ภพรัก ตอนที่ 5
ธาราที่อาการดีขึ้นมากแล้ว พยายามเล่าเรื่องให้ภพธรฟัง
“อาบอกแล้วไงว่าวันนั้นอาได้ยินเสียงน้ำริน น้ำอาจจะมาหาอาก็ได้”
ภพธรพูดอย่างใจเย็น “ผมให้คนตรวจดูกล้องวงจรปิดทั้งโรงพยาบาลแล้วนะครับ ไม่มีใครเห็นน้องน้ำเลย”
“หาแล้วก็หาอีกสิ หาจนกว่าจะเจอ “
นับดาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วย รีบพูดเสริม “ดาวว่าคุณอานอนพักก่อนเถอะนะคะ เรื่องของน้ำ ดาวจะรีบตามให้อีกแรง”
พลางยื่นถ้วยชาร้อนให้ธารา “นี่ค่ะ ชามะลิที่คุณอาชอบ ดาวให้แม่บ้านที่บ้านเตรียมมาให้ค่ะ”
“วางไว้ก่อน”
นับดาวขบกรามอดกลั้นอารมณ์แล้ววางถ้วยชาตรงหน้าธารา
“จะยืนกันอยู่ทำไม ออกไปตามเรื่องของน้ำสิ”
ภพธรรับคำ แล้วเดินออกจากห้องพร้อมกับนับดาว ที่เหลือบมองที่แก้วน้ำชาและโถใส่น้ำชา
ธาราปล่อยน้ำตาที่กลั้นไว้ให้ไหลออกมาด้วยใจที่ คิดถึงลูก
ภพธรจะเดินไป แต่นับดาวยึดแขนภพธรไว้
“ดาวอยากรอดูว่าคุณอาดื่มชารึเปล่า ?”
ภพธรมองนับดาวอย่างสงสัย “ทำไมต้องอยากดู”
นับดาวยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วย้อนนึกถึงตอนที่แอบเทผงสีขาวผสมในกล่องใส่ใบชายี่ห้อโปรดของธารา
ภพธรมองนับดาวอย่างไม่พอใจ
“ทำบ้าอะไรเนี่ย รู้ตัวรึเปล่า”
ภพธรจะเปิดประตูห้องธาราเพื่อจะไปเอาถ้วยน้ำชาจากธารา นับดาวรีบพูดขึ้น
“ถ้าพี่ธรไปเอาชาคืน ชาตินี้พี่ธรจะไม่ได้อะไรของพ่อคืน”
ภพธรชะงักมือทันที แล้วหันมามองนับดาวด้วยสายตาไม่พอใจ
“ขอโทษค่ะที่ต้องพูดถึงพ่อ แต่ดาวต้องการเตือนสติ รู้ไหมว่าตอนนี้ภัยกำลังใกล้ตัวเราขึ้นทุกที
หลังจากพี่สั่งให้ไอ้คงคาเก็บนังแก้วตาไอ้จ่าพ่อของนกยูงมันก็ตามสืบคดีต่อไม่เลิก เราต้องเร่งให้ทุกอย่างเป็นของพี่ให้เร็วขึ้น โดยหลีกเลี่ยงใช้ไอ้คงคาแบบเดิม”
“เธอคิดว่ายาพิษของเธอ จะไม่มีหลักฐานให้ใครจับได้รึไง”
นับดาวยิ้มร้าย “ ถ้ามีหลักฐานก็ไม่ใช่นับดาวสิคะ”
สงครามเดินถือช่อดอกแก้วเข้ามาในโรงพยาบาล มา พลางมองอย่างลังเล แล้วตัดสินใจเก็บไว้ในกระเป๋าสูท จากนั้นก็เดินไปห้องธารา คลาดกับภพพรกับนับดาวไปเพียงนิดเดียว
ธารานั่งร้องไห้คิดถึงน้ำริน พลางเหลือบมองไปทางถ้วยน้ำชาดอกมะลิ แล้วย้อนนึกถึงตอนที่ตัวเองนั่งทำงานหน้าเครียดอยู่ที่บ้าน
น้ำรินที่เพิ่งกลับจากเมืองนอกแอบย่องมาโอบกอดแม่จากด้านหลัง ธาราเบี่ยงตัวออก แล้วมองลูกสาวยิ้มๆ
“แม่เหงื่อเต็มไปหมดเลยลูก”
“น้ำแค่กอดให้หายคิดถึง คิดถึงแม่จังเลยค่ะ”
“กลับจากอังกฤษตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เห็นมีใครบอกแม่”
“บอกก็ไม่เซอร์ไพร์สสิคะ กลับมาตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
ธาราหอมแก้มน้ำรินด้วยความรัก
“เซอร์ไพร์สอะไร ไปเรียนแค่ไม่กี่ปี ปกติก็โทรคุยกันทุกวัน กลับมาก็ดี จะได้มาช่วยแม่ดูงานบ้าง ลำพังภพธรคนเดียวคงเอาไม่อยู่”
“แม่คะ น้ำมีอะไรจะให้แม่ด้วย”
น้ำรินเดินไปยกถาดใส่แก้วน้ำชาและเหยือกน้ำชาเข้ามาวางให้
“ชาดอกมะลิค่ะ”
ธารารินน้ำชาลงแก้ว แล้วยกขึ้นมาดม
“หาซื้อที่ไหนไม่ได้นะคะ เพื่อนน้ำที่เรียนด้วยกันพ่อเขาเป็นเจ้าของไร่ชา น้ำสั่งเป็นพิเศษให้แม่เลย ความหอมของชาดอกมะลิจะทำให้ผ่อนคลายและหายเครียดนะคะ”
“แค่เห็นหน้าลูกสาวคนเดียวของแม่ แม่ก็หายเครียดไปเยอะแล้วล่ะลูก”
ธารากอดน้ำรินด้วยความรัก
ธาราค่อยๆยกถ้วยชาขึ้นมาจะดื่ม หวังจะช่วยให้คลายคิดถึงลูก ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ธาราชะงักมือที่ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม พลางมองสงครามที่เดินเข้ามาในห้องอย่างแปลกใจ
สงครามถึงกับชะงัก ที่เห็นว่าธารารู้สึกตัวแล้ว
ธาราเองก็น้ำตาไหลพรากเมื่อเห็นหน้าสงคราม พลางวางถ้วยน้ำชา แล้วใช้มือปิดหน้าตัวเองที่กำลังร้องไห้สะอื้น สงครามตกใจ รีบวิ่งเข้ามาใกล้ แล้วเอื้อมมือไปเผลอกอดธารา
“คุณเป็นอะไร ?”
“ฉันคิดถึงลูก”
ธาราน้ำตาคลอ คิดถึงน้ำรินอย่างที่สุด
“ฉันอยากกอดน้ำริน อยากบอกรักเขายังไม่สายเกินไปใช้ไหมที่ฉันจะทำแบบนั้นกับลูก ยังไม่สายไปใช่ไหมถ้าฉันจะเริ่มทำอะไรด้วยความ รู้สึกมากกว่าเหตุผล”
สงครามกอดธาราไว้แน่น ธาราซบตรงกับช่อดอกแก้วที่สงครามเก็บช่อนไว้
ภพธรยืนตรงกระจกห้องทำงาน ในมือถือมือถือที่สลักอักษร PN สีหน้าครุ่นคิด นับดาวยืนกอดอกมองอาการอยู่ด้านหลัง
“อย่าบอกนะคะว่าพี่กำลังลังเลจะไม่จัดการคุณอา”
“กลับไปทำงานได้แล้ว พี่บอกให้ออกไปไง”
“ก็ได้ค่ะ แต่ดาวอยากให้พี่ธรรู้ไว้ดาวทำทุกอย่างเพื่อพี่ธร”
นับดาวเดินออกไป ภพธรนั่งนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดแบบเครียดๆ
สงครามถือถ้วยน้ำชาที่ถูกดื่มจนหมดเกลี้ยงมาวางที่โต๊ะ
“น้ำเคยบอกว่ากลิ่นของชาดอกมะลิจะทำให้หายเครียด”
“คุณเพิ่งฟื้น อย่าเพิ่งดื่มชาหรือกาแฟเลย”
ธารามองสงครามอย่างรู้สึกละอายใจบางอย่าง “ขอบคุณ ที่คุณมาเยี่ยมฉันทุกวัน”
สงครามชะงักเอื้อมมือไปแตะตรงที่ตัวเองเก็บช่อดอกแก้วไว้ แล้วค่อยๆ เดินออกจากห้องไป
ธารามองตามสงครามด้วยสายตารู้สึกผิด คิดว่าที่เขาไม่อยากอยู่คุยเพราะยังไม่ลืมบาดแผลที่เธอเคยทำไว้
สงครามยืนพิงประตูห้องพักธาราแล้วเอามือจับหัวใจสงครามหยิบช่อดอกแก้วออกจากกระเป๋าเสื้อออกมาดู พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ ฉับพลันก็มีอาการเหมือนๆ จะหน้ามืด ตัวซวนเซต้องประคองตัวเองเดินไปนั่งที่เก้าอี้
ภพธรนั่งลงที่เก้าอี้อย่างเครียดๆ แล้วมองไปที่รูปที่ธาราถ่ายรูปถ่ายคู่กับเขาในวันรับปริญญา พลางย้อนนึกถึงตอนที่เขาอายุ 12 ขวบ
ในความทรงจำนั้น ภพธรเห็นภาพเหตุการณ์ความวุ่นวาย มีไทยมุงมากมายล้อมรอบร่างที่นอนคว่ำจมกองเลือด ขณะที่ตำรวจวุ่นวายกับการหาหลักฐาน เจ้าหน้าที่กู้ภัยค่อยๆช่วยกันพลิกร่างที่นอนคว่ำให้หงายหน้าขึ้นมา
ภพธรมองหน้าของร่างนั้นแล้วแทบจะล้มทั้งยืน
“พ่อ”
พลางโผเข้าไปกอดร่างที่เต็มไปด้วยเลือดเหมือนหัวใจจะสลาย ก่อนที่จะได้ยินตำรวจ 2 นายคุยกัน “ผู้ตายชื่อนุติ กระโดดตึกลงมาเอง เราพบจดหมายฉบับนี้ในศพของผู้ตาย”
ภพธรหันไปทันที
ภพธรมองจดหมายด้วยความโกรธแค้น ข้อความในจดหมายเขียนว่า “มันโกงเรา พ่อขอโทษ”
หมอเช็คความดันให้สงคราม แล้วหันมาบอก
“ความดันโลหิตต่ำมาก ระยะนี้เครียดและอดนอนหรือเปล่าครับ”
“ก็มีบ้างครับ แต่ปกติผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลย”
“ผมจะจัดยาให้ ถ้าสองสามวันแล้วอาการไม่ดีขึ้น กลับมาหาผมอีกครั้งนะครับ”
สงครามนึกสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไร
เหยี่ยวขี่จักรยานพาน้ำรินมาที่ริมบึงที่เคยพบกัน
“แถวนี้อาจจะมีหลักฐานบางอย่างหลงเหลืออยู่ ที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณก็ได้ หลักฐานอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับคุณ กระเป๋าสตางค์ แหวน กำไล”
จากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายกันหา
น้ำรินเดินออกตามหาหลักฐาน ห่างออกมาจากเหยี่ยว แล้วก็นึกถึงสร้อย PN ขึ้นมาได้
“บางทีสร้อยคออาจจะตกอยู่แถวนี้”
น้ำรินมองรอบๆบริเวณแล้วมองไปทางร่องรอยของการเกิดอุบัติเหตุที่ยังมีสเปรย์สีขาวฉีดทำ สัญลักษณ์ของรถที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วเดินเรื่อยไปจนกระทั่งเหลือบไปเห็นสเปรย์สีแดง ที่วาดเป็นรูปร่างคน “หมายความว่ายังไง”
ชลชาติโผล่มาพูดด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “ก็แปลว่ามีคนตายไง ! แล้วคนๆ นั้นก็คือกู”
น้ำรินมองชลชาติอย่างตกใจ พลางจะวิ่งหนี แต่กลับถูกชลชาติกระชากแขนไว้ แล้วทำท่าจะดูดวิญญาณ น้ำรินโดนชลชาติบีบคอไว้จนพูดอะไรไม่ออก มองหาเหยี่ยวก็ไม่เห็นแล้ว
“ช่วยด้วย”
น้ำรินร้องเสียงแผ่ว เหยี่ยวหาหลักฐานอยู่ที่อีกมุมหนึ่งที่ไกลออกไป จึงไม่ได้ยินเสียงร้อง
ชลชาติกำลังบีบคอน้ำริน ที่พยายามดิ้นรนตะเกียกตะกาย
“ รู้ไหมว่ามึงทำอะไรกับชีวิตกู กูต้องตายเพราะความประมาทของมึง มึงทำให้กูต้องตาย กูไม่ปล่อยให้มึงทำภารกิจสำเร็จหรอก มึงต้องอยู่กับกูที่นี่ เป็นสัมภเวสี..เป็นผีเร่ร่อนเหมือนกู รอจนกว่าจะมีคนมาตายแทน “
ชลชาติบีบคอแน่น แล้วจะดูดวิญญาณน้ำริน
ไอสีขาวเหมือนหมอกออกจากร่างของน้ำริน เหมือนวิญญาณกำลังจะโดนดูด เหยี่ยวเดินเข้ามาเห็น
น้ำรินยืนดิ้นอยู่คนเดียว โดยไม่เห็นชลชาติ
“ช่วยฉันด้วย ไอ้ผีคลั่งมันจะดูดดวงจิตฉัน”
เหยี่ยวตกใจ “มันอยู่ไหน ?”
“มันล็อกคอฉันอยู่นี่ไง ทำอะไรสักอย่างสิ มันกำลังดูดวิญญาณฉันแล้ว ทีนี้ฉันก็จะกลายเป็นผีเร่ร่อน”
“ผมมองไม่เห็น”
น้ำรินพยายามจะชี้ “มันอยู่ตรงนี้ไง”
เหยี่ยวนิ่งคิด แล้วคลำไปที่สร้อยพระที่ยายนวลให้แขวนติดตัวไว้ จากนั้นก็รีบถอดสร้อยพระยื่นไปตรงหน้าน้ำริน
แสงสีทองเปล่งประกายส่องไปทางชลชาติ จนรู้สึกร้อน และต้องรีบถอยห่างจากน้ำริน
“ไปเร็วคุณ เราต้องออกไปจากที่นี่”
เหยี่ยวให้น้ำรินวิ่งนำไป ส่วนเขาถือพระส่องไปที่ชลชาติแล้ววิ่งตามหลัง
ชลชาติเห็นเหยี่ยวกับน้ำรินวิ่งหนี จึงรีบวิ่งตาม จนเกือบจะถึง ทันใดนั้นร่างของมันก็กระเด็นเหมือนกับวิ่งชนกำแพงอากาศบานใหญ่ ซึ่งเป็นกำแพงกั้นขอบเขตที่ชลชาติจะอยู่ได้
น้ำรินหันไปมองชลชาติชลชาติพยายามจะวิ่งชนกำแพงใสให้ได้ แต่วิ่งไม่ผ่าน
“ไปเร็ว”
น้ำรินวิ่งตามเหยี่ยวไป
อ่านต่อหน้า 2
ภพรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
เหยี่ยวจูงจักรยานเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน น้ำรินตามเข้ามาอย่างเหนื่อยล้า
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
น้ำรินส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้ ไอ้ผีบ้านั่นมันหาว่าฉันฆ่ามัน “
“ตอนที่เจอไอ้ผีบ้านั่น คุณกำลังทำอะไรอยู่”
“ฉันกำลังหาสร้อย บางทีสร้อยของฉันอาจจะตกอยู่แถวนั้น”
เหยี่ยวฉุกคิด “สร้อยที่ตกอยู่...?” พลางล้วงสร้อย P Nออกจากกระเป๋า “เส้นนี้ใช่ไหม ?”
น้ำรินมองสร้อย แล้วยิ้มดีใจ “ใช่ สร้อยเส้นนี้”
แต่พอจะคว้าสร้อย แต่มือทะลุผ่านไปอีก
“คุณเอาสร้อยเส้นนี้มาจากไหน”
เหยี่ยวนึกถึงตอนเจอสร้อยของน้ำรินในที่เกิดเหตุแล้วเอาใส่กระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตไว้ โดยไม่รู้ตัว
“ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมความทรงจำของผมถึงหายไป ผมลืมไปเลยว่าเคยเจอสร้อยเส้นนี้ที่ริมบึง แล้วเก็บใส่ไว้ในแจ็กเก็ตตัวนี้”
“สร้อยเส้นนี้อยู่ในเสื้อตัวนี้ตลอดเวลาเหรอ ถ้าอย่างนั้นการที่ฉันติดอยู่กับคุณตลอด อาจเป็นเพราะสร้อยเส้นนี้อยู่ติดกับตัวคุณ”
เหยี่ยวกับน้ำรินมองที่สร้อยอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ไอ้ผีบ้านั่นมันหาว่าฉันฆ่าฉันตาย จะบ้าเหรอ คนอย่างฉันเนี่ยนะจะไปฆ่าใคร”
น้ำรินรำพึงกับตัวเอง ทันใดนั้นเสียงรถเบรกดังลั่นจากหน้าบ้านเหยี่ยว ตามด้วยเสียงบีบแตรดังลั่นน้ำรินกับเหยี่ยวตกใจหันไปมองตามเสียง น้ำรินได้ยินเสียงเบรคนั้นแล้ว ก็เห็นภาพตอนที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วก็ตกใจ อึ้ง ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเป็นฆาตกรฆ่าชลชาติจริงๆ จากนั้นภาพของยอดชัด นกยูง
ชลชาติ ก็กรูกันเข้ามาตอกย้ำความชั่วร้ายที่น้ำรินทำไว้กับคนมากมาย
น้ำรินช็อกจนน้ำตาร่วง เหยี่ยวมองน้ำรินที่ร้องไห้แล้วเผลอเอื้อมมือจะไปแตะไหล่ปลอบ แต่มือกลับทะลุร่างของน้ำริน เขามองตัวเองแล้วรู้สึกใจหายที่ตัวเองช่วยและปลอบใจเธอไม่ได้
น้ำรินรีบหลับตาลงเหมือนจะลืมภาพเหตุการณ์ต่างๆ จากนั้นก็ค่อยๆลืมตามองเหยี่ยวด้วยสายตาเจ็บปวด
“บางที ฉันอาจจะฆ่าเค้าจริงๆ”
เหยี่ยวเห็นแววตาเจ็บปวดในดวงตาของน้ำริน
“นี่คุณผมเป็นตำรวจ มองออกว่าใครเป็นฆาตกรได้หรือไม่ได้ อย่างคุณนะ แค่ให้ฆ่าแมลงสาบ คุณยังวิ่งหนีเลย”
น้ำรินมองหน้าเหยี่ยว แล้วนึกถึงภาพตอนคุยกับยอดชัด
ภาพตอนไล่นกยูงออกจากร้าน
จากนั้นก็น้ำตาไหล
“แต่ถ้าฉันไม่ดีอย่างที่คุณคิด ทำร้ายใครต่อใครหลายคน ถ้าฉันกลับเข้าร่างได้ คุณจะเกลียดฉัน จะตามจับฉันมั้ย?”
เหยี่ยวมองน้ำรินนิ่งๆไม่มีคำตอบ
เหยี่ยวนั่งมองน้ำรินที่นอนหลับอยู่ แล้วนึกถึงคำถามของน้ำริน ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงเธอละเมอ
“อย่า อย่าทำฉัน แม่ แม่ช่วยน้ำด้วย”
เหยี่ยวเอื้อมมือจะจับมือน้ำริน แต่จับไม่ได้
น้ำรินนอนถอนใจแล้วหลับสงบอีกครั้ง
เหยี่ยวมองไล่ทั่วตัวของน้ำริน แล้วเผลอยิ้มกับตัวเอง
“คุณทำร้ายใครไม่ได้หรอก ผมรู้”
“Where there is love there is life.”
“ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีชีวิต”
มหาตมะ คานธี วีรบุรุษแห่งอินเดีย
รถตู้วีไอพีจอดเทียบที่บริเวณหน้าบ้าน ก่อนที่รถข็นจะนำธาราลงมาจากรถตู้
ภพธรกับนับดาวเดินเข้ามาดูแล กำลังจะเข็นรถเข้าไปในบ้าน ธารามองไปรอบๆ บ้าน
“ไปอยู่โรงพยาบาลซะหลายวัน คิดถึงบ้านจริงๆ”
ภพธรรีบพูดเอาใจ “โชคดีที่ห้องนอนคุณอาอยู่ชั้นล่างพอดี เลยสะดวกไม่ต้องขึ้นลงบันได นับดาวจัดพยาบาลพิเศษไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเป็นกังวลนะครับ”
ธาราหันไปพูดกับนับดาว “ขอบใจ แต่ฉันไม่ได้กังวล ยังดูแลตัวเองได้”
“เอ้อ หนูก็แค่อยากให้คุณอาสะดวกสบายก็เท่านั้นค่ะ”
“ที่นี่เป็นบ้านฉัน ยังไงก็ต้องสบายกว่าที่อื่นแน่”
ธารามองด้วยสายตาเย็นชา แล้วจึงกดรถเข็นอัตโนมัติเคลื่อนที่เข้าไปโดยไม่สนใจนับดาวเลยแม้แต่น้อย
นับดาวหันมามองหน้ากับภพธร ด้วยแววตาไม่พอใจ
ธารานั่งมองบรรยากาศของห้องโถงที่ยังมีรูปน้ำรินอยู่หลายรูป พลางหันไปมองหน้าภพธรด้วยสายตาตำหนิ
“เกือบเดือนแล้วนะ ที่ยังไม่ได้ข่าวน้ำริน”
“ผมพยายามอย่างดีที่สุดแล้วครับ แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย” ภพธรหลบสายตา
“นั่นเพราะเธอยังทำไม่ดีพอ”
นับดาวที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ กำลังชงชาจากกล่องชาที่ตัวเองแอบใส่สารพิษลงไป เหลือบมองด้วยแววตาไม่พอใจ จากนั้นก็ถือถ้วยชามายื่นให้ธารา
“ดื่มชาร้อนก่อนนะคะคุณอา”
ธารารับมาจิบ นับดาวแอบยิ้มพอใจ
“งานที่โรงแรมเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ พี่ธรจัดการเรียบร้อยทุกอย่าง คุณอาพักผ่อนได้อย่างสบายใจเลยค่ะ”
ธาราถอนหายใจ
“คงไม่มีวันสบายใจไปได้หรอก เพราะฉันเป็นประธานฯ ครั้นจะพักผ่อนก็ยังหาตัวลูกสาวไม่เจอ”
พลางหันไปมองรูปน้ำริน พร้อมกับจิบน้ำชา ภพธรเอ่ยปากอาสากับธาราว่าจะเป็นประธานในงานวันครอบครัวต้านภัยยาเสพติด ที่ทางโรงแรมฯ จัดร่วมกับสำนักงานสืบสวนฯ แต่ธาราแย้งขึ้นมา
“อาจะไปเอง ให้ได้ทำอะไรบ้างเถอะ อย่างน้อยมันอาจจะทำให้เลิกคิดเรื่องน้ำรินไปได้บ้าง”
นับดาวแอบหันมามองสบตากับภพธร
เหยี่ยวตื่นนอน พลางหันมามองน้ำริน ที่นอนกระสับกระส่ายเพราะฝันร้าย
ในฝันนั้น น้ำรินเห็นตัวเองนั่งอยู่เพียงลำพังในภัตตาคารหรูในโรงแรม รอบตัวไม่เห็นใครเลย
ครู่หนึ่งไฟในภัตตาคารดับลง น้ำรินตกใจ ลุกขึ้นยืน หันไปมองรอบๆ ไฟที่เชิงเทียนที่วางบนโต๊ะค่อยๆ ติดทีละเล่ม
ไฟในห้องอาหารค่อยๆ ติดไล่ไปเรื่อยๆ แบบสลัวๆ รวมทั้งไฟที่แชนเดอเรีย ได้บรรยากาศที่โรแมนติก
มือหนึ่งอ้อมมาจากด้านหลัง ชูสร้อยที่มีอักษร PN อยู่ตรงระดับสายตา
“น้ำ สุขสันต์วันครบรอบที่เรารู้ใจกันจ้ะ”
ภพธรบรรจงสวมสร้อยลงที่คอ น้ำรินจับมือภพธร แล้วค่อยๆ หันหลังกลับมาช้าๆ
“พี่ธร”
เสียงนาฬิกาปลุกของเหยี่ยวดังขึ้น น้ำรินค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น พลางทอดสายตาด้วยสีหน้าเหม่อๆ พอหันมา ก็เห็นเหยี่ยวมองเธออยู่
“ฉันฝันถึงเรื่องในอดีตด้วย”
“แน่ใจนะว่าเป็นภาพในความทรงจำ ไม่ได้คิดไปเอง”
“ฉันรู้สึกได้ว่ามันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง ฉันอยู่กับคนรัก”
เหยี่ยวคว้าเสื้อมาใส่ ขณะที่น้ำรินยังเพ้อๆ คิดถึงเรื่องที่ฝัน
“จริงๆ นะ ฉันอยู่ในภัตตาคารโรแมนติก อยู่ๆ ไฟก็ดับลง แล้วก็มีผู้ชายเอาสร้อยที่มีตัวอักษร PN มาใส่ให้ เนื่องในโอกาสครบรอบวันที่รู้ใจกัน ฉันมั่นใจว่า ผู้ชายคนนั้นคือแฟน ฉันเรียกเค้าว่าพี่ธร”
พอได้ยินว่ามีแฟนแล้ว เหยี่ยวก็แอบอึ้งไปเล็กน้อย
“พี่ธร พี่ธรเป็นแฟนฉันแน่นอน”
น้ำรินยิ้มอวดอย่างภูมิใจที่ได้ความทรงจำนี้กลับคืนมา เหยี่ยวหน้าเสียโดยไม่รู้ตัว
อ่านต่อหน้า 3
ภพรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ธารากำลังคนชาในถ้วย ก่อนที่จะวางช้อนลงข้างๆ แล้วยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ พลางหันมามองเก้าอี้ว่างข้างๆ แล้วนึกถึงภาพ ที่น้ำรินนั่งดื่มกาแฟเป็นเพื่อน
ธาราหน้าสลด น้ำตาเอ่อคลอ
“น้ำ แม่คิดถึงลูก”
จากนั้นพยาบาลก็เข้ามาเตือนว่าใกล้เวลางานเริ่ม ก่อนที่จะเดินเข้ามาเลื่อนรถเข็น จะพาธาราออกไปหน้าบ้าน
“ฉันจะไปที่ห้องก่อน ฉันลืมของ”
ธารากดรถวีลแชร์อัตโนมัติ เลื่อนออกไปเอง พยาบาลเดินตาม
เหยี่ยวเดินออกจากประตูบ้านไปตรงจุดที่จอดจักรยาน น้ำรินเดินตามมา พลางออกปากถามถึงเสื้อที่เหยี่ยวใส่เพราะไม่เคยเห็น
“เท่ดีเหมือนกัน ใครซื้อให้เหรอ”
เหยี่ยว ไม่ตอบ แต่หันไปเล่าเรื่องงานสัมมนาสำนักงานสืบฯ ที่โรงแรม แล้วย้ำว่าน้ำรินต้องไปด้วยกัน“แหม แต่วันนี้ฉันอยากให้คุณช่วยหาพี่ธรให้”
“ยังจำหน้าแฟนไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”
น้ำรินยิ้มๆ “ถึงจำไม่ได้ แต่ถ้าเจอตัวจริง ด้วยความผูกพันทางจิตใจ ฉันต้องรู้แน่ๆ ว่าเค้าเป็นพี่ธร”
“อย่าเพิ่งฟุ้งไปถึงเจอตัวเลย ขอชื่อก่อนได้มั้ย”
น้ำรินนิ่งคิด “แฟนฉันชื่อเล่นชื่อธร ชื่อจริงน่าจะชื่ออาทร กำธร หรือธราธร”
เหยี่ยวพูดล้อๆ ว่าอาจจะชื่อ “ภูธร”
“P แอนด์ N ก็ นายภูธร กับ นางสาวน้ำเน่า สร้อยแห่งความรักผูกพันนายภูธรกับน้องน้ำเน่าไว้ด้วยกัน เอาเถอะ เสร็จงานสัมมนาวันนี้แล้วค่อยว่ากันอีกที ผมจะตามตัวคุณชายธราธรของคุณให้เจอเอง”
เหยี่ยวพูดนิ่งๆ พยายามไม่ออกอาการหึง แล้วเดินนำออกไป น้ำรินครุ่นคิดถึงชื่อที่มีว่าธร
ธารากดปุ่มอัตโนมัติเคลื่อนวิลล์แชร์ไปยังโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอน พลางหยิบกุญแจขึ้นมาไขลิ้นชัก หยิบนาฬิกาข้อมือที้หยุดเดินแล้วขึ้นมา แล้วมองด้วยสายตาผูกพันอย่างที่สุด
พยาบาลที่เดินตามเข้ามา รีบบอก “นาฬิกาเรือนนี้หยุดเดินแล้วนะคะ”
“ฉันรู้แต่นี่เป็นนาฬิกาเรือนที่น้ำรินซื้อให้ฉันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหายตัวไป ฉันอยากใส่ ฉันคิดถึงลูก”
ธาราลูบนิ้วไปที่หน้าปัดของนาฬิกา ที่บอกเวลาเดียวกับตอนที่น้ำรินประสบอุบัติเหตุ !!!
เหยี่ยวพาน้ำรินเข้ามาในบริเวณโรงแรมรินธารา น้ำรินมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกคุ้นเคย
ที่เวทีมีป้ายชื่องาน “เยียวยาจิตใจ.. ครอบครัวไทยต้านภัยยาเสพติด” รอบๆ งานมีบอร์ดให้ความรู้เกี่ยวกับภัยยาเสพติด ข้างๆ จัดเป็นมุมอาหารว่าง
นกน้อยกำลังดูแลบอร์ดความรู้ในงานที่จัดตั้งกระจายๆ ไว้ พบบอร์ดที่เขียนว่า “ยาเสพติด..ทำลายคนที่เรารัก” ใต้ภาพมีรูปพ่อกอดลูกสาวที่อยู่ในสภาพอิดโรยเพราะเสพยา นกน้อยสะเทือนใจ จนน้ำตาคลอ พยายามตัดใจด้วยการบ่ายหน้าตัวเองออกไปจากบอร์ด แล้วยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา
ทันใดนั้น นกน้อยได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆมาจากอีกฝั่งของบอร์ด จึงรีบเดินอ้อมบอร์ดไปดู
นับดาวร้องไห้สะอื้นเบาๆอย่างน่าสงสาร พอหันมาเห็นนกน้อยก็ตกใจ รีบใช้หลังมือเช็ดน้ำตา
นกน้อย ส่งผ้าเช็ดหน้า นับดาวยิ้มเขินๆ
“ขอบคุณค่ะ”
นับดาวพนมมือไหว้แล้วรับมาซับน้ำตา ก่อนจะส่งคืนให้
“จ่านกน้อยใช่มั้ยคะ”
“ใช่ครับ”
“นับดาวค่ะ เป็นหัวหน้าทีมที่จัดงานวันนี้”
นับดาวยิ้มให้นกน้อยอย่างเป็นมิตร จากนั้นก็ชวนนกน้อยมานั่งจิบน้ำชา สร้างความคุ้นเคยเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง โดยทำทีเป็นเห็นใจเรื่องที่ลูกสาวของนกน้อยตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายา
“ประสบการณ์ชีวิตของคุณจ่า ก็ไม่ต่างจากดาวนักหรอกค่ะ”
นับดาวเริ่มบีบน้ำตาโกหก
“ดาวมีน้องสาว ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่เสีย ดาวต้องเป็นคนส่งเสียน้องให้เรียน เราสองคนไม่เข้าใจกันนักหรอกค่ะ ดาวเอาแต่ทำงาน น้องสาวดาวขาดความอบอุ่น สุดท้ายเธอต้องตายเพราะเสพยาเกินขนาด”
นับดาวแสร้งทำเป็นร้องไห้น้ำตาไหล นกน้อยเชื่อสนิท
“คุณนับดาว คุณไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องแบบนั้นหรอก วันนี้คุณกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง จัดงานเพื่อ
ไม่ให้ครอบครัวอื่นเจอปัญหาเหมือนกับเรา ทำใจให้สบายเถอะนะครับ”
นับดาวทำทีเป็นพยายามจะตัดใจ หยุดร้องไห้
“ได้คุยกับคุณจ่าแล้วดาวสบายใจ เหมือนได้ปรึกษากับคนที่ผ่านความเลวร้ายมาเหมือนๆ กัน”
พลางเอื้อมมือไปจับมือจ่านกน้อยที่เริ่มทำตัวไม่ค่อยถูก จากนั้นก็หยิบนามบัตรยื่นส่งให้
“ถ้าคุณจ่ามีเรื่องที่ต้องการให้โรงแรมสนับสนุน ดาวยินดีช่วยทุกอย่างนะคะ ถือว่าช่วยสังคมให้ดีขึ้น”
“ขอบคุณครับ”
นับดาวแอบมองนกน้อยด้วยสีหน้าแววตาไม่น่าไว้ใจนัก อีกมุมหนึ่ง ภพธรแอบมองอยู่ห่างๆ จากนั้นนับดาว ก็เดินเข้ามารายงานว่าแผนการตีสนิทกับนกน้อย เพื่อจะสืบคดีของยอดชัดผ่านไปได้ด้วยดี
น้ำรินเดินตามเหยี่ยวมาในห้องจัดงาน นกน้อยรีบเดินเข้ามาทัก พลางพูดแซวเรื่องเสื้อ
“อ๊ะๆ จำได้แล้ว เสื้อตัวนี้ไม่ธรรมดา หมวดแนนซื้อให้ตอนวันเกิดปีก่อนนี่หว่า อ๊ะๆ ไม่เท่าไหร่กลับมาหวานกันอีกแล้วเหรอ”
พอรู้ว่าเป็นของแนน สีหน้าของน้ำรินก็เผลอแสดงอารมณ์หึงขึ้นมานิดๆ โดยไม่รู้ตัว
แนนเดินเข้ามาใส่เสื้อเชิ้ตลายเดียวกับเสื้อของเหยี่ยวโดยบังเอิญ นกน้อยหันไปเห็นแซวต่อ
“ใจตรงกัน ใส่เหมือนกัน เป็นเรื่องแล้วเว้ย”
น้ำรินทำหน้าบูดบึ้งยิ่งกว่าเก่า แนนเดินเข้ามา พลางหันไปมองเหยี่ยว แล้วยิ้มเขินๆ
“บังเอิญน่ะจ่า มานานแล้วเหรอคะเหยี่ยว มา เราจัดเสื้อให้ นึกไม่ถึงเลยนะว่าเหยี่ยวจะยัง
เก็บเสื้อตัวนี้ไว้”
น้ำรินชักสีหน้า เท้าเอวอย่างไม่สบอารมณ์
ธาราลงจากรถ มองไปที่โรงแรมของตัวเอง พยาบาลกำลังจะเข็นรถวีลแชร์เข้าไปด้านใน แต่สงครามเข้ามาพอดี พลางอาสาเป็นคนเข็นรถเข้าไปให้ ธาราอึกอัก เพราะยังไม่ค่อยอยากจะแสดงความสนิทสนมกับสงครามออกหน้าออกตานัก
“เราจัดงานนี้ร่วมกัน ผมกับคุณควรจะเข้าไปในงานพร้อมกัน”
เหยี่ยวกับแนนช่วยกันทำหน้าที่พาครอบครัวประชาชนที่มาร่วมงานเข้าประจำที่นั่ง และแจกเอกสารการสัมมนา ขณะที่น้ำรินคอยเกะกะแทรกกลางอยู่ตลอดเวลา จนเหยี่ยวชักหงุดหงิด
ครู่หนึ่งก็มีครอบครัวหนึ่งที่ใส่เสื้อเหมือนกันทั้งพ่อแม่ลูกเดินเข้ามา เด็กผู้ชายมองเสื้อเหยี่ยวกับแนนแล้วถามอย่างสงสัย
“ลูกของพี่ไปไหนครับ”
เหยี่ยวงง “ลูก?? ลูกของพี่เนี่ยนะ”
แม่เด็กรีบอธิบาย
“น้องปอนด์เห็นคุณตำรวจใส่เสื้อเหมือนกัน เลยเข้าใจว่าเป็นครอบครัวมีลูกเหมือนเรา”
เหยี่ยวกับแนนปฏิเสธพร้อมกันอย่างเขินๆจนน้ำรินหมั่นไส้ พอลับหลังแนน ก็รีบอธิบายให้เหยี่ยวฟัง“เดี๋ยวนี้เค้าฮิตเสื้อคู่รัก หมวดแนนจงใจซื้อเสื้อเหมือนคุณเพราะอยากเป็นแฟนคุณ หายงงยัง”
เหยี่ยวส่ายหน้า “ยัง ผมกับจ่านกน้อยเคยมีเสื้อเหมือนกัน งี้ผมไม่ต้องเป็นแฟนกับจ่าเหรอ”
น้ำรินถอนหายใจยาวอย่างอ่อนใจในความไม่โรแมนติกของเหยี่ยว ครู่หนึ่งแนนก็เดินกลับมาพร้อม
จานใส่ขนม และถ้วยกาแฟ 2 ชุด เหยี่ยวเลยแกล้งน้ำรินด้วยการหันไปทำเสียงออดอ้อนแนน
“มือเราสกปรก แนนป้อนหน่อยสิ”
แนนอมยิ้มเขินๆ แล้วหยิบขนมป้อนเหยี่ยว น้ำรินหมั่นไส้ ใช้มือ ปัดขนมในมือของแนนไปโดนเสื้อเหยี่ยวเปื้อน แนนตกใจ
น้ำรินอึ้งๆ ยกมือตัวเองขึ้นมาดู แปลกใจที่ทำได้อีกแล้ว เหยี่ยวรู้ว่าน้ำรินทำเพราะหึง ก็แอบขำ
“เดี๋ยวเราไปซักในห้องน้ำดีกว่า เสื้อตัวนี้สำคัญกับเรามาก ไม่อยากให้เป็นรอย”
เหยี่ยวแกล้งย้ำให้น้ำรินหึง แล้วเดินไป แนนยิ้มอย่างมีความสุข
เหยี่ยวเดินมาถึงหน้าห้องน้ำ น้ำรินโผล่มาดักหน้า
“ซักเสื้อเสร็จแล้วไปหาพี่ธรกันนะ ฉันมีความรู้สึกว่าพี่ธรต้องอยู่แถวๆนี้”
เหยี่ยวพยักหน้าส่งๆ อย่างตัดรำคาญ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ น้ำรินยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ
สงครามเข็นรถของธารา มีพยาบาลเดินตามหลัง ผ่านหน้าน้ำริน ทันใดนั้น ทุกอย่างหยุดนิ่ง มีเพียงเสียงนาฬิกา ที่เริ่มเดิน
น้ำรินเงยหน้าขึ้นมามองนาฬิกาข้อมือของธารา เหมือนจะนึกออกลางๆ
“นาฬิกา ผู้หญิงคนนี้”
น้ำรินเหมือนโดนพลังลึกลับที่มองไม่เห็นดึงดูดเข้าไปที่นาฬิกา นั่นคือสายสัมพันธ์ระหว่างกัน เพราะ ธาราก็รู้สึกเช่นกัน
“เดี๋ยวค่ะ”
สงครามหยุดรถ ธารารู้สึกใจเต้นถี่ขึ้นมาอย่างประหลาด
น้ำรินก้าวเข้ามาหาช้าๆ ดวงตาจับจ้องที่นาฬิกาข้อมือของธารา แต่มือของสงครามเข้ามาวางบนแขนธารา ทับบนนาฬิกาพอดี
“เป็นอะไรรึเปล่าคุณ”
“เปล่าค่ะ ไปเถอะค่ะ”
สงครามเข็นรถพาธาราไป น้ำรินมองตามอย่างข้องใจ
“ผู้หญิงคนนี้? นาฬิกาเรือนนั้น?”
เหยี่ยวกำลังใช้กระดาษเช็ดมือซับน้ำออกจากเสื้อ พลันก็มีได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นจากในห้องน้ำที่ปิดประตูอยู่
“พี่ธรพูดครับ”
เหยี่ยวตาโตเมื่อได้ยินคำว่าพี่ธร รีบวิ่งออกไปหน้าห้องน้ำแล้วกวักมือเรียกน้ำริน
“พี่ธร”
“พี่ธรอยู่ในนั้นเหรอ”
เหยี่ยวทำมือทำไม้บอกให้น้ำรินฟังเสียงในห้องน้ำ
“พี่ธรมางานที่โรงแรมครับ”
น้ำรินตื่นเต้น “พี่ธรจริงๆด้วย เค้าหน้าตาเป็นยังไง คุณเห็นรึยัง”
“ยัง คุณเข้าไปดูสิ”
พลันประตูห้องน้ำก็เปิดออกพอดี น้ำรินกับเหยี่ยวหันไปมองประตูห้องน้ำพร้อมกันอย่างตื่นเต้น
ภาพตรงหน้าคืออาเสี่ยพุงพลุ้ยฟันทอง ใส่ทองเต็มตัวคุยโทรศัพท์ต่อเนื่อง
“เสร็จธุระแล้วพี่กำธรจะรีบไปหาน้องหนูเลยนะจ๊ะ เลิฟยู”
น้ำรินทำหน้าขยะแขยง รับไม่ได้
“ไม่ใช่อ่ะ พี่ธรของฉันต้องไม่ใช่คนนี้ “
จู่ๆน้ำรินก็รู้สึกปวดแปลบที่หัวใจขึ้นมาอีก เหยี่ยวตกใจ
“คุณเป็นอะไร”
อ่านต่อหน้า 4
ภพรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ธาราก็ยกมือกุมหัวใจตัวเอง นั่งตัวงออยู่บนรถเข็น เหงื่อเต็มใบหน้า หายใจติดๆขัดๆ
สงครามกับพยาบาลมองธาราอย่างเป็นห่วง ธาราพยายามสูดหายใจลึกๆ ภพธรกับนับดาวมองดูธารา ทำราวกับว่าเป็นห่วงมาก
“คุณอากลับไปพักดีมั้ยครับ”
“ให้พี่ธรเป็นตัวแทนคุณอาเป็นประธานเปิดงานก็ได้นะคะ”
“ไม่ต้อง อายังไม่ตาย ไม่จำเป็นต้องให้ใครแทน”
ธาราพูดอย่างเข้มแข็ง ภพธรกับนับดาวหันมาสบตากัน แล้วแอบยิ้มร้าย
น้ำรินเดินเร็วเข้ามาในห้อง กวาดตามองหาไปรอบๆ เหยี่ยวเดินตามมาอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันว่าต้องเป็นเพราะพี่ธรอยู่แถวๆนี้ สายใยแห่งความผูกพันถึงได้ขมวดเกลียวรัดเราเข้าหากัน ฉันก็เลยเกิดอาการจี๊ดใจ”
น้ำรินเดินหาไปรอบๆ ผ่านหน้าภพธรที่กำลังเดินไปทางประตูห้องบอลรูม
บนเวที นับดาวเป็นพิธีกรขึ้นไปกล่าวเปิดงาน
“สวัสดีค่ะท่านผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานงานสัมมนา “เยียวยาจิตใจ ครอบครัวไทยต้านภัยยาเสพติด” ดิฉันขอเรียนเชิญ คุณธารา ประธานกรรมการเครือโรงแรมรินธารา กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการสัมมนาครั้งนี้ค่ะ”
ธาราเลื่อนรถเข็นของตัวเองไปที่โพรเดี่ยม
“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ดิฉันมีความยินดีที่มีส่วนร่วมในการจัดงานสัมมนาครั้งนี้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
ร่างธารากระตุกเกร็ง เหมือนลมตีขึ้นจนจุกอก พลางหายใจติดๆขัดๆ หัวใจเต้นแรงผิดปกติ
แขกทุกคนหันมามอง ซุบซิบกันว่าเกิดอะไรขึ้น สงครามเอะใจในอาการผิดปกติ ธาราค่อยๆ เซ ก่อนจะหมดสติแล้วตกจากรถเข็นลงมากับพื้น นับดาวตกใจ เผลอเรียกชื่อภพธรออกมา
“พี่ธร”
น้ำรินได้ยินเสียงเรียกพี่ธร ก็มองไปมองตามสายตาของนับดาวไปจนเกือบถึงตัวภพธรที่ยืนอยู่ด้านหลัง แขกเหรื่อลุกพรึ่บขึ้นด้วยความตกใจ
น้ำรินมองไม่เห็นภพธร เพราะทุกคนฮือกันเข้ามาจนบังภพธรมิด
ธารานอนหลับตาอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ค่อยๆลืมตาขึ้น สงคราม ภพธร และนับดาว ที่นั่งรอดูอาการอยู่ก็ผุดลุกขึ้น สงครามรีบปราดเข้าไปหา
“เป็นไงบ้าง”
ธาราหันมาพูดกับภพธรและนับดาว
“เธอสองคนกลับไปได้แล้ว ธร ฝากขอโทษผู้หลักผู้ใหญ่ในงานด้วยล่ะ”
ภพธรรับคำ พลางหันมาไหว้สงครามแล้วเดินออกไปพร้อมกับนับดาว แต่ยังไม่ทันออกประตู ก็ได้ยินธารพูดกับสงคราม
“ฉันนอนน้อย ไม่ได้ทานอะไรนอกจากชามะลิถ้วยเดียว”
ภพธรรู้สึกกังวลขึ้นมา นับดาวสังเกตเห็นก็เอื้อมมือไปบีบต้นแขนแล้วพยักหน้าให้ภพธรออกไป
สงครามนึกถึงชามะลิแล้วเอะใจขึ้นมา พลางมองธาราที่มีท่าทีเหนื่อยอ่อนอย่างสงสัย
“ธาราอาการผิดปกติ เหมือนคนโดนวางยา”
สงครามตั้งข้อสังเกตกับสมเดช ขณะที่เดินคุยกันมาตามทางในโรงพยาบาล
“แต่หมอไม่พบสารพิษในร่างกายเลยนะครับ หมอบอกว่าคุณธาราเครียดอดนอนก็เลยเป็นแบบนี้”
สงครามหน้าเครียด “วันนั้นผมดื่มชาดอกมะลิของเค้า แล้วมีอาการเหมือนกัน”
“บังเอิญรึเปล่าครับ”
“ความบังเอิญไม่น่าจะเกิดขึ้นถึงสองครั้ง”
สงครามครุ่นคิดอย่างจริงจัง
ภพธรเดินเข้ามาในคอนโดพร้อมกับนับดาว ด้วยท่าทีกังวลใจ
“ทำใจให้สบายเถอะค่ะ หมอไม่มีทางตรวจเจอสารพิษของดาวหรอกอีกไม่นาน พี่จะล้างแค้นให้พ่อสำเร็จ”
นับดาวพูดปลอบใจ แต่ภพธรยังไม่ค่อยจะวางใจนัก
สงครามกดวางสายโทรศัพท์มือถือแล้วหันมาบอกสมเดช
“แม่บ้านบอกว่ามีคนเอากล่องชาที่ธาราดื่มประจำไปทิ้ง เพราะมันขึ้นรา”
“จะเอายังไงครับ ขืนรอให้โดนวางยาอีกครั้ง คุณธาราอาจจะไม่รอด”
น้ำรินเดินเข้ามาจากหน้าบ้านอย่างหงอยๆ ยายนวลที่นั่งฟังผลล็อตเตอรี่อยู่กับปลาทู ปูอัด รีบหันมาถาม
“หนูน้ำ เย็นนี้กินอะไรดี ยายถูกล็อตเตอรี่”
ปลาทูกับปูอัดมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ยายถามใคร” ปลาทูถามอย่างหวาดๆ
“หนูน้ำไง”
ปูอัดขนลุกซุ่ “น้ำอีกแล้ว ยายทำน้ำในเขื่อนฉันจะแตกทุกที”
จากนั้นทั้งคู่ก็รีบลายายนวลออกไปด้วยความกลัว
เหยี่ยวหยิบสร้อยของน้ำรินที่มีสัญลักษณ์ PN ขึ้นมาดู พยายามเทียบกับลายสร้อยของร้านต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต ครุ่หนึ่งโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“ดิอาร์ตออฟเจมส์ใช่มั้ยครับ เรื่องจี้ที่ส่งภาพไปให้ดูเป็นยังไงบ้าง ทางร้านไม่เคยทำจี้ลายแบบนี้เหรอครับ ครับ ขอบคุณนะครับ”
เหยี่ยววางสร้อยน้ำรินลงที่โต๊ะ
“ดวงจะไม่เจอ มันก็ไม่เจอ”
เหยี่ยวตกใจ หันมาเห็นน้ำรินนั่งอยู่ข้างๆ
“บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่ามาแบบนี้”
“เหอะน่า ทนอีกไม่นานฉันก็จะเจอพี่ธรแล้วเสียดายจริงๆเลย ได้ยินชื่ออยู่ชัดๆ ดันคลาดกันได้”
“เค้าไม่ใช่คู่แท้ของคุณมั้ง”
น้ำรินหน้าเศร้า “ทำไมจะไม่ใช่ ตอนที่อยู่โรงแรม ฉันรู้สึกถึงความผูกพันที่แน่นแฟ้นอย่างบอกไม่ถูก มันต้องเป็นความรักของฉันกับพี่ธรแน่ๆ”
เหยี่ยวฟังแล้วเริ่มหึง
“คุณผูกพันกับพี่ธรเพราะเป็นคู่แท้ แล้วคุณผูกพันกับผมเพราะอะไร”
น้ำรินคิด “เพราะ เพราะสร้อยมั้ง”
เหยี่ยวพูดประชด “ก็ดี ถ้าไม่มีสร้อย ผมก็ไม่ต้องกระเตงคุณไปไหนๆแล้วสิ”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เหยี่ยวกดรับสาย
“เจอแล้วเหรอจ่า ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
จากนั้นก็กดวางสาย แล้วรีบลุกขึ้น น้ำรินลุกตาม
“ไหนบอกว่าเสร็จงานสัมมนาแล้วจะพาฉันไปหาพี่ธรไง”
“ผมต้องไปทำงาน”
น้ำรินทำหน้าอ้อน “ไปหาพี่ธรให้ฉันก่อนไม่งั้น ฉันจะก่อกวนคุณจนทำงานไม่ได้”
“อ๋อเหรอ คุณติดผมเพราะสร้อยนี่ใช่มั้ย”
พูดพลางเปิดลิ้นชักโต๊ะแล้วโยนสร้อยลงไป “งั้นก็อยู่ที่นี่ ไม่ต้องตามไปแล้วกัน”
เหยี่ยวปิดลิ้นชักโต๊ะอย่างแรง แล้วเดินออกไป น้ำรินจะเดินตามแต่ชะงัก ไม่กล้าเดินทะลุประตู
เหยี่ยวกับนกน้อยกำลังจ้องจอคอมพิวเตอร์ที่มีรูปภาพหน้าผู้ชายสลับเร็วๆ จนดูแทบไม่ทัน
“พอรูปสเก็ตช์คนร้ายจากพยานแถวอพาร์ตเมนท์ของเจ๊แดงเสร็จ ผมก็ส่งไปให้ทุกสน.แล้วก็ส่งเข้าเครื่องสืบค้นประวัติอาชญากร”
เครื่องคอมพิวเตอร์ส่งเสียงร้อง ภาพแสดงผลรูปสเก็ตช์กับรูปคงคา มีตัวหนังสือกระพริบ “match”
“นายคงคา” เหยี่ยวรีบหันไปบอกนกน้อย “ส่งรูปไปให้ทุกท้องที่และด่านสกัดจับ เอ้อ เอารถสำนักงานสืบฯ ออกด้วย”
สั่งเสร็จก็รีบวิ่งออกไป
อ่านต่อตอนที่ 6