xs
xsm
sm
md
lg

เสือ ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสือ  ตอนที่ 8
นอกบ้านหลังหนึ่ง ตอนกลางวัน แม่บ้านคนหนึ่งกำลังเก็บผ้าอยู่ที่ราวแขวนเสื้อ

เธอหันหลังไปหยิบตะกร้า ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งมาเอาเสื้อผ้าที่แขวนไว้ที่ราวลงไป แม่บ้านหันมาอีกครั้ง ปรากฏว่าเสื้อ และชุดกระโปรงสองสามตัวหายไปแล้ว แม่บ้านมองหา เห็นเงาคนแวบๆวิ่งหนีออกไป
"เฮ้ย หยุดนะๆ"
คำสูรย์วิ่งออกไปแล้ว แม่บ้านด่าไล่หลัง
"ไอ้โรคจิต"

โรงแรมห้องแถวแห่งหนึ่ง ในสภาพเล็กๆ เก่า และโทรม ณจันทร์ออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อผ้าที่คำสูรย์ขโมยมา เธอนั่งลงที่เตียง
"โรงแรมนี้เก่าหน่อยนะครับ แต่เห็นมันไม่ค่อยมีคน อาเลยพาคุณหนูมาหลบที่นี่ก่อน"
ณจันทร์ยังคงนิ่งและไม่ยอมพูดอะไร
"อาเพิ่งข้ามฝั่งกลับมาจากพม่าเช้าวานนี้เอง แล้วก็รีบลงมาทันที สังหรณ์ไม่ผิดจริงๆ คืนวันเพ็ญแบบนี้ อำนาจของไอ้เสือผีมันแรงนัก ในที่สุดมันก็หาคุณหนูเจอ…นี่ยังโชคดีนะครับคุณหนู ที่เราหนีรอดจากไอ้เสือเจ้านั่นมาได้"
ณจันทร์ไม่ได้ฟังคำสูรย์ แต่กลับครุ่นคิดอีกเรื่องหนึ่ง
"เขารู้แล้วใช่ไหม"
คำสูรย์ชะงัก ณจันทร์ท่าทางเสียใจ
"คุณปักษะเขาเห็นแล้วว่าฉันเป็นอะไร"
ณจันทร์ท่าทางซึมเศร้าไป คำสูรย์พยายามปลอบ
"มันอาจจะดีแล้วละครับคุณหนู จะได้จบสิ้นกันไป ไม่ต้องวุ่นวายกันอีก คุณหนูก็รู้ว่าเรื่องเขากับคุณหนูมัน…"
"ใช่ ฉันรู้…ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ดีแล้วละที่เขาไปจากฉันซะได้"
"อย่าคิดมากเลยนะครับคุณหนู กลับมาคราวนี้ อามีข่าวดีมาบอกคุณหนูด้วยนะครับ"
ณจันทร์ชะงัก หันมาหาคำสูรย์
"ข่าวดี"
คำสูรย์ยื่นรูปภาพเก่าๆของคัมภีร์โบราณให้ณจันทร์ดู
"อาดั้นด้นไปหาจนเจอวัดพม่าที่มีคัมภีร์ปิดผนึกสมิง ของพระเนปาลที่สร้างหมู่บ้านผาสมิงตามที่ปู่แถนบอกไว้…มันถูกเก็บไว้ในหีบทองใบใหญ่ ข้างในเป็นคัมภีร์ใบลานที่จารึกอักษรเนปาล บ่งบอกเรื่องราวของเสือไว้ทั้งหมด"
"หรือว่านี่จะเป็น…"
"ใช่แล้วครับคุณหนู เจ้าอาวาสยืนยันว่า คัมภีร์ปิดผนึกสมิงเป็นคัมภีร์ที่บอกวิธีล้างคำสาปเสือ ไม่ผิดแน่ แต่น่าเสียดาย"
"ทำไม เขาไม่ยอมให้อามางั้นเหรอ"
คำสูรย์ส่ายหน้า
"คัมภีร์ที่วัดเก็บไว้ มันถูกไอ้พวกลักลอบขนวัตถุโบราณเข้ามาขโมยไปตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้วครับคุณหนู และจากนั้นมันก็หายสาบสูญไปไม่มีร่องรอยเลย"
ณจันทร์นิ่งอึ้ง รู้สึกหมดหวัง
"งั้นเราก็ไม่มีทางจะหาวิธีแก้คำสาปได้แล้วละสิ"
"ยังครับ เรายังไม่หมดหวังหรอก"
ณจันทร์ชะงัก คำสูรย์เอารูปอีกใบหนึ่งออกมาจากย่าม
"เจ้าอาวาสวัดไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนเอาคัมภีร์ไป แต่ท่านเชื่อว่าคัมภีร์ถูกขนมาฝั่งไทย และที่รู้แน่ๆก็คือมันต้องเป็นใครคนหนึ่งในรูปนี้"
ณจันทร์มองรูป เป็นรูปถ่ายเก่าๆถ่ายประมาณ 20 ปีจนมีสภาพเหลืองกรอบ แล้วมีผู้ชายสามคน แต่งตัวเหมือนคณะพรานป่ากำลังยืนถ่ายรูปอยู่หน้าหีบทองใบหนึ่งที่ข้างในมีคัมภีร์ใบลานจารึกอักษรเนปาลโบราณอยู่
"รูปถ่ายตั้งเกือบยี่สิบปีได้แล้วมั้ง ป่านนี้คนในรูปคงจะแก่ลงไปมาก หน้าตาก็คงเปลี่ยน แล้วเราจะไปหาจากที่ไหนกันล่ะ"
คำสูรย์นิ่งไป ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำยังไง
ณจันทร์มองไล่ในรูป เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่เหมือนเป็นหัวหน้า ท่าทางคุ้นเคยอย่างประหลาด
"คนคนนี่ เหมือนฉันเคยเห็นที่ไหน"
ณจันทร์พยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออกว่าผู้ชายที่เห็นในรูปคือใคร

ที่กองปราบปราม
"ผมขอให้สารวัตรออกหมายจับณจันทร์เถอะครับ"
สารวัตรชะงัก เงยหน้ามองอาชา
"คุณว่าอะไรนะ"
"ผมรู้แล้วครับว่า ทำไมเราถึงไม่เคยจับไอ้เสือตัวนั้นได้ เสือที่ออกมาไล่ล่าฆ่าคนในคืนวันเพ็ญ ที่จริงมันไม่ใช่เสือธรรมดา แต่เป็นเสือในร่างคน คนที่กลายเป็นเสือในคืนวันเพ็ญ เสือสมิง!"
สารวัตรนิ่งอึ้งไปสักพัก ก่อนจะปล่อยหัวเราะออกมา อาชารีบพูด
"สารวัตรต้องเชื่อผมนะครับ ที่จริงผมมีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าณจันทร์เป็นเสือตัวนั้น! แต่พรหมพยัคฆ์ทำลายมันซะก่อน เขาก็เป็นเสือ พวกเดียวกันกับณจันทร์นั่นแหละ"
"พรหมพยัคฆ์ เจ้าของเบงกอลวิสกี้เนี่ยนะ คุณก็หาว่าเขาเป็นเสืออีกคนเหรอ จะบ้าใหญ่แล้ว! เสือสมิงนี่มันมีจริงที่ไหน เลิกเพ้อเจ้อซะทีเถอะอาชา"
"ผมไม่ได้เพ้อเจ้อ ผมพูดความจริง! สารวัตรไม่เชื่อก็ออกหมายจับเรียกณจันทร์กับพรหมพยัคฆ์มาสิครับ"
"แล้วให้คนทั้งเมืองเขาหัวเราะผมงั้นเหรอ! ผมไม่บ้าตามคุณไปด้วยหรอก"
"แต่จะต้องมีคนตายอีกนะครับ สารวัตรต้องเชื่อผม สารวัตรต้องส่งคนไปจับพวกมัน"
"หยุดได้แล้ว เลิกพูดเดี๋ยวนี้เลย ผมเตือนคุณหลายครั้งหลายหนแล้วนะอาชา แต่คุณก็ยังไม่ฟัง ผมทนฟังคุณเพ้อเจ้อเรื่องบ้าๆนี่ไม่ไหวแล้ว ผมจะสั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวนพฤติกรรมของคุณ"
"แต่สารวัตรครับ"
"คุณไม่มีทางเลือกแล้วอาชา ผมจะให้คุณพักราชการไปจนกว่าการสอบสวนจะเสร็จ ไม่มีการผ่อนปรนอะไรทั้งนั้น แล้วเลิกบ้าซะที ถ้าผมรู้ว่าคุณยังไม่ทำตามที่ผมสั่งอีก ผมจะยื่นเรื่องให้คุณออกจากราชการ!"
อาชานิ่งอึ้งไปเลย ตกใจเหมือนกันที่เจอไม้นี้
"ออกไปได้แล้ว ผมหมดเรื่องที่จะพูดกับคุณแล้ว"
อาชาเดินคอตกออกไป ด้วยสีหน้าเครียดสุดๆ

คืนนั้น ลายเมฆถือถาดอาหารสดเดินมาตามทางในบ้าน ก่อนที่จะเข้าไปในห้องนอน
"อาหารครับนายท่าน"
พรหมพยัคฆ์กำลังนอนเจ็บอยู่ ลุกขึ้นจากเตียง แต่เซไป ลายเมฆไปพยุงไว้
"เป็นยังไงบ้างครับ"
พรหมพยัคฆ์ปัดถาดอาหารกระเด็นลงพื้น ผลักลายเมฆออก ท่าทางโมโหจัด
" ไอ้คำสูรย์! คราวนี้มันทำฉันเจ็บแสบจริงๆ ถ้าเจอมันครั้งหน้า ฉันไม่มีวันปล่อยให้มันมีลมหายใจได้อีก"
"ไม่คิดเลยนะครับ ว่ามันจะตามมาถึงที่นี่"
พรหมพยัคฆ์นิ่งไป เริ่มคิด
"สงสัยมันอาจจะมาเพื่อขัดขวางนายท่าน มันคงรู้ว่าใกล้เวลาที่นายท่านจะเอาตัวคุณณจันทร์ไปแล้ว"
"ไม่ใช่! มันไม่ใช่แค่นั้น มันต้องมีจุดประสงค์อย่างอื่น"
พรหมพยัคฆ์ครุ่นคิด

ตกดึก คำสูรย์นอนหลับอยู่ที่พื้น ณจันทร์ยังนั่งมองรูปชายสามคนว่าเป็นใคร แต่ก็นึกไม่ออกวางรูปลง ณจันทร์มองไปมองพระจันทร์ที่ด้านนอก คิดถึงปักษะ

ปักษะนอนหลับบนเตียงอยู่ในห้อง มีใครเปิดประตูห้องเข้ามา เดินเข้ามาใกล้ จะลูบหน้า ปักษะกระสับกระส่าย สะดุ้งตื่น เหงื่อแตก ทันใดนั้นก็ชะงักเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่ที่ประตู
"นั่นใครนะ"
ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆหันหน้ามา ณจันทร์ นั่นเอง
"ณจันทร์!…นี่คุณมาทำอะไรที่นี่"
"ฉันขอโทษ ฉันรู้ฉันไม่ควรจะพบคุณอีก…ฉันแค่อยากบอกคุณว่าฉันไม่ได้เลือกที่จะเป็นอย่างนี้ ฉันไม่ได้ต้องการจะเป็น..เสือ เป็นฆาตกร คุณยังรักฉันอยู่ไหม ปักษะ"
ปักษะนิ่งเงียบ ไม่รู้จะพูดยังไงดี
ณจันทร์เสียงสั่นเครือ
"ถ้าคุณเกลียดฉัน ฉันก็เข้าใจ ฉันไม่โทษคุณหรอกคะ"
ปักษะเริ่มสงสาร เดินลงจากเตียงไปหาณจันทร์ ก่อนที่จะดึงเธอมากอด แสงจันทร์สาดส่องเข้ามา ปักษะชะงัก รู้สึกว่า ร่างกายเธอกำลังเปลี่ยนไป ณจันทร์รู้สึกตัว ผละออกจากปักษะ มองมือตัวเอง เล็บกำลังค่อยๆงอกออกมา
ปักษะชะงัก ณจันทร์ในร่างครึ่งคนครึ่งเสือ หยิบมีดด้ามหนึ่งขึ้นมาแล้วเข้ามาใกล้ปักษะ ปักษะตกใจกลัว
"คุณจะทำอะไรนะณจันทร์"
แต่ณจันทร์เอาใส่มีดใส่มือปักษะ
"มีเรื่องเดียวที่ฉันอยากขอร้องคุณ" เธอดึงเอาปลายคมมาแตะที่อก "คุณฆ่าฉันซะเถอะปักษะ"
ปักษะนิ่งงัน
"นี่…คุณพูดอะไรนะ"
"ฆ่าฉันซะ แทงตรงหัวใจนี่เลย ฉันต้องการหลุดพ้นจากคำสาปชั่วร้ายนี่ซะที ช่วยฉันด้วยเถอะ มีเพียงคุณเท่านั้นที่ช่วยฉันได้"
ปักษะสับสน
"ไม่ ผมทำไม่ได้"
ณจันทร์ร้องไห้
"คุณต้องทำ คุณต้องฆ่าฉัน ก่อนที่ฉันจะไปฆ่าใครอีก ก่อนที่คุณจะเกลียดฉัน"
ปักษะสับสน ถือมีดนิ่งไว้อยู่อย่างนั้น ณจันทร์ตัดสินใจดันตัวเองเข้าไปให้มีดแทงที่อก
"ไม่!"
ณจันทร์ล้มลงในอ้อมกอดของปักษะ
"ณจันทร์ๆ"
ณจันทร์เจ็บหนัก เลือดไหลซึมออกมา พยายามจะเอามือมาจับหน้าของปักษะ
"ฉันรักคุณ"
มือของณจันทร์ตกลงข้างตัว หลับตาลง และจากไปตลอดกาล ปักษะกอดณจันทร์ไว้แน่น รู้สึกได้ถึงความสูญเสียของสำคัญที่สุดไป
"ไม่! ผมรักคุณ ผมรักคุณณจันทร์ ณจันทร์คุณได้ยินไหม ผมรักคุณ"

ปักษะสะดุ้งเฮือก มองไปรอบๆ เขายังอยู่ในห้องนอน ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น
"ณจันทร์"

ปักษะลงมาดื่มเหล้าอยู่คนเดียวเงียบๆ แล้วไฟก็เปิดสว่าง ปฏิมาที่ลงมาข้างล่าง
"ตีสี่แล้ว…นี่แกยังไม่นอนอีกเหรอ"
"ผมนอนไม่หลับน่ะป๋า"
ปฏิมาสังเกตเห็นท่าทางแล้วเดินเข้ามา
"แกเป็นอะไรของแก"
"พูดไป ป๋าก็คงไม่เข้าใจหรอก"
ปฏิมาประชด
"แล้วไง ไอ้ขวดเหล้าพวกนี้มันเข้าใจแกงั้นเหรอ"
ปักษะนิ่งไป เริ่มจะระบายกับปฎิมา
"ป๋า…ถ้าสมมุติว่าคนที่ป๋ารู้จัก หมายถึงคนที่สนิทกันมากๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่ป๋าคิดหวังเอาไว้เลย ป๋าจะทำยังไง"
" ฉันก็ต้องดูก่อน…ว่าเขาตั้งใจจะมาหลอกกันหรือเปล่า เพราะบางทีคนเราก็ชอบทึกทัก คิดว่าเขาจะเป็นอย่างนี้อย่างนั้น พอไม่ได้ดังใจก็ดันมาโกรธ ทั้งที่เป็นเราเองต่างหากที่ไปตั้งความหวังเอาไว้"
" ป๋าเคยได้ยินเรื่องเสือสมิงหรือเปล่า"
"อะไรนะ"
"ป๋าเชื่อหรือเปล่า…หมายถึงว่าคนที่สามารถกลายเป็นเสือร้ายแล้วไล่ฆ่าคน"
"เสือร้ายงั้นเหรอ" ปฏิมาหัวเราะ "ตั้งแต่เกิดมาฉันก็เห็นมีแต่แม่แกนี่แหละที่ร้ายกว่าเสือซะอีก"
ปฏิมาหัวเราะในมุขของตัวเอง ปักษะชะงักนิ่งไป ปฏิมารีบเปลี่ยนเรื่อง
"นี่แกนอนไม่หลับเพราะเรื่องนี้เหรอ"
"คือ..อาชามันบอกว่าคดีที่ทำอยู่เป็นฝีมือของ...เสือสมิง"
"คนฆ่าเสือไม่มีใครว่า พอเสือมาฆ่าคนดันหาว่าเป็นเสือผี เสือสมิง ฉันว่าถ้ามันจะมีเสือสมิงจริงๆก็ดีเหมือนกัน จะได้ส่งไอ้พวกคนเลว ๆ ไปลงนรกเร็วขึ้น"
"แต่ยังไงมันก็ผิดอยู่ดี ที่เสือมาฆ่าคน"
"มีใครไม่เคยทำผิดบ้างละวะ ถ้าเสือตัวที่แกว่ามันพูดได้ แกอาจจะได้รู้อะไรมากกว่าสิ่งที่แกเห็นก็ได้ เรื่องบางเรื่อง มองด้วยตาไม่ได้หรอก มันต้องมองด้วยใจ แต่เราก็คงต้องถามตัวเองซะก่อน..ว่าหัวใจของเรามันกว้างพอหรือยัง"
ปักษะนิ่งไป ครุ่นคิดตามที่ปฏิมาพูด

วันต่อมา คำสูรย์อยู่ด้านนอกของร้าน มองเข้าไปในร้านป้าแอน ... แล้วคิดถึงเรื่องที่ณจันทร์พูดให้ฟังที่โรงแรม
"คุณหนูแน่ใจเหรอครับว่าวิธีนี้จะได้ผล"
"แม่หมอเทพนิมิตเคยดูไพ่ให้ฉัน เขาทำนายชะตาของฉันได้เหมือนตาเห็น ฉันว่าแม่หมอนี่แหละที่จะช่วยเราตามหาผู้ชายสามคนในรูปได้…แต่ว่าแม่หมอไม่อยากยุ่งเรื่องเสือ ถ้าฉันไปถามเอง อาจจะมีปัญหา"
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ คุณหนูรออยู่ที่นี่ดีกว่า อาจะไปถามให้เอง"
คำสูรย์มองอยู่ด้านนอกร้าน ก่อนเดินเข้าไป

สมชัยและลูกปลานั่งอยู่ในร้านป้าแอน
"ทำไมเธอจะต้องมาร้านนี้ทุกครั้งเลยยะ คิดหาร้านอื่นไม่ออกเลยหรือไง" สมชัยถาม
ลูกปลาบอก
"นี่ไม่ต้องพูดมากเลย วันนี้ใครเป็นเจ้ามือยะ ฉันจ่าย ก็ต้องตามใจฉันสิ"
คำสูรย์เข้ามาในร้าน พวกลูกปลาและสมชัยชะงัก ซุบซิบกันสองคน คำสูรย์พูดเสียงดัง
"เทพนิมิตอยู่ไหม"
ลูกปลา สมชัยสะดุ้ง ป้าแอนเข้ามาถาม
"เชิญนั่งก่อนคะ จะสั่งอะไรดีคะ"
"ฉันจะมาหาคนชื่อเทพนิมิต อยู่ที่นี่ไหม"
"เอะอะ อะไรกัน"
เทพนิมิตออกมาจากบริเวณร้าน เห็นคำสูรย์ เทพนิมิตก็ชะงักไป มองคำสูรย์นิ่ง
"คนคนนี้ เขามาหาแม่หมอนะคะ" แอนกระซิบถาม "ให้หนูไล่มันไปไม่คะ ท่าทางไม่เต็มบาทยังไงก็ไม่รู้"
"วันนี้ฉันไม่รับดูไพ่แล้ว กลับไปซะ"
เทพนิมิตจะกลับเข้าไปข้างใน
"เดี๋ยวก่อน แม่หมอ"
คำสูรย์จะเข้าไปหาเทพนิมิต ป้าแอนขวางไว้
"นี่จะทำอะไรนะ"
คำสูรย์มองอย่างไม่พอใจ ป้าแอนกลัว ถอยออกมา คำสูรย์เข้าไปพูดกับเทพนิมิต
"ฉันมีเรื่องอยากให้แม่หมอช่วย"
"พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ฉันบอกว่าวันนี้ฉันไม่ดูดวงแล้วไง"
คำสูรย์กระซิบพูดนัยไสยะกับเทพนิมิต
"นี่ไม่ใช่เรื่องดวง…แต่มันเป็นความลับของฟ้า มันเป็นการรวมกันระหว่างกลางวัน กลางคืน ระหว่างคนและสัตว์"
เทพนิมิตชะงัก
"นี่ใครส่งแกมา"

อาชากำลังเก็บของออกจากโต๊ะในกองปราบปรามชั่วคราว เพราะต้องโดนพักราชการ
"หมวดครับ มีคนมาหาครับ" จ่ายุทธบอก
ปักษะเดินเข้ามา อาชาชะงัก
ปักษะมองไปที่ของ
"นี่แกทำอะไรอยู่นะ"
อาชาประชด
"ฉันก็เก็บของสิวะ สารวัตรเขาช่วยสงเคราะห์ให้ฉันได้ไปนอนอยู่กับบ้านแล้ว ต้องขอบใจแกจริงๆวะที่ช่วยให้ฉันได้พักงาน"
ปักษะอึ้งไป
"ฉันมาวันนี้ เพราะฉันมีเรื่องอยากจะถามแก"
"แกจะถามอะไรฉัน จะถามว่าฉันรู้สึกยังไงที่คนทั้งกองปราบหาว่าเพี้ยนหรือเปล่าวะ"
ปักษะเดินมาหาอาชา
"ขอร้องเถอะอาชา ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างจากแกนักหรอก ฉันแค่อยากรู้ความจริง อยากรู้เรื่องทั้งหมด แกบอกฉันได้ไหมว่า ทำไมณจันทร์ถึงได้เป็น…อย่างนั้น"
อาชานิ่งไป

เทพนิมิตมองรูปถ่ายคณะพรานป่าที่คำสูรย์นำมาให้พลางครุ่นคิด แต่แล้วก็วางลง
"ฉันดูให้ไม่ได้…ฉันเคยบอกผู้หญิงคนนั้นไปแล้วไงว่าฉันไม่อยากยุ่งกับเรื่องไอ้เสือผีอีก"
เทพนิมิตจะลุกขึ้น แต่คำสูรย์ดึงไว้
"เดี๋ยวก่อน…คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกใช่ไหมที่แม่หมอรู้เรื่องเสือ"
เทพนิมิตชะงัก คำสูรย์พูดนัยไสยะอย่างน่ากลัว
"มันเป็นชะตา…ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว…ยังไงแม่หมอก็ต้องเกี่ยวข้องเรื่องนี้ แม่หมอก็รู้ว่าคนที่ฝืนชะตาของตัวเอง ฝืนลิขิตของฟ้า จะเป็นยังไง"
เทพนิมิตนิ่งไป นั่งลง
"แกต้องเข้าใจนะว่าพลังที่ฉันมี ไม่สามารถจะรู้ชัดถึงสถานที่ที่สิ่งของหรือคนอยู่ได้…อาจจะรู้แค่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกันเท่านั้น"
"อย่างน้อยแค่มีร่องรอยให้เราตามหาคัมภีร์นั่นได้ก็พอ"
"งั้นฉันจะลองดู"
เทพนิมิตนั่งลงและสับไพ่

ปักษะรู้เรื่องทุกอย่างจากอาชาหมดแล้ว
"นี่แปลว่าณจันทร์จะต้องเป็นเสือ ทุกๆคืนวันเพ็ญนะสิ… แต่แกก็รู้ เสือที่โผล่มาไล่ฆ่าคน มันอาจจะเป็นพรหมพยัคฆ์ก็ได้"
"ใช่ แต่ณจันทร์อยู่แถวที่เกิดเหตุทุกครั้ง มีความเป็นไปได้แค่ไหนวะที่จะเป็นฝีมือของเธอ"
"แกคิดไหมเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้ ณจันทร์อาจจะไม่ได้อยากเป็นอย่างนั้นก็ได้"
"นี่แกเลิกปกป้องเขาซะทีเถอะ ณจันทร์นะอันตรายแค่ไหนแกรู้ไหม แกก็เกือบจะเป็นเหยื่อของเขาแล้วนะเว้ย"
"แล้วถ้าเรามีทางที่จะช่วยเขาได้ ช่วยให้เขาเป็นคนปกติเหมือนธรรมดา แกจะละเว้นเขาหรือเปล่า"
"แกไม่มีทางช่วยเขาได้หรอก"
"แกตอบฉันก่อนสิ ถ้าฉันช่วยเขาได้ แกจะปล่อยเขาไปหรือเปล่า"
" ฟังนะ ฉันเป็นตำรวจ ฉันไม่สนหรอกว่า ณจันทร์เป็นใคร หรือว่าเป็นอะไร ฉันรู้แต่ว่าใครที่ฆ่าคน ใครที่มันเลว ฉันก็ต้องจับ ไม่ว่าคน…หรือเสือ"
ปักษะนิ่งไป

เทพนิมิตเปิดไพ่แต่ละใบ ไพ่คนแขวนคอ (Hang man) และไพ่ความตาย (The death)
เธอกังวล ก่อนบอกคำสูรย์
"บอกตามตรงนะ ไพ่ของชายทั้งสองคนที่ฉันดูมาออกมาไม่ดีเลยสักใบ ฉันว่าบางทีแกอาจจะไม่ได้พบกับเขาแล้วก็ได้"
คำสูรย์ชะงัก
"หมายความว่ายังไง"
เทพนิมิตชี้ไปที่ไพ่แต่ละใบ
"ไพ่คนแขวนคอ บอกถึงความสูญเสียร้ายแรง และไพ่ the death …บอกถึงความพลัดพราก และความตาย"
"นี่แสดงว่า…"
"ฉันว่าชายสองคนนี้…ถ้าไม่ประสบเคราะห์ปางตาย…ก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว"
คำสูรย์นิ่งอึ้งไป เหลือไพ่อีกหนึ่งใบ แต่เทพนิมิตไม่ดูต่อ
"เลิกตามหาเขาเถอะ คงจะไม่มีประโยชน์แล้ว"
"เดี๋ยวสิแม่หมอ ยังเหลืออีกคนหนึ่งที่ยังไม่ได้ดู เขาอาจจะยังอยู่ก็ได้"
"ยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์ ไอ้มารร้ายตัวนั้นมันไม่ยอมปล่อยณจันทร์ไปหรอก พอๆเถอะ แกกลับไปได้แล้ว"
"ไม่ได้นะแม่หมอ ยังไงฉันก็ต้องตามหามัน ฉันต้องไปเอาคัมภีร์มาให้ได้!"
คำสูรย์เขย่าตัวเทพนิมิตร้องลั่น
"โอ้ย ปล่อยฉันนะ ปล่อย"
กลุ่มป้าแอน ลูกปลา และสมชัยที่แอบเงี่ยหูฟังด้านนอกเข้ามาเมื่อได้ยิน
"เดี๋ยว นี่เกิดอะไรขึ้นนะ นายปล่อยตัวแม่หมอนะ"
ลูกปลามาขวางคำสูรย์ไว้ เทพนิมิตรีบเดินออกไปจากตรงนั้น กลุ่มลูกปลาตามไป
คำสูรย์หงุดหงิดมองเห็นไพ่ใบสุดท้าย ในที่สุดก็ตัดสินใจเปิดไพ่เสียเอง เป็นไพ่ราชาเหรียญเงิน (King of Pentacles) คำสูรย์ชะงักเมื่อเห็นไพ่

กลุ่มลูกปลาอยู่กับเทพนิมิต
"เป็นยังไงบ้างคะแม่หมอ"
"ฉันเห็นหน้าก็นึกแล้วเชียวว่ามันต้องสติไม่ดีแน่ๆ" สมชัยว่า
คำสูรย์เดินออกมาจากที่ดูดวง ตรงเข้าไปหาเทพนิมิต กลุ่มลูกปลาตกใจ
"นี่แกจะทำอะไร ออกไปนะ เดี๋ยวฉันเรียกตำรวจจริงๆด้วย"
คำสูรย์ชูไพ่ให้เทพนิมิต
"ฉันไม่ไป! บอกมาก่อนแม่หมอ ไพ่ใบนี้มันหมายความว่ายังไง"
เทพนิมิตมองไพ่ในมือคำสูรย์
"ไพ่ราชาเหรียญเงิน!"
เทพนิมิตหยิบไพ่มาพิจารณาต่อหน้าคำสูรย์
"ไพ่ราชาถือเหรียญเงิน แปลว่าชายคนสุดท้ายที่แกตามหาเป็นผู้ที่อุดมสมบูรณ์ในเรื่องทรัพย์สิน เงินทอง"
"แค่นี้เองเหรอ มีอะไรอีกหรือเปล่า"
และทันใดนั้นเทพนิมิตก็รู้สึกวูบขึ้นมา สังหรณ์บางอย่างรุนแรง
"เดี๋ยวก่อนนะ…ฉันรู้สึกถึงบางอย่าง"
เธอค่อยๆลากนิ้วไปที่สัญลักษณ์ดาวห้าแฉกตรงกลางของไพ่ราชาถือเหรียญเงิน
"รูปนี้…มันมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเขา สิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวเขา สัญลักษณ์ดาวห้าแฉก"
"ดาวห้าแฉก"
"ใช่…ชายคนนี้ต้องเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับสัญลักษณ์รูปดาวห้าแฉกแน่ๆ…ฉันรู้แค่นี้"
คำสูรย์ครุ่นคิด

อ่านต่อหน้าที่ 2


เสือ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ที่ทำการพรรค "พิทักษฺธรรม" เป็นสัญลักษณ์ดาวห้าแฉก

บนเวที เลขาธิการพรรคกำลังที่จะแถลงข่าวอยู่ต่อหน้านักข่าวทั้งหลาย
เลขาบอก
"สำหรับการสรรหาหัวหน้าคนต่อไปของพรรค ทางสมาชิกพรรค “พิทักษ์ธรรม” ได้ทำการลงคะแนนโหวต และได้มติเป็นเอกฉันท์ มอบหมายตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนต่อไปให้กับ คุณสิงหล จงรัชตะไวย์"
ประตูก็เปิดออก ผู้ชายคนหนึ่งเดินออกไปตามทางเดิน กลุ่มนักข่าวรีบเข้ามารีบถ่ายรูปกันใหญ่ สิงหลขึ้นมาบนที่แถลงข่าว เป็นนักการเมืองที่เคยเกี่ยวข้องกับพรหมพยัคฆ์ นักข่าวรีบถ่ายรูปกันใหญ่
หลังแถลงการณ์เสร็จสิ้น สิงหลให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
"ผมเองก็ไม่ได้หวังที่จะได้ตำแหน่งอะไร แต่ในเมื่อทางพรรคเห็นควร ผมก็พร้อมที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนครับ… ไม่ทราบว่าใครมีคำถามอะไรอีกไหมครับ"
นักข่าวคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
นักข่าว1ถาม
"แล้วไม่ทราบว่าจากการที่ข่าวออกมาว่าสส.ที่มีอักษรย่อชื่อ ส. พัวพันกับคดีลักลอบค้าสัตว์ป่านี่มีผลต่อการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้หรือเปล่าครับ"
สิงหลชะงัก สีหน้าไม่พอใจนิดหนึ่ง แต่ก็พยายามจะกลบเกลื่อน
"คงไม่มีหรอกครับ ทางพรรคเข้าใจดีว่าเรื่องนี้เป็นแค่เกมการเมืองเท่านั้น อีกอย่างนักการเมืองที่ตัวอักษรย่อชื่อ ส. นอกจากผมก็มีตั้งเยอะแยะ"
นักข่าว2 ถาม
"แสดงว่าท่านยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านใช่ไหมคะ"
"แน่นอนครับ ตลอดชีวิตนักการเมืองของผม ยึดหลักคุณธรรมมาตลอด หลังจากนี้ผมจะยื่นบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดของผม เพื่อยืนยันว่าผมไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตผิดกฏหมายอย่างแน่นอน"

ภายในบ้านพัก สิงหลหันมาถามพรหมพยัคฆ์อย่างมีโมโห
"คุณเห็นไหม! คุณเห็นไหมว่านักข่าวมันจมูกไวนาดไหน มันตามกลิ่นจนมาถึงกิจการของผมจนได้"
" แล้วไง"
"ผมกำลังถูกจับตามองอยู่นะคุณพรหมพยัคฆ์ ยิ่งได้ตำแหน่งหัวหน้าพรรค ก็ยิ่งจะมีคนจ้องจะขุดคุ้ย ผมต้องรีบเคลียร์ตัวเองให้เร็วที่สุด มันถึงเวลาแล้วนะที่คุณจะเอาของที่คุณฝากผมไว้ไปซะที"
"ก็บอกแล้วไงว่าฉันขอฝากเสือพวกนั้นไว้กับแก…แล้วอีกอย่างที่แกพูดมา มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับฉันเลย"
สิงหลไม่พอใจ
"ผมบอกคุณก่อนนะคุณพรหมพยัคฆ์ ว่าผมไม่ยอมเป็นแพะรับบาปคนเดียวแน่ ถ้าเรื่องมันมาถึงผม คุณก็ไม่มีทางจะพ้นไปได้หรอก"
ทั้งคู่จ้องตากัน ต่างรู้ทันในความเลวของกันและกัน
"งั้นแกต้องการอะไร"
"ผมอยากจะให้คุณรับซื้อเสือไป จะได้จบเรื่องไปสักที แต่อย่างที่บอกว่างานนี้มันเสี่ยงมาก ผมไม่ได้คิดมากเรื่องเงินหรอกนะ แต่ว่าทำอะไรมันก็ต้องให้คุ้ม"
พรหมพยัคฆ์มองออกว่า สิงหลโลภ
"งั้นฉันคงต้องถามใหม่สินะ…แกต้องการเท่าไร"
"สิบล้าน"
"อะไรนะ"
"โธ่ ไม่เอานะคุณพรหมพยัคฆ์ ผมรู้ว่าเงินแค่นั้นนะจิ๊บจ้อย…ถ้าเทียบกับชื่อเสียงของคุณ"
"คิดว่าจะขู่ฉันได้งั้นเหรอ แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ"
"ถ้ายังงั้นผมคงต้องหาทางกำจัดเสือที่มีอยู่ รวมทั้งเสืออีกสามสี่ตัวที่ผมเพิ่งจับมาได้จากที่ป่า…ชำแหละเอาอวัยวะแล้วก็ส่งออกแทน"
พรหมพยัคฆ์โมโหจัด
"แก! นี่แกเห็นชีวิตสัตว์พวกนี้มันไร้ค่านักใช่ไหม"
"ใครว่ามันมีค่ามากต่างหาก เพราะมันทำให้มนุษย์อย่างผมร่ำรวยมาได้ไงครับ" สิงหลหัวเราะลั่น พรหมพยัคฆ์โกรธจัด ที่มันจะมาฆ่าพี่น้องของตัวเอง
"ได้ ตกลง"
"อีกสองวันจะผมจะจัดงานประมูลการกุศล วันนั้นจะมีคนมาซื้อขายโบราณวัตถุกันเต็มไปหมด เป็นวันที่เหมาะที่สุดที่คุณจะเอาเงินมาให้ผมโดยไม่มีใครสงสัย สิบล้าน…ผมขอเป็นเงินสดนะครับ"

สิงหลกับพรหมพยัคฆ์ตกลงกันเสร็จก็เดินออกมาที่ด้านนอก
"ตกลงง่ายๆยังนี้ก็ดี เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก ผมขอบอกว่าผมยินดีจะร่วมธุรกิจกับคุณอีกเสมอนะคุณพรหมพยัคฆ์"
พรหมพยัคฆ์มองอย่างเกลียดชังสิงหลมาก กำลังจะเดินออกไปกับลายเมฆ แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นว่าลูกน้องของสิงหลกำลังขนลังไม้หนึ่งกำลังมา สิงหลเตือน
"เอ้า เฮ้ยๆ ระวังอย่าให้ตกล่ะ"
พรหมพยัคฆ์มองไปที่ลังนั้น เหมือนมีรัศมีอะไรออกมา ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด
"นั่นอะไรนะ"
สิงหลชะงัก หันมามอง
"อะไร"
"ลังนั่น…มีอะไรอยู่"
"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก..ก็แค่สมบัติที่ผมได้มาจากพม่า ผมได้มันมาเกือบยี่สิบปีแล้ว เสียดายเหมือนกัน ถ้าผมไม่ต้องเคลียร์บัญชี ผมคงไม่ขายมันหรอก"
"ข้างในมันมีอะไร"
"ก็แค่หีบทองใบหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าสมัยไหน คุณสนใจไหมละ ลองไปดูที่งานประมูลสิ ผมอาจจะคิดราคากันเองให้ก็ได้"
พรหมพยัคฆ์ครุ่นคิด
พรหมพยัคฆ์มาถึงที่รถ สีหน้ากังวล ลายเมฆเปิดประตูรถให้พรหมพยัคฆ์
"มีอะไรหรือเปล่าครับนายท่าน"
"ฉันรู้สึกประหลาด…เวลาอยู่ใกล้ลังนั่น"
พรหมพยัคฆ์ยังคงหันกลับไปมองกล่องที่คนงานขนอยู่
"ไม่รู้ว่าในนั้นมันมีอะไรกันแน่"

กล่องใบนั้นวางอยู่ในห้อง สิงหลเข้ามา เขาแกะฝาลังออกมา ก่อนจะหยิบของข้างใน ออกมา เป็นหีบทองใบขนาดกลางที่สลักลายล้านนาไว้อยู่ สิงหลค่อยๆเปิดฝาหีบออก และหยิบของที่อยู่ภายในออกมา
คัมภีร์ใบลานที่มีอักษรเนปาล ลักษณะเดียวกับที่คำสูรย์พูดไม่มีผิด!

ภายในโรงแรมจิ้งหรีด ณจันทร์รู้เรื่องของเทพนิมิตจากคำสูรย์
"ดาวห้าแฉก? แม่หมอว่ายังงั้นเหรอ"
"ครับคุณหนู แกสังหรณ์ว่าผู้ชายที่มีคัมภีร์คนนี้จะต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับรูปดาวห้าแฉก"
"มันหมายถึงอะไร สัญลักษณ์ของสถานที่…หรือว่าพวกยศทหาร ตำรวจ"
"พูดจริงๆ อาก็ยังไม่รู้ เราคงต้องลองหาดูละครับคุณหนู"
ณจันทร์ครุ่นคิดพยายามที่จะตีความสัญลักษณ์ดาวห้าแฉกที่เทพนิมิตพูดถึง

ภายนอกมูลนิธิสัตว์ เจ้าหน้าที่กำลังดูแลสัตว์อยู่ ปักษะเดินเข้ามา ท่าทางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง มองสัตว์ที่อยู่ในกรง เขานึกถึงคำพูดของอาชา
"ฟังนะ ฉันเป็นตำรวจ ฉันไม่สนหรอกว่าณจันทร์เป็นใคร หรือว่าเป็นอะไร ฉันรู้แต่ว่าใครที่ฆ่าคน ใครที่มันเลว ฉันก็ต้องจับ ไม่ว่าคน…หรือเสือ"
" มีใครไม่เคยทำผิดบ้างละวะ เพียงแต่ว่า มันจะผิดเพราะตั้งใจ หรือว่าเพราะไม่มีทางเลือก ก็เหมือนกฎหมายนั่นแหละ ศาลเขายังยอมลดโทษให้ไอ้พวกที่ทำความผิดเพราะไม่เจตนา ถึงจะเป็นคน หรือว่าเป็นสัตว์ ทุกชีวิตมันก็มีหัวใจทั้งนั้นแหละ"
ปักษะเอื้อมมือเข้าไปลูบหัวสัตว์ที่อยู่ในมูลนิธิสัตว์อย่างสงสาร ตัดสินใจแล้วว่า ยังไงก็ต้องช่วยณจันทร์ให้ได้

หลายสถานที่ วันต่อมา ณจันทร์พยายามตามหาสัญลักษณ์รูปดาวห้าแฉกเช่น เข้าไปร้านอาหารที่มีรูปดาวอยู่ข้างหน้า, โรงแรมที่มีเขียนว่ากี่ดาว เอารูปดาวห้าแฉกให้คนในนั้นดู แต่ก็ไม่มี จนต้องเดินออกมา
ณ สถานที่หนึ่ง ณจันทร์และคำสูรย์เดินผ่านภาพโปสเตอร์งานประมูลซึ่งมีรูปสิงหลและหีบทองโบราณไป โดยไม่ได้มอง

เกรียงวางโปสเตอร์งานประมูลลงบนโต๊ะ
"ลูกค้าเขาพอใจมากกับโปสเตอร์ที่เราออกแบบให้ไป เขาเลยขอให้เราไปช่วยดูแลงานประมูลที่จะจัดขึ้นวันเสาร์นี้"
ลูกปลาถาม
"เดี๋ยวนี้บริษัทเรารับจัดงานด้วยเหรอคะบอส"
"ก็ไปช่วยเขาเท่านั้นแหละ เพราะงานนี้เป็นงานการกุศล แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ของพรรคพิทักษ์ธรรมเขาดูอยู่แล้ว"
"งานประมูลเหรอคะ แหมดีจริงๆ หนูขอเข้าไปประมูลด้วยคนได้ไหมคะบอส" สมชัยว่า
"คุณจะไปประมูลอะไรในนั้น มีแต่ของเก่าโบราณทั้งนั้น"
"เปล่าคะ จะเอาตัวเองไปเสนอให้ประมูลคะ"
ลูกปลาบอก
"อย่าเลยยะ อย่างหล่อน ฉันว่าสงสัยจะต้องค้างเติ่งในสต็อก เป็นวัตถุโบราณอีกหลายปีแหละยะ"
"ว้าย บ้า"
"ไม่ต้องห่วงคะบอส ถ้ายังไงวันงาน ดิฉันจะจัดการเองคะ" วิฬาร์บอก
"งั้นผมฝากด้วยแล้วกันนะคุณเหมียว"
สมชัย และลูกปลาหมั่นไส้ที่วิฬาร์เอาหน้าไปคนเดียว

ณจันทร์และคำสูรย์นั่งอยู่ในร้านอาหารข้างทางแห่งหนึ่ง
"วันนี้เราตามหากันมาทั้งวันแล้ว ยังไม่ได้ร่องรอยอะไรเลย"
"อย่าเพิ่งหมดหวังสิครับคุณหนู พรุ่งนี้เราอาจจะเจอก็ได้"
"หรือว่า…เราจะตีความหมายผิด รูปดาวห้าแฉกอาจจะไม่ได้หมายถึงสถานที่ก็ได้"
"งั้นมันจะเป็นอะไรได้ล่ะคุณหนู"
"ไม่รู้สิ มันอาจจะเป็นสัญลักษณ์ของอะไรบางอย่าง"
ณจันทร์กำลังครุ่นคิด แม่ค้าก็เข้ามา
"จะสั่งอะไรดีคะ"
"แม่ค้าเอาน้ำแข็งเปล่าออกมาให้ณจันทร์ แต่แล้วไม่ทันระวัง แก้วน้ำหลุดจากมือ หกรดพื้นโต๊ะ
"อุ้ย ขอโทษนะคะ"
แม่ค้าคว้าผ้าเช็ดโต๊ะมา เปิดให้เห็นป้ายหาเสียงเก่าของสิงหลที่แม่ค้าเอามาใช้เป็นเพิงของร้าน
แม่ค้าเอาผ้ามาเช็ดโต๊ะ ณจันทร์มองไปทั่ว แล้วทันใดนั้นก็ชะงัก เมื่อเห็นสัญลักษณ์ดาวห้าแฉกที่ป้ายหาเสียง
"ดาวห้าแฉก!"
คำสูรย์ชะงัก
"ว่าอะไรนะครับคุณหนู"
ณจันทร์ลุกขึ้น เข้าไปที่ป้ายหาเสียงนั้นอย่างตื่นเต้น
"นี่ไงอา ดาวห้าแฉก!"
ณจันทร์ชี้ไปที่สัญลักษณ์บนป้ายหาเสียงของสิงหล

ในโรงแรม ณจันทร์เอารูปของสิงหลในหนังสือพิมพ์ที่ซื้อมาวางเปรียบเทียบกับรูปคณะพรานป่า
"อายุอาจจะเพิ่มขึ้น แต่โครงหน้ายังไม่เปลี่ยนเลย คนคนนี้ใช่นายสิงหลแน่ๆ"
ณจันทร์ไล่นิ้วลงมา เห็นรูปหีบทองซึ่งก็มีลักษณะเดียวกับหีบในรูป
"ลวดลายของหีบก็เหมือนกัน…ฉันว่าเราเจอแล้วละลุง"
"แล้วมันว่ายังไงบ้างครับคุณหนู"
"นายสิงหลสัมภาษณ์ว่า หีบใบนี้เป็นของสะสมที่เป็นมรดกตกทอดมา เขาจะนำไปประมูลในงานการกุศลวันเสาร์นี้"
"เวรจริงๆ มันขโมยของออกไปจากวัดแท้ๆ ดันไปประมูล หาบุญเข้าตัวเอง ไม่กลัวนรกจะกินหัวบ้างเลยเหรอวะ"
ณจันทร์ครุ่นคิด ทำยังไงถึงจะเอาคัมภีร์ออกมาได้
"แล้วคุณหนูจะเอายังไงต่อดีครับ"
"คัมภีร์ไปตกอยู่กับคนที่ใหญ่ขนาดนี้ ยิ่งลำบาก… เราไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเข้าไปในงานประมูล"
คำสูรย์ชะงัก
"ไม่ได้ คุณหนู มันเสี่ยงเกินไป ในงานมีคนตั้งเยอะ คุณหนูอาจจะโดนจับก็ได้นะครับ"
"แล้วลุงจะปล่อยให้คัมภีร์หลุดมือไปอีกเหรอ"
"เรารอก่อนไม่ดีเหรอคุณหนู รอให้เสร็จงานประมูลนี่ แล้วค่อยไปตามเอาคืนก็ได้"
"ไม่ละ ฉันจะไม่รออะไรอีกแล้ว อีกไม่ถึงเดือน ก็จะถึงเพ็ญเดือนแปดแล้ว ถึงตอนนั้น พรหมพยัคฆ์ไม่มีทางปล่อยฉันไปแน่ๆ เราไม่มีเวลาเหลือแล้วนะลุง"
คำสูรย์นิ่งอึ้งไป จำนนในเหตุผล

วันต่อมา ในบ้านเช่า คำสูรย์เปิดตู้เสื้อผ้าออก เห็นเสื้อผ้าหลายชุดของณจันทร์ยังเรียงกันอยู่ในตู้
ก่อนหน้านี้ ณจันทร์อยู่ที่โรงแรมบอกคำสูรย์ว่า
"เสื้อผ้าที่ฉันมีที่บ้านเช่าคงจะพอใส่ไปงานได้ คงยังไม่มีคนย้ายของพวกนั้นไปไหน ลุงลองช่วยไปดูให้หน่อยเถอะนะ"
คำสูรย์กำลังเลือกชุดที่ณจันทร์บอก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคุยกันจากข้างนอก คำสูรย์ชะงัก

คำสูรย์มองจากหน้าต่าง เห็นปักษะกำลังคุยกับเจ้าของบ้านอยู่ เจ้าของบ้านท่าทางหงุดหงิด
"อุ้ย ฉันไม่รู้หรอกคุณว่าเขาไปอยู่ไหน อยู่ๆก็หายหัวไป กระจกบ้านฉันแตก ประตูก็พัง ค่าเช่าเดือนสุดท้ายฉันก็ยังไม่ได้เลยสักบาท ซวยจริงๆ"
ปักษะเห็นใจ ควักเงินในกระเป๋าออกมา
"ถ้ายังงั้น ผมขอจ่ายแทนแล้วกัน เท่านี้คงพอนะครับ"
เจ้าของบ้านดีใจ
"พอคะพอ"
"คุณย้ายของณจันทร์ออกไปหรือยังครับ"
"ยังหรอกคะ ว่าจะขนออกไปพรุ่งนี้"
"ถ้ายังไงผมขอเข้าไปดูในบ้านหน่อยได้ไหมครับ"
"งั้นก็ตามสบายแล้วกันนะคะ"
ปักษะเดินเข้ามาในบ้าน คำสูรย์รีบหลบ

อ่านต่อตอนที่ 9

กำลังโหลดความคิดเห็น