มนต์รักอสูร ตอนที่ 8
น้ำผึ้งเข้ามาในห้องพัก ที่เทิดสั่งให้จัดไว้เป็นห้องของเธอ ครูสาวนั่งลงบนเตียงแล้วเหลียวมองไปรอบๆ
“ฝากตัวด้วยนะ ฉันคงต้องพึ่งที่นี่อีกยาว”
น้ำผึ้งจะลุกไปจัดของ แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อน หน้าจอเป็นชื่อฟ้าใส หญิงสาวรีบกดรับ
“ฟ้า”
ฟ้าใสอยู่ที่ร้านเว้ดดิ้ง โทร.มาเรื่องพ่อแม่น้ำผึ้ง
“ผึ้ง แกเป็นไงบ้าง”
“หมายถึงที่ไร่คุณเทิดเนี่ยเหรอ”
“ใช่สิ ฉันตกใจหมดเลยตอนรู้ว่าแกต้องไปอยู่ที่นั่น”
“ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอก พอดีอะไรๆมันก็ฉุกละหุกไปหมดเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่แกเถอะ คนที่นั่นเป็นยังไงบ้าง เขาโอเคกับแกไหม”
“ก็…ตอนนี้ยังไม่มีอะไรนะ ส่วนอนาคต ฉันไม่รู้”
ฟ้าใสเป็นห่วงน้ำผึ้ง
“แกต้องดูแลตัวเองนะรู้ไหม”
“ฉันรู้ ฉันเอาตัวรอดได้น่าฟ้า ห่วงพ่อกับแม่มากกว่าว่าจะเป็นไงบ้าง”
“ฉันบอกแล้วไงว่าแกไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย ตอนนี้พ่อกับแม่แกถึงบ้านฉันที่กรุงเทพฯ ปลอดภัยดีแล้วนะ”
“ฉันคุยกับแม่แล้ว ขอบใจแกมากนะฟ้า”
“ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรให้ช่วยอีกรีบโทรมาเลยนะ อย่าเกรงใจ”
“อื้อ...ได้”
ฟ้าใสพูดติดตลก “ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้แกต้องเจอศึกหนักอีกเยอะ”
สองสาววางสายไป น้ำผึ้งทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างเหนื่อยล้า
ไม่นานต่อมา น้ำผึ้งอาบน้ำเสร็จ เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ เสียงเคาะประตูดังขึ้นในจังหวะนี้
“ใครคะ”
ไม่มีเสียงตอบใดๆ น้ำผึ้งเลยเปิดประตูห้องออกไปมองหา แต่ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่เลย ครูสาวมองซ้ายแลขวาตามทางเดินก็ไม่มีใคร จึงกลับเข้าห้องไป
เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง น้ำผึ้งเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คนั่งอยู่บนเตียง เสิร์ชดูข้อมูลที่น่าสนใจไปเรื่อยๆ จนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก น้ำผึ้งลุกลงจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตูถามดู
“ใครคะ”
เป็นพรยืนอยู่หน้าห้อง
“อ้าว ป้าพร”
พรในชุดนอนเดินเข้ามาในห้อง เหลียวมองไปรอบๆ
“ขอโทษที่มากวนค่ะ แต่ป้าจะถามว่า ครูมีอะไรขาดเหลือไหมคะ ป้าจะได้หาให้”
“ไม่มีค่ะ เรียบร้อยดี”
พรยิ้มให้
“งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เชิญครูพักผ่อนเถอะ”
“ค่ะ”
ขณะพรจะเดินออกไป น้ำผึ้งนึกอะไรได้ เรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะ”
“คะ”
“เมื่อกี้ป้ามาเคาะห้องฉันหรือเปล่าคะ”
พรนิ่งนึก “ไม่นะคะ ฉันเพิ่งมาเมื่อกี้นี้ล่ะค่ะ มีอะไรเหรอคะ”
“ไม่มีค่ะ ฉันขอตัวนะคะ”
พรพยักหน้า แล้วเดินออกไป ทิ้งน้ำผึ้งให้นึกสงสัยว่าเมื่อกี้ใครเป็นคนเคาะประตู
น้ำผึ้งนอนไม่หลับ เธอกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ด้วยคงเป็นเพราะแปลกที่
สักพักครูสาวจึงลุกขึ้นมาสวดมนต์ หวังทำจิตใจให้สงบ ก่อนจะล้มตัวลงไปนอนอีกครั้ง
“เป็นอะไรอีกเนี่ย”
น้ำผึ้งพยายามข่มตาหลับ แต่แล้วก็มีเสียงบางอย่างดังมาจากข้างนอกห้อง น้ำผึ้งลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องดูอีกรอบ
บรรยากาศรอบบ้านเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นใดๆ น้ำผึ้งเริ่มหวั่นใจ แต่ไม่แสดงออก
ขณะที่กำลังจะกลับเข้าไปในห้อง มีเสียงฝีเท้าเหมือนคนวิ่งดังตึงตังขึ้นมา น้ำผึ้งตกใจหันไปมอง
“ใครน่ะ”
น้ำผึ้งเดินไปดูตามทางเดิน หน้าห้องหาต้นตอของเสียงนั้น
“มีใครอยู่รึเปล่า คุณนันท์หรือเปล่าคะ”
พอเดินไปเลี้ยวมาอีกทาง เสียงคนวิ่งก็ดังมาจากอีกทาง พอน้ำผึ้งวิ่งไปดูกลับไม่มีใคร
“บ้าจริง”
ในที่สุดน้ำผึ้งก็เลิกหา จะกลับเข้าห้อง แต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ไฟก็ดับพรึบลงทั้งบ้าน
“อ๊าย...”
น้ำผึ้งร้องกรี๊ดเสียงดังลั่น ก่อนจะค่อยๆ ตั้งสติได้ หยิบโทรศัพท์มากดไฟแทนไฟฉาย แล้วเดินไปทางห้องนอน
น้ำผึ้งสาดไฟฉายโทรศัพท์นำทางเดินไปยังห้อง จู่ๆ จมูกก็เริ่มได้กลิ่นแปลกๆ
“กลิ่นธูปนี่”
ยิ่งเดินไป กลิ่นธูปก็ยิ่งรุนแรงจนแสบจมูกมากขึ้นเรื่อยๆ แถมมีควันสีขาวลอยมาจากไหนไม่รู้ และเริ่มมากขึ้นๆ จนน้ำผึ้งเกือบจะสำลัก ครูสาวตัดสินใจตะโกนถามออกไปอีก
“มีใครอยู่ไหม ทุกคน คุณนันท์ อ้อย หอม”
ไม่มีเสียงใครตอบมา น้ำผึ้งผู้ซึ่งไม่คุ้นทางในบ้านยิ่งเดินก็ยิ่งหลงไม่รู้อยู่ไหน
“ทุกคน”
เดินมาสักพักน้ำผึ้งก็รู้สึกมีเงาอะไรสักอย่างวาบผ่านด้านหลัง จนต้องหันไปดู
“ใคร”
แต่พอน้ำผึ้งหันไปทางนั้น เงาก็วาบผ่านด้านหลังอีกทาง
ไม่เท่านั้น ควันธูปยังลอยฟุ้งเต็มไปหมด จนน้ำผึ้งต้องคอยปัดควันไม่ให้เข้าตา สถานการณ์ชวนให้ผวาน้ำผึ้งเริ่มใจเสีย คิดจะกลับไปห้องพัก แต่ไม่ทันได้ก้าวเดิน ก็มีเสียงเหมือนของตกแตกดัง เพล้ง!
“อ๊าย” น้ำผึ้งตกใจร้องกรี๊ด เอามือปิดหู เพ่งสายตามองไป แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรอีก ครูสาวก้าวเดินเร็วรี่หวังจะกลับห้อง
มีเสียงประหลาดดังแทรกเข้ามาในบรรยากาศชวนขนลุก
“ใคร”
เสียงนั้นคล้ายคนเดินลากโซ่ไปตามทาง น้ำผึ้งพยายามตะโกนถาม
“ใคร! ออกมานะ”
เสียงคนลากโซ่ไปตามพื้นดังขึ้น ยังไม่เห็นว่าเป็นใครแล้วก็เริ่มใกล้เข้ามาทุกที ๆน้ำผึ้งเริ่มกลัวทำอะไรไม่ถูกมองหาทางหนี เสียงนั้นก็ยิ่งใกล้เข้ามาอีก จนในที่สุดก็ต้องเริ่มวิ่งหนี
น้ำผึ้งวิ่งเตลิดมาตามทางเดินในบ้าน ไม่รู้ทางไหนเป็นทางไหนเพราะรอบข้างมืดไปหมด กลิ่นควันธูปลอยฟุ้งจนน้ำผึ้งทั้งแสบจมูกแสบตา ครูสาวตั้งสติหาทางกลับห้องให้ได้
เสียงร้องไห้โหยหวนดังแทรกมาอีก น้ำผึ้งหยุดเดินพยายามสงบสติ
“โอ๊ย พอได้แล้ว น้ำผึ้งตั้งสติ”
แต่ก็หยุดได้ไม่นานเสียงฝีเท้าคนวิ่งยังตามมาเรื่อยๆ น้ำผึ้งเลต้องออกวิ่ง แล้วก็ยิ่งเร่งฝีเท้าขึ้นอีก ยิ่งพยายามจะหนี เสียงก็ยิ่งใกล้ จะหาทางออกก็ไม่เจอ น้ำผึ้งเดินสะเปะสะปะไปทั่วจนกระทั่งวิ่งไปจนมุม
เสียงโซ่ลากตามพื้นดังตามมาอีกรอบ น้ำผึ้งหันซ้ายหันขวาจะหนีให้ได้ แล้วก็รู้สึกเหมือนมีคนมายืนด้านหลัง มีเสียงหมาหอนดังขึ้นตามมาอีก น้ำผึ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำใจแล้วค่อยๆ หันไปดู
ในมุมมืดตรงหน้า ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น พูดด้วยเสียงต่ำๆ ยานคางฟังดูน่ากลัว
“ต...า...ย”
น้ำผึ้งตกใจผงะถอยไปชิดกำแพง
“ต...า...ย”
ผีพุ่งเข้ามาทางน้ำผึ้งอย่างรวดเร็ว น้ำผึ้งผวา มือคว้าผ้าปูโต๊ะผืนใหญ่แถวนั้นปาใส่ผีชุดขาว
“อย่าเข้ามานะ”
อ้อยร้องกรี๊ด “แอร๊ย”
น้ำผึ้งชะงักไป สะดุดหูกับเสียงกรี๊ด เริ่มรู้แล้วว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล
อ้อยโดนผ้าคลุมหัวจนมองไม่เห็น น้ำผึ้งได้จังหวะจะหนี อ้อยยื่นมือควานคว้าหาน้ำผึ้งมั่วไปหมด ก่อนจนจับเสื้อได้
“จ ะ ไ ป ไ ห น”
“ช่วยด้วย”
น้ำผึ้งสะบัดผีออกโดยการผลักสุดแรง จนผีล้มกลิ้งไปกับพื้น ผีอ้อยไม่ยอมแพ้ดึงขาไว้ แต่ถูกน้ำผึ้งถีบเอา จนน้ำผึ้งล้มตามไปด้วย
น้ำผึ้งประคองตัวขึ้นมาได้ก่อน อ้อยยังตามมาดึงต่อ แต่น้ำผึ้งไม่ยอม เกิดการยื้อยุดไปมา จนน้ำผึ้งเหมือนจะคว้าอะไรติดมือมาได้ แล้วควานหาโทรศัพท์ที่ตกเอามาฉายไฟได้อีกครั้ง
อ้อยตกใจกลัวน้ำผึ้งเห็นว่าเป็นใคร รีบลุกวิ่งหนีไปโดยเร็ว
น้ำผึ้งฉายไฟจากโทรศัพท์ไปทั่ว เจอวิกผมที่มือตัวเองก็อึ้งไป
“นี่มัน…”
อีกฟาก หอมนั่งจุดธูปกำเบ้อเร่อ ควันเข้าตาจนน้ำหูน้ำตาไหล ไอค่อกแค่กอยู่ข้างบ้าน นันท์นั่งอยู่ด้วย มือข้างหนึ่งถือไอแพดที่ต่อเข้ากับลำโพง ส่วนอีกมือเอาผ้าอุดจมูก บ่นหอมใหญ่
“พี่หอม ดับธูปก่อน นันท์แสบตาหมดแล้ว”
“จะดับยังไงคุณนันท์ พี่หอมแสบตามองอะไรไม่เห็นแล้วเนี่ย”
“นันท์ก็กดเสียงในไอแพดไม่ถูกเหมือนกัน ดูดิ”
นันท์กดเสียงผิดๆ ถูกจนกลายเป็นเสียงอะไรก็ไม่รู้
“หมาหอนหรือหมาหอบก็ไม่รู้แล้วครับคุณนันท์” หอมขยี้ตา “โอย แสบ”
สักพักอ้อยก็วิ่งถกชุดกระโปรงรุ่มร่ามตรงมาหาพวกหอม แต่วิกที่อ้อยใส่หายไปแล้ว
นันท์มองไปแล้วเห็นสภาพอ้อยก็หลุดขำ อ้อยรีบร้อนดึงแขนหอมให้ลุก
“อีพี่หอม! ลุก รีบลุกเร็ว”
“นังอ้อย อะไรวะ มาถึงก็จะให้ลุก แล้ววิกเอ็งหายไปไหน”
“ไม่รู้ ลุกก่อน รีบกลับเข้าบ้าน เดี๋ยวยัยครูนั่นก็ตามมาหรอก”
“มีอะไร อธิบายก่อน”
“ไม่มีเวลาแล้ว ไปซี่”
นันท์ตกใจ “พี่อ้อยทำแผนแตกเหรอ”
“ยังไม่แตกค่ะ แต่มันอยู่ไม่ได้แล้ว เข้าบ้านก่อน”
อ้อยรีบดึงนันท์ให้ลุกขึ้น ช่วยโกยอุปกรณ์หลอกผีขึ้นมา
“อ้าว แล้วไอ้ธูปนี่เล่า”
“ก็รีบดับแล้วตามมาสิยะ ทิ้งไว้เดี๋ยวก็ไหม้บ้าน”
อ้อยลากนันท์เข้าบ้านไป หอมเหวอ รีบดับธูปเป็นการด่วน
สามคนเดินกลับเข้ามาในบ้าน ทั้งบ้านยังมืดสนิทเพราะหอมยังไม่ได้ไปสับคัตเอาท์ไฟขึ้น
อ้อยบ่นอุบ “พี่หอม ทำไฟดับประสาอะไรของพี่เนี่ย ทำไมมันมืดไปหมดงี้”
“อ้าว ก็แกบอกให้เอาคัตเอาท์ลงมันจะได้สมจริงไงนังอ้อย แล้วจะมาบ่นอะไรวะ”
“พี่อ้อย พี่หอม อย่าเถียงกัน นันท์มองไม่เห็น”
“ไม่รู้ล่ะ ไปทำไงก็ได้ให้ไฟมันติดก่อน คราวหลังไม่เอาแล้ว มืดก็มืด ร้อนก็ร้อน”
อ้อยกับหอมเลิกเถียงกัน ช่วยๆ กันคลำทางไป
จังหวะนี้มีเงาคนเดินผ่านหลังทั้งสามคนไป
นันท์รู้สึกได้หันมาดู แต่ถูกอ้อยดึงให้เดินขึ้นบันไดไปก่อน
หอมเดินนำไปตามทางเดินในบ้าน จนมาถึงอีกมุมหนึ่ง อ้อยมองไปรอบๆ ระวังตัวแจ
“อีพี่หอม ไหนล่ะคัทเอาต์แกน่ะ วันนี้จะเจอไหม”
“จะรีบไปไหนเล่า นี่มองก็มองไม่เห็น ไฟเฟยอะไรก็ไม่ได้เอามาซักอย่างนันท์ดึงเสื้ออ้อย เริ่มงอแง”
“พี่อ้อย นันท์กลัว”
“โธ่ คุณนันท์ขา อย่าเพิ่งขวัญเสียสิคะ”
“แต่พี่อ้อย นันท์…”
“อะไรอีกละคะคุณนันท์”
นันท์ยืนตัวแข็ง เหมือนกลัวอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้าพูดออกมา เอาแต่ส่ายหัวอย่างเดียว อ้อยไม่สนใจ สามคนพากันเดินไปต่อ
สักพักอ้อยก็ชะงักได้ยินเสียงแปลกๆ จึงบอกออกมาว่า
“ทุกคน หยุดก่อน”
หอมหงุดหงิด “อะไรอีกวะ”
“ได้ยินเสียงอะไรไหม”
นันท์กลัว ขยับเข้าไปเกาะอ้อยแจ
“เสียงอะไร” หอมมองหาจนทั่ว
“เสียงคนเดิน”
“คิดมาก ก็เสียงพวกเราเนี่ย จะเสียงใคร”
อ้อยเริ่มไม่แน่ใจ “แต่ฉัน ฉันได้ยินจริงๆ นะ เรามีสาม แต่มันเหมือนมีคนตามมาอีกอ้ะ”
นันท์เริ่มหน้าเสีย พูดเสียงสั่นๆ เหมือนจะร้องไห้
“ฮือ พี่อ้อย นันท์กลัว”
“คุณนันท์อย่าเพิ่งตกใจสิคะ อาจจะเป็นใครมาหลอกเราอีกก็ได้”
“เฮ้ย ไม่มีมั้ง นอกจากเราใครจะคิดเล่นพิเรนทร์อีก”
หอมพูดจบก็เหมือนมีเงาพาดผ่านไปทางด้านหลังอีก ทั้งสามคนรู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมา หันไปดูพร้อมๆ กันช้าๆ
“ใครน่ะ” อ้อยตะโกนถาม
หอมเริ่มลน “อะไรวะนังอ้อย อะไรวะ”
“พี่อ้อย…นันท์จะกลับห้อง นันท์จะกลับ” เด็กชายกลัวเริ่มเบะปากจะร้องไห้
“คุณนันท์ ฮึบไว้ค่ะ ฮึบ อย่าเพิ่งเบะ”
นันท์ร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว หอมผวากลัวเลิ่กลั่กอยู่ไม่สุข อ้อยชักจะประสาทเสีย
“นี่ ทุกคน อย่าเพิ่งสติแตกได้ไหม มันไม่มีอะไรทั้งนั้น”
ยังไม่ทันขาดคำ มีเสียงผู้หญิงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมา อ้อยชะงักไปช้าๆ
หอมถามเสียงสั่น “เสียงอะไรอีกวะ”
สามคนหันหลังชนกัน มองไปรอบๆ ตัว เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเรื่อย
อ้อยถามทั้งที่กลัวจับจิต “ใครอ้ะ อย่าให้รู้นะว่าแกล้ง แม่จะเอาเรื่องจริงด้วย”
ทั้งสามคนมองไปในมุมมืด แล้วเห็นอะไรบางอย่างในความมืดเบื้องหน้า
“นั่นใคร” หอมถามออกไป
อ้อยเพ่งมอง “ไหน”
เงาที่เห็นเริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ หอมดึงอ้อยกับนันท์ถอยหลังมาพลางชี้มือออกไป
“นั่น”
“อีพี่หอม”
“อะไรอีก”
อ้อยเสียงสั่น “กลับ”
“อะไร” หอมชักกลัว
“ฉันว่าไม่ใช่ละ”
ผู้หญิงผมยาวคนนั้นลอยเข้ามาใกล้ขึ้นอีก หอมชักจะก้าวไม่ออก
“ไม่ใช่อะไร”
อ้อยหน้าเบ้เหมือนจะร้องไห้ตามนันท์ เสียงก็เริ่มสั่น
“แกไม่เห็นเหรอ นางไม่ได้เดินมา…นางลอยมา”
“ก็แสดงว่า…”
อ้อยกรี๊ด “แอร๊ย”
นันท์แหกปากร้องไห้โฮ
หอมคว้าตัวนันท์ขึ้นอุ้มแล้ววิ่งกระเจิดกระเจิงไปคนละทางกับอ้อย
อ่านต่อหน้า 2
มนต์รักอสูร ตอนที่ 8 (ต่อ)
ที่แท้น้ำผึ้งอยู่บนสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าชนิดไม่มีที่จับ ใส่วิกผมยาวโดยเอาผมมาปรกหน้าเหมือนผีพอสามคนลับตาไป น้ำผึ้งลงมาเดินรีบดึงวิกออก แล้วหัวเราะคิกคักสะใจ
“คิดจะแกล้งกันก่อน มันก็ต้องโดนแบบนี้แหละ คุณนันท์”
น้ำผึ้งยิ้ม อารมณ์ดีขึ้นจะกลับไปนอน แต่พอหันไปก็ต้องตกใจ
“ทำอะไรของเธอ”
น้ำผึ้งเจอเทิดยืนจ้องมองมาท่าทางโกรธจัด
“คุณเทิด”
เทิดลากน้ำผึ้งมาอีกมุมหนึ่งในบ้าน บีบแขนจนน้ำผึ้งเจ็บไปหมด น้ำผึ้งสะบัดออกเทิดมองเข่นเขี้ยวโกรธจัด
“นี่เล่นไร้สาระอะไรของเธออีก บอกมาซิ”
เทิดมองน้ำผึ้งที่ใส่ชุดหลอกผี หัวจรดเท้า
“คือ…คือว่าฉัน…”
เทิดตะคอกคาดคั้น “พูดมาสิว่าทำอะไร”
“ฉัน ฉันไม่รู้”
เทิดไม่เชื่อ “ไม่รู้ หึ นี่ถามจริงเถอะ เธอคิดจะก่อเรื่องอะไรตั้งแต่คืนแรกที่เข้ามาอยู่ที่นี่”
“ฉันไม่ได้คิดจะก่อเรื่องนะคะ”
“ไอ้หน้าแบบนี้ วิกแบบนี้มันคืออะไร”
น้ำผึ้งเงียบกริบ ไม่กล้าบอก
“คิดว่าที่นี่เป็นอะไร สวนสนุกงั้นเหรอ ที่พอได้สิทธิ์เข้ามาอยู่ก็จะทำอะไรตามใจก็ได้ ถ้าเอาแต่ใจมากนักเธอก็กลับบ้านเธอไป”
“ไม่ใช่นะคะ”
“ไม่ใช่แล้วทำทำไม”
เทิดบันดาลโทสะ ถลันเข้าไปบีบไหล่น้ำผึ้ง พยายามคาดคั้นให้พูด
“มันมีที่มาที่ไป แต่…ฉันพูดไม่ได้”
“ทำไมพูดไม่ได้”
น้ำผึ้งยิ่งพูดไม่ออก เพราะถ้าหากบอกไปว่านันท์แกล้งตัวเองอีก นันท์ต้องถูกลงโทษ
“ฉันขอไม่อธิบายค่ะ แต่ฉันจะขอโทษที่ทำให้เหตุการณ์มันวุ่นวาย แล้วฉันก็จะไม่ทำอีก”
“เธอคิดว่าฉันเป็นคนดีขนาดไหน แล้วเธอคิดว่าฉันต้องรู้สึกอะไรที่กลับมาเห็นทุกคนเล่นพิลึกอะไรไม่ทราบในบ้านตัวเอง พอจะถามใครก็ไม่มีคนพูด ว่าไง”
“ฉันไม่มีอะไรจะให้นอกจากคำขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันขอโทษ”
น้ำผึ้งเอาแต่ก้มหน้า จนเทิดชักโมโห แต่ดูท่าแล้วยังไงน้ำผึ้งก็จะไม่ยอมพูดอย่างอื่น
“จะไม่อธิบายจริงๆ ใช่ไหม”
“ค่ะ”
เทิดปล่อยตัวน้ำผึ้ง แล้วชี้หน้าคาดโทษไว้
“ได้ ฉันจะปล่อยเธอไป แต่ฉันจะบอกเธอไว้ ว่าความอดทนฉันจำกัด แล้วมันก็ใกล้จะหมดความอดทนแล้ว คราวหน้าถ้าเธอทำเรื่องอะไรอีก ฉันจะไม่สนคำพูดใครทั้งนั้น เธอก็เชิญเก็บข้าวของแล้วออกไปได้เลย”
เทิดพูดด้วยท่าทีอันเย็นชา ก่อนจะเดินออกไป น้ำผึ้งกลุ้มใจ
น้ำผึ้งกลับเข้าห้องทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดแรง บ่นพึมพำกับตัวเอง
“อดทนนะน้ำผึ้ง แกจะผ่านมันไปได้ อดทนเพื่อพ่อแม่รู้ไหม”
น้ำผึ้งหลับตาลงอย่างอ่อนล้า พยายามทำใจให้สงบลงให้ได้
เช้าวันใหม่ อ้อยพานันท์ออกมาเดินเล่นหน้าบ้าน นันท์ดูหงุดหงิดตั้งแต่เรื่องแผนหลอกผีที่ผิดพลาดเมื่อคืนก่อน
“เป็นอะไรคะคุณนันท์ อารมณ์ไม่ดีเหรอ”
นันท์ยังคงเดินวนไปวนมา ใช้ความคิดอย่างหนัก
“อื้อ ไม่ดี”
“เรื่องอะไรคะ เรื่องยัยครูน้ำผึ้งวันก่อนรึเปล่า”
“ใช่ นันท์ไม่ชอบเลยพี่อ้อย”
“ก็ต้องไม่ชอบล่ะค่ะ แทนที่จะหลอกเขา กลายเป็นเขาหลอกแทน”
“นันท์จะทำไงดีพี่อ้อย นันท์ไม่ชอบครูน้ำผึ้ง นันท์ไม่อยากให้ครูน้ำผึ้งอยู่ที่นี่”
อ้อยทำท่าครุ่นคิด
“พี่อ้อยว่า แค่แกล้งแบบคราวก่อนๆ มันคงไม่ได้ผลแล้วล่ะค่ะ ทำอะไรไปก็โดนจับได้หมด”
“งั้นแสดงว่าต้องแรงกว่านี้งั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ ต้องเอาให้นายโมโห ทนไม่ได้แล้วก็ไล่ออกไปเลย”
นันท์คิดตาม
“มันต้องวิธีไหนล่ะพี่อ้อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่อ้อยจัดการเอง”
อ้อยยิ้มร้าย คิดแผนชั่วกำจัดน้ำผึ้งในหัวไว้แล้ว
เช้าวันนี้ วันกับกานดา เฟสไทม์หาน้ำผึ้งจากห้องพักคอนโดของฟ้าใสในกรุงเทพฯ
“แม่คะ เป็นไงบ้าง นอนหลับสบายไหม”
“สบายสิ หนูฟ้าแกก็ให้คนจัดห้องหับอะไรไว้อย่างดี ดูพ่อสิ แกจะชอบนะ” พลางกานดาถ่ายไปทางวันที่นั่งสบายๆ อยู่บนโซฟา
“ดีจังเลยค่ะ แล้วแม่จะพาพ่อไปตรวจวันไหนคะ”
“ช่วงบ่ายนี่ละ นัดหมอไว้ เดี๋ยวผลเป็นยังไงแม่จะบอกอีกทีนะ”
“ได้ค่ะ ผึ้งไปทำงานก่อนนะคะแม่ แล้วผึ้งจะโทร.มาหาอีก”
“โทร.มานะ ไอ้เฟสๆ อะไรนี่แม่ไม่ค่อยถนัดเลย”
น้ำผึ้งขำ “ได้ค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
กานดาวางสายไป น้ำผึ้งโล่งใจที่เห็นพ่อแม่สบายดี
น้ำผึ้งออกจากห้องพักลงมายังห้องรับแขก มองหาคนในบ้านเทิดว่ามีใครอยู่ไหม ชมพู่ออกมาจากครัวพอดีเห็นเข้าเลยทักถาม
“ครูน้ำผึ้งมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
น้ำผึ้งหันมา
“น้าชมพู่”
“ครูหาของอยู่เหรอคะ ให้น้าช่วยไหม”
“ดีเลยจ้ะ คือฉันเพิ่งคิดได้น่ะค่ะ ว่าถ้าจะสอนคุณนันท์เนี่ย ต้องเรียนรู้คุณนันท์ก่อน ว่าคุณชอบเรียนอะไร ไม่ชอบอะไร ถ้ามีข้อมูลพวกผลการเรียนคุณนันท์ก็น่าจะดี”
“จริงของครูนะคะ”
“แล้วน้าชมพู่รู้ไหมว่าฉันจะได้ข้อมูลพวกนี้จากที่ไหน”
ชมพู่นิ่งคิด “คนที่รู้ก็น่าจะมีคนเดียวคือคุณเทิดนะคะครู”
น้ำผึ้งหน้าเสียไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อเทิด
“แสดงว่าฉันต้องไปถามเขา”
“ประมาณนั้นค่ะ แต่น้าว่าแค่ดูสมุดพกคุณนันท์ก็น่าจะโอเคนะคะ”
“แล้วน้าชมพู่รู้ไหมจ๊ะว่าพวกสมุดพกคุณนันท์อยู่ที่ไหน”
“น้าไม่รู้หรอกค่ะ คุณครูต้องลองถามไอ้หอมดูนะคะ หรือไม่ก็อยู่ห้องนาย นายน่าจะเก็บไว้
น้ำผึ้งพยักหน้ารับจ๋อยๆ ชมพู่ยิ้มให้กำลังใจ อ้อยหลบมุมแอบฟังสองคนคุยกันตั้งแต่แรก
พอน้ำผึ้งเดินออกจากห้องรับแขก เห็นอ้อยเดินมาหาก็แปลกใจ
“ครูน้ำผึ้ง”
“อ้าว อ้อย”
“นี่ครูคะ อย่าหาแอบฟังเลยนะคะ แต่ว่า…ครูหาสมุดพกคุณนันท์อยู่เหรอคะ”
“อ้อ จ้ะ อ้อยรู้เหรอว่ามันอยู่ที่ไหน”
“รู้ค่า แต่ว่า มันมีปัญหาอยู่นิดหน่อยสิคะ”
น้ำผึ้งสงสัย
“ปัญหาอะไรเหรอ”
“ก็อย่างที่ชมพู่มันว่าล่ะค่ะ สมุดพกคุณนันท์น่ะอยู่ในห้องคุณเทิด”
“ห้องคุณเทิด”
“ใช่ค่ะ แต่ว่าอ้อยไม่รู้มันอยู่ตรงไหน ถ้าครูอยากได้ครูก็ต้องลองเข้าไปหาเอง”
“ในห้องคุณเทิดน่ะเหรอ”
“ใช่สิคะ แหม จริงๆ ก็อ้อยก็อยากไปหยิบให้หรอกนะคะ แต่ว่าอ้อยไม่ว่างน่ะสิ”
น้ำผึ้งกังวล “ได้ งั้นฉันจะลองไปดู ขอบใจอ้อยมากนะ”
“ค่า…”
น้ำผึ้งเดินจากไป อ้อยมองตามยิ้มร้ายสมใจ
ขณะที่พรเตรียมกับข้าวอยู่ในครัว ชมพู่เดินเข้ามา
“ทำอะไรอยู่จ๊ะป้า”
“เตรียมข้าวเย็นน่ะ แกมาก็ดี มาช่วยฉันหน่อย”
“จ้าๆ ฉันช่วย”
“เออ เอาผักไปหั่นหน่อยตรงนั้น”
ชมพู่เดินเอาผักไปล้างตรงซิงค์ แล้วชวนพรคุย
“นี่ป้า เมื่อกี้ฉันเจอครูน้ำผึ้งด้วย แกหาสมุดพกคุณนันท์อยู่”
“สมุดพก เอาไปทำอะไร”
“ครูเขาบอกว่า ถ้ารู้ว่าคุณนันท์ถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไร จะได้สอนได้ถูก”
“ก็ดีนี่นา”
“ดีสิป้า ฉันว่าครูคนนี้น่ะไม่เหมือนคนอื่นที่เคยเจอนะ ดูตั้งใจแล้วก็อยากจะสอนจริงๆ แต่ฉันก็ไม่รู้เลยว่าจะไหวสักแค่ไหน คุณนันท์แกก็ร้ายเอาเรื่อง”
พรติง “นินทาเจ้านายนะแกน่ะ ระวังนายรู้เข้าจะโดน”
“โอ๊ยป้า ก็บ้านมีแค่นี้ ไม่ให้พูดถึงนายจะพูดถึงใคร บ้านมันก็อยู่แบบเดิมมาตั้งนานแล้ว ที่เปลี่ยนก็มีแต่เรื่องครูน้ำผึ้งเข้ามาอยู่บ้านเนี่ย”
“จริงของแก” พรว่า
“ฉันก็ภาวนานะป้า ว่าการมาของครูน้ำผึ้งมันจะทำอะไรให้ที่บ้านดีขึ้นได้ ขออย่าให้เพิ่งมีเรื่องร้ายแรงอะไรเล้ย”
ชมพู่ยกมือขึ้นไหว้เหนือหัว พรเองก็มีสีหน้าเป็นกังวล
ฝ่ายน้ำผึ้งยืนลังเลอยู่หน้าห้องเทิด กล้าๆ กลัวๆ ที่จะเข้าไป
“เป็นไงเป็นกัน ได้ข้อมูลคุณนันท์มาแล้วค่อยว่ากัน”
น้ำผึ้งมองซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น จึงบิดลูกบิดและพบว่าประตูห้องเทิดไม่ล็อคเลยเปิดเดินเข้าไป
อ่านต่อหน้า 3
มนต์รักอสูร ตอนที่ 8 (ต่อ)
ขณะที่นันท์นั่งเล่นเกมมือถืออยู่ที่ห้องนั่งเล่น กับหอม และ อ้อย เทิดกลับมาถึงบ้านเดินเข้ามาในนั้นพร้อมผัน นันท์เห็นก็หยุดเล่น เทิดมองไปไม่เจอน้ำผึ้งเลยถามหา
“คุณนันท์ ทำอะไร ทำไมยังไม่ได้เรียนหนังสืออีก”
นันท์ทำเป็นพูดนิ่งๆ
“ก็ครูเขาไม่อยู่ นันท์ก็ไม่ได้เรียนไงฮะ”
เทิดแปลกใจหันไปทางสองพี่เลี้ยงลูกชาย “แล้วครูหายไปไหน หอม อ้อย”
หอมส่ายหัวดิก ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยจริงๆ อ้อยเอ่ยขึ้นว่า
“อ้อยว่าอ้อยรู้นะคะ”
เทิดแปลกใจ ผันมองหน้าลูกสาว รู้สึกว่ามีอะไรทะแม่งๆ แปลกๆ
ทางฝ่ายน้ำผึ้งเดินเข้าห้องเทิด ค้นหาสมุดพกของนันท์ตามจุดที่คิดว่าเทิดจะเก็บไว้ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ไม่รู้เทิดเอาไว้ไหน สักพักน้ำผึ้งก็เหมือนเห็นอะไรตกอยู่ พอเดินไปดูก็เจอสร้อยทองหล่นอยู่ที่พื้น
“ของใครเนี่ย”
น้ำผึ้งหยิบขึ้นมาดู จะวางบนโต๊ะให้ เสียงคนเปิดประตูเข้ามา น้ำผึ้งหันไปมองทันที เทิดเข้ามายืนมองหน้าตาดุดันเอาเรื่อง น้ำผึ้งตกใจหน้าซีด
“จะทำอะไร”
น้ำผึ้งหันมามองอย่างตกใจ ในมือยังถือสร้อยอยู่ เทิดโมโหสุดขีดตะคอกดังลั่น
“ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง”
เทิดจ้องหน้าน้ำผึ้งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ฉัน…”
เทิดกระชากแขนน้ำผึ้งสุดแรง
“เธอเข้ามาในห้องของฉันทำไม”
“ฉัน…ฉันแค่จะมาหาสมุดพกคุณนันท์”
“โกหก ถ้าไม่ได้ทำอะไร งั้นมานี่”
เทิดลากน้ำผึ้งออกจากห้องอย่างรุนแรง ทำเอาน้ำผึ้งตกใจมาก
เทิดลากน้ำผึ้งลงมายังห้องโถงกลางบ้าน ผลักน้ำผึ้งจนเซเกือบล้ม สีหน้าเทิดตอนนี้ถมึงทึงโกรธสุดขีด
“ทำอะไรของคุณเนี่ย” น้ำผึ้งชักโกรธ
“ฉันสิต้องถามว่าเธอทำอะไร”
น้ำผึ้งงง “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย คุณจะมากล่าวหาฉันได้ยังไง”
“กล่าวหาเหรอ หลักฐานคามือเธออยู่แท้ๆ ฉันจะให้โอกาส ถ้าเธอสารภาพมาดีๆ ฉันจะไม่ทำอะไร แต่ถ้าไม่ เธอจะต้องโดนเอาเรื่องจนถึงที่สุด”
“มาถึงก็ด่าเอาปาวๆ แล้วก็พูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
“ไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม” เทิดหันไปเรียกอ้อย “อ้อย เข้ามา”
น้ำผึ้งมองไปที่ประตู เห็น อ้อย หอม และนันท์เดินเข้ามา โดยอ้อยหิ้วกระเป๋าน้ำผึ้งเข้ามา
“ดูนี่นะคะ”
อ้อยจัดการเทกระเป๋าน้ำผึ้งจนข้าวของหล่นออกมาหมด ปรากฏว่ามีของมีค่าอื่นๆ อยู่ในนั้นด้วย เทิดเดินไปคว้าสร้อยทองขึ้นมา
“งั้นตอบฉันมา ว่านี่มันอะไร”
น้ำผึ้งมองของในกระเป๋า แล้วอึ้งหนัก นิ่งงันไปเลย
ฝ่ายฟ้าใสมาหาภูฤทธิ์ที่ไร่อีกรอบเพื่อคุยเรื่องงานแต่งลูกค้าร้านเวดดิ้งที่เธอรับเป็นออร์แกไนเซอร์ ภูฤทธิ์พาเดินสำรวจมุมสวนสวยดอกไม้งามรอบๆ ไร่
“มุมนี้ก็สวยดีนะคะ น่าเอาไว้ใช้จัดงาน”
“ผมเห็นด้วยนะ เวลาถ่ายรูปถ้าเห็นลานกว้างๆ น่าจะบรรยากาศดี”
“งั้นฟ้าใช้ตรงนี้ได้ใช่ไหมคะ”
“ได้สิครับ ก็คุณฟ้าจองสถานที่แล้ว ผมในฐานะเจ้าของไร่ก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด”
ภูฤทธิ์ยิ้มหวานมาให้ ฟ้าใสเขิน
“ไว้วันไหนคุณฟ้าจะเข้ามาจัดสถานที่บอกผมเลย ผมจะให้เด็กเคลียร์พื้นที่ให้”
“ได้ค่ะ ไว้ฟ้าจะแจ้งอีกทีนะ คงต้องรอไปถามลูกค้าก่อน”
ภูฤทธิ์พยักหน้ารับรู้ แล้วก็เงียบไปสักพัก เหมือนมีเรื่องบางอย่างจะถามฟ้าใส
“คุณภูจะถามอะไรฟ้าเพิ่มรึเปล่าคะ”
“เอ่อ…ครับ แต่ว่าไม่ใช่เรื่องงานหรอก”
“เรื่องอะไรคะ”
“เรื่อง…คุณน้ำผึ้งน่ะครับ”
ฟ้าใสหน้าเศร้าไปชั่วขณะ แต่รีบฝืนยิ้มกลบเหมือนไม่มีอะไร
“ค่ะ คุณภูจะถามเรื่องอะไรคะ”
“คือคุณฟ้าได้คุยกับคุณน้ำผึ้งอีกไหมครับ ว่าตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไร่คุณเทิดแล้ว เป็นยังไงบ้าง”
“ก็คุยค่ะ แต่น้ำผึ้งไม่ได้เล่าว่าอยู่ที่ไร่เป็นยังไง ครั้งล่าสุดก็ถามแค่เรื่องพ่อกับแม่เขา ฟ้าก็ให้กำลังใจไป ไม่รู้ว่าจะเป็นไงเหมือนกัน”
“ดีครับ ผมก็หวังว่าคุณน้ำผึ้งจะอยู่ได้ แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“ฟ้าก็...คิดแบบคุณภูค่ะ”
ภูฤทธิ์ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วชวนฟ้าใสเดินดูรอบๆ คุยงานต่อ
ทางฝ่ายน้ำผึ้งมองสร้อยของเทิด ด้วยสีหน้าตะลึงตะไลอยู่อย่างนั้น
“ฉัน…ฉันไม่รู้เรื่องนะ”
“แล้วนี่มันอะไร”
น้ำผึ้งพูดไม่ออก ไม่รู้จะทำยังไง
“ถ้าไม่จับได้คาหนังคาเขาเธอคงไม่พูดอะไรสินะ”
“จะให้ฉันพูดอะไร ก็บอกแล้วว่าฉันไม่รู้เรื่อง”
“หยุดตีหน้าซื่อหน้าซื่อได้แล้ว ฉันจ้างเธอมาเป็นครู ไม่คิดเลยว่าจะพาโจรเข้าบ้าน”
“คุณเทิด คุณต้องฟังฉันนะ”
“จะฟังอะไรอีก”
อ้อยพูดสอดขึ้นมาว่า
“ฉันเห็นครูมาถามเรื่องสมุดพก คิดว่าครูจะตั้งใจสอน ไม่นึกเลยนะคะว่าครูจะทำตัวแบบนี้”
น้ำผึ้งยิ่งงงว่าอ้อยพูดอะไรอย่างนี้
“ฉันทำอะไร อ้อย”
อ้อยฟ้องเทิดใส่ร้ายน้ำผึ้งอีก “นายคะ จริงๆ อ้อนก็แอบเห็นครูน้ำผึ้งเขาชอบไปป้วนเปี้ยนแถวห้องนายอยู่หลายทีแล้วค่ะ แต่อ้อยไม่ได้พูดอะไร แล้ววันนี้อ้อยก็เห็นอีก อ้อยขอโทษค่ะนายที่ไม่บอกให้เร็วกว่านี้”
น้ำผึ้งอึ้งไปเลย มองอ้อยอย่างคาดไม่ถึง
“อ้อย นี่เธอ…แกล้งฉันเหรอ”
“อ้อยจะแกล้งอะไรครูคะ ก็วันนี้ของมีค่าในบ้านมันหาย อ้อยก็แค่พูดตามที่เห็น”
น้ำผึ้งเจ็บใจ จะเถียงก็เถียงไม่ออก
“ว่าไง มีอะไรจะแก้ตัวอีกไหม”
“ไม่มี แต่ฉันก็สาบานได้ ว่าฉันไม่คิดจะเป็นขโมย”
“ดีแล้วที่ไม่คิด เพราะถ้าเธอคิด ของฉันคงหายหมดบ้านตั้งแต่วันแรก”
น้ำผึ้งสุดทน ด่าว่าออกไป “คุณจะคิดอะไรก็เรื่องของคุณ ฉันก็พูดได้แค่นี้ คุณเองก็ปักใจเชื่อไปแล้วโดยที่ไม่คิดจะพิสูจน์อะไร คนหูหนวกตาบอดยังรับรู้อะไรได้ดีกว่าคุณด้วยซ้ำ”
“หยุดพูดนะน้ำผึ้ง”
“ไม่หยุด ฉันก็จะสู้เพื่อตัวเอง เพื่อสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำ”
“เชิญเธอสู้ไปคนเดียวเถอะ เพราะยังไงฉันจะไม่ให้โอกาสเธอแก้ตัวอีกแล้ว”
น้ำผึ้งชะงัก “หมายความว่ายังไงคะ”
“เก็บข้าวของของเธอแล้วออกไปจากที่นี่ซะ ฉันไล่เธอออก”
น้ำผึ้งตะลึงตะไลกับสิ่งที่ได้ยิน เทิดเดินหนีไปเลยโดยไม่พูดอะไรอีก
นันท์ หอม พร และชมพู่ นั่งฟังอ้อยเล่าเรื่องน้ำผึ้ง
“ไหนแกเล่ามาซิอ้อยว่าเรื่องมันเป็นไงมาไง” ชมพู่ซัก
“ก็จะเป็นไงเล่า ฉันว่าแล้วน่ะสิ ว่ายัยครูน้ำผึ้งเนี่ยไม่ใช่คนดีอะไร นอกจากคิดจะมาจับนายทำผัวแล้ว ยังเป็นขี้ขโมยอีก”
“แกก็พูดเกินไปอ้อย อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้” ชมพู่บอก
หอมเสริมด้วยสีหน้าหมั่นไส้ “แกซะมากกว่าที่อยากจับนาย ฉันไม่เห็นครูน้ำผึ้งมีทีท่าจะชอบนายเลย เจอกันที่ไรแง่งๆใส่กันทุกที”
นันท์ฟังที่หอมพูดแล้วหันไปมองอ้อยอย่างไม่พอใจ อ้อยรีบเบี่ยงเบนความสนใจ
“มันกลบเกลื่อนแกล้งทำน่ะสิ ทั้งที่ใจจริงอยากได้นายจนตัวสั่น เนี่ยคงจับนายไม่ได้ตามเวลาที่ตั้งเป้าไว้ เลยต้องเปลี่ยนมาขโมยของแทน”
“แกก็แต่งเรื่องไปได้เนอะอ้อย” ชมพู่แขวะ
“สันดารโจร ยังไงก็เป็นโจร คอยดูกันเถอะว่าจะเป็นไปตามที่ฉันพูดไหม ถ้าไม่จับได้วันนี้นะ อีกหน่อยมันก็พาพวกมาขนไปจนหมดบ้าน”
ชมพู่กับหอมส่ายหัวไม่เชื่อเลย นันท์ฟังอยู่ คิดตาม
พรฟังอยู่เงียบๆ เหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ
อ่านต่อหน้า 4
มนต์รักอสูร ตอนที่ 8 (ต่อ)
น้ำผึ้งเดินมาหยุดยืนเครียดหนักถูกเทิดไล่ออก แถมยังต้องหาเงินมาคืนอีก แต่เงินก้อนนั้นนำไปใช้รักษาตาให้พ่อหมดแล้ว น้ำผึ้งปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมา ทำใจเข็มแข็ง ไม่ยอมแพ้
ผันเดินมาหาหน้าเครียด แต่ไม่เห็นน้ำผึ้งร้องไห้
“น้ำผึ้งเกิดอะไรขึ้น”
“น้าผัน”
“เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้”
น้ำผึ้งหน้าเศร้าลง
“คุณเทิดไล่น้ำผึ้งออกแล้วล่ะค่ะ”
ผันตกใจ “อะไรกัน ถึงขั้นต้องไล่ออกเลยเรอะ”
น้ำผึ้งพยักหน้า ค่อยๆเล่าออกมา
“เขาคิดว่าผึ้งขโมยของ ก็เลยให้ออกแล้วให้น้ำผึ้งเอาเงินมาคืนค่ะ”
ผันถึงกับเครียดตาม
“ทำไมนายถึงทำแบบนั้น นี่มันอะไรกัน”
“ผึ้งแค่อยากรู้ข้อมูลของคุณนันท์ ก็เลยถามอ้อยว่าสมุดพกคุณนันท์อยู่ที่ไหน แล้วผึ้งก็เลยต้องไปที่ห้องคุณเทิด แล้วก็อย่างที่เห็น”
ผันยิ่งอึ้งเข้าไปอีก
“อ้อย นังอ้อยอีกแล้วเรอะ”
“น้าผันอย่าโทษอ้อยนะคะ อ้อยอาจจะไม่ได้ทำก็ได้ มันเป็นความผิดของน้ำผึ้งที่แอบเข้าห้องของคุณเทิดไปโดยพลการ”
“โธ่ หนูน้ำผึ้ง ถึงอ้อยมันจะเป็นลูกน้าก็ไม่ได้หมายความว่ามันทำอะไรก็ไม่ผิดหรอกนะ”
“น้ำผึ้งรู้ค่ะ แต่จะโทษบ่าวก็ไม่ได้ ต้องโทษนายด้วย นายน้าผันเองก็เอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ เขายังไม่ทันได้ฟังคำอธิบายหรือพิสูจน์หลักฐานอะไรเลยด้วยซ้ำ”
“นายก็เป็นแบบนี้แหละ ผึ้งก็ต้องใจเย็น”
“มันไม่รู้จะเย็นอะไรแล้วค่ะ น้ำผึ้งแค่อยากอธิบายว่าไม่ได้คิดที่จะขโมยของเขาเลย แต่ทำไมคุณเทิดไม่มีเหตุผล พูดว่าน้ำผึ้งอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ฟังน้ำผึ้งอธิบายเลย”
“นายคงโกรธอยู่ ก็เลยไม่ได้ฟัง”
“เขาก็ไม่เคยฟังอะไรอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ น้ำผึ้งจะไปคุยกับคุณเทิดให้รู้เรื่อง น้ำผึ้งจะยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง”
ผันคิดหนัก ลองเสนอตัวช่วยน้ำผึ้ง
“ใจเย็นๆ ก่อนน้ำผึ้ง รอน้าอยู่ตรงนี้เดี๋ยวน้าจะไปคุยกับนายให้ก่อน”
“น้าผันคะ”
“เอาน่า ลองดูอีกซักที น้าจะช่วยคุยให้”
น้ำผึ้งพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
เทิดกลับเข้ามาห้องทำงาน ยังหงุดหงิดเรื่องน้ำผึ้งอยู่ไม่คลาบ สักพักผันจึงตามเข้ามาในนี้
“นายครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“มีอะไร”
ผันนั่งลงตรงหน้าเทิด ขอร้องเรื่องน้ำผึ้ง
“เรื่องครูน้ำผึ้ง”
เทิดฉุนกึก ได้ยินชื่อน้ำผึ้งก็ยิ่งไม่พอใจ เหน็บไปว่า
“คราวนี้จะมาแก้ตัวอะไรแทนยัยนั่นอีก”
“ไม่ได้จะแก้ตัวครับ แต่ผมขอร้องล่ะนาย ใจเย็นๆ ก่อน อย่าไล่ครูน้ำผึ้งออกไปเลย”
เทิดยัวะ “แกยังจะมาห้ามฉันไม่ให้ไล่ผู้หญิงคนนั้นไปอีกเหรอ”
“ผมไม่ได้ห้ามนะนาย แต่นายทำแบบนี้มันไม่ถูก นายยังไม่ทันได้พิสูจน์ถูกผิดอะไรกันเลย นายก็ไปไล่เขาออกทั้งๆ ที่เข้ามาไม่กี่วัน”
“แล้วมันจะต้องพิสูจน์อะไรอีก ยัยนั่นเข้ามาขโมยของถึงในห้องของฉัน แถมจับได้คาหนังคาเขา มันไม่พอรึไง”
เทิดไม่สนใจ ผันไม่ยอมแพ้
“โธ่นาย ผมก็บอกอยู่ว่าต้องหาหลักฐานกันมาก่อน กล้องวงจรปิดอะไรก็มี นายน่าจะไปดู”
“พอได้แล้วผัน แกน่ะพาโจรเข้าบ้านฉัน ดีนะที่ฉันรู้ทันซะก่อน ไงล่ะ ครูน้ำผึ้งแสนดีอย่างนั้น รักเด็กอย่างนื้ ไม่เห็นจะได้เรื่องตามที่แกบอกสักอย่าง แถมยังขี้ขโมยอีก ฉันไล่ออก คำไหนคำนั้น”
ผันยิ่งฟังก็ยิ่งเหนื่อยใจ
“นายก็เป็นซะแบบนี้ ฟังเหตุผลกันบ้างสินาย ที่ครูน้ำผึ้งต้องเข้าไปในห้องนอนนาย เพราะจะเข้าไปหาสมุดพกการเรียนของคุณนันท์ ครูน้ำผึ้งน่ะโดนคุณนันท์แกล้งทุกวัน นายไม่คิดบ้างเหรอว่านี่มันก็เป็นแผนของคุณนันท์อีก”
เทิดยัวะ “นี่แกจะโทษคุณนันท์ด้วยรึไง”
“ผมแค่สมมติ ถึงว่านายต้องลองพิสูจน์ไง”
“แกจะเอาอะไรรับประกันว่ามันจะไม่เป็นแบบที่ตัวเองคิด”
“ไอ้ผมมันก็ไม่มีอะไรจะเสีย มันก็ต้องใช้ตำแหน่งตัวเองนี่แหละนาย แต่ถือว่าขอแล้วกัน เชื่อน้ำผึ้งมันอีกสักครั้งเถอะ”
“หึ งั้นก็ระวังเถอะหัวแกอาจจะใกล้หลุดจากบ่าแล้วก็ได้”
เทิดด่าว่าผันที่กำลังคิดหนักเรื่องน้ำผึ้ง
พรกลับมาทำกับข้าวต่อ แต่ดูไม่เหมือนมีอะไรในใจ ชมพู่เห็นพรหน้าเครียดเลยไถ่ถาม
“ป้า เป็นอะไร เครียดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
พรคิดอยู่สักพักก่อนจะพูด
“ชมพู่ แกเคยมีเรื่องอะไรในใจอยากพูด แต่พูดไม่ได้ไหม”
“ก็มีนะ ทำไมเหรอ”
“ถ้ามันสำคัญกับอนาคตคนๆ นึง แกจะพูดไหม”
“มันก็ต้องดูว่าเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ได้ทำร้ายใคร ฉันก็จะพูด ป้ามีอะไรงั้นเหรอ”
พรมองหน้าชมพู่ ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
ส่วนน้ำผึ้งกลับเข้าห้องเก็บข้าวของใส่กระเป๋า เตรียมตัวจะไปจากบ้านนี้ เสียงข้อความไลน์ดังขึ้น น้ำผึ้งหยิบขึ้นมาดู เห็นกานดาส่งรูปวันตอนไปตรวจที่โรงพยาบาลมาให้ดู
“พ่อมาตรวจแล้วนะผึ้ง เดี๋ยวกลับไปแม่จะโทร.หา”
น้ำผึ้งมองภาพพ่อหน้าเศร้า รู้สึกผิดที่มาเกิดเรื่องแบบนี้ ตัดสินใจโทร.หาฟ้าใส
น้ำผึ้งคุยโทรศัพท์ระบายอารมณ์กับฟ้าใส ระหว่างที่เก็บข้าวของ
“เขาไม่สืบสวนหาความจริงซักนิด ตั้งหน้าตั้งตากล่าวหาว่าฉันเป็นหัวขโมย ถ้ารู้ว่านายจ้างฉันจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่มีเหตุผลขนาดนี้ ฉันจะไม่ไปทำงานกับเขาตั้งแต่แรก คิดแล้วโมโห ฉันเกลียดเขาที่สุด”
ฟ้าใสอยู่ที่ร้านเวดดิ้ง “ฉันเคยได้ยินว่าคุณเทิดทั้งดุทั้งอารมณ์ร้าย แต่ไม่คิดว่าเขาจะใจร้ายกับแกขนาดนี้ โชคดีแล้วนะน้ำผึ้งที่ไม่ต้องทำงานกับเขาอีก”
“แล้วนี่จะทำยังไงต่อไป มาทำงานกับฉันก่อนมั้ย”
น้ำผึ้งซาบซึ้งในน้ำใจเพื่อน
“ขอบคุณนะฟ้าใส แกดีกับฉันที่สุด แต่ฉันขอหางานด้วยตัวเองก่อนแล้วกัน ถึงจะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น แต่ฉันยังศรัทธาในอาชีพครูอยู่ ฉันยังอยากสอนหนังสือ”
“ฉันเข้าใจ ถ้ามีอะไรที่ฉันช่วยได้ ไม่ต้องเกรงใจฉันนะ ฉันจะรอแกอยู่นี่นะ”
“ได้ ฉันจะรีบไป”
น้ำผึ้งยิ้มออก รู้สึกดีขึ้น
ไม่นานต่อมาน้ำผึ้งหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกมาจากในบ้าน อ้อยกับหอมเดินตามออกมา อ้อยพูดจาเยาะเย้ยถากถางตามหลังน้ำผึ้งไป
“เป็นครูสอนหนังสือท่าทางจะรวยไม่ทันใจ เลยอัพเลเวลมาเป็นนางโจรขโมยของ แต่โชคร้ายที่โดนจับได้ซะก่อน ก็เลยต้องระเห็จออกจากบ้าน น่าสงสาร”
น้ำผึ้งหยุดกึก หันไปจ้องหน้าสู้สายตาอ้อย
“ฉันไม่ได้ขโมย”
“ยังมีหน้ามาปากแข็งอีก ถูกจับได้จนโดนไล่ออกแล้วแท้ๆ”
“เธอจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ สมใจเธอแล้วนี่”
“แน่ละ ฉันไม่อยากให้ขโมยมาสอนคุณนันท์เหมือนกัน รีบไปไหนก็ไปเลยนะ ไป”
“ฉันจะไม่อยู่ให้รกหูรกตาคนที่นี่หรอก ในเมื่อที่นี่ไม่ต้อนรับ ฉันก็จะไป” น้ำผึ้งหันมาหาหอม “หอม ฉันฝากคุณนันท์ด้วยนะ”
หอมหน้าจ๋อยสนิท “จ้ะครู”
อ้อยหยิกแขนหอมไม่ให้พูดอะไรกับน้ำผึ้งอีก
น้ำผึ้งเดินคอแข็งไปที่รถเจ้าหวานเย็น โดยไม่รู้ว่าเทิดยืนมองมาจากหน้าต่างห้องทำงานชั้นบนของบ้าน
เทิดนั่งอยู่ในห้องทำงาน คิดเครียดอะไรมากมายอยู่คนเดียว จนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามาได้”
เมื่อเทิดหันไปมองก็ต้องแปลกใจ ที่เห็นป้าพรเดินเข้ามาในห้อง
“ป้าพร มีอะไร”
“นายคะ ป้ามีเรื่องจะพูดด้วยค่ะ เรื่องสำคัญมาก”
“เรื่องอะไร”
พรนิ่งคล้ายทำใจอยู่สักพักก่อนจะพูดออกมา
“เรื่องครูน้ำผึ้งค่ะ”
เทิดหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินนี้
“ผมว่าเรื่องนี้มันจบไปแล้ว ป้าจะมีอะไรอีก ยัยครูนั่นไปก็จบแล้วไง”
“ป้ายอมให้มันจบไม่ได้ค่ะ”
เทิดแปลกใจ “ทำไม”
“เพราะป้ารู้ไงคะ ว่าครูน้ำผึ้งไม่ใช่คนร้าย”
เทิดอึ้งไป เมื่อเห็นป้าพรมองมาด้วยสายตาจริงจังเอามากๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
อ่านต่อตอนที่ 9