ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้เมื่ออดีตนายกรัฐมนตรีคนสวยสุดของไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมายั่ว “บิ๊กทหาร” ที่กุมอำนาจในเวลานี้โดยส่งสัญญาณว่าเธอพร้อมจะลงเลือกตั้งทันทีที่ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อย และยังมั่นใจด้วยว่าจะหลุดคดีโกงโครงการรับจำนำข้าวอย่างแน่นอน กระทั่งมีเสียงปรามจาก “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) เดี๋ยวไม่ให้ไปทัวร์นอกถ้าหากขืนทำเรื่องยุ่ง
หลังปิดปากเงียบมานานนับจากถูกรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 เป็นเวลา 6 เดือนกว่าผ่านไป ก็ถึงฤกษ์งามยามดี ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดปากให้สัมภาษณ์พิเศษอย่างเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองกับค่ายสื่อภาษาอังกฤษ “บางกอกโพสต์” โดยบทสัมภาษณ์ดังกล่าวที่ใช้ชื่อว่า “Yingluck saw the coup coming” เผยแพร่ผ่านเวปไซต์หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2557 มีเนื้อหาที่น่าสนใจทั้งการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เปิดเผยว่า รู้ตัวตั้งแต่วันแรกที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วว่า จะต้องมีจุดจบด้วยการถูกทำรัฐประหารโดยคณะทหารเหมือนกับที่เคยเกิดกับพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในปี 2549
“ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วว่า หากไม่มีการดำเนินการอะไรบางอย่างจากองค์กรอิสระหรือศาล ก็ต้องเป็นการรัฐประหาร” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ และเธอยังเปรียบเปรียบด้วยว่า สถานการณ์เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นั้นเหมือนกับการที่ประชาชนยื่นกุญแจรถให้เธอขับและบอกให้เธอขับรถนำพาประเทศไทย ทว่าอยู่ดีๆ ก็มีคนเอาปืนมาจี้ที่หัวและบอกให้เธอลงจากรถไป
“เหมือนกับว่า ประชาชนมอบกุญแจรถให้ บอกว่าปูต้องขับ ต้องนำพาประเทศ แล้วจู่ๆ มีคนเอาปืนจี้หัว สั่งให้ปูลงจากรถ ขณะที่ปูกำลังขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า”
ส่วนการต่อสู้คดีที่เกี่ยวกับความผิดในกรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในกรณีโครงการจำนำข้าว ซึ่งมีผลสรุปว่ามีผลขาดทุนกว่า 6 แสนล้านบาทในช่วงรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น เธอได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา และยืนยันว่าต้องการจะสู้คดี โดยไม่หลบหนีไปไหน แม้ว่าในช่วงหลังจะมีการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งก็ตาม ซึ่งทุกครั้งยืนยันว่าได้ขออนุญาตกับคสช. อย่างถูกต้อง
“ก่อนหน้านี้ ดิฉันบอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.) ว่า เขาสามารถวางใจได้ว่า ฉันจะไม่หนีไปไหน”
ในบทสัมภาษณ์ดังกล่าวนั้น มีประโยคเด็ดที่สำคัญคือคำเปิดเผยที่ว่า หากไม่ติดข้อกฎหมายหรือปัญหาใด เธอก็พร้อมจะลงเลือกตั้งทั่วไปในปี 2559
อีกความตั้งใจหนึ่งที่อาจทำให้หลายคนหนาวๆ ร้อนๆ ก็คือ เรื่องที่เธอบอกว่าอาจจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับช่วงชีวิตระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยจะเขียนจากความทรงจำว่าใครทำอะไร และพูดอะไรไว้บ้าง
อดีตนายกฯ คนสวยออกมาเปรยๆ เช่นนี้ ไม่ใครก็ใครคงมีหนาวๆ ร้อนๆ กันบ้าง
ขณะที่กลุ่มคนไม่รักทักษิณและชินวัตร คงแทบกระอักเลือด หากโกงจำนำข้าวก็ไม่ผิด แล้วก็ยังเตรียมพร้อมสู่สนามเลือกตั้งกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้งอย่างสง่าผ่าเผยอีกต่างหาก หลายคนคงอยากไปบนบานพระสยามเทวาทิราช ช่วยให้แผ่นดินไทยรอดพ้นจากอำนาจของคนตระกูลชินวัตรอย่างถาวรจะได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ที่น่าจับตาในนาทีนี้ ก็คือปฏิกิริยาตอบกลับจากพล.อ.ประยุทธ์ ที่สวนว่า “พูดได้ก็พูดไป แล้วใครไปจี้ท่านเหรอ สิ่งที่ท่านพูดตนมองว่าเป็นวาทกรรมก็ให้ท่านพูดไป”
แต่ก็ใช่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะปล่อยให้นักการเมืองออกมาพล่ามได้ดังใจนึก เพราะเมื่อถามว่านักการเมืองสามารถออกมาพูดเรื่องการเมืองได้หรือยัง ก็ถูกปัดให้เป็นอำนาจคสช.ที่กำลังพิจารณาอยู่ และมีและกติกามีอยู่แล้ว ถ้าเมื่อไหร่ที่สร้างผลกระทบความวุ่นวายต่างๆ กติกาก็มีตามระดับจากน้อยไปหามาก
“เดี๋ยวอยากไปต่างประเทศก็ไม่ได้ไป เข้าใจหรือเปล่า ต่อไปก็อยู่ในประเทศก็แล้วกัน อยากพูดก็พูดในประเทศ ห้ามไปที่อื่น ต่อไปก็ห้ามทำธุรกรรมทางการเงิน กติกามันมีอยู่แล้ว”
เป็นอันว่า ฝ่ายหนึ่งก็เริ่มออกลีลายั่ว อีกฝ่ายก็ตั้งรับและปรามนิ่มๆ ให้อยู่ในร่องในรอย
ส่วนบรรดากองเชียร์รอบขอบสนามดูจะซีเรียสกว่า อย่างความเห็นของนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “สุริยะใส กตะศิลา” ในหัวข้อ “ฉันจะกลับมา!” ที่ฟังน.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์แล้วเหมือนว่าเธอจะมั่นใจไม่น้อยว่าจะหลุดจากการถอดถอนคดีทุจริตจำนำข้าวและอาจหมายรวมถึงคดีอาญาที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับอัยการสูงสุดกำลังหาข้อยุติกันอยู่ว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่
“ทีท่าที่มั่นใจของคุณยิ่งลักษณ์ มองข้ามปัญหาที่วางอยู่เบื้องหน้า ถึงขั้นปักธงว่าปี 59 เจอกันในสนามเลือกตั้ง “ฉันจะกลับมา” อย่ามองข้ามปรากฏการณ์นี้ ลุ่มลึกไม่น้อย เพราะธงการเมืองที่ปักเลือกตั้งปี 59 จะเป็นตัวแปรในการกำหนดท่าทีของมวลชนผู้ภักดี และกลุ่มการเมืองที่หาไม้เกาะ รวมทั้งข้าราชการประจำที่ส่งสัญญาณเกียร์ว่างมาอย่างต่อเนื่อง งานนี้อาจจะแข่งกันเกียร์ว่างมากขึ้นมากขึ้นเพื่อรอนายคนใหม่ นายใหญ่ที่กำลังจะกลับมา อย่าลืมว่าในรอบทศวรรษที่ผ่านมา การเมืองฟากฝ่ายคุณทักษิณ ให้คุณให้โทษข้าราชการน้อยใหญ่เป็นกอบเป็นกำได้มากกว่ากลุ่มการเมืองใดๆ เสียอีก”
“การปรากฎตัวของคุณยิ่งลักษณ์ อย่างมีนัยทางการเมืองครั้งแรกหลังรัฐประหาร ไล่เลี่ยกับอาการคำรามของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อไม่กี่วันมานี้ว่าพวกข้าราชการมหาดไทยอำนาจเก่า ปากพล่อย เกียร์ว่าง ระวังตัวกันให้ดี งานนี้น่าจับตาอย่างยิ่งยวดครับ” ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ตั้งข้อสังเกต
ข้อสังเกตของผู้ประสานงานกลุ่มกรีนน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการจั่วหัวเรื่อง “ฉันจะกลับมา!” ยิ่งหากพิจารณาปัจจัยแวดล้อมที่เกิดขึ้นในเวลานี้ กรณีล่าสุดมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่อ้างเหตุมีกฎหมายจ่อคิวรอพิจารณาแยะและวันหยุดเยอะ จึงต้องเลื่อนการพิจารณาคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีทุจริตจำนำข้าว และคดีนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว. ออกไปเป็นปีหน้าแทน ก็ยิ่งส่อนัยสำคัญให้สังคมได้รับรู้ ทำใจไว้เสียแต่เนิ่นๆ
แต่เดิมนั้น สนช.ได้มีการบรรจุวาระการประชุมสนช. ประจำวันที่ 27 พ.ย. 2557 โดยมีวาระเร่งด่วนเรื่องพิจารณาดำเนินกระบวนการถอดถอน นายนิคม นายสมศักดิ์ ออกจากตำแหน่ง และ วาระการประชุมในวันที่ 28 พ.ย. 2557 ก็มีวาระเร่งด่วนพิจารณากรณีดำเนินกระบวนการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่ง
แต่ล่าสุดที่ประชุมวิปสนช.เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2557 มีมติให้กำหนดการประชุมเพื่อเปิดสำนวนคดี นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปเป็นวันที่ 8 ม.ค. 2558 และกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปเป็นวันที่ 9 ม.ค. 2558 หลังจากนั้นจะมีการกำหนดกรอบเวลาให้มีการซักถามผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง พร้อมทั้งแถลงปิดสำนวน รวมถึงการโหวตไม่เกินหนึ่งเดือน
ส่วนกรณีที่ต้นตอของเรื่องคือ “วาสนา นาน่วม” ซึ่งเป็นผู้เขียนบทความชิ้นดังกล่าว และบางกอกโพสต์หยิบนำไปจากเฟซบุ๊กเพื่อตีพิมพ์ถึงกับเต้นและต้องออกมาแก้ตัวเป็นพัลวันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เคยระบุว่าจะลงเลือกตั้ง พร้อมขออภัยที่การนำเสนอของตนเองในฐานะผู้เขียน ทำให้เกิดการตีความหมายผิดนั้น ถามว่า เหตุผลฟังขึ้นหรือไม่
ใครจะไปเชื่อว่านักข่าวเจนสนามอย่างวาสนา นาน่วมจะเข้าใจผิดไปในทำนองนั้นได้
กระนั้นก็ดี ไม่เพียงแต่เอื้ออาทรเลื่อนเวลาเชือดน.ส.ยิ่งลักษณ์และพวกออกไปเท่านั้น ล่าสุด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงกลาโหม ยังหยิบยื่นไมตรีเปิดไฟเขียวให้นายตำรวจอดีตหัวหน้าทีม รปภ.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับเข้ารับราชการอีกด้วย โดย “บิ๊กป้อม” เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 13/2557 เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2557 บรรจุแต่งตั้ง พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าทีม รปภ. พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งระดับรองผู้บัญชาการ
ทั้งหยิบยื่นไมตรี ทั้งลากยาวจับปูทุบกระดองออกไป สะท้อนให้เห็นว่าบิ๊กคสช.กับขั้วอำนาจเก่าเริ่มสานสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทแนบแน่น ประจวบเหมาะกับการถือฤกษ์ออกมาเปิดปากครั้งแรก ทั้งยั่ว ทั้งท้าทายอำนาจ คสช. ของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงที่เหมือนหมูไม่กลัวน้ำร้อน
จากนี้ไปก็ต้องจับตาว่าหากเธอดื้อรั้น หัวหน้าคสช.จะกล้าจับเธอมาตีก้น และลงโทษทัณฑ์ห้ามทัวร์นอก ขังเธอไว้แต่ในเมืองไทย ดังคำขู่หรือไม่ ?? โปรดติดตามกันต่อไป