แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 2
ปราณนต์กับรันหิ้วปีกรุจน์ที่มีสีหน้าเหยเกเข้ามานั่งที่โซฟา
“ไหวมั้ยพี่รุจน์ ไปหาหมอมั้ย”
“ไม่เอาหมอ จะเอาน้องลิลลี่ จะเอาน้องลิลลี่ ตามน้องลิลลี่มาให้กำลังใจหน่อย น้องลิลลี่อยู่ไหน” รุจน์ร้องเรียก
อวัศยาเดินผ่านมาเห็นก็เข้าไปถาม
“เกิดอะไรขึ้น”
“อุบัติเหตุนิดหน่อย ฉันทำรถจักรยานของณนต์พังยับเลย แฮะๆ เออ...รถพัง แล้วเย็นนี้จะไปงานบอสยังไง พี่จะตามไปทีหลัง ไม่งั้นจะให้ติดรถไปด้วย”
รุจน์หนักใจ
“ผมไปรถไฟฟ้าก็ได้” ปราณนต์บอก
“ไม่ดีหรอก ตอนเย็นคนเยอะ เสื้อยับหมด” รันบอก
“ถ้าลำบากมากนักก็ไม่ต้องไป” อวัศยาว่า
“ไม่ไปไม่ได้ บอสได้รับรางวัลทั้งทีต้องให้น้องไปร่วมยินดี แล้วอีกอย่างน้องจะได้ไปเปิดหูเปิดตาด้วย” รันเกิดไอเดีย “เอางี้...ณนต์ไปรถศยาแล้วกัน”
อวัศยาหันขวับไปมองรัน
“ศยาไม่ค่อยรู้ทางจะได้ให้ณนต์ช่วยบอกทาง”
รุจน์รีบพูด “เหมาะเหม็งเลยครับ ณนต์รู้ทางลัดซอกซอยดียิ่งกว่าเครื่องจีพีเอส ฝากน้องชายผมติดรถไปด้วยสักคนนะครับพี่ศยา”
อวัศยาพูดไม่ออก แต่ใจเต้นโครมโครมก่อนจะเก๊กขรึม
“ห้าโมงเย็นเจอกันที่รถ อย่าสาย ฉันไม่ชอบคอยใคร” อวัศยาเดินเก๊กออกไป
ปราณนต์หวั่นใจ แล้วหันไปเห็นรุจน์กำลังหัวเราะคิกคักสมใจ
ปราณนต์ลากรุจน์มาคุย รุจน์ยังเดินเขยกๆ เพราะเจ็บเป้า
“พี่รุจน์จะเชียร์ให้ผมไปรถพี่ศยาทำไม”
“พี่ทำเพื่อแกน่ะไอ้น้องรัก”
“ผมรู้ทันหรอกน่ะ พี่ไม่อยากให้ผมไปเป็นก้างขวางคอพี่กับลิลลี่”
“นั่นเป็นเหตุผลหนึ่ง แต่เหตุผลสำคัญ..พี่ทำเพื่อแกจริงๆ ถ้าแกไปกับพี่ศยา แกจะได้มีโอกาสเอาอกเอาใจให้พี่ศยาเอ็นดูแกมากๆ แกจะได้ทำงานที่นี่ไง”
“ผมอยากให้ที่นี่เลือกผมเพราะความสามารถไม่ใช่ความเสน่หา”
“มันต้องมีกันผสมกันไป พี่ขอแนะนำ เวลาขึ้นรถพี่ศยาให้ก้าวเท้าซ้ายขึ้น แล้วแกจะได้โชคดี”
“ผมจะไม่โชคดี ตรงที่พี่ศยาอาจจะไม่อยากให้ผมไปด้วยน่ะสิ” ปราณนต์ว่า
อวัศยานั่งเคาะปากกา จ้องนาฬิกาก็เห็นว่านาฬิกาบอกเวลา 16.50 นาฬิกาแล้ว อวัศยาตื่นเต้น เธอจินตนาการถึงปราณนต์
ภาพในความคิดของอวัศยาเป็นภาพฟุ้งๆ อวัศยากับปราณนต์อยู่ในรถที่กำลังจอดติด ทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุข เด็กขายดอกกุหลาบเดินผ่านมา ปราณนต์ลดกระจกลงซื้อกุหลาบแล้วส่งให้อวัศยา อวัศยารับกำกุหลาบไปอย่างเขินๆ ผู้หญิงที่รถจอดติดอยู่ข้างๆ พากันสะกิดมองอวัศยาและปราณนต์ด้วยความอิจฉา
นาฬิกาตีบอกเวลาห้าโมงเย็น อวัศยาคว้ากระเป๋าสะพายแล้วก็ลุกขึ้น เธอหันไปเห็นเงาตัวเองสะท้อนกับกระจกก็เห็นว่าหน้าตัวเองค่อนข้างซีดและเยิน
“อุ้ย!”
อวัศยาเดินไปล็อคประตูห้องแล้วยืนหลังชิดประตูเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็น แล้วเธอก็เปิดกระเป๋าสะพาย หยิบตลับแป้งพัฟออกมาเติมหน้า
อวัศยาอยู่ในสภาพหน้าผ่อง ปากสีชมพูนิดๆ เพราะเติมหน้ามาแล้ว เธอเดินสะพายกระเป๋ามาที่รถเจอปราณนต์ยืนคอยอยู่ที่รถของเธอแล้ว
ปราณนต์หันมาเห็นอวัศยาก็รีบเข้าไปอาสาช่วยถือของทันที
“ผมช่วยครับ”
“ไม่เป็นไร”
อวัศยาเดินข้างหลังโดยเก๊กขรึมตรงไปที่รถ เธอกดรีโมท เอากระเป๋าเอกสารไว้เบาะหลัง แล้วเปิดประตูจะขึ้นรถฝั่งคนขับ แต่ปราณนต์ยังอยู่หน้ารถเหมือนเดิม
“ขึ้นรถสิ” อวัศยาบอก
“เดี๋ยวผมดูรถให้ก่อนครับ”
อวัศยาขึ้นรถ...สตาร์ทรถ...ใส่เกียร์ถอยหลัง ขณะที่ปราณนต์ยืนโบกรถให้อวัศยาด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
“อย่าเพิ่งนะครับ มีรถมา” ปราณนต์บอก รถสวนไป “โอเค ทางสะดวก ถอยมาเลยครับ”
อวัศยามองท่าทางคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงของปราณนต์ผ่านทางกระจกมองหลังแล้วก็อมยิ้มเอ็นดู
รุจน์กดแชทมือถือพลางหัวเราะคิกคัก สักพักลิลลี่ก็เดินเข้ามาจากทางด้านหลัง
“ไปกันได้แล้วค่ะ”
รุจน์ยังไม่รู้ตัว
ลิลลี่เสียงดังขึ้น “เพ่รุจน์ ! จะไปไหม”
รุจน์ตกใจ “ฮะๆๆ ไปสิครับ”
“พี่รุจน์คุยกับใคร” ลิลลี่ถาม
“ส่งข้อความไปแซวไอ้ณนต์ครับ มันกำลังไปงานพร้อมพี่ศยา”
“คุณณนต์ไปพร้อมพี่ศยา” ลิลลี่ตกใจ
“ครับ รถจักรยานของมันพัง พี่ศยาก็เลยให้มันไปด้วย”
“เขาออกไปกันหรือยังคะ ลิลลี่อยากไปพร้อมคุณณนต์” ลิลลี่จะไป
รุจน์รีบบอก “หยุดๆๆๆ”
พริบพราวเดินสะพายกระเป๋ากำลังจะไปงานเดินผ่านมาได้ยินก็หยุดฟัง
“ปราณนต์กับคุณศยากำลังออกไปกันแล้วครับ ปล่อยให้ณนต์ไปกับพี่ศยาตามลำพังเถอะ ณนต์จะได้ทำคะแนนกับพี่ศยา ณนต์จะได้ทำงานที่นี่ น้องลิลลี่ไม่ดีใจเหรอ”
ลิลลี่ยอมฟัง แต่พริบพราวปรี๊ดแตก
“ร้ายมากนักนะนายปราณนต์ !ทำคะแนนกับพี่ศยาเหรอ” พริบพราววิ่งออกไปทันที
พนักงานกำลังทยอยเข้าลิฟต์ฝั่งหนึ่ง ในขณะที่พริบพราววิ่งซอยเท้าถี่ๆ เข้ามา
“รอด้วยค่า!!!! รอด้วยค่า!!!”
ลิฟต์ปิดไปแล้ว แต่ลิฟต์อีกตัวเปิดออกแทน พริบพราวยิ้มดีใจขณะวิ่งเข้าไปในลิฟต์ ผู้ชายที่อยู่ในลิฟต์กดปุ่มปิด พริบพราวรัวกดปุ่มชั้น1 แต่ผู้ชายที่อยู่ในลิฟต์บอก
“ลิฟต์ขึ้นครับ”
พริบพราวเซ็ง “เอ้า”
ประตูลิฟต์กำลังปิด พริบพราวรีบเอาตัวแทรกไปขวางได้ทัน
อวัศยาถอยรถออกเรียบร้อย ปราณนต์ขึ้นรถ
พริบพราววิ่งกระหืดกระหอบลงบันได พอเริ่มวิ่งไม่ไหวเธอก็ถอดรองเท้าส้นสูงแล้ววิ่งต่อ
รถแล่นช้าๆ มุ่งหน้าไปที่ทางออกของบริษัท อวัศยาขับรถหน้านิ่ง ในขณะที่ปราณนต์อึดอัดไม่น้อย
พริบพราวถือรองเท้าส้นสูงเปิดประตูโผล่พรวดออกมาข้างนอก พริบพราวหอบแฮ่กๆ แต่ไม่รอช้า เธอใส่รองเท้าส้นสูงแล้ววิ่งออกไปทางลานจอดรถทันที
รถของอวัศยาขับผ่านหน้าตึกใหญ่มุ่งหน้าสู่ทางออกของบริษัท รถเฟอร์จูเนอร์คันใหญ่แล่นตามหลัง พริบพราววิ่งพรวดออกมาจากด้านในตึกแล้วมองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่เห็นรถอวัศยาเพราะถูกรถคันใหญ่บัง พริบพราวตัดสินใจวิ่งไปทางลานจอดรถซึ่งเป็นคนละทางกับทางที่อวัศยาขับรถไป
จู่ๆ หุ้นขึ้นก็กระโดดขวางหน้ารถอวัศยาพร้อมตะโกน
“คุณศะ...ยา..หยุด..รถ.. !”
อวัศยาเบรกเอี๊ยด
พริบพราวหันขวับกลับไปทางเสียงนั้นทันที
รถอวัศยาจอดได้อย่างเฉียดฉิวก่อนจะชนหุ้นขึ้น อวัศยาลงจากรถมาด่าหุ้นขึ้น
“อยากตายหรือไงนายแห้ว”
“ผมเปลี่ยนชื่อเป็นหุ้นขึ้นแล้วครับ ผมต้องขอโทษจริงๆ พอดีคุณนิดาสั่งให้ผมหยุดรถคุณศยาให้ได้” หุ้นขึ้นบอก
“หยุดทำไม”
เสียงลิปดาดังขึ้น “ผมจะไปกับคุณ”
อวัศยาหันไปมองก็เห็นลิปดาเดินออกมาจากบริษัท ลิปดาใส่ชุดสูทที่ดูเท่มาก มีนิดาเดินตามหลังต้อยๆ พริบพราวเดินตามมาไกลๆ
“รอด้วยค่ะ” พริบพราวหอบแฮ่กๆ แต่พยายามรักษาฟอร์ม
พริบพราวหันไปกระซิบกับปราณนต์โดยจิกหน้าร้ายสุดฤทธิ์
“อย่าคิดว่าฉันจะยอมปล่อยให้นายเอาหน้าคนเดียว”
ปราณนต์งง
“รถพราวเสีย พราวขอติดรถไปด้วยคนนะคะ” พริบพราวบอก
อวัศยาอึ้ง
อวัศยานั่งกุมขมับทำหน้าเซ็งโลกอยู่ที่ตำแหน่งคนขับ เสียงคุยกันของผู้โดยสารดังลั่นรถ
ลิปดานั่งอยู่เบาะข้างอวัศยา ส่วนนิดา พริบพราว และปราณนต์นั่งเบาะหลัง โดยที่นิดานั่งกลาง พริบพราวนั่งหลังเบาะคนขับ นิดาคุยบอกทางกับสามีโดยหันไปปรึกษาปราณนต์ด้วย ส่วนพริบพราวตะโกนข้ามหัวคุยกับลิปดา ลิปดาคุยไปร้องเพลงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากไปด้วย
นิดาคุยโทรศัพท์ “เลี้ยวซ้าย เออ..แล้วก็เลี้ยวขวา แล้วไงต่อนะคะน้องณนต์”
“แล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ” ปราณนต์บอก
“ตรงไปเรื่อยๆ โว้ยยยย ! บอกว่าอย่าเพิ่งเลี้ยว ตรงไปก่อน” นิดาว่า
“จำตอนที่อยู่ที่โน้นได้ไหมคะ พี่ลิปร้องเพลงบนเวทีเท่ห์มาก” พริบพราวบอก
“แบบนี้หรือเปล่า "เจ้าทุยอยู่ไหน เจ้าทุยอยู่ไหน" ลิปดาร้องเพลงลั่นรถ
อวัศยาถอนหายใจเซ็งมาก คนเดินมาขายดอกไม้ที่สี่แยกเป็นยายแก่ๆ ไม่เหมือนภาพที่เธอฝันไว้เลย
อวัศยาขับรถเข้ามาจอด ณ ทางเข้าโรงแรม แขกเหรื่อจากแวดวงโบรกเกอร์ทยอยกันเดินเข้าไปในโรงแรม
อวัศยา ลิปดา พริบพราว ปราณนต์ และนิดาก้าวลงจากรถ ปราณนต์มีอาการประหม่าเพราะไม่เคยมางานแบบนี้ ในขณะที่พริบพราวเชิดๆ ด้วยท่าทางมั่นใจ
พนักงานของโรงแรมเดินเข้ามารับกุญแจรถจากอวัศยา แล้วทั้งหมดก็เดินเข้าไปที่หน้าโรงแรม อวัศยาหน้าเซ็งและเบลอๆ จนลิปดาสังเกต
“เป็นอะไร” ลิปดาถาม
“เวียนหัว” อวัศยาตอบ
ลิปดาคว้ามืออวัศยา “คุณนิดา เดี๋ยวพาน้องๆ ไปนั่งที่โต๊ะของบริษัท ผมจองไว้แล้ว”
“ค่ะ แล้วบอสจะไปไหนคะ” นิดาถาม
“พาศยาไปหาน้ำหวานดื่ม แล้วก็จะพาไปเปิดตัว”
ลิปดาคว้าข้อมือของอวัศยา อวัศยาตาเขียว
“บอส !”
ลิปดากระซิบ “ผมอุ้มนะ”
อวัศยารู้ว่าลิปดาเอาจริงจึงยอมเดินไป ลิปดายิ้มพอใจแล้วเดินตาม
“น้องๆ เข้าไปในงานก่อนเลยนะคะ พี่ขอเข้าห้องน้ำไปทำท้องให้ว่างก่อน อาหารในงานต้องมีแต่ของอร่อยๆ จะได้กินเยอะๆ” นิดาเดินออกไปคุยโทรศัพท์ “พี่พี แวะหาถุงหากล่องมาใส่อาหารกลับบ้านด้วยนะ”
พริบพราวมองตามนิดาแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ ด้วยความเอือมระอาปนขำ แล้วเธอก็หันไปเห็นปราณนต์มองมุมต่างๆ ของงานอยู่ พริบพราวกระตุกยิ้ม
“นายคงไม่เคยมางานแบบนี้สินะ ตอนอยู่ที่โน้น...ฉันไปงานแบบนี้แทบทุกวีค กระทบไหล่คนดังมาแล้วนับไม่ถ้วน”
“ใครถาม” ปราณนต์ย้อน
พริบพราวหน้าแตก
“นี่เป็นคำบอกเล่า ไม่ใช่คำตอบ และฉันก็เห็นแก่พี่ลิปหรอกนะถึงยอมช่วยสงเคราะห์สอนนาย ว่าการวางตัวแบบมืออาชีพเขาทำกันยังไง นายจะได้ไม่ไปปล่อยไก่ทำให้พี่ลิปเสียหน้า”
ปราณนต์ส่ายหน้าเอือมระอาแล้วก็หันไปเห็นใครบางคน นั่นคือรุ้งลดาที่เดินผ่านไป
ปราณนต์อึ้ง “รุ้ง”
ภาพในอดีตย้อนกลับมา ปราณนต์ไขกุญแจเปิดประตูเข้ามาในห้อง มือของเขาถือกล่องอาหารมาด้วย รุ้งลดาแต่งตัวชุดเตรียมไปเมืองนอกออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นปราณนต์เธอก็อึ้งเพราะไม่คิดว่าปราณนต์จะมา แต่ปราณนต์ยังไม่เห็นรุ้งลดาเพราะมัวแต่วางกล่องอาหาร
“รุ้ง แม่รู้ว่ารุ้งไม่สบายก็เลยทำข้าวต้มปลามาให้” ปราณนต์พูด
ปราณนต์หันมาเห็นรุ้งแต่งตัว เห็นกระเป๋าเดินทาง เห็นพาสปอร์ตวางอยู่บนโต๊ะ
ปราณนต์เอ่ยถาม “รุ้งจะไปไหน”
“อเมริกา รุ้งขอไปทำตามความฝันของตัวเองก่อนนะคะณนต์”
“แล้วเรื่องของเรา มันไม่เหมือนเดิมแล้วใช่มั้ย”
“รุ้งจะไม่ขอให้ณนต์รอ รุ้งไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว บางทีถ้าเราห่างกันสักพัก ความรักของเราอาจจะดีขึ้นก็ได้”
ปราณนต์เศร้า
เหตุการณ์ปัจจุบัน ปราณนต์มองตามผู้หญิงที่เหมือนรุ้งลดาไม่วางตา ขณะที่พริบพราวก็พูดไม่หยุด
“คอยเดินตามหลังฉัน แล้วดูว่ามืออาชีพเขาทำกันยังไง”
พริบพราวเดินนำปราณนต์ ผู้หญิงที่เหมือนรุ้งลดาเดินหายไป ปราณนต์เดินตามผู้หญิงคนนั้น แต่พริบพราวยังไม่รู้ตัว
“ขั้นแรก นายต้องหลังตรง ตามองไปข้างหน้า มีอายคอนแท็คกับผู้คนรอบๆ อย่าทำตัวเป็นบ้านนอกเข้ากรุง เพราะจะไม่มีใคร” พริบพราวหันไปหาปราณนต์ “สนใจ...เอ่อ”
พริบพราวชะงัก เพราะคนที่พริบพราวพูดใส่หน้ากลับเป็นผู้ชายแปลกหน้าไม่ใช่ปราณนต์
“คุณสนใจอะไรไม่รู้ แต่ผมสนใจคุณ” ผู้ชายคนนั้นส่งตาหวานวิบวับใส่พริบพราว
พริบพราวเบ้หน้าแล้วเดินออกไปทันที
พริบพราวเดินมาหยุดยืนหงุดหงิด
“ไอ้บ้าปราณนต์ จะไปไหนก็ไม่บอก”
ปราณนต์เดินตามผู้หญิงที่เหมือนรุ้งลดาไปอย่างคนที่ตกอยู่ในภวังค์ ผู้หญิงคนนั้นเดินหายเข้าไปในฝูงชน ปราณนต์เร่งฝีเท้าตาม
ลิปดากำลังยืนคุยอยู่กับกลุ่มนักธุรกิจ
“คุณลิปดาคิดว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้น ผมจะได้ทุ่มเงินเล่นเต็มที่เลย”
“ถ้าผมรู้ ผมก็ไม่ต้องทำงานแล้วสิครับ” ลิปดาว่า
อวัศยาหันไปเห็นปราณนต์เดินรีบร้อนตามใครบางคนอยู่ก็แปลกใจ
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบอวัศยาก็เดินออกไปทางปราณนต์ ลิปดามองตาม แต่นักธุรกิจรั้งตัวเขาไว้พร้อมกับถาม
“เอาเป็นว่าหุ้นตัวไหนมีทิศทางที่ดีบ้างก็ได้ วิเคราะห์ให้เราฟังหน่อยเถอะครับ”
ลิปดาจำต้องอยู่คุยต่อ
ปราณนต์เดินตามผู้หญิงที่เหมือนรุ้งลดาเข้ามาถึงตรงบริเวณที่ไม่ค่อยมีคนจึงตัดสินใจเรียก
“รุ้ง !”
ผู้หญิงคนนั้นหันมา เธอคือรุ้งลดาจริงๆ ปราณนต์แปลกใจปนดีใจ แต่รุ้งลดาอึ้งมาก
“ณนต์...”
อวัศยาเดินตามเข้ามาเห็นปราณนต์ยืนคุยกับรุ้งลดาก็หยุดแอบมองหลังเสาอยู่ห่างๆ ในระยะที่ไม่ได้ยินบทสนทนา
ปราณนต์เอ่ยถาม “รุ้งกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมส่งอีเมล์ไปฉบับหลังสุด รุ้งได้อ่านหรือเปล่า”
รุ้งลดาอึกอัก ทันใดนั้นเสียงองศาก็ดังขึ้น
“รุ้ง”
รุ้งลดากับปราณนต์หันไปทางเสียงก็เห็นองศา หนุ่มใหญ่วัย40ต้นๆ ดูภูมิฐานเดินเข้ามา
“มีอะไรหรือเปล่า” องศาถาม
“ไม่มีค่ะ พอดีรุ้งเจอณนต์เพื่อนเก่าน่ะค่ะ เรารู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ณนต์จ๊ะ นี่คุณองศา...แฟนรุ้ง”
ปราณนต์อึ้ง คำถามที่เคยสงสัยมานานกระจ่างแล้วว่าเหตุใดรุ้งลดาถึงเปลี่ยนแปลงไป
องศามองอาการของรุ้งลดาและปราณนต์ก็พอจะเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง แต่เขาก็ยังทำตัวปกติ
“เรากำลังจะแต่งงานกัน” องศาพูด
องศากุมมือรุ้งลดามาจูบโดยจงใจโชว์แหวนเพชรเม็ดเป้งบนนิ้วรุ้งลดาให้ปราณนต์ดู
“เชิญด้วยนะครับ” องศาพูด
ปราณนต์ตอบรับสั้นๆ “ครับ”
“เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ งานจะเริ่มแล้ว”
องศาส่งเสื้อสูทให้รุ้งลดา รุ้งลดารับไปสวมให้องศา องศาจุ๊บแก้มรุ้งลดา
“ขอบคุณครับ”
องศาเดินโอบรุ้งลดาเข้าไปในงาน ปราณนต์มองตามสีหน้านิ่งเฉย แต่พอหันหลังน้ำตาของเขาก็จะไหล จนเขาต้องเงยหน้าไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แล้วเดินจากไปอย่างเศร้าสร้อย อวัศยามองตามปราณนต์ด้วยความสงสัยมากว่าปราณนต์มีเรื่องอะไรกับผู้หญิงคนนั้น
ด้านหน้างานประกาศรางวัลเป็นเวที มีโพเดียมตั้งแท่งคริสตัลรางวัล ที่นั่งของผู้ร่วมงานจัดเป็นโต๊ะกลมๆ เหมือนโต๊ะจีน โดยมีโต๊ะของบริษัทหลักทรัพย์นาราภัทรตั้งอยู่ตรงกลางห้อง
“ถ่ายรูปกันหน่อยนะคะ ลิลลี่จะอัพเฟชบุ๊ค” ลิลลี่บอก
ลิลลี่ถ่ายรูปตัวเองกับปราณนต์ แม้ปราณนต์จะเศร้าเรื่องรุ้งลดาอยู่แต่ก็ฝืนยิ้ม
“หนึ่ง สอง...”
รุจน์โผล่หน้าเข้ามาในเฟรมพอดีกับจังหวะแชะ!
ลิลลีืเคือง “พี่รุจน์”
อวัศยาแอบมองอาการของปราณนต์ตลอดเวลา
“เดี๋ยวก็ตาเหล่หรอก” รันแซว
อวัศยามองรันตาขุ่น
“ยา หน้าแกมัน เติมแป้งหน่อยสิ เติมลิปด้วย” รันบอก
“เติมทำไม”
“ก็เวลาที่...” รันกำลังจะหลุดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้ตัวก่อนจึงเปลี่ยนเรื่อง “ที่เสร็จงานไปถ่ายรูปกับบอส หน้าจืด ไม่สวย”
“ไม่ต้องถ่าย ง่ายกว่า” อวัศยาว่า
รันค้อนอวัศยาเพราะหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจ
องศากับรุ้งลดาเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะใกล้ๆ โต๊ะของบ.หลักทรัพย์นาราภัทร รุ้งลดาเห็นปราณนต์นั่งอยู่ก็มองตลอด ขณะที่องศาคุยทักทายแขกร่วมโต๊ะ ไฟในงานมืดลงจนเหลือไฟสว่างแค่บนเวที พิธีกรเดินขึ้นไปที่โพเดียม
“สวัสดีครับแขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ตอนนี้ถึงช่วงเวลาสำคัญของงานกันแล้ว ผู้ที่ได้รับรางวัล Hot bachelor CEO ของนิตยสาร Young Ceo ในปีนี้คือ คุณลิปดา นาราภัทร เจ้าของบริษัทหลักทรัพย์นาราภัทร”
ทุกคนปรบมือ ลิลลี่ปรบมือดังๆ ส่วนรุจน์เป่าปาก
ลิปดาวิ่งขึ้นไปหยิบแท่งแก้วที่ตั้งอยู่บนแท่นแล้วเดินไปที่ยืนที่หน้าไมค์โมโครโฟนกลางเวที
“มวฟ !” ลิปดาจูบโล่ห์ “แหม่...ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเหมือนดาราฮอลลีวู้ดเท่านี้มาก่อน”
คนในงานหัวเราะ แต่อวัศยากลอกตาและส่ายหน้าเอือมๆ ที่มีเจ้านายไม่เต็ม
“มักจะมีคนถามผมว่าเคล็ดลับความสำเร็จของผมคืออะไร ก่อนจะบอกเคล็ดลับ ผมขอบอกความลับก่อน ความลับของผมก็คือ...ผมคิดว่าผมยังอยู่ห่างไกลคำว่าความสำเร็จ ถ้าอีกร้อยปีลูกล้านของพวกคุณใช้บริการของบริษัทหลักทรัพย์นาราภัทร เมื่อนั้นผมถึงจะยอมรับว่าผมประสบความสำเร็จ”
รันปรายตามองอวัศยาและยิ้มเขิน แต่เห็นอวัศยาหน้ามันแผล่บจึงคว้าทิชชู่ซับจมูกให้อวัศยาอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไร” อวัศยาถาม
“อยู่เฉยๆ น่ะ” รันบอก
อวัศยาเบี่ยงหน้าหลบ ตอนนั้นมือถือของรันมีสายเข้า รันรับสายแล้วป้องปากพูด
“ฮัลโหลม้า รันกลับดึก ฮัลโหลๆ ได้ยินมั้ย” รันก้มหน้าคุย
ส่วนมือถือของปราณนต์มีข้อความแชทเข้ามา ปราณนต์กดดูเห็นว่าเป็นข้อความจากรุ้งลดาเขียนว่า "คืนนี้รุ้งไปหาที่บ้านนะคะ รุ้งอยากคุยกับคุณ"
ปราณนต์มองไปที่รุ้งลดา รุ้งลดาเองก็มองมาที่ปราณนต์ตลอด ปราณนต์รู้สึกอึดอัด สักพักก็มีข้อความมาอีกว่า "นะคะณนต์"
ปราณนต์อึดอัดจึงลุกออกไป รุ้งลดามองตามแล้วกระซิบอะไรบางอย่างกับองศาก่อนจะลุกตามไป อวัศยาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็รู้สึกไม่สบายใจ
ลิปดายังพูดไม่หยุด “ส่วนเคล็ดลับที่ทำให้ผมมาถึงจุดนี้ได้ เพราะผู้หญิงครับ”
แขกในงานฮือฮา
“ผมโชคดีที่ได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอทำงานหนักกว่าผมหลายเท่า แต่ผมขอเตือนทุกท่านไว้ก่อน ห้ามใครคิดจะแย่งตัวผู้หญิงคนนี้ไปจากผม เพราะผมจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาเธอไว้ให้อยู่เคียงข้างผมตลอดไป”
ทีมงานเตรียมส่องไฟ
“ผมขอมอบรางวัลนี้ให้กับเธอคนนี้ด้วยครับ” ลิปดาผายมือไปข้างหน้า
ทุกคนมองตามมือของลิปดา
ไฟ Follow ส่องไปที่เก้าอี้ของอวัศยา แต่อวัศยากลับไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น ลิปดาและทีมงานเหวอ รันเงยหน้าขึ้นมาจากการคุยโทรศัพท์ พอไม่เห็นอวัศยาเขาก็อึ้ง
“ศยา”
แขกในงานเลิ่กลั่กพร้อมกับชะเง้อมองไปที่ไฟว่างเปล่า ลิปดามองหาอวัศยาอย่างเหวอๆ แต่ก็ไม่เห็น พริบพราวเห็นเหตุการณ์ไม่ดี ด้วยความหวังดีไม่อยากให้ลิปดาหน้าแตกเธอจึงลุกขึ้นยกแก้วเครื่องดื่มแล้วพูด
“ขอบคุณมากค่ะพี่ลิป”
ทีมงานไม่รู้เรื่องอะไรจึงส่องไฟไปที่พริบพราว พวกทีมบริษัทนาราภัทรตะลึง แต่แขกในงานไม่รู้เรื่องก็พากันปรบมือให้พริบพราว องศาปรบมือและมองที่พริบพราวอย่างสนอกสนใจ
ลิปดายอมเออออไปกับพริบพราวเพราะไม่อยากให้น้องหน้าแตก แต่ลิลลี่ทนไม่ได้จึงจิ้มลูกสตรอเบอรี่บนหน้าเค้กของพริบพราว
“ขอนะคะ คิดว่าพราวคงไม่ต้องกินสตอเบอรี่แล้ว”
พริบพราวเชิดหน้าใส่ลิลลี่
อวัศยาเดินตามหาปราณนต์ ปราณนต์กำลังเดินไปหน้าโรงแรม รุ้งลดารีบเข้ามาดักหน้าปราณนต์
“ณนต์ ณนต์จะไปไหน”
อวัศยาเห็นทั้งคู่ก็รีบหลบหลังเสา
ปราณนต์ไม่ตอบรุ้งลดาแต่จะเดินไป รุ้งลดาดึงแขนปราณนต์ไว้แล้วร้องไห้
“ณนต์ เราต้องคุยกันให้เข้าใจ” รุ้งลดาบอก
“ผมเข้าใจแล้วว่าความฝันของคุณคืออะไร”
“ณนต์ยังไม่เข้าใจรุ้ง คุณองศาเป็นเจ้านายของรุ้ง เขาดีกับรุ้งมาก”
“แล้วผมไม่ดีกับคุณตรงไหน”
“ไม่ค่ะ ไม่มี ณนต์ดีกับรุ้งมาก แต่ครอบครัวรุ้งอยากให้รุ้งคบกับคุณองศามากกว่า”
“ทำไมไม่บอกผมตรงๆ”
“รุ้งไม่กล้า รุ้งกลัวณนต์เสียใจ”
“คิดว่ารู้ตอนนี้ แล้วผมจะไม่เสียใจหรือไง”
ปราณนต์จะเดินไป แต่รุ้งลดาสวมกอดปราณนต์จากทางด้านหลัง
“เรายังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ใช่มั้ยคะ” รุ้งลดาถาม
“ไม่ได้ ผมไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น โชคดี”
ปราณนต์ดึงมือรุ้งลดาออกแล้วเดินไป
“ณนต์”
อวัศยาที่มองเหตุการณ์อยู่รู้สึกไม่สบายใจ
นาราภัทรแอบมองพริบพราวและกระซิบกระซาบกัน พริบพราวทนไม่ได้อีกต่อไป
“พราวไม่ได้คิดจะแย่งซีนใคร แต่ถ้าพราวไม่ลุก พี่ลิปก็ต้องหน้าแตกกลางงาน ภาพลักษณ์ของพี่ลิปก็จะเสียหายที่ขนาดคนที่พี่ลิปชื่นชมนักหนา ยังไม่อยู่ร่วมแสดงความยินดีกับพี่ลิป”
“อุ้ยตาย! พราวเพิ่งกินสตรอเบอรี่หมดไปแค่ครึ่งลูกเองเหรอ ต้ายๆๆ นี่ถ้ากิน "สตรอ" เบอรี่หมดลูกจะขนาดไหนเนี่ย” ลิลลี่ว่า
ลิลลี่หัวเราะคิกคัก
“ถ้าทุกคนไม่เชื่อที่พราวพูดก็ตามใจ คนอย่างพราวถ้าอยากเป็นที่สนใจ พราวไม่ต้องอาศัยบารมีคนอื่น หรือว่าทาปากให้แดงเป็นผีดิบกินเลือดหรอกค่ะ”
พริบพราวลุกเดินออกจากไปโต๊ะ
“น้องลิลลี่ น้องพราวว่าน้องลิลลี่เป็นผีดิบ” รุจน์บอก
ลิลลี่โมโห “อีพี่รุจน์”
ลิลลี่ทุบรุจน์ก่อนจะมองตามพริบพราวไปแบบเคืองๆ นิดากับพีระมองคู่นี้อย่างเอือมๆ
อวัศยาเดินกลับเข้ามาที่หน้าห้องบอลรูมในสภาพคิ้วผูกกันเพราะยังไม่สบายใจเรื่องปราณนต์ รันเดินออกมาจากในงานพอเจออวัศยาก็รีบปรี่เข้าไปหา
“ยา” รันรีบปรี่เข้าไปหา “หายไปไหนมา”
“เข้าห้องน้ำ” อวัศยาตอบ
“โกหก แกหายไปพร้อมปราณนต์ นัดกันไปทำอะไร บอกมาซะดีๆ”
“รัน พูดให้มันดีๆ ใครมาได้ยินเข้าฉันจะเสียหาย”
“ไปไหน ! ฉันยังไมได้ด่าแกเลย แกทำให้บอสเกือบหน้าแตก บอสเขาอุตส่าห์แนะนำแกบนเวที แต่แกกลับหายหัวไปเฉยเลย”
“บอสจะแนะนำฉันทำไม”
“เขาให้เกียรติแกไง นี่ขนาดฉันห้ามเขาแล้วนะว่าไม่ต้องทำแบบนี้หรอก เดี๋ยวแกจะกลายเป็นเพชรเม็ดงามให้โบรกเกอร์อื่นฉกแกไป แต่บอสไม่กลัว...เขาบอกว่าแกอยู่ข้างเขามาตลอด วันสำคัญแบบนี้เขาก็ต้องเอาแกมาอยู่เคียงข้างด้วยเหมือนกัน”
อวัศยารู้สึกผิด
รันพูดต่อ “แต่แกทำให้แผนพังหมด แถมยัยพริบพราวยังมาสวมรอยเป็นแกอีกด้วย”
อวัศยาอึ้ง “หา !”
“นี่ฉันยังอึ้งไม่หายกับความมั่นของนาง งานนี้แม่นั่นเลยได้หน้าไปเฉยเลย แกไปขอโทษบอสซะด้วยนะ สงสารเขา”
“บอสไม่ใช่คนคิดมากหรอก มีคนน่าสงสารกว่าบอสอีก”
“ใคร” รันถาม
อวัศยาไม่ตอบ
ปราณนต์ออกมาจากในโรงแรมแล้วโบกรถแท็กซี่ พอรถหยุด ปราณนต์ก็เปิดประตู แต่พริบพราวที่ทำหน้ามุ่ยโผล่เข้าไปนั่งในรถเฉยเลย
“คุณ ! ผมเรียกก่อนนะ”
“รู้จักมะ เลดี้เฟิร์ส” พริบพราวว่า
“รู้จักมะ ต่อคิวอ่ะ” ปราณนต์สวน
“นี่อย่ามากวนได้ไม๊ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ รอเรียกอีกคันมันจะตายหรือไง”
“ไม่ตาย แต่ไม่ชอบให้ใครมาแย่งของไปซึ่งๆ หน้า งั้นไปด้วยกันเลยแล้วกัน”
พริบพราวอ้าปากจะห้ามแต่ปราณนต์เบียดตัวเข้าไปจนแทบจะนั่งตักพริบพราว พริบพราวจึงจำต้องกระเถิบเข้าไปข้างใน รุ้งลดาเดินออกมาจากในโรงแรมแล้วมองซ้ายมองขวาตามหาปราณนต์จนเห็นปราณนต์กำลังขึ้นแท็กซี่ไปกับพริบพราว
รุ้งลดาสงสัย “ณนต์ไปกับใคร”
รุ้งลดาแปลกใจแล้วก็รู้สึกแอบหวงนิดๆ มือถือของรุ้งลดามีสายเข้า รุ้งลดารับสาย
“ค่ะ รุ้งจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
รุ้งลดาเดินเข้าไปในโรงแรม
ลิปดาโพสต์ท่ากับแท่งรางวัลให้นักข่าวถ่ายรูปจนเสร็จ นักข่าวขอบคุณลิปดาแล้วพากันเดินออกไปโดยสวนกับองศาและรุ้งลดาที่เดินเข้ามาหาองศา
“มีรางวัลการันตีเจ้าของขนาดนี้ ต้องมีลูกค้ามาเทรดหุ้นกับบริษัทของนายถล่มทลายแน่ๆ น่าอิจฉาจริงๆ” องศาบอก
“ใครกันแน่ที่น่าอิจฉา” ลิปดาว่า
ลิปดาหลิ่วตาไปที่รุ้งลดา องศาหัวเราะชอบใจและโอบเอวรุ้งลดาด้วยความภาคภูมิใจ
“นี่รุ้งลดาว่าที่พี่สะใภ้ของนาย รุ้ง..นี่นายลิปลูกพี่ลูกน้องผม”
รุ้งลดากับลิปดาจับมือกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณลิปเก่งมาก รุ้งไม่แปลกใจแล้วล่ะค่ะว่าทำไมคุณองศาถึงพูดถึงคุณลิปบ่อยๆ”
“พูดถึงผม? พูดถึงทางที่ดีหรือไม่ดีเอ่ย” ลิปดาถาม
“ใครจะไปกล้าพูดถึงคุณลิปดาว่าที่เจ้าพ่อโบรกเกอร์ในทางที่ไม่ดี มีแฟนคลับมาขอถ่ายรูปนายแล้ว เอาไว้วันหลังนัดกินข้าวกันนะ อยากให้นายแนะเรื่องเปิดทำโบรกเกอร์ เผื่อฉันจะสบายไม่ต้องทำอะไรก็รวยแบบนายบ้าง”
ลิปดารู้ว่าโดนเหน็บแต่ก็ยิ้มรับ
ลิปดาเดินออกมาจากในงาน นิดากับพีระกำลังทำตัวเนียนๆ ขณะเก็บอาหารใส่ถุง นิดาหันไปเห็นลิปดาก็รีบเข้าไปหา
“คนอื่นๆ ล่ะ” ลิปดาถาม
“กลับกันหมดแล้วค่ะ” นิดาบอก “บอสจะกลับหรือยังคะ มีรถรออยู่ด้านหน้า ถ้ากลับเดี๋ยวจะให้รถไปส่ง”
“ขอบคุณมาก”
ลิปดาเดินออกไป นิดาแอบยิ้มอย่างมีเลศนัย
รถอวัศยาจอดอยู่หน้าโรงแรม อวัศยายืนคอยอยู่หน้ารถโดยคอยมองเข้าไปในโรงแรมเป็นระยะ แล้วเธอก็นึกถึงอดีต
เหตุการณ์ในอดีตหวนกลับมา อวัศยาแอบมองลิปดากำลังให้สัมภาษณ์นักข่าว
“คุณลิปพูดว่าได้ดีเพราะผู้หญิง คุณลิปไม่กลัวเสียเชิงชายเหรอครับ” นักข่าวถาม
“ถ้าต้องเสียให้ผู้หญิงคนนี้ ผมยอมครับ”
อวัศยารู้สึกผิด นิดาเดินผ่านมา อวัศยาหันไปถาม
“พี่นิดาจะไปไหนคะ”
“ไปถามบอสค่ะว่าบอสจะกลับยังไง”
“งั้นยาไปส่งบอสเองค่ะ แต่ไม่ต้องบอกบอสนะคะ บอกแค่ว่าจะเตรียมรถไว้ให้ เขาจะได้ไม่ต้องรีบ”
นิดายิ้ม
อวัศยาที่ยืนคอย ตบแขนขาเปาะแปะเพราะยุงเริ่มกัด แล้วเธอก็หันไปเห็นลิปดากำลังเดินออกมาจากในโรงแรม
“บอส”
อวัศยาขึ้นรถขับไปรับลิปดาที่ด้านหน้า
ลิปดาจะเดินมาถึงข้างหน้าแล้ว แต่จู่ๆ สาวสุดเอ็กซ์ก็โผล่มาดักหน้าลิปดาไว้ก่อน
“ยินดีด้วยนะคะคุณลิปดา”
“ขอบคุณครับ”
“คืนนี้จะไปฉลองกับใครต่อหรือเปล่าคะ” สาวคนนั้นยิ้มยั่วยวน
ลิปดามองสาวสุดเอ็กซ์อย่างชั่งใจว่าจะไปดีหรือไม่
อ่านต่อหน้าที่ 2
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ลิปดาคุยโทรศัพท์อยู่บนรถของสาวสุดเอ็กซ์
“คุณนิดาบอกให้คนขับรถกลับไปได้เลย ผมกลับเอง”
สาวเอ็กซ์ส่งสายตาวิบวับแล้วยื่นมือมาวางบนต้นขาของลิปดา ลิปดายิ้มตอบตาหวานเยิ้มพร้อมกับบอกปลายสาย
“หาคนขับรถไม่ได้..ศยารออยู่เหรอ บอกให้ศยากลับไปได้เลย” ลิปดาพูดไปก่อนจะได้สติ “หะ ? ใครรอนะ !!”
รถเบรคดังเอี๊ยดด
“ให้จอดรถทำไมคะ”
ลิปดายิ้ม “วันนี้ผมต้องขอบายก่อนนะครับ พอดีว่าต้องรีบกลับไปทำธุระ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
ลิปดายิ้มกว้างแล้วลงรถวิ่งกลับไปทางโรงแรม สาวเอ็กซ์มองงงๆ
ลิปดาวิ่งมาจากถนนมาหยุดแถวหน้าโรงแรมแล้วมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นอวัศยาแล้ว ลิปดาหยิบมือถือออกมาโทรหาอวัศยาแต่พบว่าปิดเครื่อง ลิปดาร้อนใจ
ทันใดนั้นเสียงอวัศยาก็ดังขึ้น “บอสมายืนทำอะไรตรงนี้”
ลิปดาหันขวับไปเจออวัศยายืนอยู่ด้านหลัง
“คุณ ! มาเงียบๆ ตกใจหมด คุณหายไปไหนมา” ลิปดาถาม
“เข้าห้องน้ำ แล้วบอสล่ะ กลับมาทำไม ฉันคิดว่าบอสจะไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดแล้วซะอีก”
“ก็อยากจะไปอยู่หรอก แต่คุณนิดาโทรไปบอกว่าคุณรออยู่ ผมไม่อยากให้คุณยืนรอจนน่องโต” ลิปดาก้มมองขาอวัศยา “สงสาร”
“ถึงขาฉันจะใหญ่ มีเซลล์ลูไลท์ พุงหนาเป็นชั้น ก้นเป็นกะละมัง ฉันก็ยังทำงานให้บอสได้เหมือนเดิม เก็บความสงสารของบอสไว้ให้คนอื่นเถอะ ฉันไม่รับ”
“รับเถอะ คนอื่นจะได้เลิกเข้าใจผิดคิดว่าคุณเป็นเมียนักมวย”
อวัศยาชักจะฉุน “บอส”
อวัศยายกมือทำท่าจะทุบ แต่ลิปดารีบห้าม
“อ๊ะๆ วันนี้คุณทำผมเกือบหน้าแตกกลางงาน คุณไม่มีสิทธิ์ทำผมเจ็บแม้แต่นิดเดียว”
อวัศยาลดมือลงด้วยความหงุดหงิด
“ในงานคุณหายไปไหนมา” ลิปดาถาม
อวัศยาตอบแบบโกหก “เข้าห้องน้ำ”
“กระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือเปล่า ทำไมเข้าห้องน้ำบ่อย ในงานคุณก็เข้า เมื่อตะกี้คุณก็เข้า เวลาห่างกันไม่ถึงชั่วโมง เมื่อก่อนผมเห็นคุณอั๋นได้เป็นวันๆ”
“แล้วบอสจะมายุ่งอะไรกับระบบขับถ่ายฉันเนี่ย” อวัศยาว่า ลิปดาขำ “ตกลงจะกลับ ไม่กลับ จะกลับก็ตามมา”
พูดจบอวัศยาก็เดินไป ลิปดายิ้มๆแล้วก็เดินตาม
อวัศยาเดินฉับๆ มุ่งหน้าไปที่รถ ลิปดาตามมาแย่งกุญแจรถไปจากมืออวัศยา
“คุณขับช้าเป็นเต่าคลาน ผมขับเอง” ลิปดาบอก
“ถ้ารีบนัก ไปโบกวินมอเตอร์ไซด์กลับเองเลยไป เอากุญแจรถคืนมา”
จังหวะนั้นอวัศยาหันไปทางหน้าโรงแรมแล้วเธอก็ชะงักกึกเพราะเห็นอะไรบางอย่าง
อวัศยาเห็นองศากับรุ้งลดาเดินออกมาจากในโรงแรม ทั้งสองกำลังมาขึ้นรถยุโรปคันหรูที่พนักงานโรงแรมขับมาจอดให้ รุ้งลดาเกาะแขนและท่าทางพะเน้าพะนอองศา องศาหันมาโบกมือให้ลิปดา ลิปดาโบกกลับ
“บอสรู้จักเขาด้วยเหรอ” อวัศยาถาม
“พี่องศา ลูกพี่ลูกน้องผม เป็นผู้จัดการธนาคาร ไม่ค่อยได้ติดต่อกันหรอก” ลิปดาบอก
“ผู้หญิงที่มาด้วย น้องสาวเขาเหรอ” อวัศยาถามต่อ
“ไม่ใช่น้อง แฟน” ลิปดาบอก
“แฟน !? ดูอายุห่างกันมากเลยนะ เด็กกว่าตั้งเยอะ”
“ใครๆ ก็ชอบเด็กกันทั้งนั้น คุณเองก็ระวังตัวไว้เหอะ อย่าเผลอใจไปชอบเด็ก เดี๋ยวจะติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น งานการเสียหมด”
อวัศยาสะดุ้ง แต่ทำกลบเกลื่อน “เตือนตัวเองเถอะค่ะ แล้วญาติคุณกับแฟนคบกันมานานหรือยัง”
“ไม่รู้” ลิปดตอบแล้วก็สงสัย “อยากรู้ไปทำไม ปกติไม่เห็นสนใจเรื่องคนอื่น” ลิปดาหลิ่วตา “สนใจพี่องศาเหรอ เตือนไว้เลยนะ อย่าริเล่นกับไฟ และที่สำคัญ คุณไม่ใช่สเปคเขาหรอก”
“คนในตระกูลบอสก็ไม่ใช่สเปคฉันเหมือนกัน” อวัศยาเปลี่ยนเรื่อง “บอสจะขับก็ขับไป แต่ห้ามเหยียบเกินหนึ่งร้อย ห้ามปาดหน้า ห้ามจี้ตูด ห้ามเบรกกะทันหัน”
“ครับแม่” ลิปดาตอบกวนๆ
ลิปดาเดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ อวัศยาเดินอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่งและหันไปมองทางรถขององศากับรุ้งลดาด้วยความสนใจ
ปราณนต์ที่นั่งอยู่ในรถทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างเพราะรู้สึกเฮิร์ตเรื่องรุ้งลดา สักพักเสียงพริบพราวก็ดังขึ้น
“ฉันจ่ายเงินค่ารถเผื่อไว้แล้ว ถ้าอยากจะนั่งจมทุกข์ต่อไปก็เชิญตามสบาย”
ปราณนต์หันมามองงงๆ แล้วพริบพราวก็ลงจากรถไปเลย ปราณนต์มองถึงเห็นว่ารถแท็กซี่จอดอยู่หน้าบริษัทแล้ว ปราณนต์รีบถามคนขับ “ขอโทษครับพี่ ค่ารถเท่าไหร่ครับ”
“น้องผู้หญิงจ่ายแล้วครับ” คนขับตอบ
ปราณนต์งงๆ แล้วก็รีบลงจากรถตามไป
พริบพราวไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่ ปราณนต์ตามมาถามพร้อมกับหยิบกระเป๋าตังค์ออกจากกางเกง
ปราณนต์เอ่ยถาม “คุณจ่ายค่ารถไปเท่าไหร่”
“ไม่เป็นไร ฉันจ่ายเอง ถือซะว่านายนั่งมาเป็นเพื่อนฉัน ทำให้ฉันอุ่นใจไม่ต้องลุ้นว่าจะเจอคนขับโรคจิตหรือเปล่า”
“ผมไม่ชอบเอาเปรียบใคร เท่าไหร่”
“ทำไมทุกคนถึงต้องมีปัญหากับความหวังดีของฉัน ในงานฉันอุตส่าห์หวังดีอยากช่วยพี่ลิป ทุกคนก็คิดว่าฉันอยากเอาหน้า นี่ฉันหวังดีอยากจะช่วยจ่ายค่ารถให้นายก็กลัวว่าฉันจะเอาเปรียบ คนอย่างฉันจะหวังดีกับใครไม่ได้หรือไง”
“ถ้าคุณลดคำว่าแข่งขันออกไปบ้าง คนอื่นก็จะเชื่อในความหวังดีของคุณมากขึ้น”
ปราณนต์หันหลังเดินกลับไป พริบพราวไม่ยอมจึงเถียง
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย ทุกคนบนโลกเค้าก็แข่งขันกันทั้งนั้น ไม่ใช่ฉันคนเดียวสักหน่อย แล้วการแข่งขันมันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับความหวังดีตรงไหน อย่ามาพูดเหมือนฉันเป็นตัวร้ายแบบนี้นะ นายปราณนต์กลับมาขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ นายปราณนต์”
ปราณนต์เดินหันหลัง ยักไหล่ แล้วก็จูงจักรยานออกไปทันที พริบพราวได้แต่กระทืบเท้าด้วยความเจ็บใจ
ปราณนต์จูงจักรยานเดินไปตามทางพร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
ภาพเหตุการณ์ในอดีต ปราณนต์กับรุ้งลดาปั่นจักรยานเล่นกันท่ามกลางสวนสวย ทั้งสองยิ้มและหัวเราะกันอย่างมีความสุข ปราณนต์แกล้งหักจักรยานไปมาจนรุ้งลดาต้องกอดเอวปราณนต์และตีปราณนต์หยอกๆ โลกทั้งใบของทั้งคู่ดูเป็นสีชมพู
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ปราณนต์ก็เศร้า
เขานึกถึงตอนที่องศาเข้ามาหารุ้งลดา
ปราณนต์ยิ่งเศร้า
ลิปดาขับรถอวัศยาเข้ามาจอดในซอง แล้วลิปดากับอวัศยาก็ก้าวลงจากรถ
“แบตแดงขึ้นแล้วนะเปลี่ยนได้แล้ว น้ำยาแอร์เติมครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่แอร์ถึงร้อนเป็นห้องอบเซาว์น่า เบรคก็ฝืดๆเปลี่ยนผ้าเบรคบ้าง เปลี่ยนยางไปด้วยเลยก็ดี อ่อ...ทะเบียนก็จะหมดอายุแล้วนะ ไปต่อได้แล้ว ถ้าไม่มีเวลาก็บอก เดี๋ยวจะให้อู่เพื่อนผมมารับรถไปดูให้”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเอง” อวัศยามองลิปดาแล้วพูดตรงๆ ซื่อๆ “บอส ยินดีด้วยนะคะ”
ลิปดาชะงักไปเล็กๆ “คิดยังไงถึงพูด”
“ฉันเป็นคนมีมารยาท” อวัศยาว่า
“ถ้าบอกจากใจจะตายหรือไง”
“ได้คืบอย่าเอาศอก” อวัศยาว่า
“งั้นตามมารยาทผมก็ต้องตอบคุณกลับไปว่า” ลิปดาเก็กหล่อ "ขอบคุณครับ"
อวัศยาไม่สนใจเพราะคิดว่าเขาแค่ต่อปากต่อคำกลับ เธอหันหลังจะเดินเข้าไปในตึก
ลิปดาเรียก “ศยา”
“อะไรอีกล่ะ”
"กู๊ดไนท์" ผมไม่ได้บอกตามมารยาทนะ” ลิปดาหันหลังเดินออกไปทันที
“บอกตามประสาพวกผู้ชายเจ้าชู้น่ะสิ” อวัศยาว่า
อวัศยาเดินเข้าตึกไปโดยไม่ได้มีความรู้สึกอะไรร่วมด้วยเลย
พริบพราวเปิดประตูเข้ามาในห้อง ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง แล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่โดนปราณนต์ด่า
เสียงปราณนต์ดังขึ้นในหัวของเธอ
“ถ้าคุณลดคำว่าแข่งขันออกไปบ้าง คนอื่นก็จะเชื่อความหวังดีของคุณมากขึ้น”
พริบพราวเจ็บใจ
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน ชิ!”
อวัศยาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ายืนทอดสายตาเพราะคิดถึงเรื่องปราณนต์
ลิปดาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เช็ดผมด้วยผ้าขนหนู เขาเดินจากห้องน้ำเข้ามาในห้องโถงโดยเดินผ่านประตูระเบียง แล้วเขาก็หยุดชะงักมองไปที่ห้องของอวัศยา
ลิปดาเห็นอวัศยายืนอยู่ริมหน้าต่าง ลิปดาแปลกใจ เขาหยิบมือถือขึ้นมากดหน้าจอแชทไปหาอวัศยาว่า "ยืนคิดถึงใคร?"
อวัศยายกมือถือในมือขึ้นมากดหน้าจอแชทกับปราณนต์ก่อนจะพิมพ์ข้อความว่า "มีปัญหาอะไรคุยกับฉันได้"
ปราณนต์คว่ำกรอบรูปถ่ายคู่ของรุ้งลดากับปราณนต์ลงแล้วพิมพ์ข้อความลงในหน้าจอแชทกับรุ้งลดาว่า"ทำไมต้องโกหกว่าอยากเลิก เพราะอยากอยู่คนเดียว อยากมีเวลาทบทวน ทำไมไม่บอกตรงๆว่ามีคนอื่น"
ทุกคนพิมพ์ข้อความของตัวเองเสร็จแล้วกำลังจะแตะนิ้วที่คำว่า "ส่ง"
เสียงของอวัศยาอ่านบล็อคที่ตัวเองพิมพ์ดังขึ้น
“กฎข้อหนึ่งของการเป็นมาร์เก็ตติ้ง คือ การเก็บความรู้สึก .. เรื่องบางเรื่องถึงแม้มาร์ฯจะได้ข้อมูลลับสุดยอดจากอินไซด์เดอร์ที่มีผลต่อการซื้อขายหุ้น แต่เราไม่ควรแสดงอารมณ์ ยุ ยง หรือ ชี้นำลูกค้าให้ซื้อหรือขายมากจนเกินไป ...เรามีหน้าที่ให้ข้อมูล แต่อำนาจตัดสินใจยังต้องเป็นของลูกค้า....มาร์เก็ตติ้งจึงควรฝึกเก็บความรู้สึกไว้ให้ดีที่สุด”
ทั้งสามชะงัก แล้วต่างก็ตัดสินใจกดปิดหน้าต่างแชทไป
อวัศยานั่งพิมพ์บล็อคต่อ
“ไม่ต่างจากชีวิตคนเรา บางครั้ง ความจริงที่เรารู้ มันก็ยากที่จะบอกกับใครบางคนตรงๆ ทำได้ก็แค่...เก็บมันเอาไว้ในใจ”
อวัศยาได้แต่อยู่กับความรักที่เปิดเผยไม่ได้
เช้าวันใหม่ ปราณนต์หน้าเศร้า ใต้ตาคล้ำเพราะอดนอนมาทั้งคืนเดินเข้ามาชงกาแฟในครัวของออฟฟิศ รุจน์ที่ดื่มกาแฟอยู่หันมาเห็นหน้าปราณนต์
“ไอ้ณนต์โดนของหรือเปล่าวะ ทำไมหน้าหมองๆ”
“เมื่อคืนผมนอนไม่หลับน่ะครับ มีเรื่องคิดนิดหน่อย” ปราณนต์บอก
รุจน์ยังไม่ทันจะถามต่อ พีระที่กำลังเปิดอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เจอภาพข่าวก็พูดขึ้นมา
“น้องพราว”
บรรดาพนักงานแห่กันมาดู ลิลลี่ผละจากแก้วกาแฟที่เพิ่งเทผงกาแฟทรีอินวันลงไปในน้ำร้อนเอาไว้บนเคาน์เตอร์แล้ววิ่งเข้าไปดูด้วย ภาพข่าวพริบพราว มีรูปลิปดาถือโล่ห์รางวัลติดอยู่ใกล้ๆ เขียนพาดหัวว่า "บัดดี้คนสวยของเจ้าชายโบรกเกอร์"
“น้องพราวสวยจังเลย” นิดาชม
“ฮึ สมใจนางที่อุตส่าห์ลงทุนแย่งซีนพี่ศยา ลิลลี่ล่ะอยากขอหนังหน้าไปทำเสื้อเกราะกันกระสุน ด้าน หนาขนาดนี้ เอ็มสิบหกก็ยิงไม่เข้า” ลิลลี่ว่า
แสนดีเดินผ่านหน้าประตูแล้วก็ได้ยินที่ลิลลี่พูดจึงหยุดชะงัก
“อีนังตัวอิจฉาปากเปราะ มันต้องเจอฤทธิ์เพื่อนนางเอกอย่างฉัน”
ปราณนต์พูดปกป้องพริบพราว
“แต่ผมว่าพราวไม่ได้ตั้งใจจะแย่งซีนพี่ศยาหรอกครับ พราวคิดแค่ว่าอยากช่วยไม่ให้คุณลิปเสียหน้า”
ลิลลี่ผละจากแก้วกาแฟรีบเข้าไปอธิบายข้างๆ ปราณนต์ “คุณณนต์รู้จักผู้หญิงน้อยไป ผู้หญิงทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่อย่าง งั้นเขาจะมีคำว่ามารยาหญิงล้านเล่มเกวียนหรือคะ”
ทันใดนั้น แสนดีเนียนเดินเข้ามาชงกาแฟ แต่หาจังหวะเข้าใกล้แก้วกาแฟของลิลลี่ เขาใช้ตัวบังแล้วทำอะไรบางอย่าง
ปราณนต์พูดต่อ “แต่ผมว่าอย่างพราวถ้าเขาอยากจะทำตัวเด่นดัง เขาน่าจะหาวิธีที่ดีกว่านี้”
“พี่เห็นด้วยกับน้องณนต์ พี่ว่าน้องลิลลี่เม้าท์น้องพราวแรงไปนิส ระวังบาปกรรมมันจะตามสนองนะคะ”
พนักงานเริ่มซุบซิบๆ และมองลิลลี่ประมาณว่าอีนี่เม้าท์เว่อร์ จนลิลลี่ร้อนตัว
ลิลลี่พูด “เอาเฟอรากาโม่ที่เท้าลิลลี่เป็นประกัน เรื่องนี้ไม่มีใส่สี ใส่ไข่ อัพเรเวลใดๆ ทั้งสิ้น ทุกคนเชื่อลิลลี่เถอะค่ะว่าพราวตั้งใจ ผีเห็นผี ชะนีเห็นชะนีค่ะ”
ลิลลี่ยกกาแฟขึ้นซดแล้วก็ตะลึงจนตาโต ลิลลี่เห็นแมลงสาบปลอมอยู่ก้นแก้วกาแฟของเธอ
ลิลลี่ร้องกรี๊ดแล้วปาแก้วทิ้งจนทุกคนตกใจ ปราณนต์กับรุจน์ปราดเข้าไปดูลิลลี่ รุจน์โชว์แมน
“เกิดอะไรขึ้น บอกพี่รุจน์ พี่รุจน์จะไปจัดการ”
“แมลงสาบอยู่ในแก้วกาแฟ” ลิลลี่บอก
รุจน์ตกใจ “แมลงสาบ !”
รุจน์กระโดดเกาะพีระแน่น คนอื่นๆ กระโดดหนีเพราะกลัวแมลงสาบ ยกเว้นปราณนต์ที่ไม่กลัว ปราณนต์ก้มเก็บแมลงสาบขึ้นมาดู
รันเดินเข้ามาถาม “เกิดอะไรขึ้น เสียงดังเอะอะไปถึงข้างนอก”
“แมลงสาบอยู่ในแก้วกาแฟลิลลี่ครับ” ปราณนต์บอก
ปราณนต์พูดพร้อมยื่นแมลงสาบในมือให้รันดู
รันร้อง “แมลงสาบ ! กรี๊ดด”
รันเผลอกรี๊ดสาวแตกจนทำให้ทุกคนมองตาค้าง รันรู้ตัวจึงรีบเก็กแมนต่อแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“แค่แมลงสาบจะไปกลัวอะไร แมลงสาบปลอมด้วย ใครเอามาเล่น” รันทำเข้ม
“น่าจะเป็นของลูกชายแม่บ้านครับ” พีระบอก
“ระวังหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวเกิดไปตกอยู่ในแก้วกาแฟของลูกค้าแล้วจะแย่ ไปเข้าห้องประชุมได้แล้ว ศยารออยู่ มากันครบแล้วใช่มั้ย” รันเก็กแมน
“ยังค่ะ” นิดาตอบ
“ขาดใคร" รันถาม
พริบพราวคุยโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะโดยจิบกาแฟไปด้วย
“ประชุมกันเลยค่ะ วันนี้พราวไม่เข้า” พริบพราวบอก
แสนดีที่อยู่ในห้องประชุมเป็นคนคุยมือถือกับพริบพราว ทุกคนนั่งประจำที่ รันเดินแจกเอกสารให้ทุกคน อวัศยานั่งอยู่หัวโต๊ะโดยแอบมองปราณนต์ที่ก้มอ่านเอกสารนิ่งๆ แสนดีนั่งข้างปราณนต์แล้วป้องปากคุยกับพริบพราวทางโทรศัพท์
“แต่ถ้าน้องพราวไม่มา นังศยามันอาจจะใช้เรื่องนี้เล่นงานน้องพราวนะคะ”
“การไปฟังบลีฟไม่ได้เป็นกฎนี่คะ ใครจะไปก็ได้ไม่ไปก็ได้ แล้วเรื่องน้ำมันรั่วพราวก็รู้เรื่องหมดแล้ว” พริบพราวว่า
แสนดียื่นหน้าไปดูบนกระดาษในมือปราณนต์แต่เพราะสายตาสั้นจึงต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้ปราณนต์มากๆ โดยที่ปราณนต์ไม่รู้ตัว แสนดีเห็นหัวกระดาษเขียนว่า "น้ำมันรั่วส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบอย่างไร"
“อุ้ย! น้องพราวรู้ได้ยังไงคะว่าคุณรันจะบลีฟเรื่องน้ำมันรั่ว” แสนดีตกใจ
ปราณนต์ตกใจที่แสนดีมาพูดใกล้ๆ จึงหันหน้าไปมองตามสัญชาตญานทำให้ปากปราณนต์ปะทะกับแก้มของแสนดีจังๆ ปราณนต์ อวัศยาและแสนดีตะลึง
แสนดีหน้าแดงวาบแล้วก็มือไม้อ่อน มือถือร่วงจากมือตกลงพื้น ปุ่มเปิดลำโพงเปิดในจังหวะที่พริบพราวพูดถึงรันพอดี
“พราวดูข่าวตอนเช้าค่ะ พราวสืบจากเพื่อนที่ทำงานอยู่ที่อเมริกาแล้วด้วย เพื่อนบอกว่าไม่มีอะไรน่าตกใจ อ่อ...ฝากบอกพี่รันด้วยนะคะ ว่าถ้าต้องการข้อมูลอินไซด์เดอร์ก็บอกนะคะ พราวมีเอกสาร แค่นี้นะคะ พราวยุ่งนิดหน่อย แต่กลับเข้าไปก่อนพวกพี่ๆ รับบลีฟเสร็จแน่นอนค่ะ”
รัน อวัศยาและทุกคนหันมามองทางเสียงมือถือ รันเม้มปากแน่นไม่พอใจก่อนจะขยับเพื่อจะด่ากลับ
“รัน” อวัศยาส่ายหน้าห้ามรัน
รันยอมใจเย็นลง แสนดีที่โดนปราณนต์หอมแก้มไปยังคงค้างนิ่งเหมือนโดนสะกด
“ฮัลโหลๆ พี่แสนดี พี่แสนดีฟังพราวอยู่หรือเปล่าคะ” พริบพราวถาม
แสนดียังค้าง ปราณนต์ก้มเก็บมือถือให้
“ฟังอยู่ รีบๆ มาแล้วกัน แค่นี้นะ” ปราณนต์วางสายส่งมือถือคืนแสนดี “ผมขอโทษนะครับพี่แสนดี ผมไม่ได้ตั้งใจ”
พริบพราวแปลกใจ “นายปราณนต์ ยุ่งอะไรด้วย”
ชายวัยประมาณ 60 กว่าปีเดินเข้ามาหาพริบพราว
“ว่าไงพราว”
พริบพราวลุกขึ้นไหว้คุณลุงอย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณลุง ขอบคุณคุณลุงมากนะคะที่ให้พราวมาเข้าพบ .. พราวมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือค่ะ แต่ไม่ได้ช่วยฟรีๆนะคะ สิ่งที่คุณลุงจะได้รับกลับไปรับรองว่าคุ้มค่ามากๆค่ะ”
พริบพราวยิ้มด้วยแววตาเป็นประกายมีความหวัง พลัง และไฟอย่างเต็มเปี่ยม
อวัศยาแอบมองปราณนต์ ปราณนต์เหม่อลอยไปนอกห้องเป็นระยะๆ ในขณะที่รันพูดหน้าห้องด้วยน้ำเสียงเหวี่ยง เชิดเพราะยังมีอารมณ์หงุดหงิดจากเรื่องพริบพราว ทุกคนตั้งใจฟัง
“ตลาดหุ้นวันนี้ยังมีความเสี่ยงผันผวนสูง โดยเฉพาะตลาดกลุ่มพลังงาน เพราะอิทธิพลเรื่องน้ำมันรั่วที่ตะวันออกกลาง แนะนำว่าให้ขายหุ้นหรือให้รอตลาดปรับฐาน มีใครสงสัยอะไรอยากจะถามมั้ย”
ไม่มีใครตอบอะไร รันหันไปเห็นสายตาของอวัศยาแอบมองปราณนต์อยู่
“อยากถามอะไรมั้ยศยา” รันถาม
อวัศยาพูดขณะที่ยังเหม่อ “อยากถามว่าปราณนต์เป็นอะไร”
ทุกคนตกใจ “หือ”
อวัศยารู้สึกตัวจึงทำเก๊กกลบเกลื่อน
“ฉันเห็นคุณปราณนต์เหม่อลอย ไม่ตั้งใจฟัง ถ้าคำพูดของคุณรันไม่มีประโยชน์สำหรับพวกคุณ บริษัทคงไม่จำเป็นต้องเสียเงินจ้างเขา”
ปราณนต์พูด “ขอโทษครับ”
“ใครมีคำถามมั้ย” อวัศยาถาม ไม่มีใครยกมือ “ไม่มีก็เชิญไปเตรียมตัวรับสายลูกค้า ไม่ใช่เสียเวลาไปกับการเม้า”
ลิลลี่ยิ้มเจื่อน ทุกคนกำลังลุกออกไปจากห้อง
อวัศยายังคงวางฟอร์ม เก๊กเข้ม “ปราณนต์ นั่งลง! เรามีเรื่องต้องทำความเข้าใจกัน”
ทุกคนหันมามองปราณนต์ด้วยแววตาสงสาร พีระตบบ่าปราณนต์เพื่อปลอบใจ
“แล้วมันจะผ่านไป” พีระบอก
รุจน์และพนักงานคนอื่นๆ เดินออกไปจากห้อง ปราณนต์เดินกลับไปนั่งที่เดิม รันเก็บของและหัวเราะคิกคักเบาๆ อวัศยามองตาขุ่น
“หัวเราะอะไร” อวัศยาถาม
รันตอบเบาๆ “ดูแกเล่นละคร ตลกดี”
อวัศยางง
“จะคุยกับปราณนต์ไม่ใช่เหรอ รีบคุยสิ เดี๋ยวไม่ทันตลาดหุ้นเปิดนะ”
อวัศยายังมองรันอย่างไม่ไว้ใจ รันเดินออกไปที่หน้าห้องด้วยความสงสัย
“เพื่อนฉันชักจะแปลกขึ้นทุกวัน”
อวัศยากับปราณนต์นั่งคุยกัน
“ตั้งแต่เช้าฉันเห็นคุณเหม่อลอยบ่อยๆ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” อวัศยาถาม
ปราณนต์ตอบทันที “ไม่มีครับ”
“ฉันไม่ชอบคนอยู่สองประเภท คนโกหกกับคนที่ปากกับใจไม่ตรงกัน”
อวัศยามองปราณนต์ด้วยสายตาเฮี้ยบโหด
“จริงๆ ก็มีครับ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงาน ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะบอกพี่ศยาไปทำไม”
“ต้องบอก ! เพราะว่าปัญหาของคุณส่งผลกระทบต่องานของฉัน และอีกอย่าง ตอนนี้คุณอยู่ในช่วงเทรนงาน ถ้าคุณไม่พร้อม คุณจะถูกกำจัดออกไปง่ายๆ”
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง”
อวัศยาชะงักกึก แล้วทำเฉไฉ “ฉันเป็นห่วงงานของฉัน ฉันอยากได้คนที่มีประสิทธิภาพ”
“ผมจะจัดการปัญหาให้เร็วที่สุดครับ ไม่ทำให้พี่ศยาผิดหวัง”
อวัศยาหลิ่วตา “แน่ใจ”
“ครับ”
“ดี..” อวัศยาว่า ปราณนต์ยิ้มรับ อวัศยาพูดต่อ “วันนี้ฉันมีนัดกับลูกค้าใหม่ เดี๋ยวคุณเข้าไปคุยกับลูกค้าพร้อมฉัน ... พิสูจน์ให้ฉันเห็น...ว่าฉันจะไม่ผิดหวัง”
ปราณนต์หุบยิ้มแล้วก็ตกใจ “หะ ? พบลูกค้าวันนี้”
ปราณนต์ช็อกเล็กๆ
แสนดีรีบรายงานพริบพราวอย่างออกรส ออกชาติ พริบพราวฟังโดยยังถือกระเป๋าอยู่เพราะเพิ่งมาถึงออฟฟิศ
“ใช่ค่ะ !! เป็นลูกค้าระดับ VIP ด้วยนะคะ เป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้างเมทัล-ไทย รวยมาก”
“คุยกับลูกค้าระดับนั้น ทำไมต้องเอานายปราณนต์เข้าไปคุยด้วย นายนั่นยังไม่ได้บรรจุเป็นมาร์ฯจริงๆสักหน่อย”
แสนดีหรี่เสียงเม้าด้วยสีหน้าอินมาก “มันก็คงจะอยากโชว์พาว..พาวเวอร์น่ะค่ะ! ประกาศศักดาให้น้องพราวเห็นว่ามันจะ “ดัน” หรือจะ “ดับ” ใครก็ได้ น้องพราวทำเป็นแข็งข้อ ขัดคำสั่งมัน มันก็ดันน้องณนต์ขึ้นมา เป็นการสั่งสอนไงคะ”
พริบพราวเชิดหน้าแล้วพยายามทำเป็นมั่นใจ “คนอย่างพราว ไม่ต้องมีใครดัน พราวก็ “โดดเด่น” ด้วยตัวเองได้”
“อันนั้นพี่เชื่อ...แต่ระวังตัวไว้ก็ดีนะคะ เดี๋ยวยัยอสรพิษสี่ตาก็จะเอาเรื่องที่น้องพราวไม่เข้าประชุมไปเป็นข้ออ้างกับบอสกล่าวหาว่าน้องพราวไม่มีวินัย ไม่มีความรับผิดชอบ ในขณะเดียวกันก็ดันน้องณนต์ขึ้นมา หาลูกค้าให้ .. ถ้าเป็นแบบนี้ น้องพราวมีแต่เสีย กับ เสีย”
พราวร้อนใจแต่ก็ยังทำเป็นมั่นใจ
“ถ้าเค้าคิดจะใช้แผนตื้นๆแบบนี้เพื่อจะเขี่ยพราว ขอบอกเลยว่า “เค้าคิดผิด”
พริบพราววางกระเป๋าและหยิบซองเอกสารออกมาพร้อมกับมองไปที่ห้องลิปดา ก่อนจะเดินพุ่งไปด้วยความมั่นใจ แสนดีเหวอ
“อ้าวน้องพราวจะไปไหนคะ น้องพราว”
แสนดีรีบเดินตามไปด้วยความสาระแน สักพักลิลลี่ก็โผล่หน้าขึ้นมาแล้วมองตามด้วยความสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น !!
อวัศยากับปราณนต์เดินออกมาส่งลูกค้าที่หน้าห้องรับรองแขก ทั้งหมดมีสีหน้ายิ้มแย้ม อวัศยาถือแฟ้มอยู่ในมือ
“ถ้าทางเราเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว จะรีบส่งเอกสารไปให้คุณสมพงษ์มาเซ็นนะคะ”
“ครับ” ลูกค้าพูดกับปราณนต์ “คุณปราณนต์ในฐานะที่เราบังเอิญเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องคณะเดียวกัน .. ถ้าอยากกลับไปเป็นวิศวะบอกผมนะ เกียรตินิยมอันดับหนึ่งในคณะของเราไม่ใช่จะได้กันง่ายๆ แต่ดันมาขายหุ้น บอกตรงๆ เสียดาย”
ปราณนต์ยิ้มๆ ก่อนจะยกมือไหว้
“ขอบคุณคุณสมพงษ์ครับที่ชวน แต่ผมยังไม่มีความคิดจะกลับไปเป็นวิศวกรเลยครับ ตอนนี้กำลังสนุกกับงานใหม่ ที่สำคัญ.. ได้เรียนรู้งานกับคนเก่งๆอย่างพี่ศยา” อวัศยาชะงักกึก “ไม่ใช่โอกาสที่จะหาได้ง่ายๆ ถ้าผมทิ้งไป...บอกตรงๆ เสียดายครับ”
ลูกค้าหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ปราณนต์ยิ้มและหัวเราะนิดๆ อวัศยามองปราณนต์ด้วยความเอ็นดู
“ตอบได้ดี ฮ่าๆๆๆ ไม่เป็นไร ถ้าเปลี่ยนใจก็บอก .. ผมกลับก่อนนะ” ลูกค้าลา
ปราณนต์กับอวัศยายกมือไหว้ลูกค้า ลูกค้าเดินออกไป อวัศยาลอบมองปราณนต์ยังยิ้มชื่นใจกับคำตอบแต่ทันใดนั้นพริบพราวก็เดินสวนเข้ามา โดยทั้งสองคนยืนห่างกันพอสมควร
พริบพราวกับอวัศยาส่งสายตาประสานกันราวกับมีคลื่นไฟฟ้าถูกส่งมาปะทะกันอย่างแรง แล้วทั้งสองคนก็ปรายตาไปที่ห้องลิปดาพร้อมกันเหมือนต่างคนต่างรู้ว่าเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามคืออะไร วินาทีนั้นเองทั้งสองคนก็รีบพุ่งพรวดไปที่ห้องลิปดาทันที ปราณนต์มองตามไปอย่างงงๆ
“อ้าววว พี่ศยา พี่ศยาครับเอกสาร” ปราณนต์ชูเอกสารในมือ
อวัศยาศยาไม่ตอบแต่เดินพุ่งไป ปราณนต์ไม่รู้จะทำยังไงจึงรีบเดินตามไปอีกคน
แสนดีโผล่มามองเห็นพริบพราวกำลังเดินไปที่ห้องลิปดา และศยาก็กำลังเดินไปที่ห้องลิปดาเช่นกัน
“สนุกหล่ะเว้ยเฮ้ย !!” แสนดีว่า
แสนดีรีบเดินตามไปสาระแนทันที
นิดากำลังนั่งเตรียมเอกสารอยู่หน้าห้องลิปดา ทันใดนั้นพริบพราวกับอวัศยาก็เดินพรวดพราดเข้ามาจากคนละมุม โดยที่อวัศยามาถึงก่อน
“บอสอยู่ใช่มั้ย” อวัศยาถาม
“อยู่ค่ะ” นิดาตอบ
อวัศยาเปิดประตูเข้าไปทันที โดยที่ลิปดากำลังนั่งทำงานอยู่ นิดาเหวอ พริบพราวรีบสาวเท้าจนเกือบวิ่งพุ่งตามไปทันที นิดาจะห้าม
“น้องพราวคะบอสคุยกับคุณศยา...” นิดายังพูดไม่ทันจบ
พริบพราวก็ไม่สนใจจึงเปิดประตูผัวะเข้าไปทันทีเหมือนกัน
อวัศยากำลังรายงานลิปดา
“เมื่อเช้านี้ ....” อวัศยายังพูดไม่จบ
พริบพราวพรวดเข้ามา พอได้ยินเธอก็แทรกขึ้นมาทันที “พี่ลิปฟังพราวก่อนนะคะ พราวมีคำอธิบาย”
พริบพราวหอบแฮ่กๆ อวัศยาปรายตามามองจิก ลิปดามองสองสาวอย่างงงนิดๆ แต่ก็ตั้งรับอยู่เพราะรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น
นิดายืนงงอยู่ที่หน้าห้อง ปราณนต์เดินมาถึงในมือมีซองเอกสาร
“พี่ศยาอยู่ในห้องบอสหรือเปล่าครับ”
“อยู่จ้ะ” นิดาตอบ
แสนดีเดินพรวดมาจากอีกมุมหนึ่ง
“น้องพราวอยู่ในห้องบอสหรือเปล่าเจ๊” นิดาถาม
“อยู่จ้ะ” นิดาตอบ
แสนดีกับปราณนต์หันขวับไปที่ประตูห้องด้วยความอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้นเสียงข้อความแชทที่ไลน์ของนิดาก็ดังขึ้น นิดาหยิบมาอ่าน
เป็นข้อความจากลิลลี่ว่า “สถานการณ์เป็นไงเจ๊ รายงานด่วน !”
ลิปดาอยู่ตรงกลาง อวัศยาและพริบพราวยืนอยู่ข้างหน้า อวัศยายืนนิ่ง โดยที่พริบพราวกำลังใส่เป็นชุด
“เมื่อเช้า ..... ที่พราวไม่ได้เข้าไปฟังรับบลีฟ เพราะพราวรู้เรื่องที่พี่รันจะบลีฟหมดแล้ว พราวคิดว่ามันเสียเวลา เลยเอาเวลาที่จะต้องฟังบลีฟไปหาลูกค้ามาค่ะ” พริบพราวยิ้มเชิดอย่างมั่นใจ “นี่ค่ะ..พอร์ตของลูกค้าใหม่ และเป็นลูกค้าคนแรกของพราวมูลค่า 15 ล้าน”
พริบพราววางเอกสารบนโต๊ะลิปดา อวัศยาปรายตามามองนิดๆ ลิปดาหยิบมาดู
“พราวรู้ว่ายังไม่ได้รับอนุญาตให้หาลูกค้า แต่การทำตามขั้นตอน มันก็ทำให้เราเสียโอกาส”
“ไม่จริงเสมอไป...บางครั้งการ “ข้าม” ขั้นตอน ก็ทำให้เธอเสียโอกาสเช่นกัน”
พริบพราวหันขวับมาทางอวัศยา ลิปดาเงยหน้ามองอวัศยา อวัศยาพูดต่อ
“ก่อนอื่น ฉันขอบอกก่อน..ฉันไม่ใช่พวกขี้ฟ้อง ที่ฉันมาคุยกับบอสในหัวฉันไม่มีเรื่องเธอแม้แต่น้อย เธอจะเข้ารับบลีฟ หรือไม่เข้า มันเป็นสิทธิ์ของเธอ ถ้าเธอมั่นใจว่ารู้ทุกอย่าง ไม่เข้าก็ได้ เชิญ! เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธออธิบายมาทั้งหมดเมื่อกี๊..ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันจะพูด”
พริบพราวมองอวัศยาอึ้งๆ
ลิปดาพูดแทรก “โอเค..แล้วที่คุณเข้ามา..จะพูดอะไร .. “เมื่อเช้า ?...”
อวัศยาไม่ตอบแต่เดินไปที่ประตูห้องก่อนจะเปิดผั้วะทำให้เห็นแสนดีกับนิดาเงี่ยหูฟังอยู่ ทั้งสองคนรีบเก็บอาการ แสนดีทำเป็นเช็ดกระจก นิดาเช็ดโต๊ะแก้เก้อไป อวัศยามองอย่างรู้ทันแต่ไม่สนใจ เธอเรียกปราณนต์ที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ปราณนต์” อวัศยากระดิกนิ้ว “เอาเอกสารมาด้วย”
“ครับ”
ปราณนต์รับคำแล้วรีบเดินเข้าไป ประตูปิด แสนดีกับนิดารีบหันขวับมา
แสนดีถาม “เอกสารอะไร”
เสียงไลน์นิดาดังกระหน่ำ นิดาเหวออกมา
“โอ้ย อะไรกันนักกันหนา ไอ้พวกอยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้าน น่าเบื่อที่สุด” นิดาด่าไม่ดูไม่ตัวเอง
อวัศยาหยิบซองเอกสารจากมือปราณนต์ แล้วเดินไปหาลิปดา
“เมื่อเช้า” ... คุณสมพงษ์เจ้าของบริษัทเมทัล-ไทย ติดต่อมาอยากจะเปิดพอร์ตกับเรา และท่านก็เข้ามาตอนสายๆ ฉันให้ปราณนต์เข้าไปคุยด้วย เพื่อเรียนรู้งาน และโชคดีมากที่ทั้งสองคนจบคณะเดียวกัน คุยกันถูกคอ และคุณสมพงษ์ก็เปิดพอร์ตกับเรา” อวัศยาวางเอกสาร “70 ล้าน”
พริบพราวหน้าเสียนิดๆ
“ถ้าการบริหารพอร์ตใน 2 ไตรมาศแรกผ่านไปด้วยดี จะขอเพิ่มเป็น 100 ล้าน .. นี่เป็นรายละเอียดเบื้องต้นค่ะ”
ลิปดาหยิบเอกสารมาดู อวัศยาปรายตามาทางพริบพราวด้วยแววตากระหยิ่ม ปราณนต์พยายามฟังและตามเรื่องให้ทัน
พริบพราวชักจะทนไม่ได้ “พี่ลิปเห็นมั้ยคะ ? ว่ามันไม่ยุติธรรม นี่ถ้าเมื่อเช้าพราวมัวแต่มานั่งรับบลีฟ ไม่ได้ออกไปหาลูกค้า ป่านนี้พราวคงต้องเสียคะแนน เพราะมีคนแอบช่วยนายปราณนต์ให้ได้ลูกค้า”
“ดะ..เดี๋ยวก่อนนะครับ..คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมยังไม่ได้ลูกค้า ผมแค่เข้าไปนั่งดูงาน แต่บังเอิญว่าคุณสมพงษ์กับผมจบวิดหวะทีเดียวกัน ก็เลยคุยกันถูกคอ แต่ผมไม่ได้เป็นมาร์ฯให้เค้า” ปราณนต์บอก
“ไม่ต้องโกหก หรือ พยายามแก้ตัว เรื่องเด็กเส้น น้องรักน้องชัง ฉันเคยเจอมาหมดแล้ว นึกว่าที่นี่จะไม่มี สุดท้ายก็หนีไม่พ้น” พริบพราวปรายตาไปทางอวัศยา
“เธอกำลังดูถูกฉันอยู่นะพริบพราว”
“หรือว่าไม่จริงคะ” พริบพราวถาม
“ไม่จริง .. เพราะถ้าเธออยู่รับบลีฟเมื่อเช้า ฉันก็จะให้เธอเข้าไปด้วย เพราะลูกสาวของคุณสมพงษ์จบจากบอสตันที่เดียวกับเธอและบอส ถ้าเธอได้คุยกับเค้าก็ยิ่งเป็นผลดีต่อบริษัท แต่...เธอไม่อยู่ ฉันถึงบอกไง.. “บางครั้งการข้ามขั้นตอน” ก็ทำให้เธอเสียโอกาสได้เหมือนกัน”
พริบพราวจุก ปราณนต์มองด้วยความสงสาร อวัศยารู้สึกเหนือกว่าแต่พริบพราวก็พยายามเถียง
“แต่ !”
ลิปดาลุกขึ้นแล้วยกมือห้าม “พอกันได้แล้วทั้งสองคน ! ผมได้ข้อสรุปแล้ว”
ทั้งห้องเงียบลง ลิปดายืนสง่าอยู่ตรงกลาง
มือถือของลิลลี่มีข้อความแชทเข้ามาจากนิดาพร้อมๆ กับเสียงเตือนแชทของมาร์เก็ตติ้งคนอื่นก็ดังประสานเสียงกัน
“พี่นิดาส่งข่าวเข้ากรุ๊ปลับมาแล้วค่ะ” ลิลลี่อ่าน "ตอนนี้กำลังซัดนัวอยู่ในห้องบอส แอบฟังไมได้ยิน ไม่มีอะไรรายงาน ... จบข่าว"
รุจน์กับพีระหันขวับมา
“อ้าวเฮ้ย! ไงพี่นิดาไม่รับผิดชอบสังคมอย่างนี้หล่ะ มาจั่วให้อยากแล้วจากไป” รุจน์ว่า
“นั่นสิ ทำไมเมียรายงานข่าวไม่แคร์สื่อแบบนี้ คืนนี้ต้องสั่งสอนซะหน่อยแล้ว คริคริ” พีระบอก
“พี่พี ผิดแหละ ผิดจังหวะ คนกำลังหน้าสิ่วหน้าจอบ”
พีระ ลิลลี่พูดพร้อมกัน “ขวาน”
รุจน์ทำท่าสะดุ้งตึงโป๊ะ ลิลลี่ส่ายหน้า
“พอกันทั้งสองคน ชักใบให้เรือเสียอยู่ได้ .. ตกลงที่พี่นิดาบอกว่า “ซัดนัวอยู่ในห้องบอส” ตกลงใครซัดใคร แล้วซัดเรื่องอะไร โอ้ย อยากรู้ !! กดไปถามอีกดีกว่า”
ลิลลี่รีบคว้าโทรศัพท์มาแล้วกดรัวสุดฤทธิ์
ลิปดายืนอยู่โดยมีเอกสารสองซองวางตรงหน้า อวัศยากับปราณนต์ยืนอยู่ฝั่งหนึ่ง ขณะที่พริบพราวยืนอยู่คนเดียว
“ก่อนจะสรุป ขอถามสักสองสามข้อ “พราวได้ลูกค้ามาจากไหน”
พริบพราวชะงักแล้วพูดโกหก “คือ เขาเป็นลูกค้าที่ตามพราวมาจากบอสตันค่ะ พอเขารู้ว่าพราวมาทำงานที่ประเทศไทย เขาก็เลยติดต่อพราวมา”
ปราณนต์ฟังแล้วคิดตาม
“แล้วศยา..คุณยกลูกค้าคนนี้ให้ปราณนต์จริงหรือเปล่า” ลิปดาถาม
ปราณนต์ตอบแทน “ไม่จริงครับ”
“ชื่อ “ศยา” เหรอ” ลิปดาย้อนถาม
ปราณนต์จ๋อย “เปล่าครับ”
“เปล่าก็ไม่ต้องตอบ” ลิปดาดุนิ่งๆ
“ขอโทษครับ” แล้วปราณนต์ก็เงียบทันที
“ฉันให้ปราณนต์เข้าไปสังเกตการณ์การคุยกับลูกค้า ไม่ได้ยกลูกค้าให้ และ “ขอย้ำ” ถ้าพริบพราวอยู่ฉันก็ให้เข้าไปเช่นกัน ไม่มีสองมาตรฐาน หรือเลือกปฎิบัติใดๆทั้งสิ้น” อวัศยาบอก
พริบพราวอ้าปากจะเถียงอีกแต่ลิปดาดุด้วยสายตา
“ผมจะสรุปแล้ว” ลิปดาบอก
พริบพราวจำใจต้องปิดปากเงียบ อวัศยารอฟัง ปราณนต์มองพริบพราวด้วยความเห็นใจ
ลิปดาพูด “การที่พราวหาลูกค้าได้ และปราณนต์ช่วยศยาจนได้ลูกค้ารายใหญ่ในวันนี้ ผมจะถือว่าทั้งสองคนผ่านการเทรนในเบื้องต้นแล้ว” อวัศศยากับปราณนต์ชะงักนิดๆ “ผมจะยกระดับการคัดเลือก..” ลิปดามองหน้าปราณนต์และพริบพราว “ต่อไปนี้คุณสองคนต้องแข่งกันหาลูกค้า ภายในหนึ่งอาทิตย์ใครหาลูกค้าได้มากกว่าคนนั้นก็จะได้ทำงานต่อ”
“หาลูกค้าภายในหนึ่งอาทิตย์” ปราณนต์ตกใจ
“ใช่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ลิปดาถาม
ปราณนต์อึ้ง “มะ..ไม่มีปัญหาครับ”
พริบพราวพูดแทรก “พราวก็ไม่มีค่ะ! หาลูกค้าภายในหนึ่งอาทิตย์สบายมากสำหรับพราว” พริบพราวพูดกับปราณนต์ “เจอกันในสนามจริง .. หวังว่านายจะไม่เอาเปรียบด้วยการลากพี่เลี้ยงลงสนามมาด้วย” พริบพราวปรายตามาที่อวัศยา อวัศยานิ่งเพราะรู้ว่าโดนแดกดัน แต่เธอก็ไม่หวั่นไหว ปราณนต์อึ้งความเครียดเข้ามาเยือน อวัศยามองปราณนต์ด้วยความสงสาร
ลิปดาลอบมองอวัศยาแล้วก็แอบเห็นแววตาของอวัศยาที่มองปราณนต์ด้วยความเป็นห่วง ลิปดาชะงักเพราะมีเซ้นส์อะไรบางอย่าง
ลิลลี่อ่านข้อความในมือถือ
“พี่นิดาบอกว่า “เป้าหมายออกจากห้องบอสมาแล้ว อยากรู้อะไรไปถามกันเอาเอง”
รุจน์เห็นปราณนต์เดินมาพอดี
“เฮ้ย ไอ้ณนต์”
ทุกคนหันไปทางปราณนต์ที่เดินหน้าซีดเข้ามาหา ปราณนต์เดินเข้ามา แล้วทุกคนก็กรูเข้ามาหา
“ณนต์เป็นไงบ้างวะ ? เกิดอะไรขึ้น” รุจน์ถาม
“บอสสั่งให้ผมเริ่มหาลูกค้า และต้องหาให้ได้มากที่สุด ไม่งั้นตกงาน”
ลิลลี่ รุจน์ และพีระตกใจ
พริบพราวกับแสนดีนั่งคุยกันอยู่ที่มุมประจำ
“น้องพราวไม่มีทางตกงานแน่ๆ นี่ขนาดบอสยังไม่สั่งให้หาลูกค้า ยังหามาได้ตั้ง 15 ล้าน ตอนนี้บอสไฟเขียวให้ลุย พี่ว่าน้องพราวได้มากกว่าน้องณนต์ชัวร์” แสนดีว่า
“ขอบคุณค่ะ” พริบพราวยิ้มมั่นใจ
“เอ่อ..น้องพราวขา พี่มีอีกเรื่องที่อยากจะบอก.. อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะคะ พี่เตือนด้วยความหวังดี การที่น้องพราวไม่เข้าฟังบลีฟ มันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะน่ารักเลยนะคะ ถ้าทำแบบนี้อีก จะมีคนหมั่นไส้”
“พราวไม่ได้ทำอะไรใครสักหน่อย พราวจะเข้าหรือไม่เข้า จะหมั่นก็หมั่นไปเถอะค่ะ พราวไม่แคร์”
“พี่ว่า..แคร์หน่อยก็ดีนะคะ..เพราะที่นี่เราทำงานกันเป็นทีม การทำตัวให้เป็นที่รักของคนอื่น มันก็ย่อมจะดีกว่านะคะ พี่หวังดีไม่อยากให้ใครเกลียดน้องพราวเหมือนที่เกลียดนังศยา เชื่อพี่เถอะค่ะ โดนคนอื่นเม้าท์ลับหลัง ชีวิตไม่มีความสุขหรอก”
พริบพราวคิดตามแล้วก็เริ่มเห็นด้วย
“ถ้าพี่ๆ ที่นี่เขารักพราว ศรัทธาพราว มันจะเป็นประโยชน์กับพราวใช่มั้ยคะ”
“แน่นอนค่ะ ยิ่งเป็นน้องพราวผู้หญิงคนเดียวในโลกที่กล้าต่อกรกับนังศยา พี่ว่ายิ่งดีค่ะ น้องพราวจะได้มีกองหนุนคอยเชียร์ คอยช่วยดันให้น้องพราวขึ้นไปแทนที่นังศยา”
พริบพราวยิ้มให้แสนดีอย่างซาบซึ้งใจ
“พราวรักพี่แสนดีจังเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเปิดทางสว่างให้พราว งั้น..พราวจะเริ่มทำให้พี่ๆคนอื่นรัก..ตั้งแต่คืนนี้เลยค่ะ”
“ดีค่ะ” แสนดียิ้มแล้วก็สงสัย “คืนนี้ น้องพราวจะทำอะไรเหรอคะ”
พริบพราวยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร
อ่านต่อหน้าที่ 3
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 2 (ต่อ)
รุจน์แปลกใจ
“น้องพราวจะเป็นเจ้ามือ”
พริบพราวยิ้มสดใส “ค่ะ”
“ไม่ได้นะน้องพราว พี่ศยาไม่ให้เล่นการพนันในที่ทำงาน จะมาเปิดวงเล่นไพ่ แล้วเป็นเจ้ามือกลางออฟฟิศไม่ได้ พี่ว่า..นัดไปเล่นคอนโดพี่ดีกว่า” รุจน์ว่า
“ไม่ใช่เจ้ามือไพ่ !!! น้องพราวจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงมื้อเย็น” แสนดีบอก
“อ๋อ...แล้วน้องพราวจะเลี้ยงพวกเราเนื่องในโอกาสพิเศษอะไรครับ” รุจน์ถาม
“ถ้าเป็นเรื่องแสดงความยินดีที่เธอหาลูกค้าได้ไม่ต้องเลี้ยงนะ เพราะตอนนี้ใจพวกเราคิดแต่จะช่วยน้องณนต์หาลูกค้ามาแข่งกับเธอ”
“เรื่องลูกค้าเป็นแค่ส่วนหนึ่งค่ะ แต่ที่พราวจะเลี้ยงเพราะพราวอยากขอบคุณพี่ๆ ทุกคน พี่ๆน่ารัก อบอุ่น มีน้ำใจ ที่นี่เป็นโบรกเกอร์ที่น่าทำงานมากที่สุด พราวถึงต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ทำงานกับพี่ๆ”
“โถๆๆ น่ารักจัง พวกเราต่างหากที่ยินดีที่จะได้ทำงานกับเด็กน่ารักอย่างน้องพราว”
พริบพราวยิ้มหวานใส
“พี่ๆ ไปกันให้ได้ทุกคนนะคะ ลิลลี่ไปด้วยกันนะ”
“ปราณนต์ล่ะ ไปหรือเปล่า” ลิลลี่ถาม
“ไม่รู้สิ พราวยังไม่ได้ชวน”
“ถ้าปราณนต์ไป ฉันก็ไป”
“ถ้าน้องลิลลี่ไป พี่ก็ไป เพราะถ้าน้องลิลลี่ไม่ไป ความสนุกใดๆ ก็ไม่มีความหมาย” รุจน์ว่า
“รุจน์ ถ้านายไม่ไป พี่ก็ไม่อยากไป ไม่มีใครดื่มเป็นเพื่อน” พีระบอก
“สรุปว่า....ถ้านายปราณนต์ไม่ไปคนเดียว ทุกคนก็จะไม่ไปงั้นเหรอคะ” พริบพราวถาม
พริบพราวเหวอ ลิลลี่ได้ทีจึงยิ้มร้ายใส่พริบพราว
“ใช่ !! เพราะฉะนั้น ถ้าเธออยากให้พวกฉันไป ก็ต้องทำให้ปราณนต์ไปให้ได้” ลิลลี่บอก
พริบพราวหนักใจ
อวัศยานั่งอ่านกระดาษรายงานของปราณนต์ ปราณนต์นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางซึมเศร้า
“รายงานชิ้นนี้ไม่ค่อยดีเหมือนชิ้นก่อนๆ ไม่ละเอียด ไม่มีที่อ้างอิงของข้อมูล อ่านแล้วไม่น่าเชื่อถือ เอาไปแก้มาใหม่” อวัศยาบอก
“ครับ” ปราณนต์รับมาจะเดินออกไป อวัศยาถามขึ้น
“เดี๋ยว” อวัศยาเรียกไว้ ปราณนต์หันมา “แล้วรู้หรือยังว่าจะหาลูกค้าจากไหน”
“กำลังคิดอยู่ครับ”
“ไหนๆ เธอก็เป็นคนช่วยฉันคุยกับคุณสมพงษ์เมื่อเช้า จะดูแลเค้ามั้ย ? ฉันจะได้ยกพอร์ตเมื่อเช้าให้”
“อย่าดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้คนอื่นพูดลับหลังว่าพี่ศยาไม่ยุติธรรม”
อวัศยาหัวใจพองโต แววตาที่มองปราณนต์มีประกายสดใส แต่ก็ซ่อนไว้ใต้วงหน้าเรียบเฉย
อวัศยาเอ่ยออกมา “ขอบคุณมากที่ปกป้องฉัน”
“ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ครับ มันเล็กน้อยมาก ถ้าเทียบกับน้ำใจของพี่ศยาที่คอยสอนผม”
ปราณนต์ยิ้มจริงใจ ซึ่งรอยยิ้มนั้นก็ทำเอาอวัศยาสะท้านและรู้สึกดีจนไม่อาจละสายตาจากรอยยิ้มนั้นได้ ลิปดาเปิดประตูพรวดเข้ามา อวัศยาสะดุ้งโหยง ลิปดาเห็นอาการตกใจของอวัศยาก็ถามขึ้น
“คุยอะไรกัน .. ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น” ลิปดาถาม
“ฉัน...ฉัน ฉันไม่ได้ตกใจอะไรนี่คะ”
“ผมขอตัวไปแก้รายงานก่อนนะครับ” ปราณนต์บอก
ปราณนต์เดินชิ่งออกไป ลิปดาหันมาทางอวัศยา
อวัศยาถาม “บอสมีธุระเร่งด่วนอะไรหรือคะ ถึงไม่ยอมเสียเวลาเคาะประตูก่อนจะเข้ามา”
“ผมมีธุระสำคัญ อยากจะให้คุณไปเป็นเพื่อน”
“ไปไหน”
อวัศยาถามด้วยความแปลกใจ
ปราณนต์เดินออกมาจากด้านในออฟฟิศโดยจะออกไปหน้าบริษัท จู่ๆ รถพริบพราวก็แล่นปรู๊ดเข้ามาจอดหน้าปราณนต์ ปราณนต์หยุดเดินแทบไม่ทัน
ปราณนต์ตกใจ “เฮ้ย”
พริบพราวลงจากรถพร้อมรอยยิ้มหวานเจี๊ยบ
“ปราณนต์ ขอโทษนะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ยจ๊ะ”
“ไม่” ปราณนต์มองพริบพราวอย่างไม่วางใจ “นี่เป็นอะไร ? กินยาผิดมาหรือเปล่า จู่ๆก็พูดเสียงหวานใส่ อยากได้อะไร บอกมาเลย ไม่ต้องแสดง”
พริบพราวท้าวเอว “นี่ ฉันอุตส่าห์เป็นห่วง พูดด้วยดีๆ ดันมาหาว่าแสดง หาเรื่องกันชัดๆ”
“เออ อย่างนี้สิ ค่อยเป็นตัวจริงหน่อย ตกลงมีอะไรหรือเปล่า ? ถึงได้แกล้งขับรถปาดหน้ากันแบบนี้” ปราณนต์ถาม พริบพราวอึกอัก “ว่าไง ถ้าไม่มีอะไรจะได้กลับบ้าน”
พริบพราวพูดโดยท่าทางหวานเจี๊ยบหายไป “โอเคๆ เอาใหม่ก็ได้ ฉันมาชวนนายไปกินข้าว วันนี้ฉันเลี้ยงพี่ๆ กรุ๊ปเฮด แล้วฉันก็อยากจะเลี้ยงนายด้วย ไปด้วยกันนะ”
“ผมจะกลับบ้าน”
“นี่นายจะไม่ไปจริงเหรอ”
“ไม่ไป” ปราณนต์จะเดินต่อ
พริบพราวมายืนดัก “นี่ฉันอุตส่าห์หวังดี เห็นว่าเราต้องหาลูกค้าแข่งกัน ฉันก็เลยอยากจะช่วยนายออกไปเปิดหูเปิดตา ออกสังคมบ้าง ลูกค้าไม่ได้หาได้ตามเสาบ้านหลังคาบ้านหรอกนะ นายต้องหัดมีคอนเนคชั่น มีลูกค้าดีๆ เข้ามาเหมือนฉัน”
“อย่างคุณเค้าไม่เรียกว่าคอนเนคชั่น เค้าเรียกว่า “ญาติ”
พริบพราวเข้ามากระชับเสื้อปราณนต์ “บอกมาเดี๋ยวนี้ นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
ปราณนต์ยิ้มกวน “ไม่บอก...แต่รู้ก็แล้วกัน .. ผมไม่เข้าใจ ... คุณอยากเอาชนะผมจนต้องไปขอให้ญาติมาเปิดพอร์ต แล้วมาโกหกพี่ลิปดาว่าเป็นลูกค้าที่ตามมาจากบอสตัน คุณนี่แพ้ใครไม่เป็นจริงๆ”
พริบพราวกัดฟันกรอดด้วยความแค้น
ปราณนต์กวนประสาทต่อ “รู้ไว้ซะด้วย...ความลับมันไม่มีในโลกหรอก”
“นายปราณนต์” พริบพราวผลักปราณนต์ออกไปด้วยความแค้น “นายกลับไปเลยไป้ ไม่ต้องไปกงไปกินแล้ว”
“อ้าว ไหงงั้นหล่ะ ? เมื่อกี๊ชวนเสียงอ่อนเสียงหวาน ตอนนี้มาไล่ตะเพิดซะงั้น”
“ก็ฉันเปลี่ยนใจไม่ได้หรือไงหะ”
ปราณนต์พูดกวนๆ “ไม่ได้ เพราะผมเปลี่ยนใจก่อนคุณ .. ผมจะไปกินเลี้ยงด้วย เพราะผมว่าคืนนี้จะต้องสนุกแน่ๆ ก็ต้องลุ้นดูว่าผมจะเมาจนหลุดปากเรื่องที่คุณโกหกพี่ลิปเรื่องลูกค้าหรือเปล่า”
รถมอเตอร์ไซด์วินขับผ่านมา ปราณนต์โบก
“ได้ยินแว่วๆว่าคุณนัดคนอื่นไปร้านประจำใช่มั้ย .. ไปเจอกันที่ร้านเลยนะ ไม่ต้องรีบหล่ะ เพราะถ้าผมหลุดปากเรื่องที่คุณโกหก คุณจะได้ไม่เขิล” ปราณนต์พูดกับคนขี่มอเตอร์ไซต์วิน “ไปเลยครับพี่”
ปราณนต์ขึ้นมอเตอร์ไซด์ออกไป
“ปราณนต์ ! ไอ้บ้าปราณนต์ ถ้านายพูด ฉันจะฆ่านาย”
พริบพราวรีบขึ้นรถก่อนจะหยิบมือถือออกมา
“พี่แสนดีคะ ช่วยหาอะไรอุดปากปราณนต์ด้วยค่ะ”
ลิปดาเดินลิ่วๆ เข้าไปในร้าน อวัศยาเดินกึ่งวิ่งตามหลังมาต้อยๆ
“บอส เดี๋ยวสิบอส” อวัศยาดึงแขนลิปดาไว้ “จะบอกได้หรือยังว่าธุระสำคัญของบอสคืออะไร”
“ดินเนอร์กับญาติผม” ลิปดาบอก
“กินข้าวกับญาติบอส ! ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากถึงขนาดจะมานั่งรื่นรมย์กับญาติของบอส”
อวัศยาหันหลังจะชิ่งทันที แต่ลิปดาคว้าแขนของอวัศยาไว้
“ใครว่าผมรื่นรมย์ ถ้าคำว่าญาติไม่ค้ำคออยู่ ผมไม่มาหรอก”
อวัศยามองลิปดาด้วยอาการแปลกใจ
“ผมไม่ค่อยปลื้มเขา เขาชอบข่มชอบแข่งกับผมตลอด ผมรู้ว่าที่เขานัดผมมาวันนี้ก็แค่อยากจะเอาแฟนมาอวด ผมเบื่อ ขี้เกียจฟังเขาโม้ ผมก็เลยให้คุณรับหน้าที่กันชนให้ผม”
“ขอบคุณค่ะสำหรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ แต่ฉันไม่รับ”
“รับเถอะ คุณคนเดียวเท่านั้นที่ทำหน้าที่นี้ได้ เพราะคุณเป็นคนมีออร่า มีรังสีรัศมีอำนาจบารมีที่ทำให้ทุกคนเกรงใจ แค่คุณนั่งหน้านิ่งๆ ทุกคนก็ฝ่อ หัวหดกันหมด ญาติผมกับแฟนต้องอึดอัดสุดๆ จนต้องรีบเป็นฝ่ายขอตัว”
“แต่นี่มันเป็นปัญหาของบอส ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันเป็นผู้จัดการไม่ใช่เบ๊ อย่าคิดว่าจะสั่งให้ฉันทำอะไรก็ได้” ลิปดาหันไปโบกมือแล้วตะโกนเรียก
“พี่องศาทางนี้ครับ”
อวัศยาหันขวับไปมองตามลิปดาก็เห็นองศากับรุ้งลดาเดินควงกันมาไกลๆ อวัศยาช็อค ยืนค้างนิ่งแล้วก็เปลี่ยนใจ
“แต่ไหนๆ ฉันมาแล้ว ฉันไม่อยากเสียค่าน้ำมันเสียเวลาไปฟรีๆ ฉันอยู่ช่วยบอสแล้วกัน”
ลิปดายิ้มชอบใจ อวัศยาหันไปมององศากับรุ้งลดาที่กำลังเดินเข้ามา
ณ ร้านอาหาร OUTDOOR ที่มีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง โต๊ะกินข้าวตั้งอยู่รายล้อมรอบขอบสระ เหล่าพนักงานนั่งกินดื่มกันอยู่ที่โต๊ะอาหารริมสระน้ำ พีระเริ่มเมาแล้ว สักพักพริบพราวก็เดินฉับๆ เข้ามา
“เจ้ามือมาแล้ว เอ้า...พวกเรา ขอเสียงต้อนรับเจ้ามือคนสวยของเราหน่อยเร็ว” พีระว่า
ทุกคนปรบมือเฮ พริบพราวยิ้มหวานให้ทุกคน แสนดีเดินเข้ามาหาพริบพราว พริบพราวรีบถามก่อน
“ปราณนต์ล่ะคะ”
“ยังไม่เห็นมาเลยค่ะ” แสนดีตอบ
พริบพราวแปลกใจ “ยังไม่มา”
“ว่าแต่น้องพราวยังไม่ได้บอกพี่เลยค่ะ น้องพราวกับน้องณนต์มีปัญหาอะไรกัน ทำไมถึงต้องให้พี่ประกบน้องณนต์”
พริบพราวยังไม่ตอบ ลิลลี่ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปหาพริบพราว
“พราว ไหนเธอบอกว่าจะพาคุณณนต์มาด้วยไง ถ้าคุณณนต์ไม่มา พวกเราก็จะกลับแล้วนะ”
เสียงปราณนต์ดังขึ้น “ผมอยู่นี่”
ทุกคนหันไปทางต้นเสียงก็เห็นปราณนต์ยืนอยู่ ลิลลี่ยิ้มร่า
“เอ้า...น้องณนต์คนหล่อของเรามาแล้ว ขอเสียงต้อนรับหน่อยเร็ว”
ทุกคนเฮ ลิลลี่เกาะแขนปราณนต์
“ทำไมมาช้านักล่ะคะ” ลิลลี่ถาม
“วินมอเตอร์ไซด์ที่ผมนั่งมาดันเสียครับ ผมก็เลยต้องเดินมา”
“เหนื่อยแย่ น่าสงสารจัง คุณณนต์มานั่งโต๊ะนี้เถอะค่ะ ลิลลี่หาน้ำให้ดื่ม”
ลิลลี่ดึงแขนปราณนต์ ส่วนพริบพราวเข้ามาดึงแขนปราณนต์อีกข้าง
“ให้ปราณนต์นั่งกับพราวดีกว่าค่ะ” พริบพราวทำตาดุ “เรามีเรื่องงานต้องคุยกัน”
“นี่มันเป็นเวลาผ่อนคลายไม่ใช่เวลามาคุยงาน ช่วยแยกแยะด้วยนะพราว มาค่ะคุณณนต์” ลิลลี่ดึงแขนปราณนต์
“ณนต์ มานั่งกับฉัน” พริบพราวเสียงแข็ง
ลิลลี่กับพริบพราวดึงแขนปราณนต์ไปมา ปราณนต์ร้องห้ามสาวๆ
“หยุด !” สองสาวหยุด “ผมว่าผมนั่งกับพี่รุจน์ดีกว่า พี่รุจน์ผมนั่งด้วยคน”
รุจน์ลุกขึ้น “มาเลยไอ้น้อง เราจะได้มารื้อฟื้นตอนไปเมาสมัยเรียนด้วยกัน”
ปราณนต์นั่งลงเก้าอี้ตัวข้างๆ รุจน์ รุจน์กำลังจะนั่งลงข้างๆ ปราณนต์แต่ลิลลี่เบียดตัวเข้าไปนั่งแทนที่รุจน์ได้ก่อน
“คุณณนต์อยากกินอะไรคะ ลิลลี่สั่งให้”
รุจน์กำลังจะเดินย้ายไปนั่งอีกข้างของปราณนต์ แต่พริบพราวเบียดตัวเข้าไปนั่งแทน
“สั่งเต็มที่เลยนะปราณนต์ กินเยอะๆ ปากจะได้ไม่ว่าง” พริบพราวว่า
รุจน์ยืนเหวอเพราะไม่มีที่ให้นั่ง
“เฮ้ย ไรกันว๊า…กูอยากเกิดเป็นไอ้ณนต์จริงๆ”
พริบพราวหันมาจ้องตาเขม็งกับปราณนต์ ปราณนต์ยิ้มมุมปากกวนๆ ใส่พริบพราว
อวัศยา ลิปดา องศา และรุ้งลดานั่งกินข้าวด้วยกัน รุ้งลดาตักอาหารให้องศา
“คุณศยาทำงานกับนายลิปมานานแล้วเหรอครับ” องศาถาม
“ห้าปีค่ะ” อวัศยาตอบ
“ตั้งแต่ลิปตั้งบริษัทใหม่ๆ เลยสิ นี่ถ้าเป็นผม ผมให้คุณศยาเป็นหุ้นส่วนไปแล้ว ไม่ปล่อยให้เป็นแค่พนักงานอยู่แบบนี้หรอก”
“เป็นแค่พนักงานมีความสุขดีค่ะ รับผิดชอบแค่ลูกน้อง แค่งานของตัวเอง ไม่ต้องคอยระวังว่าใครจะเข้ามาล้วงความลับบริษัท หรือคิดจะมาเป็นคู่แข่ง” อวัศยาบอก
องศารู้ว่าโดนแดกดันจึงยิ้มไม่ค่อยออก ลิปดายิ้มนิดๆ เพราะพอใจที่อวัศยาเล่นงานองศาได้ องศาเปลี่ยนเรื่อง
“เออ...วันงานผมเห็นเพื่อนเก่ารุ้งนั่งอยู่ที่โต๊ะของบริษัทนาย เขาชื่ออะไรนะรุ้ง”
รุ้งลดาอึกอักเพราะไม่อยากพูดถึง “ปราณนต์ค่ะ”
อวัศยาชะงักและหูผึ่ง แต่ก็ยังวางฟอร์มนิ่ง
“อ๋อ...ปราณนต์ เขาเป็นเพื่อนเก่าคุณรุ้งเหรอครับ โลกกลมดีจัง” ลิปดาว่า
“แต่รุ้งคงไม่อยากจะให้กลมสักเท่าไหร่” องศาบอก
ลิปดาสงสัย “มีอะไรเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว รุ้งไม่อยากพูดถึง “
“ไม่พูดไม่ได้นะรุ้ง นายลิปจะทำงานกับใครก็ควรจะบอกให้เขารู้เบื้องลึกเบื้องหลังของคนๆ นั้น” องศาว่า
“พูดกันมาขนาดนี้ ผมไม่รู้ไม่ได้แล้วล่ะครับ”
“ถ้ารุ้งไม่พูด ผมพูดให้เอง ปราณนต์เป็นแฟนเก่ารุ้งแต่ก็ยังตามตื้อรุ้งไม่เลิก มันไม่อยากเสียรุ้งไป เพราะทำให้มันขาดรายได้ ตอนคบกับรุ้ง มันสูบเงินรุ้ง มันเป็นพวกปลิงสูบเงินผู้หญิง”
อวัศยาอึ้ง เธอจ้องรุ้งลดาแต่รุ้งลดาก็ก้มหน้าก้มตา
อวัศยาเอ่ยถาม “คุณรุ้งบอกหรือว่าคุณองศาเห็นเองคะ”
“รุ้งบอกหรือผมเห็นเอง มันไม่สำคัญสักหน่อย” องศาว่า
“สำคัญสิคะ นักลงทุนมากมายชอบฟังความข้างเดียว ใครพูดว่าหุ้นตัวไหนดีตัวไหนไม่ดีก็เชื่อ แห่ไปซื้อไปขายกันจนเจ๊ง อย่างที่เขาเรียกว่าพวกแมงเม่าน่ะค่ะ”
“รุ้งพูดเรื่องจริงนะคะ ภายนอกณนต์เขาอาจจะดูดี ตอนแรกรุ้งยังไม่รู้จักเขาดีถึงยอมคบเป็นแฟนด้วย แต่ที่ไหนได้ รุ้งต้องเกือบหมดเนื้อหมดตัวก็เพราะเขา ไม่อย่างงั้นรุ้งจะเลิกกับเขาเหรอคะ” พูดถึงตรงนี้รุ้งลดาก็เปลี่ยนเรื่อง “รุ้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” รุ้งลดาลุกเดินออกไป
อวัศยามองตามรุ้งลดาอย่างไม่พอใจ อวัศศยาคิดแผนร้าย
“เออ บอสคะ ฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องงานจะคุยกับรัน ฉันขอไปโทรศัพท์แป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวมา”
ลิปดาพยักหน้ารับ อวัศยาเดินตามรุ้งลดาออกไปด้วยแววตาร้าย
รุ้งลดาเดินมาเข้าห้องน้ำโดยสวนกับแม่บ้านที่ถือไม้ม็อบถูพื้นออกไปจากห้อง รุ้งลดาเช็คความสวยหน้ากระจกนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าไปในห้องส้วม อวัศยาย่องเข้ามามองซ้ายมองขวาหาเพื่อของเล่นงาน แล้วสายตาของเธอก็หยุดที่ถังน้ำที่ถูกใช้งานแล้วของบ้านแม่บ้านซึ่งวางตั้งอยู่ อวัศยายิ้มร้ายแล้วยกถังน้ำขึ้นโดยทำทุกอย่างอย่างให้เงียบเชียบที่สุด
“แด่ปราณนต์”
อวัศยาสาดน้ำจากเหนือช่องประตูเข้าไปในห้องที่รุ้งลดาเข้า
เสียงรุ้งลดาร้องลั่น “อ๊ายย”
อวัศยารีบวิ่งออกไปแล้วกดปิดไฟก่อนจะล็อคประตู แล้วหยิบป้ายว่า "ห้ามเข้า ทำความสะอาด" มาตั้งหน้าห้องน้ำ แล้วเธอก็เดินเชิดๆ ออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อวัศยาเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ
“คุยงานเรียบร้อยแล้วค่ะ .. นี่ก็ดึกแล้วบอสจะอยู่ต่อก็ได้นะคะ ฉันจะขอตัวกลับก่อน”
อวัศยาสบตากับลิปดา แต่ลิปดารู้ทัน
“ผมจะปล่อยให้กลับคนเดียวได้ยังไง มาด้วยกัน ก็ต้องกลับด้วย พี่องศาครับ ผมต้องขอตัวกลับก่อน ต้องรีบพาศยากลับไปส่ง”
“ตามสบาย เอาไว้พี่จะเข้าไปเที่ยวออฟฟิศนายวันไหน จะโทรไปนัดก่อนล่วงหน้าแล้วกัน” องศาบอก
“ครับ”
อวัศยากับลิปดาเดินออกไป องศามองไปทางห้องน้ำ
“ทำไมรุ้งเข้าห้องน้ำนานจัง”
อวัศยากับลิปดาออกมาจากด้านใน อวัศยาทำหน้าเครียดๆ
“ไม่สบายใจเรื่องปราณนต์เหรอ” ลิปดาถาม
“เปล่า”
“ไม่ต้องปฏิเสธหรอกน่า คุณคาดหวังกับปราณนต์ไว้มาก พอมาได้ยินเรื่องแบบนี้ก็ต้องมีผิดหวัง ตะขิดตะขวงใจเป็นธรรมดา”
“บอสไม่เชื่อเรื่องปราณนต์ที่คุณองศาพูดเลยเหรอ” อวัศยาถาม
“ห้าปีที่เราทำงานด้วยกัน มีคนพยายามจะมาดิสเครดิตคุณกับผมเพียบ แต่ผมก็ยังเลือกให้คุณอยู่กับผม เพราะอะไรล่ะ”
“เพราะบอสไม่ตัดสินใครด้วยคำพูดคนอื่น”
“ใช่ และผมก็อยากให้คุณทำแบบเดียวกันนี้กับปราณนต์ หรือต่อให้ปราณนต์จะเป็นปลิงเกาะผู้หญิงกิน นั่นก็เป็นชีวิตส่วนตัวของเขา ถ้าเขายังทำงานได้ดี เราก็ไม่ต้องแคร์”
“ไม่ได้ ต้องแคร์ เพราะฉันทนทำงานร่วมกับคนนิสัยไม่ดีไม่ได้”
“คุ๊ณ...มนุษย์ก็คือมนุษย์ มีดีมีชั่วปะปนกัน ถ้าคุณหวังจะได้ทำงานกับคนดีแสนดี คุณคงต้องไปชวนมนุษย์ต่างดาวมาทำงานด้วย”
ลิปดายิ้ม มือถือลิปดามีสายเข้ามาพอดี ลิปดารับสาย
“ฮัลโหล ยังไม่เข้านอนอีกเหรอครับ” ลิปดาฟังแล้วตอบ “จะให้พี่ลิปไปหาเหรอ ได้เลย”
อวัศยาหุบยิ้มฉับ
“อะไรนะครับ อยากได้หน้ากากเสือ ด้าย...เดี๋ยวพี่ลิปหาไปให้นะ” ลิปดาสังเกตเห็นหน้าอี๋ของอวัศยา “เอาแส้ด้วยมั้ย จะได้เป็นเสือป่า แต่ต้องสัญญาก่อนนะว่าคืนนี้จะแต่งให้พี่ลิปดู”
อวัศยาบ่น “น่าเกลียด”
“โอเค เดี๋ยวพี่ลิปรีบไปส่งเข้านอน พรุ่งนี้จะได้ไปโรงเรียนไม่สาย”
อวัศยาอ้าปากค้างเพราะทนไม่ได้ เธอเดินหนี ลิปดาคว้าข้อมือของอวัศยาไว้
“จะรีบไปไหนล่ะ”
“กลับไปแผ่เมตตา ระวังข้อหาพรากผู้เยาว์ด้วยล่ะ ฉันขี้เกียจหางานใหม่”
อวัศยาเดินออกไป ลิปดามองตามยิ้มๆ
องศาขับรถเข้ามาจอดหน้าคอนโดฯ รุ้งลดา
องศากับรุ้งลดานั่งอยู่ในรถ รุ้งลดาอยู่ในสภาพมอมแมมเพราะเพิ่งถูกน้ำถูพื้นสาดมา เธอหงุดหงิดมาก
“คุณน่าจะให้รุ้งดูกล้องวงจรปิดของโรงแรม”
“ขืนคนอื่นรู้ว่าคู่หมั้นผมโดนเอาน้ำถูพื้นราด ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” องศาบอก
“แล้วคุณไม่อยากรู้เหรอคะว่าใครทำร้ายคู่หมั้นของคุณ” รุ้งลดาถาม
“อาจจะเป็นพวกคู่ขาเก่าของผมที่อิจฉาคุณล่ะมั้ง ไม่ต้องถือสาหรอก เดี๋ยวก็หายบ้าหายหึงกันไปเอง”
รุ้งลดาจำใจยอม “ค่ะ” รุ้งลดายิ้มหวาน “กู๊ดไนท์นะคะ “
รุ้งลดาโน้มหน้าจะจูบองศา แต่องศาเบี่ยงตัวหลบ
“คุณรีบๆ ลงไปเถอะ รถผมเหม็นไปหมดแล้ว” องศาว่า
รุ้งลดาชะงักแล้วลงจากรถด้วยความหงุดหงิด องศาขับรถออกไป รุ้งลดาดมเสื้อผ้าตัวเอง
“อี๋ แหวะ ! ฮึ่ย..อย่าให้รู้นะว่าเป็นฝีมือใคร”
ร้านขนมเก๋ไก๋ขนาดเล็กที่ด้านหน้าเป็นร้าน ส่วนด้านหลังเป็นบ้านพักตกแต่งสไตล์อิงลิซคันทรี่สีขาวสะอาด ไฟส่องสว่างบางจุด ชื่อร้าน “Jaravee’s Bakery” พร้อมกับป้ายเขียนว่า “Close” ห้อยอยู่ข้างหน้า ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของเด็กผู้ชายก็ดังสดใสขึ้นมาจากบริเวณหลังบ้าน
“เจมส์” เด็กชายอายุประมาณ 4-5 ขวบกำลังใส่หน้ากากเสือวิ่งหนีลิปดาที่ใส่หน้ากากสไปเดอร์แมนแกล้งวิ่งไล่ พร้อมส่งเสียงขู่
ลิปดาส่งเสียงขู่ “แฮ่ !!”
เจมส์วิ่งหนีพร้อมกับระเบิดหัวเราะอย่างมีความสุข “ฮ่าๆๆๆ พี่ลิปขี้โกง พี่ลิปต้องวิ่งขาเดียว”
ลิปดาเปิดหน้ากาก “ขาเดียวก็ได้” ลิปดาปิดหน้ากากแล้วเดินเขย่งขาเดียว “หน้ากากเสือ ระวังตัวให้ดี ข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็น “หน้ากากแมว” เมี๊ยว..เมี๊ยว”
เจมส์หัวเราะ “ฮ่าๆๆ”
ลิปดากระโดดขาเดียวพุ่งมา “แฮ่ !”
“อ๊ากก!!” เจมส์ร้องแล้วก็วิ่งหนีไป
เสียงเจมส์กับลิปดาเล่นกันดังไปทั้งบ้าน ลิปดาไล่จับเจมส์ พอจับได้ก็แกล้งทำท่ามวยปล้ำล็อคตัวทับไว้แล้วนับ
“หนึ่ง – สอง – สาม – สี่ – ห้า” ลิปดานับเอง
เจมส์ไม่ยอม “คุณแม่ คุณแม่ คุณแม่ช่วยเจมส์ด้วยค้าบ”
“จารวี” ผู้หญิงวัยเดียวกับลิปดา แต่งตัวเก๋ ท่าทางทะมัดทะแมงเปิดประตูเข้ามา จารวีเดินถือจานข้าวและแก้วนมมาด้วย
“หยุดเล่นกันได้แล้ว !!! เด็กชายลิปดามากินข้าว เด็กชายเจมส์มาดื่มนม แล้วไปแปรงฟัน นอน”
ทั้งสองคนเงียบกริบ แล้วหันมามองหน้ากันเซ็งๆ
“เป็นไงหล่ะ เรียกคุณแม่ คุณแม่มา จบเลย” ลิปดาว่า
เจมส์เซ็ง “ก็ใครจะไปรู้หล่ะค้าบ รู้งี้ยอมให้พี่ลิปชนะซะก็ดี”
“บ่นงุงิอะไรกัน” จารวีว่า
ลิปดากับเจมส์ตอบพร้อมกัน “เปล่าครับ”
“เปล่าก็รีบมาประจำที่”
ลิปดากับเจมส์แกล้งทำท่าตะเบะพร้อมกัน โดยไม่ได้นัดหมาย “ครับผม” แล้วทั้งสองก็หัวเราะ
จารวีส่ายหน้าในความทะเล้นของทั้งคู่
“สงสัยแจนจะปล่อยให้ลิปอยู่กับลูกมากเกินไปแล้ว ถอดแบบกันออกมาแบบนี้ อันตรายจริงๆ” จารวีบอก
ลิปดาเดินมานั่งประจำที่ “อ้าว ทำไมแจนพูดงั้นอ่ะ เหมือนลิปน่ารักจะตาย”
“น่ารักแต่เป็นอันตรายกับสาวๆหล่ะสิ เอ้า บ่นหิวไม่ใช่เหรอ รีบมากินก่อนจะเย็น ส่วนแก้วนี้ก็ของ หน้ากากเสือ ดื่มให้หมดนะครับ จะได้มีแรงเอาชนะพี่ลิป”
เจมส์หันขวับมามองลิปดาแล้วทำหน้ามาดมั่นว่าชนะแน่ๆ แล้วเขาก็หันมายกนมดื่มรวดเดียวจนหมด
เจมส์วางแก้ว “พี่ลิปมาสู้กันอีกรอบเลยครับ”
จารวีหันตัวเจมส์กลับมา “ไม่ใช่วันนี้ นี่ดึกแล้ว..เมื่อกี๊คุณแม่พูดว่าอะไร”
เจมส์ทำหน้าผิดหวัง ลิปดาขำกับท่าของเจมส์อย่างอารมณ์ดี
จานข้าวที่ลิปดากินเมื่อสักครู่ถูกล้างโดยลิปดาอย่างคล่องแคล่ว จารวีเดินเข้ามาพร้อมกับอัลบั้มรูปแต่งงานสองสามเล่ม พอเห็นลิปดาล้างจานก็รีบพูด
“ลิปไม่ต้องล้าง วางไว้เลย แค่มาเล่นเป็นเพื่อนน้องเจมส์ก็ขอบคุณมากแล้ว ออกมา แจนล้างเอง”
“ใบเดียวเอง ผมล้างได้ เรียบร้อยแล้ว” ลิปดาคว่ำจาน
ลิปดาหันมาเห็นจารวีหอบเอาอัลบั้มรูปแต่งงานมาก็แปลกใจ
“เอาอัลบั้มรูปแต่งงานมาทำอะไร”
จารวีโยนอัลบั้มลงบนโต๊ะทำให้บางเล่มเปิดออกจนเห็นรูปแต่งงานของจารวีกับ “ทัศน์” สามีของเธอ จารวีมองแล้วก็ทำหน้าเหนื่อย
“ว่าจะเอาไปทิ้ง เก็บไว้ก็รกบ้าน รกจิตใจ เห็นแล้วมันก็...แค้น” จารวีว่า
“เอารูปไปทิ้งแล้วมันหายแค้นเหรอ” ลิปดาถาม
“ไม่ แต่ก็ดีกว่า เก็บไว้ให้มันทิ่มแทงใจ” จารวีบอก
ลิปดามองแล้วก็คิด “นี่..ถามหน่อยดิ ตอนเราเลิกกัน แจนเก็บรูปลิปทิ้งแบบนี้หรือเปล่า”
“ไม่อ่ะ” จารวีบอก ลิปดายิ้ม “แจน “เผา” เลย” จารวีสั่ง ลิปดาสะดุ้ง
“ถามจริง”
“จริง .. ก็ตอนนั้นสาวๆคณะอื่นมาดักรอตบแจนอยู่หน้าตึก หาว่าจะไปแย่งลิป ทั้งๆที่แจนเป็นแฟน แต่เค้าเป็นกิ๊ก ดีนะที่คนมาเคลียร์ให้ก่อน ไม่งั้นแจนโดนตบแน่ๆ แล้วดูสิ เลิกกันมาตั้งนานจนแจนแต่งงานมีลูก ลิปยังลอยไปลอยมา เมื่อไหร่จะลงหลักปักฐานสักที”
“ไม่เป็นไร ผมไม่รีบ” ลิปดาบอก
“ระวังเหอะ “เลือกนักมักได้แร่” ดูแจนดิ อุตส่าห์เลิกกับลิปเพราะเบื่อความเจ้าชู้ มาแต่งกับรุ่นใหญ่ ดูนิ่งๆ ขรึมๆ ที่ไหนได้ มีอีหนูซุกไว้เพียบ !! ดีนะที่อย่างน้อย แจนยังเป็นคนที่จดทะเบียน เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าโดนหลอกให้เป็นเมียน้อยจะยิ่งแค้นกว่านี้”
ลิปดามองด้วยความเห็นใจ “เอาน่า...เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ยิ่งคิด ยิ่งเครียด ตกลงจะทิ้งแน่ใช่มั้ย..จะเอาไปทิ้งให้”
จารวีคิดแล้วก็พยักหน้า ลิปดาเก็บอัลบั้มขึ้นมากำลังจะเดินออกไปทิ้ง จารวีเริ่มลังเลแล้วก็ตัดสินใจโพล่งออกมา
“เดี๋ยวก่อน !”
ลิปดาชะงักหันมามองหน้าจารวีก็เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสน ลิปดาจึงรู้ว่าจารวียังตัดใจจากสามีไม่ได้จริงอย่างที่ปากพูด
รันพูดสวนออกมา
“ไอ้บ้า !! บอสเค้าไม่ได้เป็นคนโรคจิตแบบนั้นหรอก”
รันที่แต่งตัวจัดเต็มแบบเตรียมท่องราตรีนั่งอยู่ในห้องอวัศยา เขาคุยไปแชทไปโดยไม่มองหน้าเพื่อนแม้แต่น้อย อวัศยานั่งพับผ้าโดยแต่งตัวเป็นแจ๋วอยู่บ้านเพราะเตรียมจะนอน ทั้งสองนางมีสภาพต่างกันมาก
“เค้าอาจจะซื้อหน้ากาก โซ่ แส้ ไปงานปาร์ตี้ก็ได้ หรือ..ถ้าเค้าจะใช้อุปกรณ์ประกอบกิจกาม เอ๊ย กิจกรรมจริงๆ ก็ไม่เห็นจะแปลกเลย ฉันว่าก็...หนุกดีนะ” รันหัวเราะคิกคักๆ
อวัศยาคุยไปพับผ้าไป “ฉันก็ไม่ได้แปลกใจ แต่แค่เป็นห่วง ถ้าบอสสำส่อนมาก เกิดเป็นโรคขึ้นมา ทำงานไม่ได้ บริษัทเจ๊ง แล้วจะทำยังไง”
อวัศยาพูดจบ รันก็ขำคิกคัก อวัศยาหันขวับมาแล้วพูด
“ฉันพูดจริงๆนะไม่ได้ล้อเล่น ไม่ต้องมาขำเลย”
“ฉันไม่ได้ขำคุณนายย่ะ ฉันขำลีอองย่ะ”
อวัศยางง “ใคร คือ ลีออง”
รันคุยไปแชทไป “เค้าเป็นนายธนาคารอยู่ที่สวิส ฉันก็แชทมุ้งมิ้งๆ โน่นนี่ ขำๆ” รันหัวเราะคิกคัก
อวัศยาเดินมาแล้วหยิบไปดูทันที
“ไหนดูสิ หน้าตาเป็นยังไง”
อวัศยาเห็นรูปที่หน้าจอแชทว่าลีอองหล่อมาก
“ก็หล่อดีนะ” แล้วอวัศยาก็เห็นรูปอีกฝั่ง “เจนี่?” ใครคือเจนี่ ?
รันยิ้มและกระมิดกระเมี้ยน “ฉันนี่แหละ เจนี่”
“หะ? นี่แก...” อวัศยามองรูปผู้หญิงในแชทและมองหน้ารันที่ทำตาปิ๊งๆ “แกกำลังหลอกเค้าอยู่นะเนี่ย”
“นี่แกอย่ามาสิทธิมนุษยชนใส่ฉันได้ป่ะ ? โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนมีโลกส่วนตัว มีความลับ มีมุมที่เปิดได้ และเปิดไม่ได้ แชทออนไลน์ใครเค้าเปิดตัวกัน มันเป็นโลกอวาตาร” รันพูดสำเนียงอังกฤษคำว่า Avatar แบกระแดะเว่อร์ “ฉันจะเป็นอะไรก็ได้” รันลุกทำท่าประกอบ “ฉันเป็นอายูมิตอนคุยกับทาเคชิ ฉันเป็นโรฮองตอนคุยกับฟรองซัวร์ ฉันเป็นหลินฮุ่ยตอนคุยกับช่วงช่วง และฉันก็เป็น ...”
อวัศยาพูดแทรก “หลอกลวง”
รันกลอกตาไปมา “โอเค จริงที่ฉันโกหกว่าฉันชื่อโน้นชื่อนี้ ฉันไม่ได้ใช้ชื่อ และ รูปจริงๆ แต่!!! .. สิ่งที่ฉันพิมพ์ลงไปมันคือความคิดและความรู้สึกของฉันจริงๆ บางทีการที่เราปลอมตัวเป็นคนอื่น มันทำให้เราเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องแคร์ว่าเค้าจะรู้ว่าเราเป็นใคร”
อวัศยาเริ่มอึ้งพลางคิดในใจว่าโดนอ่ะ “จริงเหรอ”
“ไม่เชื่อแกลอง...สมมุติแกเกลียดบอส แล้วก็ไปซื้อซิมโทรศัพท์เบอร์ใหม่มาหนึ่งเบอร์ ใช้กับมือถืออันเก่าของแกก็ได้ แล้วก็เข้าไปในแชทออนไลน์สร้างร่างทรงขึ้นมาหนึ่งคน “อีรำเพย” แล้วก็ใส่เบอร์บอสลงไป แค่นี้แกก็จะติดต่อคุยกับบอสได้ แล้วแกก็ส่งข้อความไปด่าๆเค้า ด่าให้สะใจ แล้วก็ถอดซิมทิ้ง เพียงแค่นี้..แกก็ได้ระบายความรู้สึกที่มันอัดอั้น โดยไม่มีใครบนโลกรู้ว่าอีนังรำเพยคือแก...”
รันบิ้วสุดๆ อวัศยาฟังแล้วก็กลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความตื่นเต้น อวัศยาเริ่มคิดหนักเพราะเริ่มสนใจ
เหล่ามาร์เก็ตติ้งของบริษัทนาราภัทรกินอาหารพูดคุยเฮฮากันอยู่ริมสระน้ำ ปราณนต์กับพริบพราวนั่งคู่กันอยู่ตรงกลางข้างๆ พริบพราวคือแสนดี ส่วนข้างปราณนต์เป็นลิลลี่ ลิลลี่ตักอาหารให้ปราณนต์เรื่อยๆ รุจน์มองอย่างขวางหูขวางตา รุจน์เดินเข้ามายื่นซองเอกสารให้ปราณนต์โดยตั้งใจโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ ลิลลี่
“ณนต์ พี่ฝากเก็บใส่กระเป๋าหน่อยสิ ขี้เกียจเอากลับไปเก็บที่รถ”
“ซองอะไรครับ” ปราณนต์ถาม
“เอกสารเปิดพอร์ตใหม่ของลูกค้า ลูกค้าแวะเอามาให้ เก็บไว้ดีๆ ล่ะ หายขึ้นมาพี่หัวขาดแน่”
ปราณนต์รับคำแล้วกำลังจะเอาซองเอกสารของรุจน์เก็บใส่กระเป๋าของตัวเอง แต่ยังไม่เสร็จดี พีระที่เริ่มเมาก็ลุกขึ้น “นิดา พาพี่ไปปล่อยปลาดุกหน่อย”
นิดายังเม้าไม่เลิก พีระจึงคว้าไหล่นิดาแล้วกระชากให้หันมาก่อนจะโอบหน้านิดาด้วยสองมือแล้วตะโกนใส่หน้า
“เมีย ผัวปวดขรี้”
“โอ๊ย ! ไอ้พี่พีบ้า เจ็บนะ”
นิดาผลักพีระออกไปเต็มแรง พีระเมาทำให้เขาทรงตัวไม่อยู่จึงเซไปทางสระว่ายน้ำ
พีระตกใจ “ฮะ...ฮะ...เฮ้ย”
“พี่พี !!”
ทุกคนตกใจ ปราณนต์ที่กำลังปิดกระเป๋าเอกสารพุ่งเข้าไปช่วยพีระทำให้กระเป๋าเอกสารที่อยู่บนตักหล่นลงพื้น
ซองเอกสารของรุจน์กระเด็นออกไปอยู่ที่ใต้รถเข็นวางเครื่องดื่ม แล้วปราณนต์ก็พุ่งเข้าไปดึงแขนพีระไว้ได้ก่อนที่เขาจะร่วงลงไปในสระว่ายน้ำ ปราณนต์กับพีระล้มไปชนโต๊ะกับเก้าอี้จนล้มกระจายระเนระนาด
นิดากับพริบพราวเข้าไปช่วยประคองพีระ ลิลลี่ และรุจน์ประคองปราณนต์ขึ้น
“บุญคุณครั้งนี้นับว่าใหญ่หลวงนัก เอาอย่างนี้นะ พี่จะตอบแทนด้วยการยกลูกค้าของพี่ให้น้องณนต์หมดเล้ย”
นิดาหน้าเสีย “เอ่อ...อย่าไปถือสาคำพูดพี่พีนะจ๊ะ เขาเมา”
“พี่ไม่ได้เมา” พีระดราม่าจะร้องไห้ “พี่สงสารน้องณนต์จริงๆ คิดดูเซ่...ตอนเราทำงานใหม่ๆ ก็ไม่ต่างจากลูกเสือ ต้องให้แม่เสืออย่างคุณศยาสอนวิชา นั่งดูรุ่นพี่ออกล่าเหยื่ออยู่ตั้งหลายเดือน กว่าเราจะแข็งแรง ออกล่าด้วยตัวเอง แต่น้องณนต์ทำงานได้ไม่ถึงเดือน สายสะดือยังไม่หลุดดี แต่ต้องออกล่าเหยื่อ และคู่แข่งก็เป็นเสือสาวอย่างน้องพราว จะให้พี่นิ่งดูดายไม่ช่วยน้องณนต์ได้ยังไง”
“โอเคๆ งั้นยกลูกค้าให้คนหนึ่งก็ได้” นิดาบอก
“อ้าว ง่ายๆอย่างนี้ได้ไง มันไม่ยุติธรรมกับน้องพราวนะ” แสนดีว่า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่แสนดี ณนต์มีลูกค้าสักคนก็ดีเหมือนเดิม ณนต์จะได้มีกำลังใจหาลูกค้าแข่งกับพราว”
พริบพราวพูดโดยหวังว่าจะทำให้ปราณนต์อารมณ์ดีและไม่จ้องแฉเธอ แต่ท่าทางของพริบพราวตีความไปว่าเธอยียวนจนปราณนต์หมั่นไส้
“ต้องขอบคุณพี่พีมากนะครับที่เป็นห่วงผม แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงผมจะไม่ได้จบมาร์เก็ตติ้งโดยตรง ไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่มีญาติอยากเล่นหุ้นเหมือนพราว แต่ผมก็จะพยายามด้วยตัวเองอย่างเต็มที่”
“พราวมีญาติอยากเล่นหุ้นด้วยเหรอ ยิ่งได้เปรียบณนต์ไปกันใหญ่” ลิลลี่ว่า
“แต่น้องพราวไม่ได้เอาญาติมาเป็นลูกค้า เพราะลูกค้าคนนี้ตามน้องพราวมาจากบอสตัน !! ไม่ได้เป็นญาติโกโหติกากันสักหน่อย จริงไหมคะน้องพราว” แสนดีหันไปถาม
พริบพราวอึกอัก “เอ่อ...เอ่อ...”
“ผมว่าเราหยุดพูดเรื่องนี้กันดีกว่า เดี๋ยวพราวจะลำบากใจ เอ้ย..น้อยใจที่อุตส่าห์พามาเลี้ยงแต่ต้องมาพูดเรื่องงาน” ปราณนต์ว่า
พริบพราวทำตาถลนใส่ปราณนต์ แต่ปราณนต์ทำเป็นไม่เห็น
“น้ำหมดแล้ว เดี๋ยวผมไปสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่มให้นะครับ”
ปราณนต์เดินออกไป พริบพราวมองตามปราณนต์แล้วรีบเดินตามไปแบบเนียนๆ
“อาหารก็เริ่มหมดแล้ว พราวไปสั่งเพิ่มให้นะคะ” พริบพราวบอก
พริบพราวลุกตามไป.. นิดานึกได้จึงหันขวับมาทางพีระ
“อ้าว ไอ้พี่พี..ตกลงจะไปปล่อยปลาดุกมั้ยเนี่ย ลืมไปเลย”
“ไม่ต้องแล้ว..พี่ปล่อยตรงนี้แล้ว” พีระบอก
“ว้าย ไอ้พี่พีบ้า” นิดารีบปิดจมูก “แกปล่อยตรงนี้จริงๆเหรอ”
“เปล่าจ้า ผัวล้อเล่ง ฮ่าๆๆ”
พีระกับนิดาแหย่กันไปแหย่กันมา คนบนโต๊ะหันมาขำโดยไม่มีใครสนใจปราณนต์กับพริบพราวที่เดินไปเลย
ปราณนต์กำลังเดินมาที่เคาท์เตอร์ พริบพราวก้าวตามมาติดๆ
“นี่นายปราณนต์ นายตั้งใจจะเล่นสงครามประสาทกับฉันใช่มั้ย ไม่สำเร็จหรอกนะจะบอกให้...ต่อให้นายไปฟ้องพี่ลิปเรื่องที่ฉันโกหกโปรไฟล์ลูกค้า พี่ลิปก็คงไม่สน และนายก็ไม่มีหลักฐาน”
ปราณนต์สวนทันที “ลูกค้าคุณที่ชื่อ คุณอำนวย วงษ์แพทย์เป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่กระทรวงสาธารณสุขเพิ่งจะเกษียรออกมาได้ไม่ถึงสามเดือน เป็นพี่ชายไม่แท้ของนายแพทย์พจน์ มหากิจไพศาลพ่อของคุณ , ปู่ของเขาเป็นพี่น้องกับปู่ของคุณ มีลูกหนึ่งคนชื่อ คุณวัลงาม ภักดีไทย เป็นเจ้าของร้านอาหารไทยชื่อดังในบอสตัน ถ้าต้องการหลักฐานผมจะพริ้นท์ข้อมูลทั้งหมดออกมาให้”
พริบพราวอ้าปากค้าง
“นายได้ข้อมูลพวกนี้มาจากไหน” พริบพราวถาม
“พี่สาวผมขายของทางเน็ต เป็นนักเสิร์ชหาข้อมูลขั้นเทพ แค่ผมให้ชื่อนามสกุลลูกค้าของคุณไป ไม่ถึงห้านาทีพี่สาวผมก็บอกได้หมดว่าลูกค้าคุณเป็นใครมาจากไหน และเกี่ยวข้องกับพริบพราว มหากิจไพศาลอย่างไร”
“ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล” พริบพราวว่า
“อะไรที่มันอยู่ในอินเตอร์เน็ต ไม่มีคำว่าส่วนตัวหรอกคุณ”
พริบพราวแถ “ก็...ถ้าใช่ แล้วไง ไม่ได้มีกฎห้ามให้ญาติมาร์เก็ตติ้งเปิดพอร์ตสักหน่อย ฉันจะให้คนทั้งครอบครัวมาเปิดก็ไม่ผิดนี่”
“ใช่ เอาญาติมาเปิดพอร์ตไม่ผิด แต่ผิดที่คุณโกหกคุณลิปว่าเป็นลูกค้าที่ตามมาจากบอสตัน คุณทำแบบนี้เพราะต้องการจะสร้างภาพว่าตัวเองเก่ง”
“ฉันไม่ได้สร้าง..แต่ฉันเก่งกว่านายจริงๆ”
“เก่งกว่าแล้วทำไมต้องกลัว ถึงขนาดต้องปั้นเรื่องขึ้นมา แบบนี้เค้าเรียกว่า “เก่งไม่จริง”
พริบพราวแทบจะระเบิดกรี๊ด เธอจ้องหน้าปราณนต์เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
พิธีกรอารมณ์ดีขึ้นพูดขณะอยู่บนสปริงบอร์ดเหนือสระว่ายน้ำ
“ฮาโหลๆ เทสต์ๆ กราบสวัสดีครับแขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมขอให้ทุกท่านหยุดกิน หยุดเม้า หยุดแชทแล้วมองลงไปตรงโน้น” พิธีกรชี้ไปที่ใต้สระน้ำ
ปราณนต์ พริบพราวและแขกในร้านมองไปตามที่พิธีกรชี้ เห็นขวดไวน์นอนอยู่ใต้ก้นสระน้ำ ทุกคนงงว่ามันคืออะไร
พิธีกรพูดต่อ “ใครนำขวดนั้นขึ้นมาได้ เรามีรางวัลพิเศษมอบให้ และนี่คือเกมส์ของเราในค่ำคืนนี้ เกมส์ดวดขำดำขวด”
แขกในร้านเฮ
พริบพราวหันมาท้าทายปราณนต์
“ถ้านายคิดว่าฉัน “เก่งไม่จริง” กล้าแข่งกันมั้ยหล่ะ ? ถ้าฉันแพ้ ฉันจะยอมรับคำดูถูกของนาย แต่ถ้าฉันชนะ..นายต้องหุบปาก และหยุดพูดเรื่องที่ฉันโกหกพี่ลิป” พริบพราวจงใจท้าทาย “กล้าหรือเปล่า”
“ขออาสาสมัครสองท่านครับ ใครคิดว่าตัวเองแน่ ยกมือ” พิธีกรพูด
ปราณนต์กับพริบพราวยกมือขึ้นพร้อมกัน “ผมครับ / ฉันค่ะ”
เหล่ามาร์ของนาราภัทรตกตะลึงและแปลกใจที่อยู่ๆ ปราณนต์กับพริบพราวก็แข่งกันเฉยเลย
อ่านต่อหน้าที่ 4
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 2 (ต่อ)
พริบพราวกับปราณนต์เตรียมแข่งขันกัน ทั้งสองอยู่คนละฝั่งของสระว่ายน้ำ พริบพราวถอดเสื้อนอกออกจนเหลือแต่เสื้อสายเดี่ยวตัวบางๆ กับกางเกงขาสั้น ส่วนปราณนต์ถอดเสื้อจนเหลือแต่เสื้อกล้าม คนอื่นๆ รายล้อมอยู่รอบสระ
รุจน์กับลิลลี่อยู่ฝั่งเดียวกับปราณนต์ ส่วนนิดา พีระที่กำลังเต้นเป็นบ้าเพราะเมา และแสนดีอยู่ข้างพริบพราว แสนดีรู้สึกเป็นห่วงพริบพราว
“จะไหวเหรอคะน้องพราว ได้ข่าวว่านักกีฬาว่ายน้ำมาก่อนนะคะ”
“พราวไม่ได้ใช้ร่างกายแข่ง พราวใช้สมองแข่งค่ะ” พริบพราวมองปราณนต์ที่อยู่อีกฝั่งอย่างท้าทาย
ปราณนต์มองพริบพราวกลับ
“ผู้เข้าแข่งขันประจำที่แล้ว พร้อมนะครับ” พิธีกรพูด
พริบพราวบอก “เดี๋ยวค่ะ”
พริบพราวกระซิบอะไรบางอย่างกับพิธีกร
“ฮ่าๆๆ น้องผู้ชายครับ คุณน้องผู้หญิงฝากบอกว่า ถ้าอ่อนให้เธอ เธอจะแช่งให้เป็นหมัน”
คนในร้านหัวเราะ
“ปากดีแบบนี้ จัดการให้หงายเงิบเลยนะคะคุณณนต์” ลิลลี่ว่า
“เอาล่ะครับ การแข่งขันจะเริ่ม ณ บัดนาว พร้อมนะครับ หนึ่ง สอง ซั่ม”
พิธีกรเป่านกหวีดปรี๊ด พริบพราวกับปราณนต์กระโดดลงไปในน้ำ พวกที่อยู่บนฝั่งตะโกนเชียร์คนของตัวเองอย่างสนุกสนาน พิธีกรพากย์เหมือนเชียร์มวย
“ทั้งสองว่ายลงไปแล้ว ลีลาทั้งสองพลิ้วไสวประดุจเหงือกน้อยกลอยใจ เดี๋ยวเรามามารอดูกันสิว่า ใครจะชนะ”
ปราณนต์กับพริบพราวแหวกว่ายไปที่ขวดใต้น้ำ ด้วยความเป็นอดีตนักกีฬาว่ายน้ำ ปราณนต์จึงพุ่งตัวดิ่งลงไปได้เร็วกว่าและเกือบจะถึงขวดอยู่แล้ว พริบพราวอึ้ง รุจน์กับลิลลี่ที่อยู่บนฝั่งร้องเฮ
“คุณณนต์เก่งที่สุดเลย อร๊าย” ลิลลี่ร้องออกมา
บรรดากองเชียร์พริบพราวเริ่มจ๋อย
“โอ้โห ดูเหมือนฝ่ายชายจะได้เปรียบ คงจะกลัวเป็นหมันแหงๆ ฝ่ายชายกำลังจะไปถึงขวดแล้วครับ เกมส์นี้ไม่น่าจะพลิกโผ”
ปราณนต์ลงไปคว้าขวดมาได้และกำลังจะพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ แต่เขาหันไปเห็นพริบพราวกำลังตะเกียกตะกายเหมือนพยุงตัวไม่ได้แถมยังมีสีหน้าเจ็บปวด พริบพราวขยับปากบอกปราณนต์โดยไม่ออกเสียง
“ตะคริว ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย”
ทุกคนหยุดเชียร์กันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนจะมองลงไปในน้ำเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แสนดีตกใจ “น้องพราว ! น้องพราวเป็นอะไร”
ปราณนต์ไม่รอช้า เขาพุ่งโดยปล่อยมือจากขวดแล้วพุ่งตัวเข้าไปรวบตัวพริบพราวเพื่อช่วยประคอง
แต่ทันใดนั้นพริบพราวกลับกัดแขนปราณนต์ ปราณนต์เจ็บจึงต้องปล่อยมือจากตัวพริบพราว พริบพราวผลักปราณนต์ออกแล้วพุ่งตัวไปที่ขวดทันที ทุกคนเริ่มส่งเสียงเชียร์อีกครั้ง
“ไม่พลิกโผแต่พลิกผัน น้องผู้หญิงเป็นฝ่ายกลับมาได้เปรียบ เกมส์วันนี้เด็ดสะระตี่จริงๆ” พิธีกรว่า
ปราณนต์พุ่งตัวไปแย่งขวดกับพริบพราว ทั้งสองยื้อแย่งกันไปมาโดยมีจังหวะที่หน้าอยู่ใกล้กันมาก ทั้งสองสะท้านไปเล็กน้อยแต่ความสนใจอยู่ที่การแย่งขวดมากกว่า พริบพราวยกเท้าเตะเป้าปราณนต์อย่างจังจนปราณนต์จุกต้องปล่อยมือจากขวด พริบพราวได้ขวดมาครองและกำลังจะพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ แต่ปราณนต์ไม่ยอมแพ้ยื่นมือจะแย่งขวด แต่ดันตะปบเสื้อของพริบพราวพร้อมๆ กับที่พริบพราวดันไปข้างหน้าทำให้เกิดแรงกระชากจนเสื้อพริบพราวขาดออกจากตัว จนเหลือแต่เสื้อชั้นใน
พริบพราวตกใจปล่อยขวดหลุดจากมือ ปราณนต์ยังไม่เห็นว่าพริบพราวเสื้อขาดจึงพุ่งเข้าไปคว้าขวดแล้วพุ่งตัวชูขวดขึ้นเหนือน้ำ ทุกคนร้องเฮ ปราณนต์ดีใจ เขาชูมืออีกข้างขึ้นถึงเห็นว่ามีเศษผ้าติดมือ ปราณนต์แปลกใจ พอดูดีๆ แล้วก็ตกใจ
“เสื้อ !?”
“นายปราณนต์ เอาเสื้อฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ” พริบพราวว่า
ปราณนต์หันไปเห็นพริบพราวโผล่ขึ้นมาแค่หัวโดยใช้มือบังหน้าอกตัวเองไว้ พริบพราวมีสีหน้าโกรธจัดมาก พีระตาสว่างทันทีแล้วก็หยิบมือถือออกมา รุจน์และพวกผู้ชายในร้านก็หยิบมือถือมาเพื่อจะเก็บภาพพริบพราวเหมือนกัน ปราณนต์เห็นอาการของพวกผู้ชายก็รีบบอก
“อย่าถ่ายครับ”
ปราณนต์โผเข้าไปกอดพริบพราวเอาไว้โดยใช้ร่างตัวเองบังให้พริบพราว พริบพราวอึ้งแต่ก็สบตากับปราณนต์อย่างรู้สึกดี ลิลลี่ตาค้าง
“ม่าย !!” ลิลลี่เป็นลมในอ้อมอกของรุจน์
ปราณนต์โอบกอดพริบพราวมาที่ขอบสระ แสนดีเอาเสื้อคลุมวิ่งมารับพริบพราว พีธีกรช่วยเปลี่ยนความสนใจของแขก
“นี่คือรางวัลสำหรับผู้ชนะ บัตรทานอาหารมูลค่าหนึ่งหมื่นบาท”
แขกในร้านปรบมือร้องเฮ
พริบพราวกับปราณนต์ขึ้นมาจากสระว่ายน้ำ พีระวิ่งเข้าไปยกมือปราณนต์ก่อนจะร้องเป็นทำนอง
“น้องณนต์ชนะน้องพราว น้องณนต์ชนะน้องพราว”
พริบพราวเจ็บใจจึงเดินสะบัดออกไป ปราณนต์มองตามพริบพราวอย่างรู้สึกผิด
พริบพราวเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดเข้ารูปแต่ผมเผ้ายังเปียกน้ำหมาดๆ ขณะเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอเห็นปราณนต์ใส่เสื้อบอลสีสด ค่อนข้างฟิต ในสภาพหัวเปียกน้ำยุ่งๆ แลดูน่ารักยืนคอยอยู่ พริบพราวมองปราณนต์ว่าใส่เสื้ออะไร
ปราณนต์รีบบอก “เสื้อของพี่รุจน์”
พริบพราวสวน “ไม่ได้ถาม แล้ววันหลังนายอย่ามาว่าฉันว่าใช้วิธีขี้โกงเอาชนะนาย เพราะนายก็ใช้วิธีขี้โกงเอาชนะฉันเหมือนกัน”
“พราว ผมไม่ได้ตั้งใจ ... เอาเป็นว่า เพื่อเป็นการไถ่โทษ ผมรับปาก...ผมจะไม่พูดเรื่องที่คุณโกหกพี่ลิปให้คนอื่นรู้เด็ดขาด” ปราณนต์ทำท่ารูดซิปปาก “ถือว่า..เราเจ๊ากัน”
“คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะหายแค้นหรือไง ไม่มีทาง นายจะพูดหรือไม่พูดก็เรื่องของนาย ฉันไม่แคร์” พริบพราวพูด ปราณนต์ยิ่งรู้สึกไม่ดี “ยินดีด้วยที่นายชนะ จดจำความรู้สึกของมันไว้ เพราะต่อจากนี้ไปนายจะไม่ได้สัมผัสกับมันอีก”
พริบพราวเดินสะบัดออกไป ปราณนต์มองตามอย่างเหนื่อยใจ
ถุงครีม 4-5 กระปุกวางอยู่บนโต๊ะที่อยู่เบื้องหน้าลิปดา ลิปดาถือหมวกกันน็อคเตรียมกลับ
“จะได้ลิปเอาครีมไปแจกเด็ก ๆ” ลิปดาทวนคำ
“ใช่” จารวีบอก “ตอนนี้แจนรับครีมของเพื่อนมาขาย หารายได้เพิ่ม ขายขนมอย่างเดียว มันไม่ค่อยพอ แจนเห็นลิปมีเด็กๆเยอะ เอาไปให้เค้าลองใช้ ถ้าติดใจ..กระปุกต่อไปค่อยซื้อ” จารวียิ้มแล้วก็นึกได้ “เออ..ฝากให้คุณศยากระปุกนึงด้วยนะ”
“โอ้ย คนนั้นเค้าไม่ใช้หรอก ไม่ค่อยรักสวยรักงาม คงครีมพวกนี้ คงใช้ไม่เป็น”
“เว่อร์แหละ..ถึงแจนจะเจอคุณศยาแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ก็ดูออกว่าเค้าดูแลตัวเอง ไม่ได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวถึงขนาดนั้นสักหน่อย .. เออนี่..แล้วคุณศยาเค้าไม่มีแฟนเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่มีแฟนอย่างเดียว .. เค้าไม่มีหัวใจด้วย ถ้าเค้ามีหัวใจ รักใครเป็น เค้ารักลิปไปนานแล้ว” ลิปดาตัดพ้อ
“แหวะ หลงตัวเอง นี่..ถึงคุณลิปดาจะเป็นขวัญใจสาวๆ น้องน้อยแบ๊วๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะทำให้ผู้หญิงอย่างคุณศยาสนใจได้สักหน่อย บางทีลิปอาจจะไม่ใช่สเปคเค้าก็ได้”
คำพูดของจารวีจี้ใจดำจนลิปดาชะงักคิดหนัก จารวียิ้มๆ
“ว่าแล้วก็หาเวลานัดคุณศยามากินข้าวดีกว่า..ชวนเม้าเรื่องลิปน่าจะสนุกดี” จารวียิ้มกวน
ลิปดาเหล่ “อะๆ..ไม่ต้องเลย ถ้าชวน ผมจะมาด้วย นั่งตรงหน้า ดูสิจะกล้าเม้าหรือเปล่า”
จารวียักไหล่เพราะกล้าอยู่แล้ว ลิปดาวางเงินไว้บนโต๊ะห้าพันบาท
“อ่ะ ค่าครีม ถือว่าผมช่วยเปิดประเดิมก็แล้วกัน แล้วก็เรื่องรูปแต่งงาน..ถึงจะทิ้ง จะเผา แต่ใจแจนยังอยู่ที่เค้า .. มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าเมื่อไหร่ที่แจนตัดใจจากเค้าได้จริงๆ .. ต่อให้ตัวเป็นๆมายืนตรงหน้าก็ทำอะไรแจนไม่ได้”
จารวีพยักหน้ารับ “ขอบใจมาก...ขอบใจที่อยู่เคียงข้างแจนมาตลอด ขอบใจจริงๆ” จารวีน้ำตาจะไหล
ลิปดาจับไหล่ “แจนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของลิป..ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ..มันก็จะไม่เปลี่ยน”
ลิปดาพูดด้วยความจริงใจ จารวียิ้มรับด้วยความอบอุ่นใจ ลิปดาเลื่อนมือมาจับหัวจารวีโยกไปมาด้วยความเป็นเพื่อนไม่คิดอะไรมากกว่านั้น
“ไปแล้วนะ เด็กขี้แย”
ลิปดาพูดล้อ ๆ แล้วก็หัวเราะสดใสก่อนจะเดินถือถุงครีมออกไป จารวียิ้มตามแล้วก็ถอนใจเบาๆ ด้วยความสบายใจ
อวัศยาเดินคิดไปคิดมาอยู่ในห้องที่คอนโดมีเนียม คำพูดของรันวิ่งอยู่ในสมอง อวัศยาคิดถึงคำพูดรัน แต่มีหน้าของปราณนต์ปรากฏในหัวของเธอ
“โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนมีโลกส่วนตัว มีความลับ มีมุมที่เปิดได้ และเปิดไม่ได้ แชทออนไลน์ใครเค้าเปิดตัวกัน มันเป็นโลกอวาตาร ฉันจะเป็นอะไรก็ได้” รันลุกขึ้นทำท่าประกอบ “ฉันเป็นอายูมิตอนคุยกับทาเคชิ ฉันเป็นโรฮองตอนคุยกับฟรองซัวร์ ฉันเป็นหลินฮุ่ยตอนคุยกับช่วงช่วง”
หน้าปราณนต์เริ่มเข้ามาในความคิดของอวัศยา
เสียงรันดังก้องในหัวของเธอ “ฉันโกหกว่าฉันชื่อโน้นชื่อนี้ ฉันไม่ได้ใช้ชื่อ และ รูปจริงๆ แต่!!! .. สิ่งที่ฉันพิมพ์ลงไปมันคือความคิดและความรู้สึกของฉันจริงๆ บางทีการที่เราปลอมตัวเป็นคนอื่น มันทำให้เราเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องแคร์ว่าเค้าจะรู้ว่าเราเป็นใคร”
สีหน้าของปราณนต์น่าสงสาร อวัศยาแอบมอง ในที่สุดอวัศยาก็ตัดสินใจ
“เอาหล่ะ..ลองดู ! ไม่มีอะไรเสียหาย”
อวัศยาตัดสินใจทำตามที่รันแนะนำ
เสียงรันแนะนำ “ไม่เชื่อแกลอง...ไปซื้อซิมโทรศัพท์เบอร์ใหม่มาหนึ่งเบอร์”
อวัศยาคิด “ซิมใหม่ไม่มี พรุ่งนี้ค่อยซื้อ”
“ใช้กับมือถืออันเก่าของแกก็ได้”
อวัศยารีบพุ่งไปที่โต๊ะทำงาน เธอเปิดลิ้นชักหยิบกล่องโทรศัพท์เก่าออกมาดูแล้วเปิดเครื่องก็พบว่ายังใช้ได้ อวัศยายิ้ม
“แล้วก็เข้าไปในแชทออนไลน์สร้างร่างทรงขึ้นมาหนึ่งคน” เสียงรันแนะนำดังต่อ
“สร้างร่างทรง...”
อวัศยารีบหันขวับไปทางคอมพิวเตอร์ Montage Quick Cut ก่อนจะเซิร์ซหารูป “สาวสวยเซ็กซี่” หน้าจอขึ้นภาพสาวเซ็กซี่ อวัศยาร้องอี๋
“ไม่ไหวนะ เอาใหม่” อวัศยาคิดแล้วพิมพ์ใหม่ “สาวใส เกาหลี”
หน้าจอขึ้นมาเป็นสาวเกาหลี
“มีแต่การ์ตูน” อวัศยาคิดแล้วพิมพ์ “สาวคิขุ ญี่ปุ่น”
หน้าจอขึ้นภาพสาวหน้าแบ๊ว
“แบ๊วไปนะ กระดากใจ” อวัศยาคิด “ตัดต่อเองดีกว่า”
อวัศยาเปิดโปรแกรมตัดต่อรูป เธอเอาหน้า ผม นม ตัว ของคนโน้นคนนี้มาตัดต่อจนได้อวาตารมาหนึ่งตัว ผมสั้นซอย หน้าใส หน้าอกใหญ่ ดูน่ารักมาก อวัศยาเอามาเทียบกับหน้าตัวเองแล้วก็พบว่าคนละเรื่องกันเลย
“เค้าต้องไม่คิดว่าเป็นเราแน่ๆ” อวัศยายิ้มพอใจ “คราวนี้ก็ตั้งชื่อ”
อวัศยาหยิบสมุด ดินสอ มาเขียน แล้วก็มองไปรอบๆ พร้อมกับคิด
“ชื่ออะไรดี” อวัศยาคิด “อังศุมาลิน” อวัศยาเขียนแล้วก็ชะงัก “มันมาจากคู่กรรม ฟังแล้วลางไม่ดี” อวัศยาฆ่าชื่อนี้ทิ้ง “ชื่อ ..” อวัศยาคิดไปเขียนไป “รักเอย .. รักเธอ ..” อวัศยาชะงัก “มันโจ๋งครึ่มไปป่ะ” อวัศยาฆ่าทิ้ง “เอาใหม่...แอบมอง .. แอบอิง .. อิงแอบ” อวัศยาคิด “รู้แล้ว..” อวัศยาเขียนลงบนกระดาษตัวใหญ่มาก “แอบรัก”
อวัศยาชูกระดาษขึ้น เสียงดนตรีรับอลังการ “แท่น แท่น แท๊นนน” หน้ากระดาษเขียนชื่อ “แอบรัก” ตัวโต
“นางสาวแอบรัก...” อวัศยาเอามาวางเทียบกับตัวการ์ตูนที่เธอตัดต่อ “ตึ่ง !!!!! น่ารักจังเลย”
อวัศยามองดูร่างอวาตารของเองและชื่อแอบรักที่วางอยู่คู่กันก่อนจะยิ้มอย่างตื่นเต้น
“ต่อไปเราก็จะคุยกับปราณนต์ได้ โดยที่เค้าไม่รู้ว่าเราเป็นใคร.. ตอนนี้ร่างทรงพร้อม โทรศัพท์พร้อม เหลือแต่ซื้อซิมโทรศัพท์”
อวัศยายิ้มพร้อมกับฝันไปไกล
พริบพราวอาบน้ำอยู่ในอ่างจากุชชี่ เธอมองไปที่ผืนน้ำตรงหน้าแล้วคิดถึงปราณนต์
พริบพราวนึกถึงตอนที่ปราณนต์โผเข้าไปกอดเธอเพื่อกันโป๊
พริบพราวเผลออมยิ้มกับตัวเองเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครปกป้องเธอมาก่อน แต่แล้วเธอก็รู้สึกตัวจึงสะบัดหน้าไล่ความคิดนั้นไป
“จะคิดมากทำไม นายปราณนต์ก็แค่ทำแมนโชว์คนอื่น ชิ”
พริบพราวมุดตัวลงไปในน้ำทันที
อวัศยาหยิบซองซิมมือถือขึ้นมาดู พยักหน้าและยิ้มนิดๆ อย่างพอใจอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ พนักงานกำลังหันไปงานอยู่ที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ อวัศยาวางซิมไว้บนเคาน์เตอร์ก่อนจะก้มหยิบเงินในกระเป๋า ทันใดนั้นเสียงลิปดาก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ซื้ออะไรคุณ”
อวัศยาหันไปเห็นลิปดายืนอยู่
“บอส !” อวัศยารีบเอามือปิดซิมที่วางอยู่ตรงเคาเตอร์ทันที
“ตกใจยังกะกำลังขโมยของ หรือว่า .. มีความลับอะไรหรือเปล่า”
อวัศยารีบพูดสวนเสียงสูง “ไม่มี๊ !!” เธอเอามือปิดซิมไว้แน่น
“เสียงสูงผิดปกติ ..” ลิปดาหลิ่วตาเพราะไม่เชื่อ “แล้วนี่... ซื้ออะไร”
“ซื้อ..” อวัศยาเหลือบไปเห็นครีม “ซื้อครีม ครีมหมดพอดีเลย” อวัศยารีบหยิบครีมมาวาง “เนี่ย ตื่นมาหน้าแห๊ง แห้ง”
ลิปดาหลิ่วตามองอย่างโคตรจะไม่เชื่อ “แต่นี่มันครีมทาเท้านะ”
อวัศยาหน้าแหก เธอรีบก้มมองแล้วก็พบว่าจริงด้วยจึงรีบวางแล้วหยิบใหม่
“ก็..หยิบผิด ฮ่าๆๆ” อวัศยาหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วทำเป็นไอ “แค้กๆๆ บอส ฉัน..คอแห้ง บอสช่วยไปหยิบน้ำให้ฉันขวดสิ”
“อ้าว แล้วทำไมผมต้องไปหยิบให้คุณ”
“ก็..ฉันยืนจองคิวจ่ายเงินอยู่ .. น้องเค้าจะได้คิดเงินเลย ไม่เสียเวลา” ทันใดนั้นก็มีคนมายืนต่อคิว “เห็นมั้ยมีคนมาต่อแล้ว” อวัศยาทำเป็นไอ “แค้ก ๆๆ นะบอสนะ ช่วยฉันหน่อย ... ฉันต้องรีบเข้าออฟฟิศ”
ลิปดาทำเป็นยอม “เออๆ หยิบให้ก็ได้”
ลิปดาหันหลังไปที่ตู้น้ำ อวัศยารีบเปิดมือแล้วเลื่อนซิมให้พนักงานทันที
“น้องรีบคิดเงินเลย”
อวัศยาลุ้นรอจ่ายเงิน ลิปดาเดินไปหยิบน้ำและเดินกลับมาหา ลิปดาเดินมาถึงอวัศยาก็รีบกดซิมลงกระเป๋าทันที ชนิดที่แทบจะไม่ทัน อวัศยารับขวดน้ำมาแล้วส่งให้เงินให้พนักงาน
“นี่เป็นค่าน้ำนะคะ” อวัศยาหันมาทางลิปดา “ขอบคุณมากนะคะบอส ฉันรีบเข้าออฟฟิศก่อนนะคะ”
อวัศยารับน้ำแล้วก็รีบเผ่นออกไปทันที ลิปดามองตามอย่างไม่วางใจแม้แต่น้อย พอพนักงานคิดเงินลูกค้าอีกคนเรียบร้อย ลิปดาก็แกล้งทำเป็นหยิบหมากฝรั่งมาวางแล้วเลียบๆ เคียงๆ ถามพนักงาน
“เออน้อง เพื่อนพี่คนเมื่อกี๊ .. เค้าซื้ออะไรบ้าง”
ลิปดารอคำตอบด้วยความอยากรู้
อวัศยาอยู่บนรถ เธอแกะซิมใหม่ออกจากซอง หยิบมือถือสมาร์ทโฟนเครื่องเก่าของตัวเองออกจากกล่องเอาซิมใส่ในมือถือแล้วกดเปิดเครื่อง สักพักเครื่องก็ติด แล้วสัญญาณมือถือก็ใช้งานได้ อวัศยายิ้ม
พริบพราวแต่งตัวเตรียมไปทำงานแล้วเดินลงมาจากบันไดก็เจอพจน์ยืนอยู่ด้วยหน้าตาโกรธมาก
“พราว ! เราไปชวนลุงอำนวยเล่นหุ้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ คุณพ่อรู้ได้ยังไงคะ”
“ก็เมียเขาโทรมาด่าพ่อ บอกว่าลุงอำนวยเอาเงินเกษียรไปเล่นหุ้นกับพราว แทนที่จะเก็บเงินเอาไว้ใช้กินตอนแก่ รู้หรือเปล่าว่าเงินที่เค้าเอามาเปิดบัญชีอะไรกับเรา มันเป็นเงินก้อนสุดท้ายของเค้า”
“รู้ค่ะ ยิ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายยิ่งต้องเอามาลงทุน เพราะไม่งั้น ใช้ไปเรื่อยๆ สักวันก็ต้องหมด พราวหวังดีกับคุณลุงอยากให้เอาเงินไปต่อเงินไม่ดีกว่าหรือคะ”
“แล้วถ้าเจ๊ง ขาดทุน หมดเนื้อหมดตัวขึ้นมาพวกเขาจะทำยังไง ลูกหลานเขาก็ไม่มี อายุก็มากแล้วเราจะทำอะไรหัดคิดหน้าคิดหลังให้ดีบ้างสิ”
พริบพราวน้อยใจคำพูดของพ่อแต่ก็กลบเกลื่อนไว้ด้วยความมั่นใจ
“พราวคิดดีแล้วค่ะ พราวมั่นใจว่าพราวทำได้ พราวจะไม่ทำให้คุณลุงอำนวยผิดหวังที่เชื่อพราว”
“พี่อำนวยไม่ได้เชื่อเรา แต่ที่เขาซื้อหุ้นเพราะเขาเกรงใจพ่อ”
พริบพราวอึ้ง
“ต่อไปนี้ห้ามเรามายุ่งกับคนในตระกูลอีก พ่อยังไม่อยากถูกตัดญาติขาดมิตร แล้วก็อย่าเอาชื่อพ่อไปหากินด้วย พ่อไม่ชอบ”
พจน์เดินออกไป พริบพราวรู้สึกเศร้า
ปราณนต์เดินเข้ามาแล้วหยุดมองลูกค้าผู้สูงวัยนั่งดื่มกาแฟ ดื่มชาร้อน อ่านข้อมูลอยู่ตามเก้าอี้ ปราณนต์หยุดมองลูกค้าเหล่านั้นด้วยความหนักใจ อวัศยาเพิ่งเดินเข้ามาถึง เธอเห็นเหตุการณ์ปราณนต์คุยกับลูกค้าก็แอบมอง ลุงอายุประมาณ 60 กว่าปีเดินเข้ามายืนข้างปราณนต์ ลุงคนนั้นมองไปรอบๆ ด้วยหน้าตางงๆ และทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยมา จึงสะกิดถามปราณนต์
“คุณๆ รู้มั้ยว่าต้องเอาเอกสารที่ไหน ลุงเพิ่งเคยมาครั้งแรก”
ปราณนต์ดีใจเพราะมีความหวังว่าจะได้ลูกค้า “คุณลุงตามผมเข้ามาเลยครับ ผมจะเอาเอกสารเปิดพอร์ตเล่นหุ้นให้ คุณลุงมีมาร์เก็ตติ้งคอยดูแลหรือยังครับ ถ้ายังไม่มีผมขออนุญาตแนะนำคุณลุงให้”
“ไม่ใช่ๆ ลุงเปิดพอร์ตไว้แล้ว คุณรุจน์ดูแลให้ แต่ลุงหมายถึงเอกสารวิเคราะห์หุ้น ลุงจะอ่านก่อนตลาดเปิดน่ะ”
ปราณนต์จ๋อย “อ๋อครับ”
ปราณนต์หยิบเอกสารวิเคราะห์ที่ตั้งอยู่โต๊ะใกล้มุมกาแฟให้ลุง ลุงรับไปแล้วเดินไปนั่งอ่านที่มุมหนึ่ง อวัศยามองอย่างสงสารและเห็นใจ ปราณนต์มองตามคุณลุงแล้วตัดสินใจเข้าไปย่อตัวคุกเข่านั่งลงข้างๆ ลุงคนนั้น
“คุณลุงครับ ถ้าคุณลุงมีคนรู้จักสนใจอยากเล่นหุ้น ผมขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นมาร์เก็ตติ้งดูแลพอร์ตให้นะครับ ผมสัญญาครับว่าผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด คุณลุงช่วยแนะนำผมด้วยนะครับ”
อวัศยามองความซื่อของปราณนต์ด้วยความเอ็นดู ปราณนต์เดินเข้าไปคุยกับป้าอีกคนด้วยท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัว อวัศยามองด้วยความสงสาร
อวัศยาเข้ามาในห้องทำงาน เธอนั่งลงบนเก้าอี้แล้วก็คิด
“จะช่วยปราณนต์ยังไงดี”
อวัศยาหยิบมือถือที่เตรียมไว้แชทออกมาเปิดโปรแกรมแชท เธอเข้าไปที่หน้าแชทกับปราณนต์ อวัศยาใช้รูปการ์ตูนผู้หญิงสวยสดใสที่เพิ่งหาได้เมื่อคืน และใช้ชื่อว่า "แอบรัก" อวัศยาพิมพ์ข้อความ ตัวหนังสือขึ้นบนกรอบพิมพ์ข้อความว่า "กรุณาทำตามคำแนะนำการหาลูกค้าของฉัน"
“ภาษาทางการเกิน เขารู้แน่ๆ ว่าเป็นเรา เอาใหม่ๆๆ”
ตัวหนังสือถูกตัดออกไป อวัศยาคิดแล้วพิมพ์ใหม่ ตัวหนังสือขึ้นว่า "ถ้าอยากจะหาลูกค้า คุณต้อง.."
อวัศยาหยุดพิมพ์เพราะนึกขึ้นได้ “ถ้าพูดถึงลูกค้า เขาก็ต้องรู้ว่าเป็นคนในนี้ เอาใหม่ๆๆ”
อวัศยาพิมพ์พร้อมพูดแบบสก๊อยสุดๆ
"มีเรื่องปวดหัวอะเด่ ช่วยเอาปะ เราเก่งฝุดๆ นะเฟ้ย...คุคิๆ" อวัศยาพูดตามปกติ “เหมือนคนสติไม่ดี เฮ้ย.. ! ทำไมยากกว่าที่คิด”
อวัศยากุมขมับเพราะเริ่มเครียด
รุจน์นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเอง สักพักลิปดาก็เดินเข้ามาหารุจน์
“คุณรุจน์ เอกสารเปิดพอร์ตของคุณวันชัยอยู่ที่คุณใช่มั้ย” ลิปดาถาม
“ใช่ครับ ผมเกือบลืมไปเลย เดี๋ยวผมรีบเอาไปให้นะครับ” รุจน์บอก
ปราณนต์เดินหน้าหงอยเข้ามาพอดี รุจน์รีบเดินเข้าไปหา ลิปดายืนดูหน้าคอมพิวเตอร์พนักงานที่อยู่ข้างๆ
“ณนต์ เอาเอกสารที่พี่ฝากไว้เมื่อคืนมาดิ” รุจน์บอก
ปราณนต์รับคำ “ครับ”
ปราณนต์เปิดกระเป๋าหาซองเอกสารแต่หาไม่เจอ ปราณนต์แปลกใจ เขารื้อค้นในกระเป๋าแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
“พี่รุจน์ เอกสารหาย”
รุจน์ตกใจ “หาย! เฮ้ย หายไปได้ยังไง”
ลิปดาได้ยินพอดีจึงเดินเข้าไปหารุจน์
อวัศยาที่อยู่ในห้องทำงานชำเลืองไปข้างนอกตรงแผนกมาร์เก็ตติ้งว่าเหมือนจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นแล้วก็มองอย่างสนใจ ลิปดาเดินมาถามรุจน์
“อะไรหาย”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหายครับ พอดีผมลืมไปว่าเอาเอกสารไว้บนรถ เดี๋ยวผมลงไปเอามาให้ครับ” รุจน์บอก
“งั้นเอาไปให้ผมในห้องแล้วกัน”
“ครับๆ”
รุจน์รีบลากปราณนต์ออกไปข้างนอกโดยทำทีว่าจะไปหาของที่รถ ลิปดาเดินกลับมาที่ห้องแต่หันไปเห็นอวัศยามองไปทางปราณนต์ ลิปดาจึงเดินมาที่ห้องอวัศยาแทน
ลิปดาเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป “ศยา ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ค่ะ”
ลิปดาเดินนำไป อวัศยาลุกแล้วเดินตามลิปดาไป แต่สายตาของเธอกลับแอบมองปราณนต์ที่เดินไปกับรุจน์
ปราณนต์คุยโทรศัพท์อยู่หน้าบริษัท ส่วนรุจน์เดินไปเดินมาด้วยความร้อนใจ
“ไม่เป็นไรครับแม่ แค่นี้นะครับ”
รุจน์รีบถาม “เป็นไง ที่บ้านหาเจอมั้ย”
“ไม่เจอ”
นิดา ลิลลี่ และพีระเดินมาสมทบ
“เป็นไงบ้าง ? หาเอกสารเจอมั้ย”
ปราณนต์กับรุจน์ส่ายหน้า ทั้งสามคนเครียดไปด้วย
“เมื่อกี๊พี่ก็เชคแล้ว ไม่ได้หลงอยู่ในกระเป๋าพี่แน่นอนครับ” พีระบอก
“ที่ลิลลี่ก็ไม่มีค่ะ”
“น้องณนต์ใจเย็นๆ ลองทบทวนอีกทีสิคะ เผื่อไปทำหล่นที่ไว้ไหน คิดดูให้ดีๆ สิคะ” นิดาว่า
“ไม่น่าหล่นนะครับ เพราะผมจำได้ว่าผมเอาเก็บใส่กระเป๋าไปแล้ว ถ้ามันหล่น เอกสารอื่นๆ ของผมก็ต้องหล่นไปด้วย
“แน่ใจนะคะว่าใส่กระเป๋าไปแล้ว” นิดาถามย้ำ
“แน่ใจครับ ผมจำได้ว่าใส่กระเป๋าแล้ว ถ้าจะหล่นก็ต้องอยู่ในร้านเมื่อคืน”
รุจน์นึกได้ “โอเค .. เดี๋ยวพี่โทรไปถามที่ร้านให้ เผื่อจะมีคนเจอ” รุจน์คลำกระเป๋าพร้อมกับเดินออกไปโทรศัพท์
“ถ้าที่ร้านไม่มี ก็คงจะมีคนแกล้งแล้วล่ะค่ะ เมื่อคืนเรามัวแต่ไปสนใจแข่งเกมส์ดำขวด อาจจะมีมือดีที่อยากดิสเครดิตโบรกเกอร์เราแกล้งขโมยเอาไป ณนต์ลองคิดสิคะว่ามีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า”
ปราณนต์คิดได้
ปราณนต์คิดถึงตอนที่พริบพราวประกาศกับเขา
“แล้วนายก็ช่วยจดจำมันไว้ให้ดีล่ะ เพราะต่อจากนี้ไปนายจะไม่ได้สัมผัสกับมันอีก”
ปราณนต์เดินพุ่งออกไปหาพริบพราวทันที
พีระ นิดา ลิลลี่งง “อ้าว..ณนต์จะไปไหน”
พริบพราวเดินถือแก้วกาแฟอย่างหรูกำลังเดินออกมาจากห้องแคนทีน ปราณนต์พุ่งเข้าไปหาทันที
“พราว ซองเอกสารของพี่รุจน์อยู่ไหน”
พริบพราวงง
“เอกสารอะไร”
“เอาเอกสารคืนมา อย่าทำให้พี่รุจน์เดือดร้อน”
“นี่ ! อย่ามากล่าวหากันได้มั้ย ฉันจะเอาเอกสารของพี่รุจน์ไปทำไมมิทราบ”
“คุณจะแกล้งผม เอาชนะผมเหมือนที่คุณชอบทำอยู่ตลอดเวลา แต่เรื่องของเรามันไม่เกี่ยวกับพี่รุจน์ เอาคืนมา”
พริบพราวน้อยใจ “ฉันคงแย่มากในสายตานาย ถึงกล้าคิดว่าฉันจะเอาความเดือดร้อนของคนอื่นมาเป็นเครื่องมือเอาชนะ” พริบพราวพูดนิ่งๆ แต่แอบเจ็บ “ฉันขอย้ำอีกครั้ง “ฉันไม่รู้เรื่อง” แต่นายจะคิดว่าฉันเลวจนทำเรื่องแบบนี้ได้ก็ตามใจ ฉันจะไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น”
พริบพราวเดินไปเลยด้วยความโกรธ ปราณนต์เงียบเพราะไม่เคยเห็นพริบพราวมีท่าทางดราม่าแบบนี้ ปราณนต์คิดอย่างเคร่งเครียด ทันใดนั้นรุจน์ก็โผล่เข้ามา
“ณนต์พี่โทรไปที่ร้านไม่มีคนรับสาย เอาไงดี พี่ลิปทวงยิกๆเลยอ่ะ” รุจน์จะร้องไห้ “คุณลิปกับคุณศยาซีเรียสเรื่องรักษาเอกสารลูกค้ามาก ถ้าเขารู้ว่าพี่ทำเอกสารของคุณวันชัยลูกค้าระดับวีไอพีหาย ชีวิตมาร์ของพี่คงต้องจบแน่ๆ ฮือๆ”
ปราณนต์มองรุจน์ด้วยความรู้สึกผิด รุจน์ฟูมฟายเพราะเครียด ปราณนต์ตัดสินใจพูดออกมา
“ใจเย็นๆ ครับพี่รุจน์ ในเมื่อผมเป็นคนทำเอกสารหาย ผมจะรับผิดชอบเอง” พูดจบปราณนต์ก็เดินออกไป
“ณนต์จะไปไหน เฮ้ย ไอ้ณนต์ ไอ้ณนต์”
รุจน์วิ่งตามไป
อวัศยาอยู่ในห้องกับลิปดา ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นแล้วปราณนต์ก็เดินเข้ามา โดยมีรุจน์ตามเข้ามาด้วย รุจน์มีท่าทางร้อนใจแต่ปราณนต์ท่าทางนิ่งกว่า
ลิปดามองที่มือสองคน แล้วก็งง “ทำไมเข้ามามือเปล่า” ลิปดามองหน้าทั้งคู่ “อย่าบอกนะว่า...”
ปราณนต์พูดสวนทันที “ผมทำเอกสารลูกค้าหายครับ”
“ทำเอกสารหาย” อวัศยาทวนคำ
“ครับ เมื่อคืนพี่รุจน์ฝากผมไว้ ผมเก็บไว้ในกระเป๋า แต่มันหายไป”
ลิปดานิ่วหน้าเพราะเครียด
ปราณนต์พูดต่อ “ผมขอเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้เองครับ”
“คุณรับผิดชอบไม่ไหวหรอก” ลิปดาว่า
“ผมคิดว่าผมรับผิดชอบไหวครับ”
“คุณจะรับผิดชอบยังไง” ลิปดาถาม
“ผมจะตามหาเอกสารให้เจอครับ”
“แล้วถ้าไม่เจอ”
“ผมจะไปขอโทษลูกค้า ขอให้ลูกค้าเซ็นต์เอกสารให้ใหม่ครับ”
ลิปดาส่ายหน้า “คุณให้เค้าเซ็นเอกสารสำคัญ แล้วคุณก็ทำหายแล้วก็ไปขอให้เซ็นใหม่ นี่ ในโลกธุรกิจเค้าไม่ทำกัน .. ทำแบบนั้นความเชื่อถือจะไม่มีเหลือ และผมจะไม่เอาชื่อเสียงของบริษัทไปเสี่ยงกับความคิดมักง่ายของคุณ”
ปราณนต์เงียบ อวัศยาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบแทรก
“บอสคะ .. ฉันว่าอย่ามัวแต่เสียเวลาพูดกันอยู่เลยค่ะ บางทีเอกสารอาจจะไม่ได้หาย แต่หลงอยู่ที่ใดที่หนึ่งก็ได้ ลองให้เวลาพวกเขาไปหาอีกสักทีดีกว่านะคะ”
อวัศยาช่วยพูด ลิปดาคิด ปราณนต์กับรุจน์ลุ้น
“ผมมีเวลาให้ไม่มาก ให้ได้เต็มที่ถึงบ่ายโมง ถ้าคุณหาไม่เจอก็ไม่ต้องกลับมา” ลิปดาว่า
อวัศยากับรุจน์ตกใจ “ไม่ต้องกลับมา”
“ใช่ .. เก็บของแล้วก็ออกไปเลย ผมไม่ให้คุณผ่านงาน”
ปราณนต์ อวัศยา และรุจน์ช็อก
ลิปดาเคาะที่นาฬิกา “เวลามันผ่านไปเรื่อยๆ ตกลงยังไง ? จะ”
ปราณนต์รับคำ “ครับ”
ปราณนต์รีบเดินออกไปจากห้อง รุจน์รีบเดินตามไปทันที
ปราณนต์รีบเดินมาหยิบกระเป๋าที่โต๊ะทำงาน แล้วเดินออกไปทันที รุจน์เดินตามออกมา
“ณนต์..ไอ้ณนต์จะไปไหน”
“ไปหาที่ร้านเมื่อคืน” ปราณนต์บอก
ปราณนต์รีบวิ่งออกไปทันที รุจน์มองตามไปด้วยความเป็นห่วง ลิลลี่ พีระ และนิดาเดินตามมาสมทบ
“เมื่อกี๊บอสว่าไงบ้าง” ลิลลี่ถาม
อวัศยาเดินมาหยิบกระเป๋าที่โต๊ะทำงาน
“เรื่องแค่นี้ถึงกับไล่ออก มันไม่มากไปหน่อยเหรอ” อวัศยาถามลิปดา
“ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ปราณนต์ทำเอกสารลูกค้า VIPหาย คุณจะมองว่าเป็น "เรื่องแค่นี้" หรือเปล่า”
อวัศยาอึ้ง แต่ยังวางฟอร์มนิ่งเพื่อกลบเกลื่อน
“บอสกำลังหาว่าฉันลำเอียงเข้าข้างปราณนต์เหรอ” อวัศยาถาม
“แล้วมันจริงหรือเปล่า” ลิปดาย้อนถาม
“ไม่จริง ! ฉันไม่ได้เข้าข้างปราณนต์ ฉันแค่พูดไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็น เอาเป็นว่าบอสอยากทำอะไร อยากไล่ใครไปก็เชิญ ฉันจะไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว”
อวัศยาทำเป็นเชิดๆ นิ่งๆ ให้สมกับคำว่าไม่สนใจ แล้วก็เดินออกไป
“ไม่สนก็ดี อย่าแอบช่วยก็แล้วกัน”
อวัศยาสะอึกที่ลิปดาเหมือนรู้ทันแต่เธอก็ทำนิ่งขรึมเพื่อกลบเกลื่อนก่อนจะเดินออกไป ลิปดามองตามอย่างไม่ไว้ใจ
อวัศยาเปิดประตูเดินนิ่งเข้ามาในห้อง แต่พอประตูปิดความเครียดที่ซ่อนอยู่ก็แสดงออกมาเต็มที่
หุ้นขึ้นยืนโบกรถอยู่หน้าบริษัท ปราณนต์วิ่งหน้าตื่นออกมาจากด้านในแล้วชะเง้อมองไปที่ถนน หุ้นขึ้นเข้าไปทัก
“หาอะไรหรือครับคุณณนต์”
“มอเตอร์ไซด์รับจ้าง ผมต้องรีบไปทำธุระ” ปราณนต์บอก
“ไม่มีมอเตอร์ไซด์รับจ้าง แต่มีมอเตอร์ไซด์ฮ่างของผม เอาไหมครับ”
หุ้นขึ้นชูกุญแจรถให้ปราณนต์ ปราณนต์ยิ้ม
ปราณนต์ใส่หมวกกันน็อคขี่มอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ ของหุ้นขึ้นเข้ามาจอดหน้าร้าน ก่อนจะถอดหมวกกันน็อคออกในสภาพหน้ามัน ผมยุ่งแล้ววิ่งเข้าไปข้างใน
ปราณนต์วิ่งเข้ามาในร้านก็พบว่าร้านไม่มีใครเลย โต๊ะทุกตัวทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ปราณนต์วิ่งไปที่โต๊ะตัวเมื่อคืนที่พวกเขานั่งแล้วก้มๆ เงยๆ หาเอกสาร แต่ก็หาไม่เจอ
อวัศยาฟุบหน้าลงกับโต๊ะก่อนจะกุมขมับด้วยความเครียดๆ รันเปิดประตูพรวดเข้ามา อวัศยากระเด้งตัวขึ้นมาแล้วทำหน้านิ่ง หยิบปากกา ก่อนจะหันขวับไปทางจอคอมพิวเตอร์ทำเป็นเช็คตารางหุ้น อวัศยาวางฟอร์มว่ากำลังตั้งใจทำงานมากๆ รันปรี่เข้ามานั่งตรงข้ามอวัศยา
“ศยา ฉันได้ยินว่าบอสกริ้วมาก ถึงกับประกาศไล่น้องณนต์จริงๆเหรอ ถ้าน้องณนต์หาเอกสารไม่เจอก่อนบ่ายโมง บอสจะไล่น้องณนต์ออกจริงหรือเปล่า”
“ก็แล้วแต่บอส เขาเป็นเจ้าของบริษัทนี่ เขาจะทำอะไรก็ได้”
รันกลุ้มใจแทน เขาชะเง้อมองออกไปนอกห้องแต่ก็ไม่เห็นปราณนต์
“แล้วนี่น้องณนต์หายไปไหน” รันถาม
“ฉันจะไปรู้เหรอ” อวัศยาอยากรู้เหมือนกันเลยพูดชง “อยากรู้ก็ไปถามรุจน์สิ”
“เออใช่ ไปถามรุจน์ดีกว่า” รันเดินออกไป
อวัศยามองตามรันอย่างอยากรู้แล้วหันไปคว้าแฟ้มเอกสารบนโต๊ะมาอันหนึ่ง แล้วเดินตามรันออกไป
รันเดินเข้ามารุจน์ที่กำลังนั่งกุมขมับอยู่
“คุณปราณนต์อยู่ไหน”
อวัศยาหูผึ่ง แต่เท้าขยับเข้าไปใกล้ๆ รุจน์กับรันมากขึ้น
“ณนต์ถึงร้านแล้วครับ แต่ยังหาเอกสารไม่เจอ มันบอกว่าหาทั้งร้านแล้วก็ไม่เจอ นี่ก็จะบ่ายแล้วด้วย ผมว่า..ไม่ทันแน่ๆ”
“อ้าว ! แล้วจะทำยังไงต่อ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
อวัศยารู้สึกไม่สบายใจ
อวัศยาเข้ามาในห้องแล้วรีบไปหยิบมือถือเครื่องที่จะเตรียมไว้แชทออกมาจากกระเป๋าสะพายก่อนจะยัดใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วเดินออกไปจากห้อง
อวัศยาออกมาจากห้องทำงานแล้วเดินออกไปด้วยท่าทางนิ่งๆ ผิดปกติอย่างคนมีพิรุธ ลิปดาเดินเข้ามาพอดีเห็นอวัศยาเดินออกไป ลิปดามองตามอวัศยา
อวัศยาเดินออกมาจากด้านในแผนกแล้วมองซ้ายมองขวาเพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในช่องบันไดหนีไฟแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ลิปดาเดินออกมามองซ้ายมองขวาแล้วเดินตามอวัศยาขึ้นไป
อวัศยาเดินตัวตรงเข้าไปในห้องน้ำ ลิปดาเดินตามอวัศยา อวัศยาเลี้ยวเข้าไปในห้องน้ำ ลิปดาหยุดเดินแต่มีสีหน้าครุ่นคิดเพราะสงสัย
“ทำไมต้องมาเข้าห้องน้ำถึงชั้นนี้”
อวัศยาเข้ามาในห้องส้วม เธอหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเปิดหน้าจอแชทกับปราณนต์ ก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไปอย่างแทบไม่ต้องคิดแล้วกดส่ง
อ่านต่อตอนที่ 3