คอลัมน์ BUZZER BEAT โดย MVP
สัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าตลาดผู้เล่นของ บาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เริ่มจะคึกคักขึ้นมา เริ่มจาก ดัลลัส แมเวอริกส์ จัดการเทรด ราจอน รอนโด การ์ดจ่าย บอสตัน เซลติกส์ มาร่วมทัพ สังเวย แบรนแดนไรท์ , เจ โครว์เดอร์ , จาเมียร์ เนลสัน สิทธิ์การดราฟต์ปี 2015 และ 2016 เรียกได้ว่า ขุมกำลังแข็งแกร่งเพียงพอจะท้าชิงแชมป์เลยทีเดียว
หากมอง 5 ตัวจริงตามโผของ ริค คาร์ไลส์ ประกอบด้วย ทายสัน แชนด์เลอร์ เซ็นเตอร์ที่ขึ้นชื่อด้านเกมรับ แชนด์เลอร์ พาร์สัน กับ เดิร์ก โนวิตซ์กี คู่หูฟอร์เวิร์ด ซึ่งมีการชู้ตอันแม่นยำ และ มอนตา เอลลิส การ์ดความคล่องตัวสูง และผลิตสกอร์ระดับ 20-25 แต้มต่อเกม แถมยังได้ ราจอน รอนโด คอยป้อนบอลแก่ซูเปอร์สตาร์เหล่านี้อีกด้วย
ชั่วโมงนี้ “แมฟส์” ถือเป็นทีมที่มีเกมรุกร้อนแรงสุด ค่าเฉลี่ย 109.7 แต้มต่อเกม ยิงฟิลด์โกล 47.9 เปอร์เซ็นต์ เป็นรองเพียง โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส จ่าฝูงสายตะวันตก กอปรกับตำแหน่ง พอยน์ท การ์ด ก็ถือเป็นจุดที่ แมเวอริกส์ กำลังมองหามาตลอด นับตั้งแต่สูญเสียยอดฝีมืออย่าง สตีฟ แนช กับ เจสัน คิดด์ ทางกลับกัน รอนโด ก็ยังมิอาจทาบรัศมีกับรายชื่อที่กล่าวมาเลย
ซีซันที่แล้ว ดัลลัส ประคองตัวเข้าเพลย์ออฟอันดับ 8 โดยมี เอลลิส กับ เดิร์ก เป็นเสาหลัก แต่ก็ทำเอา ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส แชมป์เก่า แทบกระอักเลือดอยู่บ้าง เมื่อต้องดวลกันถึงเกม 7 ตั้งแต่รอบแรก ดังนั้นภาพลักษณ์ค่อนข้างชัดเจนว่า จะมีหรือไม่มี รอนโด ศักยภาพดูจะไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากันเท่าไร ผ่านมาเกินกว่า 1 ใน 4 ของฤดูกาล 2014-15 สถิติออกจะสวยหรู ชนะ 19 แพ้ 8
ถึงแม้ รอนโด ผ่านประสบการณ์คว้าแชมป์กับ เซลติกส์ เมื่อปี 2008 ก็มีลูกพี่ใหญ่อย่าง เควิน การ์เน็ตต์ , พอล เพียร์ซ และ เรย์ อัลเลน เป็นตัวชูโรง พอถึงคราว 3 ว่าที่ตำนานเหล่านั้นแยกย้าย ก็ไม่อาจขึ้นมาแบกทีมชดเชยรุ่นพี่ได้เลย เนื่องจากจุดเด่นอยู่ที่การปั้นเพื่อนร่วมทีมมากกว่าการช่วยปิดสกอร์ จากค่าเฉลี่ย7.3 แต้ม 10.9 แอสซิสต์ ยิงฟิลด์โกล และ 3 คะแนนเพียง 34.9 และ 15.8 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
ปัจจุบัน เดิร์ก อายุอานามล่วงเลยมาถึง 36 ปี ค่าเฉลี่ยการทำคะแนนลดฮวบจาก 21.8 แต้ม (2013-14) เหลือแค่ 18.6 แต้ม แต่ยังดีที่มี พาร์สัน กับ เอลลิส ประคับประคอง ภาพรวมจึงไม่น่าเกลียดเท่าไร กอปรกับคู่แข่งรู้ว่า รอนโด ไม่สามารถผลิตสกอร์เป็นกอบเป็นกำ บางทีก็อาจสังเวยคนที่ต้องประกบมาเล่น “ดับเบิลทีม” ใส่ เอลลิส , เดิร์ก หรือ พาร์สัน ก็อาจจะบ้อท่าได้เหมือนกัน
ตามความเห็นส่วนตัว ถ้าตัดเกรด “แมฟส์” คงได้สัก B+ หากจะติดเพลย์ออฟก็ไม่น่าจะเกิน อันดับ 5 หรือ 6 อย่างที่เราทราบกันดีว่า การช่วงชิงพื้นที่ท็อป 8 ตอนนี้ไม่มีทีมใดผลงานต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เลย หากมองแค่ว่า การคว้า รอนโด เข้ามาเสริมแล้ว อาจไปไกลถึงขั้นลุ้นแชมป์ มันดูง่ายไปหน่อย แต่หากคิดแค่ชื่อชั้น ผู้เล่น “ออล-สตาร์” 3 สมัย และพกแหวนแชมป์ติดตัว 1 วง ก็เป็นธรรมดาที่แฟนๆ จะคาดหวังถึงความสำเร็จ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
สัปดาห์ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าตลาดผู้เล่นของ บาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เริ่มจะคึกคักขึ้นมา เริ่มจาก ดัลลัส แมเวอริกส์ จัดการเทรด ราจอน รอนโด การ์ดจ่าย บอสตัน เซลติกส์ มาร่วมทัพ สังเวย แบรนแดนไรท์ , เจ โครว์เดอร์ , จาเมียร์ เนลสัน สิทธิ์การดราฟต์ปี 2015 และ 2016 เรียกได้ว่า ขุมกำลังแข็งแกร่งเพียงพอจะท้าชิงแชมป์เลยทีเดียว
หากมอง 5 ตัวจริงตามโผของ ริค คาร์ไลส์ ประกอบด้วย ทายสัน แชนด์เลอร์ เซ็นเตอร์ที่ขึ้นชื่อด้านเกมรับ แชนด์เลอร์ พาร์สัน กับ เดิร์ก โนวิตซ์กี คู่หูฟอร์เวิร์ด ซึ่งมีการชู้ตอันแม่นยำ และ มอนตา เอลลิส การ์ดความคล่องตัวสูง และผลิตสกอร์ระดับ 20-25 แต้มต่อเกม แถมยังได้ ราจอน รอนโด คอยป้อนบอลแก่ซูเปอร์สตาร์เหล่านี้อีกด้วย
ชั่วโมงนี้ “แมฟส์” ถือเป็นทีมที่มีเกมรุกร้อนแรงสุด ค่าเฉลี่ย 109.7 แต้มต่อเกม ยิงฟิลด์โกล 47.9 เปอร์เซ็นต์ เป็นรองเพียง โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส จ่าฝูงสายตะวันตก กอปรกับตำแหน่ง พอยน์ท การ์ด ก็ถือเป็นจุดที่ แมเวอริกส์ กำลังมองหามาตลอด นับตั้งแต่สูญเสียยอดฝีมืออย่าง สตีฟ แนช กับ เจสัน คิดด์ ทางกลับกัน รอนโด ก็ยังมิอาจทาบรัศมีกับรายชื่อที่กล่าวมาเลย
ซีซันที่แล้ว ดัลลัส ประคองตัวเข้าเพลย์ออฟอันดับ 8 โดยมี เอลลิส กับ เดิร์ก เป็นเสาหลัก แต่ก็ทำเอา ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส แชมป์เก่า แทบกระอักเลือดอยู่บ้าง เมื่อต้องดวลกันถึงเกม 7 ตั้งแต่รอบแรก ดังนั้นภาพลักษณ์ค่อนข้างชัดเจนว่า จะมีหรือไม่มี รอนโด ศักยภาพดูจะไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากันเท่าไร ผ่านมาเกินกว่า 1 ใน 4 ของฤดูกาล 2014-15 สถิติออกจะสวยหรู ชนะ 19 แพ้ 8
ถึงแม้ รอนโด ผ่านประสบการณ์คว้าแชมป์กับ เซลติกส์ เมื่อปี 2008 ก็มีลูกพี่ใหญ่อย่าง เควิน การ์เน็ตต์ , พอล เพียร์ซ และ เรย์ อัลเลน เป็นตัวชูโรง พอถึงคราว 3 ว่าที่ตำนานเหล่านั้นแยกย้าย ก็ไม่อาจขึ้นมาแบกทีมชดเชยรุ่นพี่ได้เลย เนื่องจากจุดเด่นอยู่ที่การปั้นเพื่อนร่วมทีมมากกว่าการช่วยปิดสกอร์ จากค่าเฉลี่ย7.3 แต้ม 10.9 แอสซิสต์ ยิงฟิลด์โกล และ 3 คะแนนเพียง 34.9 และ 15.8 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
ปัจจุบัน เดิร์ก อายุอานามล่วงเลยมาถึง 36 ปี ค่าเฉลี่ยการทำคะแนนลดฮวบจาก 21.8 แต้ม (2013-14) เหลือแค่ 18.6 แต้ม แต่ยังดีที่มี พาร์สัน กับ เอลลิส ประคับประคอง ภาพรวมจึงไม่น่าเกลียดเท่าไร กอปรกับคู่แข่งรู้ว่า รอนโด ไม่สามารถผลิตสกอร์เป็นกอบเป็นกำ บางทีก็อาจสังเวยคนที่ต้องประกบมาเล่น “ดับเบิลทีม” ใส่ เอลลิส , เดิร์ก หรือ พาร์สัน ก็อาจจะบ้อท่าได้เหมือนกัน
ตามความเห็นส่วนตัว ถ้าตัดเกรด “แมฟส์” คงได้สัก B+ หากจะติดเพลย์ออฟก็ไม่น่าจะเกิน อันดับ 5 หรือ 6 อย่างที่เราทราบกันดีว่า การช่วงชิงพื้นที่ท็อป 8 ตอนนี้ไม่มีทีมใดผลงานต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เลย หากมองแค่ว่า การคว้า รอนโด เข้ามาเสริมแล้ว อาจไปไกลถึงขั้นลุ้นแชมป์ มันดูง่ายไปหน่อย แต่หากคิดแค่ชื่อชั้น ผู้เล่น “ออล-สตาร์” 3 สมัย และพกแหวนแชมป์ติดตัว 1 วง ก็เป็นธรรมดาที่แฟนๆ จะคาดหวังถึงความสำเร็จ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
