ภพรัก ตอนที่ 8
สงครามยื่นกล่องของขวัญให้นกน้อย พลางกวาดสายตามองรอบ ๆ อย่างระวังตัว
“เอาไปส่งตามที่อยู่ที่ผมบอก ห้ามอย่าให้ใครรู้เด็ดขาด”
นกน้อยรับคำ แล้วถือกล่องของขวัญออกไป
ตำรวจอีกคน แอบมองตามนกน้อย แล้วรีบกดมือถือโทร. ออก
“จ่านกน้อยออกไปแล้วครับ”
นับดาวเดินคุยโทรศัพท์เข้ามาถึงหน้าสำนักงานสืบฯ
“ขอบใจมาก เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
พอเห็นนกน้อยเดินออกมาจากสำนักงานสืบฯ นับดาวรีบปรี่เข้ามาทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณจ่า”
“คุณนับดาวมาทำธุระที่นี่เหรอครับ ?”
นับดาวยิ้มหวาน “ดาวมีเรื่องจะปรึกษาและขอความร่วมมือจากคุณจ่าค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจ่ายุ่ง
รึเปล่า ?”
นกน้อยอึกอัก มองกล่องของขวัญในมืออย่างลังเล แต่แล้วก็ตัดสินใจนั่งคุยกับนับดาว
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ ?”
ตำรวจเดินเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างรถของนกน้อย คอยหันมองอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงรีบก้มลงไปใต้ท้องรถ
นกน้อยยิ้มให้นับดาวอย่างเป็นมิตร
“ถ้าคุณดาวจะจัดงานให้ความรู้เกี่ยวกับภัยยาเสพติดอีก ผมยินดีช่วยงานและเล่าประสบการณ์ที่สูญเสียลูกสาวจากภัยยาเสพติดแน่นอน”
“ขอบคุณน้ำใจของคุณจ่ามากนะคะ”
“ยาเสพติดเป็นภัยต่อสังคม ผมกับคุณดาวบอบช้ำเพราะเรื่องนี้มาก เราต้องช่วยกันให้ความรู้กับคนอื่น จะได้ไม่มีใครสูญเสียเหมือนเราอีก”
นกน้อยดูเวลาที่นาฬิกาข้อมืออย่างนึกขึ้นได้
“ผมต้องรีบไปธุระ ขอตัวก่อนนะครับ”
ตำรวจติดกล่องสีดำขนาดพอดีมือ บริเวณใต้ท้องรถของนกน้อยจนสำเร็จ นกน้อยเดินเข้ามาเห็นพอดี
“ทำอะไร ?”
ตำรวจสะดุ้ง รีบลุกขึ้น หันไปบอกนกน้อยเพื่อไม่ให้มีพิรุธ อ้างว่าทำปากกาตก นกน้อยรีบจะช่วยก้มหา
“คุณจ่าคะ”
นกน้อยชะงัก หันไปเห็นนับดาวเดินปรี่เข้ามาหา
“ดาวลืมให้นามบัตรเผื่อคุณจ่ามีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดงานอยากแนะนำดาว”
นับดาวทำทีเปิดกระเป๋าหานามบัตร แต่แอบส่งสายตาบอกตำรวจคนนั้นให้รีบเลี่ยงไป
“คุณดาวเคยให้นามบัตรผมที่งานคราวก่อนแล้วครับ”
นับดาวแกล้งทำเป็นตกใจ
“ตายจริง ดาวคงทำงานเยอะจนเบลอ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ งั้นดาวไม่รบกวนคุณจ่าแล้วนะคะ”
นับดาวยกมือไหว้ลานกน้อย แล้วหันหลังเดินจากไป นกน้อยนึกขึ้นได้มองหาตำรวจคนนั้น แต่ไม่เจอแล้ว จึงเปิดประตูขึ้นรถไปอย่างไม่ใส่ใจ
เหยี่ยวพาแนนออกมาคุยกันตามลำพังนอกบ้าน เพราะกลัวธาราได้ยิน
“ผู้การให้จ่านกน้อยเอาของมาให้คุณธารา แต่ยังไม่อยากให้คุณธารารู้ตอนนี้”
“กลัวไม่เซอร์ไพรส์ล่ะสิ”
แนนยิ้มรู้กันกับเหยี่ยว น้ำรินมองอย่างหมั่นไส้ ซ้ำยังโดนเหยี่ยวแกล้งพูดยั่วให้โมโหหึง แล้วก็เดินหนีไปอย่างอารมณ์ดี น้ำรินตามไปเอาเรื่องเหยี่ยว
“ทำไมชอบแกล้งฉัน “
“คุณน่ารักเวลาโกรธ ตอนเขินยิ่งน่ารัก”
น้ำรินสบตาเหยี่ยว หัวใจหวั่นไหว วูบวาบ
“ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนคุณธาราดีกว่า”
พลางจะเดินไปทางขวา เหยี่ยวชี้มือไปทางซ้าย “คุณธาราอยู่ทางนี้”
น้ำรินรีบหันหลังเดินไปตามทางที่เหยี่ยวบอก เขินจนทำตัวไม่ถูก เหยี่ยวยิ้มมองตาม แล้วก็รู้สึกใจหาย กลัววันที่น้ำรินเจอคนรักจะมาถึง
นกน้อยขับรถไปตามทางอย่างอารมณ์ดี โดยมีกล่องของขวัญของสงครามวางอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ
ลูกน้องภพธรคีย์คอมพิวเตอร์อยู่ครู่หนึ่ง จึงหยุดอ่านค่าข้อมูลก่อนหันมาบอกภพธรกับนับดาว
“สัญญาณ GPS บอกว่ารถของจ่านกน้อยกำลังมุ่งหน้าไปทางถนนเพชรเกษมครับ”
นกน้อยขับรถต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่ากำลังถูกติดตาม
ภพธรยิ้มกริ่มกับนับดาวอย่างมั่นใจ “คราวนี้ต้องเจอคุณอาธาราแน่”
รถของนกน้อยแล่นมาตามทาง จู่ ๆ รถก็เสียหลักแกว่งไปมา นกน้อยตกใจ แต่ยังมีสติประคองพวงมาลัยรถหลบเข้าไปจอดข้างทาง แล้วรีบเปิดประตูลงไปสำรวจความผิดปกติของรถ เห็นล้อรถฝั่งขวาด้านหลังยางแบนเพราะถูกตะปูตำ
“ทำไมต้องรั่วตอนนี้”
นกน้อยถอนใจอย่างสุดเซ็ง หันมองหาร้านปะยางบริเวณนั้น
ลูกน้องภพธรจ้องสัญญาณ GPS ในคอมพิวเตอร์ด้วยความแปลกใจ
“สัญญาณ GPS หยุดแล้วครับ”
“ที่ไหน ?”
ลูกน้องคีย์ข้อมูลอย่างเร่งรีบ แล้วหันมาบอก “ ชะอำ”
ภพธรกดโทรศัพท์มือถือ สั่งการลูกน้องอย่างเร่งด่วน
“พาคนของแกไปชะอำ เดี๋ยวฉันจะส่งพิกัดสถานที่ให้ทางโทรศัพท์”
รถลูกน้องภพธรขับมาจอดข้างรถของนกน้อย ก่อนเห็นยางฝั่งขวาด้านหลังแบนเพราะถูกตะปูตำ
จึงรีบกดโทรศัพท์รายงาน
“คุณภพธรครับ”
ภพธรตกใจ เมื่อรู้เรื่องจากลูกน้อง
“รถยางแตก แล้วไอ้จ่ามันหายไปไหน ?”
“ชาวบ้านแถวนี้บอกว่ามีรถมารับจ่านกน้อยไปครับ”
ภพธรปัดข้าวของบนโต๊ะกระจัดกระจายด้วยความโมโห
“อีกนิดเดียวฉันก็จะเจอตัวมันอยู่แล้ว”
นับดาวเครียดไปด้วย เมื่อความหวังที่จะเจอตัวธาราริบหรี่ลง ขณะที่นกน้อยนั่งรถมากับแนน ถือกล่องของขวัญไว้บนตักอย่างโล่งใจ
ธารารับกล่องของขวัญมาเปิด น้ำรินชะเง้อคอมองด้วยความสงสัยอยากรู้
ธาราหยิบช่อดอกแก้วพร้อมแนบการ์ดเล็ก ๆ ขึ้นมา แล้วก็อึ้งไปเล็กน้อย เมื่ออ่านข้อความในการ์ด
“ดอกแก้วช่อที่ดีที่สุด และสวยที่สุดสำหรับคุณ”
ธาราเก็บช่อดอกแก้วใส่กล่อง วางบนตัก เข็นรถเข็นออกไปอย่างหงุดหงิด
ทุกคนอึ้ง งุนงง เพราะไม่เข้าใจอารมณ์แปรปรวนของธารา
ธาราเข็นรถเข้ามาในห้องนอน พลางจ้องช่อดอกแก้วและการ์ดข้อความด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนที่สายตาจะค่อย ๆ อ่อนลงกลายเป็นความเศร้า
“ฉันทำร้ายจิตใจคุณตลอดเวลา แต่คุณก็ยังดีกับฉันเสมอ ทำไมต้องรักฉันคะสงคราม ทำไม”
น้ำรินเดินทะลุผ่านประตูเข้ามาในห้องด้วยความเป็นห่วง
“รักไม่เคยมีเหตุผลและไม่เคยตอบคำถามใครจะมีสักกี่คนที่ได้คำตอบจากหัวใจตัวเองคะ”
ธารากอดช่อดอกแก้วไว้กับตัว สับสนระหว่างทิฐิกับความต้องการของหัวใจ น้ำรินนึกสะท้อนใจถึงความรักที่ตัวเองมีต่อเหยี่ยว
เหยี่ยว แนน นกน้อย ยืนรอรถกระบะของชาวบ้านลากรถของนกน้อยเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านพักลูกน้องภพธรสามคนแอบซุ่มมองอยู่มุมหนึ่ง จากนั้นก็รีบออกมาโทร. มือถือรายงานภพธร
“เจอแล้วเหรอ ? คอยจับตาดูไว้ก่อน แล้วรอคำสั่งจากฉัน"
ภพธรวางสาย หันมาบอกนับดาวอย่างอารมณ์ดี
“คุณอาธาราอยู่หัวหิน”
“พี่ธรจะจัดการเมื่อไหร่ ?”
“คืนนี้”
ภพธรยิ้มร้าย สายตาอำมหิต
อ่านต่อหน้า 2
ภพรัก ตอนที่ 8 (ต่อ)
ธาราเอานาฬิกาที่ลูกสาวซื้อให้ขึ้นมาใส่ มองด้วยความเศร้า ครู่หนึ่งแนนก็เคาะประตู แล้วเปิดเข้ามา“ฉันซื้อของที่คุณจะใส่บาตรพรุ่งนี้ให้แล้วนะคะ”
ธารายิ้มเศร้า “พรุ่งนี้เป็นวันพระ ฉันอยากใส่บาตรทำบุญให้ลูกสาวไม่ว่าเค้าจะยังอยู่หรือ...”
ธาราเสียงเครือลง ไม่กล้าพูดว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว แนนเดินเข้ามากุมมือให้กำลังใจ
น้ำรินมองด้วยสายตาสงสาร
“ฉันคิดถึงลูก” ธาราหันมาบอกแนน
“ฉันมั่นใจว่าลูกคุณก็ต้องคิดถึงคุณมากเช่นกัน”
ธาราน้ำตาไหล น้ำรินพลอยน้ำตาไหลตามไปด้วย
เหยี่ยวเดินออกมาตรวจความเรียบร้อยบริเวณรอบ ๆ บ้านพัก พลางปรายตาเห็นเงาใครบางคนหลบวูบอยู่ในรถของนกน้อย จึงแกล้งส่งเสียงหยั่งเชิง
“จ่านกน้อย ?”
เมื่อไม่มีเสียงตอบ จึงชักปืนออกมา เดินไปที่รถของนกน้อยอย่างระวังตัว ก่อนตัดสินใจเปิดประตูรถ และจ่อปืนเตรียมยิงคนร้าย แต่ภายในรถว่างเปล่า
เหยี่ยวลดปืนลง ปิดประตูรถเรียบร้อยแล้วหันหลังเดินออกไป
วิญญาณของชลชาติปรากฏตัวขึ้น มองเข้าไปในบ้านด้วยแววตาอาฆาตแค้น
น้ำรินมาเดินเล่นอยู่ตรงชายหาด คิดไม่ตกกับปัญหาของตัวเอง พลางถอนใจเครียด ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นลูกน้องภพธรแอบซุ่มล้อมบ้านพักตากอากาศฃ ทั้งหมดมีอาวุธปืนในมือ ท่าทางไม่น่าไว้ใจ
น้ำรินตกใจ จะรีบกลับเข้าไปในบ้าน แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อชลชาติปรากฏตัวขวางทาง
“วันนี้มึงหนีกูไม่พ้นแน่ “
น้ำรินวิ่งหนีอย่างตื่นตระหนก ควันไฟกลุ่มใหญ่ลอยวูบไล่ตามน้ำรินมา กลายร่างเป็นชลชาติที่มีสภาพน่าเกลียดน่ากลัวแววตาดุร้าย
“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ”
ภพธรก้าวลงจากรถ เป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“พร้อมแล้วครับ”
“จัดการได้” ภพธรสั่งการเสียงเข้ม
ลูกน้องกดวางสาย แล้วหันไปส่งสัญญาณบอกให้ลูกน้องอีกสองคนแยกย้ายกันเข้าไปจัดการคนในบ้าน
ดารณีกำลังเดินตรวจดูความเรียบร้อยทั้งหมด แล้วชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นความผิดปกติที่มุมๆ หนึ่ง ลูกน้องภพธรคนหนึ่งโผล่ออกมา แต่กลับถูกดารณีเล่นงานจนเสียท่า อีกคนปราดออกมาทางด้านหลัง เล่นงานดารณีจนสลบ แล้วลากไปไว้ที่มุมๆ หนึ่งทางนอกบ้าน
ลูกน้องอีกคนเผลอเหยียบใบไม้แห้งอย่างไม่ทันระวังตัว เหยี่ยวกับแนน นั่งอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงก็หันมาสบตากัน แต่ทั้งคู่ก็แกล้งทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ
ลูกน้องทั้งสามของภพธรบุกเข้ามาคนละทาง ระดมยิงเข้าใส่เหยี่ยวกับแนน ที่กระชากปืนออกมายิงตอบโต้อย่างเตรียมพร้อม
“รีบขึ้นไปดูคุณธารา”
เหยี่ยวหันมาบอก แนนพยักหน้ารับคำแล้วรีบวิ่งหลบขึ้นไปหาธาราทันที
ภพธรเขียนใบบริจาคเงินยื่นให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ สีหน้ายิ้มแย้ม ใจบุญ
“บริจาคให้เจ้ากรรมนายเวรครับ”
พลางเอากระดาษสีชมพูที่เขียนชื่อ นายภพธร พฤกษ์ไพโรจน์ อุทิศให้ นางธารา วารินพิทักษ์ ติดบนโลงศพ แล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น
ธาราตกใจกับเสียงปืนผวายันตัวเองลุกขึ้นนั่งบนที่นอน ทันใดนั้นประตูห้องถูกผลักเปิดเข้ามาอย่างแรง
“ว้าย อย่าเข้ามานะ”
“ฉันเองค่ะ ไม่ต้องกลัว”
ธาราเงยหน้ามองเห็นแนน โล่งใจเล็กน้อยที่ไม่ใช่คนร้าย
ลูกน้องยิงเข้าใส่ เหยี่ยวกระโดดหลบได้ทัน พอจะยิงซ้ำ ปืนก็เกิดขัดลำกล้อง เหยี่ยวได้ทีพุ่งเข้าไปเตะ ลูกน้องอีกคนกราดปืนยิง นกน้อยปราดเข้ามายิงตอบโต้
น้ำรินได้ยินเสียงปืนดังมาจากบ้านพัก หันกลับไปมองด้วยความเป็นห่วงเหยี่ยว ชลชาติปรากฏตัวขึ้นมา จ้องหน้าด้วยแววตาอาฆาต
“วิญญาณมึงต้องเป็นของกู”
พร้อมๆ กับเลือดไหลทะลักออกมาจากใบหน้า น้ำรินตะลึงทำอะไรไม่ถูก ชลชาติพุ่งเข้ามาบีบคอน้ำรินด้วยความแค้น
“อย่า…”
แนนเข็นรถเข็นพาธาราลงมาจากห้องนอน เพื่อจะหาที่ซ่อนที่ปลอดภัย ลูกน้องคนหนึ่ง ปราดเข้ามาขวาง พร้อมเล็งปืนเข้าที่ทั้งคู่
ภพธรเผาใบเสร็จรับเงินบริจาคโลงศพตรงกระถางเผากระดาษในศาลเจ้า สีหน้าเรียบนิ่ง
ใจเย็น
“สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ...”
ขณะที่มันยิ้มเหี้ยม กำลังจะยิงธารา เหยี่ยวก็พุ่งเข้ามา อาศัยความไวยกเท้าเตะปืนจนกระเด็น แล้วศอกจนมันล้มลง ลูกน้องอีกคน วิ่งตามเข้ามาช่วย เหยี่ยวคว้าปืนของตัวเอง และของลูกน้อง เล็งไปที่มันทั้งคู่ ด้วยปืนสองกระบอก พร้อมรีบบอกแนน
“รีบพาคุณธาราออกไป”
แนนพยักหน้ารับคำ รีบเข็นรถเข็นพาธาราออกไปทันที
ลูกน้องคนแรก กระแทกส้นเท้าลงกับพื้น ปลายมีดแหลมโผล่มา มันตวัดขาเตะด้วยความรวดเร็ว คมมีดเฉือนแขนเหยี่ยวเล็กน้อย เหยี่ยวถอยออก มันกระโดดถีบจนเหยี่ยวกระเด็นกลิ้งอยู่กับพื้น ปืนในมือหล่นไถลไปกับพื้น
เหยี่ยวเอามือลูบรอยแผลที่โดนคมมีดเมื่อครู่ เห็นเลือดไหลติดฝ่ามือ มันทั้งคู่กรูเข้ามารุม
ทางด้านน้ำรินก็ถูกชลชาติบีบคอ ดิ้นทุรนทุราย ทันใดนั้นผียายปริกก็เงื้อแส้ฟาดหลังชลชาติอย่างแรง จนมันร้องลั่น ล้มคะมำไปทางหนึ่ง
“หนีเร็ว”
ยายปริกกันมาบอก น้ำรินพยายามยันตัวเองลุกขึ้น แต่ยังไม่มีแรง ชลชาติฮึดลุกขึ้น ด้วยแรงอาฆาต จึงเพ่งสมาธิเสกเชือกให้ปรากฏในมือ จากนั้นก็หมุนเชือกเป็นบ่วงบาศ เหวี่ยงเข้ามัดตัวน้ำรินได้อย่างแม่นยำ
ผียายปริกพุ่งเข้าไปช่วยน้ำริน ชลชาติจึงตวัดเชือกเข้าใส่ปริก เชือกพุ่งเข้ามารัดตัวทั้งคู่ไว้อย่างแน่นหนา
“ฮ่า ๆ ๆ วันพระวันโกน ภูตผีทุกตัวมีอิทธิฤทธิ์เท่าเทียมกันแรงบุญของพวกมึงไม่มีทางสู้แรงอาฆาตของกูได้”
“บาปกรรมจะทำให้วิญญาณแกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด” ผียายปรกสาปแช่ง
“กูจะเอาวิญญาณของนังนี่ไปเป็นตัวตายตัวแทน”
ชลชาติหันขวับไปจ้องน้ำรินเขม็ง สายตาแดงกล่ำเคียดแค้น น้ำรินพยายามอ้อนวอนขอร้อง แต่เชือกกลับรัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
น้ำรินกับผียายปริกร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและทรมาน
เหยี่ยวซึ่งถูกลูกน้องทั้งสองรุม ทั้งสามแลกหมัดกันอย่างดุเดือด ในที่สุดเหยี่ยวก็สามารถยิงใส่ลูกน้องคนหนึ่งจนล้มกลิ้งไปกับพื้น พอจะหันไปยิงอีกคน มันก็หายไปแล้ว
เหยี่ยวเจ็บใจ รีบกระชับปืนวิ่งไปช่วยธารา
น้ำรินพยายามดิ้นรนให้หลุดจากเชือกที่ถูกชลชาติมัดไว้ แต่ยิ่งดิ้น เชือกก็ยิ่งรัดแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
ชลชาติหัวเราะเยาะด้วยความสะใจ ผียายปริกรีบคิดหาวิธีช่วยน้ำริน พลางรีบหันไปบอก
“ความรักไง หล่อนต้องใช้ความรักทำลายความแค้น ความรักเปลี่ยนแปลงทุกสรรพสิ่ง พลังแห่งรักที่บริสุทธิ์ จะทำลายเชือกอาฆาตแค้นที่รัดหล่อนได้ รีบคิดถึงคนที่หล่อนรัก แล้วดึงพลังแห่งรักออกมา”
น้ำรินส่ายหน้า น้ำเสียงพร่า “ ฉันทำไม่ได้”
เสียงปืนจากบ้านพักดังขึ้น น้ำรินหันขวับไปตามเสียงปืน ด้วยความเป็นห่วงเหยี่ยว
น้ำรินตั้งสมาธิคิดถึงคนรัก ด้วยจิตผูกพันและเป็นห่วงเหยี่ยว จนบังเกิดเป็นพลังบางอย่างที่ทำให้สีหน้าและท่าทางของเธอเข้มแข็งขึ้น พลันเชือกที่รัดตัวก็ขาดสะบั้นด้วยพลังแห่งรัก และกระแทกวิญญาณของ
ชลชาติให้กระเด็นออกไป
น้ำรินยังงุนงงกับพลังพิเศษที่เกิดขึ้น ผียายปริกรีบคว้าแขนน้ำริน หายวับไปด้วยกัน
แนนเข็นรถเข็นพาธารามาหลบอยู่มุมลับตาข้างบ้าน แล้วหยิบกระสุนใส่จนเต็มแม็กแล้ววิ่งออกไป
ธารามองตามอย่างเป็นห่วง
อ่านต่อหน้า 3
ภพรัก ตอนที่ 8 (ต่อ)
ลูกน้องทั้ง 2 คนวิ่งมองหาธารา พลางวาดปืนเล็งไปรอบทิศ เหยี่ยววิ่งผ่านหน้าไปด้วยความรวดเร็ว มันทั้งคู่หันไปกราดยิงตาม แต่กระสุนพลาดไป
เหยี่ยวกระโดดตัวลอยยิงกระหน่ำใส่ ลูกน้องคนหนึ่ง ถูกยิงเข้ากลางท้องเต็ม ๆ จนทรุด อีกคนก็ฮึดพุ่งเข้าจัดการเหยี่ยวทันที
น้ำรินกับผียายปริกปรากฏตัว เห็นเหยี่ยวกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด
เหยี่ยวหันมาเห็นน้ำรินยืนอยู่ทำให้เสียจังหวะ ถูกเตะกระเด็นมาล้มลงที่พื้น มันตามเข้ามาแล้วชักปืนยิงใส่เหยี่ยว น้ำรินรีบตะโกน
“เหยี่ยว ระวัง”
เหยี่ยวกลิ้งตัวหลบ กระสุนพลาดเป้าอย่างเฉียดฉิว พลางลุกขึ้นไปรวบตัวมันไว้ แต่มันสะบัดตัวหลุดออกมาแล้วหันกลับไปจะยิงใส่ เหยี่ยวกระโดดเตะปืนในมือจนล้มลง ปืนในมือกระเด็นไถลไปกับพื้น
เหยี่ยววาดปืนตัวเองหันมายิงใส่ มันกระโดดหลบ กระสุนพลาดไปหวุดหวิด
นกน้อยถูกลูกน้องอีกคนกระหน่ำยิง จนไม่มีจังหวะตอบโต้ แนนปราดเข้ามาช่วยนกน้อยยิงใส่ไม่ยั้ง จนมันรีบหนีออกไป แนนรีบวิ่งตามไป
เหยี่ยวกับลูกน้องคนหนึ่งกำลังต่อสู้กัน น้ำรินเฝ้ามองด้วยความเป็นห่วง แนนวิ่งไล่ตามลูกน้องอีกคนเข้ามา ไม่ทันระวังตัว จึงถูกกระชากตัวไว้ และเอาปืนจ่อด้านหลัง เหยี่ยวถึงกับชะงัก
ลูกน้องเปลี่ยนมาเล็งปืนไปที่เหยี่ยว แนนใช้จังหวะนั้นบิดตัวจับข้อมือบิด หันไปยิงลูกน้องอีกคนมันกระโจนกลิ้งหลบกระสุนปืน
สุดท้าย เหยี่ยวและแนนช่วยกันเล่นงานลูกน้องคนหนึ่งได้จนอยู่หมัด ลูกน้องอีกคนเล็งปืนมาที่เหยี่ยว น้ำรินรีบโผเข้าไปบังกระสุนให้ แนนพุ่งเข้ามาซ้อนร่างน้ำรินเพื่อบังกระสุนให้เหยี่ยวอีกคน กระสุนพุ่งทะลุร่างน้ำรินไปได้อย่างง่ายดาย เหมือนวิ่งผ่านอากาศ ก่อนจะพุ่งเข้าหาแนนเต็ม ๆ จนทรุดลงกับพื้น เหยี่ยวปรี่เข้าไปประคองรับไว้ได้ทัน ก่อนแนนจะแน่นิ่งไป น้ำรินยืนตะลึง ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เสียงไซเรนรถตำรวจหลายคันใกล้เข้ามา ลูกน้อง 2 คนเม้มปากด้วยความเจ็บใจก่อนจะเข้าไปช่วย ประคองคนที่โดนยิงวิ่งหายไป
นกน้อยวิ่งนำเหล่าตำรวจท้องที่เข้ามาพร้อมปืนในมือ แยกย้ายกันไปดูแลความปลอดภัยและไล่ตามคนร้ายไป
รถพยาบาลกำลังแล่นฝ่าความมืดออกไป เหยี่ยวนั่งกุมมือแนนแน่นที่เลือดท่วมตัวนอนสลบไม่ได้สติ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ใจเสีย พยาบาลกำลังให้การรักษาเบื้องต้น น้ำรินนั่งข้างเหยี่ยว มองร่างแนนด้วยความสงสาร และเห็นความกังวลทุกข์ใจของเหยี่ยวที่มีต่อแนน
ตำรวจท้องที่กำลังวุ่นอยู่กับการหาหลักฐานรอยนิ้วมือ ปลอกกระสุนที่ตกอยู่ในบ้าน ธารานั่งอยู่บนรถเข็น ด้วยท่าทีนิ่ง แต่แววตายังคงตื่นตระหนกไม่หาย
นกน้อยหันไปมองธารา ขณะคุยโทรศัพท์รายงานสงคราม ที่ถอนหายใจโล่งอกเมื่อรู้ว่าธาราปลอดภัย
“ฝากจ่าดูแลทางโน้นด้วย ผมจะรีบเดินทางไปเดี๋ยวนี้”
สงครามกดวางสาย สตาร์ทรถ และรีบขับออกไปทันที
หมอกับพยาบาลช่วยกันเข็นเตียงของแนนเข้าไปในห้องฉุกเฉิน โดยมีเหยี่ยว น้ำริน วิ่งตามมา พลางมองตามรถที่ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินด้วยความเครียด เป็นห่วงแนน
แนนนอนแน่นิ่ง เลือดไหลไม่หยุด หมอและพยาบาลช่วยกันห้ามเลือดอย่างรีบเร่ง
“ผ่าหัวกระสุนออกไปแล้ว แต่ความดันยังต่ำมากค่ะหมอ”
เส้นชีพจรค่อย ๆ ลดระดับลง ก่อนเปลี่ยนเป็นเส้นตรง หมอและพยาบาลต่างชะงัก
เหยี่ยวเดินไปเดินมาอยู่หน้าประตู ถอนใจอึดอัด พลางหันมาตะคอกใส่หน้าน้ำริน ที่บอกว่าแนนตั้งใจจะช่วยเขา
“ช่วยให้ผมพะวงจนเกิดอันตรายมากกว่าเดิมน่ะสิ แนนเป็นตำรวจ ต้องรู้ดีที่สุดว่าการวิ่งเข้ามาขวางทางปืนแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน”
“คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเธอทำไปเพราะอะไร เหตุผลเดียวผู้หญิงที่ยอมตายเพื่อผู้ชายคนหนึ่งได้ ก็เพราะรัก”
เหยี่ยวอึ้งไปเล็กน้อย รู้อยู่แก่ใจว่าแนนรักตน แต่เขารู้สึกกับแนนเพียงแค่เพื่อน
“ผมอยากอยู่คนเดียว คุณจะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับผม”
น้ำรินอึ้ง ไม่เคยถูกเหยี่ยวผลักไสไล่ส่งขนาดนี้ ก่อนหันหลังเดินออกไปด้วยความน้อยใจ
เหยี่ยวกระแทกตัวนั่งลง เครียดเรื่องความปลอดภัยของแนนจนไม่สนใจความรู้สึกของน้ำริน
ชลชาติยืนเหนือร่างแนนอยู่อีกฝั่ง พลางยื่นมือมากดทาบหน้าอกของเธอไว้ โดยที่หมอและพยาบาลมองไม่เห็น
“ดวงจิตอ่อนแอใกล้ดับของมึง คือเหยื่อที่ดีที่สุดของกู”
น้ำรินเดินออกมาด้วยความน้อยใจและเสียใจที่ถูกเหยี่ยวไล่ ผียายปริกเข้ามาพุดปลอบใจ
“มีหล่อนเท่านั้นที่จะช่วยหมวดแนนได้”
น้ำรินนิ่วหน้าสงสัย ไม่เข้าใจ
หมอและพยาบาลพยายามช่วยชีวิตแนน โดยที่ไม่รู้ว่าอาการของเธอทรุดลงเพราะอิทธิฤทธิ์ของ ชลชาติ น้ำรินกับผียายปริกเดินทะลุกำแพงเข้ามา ชลชาติหันขวับมาจ้องน้ำรินด้วยแววตาอาฆาต
“มึงทำให้กูตาย กูจะตามจองเวรมึง ชีวิต ต้องแลกด้วยชีวิตเท่านั้น”
น้ำรินเครียด เหลือบมองผียายปริกอย่างลังเล
“หล่อนจะกลับเข้าร่างไม่ได้ ถ้าวิญญาณแหลกสลาย”
ชลชาติเห็นท่าทางสองจิตสองใจของน้ำริน จึงใช้มือจ้วงทะลุหน้าอก บิดหัวใจแนน
ร่างของแนนแน่นิ่งบนเตียง เสียงชีพจรดังลากยาว ผสานกับเสียงหัวเราะเยาะกึกก้องของชลชาติน้ำรินตกใจ
“อย่าทำอะไรหมวดแนน ฉันยอมแกทุกอย่างแล้ว”
ชลชาติปล่อยมือจากแนน พุ่งเข้าไปบีบคอน้ำริน แล้วยิ้มเหี้ยม
“วิญญาณมึงต้องเป็นของกู”
จากนั้นก็กระชากน้ำรินหายวับไปด้วยกัน
น้ำรินถูกเหวี่ยงล้มกลิ้งกับพื้นตรงสถานที่เกิดอุบัติเหตุ ชลชาติก้าวเข้ามาด้วยแววตาวาวโรจน์ เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“มึงเคยฆ่ากูตรงนี้ จำได้มั้ย”
น้ำรินพยุงตัวขึ้น หันมองรอบ ๆ งุนงง “ฉันจำไม่ได้”
“นังฆาตกร”
ชลชาติพุ่งเข้าไปบีบคอน้ำรินด้วยความโกรธ น้ำรินสะดุ้งเฮือก ดิ้นทุรนทุราย พลางร้องด้วยความเจ็บปวดราวกับวิญญาณกำลังจะดับสลายไป
ขณะเดียวกันเสียงชีพจรของแนนดังกลับมาเป็นจังหวะอีกครั้ง หมอและพยาบาลหันขวับมามองอย่างตื่นเต้น และประหลาดใจ
หมอเดินออกมา เหยี่ยวรีบเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วงแนน
“คนเจ็บปลอดภัยแล้ว”
เหยี่ยวดีใจ จะหันไปบอกน้ำริน แต่ไม่เจอ ลืมว่าเป็นคนไล่เธอไปเอง
ชลชาติอ้าปาก จะดูดกลืนพลังวิญญาณของน้ำริน เหยี่ยวหันขวับ รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงร้องของน้ำริน
“น้ำ เธออยู่ไหน ?”
น้ำรินกำลังย่ำแย่ ร่างร้อนวูบวาบเมื่อถูกชลชาติจะดูดกลืนวิญญาณ ได้ยินเสียงเรียกของเหยี่ยวดังแว่วมาเช่นกัน
น้ำรินหลับตา ตั้งจิตนึกถึงเหยี่ยว ราวกับต้องการล่ำลา
“เราคงไม่มีวาสนาได้เจอกันอีก ลาก่อน”
ชลชาติจ้องมองด้วยแววตาแดงฉานเป็นสีเลือด ร่างน้ำรินเหมือนไฟติด ๆ ดับ ๆ ใกล้สลาย ก่อนจะหายวับไปต่อหน้าต่อหน้าชลชาติ
อ่านต่อหน้า 4
ภพรัก ตอนที่ 8 (ต่อ)
เหยี่ยวเดินตามหาน้ำริน หันมองจนทั่วก็ไม่เจอ จนเริ่มหงุดหงิด จู่ๆ น้ำรินปรากฏตัวล้มลงตรงหน้า เหยี่ยวถึงกับชะงัก
“หายไปไหนมา ปล่อยให้ผมเรียกตั้งนาน”
“คุณเรียกฉัน ?”
พูดพลางเหนื่อยหอบเงยหน้าขึ้นมองเหยี่ยว สีหน้ามึนงงและซีดเซียว
“เพราะเสียงเรียกของคุณ ช่วยให้ฉันรอดจากผีตัวนั้น”
“คิดเหรอว่าจะหนีพ้น”
ลมกรรโชกแรง วิญญาณชลชาติปรากฏตัวขึ้น น้ำรินตกใจกลัว เหยี่ยวหันมองตาม แต่ไม่เห็น
ชลชาติ ที่ยิ้มเหี้ยม ลอยวูบพุ่งเข้าหาน้ำรินอย่างรวดเร็ว น้ำรินลนลาน รีบหนีไปอย่างไม่รอช้า เหยี่ยวมองตาม เห็นน้ำรินวิ่งหนีอะไรบางอย่าง แต่มองไม่เห็นชลชาติ
น้ำรินวิ่งหนีมาด้วยความหวาดกลัว ชลชาติไล่ตามด้วยแววตาแข็งกร้าว
ผียายปริกปรากฏตัวขึ้น พลางช่วยชี้บอกทาง น้ำรินรีบหนีไปตามทางที่บอก ชลชาติหันขวับ จ้องผียายปริกด้วยดวงตาแดงกล่ำ แล้วส่งคลื่นแห่งแรงแค้น กระแทกจนผียายปริกตัวลอยเคว้งกลางอากาศเข้าปะทะกับต้นไม้ใหญ่บริเวณนั้นจนจุกอยู่กับพื้น
ชลชาติรีบตามน้ำรินไปอย่างไม่ลดละ แล้วก็มาดักหน้า พลางจ้องเขม็งไปยังน้ำริน ความอาฆาตแค้นอันแรงกล้าบังเกิดเป็นคลื่นกระแทกร่างน้ำรินลอยคว้างไปกระแทกกับรถมูลนิธิร่วมกตัญญูที่จอดอยู่บริเวณนั้นก่อนที่จะพุ่งเข้าไปบีบคอน้ำริน ดวงตาวาวโรจน์เหี้ยมโหด พร้อมกับอ้าปากดูดพลังวิญญาณของน้ำรินด้วยความอาฆาตแค้น
เสียงผียายปริกดังแว่วข้างหูน้ำริน เหมือนลมพัดผ่าน
“นึกถึงพระพุทธคุณและบุญความดีที่เคยทำไว้”
น้ำรินพยายามรวบรวมพลังที่ยังเหลือ พนมมือขึ้นอธิษฐานราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย
ยันต์เก้ายอดที่แปะอยู่เหนือกระจกหน้ารถของมูลนิธิร่วมกตัญญู แปรเปลี่ยนเป็นลูกธนู หันหัวออกมาจากยันต์พุ่งตรงเข้าหา และกระแทกใส่ชลชาติ จนกระเด็นลอยหวือ ก่อนหายวับไป
น้ำรินพยุงตัวเองลุกขึ้นแทบหมดแรง พลางมองยันต์เก้ายอด แล้วเริ่มเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ก่อนจะยกมือไหว้เหนือศีรษะด้วยจิตศรัทธา
อาสาสมัครมูลนิธิฯทั้งสองขึ้นรถและขับออกไป เหยี่ยวกำลังเดินเข้ามาหาน้ำรินอย่างไม่ค่อยพอใจ
“คุณหนีอะไรมา ?”
เหยี่ยวตกใจ เมื่อรู้เรื่องที่ชลชาติตามทำร้ายน้ำรินอยู่เมื่อครู่
“คุณเคยฆ่าผีตัวนั้นจริงรึเปล่า ?”
น้ำรินสีหน้าสลด เป็นกังวลว่าตัวเองจะเคยฆ่าคนตาย
“ถ้าจำได้ ฉันคงไม่มีวันให้อภัยตัวเอง”
เหยี่ยวยิ้มปลอบใจ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ผมจะบอกคุณว่าแนนปลอดภัยแล้ว”
น้ำรินฝืนยิ้มไปกับเหยี่ยว ทั้งที่ในใจเจ็บแปลบ เข้าใจว่าเหยี่ยวรักและเป็นห่วงแนนมาก
“รีบไปดูแนนกันดีกว่า เดี๋ยวฟื้นแล้วไม่เจอใคร”
เหยี่ยวหันหลังเดินนำเข้าไปในตึก น้ำรินก้าวขาไม่ออก ไม่อยากตามไปเห็นภาพบาดตาบาดใจ
แต่สุดท้ายก็จำยอมเดินตามไปด้วยความเศร้าและน้อยใจ
ภพธรเหวี่ยงแก้วกาแฟทิ้งด้วยความโกรธและฉุนเฉียว
“พลาดอีกแล้วเหรอ กว่าจะหาตัวนังธาราเจอไม่ใช่เรื่องง่าย ป่านนี้ไอ้สงครามอาจจะพาหนีไปอีกแล้ว”
ภพธรยิ่งหงุดหงิด อารมณ์เสีย นับดาวพยายายามพูดปลอบใจ
“สภาพนังธาราตอนนี้คงหนีไปไหนไม่สะดวกนักหรอกค่ะ ความแค้นของพี่ธรก็คือความแค้นของดาว แต่ความใจร้อนวู่วามไม่ช่วยให้งานเราสำเร็จแน่ พี่ธรก็รู้ว่าดาวเต็มใจทำให้พี่ธรทุกอย่าง เราควรช่วยกันแก้ไขปัญหา ดีกว่ามาทะเลาะกันเองนะคะ”
“ธาราคงไม่ไว้ใจใครนอกจากไอ้สงคราม”
นับดาวยิ้มเหียม “ก็เหลือแต่คนใกล้ตัวเท่านั้น ที่จะกำจัดมันได้อย่างแนบเนียน”
เหยี่ยวฟุบหลับอยู่ข้างเตียงแนน โดยมีน้ำรินนั่งมองทั้งคู่อย่างเหงา ๆ อยู่มุมห้อง สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความน้อยใจระคนเศร้า
พยาบาลเปิดประตูเข้ามา เพื่อวัดความดันและวัดไข้ให้แนน เหยี่ยวรู้สึกตัวตื่น รีบถามอาการจากพยาบาลด้วยความเป็นห่วง
“คนไข้ปลอดภัยดีค่ะ ฉันแค่วัดไข้และความดันตามปกติ การฟื้นตัวหลังผ่าตัด ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคนค่ะ”
เหยี่ยวพยักหน้าเข้าใจ เฝ้ามองดูพยาบาลวัดไข้ วัดความดันให้แนนด้วยความห่วงใย น้ำรินรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินจนทนไม่ได้ จึงเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ
น้ำรินนั่งเศร้าตามลำพัง นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอผียายปริกโผล่มา น้ำรินก็บ่นว่าไม่ยอมโผล่หน้ามาช่วยเธอ
“แกล้งบ่นฉันเพื่อปกปิดความน้อยใจล่ะสิ หล่อนกับหมวดแนนพุ่งเข้าไปช่วยบังกระสุนให้หมวดเหยี่ยว แต่หมวดแนนดันกลายเป็นฮีโร่คนเดียว”
น้ำรินหน้าเศร้า “แต่เธอเป็นคนช่วยชีวิตเหยี่ยวจริง ๆ”
“หล่อนก็ตามไปช่วยวิญญาณหมวดแนนให้กลับเข้าร่าง จนวิญญาณตัวเองเกือบสลาย แต่ต้องมานั่งช้ำใจเพราะหมวดเหยี่ยวห่วงคนอื่นมากกว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากเหตุปัจจัยทั้งอดีตและปัจจุบันประกอบกัน” ถึงจะเป็นคู่แท้ที่เคยร่วมบุญกันมาก่อน ก็ใช่ว่าจะลงเอยด้วยความสุขเสมอไป บางคู่พบเจอกันแล้ว แต่ต้องรอจังหวะเหมาะสมที่จะร่วมกุศลไปด้วยกัน”
น้ำรินครุ่นคิดตามอย่างงง ๆ
สงครามยืนอยู่ที่ระเบียงบ้านพักตากอากาศ พลางสั่งลูกน้องทางโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เอาหัวกระสุนไปตรวจเทียบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เช็คประวัติมือปืนในแฟ้มอาชญากรว่ามีใครใช้ปืนชนิดนี้บ้าง ด่วน”
จากนั้นก็วางสาย หันหลังเดินเข้าบ้านพักสวนกับนกน้อยที่เดินออกมา
“ผมจัดตำรวจกระจายกำลังดูแลรอบบ้านพักแล้วครับ”
“ตรวจให้ดี คนร้ายอาจจะย้อนกลับมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้”
นกน้อยรับคำ สงครามก้าวเข้าไปในบ้านพัก สีหน้ายังคงเคร่งเครียด
ธารานั่งรถเข็นมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แต่แววตาแฝงไว้ซึ่งความหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย
“ผมจัดตำรวจฝีมือดีคอยคุ้มครองคุณตลอด 24 ชั่วโมงหวังว่าคุณจะสบายใจขึ้น”
สงครามเดินเข้ามาบอก ธารารีบหันไปถามถึงแนนอย่างเป็นกังวล
“ปลอดภัยแล้ว แต่ยังไม่ฟื้น”
พูดพลางก้าวมายืนตรงหน้าธารา น้ำเสียงจริงจัง
“คุณสงสัยว่าใครรึเปล่า ? ใครที่คิดจะฆ่าคุณ?”
ธาราอึ้ง ๆ เพราะรู้ตัวว่ามีศัตรูทางธุรกิจมากมายเต็มไปหมด
“ฉันมันเลว ใคร ๆ ก็อยากฆ่าฉันทั้งนั้น แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าใคร ฉันไม่รู้”
น้ำตาธาราหลั่งไหลออกมาอย่างสุดกลั้น แม้จะพยายามเชิดหน้าทำใจแข็งแค่ไหน ก็ไม่สามารถปกปิดความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ภายในได้ สงครามย่อตัวลง กุมมือธาราด้วยความสงสารและเห็นใจ
“คนพวกนั้นไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณ คนเลว ไม่มีทางเสียน้ำตา”
“คุณอาจจะไม่รู้จักฉันดีพอ”
“ผมรู้จักคุณดีที่สุด ถึงได้มองเห็นผู้หญิงอ่อนหวาน แสนดีที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณ”
สงครามจะยื่นมือไปปาดน้ำตาให้ ธาราเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ฝืนทำเข้มแข็ง พยายามที่จะไม่ใจอ่อนหรือแสดงความอ่อนแอให้สงครามเห็นมากนัก
สงครามเจ็บลึก ๆ เข้าใจว่าธาราเย็นชากับเขาอย่างไร้เยื่อใย
แนนลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นเหยี่ยวเฝ้าอยู่ด้วยความเป็นห่วง เหยี่ยวรีบลุกเข้ามาหาแนนข้างเตียงด้วยความดีใจ ทั้งคู่จับมือกันด้วยความผูกพันที่มีให้กันมานาน น้ำรินเดินเข้ามาเห็นทั้งคู่จับมือและยิ้มให้กันและกันพอดี ก็ถึงกับชะงัก
สีหน้าแนนครุ่นคิด สองจิตสองใจ ก่อนเล่าให้เหยี่ยวฟัง
“ฉันฝันว่าถูกผีผู้ชายทำร้าย แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาช่วย มันเหมือนจริงมาก ผู้หญิงคนนั้นยอมแลกวิญญาณของตัวเอง เพื่อให้ผีผู้ชายหยุดทำร้ายฉัน”
แนนสับสน ก้ำกึ่งระหว่างความฝันกับความจริง เหยี่ยวแอบหันไปกระซิบถามน้ำริน เมื่อแนนหันไปมองอีกทางหนึ่ง
“ผู้หญิงในฝัน ใช่คุณรึเปล่า ?”
น้ำรินแกล้งพูดประชด “คิดว่าฉันจะช่วยแฟนคุณมั้ย ?”
“คุณนายเยอะอย่างคุณ ช่วยใครไม่ได้หรอก”
น้ำรินเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที เหยี่ยวหันมาอีกที ก็ไม่เจอเธอแล้ว พอหันกลับมาเห็นสายตาสงสัยของแนน จึงได้แต่ยิ้มกลบเกลื่อน
อ่านต่อตอนที่ 9