ใยกัลยา ตอนที่ 8
ทีมงานถ่ายหนัง ใกล้เลิกกองแล้ว เขนกำลังช่วยทับทิมเก็บข้าวเก็บของที่ไม่ได้ใช้อยู่ในห้องแต่งตัว เสียงโทรศัพท์หอมน้ำดังขึ้น เขนเปิดกระเป๋าซึ่งหอมน้ำฝากไว้ หยิบขึ้นมาดูพร้อมกับรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“หวัดดีค่ะแม่ อ๋อ...หอมกำลังถ่ายฉากสุดท้ายอยู่ค่ะ แม่มีธุระด่วนหรือเปล่าคะ งั้นเดี๋ยวหอมถ่ายเสร็จแล้วเขนจะบอกให้นะคะ...ค่ะ แม่กับพ่อสบายดีนะคะ...ค่ะ....หวัดดีค่ะ”
ขณะที่เขนเก็บโทรศัพท์คืนใส่กระเป๋าหอมน้ำ ทับทิมถามขึ้น
“แม่โทร.มาว่าไง”
“เดือนหน้ามีงานฝังลูกนิมิตที่วัดใกล้บ้าน นายอำเภอเขาขอให้หอมไปโชว์ตัว”
ทับทิมหัวเราะขัน “หนังยังไม่ทันฉายเลย มีงานโชว์ตัวแล้ว”
“หอมยังไม่อยากไปหรอก”
“เป็นพี่ทับหน่อยไม่ได้ จะโชว์มันให้ทั่วประเทศเขตแดนเลย”
สองคนหัวเราะกันคิกคักๆ
ส่วนที่หน้าเซ็ต ทีมงานกำลังถ่ายทำ เพลิงนารี อยู่ตรงบริเวณสนามหน้าบ้านศวัส
หอมน้ำเข้าฉากนี้อยู่ ถือปืนในมือ นัยน์ตาเป็นประกายแข็งกร้าว “ถ้าฉันไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าใครจะได้”
“เธอเป็นบ้าไปแล้ว” ธันวาด่า
หอมน้ำแสยะยิ้มอย่างอำมหิต นิ้วเตรียมเหนี่ยวไก
ธันวาพยายามทำใจเย็น “เราพูดกันดีๆ ก็ได้”
“สายไปแล้ว”
หอมน้ำขยับเหนี่ยวไก ลูกนัทวิ่งเข้ามาพร้อมกับตะโกนลั่น
“อย่า…”
หอมน้ำหันกระบอกปืนมาที่ลูกนัททันทีทันใด แล้วยิงเปรี้ยง ลูกนัทร้องลั่นแล้วทรุดลง เลือดทะลักไหลออกมาจากกลางลำตัว ท่ามกลางอาการตกตะลึงของธันวา แล้วเขาก็วิ่งเข้ามาทรุดตัวลงประคองลูกนัท ในขณะที่หอมน้ำหัวเราะลั่นแบบคนบ้า
เจคร้องขึ้น “คัท”
ลูกนัทลุกขึ้นเช่นเดียวกับธันวา ซึ่งช่วยฉุดขึ้นมา ขณะที่ทุกคนเว้นเพลินพิศ ตบมือด้วยความชื่นชมกับ
บทบาทของทุกคน
“ดีมาก” เจคออกปากชม
“เสียวแทบตาย” ลูกนัทบ่น
ธันวาแซว “หอมเล่นเหมือนจริงจนพี่กลัวเลย”
หอมน้ำขยับมุมปากนิดๆ “เพิ่งรู้หรือหนุ่มน้อย”
ธันวาและลูกนัทชะงักงันไปขณะหอมน้ำเดินออกไป
โค้กขยับจะตาม “หอมน้ำ”
เจคเรียกไว้ “โค้ก”
โค้กชะงักหันมา
“ไม่ถ่ายฉากต่อไปเรอะ” เจคว่า
โค้กพึมพำ “ขอโทษครับ”
คนอื่นๆ ขยับเตรียมเข้าฉากต่อไปกัน
ในขณะที่บุรีกำลังโพสต์ข้อความเกี่ยวกับอาหารการกินในเฟซบุ๊ค สักพักหนึ่ง แล้วมีเสียงเคาะประตูเบาๆ
บุรีมือยังพิมพ์ร้องถามไป “ศวัสหรือลูก”
ไม่มีเสียงตอบ มีแต่เสียงเคาะประตู บุรีวางมือแล้วลุกเดินไปเปิดประตู
แต่ต้องประหลาดใจ “หอมน้ำ”
หอมน้ำเดินเข้ามาในห้อง แล้วหันกลับมามองบุรี “ปิดประตูก่อนค่ะ”
บุรีงุนงง แต่ไม่ยอมปิด “มีธุระอะไรออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
บุรีขยับจะหันหลังจะเดินออกไป แต่หอมน้ำผวาเข้ากอดทันที
“พี่บุรี”
ทว่าหอมน้ำซบไปถูกพระที่ห้อยคอบุรีอยู่ ถึงกับสะดุ้งเฮือก กรีดร้องแล้วผละออกด้วยอาการหวาดกลัวอย่างสุดขีด
บุรีทั้งตกใจและงง “เป็นอะไรไป”
หอมน้ำรีบถอยหลังหนี นัยน์ตายังตระหนกตกใจอยู่ “อย่า...อย่าเข้ามา”
ขณะที่บุรีงงอยู่นั้น ศวัสเดินเข้ามาด้วยความตกใจและแปลกใจ
“หอมน้ำ เกิดอะไรขึ้นหรือครับคุณพ่อ”
“ถอดสร้อยพระออกก่อนซิคะ” หอมน้ำไม่ได้สนใจศวัสเลย
บุรีฉงน “ทำไม”
หอมน้ำย้ำ “ถอดสร้อยพระ”
ศวัสยัวะกระชากหอมน้ำให้หันมา “บ้าไปแล้วเรอะ หอมน้ำ”
“ศวัส บอกให้คุณพ่อถอดสร้อยพระออกซิลูก”
“มานี่” ศวัสไม่ใส่ใจ จับแขนดึงหอมน้ำให้ออกไป
“เดี๋ยวก่อน ศวัส”
ศวัสหยุดอยู่ตรงนั้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน หนูหอมน้ำ”
“ฉันไม่ใช่หอมน้ำ นี่กัลยาไงคะ พี่บุรี”
บุรีชะงักงันกับสีหน้าและแววตาที่มองมาอย่างวิงวอนขอร้องนั้นของหอมน้ำ
ศวัสไม่สนจูงแกมลากหอมน้ำมาที่รถ โดยมีเขนที่หอบข้าวของของตนและหอมน้ำ รวมทั้งทับทิมตามมา
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” ทับทิมตกใจนิดๆ
“ขึ้นรถ ฉันจะพาไปส่ง”
หอมน้ำก้าวขึ้นตอนหน้า ขณะที่เขนขึ้นตอนหลัง ศวัสขึ้นที่คนขับ สตาร์ตเครื่องแล้วขับออกไป
ทับทิมตะโกนตาม “แล้วโทร.มาบอกด้วยนะน้องเขน”
ระหว่างทาง ศวัสขับรถมาเรื่อยๆ โดยหอมน้ำนั่งนิ่ง ส่วนเขนมองด้านหลังเพื่อนครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจพูดในที่สุด
“หอมถ่ายละครเสร็จแล้ว ออกจากร่างเขาเถอะค่ะ..คุณพุธ”
ศวัสหงุดหงิด “บ้าไปกันใหญ่”
หอมน้ำยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาแข็งกร้าวมองไปข้างหน้า
เขนเปิดระเป๋าหอมน้ำ หยิบสร้อยพระที่เก็บไว้ในถุงเล็กๆ สีแดง “ออกมา ถ้าคุณไม่ออก เขนจะสวมสร้อยพระให้หอมเดี๋ยวนี้ละนะคะ”
ศวัสยิ่งหงุดหงิด “เขน”
พุธกันยายอมออกจากร่างหอมน้ำ มาปรากฏตัวนั่งข้างๆ เขน โดยที่เขนไม่รู้ไม่เห็น
หอมน้ำสะดุ้งนิดหนึ่งแล้วลืมตาขึ้น เขนรีบสวมสร้อยพระให้
หอมน้ำจับสร้อยแล้วขยับนั่งตัวตรงหันมามองเขน แต่แล้วก็ถอนใจเฮือกเมื่อเห็นพุธกันยานั่งหน้าบึ้งอยู่
เขนเหลียวมามองข้างๆ พร้อมขยับชิดประตูโดยอัตโนมัติ “อยู่นี่หรือหอม”
หอมน้ำพยักหน้า ศวัสซึ่งชำเลืองมองท่าทางของ 2 สาวเป็นระยะๆ ส่ายหน้านิดๆ
“มันน่าจะจับตรวจทั้งสองคน”
“สร้อยพระน่ะ ถ้าไม่ใส่มันจะเป็นจะตายกันหมดหรือไง” พุธกันยาค่อนขอด
หอมน้ำนิ่ง พุธกันยาอีก
“สร้อยวัยรุ่นสวยๆ มีเยอะแยะ ทำไมไม่ไปซื้อมาใส่”
หอมน้ำพยายามกลั้นใจไม่พูดตอบโต้
“พี่บุรีก็คนนึง จะนอนอยู่แล้วยังใส่สร้อยพระ”
หอมน้ำสะดุดหูหันขวับมามองทันที “ทำไมคุณทราบคะ”
พุธกันยาปรายตามองหอมน้ำแวบหนึ่งแล้วเมินมองไปนอกรถ
“คุณพุธคะ”
ศวัสหงุดหงิดเต็มที่ “ไม่มีคุณพุธคุณพฤหัสที่ไหนหรอก มีแต่เธอนี่แหละที่เข้าไปหาคุณพ่อฉันถึงในห้อง”
หอมน้ำและเขนยกมือทาบอก “แม่เจ้า”
ศวัสถอนใจเฮือกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก ที่เห็นท่าทางและสีหน้าบริสุทธิ์ตกใจอย่างแท้จริงของหอมน้ำ
“คุณพุธ...ทำไมคะ...ทำไม”
พุธกันยาหายวับไปไม่ตอบคำถามดื้อๆ หอมน้ำร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ
“ร้องไห้ทำไม” ศวัสรำคาญ “ทีเวลาทำ ทำไมไม่คิด”
“ทำไมคุณพุธทำอย่างนี้ ทำไม” หอมน้ำครวญคร่ำ
เขนจับแขนเพื่อนปลอบใจ “ใจเย็นๆ หอม ใจเย็นๆ”
อีกฟาก บรรดาทีมงานกองถ่ายกำลังเก็บของอุปรณ์ถ่ายทำประดามี และกำลังขนข้าวของขึ้นรถกลับ คืนพื้นที่ให้คฤหาสน์สวย
บุรียืนมองภาพนั้นอยู่ที่หน้าต่าง ทอดสายตามองลงมานิ่งครู่หนึ่ง แล้วเดินกลับมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียงนอน ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ตอนหอมน้ำบุกเข้ามาหา และบอกว่าตนคือกัลยา ผุดซ้อนเข้ามาในห้วงความคิด
ภาพเหล่านั้นหายไป บุรีกุมขมับด้วยความรู้สึกงุนงงและสับสน
ศวัสเดินตาม สองสาวเข้ามาในห้องหองน้ำพร้อมกับปิดประตู
“ขออนุญาตนะ”
สองสาวสบตากันแวบหนึ่ง
หอมน้ำเชิญเขานั่งตรงโซฟา “เชิญนั่งค่ะ” แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นจะหยิบน้ำ
ศวัสบอก “ไม่ต้อง”
หอมน้ำเดินกลับมาพร้อมกับทรุดตัวลงนั่ง
ศวัสระเบิดใส่ “ฉันสุดจะทนแล้ว”
สองสาวสะดุ้งเฮือก
“ไม่เข้าใจว่าเธอ 2 คนต้องการอะไรกันแน่” เขาหันมาทางหอมน้ำ “หรือคิดอยากจะจับคุณพ่อฉัน”
หอมน้ำตกใจสุดขีด “อุ๊ย เปล่าค่ะ”
เขนฉุนแทนเพื่อน “ทุกวันนี้หนุ่มๆ รวยๆ ตามไล่จับหอมกันตั้งเยอะแยะ มันยังไม่เอาเลยนะคะ คุณหมอฟันทันตแพทย์ แล้วเรื่องอะไรจะมาเอาคนแก่คราวลุง”
ศวัสมองดุเขน “นั่นซิ ช่วยถามเพื่อนเธอให้หน่อย”
เขนลืมตัว ทุบโต๊ะ “โอ๊ย เฮ้ย”
หอมน้ำรีบจับแขนเพื่อน “เขน”
“ทำไมเฮียไม่ยอมเข้าใจบ้างเลย” เขนสุดทนแล้ว เสียงดังใส่
หอมน้ำยิ่งตกใจ “เขน”
เขนลุกขึ้นยืน ศวัสเงยหน้ามองเขน คาดไม่ถึงเล็กน้อย
“เฮียจะเอายังไง ให้ไปหาจิตแพทย์ หอมก็ยอมไปแล้ว จะให้ทำอะไรหอมมันก็ยอมทำหมด แต่แค่มันบอกว่าถูกผีคุณแม่เฮียสิง ทำไมเฮียไม่ฟังบ้าง คนเราจะถูกผีสิงบ้างไม่ได้เรอะไง” สุดท้ายสาวอวบถอนใจเฮือกอย่างเหนื่อยใจ
หอมน้ำอ้าปากค้างมองเพื่อนเลิฟ ขณะที่ศวัสกลับมาเป็นปกติ
“จบไหม”
“จบค่ะ”
“ขอบใจมากนะที่ช่วยเคลียร์ให้”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” เขนยิ้มแก้มปริ สุดแสนจะภาคภูมิใจ
“แต่ฉันไม่เคลียร์”
คำพูดนั้นของศวัส ทำเอาสองสาวหันมามองหน้ากัน อ้าปากหวอ
“แล้วก็ไม่คิดว่าจะมีคนที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์คนไหนจะเคลียร์ด้วย ไม่เชื่อก็ลองไปเล่าให้เขาฟังกันซิ”
หอมน้ำยกมือลูบหน้ากลุ้มๆ แล้วฟุบหน้าอยู่อย่างนั้น
เขนจับแขนเพื่อนอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรหรือเปล่าหอม”
หอมน้ำเงยหน้าขึ้นมาน้ำตาคลอ “ปวดหัว”
ศวัสมีสีหน้ารู้สึกผิดและกังวลขึ้นทันที
“หอมอยากอยู่คนเดียว” หอมน้ำเอ่ยขึ้น
เขนสงสาร “หอม”
“ช่วยออกไปก่อนได้ไหม” หอมน้ำมองศวัสด้วยแววตาวิงวอน “คุณหมอด้วยนะคะ”
ศวัสลุกขึ้นเช่นเดียวกับเขน แล้วเดินออกไปเงียบๆ
หอมน้ำฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
ศวัสเดินย้อนไปที่ลิฟท์เงียบๆ
เขนตัดสินใจเรียก “เฮีย..เฮีย...คุณหมอคะ”
ศวัสหันกลับมามอง
“หอมเป็นคนดีมากๆ เขาไม่เคยโกหกค่ะ”
ศวัสหันหลังกลับ ขยับจะเดินต่อ
“ทำไมคุณหมอไม่ลองเปิดใจรับฟังเขาบ้างล่ะคะ”
ศวัสเดินเลี้ยวไปแล้ว เขนมองตามด้วยสีหน้าหงุดหงิด
หอมน้ำค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สภาพน้ำตายังเปียกชื้น หญิงสาวขยับลุกขึ้นอย่างอ่อนแรง แล้วเดินโผเผไปที่เตียง ขณะเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าที่วางบนโต๊ะดังขึ้น
หอมน้ำไม่สนใจ แล้วเดินไปที่เตียงล้มตัวลงนอนหลับตาลง ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า
ศวัสอยู่ในรถหน้าหอพักกำลังโทรศัพท์ถึงหอม แต่ไม่มีใครรับ จนในที่สุดศวัสวางโทรศัพท์ลง แล้วขับรถออกไป
ไฟโคมบริเวณประตูรั้วบ้านเจคสว่างไสว ส่วนภายในห้องนอน เจคยังคงนั่งดูภาพพุธกันยาในจอโน้ตบุ๊คอยู่อย่างนั้นนิ่งนาน มีเสียงหมาหอนขึ้นจากที่ไกลๆ แล้วดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนเหมือนหมานั้นมาเห่าหอนอยู่ในบริเวณบ้าน
เจคลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปหาความผิดปกติ
พบว่าบริเวณสนามหญ้าตรงกับหน้าต่าง มีหมาดำตัวใหญ่เงยหน้ามองขึ้นมา พลางเห่าหอนโหยหวน เจคดึงม่านปิด แล้วหันกลับมา ระหว่างนี้พุธกันยายืนมองอยู่ในห้องแล้ว
ทว่าเจคมองไม่เห็น เดินกลับมาปิดโน้ตบุ๊ค แล้วปิดไฟ เดินไปขึ้นเตียงนอน พุธกันยามองตามทุกอิริยาบถด้วยสีหน้าครุ่นคิด
รุ่งเช้าหอมน้ำพลิกตัวตื่นขึ้น บิดตัวเล็กน้อยแล้วหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น คราวนี้สปริงตัวลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง จัดการเก็บที่นอน เดินเข้าห้องน้ำไป
ไม่นานต่อมาหอมน้ำออกจากห้องน้ำในสภาพที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกับหวีผม พอหยิบมือถือมาดู เห็นเป็นชื่อ “Dentist” ค้างอยู่หน้าจอ
“อุ๊ยตายแล้ว” หอมน้ำตกใจรีบโทร.กลับเบอร์นั้นทันที
ฝ่ายฟากศวัสกำลังเปิดประตูรถก้าวลงมา ขณะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูสีหน้าขรึมลง พูดสายด้วยเสียงอันเย็นชา
“ฮัลโหล”
หอมน้ำรีบร้อนพูดอย่างกระตือรือร้นจนสับสนไปหมด ด้วยความรู้สึกผิด “คุณหมอคะ หอมขอโทษค่ะ”
“เรื่อง”
“เรื่องไม่ได้รับโทรศัพท์คุณหมอเมื่อคืน บังเอิญหอมไม่ค่อยสบาย คุณหมอมีธุระอะไรกับหอมหรือเปล่าคะ”
“ไม่มี”
หอมน้ำนิ่งอึ้ง
“แค่นี้ใช่ไหม”
หอมน้ำปากสั่น เสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ “ค่ะ”
ศวัสวางโทรศัพท์ลงใบหน้าเรียบเฉยดังเดิม
ส่วนหอมน้ำพยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่
เช้านี้สองสาวต้องมาพบอาจารย์ที่คณะเรื่องฝึกงาน ภายในมหาวิทยาลัยตอนนี้ แลเห็นนักศึกษาในอิริยาบถต่างๆ บ้างเดินคุยกันไป บ้างนั่งจับกลุ่มตามโต๊ะสนาม
หอมน้ำกับเขนนั่งคุยกันในมุมสงบ โดยที่อมน้ำน้ำตาคลอหลังเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังจบลง เหมือนเสียใจเรื่องที่ถูกด่า
หอมน้ำรับทิชชู่จากเขนมาเช็ดน้ำตา “ถ้าหอมรับโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อคืน คุณหมอฟันทันตแพทย์คงไม่โกรธขนาดตัดญาติขาดมิตรแบบนี้หรอก”
เขนมองเพื่อนพลางถอนใจเฮือก “เว่อร์น่า”
“จริงๆ นะเขน หอมนี่มันงี่เง่า”
“แกจะต้องไปแคร์อะไรเขานักนะ” หอมน้ำชะงักมองจ้องเขน “นอกจากแกเองก็ชอบเขา”
หอมน้ำตกใจ “เฮ้ย เปล่านะ”
เขนจ้องหน้าเพื่อน “ทำไมจะต้องตกอกตกใจขนาดนั้น”
หอมน้ำชักจะมึน “เออ นั่นซิ”
เสียงโกศลแหลมเข้ามา “คนสวย”
สองสาวหันไปมอง โกศลเดินตรงมาหา
“เรียกคนสวยคนเดียว ไม่ได้เรียกคนอ้วน” โกศลปากเปราะใส่เขน
“แกอย่ามีปากสักแต่ว่าพูด ไอ้โก” เจอเขนด่ารับอรุณ
โกศลหันมาทำตาหวานกับหอมน้ำ ขณะทรุดลงนั่ง “วันนี้ไม่ถ่ายหนังหรือหอม”
“มีถ่ายตอนบ่ายจ้ะ ตอนเช้าเลยมาพบอาจารย์”
“งั้นตอนเที่ยงให้โกเลี้ยงข้าวนะ”
“ไม่ต้อง เขามีเงินกิน” เขนปฏิเสธทันควัน
“ใครพูดกับแกฮึ ยัยช้าง”
“ก็แกกำลังพูดอยู่นี่ไง ไอ้กระหัง” เขนลุกขึ้นคว้ามือหอมน้ำ “ไป หอม อาจารย์น่าจะมาแล้ว”
หอมน้ำลุกตามเขน
“อ้าว หอม” โกศลเซ็ง
“ไปนะจ๊ะโก”
เขนฉุนขาด “ไม่ต้องไปจ๊ะจ๋ากับมัน”
โกศลมองตามหอมน้ำทำตาแน่วแน่สีหน้าหมายมาด
“เราจะไม่ยอมแพ้ สู้ต่อไปนะโกศล”
ขฯณะเดียวกันบริเวณหน้าบ้านศวัส กนกรัตน์และบรรดาแฟนคลับ ต่างถือกุหลาบแดงมารอมอบให้ดาราขวัญใจ ทุกคนชะเง้อมองทางที่รถจะเลี้ยวตรงมา ปากก็คุยกันเซ็งแซ่ สักพักหนึ่ง เพลินพิศขับรถมาจอด แฟนคลับเข้ามารุม เพลินพิศฉีกยิ้มสดชื่นให้ แต่แล้วก็ต้องหุบลงเมื่อได้ยินคำถามเซ็งแซ่จากแฟนคลับ
“พี่ลูกนัทมามั้ยคะ พี่ลูกนัทมาเมื่อไหร่คะ”
“พี่ธันวามามั้ยคะ”
“พี่อธิปมามั้ยคะ”
แฟนคลับคนสุดท้ายถามขึ้นว่า “น้องหอมน้ำมีถ่ายหนังหรือเปล่าคะ น้องหอมน้ำเจอผีอีกหรือเปล่าคะ”
เพลินพิศฝืนยิ้มพร้อมตอบคำถามไป โดยมีแฟนคลับ 2-3 คนให้ดอกไม้นางร้ายขวัญใจ
เพลินพิศเดินหน้างอเข้ามาในห้องแต่งตัว ติดตามด้วยฟ้าซึ่งช่วยถือข้าวของ
“หมั่นไส้พวกติ่งนังหอมน้ำ หอมดินนัก คลั่งไคล้อะไรมันอยู่ได้ หนังยังไม่ทันฉายสักหน่อย”
“อ้าว ก็คุณเจคแกสั่งให้ส่งข่าวโปรโมทไม่เว้นแต่ละวันนี่คะ ฉบับเมื่อเช้านี้ยังมีเล่นเรื่องผีกันอีก” ฟ้าว่า
“มิน่า”
“แต่ “ชิดขอบบันเทิง” ไม่เล่นด้วยนะคะ ลงด่าตลอด” ฟ้าว่า น้ำเสียงฟังดูสะใจมากเอาการ
เพลินพิศนิ่งคิดครู่หนึ่ง “พี่ฟ้าเชื่อเรื่องผีพุธกันยามั้ย”
ฟ้าเหลียวหน้าเหลียวหลัง และลดเสียงลงอย่างหวาดกลัว “ของแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะคะ พี่อูม่าโดนมาแล้ว พี่ฟ้าก็เห็นเต็มสองตา คุณหนกข้างบ้านก็เห็น”
เพลินพิศมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิดตาม ยิ่งฟ้าบอกอีกว่า
“สงสัยหนังลงโรงเมื่อไร ฮิตเว่อร์เลยล่ะค่ะ”
ตรงมุมรถอาหารกองถ่ายบรรดาดาราดัง นั่งทานอาหารที่โต๊ะซึ่งจัดไว้ให้เรียบร้อยสวยงาม ทั้งหมดกินกันไป คุยกันไป ดาราชายหยอกล้อกับพิไลเป็นที่ครื้นเครง สักพักหนึ่งมีเสียงกรี๊ดดังขึ้น
“อ๊าย...”
ทุกคนสะดุ้ง หันไปมอง เห็นเพลินพิศล้มลง แล้วดิ้นเร่าๆ ไปมา ทุกคนหายตกตะลึง รีบตรงเข้ามาดูเพลินพิศ
“เพลิน เพลิน เป็นอะไรฮึ”
แต่ละคนต่างพากันเรียก “เพลินๆๆๆ...”
ทันใดเพลินผุดลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาขวาง ผมยุ่งเหยิง มองกราดทุกคนอย่างน่ากลัว
“ฉันไม่ใช่เพลิน ฉันชื่อพุธกันยา”
แต่ละคนผงะ สีหน้าตะลึงตะไลกันไปทั้งแถบ
ไม่นานนัก โค้กและคัมภีร์ช่วยกันประคองเพลินพิศเข้ามานั่งในห้องรับแขกบ้านศวัสแล้ว มีฟ้า ทับทิม อุมา และขวัญอนงค์ตามเข้ามาติดๆ โดยขวัญอนงค์ชะโงกออกไปสั่ง เมื่อเห็นว่ามีคนตามมาอีก
“ไม่ต้องเข้ามาเดี๋ยจะวุ่นวายไปกันใหญ่”
ขวัญอนงค์รีบตามเข้ามา
เพลินพิศชี้กราดและตาขวาง “พวกแกบังอาจเข้ามาถ่ายละครในบ้านฉัน พวกแกไม่เคยขออนุญาต ต้องการจะลบหลู่ฉันใช่มั้ย”
ทุกคนพากันอ้ำอึ้งแกมหวาดกลัว ขณะที่บุรีเดินเข้ามาในนั้นด้วยสีหน้าฉงน
“เกิดอะไรขึ้น”
เพลินพิศมองบุรี แล้วน้ำตาไหลพรากๆ
เยาวภาและแจ่มเข้ามาเงียบๆ โดยสีหน้าเยาวภาเย็นชาเช่นเคย ส่วนแจ่มดูตกใจและหวาดกลัวคอยแอบหลังเยาวภาตลอด
“พี่บุรี” เพลินพิศหันมาทางบุรี
โค้กหันมาบอกบุรี “สงสัยจะเป็นเจ้าที่ครับ”
“ฉันไม่ใช่เจ้าที่ ฉันคือพุธกันยา ปานรัมภา”
สีหน้าแต่ละคนตกตะลึงพรึงเพริดตามๆ กัน
ฝ่ายเจคนั่งมาในรถตู้ มุ่งหน้าสู่กองถ่าย และกำลังโทรศัพท์คุยกับโค้ก ขณะที่คนรถขับมาเรื่อยๆ
“เพลินพิศน่ะเรอะ”
เสียงโค้กดังขึ้นว่า “ครับ นั่นคุณเจคใกล้จะมาถึงหรือยังครับ”
“อีกประมาณ 20 นาที โค้กช่วยแก้ปัญหาไปก่อน”
“ครับ”
ฟากหอมน้ำ คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาเสร็จ เดินลงมาจากตึกเรียนคณะพร้อมกับเขน โดยโกศลซึ่งรออยู่แทบจะวิ่งผวาไปรับทันที
“จารย์ว่าไงบ้างจ๊ะหอม”
หอมน้ำยังไม่ทันตอบ เสียงโทรศัพท์เขนดังขึ้น
สาวอวบหยิบมาดูแล้วบอกหอมน้ำ “พี่ทับโทร.มา” แล้วรีบกดรับสายเลย “ฮัลโหล พี่ทับ อะไรนะ”
เขนเบิกตากว้างทั้งตกใจแกมประหลาดใจ หลังฟังทับทิมพูดจนจบ หอมน้ำกับโกศลมองหน้าอย่างสนใจใคร่รู้
“โอเค เดี๋ยวเขนจะรีบไป” เขนเก็บโทรศัพท์หันมาทางหอมน้ำ “พี่ทับโทร.มาบอกว่าคุณพุธกันยาสิงคุณพี่เพลิน ตอนนี้กำลังร้องห่มร้องไห้ใหญ่โต”
หอมน้ำฉงนนิดๆ จริงเหรอ มิน่า ตั้งแต่เช้า หอมยังไม่เห็นคุณพุธเลย”
“ไปกันเถอะ” เขนจูงแขนหอมน้ำแกมลากไป
โกศลเสนอหน้า “โกไปด้วยคน”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ รถโกนั่งได้แค่ 2 คน” หอมน้ำหันมาบอกขณะตัวปลิวตามแรงฉุดเขนไป
“วันนี้โกเอาเบนซ์มา”
เขนหยุดเดินทันที ทำเอาหอมน้ำหน้าคะมำ
“โอ๊ะ”
“รถแกจอดที่ไหน”
กลุ่มดาราและมีมงาน กำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่มุมหนึ่งบริเวณรถครัวกองถ่าย พิไลเช็ดน้ำตาอยู่ โดยมีทับทิมโอบไหล่อย่างเห็นอกเห็นใจ ส่วนอุมายังขนลุกขนพอง
“ไอ้เราก็นึกว่าพุธกันยาไปผุดไปเกิดแล้ว โถ แม่คุณ คงจะเสียใจมาก”
พิไลพูดจาดูซื่อๆ และน่าสงสาร เหมือนคนดีไม่มีพิษไม่มีภัยใดๆ
“ไม่เป็นไรนะป้า”
“มิเสียแรงที่ฉันใส่บาตรไปให้ทุกวัน” พิไลว่าอีก
“จริงเหรอป้า” ช่างหน้าตาโต
“ฉันรักของฉันมาตั้งแต่แกเข้าวงการ มันประทับใจยังไงก็ไม่รู้” พิไลเริ่มเพ้อ
“นั่นรถคุณเจคมาแล้ว”
ทุกคนหันไปมองตามทับทิม เห็นเจคกำลังรีบร้อนก้าวลงจากรถ โดยมีกลุ่มดาราเข้าไปรับและเล่าให้ฟังด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ทางด้านเพลินพิศยังคงนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่ในท่าเดิม ขณะที่บุรีตัดสินใจเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ
“คุณเพลิน”
นางร้ายสาวหน้าหวานเลื่อนตัวลงมานั่งกับพื้นพร้อมกับก้มลงกราบที่ตักบุรี
“นี่พุธกันยาค่ะ ไม่ใช่เพลินพิศ คนพวกนี้ลบหลู่พุธกันยา ไม่เคยทำความเคารพหรือให้เกียรติพุธกันยาเลยสักนิด” พลางเหลียวหน้าขวับไปทางกลุ่มโค้กพร้อมกับชี้นิ้วกราด “ฉันเคยมาให้นังเด็กหอมน้ำเห็นแล้ว แต่พวกแกไม่มีใครเชื่อ โง่กันทั้งกอง”
คัมภีร์รีบยกมือ “ผมเชื่อครับ”
“ฉันไม่เชื่อ” เยาวภาเอ่ยขึ้นด้วยสุ้มเสียงเย็นชา
เพลินพิศหันขวับไปมองเช่นเดียวกับทุกคน
“คุณไม่ใช่คุณกัลยา” เยาวภายังคงเย็นชาเช่นเดิม
เจคเดินเข้ามาพอดี
เพลินพิศผุดลุกขึ้นชี้หน้า “เดี๋ยวแม่ตบ”
เจคปรามเสียงดัง “เพลิน”
เพลินพิศลืมตัวหันขวับมาทันที “ฉันคือพุธกันยา ไม่ใช่นังเพลินคนนี้” นางร้ายเจ้าบทบาทร้องห่มร้องไห้ทุบอกเร่าๆ ด้วยอารมณ์รุนแรง
บุรีบอก “พุธกันยาไม่เคยตีอกชกหัว”
เพลินพิศมองบุรีด้วยแววตาเจ็บปวด “พี่บุรี ทำไมทำร้ายจิตใจกันอย่างนี้ พี่บุรีใจร้าย”
เพลินพิศร้องไห้แล้วฟุบสลบลงไป ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
เจคกับบุรีมองเพลินพิศ เหมือนเริ่มลังเล และไม่แน่ใจ
อ่านต่อหน้า 2
ใยกัลยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
บริเวณรถอาหารกองถ่าย หอมน้ำ และเขน เดินแกมวิ่งมาที่พิไล ซึ่งกำลังคุยกับทับทิม โดยมีโกศลวิ่งตามหลัง
“หอมจ๋า รอโกด้วย”
“ป้าพิไล พี่ทับ สวัสดีค่ะ” หอมน้ำไหว้ เขนไหว้ตาม สองคนรับไหว้
“เจริญสุขเถอะค่ะ นี่ทานข้าวกันมาหรือยัง” พิไลถาม
“ยังค่ะ เขนกำลังหิวเลย”
“ทับ ตักข้าวหน้าไก่ให้นางเอกกับเพื่อนนางเอกซิ” พิไลบอก
โกศลแทรกขึ้น “สเต็กไม่มีหรือครับ”
ทับทิมทำตาหวานใส่ “คุณน้องจะรับประทานหรือคะ คุณพี่ทับจะได้พาไป”
“ขอบคุณครับ..แต่ผมขอบาย.. กลัว...” โกศลยิ้มแห้งๆ ยังพูดค้างอยู่ แต่ถูกเขนด่า
“ไอ้โก หุบปาก! ป้าพิไลขา ผีเข้าคุณเพลินเป็นยังไงบ้างคะ”
“โอ๊ย... ออกแล้วค่ะ พูดแล้วขนลุก”
“น้องหอมคงไม่ต้องกลุ้มใจแล้วละจ้ะ คุณพุธแกหาที่สิงได้ใหม่แล้ว” ทับทิมว่า
โกศลสะดุ้ง ถามซะดัง “หอม หอมถูกผีสิงเหรอ”
“ไม่ต้องเสียงดังก็ได้” หอมน้ำเอ็ดเอา โกศลจ๋อง
“ป้าจะเล่ารายละเอียดลงดีเทลให้ฟังค่ะ พูดแล้วขนลุก”
พิไลเริ่มเล่า ทุกคนฟังตาโตอย่างสนใจจนลืมกินข้าว เขนนั้นถือช้อนค้าง
ส่วนในห้องแต่งตัว เพลินพิศกำลังนั่งให้ช่างทำผม ส่วนคนอื่นๆ ลูกนัท ธันวา ก็กำลังแต่งหน้าแต่งตากันไป ซักถามเพลินพิศ ซึ่งทำสีหน้าละห้อยละเหี่ย หวาดกลัวอยู่
“รู้สึกดีขึ้นหรือยัง” อธิปเดินมายื่นแก้วน้ำให้
เพลินพิศทำท่าละโหยโรยแรง “ขอบใจนะจ๊ะ เพลินไม่รู้สึกตัว จำอะไรไม่ได้เลย” นางร้ายเจ้าบทบาทน้ำตาไหลร่วง “ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับเพลิน เพลิน...เพลินไม่ไหวแล้ว” นางสำทับด้วยการสะอึกสะอื้น น้ำตาไหลพรากๆ เปื้อนเครื่องสำอาง
“คุณน้องขา คุณน้อง หน้าเละแล้วค่ะ ร้องไห้เฉยๆ อย่าให้น้ำตาไหลได้มั้ยคะ” อุมาบอก
“เพลินจะพยายามค่ะ”
ลูกนัทเป็นห่วง “จะไหวเหรอ ลูกนัทว่าเพลินพักก่อนดีไหม”
เพลินพิศบอกทันทีว่า “ไม่เป็นไรจ้ะ เพลินจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้เสียงาน เพลินยังไหว ยังสามารถ...”
คัมภีร์เดินเข้ามา
“นักข่าวข้างนอกเต็มไปหมดเลย เพลินจะให้สัมภาษณ์ไหม”
เพลินพิศนัยน์ตาเป็นประกาย ขยับจะพูด แต่ธันวาชิงพูดขึ้นก่อน
“ผมว่าอย่าเพิ่งดีกว่า เพลินเพิ่งผ่านเรื่องตกอกตกใจมาหยกๆ คงให้สัมภาษณ์ไม่ไหว”
“ไหว”
ทุกคนมองเพลินพิศอย่างแปลกใจ
เพลินพิศปรับสีหน้าเศร้าอย่างเดิม “จะได้เป็นการโปรโมตหนังด้วยไง”
ธันวาทักท้วง “ผมไม่เห็นด้วย”
ลูกนัทก็ไม่เห็นด้วย “ลูกนัทก็เหมือนกัน”
“แต่เพลินพร้อม เพื่อหนังของเรา”
โค้กเดินเข้ามาพอดี คัมภีร์หันไปถาม
“คุณเจคว่ายังไงโค้ก”
“คุณเจคออกไปพบกับนักข่าวแล้วบอกว่าเพลินยังไม่พร้อมจะให้สัมภาษณ์”
เพลินผิดหวัง “ว้า…”
เห็นทุกคนมองเป็นตาเดียว เพลินพิศรีบแก้ “คือ เพลินเสียดายโอกาสโปรโมตละครน่ะค่ะ แต่ไม่เป็นไรคุณเจคว่าไงเพลินก็ว่ายังงั้น”
แต่แล้ว เพลินพิศกำลังยิ้มแย้มให้สัมภาษณ์ท่ามกลางนักข่าวแทบทุกสำนัก
“เป็นอะไรที่เพลินช็อกน่ะค่ะ แต่ก็ถือเสียว่าได้ทำบุญที่เป็นสื่อกลางให้ดวงวิญญาณจากอีกภพหนึ่งได้ติดต่อกับคนที่เขายังรักยังผูกพัน เนี่ย เพลินตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปทำสังฆทานให้คุณกัลยา”
“น้องเพลินมั่นใจได้ยังไงคะว่าเป็นคุณพุธกันยา” ลิซซี่ถาม
“พี่ๆ ในกองถ่ายเล่าให้ฟังค่ะ ทุกคนได้ยินกันหมด”
นักข่าว 1 ซัก “เพลินพอจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังได้มั้ยคะ”
“มันเป็นอะไรที่เร็วมากค่ะ เพลินจำได้ว่ากำลังทานข้าวอยู่ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย แต่ลูกนัท ธันวา และทุกคนที่อยู่ในที่นั้นคงจะเล่าให้พี่ๆ นักข่าวฟังได้”
นักข่าว 2 ถามซัก “เคยรู้เรื่องพุธกันยามาก่อนหรือเปล่าครับ”
“ตอนท่านเสียชีวิต เพลินยังไม่เกิดเลยค่ะ แต่ก็ทราบว่า ท่านเป็นซุปตาร์สมัยนั้น เพลินปลื้มมากที่ท่านให้เกียรติมาสิงเพลิน”
ลิซซี่ถาม “ได้ข่าวว่า น้องหอมน้ำก็เคยเห็นวิญญาณพุธกันยาไม่ใช่หรือ”
“อันนั้นเพลินไม่ทราบค่ะ ขอพูดแต่เรื่องที่เพลินได้ประสพกับตัวเองดีกว่า”
บรรดานักข่าวต่างแย่งกันถามเซ็งแซ่ เพลินพิศปลื้มมากที่ตัวเองเป็นจุดสนใจตามคาด
บุรี ขวัญอนงค์ และเจค นั่งกันเงียบๆ อยู่ในห้องรับแขก ขณะที่โค้กเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“เพลินให้สัมภาษณ์จ๋อยๆ เลยครับ ผมบอกว่าคุณเจคห้ามแล้วก็ไม่ฟัง
ขวัญอนงค์ประชดเล็กๆ “ได้โอกาสดังแล้วนี่”
“ไปสั่งเลิกกองเลย”
โค้กและขวัญชะงัก
“วันนี้คงไม่สะดวกแล้ว” เจคหันมาไหว้บุรี “ผมต้องขอโทษคุณบุรีที่ทำให้มีแต่เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจตั้งแต่เข้ามาถ่ายหนัง”
“ไม่เป็นไรคุณเจค...ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า...”
ขวัญอนงค์ขัดขึ้น “ขวัญว่าเหลวไหลทั้งนั้น ป่านนี้กัลยาคงไปเกิดแล้วล่ะค่ะ”
เจคกลับบอกว่า “ไม่แน่หรอก”
ทั้งสามคนสีหน้าประหลาดใจขณะมองเจค
“หมายความว่า คุณเจคเชื่อ”
เจคลุกขึ้นไหว้บุรีอีกครั้ง โดยไม่ตอบคำถามขวัญ “ผมลาละครับ ต้องขอโทษอีกครั้ง”
บุรีรับไหว้ “ไม่เป็นไรครับ”
“ไป...โค้ก”
เจคเดินออกไปกับโค้ก ขวัญอนงค์มองตามแล้วหันมามองบุรี
“พี่บุรีเชื่อหรือเปล่าคะ”
“พูดยาก”
“ในกรณีไหนคะ หอมน้ำหรือว่าเพลิน หรือว่าทั้งสองคน”
บุรีมองไปที่รูปของพุธกันยา ราวกับจะถามถึงทุกเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
ต้นพุดซ้อนในซุ้มหลังบ้าน ออกดอกสะพรั่ง หอมน้ำเดินเข้ามาตามด้วยเขน ทับทิม โดยที่ทับทิมกอดแขนเขนไว้แน่นหวาดๆ หอมน้ำหยุดยืนมองหา ทับทิมยิ่งเบียดเขน
เขนถามเบาๆ “อยู่หรือเปล่าหอม”
หอมน้ำยังคงเหลียวมองไปโดยรอบ แล้วส่ายหน้า
“ค่อยยังชั่ว” ทับทิมโล่งอก
“ไปกันเถอะ”
หอมน้ำบอกพลางขยับจะเดินย้อนกลับ แต่แล้วไอเย็นเริ่มออกจากลมหายใจ จึงหยุดชะงัก
เขนดูออก “มาแล้วเหรอ”
หอมน้ำพยักหน้าแล้วหันกลับไปมอง ทับแอบหลังเขน
พุธกันยานั่งอยู่บนม้านั่งใกล้ต้นพุดซ้อน “ให้ฉันสิงเธอตอนนี้ได้ไหม อยากจะตบแม่คนนั้นสักหน่อย”
“ไม่ได้ค่ะ หอมไม่อยากมีเรื่อง”
เขนอยากรู้มาก รีบกระซิบ “นางว่ายังไง”
“มันถือดียังไงถึงได้มาหาว่าฉันสิงมัน ดวงวิญญาณน่ะ เขาก็เลือกเหมือนกัน ไม่ใช่สิงสุ่มสี่สุ่มห้า นังนั่นมันทำให้คนเข้าใจฉันผิด ทำให้ฉันเสียภาพพจน์ ฉันจะหักคอมัน”
หอมน้ำรีบห้าม “ใจเย็นๆ ค่ะ”
“มันโกหกหน้าด้านๆ เพราะอยากดัง” พุธกันยาแค้นมาก
“เพราะอย่างนั้นคุณถึงต้องใจเย็นๆ ถ้าขืนเอะอะอาละวาดไปก็จะยิ่งทำให้คุณเพลินดังไปกันใหญ่ ในขณะเดียวกันคุณกับหอมก็จะมีความน่าเชื่อถือน้อยลงไป แล้วเป้าหมายของคุณที่จะติดต่อกับสามีและลูกก็จะไม่เป็นผลสำเร็จ โดยเฉพาะคุณหมอที่ไม่เชื่ออยู่แล้ว ก็จะยิ่งไม่เชื่อไปกันใหญ่”
พุธกันยาถอนใจยาว
“ยังไงหอมก็จะพยายามทำให้คุณหมอเชื่อให้ได้”
พุธกันยามองหอมน้ำเหมือนไม่นึกว่าจะได้ยินอย่างนั้น รวมทั้งเขนและทับทิมด้วย
“หอม...ไหนว่า” เขนท้วง
หอมน้ำจับมือเพื่อนบีบเบาๆ เป็นสัญญาณอย่าเพิ่งพูด
“เธอจะช่วยฉันจริงๆ หรือ” พุธกันยาเอ่ยขึ้น
“ค่ะ หอมเพิ่งตัดสินใจเมื่อตอนที่รู้ว่าคุณเพลินพิศฉวยประโยชน์จากความตั้งใจจะติดต่อกับลูกกับสามีของคุณ หอมจะพยายามทำให้สำเร็จ”
พุธกันยาตื้นตันใจ “ขอบใจนะจ๊ะ หอมน้ำ ขอบใจเหลือเกิน ฉันรู้ว่าฉันดูคนไม่ผิดมาตั้งแต่แรก”
หอมน้ำยิ้มตอบใสซื่อ จริงใจ
อีกฟากหนึ่ง คนไข้แผนกทันตกรรม ซึ่งตรวจเสร็จแล้ว ยกมือไหว้ ศวัสเขียนใบสั่งยาเสร็จรับไหว้และส่งใบรับยาให้พยาบาล
“ขอบคุณค่ะ แล้วป้าต้องมาอีกไหมคะ”
“ไม่ต้องแล้วครับ ยาแก้ปวดที่หมอให้ ถ้าไม่ปวดก็ไม่จำเป็นต้องทานนะครับ”
คนไข้เดินออกไป ขณะพยาบาลออกไปเรียกคนไข้คนต่อไป ศวัสนิ่วหน้าเมื่อก้มลงอ่านรายชื่อคนไข้ในระเบียน
เป็นเอิงยิ้มหวานเดินเข้ามา ย่อตัวลงไหว้ชดช้อย
“สวัสดีค่ะ”
ศวัสรับไหว้ “สวัสดีครับ”
“เอิงมาทวงสัญญาที่พี่หมอบอกว่าจะไปทานข้าวกับเอิง”
“ผม...”
“แล้วระหว่างทานข้าว เอิงก็มีเรื่องสำคัญจะเล่าให้ฟังด้วย”
“เรื่องอะไรครับ”
“เอาแค่ทราบว่าเรื่องนี้เกิดที่บ้านพี่หมอเมื่อเช้าก่อนนะคะ รายละเอียดเอิงจะเก็บไว้เล่าให้ฟังตอนทานข้าว”
สีหน้าเอิงบ่งบอกความพึงพอใจ สมใจที่เหมือนเป็นฝ่ายได้เปรียบ
สองคนมานั่งอยู่ในร้านอาหาร บรรยากาศเงียบๆ เอิงเล่าเรื่องผีพุธกันยาสิงเพลินพิศจบแล้ว
“เอาอีกแล้วหรือครับ ทำไมไม่จบไม่สิ้นเสียที” ศวัสบ่นขึ้นทันทีเมื่อฟังจบ
เอิงทาบมือบนมือศวัส “เอิงเข้าใจแล้วก็เห็นใจพี่หมอมากค่ะ”
ช่างภาพปาปารัสซี่ของชิดขอบบันเทิงแอบอยู่มุมหนึ่งตามแผนเอิง ถ่ายรูปช็อตนี้ทันที
“ไม่ดีเลยนะคะ ดาราพวกนี้พยายามสร้างกระแสกันทั้งนั้น เพลินพิศคงเห็นตัวอย่างจากหอมน้ำที่ดังขึ้นมาทันที เลยเอาอย่างบ้าง”
ศวัสถอนใจหงุดหงิด บริกรยกอาหารมาเสิร์ฟ ศวัสค่อยๆ ดึงมือออกมาอย่างสุภาพ
“อาหารมาแล้ว”
“พี่หมอช่วยแกะปลาให้เอิงหน่อยได้มั้ยคะ เอิงแกะไม่เก่ง”
“ได้ครับ” ศวัสใช้ช้อนส้อมแกะปลาทอดให้เอิง
ช่างภาพปาปารัสซี่ถ่ายช็อตนี้ทันที โดยเลือกมุมให้มองว่าทั้งสองคนใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก เอิงทำเงยหน้าทำตาหวานขอบคุณศวัส
ส่วนที่ห้องรับแขกบ้านศวัส ตอนเย็น แจ่มยกถาดวางจานผลไม้และน้ำดื่มมาวางให้ทั้ง 4 คน บุรี ขวัญอนงค์ หอมน้ำ และเขน ซึ่งนั่งกันเงียบๆ แล้วเดินออกไปอย่างเรียบร้อย
“หอมน้ำ” ขวัญอนงค์ทำลายความเงียบขึ้น
“คะ”
“คุณลุงบุรีเมตตาหนูมาก หนูคงรู้”
“หนูทราบค่ะ” หอมน้ำบอก เสียงหนักแน่น “แล้วหนูก็นึกถึงพระคุณของคุณลุงเสมอ”
เขนเสริม “หอมเขาเป็นคนกตัญญูค่ะ”
“งั้นหนูต้องพูดความจริง”
บุรีปราม “อย่าเลยขวัญ”
“ไม่ได้ค่ะ เรื่องมันชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว”
“อาขวัญจะถามเรื่องคุณพุธกันยาใช่ไหมคะ”
ขวัญอนงค์พยักหน้า “อาได้ยินคนในกองถ่ายพูดกันถึงเรื่องผีพุธกันยา”
บุรีห้าม “พอเถอะ”
ขวัญอนงค์จ้องหน้าบุรี “แต่พี่บุรีบอกว่าอยากทราบความจริงจากหอม”
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว หอมน้ำ หนูกลับไปเถอะ”
“คุณลุงคะ”
เขนจับแขนเพื่อน “ไปกันเถอะ”
หอมน้ำ เขน ไหว้ลาบุรีและขวัญอนงค์ ทั้งสองรับไหว้ สองสาวเดินออกไป
บุรีหันมาบอกขวัญอนงค์ “คุณจะอยู่ต่อก็ได้นะ ผมขอตัวก่อน เหนื่อยเหลือเกิน”
บุรีเดินออกไป ขวัญอนงค์มองตามอย่างน้อยใจ แล้วหยิบกระเป๋าลุกขึ้น
ระหว่างนี้ พุธกันยาปรากฏตัวขึ้น ดวงตาเป็นประกายแข็งกร้าว จ้องขวัญอนงค์เขม็งอย่างเกลียดชัง
“นังขวัญ สะเออะดีนัก”
พุธกันยาเลื่อนสายตาไปที่แจกันดอกไม้ แจกันนั้นปลิวมาที่ขวัญอนงค์ทันที ขวัญอนงค์ร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ หลบทันชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด รีบลนลานจะเดินออกไป
พุธกันยายกสองมือขึ้นและผลักไปที่ขวัญอนงค์เต็มแรง จนดาราสาวใหญ่หน้าคะมำถลาล้ม
“ว้าย”
บุรีได้ยินเสียงรีบลงบันไดตรงมาที่ขวัญอนงค์ เช่นเดียวกับเยาวภาและแจ่ม มีเพียงเยาวภาที่มองอย่างสะใจ
“ขวัญ”
“ไงล่ะ นังขวัญ เชื่อหรือยังว่าฉันมีจริง มาจริง” พุธกันยาบ่นบ้า
บุรีช่วยพยุงขวัญอนงค์มานั่งบนเก้าอี้ ส่วนพุธกันยาหายไปแล้ว
ขณะที่หอมน้ำและเขน ซ้อนมอเตอร์ไซค์คนละคันมาถึงหน้าปากซอย เพื่อจะเดินไปขึ้นรถเมล์ ศวัสขับรถเลี้ยวเข้าซอยมา เหลือบเห็น สองสาวที่ป้ายรถเมล์จึงถอยรถ ขับเลยไปหยุดตรงหน้าป้ายรถเมล์นั้นพร้อมกับกดกระจกลง
“ขึ้นมา”
สองสาวมองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วเขนตัดสินใจเปิดประตูขึ้นนั่งตอนหลัง โดยดันให้หอมน้ำไปขึ้นข้างหน้า
หอมน้ำจำใจเปิดประตูขึ้นไปนั่งคู่กับศวัส รถศวัสขับย้อนเข้าไปในซอย
ศวัสเปิดประตูห้องแต่งตัวออก แล้วเบี่ยงตัวให้หอมน้ำกับเขนเข้าไปก่อน แล้วตัวเองตามเข้าไปพร้อมกับปิดประตู แล้วเลยเดินไปเปิดแอร์ ขณะที่หอมและเขนเปิดม่าน
หอมน้ำรีบเสนอเอาใจ “วันนี้เกิดเรื่องใหญ่เลยค่ะ”
“รู้แล้ว”
หอมน้ำหน้าแหย “หรือคะ”
เขนแปลกใจ “ใครบอกเฮีย เอ๊ย คุณหมอคะ”
“ไม่ต้องถาม เราสองคนคอยตอบคำถามฉันก็แล้วกัน”
“คุณหมอพูดแบบเผด็จการเลยค่ะ”
ศวัสจ้องหอมน้ำเขม็ง จนอีกฝ่ายต้องหลบตาลง จ๋อยไป
“ขอโทษค่ะ หอมนึกว่าคุณหมอจะหัวเราะ เห็นหน้าบึ้งๆ”
“เราน่ะตัวดี” หอมน้ำหน้าเสีย ศวัสดุต่อ “สร้างเรื่องผีเรื่องสางขึ้นมาจนวุ่นวายกันไปหมด”
“หนูไม่ได้สร้างเรื่อง หนูพูดความจริง” หอมน้ำเสียงแข็ง
ศวัสตวาด “ความจริงบ้าบออะไร”
หอมน้ำสะดุ้งตกใจกับเสียงตวาดนั้น
“คุณหมออย่าดุซิคะ หอมเขากลัว” เขนขอร้องดีๆ
ศวัสปรายตามองเขนแวบหนึ่ง แล้วกลับมามองหอมน้ำ “กลัวก็สารภาพผิดกับทุกคน เธอยังเด็ก ทำผิดแล้วรู้สึกตัว ยอมสารภาพ ผู้ใหญ่เขาก็ให้อภัย”
เขนตอบแทน “หอมเขาไม่ได้โกหกค่ะ”
“เราก็เห็นเหมือนกันเรอะ” ศวัสมองดุเขน
“เปล่าค่ะ เขนไม่เห็น แต่หอมเขาไม่เคยโกหก”
“รู้ได้ยังไง”
เขนจะพูด “ก็...”
หอมน้ำตัดบท “พอเถอะเขน อย่าไปเถียงคุณหมอเลย”
“ดี ผิดแล้วรู้จักรับผิด”
หอมน้ำบอกทันที “หนูไม่ผิด”
ศวัสท้าวสะเอว เหลือกตามองเพดานด้วยท่าทางสุดเซ็ง หอมน้ำบอกอย่างหนักแน่น
“หนูไม่ใช่คนดื้อ...แต่ถ้าหนูไม่ได้ทำ หัวเด็ดตีนขาดหนูก็ยอมรับไม่ได้ พ่อแม่สอนให้หนูมีจุดยืน”
เขนถือโอกาสสรรเสริญเพื่อน “หอมเขาเป็นคนอ่อนนอกแข็งในค่ะ”
หอมน้ำพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น “คุณหมอคะ คุณแม่ของคุณหมอท่านเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจมาก หนูอยากให้คุณหมอลองฟังท่านดูบ้าง”
“ซึ่งก็คือฉันต้องฟังเธอ”
หอมน้ำมีท่าทีกระตือรือร้น “ค่ะ”
ศวัสกุมขมับ แล้วเดินออกไป
“คุณหมอโกรธใหญ่เลย”
“ช่างเป็นไร อยากโกรธก็โกรธไปซิ ช่วยไม่ได้ จะกลับบ้านอยู่แล้วยังลากกลับมาทะเลาะอีก”
หอมน้ำพยักหน้าแล้วเดินไปปิดแอร์ ขณะเขนปิดม่าน แล้วทั้งสองเดินออกไป
ทั้งสองสาวเดินคุยกันออกมารอมอเตอร์ไซค์หน้าซอยเข้าหมู่บ้าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
หอมน้ำหยิบขึ้นมาดูและบอกเขน “คุณเจคโทร.มา”
เขนพยักหน้ารับรู้ หอมน้ำรับสาย
“สวัสดีค่ะ คุณเจค ไปเดี๋ยวนี้หรือคะ ได้ค่ะ หอมจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” หอมน้ำเก็บโทรศัพท์ “คุณเจคให้ไปพบที่ออฟฟิศเดี๋ยวนี้”
เขนแปลกใจ “เรื่องอะไรอีกล่ะ”
“ไม่รู้ หรือจะเรื่องเมื่อเช้า”
วินมอเตอร์ไซค์ผ่านมา 2 สาวโบกมือ แล้วซ้อนออกไป
ฝ่ายบุรีเดินไปเปิดประตูรับลูกชายเข้ามา พุธกันยาซึ่งนั่งพับเพียบอยู่หน้าเตียงลุกขึ้นมองลูก
“เพลินพิศเพิ่งกลับไปสักพัก” บุรีบอก
“ผมเห็นแล้วครับ สวนกันตอนผมกลับเข้ามา”
บุรีทอดถอนใจยาวพร้อมกับเดินมานั่งบนเตียง
“ผมจะลาพักร้อน”
“ก็ดีนี่”
“ผมจะพาคุณพ่อไปเที่ยวยุโรป”
บุรีส่ายหน้า “พ่อไม่อยากไปไหน”
“งั้นไปเชียงใหม่ก็ได้ คุณพ่อชอบเชียงใหม่”
“พ่อรู้ว่าศวัสหวังดี แต่คนเราจะหนีอะไรก็หนีได้ ยกเว้นหนีตัวเอง ต่อให้ลูกพาพ่อไปไกลจนสุดโลก พ่อก็ยังคงเป็นอย่างนี้” บุรีบอกอย่างรู้ทัน
ศวัสถอนใจยาวอย่างจนปัญญา ขณะที่พุธกันยามองสามี น้ำตาคลอ
“ในเมื่อพ่อหนีตัวเองไม่ได้ พ่อก็จะเผชิญหน้ากับความจริง”
“คุณพ่อจะทำยังไงครับ”
“พ่อจะยอมรับฟังหอมน้ำ”
ศวัสขัดใจ “คุณพ่อ”
“โดยเฉพาะตอนที่เขาอ้างว่ากัลยาเข้าสิง” บุรีย้ำ
“เด็กนั่นโกหกหลอกลวง”
“แกรู้ได้ยังไง”
“ผีไม่มีในโลก”
พุธกันยาท้วงลูกชาย “แต่มีวิญญาณนะลูก เช่นวิญญาณของแม่ไง”
“สิ่งใดที่เรายังไม่รู้แน่ ก็อย่าเพิ่งคิดว่าไม่มีจริง”
“คุณพ่อหมกมุ่นกับเรื่องพวกนี้มากไปแล้ว”
“แกจะพาพ่อไปพบจิตแพทย์อีกคนรึไง”
ศวัสนิ่งอึ้งไป พุธกันยายิ้ม ตบมืออย่างชอบอกชอบใจ
“ฟังคุณพ่อนะลูก ฟังเอาไว้”
“บางทีแกเองนั่นแหละควรจะไปพบจิตแพทย์เสียเอง” บุรีบอก
ศวัสหน้าเจื่อนๆ ไป
ระหว่างนั้น ผู้คนด้านหน้า ออฟฟิศบริษัทสร้างศิลป์ 2000 เดินสวนกันไปมา
หอมน้ำและเขนเดินเข้ามาด้านใน ขณะที่รัชนกกำลังคุยกับพนักงาน 3-4 คน ทั้ง 2 สาวไหว้กลุ่มรัชนก กลุ่มนั้นรับไหว้
“สวัสดีค่ะ น้องหอม น้องเขน คุณเจคกำลังรออยู่ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่นก เขนรออยู่แถวนี้ก็ได้นะ”
“โอเค”
เขนเดินมาเข้ากลุ่มรัชนก ขณะหอมน้ำเดินเข้าไปด้านใน
เจคกำลังนั่งดูภาพพุธกันยาอยู่ มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น จึงปิดโน้ตบุ๊ค ตะโกนบอกไป
“เข้ามา”
ประตูเปิดออก หอมน้ำเดินเข้ามา
“นั่งซิ”
“ขอบคุณค่ะ” หอมน้ำทรุดตัวลงนั่ง “คุณเจคมีธุระอะไรกับหอมหรือคะ”
“ตัดสินใจหรือยังที่อาจะให้เล่นเป็นนางเอกเรื่อง รอยทราย”
“ขอบคุณมากค่ะที่ให้โอกาส แต่หอมคงไม่เล่น”
“ทำไมล่ะ”
หอมน้ำก้มหน้าครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเจค “ขอไม่ตอบได้ไหมคะ”
เจคถามขึ้น “เกี่ยวกับพุธกันยาหรือเปล่า”
หอมน้ำชะงัก ก้มหน้าหลบตาวูบ
“อาสังเกตว่าเวลาเข้าฉาก หนูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
หอมน้ำบีบมือ สีหน้าท่าท่างอึดอัด
เจคเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ “พุธกันยาเล่นหนังของอาหลายเรื่อง เราสนิทกันมาก”
หอมน้ำเงยหน้าขึ้นมอง เจคพูดต่อว่า
“ถ้าหนูติดต่อกับดวงวิญญาณเขาได้ ช่วยบอกเขาด้วยว่า อายังระลึกถึงอยู่เสมอ”
หอมน้ำยังคงนิ่งในท่านั้น
เจคขยับตัว สีหน้าท่าทางที่ค่อนข้างเศร้ากลับเป็นปกติ “เท่านี้แหละ”
หอมน้ำรับงงๆ “ค่ะ”
“กลับไปคิดเรื่อง “รอยทราย” ให้ดี อาอยากให้หอมเล่นเรื่องนี้จริงๆ”
หอมน้ำไหว้ “ขอบคุณมากค่ะ”
หอมน้ำลุกเดินออกไป เจคมองตามพลางถอนใจยาว
เขนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่มุมรับแขก หน้าโต๊ะพีอาร์ มีรัชนกกำลังรับโทรศัพท์อยู่ สักครู่หอมน้ำเดินเข้ามา
“ไป เขน”
เขนวางหนังสือแล้วเดินไปหาหอมน้ำ
“กลับนะคะพี่นก” หอมน้ำกะเขนหันไปไหว้ลาพีอาร์สาว
“โชคดีค่ะ น้องหอม น้องเขน”
ทั้งสองฝ่ายไหว้และรับไหว้กัน แล้วหอมน้ำและเขนก็เดินออกไป
ร้านก๋วยเตี๋ยวริมถนนที่สองสาวนั่งอยู่มุมหนึ่ง ผู้คนไม่พลุกพล่านนัก บริกรยกชามก๋วยเตี๋ยวมาวางให้ 2 สาว พร้อมโอเลี้ยงคนละแก้ว
เขนปรุงทันที “หิวจัง”
ส่วนหอมน้ำปรุงช้าๆ
“คุณเจคว่ายังไงบ้าง”
“ก็เรื่องคุณพุธนั่นแหละ แล้วก็เรื่อง...รอยทราย”
เขนเงยหน้ามอง “แกจะเล่นหรือเปล่า”
หอมน้ำส่ายหน้าเด็ดเดี่ยว “ไม่ เรื่องเดียวเข็ด”
เขนพยักหน้า “ดี ฉันก็ว่าวงการนี้มันแปลกพิลึก”
หอมน้ำยิ้มขัน “ไม่สนับสนุนให้หอมเล่นแล้วเหรอ”
“ไม่ บางทีเงินก็ไม่สำคัญเท่ากับความสุขสงบ”
“สาธุ”
สองสาวสาวหัวเราะกัน
คอนโดมิเนียมหรู ที่พักเพลินพิศ เงียบสงัดด้วยเป็นเวลาดึกสงัด ส่วนภายในห้อง เพลินพิศกำลังนอนหลับสนิท
จู่ๆ มีเสียงกริ่งดังขึ้นติดๆ กัน จนกระทั่งเพลินพิศตื่นขึ้นอย่างหงุดหงิด งัวเงีย
“ใครมาป่านนี้”
เสียงกริ่งดังขึ้นอีก เพลินพิศลุกเดินไปที่ประตูห้องนอน เปิดออกไป เดินตรงมาที่ประตูห้องใหญ่ พร้อมกับแนบหน้ามองผ่านช่องตาแมว พบว่าภายนอกไม่มีใคร เพลินพิศส่ายหน้าจะเดินกลับ แต่เสียงดังขึ้นอีก แต่คราวนี้เหมือนเสียงเคาะประตู นางร้ายชะงักและส่องดูอีก พบว่าภายนอกว่างเปล่าดังเดิม
เพลินพิศถอยหลังเดินกลับด้านในด้วยความหวาดกลัว แต่ด้วยรีบร้อนขาไปชนโครมเข้ากับเก้าอี้เสียงดังลั่น
“ว้าย”
เพลินพิศยืนสงบจิตสงบใจครู่หนึ่ง แล้วปิดไฟรีบเดินกลับเข้าห้องนอนพร้อมกับปิดประตูลง พอหันกลับมาและสะดุ้งเฮือก กรีดร้องลั่น ด้วยในมุมห้องมีเงาดำๆ เหมือนเงาคนทาบผนังอยู่
เพลินพิศหลับตาลงและพยายามตั้งสติแล้วเปิดไฟ
ภาพเงาคนที่ทาบผนังอยู่หายไป เพลินพิศถอนใจโล่ง
“ตาฝาดไปเอง”
เพลินปิดไฟ แล้วขึ้นเตียงนอน
ตอนเช้าวันถัดมา เพลินพิศกำลังสอบถามยามเรื่องเมื่อคืน
“ไม่มีได้ยังไง ก็ฉันได้ยินเสียงทั้งเสียงกริ่งและเสียงเคาะประตู”
ยาม 1 ยืนยัน “แต่ถ้ามีคนเข้ามาผมก็ต้องรู้ซิครับ”
ยาม 2 เสริม “คอนโดฯ เรามีระเบียบการป้องกันอย่างเข้มแข็ง”
เพลินพิศฉุนขาด “เข้มแข็งบ้าบออะไรกัน คอยดูนะ ฉันจะรายงานผู้จัดการ”
เพลินพิศขึ้นรถ และรีบออกไปอย่างหงุดหงิด
ฝ่ายหอมน้ำพลิกตัวลืมตาตื่นพร้อมกับสะดุ้งเฮือก เมื่อพบว่าพุธกันยานั่งอยู่ปลายเตียง และกำลังมองตรงมา
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ทำไมวันนี้มาแต่เช้าคะ”
พุธกันยาลุกเดินไปที่หน้าต่าง มองผ่านม่านออกไปครู่หนึ่ง แล้วหันกลับมา
“ต่อไปฉันอาจจะไม่ต้องสิงเธอแล้ว”
หอมน้ำกระตือรือร้น “ทำไมคะ คุณพุธจะไปเกิดใหม่แล้วใช่มั้ยคะ”
พุธกันยาส่ายหน้า “ฉันกำลังแข็งแรงขึ้น มีพลังมากขึ้น”
หอมน้ำยังคงมองจ้องสีหน้างุนงง
“ฉันเริ่มทำให้คนอื่นรู้สึกว่าฉันมีตัวตนอยู่ในที่นั้นด้วย”
พุธกันยาเดินกลับมาและทรุดตัวลงนั่งบนเตียง โดยเตียงไม่ยุบลง
“พูดง่ายๆ ก็คือฉันสามารถปรากฏเงาให้เห็นได้ ทำให้เกิดเสียงดังได้พูดให้ง่ายเข้าไปอีกคือ ฉันเริ่มจะหลอกผู้คนได้แล้ว มัวโง่เสียตั้งนาน”
“เอ๊ย อย่านะคะ คุณอย่าทำอย่างนั้น มันเป็นบาป หอมไม่อยากให้คุณทำบาป”
พุธกันยามองหอมด้วยแววตาอ่อนลง “เธอเป็นคนจิตใจดี นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอเห็นฉันได้”
“ไม่ใช่เพราะหอมมีซิกซ์เซ้นส์ หรือคะ”
“บางคนเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับเธอ เป็นเพราะเธอจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ เหมือนเด็กๆ ที่เห็นบางอย่างที่ผู้ใหญ่ไม่เห็น”
“หอมก็แค่คนๆ หนึ่ง ที่ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นหรอกค่ะ” เธอบอก
พุธกันยาถอนใจยาว “คนดีมักจะถ่อมตัว คนชั่วมักจะมองข้ามความผิดของตัวเอง” พุธกันยาลุกขึ้น “ฉันไปละ”
“เดี๋ยวค่ะ”
พุธกันยามองมายังหอมน้ำด้วยสายตาอ่อนโยน
“คุณปรากฏตัวให้คุณลุงบุรีกับคุณหมอเห็นได้แล้วใช่ไหมคะ”
“ทุกอย่างต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป”
พุธกันยาเลือนหายไปในแสงอ่อนๆ ยามเช้า
แจ่มถือเครื่องไม้เครื่องมือทำความสะอาดตรงมาที่ห้องพุธกันยา จับลูกปิดจะเปิดแล้วชะงัก เมื่อได้ยินเหมือนมีคนอยู่ข้างใน แจ่มเอาหูแนบประตู มีเสียงคนเดิน ตามด้วยเสียงปิดเปิดตู้ แจ่มผวา ถอยหลัง ผงะด้วยความตกใจกลัว
เสียงเรียก “แจ่ม” ดังขึ้น
“ว้าย”
แจ่มหันไปมองแล้วถอนใจเฮือกเมื่อเห็นศวัสยืนอยู่ที่ประตูห้องเขา หลังเปิดประตูห้องออกมา
“เป็นอะไรน่ะ” หมอขี้เก๊กรำคาญเล็กๆ
แจ่มยังคงกลัวไม่หาย “แจ่ม...แจ่มได้ยินเสียงเหมือนผี มีใครอยู่ในห้องค่ะ”
“เหลวไหล จะมีได้ยังไง” พูดพลางเขาเดินมาเปิดประตูออก
พบว่าทุกอย่างในห้องเป็นปกติ
“เอ้า มาดูซะให้เต็มตา”
แจ่มอิดออด “แจ่ม...”
“บอกให้มาดู”
แจ่มจำใจเดินมาดูอย่างหวาดๆ แล้วก็เปลี่ยนเป็นโล่งใจเมื่อเห็นทุกอย่างเหมือนเดิม
“มีใครมั้ย”
“ไม่มีค่ะ”
“ฟังแต่เรื่องผีจนฟุ้งซ่านไปกันหมด”
บ่นจบศวัสก็เดินไป แจ่มมองตามแล้วหันมามองในห้องหวาดๆ อีก พบว่าทุกอย่างเป็นปกติ
ส่วนในห้องแต่งตัว ทับทิมกำลังอ่านหนังสือ ชิดขอบบันเทิง อยู่ด้วยสีหน้าสนใจอย่างยิ่ง ประตูเปิดออก หอมน้ำและเขนเดินคุยกันเข้ามา
“อ่านอะไรจ๊ะ พี่ทับ”
“น้องเขน น้องหอม มาดูนี่”
“ดูอะไรคะ”
หอมน้ำพูดพลางเดินไปหาทับทิมพร้อมกับเขน
ทับทิมวางหนังสือลงและชี้ให้ดู “นี่ไง”
สองสาวมองตามและชะงัก เห็นเป็นรูปศวัสกำลังแกะปลาใส่จานให้เอิง โดยเอิงช้อนตามองยิ้มหวานให้
หอมน้ำอึ้ง หน้าซีดและทรุดตัวลงนั่ง
“เป็นอะไรหอม”
“เปล่า”
“สงสัยจะหิวข้าว เดี๋ยวพี่ทับจะไปขอข้าวต้มป้าพิไลมาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เขนบอก “ไปเถอะพี่ทับ” ทับทิมพยักหน้าแล้วออกไป
เขนมองเพื่อนอย่างเพ่งพิศ “เป็นเพราะรูปนี้ใช่ไหม”
หอมน้ำฝืนใจ “เปล่า... เฮ้อ..ในห้องนี้มันร้อนน่ะ”
เขนเงยหน้าขึ้น เห็นแอร์ปิดจึงเดินไปเปิด “ดีขึ้นไหม”
หอมน้ำพยักหน้า เหลือบตามองภาพนั้นอีกที ภาพนั้นราวกับ 2 คนกำลังมีความสุขกันเหลือคณา
หอมน้ำเม้มปาก น้ำตารื้นขึ้นมาโดยประหลาด
อ่านต่อหน้า 3
ใยกัลยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ทางฝ่ายศวัสกำลังคุยกับบุรี บนโต๊ะทานข้าวเช้า โดยมีขวัญอนงค์มานั่งร่วมโต๊ะด้วย เยาวภาซึ่งมาคอยดูแล สองพ่อลูก มองด้านหลังของขวัญอนงค์ด้วยสายตาจงเกลียดจงชังอย่างน่ากลัว
ในขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกัน โดยอาการบุรีนั้นค่อนข้างระวังตัว เพื่อไม่ให้ขวัญอนงค์มีความหวัง ส่วนศวัสพยายามจะเชื่อมให้ ทั้งสามกินไปได้ไม่กี่คำ พิไลก็ถือถาดวางชามกระเพาะปลา หน้าตาน่าทานเอาเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่า อิ่มกันหรือยังคะ”
“ยังจ้ะ พิไลเอาอะไรมาจ๊ะ” ขวัญอนงค์ยิ้มถาม
“กระเพาะปลาค่ะ ขนาดฉันทำเองยังว่าอร่อยเลย” พิไลพูดเอง เออเองพร้อมกับหัวเราะชอบอกชอบใจ
ขณะที่พูดกันตั้งแต่ประโยคแรก ศวัสลุกไปรับถาดมาวางบนโต๊ะ
“น่ากินจริงๆ ด้วย ขอบคุณมากนะครับ” บุรีเยื้อนบิ้ม
“ลองชิมดูซิคะ”
ขวัญอนงค์จัดการตักซอสใส่กระเพาะปลาให้บุรี “แค่นี้พอมั้ยคะ”
“พอครับ ขอบคุณ” ท่าทางบุรีดูออกว่าอึดอัด
ศวัสตักชิม “อร่อยมากเลย”
บุรีเลยพยักหน้าเห็นด้วย
พิไลยิ้มอย่างพอใจ “ชามเดียวท่าจะไม่พอ”
ศวัสรีบพูดอย่างเกรงใจ “พอครับป้า”
ขณะที่ทั้งหมดคุยกัน เยาวภาเข้ามาเก็บชามข้าวต้ม แล้วเดินออกไปเงียบๆ
“พี่ภาโกรธหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่หรอกครับ” ศวัสบอก
พิไลยิ้มแฉ่ง “ขาดเหลืออะไรอีกมั้ย ถ้าไม่มีฉันไปละ”
“เชิญครับ ขอบคุณมาก” บุรียิ้มตอบ
“รับประทานให้อร่อยนะคะ”
พิไลออกไป สามคนกินกันไปต่อ ขวัญอนงค์ยิ้มแย้มชวนบุรีพูดคุย แต่อีกฝ่ายพยายามระวังตัวตลอดเวลา
เยาวภายืนกำมือแน่นอยู่ในครัว สีหน้าดูโหดเหี้ยมเลือดเย็น แล้วจึงยกชามที่เก็บมาขึ้นทุ่มลงจนตกแตกกระจาย แจ่มซึ่งเพิ่งจะเดินเข้ามาสะดุ้งเฮือก พร้อมกับมองภาตกใจ
“คุณแม่บ้าน”
เยาวภาเหลียวขวับมามอง สีหน้าและแววตาคู่นั้นทำให้แจ่มถึงกับชะงักงัน กลืนน้ำลาย
“คุณ คุณแม่บ้านเป็นอะไรหรือคะ”
เยาวภาขบกรามแน่น “อยากฆ่าคน”
สีหน้าภากลับเป็นเย็นชาตามเดิม
“เก็บกวาดให้หมด”
เยาวภาเดินออกไป แจ่มเหลียวมองตามพลางถอนใจเฮือก
“ยังกับถูกผีสิง”
แจ่มพูดแล้วสะดุ้งพร้อมกับกวาดตามองซ้ายมองขวาหวาดๆ
หลังทานมื้อเช้าอิ่ม ศวัสเดินออกมาส่งขวัญอนงค์บริเวณใกล้ห้องแต่งตัว คุยกันมาเรื่อยๆ
ขวัญอนงค์มีสีหน้าน้อยอกน้อยใจ “หมอเห็นไหมคะ อาถามคำ คุณพ่อตอบคำตลอดเวลา อาอายมากที่ทำเหมือนผู้หญิงที่...” สาวใหญ่อัดอั้นจน น้ำตาคลอ พูดต่อไม่ออก
“ใจเย็นๆ ครับคุณอา”
ขวัญอนงค์ส่ายหน้า ประตูเปิดออก หอมน้ำเดินออกมาและชะงักเมื่อเห็นศวัส สีหน้าผิดปกติไปเล็กน้อย
ขวัญอนงค์รีบกระพริบตาถี่ๆ เพื่อให้น้ำตากลับลงไป ขณะหอมน้ำก้มหน้าก้มตาเดินผ่าน
ศวัสมองตาม พลางนิ่วหน้ากับท่าทางนั้น
ขวัญอนงค์มองสายตาศวัสอย่างสะดุดใจแวบหนึ่ง “มีอะไรกันหรือคะ หมอ”
ศวัสรีบปฏิเสธ “เปล่าครับ”
ขวัญอนงค์พูดต่อ “เด็กคนนั้นท่าทางแปลกๆ”
ศวัสขยับตัว “ผมต้องไปทำงานละครับ”
ขวัญอนงค์ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ขอบคุณที่อุตส่าห์เดินมาส่ง”
ศวัสไหว้ลา ขวัญอนงค์รับไหว้มองตามหมอหนุ่มด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ขณะที่ศวัสเดินตรงมาที่รถ ลิซซี่พร้อมช่างภาพรีบเดินตาม
“คุณหมอกำลังคบกับทายาท ชิดขอบบันเทิง จริงมั้ยค่ะ”
ศวัสชะงัก “ใครนะครับ”
“น้องเอิงน่ะค่ะ เรามีภาพมายืนยันด้วย”
ลิซซี่ส่งภาพในนิตยสารให้ดู ศวัสดูปราดเดียวแล้วหงุดหงิด
“ไปกันใหญ่แล้ว ผมไม่ได้คบกับใครทั้งนั้น แล้วผมก็ไม่ใช่ดาราด้วย กรุณาอย่ามายุ่งกับผม”
ศวัสเปิดประตูรถเข้าไป
“แรงอ่ะ”
ศวัสขับรถออกไปอย่างคนอารมณ์เสีย
กะเทยจอมเผือกมองตาม “สงสัยน้องเอิงจะเงิบซะแล้ว”
ในรถที่แล่นมาระหว่างทาง ศวัสขับรถมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดพร้อมกับตบพวงมาลัย
“บ้าที่สุด”
ภาพตอนเจอหอมน้ำที่ก้มหน้าเดินหนี ผุดซ้อนเข้ามาในห้วงคิด ศวัสรู้เหตุผลยิ่งดูหงุดหงิดขัดอกขัดใจทบทวี
ฟ้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำใจดีจับแขนหอมน้ำจูงแกมลากไปที่รถอาหาร แม้หอมพยายามขืนตัวแต่ไม่ไหว
“ไปค่ะน้องหอม ไปทานกระเพาะปลากัน ป้าพิไลแกทำอร้อย..อร่อย”
“หอมไม่ค่อยหิวค่ะ”
“ไม่หิวก็ต้องกิน เดี๋ยวเข้าฉากแล้วท้องร้อง ขายหน้าแย่ จ่อย..ป้าพิไลไปไหนล่ะ” ฟ้าหันไปถามผู้ช่วยพิไล
จ่อยบอก “ไม่ทราบครับ อ้อ..มาโน่นแล้ว”
ฟ้ากับหอมน้ำหันไปมองตาม พิไลกำลังเดินตรงมา
“ป้าหายไปไหนมา”
“ไปคุยกับคุณหนกมาค่ะ กินกระเพาะปลากันหรือยัง”
“ยังเลย”
“ไอ้จ่อย ตักกระเพาะปลาให้คุณฟ้ากับหนูหอมหน่อย”
จ่อยจัดการตักกระเพาะปลาให้ 2 สาว
“นี่ ใครเห็นรูปน้องเอิงกับคุณหมอมั่ง” ฟ้าชวนคุย
หอมน้ำทำท่าเหมือนจะกลืนกระเพาะปลาไม่ลง ขณะที่คนอื่นสนใจฟังเต็มที่
ฟ้าชมออกนอกหน้า “สมกันยังยังกับเพชรรองรับด้วยแหวนทอง”
พิไลหมั่นไส้ “ใครเป็นเพชรใครเป็นทอง”
ฟ้าบอก “แหม น้องเอิงก็เป็นเพชรซิคะ”
“งั้นก็ต้องเป็นเพชรปลอม” พิไลว่า
เขนและคนอื่นๆ ในที่นั้นรวมทั้งหอมน้ำหัวเราะคิก
ฟ้าตาขวางจ้องหอมน้ำเขม็ง “อิจฉาหรือยะ”
หอมน้ำตกใจ “อุ๊ย เปล่าค่ะ หอมหัวเราะป้าพิไล”
พิไลลากเสียง “คุณฟ้า...หัวเราะเป็นเรื่องธรรมชาตินะจ๊ะ คุณฟ้าเธอก็เคยหัวเราะ และจะต้องหัวเราะต่อไปในอนาคต”
“ว้าย เริด ป้าจ๋า เริด”
เขนชอบใจใหญ่ยื่นมือไปพิไลยื่นมือมาตี ทำให้ฟ้าสะบัดหน้าเดินหนีไป
“ฮือ...เขน พี่ฟ้าโกรธแล้วเห็นมั้ย”
เขนกับพิไลตีมือกันอย่างสะใจ กลายเป็นคอเดียวกันกับสาวอวบไปแล้ว
ทางด้านเอิงนอนเอกเขนกคุยมือถืออย่างสบายอารมณ์อยู่ในห้องนอนรับรองที่คอนโดวดี โดยเอิงยังอยู่ในชุดนอน หัวม้วนโรลผม
“ไง พี่ลิซซี่ พี่หมอถึงกับอ้ำอึ้ง แก้ตัวไม่ออกเลยใช่มั้ย”
ลิซซี่ยืนคุยอยู่ข้างรถตู้ชิดขอบบันเทิง
“คือ...”
“ทีนี้ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เฮ้อ... ฟินสุดๆ ทีนี้ก็เอาคำสารภาพของพี่หมอลงพิมพ์ได้”
“แน่...แน่ใจหรือคะน้องเอิง น้องเอิงไม่อยากทราบก่อนหรือคะว่าคุณหมอพูดว่ายังไง”
“จะพูดอะไรได้ นอกจาก เราเป็นพี่เป็นน้องกันครับ แล้วก็ไอ้ประโยคเนี้ยกำกวมจะตาย ร้อยทั้งร้อยคนอ่านหรือคนฟังจะคิดว่าเป็นแฟนกันทั้งนั้น”
“แต่ว่า...คุณหมอไม่ได้พูดอย่างนั้นค่ะ”
“งั้นพี่หมอก็เขินจนพูดอะไรไม่ออก”
“ก็เปล่าอีกนั่นแหละค่ะ”
เอิงชักฉุนผุดลุกขึ้นนั่ง “โอ๊ย ไอ้นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็เปล่า”
“ฟังให้ดีๆ นะคะน้องเอิง คุณหมอบอกว่า คุณหมอไม่ได้คบกับใครทั้งนั้น เขาไม่ใช่ดารา อย่าไปยุ่งกับเขา”
เสียงกรีดร้องของคุณหนูถูกขัดใจดังขึ้น จนลิซซี่ต้องเอาโทรศัพท์ออกไปห่างๆ หู แต่ก็ยังได้ยิน
“แอร๊ย...บ้า อีพี่ลิซซี่บ้าบอคอแตก ใช้อะไรไม่ได้อย่างใจเลย คอยดูนะ เอิงจะบอกป้าวดีให้หักเงินเดือน”
เสียงโทรศัพท์เงียบไป ด้วยความที่เอิงปิดไปอย่างหงุดหงิด
ลิซซี่หงุดหงิดบ้าง “ก็ลองดูซิ แม่จะลาออกให้ดู ผู้ชายเขาไม่ชอบก็ตื๊ออยู่ได้ อีแบบนี้แถวบ้านฉันเขาเรียกว่าหน้าด้าน”
ลิซซี่เปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง รถตู้ขับออกไป
วดีนั่งอยู่ที่โต๊ะภายในห้องทำงาน เอนตัวพิงพนัก ขณะที่เอิงเอะอะโวยวายลั่นห้องเรื่องหมอศวัส
“พี่หมอทำแบบนี้ เท่ากับดูถูกน้องเอิง แล้วลามมาดูถูกป้าด้วย จะให้สัมภาษณ์ยังไงต้องนึกถึงหน้าเราสองคนป้าหลานบ้าง ป้าน่ะเจ้าของหนังสือบันเทิงที่มียอดขายสูงสุด”
วดีต่อให้ทันที “และกำลังจะต่ำสุดก็เพราะแก”
เอิงวี้ดดังลั่น “ป้า ทำไมป้า”
วดีตวาด “หยุด”
เอิงหุบปากทันที
“แกไม่มีศิลปะในการหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชาย”
“เอิงก็ได้เชื้อมาจากป้านั่นแหละค่ะ” เอิงย้อน
“นังเอิง”
“อ้าว ก็ถ้าป้ามีเสน่ห์หรือมีศิลปะบ้าบออะไรนั่น ป้าจะอยู่เป็นโสดมาจนทุกวันนี้หรือคะ”
วดีโกรธจัดตบหน้าหลานแสบดังฉาด “ย้อนดีนัก ฉันไม่เอาพวกมันเอง จำเอาไว้”
เอิงกุมแก้ม น้ำตาคลอ “ป้าตบน้องเอิงทำไม น้องเอิงทำอะไรผิด”
“ฉันไม่ชอบให้แกมาย้อน”
“น้องเอิงว่าน้องเอิงพูดจี้ใจดำป้าต่างหาก”
วดีตะเพิด “ออกไป”
“ป้าไล่น้องเอิง”
วดีกระแทกเสียงใส่ “เออ”
เอิงเดินกระแทกเท้าปังๆ ออกไป
เอิงเดินกระแทกเท้าปังๆ หน้าบึ้งออกมาหน้าห้องวดี พนักงานทุกคนในบริเวณ ต่างพากันก้มหน้าก้มตา จนกระทั่งเอิงก้าวพ้นออกไป และทันทีทันใดที่เอิงลับตัวไป ทุกคนต่างเข้าสุมหัวกันนินทาทันที
ส่วนวดีเอนตัวพิงพนักหลับตาลง
เสียงเอิงดังก้องในหู “เอิงก็ได้เชื้อมาจากป้านั่นแหละค่ะ”
“นังเอิง”
“อ้าว ถ้าป้ามีเสน่ห์หรือมีศิลปะบ้าบออะไรนั่นล่ะก็ ป้าจะอยู่เป็นโสดมาจนทุกวันนี้หรือคะ”
วดีลืมตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววเจ็บปวดชอกช้ำล้ำลึก
ตรงบริเวณที่จอดรถหน้าบ้านศวัสตอนนี้ เหลือรถจอดอยู่แค่ 2-3 คัน รวมทั้งรถกอง
ขวัญอนงค์ซึ่งเพิ่งถ่ายหนังเสร็จ เดินมายังรถยนต์คันที่จอดอยู่หลังสุด
เหมือนมีใครคนหนึ่งคอยจับตามองขวัญอนงค์อยู่ ขณะที่ขวัญอนงค์กดรีโมต แล้วเดินมาเปิดประตู จู่ๆ ใครคนนั้นใช้วัตถุบางอย่างฟาดหัวขวัญเต็มแรง
ขวัญอนงค์ร้องลั่น “โอ๊ย” ร่างถลาล้มลงทันที
ฟ้าและอุม่า ซึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่ตรงประตูใหญ่ ได้ยินเสียง ต่างตกใจรีบเดินแกมวิ่งออกไปทันที
สองคนวิ่งตรงมาที่ร่างขวัญอนงค์ ซึ่งค่อยๆ ทรงตัวลุกขึ้นนั่ง ทั้งมึนทั้งเจ็บ
อุมาทรุดลงช่วยประคองขึ้น “อาขวัญ เป็นยังไงบ้างคะ”
“มีคนตีหัวอา”
ฟ้าหน้าตื่น “ใครคะ”
“ไม่รู้ มันมาข้างหลัง อาไม่ทันเห็น อูย...”
“อาลุกไหวมั้ยคะ อูม่าจะพาเข้าไปข้างในก่อน”
ขวัญอนงค์พยักหน้าพยุงตัวขึ้น โดยได้สองสาวช่วยจนลุกขึ้นยืน ขณะที่ทั้งหมดหันหลังกลับมาจะเดินไปยังประตูรั้วบ้าน สีหน้าทั้งสามคนชะงัก เมื่อเห็นหอมน้ำยืนอยู่ในเงามืด
อุมาเขม้นมองพึมพำ “หอมน้ำ”
หอมน้ำเดินออกมาจากเงามืด ด้วยสีหน้าเรียบสนิท
ฟ้าถามอย่างไม่วางใจ “หอมมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หอมเพิ่งมาค่ะ รู้สึกไม่ค่อยสบาย เลยเดินออกมารับลม พอดีได้ยินเสียงอาขวัญร้อง”
ขวัญอนงค์บอกอุมากับฟ้า “อูม่า ฟ้า...ช่วยพาอาเข้าไปข้างในเถอะ”
“ค่ะ”
สองสาวรับคำ แล้วพยุงแกมประคองขวัญอนงค์เข้าไป หอมน้ำมองตาม แล้วเดินตามเข้าไปช้าๆ
บุรีและศวัส กำลังยืนคุยกับเจคและโค้ก ในกิริยากำลังจะล่ำลากลับ
“ขอบคุณมากนะครับ ผมลาล่ะ” เจคบอกลา
อุมาและฟ้าพยุงพาขวัญอนงค์เดินเข้ามา ทุกคนมีสีหน้าตกใจและแปลกใจ เมื่อเห็นเลือดไหลซึมออกมาตรงใกล้ๆ หู
“ขวัญเป็นอะไรน่ะ” เจคถามทันที
“มีคนมาตีศีรษะอาขวัญค่ะ” ฟ้าบอก
ศวัสเข้าไปดู รีบควักผ้าเช็ดหน้ามาห้ามเลือดให้
“รีบพาอาขวัญไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่าครับ”
“นั่นซิ ไป พ่อขับรถไปให้เอง
ทั้งหมดพากันเดินออกไป มีเจคและโค้กเดินปิดท้ายคอยระวังให้
ส่วนในห้องแต่งตัว เขนกับทับทิมยังอยู่ในนั้น และกำลังเก็บข้าวของพลางคุยกันพลาง
“คืนนี้พี่ทับจะค้างกับเขนมั้ยล่ะ พรุ่งนี้จะได้มาด้วยกันแต่เช้า”
“เกรงใจ”
“โธ่เอ๊ย”
ประตูเปิดออก เห็นหอมน้ำเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบสนิท
เขนและทับทิมสบตากัน พร้อมกับขยับเข้าหากันโดยไม่ได้ตั้งใจ ทับทิมเอาศอกกระทุ้งเขน
เขนเลยกระแอมเล็กๆ ถามว่า “หอมหรือว่าคุณพุธค่ะ”
หอมน้ำเดินไปที่หน้าต่างมองออกไปข้างนอก เห็นกลุ่มบุรีและศวัสกำลังพาขวัญอนงค์เดินไปที่รถ ศวัสขึ้นนั่งที่คนขับ บุรีนั่งคู่ ฟ้าขึ้นไปนั่งกับขวัญอนงค์ทางด้านหลัง แล้วรถออกไป มี เจค โค้ก และอุมามองตาม
หอมน้ำเม้มปาก นัยน์ตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความเกลียดชัง
เขนกับทับทิมจับมือกันเดินไปหาท่าทีหวาดผวา
หอมน้ำหันขวับมา นัยน์ตาขาวโพลนน่ากลัว จนทำให้สองสาวสะดุ้งเฮือก
“รู้แล้วใช่ไหมว่าใคร”
“ค่ะ แต่คุณควรจะออกจากร่างหอมได้แล้ว” สาวอวบบอก
อุมาเปิดประตูเข้ามา พร้อมน้ำเสียงตื่นเต้นไม่หาย
“อาขวัญถูกตีหัว”
“ใครตี”
สิ้นเสียงสองสาว ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องนั้นทันที และเงียบสงัดแกมวังเวงไปสักครู่ใหญ่ๆ
ใบหน้าสองคน ค่อยๆ เบือนไปมองหอมน้ำ อุมาเบือนตามหลังสุด
“สมน้ำหน้า กลับกันเถอะเขน”
หอมน้ำเดินนำออกไปเลย เขนและทับทิมหยิบข้าวของเดินตามออกไป โดยมีอุมาตามกระซิบเขนเบาๆ
หอมน้ำเหลียวขับมามอง ตาเป็นประกายวาบ อุมารีบหลบตา หุบปากทันที
ท้องถนนยามค่ำ รถราค่อนข้างว่างวายแล้ว แท็กซี่คันนี้แล่นไปเรื่อยๆ ภายในรถ มีทับทิมนั่งคู่กับคนขับแท็กซี่ ส่วนหอมน้ำนั่งกับเขนตรงเบาะหลัง
ทับทิมนั่งตัวแข็งทือ ตามองตรงไม่กล้าเหลือบแลไปทางไหน ด้วยความกลัว มือจับพระที่ห้อยคอแน่น
เขนค่อยๆ ผินหน้ามามองเพื่อน หอมน้ำเบือนมามองแล้วยิ้มเยือกเย็นให้
เขนหันกลับ ยกมือจับพระและขยับให้หอมน้ำเห็นชัดๆ ขู่กลายๆ
หอมน้ำเบือนหน้ากลับ
แท็กซี่ปรายตามองท่าทางกุมพระของทับทิม แล้วเหลือบมองเขนที่กุมพระทางกระจกหลัง
แท็กซี่ค่อยๆ ยกมือขึ้นกุมพระที่ห้อยคอตัวเองบ้าง
ไม่นานต่อมา หอมน้ำเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องพัก ตามด้วยเขนและทับทิม
เขนปิดประตูลง ยืนใกล้กับทับทิมซึ่งจับแขนเขนไว้แน่น เขนเริ่มคุ้นชินกับพุธกันยาแล้ว ส่วนทับทิมผวาตลอดเวลา
“กรุณาออกจากร่างหอมได้แล้วค่ะคุณพุธ”
ทับทิมรีบพยักพเยิดสนับสนุน หอมน้ำยักไหล่ แล้วเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา
เขนจับพระที่ห้อยคอตัวเองเรียกอีก “คุณพุธ”
“ได้ยินแล้วน่า ฉันไม่ได้หูตึง” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรำคาญ
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญออกจากร่างหอมซิคะ
ทับทิมพยักพเยิดสนับสนุนอีก
“ขออยู่อีกหน่อยก็ไม่ได้”
เขนเสียงแข็ง “ไม่ได้ค่ะ”
พุธกันยาสะบัดตัวออกจากร่างหอมน้ำอย่างหงุดหงิด จนร่างหอมน้ำฟุบลงเหมือนถูกผลัก สองสาวรีบเข้าไปประคองหอมน้ำขึ้นมา ขณะที่ทับทิมมองไปโดยรอบอย่างหวาดๆ
“หอม...เป็นไงบ้าง” เขนถามทันที
“ไม่เป็นไร”
“คุณพุธยังอยู่หรือเปล่าค่ะ” เขนกระซิบถาม
หอมน้ำมองไปยังวิญญาณพุธกันยา ซึ่งยืนกอดอกอยู่มุมห้อง แล้วพยักหน้ารับ เขนและทับทิมมองตาม
เขนฟ้องหอมน้ำกลายๆ “อาขวัญถูกตีหัวแตกเมื่อสักครู่ใหญ่ๆ นี่เอง”
หอมน้ำชะงัก
“ฉันเปล่านะ” พุธกันยาบอก
“พี่อูม่ากระซิบบอกเขนว่า หอมอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น” เขนพูดเล่าให้หอมน้ำฟัง โดยไม่ได้ยินพุธกันยาพูด
“คุณพุธ” หอมน้ำหันมาถามทันที
“บอกตามตรงว่าฉันสะใจ แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้ทำ”
“แล้วใครทำคะ” หอมน้ำไม่เชื่อนัก
“จะไปรู้ได้ไง ตอนที่เห็น แม่คนนั้นถูกตีไปแล้ว”
“คุณพุธอย่าใช้ร่างหอมทำร้ายคนอื่นนะคะ หอมกลัวบาป”
พุธกันยาชักโกรธ “เอ๊ะ บอกว่าเปล่าก็เปล่าซิ”
“แล้วทำไมคุณพุธต้องไปอยู่แถวๆ นั้นตอนที่เกิดเรื่อง”
พุธกันยาบอกเสียงสูงอย่างมีอารมณ์ “อ๊าว ก็นั่นมันเขตบ้านของฉัน ฉันจะไปไหนมาไหนมันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน นี่ ฟังให้ดีนะ ถ้าฉันทำก็จะบอกว่าทำ ฉันไม่ใช่พวกตลบตะแลง”
วิญญาณพุธกันยาหายไป
เขนกะทับทิมถามพร้อมกัน “คุณพุธว่าไง”
หอมน้ำถอนใจเฮือกใหญ่
“เขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำ”
ภายในห้องรับแขก บุรีกับศวัสพาขวัญอนงค์ที่มีผ้าพันแผลที่ศีรษะเข้ามาโดยฟ้าคอยจูง เจคกับโค้กที่นั่งคุยกันคอยอยู่ ลุกขึ้นยืนทันที ทั้งคู่มีสีหน้ากังวลปนห่วงใย
เจคลุกเดินไปจูงมานั่ง “ค่อยๆ เดินนะ เป็นยังไงบ้าง ปวดหัวหรือเปล่า”
“นิดหน่อยค่ะ”
“อาขวัญสงสัยใครหรือเปล่า” โค้กถาม
ขวัญอนงค์นิ่งขึง ท่าทางเหมือนไม่อยากพูด
“พี่ฟ้าไม่ได้กล่าวหาใครหรอกนะคะ แต่หอมน้ำน่าสงสัยที่สุด” ฟ้าบอก
บุรีทักท้วง “หอมน้ำอาจจะบังเอิญไปอยู่แถวนั้นพอดีก็ได้”
ระหว่างนี้แจ่มยกน้ำผลไม้กับน้ำเย็นเข้ามาเสิร์ฟ แล้วเดินค้อมตัวกลับเข้าไปทางครัวอย่างมีมารยาท
“ผมไม่เชื่อว่าหอมน้ำจะทำอย่างนั้น” เจคว่า
โค้กบอกเสียงหนักแน่น “ผมก็เหมือนกันครับ”
ขวัญอนงค์เอ่ยขึ้น “แล้วที่กระจกรถอาขวัญถูกทุบแตกล่ะ”
“เราไม่มีหลักฐานนะครับ อย่าลืม”
ขวัญอนงค์ทำท่าจะพูดอะไรอีก แล้วกลับนิ่ง
“อาขวัญมีบ้านเพื่อนพอที่จะไปค้างได้ไหมครับ ผมยังไม่อยากให้อาอยู่คนเดียว”
ฟ้ายกมืออาสา “ฟ้าไปค้างเป็นเพื่อนได้ค่ะ”
“อาเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ ฟ้าเป็นห่วงอาขวัญ”
“ดีเหมือนกัน ขอบใจนะฟ้า” เจคบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“งั้นกลับกันเถอะ คุณบุรีกับหมอจะได้พักผ่อน”
ทุกคนลุกเดินออกไป โดยมีฟ้าคอยจูงมือขวัญอนงค์ประคองไป
บรรยากาศของตัวอาคารภายนอกคอนโดมิเนียมขวัญอนงค์เงียบสงบ ประตูห้องชุดเปิดออก ฟ้าจูงขวัญอนงค์เข้ามา เปิดไฟและปิดประตู
“ดูอับๆ ยังไงก็ไม่รู้นะคะ”
ขวัญอนงค์พยักหน้า “ปกติมันไม่อับอย่างนี้ แต่เดี๋ยวเปิดแอร์แล้วคงหาย” พูดพลางกดรีโมตแอร์มาเปิด แล้วเดินไปเปิดประตูห้องนอน
“อาขออาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวจะหยิบเสื้อให้ ฟ้าดูทีวีไปก่อน”
“ขอบคุณค่ะ”
ขวัญอนงค์เข้าไปในห้อง แล้วนึกได้โผล่ออกมาอีก
“ถ้าหิวอะไรก็หาดูในตู้เย็นนะจ๊ะ”
“ค่ะ อาขวัญระวังหกล้มนะคะ”
ขวัญอนงค์ยืนพยักหน้าและปิดประตู
ฟ้าเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำผลไม้มาดื่ม แล้วเปิดทีวีดู
อีกฟากแจ่มเดินมาหน้าห้องเยาวภา พร้อมกับเคาะประตูเรียกเบาๆ
เสียงเยาวภาดังออกมา “ใคร”
“แจ่มเองค่ะ”
เสียงในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วประตูเปิดออก
สีหน้าเยาวภายังคงเย็นชาดังเคย “นี่มันจะห้าทุ่มแล้วนะ”
“แจ่มนอนไม่หลับค่ะ”
“เรื่องของแก”
เยาวภาปิดประตูเลย แจ่มถอนใจเฮือก
“คนอะไร เย็นชายังกับผีดิบ”
เยาวภายืนพิงประตูที่เพิ่งปิดลง นัยน์ตาเป็นประกาย ริมฝีปากแสยะยิ้มเยาะเย้ย
“สมน้ำหน้า อยากจะมาแทนที่คุณกัลยา และคุณภา ได้ยังไง”
ฝ่ายขวัญอนงค์ในชุดนอนกำลังค่อยๆ แปรงผมอย่างระมัดระวังไม่ให้โดนแผล
ฟ้าออกจากห้องน้ำในชุดนอนเรียบๆ แต่ดูโก้ของขวัญอนงค์
“ชุดนอนอาขวัญสวยจังเลยค่ะ”
“ถ้าชอบอายกให้”
ฟ้าดีใจ “อุ๊ย อาขวัญให้ฟ้าจริงๆ หรือคะ ขอบคุณมากค่ะ” พลางไหว้ขอบคุณ
ขวัญอนงค์รับไหว้ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้อาให้ชุดไปทำงานอีกชุด ฟ้าเปิดตู้นั้นแล้วเลือกเอาเลย แบบเสื้อดูสาวหน่อย”
“ขอบคุณค่ะ”
“หยิบหมอนกับผ้าห่มไปนอนที่โซฟาได้เลย ผ้าห่มอยู่ในตู้”
“ฟ้าขอนอนหน้าเตียงอาขวัญดีกว่าค่ะ มันสยองยังไงก็ไม่รู้”
“งั้นขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้านอนหน้าเตียงได้”
ฟ้าจัดการหยิบหมอนมาวางหน้าเตียง แล้วเดินไปเปิดตู้หยิบผ้าห่ม
บริเวณภายนอกบ้านศวัสดูวังเวง ด้วยเป็นเวลาดึกพอสมควร
ส่วนภายในห้อง ศวัสนอนพลิกไปมา นึกทวนหวนย้อนถึงเหตุการณ์และคำพูดต่างๆ เมื่อตอนค่ำ
“นี่ฟ้าไม่ได้กล่าวหาใครหรอกนะคะ แต่หอมน้ำน่าสงสัยที่สุด” / “แล้วที่กระจกรถอาขวัญถูกทุบแตกล่ะ”
คิดแล้ว ศวัสผุดลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง
ประตูห้องพุธกันยาเปิดออก ศวัสเดินเข้ามาพร้อมกับเปิดสวิซต์ไฟ แล้วเดินมาทรุดตัวลงหน้าที่วางโกฏิเก็บ
กระดูกและรูปพุธ เขาเพ่งมองรูปนั้นอยู่ครู่หนึ่ง
“คุณแม่ วิญญาณคุณแม่ยังวนเวียนอยู่ในบ้านจริงหรือเปล่าครับ”
ทุกอย่างยังเป็นปกติ
“ถ้าคุณแม่อยู่ในห้องนี้ ก็ช่วยส่งสัญญาณให้ผมเห็นซิครับ ไม่ต้องไปอาศัยร่างคนอื่น”
ทุกอย่างเป็นปกติ ขณะที่ศวัสยังคงรอคอยสัญญาณจากแม่
อ่านต่อหน้า 4
ใยกัลยา ตอนที่ 8 (ต่อ)
เวลาราวเที่ยงคืนแล้ว ภายนอกอาคารคอนโดแห่งนี้ดูเงียบสงัด ส่วนภายในห้องนอน ขวัญอนงค์นอนหลับ ท่าทางข้างกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ที่หน้าเตียงฟ้านอนหลับอย่างสบาย
สักพักหนึ่ง ผ้าห่มเริ่มขยับเหมือนถูกใครดึง ขวัญอนงค์พลิกตัวตะแคง แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาใหม่ แต่ผ้าห่มเหมือนถูกดึงอีก คราวนี้ร่นลงไปถึงเท้า
ดาราสาวใหญ่ดึงขึ้นอีก คราวนี้นิ่วหน้าด้วยความฉงน ผ้าห่มถูกดึงลงไปตกจากปลายเตียง
ขวัญอนงค์ผุดลุกขึ้นนั่ง สีหน้าหวาดหวั่น
ตรงบริเวณปลายเตียง พุธกันยานั่งอยู่มองเขม็งมาที่ขวัญอนงค์ แต่อีกฝ่ายไม่เห็น จู่ๆ มีเสียงหมาหอนดังแว่วเข้ามา
ขวัญอนงค์ผวา เริ่มเลื่อนตัวพรวดลงมาที่ฟ้า เรียกเสียงสั่น “ฟ้า...ฟ้า”
ฟ้าลืมตาแต่ยังง่วงงุน “อะไรคะ อาขวัญ”
“เสียงหมาหอน”
ฟ้าตาสว่างทันที ลุกพรวดขึ้นกอดขวัญอนงค์แล้วร้องกรี๊ดลั่นห้อง
“อ๊าย...อาขวัญ...ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยด้วย..ผีมา”
ขวัญอนงค์ผลักฟ้าออก “ยังไม่มา มีแต่หมาหอน”
“นั่นแหละค่ะ แปลว่าผีจะมา หรือว่ามาแล้วก็ไม่รู้” ฟังยังหลับหูหลับตาไม่ยอมปล่อยขวัญอนงค์
ขวัญอนงค์ฉุนสุดๆ ถีบดังโครม ฟ้ากระเด็นไปพร้อมกับลืมตาขึ้นทันที
“อาขวัญ”
ขวัญอนงค์เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟหัวเตียง ปากก็บ่น
“ไอ้เราเรอะหวังจะพึ่งพา แต่กลับแย่ไปกว่าเดิมอีก”
ฟ้าไหว้ “ขอโทษค่ะ”
ขวัญอนงค์ถอนใจเฮือก
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” ฟ้าถาม
ขวัญอนงค์พยักหน้าไปที่ปลายเตียง “ผ้าห่มอาตกไปกองปลายเท้า”
ฟ้าเบิกตากว้าง “ผีแกล้งใช่มั้ยคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
สองสาวมองตากันปริบๆ
รุ่งเช้าวันใหม่ รายรอบหอพักในยามเช้าค่อนข้างคึกคัก มีชีวิตชีวา
ส่วนภายในห้อง หอมน้ำกำลังหวีผม มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอลุกเดินไปหยิบขึ้นมาดู พอเห็นที่หน้าจอขึ้นว่า “Dentist” ถึงกับเบิกตากว้างพร้อมกดรับ “สวัสดีค่ะ”
“ลงมาพบหน่อย ฉันรออยู่ข้างล่าง” เสียงปลายสายบอก
“ค่ะ”
หอมน้ำเก็บโทรศัพท์ด้วยสีหน้ากังวล
“จะเรียกไปด่าเรื่องอะไรอีกล่ะ”
ไม่นานต่อมา หอมน้ำกำลังโทรศัพท์คุยกับสินีนุชอยู่หน้าหอพัก ขณะเดินชะเง้อหารถศวัส
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน เขนรออยู่กับพี่ทับก่อนนะ เดี๋ยวคุณหมอฟันทันแพทย์ด่าเสร็จแล้วหอมจะรีบขึ้นไป แค่นี้นะ เห็นรถแล้ว”
หอมน้ำเก็บโทรศัพท์แล้วรีบเดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่มุมประจำ รีๆ รอๆ ครู่หนึ่งแล้วจึงเปิดประตูเข้าไปนั่ง
ศวัสสตาร์ตรถพลางสั่ง “คาดเบลท์ซะ”
หอมน้ำรีบลนลานทำตาม “จะไปไหนคะ
ศวัสไม่ตอบ ขับรถออกไปเลย
ถัดมาไม่นานนัก ภายในร้านอาหารแห่งนั้น ค่อนข้างเงียบ ด้วยเป็นเวลาค่อนข้างเช้า ที่โต๊ะมุมในสุด บริกรยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ศวัสกับหอมน้ำ
หอมน้ำเหลียวมองไปโดยรอบ “ความจริงพูดกันในรถก็ได้ค่ะ”
“ฉันหิว” ศวัสว่า
“คุณเอิงยังไม่ตื่นหรือคะ”
ศวัสหงุดหงิดมองหน้าหอมน้ำแว่บหนึ่ง “จะไปรู้ได้ยังไง...ทำไมต้องพูดถึงเขา”
“ก็เขาเป็น...”
ศวัสจ้องหน้าดุๆ หอมน้ำกลืนคำพูดต่อไปลงคอทันที
“เป็นอะไร ทำไมไม่พูดให้จบ”
“เป็น...เอ้อ...แฟนคุณหมอ”
ศวัสฉุนกึก วางช้อนส้อมทันที “ใครบอกเธอ”
หอมน้ำหรุบตาลงด้วยความกลัว “หอม..หอมเห็นในหนังสือค่ะ” เสียงของหอมน้ำตอนท้ายเบาหวิว
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด”
หอมน้ำนั่งนิ่ง
“กินเสีย เดี๋ยวจะได้คุยกัน”
หอมน้ำทำตามคำสั่งโดยดี
ฝ่ายทับทิมนั่งดูทีวีอยู่ ขณะที่เขนมีสีหน้าเป็นกังวล
“ทำไมหอมยังไม่โทร.มาอีก”
“ยังคุยกับคุณหมอไม่เสร็จมั้ง” ทับทิมว่า
“เฮ้ย แต่เราต้องรีบไปกองถ่ายหนัง”
“งั้นโทร.บอกหอมว่าเราไปก่อนดีมั้ย”
“แล้วหอมจะไปกับใครล่ะ”
“ก็คุณหมอฟันทันตแพทย์ไง”
เขนพยักหน้าพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
หอมน้ำกำลังดื่มน้ำขณะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หญิงสาวรีบกลืนน้ำและวางแก้วลง จนทำให้สำลัก
ศวัสมองดุ “ทำไมจะต้องรีบขนาดนั้น”
หอมน้ำไอแคกๆ “ขอ...ขอโทษค่ะ” แล้วไอขึ้นมาอีกขณะรับโทรศัพท์ “เขน...ว่า...ว่าไง”
ศวัสยังคงมองด้วยสายตาหงุดหงิดแกมรำคาญ
หอมน้ำพยักหน้าราวกับเขนอยู่ตรงนั้น “เอ้า เอางี้เขน เขนกับพี่ทับไปก่อน... เดี๋ยว...เดี๋ยวหอมตามไปที่ ทีหลัง....อ๋อ...หอม...หอมสำลักน้ำน่ะ แค่... แค่นี้นะ”
หอมน้ำปิดโทรศัพท์เก็บแล้วไอต่อ นัยน์ตามองศวัสอย่างเกรงใจ
ทางด้านเขนวางสายแล้วหันไปบอกทับทิมว่า
“ไป พี่ทับ เราไปกันก่อน เดี๋ยวหอมตามไปเอง”
“ต๊าย ไม่ได้ค่ะ อย่าลืมซิคะน้องเขนว่าตอนนี้น้องหอมเป็นดาราแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอก เขามีคนไปส่ง” เขนยักคิ้วให้อย่างมีเลศนัย
ทับทิมทำหน้างงครู่เดียว แล้วหัวเราะคิกคักอย่างเข้าใจ
สองคนนั่งอยู่ในร้านอาหาร หอมน้ำค่อยๆ จิบน้ำแล้ววางลง โดยจานอาหารถูกเก็บไปหมดแล้ว
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ”
ศวัสถามอย่างเป็นงานเป็นการ “โตแล้วทำอะไรต้องระมัดระวัง”
หอมน้ำก้มหน้าลง
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ”
หอมน้ำเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ แต่ไม่พ้นสายตาของศวัส
“ดูนาฬิกาทำไม จะรีบไปไหน”
“ถ่ายหนังค่ะ วันนี้คุณเจคนัดเช้า”
ศวัสหงุดหงิดจนต้องนั่งนิ่ง
หอมน้ำรีบไหว้ “ขอประทานโทษค่ะ”
ศวัสพยายามระงับความหงุดหงิดในใจ “เรื่องที่ฉันจะพูดกับเธอค่อนข้างยาว”
หอมน้ำขยับตัว ท่าทางอึดอัด
“พรุ่งนี้มีถ่ายหนังหรือเปล่า”
“พรุ่งนี้หยุดค่ะ”
“งั้นก็เอาไว้พูดวันพรุ่งนี้” เขาขยับตัวลุกขึ้น “แล้วฉันจะโทร.ไปนัดคืนนี้”
หอมน้ำรู้สึกโล่งใจ “ได้ค่ะ”
ทั้งสองเดินออกจากร้านอาหารไป
ลูกนัทและเพลินพิศ กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่บริเวณหน้าบ้าน ขณะรถศวัสแล่นมาโดยเพิ่งจะเลี้ยวตัดมุม หอมน้ำเห็นกองทัพนักข่าวก็ตกใจ
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
“ทำไม”
“ก็...นักข่าวอยู่หลายคน”
“แล้วไง”
หอมน้ำนิ่งอึ้ง
ศวัสปรายตามองแวบหนึ่ง “กลัวเขาจะลงข่าวว่าเป็นแฟนกับฉันใช่ไหม”
หอมสะดุ้ง หันขวับมามอง หน้าแดงจัด
ศวัสหันกลับมามอง หอมรับหันกลับ
“ถ้าใครถามก็บอกเขาไปซิว่า เราเป็นพี่เป็นน้องกัน ดาราเขาชอบตอบกันอย่างนั้นไม่ใช่หรือ”
หอมน้ำยังคงนิ่ง ศวัสขับรถมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าบ้าน ทุกคนในบริเวณนั้นหันมามอง หอมน้ำเลื่อนตัวแทบจะลงไปอยู่ข้างล่าง
“จะให้ฉันลงไปเปิดประตูให้ไหม” ศวัสแดกดัน
หอมน้ำสะดุ้งเฮือก “อุ๊ย..ไม่ต้องค่ะ หอมลงไปได้”
หญิงสาวรีบปลดเข็มขัด แล้วสูดลมหายใจยาว ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูลงไป
นักข่าวกรูเข้ามาล้อมสัมภาษณ์พร้อมถ่ายรูป หอมน้ำดูเงอะงะตกใจ
โค้กเดินแหวกผู้คนตรงมาที่หอมน้ำอย่างรวดเร็วแล้วแตะข้อศอกอย่างสุภาพ
“ขอโทษนะครับ น้องหอมน้ำต้องรีบไปแต่งตัว”
โค้กจูงหอมน้ำเดินลิ่วออกไป โดยมีสายตาของศวัสมองตามด้วยใบหน้าบูกบึ้ง ขณะขับรถออกไปอย่างหงุดหงิด
ภายในห้องแต่งตัวตอนนี้ ทุกคนกำลังทำหน้าที่ของใครมัน ขณะที่โค้กเปิดประตูพาหอมน้ำเข้ามา
เขนโล่งใจ “มาแล้วเหรอหอม”
หอมน้ำไหว้โค้ก “ขอบคุณค่ะ พี่โค้ก”
“ไม่เป็นไร เขน..ดูหอมด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่โค้ก” เขนว่า
ธันวาแปลกใจ “มีเรื่องอะไรหรือครับพี่โค้ก”
“ไม่มีอะไร” โค้กเดินออกไปเลย
อธิปเอ่ยขึ้น “ไม่มีแล้วทำไมถึงต้องสั่งให้ดูแลน้องหอมด้วย จริงไหมคะน้องหอม”
หอมน้ำยิ้มแห้งๆ
อุมาเรียก “น้องหอมมาแต่งหน้าได้แล้วค่ะ”
หอมน้ำเดินมานั่ง
“เดี๋ยวเราไปเล่ากันสองคนนะคะ” อธิปไม่วายหมาหยอกไก่
ทับทิมขัดขึ้น “เสียใจค่ะ น้องไก่ขา น้องหอมน่ะเวลานี้เหมือนไข่ในหิน คุณเจคกำลังจะปั้นให้เป็นนางเอกดาวรุ่งแห่งปี เพราะฉะนั้นจะมีข่าวฉาวกับใครไม่ได้”
ธันวาต่อทันที “ยกเว้นพระเอกหมายเลขหนึ่ง”
“จะหมายเลขหนึ่งหรือหมายเลขสองก็ไม่โอเคทั้งนั้นค่ะ” เขนบอก
“แล้วผู้กำกับกับผู้จัดการกองถ่ายละ” อธิปเหน็บ
“นั่นเขาเรียกข่าวคาว ไม่ใช่ข่าวฉาว”
ธันวาบอก แล้วหันไปทางอธิปหัวเราะขำกันกลิ้ง คนอื่นพากันหัวเราะเฮฮาตาม มีเขนกับทับทิมที่มองฉุนๆ
อีกฟาก ศวัสขับรถเข้ามาจอดในบริเวณที่จอดรถแพทย์โรงพยาบาล โดยมียามมาบริการให้ความสะดวกตามหน้าที่
ศวัสเปิดประตูก้าวออกมา แล้วเดินตรงไปเข้าตัวอาคาร
จู่ๆ เสียงเอิงเจือสะอื้นดังขึ้น “พี่หมอขา”
ศวัสหันไปมองพร้อมกับสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเห็นเอิงเดินร้องไห้เข้ามา ความรู้สึกศวัสประมาณว่าจะมาไม้ไหน แล้วรีบถอยหลังด้วยกลัวใจเอิงจะเข้ามาซบต่อหน้าธารกำนัล
“คุณเอิงเป็นอะไรครับ”
“เป็น...ปวดหัวค่ะ ปวดมาก...ราวกับหัวจะระเบิด”
“ทานยาหรือยัง”
“ยังค่ะ เอิงไม่กล้ากินยาสุ่มสี่สุ่มห้า พี่หมอขาช่วยพาเอิงไปหาหมอตรวจหัวหน่อยได้มั้ยคะ”
เอิงทำเป็นเซคว้าแขนศวัสเกาะ ศวัสนิ่วหน้าเมื่อผู้คนที่ผ่านไปมาต่างมองยิ้มๆ บางเดินคล้อยหลังแล้วก็ซุบซิบกัน
“เอิงรู้สึกเหมือนบ้านหมุน เอ๊ย โรงพยาบาลหมุนค่ะ”
ศวัสจำใจให้เอิงกอดแขนพาไป
เวลานั้นลิซซี่กินข้าวกองถ่าย และคุยหาข่าวกับพิไลไป โดยมีทีมงานหนุ่มๆ ร่วมวงด้วย
“อาการอาขวัญเป็นไงบ้างป้า”
ฟ้าทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตักแกงเพิ่ม
“รู้ได้ไง” พิไลไม่พอใจนัก
“อ้าว ก็เขาปิดกันให้แซด ว่าไงป้า อาการอาขวัญเป็นไง เขาสงสัยหอมน้ำกันใช่มั้ย”
“ฉันไม่รู้”
“อ้าว ป้าอยู่วงในไม่ใช่เรอะ” กะเทยเผือกเซ้าซี้
“ฟังให้ดีนะ ลิซซี่”
ทุกคนเฮเมื่อเห็นท่าทางและคำพูดเอาจริงเอาจังของพิไล
“ป้าทำงานให้คุณเจค กินเงินเดือนท่าน เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรท่านดูแลหมดถึงจะอยู่วงใน แต่ป้าถือคติว่า ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า”
พิไลกระแทกเสียงใส่ และปรายตามองไปยังฟ้า ซึ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เฮฮาไปตามเรื่อง
เสียงโทรศัพท์ลิซซี่ดังขึ้น กะเทยเผือกหยิบขึ้นมาดู แล้วรีบวางชามเดินออกไป
“ที่ฉันพูดนี่จริงมั้ย คุณฟ้า” พิไลตอก
“ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ” ฟ้ายิ้มแย้ม ตีหน้าตายเช่นเดิม “แต่ก็เห็นด้วยกับป้านะ เราอยู่กับใครก็ควรจะซื่อสัตย์ต่อคนนั้น”
“ให้มันจริงเหอะ ฉันเห็นมามากแล้ว พวกหน้าซื่อใจคด”
ฟ้าวางชามแล้วลุกขึ้น “ไปดีกว่า ป้ารมณ์เสียแล้ว”
พอฟ้าเดินออกไป ทุกคนพากันนิ่งเงียบ โดยพิไลมองค้อนฟ้าและบ่นกระปอดกระแปด
“ก็มันนั่นแหละจะมีใคร้”
เอิงยืนโทรศัพท์ห่างออกมา บริเวณหน้าห้องตรวจ
“หาทางบอกมันให้ได้นะพี่ลิซซี่ น้องเอิงอยากเห็นมันหงายเงิบ”
ลิซซี่คุยสายอยู่ใกล้รถครัว “พี่ลิซซี่เกรงว่า น้องเอิงจะต้องเป็นฝ่ายเงิบน่ะซีคะ”
เสียงเอิงดังลอดออกมาว่า “หมายความว่ายังไง”
“ก็เมื่อเช้า คุณหมออุตส่าห์ถ่อไปรับมันที่หอ แล้วย้อนมาส่งที่นี่”
เอิงนิ่งอึ้ง แล้วน้ำตาค่อยๆ เอ่อขึ้นมาด้วยความแค้น
จู่ๆ เอิงเงียบไปลิซซี่ตกใจ ร้องถามเสียงดัง “น้องเอิง น้องเอิงขา ยังอยู่หรือเปล่าคะ”
น้ำเสียงและแววตาแววรุ่งเหี้ยมเกรียมมาก “อยู่ และจะอยู่เพื่อชัยชนะ คืนนี้พี่ลิซซี่มาหาเอิงที่คอนโดนะ เราจะวางแผนใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงมัน”
“อุ๊ย งานถนัดค่ะ “ใส่ร้ายคืองานถนัด ลอบกัดคือสันดาน” ค่ะ ค่ะ ค่ะ...คุณน้องเอิงขา”
ลิซซี่เก็บโทรศัพท์อย่างอิ่มเอมใจ ส่วนเอิงเก็บโทรศัพท์ ด้วยสีหน้าอาฆาตพยาบาท
หอมน้ำแต่งหน้าแต่งผมเรียบร้อยแล้วเพื่อเตรียมเข้าฉาก เดินเข้ามาในบริเวณหน้าเซ็ตนั้น
“คุณพุธคะ คุณพุธ”
“ฉันอยู่นี่” เสียงพุธกันยาดังมาจากด้านหลัง
หอมน้ำหันขวับไปมองพร้อมกับสะดุ้งเฮือก ด้วยพุธกันยายืนอยู่ชิดมาก หอมน้ำผงะถอยหลังไป 3-4 ก้าว
“ไหนว่าชินแล้วไง” พุธกันยายิ้มขำ
“ก็คุณเล่นโผล่มาไม่รู้เนื้อรู้ตัวนี่คะ”
พุธกันยายักไหล่ “เธอจะถามอะไรฉัน”
“อาขวัญยังมาถ่ายละครไม่ได้”
พุธกันยาย้อน “จะให้ฉันไปเยี่ยมเรอะไง”
หอมน้ำตกใจ “อย่านะคะ”
“งั้นจะให้ทำอะไร”
“หอมไม่อนุญาตให้คุณใช้ร่างหอมทำร้ายอาขวัญค่ะ”
“ฉันก็ไม่ได้ทำนี่”
“แล้ว...”
พุธกันยาฉุนมากขึ้น “ฉันบอกว่าไม่ได้ทำก็แปลว่าไม่ได้ทำ”
หอมน้ำถอนใจเฮือก จ่อยผู้ช่วยสารพัดหน้าที่เดินเข้ามาหา
“น้องหอมครับ คุณเจคให้มาตามครับ”
จังหวะที่หอมน้ำหันไปมอง พุธกันยาฉวยโอกาสเข้าสิงหอมน้ำทันที
“น้องหอม” จ่อยเรียกซ้ำ
“ได้ยินแล้ว”
พุธกันยาที่สิงหอมน้ำแล้วบอก ก่อนจะเดินออกไป จ่อยมองตามงงๆ กับท่าทีนั้น
หอมน้ำเดินตรงมา ขณะที่ลิซซี่ตามหาและเจอพอดี
“น้องหอมขา คุยกับลิซซี่หน่อยได้มั้ยคะ”
“แต่คุณเจค” จ่อยที่มาตามท้วง
“นิดเดียวเอง”
“จ่อย” หอมน้ำพยักหน้าเป็นเชิงให้ไปก่อน
จ่อยเดินไป โดยไม่วายหันมามองหอมน้ำงงๆ
“มีอะไร”
ลิซซี่มัวแต่ตื่นเต้น เลยไม่ทันสังเกตน้ำเสียงและท่าที “คืองี้ เมื่อเช้า น้องเอิงไม่สบาย”
หอมน้ำถามเสียงเย็นชา “ตายหรือยัง”
“ว้าย ทำไมพูดยังงั้นล่ะคะ ไม่น่ารักเลย”
หอมน้ำเดินไปต่อ ลิซซี่รีบเข้ามาขวาง “เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว”
หอมน้ำผลักลิซซี่จนหงายหลังแล้วเดินไป
“หอมน้ำ กล้าดียังไง ฉันจะฟ้อง จะทำทุกอย่างให้แกเสียหาย” กะเทยเผือกโกรธสุดขีด
หอมน้ำหยุดเดิน ค่อยๆ หันเฉพาะหัวกลับมา แววตาขาวโพลนแลดูน่ากลัว
“ก็ลองดู”
ลิซซี่กลัวจนลมจับ หอมน้ำหันหัวกลับแล้วเดินหนีไป
ถัดมาไม่นาน วดีเดินกลับไปกลับมาอย่างหงุดหงิด แล้วหันมาชี้หน้าลิซซึ่งนั่งละห้อยละเหี่ยดมยาดมอยู่
“ผีไม่มีในโลก”
“งั้นคืนนี้ลิซจะไปจุดธูปบอกให้มาเยี่ยมคุณวดีค่ะ” ลิซซี่ประชดส่ง
“จะบ้าเรอะ”
“อ้าว ก็คุณวดีบอกว่าไม่กลัวไงคะ” ลิซซี่ย้อน
“เออ ไม่กลัว แต่ไม่จำเป็นก็ไม่อยากเจอ”
ประตูเปิดออก เอิงเดินหน้างอ กระทืบเท้าเร่าๆ เข้ามาพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่ง ดึงยาดมจากมือลิซซี่มาดม
“เจอผีมาอีกคนเรอะไง” วดีถาม
“น้องเอิงยอมเจอผีค่ะ ถ้าผีจะทำให้พี่หมอมารักมาหลงน้องเอิง”
วดีทำหน้าทำตาเหมือนอยากจะตบหลานสุดๆ “แกนี่มันน้ำเน่าตัวจริงเสียงจริงที่สุดเลย”
ลิซซี่ดึงยาดมจากเอิงมาดมต่อ
เอิงแย่งมา “เอ๊ะ น้องเอิงจะเอา”
“แต่ของพี่ลิซซี่นะคะ พี่ลิซซี่ซื้อมา”
“ก็บอกว่าเอิงจะเอา”
สองคนแย่งยาดมกัน วดีมองอย่างสุดจะทนและหยิบแฟ้มปาทั้งคู่
“พอที กลับจากแย่งผู้ชายก็มาแย่งยาดม สิ้นคิดจริงๆ”
“ป้าต้องช่วยน้องเอิง ใส่สีตีข่าวให้นังหอมน้ำมันคาวมากๆ นะคะ พี่ลิซซี่ก็เหมือนกัน”
“โอ๊ย ไม่เอา พี่ลิซซี่กลัวผีค่ะ”
“ผีบ้าผีบออะไรที่ไหน”
“ผีนังหอมน้ำน่ะซีคะ นังนั่นน่ะมันเป็นผีค่ะ ไม่ใช่คน ไม่เชื่อก็ถามคุณป้าวดีดูซิคะ” ลิซซี่ว่า
“จริงหรือคะ ป้า”
วดีเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งอย่างเซ็งสุดๆ
เจคกำลังนั่งดูบทที่จะถ่ายฉากต่อไป อยู่ที่เก้าอี้ผู้กำกับที่สนามหน้าบ้าน หอมน้ำเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าท่าทางของพุธกันยาที่พยายามจะทำให้เป็นหอมน้ำมากที่สุด
“คุณเจคต้องการพบหอมหรือคะ”
เจคยังคงพลิกดูบทขณะพูด “ใช่ นั่งลงซิ”
“ขอบคุณค่ะ” หอมน้ำทรุดตัวลงนั่ง
เจคพลิกดูบทอีกครู่หนึ่งแล้ววางแฟ้มลง ถอดแว่นมองหอมน้ำ “เรื่องวันนั้นว่ายังไง”
“วันไหนคะ”
เจคพูดเรื่อยๆ แต่นัยน์ตาคอยจับสังเกต “เรื่องที่อาจะส่งขยายเรื่องไปอีก 10 ตอน แล้วหนูบอกว่าจะขอคิดดูก่อน”
หอมน้ำนัยน์ตาเป็นประกายทันที “อ๋อ หอมลืมไป หอมว่าจะมาบอกคุณเจคเหมือนกันว่า หอมตกลงค่ะ”
นัยน์ตาเจควูบไหวแว่บหนึ่ง ด้วยความมั่นใจขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง
“ดี งั้นอาจะได้ปรึกษากับคนเขียนบทดูอีกทึว่าจะไหวหรือเปล่า”
พุธกันยาลืมตัวว่าสิงอยู่ในร่างหอม “ไหวค่ะ ถ้าไม่ไหวหอมช่วยคิดให้ก็ได้ หอมอ่านบทหมดแล้ว ยังเติมได้อีกเยอะ”
เจคยิ้มนิดๆ อย่างพอใจ “เป็นอันว่าตกลง หนูไปเตรียมถ่ายฉากต่อไปได้แล้ว”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
หอมน้ำลุกเดินออกไปอย่างสดชื่นมีชีวิตชีวา
เจคมองตามด้วยสีหน้าครุ่นคิดตริตรอง
ศวัสทำงานที่โรงพยาบาลจนกระทั่งค่ำ เลิกงาน เขาเดินมาที่รถ พร้อมกับกดรีโมตเข้าไปนั่ง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ส่วนภายในห้องแต่งตัว เขนกำลังยื่นสร้อยพระให้หอม
“ถึงเวลาออกจากร่างหอมน้ำแล้วค่ะ”
แต่พุธกันยาในร่างหอมน้ำมองพระนิ่งๆ เหมือนไม่สนใจนัก
“คุณพุธ สัญญาต้องเป็นสัญญานะคะ”
“ก็ได้” พุธกันยาออกจากร่างไป หอมน้ำเซไปเล็กน้อย
เขนรีบเอาสร้อยพระคล้องคอให้เพื่อนทันที โดยมีพุธกันยายืนกอดอกมองตาขวางอยู่
“ขอบใจจ้ะ เขน”
“คุณพุธไปหรือยัง”
หอมน้ำมองไปที่พุธกันยาแล้วส่ายหน้า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หอมน้ำเดินไปหยิบขึ้นมารับ
“สวัสดีค่ะ คุณหมอ”
พุธกันยารีบเข้ามาถาม “ลูกชายฉันเหรอ”
“อีก 10 นาทีออกมารอฉันหน้าบ้าน” เสียงศวัสบอก
“ค่ะ” หอมน้ำหน้าเหยเก เก็บโทรศัพท์ไป
“ลูกชายฉันจะมารับเธอหรือ” สีหน้าและแววตาพุธกันยากระตือรือร้นมาก
“ใช่ค่ะ”
“งั้นขอฉันสิงเธอได้ไหม”
หอมน้ำส่ายหน้า
พุธกันยาอ้อนวอน “สัก 10 นาทีก็ได้นะจ๊ะ หอมน้ำ ได้โปรด ฉันอยากพูดคุยกับศวัส”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะคุณหมอมองว่าหอมสติไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ขืนให้คุณพุธสิงอีก คราวนี้ดูไม่จืดเลย”
“คุณพุธขอสิงหอมอีกเหรอ” เขนถาม
หอมน้ำพยักหน้า “ฮื่อ”
“อย่ายอมนะ”
พุธกันยาโกรธ หันขวับไปจ้องเขนด้วยนัยน์ตาเป็นประกายแดงวาบ จู่ๆ มีลมพัดวูบตรงเข้าใส่เขนอย่างรุนแรง จนร่างอวบอิ่มของเขนกระเด็นไปกระแทกผนังล้มกลิ้งลง
“เขน” หอมน้ำตกใจมาก รีบวิ่งไปหาเขนและประคองขึ้น “เป็นไงบ้างเขน”
“เจ็บ”
หอมน้ำหันมามองพุธกันยาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “คุณรังแกเพื่อนหอม หอมจะไม่ยอมให้คุณสิงอีกแล้ว”
“ฉันขอโทษ ฉันลืมตัวไป”
หอมน้ำไม่สนใจ “ลุกขึ้นไหวมั้ยเขน”
“พอไหว เขนขาหักหรือเปล่าก็ไม่รู้”
หอมน้ำช่วยประคองเขนให้ลุกขึ้น
“หอมน้ำ ฉันขอโทษ ฉันเสียใจจริงๆ นะจ๊ะ”
พุธกันยาขอโทษขอโพย แต่หอมน้ำไม่พูดไม่จาด้วย พาเขนเดินออกไป
เลิกกองแล้ว ทีมงานกำลังขนข้าวขนของขึ้นรถที่หน้าบ้าน หอมน้ำประคองเขนออกมา พิไลที่ขนข้าวของอยู่หันมาเจอ
“อ้าว น้องหอม น้องอ้วน เอ๊ย น้องเขนเป็นอะไรหรือคะ ไอ้จ่อยไปช่วยน้องหอมหน่อย ยังกับเตี้ยอุ้มค่อมแน่ะ”
“แหม ป้าขา ร่ายยาวไม่เว้นวรรคให้ใครพูดบ้างเลยนะคะ เขนถูกผีผลัก เอ๊ย ลมพัดหกล้มค่ะ”
พุธกันยาหน้าตึงตอนเขนพูดว่า “ถูกผีผลัก”
หอมน้ำบอกจ่อยซึ่งเข้ามาช่วย “ไม่เป็นไรค่ะ พี่จ่อย หอมไหว”
“เหลือแต่รถกองเสียด้วย เดี๋ยวป้าจะไปส่ง” พิไลบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ” หอมน้ำเกรงใจ
ศวัสขับรถมาจอดหน้าบ้านพอดี
พุธกันยาหันไปเห็น “ศวัสมาแล้ว”
หอมน้ำหันไปมองตาม “หอมไปละนะคะป้า สวัสดีค่ะ”
หอมน้ำพาเขนไปที่รถศวัส พุธกันยาหายไปจากที่นั้น พิไลมองตาม เห็นรถศวัสแล่นไป
ในรถศวัสที่จะพาเขนไปหาหมอที่โรงพยาบาล รถแล่นมาบริเวณในซอยขับผ่านออกไป
หอมน้ำนั่งคู่กับศวัส ขณะเขนนั่งคู่กับพุธกันยา
หอมน้ำนั่งตัวแข็งทื่อ ไม่ยอมเหลือบแลไปทางพุธกันยา ขณะศวัสชำเลืองมองหอมน้ำอย่างแปลกใจที่ดูนิ่งและตัว แข็งผิดปกติ ส่วนเขนคอยเหลือบมองข้างๆ ท่าทีหวาดๆ เบียดอยู่ติดประตูรถฝั่งตัวเอง
“หอมน้ำ ได้โปรด”
หอมนิ่ง
“แม่ลูกเขาจะได้พูดได้คุยกัน มันเป็นบุญกุศลของเธอนะ”
หอมยังนิ่ง
“เป็นอะไรไป”
“เปล่าค่ะ”
พุธกันยาค่อนขอด “ทีกับลูกพูดเอาๆ แต่กับแม่ทำเป็นไม่เห็นหัว”
หอมน้ำลืมตัว “ถ้าพูดกับคุณ คุณหมอจะได้ว่าหอมเป็นบ้าอีกน่ะซีคะ”
ศวัสนิ่วหน้า หอมน้ำรู้สึกตัว “ขอโทษค่ะ”
“ไม่ต้องขอโทษฉัน” พุธกันยาแกล้ง
“หอมขอโทษคุณหมอต่างหาก” หอมน้ำรู้สึกตัวรีบเอามือปิดปาก
“คุณแม่ฉันนั่งอยู่ข้างหลังหรือ”
หอมน้ำยิ้มแห้งๆ ขณะพุธกันรีบตอบ หน้าระรื่น
“ใช่จ้ะลูก”
รถศวัสเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล
ส่วนรถกองที่จอดนอกบ้านศวัส ทุกคนขนของขึ้นรถเสร็จแล้ว จ่อยเดินตามมาส่งพิไลขึ้นรถ และช่วยขนข้าวของให้
พิไลสั่งกำชับเบาๆ “เอ็งไม่ต้องปากสว่างเรื่องคุณหมอมารับน้องหอมน้ำนะเว้ย”
“สบายใจได้เลย ป้า”
พิไลขึ้นรถเรียบร้อย จ่อยเดินมาขึ้นท้ายรถ จนเรียบร้อยแล้วรถจึงเคลื่อนออกไป
เขนเดินตามพยาบาลเข้าห้องตรวจไป หอมน้ำมองตาม มีศวัสยืนอยู่ข้างๆ และพุธกันยายืนขนาบอีกข้างของ ศวัส พุธกันยาเหลียวมองโดยรอบและมองลูกชายอย่างภาคภูมิใจ
“ฉันภูมิใจในตัวลูกชายฉันมากรู้ไหม” สีหน้าแววตาพุธกันยาปลาบปลื้มมาก
หอมน้ำมองพุธกันยาด้วยสายตาอ่อนโยน
ศวัสหันมามองหอมน้ำ และมองตามสายตานั้น พบว่ามีหนุ่มหน้าตาดีกำลังมองมาที่หอมน้ำเช่นกัน แถมยิ้มให้ด้วยคิดว่าหอมน้ำสนใจตน ศวัสเข้าใจผิด คิดว่าหอมน้ำกำลังเล่นหูเล่นตากับหนุ่มนั้น
พุธกันยายังคงซาบซึ้งลูกชายอยู่ “ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันคงหาเรื่องให้เขาทำฟันทุกวันเลย”
หอมน้ำยิ้มอ่อนโยนให้พุธกันยา หนุ่มคนนั้นยิ้มตอบ แล้วเดินตรงมาหา
“สวัสดีครับ”
หอมน้ำงง
ศวัสจับแขนหอมน้ำไว้อย่างหวงแหนด้วยความลืมตัว “ขอโทษ คุณคงเข้าใจอะไรผิด เราสองคนไม่รู้จักคุณ”
หนุ่มนั้นแย้ง “แต่ว่าเธอยิ้มให้ผม”
หอมน้ำส่ายหน้าแล้วขยับเข้าหาศวัสอย่างลืมตัวเช่นกัน ในขณะที่พุธกันยามองภาพนั้นอย่างครุ่นคิด แล้วหายไป
“ขอโทษครับ ผมคงเข้าใจผิดจริงๆ” ด้วยท่าทางศวัสที่ดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม จนหนุ่มนั้นต้องถอย
ศวัสหันมาดุหอมน้ำ “ไปยิ้มให้เขาทำไม”
“หอมเปล่าค่ะ” หอมน้ำหน้าเหยเก
“ก็ฉันเห็น”
“หอมยิ้มให้...เอ้อ...” สุดท้ายนิ่งไป
“จะแก้ตัวว่า ยิ้มให้แม่ฉันงั้นซิ”
หอมน้ำนิ่งอึ้ง พูดไม่ออก ขณะที่ศวัสยังมองอย่างกล่าวโทษ
ตรงที่จอดรถโรงพยาบาลมีคนเดินผ่านไป 3 คน พุธกันยานั่งอยู่ตอนหลังในรถศวัส ไฟในรถมืด ใบหน้าพุธกันยายังคงครุ่นคิดไม่ตก
“ไม่ได้ ศวัสจะรักจะชอบหอมน้ำไม่ได้เด็ดขาด”
เสียงหมาหอนดังเข้ามา พุธกันยาผินหน้าไปมอง หมาในบริเวณนั้นมารวมตัวกันจ้องพุธกันยาและหอนเป็นทอดๆ คนที่ผ่านไปมามองรถเลิกลัก ท่าทีน่าขัน
พุธกันยาฉุนหมา “หยุดนะ ฉันไม่ใช่ผี ฉันเป็นวิญญาณ”
หมาไม่หยุด แถมยิ่งหอนดังโหยหวนไม่หยุดหย่อน
อ่านต่อตอนที่ 9