“ยิ่งลักษณ์” จ้อสื่อเหน็บรัฐประหาร 22 พ.ค. เหมือนโดนโจรปล้นรถ เปรียบ คสช.เอาปืนจี้หัวแล้วขโมยรถไป อ้างรู้ชะตากรรมตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกฯ เจออำนาจพิเศษเขี่ยตกเก้าอี้ซ้ำรอยพี่ชายแน่ เสียงแข็งไร้มลทินจำนำข้าวขาดทุน 6 แสนล้าน เผยรับปาก “พี่ตู่” ไม่หนีคดีแน่ ลั่นพร้อมลงสนามเลือกตั้งปี 59 ด้าน “ยะใส” ชี้ “ปูแดง” ปักลงเลือกตั้งส่งสัญญาณสาวก จับตา ขรก.เกียร์ว่างรอเวลา ส่วน สนช.ยังออกลีลาแถลงเปิดคดีถอดถอน อ้างต้องประชุมกันก่อน
วานนี้ (24 พ.ย.) เว็บไซต์หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง โดยถือเป็นบทสัมภาษณ์พิเศษครั้งแรกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 รวมเวลา 6 เดือนเศษ โดยบทสัมภาษณ์ใช้ชื่อว่า “Yingluck saw the coup coming” มีเนื้อหาที่น่าสนใจ ทั้งการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เปิดเผยว่า รู้ตัวตั้งแต่วันแรกที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วว่า จะต้องมีจุดจบด้วยการถูกทำรัฐประหารโดยคณะทหารเหมือนกับที่เคยเกิดกับพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในปี 2549
“ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วว่า หากไม่มีการดำเนินการอะไรบางอย่างจากองค์กรอิสระหรือศาล ก็ต้องเป็นการรัฐประหาร” น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังเปรียบเปรยด้วยว่า สถานการณ์เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นั้นเหมือนกับการที่ประชาชนยื่นกุญแจรถให้เธอขับและบอกให้เธอขับรถนำพาประเทศไทย ทว่าอยู่ดีๆ ก็มีคนเอาปืนมาจี้ที่หัวและบอกให้เธอลงจากรถไป
“เหมือนกับว่า ประชาชนมอบกุญแจรถให้ บอกว่าปูต้องขับ ต้องนำพาประเทศ แล้วจู่ๆมีคนเอาปืนจี้หัว สั่งให้ปูลงจากรถ ขณะที่ปูกำลังขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
รับปาก “บิ๊กตู่” ไม่หนีคดีแน่นอน
ส่วนการต่อสู้คดีที่เกี่ยวกับความผิดในกรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในกรณีโครงการจำนำข้าว ซึ่งมีผลสรุปว่ามีผลขาดทุนกว่า 6 แสนล้านบาทในช่วงรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา และยืนยันว่าต้องการจะสู้คดี โดยไม่หลบหนีไปไหน แม้ว่าในช่วงหลังจะมีการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งก็ตาม ซึ่งทุกครั้งยืนยันว่าได้ขออนุญาต กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างถูกต้อง
“ก่อนหน้านี้ ดิฉันบอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.) ว่า เขาสามารถวางใจได้ว่า ฉันจะไม่หนีไปไหน” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
บางช่วง น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังเปิดเผยด้วยว่า หากไม่ติดข้อกฎหมายหรือปัญหาใด เธอก็พร้อมจะลงเลือกตั้งทั่วไปในปี 2559
ช่วงนี้เก็บตัว-เพาะเห็ด-เลี้ยงลูก
ในส่วนของชีวิตประจำวันหลังการรัฐประหาร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงระบุว่า เธอพยายามทำตัวให้เงียบเอาไว้ ส่วนใหญ่ใช้เวลาในการอ่านหนังสือ เจอกับเพื่อนฝูง ออกไปทานข้าวนอกบ้าน และชอปปิ้ง นอกจากนี้ก็มีการดูแลบ้าน และดูแล ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย โดยขณะนี้งานอดิเรกชิ้นหนึ่งของเธอก็คือการเพาะเห็ดไว้ที่สวนในบ้าน โดยการได้เห็นเห็ดเจริญเติบโตถือว่าช่วยผ่อนคลายได้อย่างมาก
ขณะเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังเปิดเผยด้วยว่า เธออาจจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับช่วงชีวิตระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยจะเขียนจากความทรงจำว่าใครทำอะไรและพูดอะไรไว้บ้าง
“ยะใส” แนะจับตาท่าทีอดีตนายกฯ
วันเดียวกัน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “สุริยะใส กตะศิลา” ในหัวข้อ “ฉันจะกลับมา!” โดยระบุว่า “เห็นคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ว่าพร้อมลงเลือกตั้งปี 59 หากไม่ติดเงื่อนไขอะไร และพูดถึงการรัฐประหารว่าประชาชนให้กุญแจขับรถ อยู่ดีๆ มีคนเอาปืนมาจี้หัวนั้น ฟังดูเหมือนคุณยิ่งลักษณ์ มั่นใจไม่น้อยว่าจะสามารถหลุดลอดจากการถอดถอนคดีทุจริตจำนำข้าว อาจจะรวมหมายถึงคดีอาญาที่ ปปช.กับ อสส.กำลังประชุมหาข้อยุติว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่”
นายสุริยะใส กล่าวงอีกว่า “ทีท่าที่มั่นใจของคุณยิ่งลักษณ์ มองข้ามปัญหาที่วางอยู่เบื้องหน้า ถึงขั้นปักธงว่าปี 59 เจอกันในสนามเลือกตั้ง “ฉันจะกลับมา” อย่ามองข้ามปรากฏการณ์นี้ ลุ่มลึกไม่น้อย เพราะธงการเมืองที่ปักเลือกตั้งปี 59 จะเป็นตัวแปรในการกำหนดท่าทีของมวลชนผู้ภักดี และกลุ่มการเมืองที่หาไม้เกาะ รวมทั้งข้าราชการประจำที่ส่งสัญญาณเกียร์ว่างมาอย่างต่อเนื่อง งานนี้อาจจะแข่งกันเกียร์ว่างมากขึ้นมากขึ้นเพื่อรอนายคนใหม่ นายใหญ่ที่กำลังจะกลับมา อย่าลืมว่าในรอบทศวรรษที่ผ่านมา การเมืองฟากฝ่ายคุณทักษิณ ให้คุณให้โทษข้าราชการน้อยใหญ่เป็นกอบเป็นกำได้มากกว่ากลุ่มการเมืองใดๆเสียอีก”
“การปรากฎตัวของคุณยิ่งลักษณ์ อย่างมีนัยทางการเมืองครั้งแรกหลังรัฐประหาร ไล่เลี่ยกับอาการคำรามของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อไม่กี่วันมานี้ว่า พวกข้าราชการมหาดไทยอำนาจเก่า ปากพล่อย เกียร์ว่าง ระวังตัวกันให้ดี งานนี้น่าจับตาอย่างยิ่งยวดครับ” นายสุริยะใส ระบุ
ยังไม่เคาะวันแถลงเปิดคดีถอด “ปู”
อีกด้าน ที่อาคารรัฐสภา 2 นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการประชุมของ สนช.เพื่อพิจารณาสำนวนถอดถอนนักการเมืองวว่า ในวันที่ 27 พ.ย.นี้จะเป็นการประชุมเพื่อพิจารณากำหนดวันแถลงเปิดคดีสำนวนถอดถอนที่กล่าวหา นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว. ส่วนในวันที่ 28 พ.ย.จะเป็นการประชุมเพื่อพิจารณากำหนดวันแถลงเปิดคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จากกรณีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
นายพรเพชร กล่าวด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายสมศักดิ์ ได้นำหลักฐานพยานเพิ่มเติมมาส่งให้เพื่อประกอบการพิจารณาสำนวนคดีถอดถอน ซึ่งต้องรอดูที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) พิจารณาในวันที่ 25 พ.ย.นี้ว่า จะให้เพิ่มพยานหรือไม่ โดยจะยังไม่มีการหารือกำหนดวันแถลงเปิดคดี
สำหรับสำนวนถอดถอน 38 ส.ว.นั้น นายพรเพชร กล่าวว่า สนช.ต้องดูเนื้อหาและองค์ประกอบว่าจะมีอำนาจรับไว้พิจารณาได้หรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับสำนวนดังกล่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
วานนี้ (24 พ.ย.) เว็บไซต์หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง โดยถือเป็นบทสัมภาษณ์พิเศษครั้งแรกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 รวมเวลา 6 เดือนเศษ โดยบทสัมภาษณ์ใช้ชื่อว่า “Yingluck saw the coup coming” มีเนื้อหาที่น่าสนใจ ทั้งการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เปิดเผยว่า รู้ตัวตั้งแต่วันแรกที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วว่า จะต้องมีจุดจบด้วยการถูกทำรัฐประหารโดยคณะทหารเหมือนกับที่เคยเกิดกับพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในปี 2549
“ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วว่า หากไม่มีการดำเนินการอะไรบางอย่างจากองค์กรอิสระหรือศาล ก็ต้องเป็นการรัฐประหาร” น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังเปรียบเปรยด้วยว่า สถานการณ์เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นั้นเหมือนกับการที่ประชาชนยื่นกุญแจรถให้เธอขับและบอกให้เธอขับรถนำพาประเทศไทย ทว่าอยู่ดีๆ ก็มีคนเอาปืนมาจี้ที่หัวและบอกให้เธอลงจากรถไป
“เหมือนกับว่า ประชาชนมอบกุญแจรถให้ บอกว่าปูต้องขับ ต้องนำพาประเทศ แล้วจู่ๆมีคนเอาปืนจี้หัว สั่งให้ปูลงจากรถ ขณะที่ปูกำลังขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
รับปาก “บิ๊กตู่” ไม่หนีคดีแน่นอน
ส่วนการต่อสู้คดีที่เกี่ยวกับความผิดในกรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในกรณีโครงการจำนำข้าว ซึ่งมีผลสรุปว่ามีผลขาดทุนกว่า 6 แสนล้านบาทในช่วงรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา และยืนยันว่าต้องการจะสู้คดี โดยไม่หลบหนีไปไหน แม้ว่าในช่วงหลังจะมีการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งก็ตาม ซึ่งทุกครั้งยืนยันว่าได้ขออนุญาต กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างถูกต้อง
“ก่อนหน้านี้ ดิฉันบอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.) ว่า เขาสามารถวางใจได้ว่า ฉันจะไม่หนีไปไหน” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
บางช่วง น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังเปิดเผยด้วยว่า หากไม่ติดข้อกฎหมายหรือปัญหาใด เธอก็พร้อมจะลงเลือกตั้งทั่วไปในปี 2559
ช่วงนี้เก็บตัว-เพาะเห็ด-เลี้ยงลูก
ในส่วนของชีวิตประจำวันหลังการรัฐประหาร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงระบุว่า เธอพยายามทำตัวให้เงียบเอาไว้ ส่วนใหญ่ใช้เวลาในการอ่านหนังสือ เจอกับเพื่อนฝูง ออกไปทานข้าวนอกบ้าน และชอปปิ้ง นอกจากนี้ก็มีการดูแลบ้าน และดูแล ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย โดยขณะนี้งานอดิเรกชิ้นหนึ่งของเธอก็คือการเพาะเห็ดไว้ที่สวนในบ้าน โดยการได้เห็นเห็ดเจริญเติบโตถือว่าช่วยผ่อนคลายได้อย่างมาก
ขณะเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังเปิดเผยด้วยว่า เธออาจจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับช่วงชีวิตระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยจะเขียนจากความทรงจำว่าใครทำอะไรและพูดอะไรไว้บ้าง
“ยะใส” แนะจับตาท่าทีอดีตนายกฯ
วันเดียวกัน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “สุริยะใส กตะศิลา” ในหัวข้อ “ฉันจะกลับมา!” โดยระบุว่า “เห็นคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกมาสัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ว่าพร้อมลงเลือกตั้งปี 59 หากไม่ติดเงื่อนไขอะไร และพูดถึงการรัฐประหารว่าประชาชนให้กุญแจขับรถ อยู่ดีๆ มีคนเอาปืนมาจี้หัวนั้น ฟังดูเหมือนคุณยิ่งลักษณ์ มั่นใจไม่น้อยว่าจะสามารถหลุดลอดจากการถอดถอนคดีทุจริตจำนำข้าว อาจจะรวมหมายถึงคดีอาญาที่ ปปช.กับ อสส.กำลังประชุมหาข้อยุติว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่”
นายสุริยะใส กล่าวงอีกว่า “ทีท่าที่มั่นใจของคุณยิ่งลักษณ์ มองข้ามปัญหาที่วางอยู่เบื้องหน้า ถึงขั้นปักธงว่าปี 59 เจอกันในสนามเลือกตั้ง “ฉันจะกลับมา” อย่ามองข้ามปรากฏการณ์นี้ ลุ่มลึกไม่น้อย เพราะธงการเมืองที่ปักเลือกตั้งปี 59 จะเป็นตัวแปรในการกำหนดท่าทีของมวลชนผู้ภักดี และกลุ่มการเมืองที่หาไม้เกาะ รวมทั้งข้าราชการประจำที่ส่งสัญญาณเกียร์ว่างมาอย่างต่อเนื่อง งานนี้อาจจะแข่งกันเกียร์ว่างมากขึ้นมากขึ้นเพื่อรอนายคนใหม่ นายใหญ่ที่กำลังจะกลับมา อย่าลืมว่าในรอบทศวรรษที่ผ่านมา การเมืองฟากฝ่ายคุณทักษิณ ให้คุณให้โทษข้าราชการน้อยใหญ่เป็นกอบเป็นกำได้มากกว่ากลุ่มการเมืองใดๆเสียอีก”
“การปรากฎตัวของคุณยิ่งลักษณ์ อย่างมีนัยทางการเมืองครั้งแรกหลังรัฐประหาร ไล่เลี่ยกับอาการคำรามของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อไม่กี่วันมานี้ว่า พวกข้าราชการมหาดไทยอำนาจเก่า ปากพล่อย เกียร์ว่าง ระวังตัวกันให้ดี งานนี้น่าจับตาอย่างยิ่งยวดครับ” นายสุริยะใส ระบุ
ยังไม่เคาะวันแถลงเปิดคดีถอด “ปู”
อีกด้าน ที่อาคารรัฐสภา 2 นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการประชุมของ สนช.เพื่อพิจารณาสำนวนถอดถอนนักการเมืองวว่า ในวันที่ 27 พ.ย.นี้จะเป็นการประชุมเพื่อพิจารณากำหนดวันแถลงเปิดคดีสำนวนถอดถอนที่กล่าวหา นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว. ส่วนในวันที่ 28 พ.ย.จะเป็นการประชุมเพื่อพิจารณากำหนดวันแถลงเปิดคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จากกรณีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
นายพรเพชร กล่าวด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายสมศักดิ์ ได้นำหลักฐานพยานเพิ่มเติมมาส่งให้เพื่อประกอบการพิจารณาสำนวนคดีถอดถอน ซึ่งต้องรอดูที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) พิจารณาในวันที่ 25 พ.ย.นี้ว่า จะให้เพิ่มพยานหรือไม่ โดยจะยังไม่มีการหารือกำหนดวันแถลงเปิดคดี
สำหรับสำนวนถอดถอน 38 ส.ว.นั้น นายพรเพชร กล่าวว่า สนช.ต้องดูเนื้อหาและองค์ประกอบว่าจะมีอำนาจรับไว้พิจารณาได้หรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับสำนวนดังกล่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)