ไอ้โอเค แน่จริงสู้กันตัวต่อตัวซิวะ”
มิสเตอร์โอเคระเบิดหัวเราะออกมา
“ไอ้สายลับเชน ทำมาพูดเหมือนอยู่ในหนังทีวี ฟังไว้นะ ที่นี่ในโลกแห่งความจริงนี้ พวกเราต้องตายจริง เจ็บจริง ไม่มีการล้อเล่นอีกต่อไป เรื่องอะไรฉันจะโง่สู้กับแกตัวต่อตัว และโลกแห่งความจริงนี้ บ่อยครั้ง ธรรมมะก็ไม่ชนะอธรรม This World bad guy can win ยูโน้ว เข้าใจไหม”
“แปลว่า” ตังตังงง
ตฤณตอบให้แทนเชน
“ก็แปลว่า โลกนี้คนชั่วสามารถชนะคนดีได้”
“เยส ยูไรท์ พวกแกทั้งหมด รีบสวดมนต์เลย ฉันให้โอกาส อ่ะ หนึ่ง สอง”
มิสเตอร์โอเคยกปืนเตรียมยิง แต่อยู่ๆ ทิวา ราตรี ก็โผล่ออกมาพร้อมปืนลูกซอง ทางด้านหลังของมิสเตอร์โอเคและพวก
“แกนั่นแหละ ที่ต้องเป็นคนสวดถึงพระเจ้า อิมนุษย์ป้าคนนี้จะสังหารแกเอง ย้าก”
ราตรียิงตูม
“เฮ้ย”
มิสเตอร์โอเคกระโดดหลบเข้าที่กำบัง ทิวายิงตามอีก
“ไม่รู้จักอดีตนักกีฬายิงเป้าบินฝาแฝดคู่แรกและคู่เดียวของทีมชาติไทยซะแล้ว”
ทิวากับราตรีระดมยิงใส่มิสเตอร์โอเคจนต้องหลบ
“คุณเชน ตาตฤณพาทุกคนหนีไป ทางนี้ฉันจัดการเอง”
ราตรีตะโกนบอก เชนได้ยินทิวา ราตรี ตะโกนแบบนั้น ทุกคนที่หลบพร้อมยิงสมุนดร.อาทิตย์ที่มาดักอีกทางพยายามจะฝ่าออกไปให้ได้ ลินดาตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเปิดเผยตัวจัดการกับทุกคนดี หรือหนีไปกับพวกเชนก่อน ขณะนั้นเองโทรศัพท์ปวันดังขึ้น เธอรีบรับ
“จ่า ถึงหรือยัง มัวทำอะไรอยู่วะ”
สมุนดร.อาทิตย์ทั้งหมดวิ่งหนีแต่โดนทิวา ราตรี ยิงร่วงเหมือนยิงเป้าบิน
“ไม่ได้ซ้อมนานแล้ว ถือโอกาสซะเลย”
ทิวา ราตรีพูดไปยิงไป
“คราวนี้เป้าใหญ่ เคลื่อนที่ไวซะด้วย”
“ทุกคนหนีไป” ทิวาตะโกนบอก
“ไม่ต้องห่วงเรา” ราตรีตะโกนตาม
มิสเตอร์โอเคหลบอยู่ที่กำบัง ออกไม่ได้ เพราะลูกกระสุนทิวา ราตรี มาเป็นสาย มิสเตอร์โอเคมองสมุนที่ร่วงทีละคน ทีละคน
“มนุษย์ป้าสองคนนี่ มายังไงวะ แบบนี้ไม่โอเค”
มิสเตอร์โอเคตัดสินใจลุกออกไป ยิงใส่ทิวา ราตรี ลูกปืนออกมาเป็นสาย ทิวา ราตรี รีบหลบแทบไม่ทัน
“ว้าย”
“แมนเนจมัน จัดการมัน”
มิสเตอร์โอเคสั่งลูกน้อง
จบตอนที่ 11