xs
xsm
sm
md
lg

รักต้องอุ้ม ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 8
สิปาดันกับลันตาเดินเข้ามาที่หน้าบ้านย่ามาลัย ทั้งสองคนยืนมองหน้าประตูบ้านด้วยสีหน้าหนักใจ สิปาดันถอนใจก่อนจะหันมาหาลันตา

“แกพร้อมไหม...” สิปาดันถาม
ลันตาพูดด้วยเสียงไม่มั่นใจเลย “พร้อม...”
สิปาดันเป็นห่วง “ถ้าแกกลัว ฉันเข้าไปเป็นเพื่อนได้นะ”
ลันตาส่ายหน้า “ถ้าย่าเจอแก เราเละ!หาชิ้นส่วนไม่ได้แน่ แกรอที่นี่แหล่ะ เดี๋ยวฉันมา”
ลันตาฮึดจะเดินเข้าบ้านแล้วเกิดปอดแหกจึงหมุนตัวกลับมายืนนิ่ง สิปาดันเห็นว่าลันตามือสั่นนิด ๆ
“ลัน...ไม่ไหวก็เรียกฉัน ฉันจะเข้าไปช่วยแก”
“แกกล้าเหรอ ?” ลันตาถาม
“ถ้าฉันทิ้งเพื่อนอย่าเรียกสิปา เรียกหมาได้เลย”
ลันตาเรียกทันที “หมา..”
“ยัง!...ชะตาจะขาดอยู่แล้ว ยังจะวอน”
ลันตายิ้มด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น สิปาดันตบไหล่เบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ
“ลุยเลย..”
“โอเค”
ลันตารู้สึกอุ่นใจที่มีสิปาดัน ลันตาตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้าน สิปาดันมองตามจากหน้าที่ยิ้มๆ ก็เปลี่ยนเป็นกังวลเพราะเขาเป็นห่วงมาก

มาลัยกับอังนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก อังมองไปตรงทางเดินก็เห็นลันตาเดินเข้ามา
อังส่งเสียงดังมาก “ยัยลัน!” อังพูดกับมาลัย “มาแล้วค่ะคุณพี่”
มาลัยหันขวับ ลันตาสะดุ้ง มาลัยลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาลันตา
ลันตาข่มความกลัวแล้วยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณย่า ป้าอัง”
“แกหายไปไหน ไปทำอะไรมา!” อังถาม
ลันตามองตามาลัยด้วยความกลัว “คุณย่า...”
มาลัยมองนิ่งก่อนจะพูดเสียงเรียบแต่กดดันสุดๆ “แกโกหกย่าทำไม...”
“ลัน...”
“ตอบ!” มาลัยขึ้นเสียง
ลันตาสะดุ้ง
“ลันขอโทษค่ะคุณย่า ลันผิดเอง..คุณย่าลงโทษลันเถอะนะคะ”
“ได้..ยัยอัง!”
คราวนี้อังพลอยสะดุ้ง พอเห็นมาลัยยื่นมือ อังก็รีบหยิบไม้เรียวส่งให้ทันที มาลัยรับมาแล้วสะบัด ไม้แหวกอากาศดังควับๆ อังมองอย่างหวาดเสียวแทน
“กี่ที”
ลันตาพูดเสียงเบา “สิบทีค่ะ...”
“ไม่ได้ยิน!” มาลัยว่า
“สิบทีค่ะ!” ลันตาพูดดังขึ้น
“หันหลังมา!”
ลันตากลัวแต่ก็ยอมหันหลังให้มาลัย ลันตาสั่นนิด ๆ มาลัยกำลังจะเงื้อไม้
อังเสียงดังขึ้นมาเลย “ไม่นะคะคุณพี่”
มาลัยชะงัก ลันตาหันไปมองอังเพราะคิดว่าจะช่วย
“อังไม่ได้คิดจะห้ามนะคะ แต่ว่าสิบทีมันน้อยไปค่ะ” อังบอก
ลันตาเหวอ “อ้าว...”
“ถ้าคุณพี่จะตีอย่างน้อยต้องยี่สิบที”
“ยี่สิบที! ป้าอังคะ...”
“อย่ามาต่อรอง ครั้งนี้หลานผิดจริงๆ ป้าไม่เข้าข้างเราแน่ ยี่สิบทีเลยค่ะคุณพี่ จะได้หลาบจำ”
มาลัยมองลันตา “ว่ายังไง”
ลันตากลัวแต่ก็ยอมรับผิด “ถ้าคุณย่าเห็นว่าสมควร ลันก็จะยอมรับค่ะ”
“ดี!” มาลัยง้างไม้จะตี
อังเสียงดังขึ้นมาอีก “แรงๆ เลยนะคะคุณพี่ ครั้งนี้ต้องเอาให้หลังลาย ฟาดเลยคุณพี่ เนื้อไม่แตกอย่าหยุดนะคะ” อังบิ้วท์แบบโอเวอร์มาก “ฟาดค่ะฟาด! ฟาดสิคะคุณพี่ ฟาดสิคะ!”
มาลัยมองอย่างรำคาญก่อนจะลดมือลงอย่างหมดอารมณ์โกรธเพราะเจอคนบิ้วท์ที่โกรธหนักกว่า
“อ้าว...ทำไมไม่ตีล่ะคะคุณพี่ ถ้าคุณพี่ไม่ทำเดี๋ยวอังตีให้เองค่ะ ส่งไม้มาค่ะคุณพี่” อังพูดว่าให้ส่งแต่คว้ามาจากมือของมาลัยเลย “ป้าจะสั่งสอนแกเองกอดอก”
อังเงื้อไม้ตั้งท่าจะตี ลันตาหลับตาปี๋เตรียมรับการโดนฟาดเต็มที่
เสียงมาลัยดังขึ้น “หยุด!”
อังชะงัก มาลัยคว้าไม้มาจากมือป้าอัง
“หลานฉัน ฉันจัดการเอง”
มาลัยวางไม้เรียวบนโต๊ะดังปึ้ง!
“ย่าจะไม่ตี...” มาลัยหันมาหาลันตา “แต่แกต้องตอบย่ามาว่าแกหายไปไหนมา!”
ลันตามองอึ้งๆ มาลัยกับอังมองมาอย่างกดดัน

ธัญญาเรศนั่งเช็คงานอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้น กิ๊กกับติ๊ดตี่เปิดประตูเข้ามาหน้าตาตื่นมา
“พี่ญ่าคะ แย่แล้ว...เลขาพี่นีบอกว่าพี่นีกำลังเม้งแตกใหญ่เลยค่ะ” กิ๊กว่า
ธัญญาเรศคิด “คงเห็นหนังสือที่วางแผงแล้ว”
“ก็พี่ญ่าเล่นเปลี่ยนหัวข้อสัมภาษณ์ขนาดนั้น ติดตี่ว่าแล้วว่าต้องเป็นเรื่องแล้วถ้าพี่นีโกรธมากไล่ออกเรียงตัว ติ๊ดตี่ไม่อยากตกงาน!” ติ๊ดตี่โวยวาย
ธัญญาเรศสั่ง “เงียบ!”
เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของธัญญาเรศดัง ธัญญาเรศกดรับ
ธัญญาเรศฟัง “ค่ะพี่นี...ค่ะ”
ธัญญาเรศวางสาย ติ๊ดตี่กับกิ๊กมองอย่างอยากรู้
“พี่ญ่า...” กิ๊กอยากถามว่าเราจะรอดไหม
“เรื่องแค่นี้...ฉันเอาอยู่ ไปทำงานของตัวเองได้แล้ว”
ติ๊ดตี่กับกิ๊กจ๋อย “ค่ะ”
ติ๊ดตี่กับกิ๊กเดินออกไป ธัญญาเรศลุกขึ้นด้วยสายตาที่ดูไม่หวั่นเลย ธัญญาเรศเดินออกไป ครู่นึงมิ้งค์ก็ผลักประตูเข้ามาพร้อมกับเอกสารในมือ มิ้งค์เห็นว่าธัญญาเรศไม่อยู่จึงจะวางเอกสารทิ้งไว้บนโต๊ะ และกำลังจะหยิบโพสอิทมาเขียนโน้ตทิ้งไว้
ทันใดนั้นเสียงข้อความไลน์จากมือถือธัญญาเรศก็ดัง มิ้งค์ชะงักมองตามเสียงก็เห็นว่าดังมาจากกระเป๋าถือของธัญญาเรศ มิ้งค์มองเข้าไปเห็นที่หน้าจอเห็นข้อความจากไลน์เข้า ที่หน้าจอเห็นว่าไลน์จาก ชื่อที่เมมเอาไว้ว่า 19
มิ้งค์ลังเล แต่แล้วความอยากรู้ก็ทำให้เธอตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มิ้งค์เห็นข้อความต้น ๆ เขียนว่า “นังชาวเขาหายตัวไป...พวกมันขึ้นเครื่อง..กลับกรุงเทพฯไปเมื่อเช้า โอนค่าจ้างทั้งหมดภายในหนึ่งชั่วโมง” มิ้งค์ชะงักอึ้งกับข้อความ มิ้งค์ละล้าละลังแล้วตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ธัญญาเรศขึ้นมากดอ่าน ข้อความเต็มๆ ทั้งหมด มิ้งค์ยิ่งอึ้ง
“ชาวเขา?” มิ้งค์ตกใจ “หรือว่า...พี่ลัน”
มิ้งค์คิดแล้วกดที่ข้อความทางฝั่งของชัยเพื่อลบข้อความในเครื่องธัญญาเรศไม่ให้เห็นว่าเธออ่าน ส่วนทางฝั่งชัยจะยังมีข้อความอยู่ มิ้งค์รีบเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วจะออกไปจากห้อง มิ้งค์นึกได้ก็จะเดินกลับมาหยิบเอกสารแต่จังหวะที่จะหยิบ มิ้งค์ปัดเอกสารหล่นกระจาย มิ้งค์ตกใจรีบก้มลงเก็บเอกสารรวบๆ แล้วรีบออกไป เอกสารแผ่นหนึ่งที่ปลิวเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะตรงส่วนที่มิ้งค์มองไม่เห็น

รัชนีหันกลับมาโยนหนังสือลงบนโต๊ะดังปัง!
“ไอ้หัวข้อสัมภาษณ์เตียงหัก นี่มันโผล่มาได้ยังไง แล้วเรื่องงานที่เขาขึ้นเป็นผู้จัดใหม่ในช่องเอชดีมันหายไปไหน ทำไมมันถึงไม่เป็นอย่างที่ส่งให้พี่ปรู๊ฟ” รัชนีว่า
“ญ่าเห็นว่าประเด็นมันกำลังฮอทน่ะค่ะ ก็เลยสั่งเปลี่ยนกะทันหัน ไม่ทันได้แจ้งให้พี่ทราบ” ธัญญาเรศบอก
“พี่ทำลาเบลให้เป็นเพื่อนของผู้หญิง ไม่ใช่สิ่งพิมพ์สอดรู้ที่วางตัวเป็นเห็บเกาะใต้ที่นอนใคร” รัชนีว่า
“แต่เล่มอื่นๆ ที่ทำเรื่องนี้ ยอดขายเขาก็พุ่งนะคะพี่”
“วิ่งตามคนอื่นแล้วตัวตนเราจะอยู่ตรงไหน! นี่เหรอความคิดของคนที่เป็นบ.ก.”
“แต่ยอดขายมันก็เพิ่มขึ้นนะคะ” ธัญญาเรศย้ำ
“เธอคงไม่เข้าใจคำว่า จรรยาบรรณของอาชีพเลยสินะ”
“มันผิดตรงที่ญ่าไม่เข้าใจหรือผิดที่คนทำมันเป็นธัญญาเรศ ไม่ใช่ลันตากันแน่คะ”
“ธัญญาเรศ!”
“ไม่ว่าญ่าจะทำอะไรก็ไม่เคยดีในสายตาของพี่ ทั้งที่ญ่ากับลันก็ทำงานได้ไม่ต่างกัน”
“คนทำผลงานเพื่อให้คนอื่นโฟกัส กับตั้งใจทำงานเพราะรักในงานที่ทำ เนื้องานมันแตกต่างกันสิ้นเชิง คงไม่ต้องให้พี่เจาะจงใช่ไหมว่าเธอเป็นประเภทไหน”
ธัญญาเรศอึ้ง
“ต่อไปนี้ทุกคอลัมน์ ทุกขั้นตอนต้องผ่านการปรู๊ฟจากพี่ ถ้าเธอไม่เข้าใจหรือมีเหตุการณ์แบบนี้อีก...พี่จะหาคนที่เข้าใจงานมากกว่าเธอมาทำแทน”
ธัญญาเรศได้แต่นิ่งอย่างยอมรับ

มาลัยกับอังอึ้ง
“ไปทำงานกับเจ้านายเก่าของแก?” อังทวนคำ
มาลัยโกรธ “ย่าสั่งแล้วไม่ให้ไปทำกับออฟฟิศเก่า ทำไมแกถึงไม่ฟังย่า!”
ลันตาโกหก “แต่โอกาสที่คอลัมนิสต์อายุงานน้อยอย่างลันจะได้ก้าวกระโดดเป็นบ.ก.มันไม่ได้มีกันง่าย ๆนะคะย่า” ลันตาหันไปหาอังแล้วอ้อนเต็มที่ “ป้าอังขา...มันเป็นความฝันของลัน ลันอยากทำงานที่ลันรัก ที่ลันไม่กล้าบอกกลัวย่าไม่สบายใจ”
“เหอะ...อย่ามาอ้อนซะให้ยาก ห้ามใจอ่อนนะคุณพี่ อาจจะโกหกซ้ำซ้อนก็ได้” อังว่า
มาลัยจ้องลันตา ลันตาพยายามฝืนตั้งรับมองกลับไม่หลบตา
“ที่แกพูดมาเป็นความจริงหรือเปล่า” มาลัยถาม
“จริงค่ะ”
มาลัยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ดี งั้นพรุ่งนี้ย่าจะไปพบกับเจ้านายแก ไปถามจากปากเขาเอง”
ลันตาตกใจ “ย่าจะไปคุยกับพี่นีเหรอคะ”
มาลัยยิ้ม “ถ้าแกพูดเรื่องจริงก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง”
มาลัยจ้องคาดคั้น ลันตาตัดสินใจเอาตัวรอด
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
มาลัยยิ้มอย่างพอใจ ลันตาเครียดและคิดหาทางเอาตัวรอดสุดชีวิต

ธัญญาเรศเข้ามาที่โต๊ะทำงานด้วยความแค้นและหงุดหงิดงุ่นง่าน เธอจับเอกสารเขวี้ยงกับผนังดังปัง! เพื่อระบายอารมณ์
“ลันตา!...”
เสียงมือถือธัญญาเรศดังขึ้น ธัญญาเรศหยิบมากดรับ
“ว่ายังไง...โอนเงิน? แกบอกฉันตอนไหน? ส่งไลน์เมื่อชั่วโมงที่แล้ว? ไม่เห็นมีเตือนข้อความ?” ธัญญาเรศคิด “แกแค็ปหน้าจอส่งมาให้ฉันดูสิ”
ธัญญาเรศขยับโทรศัพท์จากที่ฟังมารอดูที่หน้าจอ สักพักภาพชัยส่งข้อความไลน์มาระบุเวลาว่ามีการอ่านด้วย
ธัญญาเรศคุยสายต่อ “โอเค..เดี๋ยวฉันจัดการให้แล้วจะโทรไปบอก”
ธัญญาเรศกดวางสายแล้วกดเข้าไปดูรูปที่ชัยส่งมาให้อีกที เธอเห็นว่าที่ข้อความมีคำว่ามีการอ่านข้อความ
ธัญญาเรศกดโทรศัพท์สายภายใน “กิ๊ก...เห็นใครเข้ามาในห้องตอนพี่ไปคุยกับพี่นีหรือเปล่า” กิ๊กบอกไม่เห็นว่ามีอะไรจนธัญญาเรศตัดบทด้วยเสียงเข้ม “เอาเป็นว่า ไม่เห็นใช่ไหม”
ธัญญาเรศวางสายด้วยความหงุดหงิด ธัญญาเรศขยับเก้าอี้ทำให้ขาธัญญาเรศไปเหยียบถูกกระดาษเอกสาร ธัญญาเรศมองแล้วหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเอกสารที่มีรายชื่อเซเลบรตี้ประมาณ 10 คน
“รายชื่อเซเลบริตี้...”
ธัญญาเรศมองอย่างใช้ความคิดว่าน่าจะเป็นมิ้งค์

อังเช็ดทำความสะอาดบานประตูแล้วจะขยับประตูปิด แต่เหมือนประตูปิดไม่ลงล็อค อังพยายามจะดันปิดแต่ก็ยังดันไม่ไป
“มันติดอะไรเนี่ย” อังพยายามจะดัน
มาลัยเดินเข้ามายืนมอง
“จะดันให้ประตูพังหรือไง ยกบานประตูขึ้นนิดนึงก็ขยับได้แล้ว” มาลัยบอก
อังลองขยับด้วยการยกนิดนึงก็ดันประตูปิดได้ “จริงด้วย” อังหันมามองแบบทึ่งๆ
“บานนี้มันประกอบไม่ดี หล่อนเปิดปิดมันทุกวันแท้ๆ ไม่รู้จักเหลี่ยมมุมของมันหรือไง”
อังแถ “อังก็ลืมบ้างสิคะคุณพี่”
“ลืมหรือว่าไม่ใส่ใจ ทีเรื่องให้ท้ายหลานล่ะเก่งนัก” มาลัยว่า
“ให้ท้าย?” อังทำหน้าซื่อมาก “เรื่องอะไรคะ อังไม่เข้าใจ”
“หล่อนคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าหล่อนจงใจช่วยให้ยัยลันรอดจากไม้เรียวฉัน”
“อังไม่...”
“ฉันเลี้ยงหล่อนมากับมือ แค่หล่อนอ้าปากฉันก็เห็นลิ้นไก่แล้ว”
อังมองมาลัยด้วยสีหน้าซาบซึ้งมาก
“อยู่ดี ๆมาทำหน้าซึ้งใส่ฉันทำไม”
“อังอยากให้คุณพี่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของอัง เป็นสายเลือดเดียวกันจริงๆ ถึงคุณแม่กับคุณพี่จะเก็บเด็กอย่างอังมาเลี้ยง แต่ก็รักและใส่ใจอังเหมือนลูกเหมือนน้องแท้ๆ แม้แต่แม่แท้ๆ ของอังยังไม่เคยมาตามหาอังสักนิด”
“ยัยอัง! แก่ป่านนี้ยังคิดเหลวไหลอีก”
อังเกิดความรู้สึกต่อมน้อยใจในชะตาชีวิตทำงานจริงจัง มาลัยมองแล้วดึงอังเข้ามากอด
“หล่อนเป็นน้องแท้ๆ ของฉันนะ จำไว้....” มาลัยบอก
“ขอบคุณค่ะคุณพี่”
มาลัยทำหน้าดุขึ้นมาทันที “แต่ต่อไปนี้ถ้าหล่อนยังมาบีบน้ำตาน้อยใจกับเรื่องนี้อีก ฉันจะตีหล่อนให้ขาลากเลย เข้าใจไหม”
อังสะดุ้ง “เข้าใจค่ะ....แต่ถ้าคุณพี่รู้ว่าอังช่วย ทำไมคุณพี่ถึงยอมปล่อยให้หลานไปง่าย ๆ ล่ะคะ”
“ก็มันบอกว่าจะต้องไปทำงานต่อ”
“แล้วคุณพี่เชื่อเหรอคะ หลานเพิ่งโกหกเราหยก ๆ นะคะ”
“อย่างหล่อนกับยัยลัน ถ้าไม่ต้อนให้จนมุมไม่มีทางยอมรับผิดหรอก ถ้าเรื่องงานเป็นความจริง ยัยลันมันก็จะกลับไปทำงานที่มันต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นเรื่องโกหก...พอหมดหนทาง พรุ่งนี้มันจะต้องเข้ามาสารภาพความจริงกับเรา เพราะระดับผู้บริหารอย่างนั้นคงไม่ร่วมมือโกหกกับยัยลันแน่”


ที่ห้องทำงานของรัชนี รัชนีหันกลับมา
“พี่จะช่วยลันเอง” รัชนีบอก
ลันตาดีใจมาก “จริงเหรอคะพี่”
“แล้วที่ลันต้องออกไปอยู่นอกบ้านมีเหตุผลอะไร”
“เหตุผล...ลันบอกไม่ได้จริงๆ ค่ะ ลันขอโทษนะคะ”
“บอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะการช่วยของพี่ครั้งนี้ มีข้อแลกเปลี่ยน?” รัชนีว่า
ลันตาหวั่นใจ “ข้อแลกเปลี่ยน?”
ลันตามองด้วยความรู้สึกชักหวั่นใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 8 (ต่อ)
มิ้งค์เดินคุยโทรศัพท์ออกมาจากมุมหนึ่ง

“เอกสารมันหายไปแผ่นนึง ฉันหาทั่วแล้วมันไม่มี.. ทำไงดีล่ะคุณ...ฉันกลัวว่าจะอยู่ในห้องพี่ญ่าน่ะสิ ถ้าใช่นะแย่แน่...” มิ้งค์ฟัง “ฉันจะลองหาอีกรอบดู”
มิ้งค์เลี้ยวมาอีกทางแล้วก็ตกใจที่เห็นธัญญาเรศยืนดักอยู่
“พี่ญ่า!” มิ้งค์พูดกับโทรศัพท์ “แค่นี้ก่อนนะ”
“วันนี้มิ้งค์เอารายชื่อแขกเซเลบริตี้ที่จะให้พี่เลือกไปให้พี่ที่ห้องหรือเปล่า” ธัญญาเรศถาม
มิ้งค์ตกใจแต่พยายามกลบเกลื่อน “เปล่าค่ะ...มิ้งค์ยังหาชื่อได้ไม่ครบเลยยังไม่ส่งให้พี่ดู ขอโทษนะคะที่ช้า”
ธัญญาเรศมองจ้องอย่างจับผิด มิ้งค์เริ่มหลบตา
“แปลกนะ...” ธัญญาเรศชูกระดาษรายชื่อที่เจอตรงหน้ามิ้งค์ “ทำไมมันมีกระดาษแผ่นนี้หล่นในห้องพี่ แล้วหัวข้อมันก็ตรงกับที่พี่สั่งมิ้งค์”
“มันเป็นของเก่าหรือเปล่าคะ ก็มิ้งค์ไม่มีงานส่งจะเข้าไปในห้องพี่ทำไม”
“ถ้าอย่างนั้น พี่ขอดูไฟล์งานที่มิ้งค์ทำไว้คร่าว ๆ หน่อยสิ ว่ามีชื่อใครอยู่ในงานบ้าง”
“งั้นเดี๋ยวมิ้งค์ไปปริ๊นท์ให้นะคะ”
“ไม่ต้อง พี่อยากดูที่คอมพิวเตอร์กับตาตัวเอง”
มิ้งค์เลิ่กลั่กเพราะถ้าดูในจอก็จะเปรียบเทียบกับเอกสารในมือของธัญญาเรศได้ ธัญญาเรศก็จะจับโกหกได้พอดี สิปาดันเดินเข้ามา มิ้งค์ดีใจที่เจอตัวช่วยพอดี
“พี่สิปา!...”
ธัญญาเรศแปลกใจ “สิปา..มาทำอะไรที่นี่”
“พาลันมาหาคุณรัชนี นี่คงเข้าไปคุยแล้วมั้ง”
อนุชิตเดินมาจากอีกด้าน
“ลันมาคุยกับพี่นีเรื่องอะไร” ธัญญาเรศถาม
“ฉันว่ารอถามลันมันก็แล้วกัน” สิปาดันบอก
อนุชิตได้ยินก็เดินแยกออกไปหาลันตา ธัญญาเรศมีสีหน้าเครียดหนัก มิ้งค์โล่งใจที่ธัญญาเรศละความสนใจจากตัวเองไป


ลันตากับรัชนีเดินออกมาจากห้อง
ลันตายกมือไหว้ “ขอบคุณพี่นีมากนะคะที่ยอมช่วย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ลันรอดตัว พี่ก็ได้ผลประโยชน์เราก็วิน-วินทั้งสองฝ่าย”
ลันตาอ้ำอึ้ง
“พี่นีคิดว่าลันจะทำได้เหรอคะ” ลันตาถาม
“พี่ประเมินอย่างหัวหน้า ส่วนลันต้องเป็นคนที่รู้ดีที่สุด ถ้าลันยังไม่รู้ความสามารถตัวเอง แล้วใครจะรู้ จริงไหม” รัชนีบอก
“แต่ลันกลัวคนจะคิดว่าลันได้ตำแหน่งนี้เพราะคุณนุ”
“ถ้าเราไม่ยอมก้าวเดินเพราะกลัวปากคนที่พูดเรื่องไม่จริง แล้วเมื่อไหร่ลันถึงจะได้พิสูจน์ความสามารถตัวเองสักที แคร์สายตาคนอื่น แต่ไม่แคร์อนาคตตัวเอง คนแบบนั้นพี่ถือว่าโง่มาก อย่าเป็นคนโง่เลยนะลัน วันที่หนังสือมันพิมพ์ออกมา ยอดขายจะเป็นตัวชี้วัดว่าลันได้งานนี้เพราะผู้ชายหรือฝีมือ อยากพิสูจน์ตัวเองไหมล่ะ”

ลันตาฟังแล้วก็คิดก่อนจะตัดสินใจ “ค่ะพี่นี ขอบคุณค่ะ”
รัชนีมองอย่างพอใจ “พรุ่งนี้พบกัน”
รัชนีกลับเข้าห้องไป ลันตาโล่งอกแล้วจะเดินออกไป แต่อนุชิตเข้ามาดึงตัวเธอไป
ลันตาตกใจ “คุณนุ” ลันตาพยายามสะบัดให้หลุด
“ผมจะไม่ยอมให้คุณหลบหน้าผม จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ปล่อยสิโว้ย”
ลันตาเหวี่ยงเต็มที่เพื่อให้หลุด แต่อนุชิตบีบข้อมือเธอแน่นมากไม่ยอมปล่อย อนุชิตจะดึงลันตาไปให้ได้ แต่อนุชิตต้องชะงักที่ลากไม่ไป พอหันมาปรากฏว่าสิปาดันจับข้อมืออีกข้างของลันตาเอาไว้ ธัญญาเรศกับมิ้งค์ที่เดินตามเข้ามาอึ้งกับภาพที่เห็น
สิปาดันมองมืออนุชิตที่จับมือลันตาอยู่ “ปล่อยมือจากลันเดี๋ยวนี้...”
“แกเป็นใครวะ มายุ่งอะไรในออฟฟิศฉัน”
“เขาเป็นเพื่อนฉัน” ลันตาพยายามจะดึงมืออนุชิตออก “คุณนุ ปล่อย!”
จากจับข้อมืออนุชิตเปลี่ยนเป็นโอบไหล่ลันตาเข้ามาประชิด “เลิกงอนผมเถอะน่า” อนุชิตพูดกับสิปาดัน “ไปรอข้างนอกไม่งั้นฉันจะโยนแกออกไป”
ลันตาเห็นสิปาดันกำหมัดแน่น ลันตาตัดสินใจหันกลับมาตีเข่าใส่เป้าของอนุชิตเต็มแรง
อนุชิตร้องลั่น “โอ๊ก!”
อนุชิตจุกและร่วงลงพื้น
“คำตอบฉัน...ชัดเจน ไปเถอะสิปา”
ลันตารีบจับมือสิปาดันแล้วลากออกไปทันที ธัญญาเรศรีบตามไป มิ้งค์วิ่งตามไป อนุชิตมองตามอย่างหัวเสีย

ลันตาลากสิปาดันออกมาหน้าออฟฟิศ
“ลัน” สิปาดันจะหยุดเพื่อเคลียร์ให้ได้
“เคลียร์ที่คอนโด ฉันคิดถึงตาหนู” ลันตาบอก
ธัญญาเรศเดินตามมาต่อด้วยมิ้งค์ที่ตามมาเป็นคนสุดท้าย
ธัญญาเรศเรียกไว้ “เดี๋ยวก่อนลัน!”
ลันตาชะงัก
“แกคุยอะไรกับพี่นี” ธัญญาเรศถาม
“เรื่องส่วนตัว...ไว้ฉันค่อยเล่าให้ฟังทีหลังนะ”
“ทำไมถึงเล่าตอนนี้ไม่ได้”
“ไม่มีเหตุผล ไม่เล่าก็คือไม่เล่า ไปก่อนนะ ฉันรีบ” ลันตาว่า
ลันตาไม่สนใจธัญญาเรศ เธอลากสิปาดันเดินไป
ธัญญาเรศเรียก “ลัน!”
ธัญญาเรศมองตามอย่างไม่พอใจ มิ้งค์รีบเดินตามลันตาไป
มิ้งค์เรียก “พี่ลัน!”
ระหว่างที่โดนลันตาลาก สิปาดันก็ถาม “ลัน..แกยังไม่บอกเลยว่าคุณรัชนีจะช่วยแกหรือเปล่า”
“ช่วย? มีเรื่องอะไรกันเหรอพี่” มิ้งค์ถาม
“คุณย่าจับได้ว่าโกหกเรื่องไปเชียงใหม่น่ะสิ” ลันตาบอก
มิ้งค์ตกใจ “ตายแน่!”
ลันตาพูดกับสิปาดัน “พี่นีเขายอมช่วย แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”
สิปาดันกับมิ้งค์มองว่าอะไร

อนุชิตยังเดินขัด ๆ เข้ามาในห้อง ธัญญาเรศตามเข้ามาแล้วปิดประตูดังปัง!
“ฉันไม่ยอมนะ”
“ไม่ยอมอะไร?” อนุชิตถาม
“พี่นีเรียกลันกลับมาทำงานใช่ไหม” ธัญญาเรศโวย “คุณให้ฉันเป็นบ.ก.แล้ว คุณจะให้ลันมาแทนตำแหน่งฉันไม่ได้”
“ถ้าอานีตัดสินใจจะให้ลันตามาทำ ฉันก็ฝืนคำสั่งไม่ได้”
“ถ้าคุณไม่ขวาง ฉันจะประกาศให้ทุกคนในออฟฟิศรู้ว่าฉันเป็นเมียคุณ” ธัญญาเรศขู่
“หึ...อย่างเธอเป็นได้แค่คู่นอน” อนุชิตว่า
“คุณก็รู้แก่ใจว่าฉันเป็นมากกว่านั้น ฉันยอมเจ็บ ยอมเสียเขาไปก็เพื่อคุณ”
“แต่ฉันก็จ่ายให้เธอ...มันมากจนเกินไปด้วยซ้ำ”
ธัญญาเรศแค้น “คุณสัญญาว่าจะแต่งงานกับฉัน แล้วทำไมถึงกลายเป็นลัน”
“ผู้หญิงง่ายๆ อย่างเธอ ฉันไม่โง่เอามาเป็นแม่ของลูกฉันแน่”
“แล้วคิดว่าผู้หญิงฉลาดอย่างลันมันจะเอาผู้ชายฟอนเฟะอย่างคุณหรือไง คนทำหนังสือ...ถ้าหน้ากระดาษที่มันโดนปรู๊ฟแล้วว่าอ่านแล้วเนื้อหามันเป็นพิษ ยัยลันไม่จับขึ้นมาอ่านอีกแน่”
อนุชิตมองหน้าธัญญาเรศด้วยสายตารังเกียจ
“ก็จริง ถ้าอ่านจนทะลุปรุโปร่งแล้ว..ผมก็ไม่อ่านซ้ำเหมือนกัน”
ธัญญาเรศมองด้วยสายตาข่มขู่ “ถ้าการงานฉันพัง ฉันจะพังชีวิตคุณเหมือนกัน!”
อนุชิตมองด้วยสายตาแค้น ธัญญาเรศมองตอบโต้ไม่แพ้กัน

วันกล่อมตาหนูจนหลับ โดยมีพอลช่วยเป็นลูกมือดูแลอยู่
เสียงสิปาดันดังเข้ามา “ลัน...แกเข้าใจที่ฉันพูดไหม”
วันกับพอลหันไปมองที่ประตู ลันตาเปิดประตูเข้ามา สิปาดันเดินตามโดยมีมิ้งค์ตามเข้ามาอีกคน
“ลัน!”
น้าวันชี้นิ้วไปที่สิปาดันพร้อมทั้งทำสีหน้าดุให้เงียบ สิปาดันชะงักที่เจอวัน
“น้าวันใช่ไหมคะ สวัสดีค่ะ” ลันตายกมือไหว้
สิปาดันพลอยยกมือไหว้ไปด้วย ลันตาตรงไปหาตาหนูที่นอนหลับอยู่
“ตาหนู เป็นยังไงบ้างลูก”
“มาก็ดีแล้ว จะได้เคลียร์” วันบอก
สิปาดันกับลันตาอึ้งๆ ที่เห็นวันดูมาดเข้มเหลือเกิน
“พอล...พาตาหนูเข้าไปในห้องนอนก่อน” วันสั่ง
พอลหนักใจ “น้าครับ...มันเป็นเรื่องของเขา”
“ถ้ามันไม่ถูกต้อง เราไม่ควรปล่อยผ่าน”
“น้าวัน...” พอลจะค้าน
วันมองหน้าพอลยิ้มๆ
พอลพูดกับมิ้งค์ “คุณพาตาหนูเข้าไปในห้องที ผมต้องอยู่เคลียร์”
มิ้งค์พยักหน้าเข้าใจแล้วอุ้มตาหนูเข้าไปในห้องนอนก่อนจะปิดประตูอย่างเบามือ
“เธอสองคนเป็นแฟนกันหรือเปล่า” วันถาม
สิปาดันกับลันตามองน้าวันอย่างงง ๆ
“เปล่าค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน” ลันตาตอบ
“แล้วมีแฟนกันไหม” วันถามต่อ
“ไม่มีครับ” สิปาดันตอบ
“เข้าใจแล้ว...พวกโสดไม่มีเป้าหมาย ที่เก็บเด็กมาเลี้ยงนี่เพื่อแก้เหงาสินะ”
ลันตาหน้าตึง “คนนะคะไม่ใช่หมาแมว ถ้าจะเลี้ยงเด็กสักคนด้วยเหตุผลแบบนั้นล่ะก็ฉันคงบ้าไปแล้วแน่ๆ”
“แล้วทำไมยังเลี้ยงเด็กคนนี้อยู่ล่ะ ลูกตัวเองก็ไม่ใช่” วันถาม

พอลพยายามช่วยพูด “ทีน้าวันยังเลี้ยงผมได้เลย...”
“อย่างน้อยแกก็เป็นลูกเพื่อนสนิทของน้า แกมีที่มา แต่เด็กคนนี้ไม่ใช่มาจากไหนก็ไม่รู้ เป็นลูกโจรหรือเปล่า ต้องคิดเยอะ ๆ ที่พูดเนี่ยเพราะน้าหวังดีนะ”
“มนุษยธรรมค่ะ” ลันตาพูด น้าวันหันมามอง ลันตาถาม “เหตุผลนี้ใช้ได้ไหมคะ”
“ก็ดีกว่าแก้เหงาขึ้นมานิดนึง แต่ฉันว่าไอ้การเก็บเด็กมาเป็นภาระทั้งที่ไม่จำเป็น ก็คงเป็นพวกชอบหาเรื่องใส่ตัว” วันว่า
“วิจารณญาณ” ลันตาโพล่งออกมา น้าวันมองมาอีก “ที่ลันมี...มันบอกว่าลันกำลังทำสิ่งที่ถูก และมันเป็นเรื่องส่วนตัวของลันไม่เกี่ยวกับคุณน้า ขอบคุณนะคะที่ช่วยดูแลตาหนูให้ ลันขอรับแค่น้ำใจที่ช่วยดูตาหนูนะคะ ความหวังดีลันคงไม่ขอรบกวน”
วันมองด้วยสายตากร้าวเล็กๆ “ยืนยันว่าตัวเองทำถูกงั้นสิ”
ลันตาพูดแบบมั่นคงในความคิดของตัวเอง “แล้วคุณน้าแน่ใจเหรอคะว่าที่คุณน้าคิดมันไม่ผิด”
วันจ้องตากับลันตา
สิปาดัน พอล กับมิ้งค์โผล่หน้ามาดูต่างก็ลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น
วันรู้สึกถูกใจมาก “มันต้องแบบนี้...ความดีต้องไม่ใช่แค่คิด มันต้องลงมือทำดี ถึงจะเรียกว่าเป็นคนจริง”
ทุกคนงงกับท่าทีของน้าวันที่เปลี่ยนไวเหลือเกิน
วันพูดต่อ “หนูลัน ชัดเจน ฉะฉานแบบนี้น้าชอบ! มีแฟนหรือยังจ๊ะ ตาพอลหลานน้ายังว่างนะ มาเป็นหลานสะใภ้น้าไหม”
สิปาดันเหวอว่าไปเรื่องนี้ได้ไงวะ “หืมม”
“น้าวันครับ ผมว่ากลับบ้านเถอะครับ เลี้ยงตาหนูเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวผมไปส่งบ้าน” พอลบอก
“แกอย่าทำเสียเรื่องน่า เห็นมันติสท์แตกแบบนี้ ฐานะดีนะ รับรองหนูไม่ลำบากแน่” วันเชียร์
พอลพยายามจะดึงน้าวันออกไป “ไปเถอะครับ น้า กลับเถอะ” พอลหันไปหามิ้งค์ “คุณจะกลับเลยไหม”
มิ้งค์ยังไม่ทันตอบ สิปาดันก็แทรกขึ้นมา
“คืนนี้มิ้งค์ค้างที่นี่นะ ดูตาหนูให้พี่ที พี่กับพี่ลันมีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
ลันตามองสิปาดันรู้ว่าสิปาดันจะเคลียร์เรื่องงาน
มิ้งค์รู้ว่าบรรยากาศมาคุมากจึงบอกพอล “งั้นคุณไปเถอะ คืนนี้ฉันค้างที่นี่ดีกว่า”
“สวัสดีค่ะน้าวัน” ลันตาพูด
ลันตา สิปาดัน และมิ้งค์ไหว้น้าวัน พอลกับน้าวันเดินออกไป
“แกไปกับฉัน” สิปาดันบอก
“ตาหนูล่ะ” ลันตาถาม
สิปาดันมองไปทางมิ้งค์ด้วยสายตาดุ
มิ้งค์รู้หน้าที่ “เดี๋ยวมิ้งค์ดูให้เอง ตามสบายเลยค่ะพี่ๆ”
เสียงมือถือลันตาดัง ลันตาหยิบมาดูก็เห็นเป็นธัญญาเรศโทรมา เธอจะกดรับแต่สิปาดันดึงมาแล้วกดวาง
“สิปา!”
เสียงมือถือลันตาดังขึ้นอีก ลันตาจะหยิบแต่สิปาดันกดปิดเครื่องไปเลย ลันตามองอย่างไม่พอใจ สิปาดันก็แข็งกร้าวไม่แพ้กัน สิปาดันลากลันตาออกไปทันที มิ้งค์มองตามอย่างเป็นห่วง

ธัญญาเรศพยายามจะกดโทรออกแต่ไม่มีสัญญาณ เธอกระแทกโทรศัพท์ลงกับโต๊ะอย่างโมโห ธัญญาเรศกำมือด้วยความแค้นมาก

อ่านต่อหน้าที่ 3


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 8 (ต่อ)
สิปาดันลากลันตามาที่สระว่ายน้ำ ลันตาขืนตัวให้หยุดแล้วสะบัดมือจนหลุด

“มันเจ็บนะเว้ย” ลันตาว่า
“ฉันไม่ให้แกไปทำงานกับไอ้อนุชิตเด็ดขาด” สิปาดันว่า
“สิปา..แกอย่างี่เง่าได้ป่ะ”
สิปาดันขึ้นทันที “ฉันห่วงแก...นี่ฉันงี่เง่าเหรอ?”
“ถ้าแกไม่งี่เง่า แกต้องเข้าใจฉันสิ”
“เข้าใจเหรอ?ขนาดวันนี้มันยังจะลากแกเข้าห้องทำงานมัน แล้วถ้าต้องทำงานกับมัน เกิดวันไหนมันคิดจะต่อยท้อง วางยา...”
“เฮ้ยๆ เกินไป ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า ฉันดูแลตัวเองได้”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันไม่ยอม”
“ไอ้สิปา..แกก็รู้ว่าฉันไม่มีทางเลือก ระหว่างต้องเจองูอย่างอนุชิตกับคุณย่า ฉันยอมตบตีกับอนุชิตดีกว่า”
“ถ้าแกไปทำงานกับมัน ก็ไม่ต้องคุยกัน”
“แล้วแกมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ ถ้าความแตก ฉันจะมาดูแลตาหนูไม่ได้อีก แล้วถ้าย่ารู้ว่าแกรวมหัวกับฉันย่าจะต้องเกลียดแกมากขึ้นฉันไม่อยากให้ทุกอย่างที่เราทำมันพัง ไม่อยากให้ย่าเกลียดแกมากไปกว่านี้”
สิปาดันรู้ว่าลันตาพูดถูกทุกอย่างแต่เขาก็อดไม่ได้
“ฉันเป็นห่วงแก...” สิปาดันบอก
“ฉันรู้ ขอบใจนะสิปา แต่แกต้องเชื่อว่าฉันไม่ใช่พวกโง่ซ้ำซ้อน แล้วแกก็ไม่ยอมให้ฉันโง่หรอกจริงไหม”
“จริง ถ้าแกโดนมันหลอกคราวนี้ ฉันเลิกคบแกจริงๆ”
“ฉันไม่ยอมเสียเพื่อนแน่ ดังนั้นฉันจะไม่โง่ สัญญา”
ทั้งสองทำท่าให้สัญญากันแบบเท่ ๆ

เช้าวันต่อมา มิ้งค์แต่งตัวเรียบร้อย โดยมีกระเป๋าสะพายหนึ่งใบ มีกระเป๋าแบบถุงใส่เอกสารดูแบบน่ารักเก๋ๆ อีกหนึ่งใบกำลังจะออกไปนอกห้อง
“พี่ลัน มิ้งค์ไปก่อนนะพี่ ต้องเอางานไปให้พี่ญ่าก่อนเก้าโมงค่ะ”
ลันตาที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินออกมา
“อืม...เดี๋ยวพี่จัดการตาหนูเรียบร้อยแล้วจะรีบตามไป”
มิ้งค์เดินออกไป
สิปาดันกำลังป้อนนมให้กับตาหนู ส่วนอีกมือก็กำลังหยิบขนมปังปิ้งใส่จาน
“สิปา วันนี้แกไปบินหรือเปล่า”
“ฉันหยุดได้อีกวัน แกไปจัดการให้เรียบร้อย วันนี้ฉันจะดูตาหนูเอง” สิปาดันบอก
“แกดูตาหนูไหวแน่นะ” ลันตาถาม
“แน่สิ”
สิปาดันหยิบจานไข่ดาว ไส้กรอก และขนมปังปิ้งมาวางที่โต๊ะ
“เพิ่มพลังก่อนแล้วค่อยไป”
ลันตาซึ้งกับสิ่งที่สิปาดันทำให้จึงเผลอจับมือสิปาดัน
สิปาดันชะงักแล้วหันมามองว่าลันตามีอะไร
ลันตาพูด “ขอบใจนะสิปา สำหรับทุกอย่าง”
“ก็เราเพื่อนกันนี่” สิปาดันบอก
ลันตาหน้าเสียไปเล็กๆ กับคำว่าเพื่อน
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” สิปาดันถาม
ลันตาพูดกลบเกลื่อน “ก็ปอด ๆ นิดหน่อย”
สิปาดันวางมือบนหัวลันตาแล้วโยกเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“ทุกอย่างต้องโอเค...เชื่อฉัน” สิปาดันบอก
ลันตายิ่งรู้สึกอบอุ่นกับการกระทำของสิปาดันมากขึ้น
ลันตายิ้ม “มันต้องโอเค.....”
ทั้งสองต่างยิ้มเป็นกำลังใจให้กันและกัน

มิ้งค์รีบเดินจ้ำมาที่หน้าลิฟท์ชะงักที่เห็นพอลยืนอยู่ที่หน้าลิฟท์
“จะไปออฟฟิศเหรอ ผมไปส่งไหม” พอลถาม
“ไม่ต้องหรอก ฉันเดินไปขึ้นรถที่ปากซอยเร็วกว่า” มิ้งค์บอก
พอลหันแล้วก้มลงไปมองแล้วก็ขำออกมา
มิ้งค์มอง “ขำอะไร”
“ถ้าคนธรรมดาเดินแป๊บเดียวก็คงถึง แต่เตี้ยขาสั้นอย่างคุณคงต้องใช้เวลานานกว่าคนปกติสักสองเท่าล่ะมั้ง”
มิ้งค์ของขึ้น “ไอ้เครา”
พอลใช้นิ้วควงกุญแจรถกวนๆ “จะไปไหม? บริการถึงหน้าออฟฟิศ จะได้มีเวลาคุยเรื่องคุณธัญญาเรศเมื่อวานด้วย”
มิ้งค์นึกได้ว่าจริง มองพอลอย่างกระตือรือร้น

พอลขับรถเข้ามาจอดที่หน้าออฟฟิศ มิ้งค์นั่งที่นั่งข้างคนขับ
“ฉิวเฉียดเวลาเข้างานพอดี” พอลบอก
มิ้งค์รีบปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วจะลงเพราะกลัวสาย “ขอบคุณที่มาส่ง”
“ระวังตัวนะคุณ” พอลเตือน
มิ้งค์ชะงักแล้วหันมา “คุณคิดว่า...”
“คุณญ่าเขาพุ่งมาสอบสวนคุณขนาดนั้น ไม่สงสัยคุณก็แปลกแล้ว”
“คุณว่าเรื่องที่มีคนตามไปขวางพี่ลันที่เชียงใหม่จนชาวเขาหายตัวไป มันจะเกี่ยวกับพี่ญ่าหรือเปล่า”
“คิดว่าคุณธัญญ่าเป็นคนจ้างพวกนั้นไปเหรอ”
“ก็คิดสิคุณ คิด..ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกันเป๊ะ ๆ ฉันว่าใช่แน่”
“แล้วเขาจะทำทำไม”
มิ้งค์ชะงักไป “นั่นสิ...คุณว่าเขาทำทำไม”
“เขาจะทำเพราะอะไรผมไม่รู้ แต่ที่รู้คุณน่ะสายแล้ว”
มิ้งค์มองนาฬิกาแล้วก็ยิ่งตกใจ “แปดโมงครึ่ง! ฉันไปก่อนนะ”
มิ้งค์รีบวิ่งลงจากรถ พอลมองตามขำ ๆ ก่อนจะออกรถไป

เสียงโทรศัพท์สั่นแบบไม่ได้เปิดเสียงดังครืด ๆ อยู่ในรถ พอลได้ยินก็จอดรถแล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดู
“ไม่ใช่...”
แต่เสียงครืด ๆ ก็ยังดัง พอลฟังแล้วหันไปมองด้านหลังก็เห็นถุงของมิ้งค์วางอยู่ พอลหยิบมาเปิดดูก็เห็นว่าในถุงมีเอกสารกับโทรศัพท์ของมิ้งค์ พอลหยิบมาดูหน้าจอโชว์ว่าลันตาโทรมา พอลตัดสินใจกดรับ
“สวัสดีครับคุณลัน...ผมมาส่งคุณมิ้งค์ เขาลืมมือถือไว้ในรถผม...เขาไปถึงออฟฟิศแล้วครับ ...สวัสดีครับ”
พอลกดวางสายแล้วมองมือถือในมือ
“ยัยเตี้ย...”
พอลตัดสินใจกลับรถเพื่อจะเอามือถือไปคืน

มิ้งค์ออกมาจากห้องน้ำและกำลังจะวิ่งเข้าไปในออฟฟิศ
ทันใดนั้นเสียงเตี่ยมิ้งค์ก็ดังขึ้น “อามิ้งค์!”
มิ้งค์ชะงักหันกลับมาแล้วก็ตกใจที่เห็นเตี่ยยืนอยู่ด้วยสีหน้าโกรธมาก
“เตี่ย...”

พอลอยู่ในลิฟท์ที่เลื่อนมาถึงชั้นที่ทำงานลาเบล ลิฟท์เปิดออก พอลชะงักที่เห็นเตี่ยมิ้งค์กำลังโวยวายตีมิ้งค์อย่างไม่สนใจสายตากิ๊ก ติ๊ดตี่และคนในออฟฟิศที่มองอย่างสอดรู้
“มิ้งค์เจ็บ เตี่ย! มิ้งค์เจ็บ”
“ไอ้ลูกเลว!”
พอลเข้าไปคว้าตัวมิ้งค์ไว้
“พอได้แล้วครับ!”
“ลื้อเป็นใคร ยุ่งอะไร!” เตี่ยพูดกับมิ้งค์ “ไอ้นี่มันผัวแกใช่ไหม”
มิ้งค์ตกใจ “ไม่ใช่นะเตี่ย”
“แล้วเช้าขนาดนี้แกนั่งรถมันมาจากไหน บ้านมันใช่ไหม แกกล้าโกหกเตี่ยไปค้างกับผู้ชายเหรอ ไอ้ลูกเลว”
เตี่ยมิ้งค์ยิ่งโกรธจึงเข้าไปตีมิ้งค์ พอลพยายามห้ามแต่ไม่เป็นผล
“ไม่ใช่นะครับ ฟังก่อนสิครับ”
สถานการณ์ยิ่งชุลมุน เมื่อเตี่ยมิ้งค์ไม่ยอมหยุดตี พอลพยายามห้ามแต่เตี่ยมิ้งค์ไม่ฟังเลย ลันตาออกมาจากลิฟท์อีกตัวก็ชะงักที่เห็นพอล มิ้งค์ และเตี่ยมิ้งค์กำลังมีเรื่องกัน
“มิ้งค์! หยุดค่ะ หยุด! นี่เรื่องอะไรกันคะ” ลันตาถาม
“อย่ามายุ่ง อั๊วจะตีมันให้ตาย อยู่ไปก็ทำแต่เรื่องขายขี้หน้า”
“คุณลุงครับ ผมเป็นแค่เพื่อนของคุณมิ้งค์” พอลบอก
เตี่ยมิ้งค์สวน “โกหก!”
“คุณพอลเป็นเพื่อนของลันกับมิ้งค์จริงๆ ค่ะ” ลันตายืนยัน
“เมื่อคืนมันไม่กลับบ้าน เช้าก็นั่งรถมากับผู้ชาย”
“ลันให้คุณพอลมาส่งมิ้งค์เองค่ะ คุณพอลเป็นเพื่อนข้างบ้านกับลัน เมื่อคืนมิ้งค์ไปค้างกับลัน มิ้งค์รีบมาทำงาน แต่ลันติดธุระก็เลยรบกวนให้คุณพอลมาส่งมิ้งค์ก่อน”
“คิดว่าอั๊วจะเชื่อเหรอ”
“แต่คุณพ่อต้องเชื่อค่ะ เพราะมันเป็นความจริง” ลันตายกมือไหว้ “ลันขอโทษนะคะที่ไม่ได้โทรขอคุณพ่อว่าให้มิ้งค์ค้างกับลัน ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด แต่ที่ลันพูดทั้งหมดเป็นความจริงค่ะ”
เตี่ยมิ้งค์เห็นลันตามองมาอย่างจริงจังน่าเชื่อถือก็หันไปหามิ้งค์ “กลับบ้าน!”
“มิ้งค์ต้องฝึกงานนะเตี่ย”
“ไม่ต้องฝึก ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้ออกมาก็ทำแต่เรื่องขายขี้หน้า กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
มิ้งค์ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ “มิ้งค์ช่วยม๊าทำงาน ตั้งใจเรียนให้จบ แบบนี้ทำให้เตี่ยขายหน้าเหรอ แล้วขี้เกียจตัวเป็นขนอย่างพวกลูกชายเตี่ย มันน่าภูมิใจตรงไหน”
เตี่ยมิ้งค์โมโหจึงตบหน้ามิ้งค์ดังผัวะ! ทุกคนอึ้ง มิ้งค์น้ำตาร่วงอึ้งแล้ววิ่งหนีลงบันไดไปทันที
ลันตาตกใจ “มิ้งค์!”
พอลรีบวิ่งตามมิ้งค์ไป
“เตี่ยคะ..มิ้งค์เป็นเด็กดี ไม่เคยทำเรื่องเสียหายเลยนะคะ” ลันตาอธิบาย
เตี่ยมิ้งค์ไม่ตอบรับใด ๆ ลิฟท์เปิด พนักงานคนอื่นเดินออกมา เตี่ยมิ้งค์เข้าลิฟท์กลับไปทันที ลันตาเห็นธัญญาเรศยืนมองเหตุการณ์อยู่อย่างสนใจ ธัญญาเรศมองไปทางลันตาที่ดูเคร่งเครียด

ลันตาจะเดินลงบันไดตามมิ้งค์ไป แต่เสียงมือถือลันตาดัง
ลันตากดรับ “ค่ะพี่นี ลันมาถึงแล้วค่ะ” ลันตาห่วงมิ้งค์แต่ก็พะวงเรื่องธัญญาเรศ “ค่ะ ลันจะรีบขึ้นไปค่ะ”
ลันตาจะเดินเข้าไปในออฟฟฟิศ ธัญญาเรศมาขวางไว้
“ลัน.. เมื่อคืนฉันโทรหาแก ทำไมแกไม่รับ”
“พอดีฉันยุ่งๆ อยู่ ก็เลยไม่ว่างรับ แกมีอะไร” ลันตาถามกลับ
“แกยังไม่ได้บอกฉันว่าเมื่อวานแกกับพี่นีคุยอะไรกัน”
ลันตาเครียดจนไม่มีอารมณ์จะตอบ “ธุระส่วนตัวน่ะ”
ธัญญาเรศชักหงุดหงิด “เดี๋ยวนี้แกมีอะไรแกไม่บอกเพื่อนงั้นเหรอ”
“ฉันก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวบ้างหรือเปล่าวะไอ้ญ่า”
“ตกลงแกจะไม่บอกใช่ไหมว่าเรื่องอะไร”
“ไอ้ญ่า....ฉันกำลังยุ่งนะเว้ย ถ้าหายยุ่งแล้วจะเล่าให้ฟัง”
ธัญญาเรศลืมตัว “แต่ฉันอยากรู้เดี๋ยวนี้”
ลันตาชะงักหันมองธัญญาเรศอย่างหงุดหงิดว่าอะไรนักหนา แต่ยังไม่ทันได้พูดเสียงย่ามาลัยก็ดังขึ้น
“ยัยลัน!”
มาลัยกับอังก้าวเข้ามาเหมือนระฆังช่วยชีวิตไว้พอดี
“คุณย่า ป้าอัง สวัสดีค่ะ ทำไม...” ธัญญาเรศจะถาม
ลันตาพูดแทรก “พี่นีรออยู่แล้วค่ะคุณย่า”
ลันตาเดินนำมาลัยกับอังไป ธัญญาเรศมองตามด้วยความหงุดหงิด

รัชนีนั่งรออยู่ที่โต๊ะทำงาน ลันตาเดินนำมาลัยกับอังเข้ามา
“พี่นีคะ คุณย่ามาลัยกับป้าอังค่ะ” ลันตาบอก
“สวัสดีค่ะ ดิฉันรัชนี เป็นหัวหน้าของลันตาค่ะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ฉันต้องมารบกวนคุณ” มาลัยบอก
“หลานลันบอกกับที่บ้านว่าหลายวันที่เขาหายไปจากบ้าน เขาอ้างว่ากำลังทำงานให้กับคุณ มันจริงหรือเปล่าคะ” อังถาม
“แม่อัง!” มาลัยปราม
“ก็คุณพี่สงสัย...”
มาลัยหันไปมองขวับ อังได้แต่ก้มหน้า “ค่ะ...”
รัชนียิ้มอย่างไม่หวั่น “ดิฉันกำลังจะเปิดหนังสือในเครืออีกเล่มค่ะ และอยากได้คนเก่งๆ อย่างลันตามาช่วยงาน ดิฉันต้องการให้เรื่องหนังสือเล่มใหม่เงียบที่สุด เลยขอให้ลันตาช่วยวางโปรเจ็คท์”
มาลัยมองอาการลันตาที่เผลอถอนใจโล่งอก
“แล้วเรื่องที่อ้างว่าต้องไปทำงานตามติดชีวิตนางงาม เป็นความคิดมาจากคุณด้วยหรือเปล่า”
“คุณย่าคะ ...เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับพี่นีนะคะ เป็นความผิดของลันเอง”
“มันจะมีจริง ๆ ใช่ไหมคะ หนังสือเล่มใหม่” มาลัยถาม
“ดิฉันทราบนะคะว่าลันตาคงจะทำให้คุณย่าไม่เชื่อใจ แต่ดิฉันเอาหน้าที่การงานของดิฉันเป็นประกันได้ว่าลันตาไม่ได้โกหกคุณย่าจริงๆ” รัชนีบอก
มาลัยจ้องตารัชนี รัชนีมองตอบแบบไม่หลบ
“ฉันรับทราบ...” มาลัยพูด
“คุณพี่คะ..แล้วเรื่องผู้ชาย” อังแทรกขึ้น
มาลัยมองรัชนี “แล้วหลานฉันจะปลอดภัยจากหลานชายของคุณไหม”
ลันตาตกใจ “คุณย่า!”
“ฉันมีลันตาเป็นหลานสาวคนเดียว ฉันรักและหวงหลานคนนี้มาก ที่จริงฉันว่าคุณน่าจะรู้ดีว่าทำไมฉันถึงไม่อยากให้หลานของฉันต้องทำงานกับคุณ”
“ดิฉันทราบค่ะ ดิฉันก็เอ็นดูลันตาเหมือนน้องสาว พี่สาวดูแลน้องสาว..หวังว่าคุณย่าจะพอใจนะคะ”
มาลัยนิ่ง
รัชนีพูดต่อ “งานครั้งนี้จะเป็นโอกาสให้ลันตาได้พิสูจน์ฝีมือในการทำงาน น่าเสียดายนะคะถ้าจะพลาดไปเพียงเพราะว่าความกลัว”
มาลัยมองรัชนีแล้วมองลันตาด้วยสีหน้าคิดหนัก ลันตาแอบจับมืออัง อังบีบมือลันตาอย่างให้กำลังใจ
อ่านต่อหน้าที่ 4 


รักต้องอุ้ม ตอนที่ 8 (ต่อ)
มิ้งค์เดินมาตามถนนแล้วก็นั่งลงที่ป้ายรถเมล์ที่มีคนยืนรอรถเมล์ค่อนข้างบางตา พอลเดินเข้ามานั่งข้างๆ มิ้งค์เงียบๆ มิ้งค์น้ำตาร่วงด้วยความน้อยใจ

“ฉันเบื่อ...เบื่อที่เตี่ยคิดกับฉันแบบนี้ ถ้าไม่รักฉันแล้วให้ฉันเกิดมาทำไม”
“นั่นสิ”
มิ้งค์ชะงักหันมามองพอล พอลมองแล้วยิ้ม
“ถ้าไม่รัก...เขาจะยอมให้คุณเกิด เลี้ยงดูคุณ แล้วก็ยอมให้คุณเรียนทั้งที่มันสิ้นเปลืองทำไม...มันน่าคิดนะ” พอลยิ้ม
“ถ้าเขารัก ทำไมเขาถึงเอาแต่ระแวง ไม่เคยพูดหรือว่ามองฉันในแง่ดีเลย”
“แล้วคุณทำให้เขามองคุณในแง่ดีหรือยัง”
“ฉันพยายามแล้วแต่เท่าไหร่มันก็ไม่เคยพอ”
“ก็แสดงว่าคุณยังพยายามไม่พอ พิสูจน์ตัวเองสิคุณทำให้เขาเห็นว่าคุณเป็นลูกสาวที่เขาควรจะภูมิใจ มันอาจจะยากแต่อุปสรรคมันมีไว้ฝ่าฟันนะคุณยังดีกว่าผม...ยังมีคนที่คุณรักและอยากให้เขาภูมิใจในตัวคุณมีครอบครัว”
“แต่คุณก็ยังมีน้าวันที่เขารักคุณนะ เคสของเตี่ยฉันหนักหนากว่าเยอะ”
“คุณไม่รู้หรอกว่าผมที่คุณเห็นวันนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง” พอลเห็นมิ้งค์หันมามอง “น้าวันบอกผมเสมอว่า อะไรก็ตามที่มันเกิดขึ้นในชีวิตเราเป็นสิ่งดีเสมอ”
“โดนตีโดนด่าเนี่ยนะคุณ”
“ก็ถ้าไม่ท้อเพราะเจ็บเหมือนโดนเหยียบให้จมดิน ก็จะเป็นบทเรียนให้จดจำ ไม่ก็...เป็นแรงกระตุ้นให้เราฮึดเดินหน้าต่อจนประสบความสำเร็จก็ได้ มันอยู่ที่เราเลือกว่าจะให้มันเป็นอะไร ผมเลือกให้มันเป็นแรงกระตุ้น แล้วคุณล่ะ?”
มิ้งค์มองพอลพลางคิดตามคำพูดของพอล

ลันตากำลังเก็บของเพิ่มเติมใส่กระเป๋ากับอัง
“คราวนี้ไปตั้งสามเดือนเชียวเหรอ ทำไมจะต้องไปเก็บตัวไกลขนาดนั้น ที่จริงทำงานอยู่ที่บ้านก็ได้นี่” อังว่า
“ลันต้องมีดิวงานกับทีมที่โน่นหลายอย่างน่ะค่ะคุณป้า” ลันตากอดป้าอัง “คิดถึงลันใช่ไหมคะ”
“ป้ามีหลานอยู่คนเดียว เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ๆ หายไปนานๆ แบบนี้ ป้าเหงา”
ลันตารู้สึกผิด “ลันจะรีบทำงานแล้วรีบกลับมาหาคุณป้ากับคุณย่านะคะ”
มาลัยเดินเข้ามา
“เก็บของเสร็จหรือยัง” มาลัยถาม
“ใกล้แล้วค่ะย่า ย่ายังไม่นอนอีกเหรอคะ”
มาลัยนั่งบนเตียงก่อนจะวางกล่องเล็ก ๆ ลันตามองด้วยความสงสัย
“กล่องอะไรคะย่า” ลันตาถาม
ลันตาหยิบขึ้นมาเปิดออกดูก็เห็นว่าในกล่องเป็นริบบิ้นสีแดง ลันตาหยิบออกมา
“ริบบิ้นเส้นนี้...”
“ริบบิ้นเส้นนี้ที่พันตัวแกกับผ้าห่มไว้ วันที่ย่าเจอแกไงล่ะ”
ลันตามองอย่างงงๆ ว่าเอามาเพื่ออะไร
มาลัยหยิบริบบิ้นมาแล้วมาพันที่ข้อมือของลันตา “ตอนที่ย่าเจอแก ริบบิ้นเส้นนี้มันผูกกันเป็นโบว์แบบนี้ ทันทีที่ย่าเห็น ย่ารู้เลยว่าแกเป็นของขวัญที่โชคชะตาส่งมาให้กับย่า ยี่สิบกว่าปีที่ย่าเลี้ยงลันมา วันนี้ลันไม่ใช่แค่ของขวัญ แต่ลันเป็นชีวิตเป็นหัวใจของย่า...ถ้าลันจะทำอะไรให้ลันจำไว้ว่าหัวใจของย่าอยู่ในมือของลันนะลูก”
ลันตารู้สึกผิดกับการโกหกมาลัย
ลันตากอดย่ามาลัย “ลันรักย่านะคะ” แล้วลันตาก็กอดป้าอังด้วย “รักป้าอังด้วย รักครอบครัวของลันที่สุดในโลก ลันสัญญาค่ะว่าลันจะรีบกลับมา”
ย่า ป้า และหลานกอดกันด้วยความรัก

ลันตาลากกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามา มาลัยกับอังเดินตามมาส่ง รัชนีเดินเข้ามาสวัสดีย่ามาลัยกับป้าอัง
รัชนีส่งตั๋วเครื่องบินให้ “เดินทางดีๆ นะ”
ลันตารับตั๋วมา “ขอบคุณค่ะพี่นี”
อังแอบร้องไห้
“แกจะร้องทำไม หลานไม่ได้ไปครั้งแรกสักหน่อย” มาลัยว่า
“ก็ตอนโน้นส่งที่บ้านคิดว่าไม่นานก็กลับ แต่คราวนี้มาส่งที่นี่ บรรยากาศมันพาไปค่ะคุณพี่” อังบอก
ลันตากอดอัง “ป้าอัง...คุณย่า...”
มาลัยจับที่ข้อมือของลันตาที่ยังมีริบบิ้นผูกอยู่ “จำไว้นะ ว่าย่าอยู่กับแกเสมอ”
ลันตาเข้ากอดย่ามาลัยด้วยความรู้สึกผิดมากๆ
“ไปเถอะลันเดี๋ยวจะตกเครื่องนะ ทุกอย่างเรียบร้อยนะ” รัชนีถาม
“ค่ะ..ขอบคุณมากค่ะพี่นี”
“แล้วเจอกัน...”
ลันตาเดินเข้าไปในสนามบิน มาลัยกับอังมองตามด้วยความเป็นห่วง

ลันตาเดินเข้ามาโดยยังแอบปาดน้ำตาเพราะรู้สึกผิดกับย่ามาลัยและป้าอัง สิปาดันเข้ามาจับหัวลันตา
“เป็นไงแก”
สิปาดันจับลันตาให้หันมาก็เห็นว่าลันตาร้องไห้
สิปาดันตกใจ “ไอ้ลัน แกร้องไห้ทำไม”
“ฉัน....”
สิปาดันเข้าใจ “รู้สึกผิดกับคุณย่ามาลัยกับป้าอังใช่ไหม”
ลันตามองด้วยความแปลกใจ “แกรู้ได้ยังไง ฉันยังไม่ได้พูดเลย”
สิปาดันไม่ตอบแต่ขยี้หัวลันตาเบาๆ แล้วยิ้ม
“ไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่งที่คอนโด”
“ไม่ต้องหรอก แกบอกว่าจะเข้าออฟฟิศไม่ใช่เหรอ ฉันกลับเองได้”
“ขืนปล่อยโก๊ะ ๆ อย่างแกโผล่ออกไปเอง แล้วไปพลาดจ๊ะเอ๋กับย่ามาลัยเข้า เดี๋ยวก็เป็นเรื่องให้ฉันต้องตามไปช่วยอีก แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่”
“นี่แกด่าว่าฉันไม่ได้เรื่องอยู่นะ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
ลันตาลืมตัวยกขาจะเตะสิปาดัน สิปาดันคว้าขาที่ลันตายกจนลันตาเสียหลักแทบจะหงาย สิปาดันต้องคว้าตัวลันตาไว้แล้วต่างคนก็ต่างชะงักกันไป
เสียงมะนาวดังขึ้น “สิปา...”
สิปาดันกับลันตาผละออกจากกัน พอหันมาก็ต้องตกใจที่เห็นมะนาวในชุดแอร์โฮสเตส สายการบินเดียวกับสิปาดัน
สิปาดันอึ้งว่ามะนาวทำไมถึงใส่ชุดนี้ “มะนาว....ทำไม”
“นาวเพิ่งย้ายมาทำงานที่สายการบินนี้ค่ะ มีอะไรแนะนำน้องใหม่ด้วยนะคะ สิปา...ต่อไปนี้” มะนาวมองที่ลันตา “เราคงได้เจอกันบ่อยขึ้น ทำงานด้วยกัน ได้ใกล้กันเหมือนวันเก่าๆ”
มะนาวมองลันตา ลันตามองตอบอย่างรู้สึกได้เลยว่ามะนาวกำลังเดินหน้าเรื่องสิปาดัน ลันตากับมะนาวยืนคนละข้าง สิปาดันอยู่ตรงกลางด้วยความรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศที่เกิดขึ้น

สิปาดันพาลันตาเดินออกมา ลันตาเงียบไป
“แกเป็นอะไรหรือเปล่าลัน” สิปาดันถาม
“เปล่า...” ลันตาตอบ
“แล้วเสียงแข็งทำไม”
“แกดีใจมะ ได้ทำงานกับแฟนเก่า”
“มันก็น้อยมากนะที่แฟนเก่าจะทำงานด้วยกันได้ แต่ทำได้มันก็ดี ทำงานด้วยกันไม่มองหน้ากัน มันอึดอัด แกว่าไหม”
“เออ!”
“ไอ้ลัน เสียงแข็งแบบนี้โกรธฉันเรื่องอะไรวะ”
ลันตาหงุดหงิดจึงตัดบท “พี่นีมาแล้ว ไว้คุยกันทีหลัง...”
รัชนีก้าวเข้ามา
“รอนานไหมคะพี่” ลันตาถาม
“ก็รอจนแน่ใจว่าคุณย่าของลันกลับไปแล้ว” รัชนีบอก
“ขอบคุณมากนะคะพี่ที่ช่วยลัน”
“พี่ทำเพราะหวังผล แล้วตอนนี้พี่ก็หวังจะเห็น “ผล” แล้วด้วย”
สิปาดันกับลันตามองรัชนีว่าหมายความว่ายังไง

รัชนีเปิดประตูห้องประชุมเข้ามา ลันตาเดินตามรัชนีเข้ามา กีรติที่รออยู่ในห้องหันกลับมา
ลันตาแปลกใจ “คุณกบ...”
“คุณลัน...”
“กลับมาถึงเมื่อไหร่คะ” ลันตาถาม
“เมื่อวานดึก ๆ ครับ”
“รู้จักกันแล้วเหรอ หนังสือหัวใหม่ในเครือลาเบลทางบริษัทคุณกบจะร่วมหุ้นด้วยจ๊ะ” รัชนีบอก
“ก็เป็นเพื่อนของเพื่อนน่ะค่ะ แต่หนังสือเล่มใหม่ เราจะแตกไลน์จากลาเบลไม่ใช่เหรอคะ แต่คุณกบเป็นแนวคู่มือท่องเที่ยวนี่คะ”
“พี่อธิป ให้ผมเป็นตัวแทนจาก sky มาประสานงานกับคุณรัชนีน่ะครับ พอดีช่วงนี้ที่บริษัทโปรเจ็คท์เยอะ ก็เลยให้ผมมาช่วย” กีรติบอก
“ลันจะต้องพรีเซ้นต์โปรเจ็คท์ใหม่ต่อหน้าผู้บริหารทั้งสองบริษัท คอนเซ็ปท์กับเงื่อนไขของทาง sky สามารถคุยกับคุณกีรติได้เลย” รัชนีบอก
“เรายังมีเวลาอีกสองอาทิตย์ครับก่อนเจ้านายผมจะเดินทางกลับมา”
“ค่ะ...ยินดีนะคะที่ได้ร่วมงานกัน”
กีรติยิ้มรับนิ่งๆ ตามสไตล์

มาลัยกับอังเข้ามาในร้านผ้าไหม
“ใกล้สิ้นปีแล้ว ซื้อผ้าไปตัดชุดใหม่ๆ ก็ดีนะคะคุณพี่ คุณพี่ไม่ได้ตัดเสื้อผ้าใหม่มาหลายปีแล้ว ผ้าสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะคะคุณพี่”
มาลัยเลือกผ้า มาลัยเห็นผ้าสีสว่าง ลายทักถอดูหวานก็หยิบมาดู
“ลายแบบนี้มันแบบที่พี่นวลชอบนี่คะ” อังว่า
อังกับมาลัยต่างก็ชะงักกันไป มาลัยหน้าเสียไปเล็กน้อย
“ลายแบบนี้ไม่เหมาะกับคุณพี่หรอกค่ะ ลายโน้นดีไหมคะคุณพี่”
มาลัยหันไปมองผ้าอีกด้านหนึ่งแล้วจะหยิบมาดู ทันใดนั้นก็มีอีกมือหนึ่งเข้ามาจับที่ผ้าแน่น มาลัยเงยหน้ามองก็ชะงักที่เห็นว่าเป็นเอื้องคำ
“เอื้องคำ...”
“ไม่เจอกันนานเลยนะมาลัย...ตั้งแต่เธอโดนฟ้องร้องว่าเอาที่อุทยานขายญาติตัวเองใช่ไหม” เอื้องคำยิ้มสะใจ
มาลัยแค้นมากแต่ยังพยายามเก็บอารมณ์
อังทนไม่ได้ “คนใจทราม...เจอกี่ทีก็พ่นแต่คำสกปรก”
“รับไม่ได้ล่ะสิ พวกขี้แพ้..” เอื้องคำว่า
อังปรี๊ดมากจะด่าสวน แต่มาลัยยกมือยั้งไว้
“อย่าไปเสียเวลาเลยแม่อัง....พวกหน้าเนื้อใจเสือ คิดคดตั้งแต่ในกมลสันดาน ขนาดร่างกายไม่สมประกอบก็ไม่ช่วยให้เลิกพิการทางใจ”
เอื้องคำแค้น “ถ้าไม่ใช่เพราะแก...”
มาลัยมองที่ขาข้างที่พิการของเอื้องคำ “เธอก็คงฮุบสมบัติญาติพี่น้องสามีสำเร็จ จะโทษฉันก็ไม่ถูกนะ โทษความโลภของเธอที่ทำให้ต้องรับผลกรรมแบบนี้”
“มาลัย!”
“ฉันดีใจนะที่เธอจำชื่อฉันได้ขึ้นใจ ขอให้จำจนตายเลยนะ เพราะชาติจะได้ตามใช้กรรมกับฉันได้ถูกคน! แม่อัง....กลับ...”
มาลัยเดินไป อังจะเดินตาม
เอื้องคำพูดขึ้น “งั้นยัยนวลก็คงต้องไปพร้อมฉันสินะ”
มาลัยชะงักทำให้อังพลอยชะงักไปด้วย
“มิตรภาพ...” เอื้องคำขำเหยียดหยัน “อุตส่าห์ทุ่มสุดตัวช่วยเพื่อนให้เจริญ สุดท้ายมันก็ถีบหัวส่ง แบบนี้สินะที่เรียก เพื่อนหน้าโง่”
มาลัยอึ้งด้วยความเจ็บจนเถียงไม่ออกเพราะทุกอย่างเป็นความจริง มาลัยกำมือแน่น
อังเห็นอาการของมาลัยก็รู้ว่าย่ามาลัยเจ็บปวดกับเรื่องนี้มาก “กลับเถอะค่ะคุณพี่ นะคะ”
อังพยายามพาย่ามาลัยออกไปจนได้ เอื้องคำมองตามอย่างสะใจ มะนาวที่ยืนมองอยู่อีกด้านเดินเข้ามา
“คุณป้าคะ คุณย่าคนนั้น”
“ย่าของลันตา” เอื้องคำบอก
“คนนี้นี่เองที่ทำให้คุณป้าฮุบสมบัติย่านวลไม่สำเร็จ แล้วก็ทำให้ขาคุณป้าต้อง” มะนาวมองที่ขาเอื้องคำ
เอื้องคำสายตากร้าวก่อนจะตวัดตามองมะนาว จนมะนาวต้องเงียบ
“เรื่องย้ายที่ทำงานไปถึงไหนแล้ว” เอื้องคำถาม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วนาวก็ได้เจอกับสิปาแล้วด้วย”
เอื้องคำกดดัน “ครั้งนี้ แกจะต้องไม่พลาดอีก”
มะนาวมีสีหน้าอึดอัดลำบากใจ ส่วนเอื้องคำมีสีหน้ามุ่งร้ายมาก

รัชนีปิดแฟ้ม
“คอนเซ็ปท์กับภาพรวมของทางลาเบลกับทางSky ทั้งหมดตามที่พี่กับคุณกีรติบอกไป เรื่องทีมในการทำงาน ลันเลือกคนลงตำแหน่งเองเลยนะพี่ให้อิสระ”
“ขอบคุณค่ะพี่นี”
“เรื่องแผนงานโฆษณาของหนังสือ ทาง Sky อยากให้ตัวแทนทั้งสองฝ่ายคุยร่วมกันเพื่อเตรียมแผนงาน”
“พี่เรียกเขามาแล้ว”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ประตูถูกเปิดออก อนุชิตก้าวเข้ามา อนุชิตชะงักที่เห็นกีรติ
รัชนีแนะนำ “นี่คุณกีรติ ตัวแทนจากบริษัทที่จะร่วมหุ้นกับเรา คุณกีรติคะ อนุชิต เป็นผู้อำนวยการกลุ่มงานโฆษณาของลาเบล”
กีรติยิ้มกวนตีน “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
อนุชิตไม่พอใจแต่ยังเก็บอาการ “อานีครับ คุณสุวิภารอพบอยู่ที่ห้องทำงานครับ”
“งั้นขอตัวสักครู่นะคะ”
รัชนีเดินออกไป ทันทีที่ประตูปิด กีรติก็พูด
“เซอร์ไพร์สมากเลยนะครับ ที่ได้พบกันอีก แล้วยังต้องร่วมงานกันด้วย” กีรติยิ้มแล้วหันไปหาลันตา “ดีใจไหมครับที่รัก ที่เราจะได้ทำงานด้วยกัน”
ลันตามองตากีรติแล้วรับมุกทันที
“ดีใจสิคะ ที่รัก”
“ทำงานกับที่นี่ มันไม่ง่ายหรอกนะ” อนุชิตขู่
“จุ๊ๆ ๆ คุณพูดจาไม่กลัวโดนถอนหุ้นเลยนะครับ ถึงผมจะเป็นแค่ตัวแทน แต่เสียงของตัวแทนหุ้นส่วนอย่างผมเขี่ยคุณให้เดือดร้อนได้แน่” กีรติว่า
“แกคิดว่าฉันจะกลัวเหรอ”
“ผมรู้ว่าคุณเป็นหลานคุณรัชนี แต่ถ้าคุณไม่ลืม คุณรัชนีกับคุณเป็นแค่ลูกจ้างที่ถูกจ้างให้มาบริหารไม่ใช่เจ้าของลาเบลอย่างคุณสุวิภา แต่อยากลองก็ได้นะครับ ผมจะจัดให้สาสมเลย ดีไหมคะที่รัก”
ลันตาได้แต่ยิ้มไม่ตอบอะไร อนุชิตมองหน้ากีรติอย่างสุดแค้น กีรติมองตอบแบบกวนตีนเพราะรู้ว่าตัวเองเหนือกว่าอนุชิต
อ่านต่อตอนที่ 9 

กำลังโหลดความคิดเห็น