xs
xsm
sm
md
lg

บางระจัน ตอนที่ 2

เผยแพร่:

บางระจัน ตอนที่ 2

ในที่พัก สไบดิ้นรนจากอูจีที่กำลังก้มลงซุกไซร้

"ปล่อย"
อูจีเงยขึ้นมอง ตวาด
"อย่าดิ้น"
สไบได้โอกาส เขวี้ยงหมัดเข้าเบ้าตา อูจีร้อง
"โอ๊ย"
สไบยกขาทั้งสองยันถีบเต็มแรงจนอูจีกระเด็น พอเงยขึ้นจะตาม เจอสไบเอาไหเหล้าที่ตั้งอยู่
ฟาดเข้าหัว จนอูจีหงาย
สไบวิ่งไปจะออกด้านหน้า นึกได้ว่ามีทหาร
สไบมองหา เห็นดาบก็คว้าเอากรีดกระโจมด้านหลัง พุ่งออกไปทันที
อูจีเงยขึ้นมาโงนเงน ร้องสั่งทหาร
"มันหนีไปแล้ว จับมัน"

เฟื่องกับเฟี้ยมโดนทหารลากออกจากบ้าน แฟงวิ่งเข้ามา เฟื่องหันไปเห็นน้องก็ส่ายหน้า ว่าอย่าเข้ามา ขาบออกมาคนหลังสุด
"แฟงหายไปไหน"
เฟื่องรีบหันมาตอบทันที ตะโกนดังอย่างจงใจให้แฟงได้ยิน
"แฟงไม่อยู่ แฟงไปนอนบ้านลุงเปี่ยม"
แฟงชะงัก ได้ยินเสียงเฟื่องตั้งใจตะโกนก็หลบหลังพุ่มไม้มอง
"ปล่อยฉันเถอะ พี่ขาบ เราไม่มีเรื่องผิดใจ อย่าหักหาญกันอย่างนี้"
ขาบมองแล้วเอ่ยบอก สีหน้าขาบเองก็อึดอัดที่ต้องทำ
"พี่ต้องทำนะเฟื่อง นายกองสังข์สั่ง พี่มันผู้น้อย ไม่ทำก็จะเดือดร้อนกันยิ่งกว่านี้ อย่าดิ้นเลย พี่จะไม่ให้เอ็งเจ็บ"
ขาบหันไปสั่งทหารลูกน้อง
ขาบสั่ง "มัดปาก"
ทหารมัดปาก 2 คนแม่ลูกอย่างเร็ว
"ยกโทษให้พี่ด้วยเถิด เฟื่อง"
ขาบเอาเฟื่องขึ้นม้า นางเฟี้ยมถูกพาขึ้นม้าของทหารอีกคน ขาบควบม้าออกไปกับทหารอย่างเร็ว
เฟื่องที่อยู่บนหลังม้า เหลียวมามองน้องด้วยสายตาฝากความหวัง
แฟงที่ยืนหลบมองในความมืด
"พี่เฟื่อง...แม่... ไม่ต้องกลัว พวกมันเอาตัวแม่กับพี่เฟื่องไปได้ไม่เกินทุ่งคำหยาด"
แฟงหันหลังวิ่งเร็วออกไปทันที เพื่อไปตามทัพกับฟักพี่ชายมาช่วย

สไบถือดาบวิ่งเร็วฝ่าความมืดข้ามา ด้านหลังทหารอังวะไล่ตามเธอมา สไบตัดสินใจเลี้ยวหลบไปทางที่มืดสนิทเพื่อพรางตัว สไบวิ่งเร็วขึ้นๆ จนมองไม่เห็นทหารตามหลัง ก็หยุดมองเห็นเป็นที่เลี้ยงม้าด้านหลังค่าย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งโผล่มาขวาง เธอตกใจ ... เชลยไทยหลายคนที่ถูกมัดมือ รวมกลุ่มกันอยู่
เชลยคนหนึ่งท่าทางอ่อนล้า แต่แววตาเด็ดเดี่ยว เนื้อตัวมีแต่รอยเลือดและรอยแผลถูกฟัน
เชลย 1 ถามสไบ
"หนีทหารมาหรือ"
"ใช่ พวกมันปล้นบ้านฉัน จับฉันมา"
สไบเอาดาบตัดเชือกให้เชลย ทุกคนดีใจ
"หนีเร็วพี่"
"พี่ขอดาบเจ้าเถิด"
สไบมองงง ชายชาวบ้านท่าทางเด็ดเดี่ยวเอ่ยบอก
"ทัพอังวะปล้น ฆ่า เผาหมู่บ้านพี่จนราบ ขอดาบที่เจ้าถือ เอาไปฟันพวกมันให้หายแค้น หนีไป ถึงรอดก็คงตายตาไม่หลับ"
"พวกมันมีหลายคน"
"ดีสิ น้องสาว เรามีน้อยแต่ทำให้พวกมันตายได้มากกว่า ก็ไม่เสียชาติเกิด"
เชลย 2 บอก
"น้องสาวรีบหนีไป ลัดป่าขึ้นไปทางเหนือ อย่าเลาะลงไปตามน้ำ พวกมันจะจับได้"
สไบมอง เชลยทั้ง 5 สีหน้าตัดสินใจแล้ว สไบยื่นดาบให้
"ฝากพี่ชำระแค้นแทนพ่อแม่พี่น้องไทยที่ถูกเข่นฆ่า ฉันจะกลับไปบอกพ่อว่าทหารอังวะมีมากมายสุดลูกหูลูกตา เราต้องรวบรวมคน ไล่มันออกไป"
เชลย 1รับดาบมา
เสียงทหารอังวะ ดังมา เชลย 1 เร่งสไบ
"รีบไป"
สไบวิ่งถอยออกมา หลบมอง เชลยชายชาวบ้านทั้งหมดหลบเข้าไป พอทหารอังวะวิ่งมา
เชลย 1 ใช้ดาบพุ่งเข้าฟัน จนทหารอังวะคอขาดกระเด็น
เชลยที่เหลือพุ่งออกมาเข้าถีบเตะต่อย แย่งดาบ ฟัน ทหารอังวะ
สไบมองเห็นเชลยชาย 2 ที่ถูกทหารอังวะ 2 คน รุมฟันจนล้มลง ชายชาวบ้านที่เหลือเข้าช่วย
สไบตัดสินใจวิ่งไปจากตรงนั้นอย่างเร็ว

ทหารอังวะตายไป 8 เหลือแค่ 2 คนที่ไล่ตามหลังสไบไวไวในความมืด
แฟงที่วิ่งลัดเลาะตัดทุ่งมาอย่างเร็ว เพื่อมาหาฟัก ความมืดทำให้แฟงสะดุดล้ม แฟงเงยมองเหนือกิ่งไม้ เห็นหลังคาโบสถ์เก่า

"พี่ฟัก พี่ทัพ"
แฟงจะลุกขึ้น เห็นเงาดำของชายฉกรรจ์ ร่างกายกำยำล้อมเข้ามารอบตัว แฟงตกใจ

สไบวิ่งเร็วเข้ามาจนมองเห็นแม่น้ำ ทหารอังวะ 1 คนตามมาดักหน้า ทหารบีบเข้าหาสไบ ชักดาบในมือ หน้าตาเหี้ยมเกรียม
ทหาร1บอก
"ฆ่า มัน"
ทหาร 2 บอก
"เสียดาย"
"ฟันขา จะได้ไม่วิ่งหนีอีก" ทหาร 1 บอก
ทหารทั้งสองย่างเข้าหา
สไบฟังภาษาอังวะไม่ออก แต่เห็นจากสีหน้ากับดาบในมือทหารอังวะก็รู้ว่าคงจะไม่ปรานี สไบจะพุ่งหนี แต่ทหารกระชากตัวได้ ผลักลงไป อีกคนเงื้อดาบจะแทงลงที่ขาสไบ
จังหวะนั้น พรานใจโผล่เข้ามา โดดสูงฟันศอกลงกลางกระหม่อมทหาร 1 สไบคลานหนี ทหาร 2 จับสไบล็อกคอเป็นตัวประกัน
สไบพอเห็นพรานใจก็บอก
"พี่ใจ หนีไป"
พรานใจไม่ถอย เดินเข้าหา จ้องหน้า ทหารอังวะเห็นพรานใจท่าทางเอาจริง ก็รัดคอสไบแน่น
กำลังจะกดดาบ พรานใจวัดใจ พุ่งเข้าหา ทหารตกใจที่พรานใจกล้าพุ่งมา
ทหารจะฟัน พรานใจคว้ามีดสั้นข้างตัวปาออกไป มีดสั้นนั้นผ่านหน้าสไบเฉียดฉิว พุ่งเข้าปักคอทหารล้มลงขาดใจตาย
สไบที่ทั้งตกใจ ล้มร่วงลงกับพื้น
"พี่ใจ ..ช่วย .. ฉันอีกแล้ว"
สไบเห็นพรานใจเลือนรางแล้วดับวูบไป พรานใจเข้ามาช้อนร่างที่หมดสติได้ทัน
"สไบ สไบ"
พรานใจประคองกอดร่างสไบที่หมดสติไว้ด้วยความเป็นห่วง

แฟงตัวสั่นมองเงากลุ่มชายฉกรรจ์ที่เข้ามาใกล้ เธอควานมือหาบนพื้น กำหินก้อนใหญ่ไว้ในมือ
แฟงเอาหินทุบไปข้างหน้าสุดแรง โดนหัวเอิบ
"โอ๊ย"
แฟงได้ยินเสียงเป็นคนไทย มองเห็นหน้าเอิบชัดๆ หมู่เคลิ้มกับพวกเข้ามาดู
"ผู้หญิงบ้านไหน"
แฟงรีบลุกขึ้นยืนประจันหน้าทุกคน
"ฉันแฟง น้องพี่ฟัก"
"เอ้า คนกันเอง"ช่วงบอก
"กันเอง แต่เล่นซะหัวปูด .. มือหนักจริง น้องสาว" เอิบบอก
"แห่กันมาเงียบๆ ฉันจะรู้ได้ยังไง ว่ามาดีมาร้าย"
"โห...มือว่าหนักแล้ว ปากยังกล้าดี"
แฟงมองไปที่หมู่เคลิ้ม
"ฉันมาหาพี่ฟัก มีเรื่องด่วน พี่ฟักอยู่ในโบสถ์ใช่มั้ย"
"ฟักไม่ได้อยู่ในโบสถ์" เคลิ้มบอก
"พวกพี่อย่ามาโกหก พี่ฟักบอกฉันว่าซ่อนอยู่ที่นี่กับพี่ทัพ ถ้าพวกพี่ไม่เชื่อใจ คิดว่าฉันเป็นพวกหลวงอย่างไอ้ขาบไอ้สังข์ ก็รีบเอาตัวฉันไปสาบานต่อหน้าพระ แล้วปล่อยตัวฉัน ฉันต้องเจอพี่ฟักตอนนี้"
ผู้ชายทุกคนเงียบอึ้ง ได้แต่ฟังแฟงที่พูดเร็ว ไม่ยอมมีช่องว่างให้ใครจะเถียงได้
"พูดเร็วยิ่งกว่าพายุเสียอีก" เอิบบอก
"เปิดทางให้ฉันเข้าไป"
"ใจเย็นก่อนน้องสาว ฟังพี่"
"ฉันยืนฟังมานานแล้ว พวกพี่ก็เหมือนกัน จะขวางไว้ทำไม ฉันบอกว่า ฉันมาหาพี่ฟัก"
"ไอ้ฟักไม่ได้อยู่ที่นี่" เคลิ้มบอก
"แล้วอยู่ที่ไหน พวกพี่อย่ามาอมพะนำ ธุระของฉันสำคัญ ถึงคอขาดบาดตาย"
แฟงสีหน้าโมโห ดุเอาเรื่องเมื่อยังไม่ได้เจอพี่ชายสักที

ทัพหยุดม้าลงหน้าเรือน ฟักดึงให้หยุดตาม แล้วมองเห็นหม้อไหที่ตกแตกกระจายหน้าบ้าน ก็สังหรณ์ใจ
สองคนลงจากม้า วิ่งมาดูในบ้าน เห็นสภาพบ้านที่ข้าวของล้มระเนระนาด ไม่มีคน
"แม่ข้ากับจวง"
ทัพหันมาฟักที่สีหน้าไม่ดี
"แล้วแม่กับน้องข้าละ"

สองคนสีหน้าเครียด
ขบวนกวาดต้อนคนไทยจำนวนหนึ่งราว 50 คนเข้ากรุงเพื่อไปเป็นไพร่รบกับทหารอังวะ และเป็นกำบังให้กรุงศรี
 
สังข์กับขาบอยู่บนม้านำขบวน ด้านหลังคือเกวียนเทียมวัวที่มีเฟื่องและจวง พร้อมแม่ของทั้งคนคือจันทร์กับเฟี้ยมนั่งกันคอพับคออ่อน ทุกคนถูกมัดมือไว้แน่นหนา
ถัดไปคือขบวนเกวียนของชาวบ้าน มีทหารคอยขนาบข้างราว 20 คน คุมเป็นแนวยาวไปทั้งขบวน
สังข์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คอยหันไปมองในเกวียน จวงที่นั่งด้านหน้ากับเฟื่อง มองกลับมายังสังข์กับขาบด้วยสายตาเกลียดชัง แต่สังข์ไม่สนใจ ตรงขามกับขาบที่สีหน้ากังวล
"ไอ้ทัพต้องตามเรามาแน่ๆ" ขาบว่า
"ต่อให้ติดปีก ก็ตามไม่ทันหรอก กว่ามันจะรู้ตัว พวกเราก็เลยบ้านพรานไปแล้ว"
สังข์ตอบด้วยความมั่นใจเต็มที่ หันไปมองเกวียนที่มีเฟื่องกับจวงด้วยความลำพองใจว่าตัวเองเอาคืนทัพได้อย่างสาสม

ทัพวิ่งเข้ามาในโบสถ์ ฟักตามหลัง เห็นหมู่เคลิ้มกับพวกที่ยืนบ้าง นั่งบ้างอย่างเป็นห่วง รออยู่
ทัพรีบเข้าไปหาพระเที่ยงที่อยู่ด้านหน้าพระประธาน
"แม่กับจวงหายไป...หลวงพ่อ"
"พวกมันเหมือนหมาลอบกัด"
ทัพหันไป มองเห็นแฟงก้าวออกมาจากกลุ่มหมู่เคลิ้ม
"แฟง"
" เอ็งไม่ได้ถูกพวกมันจับไปด้วย"
แฟงก้าวเข้ามาหาทัพกับฟัก
"ฉันเห็นตอนไอ้ขาบมันเข้าบุกเข้ามาจับพี่เฟื่องกับแม่ ฉันจะไปช่วยแต่พี่เฟื่องยอมโดนจับไปคนเดียว ทิ้งให้ฉันมาบอกพวกพี่"
"ข้าจะไปตามพวกเรากลับมา"
ทัพกำลังจะออกไป หมู่เคลิ้มถามขึ้น
"แล้วที่เราจะไปกระทุ่มด่านล่ะ พี่ทัพ"
ทัพนิ่งอั้นไป มองเห็นสายตาทุกคนที่เตรียมการไว้แล้ว
"พวกไอ้สังข์ ไอ้ขาบมันลงไปกรุงศรี แต่เราจะขึ้นเหนือ" ช่วงว่า
แฟงมองทัพที่กำลังตัดสินใจ
"พี่ทัพ พี่เฟื่องรอพี่ไปช่วยอยู่นะ"
ทัพยังไม่ทันตอบ เฟื่องตะบึงตะบอน คิดไปเองว่าทัพจะไม่ช่วยพี่สาว
"ทำไมถึงไม่บอกว่าจะไปช่วยพี่เฟื่อง ทำไมต้องคิดล่ะ พี่ทัพ พี่เฟื่องเค้ารอให้พี่ไปช่วยอยู่ทุกนาที หรือพี่กลัวคมดาบไอ้สังข์ ไอ้ขาบ ถึงไม่ตัดสินใจ"
"แฟง ฟังก่อน"
"ไม่ฟังแล้ว รู้หรือเปล่าฉันมุ่งมาหาพี่ หวังว่าพี่จะมุ่งไปช่วยพี่สาวกับแม่ฉัน ไม่ใช่มายืนคิดลังเล เสียแรง ฉันรอพี่มา พี่ฟักก็เหมือนกัน ..จะมัวยืนบื้อใบ้รอให้คนเก่งแต่ปากอย่างพี่ทัพนำอยู่ได้ ฉันไปช่วยพี่เฟื่องเอง ... ฉันไปเอง"
แฟงวิ่งเร็วพรวดพราดออกไปด้วยความน้อยใจ ฟักมองทัพ
"ฉันไปคุยกับนังแฟงเอง" ฟักบอก
"ไม่ต้อง เด็กอย่างนังแฟงมันต้องโดนข้ากำราบ"
ทัพวิ่งตามออกไปอย่างเร็ว ฟักกับทุกคนมองอย่างไม่รู้จะออกหัวออกก้อย

แฟงวิ่งเร็วออกมายังด้านนอกโบสถ์เก่า ทัพตามมาด้านหลัง
"แฟง หยุด"
แฟงไม่ยอมวิ่งเร็วขึ้น ทัพวิ่งตามมากระชากแขน แฟงไม่ยอม ดิ้น ทัพรวบตัวไว้ แฟงกัดแขน ทัพเจ็บแต่ทน
"พอใจเอ็งหรือยัง"
แฟงสะบัดตัวออกห่างทัพที่มองด้วยสายตาเข้มๆ
"ยังไม่สาแก่ฉันสักนิด"
"งั้นเอ็งก็เอาดาบฟันข้าซะ จะได้ไม่ต้องมีคนไปช่วยเฟื่องกับจวง"
"พี่อย่ามาท้าฉัน"
"ข้าไม่ได้ท้า แฟง ข้าต้องไปช่วยอยู่แล้ว แต่ความใจร้อน เจ้าแง่แสนงอนของเอ็ง จะทำให้ทุกอย่างพัง"
"พังยังไง ฉันสู้วิ่งบุกป่าฝ่าดงมาบอก แทนที่จะเห็นพี่ควบอ้ายเลาออกไป พี่กลับมาคิดว่าจะไปกระทุ่มด่านหรือจะไปช่วยพี่แฟง ทุกเวลาที่พี่หยุดคิด มันหมายถึงชีวิตพี่เฟื่อง จวงกับแม่ของเรา"
"แล้วเอ็งรู้หรือไม่ เวลาที่หยุดคิด ข้าคิดถึงชีวิตใครอีกบ้าง"
ทัพมองจ้องแฟงที่เถียงไม่ออก
"ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงเฟื่อง จวง กับแม่ทั้งสอง สำหรับพี่ เสียเฟื่องก็เหมือนเสียชีวิต"
แฟงมองทัพที่เอ่ยออกมาด้วยแววตาจริงจัง ตรงกับคำที่พูด
"แต่พี่กับหมู่เคลิ้ม แล้วก็สมัครพรรคพวกทุกคนที่เอ็งเห็น วางแผนไว้แล้วพวกว่า เราจะไปกระทุ่มด่าน ระหว่างทาง เจอค่ายทหารอังวะที่ใด เราจะปล้นค่ายศัตรู ฆ่าพวกมันตัดกำลังให้สิ้น ทางไปกรุงศรีกับกระทุ่มด่านมันคนละทาง"
ทัพมองแฟง อธิบายด้วยเสียงเข้ม จริงจัง อย่างคนเป็นผู้ใหญ่กว่า
"เฟื่องเป็นหัวใจของพี่ แต่พวกหมู่เคลิ้มก็เป็นมิตรที่จะร่วมเป็นร่วมตายกัน จะไม่ให้พี่หยุดคิดสักนาทีเลยหรือ ว่าควรทำยังไงถึงจะรักษายอดดวงใจไว้ได้ แล้วก็ไม่เสียมวลมิตรไปด้วย"
"รีบคิดเถอะพี่ทัพ ฉันกลัวเราจะตามไอ้สังข์ ไอ้ขาบไม่ทัน"
แฟงเสียงอ่อนลงอย่างเข้าใจ ทัพนิ่งคิดแล้วมองแฟง
"แฟง เอ็งต้องทำตามที่พี่บอก อย่าเพิ่งขัดขืน อย่าเพิ่งคิดว่าพี่ไม่รักไม่ห่วงเฟื่อง ขอให้รู้ หัวใจพี่อยู่กับเฟื่องทุกเวลา เอ็งต้องไปกับฟักกับพวกหมู่เคลิ้ม ไปรอพี่ที่กระทุ่มด่าน พี่จะไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังว่าเอ็งจะไม่ปลอดภัย พี่สาบาน พี่จะเอาตัวเฟื่องกับจวงและแม่ของพวกเรากลับมาให้ได้"

ทัพสีหน้าแน่วแน่ จนแฟงต้องยอมอ่อนลง เชื่อฟัง
ขบวนของสังข์และขาบเดินทางเป็นขบวนยาว ในเกวียน เฟื่องกับจวงมองกัน นางเฟี้ยมกับนางจันทร์นอนพิง เกวียนเทียมวัวที่ขโยกเขยก หญิงชราสองคนท่าทางอ่อนล้า

เฟื่องหันไปปรึกษากับจวง
"ถ้าเราถ่วงเวลาพวกมัน พี่ทัพต้องตามมาทัน" เฟื่องว่า
"รีบเถอะ พี่เฟื่อง แม่อาการไม่ดีเลย" จวงว่า
เฟื่องทำท่าคิด ก่อนจะยื่นหน้าไปตะโกน
"พี่ขาบ"
ขาบหันมามองทันที สังข์มองตาม ขาบดึงม้ามาที่ข้างเกวียน
"มีอะไร เฟื่อง"
"นี่จะเดินทางไม่พักกันเลยหรือ แม่ฉันหิวหมากเหลือเกินแล้ว"
ขาบมองไป สังข์ดึงม้ามาอีกด้าน
"มีอะไร"
จวงโผล่หน้ามา สังข์มอง
"แม่ฉันไอไม่หยุด คงสะเทือนเพราะเดินทางตั้งแต่ยังไม่สว่าง"
ขาบมองสังข์ ไม่กล้าตัดสินใจเอง
"พักสักหน่อยมั้ยนายกอง จากนี้ไป ทางก็ไม่ลำบาก คงถึงกองด่านตามที่กะไว้"
สังข์มองจวง จวงแสร้งทำหน้าเศร้าๆ
"สงสารแม่ฉันเถิด แกกำลังเป็นไข้"
"พักกินน้ำกินท่ากันก่อน" สังข์บอก
ขาบตะโกนบอกทหาร
"พัก"
ทหารหยุดม้า กองเกวียนหยุด เฟื่องทำพูดขึ้น
"นี่คงจะมัดมือฉันจนถึงกรุงศรี"
สังข์หันไปสั่งขาบ
"แก้มัด"
ขาบท่าทีลังเล สังข์พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"คิดจะหนี ก็ไปไม่เกินทุ่งนี้หรอก เจอทัพอังวะจับไป สวยๆอย่างนี้คงพาไปไม่ถึงค่ายใหญ่ เห็นมานักต่อนัก นอนเป็นผีริมป่า เสื้อผ้าถูกฉีกทึ้ง ไม่มีติดตัวสักชิ้น"
สังข์ขู่ทั้งรอยยิ้ม เฟื่องกับจวงฟังแล้วกลัว
ขาบเอามีดตัดเชือกให้ เฟื่องกับจวงรีบเข้าไปประคองแม่
ขาบดึงม้ามาใกล้สังข์
"ฉันจะเฝ้าไว้"
"อย่าให้หลุดมือไปได้ ข้าล่ะอยากจะกอดนังจวงนัก กอดแน่นๆให้ไอ้ทัพ เพื่อนรักข้ามันกระอักเลือด"
ขาบกับสังข์มองไป เฟื่องกับจวงหันมาเห็นสายตาสองคนก็รีบหลบตาด้วยความกลัว

ที่โบสถ์เก่า ทัพถือดาบยืนอยู่หน้าชายฉกรรจ์ทั้งหมด พระเที่ยงมองอยู่ด้านหน้าพระประธาน
ด้านหลังคือแฟงที่มองทัพด้วยสีหน้าชื่นชมในความองอาจ
"พี่น้องทุกคนจงฟัง ข้าชื่อไอ้ทัพ คนบ้านคำหยาด"
ทุกคนสีหน้าเห็น ทัพกวาดตามองทุกคนด้วยความฮึกเหิม
"ตอนนี้ เราก็ได้ชื่อว่าเป็นหัวอกอันหนึ่งอันเดียว และจะร่วมทำการกันต่อไป พวกเอ็งเลือกข้าเป็นหัวหน้า ข้าก็จะขอร่วมตายทุกมื้อ แผลเดียวของน้องข้าคนหนึ่งคนใดที่ถูกฟันจากมืออื่น แผลนั้นจะเสมือนเป็นแผลข้าถูกฟันเหมือนกัน"
ฟัก เคลิ้มและทุกคนมองทัพด้วยสายตานับถือ
"ฟังเถอะน้องข้าทุกคน ข้าขอประกาศว่าเราเป็นกองโจรแต่เดี๋ยวนี้ โจรที่จะหาใส่ปากใส่ท้องชั่วมื้อหนึ่ง โจรที่จะปล้นกองทัพศัตรูที่มารุกรานบ้านเกิด ไม่ใช่โจรที่จะปล้นเพื่อนไทยด้วยกันเอง เมื่อใครไม่เห็นงาม เมื่อน้องข้าคนหนึ่งคนใดไม่เห็นชอบ หรือว่าน้องคนไรยังไม่เชื่อฝีมือ ก็ฟันข้าเสียเถอะ"
ทัพเอ่ยให้ทุกคนทบทวน ฟักพูดขึ้นคนแรก
"ข้าเชื่อ ข้าจะขอตามพี่ทัพไปตายทุกแห่ง"
ทุกคนบอก
"ข้าจะขอตามพี่ทัพไปตายทุกแห่ง"

ทุกคนชูดาบพูดขึ้น ร้องเสียงก้องดัง ทัพยิ้ม มองทุกคนอย่างเพื่อนตาย พระเที่ยงมองด้วยสายตาสงบ อย่างเป็นกำลังใจ แฟงยิ้มหน้าชื่น มองทัพด้วยสายตาศรัทธาเชื่อมั่นจากใจทั้งหมด
 
อ่านต่อหน้า 2
บางระจัน ตอนที่ 2 (ต่อ)

ขบวนเกวียนชาวบ้านที่พักอยู่ริมทาง เฟื่องกับจวงกำลังดูแลแม่ ขาบเอาหมากพลูที่เจียนแล้ว ยื่นส่งให้เฟื่อง

"รับไปเถอะ น้าเฟี้ยมคงหิวหมากเต็มที ตอนออกมาก็ไม่ได้หยิบอะไรติดตัวมาด้วย"
"จะให้หยิบคว้าอะไร ถูกโจรขู่เข็ญพาตัวมา"
"พี่รู้ว่าเอ็งไม่เต็มใจ แต่อีกไม่นานทัพอังวะก็จะถึงบ้านคำหยาด อยู่ไปก็ตายเปล่า"
"ฉันก็ยังดีใจ ได้ตายกับคนรัก"
เฟื่องมองขาบด้วยสายตาแน่วแน่ในความรักที่มีต่อทัพ จนขาบกำดาบแน่น จวงเห็นไม่ดีก็รีบพูดขึ้น
"พี่ขาบ เราต้องไปอีกไกลแค่ไหน"
ขาบปลดมือจากดาบหันไปมองสังข์ที่เดินเข้ามา
"เหนื่อยนักก็ไปนั่งม้าพี่สิ จวง นั่งสบายๆ มีอกอุ่นๆของพี่ให้พิง"
สังข์กะลิ้มกะเหลี่ยเข้ามา
"ฉันกับพี่เฟื่องเต็มใจนั่งเกวียน"
"คงคิดว่าไอ้ทัพจะมาช่วยไว้ทัน" สังข์บอก
สองสาวเงียบ ไม่ยอมให้สังข์กับขาบล่วงรู้ความในใจ
"ป่านนี้ยังไม่เห็นหัว ... มันจะกล้าตามมาตะลุยกับทหารกรุงศรีก็เอา แล้วอย่าหาว่าพี่ใจร้าย"
เฟื่องบอก
"พี่กับพี่ทัพเป็นเกลอรักกันมา ทำไมถึงต้องมาฟาดฟันกันให้ตายไปข้างด้วยเรื่องผู้หญิงอย่างฉัน"
"เอ็งเข้าใจผิดแล้วเฟื่อง .. ไม่ใช่เรื่องเอ็งที่ทำให้ข้ากับไอ้ทัพผิดใจกัน ผู้หญิงคนเดียวทำให้เพื่อนแตกกันไม่ได้ ไอ้ทัพมันโง่ ไม่ยอมก้มหัวให้กับเจ้านายถึงไม่มีความเจริญก้าวหน้า พี่ชายเอ็งมันต้องเป็นโจรเพราะสัตย์ซื่อเกินไป" สังข์บอก

ทัพขึ้นม้า มองไปที่คนอื่นๆที่เตรียมพร้อมบนหลังม้าแล้ว พระเที่ยงยืนมองจากหน้าโบสถ์ แฟงก็อยู่บนหลังม้าอีกตัว ใกล้ๆฟัก
"แยกกันเดินทาง แล้วข้าจะตามไปสมทบให้เร็วที่สุด ระวังตัวกันให้ดี"
"รีบไปเถอะพี่ทัพ ฉันรู้ว่าพี่ต้องมาทันพวกเรา" เคลิ้มบอก
"พาน้องสาวคนสวยกลับมาให้ได้นะพี่" ช่วงบอก
ทัพยิ้มไม่ถือสาเมื่อเห็นรอยยิ้มขี้เล่นของช่วง หันไปทางฟัก
"ไม่ต้องห่วง ฟัก พี่จะพาเฟื่องกับน้าเฟี้ยมกลับมาหาเอ็ง"
"พี่ทัพน่าจะให้ฉันไปด้วย" ฟักบอก
"เอ็งต้องคอยช่วยหมู่เคลิ้ม เจ้าเอิบ เจ้าช่วง เผื่อเจอทัพอังวะกลางทาง ลำพังไอ้สังข์ ไอ้ขาบ พี่คงไม่ฆ่าให้ตาย .. แต่จะสั่งสอนให้มันรู้ว่า อย่าเอาอำนาจเอายศมากดหัวคนอื่น ดาบของเรามีไว้ฆ่าศัตรู ไม่ใช่หันคมเข้าหาคนไทยด้วยกันเอง"
"จ้ะ พี่ทัพ ... พวกเราจะไปรอพี่ที่กระทุ่มด่าน"
แฟงยิ้มให้ ทัพมองทุกคนที่แววตาเชื่อมั่น ดึงอ้ายเลาแล้วกระตุกเชือก
"ห้อ"

อ้ายเลาม้าคู่ใจพุ่งทะยานออกไป ทุกคนมองเห็นทัพที่ควบอ้ายเลาออกไปอย่างเร็ว แฟงมองตามด้วยสายตาชื่นชมบูชา และฝากความหวังไว้เต็มเปี่ยม
เฟื่องกับจวงมองสังข์กับขาบด้วยสายตาหมิ่น

"พี่ทัพต้องมาช่วยเราจากคนเห็นแก่ตัวอย่างพี่"
"มันมา มันก็ตาย"
"เสียแรงฉันเคยนับถือพี่ คนบ้านคำหยาดเหมือนกัน คนไทยใต้พระบรมโพธิสมภารเหมือนกัน แต่ให้ความโลภมาแบ่งแยกเรา ศัตรูอยู่ถึงหน้าบ้านแล้ว ยังไม่รักไม่สามัคคีกัน ก็เท่ากับว่าพวกเราเองนั่นแหละที่ยกแผ่นดินให้ศัตรู" เฟื่องบอก
สังข์กับขาบนิ่งอั้น สังข์สีหน้าไม่ยอมรับมากกว่า
"ปิดปากของเอ็งให้สนิท เฟื่อง ด้วยบุญญาธิการของพระเจ้าแผ่นดิน กรุงศรีจะไม่มีวันอยู่ใต้ร่มเงาอังวะ ไป เดินทางต่อได้แล้ว"
ขาบกำลังจะสั่งทหาร จวงกับเฟื่องสบตากัน จวงแกล้งทำเป็นตัวงอ
"โอย"
"จวง จวงเป็นอะไร" เฟื่องถาม
"ปวดท้องเหลือเกินพี่เฟื่อง ปวด"
"เอาไงนายกอง รออีกพักมั้ย"
"ไม่รอ ปวดก็ต้องไป"
สังข์ตวาดเสียงแข็งเข้าไปกระชากจวงขึ้นมา เฟื่องไม่ยอม ดึงไว้
"มานั่งกับข้า"
"ฉันจะดูแลจวงเอง" เฟื่องบอก
สังข์ยื้อจวง ชาวบ้านพากันมอง
ขาบเห็นสายตาชาวบ้านที่มองมาอย่างดูแคลนในการกระทำของสังข์ที่ยื้อยุดผู้หญิง
"นายกอง ปล่อยจวงมันเถอะ จวงมันเป็นผู้หญิงไทยนะ ไม่ใช่พวกอังวะ"
ขาบเอ่ยเตือน สังข์มอง เห็นชาวบ้านที่จ้องพากันหลบไปที่เกวียน ซุบซิบกัน
สังข์จำใจปล่อยมือจวง จวงรีบเข้าไปหาเฟื่อง
"เอ็งสองคนอย่าพี้ริพิไร"
สังข์หันมาสั่งทุกคนด้วยเสียงกราดเกรี้ยว
"เดินทาง"
สังข์กลับไปขึ้นม้า ขาบมองเฟื้องกับจวง
"เงียบๆไว้เถอะ เฟื่อง จวง ไอ้ทัพมันตามมาช่วยพวกเอ็งไม่ได้หรอก ทำใจซะแต่บัดนี้"
"ฉันไม่เชื่อหรอกพี่ขาบ ฉันไม่ใช่พวกขี้กลัว ยอมก้มหัวให้คนบ้าอำนาจเหมือนพี่ พี่ทัพต้องมาช่วยพวกเราออกไป พี่ทัพต้องมา"
เฟื่องแววตาเชื่อมั่นจนขาบหัวเสีย เดินออกไป
จวงกับเฟื่องมองกัน เชื่อมั่นว่า ยังไงทัพก็ต้องมาช่วยออกไปจนได้

ทัพควบอ้ายเลามาในป่าอย่างเร็ว ทะยานไปข้างหน้าเพื่อช่วยคนรัก

ในป่าใกล้ค่ายอังวะ ตอนกลางวัน พรานใจที่นั่งมองสไบอย่างเป็นห่วง จนเธอเพิ่งฟื้นขึ้นมา
"พี่ใจ"
"สไบ เป็นยังบ้าง ถูกจับไปที่นั่นได้ยังไง"
"พวกมันหักหลังเรา ทหารอังวะโกหก มันฆ่าพี่ดอกรัก.. ฉันเกลียดมัน ฉันเกลียดทหารอังวะ"
สไบท่าทางร้อนใจ
"พี่ใจฉันอยากกลับไปที่หมู่บ้าน ฉันห่วงพ่อ"
สไบลุก พรานเจิด พรานจาดเดินถือนกที่ไปยิงมาได้ สไบยกมือไหว้พรานจาด พรานจาดมองดุๆ
"หิวหรือยัง สไบ" เจิดถาม
พรานเจิดเริ่มก่อไฟ สไบมองร้อนใจ
"หิวจ้ะ แต่ฉันต้องกลับบ้าน ฉันห่วงพ่อ ฉันหนีมาจากค่ายทหารอังวะ"
พรานเจิดบอก
"จะกลับไปได้ยังไง ป่านนี้ทหารเต็มหมู่บ้านแล้ว"
"ยังไงฉันก็ขอไปตายกับพ่อ ฉันลาพี่เจิดนะจ้ะ .. ฉันลา พ่อจาด" สไบพูดพลางยกมือไหว้ลา
สไบหันไปทางพรานใจ
"ขอบใจนะพี่ใจ"
"สไบ อย่าไปเลย" พรานใจห้าม
"ฉันจะไม่หนีตายไปคนเดียว มันฆ่าพี่ดอกรักไปคนนึงแล้ว พ่อต้องรอฉัน บุญของฉันที่ได้เจอพวกพี่" สไบน้ำตาคลอ
สไบมองทุกคนแล้ววิ่งออกไป พรานเจิด พรานจาดมองพรานใจ
"จะตามไปใช่มั้ย ยังไงก็ต้องตามไปช่วยทุกครั้ง" พรานเจิดบอก
"พี่เจิด ฉันห่วงสไบ ยังไงหมู่บ้านสไบก็ต้องถูกปล้น ทหารไม่ปล่อยเอาไว้"
พรานจาดมองแล้วเอ่ยเตือนลูกชายคนเล็ก
"มันไม่ใช่หน้าที่ที่เราจะช่วยทุกคนได้ ใจ"
"แต่ฉันขอ คนนี้คนเดียว ขอให้ฉันได้ช่วย สไบ"

พ่อและพี่ชายไม่เห็นด้วยอย่างมาก
หมู่บ้านสามโก้กำลังถูกเผา ผู้ใหญ่กับชาวบ้านถูกทุบตีพาออกมารวมกัน อูจีที่มีแผลตรงหน้าผากเพราะสไบเอาไหเหล้าฟาด

"ผู้หญิงที่หนีออกมาจากค่าย มันอยู่ที่ไหน"
เสียงร้องไห้ดังระงม จากชาวบ้าน
"แกสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายพวกเรา"
"ไม่มีสัญญา ฉันไม่เคยสัญญาอะไรกับพวกแก"
ผู้ใหญ่แสงบอก
"ไอ้สับปลับ พวกแกมันไม่รักษาคำพูด"
อูจีพุ่งเข้ามาเตะ ผู้ใหญ่แสงจนล้มหงายลงไปกับพื้น ชาวบ้านกรีดร้อง
"เผามัน"
ทหารจับตัวผู้ใหญ่แสงไว้ ชาวบ้านจะเข้าไปช่วย ก็โดนถีบออกมาทั้งหมด
"เผามันให้หมด"
สไบวิ่งมา ผู้ใหญ่กำลังถูกมัดรวมกับชาวบ้าน
"พ่อ"
"หนีไป สไบ หนีไป"
"จับมัน"
ทหารพากันสไบถูกทหารลากตัวมา
"มันฆ่าพี่ดอกรัก พ่อ มันฆ่าพี่ดอกรัก"
"ไอ้จัญไร"
อูจีบอก
"เผามัน เผามัน ทั้งพ่อ ..ทั้งลูก"
สไบถูกลากมามัดรวมกับผู้ใหญ ทหารไปจุดคบไฟมาจากกระท่อมที่กำลังไหม้ อูจีแสยะยิ้ม
สไบมองจ้องอูจี แววตาเด็ดเดี่ยวแม้รู้ว่าอาจจะไม่รอดไปได้อีกแล้ว

ทัพขี่ม้ามา เห็นเปลวไฟและควันดำลอยมาจากหมู่บ้านก็รู้ทันที
"ทหารอังวะเผาหมู่บ้าน"
ทัพรีบเร่งทะยานอ้ายเลาไปที่หมู่บ้านอย่างเร็ว
"อ้ายเลา ...ห้อ"

อูจีรับไม้ติดไฟมาจากทหาร กำลังยื่นไปจะโยนใส่สไบกับพ่อ รวมทั้งชาวบ้านที่กำลังโดน
ทหารล้อมอยู่
"ฉันขอสาปแช่ง แกมาปล้น มาทำลายบ้านคนอื่น บ้านแกก็ต้องวายวอด"
อูจีหน้าตาโมโหมาก กำลังจะโยนไฟไปที่สไบ
ทัพทะยานอ้ายเลาเข้ามา ฟันทหารอังวะที่ล้อมชาวบ้านล้มตาย อูจีโยนไฟไปที่สไบ ไม้ติดไฟกำลังจะมาถึงตัวสไบ
ทัพยกดาบ ฟันไม้ติดไฟกระเด็นไปห่างร่างสไบ เธอตกใจ มองทัพอย่างตกตะลึง ทัพฟันทหารที่เข้ามาขวาง สไบกับผู้ใหญ่ และชาวบ้านรีบลุก
"พ่อ หนีไป พาพวกเราหนีไป"
สไบผลักพ่อ ผู้ใหญ่กำลังสับสน
ทหารอังวะคนหนึ่งเข้ามาจะฟันสไบจากด้านหลัง ดาบกำลังจะถึงตัว พรานใจโผล่เข้ามา ปามีดผ่านเฉียดหน้าสไบปักอกทหารด้านหลัง
"พี่ใจ"
พรานใจผลักสไบ
"หนีไป หนีไป สไบ ไป"
พรานใจผลักสไบแล้วหันไปถีบทหารอังวะที่พุ่งเข้ามา
"พี่ใจ"
สไบมองพรานใจ ผู้ใหญ่แสงเห็นโอกาส กระชากมือลูกสาววิ่ง
"ไป...สไบ"
สไบมองพรานใจที่เตะเข้าก้านคอทหารสลบกลางอากาศ
ผู้ใหญ่ สไบ กับชาวบ้านพากันวิ่งหนีเข้าไปทางป่า พรานใจหันมองสไบแวบเดียว แต่พอหันกลับมา เจอทหารอังวะแทงดาบเข้ามา พรานใจหลบ ทหารอีกพวกเข้ารุมล้อม
ทัพฟันทหารรอบตัวจนล้มตายทั้งหมด
"เลือดมึงต้องชดใช้ให้เลือดไทย"
อูจีหน้าตาเหลือกลาน ทัพเงื้อดาบ
สไบวิ่งหนีมากับกลุ่มพ่อและชาวบ้าน ทั้งหมดวิ่งหนีล้มลุกคลุกคลาน สไบมองไปรอบๆ ไม่รู้จะหนีทางไหน พรานจาด พรานเจิดโผล่มา ทุกคนตกใจ
"ทางนี้"
พรานเจิดวิ่งนำไป ผู้ใหญ่กับชาวบ้านมองไม่แน่ใจ สไบรีบบอกทุกคน
"ไปจ้ะ ไป ตามพี่เจิด ลุงจาดไป"
"ทางนี้"

พรานจาดวิ่งนำ ผู้ใหญ่กับชาวบ้านทุกคนวิ่งตามอย่างเร็ว สไบกับพรานเจิดรั้งท้าย
กลางลานหมู่บ้าน พรานใจโดนทหารรุมเข้ามาฟัน พรานใจหลบหลีกว่องไว ทัพเงื้อดาบจะฟัน อูจีชักม้าหลบแผล็ว พ้นคมดาบทัพไปได้อย่างฉิวเฉียด

อูจีดึงม้ามาทางพรานใจ ทหารกำลังจะฟันพรานใจ เขาโดดเตะทหารน็อกกลางอากาศ อูจีบังคับม้าพุ่งเตะเข้าที่พรานใจล้มลง
อูจีเอาดาบปักลงมา พรานใจม้วนตัวหลบแต่ไม่พ้น ดาบแทงลงที่น่องขวา พรานใจดิ้น
อูจีกำลังจะแทงซ้ำ พรานใจมองเห็นดาบที่กำลังจะแทงลงมาที่อก
ทัพพุ่งม้ามาด้านหลัง ฟันคออูจีขาดกระเด็น
พรานใจมองทัพตะลึง ทัพลงจากม้าเข้ามาดึงพรานใจ ที่ขาเลือดไหลจากน่องขึ้นมา
"ถ้าไม่ได้พี่ .. ฉันคงตายเป็นผีอยู่ตรงนี้ ฉันชื่อใจ"
"ข้าชื่อทัพ คนทุ่งคำหยาด"
"ไอ้ใจเป็นหนี้ชีวิตพี่ทัพแล้ว"
"ไม่เป็นไร ใจ เลือดไทยไม่เคยทิ้งกัน"
ทัพมองไปรอบๆหมู่บ้านที่ถูกเผา ไฟยังคุกรุ่นด้วยสายตาหดหู่
"อีกกี่หมู่บ้านที่ต้องถูกปล้น ถูกเผา"
ทัพสีหน้าหดหู่จนพรานใจมองสลด
"รีบไปจากที่นี่ซะ ใจ"
"พี่ทัพจะไปที่ไหน"
"กรุงศรี"
"พี่ทัพเป็นทหาร"
"ข้าไม่ใช่ทหาร ข้าเป็นโจร โจรที่จะเอาชีวิตปกป้องแผ่นดิน"
ทัพโดดขึ้นอ้ายเลา พรานใจมองทัพด้วยสายตาทึ่ง ทัพยิ้มมองพรานใจ
"รีบตามคนรักของเอ็งไป ข้าก็จะไปตามคนรักของข้าเหมือนกัน"
ทัพดึงอ้ายเลาออกไป พรานใจมองตามทัพด้วยสายตาทึ่ง ชื่นชมในความกล้าหาญ แน่วแน่

สไบกับพวกผู้ใหญ่ที่
พรานเจิด พรานจาดวิ่งนำสไบ และพวกผู้ใหญ่ มองไปรอบๆ
"พักตรงนี้ก่อน"
ทุกคนนั่งลง สไบกับพรานเจิดมองไปรอบ
พรานใจวิ่งขโยกเขยกมา เลือดไหลที่แผลน่องขวา สไบมองเห็น
"พี่ใจ"
พรานใจวิ่งมา พอเห็นสไบก็ยิ้มดีใจ ผู้ใหญ่แสงมอง
"พี่ใจจ้ะ พ่อ .. พี่ใจเคยช่วยฉันไว้หลายครั้ง"
สไบมองขาพรานใจเห็นหยดเลือด
"พี่ใจ ขาพี่เป็นอะไร"
พรานใจที่กัดฟันวิ่งมา เซ พรานเจิดเข้ามาประคองน้อง
"ฉันโดนฟัน ...แต่รอดมาได้ เพราะพี่ชายคนนึงชื่อทัพ"

ทัพควบม้าเร็วมา สีหน้าร้อนใจ เพราะห่วงเฟื่องกับแม่ที่ไปไกลแล้ว

ในป่าริมทุ่งนา ขบวนอพยพที่สังข์กับขาบนำ ขบวนเกวียนยาวเลาะตามทุ่งนา ภายในเกวียน นางจันทร์กับนางเฟี้ยมหลับคอพับคออ่อน
เฟื่องกับจวงดูคนแก่ทั้งสอง สีหน้ากังวล
"ทำไมพี่ทัพยังมาไม่ถึง"
"ไม่ต้องห่วงหรอก จวง พี่ทัพต้องมาช่วยเรา"
เฟื่องยังแววตามั่นใจ

ทัพควบอ้ายเลามา อ้ายเลาเหนื่อยจนหยุดวิ่ง ทัพกอดคออ้ายเลา
"อ้ายเลา"
ทัพพยายามกอดปลอบอ้ายเลา
"อีกนิดเดียว ทนอีกนิดเดียว อ้ายเลาเพื่อนยาก .. ข้ารู้ว่าเอ็งเหนื่อย"
อ้ายเลาสะบัด ทัพก้มลงกอด กระซิบข้างๆ ลูบหัวม้า
"ใจข้าก็แทบหมดแรงเหมือนเอ็ง แต่พอคิดถึงหน้าทุกคนที่รอ แม่ข้า น้องสาวข้า น้าเฟี้ยม เฟื่อง.. หญิงที่เป็นหัวใจ"
ทัพกอดอ้ายเลา ปลอบด้วยความรัก
"อ้ายเลาเอ๋ย ... พวกเค้ากำลังรอให้เราไปช่วย อ้ายเลาเพื่อนยาก .... เมตตาข้าด้วยเถิด อ้ายเลา"
อ้ายเลาสะบัดจมูก ทัพมอง อ้ายเลาเหมือนรู้ ยกขาเตรียมพร้อม แล้วทะยานไปข้างหน้าต่อ

ทัพยิ้ม ดีใจที่ไปต่อได้อีกครั้ง
 
อ่านต่อหน้า 3
บางระจัน ตอนที่ 2 (ต่อ)

ในป่าลึก พรานใจนั่งให้พรานเจิดโปะสมุนไพรที่แผล สไบมองอย่างเป็นห่วง พรานจาดกับผู้ใหญ่นั่งอยู่ห่างออกมา บอกจาด

"ฉันซึ้งน้ำใจพี่จาดกับลูกชายสองคนนัก เสียดายแต่หลานชายฉัน ไอ้ดอกรัก มันเตือนแล้วว่าอย่ายอมเป็นขี้ข้าพวกอังวะ พวกมันไม่ได้มีเมตตากับเราจริงๆ"
"แล้วนี่จะพากันไปไหน"
"ฉันได้ยินว่า พวกเราหนีภัยไปรวมกลุ่มกันที่กระทุ่มด่าน"
"ไปถึงกระทุ่มด่าน แล้วทหารกรุงศรีไม่มาตั้งค่ายช่วยเลยหรือ"
"ยังไม่เห็น บ้านเมืองปั่นป่วน ศึกอังวะมาประชิด ทหารกรุงศรีก็ต้องเกณฑ์ไปรบศึกใหญ่ๆ พวกเราชาวบ้านไม่กี่หยิบมือ ก็ต้องดูแลกันเอง"
พรานจาดนิ่งฟัง ผู้ใหญ่ทั้งสองมองไปที่สไบกับใจ
สไบกำลังมองใจที่เจิดพันแผลที่ขาให้เสร็จเรียบร้อย
"พี่ใจเดินไหวมั้ยจ๊ะ"
เจิดยิ้ม
"คงไม่ไหว สไบอุ้มน้องชายพี่ไปหน่อยสิ"
"ให้สไบแบกพี่ใจไปก็ได้ พี่ใจเสี่ยงช่วยชีวิตสไบไว้ทุกครั้ง"
ใจมองสไบอึ้งๆ เจิดหัวเราะ
"พูดแบบนี้ ไอ้ใจมันคงไม่อยากหาย เอ้า...ลุก..ไอ้ใจ อย่าสำออย ..ไปต่อ"
เจ
บางระจัน ตอนที่ 1
บางระจัน ตอนที่ 1
ระหว่างเส้นทางที่มุ่งไปสู่กรุงกรุงอังวะ พระเจ้ามังระทรงว่าราชการ รับสั่งให้เนเมียวสีหบดีกับมังมหานรธา จัดทัพไปปราบกบฏเชียงใหม่และทวาย มีนายทหารหมอบเฝ้าอยู่เต็มท้องพระโรง เมื่อ ปีพุทธศักราช 2308 พระเจ้ามังระ แห่งกรุงอังวะ พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์อลองพญา ปรารถนาจะปราบราชอาณาจักรศรีอยุธยาให้ราบคาบ จึงส่งกองทัพใหญ่รุกเข้าแผ่นดินของคนไทยพร้อมกันถึงสองทาง เพื่อสะดวกแก่การรวบรวมไพร่พลและเสบียงอาหาร ทัพเนเมียวสีหบดีเคลื่อนออกจากกำแพงกรุงอังวะ ทัพเหนือมี เนเมียวสีหบดี เป็นแม่ทัพ นำทัพช้าง 100 ทัพม้า 1,000 ไพร่พลเดินเท้า 20,000 จากกรุงอังวะ เข้าตีหัวเมืองล้านนา ล้านช้าง แล้วยกลงมาเป็นสองทาง ตีตาก กำแพงเพชร ทางหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น