มงกุฎริษยา ตอนที่ 4
อีกเหตุการณ์ในเวลาเดียวกัน ที่กรุงเทพฯ ดาวกับฟ้ายืนรอเปรมจิตกันอยู่อย่างมีความหวัง แต่แล้วกลับเห็นอาโปเดินออกมาเพียงคนเดียว ดาวจึงรีบถามหา
“คุณเปรมจิตล่ะคะ”
อาโปไม่ตอบ แต่โพล่งขึ้นว่า “ออกไป”
“ออกไปข้างนอกเหรอคะ” ฟ้างง
แพรวแพรเดินมาดมั่นเข้ามาหาดาวและฟ้า
“พวกแกนั่นแหละ ออกไป”
ดาวเห็นแพรวแพรจริงจังขึงขังก็อึ้งไป ฟ้าหน้าเสีย
อาโปโยนกระเป๋าดาวกับฟ้าออกมาหน้าตึก
“ไปเลยนะนังโจรใจทราม มาหลอกกันได้”
“เราไม่ใช่โจรนะคะ...” ฟ้าพยายามอธิบาย
แพรวแพรกล่อมอาโป “อย่าไปเชื่อมันนะอาโป พวกนี้น่ะมันรอให้แกไปตามเจ๊ แล้วก็จะแอบขโมยของในบ้าน ฉันเห็นเขาแชร์ข่าวเรื่องแบบนี้มาเยอะละ”
แพรวแพรดันดาวกับฟ้าออกมานอกบ้าน
“เจ๊เปรมจิตทาบทามฉันจริงๆนะ ตอนให้นามบัตรเธอก็อยู่นี่ แล้วยังให้ฉันประกวดแทนเธอด้วย จำไม่ได้แล้วเหรอ”
อาโปชะงัก เหลียวมามองแพรวแพรเป็นเชิงถาม
“อะไร ไม่เห็นรู้เรื่องเลย จะแต่งเรื่องก็ให้มันเนียนกว่านี้ได้ไหม อาโป ไล่ไป”
ฟ้ายืนยัน “เจ๊เปรมจิตให้นามบัตรเรามาจริงๆ นะคะ”
“เดี๋ยวฉันเอาให้ดู”
อาโปชะงัก ดาวค้นกระเป๋าจนทั่วหานามบัตรแต่ไม่เจอ
แล้วนึกได้ว่า ตนยื่นนามบัตรให้ชัชชนม์ตอนมาส่ง
“ค่ายนางงามบ้านเปรมจิต”
ดาวมองฟ้า หน้าเสีย
“ไม่อยู่แล้ว”
แพรวแพรยิ้มเยาะ อาโปดันตัวทั้งสองสาวไล่ออกไป
“งั้นก็ออกไปเลย”
“ไปตามคุณเปรมจิตมาสิ จะได้รู้ว่าใครโกหก” ดาวบอก
แพรวแพรแว้ดใส่ “นี่แกจะถ่วงเวลาอะไร อาโปไม่ต้องตาม มันแค่หาเรื่องจะสอดส่องบ้านเรานานขึ้นเท่านั้นแหละ”
“ก็บอกว่าไม่ใช่โจรไง” ดาวสะบัดมืออาโปจนหลุด “พวกฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณเปรมจิตจะมา”
ดาวจ้องสู้กลับอย่างดุดัน ตามนิสัยห้าว ไม่ยอมคน
แต่แล้วไม่กี่อึดใจต่อมา ดาวและฟ้าก็ต้องหอบกระเป๋าวิ่งหนีออกมาจากรั้วบ้านเปรมจิตแทบไม่ทัน โดยมีอาโปใช้สายยางน้ำฉีดไล่ ส่วนแพรวแพรคอยเชียร์
ดาว กะ ฟ้าหนีไป กรี๊ดไป “อ๊าย”
“ถ้ากลับมาอีก ได้เจอหนักกว่านี้แน่”
แพรวแพรขู่ แล้วเดินนำอาโปเข้าตึกไป
“ดาว เรากลับบ้านกันก็ได้ ป่านนี้แม่ฉันกับยายเธอคงหายโกรธแล้วล่ะ ที่นี่มีแต่คนใจร้ายทั้งนั้นเลย”
ดาวนิ่งไปสักพักแล้วหันเข้าไปมองในบ้านแววตามุ่งมั่น
“ไม่ ฉันจะไม่ยอมแพ้หรอก มานี่”
“ไปไหนดาว”
ดาวไม่บอก ดึงฟ้าเดินออกไป
อีกฟาก บนเวทีประกวด นางสาวเพชรบุรี ผู้เข้าประกวดยืนเรียงหน้ากระดาน พิธีกรถือไมค์ยืนดำเนินการอยู่ตรงมุมเวที
“ขอเชิญสาวงามทุกท่าน เดินโชว์ตัวให้กรรมการและท่านผู้ชมได้ยลโฉมทีละท่านเลยครับ”
ดนตรีขึ้น สาวงามเริ่มเดินโชว์ตัวทีละคน ชมพู่เดินมาหยุดไหว้หน้าเวที พูดแนะนำตัว
เอบี ปูเป้ และ ซูกัส ปรบมือโห่ร้องเชียร์กันยกใหญ่ คนแถวนั้นรำคาญเดินหนี
ชมพู่เดินยิ้มเยื้องย่าง โบกมืออย่างกับนางงามมืออาชีพ พุฒิพัฒน์ยังเคลิ้มมองอย่างพอใจ
กรรมการทุกคนมองชมพู่ด้วยสายตาชื่นชม เลม่อนเหลียวไปปฏิกิริยาคนดูรอบ แล้วสายตาไปสะดุดกับพุฒิพัฒน์ที่ยืนหล่อเด้งอยู่ข้างเวที เลม่อนสะกิดดวงเดือน
“นั่นคุณพุฒิพัฒน์นี่คะ”
ดวงเดือนเหลียวไปมอง “จริงด้วย มาทำอะไรเนี่ย เลม่อน ไปแซะมาซิ”
“รับทราบค่ะ” เลม่อนลุกเดินบิดออกไป
เลม่อนเดินตรงมาหาพุฒิพัฒน์ ที่กำลังยืนดูการประกวดอย่างตั้งใจ
“โอ้ ว้าว คุณพุฒิพัฒน์.....”
“เอ่อ สวัสดีครับ”
เห็นพุฒิพัฒน์มองงงๆ เลม่อนรีบแนะนำตัว “เลม่อนค่ะ ผู้ช่วยคุณดวงเดือนไงคะ อีกไม่นานเวทีมิสเพอร์เฟ็กท์ก็จะเริ่มแล้ว เดี๋ยวเราก็จะได้ร่วมงานกันแล้วนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวเด็กๆ ของค่ายดวงเดือนด้วยนะคะคุณพุฒิ”
“อ๋อครับ”
บนเวทีพิธีกรประกาศเข้าช่วงตอบคำถาม
“และต่อไป จะเป็นช่วงตอบคำถามจากเหล่าสาวงาม”
พุฒิพัฒน์ได้ยินเสียงพิธีกร ก็หันไปสนอกสนใจบนเวที เลม่อนยังคงจ้อชวนคุยไม่เลิก
“คุณพุฒิพัฒน์พักอยู่แถวนี้เหรอคะ”
“ครับ” พุฒิพัฒน์ตอบแต่สายตายังดูบนเวที
กะเทยพี่เลี้ยงนางงามร่างบึกบึน พยายามหามุมให้พุฒิพัฒน์หันมามองหน้าตัวเอง
“เหมือนกันเลยค่ะ ที่ไหนคะ”
พุฒิพัฒน์มองเลม่อนพอเป็นมารยาท “ชะอำรีสอร์ทครับ”
“อุ๊ย ที่เดียวกันเลยค่า”
บนเวที พิธีกรประกาศเรียกชมพู่
“ต่อไป เชิญเบอร์ 2 นางสาวชมพูนุช สุดสว่างศรี ครับ”
พุฒิพัฒน์พูดกับเลม่อน แต่สายตาไม่ละจากชมพู่เลย
“เอ่อ ขอตัวนะครับ”
พุฒิพัฒน์ยิ้มขอตัว แล้วรีบเดินออกมา
เลม่อนมองไปยังชมพู่ มองกลับมาที่พุฒิพัฒน์อีกที แล้วยิ้มกระหยิ่มรู้ว่าหนุ่มหล่อลาก ผอ.ช่องอินฟินีตี้ สนใจชมพู่
เลม่อนเดินมานั่งที่กระซิบบอกดวงเดือน
“ดูท่าคุณพุฒิจะถูกใจน้องหมายเลขสองนะคะ”
ดวงเดือนมองชมพู่ที่กำลังจะตอบคำถามบนเวที “คนนี้เหรอ”
เลม่อนพยักพเยิดให้ดวงเดือนเหลียวไปดูข้างเวที เห็นพุฒิพัฒน์ยืนดูชมพู่ตอบคำถามอย่างตั้งอกตั้งใจ
ดวงเดือนพรายยิ้ม มองไปบนเวที ชมพู่กำลังตอบคำถามแล้ว
“ถ้าหากดิฉันได้เป็นเทพีเพชร จะทำอะไรเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเหรอคะ เอิ่ม...”
ดวงเดือนมองชมพู่อย่างตั้งใจ แล้วเหลือบมองดูพุฒิ
พุฒิพัฒน์มองลุ้นชมพู่ตอบคำถาม
“ดิฉันจะ...”
เอบี ปูเป้ และ ซูกัส กอดกันลุ้นให้ชมพู่ตอบได้
“จะปาดตาลค่ะ”
คนดูมองหน้ากันงงๆ กับคำตอบ ชมพู่ดึงสติแล้วตอบคำถามต่อ
“เพราะต้นตาลเป็นสัญลักษณ์ของเพชรบุรี สามารถบอกเล่าภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีมาอย่างยาวนานของชาวเพชรบุรี ดิฉันเองก็เป็นหนี้บุญคุณต้นตาลอยู่มาก ดังนั้นจึงอยากใช้ตำแหน่งเทพีเมืองเพชร สืบทอดภูมิปัญญาชาวบ้านนี้ให้ทุกคนได้รู้จักมากยิ่งขึ้นค่ะ”
คนดูตบมือเกรียว เอบี ปูเป้ ซูกัส ปรบมือรัวๆ ไชโยโห่ร้อง
พุฒิพัฒน์เองก็ปรบมือให้ชมพู่อย่างชื่นชม
ดวงเดือนและเลม่อนมองหน้ากัน ยิ้มเจ้าเล่ห์มีเลศนัยให้กัน จากนั้นดวงเดือนก็หยิบกระดาษประวัติชื่อ นางสาวชมพูนุช มาดู แล้วกาดอกจันตัวโตไว้
เปรมจิตเดินลงมาจากชั้นบน เจออาโป
“นี่อาโป เมื่อตอนหัวค่ำมีเสียงเอะอะอะไรกันเหรอ”
“เอ่อ...”
อาโปอึกอักไปมา แล้วนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หลังจากไล่ดาว และฟ้ากลับไป เธอถูกแพรวแพรขู่ว่า
“ห้ามบอกเจ๊เรื่องเด็ก 2 คนนั้นเด็ดขาดเลยนะ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็...” แพรวแพรพยายามคิดข้ออ้าง “ก็ถ้าเจ๊รู้ เจ๊ก็ต้องรักษาความปลอดภัยมากขึ้น สั่งติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม แล้วเจ๊ก็จะได้เห็นว่า แกชอบแอบเอาชุดนางงามมาใส่เล่นน่ะสิ”
อ่านต่อหน้า 2
มงกุฎริษยา ตอนที่ 4 (ต่อ)
ในขณะที่อาโปหน้าเสียอยู่นั้น แพรวแพรก็เดินนวยนาดเข้ามา
“ไม่มีอะไรค่ะเจ๊ แค่มีหมามีแมวมาขอเข้าบ้านเรา”
“คิดว่าฉันโง่ แยกเสียงคนกับเสียงสัตว์ไม่ออกหรือไง” เปรมจิตมองจ้องหน้าแพรวแพร
“โธ่ เจ๊ ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ หนูไม่กล้าโกหกเจ๊หรอก”
“ให้มันจริงเถอะ เอาล่ะ จะเป็นหมา แมว ก็ได้แต่อย่าให้รู้ละกัน ว่า หมา บ้านเราก็ออกไปกัดมาด้วย หมาพันธุ์ดีแค่ไหน ฉันก็ไม่เลี้ยงไว้นะ”
แพรวแพรคุมแค้น เก็บความไม่พอใจไว้
พิธีกรถือผลการตัดสินในมือ ดวงเดือน เลม่อน ยืนรอเตรียมมอบมงกุฎ
“แล้วคะแนนก็ออกมาแล้วนะครับ ผู้ที่ได้เป็นนางสาวเพชรบุรี และจะได้เป็นตัวแทนไปประกวด Miss Perfect Thailand ได้แก่....”
เสียงดนตรีจังหวะลุ้นระทึกทำหน้าที่ของมัน ด้านล่างเวที เอบี ปูเป้ ซูกัส ลุ้นกันตัวเกร็ง พุฒิพัฒน์เม้มปากลุ้นตาม
สิ้นเสียงดนตรี พิธีกรประกาศผลต่อ
“หมายเลข 2นางสาวชมพูนุช สุดสว่างศรี ครับ”
ชมพู่ช็อกคาดไม่ถึง แต่ด้านล่างเวที เอบี ปูเป้ ซูกัส ร้องกรี๊ดๆ สุดเสียง
“แอร๊ย”
ชมพู่นิ่งงันไปชั่วขณะหนึ่ง ได้สติกลับมา ดีใจที่ทำเพื่อพ่อได้สำเร็จ กลั้นน้ำตาด้วยความดีใจ พึมพำกับตัวเองเบาๆ ว่า
“พ่อ”
บนเวที ชมพู่กำลังจะเดินมารับมงกุฎ
แต่แล้วต้อยและหมู กะเทยพี่เลี้ยงนางงามคนอื่น ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เอบีก็ลุกขึ้นโวย
“อีขี้โกง” ต้อยตะโกนเสียงดัง
ชมพู่ชะงัก
กะเทยหมูผสมโรง “เออ โกง เอาเด็กเมื่อวานซืนที่ไหนไม่รู้มาได้มงกุฎไป โกงชัดๆ เลย”
“เด็กฉันชนะมา 12 เวทีแล้วนะ มาแพ้อีนังลิงขึ้นตาลได้ไง” ต้อยว่า
เอบีหรือจะยอม “อุ๊ยต๊าย 12 เวทีแน่ะ หน้าช้ำจนเขียวหมดแล้ว เด็กฉันใสๆ ซิงๆ อย่าเอาของเน่ามาเทียบเลยย่ะ”
หมูท้า “ตบมะ”
ปูเป้แทรกเข้ามาโดยเร็ว
“รออยู่เลยล่ะ”
ขาดคำปูเป้โผเข้าใส่หมูทันที ซูกัสกระโดดขึ้นขี่หลังหมูอีกที เสียงร้องเสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้น คนดูรอบๆ วงแตก ลุกหนีกระเจิง
“อีชะนีบ้า”
ต้อยจะเข้าช่วยหมู แต่ถูกเอบีจิกหัวต้อยไว้
“มานี่”
พี่เลี้ยงนางงามสองค่ายตีกันวุ่น
ส่วนด้านบนเวทีชมพู่กำลังจะลงเวทีไปช่วยห้าม เลม่อนดึงชมพู่ไว้
“หนูจะไปไหน”
“ก็ไปห้ามไงคะ”
ดวงเดือนห้ามไว้ “ไม่ต้อง ฉันเอง”
ขาดคำ ดวงเดือนคว้าไมค์พิธีกรมาพูด
“หยุดเดี๋ยวนี้”
แต่ไม่ได้ผล พวกเอบียังไม่หยุดตบกับ สองกะเทย
ดวงเดือนเสียงเข้ม “ไม่งั้นก็ไม่ต้องมีใครได้ตำแหน่งทั้งนั้นแหละ”
คราวนี้ได้ผล เอบี ปูเป้ และ ซูกัส ชะงัก รีบกระเด้งตัวออกจากสองกะเทย
ต้อย กะ หมูพอหลุดมาได้ ก็จะถลาเอาคืนบ้าง
“หนอย...” ต้อยคำราม
ดวงเดือนประกาศเสียงเข้ม
“ไม่งั้นจะตัดสิทธิ์ส่งนางงามเข้าประกวดครั้งหน้านะคะ”
ต้อย กะ หมู เบรกกึก กลับไปยืนที่เดิมแทบไม่ทัน
“ดิฉันอยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่อายุ 14 ได้มงกุฎเองมาก็เยอะ ปั้นเด็กมาก็มาก ดิฉันรู้ดี ว่าเวที Miss Perfect Thailand ปีนี้ ต้องการอะไร เพราะความเพอร์เฟกต์ในปีพ.ศ.นี้ ย่อมเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแล้ว และน้องชมพูนุช ก็มีความเพอร์เฟกต์ที่ดิฉันหาอยู่ หวังว่าคงจะเข้าใจนะคะ”
เอบี ปูเป้ และ ซูกัส ปรบมือรัวๆ
“น้องเอยขา ลงมาค่ะ เวทีไร้มาตรฐานแบบนี้อย่าไปเหยียบให้เสียตีน” ต้อยบอกลูกสาวนางงาม
หมูว่า “น้องไวน์คะ ลงมาค่ะลูก กรรมการมันแยกไม่ออกระหว่างนางฟ้ากับผี ก็ไม่ต้องไปเถียงกับมัน กลับ”
สองกะเทยสะบัดหน้าพรืด พานางงามเดินสายออกไปจากงานอย่างไม่พอใจ เอบีสะบัดบ๊อบใส่ ดวงเดือนหันมาทางชมพู่ยิ้มให้ ชมพู่ไหว้ขอบคุณ พิธีกรดำเนินรายการต่อ
“ขอเชิญคุณดวงเดือนขึ้นมอบมงกุฎให้แก่เทพีเมืองเพชรคนใหม่ของเราด้วยครับ และเชิญคณะกรรมการขึ้นมาเป็นสักขีพยาน ในการเซ็นสัญญารับของรางวัลได้เลยครับ”
ชมพู่ยิ้มชื่นเป็นปลื้มตื้นตัน ที่ได้เงินรางวัลไปช่วยพ่อแล้ว
เอบี ปูเป้ ซูกัส พากันรุมล้อมยินดีกับชมพู่ที่สวมมุงกุฎ ถือช่อดอกไม้อยู่ในมือ หลังได้ตำแหน่งเรียบร้อย
“เห็นไหม เจ๊นี่ตาแหลมจริงๆ พูดเลย” เอบีว่า
“หนูเป็นคนชวนนังพู่มันก่อนนะเจ๊” ซูกัสท้วง
“แต่บาร์เอบีเป็นผู้ส่งเข้าประกวด”
“ก็พวกพี่ทุกคนนั่นแหละจ้ะ”
ชมพู่ยิ้ม ไหว้ขอบคุณทั้งสามคน
“ขอบคุณพวกพี่มากนะจ๊ะ ขอบคุณที่ทำให้หนูมีเงินไปรักษาพ่อ หนูจะไม่ลืมบุญคุณพวกพี่เลย ขอบคุณจริงๆ จ้ะ”
เอบี ปูเป้ และซูกัสโผเข้ากอดแสดงความยินดีกับชมพู่
“แต่หนูมีปัญหานิดนึงจ้ะ...” ชมพู่ละตัวออก
เอบีเสียงขุ่นทันที “อะไร จะเบี้ยวเปอร์เซ็นต์เจ๊เหรอ”
“ไม่ใช่จ้ะ ปัญหาก็คือ...” ชมพู่ตัดพ้อเสียงแข็งใส่สามคน “ทำไมไม่มีใครบอกหนู ว่าคนชนะต้องไปแข่ง มิสเพอฝ่งเพอร์เฟกต์อะไรนั่นด้วยอ่ะ”
ซูกัสอึกอัก “เอ่อ ก็...”
ดวงเดือนกับเลม่อนเดินเข้ามาหาชมพู่
“อ้าว อยู่นี่เอง” ดวงเดือนบอกกับพวกเอบี “ขอยืมตัวชมพู่แป้บนึงนะจ๊ะ”
เอบี ปูเป้ ซูกัส ยิ้มให้ดวงเดือน
“เอาเลยค่ะ ฝากด้วยนะคะ” เอบียิ้มร่า
ชมพู่พยายามจะพูด “เอ่อ คือ...”
ดวงเดือน และเลม่อน พาชมพู่เดินออกมา ชมพู่ขืนตัวไว้ เอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ
“หนูมีเรื่องอยากคุยกับป้าดวงเดือนหน่อยอ่ะค่ะ”
“ไว้ก่อน ป้าจะพาไปไหว้ผู้ใหญ่นะ”
“คือเรื่องมิสเพอร์เฟกต์…”
เลม่อนสวนขึ้น “สต็อป! เดี๋ยวได้คุยแน่จ้ะ เพราะหนูกำลังจะได้ไปเจอกับ ผอ.ช่อง อินฟินิตี้ ผู้จัด Miss Perfect Thailand ทีนี้อยากถามอะไร ยิงรัวๆ ได้เลยจ้ะ”
ชมพู่หน้าเสีย โดนลากแขนไปอย่างไม่เต็มใจ
ดวงเดือน เลม่อน เดินพาชมพู่มาหาพุฒิพัฒน์ที่ยืนรออยู่มุมหนึ่ง
เลม่อนเหลียวหา “เอ อยู่ไหนนะ”
ชมพู่มองไปเห็นพุฒิพัฒน์เข้าก็ตกใจ รีบหันมาบอกสองคน
“เอ๊ะ แป้บนึงนะคะ เดี๋ยวหนูมา”
ชมพู่เดินออกไป ดวงเดือน เลม่อนมองตามสีหน้างุนงง
ชมพู่เดินตรงมาหาพุฒิพัฒน์
“ตามฉันมาทำไม”
“อ้าว ว่าไง เทพีเมืองเพชร”
“เลิกยุ่งกับฉันสักทีได้ไหม”
“อะไร ฉันมาทำงานต่างหาก สำคัญตัวเองผิดไปรึเปล่า” พุฒิพัฒน์กลบเกลื่อน
“นี่”
ชมพู่ง้างมือจะชกพุฒิพัฒน์ แต่ดวงเดือน เลม่อนตามมาถึงพอดี ดวงเดือนตะโกนเรียกชมพู่เสียงดัง
“หนูชมพู่”
ชมพู่แก้เก้อเอามือที่ง้างมาเกาหัวแทน แล้วรีบหันมาหาดวงเดือน ก่อนดวงเดือนจะเห็นพุฒิพัฒน์
“ไปกันเถอะค่ะ ผอ.อยู่ไหนเหรอคะ” ชมพู่ถามดวงเดือน
“นี่ไงจ๊ะ”
เลม่อนจับชมพู่หันหลังกลับมา เจอพุฒิพัฒน์ยืนอยู่ที่เดิม ดวงเดือนเดินมายืนข้างๆ เขา
“สวัสดีคุณพุฒิพัฒน์ผอ.ช่องอินฟินิตี้ และผู้จัด Miss Perfect Thailand ซะสิชมพู่”
ชมพู่อึ้ง
พุฒิพัฒน์ยิ้มขำ “ดูเขาไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนะครับ”
“คนอย่างนี้น่ะเหรอ ผอ.ช่องอินฟินิตี้”
ดวงเดือนเอ็ดเอา “ชมพู่ อย่าเสียมารยาทสิ”
“เอ่อ แต่ว่า...” ชมพู่มมองเขม่นแล้วฝืนไหว้ส่งๆ “สวัสดีค่ะ”
พุฒิพัฒน์จับไหล่ชมพู่
“ไม่ต้องเกร็งๆ เดี๋ยวได้เจอกันบ่อยๆ อยู่แล้ว ที่เวที Miss Perfect Thailand”
“อะ จะปรึกษาเรื่องประกวดใช่ไหม ถามคุณพุฒิเลยสิจ๊ะ” ดวงเดือนบอก
ชมพู่เบี่ยงตัวออกหนีพุฒิพัฒน์ “หนูไม่ประกวด Miss Perfect ได้ไหมคะ”
เลม่อนอวยชมพู่ไว้ก่อน “ถามดี” แล้วคิดขึ้นได้ “ห๊ะ”
“หนูไม่ทราบมาก่อนว่าคนชนะต้องไปเวทีใหญ่ต่อ หนูไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
“ก็ได้” ดวงเดือนบอก
เลม่อนตกใจรีบท้วง “ได้ไงล่ะป้า”
ชมพู่ยิ้ม โล่งอก “ขอบคุณค่ะป้า”
พุฒิพัฒน์แอบผิดหวังเล็กน้อย
ดวงเดือนบอกต่อว่า “งั้นหนูก็ไปคืนของรางวัลทั้งหมด แล้วไปจ่ายค่าปรับ 200,000 บาท ที่ซุ้มผู้จัดด้านโน้นเลยนะจ้ะ”
ชมพู่ตาเหลือก “ห๊ะ อะไรนะคะ”
“ก็ในสัญญามันว่าไว้ ถ้าหนูทำผิดสัญญาก็ต้องจ่ายค่าปรับ”
“แต่หนูไม่มีเงิน” ชมพู่หน้าจ๋อยสนิท
“งั้นก็กลับบ้านไปเก็บของซะ เตรียมเข้ากรุงเทพด้วยกันพรุ่งนี้เช้า มาเจอป้าที่โรงแรมชะอำรีสอร์ท 9 โมงนะ ไปถูกไหม เคยไปโรงแรมนี้หรือเปล่า”
ชมพู่หันไปมองเห็นพุฒิพัฒน์ยิ้มขำพอดี
“ค่ะ เคยไปค่ะ”
พุฒิพัฒน์มองยั่วด้วยความสะใจ เทพีเมืองเพชรคนสวย มองตาขุ่น
อ่านต่อหน้า 3
มงกุฎริษยา ตอนที่ 4 (ต่อ)
ขณะที่พุฒิพัฒน์เดินเข้าล็อบบี้โรงแรมมานั้น เขาไม่รู้ตัวว่าดวงเดือนและเลม่อนดักรอดูอยู่ สองคนค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากมุมลับตามองตาม
“แกมั่นใจนะ ว่าคุณพุฒิสนใจตัวชมพู่”
“สายตาแบบนั้น ชัวร์ค่ะ”
“ถ้าลองได้ผู้จัดงาน Miss Perfect Thailand มาปลื้มแล้วล่ะก็ มงกุฎอยู่แค่เอื้อมแล้วล่ะ”
“เราแค่ช่วยสร้างสถานการณ์ให้นิดๆหน่อยๆ รับรองเครื่องติดค่ะ พร้อมนะคะ 5 4 3 2 แอคชั่น”
ไม่นานถัดมา ขณะที่พุฒิพัฒน์รับคีย์การ์ดจากฟร้อนท์ กำลังจะเดินขึ้นห้อง ก็เจอดวงเดือนที่เดินมาหา
“อ้าว คุณดวงเดือน”
“มีเรื่องขอความช่วยเหลือหน่อยน่ะค่ะคุณพุฒิ”
รุ่งเช้า เปรมจิตเดินคุยโทรศัพท์ออกมาจากบ้าน พร้อมอาโป
“กำลังไปนะคะ วันนี้แค่ทรีทเมนต์ก็พอค่ะ โบยังไม่ต้อง ค่ะๆ”
เปรมจิตวางสาย
อาโปประจบเอาใจ “แหม เจ๊สวยอยู่แล้ว ไม่ต้องไปทำหน้าอีกก็ได้นะคะ”
“ไม่ได้สิ เป็นเจ้าแม่วงการนี้ จะยอมพวกเด็กๆมันได้ไง เดี๋ยวนี้เด็กมันพัฒนาไปถึงไหนต่อไหน”
“จริงค่ะ เด็กสมัยนี้มันร๊ายร้าย อย่างเด็ก 2 คนมะคืน...” อาโปนึกได้ ชะงัก หุบปากทัน
“เด็กที่ไหน”
“เอ่อ...” อาโปพูดตะกุกตะกัก “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ รีบไปกันเถอะค่ะ”
อาโปรีบเปิดประตูรถตู้ให้เปรมจิต แต่ดันเจอดาวกับฟ้านอนอยู่ในรถ
“ใช่เด็ก 2 คนนี่หรือเปล่า” เปรมจิตถาม
อาโปเจอดาวกับฟ้านอนอยู่ในรถก็ตกใจร้องลั่น
“เย้ย”
ดาว กะ ฟ้า สะดุ้งตื่น
“ทำไมยังไม่ไปอีก” อาโปมองจ้อง เอ็ดสองสาว
“ก็จะให้เราไปอยู่ที่ไหนล่ะ” ดาวหันไปเห็นเปรมจิตก็พูดตัดพ้อ “คุณชวนมาอยู่ หนูก็ดั้นด้นมา แล้วอยู่ๆ ก็ไล่กันเนี่ยนะ”
เปรมจิตงง “ไล่อะไร ใครไล่”
ดาว กับฟ้าชี้อาโป
“ก็เด็กพวกนี้เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ จะไว้ใจได้ไงล่ะคะ”
“แล้วทำไมไม่ไปถามคนที่รู้จักฉันล่ะ” ดาวไม่ยอม
เปรมจิตตัดบท “พอได้แล้ว”
“เราสองคนยอมทิ้งทุกอย่างมาที่นี่ เพราะเชื่อคำของคุณ หนูก็เลยอยากฟังคำพูดจากปากคุณอีกครั้งนึง ว่าจะให้เราสองคนทำยังไงต่อไป” ดาวตัดพ้อต่อว่าอีก
เปรมจิตบอกเสียงแข็ง “ออกมาจากรถฉันเดี๋ยวนี้”
ดาวมองหน้าเปรมจิตอย่างผิดหวัง สองสาวลุกออกไปจากรถ แล้วเดินจะออกไปจากบ้าน
“แล้วจะไปไหน” เปรมจิตถาม
ดาว ฟ้า หันกลับมาหา
“ก็ไปให้พ้นจากที่นี่ไงคะ คุณไม่ได้ต้องการเราจริงๆ ซะหน่อย” ดาวบอก
“ฉันให้ออกไปจากรถฉัน แล้วเข้าไปในบ้าน เป็นนางงามบ้านเปรมจิต ก็ต้องอยู่ในบ้านของเปรมจิตสิ”
พอได้ฟัง ดาว กับ ฟ้า ก็หันมามองหน้ากัน ยิ้มให้กันด้วยความดีใจ
ด้านชัชชนม์ดูคลิปประกวดนางงาม ในมือเปิดดูข้อมูลจากหนังสือสัมภาษณ์นางงาม ดนัยเดินเข้ามาเห็นก็ออกปากแซวขำๆ
“แหม กลายเป็นติ่งนางงามไปแล้วเหรอวะ”
“จะทำงานใหญ่ทั้งที ก็ต้องรีเสิร์ชหน่อยดิ”
“จะรีเสิร์ชทำไมวะ ก็ถ่ายให้เขาดูสวยก็พอแล้วปะ”
“เขาคงไม่อยากได้แค่นั้น”
“แหม รู้ใจแม่ด้วย” ดนัยล้อ
ชัชชนม์หันมาจ้องหน้าดนัยอย่างขุ่นเคืองเป็นที่สุด จนดนัยจ๋อย
“เฮ้ย ฉันล้อเล่น”
“ถ้าเขาอยากได้งานเดิมๆ น่าเบื่อๆ คงให้คนเก่าทำไปก็ได้ แต่ถ้าจ้างเรา ต้องได้อะไรมากกว่านั้น”
“เรื่องของนางงาม นอกจากความสวย จะมีอะไรมากกว่านั้นได้วะ”
“ก็ถึงต้องรีเสิร์ชอยู่นี่ไง”
ชัชชนม์โยนหนังสือลงที่โต๊ะ ดนัยตกใจ
“เย้ย ครับๆ รีเสิร์ชครับ แหม วันนั้นได้ไปถึงค่ายนางงาม ทำไมไม่เข้าไปสัมภาษณ์เขาซะล่ะ”
ดนัยพูดจบ ทั้งสองหนุ่มต่างก็นึกขึ้นมาได้ หันขวับมามองหน้ากัน ดนัยโผเข้ามากอดประจบเอาใจเพื่อน
“นะๆๆๆๆๆๆ เพื่อนรักของนัย เรากลับไปรีเสิร์ชที่บ้านนางงามกันนะ นะๆๆๆ”
ชัชขนม์คิดสักพัก จึงพยักหน้าตกลง
“อืม”
ดนัยร้อง “เยส” ด้วยความดีใจ
ทางฝ่ายชมพู่กำลังก้มลงกราบเท้า บอกลาพ่อ
“ช่วงที่หนูไม่อยู่ พี่ปูเป้กับพี่ซูกัสจะเป็นคนพาพ่อไปหาหมอแทนหนูนะ”
ชมพู่หันมาไหว้ปูเป้ กับ ซูกัส
“ขอบคุณพวกพี่มากนะคะ แล้วหนูจะโอนเงินค่ารักษาพ่อมาให้ทุกเดือนนะ ฝากพวกพี่ด้วยจริงๆถ้าปล่อยให้แม่ดู อย่าว่าแต่หาหมอเลย ข้าวคงไม่ได้กิน”
“แกเป็นน้องสาวพวกเรานะ เรื่องแค่นี้เอง พวกเรายินดีช่วยอยู่แล้ว” ซูกัสบอก
ชมพู่สวมกอดสองคนด้วยความซาบซึ้ง
“ไปที่นู่น ฉันคงเหงาแน่ๆ ไม่ได้เจอพวกพี่ แล้วก็ไม่ได้อยู่กับพ่อ” ชมพู่เอื้อมไปจับมือพ่อ “ชักไม่อยากไปแล้วสิ”
“เฮ้ย ไม่ได้นะแก แกเซ็นสัญญาตอนรับตำแหน่งไปแล้วนี่” ปูเป้ท้วง
“เขาคงเข้าใจมั้ง ไม่น่าว่าหรอก”
“แกจะสละสิทธิ์ไปประกวดที่กรุงเทพฯ ก็ได้ แต่ก็เท่ากับแกต้องสละเงินรางวัลด้วยนะ” ซูกัสบอก
“แต่ ฉันไม่อยากทิ้งพ่อไปนี่”
“พวกเราก็สัญญาแล้วไง ว่าจะช่วยพาพ่อแกไปหาหมอเอง” ปูเป้ปลอบ
“เราจะไม่ให้นังสร้อยมาแตะเงินค่าหมอเลย” ซูกัสให้คำมั่น
“ไปเป็นนางงามที่กรุงเทพฯ หาเงินรักษาพ่อได้มากกว่าปาดตาลที่นี่แน่ๆ นี่แกกำลังทำเพื่อพ่ออยู่นะ” ปูเป้ว่า
ชมพู่คิดหนัก มองหน้าพ่อ แช่มพยายามพยักหน้าให้ลูก ชมพู่โผเข้ากอดพ่ออีกครั้ง
“หนูจะรีบกลับมานะพ่อ”
ชมพู่ดูนาฬิกาข้อมือพบว่าเป็นเวลา 9 โมงเช้า แต่ยังเห็นวี่แววของดวงเดือนกับเลม่อนที่นัดไว้ หญิงสาวยืนเคว้งรอรถอยู่หน้าประตูทางเข้าล็อบบี้โรงแรม พร้อมกระเป๋าสัมภาระ 2 ใบใหญ่
สักครู่หนึ่ง พนักงานโรงแรมเดินเข้ามาหาชมพู่ พร้อมกับโทรศัพท์ไร้สายในมือ
“ขอโทษนะครับ คุณชมพู่ใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
“คุณดวงเดือนจะขอคุยด้วยครับ”
พนักงานยื่นโทรศัพท์ให้ชมพู่
อีกฟาก เลม่อนขับรถมาตามทาง ดวงเดือนนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ
“ชมพู่ ป้าขอโทษที ป้าเพิ่งหาเบอร์หนูเจอ พอดีป้าต้องรีบกลับมาทำธุระที่กรุงเทพฯ ด่วนเลยน่ะจ้ะ แต่หนูไม่ต้องห่วงนะ ป้าหารถให้หนูได้แล้วเรียบร้อย”
ชมพู่คุยสายกับดวงเดือนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าล็อบบี้โรงแรม
“แล้วหนูต้องไปขึ้นรถที่ไหนเหรอคะ”
พุฒิพัฒน์ขับรถมาจอดเทียบใกล้ๆ ชมพู่ เปิดกระจกลงเรียก
“ขึ้นมาได้แล้ว”
ชมพู่ตกใจ รีบหันหลังให้พุฒิพัฒน์ ไปคุยสายต่อ
“ให้หนูมากับใครนะคะ”
เสียงดวงเดือนลอดออกมาจากโทรศัพท์
“คุณพุฒิพัฒน์เขาจะกลับกรุงเทพฯเช้านี้พอดี ป้าเลยฝากหนูมากับเขาน่ะจ้ะ เจอกันหรือยังจ๊ะ”
ขณะที่ชมพู่กำลังคุยสาย พุฒิพัฒน์ก็ลงรถมาดึงโทรศัพท์ไปคุยเอง
“ครับ ผมเจอชมพู่แล้วครับ ได้เลยครับ ผมจะดูแลอย่างดีเลย”
พุฒิพัฒน์กดปิดสาย แล้วยักคิ้วกวนใส่ ชมพู่ต้องพยายามข่มอารมณ์ไว้
ทางด้านดวงเดือนกดวางสายไป ยิ้มกระหยิ่มดีใจ แท็กมือกับเลม่อนอย่างสมใจโดยไม่ต้องมองหน้ากัน
ฝ่ายพุฒิพัฒน์คืนโทรศัพท์ให้พนักงานโรงแรม พลางบอก
“ช่วยขนของขึ้นรถด้วยนะครับ”
“เอ่อ...” ชมพู่จะพูดแทรก
พุฒิพัฒน์ตัดบท “ส่วนเธอ คงไม่อยากขัดใจคุณดวงเดือนเขาใช่ไหม”
ชมพู่คิดหนัก
“เอาไงจะขึ้นดีๆ หรือต้องให้ฉันขนขึ้นเหมือนกระเป๋า”
พุฒิพัฒน์แกล้งเดินคุกคามเข้ามาใกล้ๆ ชมพู่รีบหลบ
“ฉันเดินเองได้”
ชมพู่เดินไปขึ้นรถอย่างไม่เต็มใจ พุฒิพัฒน์ยิ้มหล่อร้ายสะใจ
อ่านต่อหน้า 4
มงกุฎริษยา ตอนที่ 4 (ต่อ)
เปรมจิตเดินนำดาว และ ฟ้า มาตามทางเดิน พร้อมกับแนะนำกฎภายในบ้าน
“บนนี้จะเป็นห้องนอน ห้องพวกเธออยู่ในสุด โชคดีมากนะที่มีห้องว่างพอดี คนก่อนหน้าเพิ่งออกไปได้ไม่กี่วันเอง”
“ทำไมล่ะคะ” ฟ้าซัก
เปรมจิตบอกหน้าตาย “โดนไล่ออก”
สองสาวหน้าเสีย
“เพราะมันมาแอบใช้ยาทาเล็บของเจ๊โดยไม่ได้รับอนุญาต นี่บ้านเจ๊ถ้าทำตามกฎของเจ๊ไม่ได้ ก็ลาก่อน”
“แล้วกฎที่นี่มีอะไรบ้างคะ” ดาวเป็นคนถาม
เปรมจิตบอกด้วยน้ำเสียงเข้ม จริงจัง “มีข้อเดียวเท่านั้นแหละ ห้ามทำให้ฉันไม่พอใจ”
ดาวและฟ้ายิ้มแห้งๆ
“ไป เดี๋ยวพาไปดูข้างนอก”
แพรวแพรเดินเข้ามาหาเปรมจิต อาสาพาดูบ้าน
“เดี๋ยวนอกบ้าน แพรวช่วยพาเดินดูต่อเองเจ๊”
“ดีเหมือนกัน ฟ้า ดาว นี่แพรวแพร รุ่นพี่พวกเธอ ล่ามงกุฎมาได้หลายเวทีละ ดูเขาเป็นตัวอย่างนะ”
ดาว กับ ฟ้า ไหว้แพรวแพรในฐานะรุ่นพี่
“ฝากด้วยนะแพรว”
รอจนเปรมจิตเดินลับตัวไป ดาวจ้องตาแพรวแพรเขม็ง แต่แล้วโดยที่สองสาวไม่ทันคิด จู่ๆแพรวแพรก็เข้ามากอดดาวและฟ้า
“พี่ขอโทษนะจ๊ะ พี่จำเราสองคนไม่ได้จริงๆ เลยเข้าใจผิดน่ะ ต่อจากนี้ พี่ก็ขอเป็นพี่สาวเราคนนึงนะ”
ดาวเสียงแข็ง “ไม่จำเป็น”
“ดาว” ฟ้าปราม
“ขอโทษนะ แต่ชั้นไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ชั้นไว้ใจฟ้าแค่คนเดียวก็พอแล้ว”
ดาวจับมือเพื่อนฟ้ายิ้มอ่อนโยนให้ เพราะไม่อยากมีเรื่องกับแพรวแพร
“ไปจัดของเหอะฟ้า เดี๋ยวเราค่อยเดินดูบ้านกันเองก็ได้”
ดาวจูงแขนฟ้าเดินออกไปเลย แพรวแพรมองตามอย่างแค้นเคือง
พุฒิพัฒน์ขับรถมาตามทาง มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ชมพู่นั่งนิ่งมาตลอดทาง
“คุยเป็นเพื่อนหน่อยสิ ขับทางไกลนะ ไม่กลัวฉันหลับในเหรอ”
ชมพู่หงุดหงิดอยู่ “แค่ชะอำ กรุงเทพฯ ไม่ได้ไกลขนาดนั้นสักหน่อย”
พุฒิพัฒน์หมั่นไส้ เห็นป้ายไปประจวบ ก็เลี้ยวเข้าไปทางนั้นเฉยเลย
ชมพู่งง “ทำไมไปทางนี้ล่ะ”
“ถ้าชะอำ กรุงเทพฯ มันใกล้ ก็เปลี่ยนเป็นหัวหิน กรุงเทพฯ ละกัน จะได้นั่งคุยกันได้นานๆ”
ชมพู่โกรธมากกว่าตกใจ “จอดเดี๋ยวนี้ ฉันจะลง”
“ก็ได้ แต่เธอต้องโทร.ไปขอกับคุณดวงเดือนก่อนนะ”
ชมพู่ได้แต่คุมแค้น นั่งเซ็งต่อไป
โทรศัพท์พุฒิพัฒน์ดังขึ้นมา หน้าจอขึ้นชื่อ “เลขาอร” ชายหนุ่มแกล้งไม่ยอมกดรับ
“อ้าว นี่จะปล่อยให้โทรศัพท์ดังแบบนี้เหรอ”
ชมพู่ฉุน “โทรศัพท์คุณ คุณก็รับสิ”
“ฉันขับรถอยู่ รับโทรศัพท์ได้ไงล่ะ”
ชมพู่นั่งนิ่งขึง เป็นการประชด
“ดื้อจังเลย ฟ้องคุณดวงเดือนซะดีมั้ย”
ชมพู่กลอกตาเซ็ง หยิบมือถือขึ้นมา จำใจรับสาย
“ฮัลโหล”
เสียงอร เลขาพุฒิพัฒน์ที่อยู่ในสาย ดังออกมาจากลำโพงที่เปิดเขาสปีกเกอร์ไว้
“สวัสดีค่ะ”
ชมพู่ตกใจ พุฒิพัฒน์หัวเราะขำโดยไม่มีเสียง
“ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าผมลา ไม่ต้องโทร.ตาม” พุฒิพัฒน์ตอบไป
“ต้องขอโทษด้วยค่ะที่ต้องโทร.มากวนวันพักร้อนท่าน แต่คุณขจีนุชมีประชุมด่วนค่ะ”
“หึ แผนเดิมๆ คราวนี้จะอ้างประชุมอะไรอีกล่ะ”
เสียงอรดังออกมาว่า “ประชุมกับผู้กำกับรายการเรียลลิตี้ Miss Perfect Thailand คุณชัชชนม์ ค่ะ”
“ห๊ะ”
พุฒิพัฒน์เบรครถอย่างแรง ชมพู่ตัวโยกตัวโยน ยินเสียงรถยางแตกดังสนั่น
ฝ่ายดวงเดือนมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว เดินเข้าบ้านมา โดยมีเลม่อนถือกระเป๋าเสื้อผ้าตามหลัง รุ้งลาวัลย์รีบปรี่มาทักทาย แต่สายตาจ้องไปนอกบ้าน
“ป้า หวัดดี พี่เลม่อน หวัดดี”
จอย กับ ป้านุ้ย แม่บ้าน เข้ามาช่วยเลม่อนถือของ
“นี่ นังรุ้งลาวัลย์คะ แกเสียใจที่ป้ากลับมาเหรอ หน้าหงิกเชียว” เลม่อนมองจ้อง
“เปล่า”
ดวงเดือนแปลกใจ “เป็นอะไร”
รุ้งลาวัลย์ทำเป็นไม่อยากพูด “เปล่า”
ดวงเดือนรำคาญเดินหนี “เออ ช่างแก”
รุ้งลาวัลย์กลับเรียกไว้ “เดี๋ยวสิป้า”
จอยโพล่งขึ้น “พี่รุ้งเขามารอดูหน้าเด็กใหม่ค่ะ”
“สาระแนละนังจอย”
“โอ้ย ป้าไม่ได้เอาเด็กใหม่มาด้วยหรอก” เลม่อนว่า
รุ้งลาวัลย์ดีใจมาก “จริงเหรอ ดีแล้วล่ะ เด็กบ้านนอกสวยสู้รุ้งไม่ได้หรอก เอามาก็เลี้ยงเปลืองข้าวสุกเปล่าๆ”
“ฉันไม่ได้พามา เพราะมีคนอื่นมาส่งต่างหาก” ดวงเดือนบอก
รุ้งลาวัลย์ร้อง “อ้าว”
ดวงเดือนหันมาหาแม่บ้าน “ป้านุ้ยจ๊ะ ช่วยทำความสะอาดข้างล่างให้เอี่ยมๆเลยนะ เดี๋ยวจะมีแขกมา”
ป้านุ้ยรับคำทันที “ได้ค่ะ”
ดวงเดือนหันมาหาสองสาวในสังกัด “รุ้ง จอย ช่วยป้านุ้ยด้วยล่ะ”
รุ้งลาวัลย์ร้อง “หา” ส่วนจอยรับคำ “ค่ะ”
ดวงเดือนเดินขึ้นบ้านไปกับเลม่อน รุ้งลาวัลย์ฮึดฮัดขัดใจ บ่นงึมงำ
“อยากจะเห็นหนังหน้ามันจริงๆ สวยแค่ไหนเหรอ ถึงต้องต้อนรับกันซะขนาดนี้”
นุ้ยส่ายหัวเอือมๆ “เป็นอะไร ชอบพูดคนเดียว”
แพรวแพรเดินผ่านห้องนั่งเล่น สองคนนั่งดูทีวีอยู่ในนั้น ตาเปรมจิตจ้องทีวีปากถามแพรวแพรขึ้นว่า
“พาดาวกับฟ้าเดินดูบ้านเรียบร้อยดีไหม”
แพรวแพรตีเนียน “เรียบร้อยดีค่ะเจ๊ แต่สองคนนั่นยังส๊ดสดอยู่เลยนะคะ ท่าทางดูเซื่องๆ เจ๊จะฝึกทันเหรอคะ”
คิตตี้มองเหล่ พูดแดกดัน “อยากรู้เพราะเป็นห่วง หรือเพราะหิวเผือกจ๊ะ”
“ก็เผื่อแพรวจะช่วยอะไรเจ๊ได้บ้างไงคะ”
คิตตี้ประชด “จ้ะ”
เปรมจิตเอ่ยขึ้น “ฝึกสองคนน่ะไม่ทันหรอก”
แพรวแพรพยายามโน้มน้าวเปรมจิต “นั่นสิคะ อย่างนี้เสียเวลาเปล่าๆ”
“ฉันเลยจะลงทุนกับยัยดาวคนเดียวเท่านั้นแหละ หน่วยก้านดี น่าจะไปไกล”
แพรวแพรไม่พอใจ
“เหรอคะ” แล้วแสร้งถาม “เอ แล้วฟ้ารู้แล้วหรือเปล่าคะ ว่าเจ๊ไม่ได้จะปั้นนาง”
“เด็กมันจะรู้ไม่รู้ ก็ช่างเถอะ แต่ไม่ใช่หน้าที่ที่หล่อนจะเอาไปบอกละกัน”
แพรวแพรยิ้มใส่คิตตี้
“คิตตี้ขอขึ้นไปดูน้องดาวก่อนนะคะเจ๊”
คิตตี้ลุกออกไป
แพรวแพร อกแทบจะระเบิด ได้แต่ข่มความขุ่นเคืองใจเอาไว้ พยายามคิดหาแผนจัดการสองสาวให้พ้นๆ ไปจากบ้านเปรมจิตโดยเร็ว
อ่านต่อตอนที่ 5