บางระจัน ตอนที่ 3
แฟงวิ่งขึ้นบันไดมาเสียงดัง
"พี่ทัพ"
ฟัก เคลิ้ม เอิบ ช่วงกำลังนั่งกินข้าวบนเรือน มีเมียกำนันคอยจัดสำรับให้ หันมามองแฟงกันเป็นตาเดียว แฟงมองไปรอบๆ ไม่เห็นทัพ ก็หน้าตึง เอิบกับช่วงสบตารู้กัน เอิบเริ่มก่อน
"แหม คิดถึงน้องแฟงจริงๆ ดูสิพอพี่กลับมา ก็วิ่งเรียกหาซะศาลาสะเทือน"
ช่วงเลียนเสียง
"พี่เอิบ พี่เอิบ..."
ทั้งคู่ทำเสียงล้อเลียนแฟง แล้วหัวเราะกัน แฟงเดินมาใกล้ ดึงจานข้าวไปจากมือเอิบ
"เฮ้ย"
เอิบดึงกลับ แฟงไม่ยอมปล่อย ดึงกลับมา เอิบกับแฟงยื้อจานข้าวกัน
"ปากแบบนี้อย่ากินเลยข้าว กินน้ำข้าวดีกว่า"
แฟงกระชากแรง ดึงจานข้าวเอิบมาได้ เอิบร้องลั่น
"น้องแฟงจ๋า อย่าทิ้งนะจ๊ะ นั่นข้าวของพี่เอิบ"
"ไม่ทิ้งหรอก แต่ไม่ให้กินแล้ว"
"ดูนะไอ้ฟัก น้องเอ็งนี่มันใจร้าย ใจยักษ์ ใจมาร คนหิวยังไม่ยอมให้กิน"
ฟักหัวเราะ แฟงถลึงตามอง วางจนข้าวลง เท้าสะเอว
เอิบรีบคว้าจานข้าวมากอดไว้
"เบาๆซะมั่ง แฟง" ฟักบอก
"ก็ปากอย่างนี้ น่าเอาสากตำข้าว ตำปากเสียดีไม๊"
"โห ..เล่นถึงปากฉีกเลยไอ้เอิบ"
เอิบกับช่วงรีบถอยหนี
"พี่เอิบกลัวละจ้า น้องแฟง"
"อย่าทำอะไรพี่เลยนะจ๊ะ ... พี่ช่วงขอยอมเป็นทาสน้องแฟงแล้ว" ช่วงบอก
แฟงสะบัดหน้าหนี มองหาไปด้านใน เคลิ้มบอก
"ทัพมันไม่อยู่หรอก แฟง"
"ฉันยังไม่ได้ถาม"
เคลิ้มอึ้ง เอิบกับช่วงตบมือหัวเราะชอบใจที่เคลิ้มโดนเข้าซะมั่ง
เคลิ้มหันขวับไปมอง เอิบกับช่วงหยุดหัวเราะแต่ทำหน้าล้อเลียนว่าไงล่ะ เจอเข้ามั่งแล้ว
แฟงเดินสะบัดๆเข้ามาในลานครัว สไบกับจวงหันไปมอง ใจกำลังช่วยตำข้าวอยู่ ดอกรักลับมีดอยู่ใกล้ๆ
"เจอพี่ทัพมั้ย แฟง" สไบถาม
"ไม่เจอ"
"อ้าว เห็นหายขึ้นเรือนไปตั้งนาน"
แฟงสะบัดมานั่งแบบงอนๆ
"ก็ไม่เจอไง"
กลุ่มเอิบ ช่วง เคลิ้ม ฟักเดินยกสำรับมาล้างทำความสะอาด เอิบกับช่วงทำเกร่เฉียดแฟงไปทางสไบกับจวง
"พี่ทัพเค้าก็คงไปหายาสมานแผล"
แฟงยังนั่งชันขา เชิด ทำเหมือนไม่สนใจฟัง
"พี่ทัพเป็นอะไรหรือจ้ะ พี่เอิบ" จวงถาม
"โดนฟัน"
เอิบพูดแล้วออกท่าน่ากลัว ทุกคนมอง แต่แฟงยังหน้าเชิด
"โดนเข้าที่หลัง ที่ตัว แผลลึก ..หลายแผล"
"ตายจริง พวกข้าศึกมันฟันพี่ทัพเหรอจ๊ะ" จวงบอก
"ทั้งข้าศึก ทั้งเพื่อนรัก"
"นายกองสังข์" จวงว่า
ช่วงบอก
"พี่ทัพเจ็บทั้งตัว ทั้งใจ เพ้อเพราะพิษไข้จนเกือบไม่รอด"
สไบกับจวงสีหน้าไม่ดี แฟงทำเป็นขยับหันหลังให้ทุกคนเพื่อซ่อนแววตากังวล แฟงรำพึงด้วยความเจ็บใจ
"ไอ้สังข์ ไอ้ขาบ ไอ้เพื่อนชั่ว"
"แล้วตอนนี้พี่ทัพเป็นยังไงบ้าง" จวงถาม
"ยังไม่ดี .. ก่อนมานี่ก็แทบจะ..."
เอิบทิ้งช่วง เหล่ตาไปมองแฟง แฟงยังหน้าเชิดไม่สน
"แทบจะอะไร" สไบถาม
"แทบจะโดนผีป่าเอาตัวไป"
แฟงลุกพรวดขึ้น เอิบกับช่วงขยิบตากัน แฟงหันมา เอิบกับช่วงทำหน้าเศร้าจริงจัง
"พูดมาก ไม่ได้เรื่อง"
แฟงสะบัดหน้า เดินพรึ่ดออกไป เอิบกับช่วงมองตามแล้วหัวเราะคิก ฟักตบหัวเอิบกับช่วงคนละที
"โอ๊ย ... พี่ฟัก"
"แกล้งน้องข้าดีนัก"
"ก็มันน่าแกล้งมั้ยล่ะ ทำเป็นไม่สนใจ แล้วไง นั่น.. ดู ... เดินตะบึงตะบอนไปนั่นแล้ว"
"ไปจวงไปช่วยชั้นแกง" สไบบอก
เคลิ้มบอก
"ข้าล่ะอิจฉา พี่ทัพ มีแต่สาวๆเป็นห่วง"
เคลิ้มหันไปมองทางสไบ เสียงดอกรักลับมีดดังขึ้น แล้วยกมีดขึ้นมอง เคลิ้มเห็นคมมีดวาววับก็ยิ้มเจื่อนๆ หันสายตากลับไป
ดอกรักมองสไบที่อมยิ้ม แล้วหันกลับไปลับมีดต่อ ใจไม่พูดอะไร เหลือบมองสไบ พอดีกับที่สไบมองมาที่ใจ สองคนสบตากัน ยิ้มให้กัน
ทัพนอนหนุนตักเฟื่องอยู่ริมน้ำ ลมพัดเย็นสบาย ทัพกุมมือเฟื่องไว้แนบอก
"รู้มั้ยว่าพี่คิดถึงเฟื่องทุกวัน ทุกลมหายใจเข้าออก"
"จ้างฉันไม่ก็เชื่อ"
"โธ่ เฟื่อง เชื่อพี่เถอะ พี่เคยปดเฟื่องหรือ"
"ฉันยังจับไม่ได้น่ะสิ ว่าพี่ปดหรือเปล่า"
"ไม่มีเลย พี่ไม่กล้าปดเฟื่องเลยสักคำ คิดถึงแต่เฟื่อง ... อยากกลับมานอนหนุนตักนิ่มๆแบบนี้"
เฟื่องมองสบสายตาทัพ ลูบผมที่ปิดหน้าผาก
"ฉันก็รอพี่ ... รอทุกวันทุกคืน"
ทัพเลื่อนตัวขึ้นนั่ง ประสานสายตากับคนรัก
"พี่ไม่เคยลืมสัญญาใต้ตาลห้าต้นของเรา"
ทัพกุมมือเฟื่องขึ้นมาจูบ เฟื่องมองสะเทิ้นอาย
"พี่อยากเห็นหน้าเฟื่องทุกวัน ทุกคืน อยากตื่นมาเห็นหน้าเฟื่อง เห็นเฟื่องเลี้ยงลูกของเรา.. หนึ่ง สอง สาม สี่"
"สองคน" เฟื่องบอก
"ขอพี่เถอะนะ เฟื่อง ... สี่คน ห้าคน"
"ฉันเลี้ยงไม่ไหว"
"พี่เลี้ยงเอง พี่จะเลี้ยงเฟื่อง เลี้ยงลูกของเราให้สุขสบาย"
ทัพขยับเข้าใกล้ มองสบสายตาคนรักด้วยความหวังเต็มหัวใจ
"พี่อาจจะไม่ร่ำรวย มีเงินทองสมบัติมากองให้เฟื่อง แต่พี่สัญญา เฟื่องจะมีความสุขไม่แพ้ผู้หญิงคนไหนในโลกนี้"
"พี่ทัพจะรักฉันคนเดียว"
"พี่จะรักเฟื่องคนเดียว คนเดียว ... ทั้งชีวิต"
ทัพประคองหน้าคนรักมาใกล้ เฟื่องหลับตาลง
ทัพบรรจงจูบลงที่แก้มนวลของเฟื่องด้วยความนุ่มนวล
กองคาราวานครัวไทยที่กำลังพักอยู่ในวัดร้าง ในสะแกโทรม ขาบขี่ม้าดูไปรอบๆ สังข์ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ ทหารคนหนึ่งเข้ามาทางด้านหลัง สังข์ถาม
"เจอพวกไอ้ทัพมั้ย"
"เจอขอรับ กระผมซุ่มดูอยู่อย่างที่นายกองสั่ง"
"พวกมันยังอยู่ที่กระทุ่มด่าน"
"ขอรับ"
สังข์มองไปที่ขาบที่ขี่ม้า ตรวจดูชาวบ้านที่นั่งพัก แววตากระด้าง
"พวกมึงจำไว้ ถ้าใครที่มันไม่เกรงกลัวอำนาจกู กูจะไม่เอามันไว้ โดยเฉพาะพวกไอ้ทัพ มันหนีทัพไปเป็นขบถ ถึงจะเคยเป็นเกลอกันมา กูจะไปลากตัวมันมารับโทษให้จงได้"
ทัพจูบไล้แก้มคนรัก เฟื่องสะเทิ้นอาย ค่อยๆเบี่ยงหน้าหนี
"พอแล้วจ้ะ"
เฟื่องเอามือแตะอกทัพเป็นเชิงห้าม ทัพไม่ฟัง ค่อยๆดันร่างเฟื่องเอนลงนอนบนหญ้า
"เฟื่องรักพี่มั้ย"
"รักจ้ะ"
"รักมากแค่ไหน"
"มากกว่าที่พี่ทัพรักเฟื่อง"
"ชื่นใจของไอ้ทัพ"
ทัพก้มลงจูบแก้มนวล เฟื่องหลบหน้าอาย
"พอแล้ว ปล่อยเฟื่องเถอนะ"
ทัพไม่ยอมหยุด ลูบไล้แก้มนวลเรื่อยมาถึงริมฝีปาก เฟื่องเริ่มเสียงสั่น
"พี่ทัพ อย่า"
"ขอพี่ชื่นใจให้หายคิดถึงเถิด ยอดรัก"
"พี่ทัพ"
"เรารักกันไม่ใช่หรือ เฟื่อง พี่ขอชื่นใจนิดเดียว"
ทัพจ้องตาเฟื่อง
"ให้พี่ได้จำกลิ่นแก้มนวลของเฟื่องไว้ยามไปรบกับข้าศึก ทั้งหลับ ทั้งตื่น กลิ่นกายหอมของเฟื่องจะเป็นกลิ่นหญิงเดียวที่พี่เฝ้าฝันถึง"
เฟื่องระทวยลงกับสายตา คำพูด และสัมผัสของทัพ
ทัพเลื่อนกายกระชับกอด กำลังจะจูบลงที่ริมฝีปากเฟื่อง เสียงของตกดังมาจากด้านหลัง ทั้งคู่หันไป เห็นแฟงที่ยืนมองจ้องอยู่ มีห่อยาหล่นอยู่ที่พื้น
"แฟง"
เฟื่องสีหน้าไม่ดีที่น้องมาเห็นตัวเองกับทัพในสภาพแนบชิด แฟงจ้องภาพใกล้ชิดของพี่สาวกับทัพด้วยความรู้สึกสับสนในใจ
สไบกำลังสะบัดผ้าตาก ตรงลานตากผ้า ข้างบ้านกำนันพัน ใจถือกิ่งดอกแก้วเล็กๆ เดินมาตรงหน้า แล้วเด็ดดอกแก้วเหน็บหูสไบ สไบเอียงหน้าอายๆ
ดอกรักยืนมองภาพใจกับสไบด้วยสายตาไม่พอใจ
แฟงกำลังมองเฟื่องที่ใกล้ชิดทัพ เฟื่องดันทัพออกห่าง แล้วรีบลุกขึ้น ทัพเอ่ยแก้บรรยากาศอึดอัด
" พี่กำลังคุยกับเฟื่อง"
"พี่ทัพเห็นฉันโง่นักหรือ จะปดยังไงก็ได้ ก็เห็นอยู่ตำตาว่ากอดจูบกัน"
"แฟง อย่าเพิ่งเอะอะไป เฟื่องจะเสียหาย"
"แล้วทำไมมาคิดได้ตอนนี้ ถ้าไม่ใช่ฉันมาเห็น พี่เฟื่องก็คงเป็นขี้ปากชาวบ้านไปทั้งบาง ที่มานอนให้ผู้ชายกอดจูบกลางป่า"
"แฟง"
ทัพดุ
"แฟง เบาๆหน่อย นี่พี่สาวเอ็ง"
แฟงเงียบลงเมื่อเห็นหน้าเฟื่องไม่ดี หันไปทางทัพ
"ฉันแค่เอายามาให้พี่ทัพ เห็นว่าโดนฟันใกล้ตาย"
แฟงหยิบห่อยาขึ้นมาถือ ทัพพยายามยิ้มใจเย็นตะล่อมอารมณ์ดุเดือดของแฟง
"เอ็งเป็นคนมีน้ำใจดีแท้นะแฟง"
ทัพยิ้ม ยื่นมือไปรับ แฟงจ้องทัพ แล้วปาห่อยาใส่อกทัพ หันหลังวิ่งออกไปเลย
"แฟง"
เฟื่องจะตาม แต่ทัพดึงมือไว้
"เฟื่องไปพูดตอนนี้ แฟงก็จะคิดว่าแก้ตัว พี่เป็นก่อเรื่อง ให้พี่พูดเองดีกว่า"
ทัพดึงเฟื่องไว้แล้วตามแฟงออกไปอย่างเร็ว เฟื่องมองตามด้วยสายตาลำบากใจ
แฟงเดินเร็วมายังสวนหมาก ทัพวิ่งตามมา
"แฟง แฟง"
"ไม่ต้องตามฉัน"
"คุยกันก่อนสิ"
แฟงไม่หยุด ทัพวิ่งมากระชากแขน แฟงหันมา ชกเข้ากลางอกทัพจนจุก
"โอ๊ย"
"ทำไมพี่ทัพเป็นคนอย่างนี้"
"อย่างไหน"
"ก็อย่างที่ทำกับพี่เฟื่อง พี่ทัพรู้มั้ย"
"รู้อะไร"
ทัพถามสวนเร็ว แฟงชะงักไป
"ฮะ เอ็งจะว่าอะไร อีแฟง พี่ต้องรู้อะไร"
"ก็พี่ทัพเป็นผู้ชาย ทำแบบนี้กับพี่เฟื่อง พี่เฟื่องเสียหาย"
"พี่ยอมรับข้อนั้น พี่หยุดความรักเฟื่องไม่ได้ พี่ผิดที่หักห้ามใจไม่ได้ ไว้ถ้ามึงรักใครสักคนนะอีแฟง มึงจะเข้าใจความรู้สึกกู"
"พี่ทัพรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เข้าใจ"
"เอ๊ะ ! มึงนี่พูดชอบกล แสดงว่ามึงคิดจะมีคู่ชินแล้วใช่มั้ย"
แฟงชะงักไป เพิ่งรู้สึกตัวว่าเถียงจนเลยเถิด ทัพจ้องแล้วคาดคั้น
"นั่นแน่ มึงมีคนที่ชอบพอแล้ว ใคร แฟง บอกกู"
"ทำไมฉันต้องบอกพี่"
"เพราะกูเป็นพี่มึงไง กูคือพี่ชายคนนึงของมึง"
แฟงหน้าม่อยลงเมื่อได้ยินคำว่าพี่ชาย แต่ก็ยังไม่แสดงอาการผิดหวังออกมาให้ทัพเห็น ทัพจับหัวแฟงด้วยกิริยาเอ็นดูเด็กสาวอย่างน้อง
"น้องสาวคนนี้ของพี่ชอบพอกับใคร กูเป็นพี่ ก็ต้องช่วยดูว่าไอ้ผู้ชายคนนั้น มันเหมาะกับน้องสาวคนนี้มั้ย"
ทัพขยี้หัวแฟงเบาๆ แล้วดึงมือกลับ มองแฟงด้วยรอยยิ้มห่วงใยจริงใจจนแฟงยิ่งสับสน
สไบที่กำลังก้าวเดินขึ้นเรือน มีดอกแก้วเหน็บหู ดอกรักก้าวออกมา สไบตกใจ
"พี่ดอกรัก มีอะไรจะให้ฉันทำหรือจ๊ะ"
ดอกรักไม่พูดอะไร เดินไปดึงดอกแก้วจากผม สไบไม่พอใจ แต่ไม่กล้าแสดงออกมา
"ดอกไม้สวย ไปเก็บที่ไหนมา"
ดอกรักแกล้งทำไม่รู้เรื่อง สไบยิ้ม ตอบกระอักกระอ่วน
"ก็แถวๆนี้"
"สไบหนีออกมาจากค่ายอังวะได้ยังไง"
ดอกรักมองด้วยสายตาคาดคั้น
"มีคนช่วยฉัน"
"ไอ้ใจหรือเปล่า ที่ตามไปช่วยสไบ"
ใจกำลังขึ้นบันไดมาหลบยืนฟังอยู่ ยังไม่ออกไปให้ดอกรักกับสไบเห็น
"พี่ใจมาเจอตอนที่ฉันหนีออกมาแล้ว"
"พี่ไม่เชื่อ"
ดอกรักที่ขยี้ดอกแก้วแหลกคามือ
"ไอ้ใจมันคอยตามช่วยสไบ มันเป็นแค่พรานแต่คอยตามช่วยสไบไปทุกที่ เหมือนรู้ว่าสไบอยู่ที่ไหน ทำอะไร กระทั่งค่ายทหารอังวะ มันยังตามไปถูก"
ใจหลบฟัง สีหน้าเครียด
"ไม่ว่าไอ้ใจมันจะคิดยังไงกับสไบ ไม่ว่าไอ้ใจมันจะเป็นคนดี คอยช่วยพวกเราแค่ไหน แต่สำหรับสไบ..อาผู้ใหญ่ออกปากยกสไบให้พี่แล้ว"
สไบหน้าเสีย ส่วนใจที่หลบฟังอยู่ นึกไม่ถึง
"นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว ตั้งแต่ฉันกับพี่เด็กๆ ผู้ใหญ่ตกลงกันเอง"
"สไบพูดแบบนี้เพราะไม่อยากเป็นเมียพี่"
"ฉันไม่เคยคิดเรื่องเป็นเมียใคร ฉันนับถือพี่ดอกรักเป็นพี่ชาย"
"แต่พี่ถือว่าผู้ใหญ่หมั้นหมายเราไว้แล้ว สไบต้องเป็นเมียพี่"
ใจที่สีหน้าไม่ดี กังวล เสียงดอกรักดังขึ้น
"สไบต้องเป็นเมียพี่"
ใจขยับมอง สีหน้าเหมือนจะพุ่งขึ้นไป
บนเรือน ดอกรักเดินเข้าหาสไบ
"จวง...จวง"
สไบถอยหนี ดอกรักพุ่งเข้ามาจับไหล่สไบ
"พี่ดอกรักอย่า จวง..."
เสียงวิ่งขึ้นบันไดมา ดอกรักหันไปมอง สไบบิดตัวหนีทันที จวงขึ้นเรือนมามองดอกรักกับสไบ
"พี่สไบ...มีอะไรหรือ"
"จวง...พี่จะถามว่าเย็นนี้จะแกงอะไรกินกันดี"
สไบรีบเดินไปข้างจวง
"ไปคุยกันในครัวเถอะ"
สไบดึงจวงออกไป ดอกรักได้แต่มองตาม ใจ รีบเดินออกไปจากตรงนั้น
ใจที่เดินเร็วมาหยุดระงับความรู้สึกพลุ่งพล่านที่หลังบ้าน เสียงดอกรักยังคงวนเวียนอยู่ในสมอง
“ไม่ว่าใจมันจะคิดยังกับสไบ ไม่ว่าใจมันจะเป็นคนดี คอยช่วยพวกเราแค่ไหน แต่สำหรับสไบ ... อาผู้ใหญ่ออกปากยกสไบให้พี่แล้ว …. สไบต้องเป็นเมียพี่”
ใจหงุดหงิด เตะต้นกล้วย ระบายความโมโห แต่พอหันไป ใจอึ้งเมื่อเห็นคนที่เดินมาทางด้านหลัง
“พี่เจิด”
เจิดสายตาเข้มก้าวเข้ามามอง
“พี่มาถึงนี่ได้ยังไง”
“เพราะข้าต้องมาตามเอ็งน่ะสิ มาส่งดอกรักแล้ว ทำไมเอ็งถึงไม่ไปจากกระทุ่มด่านสักที”
“ฉัน ...” ใจอ้ำอึ้ง
“ห่วงสไบ”
“ฉันกำลังจะไปอยู่แล้ว”
“ก็ไปซะตอนนี้ ไปด้วยกัน เราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้อีก”
เจิดพูดเหมือนสั่ง ใจตัดสินใจลำบาก
ภายในครัว จวงต้มยา ทำอาหารให้แม่อยู่ สไบนั่งลง สายตามองเหม่อ ครุ่นคิดเรื่องที่ดอกรักพูดเตือนความจำว่าต้องแต่งงานด้วย จวงถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่สบายใจเรื่องอะไร พี่สไบ”
สไบมองจวง จวงถามเสียงเป็นห่วง
“พี่ดอกรักหรือเปล่า”
“อือ”
“มีอะไร เล่าให้ฉันฟังได้นะ”
สไบยังไม่ทันเล่า แฟงเดินตะบึงตะบอนมานั่งกอดเข่า จวงมองแฟงที มองสไบที
“วันนี้มันวันอะไร มีแต่คนกลุ้มใจ... ทะเลาะกับพี่เฟื่องมาอีกล่ะสิ”
“อือ”
“คนกลุ้มนี่มันตอบได้คำเดียวหรือไง”
“ไม่กลุ้มก็ไปห่างๆ”
จวงมองแฟงตาเขียวๆ ก็ลุกขึ้น
“เอ้า เชิญกลุ้มกันให้หนำใจไปเลย สบายใจเมื่อไหร่ค่อยเรียกฉันมาแล้วกัน”
จวงเดินออกไป สไบกับแฟงมองหน้ากันแบบต่างคนต่างมีเรื่องหนักใจทั้งคู่
อ่านต่อหน้า 2
บางระจัน ตอนที่ 3 (ต่อ)
ทัพกับเฟื่อง ยังนั่งเล่นอยู่ที่ศาลาท่าน้ำหลังบ้านอาพัน เฟื่องสีหน้าไม่ดี ทัพเอ่ยปลอบ
“พี่ทัพ แฟงมันแสนงอน มันกลัวฉันจะรักพี่ทัพมากกว่า”
“ตอนนี้แฟงมันคงไม่โกรธเรามากนักหรอก”
“พี่ทัพพูดแปลก แฟงมันพูดอะไรกับพี่เหรอ”
ทัพอมยิ้ม
“มันมีคนที่ดูๆ กันอยู่ แต่ไม่รู้ว่าผู้ชายบ้านไหน แฟงมันยังไม่ยอมบอก”
“โธ่เอ้ย ... แล้วมาทำเป็นค่อนฉันว่าจะลืมน้อง ไม่รักน้อง ทีตัวเองแอบมีคนที่ชอบล่ะ จะลืมพี่เสียก่อนล่ะไม่ว่า”
“เฟื่องอย่าเพิ่งไปล้อแฟงล่ะ แฟงน่ะมันเด็กหัวดื้อ ไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ”
“ไม่ล้อก็ไม่ล้อ แต่ฉันต้องสืบจนรู้ตัวให้ได้ว่า ผู้ชายบางไหนที่กล้ามาสยบใจอีแฟงมัน”
เฟื่องอมยิ้มอยากรู้ ทัพมองแล้วยิ้มไปด้วย
แฟงกับสไบนั่งกอดเข่ากันคนละมุมที่หลังบ้าน สีหน้าทุกข์ใจเหมือนกันทั้งคู่
“กลุ้ม กลุ้ม กลุ้ม”
“ใช่ กลุ้ม” สไบบอก
“พี่สไบกลุ้มเรื่องเดียวกับฉันงั้นหรือ”
“แฟงกลุ้มเรื่องอะไร ถึงมารู้ว่าเรื่องเดียวกัน”
“ไม่รู้สิ แต่ฉันบอกพี่สไบไม่ได้หรอกนะว่าเรื่องอะไร”
“พี่ก็บอกแฟงไม่ได้เหมือนกัน”
“เออ.. แล้วเมื่อไหร่จะคุยกันรู้เรื่อง”
สองคนถอนใจพร้อมๆกัน สไบพูดขึ้นก่อน
“พี่ดอกรักเค้าทวงสัญญาเรื่องที่ผู้ใหญ่เคยหมั้นหมายพี่ไว้ตั้งแต่เด็ก”
แฟงหันมามองสไบที่สีหน้าเศร้ามาก
“พี่สไบไม่ได้รักคนที่ผู้ใหญ่เลือกให้ล่ะสิ”
“ใช่”
“รักคนที่ไม่ควรจะรัก มันก็ทุกข์”
แฟงถอนใจ สไบมองแฟง แล้วถามขึ้น
“แฟงก็กลุ้มเรื่องนี้เหมือนกันหรือ”
แฟงรีบส่ายหน้า แต่ไม่ยอมพูด สไบไม่ยอม
“แฟงรักใคร”
“พี่สไบรักใคร ฉันยังไม่ถามเลย”
“ถึงถามพี่ก็ไม่บอก”
“งั้นก็อย่ามาถาม เพราะฉันก็ไม่บอกเหมือนกัน”
สองคนเมินหน้าหนีกันไปคนละทาง สีหน้าเศร้าทั้งคู่ แฟงงุนงงกับความรู้สึกภายในของตัว เพราะไม่เคยรักใคร
บริเวณลานหน้าบ้านกำนันพัน ใจเดินมา ดอกรักยืนอยู่หันไปมองเขม่น
“จะไปไหน”
ใจยังไม่ทันตอบ ดอกรักถามขึ้น
“ไปหาสไบหรือเปล่า”
ใจไม่ตอบ ดอกรักโมโห คิดว่าใจกวน
“ตอบสิวะ จะไปหาสไบใช่มั้ย จะแอบเอาดอกไม้ไปให้สไบอีกใช่มั้ย”
“ข้าจะให้อะไร ถ้าสไบไม่รับ ก็คงไม่มีความหมาย”
“เอ็งหมายความว่าอย่างไร ไอ้ใจ เอ็งพูดเหมือนสไบรับรักเอ็งแล้วงั้น เอ็งจะเย้ยข้าอย่างงั้นหรือ”
“สุดแต่เอ็งจะคิด”
“ไอ้ใจ สไบเป็นของข้า เอ็งห้ามยุ่ง”
ดอกรักชกพรวดไป ใจหลบวูบดอกรักหันมา พุ่งเข้าหา ใจไวกว่า จับดอกรักเหวี่ยงล้มลงไปชนข้าวของกระบุงกระจาดล้มระเนะระนาด
“ไอ้ใจ สไบต้องเป็นของกูคนเดียว คนอย่างมึงไม่มีหัวนอนปลายตีน อย่ามายุ่งสไบของกู”
เสียงเอะอะของทั้งคู่ดังมาถึงครัวหลังบ้าน สไบตั้งใจฟัง
“สไบต้องเป็นของกูคนเดียว”
“เสียงพี่ดอกรัก ... พี่ใจ”
แฟงมอง สไบลุกขึ้นพรวด วิ่งออกไปด้วยความเป็นห่วงว่าจะมีเรื่อง แฟงวิ่งตามไปทันที
ดอกรักพุ่งเข้าหาใจ แต่ใจหลบ ไม่ยอมชกกลับ ดอกรักยิ่งโมโห คว้าไม้บนพื้นไว้ในมือ
“มึงช่วยชีวิตกูกูจะตอบแทน แต่มึงเอาสไบไปจากกูไม่ได้”
“มันไม่ได้อยู่ที่มึงหรอกดอกรัก ให้ผู้หญิงเค้าเลือกดีกว่า”
“สไบต้องเลือกกู”
สไบกับแฟงวิ่งมาเห็น ก็ยืนตะลึง ดอกรักเงื้อไม้ จะพุ่งเข้าตี แต่ตีนทัพมายันกลางหลัง ดอกรักหน้าคว่ำ ทัพเข้ามากระชากไม้ออกจากมือพรวด
จวงวิ่งมาจากอีกทาง ตกใจ ทัพยืนจังก้าหน้าดอกรัก สไบรีบเข้ามาขวาง
"พี่ดอกรัก พี่บ้าไปแล้วหรือไง"
ดอกรักลุกขึ้น จ้องทัพ สไบรีบห้าม
"อย่านะ นี่พี่ทัพ"
ดอกรักได้ยินชื่อทัพก็หยุด ทัพมองแล้วเหวี่ยงไม้กระเด็นไปไกล
"อย่าให้ข้าเห็นอีกว่าคนไทยด้วยกันมาต่อยตีทำร้ายกันเอง"
ทัพมองไปที่ใจ แล้วกลับมามองดอกรัก สไบรีบดึงดอกรักห่างจากใจ
"ไป พี่ดอกรัก ไป ขึ้นบ้าน"
สไบลากดอกรัก ใจเอ่ยขึ้น
"อย่าเพิ่งไป สไบ"
ดอกรักหันขวับทันที แฟง เฟื่อง จวง สไบมองใจ ที่เดินเข้ามาใกล้ ทัพคอยระวัง
"พี่จะมาลาสไบ"
ดอกรักกำหมัดแน่น จ้องใจ
"จะมาบอกว่า พี่ต้องไปแล้ว"
"พี่ใจ"
"พี่จะกลับบ้าน"
ใจหันไป เจิดเดินออกมาจากอีกด้านในป่า
"พี่เจิด"
ทุกคนมองเจิดที่มายืนข้างใจ ใจมองสไบด้วยสายตาอาลัย
"พ่อไม่ค่อยสบาย พี่เลยต้องมาตามหาใจ"
"ฉันไปก่อนนะพี่ทัพ ทุก..."
ใจยกมือไหว้ทัพ ดอกรักมองใจไม่วางตา ที่ใจทอดสายตามาที่สไบ
"พี่ไปนะ สไบ"
ใจยิ้มกับสไบครั้งสุดท้ายแล้วหันหลังเดินออกไปกับเจิด สไบขยับตัวมองตามใจอย่างไม่รู้ตัว ดอกรักกระชากแขนสไบไว้ทันที สไบดึงข้อมือออกจากดอกรัก มองตามใจด้วยสายตาเศร้า
สายตาทุกคนที่มองสไบด้วยความสงสาร โดยเฉพาะแฟง
สไบที่น้ำตาคลอในแสงเทียนตรงบันไดข้างชานเรือน แฟงเดินเข้ามานั่งใกล้
"ฉันรู้แล้วว่าพี่สไบรักใคร"
"รู้ตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ แฟง"
"ไม่สายหรอกพี่ อย่างน้อยมันก็เป็นความรู้สึกดีดี เราก็เก็บความรู้สึกมันไว้สิ เก็บไว้ในใจ ... เวลาทุกข์เราก็เอามันออกมาคิดถึง มันก็ช่วยให้เรามีสุขได้นะพี่"
แฟงยิ้มให้สไบอย่างเป็นกำลังใจ
อีกด้าน... เฟื่องที่เดินมาเห็นภาพสไบกับแฟงคุยกันอยู่ ก็หลบฟัง
สไบหันมองแฟง แล้วถามขึ้น
"แฟงก็มีใครอยู่ในใจเหมือนกันใช่มั้ย"
แฟงยิ้มเศร้า เฟื่องมองสังเกตน้องอยู่ห่างๆ
"สำหรับฉัน ฉันรู้แต่ว่ารักที่สำคัญที่สุดคือรักพ่อรักแม่ รักอย่างอื่น... ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นยังไง แต่ก็จะขอเก็บมันไว้ในใจ ให้มันอยู่ตรงนั้น และจะไม่ให้ความสำคัญมันมากไปกว่า...รักคนที่เป็นสายเลือดเดียวกัน"
เฟื่องสงสัย หันกลับเดินลงเรือนไป แฟงยิ้มกับสไบ สองคนมองกัน ต่างให้กำลังใจกัน
ทัพมองเฟื่องที่นั่งลงตรงหน้าในแสงสว่างของตะเกียงที่ท่าน้ำ
"ฉันอยากรู้เหลือเกินว่า แฟงรักใคร"
"อีกไม่นานก็คงรู้ ความรักมันปิดไม่ได้หรอก"
ทัพมองเฟื่องสายตาหวานหยด เฟื่องค้อน
"ไม่ต้องมองฉันอย่างนั้นเลย พี่ทัพ"
"ก็พี่รักเฟื่องจริงๆ"
"อย่ามาทำรุ่มร่ามเหมือนเมื่อกลางวัน"
"จ้า...ไม่กล้าแล้ว เอาไว้รอให้ถึงวันของเราดีกว่า"
ทัพยิ้มหวานจนเฟื่องอาย
"พี่ฝากดูแม่กับจวงด้วยนะ เฟื่อง"
"พี่ทัพอยู่ซะที่นี่ นอนซะที่เรือนอาพันไม่ได้เหรอจ๊ะ ทำไมต้องไปนอนตามป่า"
"นอนที่นี่ อาพันกับทุกคนจะเดือดร้อน อย่าลืมสิ เฟื่อง พี่เป็นขบถหนีทัพ"
"ฮึ ... ข้าศึกว่าน่าเกลียดแล้ว ฉันเกลียดไอ้สังข์ ไอ้ขาบยิ่งกว่า"
"ถ้าไอ้สังข์ ไอ้ขาบมันเอาทหารมาค้น ไม่เจอพี่อยู่ด้วย ทุกคนก็จะปลอดภัย เออ... เตรียมข้าวปลาอาหารแห้งไว้ให้พี่กับพวกหรือยัง"
"ฉันคุยกับจวง กับแฟงแล้วว่าเราจะหาบข้าวปลาไปส่งให้พี่ในป่าจ้ะ พี่จะได้กินของร้อนๆไม่ต้องกินของแห้งๆแข็งๆให้ติดคอกัน"
"โธ่ จะลำบากกันทำไม"
" ไม่ลำบากเลยจ้ะ พี่อยู่ป่าหลังทุ่งไปแค่นี้ เดินชั่วอึดใจเดียวก็ถึง เราจะสลับกันไปส่งข้าวปลาให้พวกพี่ทุกวัน รับรองว่าไม่มีใครรู้"
ทัพเลื่อนมือไปแตะมือเฟื่องเบาๆ
"น้ำใจเอ็งอาทรพี่เหลือเกินเฟื่อง ยิ่งเห็นรอยยิ้มของเอ็งอย่างนี้ พี่จะเฝ้านับวันนับคืนที่แผ่นดินเราจะพ้นศึก ถึงวันนั้นเราก็จะได้ร่วมหอกันเสียทีนะเฟื่อง"
ทัพมองสบตาเฟื้องถ่ายทอดความรัก เฟื่องยิ้มอาย
บนเรือน แฟงสายตาเศร้า หลบมุมมองลงมาเห็นความรักความผูกพันของคนทั้งคู่
ชานนอนผู้หญิง บ้านกำนันพันเวลากลางคืนต่อเนื่องมา จวงออกมาจากห้อง สไบกำลังจัดที่นอนตัวเอง
“น้าจันทร์หลับหรือยังจ๊ะ”
“หลับแล้วจ๊ะ ไม่ค่อยไอแล้ว ค่อยได้หลับสนิทหน่อย”
เฟื่องกำลังหวีผมให้แน้องสาว แฟงจ้องเอาจ้องเอาจนเฟื่องเขิน เลยถามขึ้น
“จ้องเหมือนไม่เคยเห็นหน้าพี่เลยนะ แฟง”
“เห็นทุกวันน่ะสิ ถึงรู้ว่าพี่เฟื่องสวยที่สุด”
เฟื่องยิ้มอาย แต่พอใจ
“น้องพี่ก็สวย”
“ไม่จริงหรอก”
แฟงยังจ้องอยู่
“เป็นอะไร พอแล้ว...อย่าจ้อง”
แฟงขยับเข้ากอดพี่สาวด้วยความรัก กอดแน่นจนเฟื่องผิดสังเกต
“แฟง เป็นอะไร ทำไมตัวสั่น”
เฟื่องเอามืออังหน้าผากแฟง
“เป็นไข้หรือเปล่า”
แฟงเห็นความเอาใจใส่ของพี่ก็ยิ่งน้ำตาคลอ สะเทือนใจ
“เปล่า พี่เฟื่อง ฉันไม่เป็นอะไร พี่เฟื่อง ฉันรักพี่เฟื่องนะ”
“เอ่อ...ออเซาะอะไร กลัวพี่ไม่รักหรือไง”
เฟื่องบีบจมูกแฟงเบาๆอย่างหยอกเอิน
“หรือว่ามีอะไรจะสารภาพ”
“อภัยให้ฉันนะที่เคยพูดไม่ดีกับพี่ แต่ฉันรักพี่เฟื่องที่สุด ฉันอยากให้พี่เฟื่องมีความสุข”
“เรื่องแค่นี้ เราพี่กันน้องกัน ไม่มีอะไรมาตัดเราให้ขาดจากกันได้”
“จ้ะพี่ ไม่มีสิ่งใดมาตัดความเป็นพี่เป็นน้องของเราได้”
ความผูกพันของสองพี่น้องต่างกอดกันด้วยความรัก
วันใหม่ภายในครัว ผู้หญิงทั้ง 4 คนกำลังช่วยกันทำกับข้าวเพื่อไปส่งให้พวกของทัพในป่า จวงกับสไบช่วยกันคดข้าวสวยร้อนๆ ห่อใส่ใบตอง แฟงกำลังตำน้ำพริก เสียงดังไปทั้งครัว เฟื่องกำลังคนแกงส้มในหม้อดิน
“ตำเบาๆก็ได้แฟง เดี๋ยวครกก็แตกดอก” สไบบอก
แฟงยิ้ม
“ต้องตำให้ละเอียด เดี๋ยวพี่เฟื่องทำแกงไม่อร่อยพี่ทัพจะว่าเอา”
จวงเอาผักสดใส่ลงในหาบ แล้วหัวเราะชอบใจกับสไบ หันมาล้อๆกับเฟื่องที่ยิ้มอาย แต่ยิ้มมีความสุข
อาหารที่ทุกคนเตรียมใส่หาบดูน่ากินทุกอย่าง
ในป่า เอิบ ช่วงเดินไปมาด้วยความหิว ชะเง้อมองไปทางหมู่บ้าน ทัพกับคนอื่นๆดูแลม้า พักผ่อนรอข้าวเช้าอยู่
“โธ่...ใส้กิ่วจนจะขาดแล้ว ทำไมช้ากันนัก” เอิบบอก
“กินเนื้อแห้งข้าวสุกๆดิบๆก็ได้ ถ้าต้องรอนานขนาดนี้” ฃ่วงว่า
เคลิ้มบอก
“พวกเอ็งไม่คิดมังละว่าได้กินของดีของอร่อยเพราะบารมีพี่ทัพ”
เอิบ ช่วง ทุรนทุรายเหมือนจะตายเพราะหิวข้าว ทัพหันมามองยิ้มๆ
เฟื่องกับจวงคลุมผ้า หาบกระจาดคนละด้านที่มีข้าวปลาอาหารใส่เต็มหาบ
“ให้ฉันไปส่งอาหารให้พวกพี่ทัพก็ได้นะ พี่เฟื่อง” แฟงบอก
“จริงจ้ะ ฉันไปกับแฟงเอง” สไบบอก
“เอาไว้คราวหน้า สลับๆกันไป แฟงดูแม่ด้วยนะ อย่าลืมต้มยาให้แม่กับน้าจันทร์”
“จ้ะพี่ รีบไปรีบกลับนะ ฉันเป็นห่วง”
เฟื่องยิ้มกับจวงแล้วรีบหาบออกไป สไบกับแฟงมองตามส่ง
หมู่เคลิ้ม ฟัก เอิบ ช่วงที่กำลังนั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
“ทีงี้เงียบเชียวนะเอ็งสองคน” เคลื้มบอก
จวงคดข้าวเพิ่มจากหม้อดินลงในใบตองของช่วงที่กินเอากินเอา ทัพที่นั่งกินข้าว มองเฟื่องที่เอาเนื้อเค็มวางให้เพิ่ม
ห่างออกไปชายฉกรรจ์ราว 30คนนั่งรวมกันเป็นกลุ่ม นั่งกินข้าวปลาอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่อดอยากเหมือนที่ผ่านมา
“กินเยอะๆนะจ๊ะ” เฟื่องบอก
“พรุ่งนี้แกงอะไรนะ เฟื่อง” เคลิ้มถาม
“แฟงว่ามันจะแกงขี้เหล็ก” เฟื่องบอก
“ไม่ได้ ไม่ได้” ทัพบอก
“ทำไมจ๊ะ พี่ทัพไม่ชอบเหรอ”
“แกงขี้เหล็ก กินแล้วหลับสบาย เดี๋ยวไอ้เอิบมันจะนอนน้ำลายยืดตอนเฝ้ายาม”
เอิบบอก
“โห ...พี่ทัพ ขัดลาภปาก ทำมาเลยจ้ะแม่เฟื่องคนงาม แม่จวงคนสวย”
ช่วงบอกเพิ่ม
“ขอไก่ย่างสักสี่ห้าตัวด้วยก็จะดี ..พวกพี่จะแทะกระดูกเอาให้หมาเห็นแล้วอยากร้องไห้ไปเลย”
“เอ็งสองคนลืมตอนคอยไปแล้วใช่มั้ย ถ้าจะกินไก่ย่างเอ็งต้องคอยนานยิ่งกว่านี้อีกนะ”
ทุกคนหัวเราะชอบใจ แต่เอิบกับช่วงยังไม่สลด ทำหน้าเป็นใส่
ณ ลานหมู่บ้านสะแกโทรม กองคาราวานชาวบ้านที่จะอพยพเข้ากรุงศรีอยุธยา ตอนเย็น ได้ก่อฟืนก่อไฟหุงหาอาหารกันตามร่มไม้ ขาบเดินมาเห็นสังข์กำลังจิบเหล้าคุยกับทหารม้าเร็วอยู่ ขาบรอจนทหารม้าเร็วออกไปจึงเดินมาหาสังข์
“เราพักอยู่ที่นี่นานแล้ว เมื่อไหร่จะเดินทางต่อ” ชาบถาม
“นี่เอ็งเป็นนายกองขาบตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ข้าถามเพราะห่วงเรื่องเสบียง ยิ่งนานเสบียงหมดกลางทาง เราจะลำบาก”
“คุณพระนายเพิ่งส่งม้าเร็วมาบอก ให้เราไปเจอท่านที่บ้านพราน”
“ทำไมต้องไปที่นั่น ทำไมไม่มุ่งเข้ากรุงศรี ก่อนจะถึงเวลาปิดประตูเมือง”
“วะ ไอ้ขาบ...นายกองอย่างกูหรือหัวหมู่อย่างมึงที่จะเป็นคนออกคำสั่ง มึงจะขัดคำสั่งคุณพระนายหรือ”
ขาบเงียบ ไม่อยากโต้ตอบอะไรอีก สังข์จิบเหล้าในถ้วย ขาบไม่ชอบใจ สังข์เห็นแววตานั้นก็ถามขึ้น
“มีอะไรอีก”
“ข้าสงสัยว่ายามศึกลำบากอย่างนี้ ใครช่างสรรหาเหล้ายาปลาปิ้งมาบำรุงบำเรอนายกองได้ถึงใจนัก”
“สังข์กระแทกถ้วยมองขาบไม่พอใจ”
ขาบไม่พูดอะไรต่อให้เดือดร้อนเดินออกไป ทหารของสังข์เดินเข้ามา สังข์ถามขึ้น
“ว่าไง...ได้ข่าวไม๊”
“พวกไอ้ทัพมันยังอยู่ที่กระทุ่มด่านขอรับ”
“มันท้าทายอำนาจข้า แน่ใจนะว่าเป็นพวกมัน”
“ขอรับ นายกอง””
สังข์ยิ้ม ลุกขึ้น แววตาเจ้าเล่ห์
“เอ็งไปรวบร่วมพรรคพวกที่ไว้ใจได้มาให้ข้า 4-5 คน อย่าให้ใครรู้...แม้แต่หมู่ขาบ”
“ขอรับ นายกอง”
ขาบหันกลับมามองเห็นสังข์กำลังสั่งทหารอยู่ไกลๆ นึกอยากรู้
ทัพเดินมาส่งคนรักกับน้องสาวที่หาบกระจาดมาคนละด้านที่ชายป่า
“พี่ส่งแค่นี้นะ”
“จ้ะพี่ทัพ ใกล้แค่นี้เอง พี่กลับไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉันกับพี่เฟื่อง” จวงบอก
“จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง เอ็งกับเฟื่องเป็นหญิงทั้งคู่”
“พวกฉันพกมีดมาจ้ะ”
เฟื่องหยิบลงไปในหาบ ดึงมีดยาวที่ซ่อนออกมาอวด ทัพมองเห็นก็สะดุ้ง
“ไปเอามาจากไหน”
“แฟงจ้ะ แฟงไปหามาซ่อนไว้ในหาบ บอกว่ายามคับขัน จวนตัว ก็ให้ฟันเต็มแรง” จวงบอก
จวงทำท่าฟันฉับ ใกล้จนทัพต้องกระโดดถอย
“เก็บก่อนๆ เก็บไว้ จวง ดีจริงๆนะแฟง ช่างสรรหาของดีๆทั้งนั้น ถ้าไปอยู่ในมือคนที่เอ็งจะฟันล่ะก้อ พี่ไม่อยากจะคิด”
“ไม่หรอกจ้ะ พี่ทัพ ทางมาใกล้แค่นี้ ไม่มีอะไรหรอก พวกฉันก็เอาติดตัวไว้เพราะแฟงมันสั่งน่ะ”
“ดีจริง แฟงเอ้ย จะสอนให้คนอื่นห้าวอย่างตัวตลอด เจอคราวหน้าจะหวดเสียให้ก้นลาย”
เฟื่องกับจวงหัวเราะมองทัพที่บ่นกะปอดกะแปด
อ่านต่อหน้า 3
บางระจัน ตอนที่ 3 (ต่อ)
บริเวณลานครัว แฟงที่กำลังตำข้าว สะดุ้ง จับไปที่ก้น สไบที่อยู่ใกล้ๆมอง
“มีอะไร แฟง”
“ไม่รู้ พี่สไบ อยู่ๆก็เจ็บ เหมือนโดนก้านมะยม”
“ใครจะหวดแฟง คนเก่ง”
“นั่นสิ แม่ปั้ดเอาสากตำข้าวโขกให้หัวแตก”
สไบกับแฟงหัวเราะกัน ดอกรักเดินมา สไบหยุดหัวเราะ หันมาตำข้าวต่อ ดอกรักรู้ว่าสไบไม่อยากคุยด้วย แต่ก็ยังตื๊อ
“สไบ”
สไบตำข้าวแรง เสียงดัง กลบเสียงดอกรักที่เรียก
“สไบ สไบ”
แฟงมอง สไบตำข้าวแรง ดอกรักเข้ามาดึงสากตำข้าวไว้ สไบมองตาขุ่น
“ที่ไม่คุยด้วยเพราะโกรธเรื่องไอ้ใจใช่มั้ย ตัวไปแต่ใจยังอยู่ที่มัน”
“อย่ามาพูดจาหาเรื่อง เสียเวลาทำงานของฉัน”
“สไบคิดถึงไอ้ใจมันใช่มั้ย”
สไบไม่ตอบ ตำข้าวต่อไม่สนใจ แฟงเมินหน้าไปมองทางอื่น ดอกรักจำต้องเดินออกไป สไบเรียกขึ้น
“พี่ดอกรัก”
ดอกรักหันขวับทันที
“”พี่เคยบอกว่าอยากไปช่วยรบกับอังวะ ทำไมพี่ถึงไม่ออกไปอยู่ในป่ากับพวกพี่ทัพ แทนที่จะมาคอยเฝ้าหาเรื่องฉันละฮะ”
ดอกรักหน้าเสียที่ได้ยินสไบออกปากไล่อ้อมๆ เดินเร็วออกไปทันที
สไบหันกลับมา แฟงมองแล้วถาม
“น่าสงสารเหมือนกันนะ”
“หรือแฟงจะช่วยปลอบใจพี่ดอกรัก”
แฟงส่ายหัวทันที
“ไม่เอาล่ะ พี่ดอกรักเค้าชอบพี่สไบ ไม่ใช่ม้าดีดกะโหลกอย่างแฟง”
สไบฟังแล้วหลุดหัวเราะออกมาจนได้ แฟงยิ้มหัวเราะไปด้วย
อีกมุมหนึ่งใกล้ๆครัว ดอกรักเดินออกมาด้วยความหงุดหงิด น้อยใจ
“ไอ้ใจ ... มึงอย่ามาให้กูเห็นอีกนะ”
ดอกรักแววตาเจ็บใจ เดินออกไป สไบกับแฟงยังตำข้าวไปเรื่อยๆ
ในป่าทึบ ใจกำลังนั่งเป่ามือเลียนเสียงนกอยู่ เพื่อหลอกนกมาติดแร้ว นกลงมาเกาะที่แร้วหลายตัว ใจมองนกที่มาเกาะด้วยสายตาอ่อนโยน จู่ๆ มีธนูพุ่งไปปักนกตัวใหญ่ที่สุด นกที่เหลือบินแตกกระเจิง
ใจหยุดเป่านกทันทีหันไปมอง เห็นเจิดเป็นคนยิง ยืนอยู่ด้านหลัง เจิดเดินไปเอานกตัวที่ถูกยิง อย่างไม่สะทกสะท้าน
ใจมองสายตาสลด เจิดตบบ่าใจเบาๆตอนเดินผ่าน
“อย่าคิดมาก ถึงเราไม่กิน ยังไงมันก็ต้องตาย”
เจิดเดินไปถอนขนนก ก่อไฟ ใจไม่อยากมอง เจิดเอ่ยถามขึ้น
“คิดถึงน้องสไบล่ะสิ”
ใจถอนใจหนักๆ มองไปไกล หัวใจหนักอึ้งเมื่อคิดถึงการเดินทางที่จะพาให้ห่างจากสไบไปทุกที
เวลากลางคืน บรรยากาศป่าที่ซ่อนตัวของทัพเงียบสงบ มีเวรยามเดินอยู่รอบๆ 4 คน
ในแสงจันทร์ ทัพกำลังประชุมอยู่กับหมู่เคลิ้ม พลางขีดเขียนอยู่กับลานดิน
“ข้าศึกใกล้เราทุกทีแล้ว เราพาพวกกระทุ่มด่านหนีขึ้นไปทางทุ่งสมิงก่อนดีมั้ย” เคลิ้มบอก
“ทุ่งสมิงซ่องโจรชุกชุม อย่าไป”
ทุกคนมองทัพที่ใช้ความคิด
“ถ้าต้องหนีจริงๆ ตัดจิกโพรงไปเข้าดงเลย อ้อมหลายคืนหน่อย แต่หนทางในป่ามิดชิดกว่า ไม่น่าจะเจอทั้งโจรทั้งข้าศึก”
“ฉันก็เห็นอย่างพี่ทัพนะ” ฟักบอก
“งั้นถ้าจะพาทุกคนที่กระทุ่มด่านหนี แผนของเราจะไปทางจิกโพรง ตอนนี้ทุกคนระวังไว้ก่อน เห็นพวกมันเข้าเขตกระทุ่มด่านมาเมื่อไหร่รีบส่งสัญญาณให้รู้ทั่วๆกัน”
ทัพสั่งด้วยสายตาระมัดระวัง ไม่ประมาท
ชายในชุดดำ ปกปิดใบหน้ามิดชิด 5 คน ที่ขี่ม้าตัดป่ามาอย่างเร็ว
สไบหอบกระจาดผักที่ไปเก็บมา กำลังจะไปครัวที่หลังเรือน ดอกรักวิ่งลงเรือนมาขวาง ยิ้มให้
สไบไม่พูดจะเดินหนี ดอกรักพยายามยิ้ม ตามง้อ
“ยังโกรธพี่เรื่องคนนอกอย่างไอ้ใจอยู่อีกหรือ สไบ”
“เค้าช่วยพ่อ ช่วยฉัน ช่วยพี่ พี่ไล่เค้าเหมือนคนใจดำ ไม่รู้จักคุณคน”
“มันช่วยเราเพราะหวังสไบ”
“ถ้าพี่ใจเค้าหวังตัวฉัน เค้าจะรักษาแล้วพาพี่ตามมาที่กระทุ่มด่านทำไม เค้าปล่อยให้พี่ตายในป่าไม่ดีกว่าหรือ”
สไบมองดอกรักด้วยสายตาผิดหวัง
“พี่ทำให้พวกเรากลายเป็นคนใจจืดใจดำ ขับไสไล่ส่งกระทั่งคนที่เสี่ยงตายเอาชีวิตช่วยเราไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ฉันเสียใจ เพราะพี่ยังไม่รู้ตัวว่าทำผิดมากแค่ไหน”
สไบเดินหนีดอกรักตรงไปที่ครัว ดอกรักมองตาม แฟงหลบมอง ดอกรักโมโห เตะพื้นแถวนั้นดินกระจาย
แฟงหลบมองแล้วเดินตามเข้าไปทางในครัวอย่างทำอะไรไม่ได้ดีกว่านั้น
ภายในครัว เฟื่องกำลังหุงข้าว จวงตำน้ำพริก สไบล้างผัก แฟงกระแซะมาใกล้สไบ
“ไปว่าพี่ดอกรักเค้าอย่างงั้น เกิดพี่เค้าเสียใจจะว่าไง”
“ก็เรื่องของเค้า”
เฟื่องห่อข้าวเสร็จใส่ถาดแล้วเรียกแฟง
“แฟงทยอยเอาของไปจัดลงหาบได้แล้ว”
“จ้ะ พี่เฟื่อง”
แฟงต้องหันมาสนใจงานที่เฟื่องสั่ง กำลังจะเดินห่างสไบออกมา
“เรื่องของเค้าแน่นะ” แฟงถามย้ำ
“จะไปตายที่ไหนมันก็เรื่องของเค้า”
สไบประชด แฟงยิ้มๆ รีบจัดของใส่หาบ
แฟงยกถาดอาหารมาจัดลงในหาบที่วางอยู่ สายตามองไกล เห็นดอกรักที่สะพายห่อผ้าเหมือนจะเดินทาง ดอกรักเดินลงเรือนมามองเข้ามาในครัว
“พี่ดอกรัก”
บริเวณหน้าประตูรั้ว แฟงเห็นสายตาละห้อยของดอกรัก
“หรือว่าจะน้อยใจสไบ หนีไปรวมกับพวกพี่ทัพ”
แฟงคิดแล้วสงสัย
“รู้เหรอว่าพวกพี่ทัพอยู่ที่ไหน เดินสุ่มสี่สุ่มห้าเกิดเจอพวก อังวะเข้า เดี๋ยวก็ไม่รอดเท่านั้น”
แฟงคิดแล้วเป็นห่วง คว้ากระจาดหาบอาหาร วิ่ง ตามดอกรักทันที
ดอกรักเดินดุ่มๆมาในป่าด้วยความเสียใจที่สไบไม่เข้าใจ ที่ด้านหลังแฟงวิ่งกระเดียดหาบมา พอมาถึงทางแยก แฟงมองหา ไม่เห็นดอกรักซะแล้ว เธอตะโกนเรียก
“พี่ดอกรัก พี่ดอกรัก”
ไม่มีเสียงตอบ แฟงกังวลใจ ตัดสินใจเดินไปอีกทาง
ทัพกับแฟงนั่งคุยกันอยู่ห่างกลุ่มหมู่เคลิ้มออกมา แฟงกำลังเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทัพฟังอย่างร้อนใจ
“พี่ดอกรักเค้าทะเลาะกับสไบ ฉันตามหลังเค้ามาติดๆ แต่ไม่รู้หายไปตอนไหน กลัวว่าจะหลงป่า แล้วไปเจอพวกข้าศึก”
“ทะเลาะอะไรกันมา”
“ก็จะเรื่องอะไร ผู้ชาย”
“ผู้ชายทำไม ทำเสียงให้มันดีดีหน่อย แฟง”
“ก็ผู้ชายตามืดตาบอด มัวหึงกันไม่เข้าเรื่อง เค้าไม่รักตัวก็ยังไปหลงรักเค้าหัวปักหัวปำ”
สายตาแฟงที่มองทัพ แววตาซ่อนความในใจหลายอย่างไว้
“สุดท้ายเค้าก็ไม่เคยสนใจ”
“ไอ้ใจก็ไม่อยู่แล้ว ดอกรักมันจะกลัวอะไร ผู้หญิงคนเดียว ทำให้รักไม่ได้ ก็อย่าเรียกว่าชายเลยวะ”
“ทำไม ใจหญิงมันต้องโลเลไม่มั่นคง คอยเปลี่ยนไปตามน้ำคำผู้ชายที่คอยหยอดคำหวานรึไง”
“เอ้า..เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว พี่ไม่ได้ว่าผู้หญิงจะต้องหลงคำหวาน แต่ถ้ารักก็ต้องเอาชนะใจให้ได้ ไม่งั้นจะเสียเชิงชาย”
“เชิงชายที่ไล่ต่อยตีคนอื่น เอากำลัง เอาแรงเข้าบังคับน่ะหรือ เชอะ หรือไม่ก็เที่ยวกอดจูบลับตาคน”
“เดี๋ยวๆแฟง นี่เอ็งอย่าพาลเอาพี่เข้าไปด้วย”
“ก็จริงหรือไม่ล่ะ พี่ทัพคงมั่นใจสินะว่าทำยังไงพี่เฟื่องก็รัก”
“เอ๊ะ แฟง เอ็งนี่พาล เห็นทีจะคุยกันไม่รู้เรื่อง”
“ใช่สิ ฉันมันพาล ฉันมันคอยหาเรื่อง”
“เอ้า ไปกันใหญ่แล้ว ให้พี่ทะเลาะกับเอ็ง 3 วัน 3 คืนเลยเอามั้ย”
ทัพเสียงเอ็ด แฟงตกใจ น้ำตาคลอ ทัพมองแล้วงง
“แฟง แฟง พี่ไม่ได้ดุเอ็งนะ อย่าร้องสิ”
ทัพเข้ามาใกล้ เอื้อมมือจะไปจับหัว แฟงปัดมือทันที
“ไม่ต้องมาทำเหมือนฉันเป็นเด็ก”
แฟงสะอื้นออกมาด้วยความอัดอั้น ทัพมองเลิ่กลั่ก ตกใจ
“แฟงเอ็งร้องไห้ทำไม”
ในเวลาต่อมา เฟื่องกับจวงที่วางหาบอาหารลง มองเอิบกับช่วงที่กำลังกินข้าวที่แฟงเอามา
“แฟงมาถึงก่อนแล้วหรือจ๊ะ”
เฟื่องมองหา
“แฟงอยู่ที่ไหน”
แฟงสะอื้นดัง ปาดน้ำตาเหมือนเด็กๆ ทัพมองทำตัวไม่ถูก
“อีแฟง อย่าร้องสิ มีอะไรก็บอกพี่”
“ฉันจะกลับแล้ว”
แฟงจะเดินหนี ทัพดึงแขนแฟงไว้
“พี่ขอโทษ”
“จะมาขอโทษฉันทำไม พี่ทัพไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันร้องของฉันเอง”
ทัพเสียงอ่อนลง ดึงแฟงมาใกล้
“ร้องทำไม ไหนบอกพี่สิ”
แฟงช้อนตามอง หยาดน้ำตาเต็มตา ทัพสงสาร เอื้อมมือไปปาดน้ำตาที่อาบแก้ม
“ไม่ร้องนะ คนดี ไม่ร้อง”
แฟงมองทัพ ได้ยินเสียงปลอบอ่อนโยนแล้วยิ่งสะอื้นออกมาแรง
“แฟง เป็นอะไร บอกพี่”
“ไม่”
“ทำไม”
“ไม่”
แฟงส่ายหน้าสะอื้นแรงขึ้นอีกเพราะความอัดอั้นในใจ ทัพประคองหน้าแฟงไว้
Wทำไมพูดกับพี่ไม่ได้ คิดซะว่าพี่เป็นพี่ เป็นพี่ชายคนนึง”
แฟงได้ยินแล้วยิ่งปล่อยโฮ สะอื้น ทัพตกใจ
“แฟง นิ่งซะ นิ่ง”
ทัพดึงแฟงเข้ามากอดปลอบ ลูบผมปลอบเบาๆ ไม่ได้คิดอะไร
“นิ่งซะ คนดี นิ่งซะ”
เฟื่องที่มาเห็นภาพที่แฟงกับทัพกำลังกอดกัน ทัพลูบผมแฟงอ่อนโยน ก็ฉุกคิด นึกถึงคำพูดของแฟงที่เคยแอบได้ยินตอนคุยกับสไบ
“สำหรับฉัน ฉันรู้แต่ว่ารักที่สำคัญที่สุดคือรักพ่อรักแม่ รักอย่างอื่น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามัน..เป็นยังไง แต่ก็จะขอเก็บมันไว้ในใจ ให้มันอยู่ตรงนั้น และจะไม่ให้ความสำคัญมันมากไปกว่า...รักคนที่เป็นสายเลือดเดียวกัน”
ทัพกอดแฟงไว้แนบชิด เฟื่องไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เห็นแต่ภาพตรงหน้ากับสังหรณ์ของความเป็นผู้หญิงก็นึกน้อยใจ หันหลังเดินหลบออกไปทันที
เฟื่องที่เดินก้มหน้าซ่อนน้ำตากลับมา ตรงมาคว้าเก็บหม้อดินรวบรวมใส่หาบอย่างเร็ว ผู้ชายที่กำลังกินข้าวอยู่ มองตกใจ
“พี่เฟื่อง พี่เฟื่อง”
เฟื่องก้มหน้ากลั้นน้ำตา เดินเร็วออกไป จวงมองงง วิ่งคว้าหาบ ตามออกไป ผู้ชายที่กำลังกินข้าวมองกันอย่างไม่เข้าใจ
ทัพเช็ดน้ำตาให้แฟงเบามือ แฟงมองทัพด้วยสายตาอาลัย รู้ว่าไม่ควร ก็รีบดึงตัวออกห่าง
“ฉันจะกลับแล้ว”
“แฟง .. ถ้าแฟงมีอะไรไม่สบายใจ บอกพี่ได้ทุกเรื่อง”
“ฉันขอโทษนะพี่ทัพ บางทีฉันก็ดื้อกับพี่”
“พี่ไม่ถือโทษอะไรเอ็งหรอก แฟง เฟื่องก็เหมือนกัน ใครจะโกรธเอ็งลง”
แฟงยิ้มจางๆ
“พี่เฟื่องรักฉัน”
“ใช่ เฟื่องรักเอ็งมาก ทั้งรักทั้งห่วง”
“พี่เฟื่องเป็นคนดี พี่ทัพต้องรักพี่เฟื่องมากๆนะ อย่าทำให้พี่เฟื่องเสียใจ”
“พี่รักเฟื่องมากอยู่แล้ว รักมากจนไม่รู้ว่าถ้าชีวิตนี้ไม่มีเฟื่อง พี่จะอยู่ต่อไปได้ยังไง”
แฟงฟังแล้วยิ่งสะเทือนใจ ปาดน้ำตา ฝืนยิ้มให้ ทั้งๆที่หัวใจยับเยินจากความรักที่มีต่อทัพแต่ไม่อาจจะเปิดเผยได้
เฟื่องที่วิ่งเร็วมา จวงวิ่งตามหลัง
“พี่เฟื่อง รอฉันก่อน พี่เฟื่อง”
จวงวิ่งเร็ว หวังตามเฟื่องให้ทัน สะดุดรากไม้ล้มลง
“โอ๊ย”
เฟื่องได้ยินเสียงร้องก็หันไปมอง
“จวง”
เฟื่องรีบวิ่งมา วางหาบ ช่วยพยุงจวงขึ้น ทั้งคู่ยืนขึ้น รู้สึกแปลกๆหันไปมองด้านหลัง เห็นชายฉกรรจ์ในชุดดำ มีผ้าปิดหน้า 5 คนบนหลังม้ามองตรงมา
“ใครพี่เฟื่อง .. ทหารอังวะหรือเปล่า”
จวงนึกกลัว เฟื่องมองหาบที่วางอยู่ ด้วยความกลัว จวงตะโกนขึ้นทันที
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
จวงกรีดร้องดังก้องป่า ชายฉกรรจ์ชุดดำ 2 คนพุ่งเข้ามาปิดปาก เฟื่องพุ่งไปที่หาบ ล้วงมีดที่ซ่อนไว้ออกมา จะเข้าฟัน แต่เจอชายฉกรรจ์อีก 3 ล้อมเข้ามาจากด้านหลัง
เฟื่องหันไปฟัน โดนแขนชายฉกรรจ์คนหนึ่งเลือดกระฉูด คนที่เหลือชักดาบ เฟื่องหันมา เจอดาบแกว่งมาตรงหน้า ก็ตกใจปล่อยมีดหลุดมือ จวงดิ้นแล้วกัดแขนคนที่ล็อกคอไว้ ชายฉกรรจ์เจ็บ ตบจวงล้มลง
เฟื่องหันไปเห็น
“จวง”
จวงโดนกระชากขึ้นมาแล้วชกเข้าท้องจุกจนสลบไป ชายฉกรรจ์แบกจวงพาดบ่า
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ชายฉกรรจ์คนที่ถูกเฟื่องฟันแขน พุ่งเข้าตบเข้าหน้าเฟื่อง แล้วชกเข้าท้องจนหมดสติ เสียงสุดท้ายเอ่ยชื่อคนรัก
“พี่ทัพ”
ทัพกับแฟงเดินออกมา เห็นทุกคนกำลังกินอาหารกันมากมาย
“ใครเอากับข้าวมา” แฟงถาม
“อ้าว ไม่เจอกันหรอกหรือ เห็นเฟื่องเข้าไปตามหาพี่ทัพ” เอิบว่า
ทัพมองแฟงสังหรณ์ใจไม่ดี
“มีอะไรกันหรือเปล่า เห็นเฟื่องออกมา แล้วก็วิ่งกลับไปเลย”
“เฟื่อง”
ทัพวิ่งออกไปทันที แฟงใจคอไม่ดี วิ่งตามไปอีกคน
เฟื่องกับจวงที่ถูกมัด ชายฉกรรจ์แบกขึ้นบนม้าคนละตัว เฟื่องมองเห็นจวงที่หมดสติไปแล้ว ถูกชายฉกรรจ์พาควบม้าออกไป
“ช่วยด้วย พี่ทัพ .. ช่วยเฟื่องด้วย”
เสียงเฟื่องบนหลังม้า ร้องครางออกมาก่อนสติจะดับวูบ
ทัพกับแฟงต่างวิ่งเร็วมา สีหน้าร้อนใจทั้งคู่
เฟื่องถูกพาดอยู่บนหลังม้า ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้า มองด้านหลัง ส่วนจวงถูกพาดอยู่ที่ม้าอีกตัว
ขณะที่ฟักสีหน้าไม่ดี มองเคลิ้มกับพวกแล้วบอก
"ข้าว่ามันชักจะยังไงๆอยู่นะ เฟื่องมันท่าทางพิกล"
ฟักไปที่ม้า เอิบ ช่วง เคลิ้มตามมาด้วย
"พี่ทัพกับแฟงไปตามแล้ว คงไม่มีอะไรหรอกพี่"
"ข้าจะตามไปดูอีกคน"
ฟักดึงม้าออกไป พวกที่เหลือเป็นห่วงรีบขึ้นม้าตามไป
ทัพกับแฟงวิ่งมา เห็นหาบของเฟื่องกับจวงล้มอยู่ หม้อดินแตกกระจายบนพื้น
"เฟื่อง"
"พี่เฟื่อง"
ทัพตะโกนเรียก
"จวง เฟื่อง จวง"
แฟงวิ่งมาที่หาบของพี่สาวที่ล้มระเนระนาด
"พี่ทัพ .... พี่เฟื่อง พี่จวงไม่เจอพวกข้าศึกก็ต้องเจอพวกปล้นแน่"
แฟงถามน้ำเสียงทั้งกลัวทั้งหวั่นใจ ทัพมองไปรอบๆ เพื่อหาร่องรอย แล้วก้มลงมองพื้นดินที่มีรอยเท้าม้าเต็มไปหมด แฟงวิ่งมายืนข้างทัพ สีหน้าวิตก
ม้าหลายตัวที่กำลังวิ่งทะยานไปข้างหน้า เฟื่องกับจวงที่ตัวพาดหลังม้า กลุ่มชายฉกรรจ์ปิดหน้าด้วยผ้าดำเร่งม้า อีกด้านดอกรักที่กำลังหลงทาง มองไปรอบๆ
เสียงควบม้าดังมา ดอกรักรีบหลบในพุ่มไม้มอง เห็นขบวนม้าของชายฉกรรจ์ชุดดำผ่านไป
"เร็ว ....ไปให้พ้นกระทุ่มด่านก่อนมืด"
ดอกรักมองตาม แต่ไม่ใส่ใจมากนัก
อ่านต่อหน้า 4
บางระจัน ตอนที่ 3 (ต่อ)
ทัพสีหน้ากังวล แฟงขวัญเสียเขย่าแขนทัพ
"พี่ทัพไปตามพี่เฟื่องกัน
"พี่ไปแน่ แฟง ... ไม่ว่าใครที่มันเอาตัวเฟื่องไป มันต้องตายด้วยคมดาบของพี่"
ฟักกับพวกควบม้ามาถึง มองไปรอบๆ ทัพรีบบอก
"เฟื่องถูกจับตัวไป"
"ใครจับ พี่ทัพ"
"ไม่รู้...ตามรอยเท้าม้ามันไป"
ช่วงโดดลงจากหลังม้า ยกม้าให้ทัพ
"เอาม้าฉันไปพี่ทัพ"
ทัพกระโดดขึ้นม้าช่วงควบนำออกไป
"แฟงไปกับพี่"
แฟงกระโดดขึ้นม้าฟัก ส่วนช่วงกระโดดซ้อนม้าเอิบควบตามไป
ดอกรักเดินอย่างหมดอาลัยไปตามทาง ทัพควบม้านำคนอื่นๆมาหยุดข้างดอกรัก
"ดอกรัก เอ็งเห็นกองทหารม้าพวกอังวะมาแถวนี้บ้างไม๊"
ดอกรักตกใจเมื่อได้ยินว่าอังวะ รีบส่ายหน้าไม่รู้ไม่เห็น
"มีแต่พวกคนไทย 4-5 ม้า ควบไปเมื่อกี้" ดอกรักบอก
"พวกมันจับพี่เฟื่องกับจวงไป" เฟื่องบอก
ดอกรักเพิ่งนึกได้
"ใช่ ข้าเห็นมีผู้หญิง 2 คนพาดอยู่บนม้าที่มันควบไป"
แฟงตกใจ
"ตามพวกมันไปเลย ช้าอยู่ทำไม"
"คิดให้ดีนะพี่ทัพ เราคงไปกันทั้งหมดไม่ได้ ยังมีแม่กับคนอีกเยอะที่ต้องดูแลW
ทัพหนักใจคิดไม่ตก
บริเวณหอกลางบ้านกำนันพัน เมื่อทุกคนทราบเรื่อง ความวุ่นวายเริ่มเกิดขึ้น นางเฟี้ยม นางจันทร์กำลังจะเป็นลม มีสไบกับเมียกำนันช่วยประคอง ทัพกับฟักยืนอยู่ตรงข้ามกำนันพันกับผู้ใหญ่แสง
ดอกรัก แฟง ยืนอยู่อีกด้าน
ผู้ใหญ่แสงบอก
"ที่เอ็งเห็นน่ะไม่ใช่ทหารอังวะแน่นะ ไอ้ดอกรัก"
"มันไม่ได้แต่งชุดทหารอังวะ"
"คงจะเป็นพวกโจรที่ซ่องสุมปล้นคนไทยด้วยกันเอง" กำนันพันบอก
ทัพเอาดาบคู่สะพายหลัง แล้วเดินมาก้มลงกราบนางเฟี้ยม นางจันทร์
"ฉันจะพาเฟื่อง กับ น้องกลับมาให้ได้"
"โธ่ ... เฟื่อง เฟื่องของแม่ จะเป็นตายร้ายดียังไง ใครมันทำกับลูกแม่"
เฟี้ยมรำพันด้วยความเสียใจ แฟงเข้าไปกอดแม่ ฟักกอดแม่อีกด้าน
"ฉันจะไปกับพี่ทัพ กุดหัวไอ้โจรที่เอาน้องเราไป" ฟักบอก
"ไม่ต้อง ฟัก เอ็งอยู่ที่นี่ คอยคุมทุกอย่างแทนข้า เผื่อต้องอพยพจากกระทุ่มด่าน"
ทัพมองฟักอย่างฝากฝัง ฟักเห็นแววตาทัพแล้วไม่กล้าขัด
"จ้ะ .. พี่ทัพ"
"ทัพ ...พาน้องกลับมาให้ได้นะลูก"
ทัพเข้าไปกอดแม่
"จ้ะแม่ ฉันจะพาน้องกลับมา"
ทัพกอดแม่แน่นแล้วลุกขึ้น มองลาทุกคน รีบลงบันไดไป แฟงมองแล้วทนนิ่งไม่ไหว วิ่งลงบันไดตามไป
"นังแฟงจะตามไอ้ทัพไปด้วยทำไม กลับมา แฟง"
ทุกคนมองตามแฟงที่วิ่งลงไปด้วยความสงสัย
ทัพกำลังจะโดดขึ้นอ้ายเลา แฟงวิ่งเข้ามา
"พี่ทัพ"
"พี่ต้องไปแล้วแฟง"
"ถ้าเจอพี่เฟื่อง ... บอกพี่เฟื่องด้วยว่าอภัยให้ฉันด้วย"
ทัพหันมองทันที
"อภัย เอ็งทำอะไรให้เฟื่องโกรธ"
"พี่เอิบพี่ช่วงบอกว่า ก่อนที่พี่เฟื่องจะถูกจับ พี่เฟื่องถามหาเราสองคน แล้วก็เดินไปตาม"
แฟงสีหน้าไม่ดี ทัพมองสงสัยอยากรู้
"พอกลับออกมา พี่เฟื่องก็วิ่งหนี ...จน... จนถูกจับตัวไป"
"เฟื่อง..ไปเจอเรา"
"ถ้าพี่เฟื่องเห็นเรา ..เห็นตอนที่พี่กับฉัน"
"ที่กูกอดมึงน่ะหรือ"
"พี่เฟื่องอาจจะเข้าใจผิด จนน้อยใจ วิ่งหนีออกมา"
"โธ่ กูกอดมึงด้วยความรักฉันท์น้อง ไม่มีอย่างอื่น"
"แต่พี่เฟื่องอาจจะเข้าใจผิด ไม่อย่างนั้นคงไม่วิ่งหนีไป" แฟงว่า
แฟงตาแดง เหมือนจะร้องไห้ มั่นใจว่า เฟื่องต้องเห็นภาพที่ตัวเองกอดอยู่กับทัพ
"บอกพี่เฟื่องด้วยว่าอภัยฉันด้วย ฉันเป็นต้นเรื่อง ฉันเองที่ทำให้พี่เฟื่องถูกจับตัวไป"
แฟงปล่อยโฮ ทัพเห็นแล้วก็เข้ามาใกล้
"กูจะไม่รับฝากคำขออภัยของมึง"
แฟงมองทัพ น้ำตาคลอ
"แต่กูจะพาเฟื่องกลับมา ให้มึงบอกทุกอย่างกับเฟื่องเอง"
"พาพี่เฟื่องกลับมานะพี่ทัพ พาพี่เฟื่องกับจวงกลับมา"
ทัพยิ้มมั่นใจ
"กูจะพาเฟื่องกับจวงกลับมาให้ได้ ถ้ามึงไม่เห็นเฟื่องกับจวง ก็ขอให้รู้ว่า ไอ้ทัพคนนี้สิ้นวาสนาเสียแล้ว"
ทัพพูดจบก็โดดขึ้นอ้ายเลา แฟงมองตาม สายตามีแต่ความหวัง ทัพดึงอ้ายเลาไปกระซิบที่ข้างหู
"ไปเถอะอ้ายเลา"
อ้ายเลาผงกหัวแล้วพุ่งทะยานออกไปทันที
แฟงมองเห็นทัพที่ควบอ้ายเลาห่างออกไปไกลก็มองด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
ชายชุดดำควบม้า มีเฟื่องกับจวงพาดอยู่บนหลังม้ามุ่งไปสะแกโทรมอย่างรวดเร็ว
ทัพที่ห้ออ้ายเลามาอย่างเร็ว ไม่ได้หยุดพัก ฝ่ายแฟงกอดเข่ามองบนฟ้าที่มืดมิด น้ำตาคลอ เมื่อนึกถึงพี่สาวที่ถูกจับตัวไป
สไบก้าวมานั่งใกล้
"พี่ทัพต้องช่วยพี่เฟื่องกลับมาได้"
"ฉันจะมองหน้าพี่เฟื่องยังไง"
"แฟง"
สไบเอื้อมมือไปแตะมือแฟง อย่างไม่รู้เรื่องตื้นลึกหนาบาง แฟงมองเพื่อนน้ำตาร่วง
"ฉันทำให้พี่เฟื่องเข้าใจผิด เรื่องฉันกับพี่ทัพ"
"พี่เฟื่องไม่โกรธแฟงหรอก"
"ฉันรู้ พี่สไบ ฉันถึงยิ่งอายแก่ใจ พี่เฟื่องรักฉันให้อภัยฉันไม่ว่าจะผิดแค่ไหน พี่เฟื่องไม่เคยดุด่าซ้ำเติม มีแต่ความรักความเป็นห่วง แต่ฉัน" เฟืองสะอื้น "ฉันทำให้พี่เฟื่องกับจวงถูกจับไป เพราะฉันคนเดียว"
แฟงร้องไห้ สไบเข้ากอด แฟงหยุดร้องไม่ได้
"ถ้าพี่เฟื่องกับจวงเป็นอะไรแม้ปลายเล็บ ฉันจะไม่ขอมีชีวิตอยู่อีกแล้ว"
สไบกอดปลอบแฟงด้วยความสงสาร แฟงที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจที่สุด
ตะวันตรงหัว แดดร้อนแรงสาดส่องไปทั่ว ทัพเหงื่อเต็มร่าง เต็มหน้า ควบอ้ายเลาบุกป่าฝ่าดง ตามหาเฟื่อง
ฟัก เคลิ้มที่ซุ่มลาดตระเวนอยู่ ช่วงมองไปบนยอดไม้ เอิบกำลังปีนมองไกล อีกด้านหนึ่งเห็นกองทหารอังวะกำลังลาดตระเวน ไพร่พลมากมายยาวเต็มทุ่ง
เอิบตกใจแทบสิ้นเรี่ยวแรง หงายหลังตกลงมา ทับลงบนหมู่เคลิ้ม
"โอ๊ย ไอ้เอิบ กูคนนะโว๊ย ไม่ใช่ กระดาน โดดลงมาทับทำไม"
ช่วงเข้าไปช่วยดึงเอิบ เอิบระล่ำระลัก ปากคอสั่น
"มันมาแล้ว"
"ใคร" ช่วงถาม
เอิบบอก
"ทหารอังวะ พวกมันมาถึงนี่กันแล้ว"
"พวกมันมากี่คน" ฟักถาม
"ไม่รู้กี่คน" เอิบบอก
"วะ ... เดี๋ยวกูเตะ" เคลิ้มบอก
"ไม่รู้กี่คนจริงๆ พี่เคลิ้ม ข้านับไม่หวัดไม่ไหว มันมากสุดลูกหูลูกตาเลย"
ทุกคนได้ยินเอิบแล้วสีหน้าตกใจ
ในเวลาต่อมา ขบวนอพยพกำลังขนของขึ้นเกวียน สไบพานางเฟี้ยม นางจันทร์ขึ้นเกวียนไป แฟงแบกห่อสัมภาระ ของแห้ง ขึ้นหลังเกวียน
ดอกรักช่วยกำนันพัน ผู้ใหญ่แสงเตรียมชาวบ้านคุ้มกันขบวนอพยพ ฟักอยู่บนหลังม้า นำหัวขบวน
"เราจะไปจิกโพรง"
"ทางมันอ้อม ทำไมไม่หนีไปทุ่งสมิง"
ทุกคนมองฟักที่เป็นผู้นำอย่างกังวลใจเรื่องเส้นทาง
"พี่ทัพสั่งไว้ ทุ่งสมิงทางลัดสะดวกก็จริงแต่โจรชุกชุม คนเราก็มากคนเฒ่าคนแก่ก็เยอะ ถ้าเจอพวกโจรกลางทางเราคงเสียทีมัน"
"แล้วทางไปจิกโพรงละ" กำนันพันถาม
"ไปทางจิกโพรงลำบากกว่า ป่ารก แต่ไม่มีทั้งโจรทั้งข้าศึก" ฟักบอก
ผู้ใหญ่แสง
"รีบไปกันเถิด พวกเราเห็นดีด้วย ให้พ่อฟักนำไปเลย"
ฟักมองชาวบ้านทุกคนที่เห็นด้ว ทุกคนพากันขึ้นเกวียน
"หมู่เคลิ้มกับพวก รอเราที่ชายป่าแล้ว เร่งไปกันเถอะ"
แฟงโดดขึ้นท้ายเกวียน ฟักควบม้าเหยาะนำไป
ขบวนเกวียนค่อยๆออกจากลานหน้าบ้าน แฟงมองขบวนเกวียนที่เคลื่อนออกไป แล้วยกมือขึ้นเหนือหัว
"ขอคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองพวกเราด้วยเถิด"
แฟงเสียงสั่นเครือ มองภาพเรือนกำนันพันที่เคยคุ้มภัย นึกถึงพี่สาว
"ให้พี่ทัพตามพี่เฟื่องกับจวงมาเจอเราให้จงได้"
แฟงแววตาเต็มไปด้วยความหวังสูงสุด
"ขอให้พวกเรารอดพ้นศึกใหญ่ครั้งนี้ ได้กลับบ้านอยู่กันพร้อมหน้าตาพร้อมตา..อีกครั้งเถอะ"
แววตาแฟงมีแต่ความหวัง มองเรือน น้ำตาที่อาบแก้ม
ตอนกลางคืน ทัพหยุดมองรอยเท้าม้าบนดินหลายรอย
ทัพเดินไปอีก สี่ห้าก้าว ก็เห็นร่องรอยกระบอกไม้ไผ่ที่ถูกตัดใช้ใส่น้ำหลายอันถูกทิ้งไว้บนพื้นอย่างเร่งรีบ
"เราตามมันมาถูกแล้วล่ะ อ้ายเลา"
แสงไฟจากไต้วับแวมรอบๆที่พักกองเกวียนคาราวาน ณ หมู่บ้านสะแกโทรมที่กำลังจะอพยพเข้ากรุงศรีอยุธยา
กระท่อมถูกทิ้งร้าง ร่างเฟื่องกับจวงถูกพาลงมานั่งตรงหน้า
เฟื่องกับจวงถูกมัดมือ ปิดตา ปิดปาก ชายฉกรรจ์ 2 คนเข้ามาแกะผ้าปิดตา ปิดปากออก
เฟื่องกับจวงมอง เห็นสังข์ยืนอยู่ตรงหน้า
"ไอ้สังข์"
สังข์มองชายฉกรรจ์ 5 คน คนที่เป็นหัวหน้าเปิดผ้าคลุมหน้าสีดำออก คือลูกน้องคนที่สังข์สั่ง
สังข์หยิบถุงไถ้โยนให้
"เอาไปแบ่งกัน"
ลูกน้องรับแล้วรีบหายกันออกไปทั้งกลุ่ม
"ไอ้ชั่วสังข์ แกจะตามจองเวรพวกเราถึงไหน"
สังข์หันขวับมองจวง
"จวง... ปากแกมันน่านัก"
"เอาเลย ตบเลย ตบฉันให้ตายตรงนี้ ฉันเกลียดแก ไอ้สังข์ชั่ว"
จวงร้องท้า สังข์พุ่งเข้ามาเงื้อมือ ขาบพุ่งเข้ามาคว้ามือสังข์ไว้
"อย่า ไอ้สังข์"
สังข์ถีบขาบกระเด็น เฟื่องมองตกใจ
"มึงเสือกอะไรเรื่องของกู"
"กูต้องเสือก เพรามึงจะตบผู้หญิง"
"ไอ้ขาบ มึงอยากตายนักใช่มั้ย"
"ไอ้สังข์กูนี้เชื่อมึงทุกอย่าง แต่ถ้าถึงกับรังแกผู้หญิงกูทนไม่ไหว นั่นมันน้องไอ้ทัพ"
"ก็เพราะน้องไอ้ทัพไงล่ะ กูถึงจะทำให้สาแก่ใจ"
"มึงชิงชังพี่แล้วมาลงกับน้อง มันไม่ใช่วิสัยผู้ชาย
"ไอ้ขาบ.. มึง"
สังข์ชักดาบ ขาบผงะถอยด้วยความกลัว
"ฟันพวกฉันให้ตายไปด้วยเลยไอ้สังข์ ฉันขอตาย แกจะได้หมดเรื่องก่อกรรมก่อเวรกับพี่ทัพ"
สังข์หันมองเฟื่องที่ร้องท้าขึ้น
ริมน้ำในป่า นอกเขตกระทุ่มด่าน ทัพที่ลงจากอ้ายเลา ม้าคู่ใจ ลูบหัวอย่างเอาใจ
"พักสักเดี๋ยวนะ อ้ายเลาเพื่อนยาก"
ทัพเดินไปริมน้ำ วักน้ำลูบหน้า
เสียงอ้ายเลาร้องขึ้น ทัพหันขวับทันที
อ้ายเลาถูกลูกน้องเสือปิ่น 2 คน กระชากลากออกไป พวกมันมาทั้งหมด 8 คน ทัพพุ่งเข้าไปฟัน ลูกน้องเสือปิ่น 2 คน จนแตกกระเจิง อีก 2 คนเข้ามาช่วยรุมทันที
ทางด้านเฟื่องมองหน้าสังข์ที่ถือดาบด้วยสายตาไม่กลัวเกรง
"ให้ฉันตาย แกจะได้หยุดทำร้ายพี่ทัพ"
"รักกันนักใช่มั้ย"
สังข์ขยับมาทางเฟื่อง ขาบร้องห้าม เข้าขวางทันที
"อย่า ไอ้สังข์"
ขาบจ้องสังข์ สีหน้าไม่กลัวเกรง
"มึงจะปกป้องผู้หญิงของไอ้ทัพไว้เหนือหัวทำไมฮะไอ้ขาบ .. มึงรักนังเฟื่องมาตั้งนาน"
เฟื่องตกใจ มองขาบ คาดไม่ถึง
"นี่เป็นโอกาสของมึงแล้ว ที่จะได้คนรักของไอ้ทัพมาเป็นเมีย" สังข์บอก
เฟื่องตกใจ จวงตื่นกลัวไปด้วย เฟื่องเริ่มหวั่น กลัวขาบจะทำอย่างที่สังข์ยุ
ทัพกำลังสู้กับลูกน้องเสือปิ่น 2 คน ลูกน้องเสือปิ่นสู้ทัพไม่ได้ ล้มลง ทัพรีบวิ่งมาดึงอ้ายเลาที่กำลังตื่นไว้
"ไม่มีอะไร อ้ายเลา ไม่มีอะไร ... พวกมันปล้นเอ็งไปจากข้าไม่ได้"
อ้ายเลาท่าทางสงบลง
ทัพหันกลับมา เจอด้ามดาบของเสือปิ่น โจรร่างสูงใหญ่กระแทกเข้าหน้า
เลือดกระฉูดออกมาจากขมับ ทัพถึงกับร่วงทรุดลงพื้น หมดสติทันที
เฟื่องมองสังข์ และขาบ สังข์ยุอีก
"ดูสิ ข้าอุตส่าห์ให้ลูกน้องไปเอานังเฟื่องมาส่งให้มึงถึงมือ แถวนี้ก็พอมีเรือนว่าง เป็นห้องหอมึงได้"
ขาบมองไล้เฟื่องไปทั้งร่าง
"หรือกลัวว่าไอ้ทัพ มันจะตามมาทวงของรักมันคืน แล้วเอ็งจะสู้มันไม่ได้"
ขาบกำมือแน่น สังข์หัวเราะเยาะยั่วยุโทสะกรุ่นๆของขาบ
"ถึงตอนนั้น ..ไอ้ทัพมันจะชนะเอ็งไปได้ยังไง ในเมื่อเอ็งกุมหัวใจมันอยู่"
ขาบหันมามองเฟื่องเต็มตา เฟื่องเริ่มกลัว
"พี่ขาบ อย่าฟัง อย่าเชื่อไอ้เกลอชั่ว"
"ข้าชั่วเพื่อเอ็งนะไอ้ขาบ"
สังข์ผลักขาบไปตรงหน้าเฟื่อง จวงมองแล้วพยายามช่วยห้าม
"พี่ขาบ อย่านะพี่ อย่ารังแกพี่เฟื่อง"
ขาบมองเฟื่องแล้วกระชากแขนขึ้น สังข์หัวเราะ เฟื่องกรีดร้อง จวงร้องห้าม
"พี่ขาบอย่าไปฟังไอ้สังข์ พี่ขาบอย่าทำพี่เฟื่อง" จวงบอก
สังข์เข้ามาปิดปากจวง
"ไปเลย ไอ้ขาบ สวรรค์รำไรรอเอ็งอยู่ทั้งคืนแล้ว"
ขาบหันมา เฟื่องตัดสินสะบัดแขนแรง หลุดออกจากขาบแล้ววิ่ง แต่ขาบกระชากเฟื่องไว้ทั้งร่าง
สังข์หัวเราะ จวงดิ้นในอ้อมแขนสังข์
"ไปเลย ... เกลอรัก พาเจ้าสาวของเอ็งไปเลย"
"ปล่อยฉัน พี่ขาบ อย่าทำฉัน ปล่อยฉัน"
เฟื่องกรีดร้องดิ้นรน แต่ขาบไม่สนใจ ลากเฟื่องไปจากตรงนั้นอย่างเร็ว สังข์ที่รัดร่างจวงไว้ มองตามหัวเราะ ชอบใจ
ขาบลากเฟื่องขึ้นเรือน พาเข้ามาในเรือนที่ถูกทิ้งร้างไว้ เฟื่องกลัว พยายามจะวิ่งหนี
ขาบพุ่งเข้าไปกอดรัดร่างเฟื่องไว้จากด้านหลัง
"พี่ขาบอย่าทำฉันเลย ฉันขอร้อง ฉันไม่ได้รักพี่"
ขาบยิ่งรัดร่าง เฟื่องดิ้นด้วยความกลัว
สังข์เหวี่ยงจวงลงบนแคร่ในกระท่อมที่สภาพดีกว่า สังข์โถมตัวลงมา
"เป็นของข้าซะเถอะนะ จวง"
จวงยกสองเท้าถีบเข้ากลางอก สังข์กระเด็นหงายหลังกระเด็นติดผนัง จวงวิ่ง สังข์กระชากตัวกลับมา จวงดิ้น กัดแขนสังข์
"โอ๊ย"
สังข์เหวี่ยงจวงกระเด็นไป หัวกระแทกเสา หมดสติ ล้มลงกับพื้น สังข์อุ้มมาวางบนแคร่ สายตาโลมเลียไปทั้งร่างจวง
"เป็นเมียนายกองสังข์ เอ็งจะสบายทั้งชาตินะจวง ไม่ต้องอพยพหนีศึกไปลำบากลำบนในป่า"
สังข์ลูบผมจวง แววตาแสดงความรักออกมา ไม่ได้หื่นกระหายเหมือนที่ทุกคนเคยเห็น
"ข้าจะพาเอ็งไปอยู่กรุงศรี เป็นข้ารับใช้คุณพระนาย อีกหน่อยชีวิตเราจะได้สบาย"
สังข์วาดหวัง มองไปทั่วร่างจวงที่ไม่ได้สติ
อ่านต่อตอนที่ 4