นึกว่าความสำเร็จจากการไปร่วมประชุมเอเชีย-ยุโรปจะส่งผลบวกด้านผลงานของท่านผู้นำ เมื่อได้โชว์ตัวในงานอินเตอร์ครั้งแรก ปราศจากการไล่บี้โดยสื่อนานาชาติ ผู้นำต่างชาติยังรุมตอม ต้องการลงทุนในโครงการใหญ่ๆ ในไทย
นึกว่าจะเป็นต้นทุน สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาในกลุ่มประชาชนซึ่งกำลังโดนรุมรอบด้านโดยปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคม มีโอกาสได้อยู่ยาวบริหารบ้านเมือง ฝากชื่อไว้ในสภาพผู้นำรัฐประหารได้ใจประชาชนคนดี
ปรากฏว่ามีเหตุการณ์พิสดาร ทำให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพของท่านผู้นำต้องลดลงหลายจุด ถ้าเป็นหุ้น ดัชนีจะมีแต่ตัวแดง นักลงทุนแห่ขายเอาตัวรอด มีความกังวลว่าถ้ายังถือหุ้นตัวเดิมต่อไป น่าจะเสี่ยงต่อหายนะเป็นแน่แท้
มีอย่างน้อย 3 เรื่อง ซึ่งทำให้ระดับความเชื่อมั่นของประชาชนลดวูบ!
อาการยึกยักกลบรอยความปอดแหกในกลุ่มสมาชิก สนช.กรณีข้อเสนอถอดถอน 2 ขาใหญ่การเมือง “ขุนค้อน-นิคม ไวยรัชพานิช” ด้วยเหตุผลน่าหัวร่อ ยื้อการตัดสินใจออกไปไม่มีกำหนด ได้ส่งผลจิตวิทยาด้านลบแก่ประชาชนหนักหน่วง
เมื่อ สนช.มีทหารครึ่งค่อนสภาฯ ไม่กล้าแม้แต่จะลงมติว่ารับหรือไม่รับเรื่องถอดถอน ก่อนจะตัดสินว่าจะถอดถอนหรือไม่ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าแต่ละคนที่มากินเงินเดือนเป็นแสนบาทต่างรักตัวกลัวตายจนไร้เกียรติภูมิ
คำถามตามมาทันควัน “เมื่อปอดแหก หรือส่อให้เห็นว่ามีอะไรแฝงเร้น” แบบนั้น จะให้ประชาชนยังมีความหวังว่า สนช.จะเป็นสถาบันหลักด้านออกกฎหมายต่างๆ ในแผนโรดแมปปฏิรูป ตอกย้ำซ้ำซากโดยท่านผู้นำได้อย่างไร
เมื่อ สนช.ไม่กล้าจัดการกับ 2 ขาใหญ่ด้านนิติบัญญัติ อ้างประเด็นกฎหมาย ก็ยิ่งทำให้ความหวังว่าจะมีมาตรการเล่นงาน 39 คนที่รอการถอดถอน รางเลือนกว่าที่เป็นอยู่ และการถอดถอนแม่นางปูยิ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอน
นี่เป็นอาการของเยี่ยวไม่สุด หรือไม่กล้าแม้แต่จะเบ่งฉี่ดังๆ ด้วยซ้ำ!
ประเด็นสิงห์เหลิมทำตัวเป็นฆ้องปากแตก ออกมาแฉเสียงดังเรื่องผลพวงของการรัฐประหาร กระทบชิ่งถึงหลายกลุ่ม ทั้ง กปปส. ประชาธิปัตย์ แกนนำเสื้อแดง และพรรคเพื่อเหลี่ยม ส่งผลเสียหายร้ายแรงยิ่งกว่าระเบิดพลีชีพ
สิงห์เหลิมฟันธงนิ่มๆ ว่าบักเหลี่ยมเร่ร่อนเป็นผู้กอบโกยผลประโยชน์ เพราะไม่มีอะไรกระทบต่อสถานภาพ ...ไม่มีหมายจับ ไม่มีเรื่องถอดยศ ไม่มีเรื่องการเพิกถอนหนังสือเดินทาง ไม่มีเรื่องยึดทรัพย์ คดีอาญาต่างๆ ไม่ปรากฏ
คำพูดหลุดจากปากชุดสั้นๆ ของสิงห์เหลิม ได้สร้างความเสียหายให้บักเหลี่ยมเร่ร่อนเพราะถูกเปิดโปงว่ารับรู้เรื่องการชุมนุมของคนเสื้อแดง ท่านผู้นำ คสช.ก็มีแผลเหวอะหวะ โดยถูกมองว่าการรัฐประหารได้อวยบักเหลี่ยมเต็มที่
กลุ่มกำนันและเครือข่ายค่ายสะตอ อยู่ในสภาพแทบกระอักเลือด ถูกมองว่าเป็นเหยื่อของการชุบมือเปิบโดยกลุ่มพลังเขียวพกพาความกระตือรือร้นในการยกระดับฐานะเศรษฐกิจส่วนบุคคล มุ่งสร้างรายได้อย่างน่าอุจาดสายตา
กลุ่มนักสู้แล้วรวยเสื้อแดงคลั่งแค้นหนัก เมื่อโดนสิงห์เหลิมกล่าวหาว่าสร้างมหกรรมแหกตาบักเหลี่ยมเร่ร่อน ตกแต่งตัวเลขคนเสื้อแดงมาชุมนุมที่ถนนอักษะจนเวอร์เพื่อเบิกเบี้ยเลี้ยง ทำให้สิงห์เหลิมต้องงดไปงานศพขุนศึกเปีย
ถ้าโผล่หน้าในงาน อาจมีศพต้องฌาปนกิจโดยเร่งด่วนเพิ่มอีก 1 ราย! แกนนำเสื้อแดงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อ้างว่าโดนหมาลอบกัดลับหลัง ประกาศเลิกคบ ตายไปไม่ขอเผาผีกัน ทำให้สิงห์เหลิมกลายสภาพเป็นหมาหัวเน่าในพรรค
ท่านผู้นำเสียหายเกินเยียวยา ถูกตอกย้ำว่าการไม่ทำอะไรกับเครือข่ายระบอบบักเหลี่ยมเร่ร่อนตั้งแต่การรัฐประหาร ทำให้กลุ่มอำนาจเก่าอหังการทันควัน สิงห์เหลิมประกาศว่าพวกตัวเองจะคืนสู่อำนาจทันทีหลังเลือกตั้งครั้งหน้า
หลับตานึกเห็นตัวหญ้าหนอนถั่งเฉ้ากับคำพูด “ผมไว้ใจไอ้ตู่มาก” ทันที! เมื่อสิงห์เหลิมบรรยายความเสร็จ มีแต่กลุ่มคนรู้ทันตบเข่าฉาด บอก “กูว่าแล้ว สมบัติผลัดกันชม” เดาได้ตั้งแต่การรัฐประหารต้นทุนต่ำว่าจะส่งผลเสียอย่างไร
ความเสื่อมกระฉูดเมื่อหม่อมอุ๋ยบอกว่ารัฐบาลจะออกพันธบัตรกู้เงิน 8 แสนล้านบาทเอาไปชดใช้ความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว ชาวบ้านบอกให้ไปจัดการพวกตัวโกงเข้าคุก ยึดทรัพย์ก่อนจะมาเอาเงินจากประชาชน
แต่ละประเด็นล้วนเกิดความเสื่อมศรัทธาต่อรัฐบาลอย่างรวดเร็ว ไล่มาตั้งแต่ลอตเตอรี่ราคาแพง ค่าครองชีพเพิ่ม เสียงร่ำลือเกี่ยวกับการเปิบหนัก เปิบเร็วโดยกลุ่มผู้มาใหม่ เร่งเหมือนเสือหิวเขมือบเหยื่อโอชะเพราะมีเวลาไม่มาก
ทุกวันนี้ชาวบ้านอยู่แบบหวานอมขมกลืน ความสุขที่ว่าคืนให้นั้นไม่รู้ว่าใครรับเอาไป เห็นแต่แม่เจ้าประคุณยังมีความสุขไร้ความกลัดกลุ้ม คดีความต่างๆ ยังไม่แผ้วพาน มีเวลาใช้เงินตักตวงความสุขจากการท่องเที่ยวเมืองนอก
ข้อเสนอของหม่อมอุ๋ยทำให้ประชาชนแทบกระอักเลือด เมื่อคนชั่วสร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ในนโยบายรับจำนำข้าวยังลอยนวลอยู่ดีมีสุข แล้วจะให้ชาวบ้านแบกรับความทุกข์ใช้หนี้ของประเทศได้อย่างไร
ถ้าพรรคเหลี่ยมหวนคืนสู่อำนาจอย่างที่สิงห์เหลิมว่า หายนะบังเกิดแน่ๆ
นึกว่าจะเป็นต้นทุน สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาในกลุ่มประชาชนซึ่งกำลังโดนรุมรอบด้านโดยปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคม มีโอกาสได้อยู่ยาวบริหารบ้านเมือง ฝากชื่อไว้ในสภาพผู้นำรัฐประหารได้ใจประชาชนคนดี
ปรากฏว่ามีเหตุการณ์พิสดาร ทำให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพของท่านผู้นำต้องลดลงหลายจุด ถ้าเป็นหุ้น ดัชนีจะมีแต่ตัวแดง นักลงทุนแห่ขายเอาตัวรอด มีความกังวลว่าถ้ายังถือหุ้นตัวเดิมต่อไป น่าจะเสี่ยงต่อหายนะเป็นแน่แท้
มีอย่างน้อย 3 เรื่อง ซึ่งทำให้ระดับความเชื่อมั่นของประชาชนลดวูบ!
อาการยึกยักกลบรอยความปอดแหกในกลุ่มสมาชิก สนช.กรณีข้อเสนอถอดถอน 2 ขาใหญ่การเมือง “ขุนค้อน-นิคม ไวยรัชพานิช” ด้วยเหตุผลน่าหัวร่อ ยื้อการตัดสินใจออกไปไม่มีกำหนด ได้ส่งผลจิตวิทยาด้านลบแก่ประชาชนหนักหน่วง
เมื่อ สนช.มีทหารครึ่งค่อนสภาฯ ไม่กล้าแม้แต่จะลงมติว่ารับหรือไม่รับเรื่องถอดถอน ก่อนจะตัดสินว่าจะถอดถอนหรือไม่ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าแต่ละคนที่มากินเงินเดือนเป็นแสนบาทต่างรักตัวกลัวตายจนไร้เกียรติภูมิ
คำถามตามมาทันควัน “เมื่อปอดแหก หรือส่อให้เห็นว่ามีอะไรแฝงเร้น” แบบนั้น จะให้ประชาชนยังมีความหวังว่า สนช.จะเป็นสถาบันหลักด้านออกกฎหมายต่างๆ ในแผนโรดแมปปฏิรูป ตอกย้ำซ้ำซากโดยท่านผู้นำได้อย่างไร
เมื่อ สนช.ไม่กล้าจัดการกับ 2 ขาใหญ่ด้านนิติบัญญัติ อ้างประเด็นกฎหมาย ก็ยิ่งทำให้ความหวังว่าจะมีมาตรการเล่นงาน 39 คนที่รอการถอดถอน รางเลือนกว่าที่เป็นอยู่ และการถอดถอนแม่นางปูยิ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอน
นี่เป็นอาการของเยี่ยวไม่สุด หรือไม่กล้าแม้แต่จะเบ่งฉี่ดังๆ ด้วยซ้ำ!
ประเด็นสิงห์เหลิมทำตัวเป็นฆ้องปากแตก ออกมาแฉเสียงดังเรื่องผลพวงของการรัฐประหาร กระทบชิ่งถึงหลายกลุ่ม ทั้ง กปปส. ประชาธิปัตย์ แกนนำเสื้อแดง และพรรคเพื่อเหลี่ยม ส่งผลเสียหายร้ายแรงยิ่งกว่าระเบิดพลีชีพ
สิงห์เหลิมฟันธงนิ่มๆ ว่าบักเหลี่ยมเร่ร่อนเป็นผู้กอบโกยผลประโยชน์ เพราะไม่มีอะไรกระทบต่อสถานภาพ ...ไม่มีหมายจับ ไม่มีเรื่องถอดยศ ไม่มีเรื่องการเพิกถอนหนังสือเดินทาง ไม่มีเรื่องยึดทรัพย์ คดีอาญาต่างๆ ไม่ปรากฏ
คำพูดหลุดจากปากชุดสั้นๆ ของสิงห์เหลิม ได้สร้างความเสียหายให้บักเหลี่ยมเร่ร่อนเพราะถูกเปิดโปงว่ารับรู้เรื่องการชุมนุมของคนเสื้อแดง ท่านผู้นำ คสช.ก็มีแผลเหวอะหวะ โดยถูกมองว่าการรัฐประหารได้อวยบักเหลี่ยมเต็มที่
กลุ่มกำนันและเครือข่ายค่ายสะตอ อยู่ในสภาพแทบกระอักเลือด ถูกมองว่าเป็นเหยื่อของการชุบมือเปิบโดยกลุ่มพลังเขียวพกพาความกระตือรือร้นในการยกระดับฐานะเศรษฐกิจส่วนบุคคล มุ่งสร้างรายได้อย่างน่าอุจาดสายตา
กลุ่มนักสู้แล้วรวยเสื้อแดงคลั่งแค้นหนัก เมื่อโดนสิงห์เหลิมกล่าวหาว่าสร้างมหกรรมแหกตาบักเหลี่ยมเร่ร่อน ตกแต่งตัวเลขคนเสื้อแดงมาชุมนุมที่ถนนอักษะจนเวอร์เพื่อเบิกเบี้ยเลี้ยง ทำให้สิงห์เหลิมต้องงดไปงานศพขุนศึกเปีย
ถ้าโผล่หน้าในงาน อาจมีศพต้องฌาปนกิจโดยเร่งด่วนเพิ่มอีก 1 ราย! แกนนำเสื้อแดงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อ้างว่าโดนหมาลอบกัดลับหลัง ประกาศเลิกคบ ตายไปไม่ขอเผาผีกัน ทำให้สิงห์เหลิมกลายสภาพเป็นหมาหัวเน่าในพรรค
ท่านผู้นำเสียหายเกินเยียวยา ถูกตอกย้ำว่าการไม่ทำอะไรกับเครือข่ายระบอบบักเหลี่ยมเร่ร่อนตั้งแต่การรัฐประหาร ทำให้กลุ่มอำนาจเก่าอหังการทันควัน สิงห์เหลิมประกาศว่าพวกตัวเองจะคืนสู่อำนาจทันทีหลังเลือกตั้งครั้งหน้า
หลับตานึกเห็นตัวหญ้าหนอนถั่งเฉ้ากับคำพูด “ผมไว้ใจไอ้ตู่มาก” ทันที! เมื่อสิงห์เหลิมบรรยายความเสร็จ มีแต่กลุ่มคนรู้ทันตบเข่าฉาด บอก “กูว่าแล้ว สมบัติผลัดกันชม” เดาได้ตั้งแต่การรัฐประหารต้นทุนต่ำว่าจะส่งผลเสียอย่างไร
ความเสื่อมกระฉูดเมื่อหม่อมอุ๋ยบอกว่ารัฐบาลจะออกพันธบัตรกู้เงิน 8 แสนล้านบาทเอาไปชดใช้ความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว ชาวบ้านบอกให้ไปจัดการพวกตัวโกงเข้าคุก ยึดทรัพย์ก่อนจะมาเอาเงินจากประชาชน
แต่ละประเด็นล้วนเกิดความเสื่อมศรัทธาต่อรัฐบาลอย่างรวดเร็ว ไล่มาตั้งแต่ลอตเตอรี่ราคาแพง ค่าครองชีพเพิ่ม เสียงร่ำลือเกี่ยวกับการเปิบหนัก เปิบเร็วโดยกลุ่มผู้มาใหม่ เร่งเหมือนเสือหิวเขมือบเหยื่อโอชะเพราะมีเวลาไม่มาก
ทุกวันนี้ชาวบ้านอยู่แบบหวานอมขมกลืน ความสุขที่ว่าคืนให้นั้นไม่รู้ว่าใครรับเอาไป เห็นแต่แม่เจ้าประคุณยังมีความสุขไร้ความกลัดกลุ้ม คดีความต่างๆ ยังไม่แผ้วพาน มีเวลาใช้เงินตักตวงความสุขจากการท่องเที่ยวเมืองนอก
ข้อเสนอของหม่อมอุ๋ยทำให้ประชาชนแทบกระอักเลือด เมื่อคนชั่วสร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ในนโยบายรับจำนำข้าวยังลอยนวลอยู่ดีมีสุข แล้วจะให้ชาวบ้านแบกรับความทุกข์ใช้หนี้ของประเทศได้อย่างไร
ถ้าพรรคเหลี่ยมหวนคืนสู่อำนาจอย่างที่สิงห์เหลิมว่า หายนะบังเกิดแน่ๆ
