พรายพยากรณ์ ตอนที่ 8
ภูมินทร์กำลังนั่งอ่านเอกสารการประชุมในสวน แต่ก็อดที่จะแว่บคิดถึงพิณชนิดาขึ้นมาไม่ได้ เขาพยายามไล่ภาพความคิดออกไป แล้วก้มลงอ่านเอกสารต่อ ครู่หนึ่งแสงโชติก็เดินเข้ามา
“ยังไม่ไปง้อแฟนอีกเหรอ?”
“ใครแฟนฉัน?” ภูมินทร์ถามกลับโดยไม่เงยหน้ามอง
“สุดาไง เมื่อวานผมเห็นร้องห่มร้องไห้ออกไปจากงาน”
“ สุดาไม่ใช่แฟนฉัน”
แสงโชติแอบยิ้มเยาะ
“ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วจะเป็นอะไร คนทั้งสังคม เค้ารู้กันทั้งนั้นว่าพี่กับสุดา เป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน”
“คนอื่นจะมองยังไงฉันไม่รู้ แต่สำหรับฉัน สุดาเป็นแค่เพื่อน”
ภูมินทร์รำคาญ จึงลุกขึ้นจะเดินออกไป แต่แสงโชติรีบถามดักคอขึ้นมาก่อน
“ถ้าสุดาเป็นแค่เพื่อน แล้วคุณพิณเป็นอะไร?”
ได้ผล ภูมินทร์ชะงักเท้าทันที แสงโชติหรี่ตามองอย่างรู้ทัน
“ร้อยวันพันปี ไม่เคยเห็นพี่พาผู้หญิงมาทานข้าวที่บ้าน ท่าทางคุณพิณคงจะมีความสำคัญกับพี่มาก”
ภูมินทร์ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน
“เอาเวลามายุ่งเรื่องของฉัน ไปเตรียมเรื่องพรีเซนต์ประชุมวันนี้ดีกว่า อย่าให้เสียหน้าเหมือนครั้งที่แล้วอีก ฉัน-อาย-แทน”
พูดจบก็เดินออกไป แสงโชติยิ้มสะใจ
“ฉันรู้จุดอ่อนแกแล้ว งานนี้แกสาหัสแน่ พิณชนิดา”
พิณชนิดาครุ่นคิดอย่างเป็นกังวล เรื่องที่ภูมินทร์จะโดนวางยา วิญญาณทั้งสามลอบมองอย่างจับสังเกต แม่กับป้าลงความเห็นว่าที่พิณชนิดาเป็นห่วงภูมินทร์ออกหน้าออกตา ก็เพราะสนใจเขา แต่พ่อพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า พิณชนิดาแค่เป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่นเท่านั้น
จังหวะนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้น พิณชนิดารีบหันไปรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณแสงโชติ”
“วันนี้คุณพิณว่างรึเปล่าครับ?”
พิณชนิดายังไม่ทันพูดอะไร ก็มีเสียงเคาะห้องดังมาขัดจังหวะ พร้อมกับเสียงของเจ๊ตุ่มที่พูดมาจากหน้าห้อง
“ หมอพิณ เจ๊ตุ่มเองจ้า มาตามที่นัดไว้”
พิณชนิดาเพิ่งนึกได้ ว่านัดลูกค้าไว้ จึงรีบปฏิเสธแสงโชติแล้ววางสายทันที
แสงโชติไม่พอใจที่ถูกปฏิเสธ รีบกดมือถือโทร. ออกอีกครั้ง
“สืบที่อยู่ผู้หญิงคนหนึ่งให้ฉันด่วน”
แสงโชติกำลังขับรถเลี้ยวเข้ามาซอย พลางหันมามองดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ที่วางอยู่เบาะข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้มแบบเหยียดๆ
“ผู้หญิงเห็นดอกไม้ช่อใหญ่ ๆ ยังไงก็ต้องใจอ่อน”
พลันมือถือก็ดังขึ้นมา เขารีบรับสายด้วยสมอลทอล์ค
“ฉันเข้าซอยมาแล้ว ตกลงชื่ออพาร์ตเม้นต์อะไรนะ”
ลูกน้องตอบกลับมาทางปลายสาย แต่สัญญาณขาดๆ หายๆ “ขวัญ....”
“ฮัลโหลๆ ว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ชัด ฮัลโหล ๆ”
แสงโชติเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พลันก็มีผู้หญิงวิ่งข้ามถนน แต่เกิดสะดุดขาตัวเองทำให้ล้มลง เขารีบเหยียบเบรกจนตัวโก่ง เสียงเอี๊ยดดังลั่น
“ข้ามถนน ทำไมไม่รู้จักแหกตาดูรถบ้างวะ เดี๋ยวฉันโทร. กลับ”
จากนั้นก็รีบวางสาย แล้วเดินลงจากรถ
ที่ด้านหน้ารถ แยมส้มพยายามจะยันตัวลุกขึ้น แสงโชติเดินเข้ามาดูอย่างหงุดหงิด
“เป็นอะไรรึเปล่า?”
แยมส้มเงยหน้าขึ้นมอง แสงโชติเห็นความสวยของถึงกับตะลึง แยมส้มก็มองตอบอย่างสนใจเช่นเดียวกัน
“ขอโทษด้วยนะคะที่ข้ามถนนไม่ดู แยมส้มกำลังรีบค่ะ”
แสงโชติยิ้มกรุ้มกริ่ม รีบเข้าไปช่วยประคองทันที
“เจ็บตรงไหนบ้างครับ ? ”
แยมส้มน้ำเสียงออดอ้อน ให้ดูน่าสงสาร “เจ็บหัวเข่านิดหน่อยค่ะ”
“เดินไปเองคงลำบากแย่ ผมไปส่งที่บ้านนะครับ”
แยมส้มปรายตามองแล้วยิ้มให้ แสงโชติยิ้มตอบ
พิณชนิดาเปิดไพ่ดูดวง แต่ปรากฏว่าไพ่ออกมา เจ๊ตุ่มจะต้องโดนผู้ชายหลอกเงิน นางถึงกับโวยวายเสียงดัง ก่อนที่จะขอร้องให้พิณชนิดาช่วยแก้กรรมให้
“กรรม มันเกิดจาก ความคิด การกระทำของเรานี่เอง ถ้าจะแก้กรรม ก็ต้องเริ่มที่แก้ความคิดของเราเสียก่อน ก่อนอื่นพิณต้องถามพี่ว่า ผู้ชายแต่ละคนที่พี่เลือกคบด้วย พี่ชอบเค้าเพราะอะไรคะ?”
เจ๊ตุ่มยิ้มเขินๆ “หล่อ ต้องหล่อ ไม่หล่อ พี่ไม่มอง”
“พูดกันตรงๆ คือ เจ๊ชอบผู้ชายที่ภายนอก ถูกมั้ยคะ? โลกนี้ไม่มีความบังเอิญ เรามักดึงดูดคนประเภทเดียวกับเรามาเสมอ เจ๊ชอบผู้ชายที่รูปลักษณ์ภายนอก ผู้ชายพวกนั้นชอบเจ๊ที่เงิน ต่างคนต่างชอบกันที่เปลือก มันถึงได้มาเจอกันไงคะ ถ้าอยากเจอผู้ชายที่รักเจ๊จากตัวตนของเจ๊จริงๆ เจ๊ก็ต้องเริ่มที่จะรักผู้ชายที่ตัวตนของเค้าจริงๆ ไม่ใช่รักจากหน้าตาของเค้า”
เจ๊ตุ่มนิ่งคิดตาม พิณชนิดายิ้มเป็นกำลังใจ
“แก้กรรม ไม่ต้องทำพิธีอะไร แค่เปลี่ยนวิธีคิดของเจ๊เท่านั้นเอง ความคิดเปลี่ยน ชีวิตก็เปลี่ยน”
แสงโชติกับแยมส้มนอนเปลือยซบกันอยู่บนเตียง เมื่อฝ่ายหญิงถามถึงเรื่องดอกไม้ในรถ เขาก็โกหกว่าเป็นของเพื่อนลืมไว้
“คุณแสงโชติยังไม่มีใครจริง ๆ ใช่มั้ยคะ?”
แสงโชติไม่ตอบ แต่กลับก้มลงพรมจูบที่แก้มและคอของอีกฝ่าย พลันเสียงมือถือ ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“ครับพ่อ”
“ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน จะประชุมอยู่แล้ว ทำไมยังไม่เข้าบริษัท”
แสงโชติเพิ่งนึกได้ “ไปเดี๋ยวนี้ครับ”
แยมส้มนึกสนุก หันไปหยิบมือถือถ่ายรูปตนเอง โดยมีแสงโชติที่กำลังใส่เสื้อผ้าเป็นแบคกราวน์เบื้องหลังเอาไว้
“ทำอะไร?”
“แหม ตกใจอะไรคะ แค่ถ่ายรูปคุณไว้ด้วย เวลาที่คิดถึง”
แสงโชตินึกฉุนขึ้นมาทันที “ลบออกเดี๋ยวนี้ ผมไม่ชอบ เกิดรูปหลุดออกไปเป็นข่าว พ่อผมจะว่ายังไง?”
แยมส้มยักไหล่ “ก็บอกคุณพ่อไปสิคะ ว่าเราเป็นอะไรกัน”
แสงโชติพูดไม่ออก รีบใส่เสื้อผ้าอย่างร้อนรน แยมส้มนึกขึ้นมาได้
“นี่คุณคงไม่คิดจะเก็บแยมส้มเอาไว้เงียบ ๆ ใช่มั้ยคะ”
แสงโชติถอนหายใจเซ็งๆ
“มันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องเอาไปป่าวประกาศ แล้วอีกอย่าง เราเพิ่งเจอกันเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ทำไมผมต้องให้ความสำคัญกับคุณด้วย ในเมื่อคุณง่ายมา ผมก็ง่ายไป แค่หนุกชั่วคราวก็เท่านั้น แต่ถ้าคุณเรื่องมากนัก เราก็จบกันแค่นี้”
แยมส้มกำมือแน่น
“ได้แล้วคิดจะทิ้งกันง่ายๆ แยมส้มไม่มีวันยอม เรื่องนี้ถึงนักข่าวแน่”
เมื่อเจ๊ตุ่มกลับไป พิณชนิดาก็หันกลับมากังวลเรื่องภูมินทร์ต่อ
“มัวแต่ดูดวงให้ลูกค้า ลืมเรื่องนายภูมินทร์ไปสนิทเลย เอาไงดี?”
ปิ่นเพชรที่อยู่ข้างๆ รีบเสนอ “โทร.ไปเตือนสิเจ๊”
“นายภูมินทร์คงเชื่อ”
“เตือนนายภูไม่ได้ ก็เตือนลูกน้องเค้าสิ”
พิณชนิดายิ้มออก รีบหันไปหยิบโทรศัพท์
ระหว่างที่บรรดาหุ้นส่วนนั่งรอภูมินทร์อยู่ในห้องประชุม ก้องภพก็ยกกาแฟเข้ามาเสิร์ฟ
“กาแฟดังจากสวิส คุณภูสั่งมาพิเศษสำหรับทุกคน เพื่อเป็นการขอโทษจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วครับ”
หุ้นส่วนคนหนึ่งสูดกลิ่น พลางลองจิบดู แล้วถึงกับออกปาก
“หอมจริง ๆ รสชาติก็เยี่ยม นายภูมินทร์รสนิยมดีจริงๆ”
แต่อีกคนกลับพูแบบเหน็บๆ “แต่กาแฟแค่นี้ซื้อความรู้สึกของพวกเราคืนไม่ได้ง่ายๆ หรอก”
ขาดคำ ภูมินทร์ก็เดินเข้ามาพอดี
“แล้วถ้าเป็นแผนธุรกิจร้านกาแฟเฟรนส์ไชส์จากสวิสล่ะครับ พอจะซื้อใจทุกคนได้รึเปล่า?”
พิณชนิดาพยายามโทร. หาก้องภพ แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับสาย
“บางทีนายภูมินทร์อาจจะดวงถึงฆาตแล้ว คนมันจะตาย ใครหน้าไหนก็ช่วยไม่ได้”
พิณชนิดาหันมาทำตาดุใส่ปิ่นเพชร
“ทำไมไปแช่งเค้าแบบนั้น ถึงนายภูมินทร์จะดวงตก แต่คงไม่ถึงฆาต แค่โทร.ไปเตือน มันยังไม่ถือว่าช่วยเต็มที่ เราต้องพยายามให้มากกว่านี้”
ปิ่นเพชรหรี่ตามองแบบกวน ๆ
“ทำไมเราต้องพยายามด้วย ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย ยอมรับมาเถอะ ว่าเจ๊ชอบนายนั่น”
“ไม่ได้ชอบ ไม่มีทางชอบด้วย มันเป็นเรื่องของมนุษยธรรม”
ปิ่นเพชรส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อคำพูด พิณชนิดาครุ่นคิดต่อ พลันก็นึกได้
“เจ๊นึกออกแล้ว ว่าจะทำยังไง”
จากนั้นพิณชนิดาก็ไปหาก้องภพถึงที้บริษัท แต่กลับถูก รปภ. กันไว้ไม่ให้เข้าด้านใน ตุ๊กแก
ปิ่นเพชร เลยแปลงร่างเป็นเด็กชาย ออกอุบายแกล้งร้องไห้เสียงดังลั่นตึก หลอกล่อให้ รปภ. เดินเข้ามาหา
“แม่ไปไหน ทำไมมาร้องไห้อยู่ตรงนี้ โอ๋ ๆ อย่าร้องนะ อย่าร้อง”
รปภ.มัวแต่วุ่นวายกับปิ่นเพชร จึงไม่เห็นพิณชนิดาที่แอบย่องเข้าไปในตัวตึกเรียบร้อยแล้ว
พิณชนิดาหลบเข้ามาในห้องน้ำ พลางครุ่นคิด
“คุณก้องภพก็ติดต่อไม่ได้ กว่าจะขึ้นไปถึงห้องทำงานนายภูมินทร์ รปภ. ต้องเห็นเราในกล้อง
วรจรปิดก่อนแน่ เอายังไงดี?”
บังเอิญมีแม่บ้านในตึกเดินมาเข้าห้องน้ำ แล้ววางถุงกระดาษที่ใส่ชุดฟอร์มแม่บ้านไว้หน้ากระจก
พิณชนิดารีบคว้าถุง แล้วเดินออกไปทันที
ขวัญทิพย์กับแพนเค้กมาเคาะประตูเรียกแยมส้ม เพื่อทวงค่าเช้า แต่เคาะเท่าไห่ ก็ไม่มีคนมาเปิดประตู 2 ผัว-เมีย จึงตัดสินใจที่จะพังประตูเข้าไป
ทั้งคู่ผนึกกำลังเอาตัวทุ่มประตูเต็มแรง เป็นผลให้ประตูเปิดผ่าง พร้อมกับร่างของแพนเค้กที่กระเด็น ล้มกลิ้งไปนอนข้างศพของแยมส้มที่นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ใกล้ ๆ ประตู ในมือกำแบงค์พันเอาไว้หลายใบกับเอกสารแผ่นหนึ่ง ส่วนขวัญทิพย์กระเด็นไปอยู่อีกทาง
แพนเค้กเห็นหน้าแยมส้มที่นอนตายตาไม่หลับอยู่ข้างๆ ก็แทบช็อก พลางรีบชี้ที่ศพให้เมียดู ทำเอา ขวัญทิพย์ถึงกับผงะ ด้วยความตกใจสุดขีด
สัญชัยกำลังพรีเซ้นต์โครงการคอนโดติดชายทะเลต่อหน้าที่ประชุม แสงโชติ ค่อย ๆ ย่องเข้ามา ภูมินทร์ปรายตามองด้วยสายตาตำหนิ โดยไม่ทันสังเกตเห็นรอยข่วนที่คอ และที่ข้างแก้มของแสงโชติ
พิณชนิดาใส่ชุดแม่บ้านใสผ้าปิดปาก เดินเข้ามา พลางพยายามมองหาภูมินทร์กับก้องภพ แต่กลับไม่เห็นใคร เอ๋เดินเข้ามาเห็น ก็รีบออกคำสั่ง
“ช่วยฉันจัดอาหารว่างให้ผู้บริหารเร็ว”
พิณชนิดาที่ช่วยเอ๋จัดกาแฟร้อน และอาหารว่างให้ผู้บริหาร พยายามชะเง้อมองหาก้องภพ จนเอ๋ชักสงสัย
“มองหาใครยะ?”
“เปล่าค่ะ เปล่า”
พลันคนขับรถของภูมินทร์ ก็เดินเข้ามา พร้อมกล่องใส่อาหาร ตรงเอาไปให้เอ๋
“คุณนมฝากมาให้คุณภูมินทร์ครับ”
เอ๋ยิ้มรับ จากนั้นก็นำคัพเค้กในกล่องออกมาจัดใส่จาน แต่ก็แอบเม้มไว้กินเอง 1 ชิ้น พลางหันมาสั่งพิณชนิดาให้รีบยกถาดกาแฟและจานเค้ก เข้าไปในห้องประชุม
พิณชนิดาเอากาแฟกับเค้กเข้ามาเสิร์ฟให้ภูมินทร์ แต่เขาจำเธอไม่ได้ เธอจึงยกกาแฟเสิร์ฟให้
คนอื่นต่อไป ขณะเดียวกันก็พยายามส่งสายตาให้ก้องภพที่นั่งอยู่มุมห้อง พลางแอบถอดผ้าปิดปาก พร้อมกับส่งสัญญาณให้เขาไปคุยหน้าห้อง
ก้องภพเห็นพิณชนิดาก็นึกแปลกใจ แต่ก็รีบตามออกจากห้องไป โดยที่ทุกคนยังประชุมตามปกติ
“ฉันจะมาบอกคุณก้อง ให้เตือนนายภูมินทร์”
พิณชนิดารีบบอกอย่างร้อนใจ
“เตือนเรื่องอะไรครับ?”
พิณชนิดายังไม่ทันตอบ ก็ได้ยินเสียงเพล้งดังมา ทั้งคู่จึงหันไปมอง เห็นเอ๋กำลังชักน้ำลาย
ฟูมปากอยู่กับพื้น ก้องภพรีบเข้ามาประคองเอ๋ทันที
“คุณเอ๋ เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ? ”
พลางรีบกดมือถือโทร. ออก
“ส่งรถพยาบาลมาด่วนที่ ....”
พิณชนิดามองเอ๋ ด้วยสีหน้าอึ้งตะลึง แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
“เค้ก”
จากนั้นก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องประชุมทันที
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ขณะที่ภูมินทร์กำลังตักเค้กเข้าปาก พิณชนิดาวิ่งเข้ามาห้ามอย่างฉิวเฉียด
“อย่ากิน”
ทุกคนในห้องประชุมหันไปมองเธอเป็นตาเดียว ภูมินทร์เองยังถึงกับตกใจ
“คุณ มาทำบ้าอะไรที่นี่”
พิณชนิดารีบบอก “ถ้าไม่อยากตาย ก็วางเค้กนั่นลงซะ มันมียาพิษ”
สัญชัย แสงโชติ และผู้บริหารมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“เค้กนี่ นมเป็นคนทำ มันจะมียาพิษได้ไง ?”
“คนที่เพิ่งกินเค้กนั่น เพิ่งดิ้นชักแง่ก ๆ อยู่หน้าห้อง ไม่เชื่อก็ไปดูสิ”
ภูมินทร์นิ่วหน้า และรีบเดินออกไป ทุกคนในห้องประชุมรีบเดินตาม
แต่เมื่อทั้งหมดออกมาด้านนอก ก็ไม่พบใครแล้ว พิณชนิดารีบบอกกับภูมินทร์ว่าก้องภพน่าจะพาเอ๋ไปโรงพยาบาลแล้ว เขาจึงรีบโทร. หาก้องภพทันที
“อยู่ไหน?”
“ผมกำลังพาคุณเอ๋ส่งโรงพยาบาลครับ”
ภูมินทร์ตกใจ “เอ๋เป็นอะไร?”
“ยังไม่ทราบครับ ผมเห็นคุณเอ๋ชัก แล้วก็น้ำลายฟูมปาก”
“ฝากดูแลเอ๋ด้วย”
ภูมินทร์กดวางสาย แล้วหันไปบอกทุกคน
“ผมขอยกเลิกการประชุม”
จากนั้น รีบลากมือพิณชนิดาออกไปทันที แสงโชติมองตามด้วยแววตาร้าย
ภูมินทร์ลากพิณชนิดาออกมาอีกด้าน แล้วก็โวยวายใส่หน้าทันที หาว่าเธอจงใจสร้างเรื่องขึ้นมา
“ฉันเนี่ยนะ สร้างเรื่อง ? ”
“ถ้าเธอไม่ได้จงใจสร้างเรื่อง แล้วปลอมตัวเข้ามาทำไม”
พิณชนิดารีบอธิบาย
“ก็รปภ. ไม่ให้ฉันเข้า ฉันก็เลยต้องทำแบบนี้ แต่ฉันไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย ฉันแค่จะมาเตือนนายให้ระวัง นายจะโดนวางยา”
ภูมินทร์ย้อนถามเสียงเข้ม “เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะโดนวางยา?”
“ไพ่”
ภูมินทร์แค่นยิ้ม “กระดาษแค่นั้น มันจะบอกอะไรได้”
“ถ้าบอกไม่ได้ ฉันจะมาช่วยนายทันได้ยังไง ? ”
ภูมินทร์ปรายตามองเป็นเชิงเยาะ
“ช่วย? หรือจงใจสร้างสถานการณ์กันแน่ ทุกอย่างมันดูบังเอิญเกินไป คนที่วางยาฉัน น่าจะเป็นเธอ ปลอมตัวเข้ามาแอบวางยา แล้วก็ทำทีเข้ามาช่วย เพื่อแสดงตัวเป็นฮีโร่ เธอต้องการอะไรจากฉันกันแน่?”
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น”
ภูมินทร์ตะคอกใส่ “แล้วมีเหตุผลอะไร ทำไมต้องวุ่นวายช่วยฉันขนาดนี้?”
“มนุษยธรรม รู้จักรึเปล่า?”
ภูมินทร์ย้อนกลับ “มนุษยธรรม หรือผลประโยชน์?”
“สมองนายมันมีแต่เรื่องชั่วๆ”
“พอรู้ทัน ก็ด่า จำใส่กะโหลกเอาไว้ คนอย่างฉันไม่มีทางตกหลุมเธอง่าย ๆ เลิกเอาไพ่ไร้สาระพวกนั้นมาอ้างได้แล้ว”
พิณชนิดาได้ฟังก็โมโห “อย่าบังอาจมาด่าไพ่ของฉัน”
“ของลวงโลกแบบนั้น ทำไมจะด่าไม่ได้”
“ไพ่ของฉันช่วยเหลือคน ไม่เคยทำร้ายใคร ไม่เหมือนคนสกปรกอย่างนาย ที่คิดได้แต่เรื่องสกปรก”
ภูมินทร์กำมือแน่น “ถ้าไพ่ของเธอวิเศษนัก กล้าพิสูจน์รึเปล่า ? ฉันให้เวลา 3 วัน หาของสำคัญที่สุดของฉันที่หายไปให้เจอ แล้วฉันจะเชื่อว่าเธอไม่ได้สร้างเรื่อง เพื่อจะจับฉันเป็นสามี แต่ถ้าเธอทำไม่สำเร็จ ฉันจะแจ้งตำรวจจับเธอข้อหาพยายามฆ่า”
“ได้ พูดเลย เจอแน่”
ทั้งคู่จ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
อรรถพรเดินออกมากับตำรวจที่มาทำคดีแยมส้ม ขวัญทิพย์กับแพนเค้ก รีบหันไปถาม
“ตกลงใครเป็นคนฆ่าน้องแยมส้มเหรอครับ?”
“ยังไม่ทราบครับ เจ้าหน้าที่กำลังหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ มีพยานเห็นผู้ตายเข้าห้องไปกับผู้ชายคนนึง แต่เห็นหน้าไม่ชัด ผมคงต้องดูภาพจากกล้องวงจรปิด”
ขวัญทิพย์กับแพนเค้กหันมามองหน้ากัน หนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ มองอย่างรู้ทัน “ลักษณะกล้องจะเสีย”
อรรถพรหงุดหงิด
“ เสียอีกแล้ว ? ตกลงกล้องวงจรปิดในอพาร์ตเม้นต์นี้มีตัวไหนใช้ได้บ้าง”
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้
“จริง ๆ แล้วคุณแยมส้ม น่าจะกำลังเอาเงินค่าเช่าไปให้พี่ขวัญ”
ขวัญทิพย์มองอย่างแปลกใจ “หมวดอรรถทราบได้ยังไงคะ?”
“มือคุณแยมส้มกำเงินกับใบทวงหนี้ค่าเช่าห้องเอาไว้แน่นเลยน่ะสิครับ”
พูดจบก็รีบเดินออกไป ขวัญทิพย์รีบยกมือไหว้ท่วมหัว
“น้องแยมส้มขา ค่าเช่าห้องพี่ยกให้ ไม่ต้องเอามาให้พี่แล้วนะคะ พี่ไม่อยากได้”
หุ้นส่วนรู้สึกไม่พอใจที่จู่ๆ ภูมินทร์ยกเลิกการประชุม พลางหันมาถามอย่างข้องใจ
“เรื่องวางยาภูมินทร์ เรื่องที่เอ๋ถูกพาส่งโรงพยาบาล มันยังไงกัน ?”
แสงโชติรีบพูดใส่ไฟ
“พี่ภูมีผู้หญิงหลายคน คงเคลียร์กันไม่ลงตัว ผู้หญิงคนนี้ก็เลยมาสร้างเรื่องป่วนบริษัท เรียกร้องความสนใจ”
หุ้นส่วนยิ่งไม่พอใจ
“ขืนปล่อยให้บริษัทของเรา มีประธานไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ แย่แน่”
แสงโชติได้ที “นั่นสิครับ หรือว่าจะถึงเวลาที่เราจะเลือกประธานบริษัทกันใหม่ ? ”
สัญชัยรีบปราม “อย่าพูดแบบนั้น ภูมินทร์ได้ยินเข้าจะเสียใจ”
หุ้นส่วนเห็นด้วยกับแสงโชติ แต่ไม่วายกังวล
“ติดที่ภูมินทร์มีหุ้นมากที่สุด
แสงโชติยิ้มร้าย
“หุ้นใหญ่แค่ก้อนเดียว คงสู้ก้อนเล็ก ๆ รวมกันไม่ได้ จริงมั้ยครับ?”
หุ้นส่วนหันมองหน้ากันอย่างเห็นด้วย สัญชัยยิ้มแบบเกรงใจๆ
เมื่ออยู่กันตามลำพัง 2 คนพ่อ-ลูก แสงโชติก็หัวเราะอย่างสะใจ
“อีกไม่นาน พวกหุ้นส่วนอาวุโส คงจะดันคุณพ่อขึ้นเป็นประธานบริษัทแทนไอ้ภู”
สัญชัยรีบปรามลูกชาย
“พูดอะไรระวังหน่อย หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับพ่อ พนักงานบริษัทนี้รักพ่อ เกลียดไอ้ภู ไม่มีใครเอาเรื่องนี้ ไปฟ้องไอ้ภูแน่”
แสงโชติกำลังจะลุกขึ้น พลันสัญชัยก็เหลือบมองเห็นรอยเล็บที่คอ และที่ข้างๆ หน้าของลูกชาย จึงเอ่ยปากถามอย่างแปลกใจ แต่อีกฝ่ายกลับโกหกว่าโดนแมวข่วน
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับพ่อ แมวตัวนี้สิ้นฤทธิ์แล้ว”
แพนเค้กกับขวัญทิพย์ ย่อง ๆ เข้ามาในห้องแยมส้ม ในมือมีชุดเครื่องเซ่นพร้อมจุดธูป 1 ดอก
จู่อรรถพรก็เปิดประตูผัวะเข้ามา ทำเอา 2 ผัว-เมียแทบช็อก
“หมวดอรรถ ทำไมจู่ๆ โผล่มาแบบนี้ หัวใจพี่จะวาย”
“ผมต้องถามพี่มากกว่า ว่าพวกพี่เข้ามาในที่เกิดเหตุแบบนี้ได้ยังไง เจ้าหน้าที่สั่งห้ามแล้ว
นี่ครับ”
2 ผัว-เมียรีบบอกว่าตั้งใจแค่จะมาขออโหสิกรรมแยมส้มเฉย ๆ จากนั้นก็ทำท่าจะเดินออกไป แต่อรรถพรเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวครับ ผมขอดูภาพกล้องวงจรปิดครับ เผื่อช่วงเวลาที่เกิดเหตุจะใช้งานได้”
“แม่นจริง ๆ แม่นยังกับตาเห็น หมอรู้ได้ยังไง”
ผู้หญิงที่นั่งดูหมออยู่ที่คอนโดร้องอย่างตื่นเต้น ฟ้ารุ่งที่กำลังเดินออกไปถึงกับชะงักเท้าทันที
จากนั้นฟ้ารุ่งก็มานั่งให้หมอดูนั่งดูดวง พลางรีบถามอย่างร้อนใจ
“ดวงหนูกับแฟนเป็นยังไงบ้างคะ? ใช่คู่แท้กันรึเปล่า?”
หมอดูนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ
“เป็นเนื้อคู่กัน แต่ไม่ใช่คู่แท้ ชีวิตคนๆ นึง สามารถเจอเนื้อคู่ได้หลายคน แต่จะมีคู่แท้แค่คนเดียว ผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่คู่แท้ของหนู อีกไม่นาน ต้องเลิกกัน”
ฟ้ารุ่งตกใจจนพูดไม่ออก หมอดูพูดต่อ
“ผู้ชายคนนี้ หนูได้มายังไง? หนูคงรู้ตัวดี กรรมถึงเวลา มันต้องชดใช้”
ทางด้านพิณชนิดา พอกลับมาถึงที่อพาร์ตเม้นต์ก็มานั่งกลุ้ม เพราะดันรับคำท้าของภูมินทร์ไปแล้ว ทำเอาปราชญ์ยิ่งชังน้ำหน้าภูมินทร์มากขึ้น ตรงข้ามกับกานต์กมล ที่มองอย่างเข้าใจ
“ถ้ามองในมุมเค้า มันก็เชื่อยากเหมือนกันนะคะคุณ จู่ ๆ ลูกเราก็ปลอมตัวเข้าไปเตือนเค้า แล้วดันอยู่กับเค้กพวกนั้นก่อนเกิดเรื่องด้วย เป็นใครก็ต้องเข้าใจผิด”
พัณทิพาช่วยพูดเสริม
“นายภูมินทร์โตขึ้นมาโดยขาดพ่อกับแม่ ขาดความรัก มีแต่เงิน มันไม่แปลกที่เค้าจะมองโลกในแง่ร้าย ระแวงคนที่เข้ามาในชีวิต”
ปราชญ์ส่ายหัว “ทำไมชอบเข้าข้างไอ้ภูมินทร์นัก”
กานต์กมลรีบอธิบาย
“ไม่ได้เข้าข้าง แค่อยากให้คุณมองภาพกว้างๆ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ยัยพิณก็ต้องเรียนรู้เรื่องการช่วยเหลือคน ที่ต้องคิด ไตร่ตรองวิธีการให้ดีๆ มีสติ ไม่อย่างงั้น ก็จะกลายเป็นเอ็นดูเขา เอ็นเราเกือบขาดแบบนี้”
ปราชญ์เถียงไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
ภูมินทร์ถือกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมเอ๋ที่โรงพยาบาล แต่ก็ยังคงทำฟอร์ม ว่าผ่านมาเลยแค่แวะมาดูเฉยๆ แต่ก่อนจะออกไป กลับหันมาบอกว่าเอ่ว่าจะรับผิดชอบค่าใช่จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมดให้
คล้อยหลังที่ภูมินทร์เดินออกไป เอ๋ก็แอบรำพึงกับตัวเอง
“ลึกๆ แล้วคุณภูเป็นคนใจดีอย่างที่คุณก้องบอกจริง ๆ ด้วย”
“ตกลงเรื่องเอ๋ หมอว่ายังไง?”
ภูมินทร์หันมาถามก้องภพ ขณะที่เดินคุยกันมาตามทางในโรงพยาบาล
“พบสารไซยาไนต์ปนเปื้อนมากับอาหาร โชคดีที่คุณเอ๋ทานไปไม่เยอะ แล้วก็มาถึงโรงพยาบาลเร็ว เลยรอด”
ภูมินทขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“ขนมเค้กนั่นนมเป็นคนทำ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสารพิษ”
“คุณนมคงไม่มีทางใส่ยาพิษนั่น ระหว่างทางกว่าจะส่งมาถึงคุณภูต่างหากครับที่น่าสนใจ เราไม่รู้ว่ามีใครเข้าไปยุ่งกับเค้กพวกนั้นบ้าง”
ภูมินทร์ยิ่งคิด ก็ยิ่งแค้น “ที่แน่ ๆ มีอยู่คนนึง พิณชนิดา”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับคุณภู คุณพิณจะทำแบบนั้นทำไม?”
“เรื่องทุกอย่างมันบังเอิญเกินไป ข้ออ้างของยัยนั่นก็เชื่อไม่ได้ จู่ ๆ ดูไพ่ เจอว่าฉันจะถูกวางยา ก็เลยมาเตือน แต่ดันเกิดเหตุการณ์ขึ้นพอดี สร้างสถานการณ์ขึ้นมาชัด ๆ”
ก้องภพย้อนถาม “แล้วถ้าคุณพิณเธอพูดความจริงล่ะครับ ?”
“จริงหรือไม่จริง อีกไม่เกินสามวันก็รู้”
ภิชาสินีเดินเข้ามาในอพาร์ตเม้นต์ เห็นแยมส้มยืนก้มหน้าอยู่หน้าห้อง ก็เอ่ยทักทายตามปกติ อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่กลับเดินทะลุประตูห้องเข้าไป ทำเอาคนทักถึงกับหน้าถอดสี
“แยมส้มตายแล้ว?”
จู่ๆ ก็มีมือมาจับไหล่ ภิชาสินีสะดุ้งสุดตัว แต่พอหันไป กลับเป็นอรรถพร
“เพิ่งกลับมาเหรอคุณ”
ภิชาสินีพยักหน้า อรรถพรขยับไปใกล้แล้วกระซิบ
“คุณแยมส้มเสียแล้ว เมื่อกลางวันนี้”
“รู้แล้ว”
“รู้ได้ยังไง พี่ขวัญบอกเหรอ?”
ภิชาสินีส่ายหน้า อรรถพรนึกขึ้นได้
“หรือว่าคุณเห็น เห็นเอ่อ ... “
ภิชาสินีพยักหน้า อรรถพรกลัวมากรีบขยับไปจนยืนชิดกัน
“ใจจริง ผมอยากให้คุณคุยกับคุณแยมส้มเรื่องฆาตกรมาก แต่ขอเป็นตอนกลางวันแล้วกัน ตอนนี้ผมคงไม่ไหว”
ภิชาสินีอมยิ้ม พลางเดินนำกลับห้อง โดยมีอรรถพรเกาะแจ
พออรรถพรกลับมาถึงห้อง หนึ่งก็ทำทีว่าจะมานอนเป็นเพื่อน เพราะรู้ว่าเขากลัวผี อรรถพรหันไปมองอย่างรู้ทัน
“มานอนเป็นเพื่อน หรือกลัวกันแน่?”
หนึ่งทำฟอร์ม
“ไม่ได้กลัว เป็นห่วงพี่จริง ๆ หรือว่าพี่อยากนอนคนเดียว? ถ้างั้นผมกลับก็ได้”
พูดจบก็ทำเป็นจะเดินกลับห้อง อรรถพรไม่สนใจ รีบจะปิดประตู จู่ๆ เด็กหนุ่มก็วิ่งกลับมา
“ให้ผมนอนด้วยเถอะนะ ผมไหว้ล่ะ”
อรรถพรยิ้มอย่างผู้ชนะ “ที่แท้ก็กลัวเหมือนกัน แล้วมาทำฟอร์มเก่ง”
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ขวัญทิพย์กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ จู่ๆ ไฟก็ดับพรึ่บ พอวิ่งออกมาในห้อง ทั้งห้องก็ไฟดับเหมือนกัน เธอรีบตะโกนหาแพนเค้กด้วยความตกใจกลัว แต่กลับไม่มีเสียงตอบ
พลันก็มีเสียงเหมือนคนลากบางสิ่งบางอย่างดันครืด ๆ เข้ามาใกล้ พร้อมกับเสียงครางเย็นๆ ก่อนที่ร่างมืด ๆ ทะมึนจะค่อย ๆ เดินตรงเข้ามาหาเรื่อย ๆ
ขวัญทิพย์ตกใจกลัว พลางยกมือไหว้ท่วมหัว เพราะคิดว่าผีแยมส้ม
แต่แล้วร่างมืดนั่นก็โผล่มายืนอยู่ตรงหน้า ขวัญทิพย์แหกปากกรี๊ดลั่น แพนเค้กรีบเอามือปิดปากเมียเอาไว้
“ใจเย็น ๆ จ๊ะเมียจ๋า ผัวเอง”
ขวัญทิพย์ทุบผัวรัว “เล่นบ้าอะไรเนี่ย หัวใจจะวายตายอยู่แล้ว”
“ไม่ได้เล่น ฟิวส์มันขาดจ้ะ ผัวกำลังซ่อมให้ กะให้เมียอาบน้ำสบาย ๆ แต่ดันลื่นตกบันได เจ็บขามาก ปากก็แตก ได้ยินเมียเรียก ก็พยายามจะกระเผลกมาหา เมียก็ดันเดินหนี”
ขวัญทิพย์มองค้อน “รีบซ่อมไฟเข้าสิ คืนนี้จะได้เปิดไฟนอน”
“ซ่อมเสร็จแล้วจ้ะ แค่สับสวิทซ์ก็ใช้ได้แล้ว”
ว่าแล้วแพนเค้กก็เดินไปสับสวิทช์ ไฟจึงสว่างทั่วห้อง
“ว่าแต่ผัวไปเอาฟิวส์มาจากไหน”
แพนเค้กยังไม่ทันตอบ ก็มีเสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังลอยมา 2 ผัว-เมียถลาเข้าไปกอดกันแน่น ด้วยความหวาดกลัว
ขณะที่วิญญาณแยมส้ม กำลังนั่งร้องไห้เดียวดายอยู่บนเตียง ด้วยความเศร้า ใบหน้านั้นขาวซีด แต่มีหยดน้ำตาไหลออกมาเป็นทางเป็นสีเลือด
ภิชาสินียืนฟังเสียงอยู่ที่หน้าต่าง ด้วยใบหน้าเศร้า
“น่าสงสารแยมส้มจริงๆ”
จากนั้นก็หันมาถามปิ่นเพชรที่โผล่มายืนข้างๆ
“ รู้เปล่าว่าแยมส้มเป็นอะไรตาย?”
“ได้ยินคนในอพาร์ตเม้นต์บอกว่าถูกฆ่าตาย”
ภิชาสินียืนครุ่นคิด “ใครฆ่าแยมส้ม?”
จากนั้นภิชาสินีก็ไปชวนอรรถพรเข้าไปค้นหาความจริงในห้องของแยมส้ม
“ฉันว่าแยมส้มกำลังต้องการความช่วยเหลือ บางทีเค้าอาจต้องการบอกอะไรบางอย่างให้เรารู้”
อรรถพรหน้าซีด
“แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในห้องตอนเวลาใกล้เที่ยงคืนแบบนี้”
ภิชาสินีนึกรำคาญ
“ถ้ากลัวนัก ก็ไม่ต้องไป แต่ก็จำไว้แหละกัน แค่ขอให้มาเป็นเพื่อน ยังช่วยไม่ได้ วันหลังก็ไม่ต้องมาขอให้ฉันช่วยอีก”
พูดจบก็เชิดหน้าแล้วก็หันหลังเดินออกไป อรรถพรได้แต่ถอนหายใจ
ที่สุดแล้วภิชาสินีกับอรรถพรก็ลอบเข้ามาในห้องของแยมส้มจนได้ ยิ่งเข้ามาในห้อง ก็ยิ่งได้ยินเสียงร้องไห้ชัดขึ้น ทั้งคู่หันขวับไปมองในห้อง ด้วยหัวใจเต้นรัว
อรรถพรเอื้อมมือจะเปิดไฟ แต่เปิดไม่ได้ พอเอาไฟฉายส่องที่ตู้ไฟ ก็หันมาบอกภิชาสินี
“ไม่มีฟิวส์ ผมว่าจะรีบทำอะไรก็ทำเถอะ ใจคอผมไม่ค่อยดียังไงชอบกล”
ทางด้าน 2 ผัว-เมีย แพนเค้กกับขวัญทิพย์ ก็กำลังเดินมาตรงมาที่ห้องแยมส้มเหมือนกัน
“เพราะผัวคนเดียว ทำอะไรไม่รู้จักคิด ไปขโมยฟิวส์ห้องน้องแยมส้มมาทำไม?”
ภิชาสินีกับอรรถพรกำลังหาหลักฐานในห้องแยมส้ม ทันใดนั้นไฟจากมือถืออรรถพรก็ดับ
“แย่แล้ว มือถือแบตหมด”
ภิชาสินีถอนหายใจเฮือก “เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ ฉันก็ไม่ได้เอามือถือมาด้วย”
แต่จู่ๆ กลับมีเสียงข้อความดังขึ้นมา ภิชาสินีมองหน้าอรรถพร
“ไหนว่าแบตหมด แล้วมีข้อความเข้าได้ไง?”
“ไม่ใช่เสียงจากมือถือผม”
เสียงข้อความดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งคู่หันขวับไปทางที่มาของเสียงพลางมองไปที่ใต้ตู้
ภิชาสินีหมอบกับพื้น ยื่นมือเข้าไปใต้ตู้ ควานหามือถือที่อยู่ข้างใต้อย่างทุลักทุเล เพราะช่องระหว่างตู้กับพื้นแคบมาก
จู่ๆ ภิชาสินีชะงัก หน้าตาตื่น รีบลุกมาเกาะแขนอรรถพร
“มีตัวอะไรก็ไม่รู้อยู่ข้างใต้ มีขนด้วย”
อรรถพรกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยความกลัว แต่ก็พยายามทำใจดีสู้เสือ ย่อตัวลงไปมองที่ใต้ตู้ แล้วยื่นมือเข้าไป แล้วก็ชะงัก ก่อนจะตัดสินใจดึงออก พลางถอนหายใจ
“เฮ้อ ตุ๊กตา”
พร้อมกับที่ภิชาสินีเหลือบเห็นบางอย่างบนพื้น
“มือถือ”
แพนเค้กกับขวัญทิพย์ยืนอยู่หน้าห้องแยมส้ม เห็นประตูเปิดแง้มเอาไว้ ก็นึกว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ของผีแยมส้ม
แพนเค้กรีบเอากุญแจกับผ้ายันต์ออกมาส่งให้เมีย ขวัญทิพย์รับมา พลางหันไปมองที่ประตูห้อง
ภิชาสินีกับอรรถพรเปิดดูมือถือ แล้วก็เห็นรูปของแสงโชติขณะกำลังใส่เสื้อผ้าที่แยมส้มถ่ายไว้
ทันใดนั้นเสียงประตูก็ปิดดังปัง ทั้งคู่รีบหันไปมอง ด้วยความตกใจ
ขวัญทิพย์จัดการล็อกประตูด้านนอก ก่อนจะผละออกมา พลางมองไปที่ประตู ที่มียันต์แปะอยู่
“เรียบร้อย รีบกลับห้องกันเถอะ”
อรรถพรกับภิชาสินีถูกขังอยู่ในห้องของแยมส้ม วิญญาณของพ่อ แม่ ป้าจะเข้าไปช่วย แต่ก็เข้าไม่ได้ เพราะมียันต์แปะอยู่ ครั้นกลับไปตามปิ่นเพชร ฝ่ายนั้นก็กลับนอนขี้เซา ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น
อรรถพรนั่งหาวเพราะง่วง พอหันไปทางภิชาสินี ก็เห็นเธอนั่งสัปหงก ก่อนที่จะเอนลงมานอนบนตักของเขา อรรถพรชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วก็เผลอยิ้มออกมา
ภิชาสินีขยับตัวเอามืออรรถพรมากอดแนบกับหน้า ทำเอาเขายิ้มเขินคนเดียวอย่างมีความสุข
ฟ้ารุ่งคิดถึงคำทำนายของหมอดูด้วยความว้าวุ่นใจ พอหันไปเห็นเอกแต่งตัวหล่อเนี้ยบออกมา ก็มองสำรวจเอกตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเดินไปใกล้ๆ พลางยื่นหน้าไปดมตามตัว พอได้กลิ่นน้ำหอมก็โวยวายขึ้นมาทันที
“ทำงานที่ใหม่ ทำไมต้องใส่น้ำหอมขนาดนี้?”
“เมืองไทยมันร้อน เดินแป๊บเดียวก็เหงื่อท่วม ขืนไม่ใส่น้ำหอม ได้เหม็นเปรี้ยวกันพอดี ผมอยู่ฝ่ายการตลาดต้องเจอลูกค้า ภาพพจน์มันสำคัญ”
ฟ้ารุ่งไม่ฟังคำอธิบาย รีบสั่งให้เอกเข้าไปเปลี่ยนเสื้อทันที ฝ่ายหลังถอนใจอย่างหงุดหงิด แต่ก็จำยอมต้องทำตาม
“ฟ้าไม่ยอมเสียเอกให้ผู้หญิงคนอื่นแน่ ไม่มีทาง”
ภิชาสินีนอนอยู่บนตักอรรถพรจนถึงเช้า อรรถพรที่ตื่นขึ้นมาก่อนเอามือปัดผมให้เธอเบาๆ ภิชาสินีตื่นลืมตาตามมา เห็นอีกฝ่ายกำลังก้มหน้าลงมา ต่างฝ่ายต่างตกใจ
“ฉันนอนตักคุณได้ไง?”
“คุณสัปหงกล้มลงมา เห็นคุณหลับสบาย ผมก็เลยไม่อยากปลุก”
ภิชาสินีเขิน จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เช้าแล้ว รีบเรียกให้คนช่วยเหอะ”
พูดจบก็ลุกเดินไปที่ประตู อรรถพรมองตาม แววตาเป็นประกาย
ทั้งคู่ช่วยกันตะโกนร้องเรียกให้คนช่วย ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดผัวะเข้ามาโดนภิชาสินีจังๆ ทำเอาเธอถึงกับหงายหลัง อรรถพรรีบรับเอาไว้ในอ้อมกอดได้ทัน สองคนมองหน้ากัน แล้วก็หันไปมองที่ประตู
ที่แท้คนที่เปิดประตูเข้ามา ก็คือพิณชนิดา มีขวัญทิพย์กับแพนเค้กยืนหน้าจ๋อยอยู่ด้วย
จากนั้นทั้งคู่ก็อธิบายว่าที่เข้ามาในห้องของแยมส้มเพราะต้องการมาหาหลักฐาน แพนเค้กรีบถามด้วยความสอดรู้
“แล้วเจออะไรรึเปล่า?”
ภิชาสินีกำลังปากจะตอบ แต่อรรถพรรีบพูดแทรกขึ้นมา
“ไม่ครับ ไม่เจออะไรเลย”
พิณชนิดาเห็นท่าทางของคนทั้งคู่ ก็นึกสงสัย
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง ก็อดไม่ได้ที่จะคาดคั้นถามทันที อรรถพรจึงจำเป็นต้องสารภาพ
“เจอผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าแยมส้มแล้ว”
พิณชนิดานิ่วหน้าอย่างแปลกใจ “ใคร?”
จากนั้นอรรถพรก็ไปหาแสงโชติที่บ้านของภูมินทร์ ขณะที่ฝ่ายนั้นกำลังเดินคุยกับสัญชัย
“นี่เป็นหมายจับคุณแสงโชติผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม นางสาวณมน ไผ่เหลืองทอง”
2 พ่อ-ลูก ผงะอย่างตกใจ แสงชิตั้งสติได้ก่อน รีบพูดปัด
“ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่รู้จักคนที่คุณพูด”
แต่พออรรถพรยื่นรูปถ่ายแยมส้มไปตรงหน้า แสงโชติถึงกับหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้าบอกว่าผู้ตายชื่อแยมส้ม คุณคงจะรู้จักใช่มั้ยครับ”
เมื่ออรรถพรนำตัวแสงโชติมาสอบสวนที่โรงพัก ฝ่ายหลังก็หน้าถอดสี ปากคอมือไม้สั่นไปหมด
พลางพยายามแก้ตัว
“ผมยอมรับว่าผมไปที่ห้องของแยมส้ม แต่ผมอยู่แค่ไม่กี่ชั่วโมง ผมก็กลับ และที่สำคัญเราเพิ่งรู้จักกัน”
“เพิ่งรู้จัก แต่กลับอยู่ในสภาพนี้ อย่าบอกนะว่าคุณแค่ขอเข้าไปดื่มกาแฟ แล้วทำกาแฟหกใส่เสื้อ ก็เลยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า สารภาพมาซะว่าคุณกับผู้ตายมีความสัมพันธ์ถึงขั้นไหน?”
แสงโชติยังไม่ทันตอบ ตำรวจก็พาทนายเดินเข้ามา
“ผมเป็นทนายความของคุณแสงโชติ คุณแสงโชติจะไม่ตอบคำถามอะไรคุณทั้งนั้น”
แสงโชติหันไปมองทนายความด้วยความดีใจ อรรถพรส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ
เปรมสุดาแวะมาหาวิรวิทย์ที่บริษัทรักษาความปลอดภัย เพื่อนำผ้าเช็ดหน้ามาคืน พลางพูดจาเชิงตัดพ้อภูมินทร์ ที่ไม่มีเยื่อใยต่อเธอ จนสิรวิทย์ที่แอบมีใจให้อดสงสารไม่ได้
“ผมมีวิธีที่จะทำให้นายภูไม่ปฏิเสธคุณ”
เปรมสุดาเดินเข้ามาในบ้านของภูมินทร์ พลางหยิบตั๋วดูฟุตบอลสองใบออกมา แล้วก็คิดถึงคำพูดของสิรวิทย์
“ฟุตบอลนัดพิเศษ ภูอยากดูมาก ถ้าคุณชวนภูไป ภูต้องไปกับคุณแน่นอน”
คิดพลางยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะเอาตั๋วเก็บใส่กระเป๋าสะพายแล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน
ระหว่างที่แม่นมนวล ป่านแก้ว และปูเปรี้ยวกำลังจับกลุ่มพูดถึงแสงโชติที่โดนตำรวจบุกมาจับข้อหาฆ่าคนตายพอดี ทำเอาเธอถึงกับแทบช็อก
แสงโชติยืนคุยอยู่กับทนายความอย่างไม่สบอารมณ์
“ว่าไงนะ พ่อไม่ให้คุณประกันตัวผม แล้วคุณมาทำไม?”
ทนายความหน้าเจื่อน
“ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ คุณสัญชัยเป็นเจ้านายของผม ท่านสั่งให้ผมทำอะไร ผมก็ต้องทำ ท่านบอกว่าให้ฝากขังคุณซักสองสามวัน แล้วค่อยจัดการทำเรื่องประกันตัวให้คุณ ผมกลับก่อนนะครับ”
ขาดคำก็รีบเดินออกไป ทิ้งให้แสงโชติโมโหฉุนเฉียวอยู่คนเดียว
พอทนายความเดินออกไป เปรมสุดาที่มีผ้าคลุมหน้า ใส่แว่นดำก็เดินเข้ามา พลางเมียงมองไปรอบๆ อรรถพรเดินออกมาเห็น ก็นึกสงสัย พลางรีบเดินมาหา
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ?”
เปรมสุดาเห็นอรรถพรก็สะดุ้งตกใจ
เปรมสุดาถอดแว่นออก แล้วรีบเดินเข้าไปหาแสงโชติใกล้ๆ ประตูห้องขัง ฝ่ายหลังหันมามองด้วย
สีหน้าดีใจ พลางลุกมาหา เปรมสุดารีบใส่แว่นดำกลับไปตามเดิม
“สุดา ช่วยผมด้วย ผมไม่ได้ทำอะไรผิด”
เปรมสุดาย้อนถาม “คุณไม่ได้ฆ่าใครจริงเหรอ ?”
“โธ่สุดา คุณนึกว่าผมจะทำอะไรที่เป็นการตัดอนาคตตัวขนาดนั้นเลยเหรอ คุณต้องเชื่อใจผม ผมถูกใส่ร้าย ช่วยผมด้วยนะสุดา”
พูดพลางยื่นมือออกมาจับมือเปรมสุดา
“แล้วคุณจะให้สุดาช่วยคุณยังไง?”
“ผมมีโฉนดที่ดิน เก็บไว้ในตู้เซฟที่ห้องนอนผม คุณต้องไปเอามันมาเพื่อยื่นประกันตัวให้ผมภายในวันนี้”
แสงโชติมองหน้าเปรมสุดาด้วยแววตาจริงจัง
นักข่าวที่อยู่อีกมุมหนึ่ง แอบมองแสงโชติ แล้วก็ยิ้มมุมปาก
เหลือเวลาอีก 2 วันที่จะครบกำหนดที่พิณชนิดาจะต้องหาของสำคัญของภูมินทร์ให้เจอตามคำท้า แต่เธอยังอับจนหนทาง ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม ภิชาสินี กับปิ่นเพชร มองอย่างเป็นห่วง
“เจ๊เปิดไพ่นายภูมินทร์อีกครั้ง ก็เจอว่าของที่หาย มันอยู่ในบ้าน แต่ไม่รู้ว่าของอะไร แล้วมันอยู่ส่วนไหนของบ้าน บ้านนายนั่นออกตั้งกว้าง และที่สำคัญจะเข้าบ้านนายนั่นได้ยังไง ?”
“ที่พี่พิณพูดมาทั้งหมด ไม่เห็นจะยากซักนิด มันมีอยู่คำตอบเดียว”
ภิชาสินีพูดพลางหันไปมองปิ่นเพชร พิณชนิดาหันไปมองตาม ปิ่นเพชรชี้หน้าตัวเอง
“เค้าเหรอ?”
2 พี่-น้องพยักหน้าพร้อมกัน จากนั้นก็ช่วยกันพูดเกลี้ยกล่อมปิ่นเพชรที่ออกปากว่าจะไม่กลับไปที่บ้านของภูมินทร์อีกแล้ว
พิณชนิดาใส่หมวกอำพรางใบหน้า เดินลงจากรถที่จอดอยู่หน้าบ้านภูมินทร์ พร้อมกับถือกระเป๋าใบเล็กๆ ลงมาด้วย ก่อนที่จะมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นใคร ก็รีบเปิดกระเป๋า ปล่อยตุ๊กแกปิ่นเพชรให้คลานเข้าไปในบ้าน
“โชคดีนะปิ่นเพชร เจ๊จะรออยู่ตรงนี้”
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ปูเปรี้ยวกำลังทำความสะอาดบ้านอยู่ พลันได้ยินเสียงกุกกักๆ ที่ห้องเก็บของ จึงหันขวับไปดู ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป
ทันทีที่เห็นภายในห้องก็ถึงกับผงะ เพราะทั้งห้องเต็มไปด้วยตุ๊กแกกับจิ้งจก สาวใช้จอมเม้าท์รีบปิดประตูและวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต ก่อนที่จะมาลากพาแม่นมนวลขึ้นไปดู โดยมีป่านแก้วรีบตามไปดูด้วย
แต่พอแม่นมนวลเปิดประตูเข้าไป ทุกอย่างกลับเป็นปกติ พลางรีบเดินนำป่านแก้วกลับลงไปด้านล่าง ปูเปรี้ยวหันไปมองในห้องอีกครั้งอย่างแปลกใจ
“หรือว่าเราฝันไป?”
คิดพลางเดินจากไปแบบงุนงง พร้อมกับที่ปิ่นเพชรโผล่ออกมา พลางถอนหายใจโล่งอก
“เฮ้อ เกือบไปแล้ว แยกย้ายกันตามหา”
ปิ่นเพชรสั่งการ ดวงตาสีแดงที่อยู่ในมุมมืดทยอยหายไปทีล่ะคู่ ก่อนจะหายไปจนหมด
พิณชนิดาซุ่มดูอยู่ในรถที่จอดอยู่ ด้วยสีหน้าเป็นห่วง ครู่หนึ่งก็เห็นรถเปรมสุดาแล่นมาจอดที่หน้าบ้านภูมินทร์
เปรมสุดาเปิดประตูเข้าไป แล้วเดินตรงไปทางบ้านสัญชัย พิณชนิดามองตามอย่างแปลกใจ“ไม่ได้ไปบ้านนายภูมินทร์? แล้วไปไหน?”
เปรมสุดาแอบย่องเข้ามาในห้องนอนของแสงโชติ แต่ขณะที่กำลังจะหยิบกระดาษโน๊ตขึ้นมาดูรหัสเปิดตู้เซฟ.เสียงสัญชัยก็ดังขึ้น
“จะทำอะไร?”
เปรมสุดาตกใจ จนหน้าซีด พลางค่อยๆ หันกลับไป สัญชัยเห็นก็ประหลาดใจ
“หนูสุดา ? เข้ามาทำอะไรในห้องแสงโชติ”
“เอ่อ คือ แสงโชติให้สุดามาเอาของค่ะ”
สัญชัยหรี่ตามองอย่างสงสัย
“หนูรู้เรื่องแสงโชติ ? อาไม่นึกว่าหนูกับลูกชายอาจะสนิทสนมกันมากถึงขนาดแสงโชติอนุญาตให้หนูเข้ามาในห้องของมันได้ แสงโชติให้หนูมาเอาอะไร? มันคงคิดจะเอาโฉนดที่ดินไปประกันตัวสินะ”
“คุณอารู้ได้ไงคะ ?”
พอรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากออกไป เปรมสุดาก็ตกใจ
“ฝากบอกมันด้วยว่าอาไม่ยอมให้มันออกมาง่ายๆ จนกว่าจะสำนึก ที่ทำอะไรไม่คิด”
เปรมสุดารีบแก้ตัวแทน “แต่แสงโชติไม่ได้ฆ่าใครจริงๆ นะคะ”
“เรื่องนั้นอารู้ อาแค่ต้องการสั่งสอนลูกชายของอา เชิญหนูกลับไปได้แล้ว”
เปรมสุดาพูดไม่ออก จำต้องเดินออกไป สัญชัยส่ายหัว พลันเสียงมือถือดังขึ้น
“สวัสดีครับ ต้องการพบผมเดี๋ยวนี้?”
เปรมสุดาเดินบ่นออกมาที่รถตัวเอง
“บ้าชะมัด พูดดักคอขนาดนั้น คงช่วยไม่ได้แล้วล่ะ นอนเล่นในคุกไปก่อนก็แล้วกันนะที่รัก”
จากนั้นก็รีบขึ้นรถแล้วก็ขับออกไป พิณชนิดาโผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อน ด้วยสีหน้าสงสัย
“ที่รัก? นอนเล่นในคุก? ไม่ใช่นายภูมินทร์แน่ๆ ใคร?”
สัญชัยมองหน้าผู้บริหารคนหนึ่งด้วยความตกใจ
“จะระงับเรื่องที่จะเสนอผมเป็นประธานบริหารคนใหม่? ทำไมล่ะครับ ?”
ผู้บริหารไม่ตอบ แต่กลับยื่นมือถือไปตรงหน้า สัญชัยรับมาดู ก็ถึงกับแทบช็อก เมื่อเห็นภาพ
แสงโชติในคุก ขณะที่ยืนคุยกับเปรมสุดา ที่ยืนหันหลังอยู่ พร้อมกับพาดหัวข่าว
“แสงโชติ อัครมโหฬาร ลูกชายคนเดียวของนักธุรกิจพันล้าน สัญชัย อัครมโหฬาร โดนจับข้อหาฆ่าคนตาย”
สัญชัยรีบปฏิเสธ “ข่าวนี้ไม่จริงนะครับ”
“ถ้าไม่จริง ผมไม่เอามาให้คุณดูหรอก ผมตรวจสอบแล้ว ลูกชายคุณถูกจับจริงๆ”
“ผมยอมรับว่าแสงโชติถูกจับไปจริงๆ แต่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ลูกผมไม่ได้ฆ่าใคร”
ผู้บริหารมองหน้าสัญชัยอย่างผิดหวัง
“ถึงอย่างนั้นคุณก็มีประวัติด้างพร้อยแล้ว ผมว่าคุณรีบเคลียร์ปัญหานี้ให้ขาวสะอาดก่อน แล้วเราค่อยมาว่ากัน”
พูดจบก็รีบคว้ามือถือคืน แล้วเดินออกไป สัญชัยกำมือแน่นด้วยความโมโห
ในที่สุดแสงโชติก็ได้รับการประกันตัว แต่แทนที่จะเป็นเปรมสุดาอย่างที่เขาคิด กลับกลายเป็นยอดกับวัตร ที่บอกว่า
“เจ้านายให้ผมมาประกันตัวคุณแสงโชติและให้รีบพากลับบ้านด่วนครับ”
แสงโชติชักรู้สึกใจคอไม่ดี
พิณชนิดารอปิ่นเพชรจนเผลอหลับไป ครู่ใหญ่ปิ่นเพชรก็กลับมาที่รถ ฝ่ายแรกรีบถามอย่างมีความหวัง
“เจอมั้ย?”
พอรู้ว่าปิ่นเพชรหาไม่เจอ พิณชนิดาก็หน้าเครียด
“ เวรแล้วไง งานนี้พูดเลยว่าเจ๊ซวยแน่ จริงสิ แล้วบ้านคุณแสงโชติ ปิ่นเพชรเข้าไปดูหรือยัง?”
ปิ่นเพชรส่ายหน้ายิก
“ไม่นะ เค้าไม่อยากเข้าไปที่บ้านหลังนั้น มันน่ากลัว เค้าขอร้องล่ะนะ”
พิณชนิดาถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
อรรถพรกลับมาบอกภิชาสินีว่าแสงโชติได้รับการประกันตัวแล้ว พลางอธิบายเพิ่มเติมว่าหลักฐานที่มีอยู่ ไม่เพียงพอที่จะฟันธงว่าแสงโชติเป็นคนฆ่าแยมส้มจริงๆ
ภิชาสินีได้แต่ถอนหายใจออกมา
“แยมส้มนอนตายตาไม่หลับแน่”
พลันเธอก็เห็นวิญญาณแยมส้มข้างหลังอรรถพร “แยมส้ม”
อรรถพรสะดุ้งสุดตัว กระโดดมานั่งตักภิชาสินี ทันใดนั้นหนึ่งก็เปิดประตู เดินทะลุผีแยมส้มเข้ามา พอเห็นอรรถพรนั่งตักภิชาสินีก็ยิ้มกรุ่มกริ่ม ภิชาสินีรีบผลักอรรถพรจนหล่นลงมานั่งจ้ำเบ้าบนพื้นแล้วก็รีบลุกขึ้นยืน
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด”
“เห็นๆ อยู่ ยังจะปฏิเสธ ยอมรับมาเหอะพี่ รักกันชอบกันไม่ต้องปิดบังเหมือนพวกดารา”
ภิชาสินีรีบบอก “ที่หมวดอรรถนั่งตักฉัน เพราะมีผีอยู่ในห้อง”
หนึ่งหน้าซีด ตกใจ ผะผะผีผี”
ทันใดนั้นผีแยมส้มก็ปรากฎตัวให้ทุกคนเห็น อรรถพรกับหนึ่งตาแทบถลนออกมา ภิชาสินีมองหน้าแยมส้มที่กำลังร้องไห้ ด้วยความสงสารและเห็นใจ
สัญชัยตบหน้าแสงโชติอย่างแรง จนยอดกับวัตรที่ยืนอยู่ด้วยถึงกับสะดุ้ง
“ไอ้ลูกไม่รักดี เพราะแกคนเดียว ทำให้หุ้นส่วนทั้งหมด เปลี่ยนใจไม่สนับสนุนฉัน”
แสงโชติรีบแก้ตัว “พ่ออย่ามาโทษผม ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ทำ”
“ถึงแกจะไม่ได้ทำ แต่แกไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆใช่มั้ย”
“ ก็แค่หนุกๆ”
สัญชัยมองลูกชายอย่างนึกเคือง
“แกนี่มันชอบหาเหาใส่หัว นอกจากผู้หญิงคนนั้นแล้ว ฉันยังรู้อีกด้วยว่าแกเล่นชู้กับแฟนตาภู แกหลอกฉันไม่ได้หรอก ฉันเป็นพ่อของแก สันดานแกเป็นยังไง ทำไมฉันจะไม่รู้ หลังจากวินาทีนี้ ฉันจะยึดรถแก ไอ้ยอด ไอ้วัตรจะจับตาดูแกทุกฝีก้าว”
พูดจบสัญชัยก็เดินออกไป แสงโชติส่ายหน้าอย่างหัวเสีย
“แยมส้มจะขอเข้าร่างคุณ เพื่อที่จะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ผมฟัง?”
อรรถพรถามย้ำ ภิชาสินีพยักหน้าหงึก แล้วเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที ร่างของเธอก็กระตุก ก่อนจะหลับตาและคอตก
หนึ่งเกาะแขนอรรถพรแน่น ไม่นานภิชาสินีเงยหน้าพร้อมกับลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พลางพูดออกมาเป็นเสียงแยมส้ม
“แสงโชติ ไม่ได้เป็นคนฆ่าฉัน”
จากนั้นก็ย้อนเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
“ได้แล้วคิดจะทิ้งกันง่ายๆ แยมส้มไม่มีวันยอม เรื่องนี้ถึงนักข่าวแน่”
แสงโชติชะงัก พลางมองจ้องด้วยแววตาวาวโรจน์ แยมส้มหันมาชูรูปที่ถ่ายจากมือถือ อีกฝ่ายตรงเข้ามาแย่ง แต่เธอกำมือถือแน่น พร้อมกับข่วนที่หน้า แสงโชติร้องลั่น พลางเผลอผลักออกไปเต็มแรง แยมส้มล้มไปบนพื้น จนมือถือกระเด็นไปอยู่ใต้ตู้
“เอาอย่างนี้ ฉันจะให้เงินเธอก้อนหนึ่ง”
แสงโชติหยิบกระเป๋าสตางค์และหยิบเงินสดออกมาปึกหนึ่ง แยมส้มตาเป็นประกาย รีบลุกขึ้นมารับเงิน
“ถ้าเธอปิดปากเงียบ ไม่บอกใครเรื่องนี้ ฉันจะโอนเงินมาให้อีก หวังว่าเธอคงจะเป็นคนฉลาดรู้ว่าควรทำไง? เพราะคนฉลาดจะได้อยู่สบายไปทั้งชาติ”
แยมส้มพยักหน้า แสงโชติยิ้มพอใจ แล้วก็ออกไปจากห้อง
“มีเงินไปจ่ายค่าเช่าอีเจ๊จอมงกแล้ว”
แยมส้มอารมณ์ดีขึ้นมาทันที ก่อนจะคว้าใบทวงหนี้ขึ้นมามอง แต่พอกำลังจะเดินออกไป ก็ต้องหยุดกึก ตาเหลือกลาน ก่อนจะล้มหน้าคว่ำบนพื้น ที่หลังมีรอยถูกแทงเลือดอาบ ไม่นานก็สิ้นใจตาย
“แสดงว่าพี่โดนแทงจากข้างหลัง ก็เลยไม่เห็นหน้าว่าใครฆ่า?”
หนึ่งถามจากที่วิเคราะห์ แยมส้มในร่างภิชาสินีพยักหน้า อรรถพรครุ่นคิด
“คุณมีปัญหากับใครอยู่ก่อนแล้วรึเปล่า?”
“ฉันไม่ได้มีปัญหากับใคร แต่ฉันเพิ่งเลิกกับไอ้แมงดาแฟนเก่าฉันเอง “
“แมงดา? ชื่ออะไร?”
แต่ทันใดนั้นภิชาสินีทนไม่ไหว
“ร่างกายฉัน ไม่ไหวแล้ว”
แล้ววิญญาณแยมส้มก็ออกจากร่าง ภิชาสินีถึงกับหมดสติ อรรถพรรีบเข้าไปประคองรับเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง
ภิชาสินีนอนหน้าซีด ไม่ได้สติ อยู่บนโซฟา มีอรรถพรคอยดูแลไม่ห่าง ไม่นานเธอก็ลืมตาขึ้นมา เขายิ้มอย่างดีใจ รีบกระชับมืออีกฝ่ายแน่นเข้า
“คุณเป็นไงบ้าง ?”
“มึนหัว แล้วก็รู้สึกเพลีย”
พูดพลางจะลุกขึ้นมานั่ง แต่กลับเซ อรรถพรรีบโอบไหล่เอาไว้ สองคนมองหน้ากันแบบเก้อเขิน พอเขารู้ตัวก็รีบปล่อยมือ
“พี่พิณยังไม่กลับมาเหรอ ?”
อรรถพรพยักหน้า พลางถามต่อ “หิวมั้ย? รอเดี๋ยวนะ ผมจะไปทำอะไรให้คุณทาน”
พูดจบเดินออกไป ภิชาสินีมองตาม เริ่มรู้สึกแปลกๆ แล้วก็ยิ้มออกมา
อรรถพรเปิดตู้เย็นหยิบของสดออกมาเตรียมทำอาหาร ปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพามองด้วยความชื่นชม
ขณะที่ภิชาสินีที่นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงอรรถพรร้องโอ๊ย! ดังมาจากในครัว เธอรีบลุกเดินไปดูทันที
พอเข้าไป ก็เห็นอรรถพรสะบัดมือเร่าๆ
“เผลอเอามือไปจับหูหม้อน่ะ”
ภิชาสินีรีบคว้ามืออรรถพรมาดู “ไหนมาดูสิ แดงเลย”
วิญญาณพ่อ แม่ ป้า ยืนมองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“คนนี้พ่อให้ผ่าน ถ้าจะรักชอบพอกันพ่อก็ไม่ว่า”
ภิชาสินีหน้าแดงระเรื่อ อรรถพรเห็นก็แปลกใจ
“ทำไมหน้าคุณแดงแบบนี้ หรือว่าเป็นไข้”
พุดพลางรีบเอามือมาอังหน้าผาก
“เปล่า ออกไปทำแผลก่อน ไม่งั้นพองแน่”
พูดจบก็เดินนำอรรถพรออกไป ปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพามองตาม แล้วก็อมยิ้ม
“แยมส้มยังไม่ทันบอกว่าใครคือไอ้แมงดา ก็ออกจากร่างของคุณ”
อรรถพรพูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวล ขณะที่ภิชาสินีกำลังเอายาทาที่นิ้วให้
“เป็นเพราะฉันเอง ฉันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง เวลาที่ให้วิญญาณเข้าร่าง มันจะรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวเหมือนตัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ “
“ถ้าคุณรู้สึกดีขึ้น ให้แยมส้มเข้าร่างอีกได้มั้ย?”
ภิชาสินีส่ายหน้า “ไม่ได้ วิญญาณสามารถสิงร่างฉันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
“ ถ้าอย่างนั้น ผมต้องค้นห้องแยมส้มอีกครั้ง อาจจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติม”
ภิชาสินีรีบอาสาจะไปช่วย
“ไม่ต้อง คุณช่วยผมมามากแล้ว ทานข้าวต้ม แล้วก็นอนพักซะ ผมเป็นห่วง”
ภิชาสินีชะงักไปกับสายตาของอรรถพร ที่ส่งยิ้มให้ ก่อนจะเดินออกไป
เทพแฟนเก่าแยมส้ม ยืนอยู่ด้านหน้าอพาร์ตเม้นต์ในสภาพหน้าตาตื่นตระหนก ท่ามกลางเสียง
ฟ้าร้องครืนคราง พลางนึกย้อนกลับไปในวันเกิดเหตุ
เขาหยิบพวกสร้อยทอง ตุ้มหูใส่กระเป๋าสะพาย ก่อนจะหันไปหยิบรูปแยมส้มขึ้นมาดู
“คิดจะเลิกกับฉันงั้นเหรอนังแยมเน่า ฉันจะทำให้แกล่มจมเลยคอยดู”
ทันใดนั้นเสียงเปิดประตูดังขึ้น เขาหันขวับไปมองด้วยสีหน้าตกใจ พลางรีบซ่อนตัว เห็นแยมส้มกับแสงโชติเดินเข้ามาด้วยกัน ก่อนที่จะกอดกันนัวเนีย เขากำมือแน่นด้วยความโมโห
พอทั้งคู่พากันเข้าไปในห้องนอน เทพก็ตั้งท่าจะย่องออกจากห้อง แต่แล้วก็กลับเปลี่ยนใจ เดินย้อนเข้าไปในครัว หยิบมีดที่วางบนโต๊ะขึ้นมามองด้วยแววตาเหี้ยม
“ฉันไม่มีวันให้แกมีความสุข”
จังหวะที่แสงโชติออกไปจากห้อง แยมส้มมองเงินในมือด้วยความดีใจ พลางคว้าใบทวงหนี้ กำลังจะออกจากห้อง เทพเดินตรงมาที่ข้างหลัง แต่กลับสะดุดขาตัวเองถลาเข้าไปแทงหลังแยมส้มเต็มๆ เขามองมีดเปื้อนเลือดในมือด้วยหน้าตาตื่นตกใจ แล้วรีบวิ่งมาดูร่างของแยมส้มที่เบิกตาโพลง พร้อมกับเอานิ้วไปวางที่หน้าจมูก ก่อนจะพบว่าเธอขาดใจตายคาที่
“ตาย ทำไงดี ฉันไม่ได้ตั้งใจ ทำไงดี?”
เทพรีบลุกขึ้นอย่างลนลาน โดยไม่รู้ตัวว่าทำกระเป๋าสตางค์หล่นจากกระเป๋าหลังกางเกงตกพื้น แล้วในจังหวะที่เดิน ก็เผลอเตะไถลไปอยู่ใต้กองข้าวของที่สุมๆอยู่
เทพจึงกลับเข้ามาค้นหากระเป๋าสตางค์ในห้องแยมส้ม ทันใดนั้นเสียงอรรถพรดังขึ้น
“หานี่อยู่ใช่มั้ย? แกนี่เองที่เป็นคนฆ่าแยมส้ม”
เทพตกใจ ตัดสินใจวิ่งชนอรรถพรแล้วหนีไป อรรถพรไล่ตามไปติดๆ จนมาทันกันที่ดาดฟ้าของตึก
“คุณหนีไม่รอดแล้ว มอบตัวซะ”
เทพหน้าซีด ตัวสั่น “ไม่ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
พูดพลางถอยกรูดไปจนติดขอบระเบียง พลางหันไปมองเห็นเบื้องล่าง ก่อนจะหันมาทางอรรถพร
“อย่าเข้ามา ไม่อย่างนั้น ผม ผมจะฆ่าตัวตาย”
อรรถพรตะโกนลั่น “อย่า”
ภิชาสินีกำลังกินข้าวต้ม จู่ๆ วิญญาณแยมส้มก็โล่มานั่งข้างๆ
“แยมส้ม มีอะไร?”
อรรถพรค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ เทพเอามือไขว้หลัง กำมีดไว้แน่น
“ใจเย็นๆ ค่อยพูดค่อยจา อย่าทำอะไรวู่วาม ลงมาก่อน ผมสัญญาว่าผมจะไม่ให้ทำอะไรคุณ ผมเป็นตำรวจ ผมพูดคำไหนคำนั้น”
เทพลงมาจากระเบียง อรรถพรเดินเข้าไปจะจับตัว จังหวะเดียวกับที่ภิชาสินีพรวดพราดเข้ามา
“ระวัง”
เทพเงื้อมีดขึ้นมา อรรถพรไม่ทันระวังตัว ถูกจ้วงแทงที่ท้องเต็มๆ จนทรุดลงไปกองกับพื้น
จบตอนที่ 8