xs
xsm
sm
md
lg

ใยกัลยา ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ใยกัลยา ตอนที่ 9

ศวัสและหอมน้ำยืนรออยู่ ขณะพยาบาลเข็นรถสินีนุชออกมาหน้าห้องตรวจ หอมน้ำรีบเดินตรงไปหาเพื่อน โดยที่ศวัสเพียงหยุดมองไม่ได้ตามมา

“เป็นยังไงบ้างเขน”
“ฟกช้ำดำเขียวนิดหน่อย” สาวอวบยิ้มบอก
“เชิญไปรอรับยาด้านโน้นค่ะ”
พยาบาลบอก แล้วส่งคนไข้ต่อให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล มาเข็นรถไปที่ห้องจ่ายยา ศวัสเดินตามไป

ถนนหนทางว่างวาย รถราไม่ค่อยติดนัก รถศวัสขับจากโรงพยาบาลมาจอดบริเวณหน้าหอพัก เพียงไม่นานนัก
ขณะเขน และหอมน้ำขยับจะเปิดประตู ศวัสเอ่ยขึ้นก่อน
“ฉันมีธุระจะพูดด้วย”
หอมน้ำชะงัก หันไปมองเพื่อน
เขนรีบพูดบอก “เขนขึ้นไปได้ ไม่ต้องเป็นห่วง” สาวอวบอั๋นเปิดประตูก้าวลงไป
“ระวังนะ”
เขนหันมาพยักหน้าและส่งยิ้มให้เป็นกำลังใจ แล้วเดินเข้าไปในอาคารหอพัก
“ฉันไม่ลงไปนะ” พุธกันยาเอ่ยขึ้น หอมน้ำหันไปมอง “นี่เป็นรถลูกชายของฉัน”
หอมน้ำหันกลับมา
ศวัสมองกิริยานั้นอยู่ “คุณแม่ยังอยู่ในรถหรือ”
หอมน้ำไม่ตอบ เลยถูกศวัสดุเอา “ผู้ใหญ่ถาม ทำไมไม่ตอบ”
“หอมไม่อยากพูดปดค่ะ”
ศวัสมองหอมน้ำนิ่งๆ ครู่หนึ่ง แล้วขับรถออกไป

ระหว่างทาง ยวดยานพาหนะบนท้องถนน ยามนี้ ไม่มากนัก รถศวัสขับมาเรื่อยๆ
“หิวไหม”
พุธกันยาชิงบอก “ไม่หิวจ้ะลูก”
หอมน้ำอ้าปากจะตอบ จำต้องนิ่งไป
ศวัสนิ่วหน้าหันมามองหอมน้ำอย่างหงุดหงิดแวบหนึ่ง เขาเสียงเข้มขึ้น
“หอมน้ำ”
“ไม่หิวค่ะ หอมทานมาแล้ว”
“ทำไมต้องให้ถามซ้ำถามซาก”
หอมน้ำก้มหน้าลง “หอมไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
“ก็บอกเขาไปซิว่าฉันตอบไปแล้ว เธอเลยไม่ตอบ”
หอมน้ำนิ่งอีกเม้มปากแน่น
พุธกันยายั่วต่อ “เธอว่าศวัสหล่อไหม”
หอมน้ำนิ่งดังเดิม สีหน้าเหมือนพยายามสะกดใจไม่พูดเต็มที่
“ฉันรู้นะว่าเธอแอบชอบเขา”
หอมน้ำเบิกตากว้าง หันขวับไปทันที “เปล่านะคะ”
ศวัสฉุนจอดรถริมถนนทันที หอมน้ำหันกลับมา ปลดเข็มขัดออก
“หอมว่าหอมกลับแท็กซี่ดีกว่าค่ะ” หอมน้ำไหว้ “หอมลานะคะ”
หอมน้ำขยับเปิดประตู ศวัสจับแขนไว้ทันที
“จะไปไหน”
“กลับบ้านค่ะ”
“ฉันพาเธอมาเพื่อจะพูดธุระสำคัญ นี่ยังไม่ทันเริ่มเลย เธอก็เหลวไหลไร้สาระ”
หอมน้ำฉุน น้อยอกน้อยใจเต็มที “ถ้าอย่างนั้นคุณหมอก็ไม่ควรจะพูดกับหอม”
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะพูดนักหรอก ถ้ามันไม่เกี่ยวกับเธอโดยตรง”
หอมน้ำเงยหน้ามองศวัสแปลกใจ

ภายในร้านไอศกรีมแห่งนั้น ผู้คนไม่พลุกพล่านนัก โต๊ะที่หอมน้ำกับศวัสนั่ง อยู่มุมในสุด ท่าทีหอมน้ำดูเหมือนหมางเมินน้อยอกน้อยใจ
สักครู่บริกรยกไอศกรีมสีสันสดใสมาวางตรงหน้าสองคน
พุธกันยาชะเง้อมอง “ไอศกรีมสมัยนี้น่ากินกว่าสมัยฉันเยอะ”
หอมน้ำทำหูทวนลม “ธุระสำคัญของคุณหมอคืออะไรคะ”
พุธกันยาสูดกลิ่นไอศกรีม
“กินให้หมดก่อนเถอะ พูดตอนนี้เดี๋ยวกินไม่ลง” ศวัสว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ หอมไม่อยากกลับหอ ดึก”
“รู้เรื่องที่ดาราอีกคนอ้างว่าคุณแม่ฉันสิงใช่ไหม”
พุธกันยารีบบอก ราวกับลูกชายจะได้ยิน “ไม่จริงลูก! มันโกหก”
“ทราบค่ะ! แต่มันไม่จริง”
ศวัสฉุนกึก ลงเสียงหนัก “นึกว่าฉันโง่นักเหรอ”
หอมน้ำหลบตาลงมองที่แก้วไอศกรีม
“ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมดาราอย่างพวกเธอถึงได้สร้างเรื่องแบบนี้ขึ้นมา คิดง่ายๆ เพื่อโปรโมทละคร โปรโมทนางเองใหม่”
“หอมไม่ได้เป็นนางเอกค่ะ หอมเป็นนางอิจฉา”
“ก็นั่นแหละ เสแสร้งกันทั้งนั้น”
“แต่หอมไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้โกหก” เด็กสาวโต้
“ยังจะเถียงอีก รู้หรือเปล่าว่ามันสร้างความเสื่อมเสียให้คุณแม่ของฉัน ครอบครัวของฉัน”
พุธกันยาปลื้ม “โถ...ลูกรัก อุตส่าห์เป็นห่วงแม่ พ่อคุณ”
หอมน้ำไหว้ น้ำตาปริ่ม “ขอประทานโทษค่ะ พอหนังเรื่องนี้จบ ก็คงหมดปัญหา เพราะหอมจะไม่รับเล่นอีกแล้ว”
ศวัสประชด “ขอให้มันจริงเถอะ”
พุธกันยาโวย “ไม่ได้นะ เธอต้องเล่นอีก โดยเฉพาะเรื่อง รอยทราย”
“ไม่ค่ะ” หอมน้ำเช็ดน้ำตา “ไม่เด็ดขาด คุณไปหาคนอื่นสิงเถอะ”
ศวัสขบกรามแน่นจ้องหอมน้ำเขม็ง
“ถ้าทำได้ ฉันก็ทำไปแล้ว ไม่ต้องมางอนง้อขอพึ่งเธอหรอก” พุธกันยาค่อนขอด
หอมน้ำรู้สึกถึงสายตาศวัสที่มองเขม็ง จึงค่อยๆ เบือนหน้ากลับมามองไอศกรีม
“ขอให้จริงอย่างที่พูดก็แล้วกัน”
“ค่ะ! หอมสัญญา” หอมน้ำบอกเสียงหนักแน่น
พุธกันยาโวย “ไม่ได้! ฉันไม่ยอม”
“เพื่อคุณแม่ฉันที่ไม่ได้มารู้เรื่องราวอะไรด้วย และเพื่อตัวเธอเอง”
“แม่รู้ลูก แม่รู้ทุกอย่าง”
หอมน้ำทำเป็นไม่เห็น ไม่ได้ยิน
“ไอศกรีมจะละลายหมดแล้ว”
หอมน้ำตักไอศกรีมกินเงียบๆ โดยไม่สนพุธกันยาซึ่งผุดลุกขึ้นยืน นัยน์ตาเขียวปั้ด
“ฉันไม่ยอม ไม่มีวันยอม...” เสียงพุธกันยาหวีดหวิวสะท้อนก้อง
พ่อแม่จูงลูก ไม่เกิน 3 ขวบเข้ามา เด็กนั้นมองพุธกันยาซึ่งหน้าเขียว ตาเขียว แล้วร้องไห้จ้าด้วยความหวาดกลัว
“เป็นอะไรลูก” พ่อรีบอุ้มลูกขึ้นมา
“นิ่งนะลูกนะ นิ่งนะคะ” ผู้เป็นแม่ปลอบ
เด็กน้อยชี้มาที่พุธกันยา แล้วสะอึกสะอื้น ดิ้นจะให้พ่อพาออกไป ทุกคนมองตามอย่างแปลกใจ
หอมน้ำเงยหน้ามองพุธกันยา และเด็กสลับกัน พุธกันยาตะลึงมองเด็กครู่หนึ่ง แล้วหายวูบไป
ศวัสมองท่าทาง และสีหน้าเด็กอย่างครุ่นคิด จนกระทั่งพ่อแม่พาออกไป

ไม่นานถัดมา ศวัส และหอมน้ำเดินมาที่รถ ศวัสเปิดประตูให้หอมน้ำขึ้นรถ แล้วตัวเองอ้อมขึ้นมานั่งที่คนขับ
ศวัสมองไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด
หอมน้ำเหลือบมองท่าทีหวาดกลัวๆ อยากจะพูด แต่ตัดสินใจไม่พูด
ศวัสสตาร์ตเครื่อง หันมามอง “อยากจะพูดอะไรไหม”
หอมน้ำส่ายหน้า “ไม่มีค่ะ”
ศวัสเบือนหน้ากลับ แล้วขับรถออกไป

หอมน้ำเปิดประตูเข้ามาในห้องพัก เปิดไฟ ล็อกประตู แล้วเดินมาทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง ภาพเหตุการณ์ที่เด็กเห็น และกลัวพุธกันยา ร้องจ้า ผุดซ้อนขึ้นมาในห้วงคิด
“เด็กคนนั้นเห็นคุณพุธ แกกลัวมาก แล้วคุณหมอก็เห็น”

หอมน้ำรำพึง

ไม่นานต่อมาเขนในชุดนอนทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อนที่แวะมาหาด้วยชุดเดิม พลางส่ายหน้า

“เขาเห็นเด็ก...ไม่ได้เห็นคุณพุธ”
หอมน้ำพยักหน้า “ก็ใช่ แต่ท่าทางเขาแปลกใจ”
“เขาไม่เชื่อหรอกหอม คุณหมอฟันทันตแพทย์เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ เขาไม่เชื่อเรื่องภูตผีปีศาจหรอก! อย่างดีเขาก็แค่คิดว่าเด็กคนนั้นตกใจ”
“ตกใจอะไร”
เขนยักไหล่ “ตกใจอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ผี”
“นั่นซินะ นักวิทยาศาสตร์จะเชื่อเรื่องที่พิสูจน์ได้เท่านั้น” หอมน้ำถอนใจพลางก้มหน้าลงเซ็งๆ
“หอม...”
“เขาคิดว่าหอมโกหกเพราะอยากจะโปรโมทหนัง โปรโมทตัวเอง” หอมน้ำเช็ดน้ำตา
เขนโอบไหล่ปลอบ “ไม่เอาน่า”
“ในสายตาเขา หอมเป็นคนเลว เจ้าเล่ห์แสนกลสารพัด”
เขนโมโห “ตาทึ่ม”
“เขนว่าใคร”
“ก็อีตาหมอฟันทันตแพทย์ไง หอมน่ะซื่อใสไร้เดียงสาจนเขนเคยคิดว่า หอมเกิดมาผิดยุคผิดสมัยด้วยซ้ำ แต่เฮียแกดันคิดว่าหอมเจ้าเล่ห์ เฮ้อ! มีตาแต่หามีแววไม่”
“พูดเหมือนคนแก่” หอมน้ำหัวเราะลุกยืน “หอมไม่นอนละ”
เขนเดินไปส่งที่ประตู

อีกฟาก ดวงจันทร์ข้างแรมอ่อนๆ ค่อยๆ ลอยผ่านเข้าไปในกลุ่มก้อนเมฆสีเทา บรรยากาศรอบคฤหาสน์ดูวังเวง บนชั้นสอง ภายในห้องนอน ศวัสกำลังเปิดเน็ตอ่านเรื่องเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณ ภูตผี ปิศาจ โดยมีพุธกันยาชะโงกมองทางด้านหลังอย่างสนใจ
ที่จอคอมเป็นข้อมูลเกี่ยวกับวิญญาณที่มีคนโพสต์ไว้
ศวัสเอนตัวพิงพนัก บิดตัวไปมาชั่วครู่ แล้วปิดคอม ปิดไฟที่โต๊ะทำงาน แล้วลุกเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียง
ภาพเหตุการณ์เด็กร้องไห้ในร้านไอศกรีมผุดซ้อนเข้ามาในห้วงความคิดหมอหนุ่ม พอภาพนั้นเลือนหาย ศวัสลุกขึ้นนั่ง หยิบหมอนซ้อนกัน และพิงหัวเตียง สีหน้าทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

คืนก่อน บริเวณที่จอดรถโรงพยาบาล ขณะที่ศวัสเดินนำหอมน้ำโดยมีเจ้าหน้าที่เข็นเขนตรงมาที่จอดรถอยู่ ทั้งหมดชะงักเมื่อจู่ๆ หมาก็ตั้งใจหอน และมันยังมองจ้องไปยังที่นั่งตอนหลังของรถ เจ้าหน้าที่เลิ่กลั่ก
เขนเงยหน้ามองหอมน้ำ และทำปากถามไม่มีเสียงว่า “คุณพุธ”
หอมน้ำมองไปที่พุธกันยาในรถ พลางพยักหน้า
ยามซึ่งหลบไปอยู่ห่างๆ วิ่งตรงมาอำนวยความสะดวกให้เมื่อศวัสกดรีโมท
“มาหอนอะไรแถวนี้”
“โบราณเขาว่ามันเห็นผีครับ” ยามบอก
ศวัสชะงัก หันมามอง
“รถคันนี้เคยชนคนตายหรือเปล่าครับ คุณหมอ”
คำถามนี้ทำเอาศวัสหงุดหงิด “ไม่เคย”
ยามสบตากับเจ้าหน้าที่ซึ่งมีท่าทีหวาดกลัว เช่นกัน

คิดเรื่องนี้แล้วศวัสถอนใจยาว พุธกันยายังคงมองอย่างกระตือรือร้น
“กำลังคิดอะไรอยู่หรือลูก”
ศวัสยังคงจ่อมจมอยู่กับความคิดเดิม
“อย่าแคลงใจเรื่องแม่อีกต่อไปเลย แม่ยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ลูกจริงๆ เพียงแต่ว่า แม่ไม่ใช่ผี แต่เป็นวิญญาณ”
ศวัสสะบัดหน้าเหมือนจะให้ความคิดสับสนวนเวียนนั่นหลุดออกไป แล้วล้มตัวลงนอน
“แม่ไม่เคยจากลูกไปไหนเลย นับจากวันที่ดวงวิญญาณออกจากร่างวันนั้น”
ศวัสนอนหลับตา พุธกันยาก้มลงจูบหน้าผากลูกชายอย่างอ่อนโยน
“นอนหลับฝันดีนะลูกรัก”
เหมือนมีลมเย็นออกจากปากพุธกันยา ขณะโน้มลงมาจูบหน้าผากศวัสอย่างนุ่มนวล ศวัสสะดุ้งลืมตา ยกมือแตะหน้าผากด้วยความตกใจ เหลียวมองไปรอบห้อง โดยมองทะลุผ่านร่างพุธกันยาไป ศวัสนั่งคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงเอนตัวลงนอนอีกครั้ง
พุธกันยามองด้วยความปีติที่ลูกชายเริ่มรู้สึกถึงความมีตัวตนของเธอ

ในยามเช้าแสนสดใส บริเวณหน้าบ้านศวัสมีนักข่าวหลายสำนัก รวมทั้ง ชิดขอบบันเทิง ที่เปลี่ยนจอมเผือกจากลิซซี่ซึ่งกลัวผีขึ้นสมอง มาเป็นชายหนุ่มท่าทางคล่องแคล่ว ทุกคนพูดคุยกันขณะรอทำข่าว ผีสิงนางร้าย
สักครู่หนึ่ง เพลินพิศขับรถเข้ามาจอด บรรดานักข่าวกรูเข้าไปรุมขณะที่เพลินพิศก้าวลงมา ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างพอใจที่กลายเป็นจุดสนใจ นางร้ายคนดังยกมือไหว้
นักข่าว 1 ทักแซว “นี่น้องเพลินหรือคุณพุธกันยา คะ”
“เพลินค่ะ ตอนนี้คุณพุธกันยา ยังไม่สะดวกมาค่ะ” เพลินพิศยิ้มแย้ม
นักข่าว 2 ถามต่อ “เพลินพอจะเล่าความเป็นมา ก่อนจะถูกสิงได้ไหมครับ”
บรรดาแฟนคลับรวมทั้งกนกเบียดกันเข้ามาฟังอย่างสนใจ
เพลินพิศทำหน้าทำตาครุ่นคิดก่อนตอบ “ตอนแรกๆ ก็ไม่มีอะไรค่ะ แต่พอต่อมาเพลินก็เริ่มรู้สึกว่ามีใครสักคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา”
นักข่าวพากันฮือฮา และตื่นเต้น บางคนถึงกับสะกิดเพื่อนให้ดูว่าตนเองขนลุก
เพลินพิศยิ่งเล่ายิ่งเพลิน “มีอยู่วันหนึ่ง เลิกกองค่อนข้างดึก เพลินกำลังจะกลับก็เห็นผู้หญิงสวมชุดขาวเดินอยู่ในบ้าน”
สีหน้า แต่ละคนต่างตื่นเต้นสนใจเต็มที่
“ถึงแม้จะเป็นเพียงแวบเดียว แต่เพลินก็จำได้ติดตาเลยค่ะ ผู้หญิงคนนั้นหน้าซีดขาว นัยน์ตาแข็งทื่อ โอ๊ยสยดสยองสุดๆ”
นักข่าว 3 ซัก “พอจะเดาออกมั้ยคะว่า ทำไมคุณพุธกันยา ถึงเลือกสิงเพลิน”
เพลินพิศยิ้มเก๋ไก๋ “อาจจะเป็นเพราะเรา 2 คน มีบางอย่างที่เหมือนกัน เช่นความตั้งใจในการทำงาน ความมุ่งมั่นที่จะให้ผลงานออกมาดี ประมาณนี้นะคะ”

มีนักแสดงทยอยกันเดินทางมาในระหว่างการสัมภาษณ์นั้น ทั้งลูกนัท และธันวา สองคนลงรถแต่ไม่มีนักข่าวสนใจ

ส่วนในห้องแต่งตัว ขวัญอนงค์ซึ่งอาการดีขึ้นมาก แล้วแต่ยังพันผ้าพันแผลอยู่ กำลังคุยกับอธิป และทับทิม พลางกินอาหารเช้ากันไป

“แล้วอาขวัญจะเอาผ้าพันแผลออกได้หรือครับ” อธิปถาม
“คนเขียนบทเขาเติมให้ว่า อาประสบอุบัติเหตุ จะได้กลมกลืนกันไป”
ขวัญอนงค์คุยกับอธิป ลูกนัท และธันวาเดินเข้ามา
“วันนี้เดินเข้ามาสบาย ไม่มีใครสนใจเราเลย” ธันวาว่า
ขวัญอนงค์แปลกใจ “ทำไมล่ะ”
“ก็ไปรุมเพลินหมดน่ะซิ เขาให้สัมภาษณ์เรื่องถูกผีสิง” ธันวาบอก
“ไม่รู้สิงจริงหรือสิงปลอม” ลูกนัทว่า
“ปลอมมากกว่ามั้ง” ทับทิมบอก
ลูกนัทพยักพเยิด “นั่นซิ พี่ทับ ลูกนัทไม่เอาชุดสีแสดนั่นแล้วนะ มันไม่ค่อยพอดีตัว”
“พี่เปลี่ยนให้แล้วคะ” ทับทิมยิ้ม
ขณะที่ทุกคนคุยกัน อธิปเดินไปดูที่หน้าต่าง

นักข่าวยังรุมสัมภาษณ์นางร้ายถูกผีสิงต่อกันอย่างคึกคัก
นักข่าว 4 ยิงคำถามว่า “แล้วพี่เพลินยังกล้าถ่ายละครต่อหรือคะ”
โดยนักข่าว 5 ซัก “ไม่กลัวผีหรือฮะ”
“กลัวค่ะ แต่เราต้องมีสปิริตของนักแสดง ในเมื่อรับงานแล้ว ต้องทำให้สำเร็จ ถึงแม้จะมีอุปสรรคมากมายยังไงก็ตาม”
นักข่าว 2 ถามขึ้น “มีบางคนเขาบอกว่าเพลินกุเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะอยากเรียกเรตติ้ง”
เพลินพิศทำหน้าเหมือนน้อยใจ “เพลินคงห้ามความคิดไม่ได้หรอกค่ะ เพลินเองไม่ใช่นักแสดงโนเนม ไม่จำเป็นต้องอาศัยเรื่องผีเรื่องสางมาทำให้ดัง”
ศวัสยืนมองที่หน้าต่างห้องครู่หนึ่ง แล้วเดินกลับเข้าไปด้านใน

บุรีนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอลูกกินข้าวเช้า มีสายตาเยาวภามองบุรีอย่างบูชา จนเมื่อศวัสเดินเข้ามา เยาวภารีบปรับ กลับเข้าสู่ภาวะสงบตามเดิม
“ดาราผีสิงกำลังให้สัมภาษณ์อีกแล้ว”
บุรีพับหนังสือพิมพ์วางลง “อาจจะให้สัมภาษณ์เรื่องอื่นก็ได้”
“ไม่มีทางหรอกครับ”
บุรีชำเลืองมองหน้าลูกแวบหนึ่ง “หอมน้ำเป็นไงบ้าง”
ศวัสตอบอย่างระวังคำพูด โดยปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “หอมน้ำก็เป็นหอมน้ำซิครับ”
ระหว่างนี้พุธกันยาปรากฏตัวตรงข้ามกับศวัส และยื่นหน้าไปมองลูกอย่างพิจารณา
“แล้วทำไมแกถึงต้องเรียกเขาให้มาพบตามลำพังอยู่เรื่อย ดูเหมือนจะบ่อยกว่านัดคนไข้อีกนะ”
พุธกันยาผินหน้าจากมองบุรีมามองศวัส
ศวัสบอกหนักแน่นว่า “เพราะเขาอ้างว่า วิญญาณของคุณแม่เข้าสิงเขา”
“งั้นแกก็ต้องนัดพบดาราอีกคนแล้วซิ เพราะเขาก็อ้างว่าแม่เข้าสิงเขาเหมือนกัน” บุรีเหน็บบุตรชาย
พุธกันยาเบือนหน้ามามองบุรี ส่วนศวัสนิ่ง
พุธกันยาหันกลับมามองศวัส “ตอบคุณพ่อไปซิลูก แม่ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้านึกจะสิงใครก็สิง”
บุรีถามอีก “ว่าไง”
“คงไม่แล้วละครับ”
“ทำไม”
“ผมต้องไปทำงานแล้ว”
ศวัสยกแก้วน้ำดื่ม เช็ดปากแล้วลุกเดินออกไป
“ไอ้หมอขี้เก๊ก!”
เยาวภาเอ่ยขึ้น “วันนี้คุณผู้ชายจะออกไปข้างนอกหรือเปล่าคะ”
“ถามทำไม”
“นั่นซิ ถามทำไม ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย” พุธกันยาค้อนด้วยความหมั่นไส้
“ดิฉันจะได้เตรียมอาหารกลางวัน...อาหารว่าง...แล้วก็...”
“ไม่ต้องเตรียม”
บุรีตัดความ เช็ดปาก แล้วลุกเดินออกไป เยาวภามองตามเม้มปากด้วยความน้อยใจ

ทุกคนในห้องแต่งตัว อยู่ในอิริยาบถแตกต่างกันไป บ้างคุยกัน บ้างฟังเพลง บ้างเล่นเฟซบุ๊ค บ้างอัพรูปลงไอจี
จนประตูเปิดออก เพลินพิศหน้าบานเดินเข้ามาอย่างภาคภูมิ ปลื้มปริ่มในตัวเอง
“เฮ้อ กว่าจะฝ่าด่านนักข่าวกับแฟนคลับมาได้ เดี๋ยวคนนี้ถามโน่น คนโน้นถามนี่” หล่อนพูดอย่างภาคภูมิใจ
“อ้าว ก็เธอเล่นประกาศว่า ถูกผีพุธกันยา สิงนี่” อธิปแขวะทันที
“พูดให้ดีๆ นะ ไอ้ไก่ ฉันประกาศที่ไหน ผีพุธกันยามาสิงฉันเอง”
ธันวาบอกว่า “เกาะกระแสผีหรือเปล่า”
เพลินพิศหันขวับ “นี่ดีนะที่เป็นธันวาพูด ไม่งั้นฉันด่าเละไปแล้ว” นางร้ายคนดังเดินมาอ้อนขวัญอนงค์ “อาขวัญขา อาขวัญเชื่อเพลินหรือเปล่าคะ”
“ก็เพลินพูดจริงหรือเปล่าล่ะ”
“จริงค่ะ เพลินไม่ได้โกหก” นางร้ายผีสิงตอบเสียงหนักแน่น
“งั้นก็จะไปกลัวอะไร”
เพลินพิศกราบที่ตัก “ขอบคุณอาขวัญมากค่ะที่เชื่อเพลิน แล้วลูกนัทล่ะจ๊ะ เชื่อเพลินหรือเปล่า”
“ไม่รู้ซิ นัทพูดไม่ได้เพราะไม่ได้เห็นกับตา”

เพลินพิศค้อนขวับ

รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอด บรรดาไทยมุง และแฟนคลับที่มาคอยดูดาราหันมาจ้องเป็นตาเดียว เตรียมเฮกรูเข้ามา

เขนกับหอมน้ำอยู่ในรถคันนั้น เขนบอกแท็กซี่ “เข้าไปข้างในเลยพี่”
แท็กซี่เข้าไปจอดภายใน เขน จ่ายค่าโดยสาร แล้วก้าวลงมาพร้อมหอมน้ำ
แท็กซี่ถอย แล่นออกไป หอมน้ำมองไปบริเวณตัวบ้าน แล้วชะงัก เมื่อเห็นพุธกันยายืนอยู่ทำไม้ทำมือให้ไปพบหลังบ้าน
เขนมองฉงน “อะไรหรือหอม”
“คุณพุธเรียก เขนไปหาพี่ทับก่อน หอมจะไปพบกับคุณพุธ”
“ระวังนะหอม”
หอมน้ำจับพระที่คอ “หอมไม่เป็นไรหรอก”
หอมน้ำเดินเลี่ยงไปด้านซุ้มพุดซ้อนหลังบ้าน

หอมน้ำเดินเลี้ยวเข้ามาในบริเวณนั้น พุธกันยาซึ่งกำลังก้มลงดมดอกพุดซ้อน ค่อยๆ หันหน้ากลับมา
“คุณพุธมีอะไรหรือคะ”
“ศวัสเริ่มจะเชื่อแล้ว”
“เชื่อเรื่องอะไรคะ”
พุธกันยาขัดอกขัดใจ “ก็เรื่องฉันนะซิ จะเรื่องอะไรเสียอีกล่ะ”
หอมน้ำส่ายหน้า “หอมมองไม่เห็นทางเป็นไปได้เลย”
“เมื่อคืน พอศวัสกลับจากส่งเธอ...เขาก็มาเปิดคอมพิวเตอร์อ่านเรื่องเกี่ยวกับผี เอ๊ย วิญญาณ”
หอมน้ำชะงัก ดวงตาที่มองพุธกันยาเต็มไปด้วยความสนใจ
“พอจะนอน เขาก็นอนไม่หลับ คงจะคิดถึงเรื่องที่อ่าน เรื่องที่หมามารุมกันหอนฉันที่โรงพยาบาล...แล้วก็เรื่องที่เด็กกลัวฉันที่ร้านไอศกรีม”
“จริงหรือคะ”
“จริง! หอมน้ำ เธอต้องพยายามสื่อสารให้เขาเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยให้ได้”
หอมน้ำตั้งท่าจะปฏิเสธ
พุธกันยาบอกทันที “อย่าปฏิเสธ เราร่วมมือกันมาจนเกือบจะสำเร็จแล้ว เหลืออีกนิดเดียวเท่านั้น เธอต้องทำให้เขายอมรับให้ได้”
หอมน้ำถอนใจ “หอมไม่มีความสามารถ”
พุธกันยาบอกเสียงหนักแน่น “เธอสามารถ และต้องเป็นตัวเธอเองที่พูดยืนยันด้วย ไม่ใช่ให้ฉันสิงเธอแล้วพูด”
หอมน้ำส่ายหน้า “หอมไม่แน่ใจ คุณหมออาจจะลากตัวหอมไปหาจิตแพทย์อีก”
“ไม่หรอก คราวนี้เขาจะรับฟังเธอมากขึ้น วันนี้เธอมีถ่ายตอนค่ำใช่ไหม” หอมน้ำชะงัก “ฉันได้ยินธุรกิจพูดกับเธอเมื่อเย็นวาน เธอต้องรีบไปพูดกับศวัส ฉันใจร้อน”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณหมอมีตรวจคนไข้”
“เธอก็ไปเป็นคนไข้ของเขาสิ ง่ายนิดเดียว”
หอมน้ำเบิกตากว้าง มองพุธกันยาเขม็ง

ภายในห้องตรวจแผนกทันตกรรมตอนนี้ พยาบาลเชื้อเชิญหอมน้ำ ขณะที่ศวัสยืนหันหลังให้เตรียมเครื่องมือ
“เชิญค่ะ”
“นั่งที่เก้าอี้เลยครับ”
ศวัสหันกลับมา แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
หอมน้ำไหว้ “สวัสดีค่ะ”
ศวัสหน้าเคร่ง “มาทำไม”
หอมน้ำตะกุกตะกัก พูดผิดพูดถูก “ขะ...ขัด...ขัดหินปูนค่ะ”
ศวัสหันไปทางพยาบาล “ออกไปก่อน”
พยาบาลกลั้นหัวเราะ แล้วรีบเดินออกไป
“ที่นี่ไม่รับขัดหินปูน”
หอมน้ำไม่รู้จะพูดอะไรดีกว่านั้น “เหรอคะ”
“เขาเรียกขูดหินปูน”
“อ๋อ...ค่ะ”
ศวัสเอ็ดอีก “ยุ่ง”
หอมน้ำบอกพาซื่อ “หอมก็ว่าอย่างนั้นละค่ะ คุณหมอต้องยุ่งแน่ๆ คนไข้เยอะแยะเลย”
“ฉันว่าเธอยุ่ง เข้าใจไหม” ศวัสหงุดหงิดจนได้
หอมน้ำตอบเสียงอ่อยๆ “เข้าใจค่ะ”
“ขึ้นไปนั่งซิ”
หอมน้ำทำตาม ศวัสเตรียมเครื่องมือพร้อม ขณะหอมน้ำเอนตัวลงกับโต๊ะตรวจ
“อ้าปาก!”
หอมน้ำอ้าปากแล้วจู่ๆ ตัดสินใจลุกขึ้นนั่ง “เดี๋ยวก่อนค่ะ”
ศวัสทำสีหน้ารำคาญ
“อย่าเพิ่งโกรธนะคะ กรุณาฟังหอมพูดให้จบก่อน คุณแม่คุณให้หอมมาช่วยพูด”
ศวัสฉุนกึก ดึงถาดอุปกรณ์ทำฟันมาอย่างหงุดหงิด ทำท่าจะพูด แต่หอมชิงพูดก่อน
“คุณแม่คุณหมอเล่าว่า เมื่อคืน คุณหมอค้นดูเน็ตเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณ”
ศวัสชะงัก มองหอมน้ำเหมือนไม่เชื่อหู ยัยเบ๊อะนี่รู้ได้ไง?
“หลังจากนั้น คุณหมอนั่งๆ นอนๆ คิดทบทวนเรื่องหมาหอนที่รถกับเรื่องเด็กร้องไห้ตกใจ เหมือนเห็นอะไรบางอย่างในร้านไอศกรีม”
ศวัสยังคงจ้องหน้าหอมน้ำเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน
“คุณพุธรักคุณหมอกับคุณลุงมากจนถึงขนาดยังไม่ยอมไปที่ชอบหรือไปผุดไปเกิด ทุกวันนี้ เธอก็ยังวนเวียนคอยดูแลทุกข์สุขให้คุณหมอกับคุณลุงอยู่...”
ศวัสได้สติกลับคืนมา “งั้นเรอะ”
หอมน้ำนึกว่าเขาสนใจ บอกด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “ค่ะ”
“แล้วเวลานี้เขาอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า”
หอมน้ำกวาดตามองอย่างรวดเร็ว “เปล่าค่ะ”
“งั้นก็ฝากไปถามด้วยว่า ทำไมเขาเลือกฆ่าตัวตายมากกว่าเลือกมีชีวิตอยู่กับคุณพ่อแล้วก็ฉันที่บอกว่ารักนักรักหนาจนไม่ยอมไปผุดไปเกิด”
ระหว่างนี้พุธกันยาปรากฏตัวขึ้นเงียบๆ ที่มุมห้องด้านหลังหอมน้ำ มองลูกชายด้วยสีหน้าเจ็บปวดร้าวรานกับข้อกล่าวหา
“คุณพุธกันยา ไม่ได้ฆ่าตัวตายนะคะ เธอเครียดกับขาวจนกินยาเกินขนาด แล้วนี่เองที่ทำให้เธอยังวนเวียนเพื่อสื่อสารให้คุณลุงกับคุณหมอทราบ ซึ่งเป็นเหตุผลให้เธอมาสิงหอม”
ศวัสกระแทกเสียงใส่ “ขอบใจมาก แม่ร่างทรง! ที่ช่วยเอาข่าวจากคนตายมาแจ้งให้คนเป็นรู้ ว่าแต่เธอจะไปสวรรค์หรือนรกอีกวันไหนล่ะ ฉันจะได้ฝากโทรศัพท์มือถือไปให้คุณแม่ด้วย! ต่อไปท่านจะได้คุยกับฉันโดยไม่ต้องผ่านร่างทรง”
ถึงตอนนี้พุธกันยาน้ำตาไหลพราก เจ็บปวด ชอกช้ำกับถ้อยคำของลูกสุดจะประมาณ
หอมน้ำมองศวัสอ้าปากค้าง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อศวัสคว้าขอมือกระชากให้ลงมาจากเก้าอี้จนเซถลาแต่หอมคว้าแขนศวัสยึดไว้ไม่ได้ล้ม
ศวัสก้มหน้าลงมา นัยน์ตาเป็นประกายแข็งกร้าว “ความจริงที่เธอรู้ ยังไงก็ไม่เท่ากับเรื่องจริงของเด็กที่ไร้เดียงสาคนหนึ่งซึ่งโตขึ้นมากับข่าว และเสียงซุบซิบตราหน้าว่าแม่ของเขาฆ่าตัวตาย แม่ของเขามีชู้ เพราะฉะนั้น เธออย่าบังอาจเอาเรื่องนี้มาพูดกับฉันอีก ไป กลับไปเดี่ยวนี้”
ศวัสผลักหอมน้ำจนเซถลาเสียหลัก หอมน้ำมองศวัสน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ
“ไปซิ เธอทำให้ฉันเสียเวลาไปมากแล้ว”

หอมน้ำหันหลังก้มหน้าก้มตารีบพาตัวเองออกไปพ้นๆ จากห้องนี้ ขณะที่พุธกันยาเองก็ได้แต่มองลูกชาย เจ็บช้ำน้ำใจจนพูดไม่ออก

อ่านต่อหน้า 2

ใยกัลยา ตอนที่ 9 (ต่อ)

หอมน้ำก้มหน้าก้มตาร้องไห้เดินฝ่าบรรดาคนไข้เด็ก และผู้ใหญ่ ที่มารออยู่บริเวณหน้าห้องตรวจ รวมทั้งพยาบาล ทุกคนมองตามด้วยความตกใจ ในขณะที่เด็กบางคนร้องไห้จ้า

“แม่ หนูจะกลับบ้าน หนูกลัวหมอ พี่เค้ายังร้องไห้ออกมาเลย”
คนไข้ผู้ใหญ่บางคน กับคนไข้เด็กอีกส่วน ค่อยๆ ลุกเดินออกไป โดยทุกคนต่างเข้าใจว่าที่หอมน้ำร้องไห้ออกมา เพราะหมอทำฟันเจ็บ จึงกลัว และหนีกลับกัน

ฝ่ายศวัสนั่งรวบรวมสติ โดยมีพุธกันยาโน้มตัวมาอยู่ใกล้ๆ ลูกชาย ด้วยใบหน้าเศร้าลึกล้ำน้ำตาไหลริน
“แม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษที่ทำให้ลูกต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายอย่างนั้น”
ประตูเปิดออก พยาบาลพาคนไข้ประจำเข้ามา เป็นหญิงสูงวัย สีหน้าท่าทางอารมณ์ดี
“เด็กเมื่อกี้เป็นอะไรล่ะ คุณหมอ”
ศวัสเงยหน้ามอง และฝืนยิ้ม “คงตกใจกระมังครับ เชิญคุณป้านั่งเลยครับ”
คนไข้ทำตาม “ท่าทางจะกลัวมาก”

ศวัสยิ้ม แล้วดึงถาดอุปกรณ์ทำฟันมา โดยมีพุธกันยาจับตามองลูกชายอย่างรู้สึกผิดทุกอิริยาบถ

ในบรรยากาศไม่พลุกพล่านนัก มีลูกค้า 2-3 โต๊ะ ของร้านอาหารติดโรงพยาบาลที่ศวัสทำงานอยู่ ตรงโต๊ะมุมหนึ่งของร้าน หอมน้ำพาตัวเองมานั่งอยู่เงียบๆ สักพักแล้ว พบว่าอาหารในจานตรงหน้าไม่ได้พร่องเลย
พุธกันยาปรากฏตัวบนเก้าอี้ตรงกันข้ามด้วยใบหน้าหมองจัด เสียอกเสียใจอย่างแท้จริง
“ฉันขอโทษ”
หอมน้ำเงยหน้ามอง “ไม่เป็นไรค่ะ หอมเองก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกันที่ทำไม่สำเร็จ มิหนำซ้ำคุณก็ต้องเสียใจยิ่งกว่าหอมอีก”
“ไม่นึกเลยว่าความตายของฉันจะทำให้ลูกต้องเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ฉัน...ฉัน...” พุธกันยาส่ายหน้า น้ำตาไหลพราก
หอมน้ำมองด้วยความสงสารจับใจ แล้วลืมตัวเปิดกระเป๋าหยิบทิชชู่ส่งให้
“นี่ค่ะ”
“ขอบใจ แต่ฉัน...ไม่ใช่คน”
หอมน้ำนึกได้ “ขอโทษค่ะ หอมลืมไป... คุณพุธจะทำยังไงต่อไปคะ”
“ยิ่งเห็นลูกเจ็บปวดมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งต้องพยายามทำให้เขารู้ความจริงให้ได้ อย่างน้อยเขาอาจจะอภัยให้ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของแม่บ้าง แล้วฉันจะได้นอนตายตาหลับ”
หอมน้ำบอกอย่างแน่วแน่ “หอมจะพยายามช่วยคุณค่ะ”
“ขอบใจมาก หอมน้ำ เธอเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ ซึ่งหาได้น้อยเหลือเกินบนโลกใบนี้” พุธกันยาขยับตัว “เธอควรจะกลับกองถ่ายเสียที ทุกคนจะได้ไม่เป็นห่วง โดยเฉพาะเพื่อนของเธอ”
หอมน้ำนึกได้ หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูอย่างตกใจ
“จริงด้วย เขนโทรมาตั้งหลายครั้งแล้ว” รีบกดโทร.กลับทันที “เขน...เขน...เดี๋ยวจ้ะ ฟังหอมพูดก่อน หอม...หอมสบายดี นี่กำลังจะกลับแล้ว...จ้ะ...ขอบใจ...เดี๋ยวเจอกันนะ”
หอมน้ำเรียกบริกรมาเก็บเงินค่าอาหารที่ไม่ได้ทานสักคำ แล้วเดินออกไป

ไม่นานนักแท็กซี่แล่นมาจอดหน้าบ้าน โค้กและเขนซึ่งกำลังยืนรออยู่รีบเดินเข้าไป
โค้กเปิดประตูรถให้ “หายไปไหนมา ไม่รู้หรือว่าพี่ เอ้อ...ทุกคนเขาเป็นห่วง”
“หอมไปทำธุระนิดหน่อยค่ะ ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายค่ะ” หอมน้ำอึดอัดนิดๆ
“ไม่ได้วุ่นวายแต่เป็นห่วง เข้าใจไหมว่าเป็นห่วง”
“เย็นไว้พี่โค้ก หอม...คุณเจคอยากพบ” เขนบอก
“ยังไม่ถึงเวลาเข้าฉากไม่ใช่เหรอ”
“คงจะมีธุระอื่นมั้ง รีบไปเถอะ”
หอมน้ำพยักหน้า แล้วรีบเดินแกมวิ่งไปทางที่รถตู้เจคจอดอยู่

เจคนั่งอ่านบทอยู่ในรถตู้เช่นเคย ขณะหอมน้ำเดินเข้ามา เด็กสาวกระแอมเล็กๆ “คุณเจคคะ”
เจคเงยหน้าขึ้นมอง “อ้าว นั่งซิ” พลางปิดแฟ้ม
“ขอบคุณค่ะ” หอมน้ำนั่งลง
“คืนนี้เลิกกองแล้วพี่จะพาไปเลี้ยง”
เห็นสีหน้าหอมน้ำประหลาดใจแกมตกใจ
เจคเลยบอกต่อ “วันนี้วันเกิดโค้ก
หอมน้ำลากเสียง “อ๋อ...”
“พี่สั่งให้ฟ้าไปเตรียมงานรอไว้แล้ว จะพาคนอื่นไปทีหลัง เรื่องนี้โค้กมันไม่รู้”
“ไปกันหมดทุกคนเลยหรือคะ”
“ก็ไม่หมดหรอก บางคนเขามีธุระ พี่อยากให้หนูกับเขนไปด้วย เพราะเห็นสนิทกับเขา”
“ได้ค่ะ”
“ดี ไปแต่งหน้าแต่งตาเตรียมเข้าฉากได้แล้ว”
“ค่ะ” หอมน้ำลุกเปิดประตูเดินออกไป

โดยมีเจคมองตามด้วยสีหน้ามาดหมาย คล้ายมีแผนบางประการในใจ

ทางด้านลิซซี่ซึ่งถูกผีพุธกันยาที่สิงหอมน้ำหันหัวมาหลอก จนผวา ไม่กล้าโผล่หน้าไปกองถ่าย กำลังรอการมาของโกศลอยู่บริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัย พร้อมกับช่างภาพ ชิดขอบบันเทิง

ช่างภาพเริ่มบ่นเพราะรอนานแล้ว “จะมาแน่เหรอ”
“ต้องมาซิ เขายังเรียนไม่จบนี่” กะเทยเผือกบอก
รถสปอร์ตคันเก๋ของโกศลแล่นเข้ามาพอดี
ลิซซี่ดีใจ จำได้ “นั่นไงรถ he เคยขับไปที่บ้านถ่ายละคร”
กะเทยจอมเผือกพูดพลางเดินออกไปโบกรถให้หยุด นางทำท่าแบบจราจรหญิง ตามมาห่างๆ ด้วยช่างภาพ
โกศลหยุดรถ เปิดกระจกมองฉงน
ลิซซี่รีบแถเดินเข้ามาหา “คุณพี่มาจากหนังสือพิมพ์ “ชิดขอบบันเทิง” ค่ะขอสัมภาษณ์คุณน้องหน่อยได้ไหมคะ”
โกศลปลื้ม แม้จะแปลกใจ “ได้ครับ เดี๋ยวให้โกจอดรถก่อน”
โกศลขับรถไปยังบริเวณที่จอดรถหน้าคณะ โดยมีลิซซี่ และช่างภาพเดินแกมวิ่งตามไป

โกศลเดินนำมายังโต๊ะหน้าตึกคณะ ซึ่งผู้ตามทั้ง 2 คน เหนื่อยหอบเพราะวิ่งตาม
“นั่งซิครับ ขอโทษด้วยที่โกลืมให้พี่นั่งรถมาด้วย พี่เลยต้องวิ่งไกลหน่อย”
ลิซซี่กระแทกเสียงใส่ “ยังดีที่อุตสาห์คิดได้ พี่มาสัมภาษณ์น้องเรื่องหอมน้ำ”
โกศลยิ้มปลื้ม “งั้นพี่สัมภาษณ์ถูกคนแล้ว โกสนิทกับหอมที่สุดในมหาลัย”
ลิซซี่ใช้มือถือบันทึกเสียงสัมภาษณ์ “สนิทแบบไหน”
“สนิทแบบ ถ้าเรียกว่าแฟนก็คงไม่ผิด” โกศลวางมาดหล่อ
“อ้าว ก็ไหนหอมน้ำเคยบอกว่าไม่มีแฟนไง”
“แหมพี่ หอมเขาเพิ่งเข้าวงการ...เขาไม่กล้าพูดความจริงหรอก แต่เราก็เข้าใจกันดี..ถ้าวันไหนเขาไม่มีถ่ายละครผมก็จะไปอยู่เป็นเพื่อนที่หอ” หนุ่มขี้หลีคุยโต
“ว้าย จริงเหรอ”
“พี่ไม่รู้อะไร”
ขณะที่ลิซซี่สัมภาษณ์ ช่างภาพก็ถ่ายรูปโกศลไป โดยโกคอยโพสท่าหล่อตลอดๆ
“พี่นึกว่าเขายังเวอร์จิ้นนะเนี่ย”
“ภาพที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิดเสมอไปหรอก”
ลิซซี่สีหน้าลังเล ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจพูด “คุณน้องโกขา เท่าที่คุณน้องโกสนิทสนมกลมเกลียวกันมานาน...เคยสังเกตไหมว่าหอมน้ำมีอะไรแปลกๆ”
โกศลหัวเราะระรื่น “พี่! คนอื่นอาจคิดว่าหอมแปลก แต่โกชินแล้วพี่ โกว่าไม่แปลกหรอก”
ลิซซี่มองโกศลเบิกตากว้าง ตื่นเต้นกับข้อมูลที่คิดเองเออเอง

พนักงานกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ชิดขอบบันเทิง ง่วนอยู่กับงานของตนในอิริยาบถต่างๆ
ส่วนภายในห้อง วดีดีดนิ้วอย่างพอใจ หลังฟังลิซซี่รายงานจบลง
“เยี่ยม แกรีบไปเขียนข่าวได้เลย”
“ยังมีอีกอย่างหนึ่งค่ะ”
“อะไร”
“เรื่องที่ลิซซี่เห็นนังหอมน้ำมันหมุนหัวได้ แล้วเสียงมันก็น่ากลั๊ว น่ากลัวขนพองสยองเกล้า”
“ไปสืบให้ดีๆ เถอะ ฉันว่ามันเล่นกล ผีที่ไหนมันจะหลอกคนกลางวันแสกๆ มโนมากไปมั้ง” วดีบอก
ลิซซี่ยังติดใจ “แต่แหม...”
“งั้นแกก็ลองเอาพระหรือสายสิญจน์ไปแตะมันดูซิ ง่ายนิดเดียว”
“บอกตามตรงนะคะ ลิซซี่ยังไม่อยากเข้าใกล้มันเลยค่ะ ยังสยองไม่หายภาพมันติดตา”
“ไป ไป! รีบไปเขียนข่าว”
ลิซซี่เดินออกไป วดีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.ออก

ค่ำนั้น ทีมงานกำลังขนของขึ้นรถซึ่งจอดอยู่หน้ารั้วบ้าน ทุกคนดูเหน็ดเหนื่อยด้วยตรากตรำกันมาทั้งวัน เขนสะพายกระเป๋าออกมาจากห้องแต่งตัว ตาม หอมน้ำกับทับทิม
โดยทับทิมมองไปยังรถทีมงาน “เราไปกับรถทีมงานไหม”
เขนส่ายหน้า “รถคงเต็ม”
เสียงโค้กดังขึ้น “หอม กลับยังไง”
ทั้งสามหันไปมอง เห็นโค้กรีบเดินตรงมา
สามสาวมองหน้ากันในลักษณะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“ไป เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
หอมน้ำอึกอัก “คือ...เอ้อ...”
โค้กมองหน้าหอมน้ำ แล้วเลยไปมองอีก สองสาวซึ่งมีท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนกัน
“เป็นอะไรกันหรือเปล่า”
สามสาวยิ้มแห้งๆ อุมาเดินเข้ามาพอดี
“โค้ก...คุณเจคเรียกแน่ะ”
โค้กหันมาสั่งสามสาว “อย่าเพิ่งไปไหนนะ เดี๋ยวพี่จะไปส่ง”
“อ๋อ! ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวอูม่าจัดรถไปส่งเอง เพราะไม่รู้ว่าโค้กจะเสร็จธุระเมื่อไหร่” อุมาบอก
“ดีค่ะ น้องหอมจะได้กลับไปพักผ่อน” ทับทิมรีบสนับสนุนทันที
“ก็ได้ พรุ่งนี้พบกันนะหอม” โค้กว่า
“ค่ะ”
เขนเหน็บ “จะพบแต่หอมคนเดียวหรือคะ พี่โค้ก”
โค้กมีสีหน้าขัดเขิน ขณะเดินออกไป
“ไปเร็ว พวกนั้นเขาล่วงหน้าไปกันแล้ว” อุมาบอก

สามสาวรีบเดินตามอุมาไป

บรรยากาศในร้านอาหารที่เจคจองเป็นห้องจัดเลี้ยงวันเกิดโค้กตอนนี้ คึกคักเต็มที่ บรรดาทีมงานกำลังเฮฮาลั้นลากันอย่างสนุกสนาน พิไลหันมาเห็นหอมน้ำ เขน ทับทิม และอุมา กำลังเดินเข้ามา จึงโบกไม้โบกมือเรียก

“สาวน้อย ทางนี้ค่ะ”
สามสาวเดินไปยังโต๊ะซึ่งมีพิไล ฟ้า ธุรกิจ ทีมงานอีกส่วนหนึ่งนั่งอยู่
“หิวมั้ย กินออเดิร์ฟกันไปก่อน” พิไลยกข้าวเกรียบและถั่วให้
“เมื่อกี้เกือบไม่รอด พี่โค้กแกจะพาหอมไปส่ง ดีที่คุณเจคให้อุมามาตามตัวไป”
ทั้งหมดคุยกันไป กินกันไปอย่างสนุกสนาน

ขณะเดียวกันศวัสเดินเข้ามาในบ้าน โดยมีเยาวภากำลังคุมให้แจ่มเก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน
“กลับกันไปหมดแล้วหรือ”
“ค่ะ”
แจ่มรีบรายงานต่อ “วันนี้วันเกิดพี่โค้กค่ะ พวกกองถ่ายเขาจัดเลี้ยงให้”
“แจ่ม” เยาวภาปราม
แจ่มหน้าจ๋อย ศวัสเดินขึ้นบันไดไป
เยาวภาดุแจ่มต่อ “ทีหน้าทีหลังไม่ต้องเสนอหน้ารายงานเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
แจ่มหน้าเจื่อนจ๋อยสนิท

ที่งานปาร์ตี้ ทุกคนกำลังเฮฮาสนุกสนานเต็มที่ เจคพาโค้กเดินเข้ามา ทุกคนลุกขึ้นและร้องเพลง Happy birthday ลั่น โค้กประหลาดใจในตอนแรกแล้วเปลี่ยนเป็นดีใจ และตื้นตันใจ
สีหน้าแต่ละคนยิ้มแย้มแจ่มใสขณะร้องเพลงจนกระทั่งจบ แล้วตบมือกราว
เจคส่งกล่องของขวัญซึ่งรูปร่างเป็นกล่องปากกาให้ “สุขสันต์วันเกิด”
โค้กไหว้ รับของขวัญมาด้วยความตื้นตัน “ขอบคุณมากครับ”
ฟ้าในนามทีมงานเดินมามอบกุหลาบช่อใหญ่ให้
“สุขสันต์วันเกิดจากพวกเราค่ะ”
“ขอบคุณมาก ผมลืมไปเลยว่าวันนี้วันเกิด ขอบคุณคุณเจค แล้วก็พวกเราทุกคน”
“ตามสบายทุกคน”
เจคและโค้กเดินไปที่โต๊ะหอมน้ำ ทุกคนสนุกสนานเฮฮา ดื่มกิน กันเต็มที่

ประตูห้องพุธกันยาเปิดออก ศวัสเดินเข้ามาปิดประตูลง แล้วเดินมาทรุดตัวลงนั่งหน้าโกศเก็บกระดูกแม่ ศวัสมองรูปแม่เหมือนจะตัดพ้อ ภาพเหตุการณ์ตอนหอมน้ำแกล้งไปทำฟัน ผุดเข้ามาในห้วงความคิด
“คุณแม่คุณหมอเล่าว่าเมื่อคืนคุณหมอค้นดูเน็ตเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณ หลังจากนั้นคุณหมอก็นั่งๆ นอนๆ คิดทบทวนเรื่องหมาหอนที่รถกับเรื่องเด็กร้องไห้ตกใจเหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ร้านไอศกรีม”
ภาพความคิดเลือนหายไป ศวัสมีดวงหน้าพิศวง
“หอมน้ำรู้ได้ยังไง หรือว่า เมื่อคืนคุณแม่มาอยู่กับผมจริงๆ”
พุธกันยาปรากฏตัวขึ้น และทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ลูก
“แม่อยู่กับลูกตลอดเวลา ไม่เคยทิ้งลูกไปไหนเลย แม่อยากจะมีส่วนร่วมอยู่ในแต่ละช่วงชีวิตของลูก ถึงแม้ลูกจะมองไม่เห็นแม่ก็ตาม”
ศวัสถอนใจยาว “ผมไม่รู้ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง”
“ความรักของแม่คือความจริง มันเกิดขึ้นตั้งแต่รู้ว่าแม่กำลังจะมีลูก และจะคงอยู่ตลอดไปถึงแม้ชีวิตจะดับสูญไปแล้ว”
ศวัสยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น โดยมีพุธกันยานั่งมองอยู่ใกล้ๆ เช่นเดิม

อีกฟาก ฟ้า และคัมภีร์ยกขนมเค้กเดินเข้ามาตั้งตรงกลางโต๊ะ ท่ามกลางทุกคนที่ยืนห้อมล้อม และร้องเพลงวันเกิดกันอีก โค้กก้มลงเป่าเทียน ทุกคนตบมือ ยิ้ม หัว เฮฮา แล้วตัดเค้กแบ่งกัน
เขนกระซิบกับหอมน้ำเบาๆ แล้ว 2 สาวก็เดินออกไปจากบริเวณนั้น เจคซึ่งลอบมองอยู่ เดินออกไปเนียนๆ โดยทุกคนไม่ทันสังเกต

เขนเข้าห้องน้ำไปแล้ว โดยมีหอมน้ำยืนรออยู่ เจคทำทีเป็นมาพบโดยบังเอิญ ขณะที่หอมน้ำปิดปากหาวพอดี
“อ้าว หอมน้ำ”
หอมน้ำหันมายิ้มเก้อๆ “คุณเจค”
“ง่วงหรือ”
“นิดหน่อยค่ะ หอมว่าจะชวนเขนแวบกลับไปก่อน”
“พี่กำลังจะกลับเหมือนกัน งั้นออกไปพร้อมกันเลย พี่จะแวะไปส่ง”
“อุ๊ย ไม่เป็นไรค่ะ”
“ดึกแล้ว เด็กผู้หญิงกลับกันตามลำพังไม่ปลอดภัย”
มีคนแอบถ่ายรูปเจคกับหอมน้ำ ในอิริยาบถสนิทชิดเชื้อ จนกระทั่งเขนออกมาจึงหยุด
เจคมองเขนกับหอมน้ำอย่างอารมณ์ดี “จะกลับหรือยัง”

เขนทำตาโตมองหอมน้ำ แล้วมองเจคงงๆ

ไม่นานนัก เจคขับรถมาจอดหน้าหอพัก โดยมีหอมน้ำนั่งหน้าคู่เจค สองสาวยกมือไหว้ ขยับจะลง

“ขอบคุณ คุณเจคมากค่ะ”
“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
สองสาวพนมมือค้าง ดูงงงัน
“เรื่องงาน” เจคบอก
“ได้ค่ะ”
เขนลงจากรถเงียบๆ เจคขับรถเลยไปจอดมุมหนึ่งใกล้เคียงกัน

เจคนั่งนิ่งครู่หนึ่ง แล้วเอนตัวพิงพนัก ดวงตายังคงมองไปข้างหน้า
เจคถอนใจยาว “เรื่องนี้มันคาใจพี่มาก”
หอมน้ำเบือนหน้ากลับ รู้ได้ทันทีว่าเจคกำลังจะพูดอะไร
“ตอบพี่มาตรงๆ ตอนที่หนูเข้าฉาก หนูรู้สึกตัวหรือเปล่า”
หอมน้ำอึ้ง นิ่งงันไป
เจคหันมามอง “ว่ายังไง”
หอมน้ำขยับตัว ท่าทีอึดอัด “เอ้อ”
เจคมองพลางขยับหันตัวเองมาช้าๆ “หนูไม่รู้สึกตัว ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่พี่คิดก็เป็นความจริง”
หอมน้ำยังคงนิ่ง เจคหันกลับไปทิ้งตัวพิงพนัก หลับตาลงด้วยความตื้นตันใจ และชูกำปั้นขึ้นทั้ง2ข้าง ก่อนจะลืมตาขึ้น นัยน์ตาเป็นประกาย
“ไม่นึกไม่ฝันเลย ในที่สุด...ในที่สุด”
หอมน้ำมองสีหน้าท่าทางตื่นเต้นดีใจของเจคอย่างประหลาดใจ
เจคหันมามองใหม่ “หอมน้ำ หนูคือสิ่งมหัศจรรย์ของอา หนูพาคนที่อารักที่สุดกลับมาหาอา”
ท่าทีเจคนั้นตื่นเต้นดีใจจนควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่เอื้อมมือมาจับมือหอมน้ำบีบเบาๆ นัยน์ตาปลาบปลื้มตื้นตันสุดขีด
“ขอบใจมาก”
หอมน้ำยิ้มแห้งๆ
เจคดึงมือกลับ “ขอถามให้ดีใจอีกอย่าง หนูเห็นกัลยา...เอ้อ...พุธกันยาด้วยใช่ไหม” เจคจ้องเขม็งสายตามองคาดคั้นขณะถาม
หอมน้ำก้มหน้าลง และพึมพำเบาๆ “ค่ะ”
เจคเต็มตื้น “เขา...เขาเป็นยังไงบ้าง”
หอมน้ำมองเจคสีหน้าพิศวง “คุณเจคเชื่อเรื่องนี้หรือคะ”
เจคบอกหนักแน่น จริงจัง “เชื่อสิ”
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครเชื่อหอมเลย”
เจคฉงน “หนูหมายถึง...”
“คุณลุงบุรีกับคุณหมอ...โดยเฉพาะคุณหมอ”
“ไหนลองเล่าให้อาฟังซิ”
หอมน้ำเริ่มเล่าด้วยความไว้วางใจ
ระหว่างนี้ มีคนแอบถ่ายภาพของหอมน้ำ และ เจค ที่พูดคุยกันด้วยท่าทีสนิทสนม

คฤหาสน์ทั้งหลังตกอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัด ในเวลาค่อนข้างดึก
ส่วนภายในห้องพุธกันยา ศวัสนอนหลับอยู่บนเตียงแม่ด้วยความง่วงงุน โดยมีพุธกันยานั่งอยู่ใกล้ๆ มองดูลูกด้วยความรักใคร่
ใบหน้าศวัสคล้ายกำลังด่ำดิ่งสู่ความหลังในอดีต

เด็กชายศวัสวัย 3 ขวบ กำลังนอนหลับบนเบาะที่อยู่บนเตียงอีกที พร้อมเสียงเพลง “กล่อม” จากพุธกันยาซึ่งร้องกล่อมลูกน้อยด้วยความรักทะนุถนอม
“ลูกเอ๋ย...นอนเถิดนอนเสียเจ้า...”

ในเสียงแว่วหวานนั้น ศวัสขยับตัว เปลือกตาขยับเหมือนเริ่มรู้สึกตัว
พอศวัสลืมตาขึ้น เสียงเพลงหยุดไปเฉยๆ ศวัสลุกขึ้นนั่ง ยกมือปิดหน้าตั้งสติ ก่อนจะมองไปโดยรอบเหมือนยังงงๆ โดยทุกอย่างอยู่ในสายตาพุธกันยาตลอดเวลา
สุดท้ายศวัสลุกขึ้น เดินออกไป พุธกันยามองตามด้วยสีหน้าตื้นตัน
“ลูกเริ่มรู้สึกแล้วใช่ไหม”

ทางฝ่ายเจคพยักหน้าช้าๆ ขณะมองหอมน้ำที่เล่าเรื่องจนจบ
“ขอบใจที่ไว้ใจเล่าให้พี่ฟัง”
“หอมก็ขอบคุณที่คุณเจคเชื่อหอมค่ะ
เจคพยักหน้าแล้วสตาร์ตรถ มีสายตาหอมน้ำมองตามจนรถลับตา แล้วหันตัวเดินเข้าอาคารหอพักไป

เขนซึ่งยืนรอหอมน้ำอยู่หน้าห้อง ยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อเพื่อนเดินตรงมา
“เป็นไงบ้าง”
“ไปเล่าข้างใน”
หอมน้ำเปิดประตูห้องเข้าไปกับเขน

ทางด้านเจคขับรถด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย และสบายใจเป็นอย่างยิ่ง
“กัลยา...ในที่สุดคุณก็กลับมาหาผม ครั้งนี้...ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไปเด็ดขาด”

สีหน้า และแววตาของเจคแน่วนิ่ง มั่นคงจนดูน่ากลัว

อ่านต่อหน้า 3

ใยกัลยา ตอนที่ 9 (ต่อ)

รอบนอกบริเวณหอพักนักศึกษาภายนอก ผู้คนเริ่มบางตา ส่วนภายในห้อง หอมน้ำเล่าเรื่องจบด้วยสีหน้าแววตามีความหวัง

“ต่อไปนี้หอมมีพยานแล้วละเขน ทั้งคุณลุงแล้วคุณหมอคงจะเชื่อหอม”
“โลกสวยอีกแล้ว อย่าลืมว่าคุณเจคเขาเป็นผู้ใหญ่พอๆ กับคุณลุงบุรี ชื่อเสียงเขาก็สั่งสมมานาน เขาคงจะยอมเป็นพยานยืนยันให้หอมหรอก”
หอมน้ำชะงัก สนใจฟัง
“ดีไม่ดี เขาจะเชื่อหอมจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”
หอมน้ำเบิกตากว้าง
“เขาอาจจะรับฟังหอมในฐานะผู้ใหญ่ที่ดี เพื่อให้หอมสบายใจ แล้วก็จะได้ยอมเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัด” สาวอวบตั้งข้อสังเกต
“คงไม่ละมั้ง ก็หอมบอกปฏิเสธเขาไปแล้ว”
“ไม่รู้เหมือนกัน เขนว่าหอมคงต้องรอดูต่อไป” สาวอวบหาวหวอดๆ “เขนกลับห้องละ”
เขนเดินไปที่ประตูแล้วนึกได้หันกลับมา
“อ้อ ลืมบอกไป วันนี้ตอนที่หอมเข้าฉาก เขนได้ยินพี่ฟ้ากับพี่อูม่าเขาคุยกันว่าคุณเจคเคยชอบคุณพุธ”
หอมน้ำสะดุ้ง “ฮ้า”
“หอมลองถามพ่อกับแม่ดูซิ แฟนคลับคุณพุธอาจจะรู้ดี”
หอมน้ำยังคงดูตกใจกับข่าวนั้น

ในบรรยากาศคึกคักสดใสของมหาวิทยาลัยยามเช้านี้ หอมน้ำ และเขน ในชุดนักศึกษา กำลังเดินตรงไปยังตึกคณะ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หอมน้ำหยิบมาดู แล้วหันมาบอกเขน
“พี่โค้กโทร.มา”
เขนพยักหน้ารับรู้ หอมน้ำเดินคุยโทรศัพท์ไปโดยเขนฟังเงียบๆ
“สวัสดีค่ะ พี่โค้ก”
โค้กโทร.มาจากออฟฟิศ “เมื่อคืนหอมกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ประมาณ 4 ทุ่มครึ่งค่ะ เห็นพี่โค้กกำลังสนุกเลยไม่ได้เข้าไปลาค่ะ”
โค้กเสียงขุ่น “ใครไปส่ง!”
“คุณเจคค่ะ พอดีคุณเจคกำลังจะกลับเหมือนกัน”
เสียงโค้กดังมาว่า “มิน่า”
“อะไรนะคะ”
“เปล่าค่ะ น้องหอมกำลังทำอะไรอยู่ พี่โทร.มารบกวนหรือเปล่าคะ”
“ไม่ค่ะ หอมกำลังจะไปพบอาจารย์ พี่โค้กล่ะคะ”
“พี่อยู่ออฟฟิศ จะมาเตรียมงานวันมะรืนนี้ พี่โทร.หาน้องหอมอีกได้ไหม”
“ได้ซิคะ ค่ะ...สวัสดีค่ะ” หอมน้ำเก็บโทรศัพท์
“อีตาพี่โค้กนี่ชอบหอมหรือเปล่า” เขนว่า
“ฮื้อ เขนละก็ เห็นใครพูดคุยกับหอมก็คิดว่าเขาชอบหอมไปหมด”
“ก็หอมน่ารักนี่” เขนหัวเราะคิก
สองสาวเดินคุยกันเข้ามหาวิทยาลัยไป

สองสาวหัวเราะหัวใคร่เม้าท์มอยอยู่ที่โต๊ะหน้าคณะแล้ว
เสียงโกศลดังเข้ามา “หอมน้ำจ๋า หอมน้ำ”
เขนเอือมระอา ถอนใจเฮือก แล้วหันไปมองพร้อมๆ กับหอมน้ำ โกศลถือหนังสือพิมพ์ชิดขอบบันเทิงเดินแกมวิ่งตรงมา
“หอมจ๋า”
“มาจ๊ะมาจ๋าอีกคนแล้ว” เขนเซ็ง
“อ่านหนังสือ ชิดขอบบังเทิง หรือยัง มีเรื่องของเราด้วย พาดหัวข่าวเลย” น้ำเสียงโกศลตื่นเต้นมาก
ขณะที่หอมน้ำยังงง เขนกระชากหนังสือจากโกศล แล้วเปิดอ่าน
“เปิดตัวคนรู้ใจหอมน้ำ…หา”
หอมน้ำตกใจ “ไหน”
หอมน้ำดึงหนังสือพิมพ์จากเขนมาดู
เห็นพาดหัวข่าว “เปิดตัวคนรู้ใจหอมน้ำ”
พาดหัวรอง “เผยคบกันมาตั้งแต่อยู่ปี2” แถมยังมีรูปโกศลวางมาดเท่ประกอบเรื่องราว
“ใครเป็นคนให้ข่าว” หอมน้ำหันขวับมาทางโกศล
โกศลบอกอย่างภาคภูมิใจ “โกเอง”
เขนโมโหยกกระเป๋าฟาดหัวโกศลทันที “นี่แน่ะโกเอง”
“โอ๊ย” โกศลยกมือกุมหัว
เขนไม่สะใจฟาดอีก “โอ๊ยเรอะ! นี่แนะโอ๊ย! โอ๊ย! โอ๊ย! โอ๊ย” โกศลร้องโอดโอย ขยับหลบไปมาแต่ไม่ทัน
หอมน้ำจับแขนเขนไว้ “พอแล้วเขน”
เขนหยุดฟาด “พอก็ได้ แต่ต้องขอเหยียบส่งท้าย”
เขนเหยียบลงไปใกล้จุดยุทธศาสตร์ โกศลร้องลั่น
“โอ๊ย! ช้างเหยียบ”
หอมน้ำทรุดตัวลงข้างๆ โกศล บอกเสียงเรียบ “ตั้งแต่เกิดมาหอมยังไม่เคยโกรธใครเลยนะ...โกเป็นคนแรก” หอมน้ำลุกขึ้น “ไป เขน”

สองสาวพากันเดินหนีไป ทิ้งโกศลให้นอนครวญคราง จุก เจ็บ ลุกไม่ขึ้นอยู่ตรงนั้น

อีกฟาก ศวัสวางหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษลง ขณะบุรีเดินเข้ามา แจ่มซึ่งกำลังจะพูดกับศวัสด้วยสีหน้าตื่นเต้นหยุดชะงัก

“เมื่อคืนคุณพ่อกลับดึก”
“ไปสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนจากเชียงใหม่”
ขณะ สองพ่อลูกคุยกันแจ่มเสิร์ฟอาหารเช้า รายงานข่าวรับอรุณทันที
“น้องหอมน้ำมีแฟนแล้วค่ะ”
ศวัสซึ่งกำลังตักข้าวต้มเข้าปากชะงักนิดๆ
“เราละมันสอดรู้สอดเห็น” บุรีเหน็บสาวใช้อย่างอารมณ์ดี
“เขาพาดหัวข่าวตัวโตเลยค่ะ” แจ่มเริงร่ารายงาน
ศวัสเสียงเข้ม “แจ่ม ไม่ใช่เรื่องของเรา”
แจ่มเสียงอ่อยๆ “ค่ะ”
“เรื่องแค่นี้ก็ต้องพาดหัวข่าวด้วย แต่พ่อก็นึกไม่ถึงเหมือนกันนะ ท่าทางหนูหอมน้ำเหมือนไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย ที่ไหนได้”
ศวัสบอกบิดาด้วยน้ำเสียงเยาะหยันว่า
“ผมเชื่อ ดูง่ายๆ จากเวลาเข้าฉากหนังก็รู้”

ขณะที่โค้กกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมงานในห้อง ฟ้าเดินเข้ามา พร้อมหนังสือพิมพ์ “ชิดขอบบันเทิง” ที่ขึ้นข่าวหอมน้ำกับโกศล
“พี่โค้ก”
โค้กเงยหน้ามอง
ฟ้ายื่นหนังสือพิมพ์ส่งให้ “เอ้า เอาไปอ่าน จะได้ประเทืองปัญญาขึ้นมาบ้าง”
ฟ้าเดินฉุนเฉียวออกไป โค้กมองตามงงๆ “อะไรอ่ะ”
เมื่อโค้กก้มลงมอง พอเห็นพาดหัวข่าวเขาต้องชะงัก หน้าเคร่งขึ้นมาทันที

ข่าวและภาพโกศลในหนังสือพิมพ์ ชิดขอบบันเทิง วางอยู่บนโต๊ะทำงาน เจคนั่งมองภาพนั้นนิ่งอยู่ด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด

หอมน้ำและเขนเดินลงมาจากตึกคณะตรงมายังโต๊ะนั่งประจำ โดยที่หอมน้ำมีสีหน้ากังวลไม่คลาย
“ทำยังไงดีเขน...หอมกลุ้มใจจัง”
“ไอ้โกมันบ้า หอม”
สองสาวเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะใต้ร่มไม้หน้าตึก
“เขนว่าหอมต้องระวังตัวให้มากๆ แล้วละ ยัยบก.ชิดขอบบันเทิงนี่น่ากลัวยิ่งกว่าคุณพุธอีก คุณพุธแกก็แค่วิญญาณดวงหนึ่ง ส่วนยัยวดีถึงจะเป็นมนุษย์ แต่จิตใจริษยาอาฆาตชอบใส่ร้ายป้ายสีใครก็ตามที่แกคิดว่าเป็นศัตรู”
“หอมแทบไม่รู้จักเขาเลย เคยเห็นหน้า เคยพูดด้วยไม่กี่ครั้ง”
“แต่หอมได้เล่นละครแทนหลานสาวของเขา”
“หอมจะไปอธิบายให้เขาฟังว่า หอมไม่ได้แย่งบทนั่นมาดีไหม”
“ไม่มีประโยชน์หรอก”
“แล้วหอมจะทำยังไง”
“ต้องปรึกษาคุณเจค” เขนออกไอเดียว
“อย่าเพิ่งเลย หอมยังไม่อยากรบกวนท่าน ก็อย่างที่เขนพูดตอนแรกเราต้องระวังตัวให้มากๆ”
เขนทำท่าจะพูดอะไร แต่แล้วก็นิ่งไป

ด้านวดีอยู่ในห้องทำงานที่ชิดขอบบันเทิง และกำลังเปิดซองจดหมายอีเอ็มเอสออก แล้วดึงภาพที่อยู่ข้างในออกมาดู ใบหน้าวดีบูดบึ้งขึ้นมาทันที
รูปในมือเป็นรูปแอบถ่ายหอมน้ำกับเจค ทั้งในรถเจคหน้าหอพัก และตอนเจคยืนคุยกับหอมน้ำตรงหน้าห้องน้ำร้านอาหารจัดวันเกิดโค้ก
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วดีดูหน้าจอ แล้วรับสาย
“ฟ้าส่งรูปพวกนี้มาใช่ไหม”
ฟ้ากำลังนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงในคอนโดอย่างสบายอารมณ์
“ใช่ค่ะ ฟ้าจะโทร.มาถามพอดีว่าคุณวดีได้รับหรือยัง”
“ขอบใจมาก เดี๋ยววันถ่ายละครจะให้ลิซซี่เอารางวัลไปให้”
“อุ๊ย ฟ้าไปรับเองดีกว่าค่ะ เดี๋ยวใครจะสงสัย เดี๋ยวนี้ที่กองถ่าย พวกสอดรู้สอดเห็นเต็มไปหมด เอ้อ...วันนี้ฟ้าว่าง ฟ้าไปพบคุณวดีเลยได้มั้ยค่ะ”
“ไม่ต้องมาที่นี่ ฉันจะให้ลิซซี่นัดกับเธอเองก็แล้วกัน”
ฟ้าบอกเสียงอ่อนเสียงหวาน “ได้ค่ะ ฟ้ากราบขอบพระคุณมากนะคะ”
“อย่าลืมข้อตกลงของเรา เธอต้องส่งข่าวให้หนังสือของฉันเพียงฉบับเดียว”
“ฟ้าไม่ลืมค่ะ”
วดีวางโทรศัพท์ลง แล้วกดเครื่องภายใน
“ลิซซี่ เข้ามาหาฉันหน่อย”
เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
ประตูเปิดออก ลิซซี่เดินเข้ามา
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว”
วดีส่งรูปให้
ลิซซี่รับมาดูแล้วตาโต “ว้าย น้องคนนี้เขาจะกินให้เกลี้ยงทั้งกองถ่ายเลยหรอคะ”
“ไปแต่งรูปให้มีแค่มันกับเจคเพียงสองคน แล้วเขียนให้แซบ”
“จัดให้เลยค่ะ” ลิซซี่ขยับจะเดินออกไป
“เดี๋ยว”
วดีเปิดกระเป๋าหยิบธนบัตรใบละ 1 พัน 10 ใบใส่ซองปิดผนึกแล้วส่งให้กะเทยเผือก
“เอาไปให้ฟ้า”
“ที่ไหนคะ”
“แกโทรศัพท์ไปนัดเขาเอง…ห้ามชักเปอร์เซ็นต์เด็ดขาด”
“อ๋อ! ไม่กล้าหรอกค่ะ”
ลิซซี่เดินออกไป วดีเอนหลังพิงเบาะ สีหน้าแววตาเคร่งเครียดน้ำเสียงเหยียดเยาะ

“ริอ่านจะกินเด็กเรอะ ง่ายไปหน่อยละมั้ง ฉันยังอยู่ทั้งคน”

ค่ำคืนนั้น เมื่อหอมน้ำเปิดประตูเข้ามาในห้อง แล้วสะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อเห็นพุธกันยานั่งรออยู่ หอมน้ำกำลังหงุดหงิดเรื่องข่าว

“คุณไม่ไปที่อื่นบ้างหรือคะ”
“ที่ไหนละ”
หอมน้ำทรุดตัวลงนั่ง
พุธกันยาพูดเสียงอ่อนลง “ฉันมาขอบใจเธอ”
“คุณขอบใจไปแล้วค่ะ”
“เมื่อคืน ฉันเข้าไปในความฝันของเขาได้ เพราะกำแพงที่เขาสร้างขึ้นค่อยๆ ทลายลง...ฉันร้องเพลงกล่อมเขา”
หอมน้ำโล่งใจ “งั้นก็แสดงว่า ภาระหน้าที่ของหอมจบแล้ว”
พุธกันยาส่ายหน้า “ยังไม่จบจนกว่าฉันซึ่งอยู่ในร่างเธอ จะสามารถสื่อสารกับเขาแล้วก็บุรีได้ ฉันมีอะไรจะบอกเขาหลายอย่าง”
“หอมยังมองไม่เห็นทาง”
“แต่ฉันเห็นแล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้น หอมน้ำ อีกนิดเดียวเท่านั้น เธอต้องเก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันบอกเธอไปเล่าให้เขาฟัง”
หอมน้ำถอนใจเฮือก
“ช่วยฉันให้ตลอดรอดฝั่งนะ หอมน้ำ”

เช้าวันนี้ ศวัสกำลังพักผ่อนเงียบๆ ในวันหยุดของเขา แจ่มเดินเข้ามา แล้วย่อตัวลงรายงานเรียบร้อย
“คุณหมอคะ”
ศวัสซึ่งกำลังฟังเพลงคลาสสิกเพลินๆ เบือนหน้ากลับมา
“น้องหอมมาขอพบค่ะ”
“แล้วทำไมไม่พาเข้ามาล่ะ”
แจ่มยิ้มแห้งๆ

หอมน้ำนั่งมองรูปถ่ายพุธกันยาซึ่งภาพมองตรงมา ราวกับจะให้กำลังใจ
เสียงศวัส ดังขึ้น “แม่ฉันบอกว่ายังไง”
หอมน้ำสะดุ้งเฮือก หันกลับมา และรีบยกมือไหว้
“ว่าไง คุณแม่ฉันพูดว่ายังไงบ้าง”
“ยังไม่ได้พูดค่ะ คุณหมอใจเย็นๆ ก่อน”
ศวัสกอดอกมองจ้อง “แล้วฉันใจร้อนตรงไหน”
หอมน้ำยิ้มแห้งๆ “นั่นซีคะ คือ...คุณพุธกันยา ไปหาหอมที่ห้อง เนี่ย หอมก็เพิ่งทราบนะคะว่าผี...เอ๊ย! วิญญาณสามารถปรากฏตัวได้ทุกเวลา อยู่ที่ว่าใครจะเห็นไม่เห็นเท่านั้น”
ศวัสหงุดหงิดใส่ “ไม่ต้องอารัมภบทยืดยาว”
“ค่ะ คุณพุธกันยา มาขอบใจหอมที่ช่วยพูดเรื่องของท่านให้คุณหมอฟัง ท่านบอกด้วยว่าตอนนี้คุณหมอเริ่มจะเชื่อแล้ว”
ขณะหอมน้ำพูด ศวัสก้าวเข้ามาทรุดตัวลงนั่ง หอมน้ำซึ่งยืนพูดอยู่เดินเข้ามานั่งตาม
“ท่านบอกว่า เมื่อคืน คุณหมอเข้าไปนอนหลับในห้องของท่าน”
ศวัสชะงัก
“แล้วก็ฝันถึงตอนเด็กๆ ที่ท่านเคยร้องเพลงกล่อม”
ศวัสขบกรามแน่น หอมน้ำยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“หอมพูดถูกใช่มั้ยล่ะคะ”
“แล้วที่ฉันฝากไปบอกล่ะ คุณ...พุธกันยา ของเธอพูดว่ายังไง” ศวัสบอกด้วยเสียงอันเย็นชา แถมยังไม่เรียกคุณแม่กับหอมน้ำด้วยทิฐิ
“เอ้อ...ยัง...ยังเลยค่ะ” หอมน้ำตอบไปอย่างนั้นเพราะตอนที่อยู่ในห้องตรวจ เธอไม่ทันเห็นพุธกันยา
“งั้นก็อย่าลืมถามด้วย”
หอมน้ำรับพาซื่อ “ค่ะ”
“ฉันเองก็มีเรื่องต้องอบรมเธอ”
หอมน้ำนิ่วหน้าฉงน “อบรม”
“รู้ละว่า วัยรุ่นสมัยนี้เขาเปิดเผยทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องรักเรื่องใคร่ แต่การที่จะออกมาให้ข่าวว่ารักกับคนโน้น คบกับคนนี้มันทุเรศ”
หอมน้ำสะดุ้งกับ คำอบรม ที่เหมือนด่ากันชัดๆ ของเขา
“โดยเฉพาะเราเป็นฝ่ายหญิง”
“แต่หอมไม่ใช่คนให้ข่าวนะคะ โก...”
ศวัสสวนออกมา “ถึงอย่างนั้นก็ควรจะเตือนแฟนของเธอ”
หอมน้ำปฏิเสธลั่น “โกไม่ใช่แฟนหอม เขนยังด่าแล้วก็ซ้อมมันด้วยค่ะ”
“ไม่ใช่แฟนแล้วทำไมเขาถึงกล้าให้สัมภาษณ์”
“โกชอบหอมค่ะ แต่หอมไม่ได้ชอบเขา”
สีหน้าศวัสดูปลอดโปล่งโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด
“นี่หอมจะปรึกษาคุณเจคเรื่องแก้ข่าวเหมือนกัน”
“ดี”
ทั้งสองนิ่งกันไปครู่หนึ่ง จนหอมน้ำตัดสินใจพูดทำลายความเงียบขึ้น
“หอมขออนุญาตเก็บดอกพุดซ้อนสักสองสามดอกได้ไหมคะจะเอาไปบูชาพระ”

พุธกันยาซึ่งนั่งทอดอารมณ์ดูดอกพุดซ้อนบานสะพรั่ง ขณะศวัสและหอมน้ำเดินเข้ามา โดยหอมน้ำพยายามเดินเยื้องไปทางข้างหลังหมอหนุ่ม ด้วยยังนึกเกรงๆ
พุธกันยาเลี่ยงไปอยู่ในมุมซึ่งหอมน้ำมองไม่เห็น เพื่อสังเกตท่าที่ของคนทั้งสอง
“ทำไมต้องเดินหลบๆ ข้างหลังฉัน”
หอมน้ำบอกด้วยสุ้มเสียงเกรงอกเกรงใจ “ก็...คุณหมอเป็นผู้ใหญ่”
ศวัสหยุดเดิน และหันมามอง “เธอจะบอกว่าฉันแก่”
“อุ๊ย” หอมน้ำตกใจ อ้าปากจะพูดต่อ แต่ศวัสขัดขึ้นอย่างรำคาญ “จะเก็บดอกไม้ก็เก็บไป”
“ค่ะ! ขอบคุณค่ะ”
หอมน้ำเดินไปที่ต้นพุดซ้อน พร้อมยกมือไหว้
“หอมขออนุญาตเก็บดอกไม้ 2-3 ดอกนะคะ”
ศวัสมองท่าทีนั้นเงียบๆ พลางเอ่ยขึ้น
“คุณพ่อบอกว่า คุณแม่ชอบดอกพุดซ้อน”
หอมน้ำหันกลับมาเมื่อเก็บได้แล้ว “ชื่อพุธกันยา...ก็พ้องเสียงกับพุดซ้อนด้วยค่ะ”
“แล้วชื่อเธอแปลว่าอะไร คุณพ่อคุณแม่ตั้งให้หรือมาเปลี่ยนทีหลัง”
“คุณพ่อคุณแม่เป็นคนตั้งให้ค่ะ “หอมน้ำ” เป็นอีกชื่อของ “ต้นพลับพลึงธาร” ค่ะ” หอมน้ำยิ้มสดใส
ศวัสทวนคำ “พลับพลึงธาร”
“ค่ะ คุณหมอเคยเห็นไหมคะ”
“ไม่”
“หอมก็ยังไม่เคยเห็นของจริงเหมือนกันค่ะ เคยเห็นแต่ในรูป แม่บอกว่าพลับพลึงธารโตในน้ำ ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เขาเลยเรียกกันว่าหอมน้ำค่ะ ต้นหอมน้ำหรือพลับพลึงธารนี่เป็นไม้หายาก แล้วก็น่าจะพบแต่ในประเทศไทยเท่านั้น”
ขณะหอมน้ำพูด ศวัสฟังอย่างสนใจ
“อยากเห็นแล้วใช่มั้ยล่ะคะ” เด็กสาวถามเสียงใสกระตือรือร้น
“เปล่า”
“อ้าว”
ศวัสเดินย้อนไป หอมน้ำรีบเดินตาม พุธกันยาก้าวออกมา มองตามสองคนไป

“เข้าใจเล่านะ หอมน้ำ”

ขณะเดินออกมาส่ง ศวัสเดินอ้อมมาด้านหน้า หอมน้ำไหว้ลา

“ขอบคุณค่ะ ที่กรุณาฟังหอมเรื่องคุณแม่ของคุณ”
“แล้วจะกลับยังไง”
“นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างออกไปขึ้นรถเมล์ข้างนอกค่ะ”
“ฉันจะไปส่ง”
หอมน้ำรีบปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ หอมกลับได้”
“รู้ว่ากลับได้ แต่ฉันจะไปส่ง”
หอมอึ้งไป
“หรือว่ามีนัด”
“ไม่มีค่ะ”
“งั้นรอเดี๋ยว ฉันไปเอากุญแจรถก่อน”
ศวัสเดินเข้าไปในบ้าน โดยมีหอมยืนมองตามงงๆ อยู่
พุธกันยาเอ่ยขึ้น “ดอกพลับพลึงธาร”
หอมน้ำสะดุ้ง หันขวับไปมอง
“เล่าเรื่องได้น่าสนใจนี่”
“เล่าตามแม่อีกทีน่ะค่ะ หอมขออนุญาตเก็บดอกพุดซ้อน”
“เธอจะพาลูกฉันไปไหน”
“คุณหมอจะพาหอมไปค่ะ…ไม่ใช่หอมพาคุณหมอไป”
พุธกันยานึกได้ ปรับท่าทีให้อ่อนลง “ขอโทษจ้ะ ฉันพูดผิดไป แน่ะ ศวัสมาแล้ว”
หอมน้ำหันไปมองศวัสซึ่งกำลังเดินตรงมา
“ไปเที่ยวกันให้สนุกเถอะ ฉันไม่ตามไปขัดคอหรอก” พุธกันยาพูดยั่วล้อ
ศวัสมองหน้าหอมน้ำซึ่งเหมือนอยากจะพูดตอบพุธกันยา “มีอะไร หรือว่าคุณแม่ของฉัน”
แต่หอมน้ำกลับตัดบทว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
ศวัสหอมเดินออกไป พุธกันยามองตาม สีหน้าล้อเลียนอารมณ์ดีเมื่อสักครู่ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

ศวัสขับรถมาเรื่อยๆ ตามท้องถนน หอมน้ำนั่งเบียดประตูเช่นเคย ผู้ขับปรายตามองแวบหนึ่ง
“ทำไมต้องนั่งเบียดประตูอย่างนั้น เบาะตั้งกว้าง”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ศวัสพาลโดยไม่รู้ตัว “หรือว่าชินกับนั่งรถสปอร์ต”
“หอมไม่มีรถสปอร์ต”
“ก็รถเพื่อนเธอไง”
หอมน้ำนิ่งคิดครู่หนึ่ง “อ๋อ คุณหมอคงหมายถึงรถโก”
ศวัสไม่ตอบ
“หอมเคยนั่งแค่ 2-3 ครั้งเองค่ะ”
ศวัสหน้าขรึมลงไปอีก
หอมน้ำเปิดกระเป๋า หยิบโทรศัพท์ ศวัสปรายตามองแวบหนึ่ง
“หอมขออนุญาตโทร.บอกเขนก่อนนะคะ เดี๋ยวเขนจะเป็นห่วง”
ศวัสพยักหน้า หอมน้ำโทรศัพท์หาเพื่อนเลิฟ
ศวัสปรายตามองหอมน้ำอย่างแคลงใจครู่หนึ่ง “จะไปไหนมาไหนต้องรายงานเพื่อนคนนี้เสมอหรือ”
หอมน้ำยิ้มสดใส “ทุกครั้งเลยค่ะ เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ป.6 เข้ามาเรียนกรุงเทพฯพร้อมกัน”
“อายุเท่าไหร่”
“ใครคะ”
ศวัสเริ่มรำคาญ “ก็ฉันกำลังพูดอยู่กับใครล่ะ”
“อ๋อ หอมอายุ 20 อย่าง 21 แล้วค่ะ”
“นึกว่าอายุ 16” น้ำเสียงเขาประชดในที
หอมน้ำยังไม่รู้ตัว “หอมหน้าเด็กใช่ไหมคะ ใครๆ ก็ว่าอย่างนั้น”
“ไม่ใช่หน้า แต่เป็นวุฒิภาวะ”
หอมน้ำเม้มปาก “ว่ามาตรงๆ ก็ได้ค่ะว่า หอมปัญญาอ่อน”
ศวัสปรายตามองสีหน้าบึ้งตึง คางเชิด ปากเม้มเป็นเส้นตรง อย่างเด็กเจ้าอารมณ์ แล้วเผลอยิ้มขบขัน
หอมน้ำตวัดสายตามองมา ศวัสรีบเบือนหน้ากลับ และเคร่งขรึมอย่างเดิมทันที
ทั้งสองนั่งกันเงียบๆ

เช้าวันถัดมา อุมาเปิดหนังสือพิมพ์ “ชิดขอบบันเทิง” เล่มใหม่ อ่านข่าวอักษรย่อล่อแหลม เสียงดังลั่นโดยคนอื่นๆ ยืนล้อมวงฟัง ในขณะที่ฟ้าทำหน้าตาย ฟังอยู่
“สมภารกินไก่วัด เพราะเกิดอารมณ์เปลี่ยว...เอ๊ย! เกิดอารมณ์เหงาหลังเมียตาย หรือยังไงไม่ทราบ ผู้กำกับหนุ่มใหญ่เลยแปลงร่างเป็นสมภารงาบไก่รุ่นลูกในกองถ่าย แถมงานนี้แหล่งข่าวยังแจ้งด้วยว่าน้องกุ๊กไก่ออกท่าสมยอมถึงขนาดให้สมภารพาไปส่งบ้านยามดึกสงัด...อุ๊ย! อย่างนี้จะเรียกว่าตัณหากลับหรือจะบอกว่าเด็กมันยั่วเลยหลวมตัวไปหน่อยดีน้า”
น้อยธุรกิจร้อง “เฮ้ย”
“มีรูปด้วย” อุมาบอก
“ไหน” ทับทิมมองหา
อุมาวางให้ดู ที่หนังสือพิมพ์คอลัมน์นั้น มีภาพประกอบเจคกำลังเปิดประตูรถให้หอมอย่างสนิทสนม
ช่างผมจำได้ “นี่มันงานเลี้ยงวันเกิดพี่โค้กนี่ เห็นพี่โค้กถามอยู่ว่าน้องหอม น้องเขนหายไปไหน ที่แท้ก็ไปกับ BOSS นี่เอง”
“ทำไมในรูปไม่มีน้องเขน ก็น้องเขนบอกฉันว่าเขากลับไปด้วยกัน...BOSSไปส่ง” ทับทิมตั้งข้อสังเกต
ช่างหน้าอีกคนบอก “ต้องดูในรูปจริง”
ตลอดเวลา ฟ้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“งานนี้ทับว่า เกลือเป็นหนอน” ทับทิมว่า
น้อย ธุรกิจหันมาทางฟ้า “ไงฟ้า ไม่ออกความเห็นบ้างเหรอ”
“NO comment เรื่องของเจ้านาย...อี้อ้า” หล่อนหมายถึงขี้ข้า “ไม่เกี่ยว”
ขณะที่ทุกคนพูดกัน หอมน้ำ กับเขน เดินคุยกันเข้ามาด้วยสีหน้าแจ่มใส
“ชุมนุมอะไรกันคะ” เขนร้องถาม
ทุกคนหันมามอง สายตาจ้องที่หอมน้ำดูมีแววลับลมคมในประหลาด คนที่กำลังคุยกันต่างหยุดกันหมด
ทับทิมรู้สึกตัว รีบกระตุกหนังสือพิมพ์จากอุมาไปไว้ข้างหลัง
หอมและเขนน้ำมองตามทันที แล้วเลื่อนขึ้นมองหน้าด้วยแววตาสังหรณ์
“มีอะไรหรือคะ”
ฟ้ามองด้วยแววตาเยาะเย้ยสะใจ ขณะที่คนอื่นๆ มีพิรุธตามจริตใครมัน
เขนจ้องคอสตูมสาวเขม็ง “พี่ทับ”
ทับทิมอึกอักพิรุธล้น เขนเดินมาดึงหนังสือพิมพ์จากทับทิม ทับทับจะคว้ากลับแต่ไม่ทัน เขนกางหนังสือพิมพ์อ่านกับหอมน้ำ

เขนตกใจมาก ขณะที่หอมหน้าซีดเผือด

อ่านต่อหน้า 4

ใยกัลยา ตอนที่ 9 (ต่อ)

ดอกพุดซ้อนตรงซุ้มหลังบ้านบานสะพรั่ง เขนโอบไหล่ปลอบหอมน้ำอยู่บนเก้าอี้ยาวในนั้น พุธกันยายืนหลบมุมมองมาอย่างครุ่นคิด โดยที่สองสาวไม่ทันรู้ตัว

“Let it be ช่างมันเถอะหอม ไอ้พวกที่ปากสักแต่ว่าเขียน แกไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักหน่อย”
หอมน้ำปาดน้ำตา “แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า หอมเป็นยังไง หลายครั้งแล้วนะที่หนังสือฉบับนี้ลงข่าวใส่ร้ายหอม หอมไปทำอะไรให้! ทุกอย่างคุณเจคเป็นคนตัดสินใจ แล้วเขาก็ต้องมาพลอยเสียชื่อไปด้วย”
“ห่วงตัวเองเถอะว่ะหอม ตัวเองยังจะเอาไม่รอด”
หอมน้ำยังคร่ำครวญต่อ “คุณเจคแค่เปลี่ยนตัวคุณเอิงเพราะไม่รับผิดชอบ...แต่เขากลับใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงหอม ยังกับหอมไปฆ่าญาติเขาตายแน่ะ”
เสียงทับทิมดังเข้ามา “มาอยู่กันที่นี่กันเอง”
สองสาวหันมามอง
หอมย้ำเสียขวัญแล้วน้ำตาปริ่มอีก “พี่ทับ...”
“ไม่ต้องร้องไห้ค่ะ น้องหอม! อย่าไปเสียน้ำตาให้กับคนใจร้ายพวกนั้น มันจงใจจะแกล้งเรา! มันอยากเห็นเราร้องไห้คร่ำครวญเพื่อจะได้เยาะเย้ยเพราะฉะนั้นอย่าให้มันเห็นน้ำตาเด็ดขาด น้องหอมต้องเชิดหน้าสู้ ชูสองนิ้ว! เอาให้มันผิดหวังเคียดแค้นจนจะอกแตกตาย! เกลียดนักเชียวไอ้พวกใส่ร้ายป้ายสี เจ้าประคู้ณ ขอให้เวรกรรมตามสนองพวกมันให้ต้องล่มจมพินาศย่อยยับหาความสุขความเจริญไม่ได้ จะทำอะไรก็ขอให้เจ๊ง! เจ๊ง
สองคนพูดพร้อมกัน “สาธุ”
“ยังค่ะ พี่ทับยังแช่งไม่จบ”
“มันต้องจุดธูป เผาพริกเผาเกลือแช่งด้วย” พุธกันยาเอ่ยขึ้น
หอมน้ำมีไอเย็นลอยออกทางลมหายใจ ได้ยิน และเห็นคนเดียว ชะงักหันขวับไปมอง ทำให้สองสาวหันไปมองตาม แต่ไม่เห็นอะไร
แต่เขนรู้ทันที “คุณพุธเหรอ”
หอมน้ำพยักหน้า
พุธกันยาบอกต่อ “นังสุรีย์นี่มันจิตใจร้ายกาจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว! หน้าด้านอีกต่างหาก เธอต้องสู้...เข้าใจไหมว่าเธอต้องสู้ อย่าลงเอยเหมือนฉัน เพราะจะทำให้มันได้ใจ”
ทับทิมเริ่มรู้แล้วกระซิบถามหอมน้ำ “ท่านว่ายังไงคะ...น้องหอม”
“ไปแต่งหน้าแต่งเนื้อแต่งตัวเตรียมเข้าฉากได้แล้ว อย่าให้ใครหน้าไหนว่าเธออ่อนแอยอมแพ้เด็ดขาด! เข้มแข็งเข้าไว้” พุธกันยาให้กำลังใจ
หอมน้ำสูดลมหายใจยาว เช็ดน้ำตา สีหน้าดีขึ้น

วดีอยู่ที่คอนโดหรู กำลังบรรจงแต่งหน้า ทาปากด้วยท่าทางสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับฮัมเพลงเบาๆ
โทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น วดีหยิบมาดูพลางขมวดคิ้ว
“เบอร์ใคร!” แต่ก็รับ “ฮัลโหล”
เสียงพุธกันยาดังออกมาว่า “สวัสดี...สุรีย์ ช้อยนิ่ม”
วดีนิ่วหน้า “ใครน่ะ”
เป็นหอมน้ำที่ยืนคุยสายอยู่มุมตึกทางด้านหลังของบ้าน พูดออกมาด้วยเสียงพุธกันยา
“ฉันพุธกันยา ปานรัมภา จำได้ไหม”
“บ้า” วดีด่า
เสียงพุธกันยาหัวเราะเยือกเย็น “แกจำเสียงฉันไม่ได้หรือ”
“แก...แก ตายไปแล้ว”
“ตายแล้ว แต่วิญญาณยังอยู่” สีหน้าหอมน้ำเย็นเยือก “แกเองก็รู้นี่ เขาปิดกันให้แซด หนังสือของแกยังลงข่าววิญญาณฉันอาละวาด!
วดีกลืนน้ำลาย
เสียงพุธกันยาดังลอดออกมา “ฉันโทร.มาเตือนแก แกต้องเลิกใส่ร้ายป้ายสีหอมน้ำเสียที”
วดีระเบิดเสียงหัวเราะอย่างโล่งใจ “นังเด็กนั่นให้แกโทร.มาละซิ ดัดสุ้มดัดเสียงเหมือนเลย ฉันจะทำลายชื่อเสียงมันให้หนักกว่าเดิมอีก”
“แกเคยเล่าให้ฉันฟังว่า เคยถูกพ่อเลี้ยงลวนลามสมัยวัยรุ่น”
วดีเบิกตากว้าง
“จำเอาไว้ อย่าให้ร้ายหอมน้ำ และไปวุ่นวายกับคนในกองถ่ายอีก”
วดีเริ่มโกรธ “ฉันจะฆ่าแก”
“แกฆ่าฉันไปครั้งหนึ่งแล้ว แกไม่มีวันฆ่าฉันได้อีก และงานนี้ถ้าจะต้องมีใครตายสักคน ฉันคิดว่าคงเป็นแกแล้วละ นังสุรีย์ ช้อยนิ่ม”
เสียงหัวเราะเยือกเย็นดังกึกก้อง แล้วโทรศัพท์ถูกตัดไป

วดีนั่งนิ่งขึงตะลึงตะไลคาที่

ด้านโค้กกำลังนั่งซึมอยู่คนเดียวตรงริมบึงน้ำหลังบ้าน ฟ้าซึ่งเดินชะเง้อมองหารีบเดินตรงมาทันที

“พี่โค้ก”
โค้กหันมามอง แล้วเบือนหน้ากลับไป
“มาอยู่ที่นี่เอง ขอนั่งด้วยคนได้มั้ย” ฟ้าลงนั่งโดยโค้กไม่ได้พูดอะไร “เห็นข่าวแล้วละซีถึงได้มานั่งซึมอยู่คนเดียว”
โค้กยังคงนั่งนิ่ง ฟ้ายกมือมาวางบนแขนโค้ก อย่างเห็นอกเห็นใจ ปลอบด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน
“ฟ้าเข้าใจ แล้วก็เห็นใจพี่โค้กมาก ยิ่งเมื่อคืนวันนั้น ฟ้าเห็นพี่โค้กตามหาน้องน้ำ ฟ้ายิ่งเห็นใจ เฮ้อ...ระหว่างเจ้าของบริษัทกับผู้จัดการกองถ่าย เขาก็ต้องเลือกเจ้าของบริษัทอยู่แล้ว ถึงจะแก่คราวลุงคราวพ่อก็เถอะ”
โค้กแค้นขบกราบแน่น
“ฟ้าน่ะสังเกตมาตั้งนานแล้ว นกเค้าเคยเล่าให้ฟังว่า หอมน้ำแอบไปหาคุณเจคที่ออฟฟิศ โดยแกล้งทำเป็นลืมโน่นลืมนี่ไว้บ้าง ใครจะได้ไม่สงสัย”
“พี่มันโง่เอง”
“พี่ไม่ได้โง่หรอกค่ะ ความรักเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ แล้วความโลภอยากได้อยากมีก็เป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้เช่นกัน เท่าที่รู้ หอมน้ำก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร...คุณเจคน่ะทั้งรวยทั้งมีชื่อเสียง”
น้ำเสียงโค้กเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “พอได้แล้ว”

ฟ้านิ่งมองตามโค้กที่ลุกเดินหุนหันออกไป พลางคลี่ยิ้มเยาะอย่างสะใจออกมา

เจคกำลังนั่งเตรียมงานอยู่ หอมน้ำเดินผ่านมา แล้วหันหลังกลับจะเดินออกไป

“กัลยา”
หอมน้ำหยุดชะงัก เจคลุกขึ้นแล้วเดินมาหยุดตรงหน้า
“กัลยา ผมรู้มาตลอดว่าต้องเป็นคุณ”
หอมน้ำตีหน้าซื่อ “กัลยาไหนคะ...นี่หอมน้ำค่ะ”
เจครวบมือทั้งสองของหอมไว้ สะดุ้งนิดหนึ่งเพราะความเย็นของเนื้อแขน “ผมดีใจเหลือเกินที่ได้พบกับคุณอีก!รู้หรือเปล่าว่าตอนคุณ...ตาย ผมแทบเป็นบ้า ไม่ได้กินไม่ได้นอน”
“คุณเจคพูดเรื่องอะไร หอมไม่รู้เรื่อง”
หอมน้ำพูดพลางพยายามดึงมือออก แต่เจคไม่ยอมปล่อย
“มือคุณเย็นเหลือเกิน แต่นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าคุณอยู่ในร่างหอมน้ำอย่าปฏิเสธผมอีกเลย หอมน้ำเล่าให้ผมฟังหมดแล้ว”
หอมน้ำดึงมือออกจนได้ “กรุณาระวังตัวหน่อยค่ะ หนังสือของนังวดีเพิ่งลงใส่ร้ายหอมเมื่อเช้า”
เจคยิ้มทวนชื่อ “นังวดี...คุณรู้จักเขา”
“ขอโทษค่ะ หอมโกรธที่เขาลงข่าวใส่ร้ายหอม ก็เลยเผลอเรียกเขาว่า นัง หอมต้องขอโทษด้วยที่พูดไม่สุภาพ” หอมน้ำไหว้
“อย่าปฏิเสธเลย...หอมน้ำ”
“เสียใจจริงๆค่ะ...ถ้าหอมพูดหรือทำอะไรให้คุณเจคเข้าใจผิด...หอมก็ต้องกราบขอโทษด้วย”
หอมไหว้อีกครั้ง แล้วรีบก้าวเดินออกไป

เจคมองตามาด้วยสีหน้าแน่วนิ่ง “ผมต้องทำให้คุณยอมรับให้ได้”

ที่แผนกทันตกรรมของโรงพยาบาล ศวัสกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องพักแพทย์ เตรียมตรวจรอบบ่าย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ศวัสหยิบขึ้นมาดู เขาถอนใจนิดๆ แต่ก็ตัดสินใจรับ

“สวัสดีครับ คุณเอิง”
เอิงอยู่ในบิกินี่สีสด หัวเราะคิกอย่างปลาบปลื้ม และยักคิ้วกับลิซซี่ที่อยู่ด้วย บนตักมีหนังสือพิมพ์ “ชิดขอบบันเทิง” เล่มล่าสุด ทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวริมสระ คอนโดวดี
“สวัสดีค่ะ พี่หมอขา”
“คุณเองมีอะไรหรือครับ”
“พี่หมอเห็นข่าวหน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์ชิดขอบบันเทิงเมื่อเช้าหรือยังคะ”
“ผมไม่ค่อยอ่านหนังสือบันเทิงครับ”
“แต่มีข่าวคนรู้จักของพี่หมอด้วยนะคะ หอมน้ำไง”
ศวัสเงียบไป
“ยังฟังน้องเอิงอยู่หรือเปล่าคะ พี่หมอขา ถ้ายังไม่ได้อ่าน น้องเอิงจะอ่านให้ฟัง สมภารกินไก่วัด เพราะ...”
ศวัสขัดขึ้นทันที “ขอโทษครับ ผมต้องทำงาน”
ศวัสปิดโทรศัพท์ สีหน้าเคร่งขรึม
เอิงค้อนควักใส่โทรศัพท์อย่างขัดใจ “ยังไงฉันก็ต้องให้รู้จนได้ พี่ลิซซี่”
“เจ้าขา”
“จัดไป” เอิงส่งหนังสือพิมพ์ให้
“เต็มที่เลยค่ะ คุณน้อง” กะเทยเผือกยิ้ม รับหนังสือมา แล้วเดินออกไป
เอิงเอนหลังพิงพนัก ยิ้มอย่างมาดหมาย

อีกฟากทีมงาน ถ่ายทำหนังกันมาได้สักพักใหญ่ หอมน้ำซึ่งยังอยู่ในชุดที่เข้าฉาก และเพิ่งถ่ายเสร็จ หน้าตายังแต่งเข้ม เดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หอมน้ำยืนกอดอก มองไปที่กอพุดซ้อน พลางเม้มปาก สีหน้าครุ่นคิดหนัก
เสียงประชดประชันของโค้กดังเข้ามา “อ้อ มายืนฝันหวานอยู่นี่เอง”
หอมน้ำยังยืนนิ่งเห็นแต่ด้านหลัง ขณะที่โค้กเดินเข้ามาอีก 2-3 ก้าว ปากเหน็บแนมต่อด้วยความหึงหวง
“สาวๆ สมัยนี้เขาไม่ถือหรอกว่าผู้ชายจะแก่คราวลุงคราวพ่อ ขอให้ร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีเป็นพอ”
หอมน้ำค่อยๆ หันกลับมาช้าๆ โค้กถึงกับผงะ ด้วยใบหน้าหอมน้ำบูดบึ้ง นัยน์ตาไร้แววอย่างน่ากลัว
โค้กเพ่งมอง นัยน์ตาคู่นั้นกลับมีแววเป็นปกติตามเดิม แต่แววตาดูเยือกเย็นชวนขนหัวลุก
โค้กพึมพำเบาๆ “หอมน้ำ”
“ไม่รู้อะไรแล้วอย่าพูด”
หอมน้ำเดินราวกับลอยผ่านหน้าโค้กกลับเข้าไป โค้กยังคงยืนนิ่ง
คัมภีร์กำลังเดินตรงมาทางนี้พอดี
“น้องหอม คุณเจคให้มาตามไปเข้าฉากแล้วครับ”
หอมน้ำเดินเลยไป โดยไม่ตอบรับใดๆ
คัมภีร์มองตามงงๆ “วันนี้มาแปลก”

โค้กทรุดตัวลงนั่งตรงซุ้มพุดซ้อน ด้วยสีหน้าท่าทางยังงงๆ ภาพตอนหอมน้ำหันกลับมา แต่นัยน์ตาไร้แวว ผุดซ้อนเข้ามาในห้วงความคิด
โค้กสะบัดหน้าดึงตัวเองกลับมา
แต่นึกถึงภาพหอมน้ำกลับมาเป็นปกติ แต่แววตาดูเยือกเย็นจนน่ากลัว
โค้กจูนขมับตัวเอง
“สงสัยจะตาฝาด หมู่นี้ฟังแต่เรื่องผีพุธกันยาสิงคนโน้น สิงคนนี้”

ศวัสเลิกงานตอนกลางคืน เขาเดินตรงมายังบริเวณที่จอดรถ แล้วต้องชะงัก เมื่อพบว่ามีหนังสือพิมพ์ ชิดขอบบันเทิง ม้วนเสียบอยู่กับที่ปัดน้ำฝน
ศวัสหยิบมาเปิดพอเห็นหัวหนังสือพิมพ์ชิดขอบบันเทิง ก็ทำท่าจะไปทิ้งขยะด้วยความหัวเสีย แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจเดินเข้าไปนั่งในรถ และเปิดอ่าน
เป็นภาพแอบถ่ายหอมน้ำกับเจค และข้อความกำกวมชวนให้คิดในทางเสียหายระหว่างสองคน
ศวัสเหวี่ยงหนังสือไปที่เบาะหลังอย่างหงุดหงิด แล้วขับออกไป

บริเวณถนนหน้าบ้านศวัส มีรถดาราที่ยังถ่ายหนังไม่เสร็จจอดเรียงกันอยู่
ศวัสขับรถเข้ามา ศวัสนิ่วหน้า และมองนาฬิกา
“เพิ่งจะ 2 ทุ่ม! กลับมาเร็วไปหน่อย”
ศวัสขยับจะถอยหลังย้อนรถกลับ แต่สายตาแลเลยไปพบร่างๆ หนึ่ง นั่งกอดเข่าพิงกำแพงบ้านอยู่ด้วยแสงไฟจากหน้ารถสาดไปถึงพอดี ใครคนนั้นยกมือขึ้นปิดหน้ากันแสงไฟ
ศวัสเลื่อนรถเข้าไปจอดมุมหนึ่ง แล้วก้าวลงมา
เห็นหอมน้ำกำลังจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“หอมน้ำ”
หอมน้ำหันกลับมา ยิ้มกว้างอย่างยินดี
“คุณหมอกลับมาแล้วหรือคะ”
“ถ้าไม่กลับแล้วจะมายืนอยู่นี่ได้ยังไง ถามแปลก” ศวัสเสียงขุ่น สีหน้าเรียบเฉย
หอมน้ำทำหน้าเจื่อนๆ
“เชิญทางนี้หน่อย”
ศวัสพูดพลางหันหลังออกเดินนำไปเหมือนแน่ใจว่าถึงอย่างไรหอมน้ำก็ต้องตามไป ซึ่งหอมน้ำก็ตามไปจริงๆ
ศวัสเดินนำมาจนถึงรถที่จอดแอบไว้ และหันมาเปิดประตูรถให้
หอมน้ำซึ่งเดินเร่งฝีเท้าตามมา ก้าวขึ้นรถ พูดเบาๆ “ขอบคุณค่ะ”
ศวัสอ้อมไปที่ด้านคนขับ และก้าวขึ้นไป

รถจอดนิ่งนาน จนหอมน้ำมองศวัสด้วยสีหน้าแปลกใจ เมื่อเห็นหมอฟันทันตแพทย์ขี้เก๊กไม่มีท่าทีจะขับออกไป
“ไม่ไปไหนหรือคะ”
ทั้งสีหน้า และน้ำเสียงศวัสเย็นชา “จะให้พาไปไหนล่ะ ฉันไม่ถนัดจะพาพวกเด็กใจแตกไปไหนเสียด้วย”
หอมน้ำตกใจจู่ๆ ถูกด่าอย่างรุนแรง “คุณหมอ”
ศวัสเยาะหยัน “เธอทำหน้าทำท่าทำทางตกใจได้เหมือนมาก สมกับเป็นเด็กปั้นของคุณเจค”
หอมน้ำก้มหน้าลงมองมือตัวเอง
ศวัสเอื้อมมือไปหยิบหนังสือพิมพ์ “ชิดขอบบันเทิง” มาโยนลงบนตักหอมน้ำ จนเธอตกใจเงยหน้ามองศวัส อ้าปากจะปฏิเสธ
“จะบอกว่ามันไม่จริงใช่ไหม”
หอมน้ำบอกด้วยท่าทีกระตือรือร้น “ใช่ค่ะ! มันไม่จริง”
“แล้วรูปนี้มาจากไหน”
“ก็มาจากงานเลี้ยงวันเกิดพี่โค้กนั่นแหละค่ะ หอมกับเขนกำลังจะกลับบ้าน คุณเจคบอกว่าจะไปส่ง รูปนี้ที่จริงมีเขนอยู่ด้วย แต่เขาเอาไปตัดต่อใหม่ ถ้าย้อนกลับไปได้ หอมจะไม่รับเล่นละครเรื่องนี้”
“แล้วย้อนกลับไปได้หรือเปล่าล่ะ”
“ไม่ได้ค่ะ”
“ความจริง เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันหรอก เธอเองก็ไม่ใช่น้องใช่นุ่งของฉัน แต่มัน...รำคาญ เข้าใจมั้ยว่ารำคาญ”
หอมน้ำมองสีหน้าท่าทางนั้นงงๆ
“ฉันไม่แน่ใจว่า ไอ้หน้าซื่อตาใสๆของเธอน่ะมันซื่อใสจริง หรือว่าแค่เฟค”
“ไม่เป็นไรค่ะ” หอมน้ำเพียงพึมพำในลำคอ
ศวัสฉุนกึกหันขวับมามองทันที “ไอ้ที่ว่าไม่เป็นไรน่ะมันอะไร”
“ก็...ก็ที่คุณหมอฟันทันตแพทย์ บอกว่ารำคาญหอม...แล้วหอมก็เอ่อ...แกล้งทำ”
“ฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วจับมากระเดียด! ฉันไม่ได้ว่าเธอแกล้งทำ ฉันบอกว่าฉันไม่แน่ใจว่าเธอแกล้งทำหรือเปล่า”
“หอมไม่ได้แกล้งทำค่ะ”
“ฉันไม่ได้ถาม”
หอมน้ำนั่งนิ่ง ก้มหน้า
“จะไปไหนก็ไป”
“ค่ะ”

หอมน้ำรีบเปิดประตูก้าวลงไปด้วยสีหน้าน้อยใจ ศวัสปรายตามองแวบหนึ่ง

หอมน้ำเดินก้มหน้าก้มตาเข้ามาจนเกือบชนใครคนหนึ่ง ใครคนนั้นยกมือขึ้นจับต้นแขนไว้แน่น

“เป็นอะไร หอมน้ำ”
หอมน้ำสะดุ้งเฮือกเงยหน้าขึ้นมอง “คุณเจค”
เจคก้มมองอย่างห่วงใย “เป็นอะไรไป”
“เอ้อ...”
หอมน้ำยังไม่ทันตอบ แสงไฟจากหน้ารถคันหนึ่งสาดตรงมาเหมือนจงใจ
เจคจับหอมน้ำให้หลบข้างทาง รถคันนั้นแล่นผ่านเข้าไปจอด
หอมน้ำพึมพำ “คุณหมอ”
ศวัสเปิดประตูลงมา และเดินเข้าบ้านไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง
“นั่นหมอศวัสเป็นอะไรไปอีกคน ท่าทางเหมือนโกรธใครมา”
หอมน้ำค่อยๆ เบี่ยงไหล่ออกอย่างแนบเนียน
เจคหันมา “ประเดี๋ยวจะไปส่งที่หอ”
หอมรีบปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ”
“พี่บอกเขนแล้ว”
เสียงเขนดังเข้ามา “หอม”
หอมน้ำ และเจคหันไปมอง เห็นเขนและทับทิมเดินแกมวิ่งตรงมา
“หอม หายไปไหนมา เขนกับพี่ทับหาแทบตาย” เขนส่งสัมภาระของหอมน้ำให้
“ก็อยู่แถวๆนี้แหละ”
“จะไปกันหรือยัง”
สามสาวประสานเสียง “ไปค่ะ”
ทั้งหมดเดินตรงไปยังรถเจค โดยไม่รู้ว่าโค้กกำลังมองมาจากมุมหนึ่ง ขบกรามแน่น นัยน์ตาเจ็บปวดแค้นใจ

ศวัสเองยืนมองอยู่ที่หน้าต่างห้องโถง จนรถเจคแล่นออกไป ขณะคนอื่นๆ เก็บข้าวเก็บของกัน

โค้กทรุดตัวลงนั่ง สีหน้าเคร่งเครียด
เสียงฟ้าดังขึ้น “ผู้จัดการกองถ่ายหรือจะสู้เจ้าของบริษัทละคร”
โค้กสะดุ้ง และหันกลับไปมอง เห็นฟ้ายืนกอดอกพิงต้นไม้มองมายิ้มๆ ยักไหล่ พลางว่า
“อายุน่ะเรอะ จะแก่กว่าสักกี่รอบก็ไม่สำคัญ สาวๆสมัยนี้เขาไม่ถือ ขอให้รวยเสียอย่าง”
โค้กลุกขึ้น และเดินหนีไปอย่างหงุดหงิด
ฟ้าขยับตัว “สู้ๆ พี่โค้ก...แต่ก็...นะ”
โค้กหันขวับมาด้วยอารมณ์โกรธจัด “อย่ามา...ส…”
“เฮ้ย”
ฟ้าเสียงดังจนโค้กเป็นฝ่ายสะดุ้งบ้าง
“พวกเดียวกันนะเว้ย อยากจะด่าก็ไปด่านังตัวแสบโน่น มันหักอกพี่โค้กไม่ใช่ฟ้า”
โค้กขบกรามแน่น
“เป็นฟ้านะ ใครทำให้ฟ้าเจ็บ ฟ้าจะเอาคืน จะทำให้มันไม่มีความสุขเลย” ฟ้ายุส่งตามแผนวดี
“พูดอะไรของแกน่ะ! หอมน้ำยังเด็ก”
ฟ้าต่อให้ทันที “ที่ฉลาดเลือกผัวแก่แต่รวย”
โค้กขบกรามจ้องฟ้าเขม็ง แล้วเดินหนีไป ฟ้ามองตามยิ้มๆ พลางยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.ออก

ไม่นานต่อมา ฟ้าพาตัวเองมาเสนอหน้าอยู่ภายในห้องรับแขกคอนโดหรู และเล่าเรื่องจบแล้ว เอิงกระทืบเท้าหัวเราะพลางตบมือลั่น โดยมีลิซซี่ตบตามเป็นลูกคู่ ขณะที่วดีหน้าหงิกงอ
“ไชโย ไชโย ก็แปลว่าตอนนี้พี่หมอของน้องเอิงก็ปลอดภัยรอดปากเหยี่ยวปากกาแล้วน่ะซิคะ...ดีใจจุงเบย...จุงเบย
วดีหยิบหนังสือใกล้มือเขวี้ยงใส่เอิงอย่างโกรธจัด
“นี่แนะ จุงเบย...จุงเบย”
เอิงหลบวูบ หนังสือเลยไปโดนลิซซี่จังๆ ฟ้าหัวเราะคิก
“ว้าย”
เอิงชอบอกชอบใจ “ถือว่าฟาดเคราะห์นะจ๊ะ พี่ลิซซี่”
“พี่ลิซซี่ไม่เกี่ยวซักหน่อย” ลิซซี่หัวปูดเขียวขึ้นทันใด หันมาชี้หน้าฟ้า “แกก็เหมือนกัน ทำเป็นหัวเราะดี”
วดีลุกขึ้น เดินเข้าห้องนอน และปิดประตูดังปังอย่างหงุดหงิด
สามสาวมองตาม
“ท่าทางนางจะโกรธมาก” เอิงเว้นนิด แล้วทำไม้ทำมือ “สุมหัวเข้ามานี่”
ทั้งสามสาวสุมหัวเข้าหากัน
“นางอินเลิฟคุณเจคมานานแล้ว แต่คุณเจคไม่อินด้วย เอ๊าท์ตล๊อด...ด” เอิงว่า
ฟ้ากะลิซซี่ ร้อง “อ๋อ.....”
“พวกเราต้องพยายามหาทางช่วยให้นางสมหวัง บั้นปลายชีวิตแล้วจะได้มีความสุขกับเขาเสียที”
“แหม! น้องเอิงขา...คุณวดีไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะคะ”
เอิงลากเสียงยาว “แก่...แต่ไม่เท่าที่ควร เพราะคุณไหมกับคุณโบช่วยไว้”
ฟ้าและลิซซี่ทำหน้างง เอิงหงุดหงิด
“โอ๊ย! กรุณาทำหน้าฉลาดๆ หน่อยได้มั้ย”
ลิซซี่นิ่วหน้าครู่หนึ่ง แล้วยิ้มกว้าง “พี่ลิซซี่รู้แล้ว”
“ใคร” ฟ้างง
“ร้อยไหมกับโบท๊อกซ์”
ฟ้าขำกลิ้ง โดยมีเอิงปรายตามองอย่างเบื่อหน่าย

ฝ่ายวดีนั่งกอดเข่าเจ่าจุก คิ้วขมวดอยู่บนเตียง สักครู่หนึ่ง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ฉันนอนแล้ว” วดีตะโกนบอกห้วนๆ
“ป้าขา หนูเอิงรู้ว่าป้ายังไม่นอน...ขอเอิงเข้าไปนะคะ พลีส...”
“เออ ประตูไม่ได้ล็อค”
ประตูเปิดออก เอิงเข้ามาแล้วปิดประตูลง เดินมานั่งด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นซิคะ คุณเจคเขายังไม่ได้ร่วมหอลงโลงกับนังนั่นสักหน่อย”
วดีขบกราบ “ไม่นึกเลยว่าเจคจะตัณหากลับ! อุตส่าห์รักษาเนื้อรักษาตัวไม่เคยเป็นข่าวกับใครมาตั้งนาน”
“อาจจะไม่ใช่เพราะตัณหากลับหรอกค่ะ”
วดีหันมองหน้าเอิง
เอิงมีท่าทีกระตือรือร้น และลดเสียงลงราวกับกลัวใครจะได้ยิน “ป้าคิดว่าผีมีจริงหรือเปล่า”
วดีชะงัก เบิกตากว้าง เอิงพยักหน้า นัยน์ตาเป็นประกาย “ใช่ค่ะ”
บอกอบันเทิงผู้ทรงอิทธิพลกลับมาครุ่นคิด และส่ายหน้า “ไม่น่าจะเป็นไปได้ บอกตรงๆนะ ป้ายังสองจิตสองใจเรื่องผีนังพุธกันยา คนสมัยนี้ มันหาวิธีหลอกลวงกันได้สารพัด”
“งั้นป้าก็ลองพิสูจน์ดูซิคะ”
“จะบ้าเรอะ”
เอิงหัวเราะคิก “ป้ากลัวใช้มั้ยล่ะ”
วดีถลึงตาใส่
“ถ้าป้ากลัว ก็แสดงว่าป้าเชื่อ”
วดีสีหน้าไม่สบอารมณ์
“วิธีเดียวที่จะรู้ว่าจริงหรือมั่ว ชัวร์หรือโม้ก็คือ ต้องใกล้ชิดสนิทสนมกับมัน”
วดีสบตาเอิง แล้วค่อยๆ ยิ้มชั่วออกมา ทั้งป้าทั้งหลาน

กลางดึก ไอเย็นจางๆ ลอยฟุ้งกระจายอยู่ในบริเวณซุ้มพุดซ้อนแห่งนั้น ทำให้เห็นดอกพุดซ้อนเป็นเงาตะคุ่มๆ
วดีในชุดนอนเดินเข้ามาในอาการเหลียวหน้าเหลียวหลังด้วยความงุนงง เหมือนคนหลงเข้ามา
เสียงพุธกันยาแผ่วเยือกเย็น และลากเสียงยาว “สุรี....รี....รี....”
วดีชะงัก “ใคร”
“สุรี...รี...รี...รี...”
วดีพยายามมองหาที่มาของเสียง “ใคร...ใครเรียกฉัน”
มีเสียงถอนใจยาวเยือกเย็นมาจากด้านหลัง
ไอเย็นเหมือนลมหายใจใครคนหนึ่งลอยมารดต้นคอวดีจนผมบริเวณนั้นปลิว ขนลุกชัน พร้อมเสียงที่ดังแผ่วขึ้นใกล้ๆ
“สุ...สุ...รี...รี...รี...”
วดีหันขวับไปมอง แล้วต้องผงะดวงตาเบิกกว้าง
ร่างพุธกันยายืนอยู่ หน้าตาซีดขาวไร้ชีวิตชีวา ชุดนอนวดีพลิ้วไปตามสายลม
“กะ...กะ...กัน...กัลยา”
“เชื่อ เรื่อง วิญญาณ หรือ เปล่า” เสียงพุธกันยายังพูดยานคาง และเยือกเย็นเหมือนเดิม
วดีกลืนน้ำลาย พูดอะไรไม่ออก ดวงตายังคงเบิกกว้าง
“เชื่อ...หรือ...เปล่า....”
วดียังคงอยู่ในอิริยาบถตื่นตระหนกเช่นเดิม
“เชื่อ....ไหม..ม...”
ร่างพุธกันยาซึ่งซีดขาวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ จนเป็นช้ำเลือดช้ำหนอง ใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสภาพคนตายมาหลายวัน โดยที่ไม่ได้ถูกฉีดยา ดูน่ากลัวและสยองสุดๆ
วดีกรีดร้องลั่นด้วยความตกใจกลัวสุดขีด

วดีผุดลุกขึ้นนั่ง เหงื่อออกโทรมหน้าและเนื้อตัว
วดีมองไปโดยรอบ แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเมื่อตระหนักได้ว่าเป็นเพียงความฝัน
“บ้าจริง เพราะนังเอิงทีเดียว”
เหมือนวดีได้กลิ่นหอมอะไรบางอย่าง ถึงกับนิ่วหน้า
“กลิ่นดอกอะไร” วดีชะงักเมื่อนึกได้ และหลับตาพึมพำด้วยความสยอง

“ดอกพุดซ้อน!!”

อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น