สามใบไม่เถา ตอนที่ 8
อัษฎาปลดกระดุมเสื้อ จะอาบน้ำ บราลีหยิบผ้าขนหนูให้
“คุณศักดิ์น่าจะเลิกเที่ยวเยอะได้แล้วนะคะ เดี๋ยวก็เพลียมากเป็นลมเป็นแล้งเข้า ไม่มีใครไปด้วยจะทำยังไง”
“ถ้าอย่างนั้นผมไปเป็นเพื่อนมันดีไหม ฮ่าๆ”
“คุณอัษนี่ อยากไปก็ไปเถอะค่ะใครจะไปห้าม แค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง”
“ผมรู้จ้ะ ไม่ไปหรอก แก่เกินเที่ยวแล้ว แค่พูดเล่นเท่านั้นเอง”
อัษฎาวางปากกาของภิสิตบนหลังตู้ บราลีมองปากกา จำได้ อัษฎาเห็นบราลีจ้องปากกา
“สิตทำตกไว้ที่ร้านอาหารน่ะ ป่านนี้โดนคุณบุษเล่นงานตาย ทำปากกาที่เมียซื้อให้หาย”
“คุณสิตว่าคุณบุษซื้อให้เหรอคะ”
“ทีแรกก็ไม่ยอมรับว่าคุณบุษให้ ผมแซวว่ามองปากกาตาเยิ้ม สิตแก้ต่างว่าผู้หญิงที่รักที่สุดให้มา”
“แล้วยังไงคะ”
“ผมเลยย้อนถามไม่ใช่บุษซื้อให้เหรอ สิตเลยอ้อมแอ้มยอมรับว่าเมียซื้อให้ น้องผมคนนี้ขี้อาย ไม่ค่อยแสดงออก โดยเฉพาะเรื่องความรัก ไม่รู้มาจากยุคไหน หัวโบราณกว่าผมอีก”
อัษฎาเข้าห้องน้ำ บราลีหยิบปากกาขึ้นมาดูใกล้ ๆ ชัด ๆ
“นี่ปากกาที่เราซื้อให้แน่ๆ”
บราลีทบทวนข้อมูลอีกรอบให้แน่ใจว่าคิดไม่ผิด
“คุณสิตบอกว่า ผู้หญิงที่รักที่สุดให้ปากกาด้ามนี้”
บราลีรู้แล้วว่าภิสิตรักใครที่สุด
อินทุอรหลับไปแล้ว แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอตื่นงัวเงีย ลุกไปเปิดประตู บราลียืนหน้าเครียดอยู่หน้าห้อง แล้วรีบเข้าห้องปิดประตู จับอินทุอรมาคุยห่างประตู ไม่อยากให้ใครได้ยิน
“คุณแม่ยังไม่นอนอีกเหรอคะ”
“หนูอินลูก”
บราลีกระดากปาก พูดไม่ออก เรื่องนี้สำคัญมาก
“คุณแม่มีอะไรคะ”
“อาสิตเขารักหนูอิน”
อินทุอรหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ที่แม่รู้เรื่อง
อินทุอรยืนนิ่ง ตะลึงงัน ที่แม่รู้แล้วว่าภิสิตรักเธอ บราลีแสดงออกว่าไม่ชอบใจ
“คุณสิตนะคุณสิต คิดแบบนั้นกับหลานได้ยังไง เห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย”
“คุณแม่รู้ได้ยังไงคะ”
“ปากกา”
อินทุอรชะงักไป
“อาสิตบอกคุณพ่อว่าได้ปากกามาจากผู้หญิงที่รักที่สุด”
“งั้น คุณพ่อก็รู้แล้ว”
“ยัง แม่ยังไม่ได้บอกคุณพ่อ”
“คุณแม่อย่าบอกคุณพ่อนะคะ”
“แต่ว่า”
“อาสิตระวังตัวและรู้สึกผิด ไม่เคยทำตัวไม่เหมาะสม ยังแสนดีเหมือนเดิมนะคะ อาสิตไม่ผิดที่รักอินนะคะ ตราบใดที่ยังให้เกียรติ ไม่ทำให้อินเสียหาย”
แววตาบราลีอ่อนลง มองเข้าใจลูกสาว ตอนเด็ก อินทุอรติดภิสิตมาก โตเป็นสาวก็เทียวถามบ่อย ๆ ผูกพันกันมานาน
“อินไม่อยากเสียคุณอาที่แสนดีไปจากชีวิตค่ะคุณแม่ อย่าบอกคุณพ่อเลยนะคะ”
บราลีหนักใจมาก ห่วงลูกสาว เกรงจะถูกครหาในทางไม่ดีเพราะภิสิต
อัษฎากำลังจะเข้านอน บราลีกลับมาจากห้องอินทุอร
“คุยกับลูกเรื่องอะไรจ๊ะ”
อัษฎามองหน้าบราลีที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ นึกรู้ว่าน่าจะมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ บอกผมได้นะ”
“เอ่อ เปล่าค่ะไม่มีอะไร”
บราลีอยากบอกเรื่องภิสิต แต่ลูกสาวขอไว้ เธอลังเลมาก
“ฉันก็แค่ใจหาย อดเป็นห่วงหนูอินไม่ได้น่ะค่ะ”
อัษฎามองบราลีอย่างค้นหา ไม่แน่ใจในคำตอบนัก บราลีหลบสายตาทิ้งตัวลงนอน สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความกังวลใจ
อุรวสากำลังเก็บของจะกลับบ้าน พลางคุยโทรกับแสงฉาน น้ำเสียงเล่นๆ แต่แววตาเอาจริง
“เป็นยังไงคะแสง ตกหลุมรักอาสาวรึยัง”
แสงฉานมาเซ็นสัญญาตกลงซื้อขายร้าน คุยโทรกับภรรยาอย่างอึดอัด เพราะนั่งอยู่กับบุษบาบัณและสาวเจ้าของร้าน
“กำลังคุยสัญญาซื้อขายร้านอยู่จ้ะที่รัก”
คำว่า ที่รัก ทำให้บุษบาบัณรู้ว่าอุรวสาโทรมา เธอแสยะยิ้ม หมั่นไส้
“อาบุษคงนั่งอยู่ข้าง ๆ ซีคะ ระวังโดนเกยตักนะ”
แสงฉานไม่พูดอะไร หันไปยิ้มแห้งให้บุษบาบัณ
“วสากำลังจะกลับบ้าน เดี๋ยวเจอกันนะคะ ห้ามเถลไถลล่ะ”
“จ้ะ”
แสงฉานวางสาย หันมาคุยงานต่อ บุษบาบัณมองอย่างมีแผน คิดหาเรื่องแกล้งแสงฉานกับอุรวสา
อุรวสาเก็บของเสร็จแล้ว จะออกไป ลูกน้องกลับมาจากบริษัทพงษ์ชัย
“คุณพงษ์ชัยไม่ยอมเซ็นรับแบบค่ะ”
“อะไรกัน เราแก้ตามที่สั่งทุกอย่าง จะต้องเดินหน้าทำงานกันแล้วนะ”
“คุณพงษ์ชัยบอกว่า ต้องการคุยกับคุณอุรวสาก่อนค่ะ”
อุรวสาหน้าตึง ไม่พอใจ ก่อนจะไปหาพงษ์ชัยที่บริษัท นั่งรอเกือบชั่วโมง พงษ์ชัยยังไม่ออกมาพบ อนุวัติเดินมาหา
“รับกาแฟอีกแก้วมั้ยครับ”
“คุณพงษ์ชัยประชุมเสร็จรึยังคะ ดิฉันรอมาเกือบชั่วโมงแล้ว”
“เดี๋ยวผมขึ้นไปดูที่ห้องประชุมให้ครับ”
อนุวัติเดินไปขึ้นลิฟต์
ในห้องประชุม พงษ์ชัยไม่ได้คุยธุระอะไรกับใคร เล่นเกมบนโทรศัพท์มือถือ อนุวัติเข้ามา
“บ่นหลายรอบแล้วครับ”
“ต้องให้รอซะบ้าง จะได้รู้ว่าควรเอาใจใคร สมควรแก่เวลาแล้ว”
พงษ์ชัยยิ้มกำลังจะออกไป อนุวัติชะงักหันไปถาม
“คุณอุรวสารออยู่”
“ฉันจะกลับบ้านเลย”
พงษ์ชัยยิ้มมีเลศนัย
ประตูลิฟต์เปิดออก อุรวสาเดินเข้ามาหาแล้วงงเมื่อเห็นว่ามีแต่อนุวัติเดินออกมา
“คุณพงษ์ชัยประชุมเสร็จ ก็รีบออกไปเลยครับ”
“ไม่ได้บอกเหรอคะ ดิฉันมารอ”
“บอกครับ แต่คงรีบ เห็นบอกว่ามีเอกสารต้องเตรียมไปญี่ปุ่นคืนนี้”
“คืนนี้ แล้วแบบของฉันที่ต้องเซ็นรับล่ะคะ ถ้าไม่เซ็นเราจะทำงานไม่ทันตามสัญญานะคะ”
“คุณพงษ์ชัยบอกว่าให้คุณอุรวสาตามไปที่บ้าน มีต้องแก้นิดหน่อย ท่านอยากอธิบายด้วยตัวเอง”
อุรวสาอ้ำอึ้ง ไม่อยากไปบ้านพงษ์ชัย แต่ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร
อันตราสะกดรอยตามบุษบาบัณมาที่ร้านอาหาร จอดรถซุ่มรอ แสงฉาน บุษบาบัณ สาวเจ้าของร้านออกมา อันตราอัดเทป
“17 นาฬิกา 23 นาที เป้าหมายเคลื่อนไหวอีกครั้ง”
แสงฉาน บุษบาบัณ สาวเจ้าของร้าน ขับของตัวเองออกไป โดยบุษบาบัณขับนำหน้า
“พี่แสงไปกับเขาทำไม”
อันตราขับรถตามไปห่าง ๆ
พงษ์ชัยเดินมาต้อนรับอุรวสาที่เดินเข้ามาในบ้าน อุรวสารู้สึกอึดอัด ขณะที่พงษ์ชัยยิ้มร่า หลอกล่ออุรวสามาบ้านสำเร็จ
“ทานข้าวก่อนนะครับ”
“ต้องรีบไปสนามบินไม่ใช่เหรอคะ”
“บินไฟลท์ตีหนึ่งครับ มีเวลาเหลือเฟือ”
พงษ์ชัยมองอุรวสาด้วยสายตาเจ้าชู้อย่างโจ่งแจ้ง อุรวสาไม่เก็บอาการ ชักจะมากไป หน้าตึง
แต่พงษ์ชัยก็ไม่สนใจ
ที่ร้านอาหารในโรงแรมหรู แสงฉานรู้สึกไม่สนุก ถูกบุษบาบัณกับสาวเจ้าของร้านลากมาโรงแรม มีฟลอร์เต้นรำเพลงซึ้งๆ บุษบาบัณแทบจะนั่งเกยกับแสงฉาน
“แสงเลี้ยงบุษคราวนี้ ถือเป็นการเลี้ยงเพื่อนบุษไปด้วยเลย เพราะขายร้านให้คุณในราคาคนกันเอง”
“ผมนึกว่าจะไปทานกันที่ร้านอาหารธรรมดา”
บุษบาบัณยิ้มยั่วยวน
“วาระพิเศษ กับคนพิเศษ ธรรมดาไม่ได้หรอกค่ะ”
บุษบาบัณเขยิบมาใกล้ ตักอาหารให้แสงฉาน แสงฉานลำบากใจ รู้ว่าบุษบาบัณต้องการยั่วยวน
อันตราสะกดรอยตามมาจากร้านอาหาร แอบมองแสงฉานกับบุษบาบัณ ไม่พอใจแสงฉาน เห็นบุษบาบัณกระซิบกระซาบข้างหูแสงฉาน ลากออกไปบนฟลอร์แล้วกอดคอมองตายั่วยวน แสงฉานเกร็งมากทำอะไรไม่ได้
“ผู้หญิงมือปลาหมึก” อันตราไม่พอใจ
แสงฉานยืนให้บุษบาบัณพาเต้นตัวเกร็ง จะหนีออกจากฟลอร์ก็น่าเกลียด อันตราโทรรายงานพี่สาวทันที
“Breaking News ค่ะคุณวสา”
อุรวสากำลังทานข้าวกับพงษ์ชัย
“พี่ไม่สะดวกคุย เดี๋ยวโทรกลับ”
ในขณะที่บุษบาบัณคุยหัวเราะกับเพื่อนที่ออกไปเต้นกับผู้ชายอีกคน เอียงคอซบอกแสงฉานที่ยืนนิ่งเป็นหุ่น อันตรายังคุยโทรศัพท์อยู่
“ซบกันแล้ว”
“ตอนนี้พี่ไม่มีเวลาคุยเล่น”
บุษบาบัณเงยหน้ามาหาแสงฉาน จมูกแทบชนแก้มแสงฉาน
“อาบุษจะหอมแก้มพี่แสง”
“อะไรนะ”
“อันสะกดรอยตามอาบุษมาที่โรงแรม พี่แสงอยู่กับอาบุษ แทบจะรวมร่างกันอยู่แล้วเนี่ย”
อุรวสาวางสายไปแล้ว
“คุณวสา ช็อคไปแล้วเปล่าเนี่ย”
อุรวสาบอกกับพงษ์ชัย
“ขอตัวสักครู่นะคะ”
อุรวสาเดินฉับ ๆ ไป พงษ์ชัยมองตามสงสัยต้องมีเรื่องร้อนใจอะไรสักอย่าง
อุรวสาเดินหน้าบึ้งตึงออกมาจากบ้านพงษ์ชัย พลางกดโทรศัพท์หาสามี แสงฉานเห็นเบอร์อุรวสาโทรมา แค่เบอร์โทรก็รู้สึกกลัว รีบเขยิบห่างบุษบาบัณ เดินออกมาข้างฟลอร์ จึงค่อยกดรับสาย
“ที่รักจ๋า ผมอยู่”
“อยู่โรงแรม สายโทรมารายงานแล้วค่ะ”
แสงฉานรีบมองรอบ ๆ ว่ามีคนรู้จักหรือไม่ อันตรารีบหลบ
“แสงโกหกวสา ไหนว่าเซ็นสัญญาเสร็จแล้วจะกลับบ้าน”
แสงฉานคุยเสียงเบา ไม่อยากให้บุษบาบัณได้ยิน
“คุณบุษชวนมาเลี้ยงส่งเพื่อนน่ะจ้ะ ผมซื้อร้านเขา ก็เลยต้องมา”
“ได้ข่าวว่าแทบจะรวมร่างกันอยู่แล้ว”
“ไม่เลยจ้ะ ผมจะกลับเดี๋ยวเนี้ย ที่รักยังไม่ต้องกินอะไรนะจ๊ะ ผมจะกลับไปทำดินเนอร์ให้”
“ไม่ต้องรีบหรอกค่ะ วสากำลังทานข้าวที่บ้านคุณพงษ์ชัย”
“คุณบอกเลิกงานแล้วจะกลับบ้านไง”
“ไม่ต้องมาทำเสียงแข็ง วสามาคุยงาน ไม่ได้ไปเข้าโรงรงโรงแรม”
“ก็คุยที่ออฟฟิศสิ วสาก็รู้ผู้ชายคนนั้นคิดอะไรกับวสา”
บุษบาบัณตั้งใจฟังสามีภรรยาทะเลาะกันทางโทรศัพท์
“แสงก็รู้ อาบุษอยากเคลมแสง แสงก็ยังไปกับอาบุษ”
“มีคนอื่นมาด้วย”
“บ้านคุณพงษ์ชัยก็อยู่กันหลายคน วสาจะไปดินเนอร์กับคุณพงษ์ชัยต่อ”
อุรวสาวางสาย แสงฉานหงุดหงิด หึง และห่วงภรรยา
“ผมต้องกลับก่อนนะครับ มีธุระด่วน ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ที่ขายร้านให้ผม”
แสงฉานร่ำลาสั้น ๆ แล้วลุกไปทันที อันตราก้มหน้าหลบตอนแสงฉานเดินผ่าน บุษบาบัณยิ้มร้าย ที่ทำให้สามีภรรยาเริ่มทะเลาะกันได้
แสงฉานกดกริ่งหน้าบ้านพงษ์ชัยหลายครั้ง ใจร้อนด้วยความเป็นห่วงอุรวสาที่อยู่ในบ้านกับผู้ชายเจ้าชู้ อนุวัติมาเปิดประตูรั้ว
“อ้าวคุณแสงฉาน มาได้ยังไงครับ”
“ผมมารับภรรยาผมกลับบ้าน”
แสงฉานมองอนุวัติอย่างไม่พอใจ เดินเข้าไปเลยอย่างไม่เกรงใจ เสียงหัวเราะอุรวสาดังมา
กระตุ้นให้แสงฉานเดินเร็วขึ้นอีก เขาเข้ามาในห้องนั่งเล่น เห็นอุรวสากำลังยิ้มแย้มคุยหัวเราะอยู่กับพงษ์ชัย แสงฉานหึงขึ้นมาติดหมัด
“คุยงานเสร็จรึยังครับ”
อุรวสายิ้มระรื่น ไม่แคร์สามี
“คุณพงษ์ชัยเล่าโจ๊กฝรั่งให้ฟังค่ะ คุณมานั่งฟังด้วยกันสิคะแสง ตลกมาก”
“ผมไม่ชอบเรื่องตลก”
แสงฉานจ้องพงษ์ชัยอย่างไม่พอใจ จีบภรรยาเขาอย่างไม่เกรงใจ
“เปลี่ยนมาคุยเรื่องข่าวสารบ้านเมืองก็ได้ครับ”
“คุยเรื่องเครียด ๆ แล้วนอนไม่หลับกลับบ้านเราเถอะวสา”
แสงฉานใช้สายตาขอร้องอุรวสา ไม่อยากทะเลาะกันต่อหน้าคนอื่น
“วสาจะส่งแบบให้ทีมช่างพรุ่งนี้นะคะ งานที่เกาะช้างจะได้เริ่มซะที”
“ครับ”
“ไปนะคะ”
แสงฉานพาอุรวสากลับ โอบภรรยา แสดงความเป็นเจ้าของให้พงษ์ชัยเห็น
“ขี้หึงไม่เบานะครับ”
อนุวัติหันมาพูดกับพงษ์ชัย
“เริ่มจากทำให้หึง ต่อไปก็เลิกกัน”
พงษ์ชัยยิ้มมั่นใจ
เวศม์นอนบนโซฟาที่คอนโดฯแสงฉาน แสงฉานกับอุรวสากลับเข้าห้องมาก็ทะเลาะกัน เถียงกันมาตั้งแต่ข้างล่าง
“วสาต้องให้คุณพงษ์ชัยเซ็นรับงานวันนี้ ก็เลยต้องตามไปบ้านเขา”
“รอวันหลังก็ได้”
“เขาจะไปญี่ปุ่นอาทิตย์หนึ่ง งานรอไม่ได้”
เวศม์เงยหน้าขึ้นมามอง ทั้งสองคนชะงัก ลืมไปว่าเวศม์อยู่ในคอนโดด้วย
“อืม ให้ไปข้างนอกมั้ย”
“ไม่ต้องเวศม์”
อุรวากับแสงฉานเดินต่อ จะไปทะเลาะกันในห้องนอน
“นั่นมันหลอกคุณไป”
“วสารู้ค่ะ แต่ที่ไปเพราะมั่นใจว่าวสาไม่ได้คิดอะไรกับเขา ไม่เหมือนคุณ”
“ทำไม ผมยังไง”
“แสงไม่ปฏิเสธอาบุษ ไปกินเลี้ยงกับอาบุษ เพราะหลงเสน่ห์อาบุษ”
“ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยอยู่ในสายตาผม”
“คำพูดผู้ชาย เชื่อไม่ได้”
ทั้งสองคนเข้าไปในห้องนอน เสียงทะเลาะเงียบไป เวศม์ทำหน้าไม่ถูก มาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ควรอยู่
ตอนเช้า เวศม์กำลังชงกาแฟ อุรวสาใส่ชุดทำงานออกมาจากห้องนอน หน้ายังมึนตึงจากเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเมื่อคืน แสงฉานเดินตามหลังภรรยาออกมา หน้ามึน ๆ เช่นกัน
“กาแฟมั้ยวสา” เวศม์ถาม
“ไม่ล่ะ วสาไปทำงานนะ”
อุรวสาออกไป เวศม์ไม่กล้าถามเหตุทะเลาะเมื่อคืน แต่แสงฉานเล่าทันที
“มีผู้ชายคนหนึ่งตามจีบวสา ทั้งที่รู้วสาแต่งงานแล้ว”
“คนสมัยนี้ศีลธรรมตกต่ำ”
“คุณกับเจ้าอันเป็นอย่างไงบ้าง ทำให้เจ้าอันใจอ่อนได้รึยัง”
“เอาแค่ทำให้เลิกต่อยตีผมก่อน สเต็ปต่อไปค่อยคิด”
“เข้าทางแม่สิ คุณบราลีใจดี กับผมก็เข้าข้าง”
“คุณเอาใจแม่ยายยังไง”
“ช่วยทำกับข้าว”
“ผมทอดไข่ยังไหม้”
“อืม มีอะไรที่คุณพอทำได้บ้างนะ”
แสงฉานขบคิด ช่วยหาทางให้เวศม์เอาใจบราลี เวศม์ตั้งตารอฟังอย่างมีความหวัง
เวศม์มาที่แกลอรี่แห่งหนึ่ง เดินดูป้ายชื่อศิลปินเจ้าของรูปที่ติดข้างรูปเขียน ไม่ได้สนใจดูรูปเขียน เพราะรู้สึกเฉยๆ กับงานศิลปะ เจ้าของแกลอรี่เดินมาหาเวศม์ นำไปทางด้านรูปเขียนดอกไม้ของบราลี
“รูปเขียนของคุณบราลีเป็นคอลเล็คชั่นดอกไม้ค่ะ”
“ผมขอซื้อทั้งคอลเล็คชั่น ทั้งหกรูปเลยครับ”
เวศม์มองรูปเขียนดอกไม้ของบราลี ฝากความหวังไว้ที่ภาพชุดนี้
บราลีกับอินทุอรช่วยกันแพ็ครูปเขียนของบราลีอยู่ที่บ้าน
“ทางแกลอรี่บอกมั้ยคะ ใครซื้อรูปคุณแม่ทีเดียวตั้ง 6 รูป”
“แม่ไม่ได้ถามจ้ะ เขาโทรมาให้แม่ส่งรูปเขียนไปให้ใหม่”
คนใช้พาบุษบาบัณเข้ามา
“บุษช่วยค่ะ”
บุษบาบัณกุลีกุจอมาช่วยแพ็ครูป บราลีกับอินทุอรอึดอัดใจ บราลีหาเหตุให้ลูกสาวออกไป
“หนูอินต้องไปส่งอีเมล์ให้สถาบันบัลเล่ต์นี่จ๊ะ”
“ค่ะ”
อินทุอรออกไป โล่งใจ ไม่ต้องทนอยู่กับบุษบาบัณ
“ว้า เลยไม่ได้คุยกับหลานสาวเลย”
บุษบาบัณยิ้มให้บราลี บราลียิ้มฝืด ลำบากใจมาก
ในห้องประชุมบริษัท อัษฎาโดนบอร์ดของบริษัทต่อว่า วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
“ถ้าไตรมาสนี้ สถานการณ์การเงินของบริษัทไม่ดีขึ้น พวกเราจะถอดถอนคุณจากตำแหน่งประธานบริษัท”
บอร์ดยกขบวนกลับ สมศักดิ์บ่น
“ไม่เห็นรึไงวะ ช่วงนี้หุ้นแดงทั้งกระดาน เศรษฐกิจโดยรวมมันไม่ดี”
“ฉันพลาดเองที่ชะล่าใจ ปล่อยให้เฮดฟันจ์ต่างชาติถล่มหุ้นเราซะยับ”
อัษฎาอาการปวดหลังกำเริบ คราวนี้ปวดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จนเก็บอาการไม่อยู่ หน้าแหย
“เป็นอะไรอัษ”
“ปวดหัว”
“แกเอามือจับหลัง เอายาแก้ปวดมั้ย”
“ไม่ต้อง แกออกไปเตรียมเรื่องงานประชุมเย็นนี้เหอะ”
สมศักดิ์ไม่สบายใจ แต่จำต้องออกไป อัษฎาไม่เก็บอาการปวด กุมหลัง ความเจ็บปวดออกทางสีหน้าชัดเจน เขานึกถึงคำพูดของหมอ
“อาการปวดจะมากขึ้นเรื่อยๆ หมอแนะนำให้คุณรีบผ่าตัด”
อัษฎาปวดจนเหงื่อท่วม อาการที่มากขึ้นสร้างความวิตกกังวลมากขึ้น
สามใบไม่เถา ตอนที่ 8 (ต่อ)
อินทุอรอยู่ในครัว รินน้ำผลไม้ใส่แก้ว 5 ใบ หันไปบอกกับสาวใช้
“ยกไปเสิร์ฟได้เลยจ้ะ”
“คุณหนูอินไม่ออกไปเหรอคะวันนี้”
“ไม่ดีกว่าจ้ะ”
คนใช้ยกน้ำออกไป เพราะภิสิตมาบ้าน อินทุอรจึงเลี่ยงไม่เอาน้ำออกไปเอง
ทั้งหมดนั่งคุยกัน คนรับใช้ยกน้ำผลไม้มาให้
“ผมรู้จักนักธุรกิจยุโรปหลายคน จะโทรไปคุยว่าสนใจลงหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทพี่อัษมั้ย”
“ช่วยหน่อยนะสิต เอ้อ นี่ ปากกาสิตที่ทำตกไว้ที่ร้านอาหาร”
อัษฎาส่งปากกาคืน ภิสิตรับปากกามา หน้าเสีย ระแวงไปเอง กลัวอัษฎารู้ว่าปากกาด้ามนี้อินทุอรให้ บราลีมองตำหนิภิสิต มารักลูกสาวของเธอได้อย่างไร อัษฎายิ้มๆ กับบุษบาบัณ
“แหม ดันลืมปากกาที่ภรรยาซื้อให้ ต้องลงโทษให้หนัก”
“บุษไม่เคยให้ปากกาสิตค่ะ”
“อ้าว ผมนึกว่าปากกาด้ามนี้ ผู้หญิงที่รักที่สุดของภิสิตให้มาซะอีก”
“ฮึๆ มีผู้หญิงรักเขาหลายคนค่ะ”
“เอ่อ ป้าอัปสรซื้อให้ครับ”
“สิตรักป้าอัปสรมากกว่าเมียเลยเหรอ ฮะๆ” สมศักดิ์แซวเล่น
“บุษชินแล้วล่ะค่ะ กับการเป็นที่รักอันดับสาม”
“ที่สาม สิตมีอันดับสองด้วยเหรอครับ ใคร”
“บุษพูดเล่นน่ะครับ ผู้หญิงในชีวิตผมก็มีแค่บุษ กับ ป้าอัปสร”
ภิสิตหน้าเสีย บุษบาบัณยิ้มสมน้ำหน้า อยากหลงรักเด็ก ต้องโดนแบบนี้
บราลีพาภิสิตเข้ามาในห้องเขียนรูป
“คุณบราลีจะให้ผมดูรูปอะไรครับ”
“ดิฉันไม่ได้ชวนคุณภิสิตมาดูรูปค่ะ ดิฉันอยากปรึกษาเรื่องหนูอิน”
ภิสิตอึ้ง สงสัยว่าบราลีไปรู้อะไรมา บราลีพยายามพูดอ้อม ๆ อย่างมีมารยาท
“หนูอินกำลังจะไปเรียนต่อ ดิฉันอยากให้ลูกทุ่มเทกับการเรียน ไม่อยากให้มีเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจ แม้แต่เรื่องความรัก”
ภิสิตเงียบ ฟังไปก่อน คำพูดบราลียังไม่ชัด
“ระหว่างนี้ถ้ามีใครเข้ามา ดิฉันจะบอกลูกให้ปฏิเสธไปก่อน ถ้าผู้ชายคนนั้นรักหนูอินจริง ต้องไม่เข้ามาวุ่นวาย ทำให้หนูอินเสื่อมเสียชื่อเสียง”
ภิสิตเริ่มชัดขึ้น หน้าเสีย
“หนูอินนับถือคุณสิตเหมือนอาแท้ ๆ ช่วยเตือนหนูอินด้วยนะคะ ให้รอเจอผู้ชายที่เหมาะสม”
“ครับ”
ภิสิตเสียงแผ่ว เข้าใจความหมายโดยนัยที่บราลีต้องการสื่อ เขาไม่กล้าสบตาบราลี ด้วยละอายใจ ไปหลงรักลูกสาวบราลีที่อ่อนกว่าภิสิตสิบกว่าปี
ภิสิตกลับมาบ้าน นั่งอยู่ริมสนามหญ้า ไม่สบายใจ กลุ้มใจมาก ความลับที่เขารักอินทุอรรู้กันเกือบทุกคนแล้ว
กลางคืน พนักงานบริษัทกลับไปหมดแล้ว แต่เวศม์ยังไม่กลับ เขานั่งอยู่คนเดียว คิดถึงอันตรา จึงโทรหา อันตรากำลังสะกดรอยตามบุษบาบัณมาที่ผับ เห็นเบอร์แปลก ๆ โทรเข้าเครื่อง
“ถ้าติดต่องานนักสืบ เดี๋ยวดิฉันโทรกลับค่ะ ติดงาน”
บุษบาบัณเข้าผับไปแล้ว
“ต้องการจ้างให้สืบหาผู้หญิงคนหนึ่งครับ เขาขโมยหัวใจผมไป”
อันตราจำเสียงเวศม์ได้
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อศศิพิมลใช่มั้ยคะ”
“อันตรา จะให้ผมบอกอีกกี่ที ผมกับพี่ศิเป็นแค่พี่น้องกัน”
“ฉันต้องไปทำงานแล้ว”
“ไปยุ่งกับพวกค้ายาอีกรึเปล่า”
“ฉันอยู่ผับ แถวทองหล่อ”
อันตราวางสาย เข้าผับ ตามไปแอบดูบุษบาบัณต่อ เธอเลือกนั่งโต๊ะหัวมุม แสงสลัว ตาก็มองบุษบาบัณนั่งดื่มเหล้าคนเดียว
“ขอภาพเด็ดๆ ซักรูปเถอะอาบุษ เบื่อเข้าผับแล้ว”
เวศม์โผล่มาข้างหลัง ยิ้มเผล่ให้อันตรา อันตราเขกหัวตัวเอง
“ไม่น่าบอกชื่อผับนายเลย”
“ตามสืบใครอยู่”
อันตราไม่อยากคุยด้วย เวศม์มองตามสายตาอันตรา เห็นบุษบาบัณ
“คุณบุษ”
“รู้จักด้วยเหรอ”
“คุณบุษเป็นเพื่อนพี่ศิ”
อันตราชะงักไปทันที ตาเขียวปั๊ด เวศม์หัวเราะแผ่วเมื่อตัวเองเผลอพูดชื่อศศิพิมล ยิ้มเจื่อน
“แค่พูดถึง ไม่ได้คิดถึง”
“จะคิดถึงก็เรื่องของนาย”
พงษ์ชัยเพิ่งมา สะดุดตากับบุษบาบัณทันที สวยเด่นมาก เขาเดินยิ้มกรุ้มกริ่มไปนั่งโต๊ะบุษบาบัณ บุษบาบัณเห็นพงษ์ชัย เธอเริ่มมึนแล้ว มองพงษ์ชัยหัวจรดเท้า ยิ้มหวานยั่วยวนหว่านเสน่ห์ตามสไตล์
“Hello คุณพงษ์ชัย”
“ไม่นึกว่าจะเจอคุณบุษที่นี่”
“คงเป็นเรื่องบังเอิญ ที่เรามาพบกันวันนี้”
“เป็นความบังเอิญที่ผมยินดีมาก”
“เป็นความรู้สึก ที่ไม่ต่างกันค่ะ”
เวศม์กับอันตรามองอยู่
“ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนพี่ศิ”
“คุณศศิพิมลมีแฟนแล้ว”
“เชื่อรึยังว่าผมกับพี่ศิไม่ได้เป็นแฟนกัน”
อันตรามองเวศม์อย่างชั่งใจ ว่าโกหกหรือไม่
บุษบาบัณเมามากต้องนั่งพิงพงษ์ชัย พงษ์ชัยถือโอกาสโอบกอดไล้นิ้วมือไปตามท่อนแขน หัวไหล่ของบุษบาบัณ หญิงสาวก็ไม่ปัดป้อง อันตรากับเวศม์เห็นแล้วอึ้ง
“เดี๋ยวนะ ๆ ฉันขอทบทวน ผู้ชายคนนั้น เป็นแฟนคุณศศิพิมล”
“ใช่”
“คุณศศิพิมล เป็นเพื่อนอาบุษ”
“ถูก”
“นี่เขาสองคนรู้ตัวมั้ยเนี่ย กำลังทำอะไร”
เวศม์มองพงษ์ชัย เกลียด เจ้าชู้ใส่แม้กระทั่งเพื่อนภรรยา อันตราเริ่มงาน แอบถ่ายรูปบุษบาบัณกับพงษ์ชัยคลอเคลียกัน
“เมามากแล้วนะครับคุณบุษ ไหวมั้ยครับ”
“ขึ้นอยู่กับจะทำอะไร”
พงษ์ชัยมองบุษบาบัณเข้าใจความหมาย วางเงินบนโต๊ะแล้วประคองกอดบุษบาบัณออกไป เวศม์กับอันตราแอบตามไป
เวศม์กับอันตราตามพงษ์ชัย บุษบาบัณ มาห่าง ๆ อนุวัติเดินนำออกมาไกลพอสมควร พงษ์ชัยเดินตามมา เขากำลังประคองบุษบาบัณซึ่งเมามากเดินแทบไม่ไหว
“วันนี้เข้ามาดึกเชียวนะครับ”
“ฮึ ๆ ขอบใจที่เข้ามาจัดการทุกอย่างให้”
“พาบุษมาที่ไหนคะคุณพงษ์ชัย”
อนุวัติรู้สึกมีคนตาม หยุดเดิน
“เหมือนมีคนตามครับ”
อนุวัติหันไปดู ไม่มีใคร
เวศม์กับอันตราหลบเข้าในห้องพักทันเวลา เป็นห้องพักที่แม่บ้านทำความสะอาดเสร็จแล้ว เข็นรถเข็นออกไป และเปิดประตูค้างไว้ เวศม์กับอันตราแง้มประตูแอบดู พงษ์ชัยมองแม่บ้านเข็นรถทำความสะอาดสวนเข้ามา
“แม่บ้านน่ะ”
“ผมรู้สึกว่าถูกตามตั้งแต่ล็อบบี้แล้ว”
อนุวัติค้างคาใจเดินไปดู เปิดห้องพัก ห้องแรกประตูล็อค ห้องที่สองเปิดออก เห็นร่างคนสองคนนอนใต้ผ้าห่มบนเตียง คลุมผ้าถึงหัว
ใต้ผ้าห่ม เวศม์กับอันตรานอนชิดกัน อันตราฮึดฮัดจะผลักเวศม์ออก เวศม์เก็กหน้าดุ กลัวโดนจับได้ อนุวัติสงสัย เดินไปใกล้เตียง อันตราหน้าเหรอหรากลัว อยู่ในอ้อมกอดของเวศม์ที่กำลังระวังอนุวัติอยู่
เวศม์ตัดสินใจตะโกนเสียงดังออกไป
“Go away”
“Sorry”
อนุวัตินึกว่าแขกฝรั่ง รีบออกไป ปิดประตูให้เรียบร้อย อันตราผลักเวศม์ออกห่าง เวศม์ทำหน้าดุ ให้อยู่นิ่งๆ
“ไปแล้ว”
อันตราเลิกผ้าห่มออก จ้องหน้าเวศม์เขม็ง
“เมื่อกี้สบายจัง มีหมอนข้างนิ่ม ๆ ให้กอด”
“ไอ้คนฉวยโอกาส”
อันตราชก เวศม์หนีลงจากเตียงทัน
“ตามไปเร็วครับ เดี๋ยวเป้าหมายรอดไปได้นะ”
เวศม์กับอันตรารีบออกไป สวนกับแม่บ้าน แม่บ้านตกใจ
เวศม์กับอันตราเดินหาพงษ์ชัยกับบุษบาบัณ
“คืนนี้ฉันไม่ได้รูปเด็ด ก็เพราะนายมัวแต่เล่น”
“อยู่นั่น” เวศม์ชี้บอก
อนุวัติกำลังไขประตูห้องพัก พงษ์ชัยยืนกอดบุษบาบัณ อันตรารีบถ่ายรูปบุษบาบัณกับชายชู้ เก็บภาพละเอียดทุกช็อต ตั้งแต่อนุวัติเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไป ทิ้งให้พงษ์ชัยโอบกอดนัวเนียบุษบาบัณ
สุดท้ายพงษ์ชัยอุ้มบุษบาบัณเข้าห้องนอนไป ประตูห้องปิดลง อันตรายังตามไปถ่ายหมายเลขห้อง
อันตรากับเวศม์กลับมาที่รถมอเตอร์ไซค์ของอันตรา
“ทุเรศชะมัด มีอะไรกับสามีเพื่อนตัวเอง”
เวศม์กระโดดขึ้นซ้อนกอดเอว อันตราตีมือ ดิ้น
“ปล่อย ขึ้นมาทำไม”
“พาผมมา ก็ต้องพาผมกลับสิครับ รถผมจอดอยู่ที่ผับ”
“ขึ้นแท็กซี่กลับไปดิ ปล่อย”
เวศม์หน้ามึน กอดแน่นไม่ยอมปล่อย อันตราดิ้นจนเหนื่อย
“โอ๊ย ปล่อยได้แล้วๆ ไปส่งก็ได้”
เวศม์ยอมปล่อยกอด แต่ก็ยังเกาะเสื้ออยู่ อันตราอ่อนใจ
“จะเอายังไง แค่ไปส่งที่ผับใช่ป่ะ”
“อืม คิดไปคิดมา ผมว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า ผมรู้จักก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่งอร่อยมาก คุณต้องชอบ”
“ฉันไม่หิว”
เวศม์กอดแน่นอีก
“ผมให้คุณคิดอีกที”
อันตราตีมือ จะศอกใส่แต่โดนจับไว้ได้
“อย่ามารุ่มร่ามได้มั้ย”
“ไปกินก๋วยเตี๋ยวกับผมแค่นี้เอง คุณตอบตกลงปั๊บผมปล่อยปุ๊บเลย”
“เออๆๆ ก็ได้ ๆ ปล่อยได้ยัง”
เวศม์ยิ้มดีใจ ปล่อยกอด อันตราขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปโดยมีเวศม์ซ้อนหลังเกาะเสื้ออยู่
เวศม์กับอันตรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านข้างทางด้วยกัน ชามก๋วยเตี๋ยวของอันตรากองขึ้นสูง ส่วนของเวศม์น้อยกว่า เวศม์มองอันตรากินแล้วขำ
“ไหนว่าไม่หิวไง”
“ไหน ๆ นายก็เลี้ยงแล้ว ฉันก็ต้องจัดให้คุ้มหน่อย”
เวศม์ขำเอ็นดู ชอบความเป็นธรรมชาติของผู้หญิงคนนี้ แกล้งคีบหมูจากชามอันตรามา
“เฮ้ย อย่าแย่งสิ”
“ก็ชามของคุณมันดูน่ากินกว่าของผมนี่นา อร่อยที่สุดในโลกเล้ย”
อันตราเอาตะเกียบชี้หน้า แย่งลูกชิ้นจากชามเวศม์บ้าง สองคนแย่งกันกิน สนุกสนาน
กลางคืน แสงฉานใจอ่อนจะง้ออุรวสา เปิดยูทูปดูวิธีการทำมัสมั่นไปด้วย ทำไปด้วย ดูทุลักทุเล ไม่ถนัดอาหารไทย อุรวสานั่งเอนอยู่บนโซฟา วาดรูปเล่น เป็นตัวการ์ตูนผู้หญิงงอนเด็กผู้ชาย วาดไปวาดมาขีดฆ่าเด็กผู้ชายทิ้งด้วยความโมโห แสงฉานทำสำเร็จ รีบจัดจาน ร้องเรียกอุรวสา
“วสา มาดูเร็วผมทำอะไรให้คุณวันนี้”
อุรวสาทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ได้กลิ่น เอะใจ พึมพำ
“มัสมั่น”
แสงฉานยกจานมาให้ถึงห้องนั่งเล่น อุรวสารีบปิดสมุดโน้ตซุกไว้ข้างโซฟา
“วันนี้เชฟแสงขอนำเสนอของโปรดของผู้หญิงที่สวยที่สุดในบ้าน มัสมั่น”
“ทำมาทำไม”
อุรวสาเปิดทีวีดู ทำเป็นไม่สนใจ
“โธ่ วสา คุณก็รู้มัสมั่นทำยากแค่ไหน เครื่องปรุงเยอะแยะ วิธีการก็ลึกล้ำ ผมอุตส่าห์หัดทำเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยนะ”
อุรวสาเหล่มองจานมัสมั่น อยากกิน แต่ทำฟอร์ม
“เห็นคุณบ่นอยากกินอาหารไทยมาตั้งนานแล้ว ไอ้เราก็ไม่ถนัด แต่พยายามทำให้ ลองชิมสักคำนะครับ”
แสงฉานยื่นจานให้ อุรวสารับจานมาทำเก็ก แสงฉานยิ้มดีใจ
“แค่กินไม่ได้แปลว่ายกโทษให้ แสงไปเลย วสาอยากกินข้าวกับดาราในทีวีสองต่อสอง”
แสงฉานจ๋อย เดินออกมา อุรวสากินไปดูทีวีไป ยังโกรธอยู่
แสงฉานล้างจานของตัวเองเสร็จ ออกไปดูอุรวสา เห็นจานเปล่าวางไว้หน้าทีวี เลยเดินไปจะเอามาล้าง หันไปเห็นสมุดโน้ตของอุรวสาพอดีเลยหยิบมาเปิดดู เห็นหน้าที่อุรวสาวาดการ์ตูนไว้ คิดออกว่าจะง้อยังไงต่อ
อุรวสาออกมาจากห้องน้ำ เห็นแสงฉานนั่งอยู่บนเตียงก็สะบัดหน้าหนีไม่ยอมพูดด้วย ไปทาครีมที่โต๊ะเครื่องแป้ง แสงฉานทิ้งสมุดโน้ตไว้บนเตียง แล้วก็เข้าห้องน้ำไปบ้าง
อุรวสาเห็นสมุดโน้ต หยิบขึ้นมาดู เห็นตัวการ์ตูนก้างปลาของแสงฉานที่เป็นตัวยึกยือไม่สวยเหมือนของเธอยืนอยู่ข้างเด็กผู้หญิงที่เธอวาด เป็นผู้ชายก้างปลากำลังถือดอกไม้ มีคำพูดว่า ดีกันนะ อุรวสาฉีกกระดาษออกมาจากสมุด ปาทิ้งถังขยะ แล้วล้มตัวลงนอน
แสงฉานออกมา อุรวสารีบนอนหันหลังให้ แสงฉานจ๋อย เปิดสมุดโน้ตดูเห็นหน้าที่ถูกฉีกแล้วเสียใจ ปิดไฟนอนบ้าง ทั้งสองนอนหันหลังให้กัน
เวศม์ไขกุญแจบ้านเข้ามา ระแวงว่าศศิพิมลยังอยู่หรือไม่ เพราะไฟห้องโถงเปิดทิ้งไว้ กวาดสายตามองเร็ว ๆ ทั่วชั้นล่าง ไม่เห็นศศิพิมล แต่เห็นกระดาษพับคล้ายจดหมาย วางบนโต๊ะรับแขก เวศม์ไปอ่านจดหมาย
“พี่คืนบ้านให้เวศม์ ไม่ต้องหนีพี่ไปนอนไหนอีกแล้ว สิ่งเดียวที่พี่ขอเก็บไว้ไม่คืนให้เวศม์ ก็คือความรักที่เวศม์เคยมีให้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เวศม์ทำดีกับพี่เสมอมา จะอยู่ในใจพี่ตลอดไป รัก พี่ศิ”
เวศม์สะท้อนใจ เห็นใจศศิพิมลไม่น้อย ในฐานะคนเคยรักกัน
“พี่ก็จะเป็นพี่สาวของผมตลอดไปครับ”
เวศม์พับจดหมายศศิพิมลเก็บใส่ลิ้นชักตู้ไว้อย่างดี เป็นจดหมายของพี่สาวที่เวศม์รักคนหนึ่ง
ตอนเช้า บุษบาบัณตื่นขึ้นมา มึนหัว
“ยาแก้แฮ้งค์อยู่หลังตู้เย็นครับ”
บุษบาบัณมองไปตามเสียง เห็นพงษ์ชัยกำลังกลัดกระดุมเสื้อ เธอตกใจมาก
“นี่เมื่อคืนเรา”
พงษ์ชัยไม่ต้องตอบ บุษบาบัณก็รู้คำตอบเอง เธอส่ายหน้าว่าไม่น่าทำไป
“เพลงรักเมื่อคืน ผมเล่นครบทุกตัวโน้ต ไม่ประทับใจสักตัวโน้ตเลยเหรอ”
“มีผัวคนเดียวกับเพื่อน มันน่าดีใจรึไงคะ”
“โอเค ครั้งนี้ไม่ประทับใจ ไว้แก้ตัวใหม่ครั้งหน้าก็ได้”
“จะไม่มีครั้งต่อไป”
พงษ์ชัยเห็นบุษบาบัณไม่พอใจ ไม่ชวนทะเลาะ แต่งตัวเสร็จก็เดินยิ้มสบายใจออกไป บุษบาบัณหงุดหงิดอยู่บนเตียง ไม่น่าพลาด
บุษบาบัณเข้าบ้านมาก็เห็นศศิพิมลนั่งอยู่ เธอหน้าเสีย เพราะเมื่อคืนเพิ่งมีอะไรกับพงษ์ชัย
“อ้าว ศิมานานแล้วเหรอ”
“ตั้งแต่เมื่อคืน เวศม์ไม่ยอมกลับบ้าน ฉันไม่อยากอยู่ที่นั่นให้รบกวนจิตใจเขาอีกแล้ว จะกลับไปหาพงษ์ชัย ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าเสียเหลือเกิน ขอฉันอยู่ด้วยสักพักนะบุษ”
บุษบาบัณอึดอัดใจ เพิ่งได้เสียกับสามีศศิพิมล แล้วศศิพิมลจะมาอยู่บ้านเดียวกันอีก
“เวศม์ไม่รักฉันแล้ว เขาลืมฉันไปหมดแล้ว”
“เธอนี่น่าสมเพช ผัวใหม่ก็ไม่เอา ผัวเก่าก็ทิ้ง”
ศศิพิมลโดนจี้ใจดำ ร้องไห้โฮ สะอึกสะอื้นจนน่าสงสาร บุษบาบัณรำคาญ ไม่ชอบผู้หญิงเจ้าน้ำตา
บุษบาบัณอาบน้ำเสร็จ กำลังเช็ดตัว ล้างคราบพงษ์ชัยจากเนื้อตัวให้หมด
“เมาจนได้เรื่อง ได้ผัวเพื่อน”
สายเข้าโทรศัพท์มือถือของบุษบาบัณ
“ฮัลโหล”
ภิสิตโทรศัพท์มาหาสีหน้าจริงจัง
“บ่ายสองวันนี้ คุณต้องมาที่สำนักงานทนายความ เรามีเรื่องสำคัญต้องตกลงกัน”
“เลิกเซ้าซี้เรื่องหย่าซะที ยังไงซะบุษก็ไม่หย่า”
“คุณต้องมา ผมมีหลักฐานฟ้องหย่า”
บุษบาบัณกังวลว่าภิสิตมีหลักฐานอะไร
CUT /
ที่สำนักงานกฎหมาย บุษบาบัณชะงัก หน้าเสีย เห็นรูปถ่าย เป็นรูปตัวเองกับพงษ์ชัยคลอเคลียกันหลายสิบรูป ถ่ายที่ผับเมื่อคืนกับที่โรงแรม เธอโกรธมาก
“คุณจ้างนักสืบสะกดรอยบุษ”
“จะยอมหย่าแต่โดยดี หรืออยากให้เรื่องไปถึงศาล”
บุษบาบัณโกรธจัดตัวสั่น ตบหน้าภิสิต
“เลวมาก”
ภิสิตยังคงนิ่ง ไม่สะทกสะท้านที่โดนตบ
“สิ่งที่ผมทำลงไป เทียบไม่ได้กับที่คุณทำ ถ้าเรื่องไปถึงศาล ยังไงศาลก็ต้องสั่งให้คุณหย่า”
“งั้นก็รอให้เรื่องถึงศาลก่อน”
“จะเอาเรื่องของเราประจานทำไม หย่ากันเงียบ ๆ คุณก็ไม่เสื่อมเสียชื่อเสียง”
“บุษคงไม่เสียคนเดียวหรอก ฮึ นักการทูตผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว สิ้นท่าถึงขนาดต้องจ้างนักสืบถ่ายรูปเมียกับชู้รัก เพื่อยื่นฟ้องหย่า”
ภิสิตเฉย บุษบาบัณยิ้มเยาะ มั่นใจภิสิตไม่กล้าเอาชื่อเสียงตัวเองมาเสี่ยง
“ผมยอมเสียชื่อ”
“คุณพูดไปอย่างนั้นแหละ คุณรักษาชื่อเสียงจะตายไป”
“ความอดทนของคนมีวันสิ้นสุดนะบุษ หลังทนทุกข์มานานหลายปี ผมพบสัจธรรมข้อหนึ่ง ชื่อเสียงก็แค่เปลือกนอก ความสุขทางใจสำคัญกว่า ผมยอมแลกชื่อเสียง กับอิสรภาพ”
บุษบาบัณอึ้ง ภิสิตดูจริงจังมาก เธอเริ่มหวั่นไหว ไม่ได้อยากเอาตัวเองมาประจาน
อันตราเล่าเรื่องบุษบาบัณกับชายชู้ให้พี่น้องฟัง
“กินสามีเพื่อนแบบตัวเป็น ๆ เลยล่ะ อาบุษเนี่ย”
“พี่อันพูดน่าเกลียด”
บราลีเอาขนมของว่างมาให้ลูกๆ
“สาว ๆ คุยอะไรกันอยู่จ๊ะ”
“อันกำลังเล่าเรื่องอาบุษกับชายชู้ค่ะ”
“ฮะ”
“พี่อัน”
“คุณแม่รู้เรื่องอาสิตรักหนูอินแล้ว พี่เล่าเรื่องอาบุษก็ไม่เป็นไรนี่”
“ไหน ใครเล่าให้แม่ฟังให้ละเอียดสิ”
“อาสิตแยกบ้านกับอาบุษมาสักพักแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังฟ้องหย่า อาสิตจ้างเจ้าอันถ่ายรูปอาบุษกับชายชู้”
“เพราะอย่างนี้นี่เอง คุณสิตถึงดูอึดอัดทุกครั้งเวลาอยู่กับคุณบุษ”
“อาสิตน่าสงสารมากค่ะ ถูกเมียสวมเขา หย่าก็ไม่ยอมหย่า เอาทะเบียนสมรสล่ามขาไว้ทรมานเล่น” อุรวสาเล่าอย่างเห็นใจ
“น่าเห็นใจสิต”
บราลีหันไปมองหน้าอินทุอรเหมือนกำลังค้นหาความคิดของลูกสาวคนเล็ก
“หนูอิน ถ้าอาสิตเขาหย่า เป็นอิสระแล้ว หนูอินคิดยังไง”
“อินไม่คิดอะไรค่ะ ตอนนี้อินคิดแต่เรื่องจะไปเรียนต่อ”
บราลีมองอินทุอรอย่างกังวล เพราะอายุห่างกับภิสิตมาก
อินทุอรอยู่ในห้องตามลำพัง เปิดฝากล่องลายวินเทจสวยหวานของเธอ อุรวสากับอันตรากำลังจะเข้าไปหาน้อง เปิดประตูแง้มไปนิดเดียว เห็นน้องสาวกำลังเปิดฝากล่องปริศนา ทั้งสองแอบดูอยู่หน้าห้อง ซุบซิบกัน
“เห็นของในกล่องมั้ยเจ้าอัน อะไรอยู่ข้างใน”
“อันไม่ใช่ยีราฟนะคุณวสา ได้ยื่นคอไปดูได้”
อุรวสากับอันตราทำคอยื่นคอยาวอยู่ตรงช่องว่างประตู อยากรู้เหลือเกินว่าในกล่องของอินทุอรมีของสำคัญอะไรซ่อนไว้ อินทุอรปิดฝากล่อง สายตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
สามใบไม่เถา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ร้านใหม่ของแสงฉาน เปิดอย่างเป็นทางการวันนี้ เขาใช่ชื่อร้านเหมือนเดิมว่า “U & S Restaurant” ทำเลดีติดถนน มีผู้คนสัญจรไปมา
ภายในร้าน ปิดไฟทั้งร้าน ครอบครัวอุรวสามากันพร้อมหน้า รวมทั้งภิสิต เวศม์ สมศักดิ์ ทุกคนรอเวลาเปิดร้านอย่างเป็นทางการ อุรวสายังคงหมางเมินกับแสงฉาน จากที่ทะเลาะกันมาเรื่องพงษ์ชัยและบุษบาบัณ ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน ทั้งสองจ้องหน้ากัน แสงฉานพยายามยิ้มให้ แต่อุรวสายังเมินๆ
“ใกล้ฤกษ์เปิดร้านแล้วครับ 10.10 น.”
แสงฉานเอาป้าย “ปิด” ตรงประตูร้านพลิกออกกลายเป็น “เปิด” ภิสิตกับเวศม์เปิดไฟในร้าน สว่างไสว ทุกคนปรบมือ ยินดีกับแสงฉานและร้านใหม่
“ขอให้กิจการร้านรุ่งเรืองสดใส เหมือนแสงไฟที่สว่างไสวนะ” อัษฎาอวยพร
“เพราะคำแนะนำวันนั้น ผมถึงเข้าใจการทำธุรกิจครับ”
“คำแนะนำดีก็ใช่ว่าจะปฏิบัติได้ ยังต้องพิสูจน์กึ๋นอีกเยอะ ทำให้เห็นหน่อยสิ ว่าเธอเหมาะกับผู้หญิงเก่งอย่างอุรวสา”
สมศักดิ์กระซิบกับอัษฎา
“คนนะ ไม่ใช่ไก่ จะได้มีกึ๋น”
แสงฉานมองอัษฎายิ้มๆ รู้ว่าพ่อตาฟอร์มจัดไปอย่างนั้นเอง
“เชิญทุกคนนั่งครับ สั่งอาหารกันเต็มที่เลยนะครับ มื้อนี้ผมเลี้ยง”
“ถ้าไม่ได้กินฟรี อันก็ไม่มาหรอกพี่แสง”
“ไม่ได้ ของซื้อของขาย จะเลี้ยงได้ไง”
ทุกคนสลดลงเมื่อเห็นอัษฎาทำท่าจริงจัง บราลีพยายามสะกิดให้เพลา ๆ ลงบ้าง แต่อัษฎาทำเหมือนไม่ฟัง แต่แล้วกลับพูดด้วยน้ำเสียงกันเองมากขึ้น ยิ้มๆ
“วันแรก พ่อเลี้ยงเอง ถือว่าเป็นเงินก้นถุงสำหรับร้านใหม่ของแสงฉาน”
อุรวสาหันมามองอัษฎา อมยิ้มเพราะรู้นิสัยพ่อตัวเอง แสงฉานหันมามองอัษฎาแล้วยิ้ม ๆ ยกมือไหว้
“ขอบคุณครับคุณพ่อ”
“ใครเป็นพ่อเธอ ฉันมีแต่ลูกสาว จะให้ยอมรับก็ต้องพิสูจน์ฝีมือทำร้านนี้ให้รอด”
ทุกคนยิ้มๆ ในท่าทางของอัษฎา
ทุกคนนั่งโต๊ะอาหารใหญ่ เวศม์มานั่งข้างอันตรา อัษฎาปราดเข้ามาชี้หน้า ขึงตาดุเวศม์
“แขกไม่ได้รับเชิญ ไปนั่งโต๊ะอื่น”
“วสากับแสงชวนเวศม์มาเองค่ะ”
“แต่พ่อไม่ได้เชิญ พ่อเป็นเจ้าภาพวันนี้ โต๊ะนี้ของพ่อ”
“เพื่อให้อาหารมื้อนี้อร่อย ผมยอมสละเก้าอี้ไปนั่งโต๊ะอื่นดีกว่าครับ”
“อาไปนั่งเป็นเพื่อน”
ภิสิตกับเวศม์ย้ายทำเลไปนั่งโต๊ะข้าง ๆ อัษฎามองตามตาขวาง แสงฉานเอาเมนูมาให้สองหนุ่ม พลางกระซิบกระซาบกัน
“อยู่ใกล้อาสิตไว้ ให้อาสิตเป็นเกราะคุ้มภัย”
“ห้ามทำรุ่มร่ามกับเจ้าอันล่ะ ไม่งั้นเกราะก็ป้องกันไม่ไหว”
“จะเก็บมือเก็บแขนเก็บจมูกเก็บปาก ไม่ระรานคุณอันตราครับ”
สามหนุ่มหันไปมองอัษฎาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เจอสายตาอำมหิตจ้องมา ทั้งสามรีบหันหน้าหนี ด้วยกลัวและเกรงอัษฎา
ภายในครัววุ่นวาย ใบออเดอร์แปะเรียงเป็นแถว แสงฉานทำอาหารฝรั่งอย่างคล่องแคล่ว มีเชฟอาหารจีน และเชฟอาหารไทย ต่างเร่งมือทำอาหาร แสงฉานเช็คความเรียบร้อยของอาหารทุกจานก่อนให้เด็กเสิร์พยกออกไป อุรวสานำใบออเดอร์มาให้แสงฉาน เธอยังคงหน้าตึงๆ
“ออเดอร์โต๊ะ 7 คุณพงษ์ชัยขอสเต็กสุกน้อยนะคะ”
แสงฉานชักสีหน้าเมื่อได้ยินชื่อพงษ์ชัย
“วันนี้วันดีของผม วสาไม่ควรชวนหมอนั่นมา”
อุรวสาเสียงแข็งใส่สามี
“คุณพงษ์ชัยเป็นแขกของคุณพ่อ”
อุรวสาหน้าตึง เดินออกไป แสงฉานหงุดหงิด
ในร้าน มีลูกค้าหลายโต๊ะ เริ่มกิจการวันแรกด้วยดี แสงฉานยกอาหารมาให้พงษ์ชัยด้วยตัวเอง
พงษ์ชัยนั่งกับอัษฎาและสมศักดิ์
“บริการเองเลยนะครับเชฟ”
พงษ์ชัยส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้แสงฉาน แสงฉานมองไม่เป็นมิตรกลับเช่นกัน
“โต๊ะนี้เป็นแขกวีไอพีของพ่อตาผมครับ ถ้าผมเป็นคุณพ่อ ผมจะระแวงนะเนี่ยว่าแขกวีไอพีโต๊ะนี้หวังอะไรอยู่รึเปล่า เพราะแค่งานเปิดร้านลูกเขย ลูกค้าธรรมดาอย่างคุณพงษ์ชัยก็ไม่น่าจะมา”
แสงฉานเหลือบมองอุรวสา รู้ว่าพงษ์ชัยต้องการอุรวสา
“คุณพงษ์ชัยเป็นลูกค้าคนสำคัญน่ะแสง”
“ผมจะยินดีมาก ถ้าคุณพงษ์ชัยจะเป็นลูกค้าสำคัญของร้านนี้ หลังจากเป็นลูกค้ารายใหญ่ของพ่อตา และของภรรยาผม”
“ทานให้อร่อยนะคะคุณพงษ์ชัย”
อุรวสาหันมาจ้องหน้าแสงฉาน แสงฉานทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากนั้น อุรวสากับแสงฉานไปยืนเถียงกันที่มุมร้านห่างออกไป
“อยากให้คุณพ่อรู้รึไงว่าคุณหึงวสา”
“ถ้ารู้ก็ดีสิ จะได้เลิกดึงไอ้หมอนั่นมายุ่งเกี่ยวกับวสา”
พงษ์ชัยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หั่นสเต็กกิน อัษฎากับสมศักดิ์มองแสงฉานกับอุรวสาเถียงกัน สมศักดิ์กระซิบ
“เหมือนทะเลาะกันเลยว่ะอัษ”
อัษฎามองคู่ลูกสาวคนโตอย่างเป็นห่วง กังวล ไม่อยากให้ลูกสาวกับสามีมีปัญหากัน พงษ์ชัยลอบยิ้ม ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้
บุษบาบัณเดินสวยเจิดจรัสเข้ามาในร้านแสงฉาน ทุกคนที่โต๊ะมองแล้วต่างวิพากษ์วิจารณ์
“อาบุษสวยจัง” อินทุอรเปรย
“สวย เซ็กซี่ แอนด์ มีชู้”
ภิสิตหน้าเสีย
“เจ้าอัน ระวังคำพูดคำจาหน่อย” บราลีเตือน
“ผมไปดูบุษนะครับ”
ภิสิตลุกไปหาบุษบาบัณ อัษฎาโบกมือทักบุษบาบัณ ภิสิตเลยต้องพาบุษบาบัณไปทักทายอัษฎาที่โต๊ะ ซึ่งพงษ์ชัยนั่งอยู่ด้วย ภิสิตอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด
ที่โต๊ะสาว ๆ และหนุ่ม ๆ ทุกคนมองบุษบาบัณกับพงษ์ชัยยิ้มแย้มคุยกัน
“โห สุดยอด ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” อันตราอุทาน
“แล้วมีอะไรเกิดขึ้นเหรอ” บราลีสงสัย
“อาบุษกับลูกค้าคุณพ่อเป็นชู้กันค่ะ”
“หา ตายจริง”
“อันได้รูปเด็ด สองคนนั่นหิ้วกันเข้าโรงแรม”
อินทุอรอึ้งมาก
“แล้ว แล้ว อืม เขายังคุยกันหน้าตาเฉยได้ยังไงคะ”
เวศม์ยื่นหน้าจากโต๊ะข้างๆ มาคุย
“พวก One night stand ความสัมพันธ์ชั่วคืนไงจ๊ะหนูอิน”
อินทุอรกับบราลีมองบุษบาบัณกับพงษ์ชัยยิ้มแย้มโอภาปราศรัยกัน ไม่อยากเชื่อ ผู้หญิงผู้ชายคู่นี้มีอะไรกัน แต่ต่อหน้าคนอื่น วางตัวเหมือนเพื่อนกัน
ภิสิตพาบุษบาบัณเข้ามานั่งแยกอีกโต๊ะ ภิสิตอึดอัดใจมาก ชู้รักบุษบาบัณอยู่ในร้านด้วย
“กลับไปเถอะบุษ อย่าทำอะไรให้เสื่อมมากไปกว่านี้เลย”
ภิสิตเหลือบมองพงษ์ชัย
“ใครเสื่อม มีแต่คุณเท่านั้นแหละ จิตใจหมกมุ่น คิดอยู่แค่เรื่องเดียว”
อัษฎาเดินเข้ามาคุยนั่งด้วย
“คุณบุษ วันนี้วันหยุด ทำไมไม่มาพร้อมกันล่ะครับ”
“บุษแต่งตัวช้าน่ะค่ะ สิตรีบมา”
“พี่อัษครับ ผมกับบุษ เราแยกบ้านกันอยู่แล้ว”
“หา”
อัษฎาตกใจ บุษบาบัณเองก็ไม่คิดว่าภิสิตจะกล้าบอกคนนอก
“ถึงเราจะจบความสัมพันธ์สามีภรรยา แต่เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เราตัดสินใจแยกกันอยู่มาสักพักแล้วครับ”
อัษฎาได้แต่พยักหน้ารับรู้ จู่ๆ ภิสิตก็บอกเรื่องสำคัญมาก เขาคิดหาคำพูดไม่ทัน
บุษบาบัณกระชากตัวภิสิตออกมาที่ลานจอดรถ ชี้หน้าโวยเสียงดัง
“เอาเรื่องของเราไปบอกคนนอกทำไม ไม่เคยได้ยินเหรอ ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า”
“ชีวิตคู่ของเรา ถูกไฟเผามอดไหม้เป็นจุลแล้วล่ะบุษ ผมต้องการสร้างชีวิตของผมเองแล้ว”
บุษบาบัณอึ้ง ภิสิตไม่แคร์ภาพลักษณ์แล้วจริง ๆ หรือ
“คุณเป็นนักการทูต การหย่าร้างจะทำให้คุณเสียภาพพจน์”
“หัวโขนที่ผมสวมอยู่ มันกลายสภาพเป็นเขา เขาที่คุณสวมให้ผม ถึงเวลาที่ผมต้องถอดทั้งหัวโขน และเขาบนหัวออก”
ภิสิตแววตาหนักแน่น มั่นคง หมายความตามทุกคำที่พูดออกไป บุษบาบัณหน้าเสีย ภิสิตไม่แคร์ภาพลักษณ์แล้วจริง ๆ อัษฎาเดินปวดหลังมา
“ไม่สบายเหรอครับพี่อัษ”
บุษบาบัณหน้าบึ้งตึง กลับเข้าร้านไป ไม่อยากเสวนากับอัษฎาตอนอารมณ์เสีย
“พี่ปวดหลัง นั่งทำงานผิดท่าน่ะ พี่ว่าจะกลับก่อน สิตบอกคุณบราลีทีนะ”
อัษฎารีบไปโรงพยาบาล ภิสิตมองอย่างเป็นห่วง
ที่โต๊ะ เหลือบราลีนั่งอยู่คนเดียว ภิสิตกลับมานั่ง
“ไปไหนกันหมดครับ”
“คุณวสากับหนูอินอยู่ในครัวค่ะ เจ้าอันกับคุณเวศม์ไปทะเลาะกันที่ไหนไมรู้”
“คุณบราลีครับ พี่อัษไม่สบายกลับไปแล้วครับ”
“เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ ทำไมคุณอัษไม่บอกดิฉัน”
“ผมเห็นพี่อัษปวดหลังสองครั้งแล้วครับ ครั้งแรกที่แกลอรี่”
บราลีกับภิสิตต่างเป็นห่วงอัษฎา
“รีบกลับบ้านไปดูพี่อัษดีกว่าครับ พี่อัษอาจจะไม่สบายเป็นอะไรสักอย่าง”
บราลีไม่สบายใจ
อัษฎาลงจากเตียงในห้องตรวจของหมอ อาการปวดหลังยังคงมีอยู่ สีหน้าไม่ค่อยสบายใจ เครียด
“อาการปวดหลังมากขึ้น ถี่ขึ้น หมอแนะนำให้รีบผ่าตัด”
“แต่ผมยังเคลียร์งานที่บริษัทไม่ได้”
“เนื้องอกปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ อาจกลายเป็นเนื้อร้ายได้นะครับคุณอัษฎา”
อัษฎาเคร่งเครียด ประสบปัญหาหนักทั้งปัญหาสุขภาพ และปัญหาเรื่องงาน
ที่โต๊ะสาว ๆ อุรวสา อันตรา อินทุอร รวมทั้งภิสิตและเวศม์ที่ย้ายมานั่งโต๊ะเดียวกันแล้ว ทุกคนมองแสงฉานกับบุษบาบัณเดินเคียงกันไปตามโต๊ะลูกค้า คุยต้อนรับลูกค้า ราวกับสามีภรรยาช่วยกันทำมาหากิน
“ทำอะไรสักอย่างสิคะ นั่นภรรยาอาสิตนะคะ”
ภิสิตพูดไม่ออก
“นั่นก็สามีพี่ พี่ยังทำอะไรไม่ได้เลย หน้าระรื่นเชียว”
แสงฉานปลีกตัวจากบุษบาบัณมาหาอุรวสา
“วสา ผมว่าจะทำบัตรสมาชิกร้าน เพื่อนคุณบุษติดใจอาหารผม สนใจอยากสมัครเป็นสมาชิกร้าน”
“นี่เขาติดใจแสงกันยกแก๊งเลยเหรอคะ”
“คุณบุษเขาต้องไปช่วยต้อนรับ เพราะลูกค้ากลุ่มนั้นเป็นเพื่อน เขาชวนมาวันเปิดร้าน”
“เหรอคะ งั้น วสาไปต้อนรับลูกค้าของวสาบ้างดีกว่า”
อุรวสาไปนั่งโต๊ะพงษ์ชัย คุยยิ้มแย้มหัวเราะกับพงษ์ชัย แสงฉานมองตาม เริ่มหึง จะไปพาภรรยากลับมานั่งโต๊ะเดิม ภิสิตปราม
“มีปัญหาอะไรไปคุยกันที่บ้านดีกว่า”
“มันจีบเมียผม ต่อหน้าผม”
“ถ้าร้อนรนให้เห็น เขาจะได้ใจ นิ่งไว้”
“ผมเห็นด้วยกับอาสิต” เวศม์บอก
แสงฉานฉุนเฉียวกลับเข้าครัว
อุรวสามองแสงฉานเดินหน้าบึ้งตึงกลับเข้าครัว เธอทำเชิ่ด ไม่สนใจสามี พงษ์ชัยจับสังเกตได้ทั้งหมด คู่นี้ทะเลาะกันเพราะเขาเป็นต้นเหตุ พงษ์ชัยลอบยิ้มร้ายแผนแย่งภรรยาคนอื่น ดำเนินไปด้วยดี
อินทุอรมองเชฟทำอาหารอย่างสนใจ ภิสิตเข้ามา อินทุอรยิ้มให้
“แสงอยู่ไหนจ๊ะหนูอิน อาจะกลับแล้ว”
“ไปรับของหลังร้านค่ะ”
ภิสิตอดไม่ได้ที่จะมองอินทุอรด้วยแววตาผูกพัน ตัดสินใจถาม
“หนูอินจะไปอเมริกาเมื่อไหร่จ๊ะ”
“ปลายเดือนหน้าค่ะ คุณพ่อคุณแม่จะจัดงานเลี้ยงส่งให้ อาสิตต้องมานะคะ”
“เราสองคนสวนทางกันนะ อาเพิ่งกลับจากเมืองนอก หนูอินกำลังจะไป เราคงไม่ได้เจอกันอีกหลายปี”
ภิสิตเศร้า อาลัยอาวรณ์อินทุอร แสงฉานกับเด็กเสิร์ฟขนวัตถุดิบทำอาหารเข้ามาพอดี ภิสิตจึงรู้สึกตัว
“อาต้องกลับแล้วแสง”
“ผมไปส่งที่รถครับ”
ภิสิตยิ้มเศร้า ๆ ลาอินทุอร แล้วออกไปกับแสงฉาน
แสงฉานออกมาส่งภิสิตที่รถ เวศม์กำลังทะเลาะกับพงษ์ชัย
“ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะ ไปเป็นชู้กับเพื่อนเมีย ทำตัวเป็นหมาไม่เลือกคู่”
เวศม์ผลักอกพงษ์ชัยจนเซ
“มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ”
พงษ์ชัยผลักอกเวศม์คืน ต่างฝ่ายต่างกระชากคอเสื้อไม่ยอมกัน ภิสิตกับแสงฉานเข้ามาห้าม ภิสิตห้ามพงษ์ชัย ส่วนแสงฉานดึงเวศม์ออกมา ไม่อยากให้มีเรื่องในวันเปิดร้านแสงฉาน
“กลับเข้าร้านไปเวศม์” ภิสิตบอก
“เวศม์พูดถูกแล้วครับ คนเราควรเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ทำตัวผิดศีลธรรม”
แสงฉานเข้าข้างเวศม์ พงษ์ชัยกวนประสาทแสงฉานทันที
“ใครว่าผมไม่รู้จักเลือก ผมเลือก เลือกเมียคุณ”
“แก”
แสงฉานจะต่อยพงษ์ชัย ภิสิตจับแสงฉานไว้
“อย่าทำเสียฤกษ์น่าแสง วันนี้วันเปิดร้าน”
พงษ์ชัยไม่กลัวโดนรุม กวนโทสะพวกหนุ่ม ๆ หันไปเย้ยเวศม์
“พอได้พี่สาวคนโต ผมจะเทใจให้น้องสาวคนกลาง เห็นคนแถวนี้เล็ง ๆ อยู่นี่”
“ห้ามยุ่งกับอันตรานะเว้ย”
“อืม น้องสาวคนเล็กก็น่ารักน่าเอ็นดู จะเก็บไว้เคลมเป็นรายสุดท้ายให้เข้าป้าย ท้องก่อนพี่ๆ ฮ่าๆๆ”
ภิสิตกระชากพงษ์ชัยมาตรงหน้า แล้วต่อยโครม เวศม์กับแสงฉานตะลึง พงษ์ชัยแปลกใจมาก
“คุณภิสิต คุณต่อยผมทำไม”
ภิสิตลืมตัวต่อยไป หาเหตุผลมาแก้ตัวไม่ได้
“อ้อ คุณหมายตาน้องสาวคนเล็กไว้”
ภิสิตไม่พูด ไม่อยากให้เรื่องบานปลายไปกว่านี้ พงษ์ชัยอ่านท่าทางภิสิตออก หัวเราะร่า
“ฮ่าๆๆ ยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งฝูง อกหักพร้อม ๆ กัน”
พงษ์ชัยหัวเราะยียวนแล้วเดินออกไป ภิสิตเจ็บมือข้างที่ต่อยพงษ์ชัย สะบัดมือให้หายเจ็บ เวศม์กับแสงฉานยังทึ่งภิสิตไม่หาย
สามหนุ่มเดินเข้ามาในร้าน เวศม์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะภิสิต
“นักการทูตก็บู๊เป็นเหมือนกันเหรอ”
“ไม่รู้อาทำไปได้ยังไง”
“ธรรมดาครับ ของขึ้น”
อุรวสามาหาแสงฉาน
“ขอกุญแจรถค่ะแสง วสาจะกลับแล้ว คุณแม่เอารถวสาไป”
“ไหนคุณบอกจะอยู่ถึงปิดร้านไง พอนายพงษ์ชัยกลับก็เลยกลับตาม แคร์หมอนั่นมากนะ”
อันตรากับอินทุอรตามมาสมทบอุรวสา
“วสาจะไปส่งน้อง ๆ ที่บ้าน แสงพูดอย่างนี้ได้ยังไง”
“พูดไปตามความรู้สึก”
“คอยดูนะ วสาจะไม่กลับมาเหยียบที่ร้านนี้อีกแล้ว ถ้ายุ่งนัก แสงก็ให้อาบุษช่วยรับแขกไปก็แล้วกัน”
“วสา”
อุรวสาได้กุญแจรถมาจากแสงฉาน ก็เดินนำน้อง ๆ ออกไป อันตรากับอินทุอรเห็นพี่สาวโกรธแสงฉาน เลยไม่กล้าร่ำลา ภิสิตกับเวศม์เห็นใจแสงฉาน
อัษฎาเดินเข้ามาในบ้าน บราลีรีบออกมาหาสามีด้วยความเป็นห่วง
“ไปไหนมาคะคุณอัษ สิตบอกว่าคุณไม่สบาย ฉันรีบกลับมารอคุณตั้งนาน”
“แวะไปหาหมอคลินิกแถวนี้ หมอบอกว่าผมนั่งทำงานผิดท่ากล้ามเนื้อหลังก็เลยปวด กินยาก็หาย”
“ไหนยาคะ”
“เอ้อ ไม่ได้ซื้อมาจ้ะ กะจะไปให้หมอที่โรงพยาบาลตรวจละเอียดอีกที”
“พรุ่งนี้ฉันจะพาคุณไปหาหมอเอง”
“พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง ร้านอาหารแสงน่าจะไปได้ดีนะ เออ ผมค่อยหมดห่วงหน่อย”
อัษฎายิ้ม เดินโอบบราลีเข้าบ้าน ทำเหมือนไม่ได้มีอาการป่วยร้ายแรง แต่บราลีก็ยังสงสัย อัษฎาอาจไม่ได้ปวดกล้ามเนื้อหลัง อาจเป็นมากกว่านั้น
ตอนค่ำ แสงฉานเหนื่อยมากกลับมาจากร้าน อุรวสาไม่คุยด้วย ถอดปลั๊กที่ชาร์จโน้ตบุ้คออก จะเอางานไปทำในห้องนอน แสงฉานเห็นอาการอุรวสา พยายามง้อเพราะรู้ว่าตัวเองปากไวไปหน่อยเรื่องพงษ์ชัย
“ที่รักน่าจะอยู่ถึงปิดร้าน คนแน่นถึงสี่ทุ่มเลย”
อุรวสาไม่มีปฎิกิริยาตอบกลับ หิ้วโน้ตบุ้คเข้าห้องนอน แสงฉานตามไป แต่ประตูล็อค
“ที่รักจ๋า ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ”
อุรวสาเงียบ แสงฉานเริ่มใจไม่ดี
“วันนี้ผมเนื้อยเหนื่อย อาบน้ำให้ผมทีสิจ๊ะ”
อุรวสาเดินออกมา แสงฉานยิ้มให้ อุรวสาหน้างอ ส่งผ้าขนหนูกับชุดนอนยัดใส่มือแสงฉาน แล้วปิดประตูใส่หน้า ไม่ให้เข้าห้องนอน
“ผมขอโทษ ผมจะไม่ประชดคุณอีกแล้ว หายโกรธนะจ๊ะ ที่ร้าก”
อุรวสาไม่ให้เข้าห้อง แสงฉานมานั่งหน้าจ๋อยบนโซฟาห้องโถง
“โกรธจริงดิ”
แสงฉานมึน อุรวสาโกรธขนาดไม่ให้นอนในห้องนด้วย
บราลีกับอินทุอรช่วยเจ้าของแกลอรี่ ติดรูปเขียนชุดใหม่ของบราลีบนผนังแกลอรี่ บราลีเอารูปมาส่งหลายรูป
“นักสะสมที่ซื้อรูปเขียนดิฉันเซ็ตที่แล้ว เป็นคนไทยหรือต่างชาติคะ”
เวศม์เดินเข้ามา บราลีกับอินทุอรแปลกใจ
เวศม์ยืนนอบน้อมต่อหน้าบราลี สารภาพแล้วว่า เป็นคนซื้อรูปเขียนบราลี บราลีตำหนิเล็กน้อย
“เข้าใจล่ะว่าอยากเอาใจ แต่ไม่ควรต้องเสียเงินเป็นหมื่นเป็นแสน วิธีเอาใจผู้ใหญ่มีตั้งหลายวิธี”
“ผมทำอาหารไม่เก่งเหมือนแสงฉานนี่ครับ”
“พี่แสงรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอคะ”
เวศม์เงียบ ไม่อยากดึงแสงฉานมาเดือดร้อนด้วย
“งานศิลปะควรอยู่กับคนที่รักในศิลปะ เวศม์เอารูปคืนมาเถอะ จัดการเรื่องคืนเงินให้คุณเวศม์ด้วยนะหนูอิน”
“แล้วแต่คุณแม่ครับ”
บราลีเห็นเวศม์จ๋อยมาก ก็สงสาร
“ดีแล้วที่เข้าตามตรอกออกตามประตู ให้เกียรติผู้ใหญ่ พวกเราไม่ได้รังเกียจคุณเวศม์หรอกนะ หาวิธีอื่น พิสูจน์ให้เห็นสิว่ารักลูกสาวแม่จริง”
“ครับ คุณแม่”
สถานการณ์พลิกผัน เวศม์ยิ้มหน้าบาน เข้าทางบราลีสำเร็จ บราลีให้ความเอ็นดู มองยิ้มๆ แกมหมั่นไส้เวศม์
อันตราขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด อินทุอร บราลี คนใช้กำลังขนรูปเขียนบราลีลงจากรถ
“พี่อันรู้มั้ย นักสะสมมือสมัครเล่นที่ซื้อรูปคุณแม่เป็นใคร พี่เวศม์ค่ะ”
อันตราอึ้ง
“ไอ้บ้านั่นเนี่ยนะ ซื้อไปทำไมตั้งเยอะแยะ”
“คงอยากเอาใจคุณแม่มั้งคะ อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าหาแม่เสือซะหน่อย อะไรประมาณนี้”
อันตราเขินแต่แกล้งโวยวาย
“สำนวนอะไรของหนูอิน ไม่เคยได้ยินเลย เฮ้อ ไปดีกว่าไร้สาระจริง ๆ”
อันตรารีบเดินเข้าบ้านไป บราลีรีบพูดตามหลังไป
“คุณเวศม์ก็ดูจริงใจดีนะเจ้าอัน ไม่ต้องตั้งแง่กับเขามาหรอกน่า”
อันตราหันมาค้อนแล้วเดินต่อไป บราลีกับอินทุอรมองหน้ากันขำๆ
อันตรานอนอมยิ้มอยู่บนเตียง รู้สึกดีกับเวศม์ เอามือถือขึ้นมาเปิดดูไอจีของเวศม์แล้วเห็นรูปไอติม เขิน นอนบิดไปบิดมา อยู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ รีบไปล็อคประตูห้อง แล้วแอบเอากล่องที่ซ่อนไว้ใต้เตียงขึ้นมาเปิดดู ภายในกล่อง เป็นกุหลาบที่เวศม์เอามาเยี่ยมตอนเข้าโรงพยาบาล อันตรายิ้ม หยิบดอกกุหลาบแห้งขึ้นมาดู ยิ้มเขิน มีความสุข แล้วตัดสินใจคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์ออกไป
เวศม์กลับบ้าน พอเข้าบ้าน ก็ชะงัก เห็นศศิพิมลยืนยิ้มเศร้า ๆ รออยู่
“อย่าเพิ่งไล่พี่นะเวศม์ วันนี้พี่จะมาลา”
“พี่ศิจะไปไหน”
“ออสเตรเลีย พี่มีญาติอยู่ที่นั่น”
“เมืองนอกไม่เหมือนบ้านเรา อยู่ลำบากนะครับ”
“อยู่นี่พี่ก็ไม่มีใครสักคน เวศม์ พี่ขอให้เวศม์โชคดี มีความสุขมาก ๆ กับคนที่เวศม์รักนะจ๊ะ”
เวศม์ใจหายไม่น้อย ที่ศศิพิมลจะจากไปแล้ว ถึงไม่รักผู้หญิงคนนี้แต่ยังมีความรู้สึกผูกพันอยู่บ้าง
อันตราขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้าน เห็นสองคนคุยกันก็แอบดู
“พี่เกลียดการบอกลา เวศม์ไม่ต้องพูดคำว่าลานะ แค่ยิ้มให้พี่ก็พอ”
เวศม์ยิ้มให้ศศิพิมล เป็นรอยยิ้มจริงใจจากน้องชายคนนี้ อันตรานิ่วหน้า ยิ้มให้กันทำไม ศศิพิมลมองหน้าเวศม์แล้วสะเทือนใจ
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ วันนั้นพี่จะไม่มีวันทิ้งเวศม์ไปเลย เวศม์ พี่ขออะไรอย่างหนึ่งก่อนจะออกจากชีวิตเวศม์ไปตลอดกาลได้ไหม”
ศศิพิมลไม่รอให้เวศม์ตอบ เธอเข้าไปกอดและจูบเวศม์ที่แก้ม เวศม์ไม่กล้าผลักไสออก อันตรามองเหมือนทั้งสองกำลังจูบกันอยู่ เธอเสียใจ หันหลังให้ภาพบาดตา เวศม์ค่อยๆ ผละศศิพิมลออก
“อย่าทำอย่างนี้เลยครับพี่ศิ ให้เราจากกันด้วยดีเถอะ”
“พี่แค่อยากเก็บความทรงจำของเราไว้เป็นครั้งสุดท้าย Good Luck นะ เวศม์คนดีของพี่”
ศศิพิมลน้ำตาร่วงตอนเดินออกจากบ้านเวศม์ อันตรารีบหลบออกไปจากตรงนั้นไม่ให้ศศิพิมลเห็น เวศม์ซึมไปบ้าง อาลัยศศิพิมลพอสมควร ศศิพิมลออกไปแล้ว อันตราตัดสินใจหยิบของในรถมอเตอร์ไซค์ แล้วเดินเข้าไปในบ้านด้วยความโกรธ เวศม์นึกว่าเป็นศศิพิมลเดินเข้ามา
“ลืมอะไรหรือครับพี่ศิ”
“เสียใจด้วยนะ ที่ฉันไม่ใช่ที่รักของนาย”
เวศม์หันมาตกใจ แต่ดีใจที่อันตรามาหา
“มาได้ยังไงเนี่ย”
อันตราไม่ตอบ เอาดอกไม้แห้งปาใส่หน้าเวศม์
“นี่ ของนาย เอาคืนไป”
เวศม์ก้มลงเก็บดอกไม้ งง ๆ ก่อนจะดีใจ
“คุณยังเก็บมันไว้เหรอ”
“ฉันเอามาคืนนายแล้วนี่ไง แล้วต่อจากนี้ไปอย่ามายุ่งกับฉัน กับครอบครัวฉันโดยเฉพาะพ่อกับแม่ฉันอีก”
อันตราจะกลับ เวศม์คว้าแขนไว้ อยากคุย
“เดี๋ยวก่อน คุณเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”
อันตราจ้องเวศม์โกรธ จนเวศม์ต้องยอมปล่อยแขนให้อันตรากลับไป เวศม์ก้มมองดอกไม้ในมือ ไม่สบายใจ อันตราพูดแรง โกรธจริง
อันตราบิดมอเตอร์ไซค์อย่างช้าๆ ไปตามถนน น้ำตาไหลด้วยความเสียใจ
สามใบไม่เถา ตอนที่ 8 (ต่อ)
บุษบาบัณจิบไวน์อยู่ที่บ้าน มองรำคาญศศิพิมลที่หน้าเศร้าอย่างกับมีใครตาย
“ขี้แพ้ ยังสู้ไม่ครบยกก็ประเคนผู้ชายให้นังเด็กทอมนั่นแล้ว”
“ฉันเหนื่อยที่จะสู้ เธอล่ะบุษ ตัดสินใจยังไงเรื่องหย่า”
“มันเรื่องของฉัน เป็นแค่คนอาศัย อย่ายุ่งกับเรื่องส่วนตัว”
ศศิพิมลไม่อยากทะเลาะกับบุษบาบัณ ถอนหายใจยาวแล้วลุกไป บุษบาบัณซดไวน์ เครียดเรื่องหย่า ยังคิดไม่ตก
คืนนั้น บุษบาบัณนอนไม่หลับ เดินออกมาที่สนามหญ้า ครุ่นคิดเคร่งเครียดเรื่องหย่า นึกโกรธภิสิต
“ภิสิต คุณใช้วิธีสกปรกกับฉัน”
บุษบาบัณคิดมาก กับการยอมเซ็นหรือไม่ยอมเซ็นใบหย่า
ที่สำนักงานทนายความ ภิสิตกับบุษบาบัณนัดมาเซ็นใบหย่า ภิสิตเช็นแล้ว ทนายความส่งเอกสารหย่าให้บุษบาบัณเซ็น เธอเซ็นแล้วก็ปัดเอกสารและแจกันดอกไม้บนโต๊ะร่วงกระจาย อาละวาดให้หายแค้น ชี้หน้าภิสิต
“จำไว้นะ คุณได้อิสรภาพจากบุษด้วยวิธีสกปรก วิธีที่ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกัน”
“แล้วสิ่งที่คุณทำกับชีวิตผม มันสะอาดนักเหรอ”
ภิสิตไม่สะทกสะท้าน
“อย่าคิดว่าชีวิตใหม่กับนังหนูอินจะราบรื่น มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก”
“ผมไม่ได้ขอหย่าเพราะหนูอิน ผมต้องการหย่าเพราะเกินจะอดทนแล้ว”
บุษบาบัณจ้องหน้าภิสิตแค้น แล้วปึงปังออกไป ภิสิตมองใบหย่า คลายยิ้ม เป็นวินาทีสำคัญในชีวิต คือการได้ชีวิต ได้อิสรภาพกลับคืนมา
ภิสิตฉลองหย่าเงียบ ๆ คนเดียว ด้วยการซื้อของมาแต่งบ้าน ให้บ้านน่าอยู่ขึ้น อัปสรโทรมาหา ภิสิตกดรับสาย น้ำเสียงสดใส
“สวัสดีครับป้าอัปสร”
อัปสรอยู่กับเพื่อน ๆ คุยโทรศัพท์กับภิสิตไปด้วย
“ฟังจากน้ำเสียง อารมณ์ดีเชียวนะตาสิต”
“ฉลองวันประกาศอิสรภาพอยู่ครับ”
“วันประกาศอิสรภาพ วันนี้วันอะไร”
อัปสรหันไปถามเพื่อนๆ
“วันอังคาร”
“ฉันหมายถึงวันสำคัญย่ะ”
“วันพระใหญ่”
“พวกหล่อนนี่ไม่ช่วยเลย ประกาศอิสรภาพอะไรลูก”
“บุษเซ็นใบหย่าแล้วครับ”
“หลานสะใภ้นรกแตกยอมหย่าแล้ว”
อัปสรหันไปบอกเพื่อนๆ
“อย่างนี้ต้องฉลอง”
“เลี้ยงโต๊ะจีนร้อยโต๊ะเลยแม่อัปสร”
“จะไปเลี้ยงโต๊ะจีนลิงที่ลพบุรีด้วย”
สามป้าหัวเราะกรี๊ดกร๊าดดีใจกันใหญ่ ภิสิตได้ยินเสียงหัวเราะร่วนทางโทรศัพท์ เขาหัวเราะตาม อารมณ์ดีมีความสุข
บุษบาบัณนั่งอยู่ในผับ หน้าเครียด ไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น พงษ์ชัยเดินเข้ามา เธอมองเขาตาวาว เดินเข้าไปหา
“บุษกำลังหาเพื่อนอยู่เลย”
บุษบาบัณส่งสายตาเย้ายวนให้พงษ์ชัย ไม่ได้อยากแค่ดื่มเหล้า
“ผมเป็นอดีตสามีเพื่อนคุณนะไม่ถือแล้วเหรอ”
บุษบาบัณจูงมือพงษ์ชัยไปนั่งโต๊ะเดียวกัน แทนคำตอบทั้งหมด
เวลาต่อมา ทั้งคู่พากันมาหาความสุขกันที่โรงแรม นอนกอดกันบนเตียง
“หอมไปทั้งตัว”
“พอแล้วค่ะ”
บุษบาบัณหงุดหงิด เพิ่งหย่ามา อารมณ์ไม่ดี
“ที่มากับผมเพราะประชดใคร สามีคุณ”
“อย่าพูดถึงผู้ชายเฮงซวยนั่น หลงเด็กจนฟ้องหย่าบุษ”
“หลงเด็ก ลูกสาวคนเล็กคุณอัษฎารึเปล่า”
“คุณรู้ได้ยังไง”
พงษ์ชัยเล่าเรื่องที่ภิสิตต่อยเขาที่ร้านอาหารของแสงฉานให้ฟัง
“สิตน่ะเหรอต่อยคุณ ฮึ กระสันอยากปกป้องนังเด็กนั่นจนลืมตัว คุณหวังจะเคลมอุรวสาอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ก็คงเหมือนคุณที่หว่านเสน่ห์ใส่แสงฉานนั่นแหละ”
บุษบาบัณชะงักเมื่อพงษ์ชัยพูดเหมือนรู้ใจเธอ
“เราสองคนต้องการแยกผัวเมียคู่นี้ แล้วทำไมเราถึงไม่”
“ร่วมมือกัน”
“ถ้าทุกอย่างสำเร็จ คุณจะได้แสงฉาน ส่วนผมได้อุรวสา เราจะเอาผลประโยชน์ทั้งหมดในบริษัทของอัษฎามาแบ่งกัน”
“วิน วิน ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ ข้อเสนอแบบนี้ คงยากจะปฏิเสธ”
ทั้งสองจ้องมองกันอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะสวมกอดล้มตัวลงนอนด้วยกันอีกครั้ง
กลางคืน แสงฉานหน้าเจี๋ยมเจี้ยม จัดหมอน ผ้าห่มบนโซฟา จนป่านนี้อุรวสายังไม่ให้นอนในห้อง อุรวสากำลังดื่มน้ำผลไม้ก่อนนอน
“ที่รักจ๋า ผมปวดหลัง โซฟานอนไม่สบายเลย”
อุรวสามองแสงฉานแล้วเมินหน้าหนี ทำเหมือนไม่สนใจเข้าห้องนอนล็อคประตู
“โธ่ ยกโทษให้สามีสุดที่รักซะทีสิจ๊า”
แสงฉานเซ็งจำใจนอนบนโซฟา
ที่พิพิธภัณฑ์เพลงลูกกรุง ป้า ๆ ชี้นิ้วสั่งภิสิตให้เลื่อนของตกแต่งในพิพิธภัณฑ์ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนภิสิตเหนื่อย
“ป้าตัดสินใจให้แน่ก่อนดีกว่ามั้ยครับ ผมจะได้ยกทีเดียว”
อินทุอรมาเดินเข้ามา ไหว้อาสิต ภิสิตรับไหว้ มองอินทุอรตาเป็นประกายวิบวับ ยิ่งเขาหย่าแล้ว
ยิ่งไม่จำต้องห้ามใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อน
“หนูอินช่วยคิดทีลูก ป้าจัดพิพิธภัณฑ์ใหม่ จะเอาอะไรไปไว้ตรงไหนดี”
“ของเดิมก็สวยอยู่แล้วนี่คะ”
“เบื่อลูก ป้าชอบอะไรใหม่ๆ”
“มิน่าเปลี่ยนร้านแก๊สประจำ เด็กส่งแก๊สมาไม่ซ้ำหน้า” ป้าต้อยแซว
“แล้วใครยะ มาทำน้ำลายหกตอนเด็กหนุ่ม ๆ มาส่งแก๊ส”
“มันก็ย้อยไหลกันทั้งสามคนนั่นแหละย่ะ”
“ฉันไม่เคยย้อยนะยะ” ป้าต๋อยออกตัว
“หล่อนน่ะ ตัวน้ำลายยืดเลย”
ภิสิตกับอินทุอรขำป้า ๆ เถียงกันเรื่องเด็กส่งแก๊ส
ภิสิตกับอินทุอรช่วยกันยก ย้าย ของตกแต่งพิพิธภัณฑ์ โดยสามป้าชี้นิ้วสั่งให้วุ่นวาย เปลี่ยนที่ไปมา สามป้าลอบยิ้ม วันนี้จงใจนัดภิสิตกับอินทุอรมาเจอกัน เอาการตกแต่งพิพิธภัณฑ์เป็นข้ออ้าง
ตอนกลางวัน อินทุอรช่วยป้าทั้งสามทำกับข้าว
“หนูอิน อาสิตบอกหนูรึยังว่าเขาหย่าแล้ว”
อินทุอรไม่แปลกใจนัก เพราะรู้มาบ้างแล้ว
“น่าเสียดายนะคะที่ชีวิตคู่ต้องพัง”
“ไปกันไม่ได้ ก็ต้องเลิกกันเป็นธรรมดาลูก”
ภิสิตยกน้ำเย็นมาบริการสาวน้อยสาวแก่
“วันนี้เราออกไปกินข้าวข้างนอกดีกว่าครับ วันนี้หนูอินยกของจนเหนื่อยแล้ว”
“ไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอกค่ะอาสิต แค่กล้ามแขนขึ้นเท่านั้นเอง”
“อุ๊ยตาย จริงเหรอลูก”
ต้อยจับต้นแขนอินทุอร มือต้อยเลอะน้ำพริก ทำให้แขนเสื้ออินทุอรเปื้อน
“ป้าขอโทษลูก”
“อินพูดเล่นค่ะป้าต้อย อินไปล้างเสื้อนะคะ”
อินทุอรเดินออกไป
“ตาสิต เดี๋ยวเราขับรถตามไปส่งหนูอินที่บ้านนะ อย่าทำเสียแผน”
“หนูอินชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้น กำลังจะไปเรียนต่อ มีอนาคตที่ดีตามที่ฝันไว้ ผมควรปล่อยหนูอินให้รู้จักตัวเอง รู้จักชีวิตครับ”
“พูดอย่างนี้จะไม่จีบหนูอินเหรอ”
“ผมเชื่อในเรื่องคู่แท้ครับ ผมกับบุษแต่งงานกันมาหลายปียังเลิกกันได้ ถ้าหนูอินเป็นผู้หญิงของผม เราสองคนจะกลับมาพบกันวันหนึ่ง แต่ถ้าไม่ใช่ ผมจะเก็บความรักไว้ในใจตลอดไปครับ”
ภิสิตดูผ่อนคลาย สบายใจ ไม่เร่งรัดความรักจากอินทุอร ขณะที่พวกป้า ๆ เซ็ง
“จ้ะ พ่อพระเอก”
อินทุอรยืนอยู่หน้าห้องครัว ได้ยินที่ภิสิตพูดทั้งหมด หญิงสาวรู้สึกประทับใจชายหนุ่ม ที่รักเธออย่างบริสุทธิ์ใจ
อินทุอรเล่นเปียโน ปล่อยอารมณ์ไปกับเพลงหวาน ภิสิตยืนฟังอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ ไม่เข้าไปรบกวน เขามองอินทุอรอย่างสุดรักสุดหวงแหน อินทุอรเปรียบเป็นเพชรน้ำหนึ่งในหัวใจเขา
อินทุอรนั่งอยู่ในห้องนอน เปิดดูในกล่องลายวินเทจสวยหวานของเธอ ยิ้มหวาน ปล่อยใจคิดถึงใครบางคน ที่เคยเป็นคนต้องห้าม ห้ามคิดถึง ห้ามรัก พี่ๆ เข้ามาหาน้องสาว อันตราชวน
“ไปตีแบดกันหนูอิน เอ๊ะ ดูของในกล่องปริศนาอีกแล้ว อะไรอยู่ในนั้นน่ะหนูอิน”
“ไม่บอก อินไม่ไปตีแบดด้วยนะคะ ต้องไปช่วยคุณแม่ลิสต์รายการของที่ต้องเอาไปอเมริกา”
อินทุอรยิ้มหวานออกไป
“คุณวสา”
“อะไรเจ้าอัน เสียงดังเชียว”
“หนูอินลืมล็อคกล่อง”
อุรวสากับอันตรามองหน้ากัน ว่าจะแอบเปิดดูกล่องปริศนาของน้องสาวดีหรือไม่
“อย่าแอบเปิดเลย เดี๋ยวหนูอินงอน”
“ก็อย่าบอกหนูอินสิว่าเราแอบดู”
“จะดีเหรอ”
“คุณวสาอยากรู้มั้ยล่ะคะว่าในกล่องมีอะไร”
“อยากมาก เรารู้กันแค่สองคนนะเจ้าอัน”
“โอเค”
อุรวสากับอันตราแตะมือตกลงกัน อุรวสาค่อย ๆ เปิดฝากล่องลายวินเทจของอินทุอร พอเห็นของในกล่อง สองพี่น้องก็หน้าเหวอ งงมาก
อินทุอรกับบราลีกำลังลิสต์รายการของที่อินทุอรต้องขนไปอเมริกา
“อินไปซื้อชุดนอนใหม่ที่อเมริกาก็ได้ค่ะคุณแม่”
อุรวสากับอันตราถือกล่องลายวินเทจของอินทุอรมา ต้องการมาถามน้องสาว
“ร้ายนักนะหนูอิน แกล้งให้พวกพี่อยากรู้ว่าในกล่องมีอะไร”
“แล้วน้องเก็บอะไรไว้”
“Nothing ไม่มีอะไรค่ะคุณแม่”
อุรวสาหันกล่องให้แม่ดู ในกล่องลายวินเทจ ไม่มีสิ่งของสักชิ้น
“กล่องใบนี้มีความลับของอินค่ะ”
ทุกคนไม่เข้าใจ ความลับอะไร อินทุอรเอากล่องมาจากอุรวสา เห็นหน้าอินทุอรบนกระจกเงาติดกับฝากล่อง
“ทุกครั้งที่อินเผลอใจ อินจะพูดกับตัวเองบนกระจกบานนี้ เตือนตัวเองให้ห้ามคิด ห้ามยุ่ง อินบอกกับใครไม่ได้เลยต้องบอกตัวเอง”
“หนูอินพูดเหมือน ไปแอบรักใครเข้า”
“คุณแม่คะ อินยังไม่พร้อมบอกคุณแม่ค่ะ”
บราลีพยักหน้าเข้าใจลูกสาวคนเล็ก อินทุอรถือกล่องลายวินเทจของเธอไป บราลีกับอุรวสารู้ว่า อินทุอรหลงรักใคร มีอันตราคนเดียวที่ไม่รู้
“หนูอินแอบรักใครน่ะคุณวสา”
อุรวสาทำหน้าเอือมใส่อันตรา ที่อินทุอรพูดขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจ บราลีกังวลมาก อินทุอรรักภิสิต เธอไม่เห็นทางลงเอยด้วยดี ภิสิตเป็นเพื่อนอัษฎา อัษฎาก็หวงอินทุอรเป็นที่สุด
ภายในร้านแสงฉาน ภิสิต เวศม์ และแสงฉานชนแก้วกัน ไม่ได้ดื่มเหล้า แต่เป็นน้ำผลไม้
“ดื่มให้ร้านอาหารที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าของแสง”
“ดื่มให้อิสรภาพของอาสิต”
“ดื่มให้ตัวเอง ว่าที่แม่ยายไม่รังเกียจผม”
ทั้งสามคนดื่ม ภิสิตยกนาฬิกาขึ้นดู
“อีก 10 นาที อาต้องกลับนะ พรุ่งนี้มีประชุมเช้า”
“อย่าเพิ่งสิครับ คืนนี้มีบอลแมตช์สำคัญ กลับไปดูที่บ้านเดี๋ยววสารำคาญเอา”
“เฮ้ยจริงด้วย เปิดทีวีด่วนๆๆ”
เวศม์เร่ง แสงฉานเปิดทีวีลากภิสิตนั่งดูบอลด้วยกัน
“เอ้า ดูก็ดู”
แสงฉานกับเวศม์เชียร์บอลทะเลาะกันแบบไม่จริงจัง เชียร์บอลคนละทีมแต่เล่นแบบเด็กๆ จนของในร้านกระจัดกระจายไปหมด ภิสิตมองแล้วส่ายหัว โตแล้วทำตัวเป็นเด็ก
“ทีมคุณเวศม์แพ้แน่ละ สองหนึ่งแล้ว ฮ่าๆ”
“ยังเหลืออีกตั้งหนึ่งนาที พนันกันป่ะล่ะ ทีมผมทำเสมอแน่”
“เดาเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องพนงพนัน ผิดกฎหมายนะเวศม์”
“คร้าบๆ คุณอา Anyway ทีมคุณไม่ชนะหรอกแสง”
เสียงนกหวีดเป่ายาว หมดเวลา ทีมที่แสงฉานเชียร์ชนะไป
“ฮ่าๆๆ มีความสุขจังเล้ย”
แสงฉานเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ หันดูสภาพร้าน
“แย่แล้ว”
เวศม์เพิ่งตระหนักเหมือนกัน
“โอ้ โน ไม่เป็นไรคุณแสง ผมช่วยเก็บ”
เวศม์จัดของแต่วางผิดที่ แสงฉานต้องไปจัดใหม่ ภิสิตต้องช่วยสองหนุ่มทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไร ขำๆ
“มาอาช่วย เวศม์จัดแล้วดูเหมือนยิ่งเละนะ ฮ่าๆ”
สามหนุ่มช่วยกันจัดร้านใหม่ กวาดถู
ตอนเช้า แสงฉานตื่นนอนบนโซฟา ปวดเมื่อยตัว เพราะจัดร้านใหม่เมื่อคืน เขาลุกจากโซฟา นวดๆ แขนตัวเอง เห็นกระดาษบนหลังตู้ เขียนด้วยลายมืออุรวสา เขาไปหยิบมาอ่าน
“เมื่อคืนคุณกลับดึก ดูเหนื่อยมาก วสาเลยไม่ปลุก วสาไปดูงานรีโนเวทโรงแรมที่เกาะช้างนะคะ”
“ไอ้พงษ์ชัย”
แสงฉานแทบหายเมา โดนพงษ์ชัยฉกภรรยาไป
จบตอนที่ 8